【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•  (อ่าน 85221 ครั้ง)

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


***************************************************************************************


(Not) Innocent
รัก -ร้าย- เดียงสา

[Dark SM Shotacon Incest 4P]





“ยกแขนขึ้นสิ”

พี่ภูสั่งก่อนจะถอดเสื้อยืดสีขาวลายหมีขนปุยของผมออก

“ธารจะร้องเสียงดังก็ได้นะ พี่อยากฟัง ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครได้ยินหรอก”

...เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้พี่ภูถูกส่งตัวไปต่างประเทศ

หลังจากนั้นแปดปี เราได้เจอกันอีกครั้ง

แต่สิ่งที่พี่ภูทำกลับกลายเป็นการผลักไส

ถึงแม้ว่าข้างกายผมจะมีพ่อ (เลี้ยง) ที่รักผมเกินกว่าลูกชาย

และแฟนเก่าที่คอยตามตื้ออยู่ตลอด

แต่ผมก็ไม่คิดจะรามือจากพี่ภูง่ายๆ หรอกนะ

ภายนอกผมอาจจะดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา...แต่ใครจะรู้ว่าผมน่ะ ‘ร้าย’
-Pie2Na-



เปิดจองรอบรีปริ้น
(Not) Innocent รัก ‘ร้าย’ เดียงสา


วันนี้-5 มีนาคม 2560
(จัดส่งหนังสือเดือนมีนาคม)



ปกเต็ม (ปกหน้าหลัง+สันหนังสือ)




โปสการ์ดลายปก (สี)




ที่คั่นลายพี่ภู





:: รายละเอียดหนังสือ ::

หนังสือขนาด A5 กระดาษถนอมสายตา
มีภาพประกอบ 18+ จำนวน 2 ภาพในเล่ม
ความหนา : 360 หน้า +
ของแถม :  ที่คั่น+โปสการ์ดลายปก
ราคา : 399 บาท (ไม่รวมส่ง)



:: รายละเอียดเนื้อหา ::

-เนื้อเรื่องทั้งหมดที่ลงในเว็บ
-ตอนพิเศษ 5 ตอน (ไม่ได้ลงในเว็บ) มีฉาก 3P NC 18+ ซึ่งต้องลุ้นเอาว่ามาลงเอยกันได้ยังไง ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ (แต่เนื้อเรื่องสมเหตุสมผลแน่นอนครับ)

>>ตอนพิเศษ 4 ตอนแรก คล้ายๆ ภาคต่อที่ให้ลุ้นกันว่า...จากที่ภูผากับพ่อแทบจะต่อยกันตายไปข้าง ดันมารักกันกลมเกลียวแบบ 3P ได้อย่างไร (มีฉากจิ้น พ่อXภูผา อย่างรุนแรง) และจุใจกับความ 3P + NC 18++ แน่นอนครับ
>>อีกหนึ่งตอนเป็นเรื่องของ จะเป็นบทสรุปของ กฤษxณัฐ (คู่นี้ใครจิ้มใครไปลุ้นกันเอง ฮ่า)


***เรื่องนี้ฟีลกู้ด จบดี แฮปปี้ มีความสุข อบอุ่นหัวใจ ชนะใจทุกทีม ไม่ต้องกลัวดราม่า****

 
---------------------------------------------------
:: รายละเอียดการจอง ::

ค่าจัดส่งลงทะเบียนธรรมดา 50 บาท/รวมค่าหนังสือ = 449 บาท
ค่าจัดส่ง EMS 80 บาท /รวมค่าหนังสือ =479 บาท
---------------------------------------------------
โอนเงินมาที่...
---------------------------------------------------
***หลังโอนเงินแล้วถ่ายรูปสลิป/แคปหน้าจอสำหรับ iBanking แล้วส่งหลักฐานการโอนพร้อมชื่อที่อยู่
เข้ามาทางแชทเพจ Pie2Na<<คลิก
------------------------------------------------
หมายเหตุ :: มีขายฉบับอีบุ๊คนะครับ ราคา 329 บาท
ซื้อฉบับอีบุ๊คได้ที่ :: https://www.mebmarket.com/index.php

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้ครับ




สารบัญ

llIntrollChapter01llChapter02llChapter03llChapter04llChapter05ll
llChapter06llChapter07llChapter08llChapter09llChapter10ll
llChapter11.1llChapter11.2llChapter12.1llChapter12.2llChapter13.1ll
llChapter13.2llChapter14llChapter15.1llChapter15.2llChapter16ll
llChapter17llChapter18.1llChapter18.2llChapter19llChapter20.1ll
llChapter20.2llChapter21llChapter22llChapter23llChapter24.1llChapter24.2ll
llChapter25llChapter26ll



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 21:41:20 โดย pie2na »

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
RE: Complicated รัก ซับ ซ้อน [Intro]
«ตอบ #1 เมื่อ09-11-2015 20:35:46 »

Intro
รักแรกในความทรงจำ



เขายังอยู่ในความทรงจำเสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่
ผมยังจำความรักที่เคยมีให้ได้...รักที่ไร้เหตุผล...รัก...แม้ว่าเขาจะเกลียดผมก็ตาม

แปดปีก่อน...

ตอนนั้นผมอายุแค่หกขวบ แต่ด้วยไอคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปทำให้ผมจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ...
   
คืนนั้นเป็นคืนที่ฝนตกหนัก หลังจากพ่อส่งผมเข้านอนตอนสองทุ่ม ผมก็แอบเปิดไฟฉาย นั่งคุมโปงอยู่ใต้ผ้านวม อ่านการ์ตูนวิทยาศาสตร์เรื่องโปรดโดยมีตุ๊กตาหมาน้อยที่พ่อให้เป็นของขวัญวันเกิดนอนอยู่ข้างๆ มันเป็นคืนแรกที่ผมนอนดึกกว่าทุกทีเพราะดันเผลอนอนกลางวันยาวไปหน่อยจนไม่รู้สึกง่วง
   
แกร็ก
   
เสียงลูกบิดประตูที่ดังขึ้นในเวลาเที่ยงคืนทำให้ต้องผมรีบกดปิดไฟฉาย แล้วล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้บานประตู...จะให้พ่อรู้ไม่ได้ว่าผมยังไม่หลับ มีแต่เด็กดื้อเท่านั้นที่ไม่เชื่อฟัง แต่ผมอยากเป็นเด็กดีในสายตาพ่อ
   
หัวใจของผมเต้นรัวเมื่อเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังใกล้เข้ามา เสียงนั้นหยุดลงตรงข้างเตียง ก่อนที่ผ้านวมของผมจะถูกดึงออกอย่างช้าๆ แล้วใครคนนั้นก็นั่งลงเบียดชิด

จากนั้น...ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ประทับลงข้างแก้ม ก่อนจะไล้ต่ำลงมาบริเวณลำคอ
   
จ๊วบ!
   
ผิวหนังถูกดูดจนเกิดเสียงดัง แล้วเขาคนนั้นก็ผละออกไปเพื่อทำอะไรบางอย่าง
   
“คิกๆ” ผมอดไม่ไหวจนต้องหัวเราะคิกออกมา ก่อนจะเผยอเปลือกตาขึ้นเพราะไม่อาจแกล้งนอนหลับต่อไปได้
   
ท่ามกลางความมืดสลัว มีเพียงแสงสีส้มจากโคมไฟในสวนส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ผมมองเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงได้เลือนราง...เขาไม่ใช่พ่อ แต่คือ พี่ภูผา พี่ชายคนละพ่อที่อายุแก่กว่าผมห้าปี และเขากำลังถอดกางเกงของตัวเองออก
   
“พี่ภู” ผมเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงงุนงงพร้อมกับผุดลุกขึ้นนั่ง
ปกติพี่ชายไม่ค่อยมาเล่นกับผมนัก เขามักจะอยู่กับพวกเด็กโตมากกว่า แต่วันนี้พี่ภูกลับเข้ามาในห้องของผมตอนกลางดึก...หรืออยากมานอนเป็นเพื่อนผม? ดีใจจัง ผมอยากคุยกับพี่ภู อยากให้พี่ภูเล่นกับผมบ้าง
   
พี่ชายผมดูจะตกใจเล็กน้อย เขารีบดึงกางเกงที่ร่นลงไปถึงหัวเข่าขึ้นมาสวมให้ดี คงไม่คิดว่าผมจะตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วยวัยของผมแม้ว่าเสียงจะดังโหวกเหวกแค่ไหน หากหลับลึกแล้วก็ตื่นได้ยาก
   
“ทำไมยังนอน” พี่ภูถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “พ่อให้ธารนอนตอนสองทุ่มไม่ใช่เหรอ”
   
“ธารนอนแล้ว แต่ตื่นเพราะพี่ภูนั่นแหละ”
   
“โกหก ปกติต่อให้พี่แตะตัวธารหรือทำเสียงดัง ธารก็ยังหลับสนิท”

นี่หมายความว่าพี่ภูแอบเข้ามาในห้องนอนผมตอนกลางดึกบ่อยๆ งั้นเหรอ?

ผมยิ้มจนตายิบหยี ดีใจที่พี่ภูแอบมานอนเป็นเพื่อนผมบ่อยๆ เขาก็แค่ทำท่าดุๆ ไปอย่างนั้นเอง ที่จริงเป็นคนใจดีมากต่างหาก ตอนผมเรียนอนุบาลหนึ่งเคยแอบไปเล่นน้ำในสระหลังบ้านคนเดียวแล้วจมน้ำเกือบตาย ดีที่พี่ภูช่วยผมเอาไว้ทัน แต่เขาก็โดนดุใหญ่เลย เพราะพ่อกับแม่คิดว่าพี่ภูเป็นคนผลักผม

หลายๆ ครั้งที่ผมทำผิด แต่พี่ภูต้องเป็นคนถูกต่อว่า ถูกลงโทษแทน อาจเพราะแบบนั้นพี่ภูเลยไม่ค่อยมายุ่งกับผมนักและไม่ค่อยพูดจาดีๆ ด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็รักพี่ภูมาก รักมากที่สุด...
   
“ธารห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร” พี่ภูเหลือบมองหนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่ผมวางลืมไว้บนเตียง “ไม่งั้นพี่จะฟ้องพ่อว่าธารแอบอ่านหนังสือการ์ตูนไม่ยอมนอน แล้วพ่อก็จะไม่ให้น้องอ่านมันอีก เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม”
   
“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก
   
“มานี่สิ มานั่งบนตักพี่” พี่ภูกระชากแขนผมแรงๆ ให้ผมลุกขึ้นไปนั่งบนตักเขา ซึ่งผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี “ไม่ต้องหันหน้ามา หันหลังไป!” เขาตะคอกอย่างขัดใจ ผมจึงรีบหมุนตัวหันหลังให้พี่ภู พิงแผ่นหลังซบกับหน้าอกอีกฝ่ายเพื่อรับไออุ่น
พี่ภูสั่งให้ผมทำอะไร ผมก็จะยอมทำตามทุกอย่าง...ผมอยากอยู่ใกล้ๆ พี่ภู อยากให้พี่ชายรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน
   
อยากให้เขา...พูดจาดีๆ กับผมบ้าง...

“ยกแขนขึ้นสิ” พี่ภูสั่งก่อนจะถอดเสื้อยืดสีขาวลายหมีขนปุยของผมออก “ธารจะร้องเสียงดังก็ได้นะ พี่อยากฟัง ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครได้ยินหรอก” พี่ภูกระซิบข้างหูจนผมรู้สึกจั๊กจี้

“พี่ภูจะทำอะไรครับ จะเจ็บรึเปล่า ทำไมธารถึงต้องร้อง”

“ไม่เจ็บหรอก” พี่ภูหายใจรดใบหูของผม ทำเอาผมขนลุกสู่ไปทั้งตัว “แค่รู้สึกแปลกๆ น่ะ” ขณะที่พูดฝ่ามืออีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วหน้าอกของผม

“คิกๆ พี่ภู ธารจั๊กจี้นะ” ผมหัวเราะคิกคักแล้วเงยหน้าขึ้นมองพี่ภู ใบหน้าอีกฝ่ายโน้มลงมาใกล้จนทำให้ปลายจมูกของเราชนกัน ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของพี่ชายที่เป่ารดอยู่บนริมฝีปาก

“พี่ภูครับ” ผมหัวเราะหนักขึ้นเมื่อนิ้วมือของพี่ภูสะกิดจุดเล็กๆ บนหน้าอก “ธารรักพี่ภูนะ...รักเท่าจักรวาลนี้เลย”

“จริงเหรอ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วถามกลับ “พี่ภูรักธารไหม”

“.....” พี่ภูเงียบไป สีหน้าดูดุดันขึ้น เขาก้มลงมางับปากของผมแรงๆ ทำเอาผมเจ็บจนน้ำตาเล็ด ขณะที่มือก็กระชากกางเกงนอนขายาวของผมลงจากสะโพก ก่อนจะถอดมันออก

“รักธารรึเปล่า” ผมถามย้ำ ขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อฝ่ามือข้างหนึ่งของพี่ภูบีบต้นขาผมแรงเกินไป

“...เกลียด” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างหูทำให้ผมน้ำตาคลอ

“ทำไมถึงเกลียดธาร รักธารไม่ได้เหรอ” ผมเริ่มร้องไห้ น้ำตาร่วงเผาะๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะหันหน้าไปซบกับหน้าอกของพี่ภู ใช้มือเล็กป้อมขยำเสื้อยืดพี่ชายจนยับยู่ “ธารรักพี่ภู พี่ภูก็ต้องรักธารสิ ฮึก ฮือๆ”

“พี่เกลียดนาย” พี่ภูย้ำคำเดิมอีกครั้ง ใช้มือทั้งสองข้างจับต้นขาของผมแยกออก

แกร็ก!

เสียงหมุนลูกบิดทำให้พี่ภูสะดุ้ง เขาหันขวับไปมองทางประตู ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือพ่อของผม พ่อชะงักมองสำรวจพวกเราสองคนบนเตียง ก่อนจะทำสีหน้าตกใจแล้วถลาเข้ามาอุ้มผมจากตักพี่ชาย

พ่อตะวัน คงเห็นว่าฝนตกหนักเลยกลัวผมตื่นขึ้นมากลางดึกถึงได้เข้ามาดู...

“ภู ทำอะไรน้อง!” พ่อกอดผมที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นแนบอก ลูบหัวทุยๆ ของผมอย่างปลอบโยน “พี่ภูทำอะไรธารครับ บอกพ่อซิ พี่เขาทำอะไร”

ผมส่ายหน้าชิดกับแผงอกแข็งๆ ของพ่อ พูดเสียงอู้อี้ขณะหันไปมองพี่ภูที่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง สีหน้าเขาซีดเผือด ดูจะตกใจมาก “พี่ภูแค่มาเล่นกับธารครับ”

“เล่นอะไรกันครับ ทำไมธารถึงไม่ใส่เสื้อผ้า” พ่อพยายามถามอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงกลับฟังดูกังวลมาก

“ไม่รู้” ผมส่ายหน้า “พี่ภูลูบหน้าอกธารแล้วก็จับขาธาร”

“ภู!” เสียงตะคอกนั้นดังจนผมที่โดนพ่ออุ้มอยู่ถึงกับสะดุ้ง “กลับห้องไปซะ แล้วคราวหลังห้ามมายุ่งกับน้องอีก!”
พี่ภูกำหมัดแน่น เขาจ้องมองผมกับพ่อด้วยสายตาโกรธๆ ก่อนจะหุนหันออกจากห้องไป

“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ” พ่อวางผมลงบนเตียง หยิบเสื้อผ้ามาสวมให้ แล้วลูบหัวผมอย่างปลอบโยน “คราวหลังถ้าพี่ภูมาเล่นด้วย อย่าไปเล่นกับพี่เขาอีกนะครับ รีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ หรือไม่ก็ป้าแม่บ้านนะ”

“ทำไมล่ะครับ” ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาป้อยๆ พ่อเลยช่วยเช็ดให้ด้วยนิ้วหัวแม่มือที่ใหญ่จนปิดแก้มของผมเกือบมิด

“ตอนนี้ธารยังเล็ก พ่อยังอธิบายให้ฟังไม่ได้ แต่สิ่งที่พี่ภูทำกับธารวันนี้มันไม่ดี ธารไม่ควรให้พี่เขาทำกับธารอีก”

“อื้อ” ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง แม้จะไม่รู้ว่ามันไม่ดียังไงก็ตาม

“คืนนี้ไปนอนกับพ่อนะครับ”

ผมส่ายหน้าจนผมสะบัด “ไม่เอา ธารอยากนอนคนเดียว ธารโตแล้ว”

“ได้ครับ” พ่อยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแล้วบอกให้ผมนอน ก่อนจะห่มผ้านวมให้ถึงอก

ผมรีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นหลับสนิทอย่างรวดเร็ว รอจนกระทั่งพ่อจูบลงบนหน้าผากของผม ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปจากห้อง ล็อกประตูถูกกดและบานประตูถูกปิดลง ผมจึงลืมตาโพรงขึ้นท่ามกลางความมืด แอบย่องออกจากห้องไปที่ห้องของพี่ชาย

ทั้งที่พี่ภูไม่ได้ทำผิด แต่เขาโดนดุอีกแล้ว โดนดุเพราะผมอยู่เรื่อย

“พี่ภู” ผมกระซิบกระซาบอยู่หน้าประตูห้องพี่ภู ใช้กำปั้นเล็กๆ ของตัวเองเคาะประตูห้องนั้นเบาๆ
มีเสียงกุกกักดังขึ้นในห้อง ก่อนที่ประตูจะถูกกระชากเปิดออกจากด้านใน

“มีอะไร” สีหน้าของพี่ภูยังคงโกรธจัด

“ธารขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร?”

“ขอโทษที่ทำให้พี่ภูโดนดุอีกแล้ว” ผมว่าเสียงหงอยๆ

“รู้ตัวก็ดี คราวหลังก็อย่าขี้ฟ้องให้มันมากนัก”

ผมก้มหน้าอย่างสำนึกผิด พูดด้วยเสียงอู้อี้ “พี่ภูหายโกรธธารแล้วใช่ไหม ธารขอนอนกับพี่ภูได้รึเปล่า...ธารอยากเล่นกับพี่ภู”

“กลับห้องนายไปซะ” พี่ภูบอกแล้วทำท่าจะปิดประตู แต่ก่อนที่ประตูจะงับปิด เสียงคนโต้เถียงกันก็ดังลอดออกมาจากห้องนอนของพ่อกับแม่ ถึงจะค่อนข้างเบาเพราะผนังห้องเก็บเสียงได้ดี แต่ถ้าตั้งใจฟังก็พอจับความได้

“ภูมันยังเด็ก! อาจจะแค่เล่นพิเรนทร์ๆ เพราะไม่รู้ก็ได้!” ประโยคนี้แม่เป็นคนพูด มันฟังดูไม่พอใจมาก

“ยังเด็กเหรอ! อายุสิบเอ็ดแล้วนะ เรียนป.หกแล้ว เรื่องแบบนี้จะไม่รู้ได้ยังไง คุณน่ะเข้าข้างลูก! ครั้งก่อนก็ทำน้องจมน้ำเกือบตาย ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” พ่อเถียงกลับ “เด็กมันเอาแต่ใจ เรียนไม่เอาไหน แถมยังดื้อด้านเพราะคุณน่ะตามใจเกินไป”

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง ให้ไปลากภูมาตีเหรอ”

“จบป.หกก็ส่งภูไปเรียนต่างประเทศซะ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม มีเพื่อนใหม่ เผื่ออะไรจะดีขึ้นบ้าง”
แม่เงียบไปพักใหญ่ แล้วพูดด้วยเสียงเบาจนพวกเราแทบไม่ได้ยิน “เฮ้อ...ก็ได้ค่ะ เผื่ออะไรจะดีขึ้น ฉันจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศแล้วกัน” จบประโยคนั้นเสียงในห้องของพ่อกับแม่ก็เงียบลง

ผมแหงนหน้ามองพี่ภู สีหน้าอีกฝ่ายดูเจ็บปวดและดุดันจนน่ากลัว เขาก้มลงมาอุ้มผมขึ้นจากพื้น บอกกับผมที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ไปเล่นกัน”

จากนั้นพี่ภูก็พาผมเข้าห้อง แล้วปิดประตูลง...

Pie2Na
เพิ่งมาโพสที่นี่ครั้งแรก มีอะไรผิดพลาดรบกวนแนะนำด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ

:impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2016 16:48:15 โดย pie2na »

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
«ตอบ #2 เมื่อ09-11-2015 21:02:47 »

 :pig2:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
«ตอบ #3 เมื่อ10-11-2015 16:59:04 »

Chapter 1
คนเก่าที่ทำให้ช้ำใจ กับคนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน



   11: 40 P.M.

   @1000F Pub

วันนี้ผมอายุครบสิบสี่ปี...ถึงแม้ว่าผมยังมีนิสัยเอาแต่ใจ ไม่ค่อยมีเหตุผลอย่างเด็กวัยรุ่นทั่วไปอยู่บ้าง แต่ไอคิวของผมสูงถึงหนึ่งร้อยสี่สิบห้า อาจจะน่าหมั่นไส้ถ้าผมจะบอกว่าตัวเองฉลาดกว่าคนทั่วไป แต่ผมก็ฉลาดแค่ในบางเรื่องเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่ในเรื่องความรัก

หัวใจ รู้ดีว่าไม่อาจฝืน แม้ว่าต้องกล้ำกลืนต้องฝืนใจแต่ก็ยอมให้เธอทำร้าย
รู้ตัวว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอาย บอกเธอกี่ครั้งว่าจะไป แต่ก็ทำไม่ได้ซักที
ปฏิเสธใจตัวเองไม่เก่ง ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้
ก็ต้องยอมรับ ต้องยอมกลืน คำบอกลาที่เคยพูดไว้

เสียงเพลงเศร้าที่ถูกขับร้องโดยนักร้องบนเวทีทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นในคอนโดของ ‘แฟนเก่า’ ก่อนที่น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...

“พี่กฤษ ทำไมพี่กฤษถึงทำแบบนี้ ทำไม! ฮึก ฮือๆ” ผมตะคอกถามเขาด้วยน้ำตานองหน้า แต่เขาดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

บนเตียงของเขา...ผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสมส่วนมีกล้ามเนื้อพอประมาณนอนเล่นมือถือด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ตัวของผู้ชายคนนั้นเปลือยเปล่า มีเพียงผ้านวมที่ห่มปิดท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ ไม่แตกต่างจากพี่กฤษที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันอยู่รอบเอว

หนึ่งปีที่คบกัน...พี่กฤษไม่เคยเห็นค่ามันเลย

“ก่อนจะถามพี่ ธารถามตัวเองดีกว่าไหม”

“หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงของผมสั่นเครือ มองสีหน้าไม่ทุกร้อนของเขาด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ

เพราะผมเด็กเกินไปงั้นเหรอ เพราะพี่กฤษแก่กว่าผมตั้งห้าปี หรือเพราะผม...ให้เรื่องนั้นกับเขาไม่ได้

“เราเป็นแฟนกัน คบกันมาตั้งปีนึง แต่ธารไม่เคยให้พี่แตะต้องธารเลย แค่จูบยังนับครั้งได้...ถ้าไม่ให้พี่ระบายกับเรา พี่ก็ต้องไประบายกับคนอื่น”
   
“พี่เห็นธารเป็นอะไร เป็นแค่ที่ระบายความใคร่หรือไง! ที่คบกันไม่ใช่เพราะรักกันเหรอ...” ผมพูดอย่างอ่อนแรง ขาทั้งสองข้างสั่นไปหมด ในหัวมันอื้ออึง ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก
   
“รักสิ...พี่รักธารนะ” พี่กฤษจับมือผมไปกุมไว้ แม้ว่าผมอยากจะสะบัดออก แต่ผมก็ไม่มีแรงมากพอ ปล่อยให้เขาดึงผมเข้าไปใกล้ กอดผมเอาไว้ในอ้อมแขน ลูบหัวผมเบาๆ อย่างปลอบโยน
   
“ธารไม่อยากทนแล้ว” ผมสะอื้นกับอกของเขา เหลือบมองผู้ชายอีกคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “เราเลิกกันเถอะ”
   
“ชู่ว...” พี่กฤษกอดผมแน่นขึ้น “ไม่เอานะ...พี่ไม่ยอมเลิก เซ็กส์ก็แค่เรื่องระบายอารมณ์ ไม่ได้หมายความว่าพี่จะรักคนอื่น...พี่ยังรักธาร”
   
“งั้นต่อจากนี้พี่อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม...ธารไม่อยากทนอีกแล้ว ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายได้รึเปล่า”
   
แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ผมรู้ว่าต่อให้เขาทำพลาดอีกครั้งผมก็พร้อมจะให้อภัย เพราะเขาคอยเติมเต็มความรักให้ผม ความรักที่ขาดหายไปเนิ่นนาน...เขาที่เหมือน พี่ชาย ในความทรงจำของผมจนเผลอเอาเขามาแทนที่ เติมเต็มช่องว่างในใจ
   
“ถ้าอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...ธารก็ยอมพี่สักทีสิ”
   
น้ำตาของผมไหลออกมามากกว่าเดิม...เขาคบผมเพราะคาดหวังเรื่องเดียวหรือไง แค่เซ็กส์?
   
ผมยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวหมด ดื่มฉลองให้กับวันเกิดของตัวเองและฉลองให้กับการอกหักครั้งแรก ก่อนจะกระแทกแก้ววางลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตัวของผมโงนเงนด้วยความมึนเมา แต่ก็พอจะพยุงตัวเดินต่อไปได้โดยไม่ให้ล้มกลิ้งไปกับพื้นเสียก่อน

ผับไม่ใช่ที่ๆ เด็กอายุสิบสี่หมาดๆ อย่างผมควรจะย่างก้าวเข้ามา แต่แค่มีเงินพอจะยัดให้การ์ดเฝ้าประตู มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายที่ผมจะมานั่งกระดกเหล้าอยู่ตามลำพังในสถานที่อโคจรแห่งนี้
   
“เฮ้ ไหวรึเปล่า ให้พาไปส่งไหม”
   
ผมขมวดคิ้วมองหน้าคนที่มาคว้าต้นแขนของผมไว้ ผู้ชายมาดเพลย์บอยตัวสูงกำยำ มีรอยสักที่ต้นแขน ผมจำได้ว่าเขาคือคนที่นั่งดื่มอยู่กับกลุ่มเพื่อนตรงโต๊ะทางด้านหลังใกล้กับบาร์ที่ผมเพิ่งลุกออกมา
   
อา...แต่พอได้มองใกล้ๆ แบบนี้แล้ว รู้สึกคุ้นหน้าเขาจังแฮะ
   
“ไม่เป็นไรครับ” ผมดึงแขนออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างสุภาพ แต่พอก้าวขาเดิน พื้นก็ดันโคลงเคลงกะทันหัน เลยสะดุดเท้าตัวเองล้มโครมเข้าใส่คนที่เพิ่งเดินสวนมา ยังดีที่ว่าเขาแข็งแรงพอจะคว้าตัวผมเอาไว้และยืนได้อย่างมันคง ผมกับเขาจึงไม่ต้องล้มกลิ้งไปบนพื้นกันทั้งคู่

“ขอโทษครับ” ผมบอกเสียงอ้อแอ้ สะบัดหัวไล่ความมึนงง สติรับรู้ยังพอมีอยู่ แต่สมองชักจะประมวลผลช้าลง และภาพที่เห็นก็เบลอเต็มที
   
“นายยังอายุไม่ถึงยี่สิบนี่” คนที่กำลังโอบเอวของผมด้วยแขนเพียงข้างเดียว จ้องมองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทำไมถึงเข้ามาในนี้ได้”
   
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ปล่อยเขาซะ เขามากับผม” ผู้ชายที่บอกว่าจะไปส่งผมพูดขึ้น
   
“ผมไม่ได้มากับคุณสักหน่อย” ผมปฏิเสธทันทีด้วยน้ำเสียงยานคางนิดๆ สติรับรู้ของผมยังพอมีอยู่ แต่ไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงกับการเดินของตัวเองให้เป็นปกติได้นี่สิ
   
“เฮ้ย มีอะไรกันวะ” เพื่อนๆ ของผู้ชายคนนั้นเริ่มกรูกันเข้ามา ถ้าสมองของผมไม่ได้เบลอจนเกินไป ผมนับรวมคนที่มาใหม่ได้สามคน
   
“อย่ามามีเรื่องกันในผับของผมดีกว่า” ผู้ชายที่กำลังประคองผมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตะโกนบอกกลุ่มคนในชุดดำที่กำลังเดินตรงเข้ามาทางนี้ “การ์ด! ตรวจบัตรประชาชนพวกนี้ด้วย ใครอายุไม่ถึงลากคอออกไปให้หมด...สงสัยต้องเปลี่ยนพนักงานตรวจบัตรใหม่ซะแล้ว” ประโยคหลังเขาบ่นพึมพำ
   
ภาพตรงหน้าของผมดูสับสนวุ่นวายกันไปหมด ผมเห็นการ์ดลากคอผู้ชายสองคนออกจากผับ จากนั้นตัวผมก็ถูกประคองให้เดินตามออกไป รู้ตัวอีกทีผมก็มานั่งอยู่ในรถของใครสักคน เจ้าของรถพยายามถามผมว่าบ้านของผมอยู่ที่ไหน แต่เพราะผมไม่อยากกลับบ้านและง่วงนอนเต็มที ผมจึงหลับตาลงโดยไม่ได้ตอบคำถามของเขา...
   
   

แรงเขย่าที่หัวไหล่ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น พอลืมตาขึ้นผมก็เห็นใบหน้าของผู้ชายสองคนอยู่ในระยะประชิด ดูเหมือนเขาจะเป็นฝาแฝดกัน แต่พอลองมองชัดๆ กลับเหลือผู้ชายอยู่เพียงคนเดียว
   
อา...เวียนหัวชะมัด
   
“อุก...” ผมยกมืออุดปาก อาหารในกระเพาะพลันขย้อนออกมาจากคอ
   
“อย่าอ้วกในรถผมนะ” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทางตกใจ
   
แต่...ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว
   
“แหวะ!”
   
ของเหลวกลิ่นเหม็นคลุ้งพุ่งออกจากปากของผม ผ่านง่ามนิ้ว หกรดใส่เสื้อของผู้ชายตรงหน้าเต็มๆ
   
“ให้ตายสิ!” เขาสบถแล้วหันมาเขย่าไหล่ผมให้แรงขึ้น “จำรหัสปลดล็อคมือถือได้รึเปล่า พี่จะได้โทรบอกที่บ้านน้องให้มารับ”
   
ผมส่ายหน้า ซบหน้าลงกับอกเขาอย่างหมดท่า รู้สึกได้ว่าแก้มของตัวเองสัมผัสกับของเหลวอุ่นๆ แหยะๆ กลิ่นเหม็นคลุ้งตรงอกเสื้อของเขาด้วย...อ้วกของผมเองแหละ
   
“เฮ้อ...เห็นว่าเป็นเด็กหรอกนะถึงได้เอ็นดู” เขาพูดพึมพำ “อายุแค่นี้ นึกยังไงถึงมาเที่ยวผับฮึเรา”
   
“พี่...พี่กฤษเหรอ” ผมเริ่มร้องไห้ ถูกไถแก้มไปกับกองอ้วกที่เลอะอยู่บนเสื้อของผู้ชายตรงหน้า “ผมไม่อยากจะเลิกกับพี่...เรากลับมาคบกันอีกไหม แต่พี่ต้องสัญญานะว่าจะไม่นอนกับผู้ชายคนอื่นอีก ฮึก ฮือๆ”
   
“อ้าว...นี่มีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ ตัวแค่นี้มีแฟนซะแล้ว เด็กสมัยนี้แก่แดดแก่ลมจริงๆ”
   
ทำไมพี่กฤษขี้บ่นจังนะ...อย่างกับพวกคนแก่
   
“ฮือ พี่กฤษ...พี่จะนอนกับธารก็ได้นะ ธารยอมทุกอย่าง ขอแค่พี่กฤษเลิกยุ่งกับคนอื่นก็พอ ฮือๆ”
   
“เอาเข้าไป...ลงจากรถแล้วขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวในบ้านพี่ดีกว่า พี่เหม็นอ้วกเราจะแย่แล้ว”
   
ผมพยักหน้าหงึกหงัก เพิ่งสังเกตเห็นว่าเราสองคนนั่งอยู่ในรถ ผมมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งเปิดประตูลงจากรถไป ก่อนที่เขาจะวกกลับมาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับที่ผมนั่งอยู่ แล้วลากผมลงไปอีกคน
   
เป็นอันว่าคืนนี้...ผมนอนที่คอนโดของพี่กฤษ? ไม่สิ...ผู้ชายที่กำลังพยุงผมอยู่ไม่ใช่พี่กฤษสักหน่อย เขาเป็นใครสักคนที่ผมไม่รู้จักต่างหาก...



[Special Part: Atin]
   
ผมลากเด็กหนุ่มตัวอ่อนปวกเปียกออกมาจากรถ เอาแขนเล็กๆ ของเขาพาดลงบนบ่าของผม แล้วโอบเอวอีกฝ่ายพาเดินผ่านโรงรถเข้าไปในตัวบ้าน แต่เพราะขนาดตัวของเราต่างกันเกินไป น้องเขาตัวเล็กไปนิดหรืออีกนัยหนึ่งก็คือผมสูงเกินมาตรฐานชายไทยไปหน่อย พวกเราเลยเดินกันอย่างทุลักทุเล

เด็กหนุ่มขี้เมานี่ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเลย เลื้อยไปเลื้อยมายังกับงู สุดท้ายผมทนรำคาญไม่ไหวเลยสอดแขนเข้าไปใต้ขาของคนขี้เมาแล้วยกขึ้นอุ้ม พาน้องเข้ามาในห้องรับแขก

ไฟในบ้านเกือบทุกดวงถูกเปิดทิ้งไว้ ป้าขิง ผู้หญิงใจดีอายุห้าสิบต้นๆ ซึ่งเป็นทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง พอป้าขิงเห็นเด็กหนุ่มในอ้อมแขนของผมก็เบิ่งตากว้างอย่างตกใจ
   
“พาใครมาด้วยคะนั่น” ป้าขิงปรี่เข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นๆ
   
“เก็บได้ที่ผับน่ะครับ ลูกใครก็ไม่รู้ มาเที่ยวแล้วเมาแอ๋ เกือบโดนลากไปตุ๋ยแล้วไหมล่ะ”
   
“อุ้ยตายแล้ว” ป้าขิงยกมือทาบอก ก้มมองเด็กหนุ่มที่ผมอุ้มไว้อย่างพิจารณา “ผิวพรรณดีจริงๆ หน้าตาน่ารักเชียว แต่เหม็นอ้วกไปหน่อยนะคะเนี่ย”
   
“ฮ่าๆ อ้วกใส่ผมเลอะไปหมด คงต้องพาไปล้างตัวซะหน่อย”
   
“คุณติณเปลี่ยนไปมากนะคะ รู้ตัวรึเปล่า” ป้าขิงลูบแขนผม มองผมน้ำตาคลอ “ตั้งแต่มีน้องตุลย์ คุณติณก็เป็นผู้เป็นคนขึ้น เอาการเอางาน ใจดี เป็นผู้ใหญ่ แถมยังอบอุ่นขึ้นด้วย”
   
“โธ่ป้า พูดยังกะเมื่อก่อนผมไม่มีอะไรดี”
   
“ก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละค่ะ” ป้าขิงหัวเราะ “มีอะไรให้ป้าช่วยไหมคะ”
   
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอโทษนะครับที่วันนี้กลับดึก พอดีที่ผับมีปัญหานิดหน่อย”
   
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ป้าเข้าใจว่าคุณติณงานยุ่ง แต่อย่ากลับดึกบ่อยนะคะ กว่าจะกล่อมเจ้าตัวเล็กให้หลับได้ ป้าเหนื่อยแทบแย่ ไม่เจอหน้าคุณพ่อ น้องไม่ยอมนอนเลยค่ะ บอกจะรอๆ คุณพ่อท่าเดียว”
   
“ดื้อเหมือนผมตอนเด็กๆ เลยใช่ไหมครับ” ผมถามยิ้มๆ
   
“ไม่ค่ะ คุณติณดื้อกว่าเยอะ น้องตุลย์นี่เรียบร้อยไปเลย” ป้าขิงยิ้มเอ็นดู ถึงผมจะโตขนาดนี้แล้วแต่ป้าเขายังเห็นผมเป็นเด็กอยู่ดี “งั้นป้ากลับก่อนนะคะ ป่านนี้สามีป้างอนแย่แล้ว””   

“ครับ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ

บ้านป้าขิงอยู่ตรงข้ามกับบ้านผมนี่เอง ผมจึงไว้ใจที่จะให้ป้ากลับบ้านคนเดียว ป้าขิงเคยเป็นพี่เลี้ยงเด็กของผมมาก่อน พอแก่ตัวลงก็ย้ายออกจากบ้านของครอบครัวผม (แน่นอนว่าไม่ใช่หลังนี้) แล้วมาอาศัยอยู่กับสามีสองคน พอผมแต่งงานมีครอบครัวก็มาซื้อบ้านตรงข้ามกับบ้านของแกเพราะตั้งใจจะจ้างป้าขิงมาเป็นแม่บ้าน (ใช้งานตั้งแต่สาวยันแก่)
   
ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะเดินไปที่ห้องน้ำสำหรับแขก เข้ามาได้ก็วางเด็กหนุ่มขี้เมาลงในอ่างอาบน้ำ น้องเขาหลับคอผับคออ่อนไม่รู้ตัวเลยสักนิด นี่ถ้าผมปล่อยให้ผู้ชายที่ผับลากตัวไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องบ้าง คิดถึงหน้าลูกชายตัวเล็กของผมแล้วก็อดเอ็ดดูปนเป็นห่วงเด็กมันไม่ได้ โลกสมัยนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายถ้ามาเมาปลิ้นอยู่ที่ผับคนเดียวก็อันตรายพอๆ กัน
   
“ชื่ออะไรน่ะเรา” ผมถามพลางปลดกระดุมเสื้อของตัวเองแล้วถอดออกอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เปื้อนอ้วกหนักกว่าเดิม จากนั้นจึงเปิดน้ำที่อ่างล้างหน้าวักขึ้นมาล้างรอยอ้วกบนหน้าอกอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เด็กหนุ่มแปลกหน้า ช่วยถอดเสื้อยืดของเขาออก ตามด้วยกางเกงยีนส์
   
“เด็กชายธาราครับ” เด็กมันงัวเงียปรือตามองผมอย่างรำคาญ แต่ก็ยังอุตส่าห์ตอบด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ฟังไม่ค่อยชัดนัก
   
เด็กชาย? ดูจากหน้าตาแล้วอายุคงยังไม่ถึงสิบห้าจริงๆ นั่นแหละ นี่โลกมันหมุนเร็วไปจนผมก้าวตามไม่ทันหรือยังไง เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ถึงได้เข้าผับ แถมยังมีแฟนกันตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบห้า จะว่าไปผมก็ยังไม่แก่สักหน่อย ปีนี้ผมเพิ่งจะอายุสามสิบสาม แถมหน้าก็ละอ่อนกว่าพวกอายุยี่สิบปลายๆ ซะอีก...จะว่าผมหลงตัวเองก็ได้
   
“ธารา ชื่อเล่นชื่ออะไรล่ะ”   

“ธารครับ”   
   
“ธาร...ชื่อเพราะดี” มองหน้าตาใสๆ ที่แก้มแดงปลั่งเพราะฤทธิ์เหล้าแล้วก็พาลหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกถูกชะตาพิกล เหมือนคนเคยผูกพันกันมา “น่ารักจังนะเรา” ผมหยิกแก้มนุ่มนิ่มไปทีให้พอหายมันเขี้ยว
   
ร่างขาวโพลนที่นั่งพิงไหล่ผมอยู่ในอ่างบิดตัวไปมาเล็กน้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ...ป่านนี้เสร็จผมไปแล้ว ยอมรับว่าผมเคยผ่านมาทั้งผู้ชาย ผู้หญิง โดยเฉพาะกับเด็กผู้ชายนี่ของโปรดเลยล่ะ ถึงจะยังไม่เคยแอ้มเด็กอายุน้อยขนาดนี้มาก่อนก็เถอะ แต่ตั้งแต่มีน้องตุลย์ก็ชักทำไม่ลง คิดกลับกันว่าถ้าลูกผมโตขึ้นอีกสักหน่อย แล้วใครมาทำไม่ดีกับเขา ผมก็คงเสียใจจนทนไม่ได้
   
“ล้างหน้าล้างตัวหน่อยนะเรา เหม็นอ้วกจะแย่” ผมบอกกับธารแล้วลุกขึ้นคว้าฝักบัวทั้งที่แขนข้างนึงยังรองอยู่ที่ท้ายทอยของธาร เพราะกลัวหัวเล็กๆ จะไปโขกกับขอบอ่าง
   
ผมปรับอุณหภูมิน้ำให้อุ่นขึ้น เปิดน้ำเบาๆ แล้วรดลงบนมือตัวเอง ก่อนจะวักขึ้นลูบหน้าของคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนไหล่ของผมเพื่อล้างอ้วกออก คิ้วได้รูปสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เขาเผยอเปลือกตาขึ้นมอง ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่คอของผม
   
“พี่กฤษ ฮึก ฮือๆ”

นั่น...เอาแล้วไง พอรู้สึกตัวก็ร้องไห้ เห็นแล้วรู้สึกสงสารยังไงก็ไม่รู้สิ

“ว่าไงครับ” ผมตอบพลางใช้สบู่เหลวถูตามแก้มกับกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่เลอะอ้วก

“ธารไม่อยากเลิกกับพี่กฤษ ธารขอโทษที่บอกเลิกพี่ เรากลับมาคบกันนะ...ธารจะยอมพี่กฤษทุกอย่างเลย”
   
“ยอมอะไรล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย
   
“ยอม...ยอมให้พี่กฤษทำอะไรก็ได้” พูดเสียงอ้อแอ้จบก็ยกหัวขึ้นมาจุ๊บเข้าที่แก้มผม ตามด้วยดูดจ๊วบที่ลำคอจนเสียงดังสะท้อนในห้องน้ำแคบๆ
   
ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวธารเหลืออยู่แค่กางชั้นในสีขาวตัวเดียว ซึ่งผมระวังอย่างถึงที่สุดไม่ให้มันเปียก แต่ถ้าเขายังไม่หยุดลวนลามผมล่ะก็ ไม่แน่ว่ามันอาจจะต้องเปียกเพราะอย่าง...   

เห็นธารตอนสวมเสื้อผ้าผมก็ไม่นึกหรอกว่าหุ่นเขาจะน่าฟัดขนาดนี้ เด็กผู้ชายอายุยังไม่ถึงสิบห้า ตัวผอมๆ ยกอุ้มได้สบาย น่าจะหนักไม่เกินห้าสิบกิโลฯ ผมคิดว่าพอถอดเสื้อผ้าออกมาคงผอมเก้งก้าง หนังติดกระดูก เห็นซี่โครงเป็นซี่ๆ แต่ที่จริงแล้วมันตรงกันข้าม

ผิวของธารสวยมาก ขาวเนียนไปทั้งตัว ไม่มีขนสักเส้น ขาเรียวเล็กอย่างกับผู้หญิง มีเนื้อมีหนังพอให้นุ่มนิ่ม ไม่ได้ผอมมากอย่างที่คิด อาจจะเพราะเขายังเด็ก โตช้ากว่าวัยเลยยังไม่มีกล้ามเนื้อตามแขนหรือไหล่อยากพวกวัยเดียวกัน แต่บอกตามตรง...ใครมาเป็นผมตอนนี้คงยากที่จะห้ามใจตัวเองไหว

ที่สำคัญ...ไอ้จุดสีแดงอมชมพูสองจุดตัดกับผิวขาวๆ บนหน้าอกของธารนี่มันล่อตาล่อใจเสียจริงๆ
   
“พี่ไม่ใช่พี่กฤษครับ” ผมพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน ท่องเอาไว้ในใจว่าน้องยังเด็ก ถ้าเกิดอะไรขึ้นพ่อแม่ของน้องเขาจะต้องเสียใจ ยิ่งไปกว่านั้น...คดีพรากผู้เยาว์ติดคุกหัวโตเลยนะ
   
“พี่กฤษ ฮือ ฮือๆ”
   
“พี่ชื่อติณครับ”
   
ผมกดปิดน้ำแล้วอุ้มธารขึ้นจากอ่าง พาออกไปวางบนโซฟาในห้องรับแขก แต่เด็กมันยังไม่วายคว้าหมับเข้าที่คอของผมแล้วซุกหน้าเข้ากับแผงอก กลิ่นหอมอ่อนๆ จากสบู่กับผิวนุ่มนิ่มที่คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อสูดกลิ่นนั้นเข้าจมูก
   
“อยู่กับธารนะพี่กฤษ อย่าทิ้งธารนะ”
   
ลมหายใจของผมขาดห้วง อย่างที่บอก...ผมรู้สึกผูกพันกับธาร รู้สึกดีด้วยทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก และผมก็ยังไม่เคยอยู่ใกล้ใครแล้วหวั่นไหวได้เท่านี้มาก่อน

นี่มันก็หลายเดือนมาแล้วที่ผมไม่ได้มีเซ็กส์เพราะมัวแต่ยุ่งกับการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว...ผมคงห่างหายเรื่องนี้นานเกินไป พอมีอะไรมาล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า เลยขาดการยับยั้งชั่งใจ
   
“งั้นพี่ขอค่าเหนื่อยหน่อยแล้วกัน” ผมกระซิบบอกข้างใบหูเล็กๆ ขบเม้มติ่งหูของธารเบาๆ แล้วเลื่อนริมฝีปากมากดจูบที่ลำคอ ดูดดุนผิวของเขาจนเกิดเสียงดัง ขณะเดียวกันฝ่ามือของผมก็ลูบไล้ไปทั่วผิวกายขาวนวลเนียน
   
“ฮ...อือ” ธารสงเสียงครางเครือเมื่อปลายนิ้วของผมปัดผ่านตุ่มไตเล็กๆ บนหน้าอกแบนราบ เขาแอ่นหน้าอกรับสัมผัสของผมอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเราเบียดชิดเข้าหากัน อุณหภูมิในตัวก็ยิ่งพุ่งสูง เสียงดูดดุนผิวเนื้อและเสียงครางเครือหวานหูทำเอาสติของผมเตลิดเปิดเปิง
   
“แด๊ดดี้ ทำอะไรฮะ”
   
ผมสะดุ้งสุดตัว ผละตัวออกจากร่างขาวโพลนในอ้อมแขนแล้วหันไปมองเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ยืนขยี้ตาอยู่ตรงชานบันได มือข้างหนึ่งของน้องตุลย์กำแขนตุ๊กตาเท็ดดี้ ลากเพื่อนตัวนุ่มนิ่มมากับพื้นขณะเดินเตาะแตะเข้ามาหา
   
“น้องตุลย์ยังไม่นอนเหรอครับ” ผมรีบลุกไปหาลูก แล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นจากพื้น
   
“ตุลย์ตื่นเพราะปวดฉี่ฮะ แต่ตุลย์คิดถึงแด๊ดดี้เลยลงมาดูว่าแด๊ดดี้กลับมารึยัง” น้องตุลย์ชี้นิ้วป้อมๆ ไปที่เด็กหนุ่มบนโซฟา ถามเสียงงัวเงียว่า “นั่นใครฮะ”
   
“เพื่อนแด๊ดดี้เองครับ” ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูในห้องน้ำมาคลุมตัวเปลือยเปล่าของธารไว้ ก่อนจะพาน้องตุลย์ขึ้นไปบนชั้นสอง “เข้านอนดีกว่าเนอะ ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเล่นกับพี่ธาร” ผมบอกน้องตุลย์ยิ้มๆ
   
ไว้กล่อมเจ้าตัวเล็กหลับแล้ว ค่อยมาจัดการเด็กอีกคนต่อ...   

[End Atin’s Part]



   
06:15 A.M.
   
@Atin’ House
   
ตุบ...ตุบ...ตุบ...
   
อะไรบางอย่างที่ค่อนข้างนุ่มนิ่มทุบลงบนใบหน้าของผม มันทำให้ผมรำคาญจนต้องข่มความง่วงนอนแล้วยกแขนอ่อนเปลี้ยของตัวเองเพื่อปัดมันออก ทว่าสิ่งนั้นกลับเปลี่ยนตำแหน่งมาทุบอยู่บนหน้าท้องของผมแทน สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว เผยอเปลือกตาขึ้นดู ความรู้สึกต่อมาที่รับรู้คืออาการปวดหัวตุบๆ ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่ผมจะตั้งสติให้มั่นคงและมองสำรวจรอบด้านได้
   
ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟา ในห้องรับแขกขนาดกลางที่ตกแต่งอย่างโมเดิร์น แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่...ที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม พอก้มต่ำลงมองบนหน้าท้องของตัวเองก็เห็นว่าตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ขนสีน้ำตาลเข้มนอนเอ้งเม้งอยู่บนนั้น ก่อนหน้านี้คงมีใครบางคนใช้มันทุบผมเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น
   
“น้องตุลย์ ไม่แกล้งพี่นะครับ มาหาพ่อนี่มา”
   
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นไม่ไกลนักทำให้ผมต้องชะโงกหัวขึ้นมอง แต่ก่อนที่ผมจะเห็นเจ้าของเสียงพูดนั้น ตาของผมก็เหลือบเห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนบนหัวทุยๆ เสียก่อน
   
“เฮ้ย!” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำเอาร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างโซฟาสะดุ้งโหยง
   
เด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวจั๊วน่าหยิก บ่งบอกความก้ำกึ่งระหว่างเชื้อชาติ จ้องมองผมด้วยดวงตากลมป๋องยังกับลูกแก้ว ก่อนจะตะโกนบอกใครสักคนด้วยน้ำเสียงเล็กๆ น่ารักว่า “แด๊ดดี้ พี่เขาตื่นแล้ว”
   
“แด๊ดดี้บอกแล้วว่าห้ามแกล้งพี่เขาไงครับ”

แขนแข็งแรงคู่หนึ่งยกเด็กชายขึ้นจากพื้น ผมเงยหน้ามองตามก็เห็นว่าเจ้าของแขนคู่นั้นคือชายหนุ่มหน้าตาดี อายุน่าจะยี่สิบปลายๆ ถึงสามสิบต้นๆ มีหนวดเคราจางๆ บริเวณคางและเหนือริมฝีปากกำลังส่งยิ้มมาให้ เขาเปลือยท่อนบน สวมเพียงกางเกงนอนลายทางตัวเดียว อวดกล้ามแขนกับกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวยที่ผู้ชายคนไหนเห็นก็ต้องอิจฉา
   
หน้าของผมร้านฉ่า...ตอนนี้แก้มคงแดงลามไปถึงใบหู

ยอมรับตามตรงว่าผมรู้รสนิยมของตัวเองและเริ่มมองผู้ชายด้วยกันตั้งแต่อายุสิบสอง จึงไม่แปลกที่ผมจะรู้สึกเขินกับผู้ชายด้วยกัน จะว่าผมแก่แดดก็ได้ ส่วนหนึ่งคงเพราะผมไอคิวสูงกว่าเด็กทั่วไป อายุสิบสองก็สอบเทียบเข้าเรียนมัธยมปลาย ตอนนี้ผมจึงเรียนอยู่เกรดสิบเอ็ด (ม.ห้า) เพื่อนๆ ที่สนิทกันส่วนใหญ่ก็มีแต่คนอายุมากกว่าทั้งนั้น นี่คือเหตุผลที่ผมมีความคิดที่โตกว่าเด็กวัยเดียวกัน และมีแฟนตั้งแต่อายุยังน้อย
   
“ตุลย์ขอโทษ” เด็กชายคนนั้นกอดคอ ‘แด๊ดดี้’ ก่อนจะมองมาทางผมแล้วพูดเสียงหงุงหงิงอยู่ในคอ
   
น่ารักจัง...
   
“ไงเรา หิวรึเปล่า”
   
“ที่นี่ที่ไหน แล้วผ...ผม มาอยู่ที่นี่ได้ไงครับ” แทนที่จะตอบคำถามของเขา ผมดันถามกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ยังมึนๆ งงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า ทั้งหัวยังปวดตุบๆ ไม่หาย
   
“บ้านพี่เองครับ เมื่อคืนเราเมาจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ พี่เลยพามานอนที่นี่”
   
“ผมสร้างปัญหาอะไรรึเปล่าครับ” ผมพยายามนึกแต่ก็จำได้แค่ลางๆ ว่าถูกพาขึ้นรถมา
   
“นิดหน่อยครับ” ผู้ชายตรงหน้าหัวเราะอารมณ์ดี “อ้วกใส่พี่ซะเหม็นคลุ้ง พี่เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา” เขาพูดต่อ
   
ผมก้มลงมองตัวเองจึงเห็นว่าเสื้อที่สวมอยู่มันเป็นเสื้อยืดที่หลวมโพรกกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นไซส์ใหญ่เกินตัว ส่วนผ้านวมสีขาวที่คอยให้ความอบอุ่นผมทั้งคืนร่วงตกอยู่ข้างโซฟา “เอ่อ...” ผมดึงกางเกงที่สวมอยู่อย่างอึ้งๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจนิดหน่อยที่เอาบ็อกเซอร์คนอื่นมาใส่ทั้งที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรก
   
“ไม่ต้องห่วง ตัวนั้นพี่ยังไม่เคยใช้” พี่เขาหัวเราะขำ ดูเป็นคนอารมณ์ดี อัธยาศัยดี แถมยังใจดีแบกเด็กผู้ชายเมาแอ๋อย่างผมกลับมาด้วย
   
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ ผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่เคยใช้แทนเตียงเมื่อคืน ก่อนจะหยิบตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ยื่นให้เด็กชายในอ้อมกอดของพี่ชายใจดี “ผมชื่อธารนะครับ พี่ชื่ออะไรเหรอ ผมขอเบอร์ไว้ได้รึเปล่า อยากจะเลี้ยงข้าวตอบแทนสักมื้อ”

ผมหยิบ iPhone สีดำของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟามากดปลดล็อค แต่ก็ต้องตกใจกับร้อยยี่สิบสายไม่ได้รับจากพ่อ...พ่ออาจจะโทรมาเช็คตามปกติ ไว้ถึงบ้านแล้วค่อยโทรกลับละกัน

ตอนนี้พ่อกับแม่ของผมคงอยู่ในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทที่ฝรั่งเศส และเพราะพวกท่านไม่อยู่บ้านผมถึงออกไปตะลอนๆ เที่ยวกลางคืนได้

“พี่ชื่ออติณครับ เรียกพี่ติณเฉยๆ ก็ได้ ส่วนคนนี้ชื่อน้องตุลย์ ลูกชายพี่เอง” พี่ติณยีหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู “เบอร์พี่ 095XXXXXXX แต่ไม่ต้องเลี้ยงข้าวตอบแทนอะไรหรอก มีปัญหาหรือเบื่อๆ ก็โทรมาได้”

ผมเม็มเบอร์ของพี่ติณอย่างรวดเร็วพลางพูดว่า “ไว้ยังไงผมจะโทรมานะครับ งั้นผมกลับเลยดีกว่า จะได้ไม่รบกวนพี่ด้วย” หลังจากเม็มเบอร์เสร็จผมก็เงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ ยิ้มให้เด็กชายอายุประมาณสามขวบที่กำลังมองผมตาแป๋ว   

“เสื้อกับกางเกงพี่ซักให้แล้วนะครับ” พี่ติณชี้ไปบนโต๊ะที่มีเสื้อกับกางเกงของผมพับวางไว้ “แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ผ้าเช็ดตัวพี่เตรียมไว้ให้ในห้องน้ำแล้ว หยิบใช้ได้ตามสะดวก” 
   
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง แล้วคว้าเสื้อกับกางเกงของตัวเองขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเดินไปตามทางที่พี่ติณบอก บ้านหลังนี้น่าอยู่มากทีเดียว มันไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอย่างคฤหาสน์ แต่ก็เป็นระเบียบและดูอบอุ่น คุณแม่ของน้องตุลย์คงดูแลที่นี่อย่างดี นอกจากนี้ดูจากเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้านแล้ว พี่ติณคงค่อนข้างมีฐานะ เพราะทุกอย่างราคาแพงระยับ
   
ผมก้าวเข้าไปในห้องน้ำสำหรับแขก หน้ากระจกบานใหญ่ติดผนังมีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าสีขาว บนนั้นวางแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมกับยาสีฟันที่ยังอยู่ในกล่องเอาไว้ ข้างๆ กันมีผ้าขนหนูผืนเล็กกับผืนใหญ่พับซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ
   
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เท้ามือกับอ่างล้างหน้า ยืนมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างเลื่อนลอย
   
สภาพของผมดูไม่จืดเลย ผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้นยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ขอบตาดำคล้ำคงเพราะนอนดึกกว่าทุกที ใบหน้าซีดเซียวทำให้ผิวที่ขาวจัดอยู่แล้วดูซีดเข้าไปอีก แม้ว่าโดยภาพรวมผมจะเป็นเด็กผู้ชายที่ดูดีสมวัยคนหนึ่ง (สังเกตได้จากเด็กผู้หญิงมัธยมที่เข้ามาจีบ) แต่ส่วนสูงน้อยไปนิด อาจเพราะว่าผมยังไม่เป็นหนุ่มเต็มตัว ตอนนี้เลยสูงแค่ร้อยหกสิบสองเซ็นฯ ตัวเล็กแถมยังผอม
   
ถ้าผมโตกว่านี้ หล่อกว่านี้ มีกล้ามและดูดีอย่างเด็กมหาลัยพี่กฤษอาจจะไม่นอกใจผมก็ได้...
   
ไม่สิ...ต่อให้ผมดูดีแค่ไหน ถ้าผมไม่ยอมมี ‘เซ็กส์’ กับเขา เขาก็คงนอกใจผมอยู่ดี หรือไม่แน่ ถ้าผมยอมไปตั้งแต่แรก...ผมอาจจะโดนเขี่ยทิ้งตั้งแต่เดือนแรกที่คบกันก็ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่กฤษเป็นคนเจ้าชู้ แต่ผมก็ยังรักเขา เพราะเห็นหน้าเขาทีไรแล้วพาลให้ผมคิดถึงใครอีกคนทุกที
   
ความจริงที่ว่าเราเลิกกันแล้ว และผมเป็นคนบอกเลิกเขาเองทำให้ผมเศร้าหนักกว่าเดิม ถ้าได้เห็นเขาอีกครั้งผมไม่แน่ใจเลยว่าจะทำใจเดินจากมาได้
   
ซ่า...
   
ผมเปิดน้ำสุดแรงแล้ววกขึ้นล่างหน้า ตัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แปรงฟันอย่างลวกๆ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ แต่ภาพสะท้อนในกระจกกลับทำให้ผมชะงัก มองรอยจ้ำแดงสามจุดบนลำคอกับอีกสองจุดบนหน้าอกอย่างสงสัย
   
จะว่าเป็นรอยคิสมาร์กก็คงไม่ใช่ เพราะจำไม่ได้ว่าไปถูกใครจูบเอาตอนไหน อาจจะแค่ยุงกัดล่ะมั้ง
   
ผมหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมอย่างไม่คิดอะไรมาก ก่อนเปิดประตูออกจากห้องน้ำ

Pie2Na
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 13:26:17 โดย pie2na »

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [Chapter 2]
«ตอบ #4 เมื่อ10-11-2015 21:17:44 »

Chapter 2
ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง...กับคุณพ่อที่รัก




08: 24 A.M.

@Than’s House
   
“ธาร”
   
ผมที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นจากห้องรับแขก เมื่อหันไปก็เห็นพ่อนั่งอยู่บนโซฟา ท่าทางดูเพลียๆ แถมขอบตายังดำคล้ำเหมือนพักผ่อนไม่พอ

พ่อของผมชื่อ ตะวัน อายุสามสิบเจ็ดปีแล้วแต่ยังดูดีและอ่อนกว่าวัยมาก มาดสุขุมเพราะสวมแว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมไว้แทบตลอดเวลา จะเห็นถอดออกบ้างก็ตอนนอนเท่านั้น เส้นผมและดวงตาของพ่อเป็นสีดำสนิทต่างจากของผมที่เป็นสีน้ำตาลอ่อน อันที่จริงผมดูไม่เหมือนทั้งพ่อและแม่ บรรพบุรุษก็ไม่มีใครมาจากฝั่งยุโรปเลยสักคน...
   
“เอ่อ...ทำไมกลับมาเร็วจังครับ ไหนบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง” 

“เมื่อคืนไปไหนมา” พ่อไม่ตอบแต่กลับซักผมแทน
   
“ธาร...ไปนอนค้างบ้านเพื่อนมาครับ ก็ไม่มีใครอยู่บ้านนี่นา ธารก็เบื่อสิ” ปกติผมไปนอนค้างบ้านเพื่อนไม่บ่อยนัก จะมีบ้างก็ช่วงสอบหรือมีรายงานที่ต้องรีบส่ง คำแก้ตัวของผมเลยฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่

“เพื่อนคนไหน ทำไมพ่อโทรไปถามเพื่อนเราแล้วไม่มีใครรู้ว่าเราไปไหน” พ่อลุกจากโซฟาเดินมาหาด้วยสีหน้านิ่งๆ แบบที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น
   
“พ่อไม่ได้มีเบอร์เพื่อนของธารทุกคนสักหน่อย” ผมพยายามจ้องหน้าพ่อเพื่อให้เขาเชื่อว่าผมไม่ได้โกหก
   
“แล้วทำไมถึงไม่รับสายพ่อครับ”
   
“ธารลืมเปิดเสียงมือถือน่ะครับ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเพลียๆ รู้สึกปวดหัวตุบๆ “ว่าแต่พ่อเถอะ ทำไมกลับมาเร็วจัง ไหนบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง”
   
“พ่อรีบกลับมาก่อน ตั้งใจจะมาเซอร์ไพร์วันเกิดเราให้ทันก่อนเที่ยงคืนไง”
   
นึกถึงสายไม่ได้รับร้อยกว่าสายแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ดูจากสภาพอิดโรยของพ่อ พ่อคงยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน...
   
“แล้ววันนี้เราไม่ไปเรียนเหรอ”
   
“ธารปวดหัวน่ะครับ รู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ เลยกะจะโดดเรียนสักหน่อย”

ผมไม่ใช่คนที่จริงจังกับการเรียนมากนัก โรงเรียนเป็นที่ๆ น่าเบื่อสำหรับผม สิ่งที่อาจารย์สอนส่วนใหญ่ผมก็อ่านเองไปล่วงหน้าก่อนแล้ว พ่อเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็นและไม่เคยบังคับในเรื่องนี้
   
“ไม่สบายเหรอ” พ่อยกฝ่ามือทาบหน้าผากของผม มองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ตัวร้อนจริงๆ ด้วย ไปหาหมอดีไหมครับ”
   
“ไม่เอาดีกว่าครับ ธารอยากพัก”
   
“งั้นธารไปรอพ่อที่ห้องนอนนะครับ เดี๋ยวพ่อบอกแม่บ้านให้เตรียมข้าวต้มกับยาแล้วจะตามขึ้นไปเช็ดตัวให้ ห้ามอาบน้ำล่ะ เดี๋ยวจะไข้หนักกว่าเดิม” พ่อลูบหัวผมเบาๆ อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

จริงๆ จะว่าพ่อเลี้ยงผมอย่างไข่ในหินก็ไม่เชิง แม้ว่าผมจะโตแล้วแต่พ่อก็ยังไปรับไปส่งผมที่โรงเรียนเองแทบทุกวัน โทรหาเช้าเย็นเพื่อเช็กว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่ในทางตรงกันข้ามพ่อก็ให้อิสระทางความคิด ให้ผมได้ตัดสินใจเองในทุกๆ เรื่อง พูดจากับผมด้วยเหตุผล พ่อรู้ว่าควรจะทำยังไงให้เด็กดื้ออย่างผมเชื่อฟัง เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งผมจึงสนิทกับพ่อมากกว่าแม่
   
“ธารขอโทษนะครับที่ไม่ได้รับสาย แล้วก็ไม่ได้กลับมาฉลองวันเกิดกับพ่อ”
   
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไว้เย็นๆ มาเป่าเค้กกัน ช้าไปสักหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้เป่านะ”
   
“ครับ” ผมผละจากพ่อ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนบนชั้นสอง


   
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง เหนียวตัวจนอยากอาบน้ำเต็มที แต่ก็ไม่อยากโดนพ่อดุ เลยหยิบมือถือขึ้นมาเช็ค Facebook พลางๆ ระหว่างรอพ่อขึ้นมาเช็ดตัวให้ บนหน้าวอลมีคนมาโพสต์อวยพรวันเกิดเต็มไปหมดทั้งที่ผมตั้งค่าวันเดือนปีเกิดแบบ Only Me และอีกหลายคนที่ส่งมาอวยพรทางข้อความ แต่ผมเลือกตอบเฉพาะเพื่อนสนิท
   
ผมเข้าไปอ่านข้อความที่ถูกทิ้งไว้ในแชทกลุ่ม เพื่อนสนิททั้งสามคนของผมมันพูดตัดพ้อกันทำนองว่าผมไม่ยอมพาพวกมันไปเลี้ยงวันเกิด ทำเป็นขี้งอนไปได้ไอ้พวกนี้
   
Thara Than : เมื่อวานอารมณ์ไม่ดีนี่ เลยอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวมากกว่า
   
ทันทีที่ผมพิมพ์ข้อความส่งไปในแชทกลุ่ม เพื่อนสนิทตัวเอ้อย่างไอ้บาส นักบาสเกตบอลของโรงเรียนที่ตัวสูงใหญ่เกินวัยก็ตอบกลับมาทันที
   
Thanapon Bas : ก็เป็นอย่างนี้ทุกที เวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจแทนที่จะมาระบายกับเพื่อน ดันเก็บไว้คนเดียวตลอด บางทีกูก็งงพวกเด็กฉลาดว่ะ
   
Thara Than : มึงงอนกูป่ะเนี่ย แล้วนี่แอบเล่นมือถือในห้องเรียน?
   
Thanapon Bas : เออ มึงเหอะทำไมไม่มาเรียน โดดบ่อยจริงนะ สงสารคนต้องปลอมใบลาป่วยให้มึงบ้างเหอะ
   
Thara Than : รอบนี้กูป่วยจริงๆ ขอบคุณมากที่ช่วยปลอมใบลาป่วยให้ 
   
Thanapon Bas : จริงดิ?
   
Thara Than : จริงๆ
   
Thanapon Bas : เออ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้กูไปเยี่ยม
   
Thara Than : ไม่เป็นไรหรอก ลำบากเปล่าๆ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่โรงเรียนทีเดียว ไว้เลิกเรียนแล้วจะพาไปเลี้ยงวันเกิดย้อนหลัง
   
บาสส่งสติ๊กเกอร์กระตายกำหมัดไฟลุกโชนมาให้ ยังไม่ทันที่ผมจะส่งข้อความตอบกลับ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พ่อเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอลูมิเนียมในมือ บนนั้นมีกะละมังใบเล็กกับผ้าขนหนูสีขาวพับซ้อนทับกันสองผืน พ่อวางถาดลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม
   
“เล่นมือถือเดี๋ยวก็ปวดหัวหนักกว่าเดิมหรอก”

“ไม่เล่นแล้วครับ” ผมบอกยิ้มๆ แล้ววางมือถือลงบนเตียง

“จะเช็ดตัวเลยไหม หรือจะกินข้าวกินยาก่อน” จบประโยคนี้ ป้าแม่บ้านก็เข้ามาในห้องพอดี แกวางถาดที่มีทั้งน้ำ ข้าวต้ม และยาลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ

“กินข้าวก่อนดีกว่าครับ ธารหิวจะแย่” ผมลูบท้องตัวเอง ทำหน้าอ้อนๆ

พ่อยิ้มขำแล้วหันไปหยิบถ้วยข้าวต้มมาป้อน โดยไม่ลืมที่จะเป่าให้เย็นลงก่อนทุกครั้งที่จะส่งช้อนเข้าปากผม

คงไม่มีลูกชายครอบครัวไหนสนิทกับพ่อเท่านี้ ส่วนใหญ่พอเริ่มเป็นวัยรุ่น เด็กผู้ชายก็เลิกนอนเตียงเดียวกับพ่อแม่ ถึงผมจะแยกห้องนอนกับพ่อแม่ตั้งแต่ประถม แต่พอผมอายุได้สิบเอ็ดปีแล้วต้องเปลี่ยนเตียงนอนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์สำหรับผู้ใหญ่ เกือบทุกคืนหลังแม่หลับไปแล้ว พ่อก็มักจะมานอนกับผมบ่อยๆ ในห้องนี้ เข้ามาตอนกลางดึกแล้วออกไปก่อนฟ้าสว่าง

ผมกับพ่อ...เรา ‘สนิท’ กันเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้

หลายๆ อย่างที่พ่อทำให้มันมากกว่าที่พ่อของครอบครัวอื่นทำให้กับลูกผู้ชาย จนบางครั้งผมก็อึดอัดและสงสัย แต่เพราะผมรักพ่อมากจึงปล่อยความสงสัยนั้นผ่านไป เพราะไม่อยากผิดหวังหรือเสียใจหากรู้คำตอบ...

หลังจากกินข้าวต้มกับยาเสร็จ พ่อก็เดินเข้าห้องน้ำไปเปิดน้ำใส่อ่างเตรียมเช็ดตัวให้ผม ระหว่างรอผมก็ถอดเสื้อยืดพลางๆ ด้วยความขี้เกียจกระดิกตัวจัดเลยวางแหมะไว้ตรงข้างเตียงรอป้าแม่บ้านมาเก็บ แต่กลายเป็นว่าพ่อเดินมาเหยียบเข้าเลยเอาไปเก็บให้

“มื้อเที่ยงอยากกินอะไรครับ พ่อจะได้บอกแม่บ้านให้” พ่อใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุมน้ำในอ่าง บิดหมาดๆ แล้วเอามาเช็ดหน้าให้ผม

“นึกไม่ออกอะ แล้วแต่พ่อเลย”

“.....” พ่อชะงักมือ มองผมด้วยสีหน้าเครียดๆ

“มีอะไรเหรอครับ” ผมขมวดคิ้วถามงงๆ

“คอกับหน้าอกไปโดนอะไรมา”

“หือ...มดหรือแมลงต่อยมั้งครับ” ผมก้มลงมองก็เห็นรอยจ้ำแดงเด่นชัดบนผิวขาวซีดของตัวเอง

“ธารโกหกพ่อมากี่ครั้งแล้ว เรื่องอื่นพ่อไม่ว่า แต่เรื่องนี้พ่อรับไม่ได้”

ผมคิดถูกจริงๆ ที่ปิดพ่อเรื่องพี่กฤษ แค่มีรอยแดงที่คอยังโดนซักขนาดนี้ ถ้าเกิดรู้ว่าผมมีแฟนแถมยังเป็นผู้ชาย พ่อคงผิดหวังในตัวผมมาก

“พ่อครับ ธารไม่ได้ทำอะไรไม่ดีมาจริงๆ นะ ตื่นมารอยพวกนี้มันก็อยู่บนตัวธารแล้ว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ ยาแก้ปวดลดไข้ที่เพิ่งกินเข้าไปทำให้ผมเริ่มง่วงนอน

“เอาเถอะ ถ้าไม่มีอะไรเกินเลยก็ดีแล้ว” พ่อดึงผมเข้าไปกอด ลูบหลังผมอย่างปลอบโยน “พ่อเป็นห่วงธาร ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องลูกของพ่อ ต่อไปอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกได้รึเปล่า”
   
นี่พ่อยังคิดว่ามันเป็นรอยคิสมาร์ก? แต่จะว่าไปรอยจ้ำแดงบนคอกับหน้าอกของผมก็ดูไม่เหมือนรอยแมลงต่อยจริงๆ นั่นล่ะ ตอนเมาอยู่ในผับอาจจะโดนใครจูบเอาก็ได้

“ครับ” ผมรับคำ บอกพ่อเสียงงัวเงีย “ธารง่วงแล้วครับ”

พ่อคลายอ้อมกอดออก แล้วปล่อยให้ผมนอนลงบนเตียง “ฝันดีครับคนดีของพ่อ” พ่อลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะจัดการเช็ดตัวให้ผมต่อ
   
ผมปิดตาลงด้วยความอ่อนล้า ฤทธิ์ยากับอาการป่วยทำให้ผมง่วงราวกับไม่ได้นอนติดกันมาสองคืน ขณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมรับรู้ได้ว่ากางเกงของตัวเองถูกถอดออก รวมถึงกางเกงชั้นในด้วยเพราะมันหวิวๆ ตรงนั้นพิกล รำคาญนิดๆ กับสัมผัสเปียกชื้นจากผ้าขนหนูที่กำลังลูบไล้ไปทั่วตัว
   
จะว่าไปก็เขินพ่ออยู่เหมือนกันนะ เพราะไม่ได้แก้ผ้าให้พ่อเห็นตั้งแต่อายุสิบสองแล้ว แต่ก็ขี้เกียจขยับตัวลุกขึ้นทำเอง เลยหลับต่ออย่างไม่ใส่ใจ

.....

ในความรู้สึกที่ไม่แน่ชัดว่าความฝันหรือความจริง...

ผมรับรู้ได้ถึงสัมผัสหยาบกระด้างแต่อบอุ่นที่ลูบไล้อยู่ที่ต้นขาด้านใน สัมผัสนั้นลากไล้ขึ้นมายังกึ่งกลางร่างกาย กอบกุมส่วนสำคัญของผมไว้ แล้วรูดรั้งขึ้นลงเบาๆ สร้างความรู้สึกวาบหวิวในช่องท่อง

“พ่อรักธารนะ” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยกระซิบบอกผมที่ข้างหู
   
“ผมก็รักพ่อครับ” ผมกระซิบตอบกลับ พยายามปรือตาขึ้นมอง แต่หนังตาก็หนักอึ้งจนยากที่จะลืมตื่น
   
ภาพพร่าเลือนในหัวเริ่มเด่นชัดมากขึ้น ผมกำลังนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ใครบางคนโอบกอดผมมาจากด้านหลัง แผงอกกำยำแหละหน้าท้องแข็งเกร็งใต้เนื้อผ้าบางเบาเบียดชิดอยู่กับแผ่นหลังบอบบางของผม กลิ่นน้ำหอมจางๆ คุ้นจมูกทำให้ผมต้องแหงนหน้าขึ้นซุกเข้าหาซอกคอของเขา ร่างกายของผมร้อนผ่าวจนแทบทะลาย
   
“ฮ...อื้อ” ผมส่งเสียงครางเครือในลำคอเมื่อฝ่ามือแข็งกระด้างรูดรั้งส่วนอ่อนไหวอย่างหนักหน่วง ผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังเสียดสีอยู่กับบางอย่างที่ร่อนรุ่มพอๆ กัน เสียงเฉอะแฉะดังเป็นจังหวะตามแรงรูดขึ้นลง ฝ่ามืออีกข้างของใครคนนั้นลูบไล้อยู่ที่หน้าอก ปัดผ่านยอดอกที่กำลังชูชันสร้างความเสียวซ่านจนผมต้องบิดตัวไปมา
   
“ม...ไม่ไหว...ธารไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเสียงสั่นพร่า กำผ้าปูที่นอนจนยับยู่
   
ฝ่ามือที่กำลังลูบไล้แผ่นอกของผมผละอก ก่อนจะสอดเข้ามาใต้ข้อพับขา แยกขาของผมข้างหนึ่งให้อ้าออกกว้าง ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างรูดรั้งส่วนอ่อนไหวเร็วขึ้นกว่าเดิมจนผมร้องครางเสียงขาดห้วง
   
“ฮ...อา...อื้อ” ผมเอื้อมมือลงไปเบื้องล่างคว้าฝ่ามือข้างนั้นไว้ หวังจะให้มันผ่อนแรงลงแต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย ฝ่ามือข้างนั้นใหญ่โตและแข็งแกร่งจนกอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้ในอุ้งมือทั้งหมด สัมผัสที่ได้รับบอกผมว่าบางส่วนของพวกเราทั้งสองกำลังเสียดสีกันอยู่ในอุ้งมือของเขา จังหวะเร็วแรงหนักหน่วงที่ขยับขึ้นลงทำให้ผมต้องจิกเล็บลงบนหลังมือของเขาเพื่อระบายความเสียบวาบเบื้องล่าง
   
“เด็กดีของพ่อ...”
   
“พ...พ่อ...ฮ...อื้อ” ผมบิดตัวไปมาอย่างทรมาน ซบหน้าลงกับหมอน หลับตาแน่นเมื่ออารมณ์ถูกปลุกปั่นมาถึงจุดสูงสุด “อ๊าาา...” ผมร้องครางหวานหูเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมๆ กับที่ของเหลวเหนอะหนะพุ่งออกมาจากร่างกาย ฝ่ามือข้างนั้นรูดรั้งเป็นจังหวะเนิบนาบติดกันอีกสามสี่ครั้งก่อนจะหยุดลง
   
ร่างกายของผมสั่นสะท้านเล็กน้อย แผ่นอกขยับขึ้นลงตามแรงหอบ รู้สึกได้ถึงความชื้นที่ขมับจากเม็ดเหงื่อที่ผุดพราย
   
“พ่อรักธารนะครับ”
   
ผมพยักหน้ารับรู้กับเสียงหอบกระเส่าที่กระซิบบอก ปล่อยให้ความมืดมิดค่อยๆ เข้ามาแทนที่ภาพความฝันวาบหวิว...
   
..... 
   
ผมสะลึมสะลือตื่นแล้วพบว่าตัวเองนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง สวมเสื้อผ้าชุดใหม่สบายตัวและถูกห่มผ้านวมถึงอก ความรู้สึกเหนอะหนะที่หน้าผากทำให้ผมต้องยกมือขึ้นไปดึงแผ่นเจลลดไข้ออกอย่างเกียจคร้าน อารมณ์คั่งค้างจากความฝันที่เลือนรางพาให้ร่างกายของผมร้อนรุ่ม
   
ธรรมดาของเด็กผู้ชายอายุสิบสี่ปีที่เพิ่งอย่างเข้าสู่วัยรุ่นแล้วอารมณ์จะพลุ่งพล่านกว่าปกติ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก...ผมเริ่มทำมันตั้งแต่อายุสิบสาม เพราะพวกเพื่อนม.ปลายในแก๊งดันเอาคลิปโป๊มาเผยแพร่...
   
ผมสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่ม พริ้มตาหลับจินตนาการถึงร่างกายแข็งแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อที่กอดกระหวัดตัวเองจากทางด้านหลัง มือข้างหนึ่งของผมถลกเสื้อยืดของตัวเองขึ้นไปกองบนหน้าอก ลูบไล้แผงอกเปลือยเปล่าปลุกเร้าอารมณ์วาบหวิว ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกางเกง กอบกุมแก่นกายของตัวเองไว้ในอุ้งมือแล้วเริ่มขยับรูดรั้ง
   
“ฮ...อื้อ...” ผมกัดปาก ส่งเสียงครางปนเปไปกับเสียงเปียกแฉะเป็นจังหวะที่ดังมาจากใต้ผ้านวม คิดไปว่ามือที่กำลังกอบกุมแก่นกายของตัวเองอยู่คือฝ่ามือที่ทั้งใหญ่และหยาบกระด้างอย่างในความฝัน ภาพใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ของนายแบบที่ผมชอบปรากฏขึ้นในหัว
   
“เร็วอีก...อา...” ผมส่งเสียเร่งเร้ากับคนในจินตนาการ ขยับฝ่ามือเป็นจังหวะที่กระชั้นขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มือเค้นคลึงที่ส่วนปลายเพิ่มความเสียวซ่าน
   
แรงยวบของที่นอนและอ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนที่รวบเอวผมเข้าไปกอดจากข้างหลัง ทำให้ฝ่ามือที่กำลังรูดรั้งส่วนนั้นของตัวเองชะงักค้าง ผมตกใจจนเกร็งไปทั้งตัว ค่อยๆ เหลียวกลับไปมองคนที่กำลังกอดผมเอาไว้แน่น
   
โชคดีที่พ่อยังหลับอยู่...
   
ผมหันกลับมา ค่อยๆ ดึงมือออกจากกางเกงอย่างระมัดระวังกลัวว่าถ้าขยับตัวมากไปจะทำให้พ่อตื่น แต่คงเพราะพ่อละเมอถึงได้จับแขนข้างนั้นของผมไว้ มันจึงยังค้างเติ่งอยู่ในกางเกง แผงอกที่เบียดชิดอยู่กับแผ่นหลังของผมขยับขึ้นลงสม่ำเสมอบ่งบอกว่าพ่อกำลังหลับสนิท
   
คงไม่เป็นไรมั้ง...พ่อคงไม่ตื่นขึ้นมาตอนนี้หรอก...
   
ผมหลับตาลงแล้วเริ่มขยับข้อมืออีกครั้ง อยากจะรีบจัดการกับอารมณ์ที่ค้างเติ่งเมื่อครู่ให้เสร็จๆ ไป ฝ่ามือของผมรูดรั้งแก่นกายขึ้นลงเร็วกว่าเดิม ผมซุกหน้าลงกับหมอน กัดปากเพื่อระบายความวาบหวิวโดยไม่ส่งเสียงร้องครางออกมาเพราะกลัวพ่อจะตื่น ขยับข้อมือถี่กระชั้น จนอารมณ์มาถึงจุดสูงสุด...ปลดปล่อยของเหลวอุ่นๆ ออกมาจากร่างกาย
   
ผมหอบหายใจเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าเหงื่อออกซึมไปทั่วตัว ค่อยๆ แหงนหน้ากลับไปมองทางด้านหลัง เห็นพ่อยังคงหลับสนิทอยู่ก็เบาใจ ฝ่ามือแข็งกระด้างจากการออกกำลังกายที่จับแขนของผมไว้ก่อนหน้านี้คลายออก ก่อนจะขยับขึ้นมารวบเอวของผม ดึงตัวผมเบียดชิดกับร่างกายของพ่อมากขึ้น
   
ว่าแต่...จะเอายังไงกับข้างล่างล่ะทีนี้ เลอะหมดแล้ว...
   
ผมเอื้อมมือข้างที่ไม่ ‘เลอะ’ ไปหยิบทิชชูบนโต๊ะข้างหัวเตียง แต่ติดตรงถูกพ่อกอดไว้เลยเอื้อมหยิบได้ลำบาก ขณะพยายามใช้ปลายนิ้วเกี่ยวกล่องกระดาษทิชชู ฝ่ามือแข็งแกร่งของคนที่เคยนอนหลับสนิทอยู่ทางด้านหลังก็เอื้อมไปดึงทิชชูออกมาจากกล่องสี่ห้าแผ่นก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม
   
ผมนิ่งอึ้ง...พอหันกลับไปมองทางด้านหลังก็เห็นพ่อกำลังส่งยิ้มขำๆ มาให้
   
“พ่อ...ต...ตื่น...ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมถามเสียงตะกุกตะกัก หน้าคงซีดยิ่งกว่ากระดาษ และอีกเดี๋ยวคงแดงก่ำลามไปทั้งคอทั้งหู
   
“สักพักแล้วครับ ตั้งแต่เราเริ่มครางนั่นล่ะ”
   
“พ...พ่อ” ผมเอาหน้าซุกหมอนอย่างอับอาย ไม่รู้จะกล้ามองหน้าพ่ออีกไหม
   
“อายทำไมครับ เรื่องธรรมชาติ” พ่อใช้แขนเท้าคร่อมตัวของผมไว้ แล้วกระซิบกระซาบบอกข้างหู “ให้พ่อช่วยเช็ดไหม เลอะผ้านวมหมดแล้วนะนั่น”
   
“.....”
   
ไม่รอให้ผมอนุญาตพ่อก็ใช้ทิชชูเช็ดมือที่เลอะเทอะของผมจนสะอาด แล้วดึงทิชชูแผ่นใหม่มาเช็ด...ตรงนั้นของผม

“เดี๋ยวผมเช็ดเองครับ” ผมบอกด้วยความตกใจ รีบจับข้อมือของพ่อไว้แต่ก็ช้าไปเพราะมือข้างนั้นล้วงเข้าไปในกางเกงแล้ว ผมจึงได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ รู้สึกแปลกๆ จนอธิบายไม่ถูก ตอนที่พ่อเช็ดตัวให้ผมอาจจะโดนส่วนนั้นด้วยก็ได้ แต่ผมไม่ได้รู้สึกอับอายเท่ากับตอนนี้
   
“ตัวเย็นขึ้นแล้วนะ ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า” พ่อถามขณะลุกออกจากเตียง
   
“ม...ไม่แล้วครับ” ผมมองตามแผ่นหลังของพ่อที่กำลังเดินไปที่มุมห้องเพื่อทิ้งทิชชูลงในถังขยะ พอพ่อหันกลับมาผมก็รีบซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อหลบสายตา
   
“ยังอายอยู่อีกเหรอ” พ่อนั่งลงข้างเตียงแล้วลูบหัวผม “ทำให้ชินสิ จะได้ไม่ต้องอาย”
   
“ไม่ตลกนะครับ” ผมขมวดคิ้วพูด ไม่กล้ามองหน้าพ่อ “พ่อไม่คิดเหรอว่าเราสนิทกันมากเกินไป เรื่องแบบนี้ใครเขาทำกันต่อหน้าพ่อแม่ ครอบครัวอื่นๆ พ่อกับลูกชายไม่ได้สนิทกันขนาดนี้นะครับ”
   
“ธารไม่เห็นต้องไปสนครอบครัวอื่นเลย แต่ละครอบครัวก็มีวิธีเลี้ยงดูลูกในแบบของตัวเอง พ่อก็มีวิธีของพ่อ...พ่ออยากสนิทกับธาร อยากให้ธารไว้ใจพ่อในทุกๆ เรื่อง พ่อถึงได้พยายามเข้าหาเรา และสำหรับพ่อ...ธารยังเป็นเด็กอยู่เสมอนะ”
   
“สักวันธารก็ต้องโต พ่อน่าจะปรับตัวให้ชิน...”
   
“พ่อมีลูกคนเดียวนะธาร พ่อคงทำตัวให้ชินไม่ได้หรอก” พ่อดึงผมเข้าไปกอด
   
พ่อมักพูดจนติดปากว่าผมเป็นลูกชายแค่คนเดียว เพราะพี่ภูคือลูกของแม่กับแฟนเก่า แม่เคยเล่าให้ฟังว่าพ่อเป็นคนอุ้มผมคนแรกในวันที่ผมคลอด เป็นคนป้อนนมเพราะแม่ไม่ชอบให้ดื่มนมจากอก พ่อทำทุกอย่างให้ผมมาโดยตลอด ดูแลผมมาอย่างดีตั้งแต่ผมจำความได้
   
และเพราะผมรักพ่อมากพอๆ กับที่พ่อรักผม ผมจึงเลือกที่จะมองผ่านความสัมพันธ์ที่ ‘ลึกซึ้ง’ เกินกว่าคำว่า ‘พ่อลูก’ ของพวกเราสองคน
   
“บ่ายโมงแล้ว หิวรึยัง”
   
ผมพยักหน้าอยู่กับอกของพ่อ
   
“ให้แม่บ้านยกอาหารขึ้นมาบนห้อง หรือจะลงไปทานข้างล่างดีครับ”
   
“ลงไปทานข้างล่างดีกว่าครับ”
   
พ่อปล่อยผมออกจากอ้อมกอด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วยื่นมือมาให้
   
ผมเอื้อมไปจับมือที่อบอุ่นข้างนั้นเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น แต่ในตอนนั้นเองที่สายตาของผมสะดุดเข้ากับรอยเล็บข่วนบนหลังมือของพ่อ...

   

7: 40 A.M.
   
@GN International School
   
“อย่าลืมดื่มนมหลังมื้อเที่ยงนะครับ” พ่อบอกหลังจากจอดรถเทียบฟุตปาธข้างรั้วโรงเรียน ดึงผมไปหอมแก้มแล้วปลดล็อคประตูรถให้ ถ้าเป็นพ่อคนอื่นๆ คงบอกให้ลูกตั้งใจเรียนแต่พ่อของผมมักจะย้ำเรื่องกินซะมากกว่า พ่อคงกลัวว่าผมจะไม่โต
   
ผมมองพ่อนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อกลับ เพราะไม่อยากให้พ่อคิดว่าผมโตแล้วจะตีตัวออกห่าง ก่อนจะยกมือไหว้ลาแล้วเปิดประตูลงจากรถ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเย็นนี้มีนัดกับเพื่อนเลยชะโงกหัวเข้าไปในรถอีกรอบ

“เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะครับ ธารมีนัดกับเพื่อน”

“ที่ไหนครับ แล้วเสร็จกี่โมง เดี๋ยวพ่อไปรับ”

“ธารยังไม่แน่ใจครับ ไว้ธารนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า ไม่อยากให้พ่อเหนื่อยอะ”

“พ่อไม่เหนื่อยหรอกครับ” พ่อยื่นมือมาขยี้หัวผม “ไว้พ่อโทรหานะ”

“ครับ” ผมปิดประตูรถ ยืนยิ้มโบกมือลาพ่อ แต่พ่อชี้นิ้วไปที่ประตูโรงเรียนเพื่อบอกให้ผมเข้าไปก่อน “โธ่ ธารไม่โดดเรียนหรอกน่า” ผมบ่นพึมพำ แต่พ่อคงอ่านปากออกถึงได้หัวเราะขำแล้วเหยียบคันเร่งขับออกไป

ผมหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงเรียน แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงกำยำ ผิวขาวจัด รูปร่างหน้าตาดียังกับพวกบอยแบนด์เกาหลี กำลังยืนพิงประตูรถสปอร์ตสีดำด้วยท่าทางเบื่อหน่าย นักเรียนและผู้ปกครองที่อยู่หน้าโรงเรียนต่างหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

เขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวคลุมทับด้วยแจ็กเก็ตสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดๆ เข้ารูป สวมแว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมตามแฟชั่นซึ่งปกติไม่ค่อยสวมบ่อยนัก ผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นที่มักจะถูกเซ็ตอย่างดีวันนี้ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง และสุดท้าย...สิ่งที่เด่นชัดในสายตาของผม...จิลเงินที่ติ่งหูซ้ายซึ่งมีอักษรสีดำรูปตัว T สลักอยู่ด้านบน

ผมเผลอยกมือลูบต่างหูที่สวมอยู่...มันเป็นจิลเงินที่สลักรูปตัว K

“ธาร”

ผู้ชายคนนั้นร้องเรียกเมื่อเห็นผม เขารีบเดินเข้ามาหาแต่ผมกลับหันไปอีกทางแล้วเดินหนี สาวเท้าไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกเขาคว้าต้นแขนอย่างแรง ก่อนจะดึงเข้าไปปะทะกับแผงอกแข็งๆ แล้วกอดผมเอาไว้ทั้งตัว

“พี่กฤษ...” ผมเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนแรง
ตั้งแต่โดนผมบอกเลิก พี่กฤษก็ไม่ได้โทรมาเลย ผมคิดว่าเขาจะลืมผมไปแล้วซะอีก...

“ยังโกรธพี่อยู่อีกเหรอ”

“ธารไม่ได้โกรธหรอกครับ ธารเข้าใจ”

“เข้าใจแล้วทำไมถึงต้องเดินหนีพี่ด้วย”

“ธารแค่เหนื่อย...ไม่อยากกลับไปอีกแล้ว” ผมผลักเขาออกห่าง “ปล่อยเถอะครับ นี่มันน่าโรงเรียน ผมไม่อยากให้เพื่อนๆ มาเห็น แล้วรู้ว่าผมเคยคบกับผู้ชาย”

พี่กฤษยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอด แต่กลับจับแขนของผมไว้ยังกับกลัวว่าผมจะหนี “เมื่อคืนพี่ยังไม่ได้นอน” เขาเปลี่ยนเรื่อง มองผมด้วยแววตาเว้าวอน “พี่ลองคิดทบทวนเรื่องของเราพี่ถึงได้รู้ว่าพี่รักธารมากแค่ไหน...พี่ขาดเราไม่ได้...”

ผมฝืนหัวเราะ “คนอย่างพี่กฤษเหรอที่จะขาดผมไม่ได้ รบคบกันแค่ปีเดียว ยังไม่ผูกพันกันขนาดนั้นมั้งครับ”

ผมอาจจะโง่ในเรื่องความรัก รักใครแล้วยกให้ทั้งใจอย่างไม่กลัวเจ็บ แกล้งทำเป็นโง่ให้พี่กฤษหลอกซ้ำๆ ทั้งที่รู้ว่าเขาโกหก ทั้งที่รู้ว่าเขากำลังนอกใจ แต่ผมไม่ใช่คนหัวอ่อนที่จะถูกจูงจมูกได้ง่ายๆ ที่ผมยอมทนมาตลอด ยอมให้หลอกกันก็เพราะ ‘รัก’ คำเดียว
มันอาจเป็นเหตุผลที่ผมคบกับคนอย่างพี่กฤษมาจนครบปี ผมเป็นคนแรกที่เขาควงได้นานที่สุด และเป็นคนแรกที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาก่อน

“นี่มันครั้งที่สามแล้วนะครับ พี่จะให้ธารทนไปจนถึงเมื่อไหร่”

ผมพยายามย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่าพี่กฤษไม่เคยจริงจังกับใคร รวมถึงผมด้วย...

ถ้ากลับไปคบกับเขาอีกก็ไม่รู้ว่าต้องทนเจ็บไปถึงเมื่อไหร่...

จู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา ร้องไห้อีกแล้ว ร้องไห้ต่อหน้าคนที่เขาไม่ได้รักผม ทำให้ตัวเองดูน่าสมเพชเข้าไปทุกที

“ธาร” พี่กฤษเรียกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่ทำให้ผมใจสั่น ถึงสมองจะสั่งให้ผมเลิกรักเขา มีเหตุผลเป็นร้อยข้อที่จะตัดผู้ชายคนนี้ออกจากชีวิต แต่มันกลับห้ามความรู้สึกที่ผมมีให้พี่กฤษไม่ได้
แค่เห็นหน้าเขา ได้ยินเสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อของผม ผมก็ใจอ่อน...

“กลับไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวจะป่วยเอา” น้ำเสียงของผมแฝงความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด และพี่กฤษคงฟังออกเขาถึงได้หลุดยิ้มให้เห็น

“ให้พี่นอนกอดหน่อยสิ ไม่ได้กอดธารพี่คงนอนไม่หลับ”

ผมกัดปากอย่างลังเล แต่พอมืออุ่นๆ ทาบลงบนแก้มของผม ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ผมก็ยอมพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย

แค่ไปนอนเป็นเพื่อนแค่นั้น ไม่ได้จะกลับไปคืนดีด้วยซักหน่อย คงไม่เป็นไรหรอก...

“ธาร!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว

“บาส” ผมหันไปทักเพื่อนสนิทอายุมากกว่าที่กำลังเดินเข้ามาหา

บาสอายุแค่สิบเจ็ด แต่เขาสูงตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซ็นฯ รูปร่างสมส่วนมีกล้ามเนื้ออย่างพวกนักกีฬาไม่ได้ดูเก้งก้าง แถมยังหน้าตาดีและป๊อปในหมูสาวๆ เพราะเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลตัวเต็งของทีมโรงเรียน

“ทำไมยังไม่เข้าโรงเรียน จะสายแล้วนะ...นี่ใครเหรอ?” บาสเดินมาหยุดข้างๆ ผม แล้วขมวดคิ้วมองพี่กฤษอย่างสงสัย พี่กฤษคอยไปรับไปส่งผมอยู่บ่อยๆ แต่เขาก็นั่งอยู่แค่ในรถ ไม่เคยมีโอกาสได้พบหน้าเพื่อนผมเลยสักคน พอลองเทียบกับพี่กฤษแล้ว บาสตัวเตี้ยกว่านิดหน่อย และพี่กฤษก็ดูโดดเด่นกว่าเพราะผิวบาสค่อนข้างคล้ำแดด

“พี่กฤษ รุ่นพี่ที่รู้จักกันน่ะ” ผมโกหกเพราะยังไม่อยากเปิดเผยให้พวกเพื่อนๆ รู้ว่าผมชอบผู้ชาย กลัวว่าพวกมันจะทำใจรับไม่ได้แล้วแขยงจนไม่กล้าเข้าใกล้ผม “พี่กฤษครับนี่บาสเพื่อนสนิทในกลุ่ม”

“หวัดดีครับ” บาสยกมือไหว้พี่กฤษ พี่กฤษก็ยกมือรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม

“วันนี้เราคงไม่เข้าเรียนนะ พอดีมีธุระนิดหน่อย”

“เออ ดีเนอะ ลาป่วยติดกันสองวันเนียนดี” บาสถอนหายใจ “แล้วนี่แต่งตัวชุดนักเรียนมา เห็นชัดๆ ว่าจะเข้าโรงเรียนแต่ดันโดด พ่อนายรู้แล้วเหรอ”

“พ่อไม่ว่าหรอกน่า” ผมบอกปัด

บาสเขม่นมองพี่กฤษอย่างไม่ไว้ใจ “จะไปธุระกับพี่เขาเหรอ”

“อือ”

“ธุระอะไรล่ะ”

“ไม่ได้ไปมั่วเซ็กส์ สูบบุหรี่ เสพยาแล้วกันน่า” ผมชกไหล่บาสเบาๆ รู้ว่ามันเป็นห่วง ยังไงเด็กวัยนี้ก็สุ่มเสี่ยงกับอบายมุข มีสิทธิ์ออกนอกลู่นอกทางจนเสียอนาคตกันได้ง่ายๆ มันคงกลัวว่าผมจะเป็นหนึ่งในนั้น

“เออดีแล้ว แล้วเย็นนี้ยังจะไปตามนัดรึเปล่า”

“ไปดิ อยากไปกินอะไรที่ไหนก็ไลน์มาบอกแล้วกัน เดี๋ยวจะให้พี่กฤษไปส่ง”

“อือ งั้นเราเข้าโรงเรียนก่อนนะ เดี๋ยวโดนเช็คสาย”

“บาย” ผมโบกมือลา

พอบาสหมุนตัวเดินไปที่ประตูโรงเรียน พี่กฤษก็หันมาจูงมือผมพาไปที่รถ ระหว่างนั้นผมเห็นจากทางหางตาว่าบาสเหลือบมองมาทางพวกเราอีกหนก่อนที่เขาจะเดินเข้าโรงเรียนไป

Pie2Na
มีคนอ่านบ้างไหมเนี่ย โคตรร้างเลย
:katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 13:27:38 โดย pie2na »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
«ตอบ #5 เมื่อ11-11-2015 10:47:14 »

เว้นบรรทัดมากกว่านี้ก็ดีนะคะ
ตรงชื่อเรื่อง น่าจะเป็น 5p รึเปล่า หรือว่า 4p ถูกแล้ว
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
«ตอบ #6 เมื่อ11-11-2015 13:36:41 »

เว้นบรรทัดมากกว่านี้ก็ดีนะคะ
ตรงชื่อเรื่อง น่าจะเป็น 5p รึเปล่า หรือว่า 4p ถูกแล้ว
รอตอนต่อไปค่ะ

เรื่องนี้ตั้งใจให้เป็น 4P ครับ (อาจจะตัดคนใดคนหนึ่งออก) แต่ตอนเขียนไม่ได้ร่างพล็อต
เขียนเอาสนุกเฉยๆ เลยคิดว่าบางทีเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก
อาจจะกลายเป็น 3P หรือ 5P ก็ได้

เรื่องเว้นบรรทัดจะจัดหน้าใหม่นะครับ
ตอนต่อไปจะอัพพายในคืนนี้นะ ^^

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นครับ
ดีใจมากที่ยังมีคนหลงเข้ามาอ่านบ้าง

 :sad4:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [Chapter 3]
«ตอบ #7 เมื่อ11-11-2015 17:42:07 »

Chapter 3
แฟนเก่าที่ยังรัก กับเพื่อนที่แสนดี



กฤษ


[Special Part: Krit]

@The Attribute Condominium

ตั้งแต่อยู่ในรถจนมาถึงคอนโดของผม ธารไม่พูดอะไรเลยสักคำ เอาแต่ก้มหน้านั่งเล่นมือถือเงียบๆ ทำอย่างกับว่าผมไม่มีตัวตนทั้งที่เรานั่งอยู่ข้างกันบนโซฟา

ผมรู้ดีว่าธารไม่ใช่คนโง่ ทุกครั้งที่ผมโกหกหรือแอบนอกใจธารรับรู้โดยตลอด อยู่ที่ว่าเขาจะพูดมันออกมารึเปล่า จนบางครั้งมันดูเหมือนว่าเขาไม่แคร์ ไม่ใส่ใจกัน ธารเคยเจอผมเดินควงกับผู้หญิงในห้าง แต่เขาทำเป็นเมิน เดินคุยกับเพื่อนในกลุ่มผ่านหน้าผมไป ไม่โวยวายออกมาสักคำ เคยแม้กระทั่งจับได้คาหนังคาเขาตอนที่กำลังคุยโทรศัพท์กันแล้วผมบอกว่าไม่ว่าง แต่ดันนั่งกินข้าวอยู่กับคนอื่น

กับครั้งล่าสุดที่เราทะเลาะกันจนธารเอ่ยปากบอกเลิกผม คงเพราะเขาทนไม่ไหวจริงๆ แน่ล่ะ...ใครจะไปทนไหวถ้าเห็นแฟนตัวเองกำลังมีเซ็กส์กับผู้ชายคนอื่นบนเตียงที่เคยนอนกอดกัน

“ธาร” ผมเรียกอีกฝ่ายเบาๆ อยากให้เราพูดคุยปรับความเข้าใจกันดีกว่ามานั่งทนกับบรรยากาศที่น่าอึดอัด “ธารยังโกรธพี่เรื่องนั้นอยู่รึเปล่า”

“ไม่โกรธครับ” ธารพูดทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากมือถือ “ธารบอกพี่กฤษไปแล้วว่าธารเข้าใจ แค่ธารทำใจยอมรับไม่ได้และไม่อยากทนให้เกิดเรื่องเดิมๆ ซ้ำอีก”

“นี่เราจะไม่ยอมกลับมาคืนดีกับพี่จริงๆ เหรอ”

“.....”
   
“เลิกเล่นมือถือแล้วเงยหน้ามาคุยกันก่อนได้ไหม” ผมทนไม่ไหวกับท่าทีเฉยเมยของธารจนต้องพูดออกมา

“ทำไมพี่กฤษถึงอยากคืนดีกับธารครับ” ธารยอมเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับผมดีๆ ผมถึงได้เห็นว่าธารกำลังกลั้นน้ำตา เขาคงอายที่จะร้องไห้ต่อหน้าผม

“เพราะพี่รักธารไง”

ผมโกหก...

ทุกคำพูดที่บอกธารก็แค่ต้องการรั้งธารไว้ วันที่ธารเข้ามาขัดจังหวะผมกับผู้ชายคนอื่น ผมโกรธและรำคาญด้วยซ้ำถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจ ยกความผิดให้กับธาร โดยไม่ทันคิดว่ามันจะทำให้ธารเสียใจ แต่พอธารบอกเลิกกัน ใจของผมก็วูบโหวงแปลกๆ ยิ่งไม่มีธารอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ยินเสียงธารทางโทรศัพท์ ไม่มีข้อความบอกฝันดีอย่างทุกที ผมก็หงุดหงิดจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
   
ผมไม่รู้หรอกความรู้สึกที่มีให้ธารมันคืออะไร รู้แค่ว่า...อยากให้ธารกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เป็นคนของผม...

“.....” อาจเพราะคำว่ารักที่ผมพูดออกไป ธารถึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาของผม แล้วใช้หลังมือป้ายน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ “ถ้าพี่กฤษรักธารจริงๆ พี่กฤษไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอกครับ”

ผมดึงธารเข้ามากอดแนบอก ลูบหัวของธารเบาๆ กระซิบบอกธารข้างหู ย้ำคำเดิมเพื่อให้เขาใจอ่อน

“รักสิ ถ้าไม่รักพี่จะรั้งธารไว้ทำไม”

“คงเพราะยังไม่ได้ฟันผมมั้งครับ ผมเป็นแฟนคนแรกที่เด็กขนาดนี้ บางทีพี่อาจจะอยากลองอะไรใหม่ๆ ก็ได้”

ผมนิ่งอึ้ง...นี่ธารคิดแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ ก็จริงที่ผมขาดเซ็กส์ไม่ได้ อยากจะมีอะไรกับธารตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เราเพิ่งคบกัน แต่ผมไม่เคยคิดจะฟันแล้วทิ้ง หากเราต้องเลิกกันมันไม่ใช่เพราะเรื่องเซ็กส์แต่เป็นเพราะเราเข้ากันไม่ได้

“มันก็จริงที่มีอยากมีเซ็กส์กับธาร อยากลองรสชาติใหม่ๆ แต่พี่ไม่เคยคิดจะฟันแล้วทิ้ง” ผมพยายามอธิบาย “ธารอาจจะยังเด็ก ธารถึงได้ไม่เข้าใจ ในโลกของคนที่โตกว่า เซ็กส์กับความรักมันเป็นสิ่งที่มาคู่กัน พี่ต้องการเซ็กส์เพื่อระบายอารมณ์ ในเมื่อธารให้พี่ไม่ได้พี่ก็เอาไปลงกับคนอื่น”

“มันก็แค่คำพูดที่เห็นแก่ตัว สุดท้ายพี่ก็ไม่เคยโทษว่าตัวเองผิด”

“ธาร” ผมถอนหายใจ “ถ้าธารโตกว่านี้ธารจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูด...ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันเป็นสิ่งที่ฉาบฉวย เซ็กส์มันก็แค่เรื่องสนุกชั่วครั้งชั่วคราว ตราบใดที่พี่ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้ธาร ยังมี ‘ตัวจริง’ อยู่ตรงนี้ คนที่ผ่านเข้ามาก็แค่ผ่านไป ไม่มีความหมายอะไรเลย”

“ครับธารเข้าใจ พี่ต่างหากที่ไม่เข้าใจ” ธารผลักผมออกห่าง “ธารรู้ว่าผู้ชายกับเซ็กส์เป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ แต่ยังมีผู้ชายอีกเยอะแยะที่เขาไม่ได้ใช้เซ็กส์พร่ำเพรื่อ...ธารเข้าใจคนอย่างพี่ดีครับ ธารถึงได้บอกว่าไม่โกรธ แต่ธารก็ไม่อยากกลับไปคบกับพี่ ต่อให้ธารยอมมีอะไรด้วย ซักวันพี่กฤษก็จะเบื่อรสชาติเดิมๆ แล้วไปหาคนใหม่ ถึงธารจะเป็นตัวจริง คนอื่นที่เข้ามาก็แค่ผ่านไปอย่างที่พี่กฤษพูด แต่ธารคงทำใจไม่ได้ถ้าเกิดเรื่องเหมือนอย่างวันนั้นขึ้นอีก ภาพมันคงฝังในหัวธารไปจนตาย”

ใช่...ธารพูดถูก และผมมักจนมุมกับเหตุผลของเขาเสมอ ธารไม่ใช่เด็กอายุสิบสี่ที่ไร้เดียงสา ธารโตกว่าที่ผมคิดมาก

ผมเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง ไม่เคยเลิกกับใครแล้วรู้สึกแบบนี้มาก่อน...เจ็บหน่วงๆ ในอก

“ก็แฟร์ดี ธารเป็นฝ่ายเข้าหาพี่ก่อน แล้วธารก็เป็นฝ่ายบอกเลิกพี่ก่อน” ผมหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้าเงียบอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะดึงเขามากอด ล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้วยกันโดยมีเขานอนซบอยู่บนอกของผม “งั้นพี่ถามหน่อยสิ...ทำไมวันนั้นเราถึงทักแชทพี่มา”

“เคยเล่าให้ฟังแล้วนี่ครับ” ธารพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้

“เล่าให้ฟังอีกสิ พี่อยากฟัง”

“ก็พี่กฤษหน้าตาคล้ายพี่ชายธาร ธารเลยทักแชทไปคุยด้วย พี่กฤษก็ขอเบอร์ธาร ธารก็ให้ไป”

“บอกตามตรงนะ เราไม่ใช่สเป๊กพี่เลย ปกติพี่ไม่ชอบกินเด็ก ไม่ชอบผู้ชายตัวเล็กๆ แต่พอเจอกันครั้งแรก พี่ก็รู้สึกว่าเราน่ารักดี ตาโตแล้วก็สวยมาก เลยอยากลองคบดู”

“ไม่หิวเหรอครับ อยากทานอะไรรึเปล่า” ธารเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะคงไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ ฟังจากน้ำเสียง...คงร้องไห้อีกแล้ว

“ไว้ค่อยกินดีกว่า พี่ไม่อยากลุกละ ขอนอนกอดธารอย่างนี้นะ” ผมพลิกตัวให้ธารลงมานอนข้างๆ ให้หัวทุยๆ หนุนแขนผมต่างหมอน กอดร่างเล็กๆ ไว้แนบแน่น

“อย่าทำดีกับธารมากสิครับ...ธารไม่อยากใจอ่อน สงสารธารบ้างเถอะ...ถ้าธารทนไม่ไหวจนกลับไปคบกับพี่กฤษอีก ก็ไม่รู้ว่าต้องทนเจ็บไปถึงเมื่อไหร่”

ผมได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากหน้าอก ถึงจะรู้สึกหน่วงๆ ที่ทำให้ธารร้องไห้ แต่ความอยากเอาชนะและอยากมีธารอยู่ข้างๆ มันมีมากกว่า

ธารต้องกลับมาเป็นของผม...

ผมจะทำทุกทางให้เขารักผมมากขึ้นและทิ้งผมไปไม่ลง...

โดยไม่สนว่าต่อไป...ผมจะทำให้ธารต้องร้องไห้อีกสักกี่ครั้งก็ตาม



@Forseen Restaurant

“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”

ธารปลดสายเบลท์เพื่อจะลงจากรถ แต่ผมรีบรั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้

“ขอพี่ลงไปด้วยได้ไหม ยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลย กำลังหิวพอดี”

ธารทำสีหน้าลำบากใจ ผมรู้ว่าธารไม่อยากให้คนอื่นระแคะระคายเรื่องของเรา ตัวผมเองน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก ธารต่างหากที่มี อาจจะเพราะธารยังเด็ก เพื่อนๆ ยังไม่เข้าใจเลยกลัวจะถูกล้อหรือกลัวพ่อแม่รู้ แต่ผมเบื่อเต็มทีกับความสัมพันธ์แบบหลบๆ ซ่อนๆ ถ้าเราคืนดีกันอีกครั้ง ผมก็อยากคบกับธารแบบเปิดเผย

“ถึงยังไงตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ธารไม่เห็นต้องกลัวเลย บอกเพื่อนว่าเป็นรุ่นพี่ที่สนิท ไม่มีใครสงสัยหรอก”

“ก็ได้ครับ” ธารมองผมอย่างชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง

ธารเดินนำผมเข้าไปในร้านอาหารติดแอร์ที่ตกแต่งแบบโมเดิร์น ตรงไปยังโต๊ะสำหรับหกคนที่มีผู้ชายสามคนนั่งรออยู่ก่อนแล้วเพราะพวกเรามาสายเกือบสิบห้านาที เพื่อนๆ ของธารมองผมอย่างสงสัยแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากถามออกมา

“นี่พี่กฤษ รุ่นพี่ที่สนิทด้วยน่ะ...พี่กฤษ นี่บาสที่เจอกันเมื่อเช้า ส่วนนั่นก็โจ้กับตั้ม” ธารแนะนำผมกับเพื่อนๆ หลังจากเราสองคนนั่งลง โดยที่ธารนั่งอยู่ระหว่างผมกับบาส ผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
   
ทุกคนรีบยกมือไหว้ผมอย่างมีมารยาท ผมยิ้มรับ แต่ก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าโจ้ก้มหน้าหลบสายตาของผม

โจ้เป็นผู้ชายหน้าตาดี ผิวขาวจัดพอๆ กับธาร สูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบห้า รูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างโดดเด่นทำให้ผมพอจะจำหน้าเขาได้...เขาเคยทักผมมาทางแชท Facebook ในทำนองจะ ‘จีบ’ ผมจึงรู้ว่าเขาเป็นเกย์ บางทีธารกับคนอื่นๆ อาจจะยังไม่รู้ความลับของเพื่อนคนนี้ก็ได้

“กูออร์เดอร์ทุกเมนูที่มึงบอกไว้ละ อยากได้อะไรเพิ่มอีกป่ะ” บาสพูดขึ้น สายตาของเขาเวลามองธารมันทำให้ผมคิ้วกระตุก ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกผมว่า บาสไม่ได้คิดกับธารแค่เพื่อน แต่ผมอาจคิดมากไปเองก็ได้ ดูท่าทางรสนิยมของหมอนี่ก็ไม่น่าจะใช่พวกที่ชอบผู้ชายด้วยกัน
   
“ไม่แล้วล่ะ ไว้รอสั่งเค้กทีเดียวตอนกินข้าวเสร็จ”
   
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟทุกคนในโต๊ะก็คุยกันอย่างสนุกสนาน ธารยิ้มและหัวเราะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดวงตาของธารไม่ได้มีความสุขไปด้วย ธารยังเศร้าที่ต้องเลิกกับผม ผมดูออก...ผมรู้ดีว่าธารรักผมมากแค่ไหน ถึงจะเสียใจที่ทำให้ธารต้องเจ็บ แต่ลึกแล้วๆ ผมกลับรู้สึกดีที่ธารยังเหลือเยื่อใยให้กัน
   
“ธาร เป็นอะไรตั้งแต่เมื่อเช้าละ หน้าตาดูไม่สดใสเลยนะ” คำพูดของบาสทำให้คนอื่นๆ ในโต๊ะหันมามองธารเป็นตาเดียว
   
“นั่นดิ ดูเศร้าๆ นะ” โจ้พูดแล้วหันมามองหน้าผม เขาคงจะเดาความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธารออก
   
“ไม่มีอะไรเหรอก” ธารบอกปัดพอดีกับที่อาหารทยอยมาเสิร์ฟ “กินข้าวเหอะ หิวจะแย่แล้วเนี่ย”
   
“ไม่มีอะไรจริงๆ นะเด็กแคระ”
   
ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมานิดๆ เมื่อเห็นบาสใช้มือขยี้หัวธาร ที่ทำให้ผมหงุดหงิดยิ่งกว่าคือธารหัวเราะอย่างไม่ถือสา อาจเพราะธารไม่ได้เป็นแฟนของผมแล้ว เหมือนนกที่หลุดออกจากกรงขังและพร้อมจะบินหนีไปทุกเมื่อ ผมจึงรู้สึกหวงธารมากกว่าเมื่อก่อน ด้วยอารมณ์หึงหวงมือของผมที่อยู่ใต้โต๊ะถึงได้เลื่อนไปวางบนต้นขาของธาร ลูบต้นขาเล็กๆ นั่นราวกับยังเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
   
ผมกำลังอิจฉาบาส...ถ้าคนอื่นแตะต้องธารได้ ผมก็ต้องทำได้มากกว่านั้น
   
หรืออันที่จริง ผมไม่อยากให้ใครแตะต้องธารเลย...
   
ผมรู้ว่าผมมันโคตรเห็นแก่ตัว...ผมสามารถแตะต้องคนอื่นได้ มีเซ็กส์กับคนอื่นได้ แต่ถ้าธารทำอย่างที่ผมทำบ้าง ผมคงหวงจนแทบบ้า
   
“อืม ไม่มีอะไร” ธารตอบบาส ขณะเดียวกันก็จับมือของผมไว้เพื่อไม่ให้มันลูบขึ้นสูงกว่าเดิม “อย่าเล่นแบบนี้สิครับ เดี๋ยวคนอื่นเห็น” ธารหันมากระซิบบอกผมที่ข้างหู แต่เขาคงลืมตัวไปว่ายังมีเพื่อนๆ อีกสามคนนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ผมเห็นจากทางหางตาว่าทั้งสามคนนั้นกำลังมองมาอย่างแปลกใจกับความสนิทสนมที่เรามีให้กัน
   
อีกอย่างที่ธารลืมไป...ธารลืมว่าเราเลิกกันแล้ว ถ้าผมมีฐานะเป็นแค่แฟนเก่า ที่ธารต้องทำก็แค่ปัดมือของผมทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่สิ่งที่ธารทำตอนนี้มันแสดงออกมาชัดเจนว่าเขาแคร์ผมมากแค่ไหน
   
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า อย่าใจร้ายกับพี่นักสิ แค่ลูบขาเอง...ทำหวงไปได้” ผมกระซิบตอบ จงใจให้ริมฝีปากชิดใบหูของธารจนเกือบจะสัมผัสกันเพื่อให้เพื่อนๆ ทั้งสามคนของธารรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน
   
“อย่าลูบเลยจากขาก็แล้วกันครับ”

ธารกระทุ้งข้อศอกเข้าที่สีข้างของผมเบาๆ แต่เพราะแขนเล็กๆ ของธารไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ผมจึงไม่สะดุ้งสะเทือน ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วบีบต้นขาของธารแรงๆ เป็นการลงโทษ

“โธ่ ดันรู้ทันเสียได้ว่าพี่ชอบก้นนิ่มๆ ของธารมากกว่าขา”

ธารก้มหน้างุดด้วยความเขิน เอาแต่มองอาหารบนโต๊ะจึงไม่ทันได้สังเกตท่าทางของบาสกับตั้ม สองคนนั้นมองพวกเราด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย ต่างจากโจ้ที่ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก

เห็นแก้มของธารแดงแปล๊ดลามถึงใบหูแล้วผมก็ได้แต่หัวเราะหึๆ อย่างพอใจ ท่าทางน่ารักๆ ของธารทำให้ผมอดใจไม่ไหวที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ หวังจะสูดกลิ่นหอมจากแก้มนุ่มนิ่ม แต่ก่อนที่ปลายจมูกของผมจะแตะโดนแก้มของธาร เสียงกระแอมไอก็ดังขึ้นจากผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“กินข้าวกันเถอะครับ อาหารมาเต็มโต๊ะแล้ว” น้ำเสียงกระด้างของบาสฟังดูก็รู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ
ไม่พอใจเพราะห่วงหรือหวงกันแน่?

“เออกินเหอะ หิวละ” ตั้มพูดด้วยน้ำเสียงเฮฮาเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดระหว่างผมกับบาสลง

“อะ กินเข้าไปจะได้โตไวๆ” บาสเลิกสนใจผมแล้วหันไปตักคะน้าหมูกรอบใส่จานข้าวของธาร

ผมหลุดยิ้มเมื่อเห็นธารเขี่ยหมูกรอบออกแล้วตักใส่จานของผมด้วยความเคยชิน ทุกครั้งที่กินข้าวด้วยกัน ธารมักจะเลือกกินแต่ของที่ตัวเองชอบ แล้วเขี่ยอย่างอื่นใส่จานของผมเพราะรู้สึกผิดถ้ากินอาหารเหลือ ซึ่งผมไม่ได้ถือแถมยังคิดว่ามันน่ารักดี อาจจะดูเสียมารยาทบนโต๊ะอาหารไปบ้าง แต่ถ้ากินกับคนสนิทก็คงไม่เป็นไร
   
ผมเหลือบมองบาส สีหน้าของหมอนั่นดูกังวล บางทีบาสอาจจะแค่เป็นห่วงธารในฐานะเพื่อนก็ได้ ผมคงขี้หึงเกินไป แต่มีแฟนอย่างธารจะไม่ให้หึงยังไงไหว เพราะลองใครได้อยู่ใกล้ธารก็ต้องรู้สึกดีด้วยกันทั้งนั้น
   
“กินข้าวเสร็จไปเดินซื้อของกับพี่หน่อยนะ พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญเราเลย วันก่อนเห็นบ่นว่าอยากได้รองเท้านี่” ผมชวนคุย
   
“ไม่เป็นไรหรอกครับ วันเกิดก็ผ่านมาแล้ว อีกอย่างผมกับพี่...” ธารเหลือบมองเพื่อนในโต๊ะแล้วก็เงียบไป โจ้กับตั้มไม่ได้สนใจพวกเรามากนักเพราะกำลังคุยเรื่องฟุตบอลกันอยู่ จะมีก็แต่บาสที่นั่งกินข้าวเงียบๆ   

“พี่อยากให้นี่ครับ...พี่มีของอย่างอื่นที่ต้องซื้อด้วย ไปเดินเลือกเป็นเพื่อนหน่อยนะ”

“ก็ได้ครับ” ธารดูลำบากใจแต่ก็ยอมตกปากรับคำ

ธารเป็นคนขี้สงสารแถมยังใจอ่อนแล้วผมก็ชอบที่ธารเป็นแบบนี้ ผมถึงไม่เคยคิดว่าธารจะใจแข็งพอจนกล้าบอกเลิกผม ทั้งที่ผมขอคืนดีด้วยธารก็ยังยืนยันจะเลิกกับผมให้ได้...บางทีอาจจะถึงที่สุดของธารแล้วจริงๆ

“ขอบคุณนะที่ยังให้โอกาสพี่” ผมยิ้มบาง

“ธารไม่ได้...” คำพูดของธารหยุดชะงักลงเมื่อผมยื่นมือไปขยี้หัวของธาร ธารเคยบอกว่ารู้สึกดีและใจเต้นแรกทุกครั้งที่ผมลูบหัว ผมหวังว่าธารยังรู้สึกแบบนั้นอยู่

“ธาร เราถามจริงเหอะ” บาสที่นั่งเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น เขาเหลือบสายตามามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองธารอย่างคาดคั้น “ธารกับพี่กฤษคบกันในฐานะอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ดูสนิทกันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง คงไม่มีรุ่นพี่คนไหนนึกอยากลูบขารุ่นน้องหรอกมั้ง”

หลังบาสพูดจบทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปด้วยความอึ้ง สีหน้าของธารดูตกใจและกังวลจนทำอะไรไม่ถูกต่างจากผมที่เผลอยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

ผมยกมือโอบไหล่ธารดึงเข้ามาใกล้ก่อนจะบอกทุกคนอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “เรากำลังคบกัน”
ธารเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าที่ตกใจกว่าเดิม “ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” เขารีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

“เพื่อนไม่ได้คบกันที่รสนิยมทางเพศ พี่หวังว่าพวกเราคงโตพอที่จะแยกแยะได้” ผมเรียกพนังงานให้มาเก็บเงิน หลังจากเรียบร้อยแล้วจึงหันมาบอกกับน้องๆ ในโต๊ะ “วันนี้บรรยากาศคงไม่ดีเท่าไหร่ ไว้ให้ธารพามาเลี้ยงอีกทีวันหลังนะ พี่พาธารกลับก่อนแล้วกัน”

ผมผุดลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะคว้าแขนธารให้ลุกตาม

“พ...พี่กฤษ” ธารขมวดคิ้วมองผมอย่างหนักใจแต่ก็ยอมเดินตามมาเพราะคงยังไม่อยากอธิบายอะไรตอนนี้

“เดี๋ยวธาร” บาสรีบตามมารั้งแขนธารไว้อีกข้าง “ที่พี่กฤษพูดจริงรึเปล่า”

“ค...คือ...เรา...”

“ไว้คุยกันวันหลังเถอะบาส” โจ้พูดแทรกขึ้น “รอให้ธารพร้อมกว่านี้ แล้วค่อยคุยกันดีกว่า”

บาสยอมปล่อยมือจากธารแม้ว่าสีหน้าจะยังดูกังวล “ได้ ไว้คุยกันตอนที่ธารพร้อมกว่านี้ แต่เราอยากให้ธารรู้ไว้นะ...ไม่ว่าธารจะเป็นยังไง พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนของธาร เข้าใจใช่ไหม”

“อืม” ธารพยักหน้ารับ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนในกลุ่มเลยสักคน เห็นอย่างนั้นผมก็โอบไหล่ธารพาเดินออกจากร้านไปพร้อมกัน โดยไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น



@Central Festival Shopping Mall

ผมพาธารมาเลือกซื้อรองเท้า แต่เดินวนไปวนมาหลายร้านธารก็ไม่ยอมหยิบมาลองเลยสักคู่ ดูไม่สนใจรองเท้าสักเท่าไหร่แถมสีหน้ายังกังวลตลอดเวลา

ก็พอรู้อยู่หรอกว่าเพราะอะไร...

“ธารแบบนี้ชอบไหม” ผมหยิบรองเท้าข้างหนึ่งที่วางโชว์อยู่บนชั้นให้ธารดู แต่ธารกลับส่ายหน้าทั้งที่ผมคิดว่ามันดูเหมาะกับธารมาก “ลองดูหน่อยแล้วกันนะ”

ผมเรียกพนักงานให้เอารองเท้าคู่ใหม่มาให้ธารลอง พนักงานอมยิ้มนิดๆ เมื่อผมบอกไซส์รองเท้าเพราะเท้าของธารเล็กมากแบบรองเท้าสำหรับผู้ชายเลยไม่มีไซส์ ต้องมาเลือกรองเท้าผ้าใบไซส์ผู้หญิงแทน

“นั่งก่อนสิ เดินตั้งนานไม่เหนื่อยเหรอ” ผมกดไหล่ธารให้นั่งลงบนเก้าอี้หนังทรงลูกเต๋าแล้วเดินมานั่งคุกเข่าข้างเดียวกับพื้นตรงหน้าธาร “นี่เราโกรธพี่รึเปล่า”

ธารส่ายหน้า

ผมปัดผมหน้าม้าที่ตกลงมาบังตาธารออก บีบแก้มธารเบาๆ ไปทีอย่างมันเขี้ยว “พี่ขอโทษนะที่ทำให้ธารหนักใจ เห็นธารเอาแต่เงียบแบบนี้พี่ไม่สบายใจเลย”

“ธาร...แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะครับ”

“อยู่กับพี่ คิดแค่เรื่องพี่ก็พอแล้วครับ” ผมจับมือธารมาวางที่แก้มของตัวเอง ธารจะชักมือกลับแต่ผมยื้อไว้แล้วดึงฝ่ามือของธารมาจูบเบาๆ

“พี่กฤษ ธารเคยบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้ข้างนอก ธารไม่ชอบ” ธารขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“ธารจะแคร์สายตาคนอื่นทำไม ใส่ใจแค่ความรู้สึกของคนที่เรารักกับคนที่เขาแคร์เราก็พอแล้วครับ”

“เอ่อ...รองเท้าได้แล้วค่ะ”

เสียงเรียกของพนักงานผู้หญิงทำให้ผมต้องจำใจละสายตาจากธาร พนักงานคนนั้นวางกล่องรองเท้าลงข้างๆ เก้าอี้เพื่อจะลองสวมให้ธาร แต่ผมคว้ารองเท้ามาถือไว้เอง

“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ผมส่งสายตาเป็นเชิงไล่กลายๆ เธอจึงยอมลุกออกไป “ลองสวมดูหน่อยนะ” ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ธารแล้วสวมรองเท้าให้

“พี่กฤษเลิกทำแบบนี้เถอะครับ” จมูกของธารเริ่มแดงเหมือนจะร้องไห้ “ถ้าพี่กฤษยังดีกับธารแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ธารจะตัดใจจากพี่กฤษได้สักที”

“ทั้งหมดที่พี่ทำเพราะพี่....ไม่อยากให้ธารตัดใจจากพี่ไงครับ”

ธารก้มลงมาถอดรองเท้าข้างที่ผมสวมให้ออกแล้วสวมรองเท้าคู่เดิมของตัวเอง “พี่กฤษบอกว่าจะซื้อของนี่ครับ รีบไปกันเถอะ ธารบอกพ่อให้มารับตอนทุ่มนึง” ธารก้มหน้าหลบสายตาผมขณะพูด

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เหลืออีกครึ่งชั่วโมงก็จะทุ่มนึงแล้ว “งั้นไปนั่งกินไอติมกันก่อน เดี๋ยวพ่อมาแล้วพี่จะเดินไปส่ง” ที่จริงผมอยากไปส่งธารที่บ้านเองมากกว่า แต่ธารก็ไม่ยอมเพราะกลัวว่าคนที่บ้านจะรู้ ตั้งแต่คบกันมาผมเคยไปส่งธารที่บ้านแค่สองครั้งซึ่งเป็นตอนที่พ่อกับแม่ของธารไม่อยู่

“พี่กฤษไม่ไปซื้อของแล้วเหรอครับ”

“พี่ไม่มีอะไรต้องซื้อหรอก แค่หาขออ้างให้ธารยอมมาเลือกของขวัญกับพี่” ผมบอกยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องรองเท้ามาด้วยเพื่อเอาไปคิดเงิน


   
หลังจากกินไอศกรีมเสร็จผมก็เดินมาส่งธารที่โรงรถ แต่พอมาถึงประตูทางออกธารก็หยุดเดินแล้วหันมาบอกผมว่า “พี่กฤษส่งธารแค่นี้ก็พอครับ พ่อธารจอดรถรออยู่แล้ว ธารกลัวพ่อเห็น”

“ก็ได้ครับ”

“ธารกลับก่อนนะครับ” ธารมองผมด้วยสายตาเศร้าๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากประตูไป

ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสักพัก สุดท้ายก็ห้ามความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ข้างในไม่ไหวต้องวิ่งตามไปคว้าแขนธารไว้ เห็นสีหน้าของธารเมื่อกี้แล้วผมก็นึกอยากดึงธารมากอดแน่นๆ สัญญากับธารว่าจะไม่ทำให้ธารเสียใจอีก...

แต่ผมไม่กล้าพูด...เพราะรู้ว่าคงทำไม่ได้

“มีอะไรเหรอครับ” ธารถามพลางมองสำรวจโรงรถคงกลัวว่าพ่อจะจอดรถไว้ใกล้ๆ แล้วเห็นพวกเราสองคนเข้า

“ธาร...พี่...” คำพูดของผมมันจุกอยู่ที่คอ ได้แต่ดึงธารเข้ามากอดแทนคำพูดทั้งหมดที่ถ้าบอกไปก็คงมีแต่จะทำให้ธารเสียใจมากขึ้น

ธารขัดขืนอยู่สักพักแต่สุดท้ายก็ยอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอดของผม วันนี้ไม่ใช่วันหยุด ในห้างฯ คนไม่ค่อยพลุกพล่านนัก และตรงที่
ผมกับธารยืนอยู่ก็แทบไม่มีคนเดินผ่านเลย ผมจึงไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า

ผมกอดธารแน่นขึ้น ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเกือบนาทีถึงจะยอมคลายอ้อมกอดออกแล้วจับใบหน้าของธารให้เงยขึ้นสบตากับผม “อย่าหนีพี่ไปไหนเลยนะธาร ถ้าไม่ยอมกลับมาคบกันก็ขอให้พี่ได้อยู่ใกล้ๆ พี่ขอแค่นี้จะได้ไหม”

“แบบนั้นแล้วมันจะต่างจากตอนที่เราคบกันยังไงครับ” ธารปฏิเสธทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า “พี่กฤษไม่สงสารธารเลยเหรอ...แค่นี้ธารก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว”

ผมทำให้ธารร้องไห้อีกจนได้...

ผมใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ธาร ได้แต่บอกคำเดิมๆ ที่เคยพูดไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งและเกือบทุกครั้งก็เป็นตอนที่ธารต้องร้องไห้ “พี่ขอโทษ”  ผมก้มลงจูบปากธารเบาๆ แทนคำปลอบโยน “ยกโทษให้พี่...”

ผัวะ!
   
พูดยังไม่ทันจบประโยค ไหล่ของผมก็ถูกกระชากอย่างแรง ก่อนที่หมัดหนักๆ จะซัดเข้าที่แก้มซ้ายจนผมแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ขณะที่ผมกำลังจะสวนหมัดกลับไปหาคนที่ทำร้ายผมเมื่อครู่ เสียงพูดเบาๆ ของธารก็ทำให้การกระทำทั้งหมดของผมชะงัก

“พ่อ...”

[End Krit’s Part]

Pie2Na
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 13:43:03 โดย pie2na »

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
จะเป็นไรไหม๊ ถ้าเค้าเชรยร์คุณพี่ชายให้เป็นพระเอกอ่ะ ปกติก็ไม่อะไรกะพีๆนะ แต่สงสารธารอ่ะ แต่ละ เฮ้อ

ออฟไลน์ Opoln Miyabi

  • Y คือ ชีวิต !!!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เชียร์ให้น้องธารตัดใจจากนายกฤษให้ได้นะ  :mc4:

ออฟไลน์ INMINTHA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 4
คุณพ่อ กับพี่ชายที่แสนดี



@Central Festival Shopping Mall

ผมถลาเข้าไปยืนกั้นกลางระหว่างพ่อกับพี่กฤษแล้วรีบคว้าแขนพ่อไว้ก่อนที่พ่อจะซัดพี่กฤษไปอีกหมัด

“หลีกไป!” เสียงตวาดของพ่อทำเอาผมสะดุ้ง น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ

ไม่ได้เสียใจที่พ่อตวาดใส่หน้าผม แต่เสียใจที่...ทำให้พ่อผิดหวัง

“ธารขอโทษ ฮึก...” ผมกอดพ่อ ซบหน้าลงกับหน้าอกของพ่อแล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น

ผมได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจเบาๆ แล้วโอบผมตอบด้วยแขนข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างลูบหัวผมเบาๆ อย่างที่ชอบทำ แต่ที่ต่างออกไปจากทุกที...พ่อไม่ได้พูดปลอบผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พ่อเอาแต่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ

พ่อคงโกรธมาก...

“พ่อ ธาร...ฮึก....ฮือๆ” ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพ่อ ไม่อยากเห็นสายตารังเกียจที่ใช้มองผม ไม่อยากเห็นว่าพ่อผิดหวังในตัวผมมากแค่ไหน

“กลับบ้านกันเถอะ”

พ่อจับไหล่ของผมดันออกห่างแล้วหมุนตัวเดินไปที่รถ ท่าทีนิ่งเฉยแบบนั้นทำให้ผมกลัวมากกว่าการที่พ่อดุด่าผมซะอีก ผมรีบเดินตามพ่อไปโดยไม่ได้หันกลับไปมองว่าพี่กฤษกำลังทำสีหน้าอย่างไรหรือเขาจะเจ็บมากแค่ไหนที่ถูกพ่อชกเข้าจังๆ เมื่อกี้นี้

ใจของผมตอนนี้เป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวคือพ่อรู้สึกอย่างไร จะเกลียดผมไหม...

พ่อจะยัง...รักผมเหมือนเดิมรึเปล่า



@Than’s House

9:24 P.M.
   
ผมนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงโดยไม่ได้ขยับตัวไปไหนมาเกือบชั่วโมงแล้ว ได้แต่มองเพดานมืดทึบในห้องแล้วคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้

เพื่อนของผมจะรังเกียจผมไหม พี่กฤษจะเป็นยังไงบ้าง แล้วพ่อล่ะ? ตั้งแต่บนรถจนกระทั่งมาถึงบ้านพ่อไม่ยอมพูดกับผมสักคำ พ่อคงโกรธจนไม่อยากมองหน้าผมไปแล้ว
   
แกร็ก...
   
เสียงลูกบิดประตูทำให้ผมตื่นจากภวังค์ รีบผุดลุกขึ้นนั่งทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามา
   
“พ่อคิดว่าเราเข้านอนแล้วเพราะเห็นในห้องปิดไฟ เลยไม่ได้เคาะประตู” พ่อเดินมานั่งข้างๆ ผมบนเตียงโดยไม่ได้เปิดไฟในห้อง และผมก็ไม่คิดจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงเพราะไม่อยากให้พ่อเห็นว่าตาของผมบวมแค่ไหนหลังจากผ่านการร้องไห้มาเกือบชั่วโมง
   
“พ่อมีเรื่องจะคุยกับเรา” พ่อพูดขึ้นหลังจากเงียบไปหลายนาที
   
“.....”

ผมพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาก็ดันไหลออกมาอีกจนได้

“ผู้ชายคนนั้นเคยทำอะไรธารมากกว่าจูบรึเปล่า”

ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“แล้วรอยที่คอเมื่อวานล่ะ ที่ไม่กลับบ้านคงไม่ได้ไปนอนค้างบ้านเขาใช่ไหม”

“เปล่านะครับ ธารไม่ได้ไปนอนค้างบ้านพี่กฤษ แล้วพี่กฤษก็ไม่ได้ทำรอยพวกนั้นด้วย” ผมละล่ำละลักตอบเพราะกลัวพ่อจะเข้าใจผิดแล้วโกรธผมมากกว่าเดิม

“พ่อไม่ห้ามถ้าธารจะรักหรือชอบผู้ชายด้วยกัน รสนิยมทางเพศไม่ใช่เรื่องผิดถ้ามันไม่ได้ทำให้ตัวเองหรือคนรอบข้างเดือดร้อน แต่ธารยังเด็กไปที่จะมีแฟน ตั้งแต่วันนี้ห้ามธารไปพบกับผู้ชายคนนั้นอีก ธารต้องเลิกยุ่งกับเขาซะ เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม”

“ครับ” ผมก้มหน้ารับปากแม้ในใจจะค้านก็ตาม ผมคิดว่าตัวเองโตพอที่จะตัดสินใจได้เองในหลายๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องที่ผมจะมีหรือไม่มีแฟนก็ด้วย แต่ที่ผมไม่เถียงออกไปเพราะไม่อยากทำให้พ่อโกรธมากกว่านี้

“พ่อจะกักบริเวณธารหนึ่งเดือนเป็นการทำโทษ ตั้งแต่พรุ่งนี้พ่อจะไปรับไปส่งธารที่โรงเรียนทุกวัน ห้ามธารกลับเลยเวลาเลิกเรียน เสาร์ อาทิตย์ต้องอยู่กับบ้านเท่านั้น เข้าใจไหมครับ”

“ครับ”

พ่อเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียง ผมต้องหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างสีส้มหลังจากอยู่ในที่มืดเป็นเวลานาน

พ่อหันมามองหน้าผมแล้วถอนหายใจเบาๆ “หยุดร้องไห้ได้แล้วครับ ตาบวมหมดแล้ว” พ่อเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมก่อนจะถามว่า “ธารโกรธพ่อรึเปล่าที่ทำโทษธาร”

“ธารต่างหากที่ต้องกลัวว่าพ่อจะโกรธ...ธารเป็นฝ่ายผิดนี่นา”

พ่อยิ้มบางแล้วลูบหัวผมอย่างเอ็ดดู “หิวรึเปล่า อยากดื่มนมก่อนนอนไหม”

ผมส่ายหน้า

“งั้นก็อาบน้ำได้แล้วครับจะได้รีบนอนแต่หัวค่ำ” พ่อดึงผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อให้พลางพูดต่อว่า “คืนนี้พ่อนอนห้องธารนะ แม่เขาเพิ่งโทรมาบอกว่าเลื่อนไฟท์กลับ จะอยู่ชอปปิ้งที่ปารีสต่ออีกสองสามวัน”

“ครับ...เอ่อ เดี๋ยวธารถอดเองดีกว่า” พ่อปลดกระดุมเสื้อเสร็จก็เลื่อนมือลงมาที่กระดุมกางเกง แต่ผมรีบตะคลุบมันไว้เสียก่อน

“ตอนเด็กๆ ยังอ้อนให้พ่อถอดกางเกงให้อยู่เลย” พ่อมองผมด้วยสายตาขบขัน ท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้บ้างแล้ว “ไม่ได้อาบน้ำด้วยกันนานแล้ว คืนนี้อาบพร้อมกันนะครับ”

ผมที่กำลังจะลุกจากเตียงไปที่ตู้เสื้อผ้าชะงักกึก...

“พ่อครับ ธารโตแล้วนะ ถ้าอาบน้ำด้วยกันธารก็อายแย่สิ”

“ไม่เห็นต้องอายเลยนิครับ คิดซะว่าแช่ออนเซ็นก็ได้”

พ่อลุกขึ้นจากเตียงแล้วลากแขนผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ได้ยินพอหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีที่แกล้งผมได้

“พ่อ ไม่เอานะ ธารอยากอาบคนเดียว”

“ไม่ครับ พ่อขี้เกียจเดินออกไปแล้ว” พ่อพูดเสียงกลั้วหัวเราะพลางถอดเสื้อนักเรียนของผมที่สวมคาอยู่อย่างหมิ่นเหม่ออกให้ โยนใส่ตะกร้าที่วางอยู่ใต้อ่างล้างหน้า ตามด้วยเสื้อเชิ้ตของตัวเอง โดยไม่มีท่าทีอายๆ แบบผมเลยสักนิด พอพ่อเริ่มปลดกระดุมกางเกงผมก็รีบหันมองไปทางอื่น

พ่ออาจจะเคยเห็นผมล่อนจ้อนจนชิน แต่ในความทรงจำของผมที่เคยอาบน้ำกับพ่อครั้งสุดท้ายมันก็ตั้งแต่แปดขวบ มาตอนนี้ ‘อะไรๆ’  ของผมมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ถึงของพ่อจะเหมือนเดิมก็เถอะ

เห็นจากทางหางตาว่าพ่อเดินไปเปิดฝักบัวก่อนจะก้าวลงในอ่างอาบน้ำทรงวงกลม ผมก็ตัดสินใจถอดกางเกงของตัวเองโยนลงในตะกร้าแล้วก้าวลงไปยืนในอ่างบริเวณใต้ฝักบัวใกล้ๆ กับพ่อ เพราะคงปฏิเสธพ่อไม่ได้อีก (นอกจากจะวิ่งหนีออกจากห้องน้ำไปเลย)

ห้องน้ำในห้องนอนผมค่อนข้างกว้างและแบ่งแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน โซนที่ไว้สำหรับอาบน้ำมีผนังฝั่งหนึ่งเป็นกระจกใสที่สามารถมองออกไปข้างนอกได้แต่คนข้างนอกมองไม่เห็นข้างใน (ยกเว้นตอนกลางคืนที่ต้องรูดม่านปิด) มองผ่านกระจกจะเห็นสวนหลังบ้านจากชั้นสอง ซึ่งมีต้นไม้และสระว่ายน้ำที่ตกแต่งเลียนแบบธรรมชาติ แต่ห้องน้ำในห้องนอนของพ่อกับแม่กว้างและสบายกว่านี้

“ล้างตัวก่อนเดี๋ยวแช่น้ำอุ่นกัน”

พ่อจับเอวของผมให้ขยับมายืนข้างหน้าขณะที่พ่อยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ผมโตจนหัวอยู่สูงถึงไหล่ของพ่อแล้ว ถึงขนาดตัวของผมจะได้แค่ครึ่งเดียวของพ่อ แต่ถ้าผมอายุมากกว่านี้ผมอาจจะตัวโตและสูงเท่าพ่อเลยก็ได้ ในเมื่อผมเป็นลูกของพ่อก็ควรจะได้ยีนเด่นมาบ้างสิ

พ่อของผมเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีถึงขนาดเคยมีแมวมองมาทาบทามให้ไปเป็นนายแบบ พ่อสูงตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนฯ มีซิกแพ็กเป็นลอน กล้ามไหล่ แขน หน้าอกและหลังได้รูปสวยจนเทรนเนอร์ฟิทเนสยังชม เพราะพ่อออกกำลังกายเกือบทุกวันและเข้าฟิตเนตอย่างน้อยอาทิตย์ละห้าวันช่วงที่ว่าง อย่างวันนี้พ่อเลิกงานเร็วก็แวะเข้าฟิตเนสก่อนจะมารับผมที่ห้างฯ

หุ่นแบบพ่อนี่คือความใฝ่ฝันของผมเลยล่ะ

“แชมพูกลิ่นนี้หอมดีจัง ให้แม่บ้านซื้อมาให้พ่อใช้บ้างดีกว่า” พ่อกดแชมพูจากขวดแบบหัวป้ำ แล้วก้มหน้าลงดมแชมพูบนฝ่ามืออยู่ข้างๆ แก้มผม

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะ พอได้คุยกับพ่อ ได้ทำอะไรร่วมกัน ความกังวลของผมก็หายไปจนเกือบหมด “ขวดนี้ใช้ได้ทั้งสระผมทั้งถูตัวเลยนะ สูตรอ่อนโยนสำหรับเด็กแรกเกิด ธารไม่อยากสะสมสารเคมีไว้บนหัวเยอะ เดี๋ยวไอคิวลด ถ้าพ่อชอบก็เอาไปใช้ก่อนได้นะ ไว้ธารให้แม่บ้านซื้อมาให้ใหม่”

พ่อยิ้มขำ ถูมือจนแชมพูขึ้นฟองแล้วป้ายลงบนจมูกของผม “นี่แน่ใจนะว่าเราฉลาด”

“แน่นอนสิ ก็พ่อฉลาดนี่นา ธารเป็นลูกของพ่อก็ต้องฉลาดมากๆ อยู่แล้ว” ผมแหงนหน้ามองพ่อ เอนแผ่นหลังพิงกับแผงอกแข็งแกร่งที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย “พ่อครับ...ธาร...ขอโทษ”

“ครับ พ่อได้ยินแล้ว จะพูดสักกี่ครั้งกันหืม” พ่อบีบจมูกผมอย่างมันเขี้ยวแล้วรวบเอวผมเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง “พ่อรักธารมากที่สุด ถ้าธารทำผิด พ่อก็เสียใจมากที่สุดเหมือนกัน แต่ไม่ว่าธารจะผิดพลั้งอีกสักกี่ครั้ง พ่อก็จะให้อภัยธาร..เพราะอะไรรู้ไหมครับ?”

ผมส่ายหน้า
   
“...เพราะธารคือดวงใจของพ่อ” พ่อก้มลงมาหอมแก้มผม พูดปนหัวเราะ “พ่อขาดธารไม่ได้ เลยต้องดูแลธารจนกว่าพ่อจะแก่ตายไงครับ”
   
“หืมมม...ถ้าพ่อแก่กว่านี้ธารต่างหากที่ต้องดูแลพ่อ” ผมยิ้มกว้าง หมุนตัวหันหน้าเข้ากอดพ่อจนเต็มอ้อมแขน “ธารรักพ่อที่สุดเลยครับ”
   
“ถ้าโตกว่านี้ ต้องรักพ่อเหมือนเดิมนะ” พูดไปพ่อก็สระผมให้ผมไปด้วย
   
“แน่นอนอยู่แล้ว”
   
พอขยี้หัวผมจนพอใจพ่อก็ถูหลังให้ผมต่อทั้งที่ผมยังกอดพ่อเอาไว้ ผมเลยหมุนตัวหันหลังกลับแล้วกดแชมพู (ที่เป็นสบู่เหลวด้วย) ถูแขนตัวเองไปพลางๆ ระหว่างนั้นมือของพ่อเลื่อนต่ำลงมาลูบแชมพูไปที่ต้นขาของผม
   
“ให้พ่อช่วยถูธารน้อยด้วยไหม” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ มือที่ลูบอยู่ตรงต้นขาเลื่อนเข้ามาด้านในระหว่างขาทั้งสองข้างจนผมจักจี้
   
“พ่ออะ ชอบแกล้งธารอยู่เรื่อย” ผมต่อว่าอย่างไม่จริงจังนักขณะถูแชมพูไปทั่วตัวโดยไม่ได้สนใจพ่อ แต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือของพ่อดันเลื่อนมาจับตรงนั้นของผมจริงๆ พอจะขยับตัวออกห่าง พ่อก็ใช้แขนข้างที่ว่างรวบเอวของผมเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ
   
“ให้พ่อช่วยนะ”
   
“ช...ช่วยอะไรครับ” ผมยืนตัวแข็งทื่อ ทำสีหน้าไม่ถูก

นี่มันไม่ใช้ล้างให้สะอาดสักหน่อย...แต่แบบนี้มัน...

“ก็...วันนี้...ธารช่วยตัวเองรึยังครับ?”

“พ่อ!”

“ไม่เห็นต้องอายเลย ให้พ่อช่วยนะ” พ่อขยับมือที่กุมแก่นกายของผมเลื่อนขึ้นลงช้าๆ “จำได้รึเปล่า...ตอนเด็กๆ พ่อเคยทำทุกอย่างให้ธาร อุ้มธาร นอนกอดธาร อาบน้ำให้ ป้อนข้าว ดูแลเรามาตลอด...ไม่ว่าธารของพ่อจะโตกว่านี้อีกสักกี่ปี พ่อก็ยังอยากดูแลธารในทุกๆ เรื่อง เราจะได้สนิทกันเหมือนเดิมไงครับ”

“แต่...พ...พ่อครับ” เสียงของผมสั่นพร่า รู้สึกแปลกๆ แถมยังร้อนผ่าวไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่อยู่ ถ้าพ่อไม่ได้กอดเอวของผมเอาไว้ ผมคงทรุดลงไปนั่งในอ่างแล้วแน่ๆ “ม...ไม่มีพ่อที่ไหนเขาทำแบบนี้กับลูกหรอกครับ”

“ก็พ่อกำลังทำอยู่นี่ไง” พ่อยิ้มขำ ขยับมือให้เร็วขึ้น กระซิบถามผมอย่างเอาใจ “รู้สึกดีรึเปล่า?”

“ธ...ธาร...ฮ...อื้อ”

ความคิดในหัวของผมสับสนวุ่นวายไปหมด...

ผมควรปล่อยให้พ่อทำมันต่อไปทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นระหว่างพวกเราน่ะเหรอ? ถึงจะรู้สึกไม่ดี กลัวและสับสน แต่ในใจลึกๆ ผมกลับไม่กล้าปฏิเสธในสิ่งที่พ่อทำ ผมไม่อยากคิดว่ามันผิด...อยากจะให้พ่อเป็นพ่อที่ดีคนเดิมของผม

“พ...พ่อครับ...ธารกลัว”

สุดท้ายผมก็ไม่คิดจะต่อต้าน เพียงแต่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป แล้วเบี่ยงหน้าซบกับอกของพ่อ หลับตาลงปล่อยให้พ่อทำอย่างที่ต้องการ

Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)
   

8: 12 A.M.
   
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
   
“คุณหนูคะ คุณผู้ชายคะ มีแขกมาพบค่ะ”
   
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงเรียกของป้าแม่บ้านทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ...อ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากทุกที ถึงแม้ว่าจะอบอุ่นแต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
   
“คุณหนูคะ คุณผู้ชายคะ”
   
“ครับ ตื่นแล้วครับ อีกสิบห้านาทีจะลงไป”
   
เสียงตะโกนของผมทำให้พ่อตื่น พ่อส่งยิ้มบางให้ผม แล้วขยี้หัวผมเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากเตียง
   
“ใครมาเหรอครับ” พ่อตะโกนถาม แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ สงสัยป้าแม่บ้านจะลงไปต้อนรับแขกแล้ว “แขกที่ไหนมาหาแต่เช้านะ” พ่อบ่นพึมพำขณะเดินไปที่ห้องน้ำ วันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่ทั้งพ่อและผมควรจะนอนตื่นสาย แต่กลับต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะมีแขกมาพบ “ธารนอนต่อก็ได้นะลูก คงไม่ต้องลงไปหรอก”

“ธารไม่ง่วงแล้วอะครับ...พ่อ ธารปวดฉี่ ขอธารฉี่ก่อนดิ” พ่อเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ ผมเลยเดินตามพ่อเข้าไป เห็นพ่อกำลังบีบยาสีฟันใส่แปรงอยู่พอดี พ่อมานอนห้องผมบ่อยๆ ในห้องน้ำเลยมีแปรงสีฟันของพ่ออยู่ รวมถึงเสื้อผ้าสองสามชุดในตู้

“เราก็ฉี่ไปสิ พ่อจะแปรงฟัน”

“ก็ธารอายอะ”

“อายอะไรหือ เมื่อวานยังให้พ่อจับอยู่เลย”

“พ่อ!” ผมอายจนหน้าร้อน รีบหันหลังให้พ่อแล้วเดินไปฉี่

พ่อบ้วนปาก ก่อนจะพูดกับผมว่า “ถ้าไม่ง่วงแล้วก็ลงไปพร้อมกันเลยก็ได้ เผื่อญาติๆ เรามาหา”

ผมที่ยืนหันหลังให้พ่ออยู่รีบพยักหน้าหงึกๆ แล้วดึงกางเกงนอนขึ้นมาสวม



สิบห้านาทีต่อมา...

ผมกับพ่อเดินไปที่ห้องรับแขก แปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งรอพวกเราอยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต กับเป้สะพายหลังอีกหนึ่งใบที่วางอยู่บนโซฟา ผมเห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา เพราะเขากำลังนั่งก้มหน้าหันข้างให้พวกเรา เลยไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ผมรู้จักรึเปล่า

“มาหาใครครับ” พ่อถามขึ้นเมื่อพวกเรานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา

“ไม่ได้มาหา แต่มาอยู่”

ผมชะงักไปนิด เมื่อคนๆ นั้นเงยหน้าขึ้น แล้วดวงตาของพวกเราสบกันพอดี

ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม เขามีผมและนัยน์ตาสีดำสนิท ดวงตาดุคมเหมือนเหยี่ยว โครงหน้าคมเข้ม ผิวที่คงเคยขาวจัดกลายเป็นสีแทนอ่อนๆ จากการออกแดด เขาสวมเสื้อกล้ามอวดรอยสักสีดำรูปมังกรไล่มาจากหัวไหล่ขวาจนเกือบถึงข้อศอก แถมยังใส่จิลที่หูซ้าย ทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมดูโหดๆ น่ากลัวนิดๆ และถึงแม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ แต่ผมก็พอคาดเดาได้ว่าเขาน่าจะสูงพอๆ กับพ่อ หรืออาจจะเตี้ยกว่าเล็กน้อย อืม...ดูจากหน้าตา อายุคงไม่น่าจะเกินยี่สิบล่ะมั้ง

จะว่าไป...ผมคุ้นหน้าเขามาก เพราะเขาดูเหมือน...พี่ชายของผม

“อ้อ จริงสิ เห็นน้ำบอกว่านายจะย้ายกลับมาเดือนนี้ แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าวันไหน เป็นไง ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ” สีหน้าของพ่อเคร่งขรึมกว่าปกติ ไม่ต่างจากแขกของพวกเราสักเท่าไหร่ เพราะเขากำลังทำสีหน้าเหมือนไม่สบอารมณ์กับบางอย่าง

“ก็สบายดีครับ แม่ผมรวยนี่ มีเงินให้ผมใช้เหลือเฟืออยู่แล้ว คุณกับน้องชายของผมก็คงสบายดีเหมือนกันใช่ไหม”

“หึ ผ่านไปหลายปี แต่นายยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

ฟังมาถึงตรงนี้ผมก็พอเดาได้แล้วว่าแขกของเราคือใคร ภาพของเด็กผู้ชายท่าทางเกเร แต่ใจดีกับผมมากกว่าใครผุดเข้ามาในหัว ซ้อนทับกับภาพของคนตรงหน้า ไม่เจอกันมาตั้งแปดปี เขาดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผมจินตนาการเอาไว้มากนัก

“พี่ภู...”
   
ผมพูดไม่ออก ได้แต่เรียกชื่อของพี่ชายเบาๆ แล้วเงียบไป ให้ตายสิ ผมคงกำลังน้ำตาเอ่อแน่ๆ ถึงได้มองภาพตรงหน้าไม่ชัดนัก ทำไงได้ล่ะ ก็มันคิดถึงจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ถ้าร้องไห้ออกมาตรงนี้ จะน่าขายหน้าไหมนะ

“ผมขึ้นห้องล่ะ” พี่ภูเหลือบมองผมเล็กน้อย แล้วผุดลุกขึ้น “ห้องของผมห้องเดิมใช่ไหม อ้อ...ฝากบอกแม่บ้านด้วยนะ ว่าผมเป็นเจ้าของบ้านไม่ใช่แขกหรือโจรที่ไหน ให้มานั่งรออยู่ได้ น่าเบื่อชะมัด” พูดจบพี่ภูก็คว้าเป้ขึ้นพาดบ่า แล้วลากกระเป๋าเดินไปยังบันไดทางขึ้นชั้นสอง

ผมกระพริบตาไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา แล้วรีบลุกตามพี่ภูไป

“พี่ภู ผมช่วยถือครับ” พอเดินไปถึงตัวพี่ภู ผมก็ยื่นมือไปจะช่วยยกกระเป๋าให้เพราะต้องเดินขึ้นบันได

“ไม่ต้อง” พี่ภูบอกปัดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ก่อนจะพึมพำเบาๆ จนแทบไม่ได้ยินว่า “...มันหนัก”

Pie2Na
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงฝากติชมด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคอมเม้น ดีใจที่ยังมีคนเข้ามาอ่าน ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2017 10:31:43 โดย pie2na »

ออฟไลน์ Haihong

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :jul1: ฟินทุกตอน คุณพี่มาแล้วจะเป็นยังนะ

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 5
พี่ชายกับความห่างเหิน

   

ภูผา


“อ๊ะ”
   
ผมร้องออกมาเบาๆ เมื่อชนเข้ากับแผ่นหลังของพี่ภูที่จู่ๆ ก็หยุดเดินกะทันหัน ส่วนสูงที่ต่างกันค่อนข้างมากทำให้หัวของผมอยู่แค่ระดับไหล่ของพี่ภูเท่านั้น จมูกเลยกระแทกกับหลังพี่ภูจังๆ เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด

พี่ภูวางกระเป๋าเดินทางที่หิ้วเข้ามาลงกับพื้นห้อง เหวี่ยงเป้อีกใบไปบนเตียง ก่อนจะถอดเสื้อโยนทิ้ง อวดกล้ามแขนกับซิกแพ็กที่เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าคนอื่นๆ ได้เห็นคงอิจฉา แล้วกระโดดขึ้นเตียงนอนโดยไม่สนใจผมที่ยังยืนหัวโด่อยู่ในห้องนี้อีกคน
   
“พี่ภู...”
   
“ออกไปแล้วปิดประตูห้องให้ด้วย”
   
ผมกัดปากอย่างลังเล แต่ก็เลือกที่จะปิดประตูแล้วเดินมาหยุดยืนข้างๆ เตียงแทนที่จะออกจากห้องตามคำสั่ง มองพี่ภูที่นอนหงายใช้แขนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงโดยไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนดี พวกเราไม่เจอกันนานเกินไปจนเกิดความรู้สึกห่างเหิน ผมเลยไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับพี่ภูเหมือนตอนเด็กๆ
   
แปดปีแล้วที่พวกเราไม่ได้เจอกัน ตอนแรกเพราะถูกกีดกันจากพ่อแม่ ซึ่งพอผมเริ่มโตขึ้นพ่อกับแม่ก็ยอมให้ผมติดต่อกับพี่ แต่ดันกลายเป็นพี่ภูเองที่พยายามหลบหน้าผม เขายอมคุยโทรศัพท์กับผมแค่ไม่กี่ครั้งจากนั้นก็ไม่เคยรับสายผมอีก ส่งอีเมล์ไปกี่ฉบับก็ไม่เคยตอบกลับ แอดเฟสบุ๊คไปก็ไม่รับ แถมยังโดนบล็อกอีกต่างหาก พอไปหาถึงต่างประเทศ พี่ภูก็ดันหนีหายไป หลังจากนั้นผมเลยไม่พยายามที่จะติดต่อหาพี่อีก

ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ต้องหลบหน้าผม พอกลับมาเจอกันก็ทำเฉยชาใส่ พี่ภูแค่รำคาญน้องชายคนนี้หรือเพราะผมทำอะไรผิดกันแน่?

“พี่ภู คุยกันก่อนสิ”
   
“พี่เหนื่อย อยากพัก” พี่ภูเหลือบมองผมแวบหนึ่งแล้วหลับตาลงอย่างไม่สนใจ
   
“งั้นไว้พี่ภูตื่น ธารจะมาคุยด้วยใหม่” ผมหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้ง “พี่ภูกินอะไรมารึยังครับ ถ้ายัง เดี๋ยวธารหาอะไรมาให้กินแล้วค่อยนอนนะ”
   
“พี่ไม่หิว”
   
ฟังจากน้ำเสียงที่ติดจะรำคาญนิดๆ ถ้าขืนผมยังถามอะไรต่ออีกสักประโยคคงทำให้พี่ภูหงุดหงิดแน่ๆ ผมเลยตัดใจเดินไปที่ประตูทั้งที่อยากยืนอยู่ในห้องนี้ต่ออีกสักหน่อย แต่พอผมกำลังจะหมุนลูกบิด เสียงพี่ภูก็ดังมาจากข้างหลัง
   
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
   
“ใครครับ?” ผมหันกลับไปคุยกับคนที่ยังนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง
   
“วันก่อนที่ผับ พี่เห็นนายออกไปกับผู้ชายคนนึง” พี่ภูผุดลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง แล้วหันมาคุยกันดีๆ
   
ผมเบิ่งตากว้างขึ้นเล็กน้อย พี่ภูเจอผมที่ผับงั้นเหรอ? จะว่าไปผมก็รู้สึกคุ้นหน้าพี่ภูจริงๆ ไม่ใช่เพราะคุ้นเคยกับใบหน้าตอนเด็กของพี่ แต่คุ้นเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน พอลองนึกๆ ดู...
   
“เอ๊ะ พี่คือคนที่อาสาจะไปส่งผมนี่”

พี่ภูกลับไทยมาตั้งแต่สองวันก่อนงั้นเหรอ? ผมจำได้ว่าในผับคืนนั้นพี่ภูนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน พอผมจะกลับเขาก็เข้ามาหาบอกว่าจะพาไปส่ง ถึงจะได้เห็นหน้ากันแค่แวบๆ แต่เพราะพี่ภูค่อนข้างสะดุดตาและดูโดดเด่นกว่าคนอื่น ผมเลยยังพอจำเค้าหน้าของเขาได้ เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาคือพี่ชายของผม ไม่งั้นผมคงไม่ปฏิเสธที่จะไปกับพี่ภูแล้วถูกพี่ติณหอบกลับบ้านแทน

...นี่แสดงว่าพี่ภูรู้ว่านั่นคือผมถึงได้อาสาจะพาไปส่ง?
   
“อืม ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นน้องชายตัวเอง ที่หัดดื่มเหล้าเที่ยวผับตั้งแต่อายุสิบสี่”
   
เคยไหม เวลาถูกจับได้ว่าทำผิดแล้วมันรู้สึกหวิวๆ กลัวที่จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้น
   
“คือผม...”
   
“ช่างเหอะ”
   
“งั้นผม...” ผมยกนิ้วโป้งชี้ไปทางประตูห้อง
   
“เดี๋ยว”
   
“ครับ?”
   
“นายยังไม่ตอบพี่ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขาดูแก่เกินกว่าจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับนายนะ ญาติก็ไม่ใช่นี่”
   
“คือ...” ผมยกมือเกาแก้ม “จริงๆ ผมก็ไม่รู้จักหรอกครับ เขาแค่ใจดีเห็นผมเมาแอ๋เลยพากลับไปนอนที่บ้าน”
   
“.....”

“พี่...จะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อใช่ไหม”

“หึ” พี่ภูเค้นเสียง เขายกมือเสยผมพลางพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ โดยไม่ได้หันมามองหน้าผมว่า “คราวหลังถ้าอยากไปก็บอกพี่สิ”
   
คราวหลังถ้าอยากไปก็บอกพี่สิ...ประโยคนี้หมายถึงพี่ภูจะพาผมไปใช่ไหม?
   
“ครับ” ผมยิ้มตอบอย่างดีใจ

“ออกไปได้ละ”
   


ผมเดินออกจากห้องมาด้วยอารมณ์ดีกว่าตอนที่เข้าไป พอปิดประตูลงแล้วเดินไปทางบันไดก็เห็นพ่อกำลังขึ้นมาพอดี
   
“เห็นขึ้นมานานพ่อเลยมาตาม หิวรึยังครับ ลงไปกินข้าวเช้ากัน”
   
“ธารอยากรอกินพร้อมพี่ภูอะครับ” ผมยืนคุยกับพ่ออยู่ที่บันไดขั้นบนสุด ขณะที่พ่ออยู่ต่ำกว่าสองขั้น
   
“พี่ภูทำอะไรอยู่ล่ะ”
   
“นอนพักครับ อีกเดี๋ยวคงตื่น”
   
“งั้นลงไปกินกันก่อน ถ้าพี่ภูตื่นบ่ายธารไม่หิวแย่เหรอครับ”
   
ผมส่ายหน้า “ธารยังไม่หิวเลย อยากรอกินพร้อมพี่ภูอะ”
   
พ่อยิ้มแล้วยื่นมือมาลูบหัวผม “ดื้อนะ รู้ตัวไหม”
   
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงจะดื้อจริงอย่างที่พ่อว่าผมก็ไม่ยอมรับหรอก
   
“โอเคครับ ไม่กินข้าวก็ได้ แต่ต้องกินอย่างอื่นร้องท้องนะ”
   
ผมอ้าปากกำลังจะตอบ มือถือในกระเป๋ากางเกงขาสั้นก็แผดเสียงขัดขึ้นมาเสียก่อน “แป๊บนึงนะครับ” ผมบอกพ่อ แล้วล้วงมือถือออกมากดรับสาย ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือบาส “ว่าไง?”
   
“เสาร์อาทิตย์ว่างป่ะ จะชวนไปเรียนว่ายน้ำ”

“เรียนว่ายน้ำ? นึกไงอยากเรียนเนี่ย แล้วจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่”

“วันนี้”

“โทษทีว่ะ พอดีช่วงนี้กูโดนกักบริเวณอยู่” ผมเหลือบตามองพ่อ

พ่อยิ้ม พูดว่า “จะเรียนก็ได้นะ แต่พ่อจะไปนั่งเฝ้าริมสระ”

“นั่นไง พ่อมึงอนุญาตละ”

“แต่ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้อยู่ดีว่ะ พอดีพี่กูกลับมา กูอยากอยู่คุยกับพี่ ไม่ได้เจอกันนานละ”

“พี่มึง? คนที่มึงบอกว่าไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กอะนะ”

“เออ นั่นแหละ”

“นี่ยังเช้าอยู่ เริ่มเรียนสี่โมงเย็น มึงลองชวนพี่มึงมาด้วยกันดิ อยู่บ้านไม่เบื่อเหรอวะ”

“โอเค เดี๋ยวลองชวนดู”

“ดีมาก แค่นี้แหละ พวกนั้นไปด้วยนะ กูไลน์บอกในแชทกลุ่มตั้งแต่เมื่อคืนละ มีมึงคนเดียวเนี่ยที่ไม่ตอบ”

“โทษทีว่ะ เพิ่งจะได้จับมือถือเนี่ย งั้นแค่นี้แหละ บาย” พูดจบผมก็กดตัดสายทันที แล้วรีบบอกพ่อ “เริ่มเรียนเย็นนี้นะครับ ธารอยากชวนพี่ภูไปด้วย แต่ถ้าพี่ภูไม่ไป ธารก็คงอยู่บ้าน ไม่เจอกันนาน อยากอยู่คุยกับพี่ภูสักหน่อย”

“โอเคครับ” พ่อจับมือผมแล้วดึงให้เดินลงบันไดไปด้วยกัน “อยากออกไปข้างนอกงั้นก็ต้องทำตัวเป็นเด็กดีหน่อย ทานอะไรรองท้องก่อนนะ กว่าพี่ภูของลูกจะตื่นคงอีกพักใหญ่”

“รักพ่อที่สุดอะ” ผมเอาหัวถูกับไหล่พ่อ อ้อนเหมือนลูกแมว

“ถ้ารักพ่อคืนนี้ก็ต้องให้พ่อกอดนะครับ”
   
“แน่นอนอยู่แล้ว”

ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้พ่อ แต่ทำไมรอยยิ้มที่พ่อตอบกลับมามันถึงดูเจ้าเล่ห์จังนะ

   

05: 34 P.M.

@KL Sports Club
   
สุดท้ายผมก็ต้องมาที่ยิมกับพ่อแค่สองคนเพราะพี่ภูออกจากบ้านไปตั้งแต่บ่ายโมง กว่าจะกลับก็คงดึกๆ ผมเลยไม่รู้สึกสนุกกับการเรียนว่ายน้ำในวันนี้สักเท่าไหร่ มีโอกาสได้เจอพี่ชายที่ไม่พบหน้ากันมานานหลายปี แต่ดันได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค คิดแล้วก็น่าน้อยใจจริงๆ ที่พี่ภูอยากออกไปพบเพื่อนมากว่าใช้เวลาร่วมกับครอบครัว
   
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้อาทิตย์หน้าพี่จะเริ่มสอนท่าฟรีสไตล์ เพราะพื้นฐานทุกคนดีอยู่แล้ว”
   
“ขอบคุณครับพี่ธีร์” บาสบอก ก่อนที่พวกเราทุกคนจะยกมือไหว้ครูสอนว่ายน้ำ
   
พ่อที่นั่งรออยู่ริมสระเห็นพวกเราไหว้ลาพี่ธีร์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวสี่ผืนในมือ ระหว่างที่เดินมาจนกระทั่งนั่งยองๆ ลงริมสระ สายตาหลายคู่ของทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างจ้องมองมาที่พ่อ

จะว่าไปวันนี้พ่อของผมดูฮอทไม่เบาเลยล่ะ รูปร่างกำยำ สูงชะลูดราวกับนายแบบมีกางเกงว่ายน้ำขาสั้นแค่ตัวเดียวปิดท่อนล่างไว้ อวดกล้ามแขนกับซิกซ์แพ็กส์ที่เซ็กส์ซี่สุดๆ ในสายตาคนมอง รวมถึงผมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่พ่อยกมือเสยผมสีดำสนิทของตัวเองเหมือนที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
   
นี่ผมเป็นลูกชายแบบไหนกันนะถึงได้รู้สึกว่าพ่อของตัวเองน่าหลงใหล...
   
“ไงเด็กๆ อยากขึ้นจากสระกันรึยัง”
   
“ผมขอว่ายน้ำต่ออีกหน่อยดีกว่า” ผมบอก  กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำ อยู่เล่นน้ำต่ออีกหน่อยก็ดี
   
“โอเค งั้นพ่อเอาผ้าเช็ดตัวไปเก็บก่อน เดี๋ยวจะตามลงสระด้วย” พ่อลุกเดินไปที่ม้านั่งข้างสระ
   
“ธาร พ่อมึงนี่โคตรเท่เลย โตขึ้นกูอยากมีกล้ามแบบนั้นบ้างว่ะ ต้องเริ่มเข้าฟิตเนสละ” ตั้มพูดด้วยน้ำเสียงเพ้อๆ
   
“ใช่ป่ะ กูก็อยากมีบ้าง แต่ก่อนเข้าฟิสเนตคงต้องอัดนมให้สูงก่อน ฮ่าๆ” ผมหัวเราะเฮฮากับตั้ม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโจ้ยังมองตามพ่อของผมโดยไม่ละสายตา พอเผลอหันมาสบตากับผมเข้าก็รีบเบนหลบ ท่าทางแบบนี้มันทะแม่งๆ แฮะ “ฮั่นแน่โจ้ มองพ่อกูขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าแอบคิดอะไรแผลงๆ นะ” ผมแซวเล่น
   
“เฮ้ย คิดอะไร กูเปล่าคิด” โจ้รีบโบกมือปฏิเสธพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   
“ก็คิดจะไปเข้าฟิตเนส ฟิตกล้ามแบบกูไง อะไรของมึงเนี่ยโจ้ ทำจริงจังไปได้” ตั้มวักน้ำสาดใส่หน้าโจ้แต่ก็กระเด็นมาโดนผมกับบาสด้วย พวกเราเลยเล่นสาดน้ำกันใหญ่
   
“พี่ธารรร!”
   
พวกเราสี่คนหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องเรียกผม หันไปก็เห็นเด็กชายตัวเล็กป้อมในชุดกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว อวดพุงกลมๆ กำลังวิ่งเตาะแตะเข้ามาหา
   
“น้องตุลย์ อย่าวิ่งสิครับ!” ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนห้าม ก่อนที่มือแข็งแรงสองข้างจะคว้าตัวเด็กชาย ยกลอยขึ้นจากพื้น “มันอันตรายนะครับ” น้ำเสียงดุๆ ดังลอยมา
   
“พี่ธาร!!” น้องตุลย์ ชี้นิ้วกลมป้อมมาที่ผม “พี่ธารฮะพ่อ”
   
เห็นลูกชายชี้ พี่ติณก็มองตาม พอเจอเข้ากับผมที่กำลังลอยคออยู่ใกล้ขอบสระ เขาก็ส่งยิ้มมาให้ “อ้าว ธาร บังเอิญจัง” พี่ติณพูดพลางเดินมานั่งยองๆ ริมขอบสระ แล้ววางลูกชายตัวป้อมให้ยืนตรงหว่างขาตัวเอง แต่ไม่วายต้องจับเอวกลมๆ เอาไว้ เพราะกลัวเด็กชายซุกซนจะกระโจนลงสระ
   
พี่ติณที่สวมแค่กางเกงวายน้ำตัวเดียว มีผ้าขนหนูพาดอยู่บนบ่า ดึงดูดสายตาของผมได้ไม่ยาก ตามตัวของเขามีหยดน้ำเกาะพราว มัดกล้ามและซิกซ์แพ็กส์ได้รูปสวยไม่ด้อยไปกว่าของพ่อเลย สองคนนี้ถ้าจะไปสมัครเป็นนายแบบละก็ คงดังได้ไม่ยาก
   
คราวก่อนที่ได้เจอกัน ผมไม่ได้ตั้งใจมองหน้าพี่ติณชัดๆ พอมาเห็นใกล้ๆ แบบนี้ ถึงได้เพิ่งสังเกตว่าโครงหน้าพี่ติณก็มีเค้าลางของคนยุโรปอยู่บ้าง โดยเฉพาะจมูกที่โด่งเป็นสันชัดเจน กับเส้นผมสีน้ำตาลที่เข้มกว่าของน้องตุลย์เล็กน้อย ยิ่งได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งดูดีจนไร้ที่ติ
   
“สวัสดีครับพี่ติณ” ผมยกมือไหว้ เผลอเหลือบมองซิกซ์แพ็กส์กับกล้ามแขนล่ำๆ ของพี่ติณแล้วต้องรีบเบนสายตามาที่น้องตุลย์แทน ถึงจะเห็นของพ่อจนชินตาแต่มันก็ไม่รู้สึกชินกับของคนอื่นสักที จะว่าไป...พักหลังๆ ดูของพ่อก็ไม่ค่อยจะชินสักเท่าไหร่หรอก “พาน้องตุลย์มาว่ายน้ำเหรอครับ”
   
“อืม น้องตุลย์มีเรียนว่ายน้ำน่ะ นี่เรียนเสร็จพอดี...ไหนน้องตุลย์ สวัสดีพี่ธารรึยัง”

“หวัดดีฮับ” น้องตุลย์พุ้มมือไว้

“ธารมาออกกำลังกายเหรอ” พี่ติณถาม
   
“ผมมาเรียนว่ายน้ำกับเพื่อนๆ ครับ มีเรียนเสาร์อาทิตย์ นี่ก็เพิ่งเรียนเสร็จเหมือนกัน” ผมพยักพเยิดไปทางเพื่อนอีกสามคนที่ลอยคออยู่ใกล้ๆ พวกนั้นก็รีบยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
   
“แปลกจัง ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยเจอ”
   
“ธารเพิ่งมาเรียนวันแรกครับ”
   
“อ่อ ถึงว่าสิ”

กำลังคุยกันอยู่น้องตุลย์ก็ยื่นนิ้วชี้มาจิ้มๆ ที่แก้มผม สงสัยคงจะเบื่อ ผมเลยแกล้งอ้าปากงับนิ้วน้องตุลย์เบาๆ เด็กชายรีบดึงนิ้วกลับแล้วส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี
   
“คุยกับใครอยู่ครับ” เสียงของพ่อตะวันดังขึ้นเหนือหัว พร้อมๆ กับที่เท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ พี่ติณกับน้องตุลย์ พ่อก้มลงมองสองพ่อลูกเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ติณเงยหน้าขึ้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันชะงักไปทั้งคู่

“เอ่อ...พ่อกับพี่อติณรู้จักกันมาก่อนเหรอครับ”
   
“พ่อเหรอ?” พี่ติณถามย้ำ เขาขมวดคิ้วมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ
   
“ใช่ครับ นี่พ่อธารเอง”
   
“ไปรู้จักกันได้ยังไง” พ่อย่อตัวลงนั่ง ไม่ได้ตอบคำถามของผม แต่กลับย้อนถามด้วยสีหน้ากังวลแทน
   
“เอ่อ...” จะบอกว่าเจอกันในผับก็ไม่ได้ด้วยสิ ผมเหลือบมองพี่ติณเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามของพ่อ “พอดีวันก่อนธารทำกระเป๋าตังค์ตกแล้วพี่ติณเขาช่วยเก็บให้น่ะครับ เลยได้คุยกันนิดหน่อย”
   
พี่ติณทำเพียงแค่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจโดยไม่ได้พูดแก้
   
“.....” พ่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับผมว่า “กลับกันดีกว่าครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว”
   
“ไหนพ่อบอกว่าอยากว่ายน้ำ”
   
“ไว้คราวหน้าแล้วกัน พ่อต้องรีบกลับไปเคลียร์งาน”
   
“ครับ” ผมรับก่อนจะหันไปบอกกับเพื่อนๆ “กูกลับละนะ พวกมึงจะกลับกันยัง”
   
“ถ้ามึงกลับกูก็จะกลับละ ขี้เกียจอยู่ต่อเหมือนกัน” บาสว่า
   
“เออ กลับๆ พวกมึงไม่อยู่กูก็ไม่รู้จะคุยกับใคร” ตั้มพูด
   
พวกเราพากันขึ้นจากสระ เห็นอย่างนั้นพี่ติณเลยลุกตามพร้อมกับอุ้มน้องตุลย์ขึ้นมาด้วย จริงๆ พี่ติณดูไม่ค่อยจะโอ๋น้องตุลย์สักเท่าไหร่ แต่ที่ไม่ปล่อยให้น้องตุลย์เดินเอง คงกลัวว่าน้องจะวิ่งซนจนเกิดอันตราย
   
“มีใครจะให้น้าไปส่งไหม” พ่อถามพวกเพื่อนๆ
   
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราพารถมา” บาสเป็นคนตอบ
   
“โอเคครับ ผ้าเช็ดตัวกับของๆ พวกเราอยู่นั่นนะ” พ่อชี้ไปบนเก้าอี้ยาวข้างสระ แล้วยกแขนโอบไหล่ผมให้เดินไปพร้อมกัน แต่ผมกลับชะงักเท้า หันไปไหว้ลาพี่ติณก่อน

“ธารกลับก่อนนะครับ”
   
“พี่ก็ว่าจะกลับเหมือนกัน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” พี่ติณยิ้ม

เจอกันพรุ่งนี้? งั้นน้องตุลย์ก็คงมีเรียนเสาร์อาทิตย์เหมือนกันน่ะสิ

“ครับ ไว้เจอกัน” ผมยิ้มตอบ รู้สึกได้ว่ามือของพ่อที่วางอยู่บนหัวไหล่ กุมแน่นขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บเล็กน้อย

พี่ติณบอกให้น้องตุลย์โบกมือลา ก่อนจะอุ้มลูกชายเดินไปทางล็อกเกอร์เก็บของ ส่วนผมกับพ่อต้องไปเอาของที่เก้าอี้ก่อน ถึงจะเข้าไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องอาบน้ำรวม

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของพ่อที่มองตามแผ่นหลังสองพ่อลูกไปจนสุดทางเดิน

“เปล่าครับ พ่อแค่เครียดๆ กับเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ” พ่อลูบหัวผม
   
พ่อโกหก เห็นอยู่ชัดๆ ว่าท่าทีของพ่อแปลกไปเพราะพี่ติณ อืม...แต่บางทีพ่ออาจจะแค่เป็นห่วง และคิดว่าพี่ติณไม่ค่อยน่าไว้ใจล่ะมั้ง

   

@Than’s House
   
11: 12 P.M.
   
ผมนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง หูก็เงี่ยฟังเสียงจากนอกห้องไปด้วย ป่านนี้แล้วพี่ภูยังไม่กลับมาอีก ไม่แน่อาจจะไปเที่ยวผับเหมือนอย่างคืนนั้นก็ได้ ทั้งที่กลับไทยมาตั้งหลายวันแล้วแต่เพิ่งเข้ามาที่บ้าน ไม่คิดถึงครอบครัวบ้างเลย มันน่าน้อยใจไหมล่ะ
   
ครืด...
   
แรงสั่นจากมือถือในมือดึงให้ผมหลุดจากภวังค์ แถบสีดำที่บนหน้าจอเตือนว่าบาสเพิ่งไลน์มาหา ผมเลยรีบกดเข้าไปอ่าน
 
Thanapon Bas : กูได้เฟสพี่ภูมาละ
   
เมื่อเย็นหลังจากกลับมาผมก็แชทบอกบาสว่าอยากได้เฟสพี่ภู เพราะเฟสเก่าพี่ภูปิดไปนานแล้ว เสิร์จหาจากชื่อเล่นชื่อจริงก็ไม่เจอ พอดีบาสสนิทกับรุ่นพี่โรงเรียนเก่าพี่ภูเลยให้ลองไปถามดู
   
Thara Than : เร็วเชี่ย

Thanapon Bas : ก็เพื่อนพี่ภู คนที่กูบอกว่ารู้จักอะ ออนเฟสอยู่พอดี กูเลยขอมา แต่ถ้ากูให้เฟสพี่ภูไปแล้ว มึงก็อย่าตกใจล่ะ

Thara Than : ทำไมวะ

Thanapon Bas : เปิดเข้าไปดูเองแล้วกัน

บาสส่งลิงค์เฟสบุ๊คมาให้ ผมเลยกดเข้าไปดู รูปโปรไฟล์เป็นรูปพี่ภูสวมเสื้อกล้ามสีดำอวดรอยสัก นั่งก้มหน้าดูดกาแฟ ชื่อเฟสเป็นภาษาอังกฤษที่สลับตัวอักษร จาก Phupha กลายเป็น Ahpuhp ถึงว่าสิผมเลยเสิร์จหาไม่เจอ ที่น่าตกใจคือจำนวนคนกดติดตามเกือบหกหมื่นกับเพื่อนอีกสี่พันกว่าคน ผมเองก็อยากแอดเฟรนไปแต่เฟสพี่ภูถูกตั้งค่าให้กดติดตามได้อย่างเดียว เลยต้องกดติดตามแทน จากนั้นจึงค่อยเลื่อนดูสเตตัส

อืม...เช็คอินที่ 1000F Pub เมื่อห้านาทีก่อนนี่เอง เห็นทีคืนนี้กว่าจะกลับคงอีกนาน เลื่อนลงมาดูโพสต่อๆ มา ส่วนใหญ่ก็เป็นเช็คอินสถานที่ต่างๆ กับรูปพี่ภู อย่างโพสของสามวันก่อนก็เป็นรูปพี่ภูนอนอวดหุ่นอยู่บนหาดทรายที่พัทยา แต่โพสเก่าจากนั้นนี่สิ...ภาพพี่ภูจูบปากกับผู้ชายหน้าหวานในผับทำเอาผมอึ้ง

นี่พี่ภู...เป็นเกย์?

แกร็ก

เสียงหมุนลูกบิดทำให้ผมต้องรีบกดล็อคหน้าจอ แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พ่อที่เพิ่งเดินเข้ามา

“ยังไม่นอนอีกเหรอธาร” พ่อพูดพลางเดินมานั่งบนเตียง “รอพ่ออยู่รึเปล่า พ่อบอกแล้วไงว่าต้องเคลียร์งานให้ธารนอนไปก่อน”

ผมส่ายหน้า “ธารไม่ได้รอพ่อสักหน่อย ธารแค่เล่นมือถือเพลิน”

“น่าตีจริงๆ” พ่อพูดขำๆ แล้วดึงมือถือของผมไป ทำเอาผมเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างกังวล แต่ก็นึกขึ้นได้ทีหลังว่าผมตั้งรหัสปลดล็อคหน้าจอเอาไว้ ถึงพ่อเอาไปก็เปิดดูไม่ได้อยู่ดี แต่สุดท้ายพ่อก็แค่ปิดเครื่องแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงเท่านั้น พ่อยังเชื่อใจและให้ความเป็นส่วนตัวกับผมเสมอ “ถ้ารอพี่ภูละก็ ไม่ต้องรอแล้วครับ กว่าพี่ภูจะกลับคงเลยเที่ยงคืน กลับมาก็คงง่วงจนไม่มีแรงจะคุยกับเรา” พ่อบอกอย่างรู้ทัน

“งั้นธารนอนก็ได้” ผมล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มถึงหน้าอก

พ่อสอดตัวเข้ามานอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ก่อนจะกดปิดโคมไฟบนหัวเตียง จากนั้นก็ดึงผมเข้าไปกอด “หนาวไหม ให้พ่อปรับแอร์ให้รึเปล่า”

“ไม่หนาวครับ ไม่ร้อนด้วย กำลังพอดี”

“แต่อีกเดี๋ยวน่าจะร้อนนะ” พ่อพูดปนหัวเราะ

“ทำไมถึงร้อนล่ะครับ”

“ก็เพราะพ่อจะกอดธารไง”

“ก็กอดอยู่นี่ไงครับ” ผมเงยหน้าพูดพร้อมกับยกแขนกอดพ่อตอบ หน้าของเราอยู่ใกล้กันจนผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจของพ่อที่เป่ารดอยู่เหนือริมฝีปากของผม

“กอด...แบบนี้ต่างหาก” พ่อกระซิบบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม พร้อมกันนั้นฝ่ามือหยาบกร้านก็ล้วงเข้ามาใต้เสื้อของผม ลากผ่านเอวไปจนถึงหน้าอก ก่อนที่ปลายนิ้วจะสะกิดหยอกล้อกับยอดอกของผมเบาๆ

“พ...พ่อ” เสียงของผมสั่นพร่า ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นกับสัมผัสวาบหวิวที่พ่อมอบให้ และเริ่มจะชอบมัน...

“พ่อชักจะหิวแล้วสิ...ขอกินหน่อยได้ไหม” พ่อรูดรั้งเสื้อของผมขึ้นมากองไว้เหนืออก ก่อนจะไล้ปลายลิ้นลากผ่านหน้าอกของผมอย่างแผ่วเบา แตะชิมยอดอกสีชมพูที่กำลังชูชัน แล้วไล้ต่ำลงไปถึงหน้าท้อง จากนั้นกางเกงของผมก็ถูกถอดออก

Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)


เกือบตีสาม...

ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงลูกบิดประตูห้องนอนดังแกร็กๆ สองสามครั้ง มีใครบางคนพยายามจะเปิดประตูเข้ามาแต่มันถูกล็อคเอาไว้ แม่ยังไม่กลับจากฝรั่งเศส และแม่บ้านก็คงไม่มารบกวนผมตอนตีสามแน่ๆ จะเหลือก็แต่พี่ภู ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพ่อลืมล็อคประตู แล้วพี่ภูเข้ามาเห็นผมกับพ่อนอนกอดกันแนบแน่นจนแทบจะกลืนเป็นร่างเดียว เขาจะคิดยังไง

ผมค่อยๆ ยกแขนของพ่อออกจากเอว แล้วขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ พ่อยังคงหลับสนิทอาจเพราะเมื่อเย็นต้องนั่งทำงานอยู่หลายชั่วโมงจนเหนื่อย เห็นดังนั้นผมจึงเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ มาหยุดยืนหน้าประตูห้องนอนห้องข้างๆ

ก๊อก ก๊อก

ผมยกมือเคาะประตูเบาๆ สองครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน

พี่ภูนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้ถอดรองเท้า สภาพนี้คงดื่มมาเยอะจนเมาแอ๋ ผมเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นทั้งเหล้าทั้งบุหรี่โชยเข้าจมูก เดาผิดเสียที่ไหนกันล่ะ

“ผมเช็ดตัวให้นะครับ” ผมบอกคนบนเตียง

พี่ภูผงกหัวมองผมแล้วกลับไปนอนนิ่งอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยานคางทั้งที่ยังหลับตาว่า “ไม่ต้อง ออกไป พี่จะนอน”
ถ้าตอนมีสติดีผมก็คงเชื่อฟังอยู่หรอก แต่ตอนนี้ไม่

ผมจัดการถอดร้องเท้ากับถุงเท้าให้พี่ภู ก่อนจะไปรื้อเอาผ้าสะอาดผืนเล็กในตู้เสื้อผ้า ชุบน้ำอุ่นจากฝักบัวในห้องน้ำ แล้วมานั่งลงข้างๆ เตียง เช็ดหน้าเช็ดตาให้กับคนที่กำลังเมาไม่ได้สติอย่างเบามือ

“บอกว่าไม่ต้องไง” พี่ภูตวาดพร้อมกับผลักมือของผมออก

“เฮ้อ ก็ได้ครับ” ผมถอนหายใจ วางผ้าไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงอย่างยอมแพ้ “...แต่พี่ช่วยตอบคำถามผมสักสองสามข้อได้ไหม แล้วผมจะออกไป”

“......”

“เมื่อกี้พี่เป็นคนมาเปิดประตูห้องผมใช่ไหม”

“......”

“ทำไมล่ะ หรือแค่อยากเข้ามาดูว่าผมนอนหลับสบายดี...ถ้าพี่เป็นห่วงทำไมพี่ถึงไม่แสดงออกอะไรให้ผมรับรู้บ้าง ทำไมพี่ต้องทำเหมือนเกลียดผมด้วย”

“ก็เพราะว่าพี่เกลียดนาย”

“ผมไม่เชื่อ!”

“กลับห้องของนายไปซะ” พี่ภูยกมือก่ายหน้าผาก พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญเต็มที “อยู่ห่างๆ พี่ไว้ดีกว่า นายไม่รู้หรอกว่าพี่ลงมือทำอะไรกับนายได้บ้าง”

“ถ้าพี่เกลียดผมขนาดนั้นก็ทำเลยสิ” ผมพูดอย่างท้าทาย “ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะกล้าทำร้ายน้องชายตัวเอง”

“มั่นใจจังนะ”

พี่ภูกระชากแขนผมอย่างแรงจนผมเสียหลักล้มลงนอนทับบนตัวเขา ก่อนที่เขาจะพลิกตัวเป็นฝ่ายขึ้นมาอยู่ด้านบน มือข้างหนึ่งของพี่ภูตรึงข้อมือของผมไว้เหนือหัว ส่วนมืออีกข้างบีบคอของผมเอาไว้แน่น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่ตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ

“แค่กๆ พี่ภู ธ...ธาร...” หายใจไม่ออก ผมพยายามดึงมือของพี่ภูออกจากคอตัวเองด้วยมืออีกข้างที่ยังว่าง แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะต่อกรกับเขา

“ไง เริ่มกลัวกูขึ้นมาแล้วสิ” พี่ภูพูดเสียงลอดไรฟัน หน้าตาของเขาเฉยชาจนผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ “ถ้ายังไม่อยากตายก็อย่ามากวนใจกูอีก จำไว้!” จบประโยคนั้นพี่ภูก็ยอมปล่อยมือออก

ทันทีที่ผมเป็นอิสระ ผมก็ผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับผลักเขาออกห่างสุดแรง ขณะเดียวกันก็รีบสูดเอาอากาศเข้าปอด...นี่พี่ภูคิดจะฆ่าผมจริงๆ งั้นเหรอ เขาคิดจะฆ่าผม! น้ำตาของผมไหลซึมออกมาด้วยความกลัว มองพี่ภูด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม

พี่ภูคนเดิม...คนที่ไม่เคยทำให้ผมต้องเจ็บตัวและคอยดูแลผมมาตลอดไม่มีอีกแล้ว เวลาแปดปีคงนานพอที่จะเปลี่ยนคนๆ หนึ่งที่ผมคุ้ยเคยเป็นอย่างดีให้กลายเป็นคนแปลกหน้า

แต่ทำไมกันนะ...ทำไมสายตาที่พี่ภูใช้มองผมมันถึงได้ดูเจ็บปวด ไม่ใช่สะใจ

“ออกไปได้แล้ว” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา

ผมก้าวขาที่สั่นเทาลงจากเตียงแต่ก็ถูกพี่ภูกระชากแขนไว้อีกหน สายตาคมกริบของเขาจ้องเขม็งมาที่คอของผม ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า “นายมีแฟนแล้วเหรอ”

“.....” ผมมองพี่ภูอย่างลังเล ทำไมจู่ๆ เขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมานะ

จริงสิ...

ผมลูบต้นคอของตัวเอง ยังรู้สึกปวดหนึบเล็กน้อย แต่รอยนิ้วจากฝ่ามือของพี่ภู คงไม่เข้มพอจะปกปิดรอยคิสมาร์คที่พ่อทำเอาไว้ได้

“ผู้หญิงรุ่นพี่เหรอ” พี่ภูเริ่มมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วชะงักไปนิดเมื่อเห็นรอยคิสมาร์คตรงต้นขาซึ่งอยู่ตำกว่าขอบกางเกงบ็อกเซอร์เล็กน้อย “ดูท่าจะร้อนแรงไม่เบานะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน

“ปล่อย” แรงบีบที่ข้อมือเพิ่มขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บจึงพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา แต่พี่ภูกลับไม่ยอมปล่อย ตกลงนี่เขาอยากจะไล่ผมกลับห้องหรือต้องการให้อยู่ต่อกันแน่

“เหอะ อายุแค่สิบสี่สิบสี่ก็หัดมีเซ็กส์แล้วเหรอ”

“ผมไม่ได้...”

ถึงจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ที่ผมกับพ่อทำมันก็เรียกได้ว่า ‘เซ็กส์’ 

ผมมีเซ็กส์กับพ่อตัวเอง...

“เป็นอะไร ทำไมไม่เถียงให้จบล่ะ” พี่ภูปล่อยมือออกจากแขนของผม ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่ได้สนใจใยดีอะไร “ถ้าจะทำอีกก็อย่าลืมป้องกัน เพราะถ้าพลาดขึ้นมาบ้านนี้คงจะวุ่นวายน่าดู แค่ที่เป็นอยู่ก็น่ารำคาญจะแย่”

“เรื่องนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกครับ” ผมพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง

“หรือว่าแฟนนาย...” คำพูดของพี่ภูทำให้ผมต้องชะงักเท้า “เป็นผู้ชาย?”

“...ก็คงเหมือนกับพี่ภูมั้งคับ”

ผมออกจากห้องแล้วปิดประตูลง

Pie2Na
ถ้ายังมีคนเข้ามาอ่าน ก็ช่วยคอมเม้นติชมบ้างนะเธอ TT
เรา รอ อ่าน คอมเม้นอยู่ ถือว่า สงสาร คนเขียน เห็นใจ เรา หน่อย
เรา รัก คนอ่าน นะ คนอ่าน อย่า ใจร้าย กับ เรา นัก สิ
 :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2017 10:33:36 โดย pie2na »

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ฟินเวอร์ๆๆๆๆ
น้องธานนี้ ฮ็อตฉ่าาา จริงๆนะครับเนี่ย

//  ขอบคุณนะฮะ

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โว๊ววววววววววววว :z3:
เม้นท์ไม่ออก บอกไม่ถูก :katai1:

ออฟไลน์ Maryjane96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 5]
«ตอบ #17 เมื่อ14-11-2015 14:37:10 »

เค้าอ่านนนนนนนนนน มาต่อเต้อะ
ส่วนตัวเชียร์พี่ภู เอิ้กๆๆชอบโหดๆแต่ก็ดูแอบห่วงน้องนะ :impress2: :impress2:
ติดตามอยู่นะงื้อๆ   :hao5:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [Chapter 6]
«ตอบ #18 เมื่อ14-11-2015 22:04:48 »

Chapter 6
ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง

ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่พี่ชายของผมกลับมาอยู่ที่บ้าน แต่พวกเราแทบไม่ได้พูดคุยกันเลย และความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาก็ดูเหมือนจะห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ

แม่คงสังเกตเห็นและอยากให้พวกเราสนิทกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ หลังจากผมพ้นโทษ (?) ถูกกักบริเวณ ถึงได้ให้พี่ภูเป็นคนมารับมาส่งผมไปโรงเรียน เพราะยังไงโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ก็เป็นทางผ่านไปมหาลัยพี่ภูพอดี แต่อย่างที่รู้กันว่าเด็กมหาลัยไม่ได้เรียนตั้งแต่เช้าถึงเย็นอย่างเด็กมัธยม วันไหนที่พี่ภูมีเรียนสาย เลิกเรียนเร็ว พ่อก็จะเป็นคนมารับมาส่งผมแทน

วันนี้เป็นวันที่พี่ภูต้องมารับผมกลับบ้าน แต่ทุกทีกว่าพี่ภูจะมาถึงก็เลยเวลาเลิกเรียนผมไปเกือบชั่วโมงนู่นแหละ ผมเลยมานั่งรอในร้านนมสดข้างโรงเรียน มีบาสนั่งเป็นเพื่อน ส่วนเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มไปเรียนพิเศษกันหมดแล้ว

“ธาร วันนี้มีการบ้านไรบ้างป่ะ”

“มี แต่จำไม่ได้ เพราะไม่ได้จำ”

“สัตว์”

บาสเงยหน้าขึ้นมาด่าผมเสร็จก็คว้าโกโก้ปั่นไปดูดแล้วก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ถึงมันจะมานั่งเป็นเพื่อนก็เหมือนผมนั่งคนเดียวนั่นแหละ เพราะมันเอาแต่เล่นเกม ส่วนผมก็พอๆ กัน...กำลังเช็คฟีดข่าวในเฟสบุ๊ค

เหมือนนิ้วมือจะทำงานไวกว่าสมอง เพราะทั้งที่ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลิกสนใจพี่ภู แต่ผมดันกดเข้าไปดูหน้าเฟสบุ๊คของพี่มันจนได้ โพสแรกที่เจอก็ทำเอาอารมณ์ผมเดือดปุดๆ มันคือโพสที่ผู้ชายคนหนึ่งแท็กมา เป็นรูปพี่ภูกำลังกินไอศกรีมอยู่ น่าจะถูกถ่ายตอนเผลอเพราะพี่ภูไม่ได้เงยหน้าขึ้นเก๊กหล่ออะไร แค็ปชั่นชวนหมั่นไส้ว่า ‘ขนาดตอนกินยังหล่อเลย :)’ แต่ดันมีคนกดไลท์ตั้งสี่พันกว่า

ที่สำคัญคือมันถูกโพสเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน และเช็คอินที่ร้านไอศกรีมในห้างหรูข้างๆ มหาลัยพี่ภู

นี่สินะเหตุผลที่มารับผมช้าแทบทุกครั้ง...

ผมกดเข้าไปอ่านคอมเมนท์เกือบร้อยคอมเม้นใต้ภาพ มีคนชมว่าหล่อบ้างล่ะ น่ารักบ้างล่ะ จีบได้ไหม โสดรึเปล่า ยิ่งอ่านผมก็ยิ่งหงุดหงิด สุดท้ายนิ้วมือก็ทำงานไวกว่าสมองอีกเหมือนเคย ถึงได้เผลอ (?) เมนท์ไปว่า...

กินให้อร่อยนะครับ ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวธารกลับเอง

ไม่ถึงหนึ่งนาทีมีคนมากดไลท์คอมเมนท์ของผมห้าสิบกว่าคน และเมนท์ตอบอีกเกือบยี่สิบคอมเมนท์ ที่ทำให้ผมแปลกใจคือพี่กฤษมากดไลท์คอมเมนท์นี้ด้วย หรือว่าพี่กฤษกับพี่ภูจะรู้จักกัน...จริงสิ สองคนนี้เรียนปีเดียวกัน มหาลัยเดียวกัน ถ้าจะเป็นเพื่อนกันในเฟสบุ๊คก็คงไม่แปลก

พอหายสงสัย ผมก็หันมาไล่อ่านคอมเมนท์ที่ตอบคอมเมนท์ของผม...

นี่ใครเอ่ย? เป็นอะไรกับพี่ภูครับ?

น่ารักจัง แฟนพี่ภูเหรอ?

@Ahpuhp Uhp คนนี้ใคร?


คอมเมนท์นี้แท็กเฟสบุ๊คพี่ภูตรงๆ เจ้าของคอมเมนท์ก็คือคนที่โพสรูปนี้ ด้วยความอยากรู้ผมเลยกดเข้าไปส่องเฟสบุ๊คของเขา หมอนี่เป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าหล่อเลยแหละ ขาว ตี๋ หน้าหวาน คงจะตรงสเป็คพี่ภูทุกอย่าง แต่หน้าคุ้นๆ แฮะ...
อ้อ คนเดียวกับผู้ชายที่พี่ภูจูบปากด้วยในผับ!

“คิดว่าหล่อนักรึไง”

“ฮ้ะ?”

“กูไม่ได้พูดกับมึง”

บาสหันซ้ายหันขวาพอไม่เจอคนที่ผมคุยด้วยมันก็ส่ายหน้ายิ้มขำ แล้วก้มหน้าก้มตาเล่นเกมต่อ เป็นจังหวะเดี๋ยวกับที่มือถือของผมสั่นเตือนพอดี

ผมเช็คแจ้งเตือนในเฟสบุ๊ค แอบตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็มีคนไม่รู้จักแอดมาเกือบห้าสิบคน ทักแชทมาอีกหกคน แต่ผมเลือกที่จะปล่อยมันทิ้งไว้ ไว้ค่อยคิดอีกทีว่าจะกดรับหรือตอบแชทดีรึเปล่า เพราะตอนนี้ผมต้องไล่อ่านคอมเมนท์ใหม่ๆ ที่เมนท์ตอบคอมเมนท์ของผม มีคอมเมนท์หนึ่งจากพี่ภูบอกว่า...

รออยู่นั่นแหละ กำลังไป

อืม...รอก็รอ ระหว่างนี้ผมควรตอบคำถามเพื่อนๆ ของพี่ภูไหมนะ อย่างเช่นว่า...ผมกับพี่ภูเป็นอะไรกัน?  เพราะดูเหมือนพี่ภูไม่คิดจะตอบคอมเมนท์พวกนี้แน่ๆ

...แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่รู้สิ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน ปล่อยให้เดาผิดๆ ถูกกันไปก็ดี จะได้ไม่ต้องมีคนมายุ่มย่ามกับพี่ภูมากนัก

ตัดสินใจได้อย่างนั้นผมก็กดออกจากเฟสบุ๊ค แล้วเข้าโปรแกรมไลน์เพื่อตอบข้อความที่ยังไม่เปิดอ่าน

P’ Krit : ธารรู้จักกับภูด้วยเหรอ

ข้อความล่าสุดจากพี่กฤษเพิ่งถูกส่งมาเมื่อห้านาทีที่แล้ว

ช่วงที่ผมถูกกักบริเวณ ผมกับพี่กฤษไม่ได้เจอกันเลย เพราะตอนเช้าเวลาพ่อมาส่งผมที่โรงเรียนก็ต้องจอดรถรอจนผมเดินเข้าประตูก่อน ตอนกลับก็มารอรับ ผมเองอยากหนีหน้าพี่กฤษอยู่แล้วเลยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไม่ไปเจอเขา ทั้งที่ถ้าผมอยากเจอจริงๆ จะโดดเรียนไปหาก็ได้ เราเลยได้แต่โทรคุย เฟสไทม์ หรือแชทหากันเท่านั้น

เพราะผมก็ยังใจไม่แข็งพอที่จะเลิกกับพี่กฤษอย่างจริงจัง...
   
Thara Than: อือ

Thara Than: พี่ชายธารเอง พี่กฤษรู้จักกับพี่ภูได้ยังไงครับ?
   
ผมพิมพ์ตอบพี่กฤษ ระหว่างรออีกฝ่ายตอบกลับ ผมก็เปิดอ่านข้อความจากพี่ติณ พวกเราแอดไลน์กันตั้งแต่วันที่แลกเบอร์โทรแล้ว แต่เพิ่งมาสนิทและเริ่มคุยไลน์กันเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนนี่เอง เพราะต้องเจอกันที่สปอร์ตคลับทุกเสาร์อาทิตย์

Atin”: น้องตุลย์บอกว่าอยากกินไอติมกับพี่ธาร

ข้อความนี้ถูกส่งมาพร้อมกับรูปถ่ายของน้องตุลย์ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงสำหรับเด็กในร้านไอศกรีมแบรนด์ดัง และกำลังตักไอศกรีมรสช็อกโกแลตเข้าปากด้วยท่าทางมูมมาม จนปากกับแก้มเลอะเทอะเป็นสีน้ำตาลไปหมด ทำเอาผมต้องยิ้มกว้างกับความน่ารัก

Thara Than: งั้นเสาร์นี้ไปกินกันนะครับ อยากอยู่เล่นกับน้องตุลย์ก่อนกลับบ้าน

Atin”: พ่อธารไม่ว่าเหรอครับ ปกติเห็นตามประกบไม่ห่างเลย ดูท่าจะหวงลูกชายน่าดู

พี่อติณตอบกลับมาแทบจะทันที สงสัยกำลังเล่นมือถืออยู่

Thara Than: อืม...ถ้ารู้ก็คงจะดุมั้งครับ แต่ธารไม่ถูกกักบริเวณแล้ว คงแอบหนีคุณพ่อไปได้ :P

Atin”: ดื้อเงียบนะเรา

ผมส่งสติ๊กเกอร์รูปเด็กผู้ชายนั่งคุกเข่าหัวเราะน้ำตาเล็ดไป ก่อนจะเปิดอ่านข้อความของพี่กฤษ

P’ Krit: โลกกลมดีจัง พี่กับภูเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมแล้ว
   
Thara Than: สนิทกันไหมครับ
   
ผมรอข้อความตอบกลับจากพี่กฤษอย่างจดจ่อ ชักจะกังวลขึ้นมาแล้วสิ เพราะผมไม่อยากให้พี่ภูรู้เรื่องระหว่างผมกับพี่กฤษ ถึงพี่ภูจะไม่ใช่คนปากโป้งที่จะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อกับแม่ และไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของผมเลยสักครั้ง แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีถ้าเขาจะรู้เรื่องนี้
   
P’ Krit: ไม่เชิง แค่ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย
   
ถ้าไปเที่ยวด้วยกันบ่อยก็ต้องมีโอกาสคุยกันบ่อยๆ ด้วยสิ...แต่พี่กฤษยังไม่รู้ว่าผมเป็นน้องชายพี่ภู งั้นแสดงว่าสองคนนี้ยังไม่เคยคุยกันถึงเรื่องของผม

Thara Than: อย่าบอกพี่ภูนะครับว่าพวกเราเคยคบกัน ธารไม่อยากให้เรื่องถึงหูแม่

ผมโกหก...ผมแค่ไม่อยากให้พี่ภูรู้แค่นั้นเอง

P’ Krit: โอเค

P’ Krit: เฟสไทม์ได้ไหม คิดถึง อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า

ผมกำลังจะพิมพ์ตอบก็มีคนโทรเข้ามาพอดี เบอร์ที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือเบอร์พี่ชายผมเอง



หลังจากรับสายพี่ภูที่โทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว ผมก็เดินออกจากร้านไปยังรถ BMW Z4 สีดำที่จอดรออยู่ข้างรั้วโรงเรียน

“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าของรถที่นั่งหน้าขรึมอยู่หลังพวงมาลัย ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ

พี่ภูไม่แม้แต่จะพูดหรือเหลือบมองมาทางผม ทันทีที่ประตูรถปิดลงเขาก็ขับออกไปเงียบๆ ทำเอาผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมา อย่างน้อยพี่ภูก็ควรถามผมสักนิดว่าผมรอนานรึเปล่า ถามว่าผมเรียนเหนื่อยไหม ถามอย่างเป็นห่วงแบบที่พี่ชายคนอื่นเขาทำกัน

“พี่ภู พี่จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

“.....” 

“ผมก็ทำอย่างที่พี่ต้องการแล้วไง คอยอยู่ห่างๆ ไม่ไปทำให้พี่รำคาญ แต่อย่างน้อยเวลาอยู่ด้วยกันอย่างตอนนี้ พี่จะคุยกับผมบ้างไม่ได้เลยเหรอ”

“นายไม่กลัวพี่แล้วรึไง”

ผมชะงัก...นึกถึงคืนนั้นที่ถูกพี่ภูบีบคอจนหายใจไม่ออก ยังจำติดตาว่าพี่ภูมองผมด้วยสีหน้าเย็นชาแค่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่เพราะความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กระหว่างพวกเราสองคน ผมจึงยังอยากที่จะอยู่ใกล้ๆ พี่ภู อยากพูดคุยกับเขา และอยากได้พี่ชายคนเดิมของผมกลับมา

“ไม่” ผมตอบปฏิเสธไปทันที แต่ก็ทำเป็นปากเก่งไปงั้นเอง

“.....”

“ทำไมพี่ต้องทำเหมือนเกลียดผมนัก ทั้งๆ ที่พี่เคยบอกว่ารักผม ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจงั้นเหรอ พี่บอกผมมาสิ ผมจะได้ปรับปรุงตัว”

แม้ว่าผมจะยังไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่าแววตาของคนเราไม่มีทางโกหก ถึงการกระทำของพี่ภูจะแสดงออกว่ารำคาญหรือเกลียดผมแค่ไหน แต่หลายครั้งที่แววตาของเขามันสื่อความหมายในทางตรงกันข้าม ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเสี่ยง...อยากจะลองเชื่อว่าในคืนนั้น พี่ภูไม่ได้อยากจะทำร้ายผมจริงๆ

“พี่เคยบอกนายตอนไหนว่าพี่รักนาย” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา

“พี่จำไม่ได้เหรอ” ผมมองหน้าพี่ภู “คืนที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้วจะส่งพี่ไปเรียนต่างประเทศ พี่ภูให้ธารเข้าไปในห้อง กอดธาร...แล้วก็บอกว่าพี่ภูรักธาร” ผมหลุดเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนอย่างเมื่อก่อน ตอนที่ผมกับพี่ภูยังสนิทกัน

พี่ภูชะงักไปนิด เขาหักพวกมาลัย เลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง ก่อนจะหันมามองหน้าผมตรงๆ “ตอนนั้นพี่ก็แค่โกหกนาย”

“ตอนนี้ต่างหากที่พี่กำลังโกหก”

“แล้วไง ต่อให้พี่พูดความจริง เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งแปดปีแล้ว ความรู้สึกของพี่มันไม่เหมือนเดิมแล้วธาร”

“อ๋อ...พี่ก็เลยจูบปากกับผู้ชายในผับ แถมยังชวนหมอนั่นไปกินไอติมด้วยกันใช่ไหม” ผมหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเพราะอารมณ์ล้วนๆ แต่ไหนๆ ก็พูดไปแล้ว ผมก็จะพูดให้มันจบในวันนี้

“ธาร!” พี่ภูลูบหน้า “รู้ตัวใช่ไหมว่าเพิ่งพูดอะไรออกมา”

“รู้สิ ตอนนี้ธารไม่ใช่เด็กแล้ว ธารรู้ว่าสิ่งที่พี่ภูเคยทำกับธารมันหมายความว่ายังไง แต่ในเมื่อความรู้สึกของพี่ภูมันไม่เหมือนเดิม เราก็แค่ทำให้ทุกอย่างถูกต้อง...กลับมาเป็นแค่พี่ชายกับน้องชายเหมือนอย่างพี่น้องในครอบครัวอื่นๆ ไงครับ”

“ได้ พี่จะพยายาม” พี่ภูจ้องหน้าผม “พี่จะทำตัวเป็นพี่ที่แสนดี ทำเป็นลืมๆ ไปว่าพี่เคยทำระยำอะไรไว้กับน้องชายตัวเองบ้าง!”

ผมกัดปาก ก้มหน้าหลบสายตาพี่ภู “ถึงพี่ภูจะคิดอย่างนั้น แต่ธารไม่เคยรังเกียจในสิ่งที่พี่ทำเลยนะ”

“.....”

ถ้าพี่ภูคิดว่าเรื่องที่เขาทำกับผมมันเป็นความผิดร้ายแรง แล้วสิ่งที่ผมกับพ่อกำลังทำอยู่ล่ะ...มันไม่เรียกว่าระยำยิ่งกว่าเหรอ ทั้งๆ ที่คนที่ควรจะนอนกอดพ่อทุกคืนคือแม่ แต่ผมกับทำหน้าที่นั้นแทน จนตอนนี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่า คำว่า ‘ศีลธรรม’ มันเป็นยังไง ‘ผิด’ หรือ ‘ถูก’ มีหน้าตาแบบไหน

ผมรู้แค่ว่าอะไรคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นและเย้ายวนจนผมอยากจะกระโจนเข้าใส่...

“ธารถามจริงๆ นะพี่ภู” ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนข้างตัวที่หันกลับไปจดจ่ออยู่บนถนน ไม่อาจเดาได้เลยว่าภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมและเฉยชาของพี่ภู เขาซ่อนความรู้สึกยังไงเอาไว้ “ความรู้สึกของพี่ภูมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เหรอ...พี่ภู...เกลียดธารแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

“.....”

ปลายนิ้วของผมเย็นเฉียบ หัวใจเต้นระรัวกับสิ่งที่กำลังจะทำ...ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดมันผิด...ว่าพี่ภูไม่ได้รักผมแล้ว และพวกเราควรกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น

ผมเอื้อมมือไปจับใบหน้าของพี่ภูให้หันมา ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบเขา...

พี่ภูนิ่งอึ้งด้วยความตกใจแล้วจับไหล่ของผมดันออกห่างอย่างแรง

“ทำบ้าอะไร!” เขาตวาด

“จูบไง” ผมบอกอย่างดื้อดึงพร้อมกับเอื้อมมือไปจับใบหน้าของพี่ภูแล้วกดจูบลงอีกครั้ง บดเบียดเร่งเร้าอย่างต้องการเอาชนะ จนในที่สุดพี่ภูก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เมื่อเขายื่นมือมาจับเอวของผม และยอมเผยอกลีบปากขึ้น ปล่อยให้ผมไล้เล็มริมฝีปากของเขาตามแต่ใจ

รสจูบของผมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยั่วยวนและเชื่องช้า ขบเม้มริมฝีปากล่างของพี่ภูเบาๆ ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนปลายลิ้นของเขาอย่างช่ำชอง 

เสียงลมหายใจหอบกระชั้นของพวกเราทั้งคู่ดังก้องอยู่ในที่แคบๆ พี่ภูดึงชายเสื้อของผมออกจากกางเกง ก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะสอดเข้าไปด้านใน ลูบไล้ตามแผ่นหลัง ขณะเดียวกันผมก็ขยับตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักของพี่ภู โดยที่ปากของพวกเราทั้งคู่ยังดูดดุนกันและกันอย่างไม่ยอมถอยห่าง

จ๊วบ...

ผมเป็นฝ่ายถอนจูบออกก่อน ก่อนจะก้มลงดูดเม้มที่ซอกคอของพี่ภูจนเกิดเสียงดังชวนน่าอาย

“อือ...”

เสียงครางอย่างพอใจดังลอดออกมาจากปากของพี่ภู เมื่อผมลูบไล้ฝ่ามือไปตามแผงอกของเขา ไล้ต่ำลงมายังกล้ามเนื้อหน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมกางเกงยีนของพี่ภูออก

“ธาร...หยุดก่อน” พี่ภูบอกด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่าพร้อมกับรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว จนผมต้องยอมผละออกจากซอกคอของพี่ภู แล้วเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความขัดใจ

“พอแล้ว” พี่ภูจ้องหน้าผม สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ อย่างพยายามควบคุมตัวเอง

“ธารชนะ” ผมกระซิบบอก แนบหน้าผากของตัวเองลงบนหน้าผากของพี่ภู ให้ปลายจมูกของเราสัมผัสกัน หลุบสายตาลง ก่อนจะขบริมฝีปากล่างของพี่ภูอย่างยั่วยวน

“.....”

“ไม่ชอบเล่นแบบนี้แล้วเหรอครับ ตอนเด็กๆ ยังชอบมาชวนธารเล่นบ่อยๆ เลย” ผมขยับสะโพก บดเบียดเคล้าคลึงกับหน้าตักของพี่ภู

ผมเคยคิดว่าตัวเองไม่พร้อมสำหรับเซ็กซ์ แต่ที่จริงแล้วเพราะผมกำลังรอใครสักคนที่ผมต้องการจะทำมันกับเขาต่างหาก...แล้วคนๆ นั้นก็คือพี่ภู

“ธาร!” พี่ภูตวาดเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือของผมออก เปลี่ยนมาจับเอวของผมไว้ไม่ให้ขยับแทน

“ก็ได้” ผมบอกอย่างยอมแพ้ แล้วยอมลุกออกจากตักของพี่ภูมานั่งที่เก้าอี้ข้างคนขับดีๆ “วันนี้ก่อนกลับบ้านเราแวะไปกินไอติมกันดีกว่าครับ พี่ภูยังพาเพื่อนคนนั้นไปกินได้เลย งั้นก็พาธารไปบ้างสิ”

พี่ภูยกมือเสยผมแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ เขานิ่งเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ลงไปจากรถ”

“.....” ผมหันมองพี่ภูอย่างไม่เข้าใจ

“พี่บอกให้ลงไปจากรถ!”

พี่ภูไล่ผมงั้นเหรอ! ทั้งที่เมื่อกี้เราเพิ่งจะจูบกันเนี่ยนะ!?

ผมคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายกับคนในรถว่า “ธารไม่ใช่เด็กหกขวบหน้าโง่ที่จะโดนพี่ภูหลอกได้ง่ายๆ อีกแล้ว เพราะงั้นเชิญพี่หลอกตัวเองไปคนเดียวเถอะครับ”

ปัง!

ทันทีที่ประตูรถถูกกระแทกปิดลง รถคันหรูของพี่ภูก็กระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่บนฟุตบาธ

พี่จะเล่นอย่างงี้ใช่ไหมพี่ภู...ได้! ธารจะทำให้พี่เห็นว่าน้องชายของพี่คนนี้ไม่ใช่เด็กผู้ชายใส่ซื่อ หัวอ่อนคนเดิมที่พี่เคยรู้จัก ดูซิว่าพี่จะทนทำท่าทีเฉยชากับธารไปได้ถึงเมื่อไหร่!

ผมล้วงมือถือออกมากดโทรหาคนที่ไม่ควรเจอหน้าที่สุด รออยู่ไม่กี่วินาทีปลายสายก็กดรับ ก่อนที่เสียงทุ้มๆ น่าฟังของเขาจะเอ่ยทัก

“ไงธาร ยอมโทรหาพี่แล้วเหรอ”

“พี่กฤษมารับธารหน่อยสิ ธารอยู่ที่...” ผมบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เพราะยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

“เป็นอะไรรึเปล่า” พี่กฤษถามอย่างเป็นห่วง คงฟังออกว่าผมอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่

“โทษทีครับที่เผลอพูดไม่ดีด้วย พอดีมีเรื่องน่าโมโหนิดหน่อย”

“ไม่เป็นไร รออยู่นั่นนะ พี่กำลังขับรถไปทางนั้นพอดี อีกไม่เกินสิบนาทีจะไปรับ”

“ครับ” ผมกำลังจะกดตัดสาย แต่เสียงพี่กฤษดังขัดขึ้นเสียก่อน

“ธาร อย่าเพิ่งวางสาย พี่เป็นห่วง”

“.....”

“รอให้พี่ไปถึงก่อนค่อยวางนะ”

“ครับ” เราสองคนต่างก็เงียบไปจนกระทั่งผมเห็นรถพี่กฤษกำลังขับใกล้เข้ามา “ขอธารไปนั่งเล่นที่คอนโดพี่กฤษนะครับ”

“ได้สิ”

ผมกดตัดสายเมื่อรถสปอร์ตสีดำจอดเทียบริมฟุตบาธห่างออกไปไม่กี่ฟุต

Pie2Na
รู้สึกว่าธารก็ไม่เบานะ เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แอบร่าน (ไม่) นิดหน่อย
อาจเพราะพ่อตามใจมากไปมั้ง....หรือว่าคนเขียนคิดไปเอง?
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะคับ ^^
อยากอ่านกันไวๆ ก็ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังใจให้คนเขียนบ้าง รออ่านคอมเม้นพวกเธอที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ TT
รักนะ บาย ฝันดี
:กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2015 16:50:14 โดย pie2na »

ออฟไลน์ taanarok

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 6]
«ตอบ #19 เมื่อ15-11-2015 02:44:06 »

น้องธารแซบแท้หลาว รอติดตามตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 6]
« ตอบ #19 เมื่อ: 15-11-2015 02:44:06 »





ออฟไลน์ Haihong

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 6]
«ตอบ #20 เมื่อ15-11-2015 09:02:12 »

 :mew1:  รอตอนต่อไป พระเอกกี่คนนี่

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 6]
«ตอบ #21 เมื่อ15-11-2015 20:19:19 »

น้องธารไม่เบาจริงๆ แอ๊บใสซื่อ จริงๆก็ว้อนอยู่นะเนี่ย สนุกมากอ่ะเนื้อเรื่องลุ้นใครเป็นพระเอก  :hao6:

แต่แอบเชียร์ภู แต่ดูท่าภูนี่ธารจะได้ยาก แต่เอ๊ะรึได้ง่ายนะ รึจะเสร็จใครก่อนดี  :haun4:

ปล.พ่อน้องธารนี่พ่อแท้ๆรึป่าวคะ? หรือธารเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง? :hao4:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 7]
«ตอบ #22 เมื่อ01-12-2015 21:07:20 »

Chapter 7
เมื่อความรู้สึกจางหาย


@The Attribute Condominium
   
“กฤษ!”
   
เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหลังขณะที่ผมกับพี่กฤษกำลังเดินไปที่ลิฟท์บริเวณลานจอดรถของคอนโด พอพวกเราหันไปก็เห็นชายคนหนึ่งเพิ่งลงมาจากรถที่จอดอยู่ไม่ไกลกับรถของพี่กฤษนัก ก่อนที่หมอนั่นจะวิ่งตรงมาหาพวกเรา เขาดูอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบปี ตัวสูงเกือบเท่าพี่กฤษ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว นับว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง
   
ผมจำได้แม่นเลยล่ะว่าหมอนี่คือใคร...คู่นอนคนล่าสุดของพี่กฤษ ต้นเหตุที่ทำให้เราสองคนต้องเลิกกัน
   
“ณัฐ มึงมานี่ได้ไง”
   
“อ้าว มึงเป็นคนนัดกูเองนะ”
   
พี่กฤษขมวดคิ้ว ถอนหายใจ “โทษที กูลืม วันนี้มึงกลับไปก่อนนะ”
   
“มึงดีกับแฟนแล้วเหรอ” เขาปรายตามองผม “ของตายอย่างที่มึงบอกจริงๆ ขนาดจับได้คาหลังคาเขายังคลานกลับมาหามึงถึงที่”

แปลกแฮะที่ผมไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรมากมายกับคำพูดของพี่ณัฐ--ยังควรจะเรียกพี่อีกไหม?--ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงทั้งโมโหและเสียใจจนไม่รู้จะระบายออกมายังไง แต่ตอนนี้ผมกลับแค่หงุดหงิดเท่านั้น
   
“กูเป็นคนตามง้อธารเอง มึงอย่าพูดหมาๆ ถึงแฟนกูแบบนี้” พี่กฤษขยับเข้ามาโอบไหล่ผม
   
แฟนเก่าต่างหาก ผมแก้ในใจ ไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะกลัวเรื่องจะไม่จบ และสภาพอารมณ์ของผมก็ไม่ได้อยู่ในโหมดที่พร้อมจะต่อปากต่อคำกับใครด้วย
   
“ขึ้นห้องกันดีกว่าครับ” ผมหมุนตัวเดินนำพี่กฤษไปที่ลิฟท์ แต่ก็ต้องชะงักเท้าอีกครั้งเพราะคำพูดจากคนด้านหลัง
   
“นี่ยอมให้ไอ้กฤษเอาแล้วเหรอ มันถึงคืนดีด้วย”
   
“......”
   
มือของพี่กฤษที่โอบไหล่ผมอยู่บีบแน่นขึ้น ก่อนที่พี่กฤษจะหันกลับไปเพื่อจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมกลับกระตุกชายเสื้อของพี่กฤษพร้อมกับมองหน้าเขาเป็นเชิงปรามว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก ดูท่าพี่ณัฐเขาอยากคุยกับผมมาก ถ้าไม่ตอบสักหน่อยคงไม่ยอมหยุด
   
“...มึงมันก็แค่ของเล่นของไอ้กฤษ เดี๋ยวพอมันเบื่อมึงก็จะโดนเขี่ยทิ้ง”
   
“ก็คงอีกสักพักใหญ่เลยมั้ง เพราะกูอะของเล่นชิ้นโปรด ส่วนมึง...ก็แค่ของเล่นแก้ขัดตอนกูไม่ว่าง”
   
“ไอ้เหี้ย!”
   
พี่ณัฐเดินตรงเข้ามา ก่อนจะง้างหมัดทำท่าจะต่อยผม พี่กฤษเลยรีบดึงผมไปไว้ข้างหลังแล้วใช้แขนกันมันไว้
   
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว กับน้ำตาที่ผมเคยเสียไปเพราะสองคนนี้ วันนี้ขอเอาคืนหน่อยแล้วกัน...
   
ผมควานหาคีย์การ์ดห้องพี่กฤษในกระเป๋าสะพายตัวเอง ก่อนจะปามันใส่หน้าพี่ณัฐ “เอาไว้ใช้สิครับ คราวหลังจะได้ไม่ต้องมานั่งรอในรถ เดี๋ยวผมให้พี่กฤษทำให้ใหม่อีกใบก็ได้”
   
แค่นี้พี่ณัฐก็น่าจะรู้แล้วว่าใครสำคัญกว่า ถ้าผมเป็นแค่ของตาย เป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อ พี่กฤษก็คงไม่ให้คีย์การ์ดกับผม ไม่พยายามตามง้อผมขนาดนี้ ถึงผมจะรู้แก่ใจว่าคำว่า ‘รัก’ จากปากพี่กฤษมันก็แค่คำโกหก แต่การที่เขาต้องการรั้งผมไว้ มันหมายถึงผมยังพอมีค่าสำหรับเขา และไม่ว่าความรู้สึกที่เขามีให้ผมคืออะไร มันย่อมมากพอที่จะทำให้พี่กฤษตัดใจจากผมไม่ได้
   
“มึง!” พี่ณัฐพยายามผลักพี่กฤษออก แต่ก็สู้แรงไม่ไหว จึงไม่สามารถเข้ามาทำร้ายผมได้ ขณะที่ผมได้แต่ยืนมองคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น
   
“ไอ้ณัฐกูบอกให้หยุด!”
   
“กูไม่หยุดจนกว่ากูจะได้เอาเลือดออกจากป...”
   
ผัวะ!
   
ทุกอย่างหยุดชะงักลงชั่วขณะ เมื่อหมัดของพี่กฤษอัดกระแทกเข้าที่หน้าพี่ณัฐอย่างจังจนหมอนั่นล้มฟุบไปกับพื้น
   
“ไอ้กฤษ มึงต่อยกู!” พี่ณัฐชี้หน้าคู่นอนของตัวเองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว มุมปากของเขามีเลือดไหลซึมออกมา ใบหน้าด้านซ้ายแดงช้ำและยังมีรอยถลอกเลือดซิบที่โหนกแก้ม อาจโดนแหวนที่ข้อนิ้วชี้ของพี่กฤษบาดเข้า
   
“เออ! แล้วกูจะทำยิ่งกว่านี้ถ้ามึงยังมายุ่งกับธารอีก!”
   
“กูก็มีมือมีตีน กูไม่กลัวมึงหรอกไอ้สัตว์!” พี่ณัฐผุดลุกขึ้นจากพื้น พอดีกับที่ยามคนหนึ่งเดินผ่านมาทางนี้แล้วเห็นเหตุการณ์เข้า เลยรีบวิ่งมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“มีอะไรกันครับ” น้ายามมองพวกเราสามคนสลับกัน

ก่อนที่จะมีใครตอบพี่ณัฐก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกี้ยวกราดว่า “ระวังเมียมึงไว้ให้ดีนะไอ้กฤษ เผลอเมื่อไหร่กูเอาคืนแน่” จบประโยคเขาก็เดินกลับไปที่รถของตัวเอง

พี่กฤษถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงเก็บคีย์การ์ดบนพื้น แล้วโอบไหล่ผมเดินไปที่ลิฟท์โดยไม่ได้ตอบคำถามของยามที่ยังยืนรอดูสถานการณ์อยู่ที่เดิม

“พี่คงยังไม่รู้จักธารดีพอ”

ผมแหงนหน้ามองพี่กฤษ สีหน้าที่เขาใช้มองผมมันแสดงความสับสนและผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน

“เวลาแค่ปีเดียว คงน้อยไปที่จะทำให้พี่กฤษรู้จักคนๆ นึงได้มากพอมั้งครับ”

“......”

“หรือบางทีอาจเพราะธารไม่ใช่ธารคนเดิมของพี่กฤษแล้วก็ได้”

อย่างที่บอก ผมเป็นคนโง่ในเรื่องความรัก--แค่เฉพาะกับเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น--ถ้ารักมากต่อให้ต้องทนเจ็บแค่ไหนเพื่อให้ได้อยู่ข้างๆ คนที่รักผมก็ยอม แต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของผมมันเปลี่ยน ความอดทนก็จะหมดไปพร้อมกัน

ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้าเจอหน้าพี่กฤษ ไม่อยากคุยด้วยเพราะกลัวตัวเองจะหวั่นไหวยอมกลับไปคืนดี แต่พอพวกเราได้เจอกัน หัวใจของผมกลับไม่เต้นแรงอย่างที่ควรจะเป็น...ผมถึงรู้ว่าความรู้สึกที่มีให้พี่กฤษมันไม่เหมือนเดิม

ผมเคยใช้พี่กฤษเป็นตัวแทนของพี่ชาย แต่ในเมื่อพี่ชายของผมกลับมา...พี่กฤษก็คงไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าแฟนเก่าที่ผมยังรู้สึกผูกพันด้วย

ผมไม่ได้รักพี่กฤษ...ไม่ได้รักมากถึงขนาดยอมทนเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ผมถึงเลือกที่จะตอบโต้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถูกทำร้าย เขาและคนของเขาจะต้องบาดเจ็บเท่าๆ กัน

......


“พี่ณัฐดูไม่เหมือนคู่นอนคนอื่นๆ ของพี่กฤษนะครับ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่พวกเรานั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

...ผมแค่รู้สึกสงสารคนที่ต้องมาเจออะไรๆ คล้ายๆ กัน ถ้าให้เดา พี่ณัฐคงไม่ใช่แค่วันไนท์สแตนด์เหมือนคู่นอนคนอื่นๆ เขาถึงได้อยากให้ผมกับพี่กฤษเลิกกัน ไม่รู้ว่าลับหลังผมพวกเขาแอบไปทำอะไรกันบ้างหรือมีอะไรกันกี่ครั้ง พี่ณัฐเลยหวงพี่กฤษและพยายามยื้อเสียขนาดนั้น บางทีเขาอาจจะชอบพี่กฤษมากก็ได้

น่าเสียดาย...ถ้าพี่ณัฐไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับพี่กฤษทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าพี่กฤษกับผมกำลังคบกันละก็ ผมคงรู้สึกดีกับพี่ณัฐมากกว่านี้ และอาจจะยอมช่วยให้เขาสมหวัง

พี่กฤษถอนหายใจ ท่าทางของเขาดูเหมือนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่าเอามาพูดให้พวกเราต้องทะเลาะกันดีกว่า”

“ก็ได้ครับ”  ผมเองก็ไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่หรอก เพราะถึงแม้ผมจะไม่ได้รักพี่กฤษมากขนาดนั้นแล้ว แต่มันก็ยังเจ็บลึกๆ อยู่ดีที่เคยถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง

ผมเอนหลังพิงพนักโซฟา หยิบมือถือออกมาเปิดเฟสบุ๊ค แค่เห็นจำนวนคนที่แอดเฟรนมาก็ทำให้ผมตกใจนิดๆ ผมมองอย่างชั่งใจครู่หนึ่งก็เลือกที่จะกดรับเพื่อนร้อยกว่าคนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่กดติดตามหรือไม่ก็เป็นเพื่อนในเฟสของพี่ภู ยิ่งผมรับแอดพวกเขามากเท่าไหร่ ข่าวก็จะได้แพร่กระจายไปถึงหูพี่ภูเร็วเท่านั้น

“ธาร”

ผมชะงักก้มมองคนที่เอนตัวลงนอนหนุนตักผม ก่อนจะยื่นมือไปสางผมของเขาอย่างที่เคยทำเมื่อตอนที่เรายังคบกัน

พี่กฤษจ้องหน้าผม พูดด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง “ที่พูดในลิฟท์ แค่ล้อเล่นใช่ไหม”

“เรื่องไหนครับ” ผมเลิกคิ้ว

“ที่บอกว่า...ธารไม่ใช่ธารคนเดิมของพี่แล้ว” พี่กฤษยื่นนิ้วชี้มาเขี่ยปลายจมูกของผมเล่น

ผมได้แต่ยิ้มไม่ตอบ

“ไม่เจอกันตั้งเดือนนึง คิดถึงพี่บ้างรึเปล่า”

“คิดถึงสิ” ผมพูดตามจริง แม้ว่าส่วนใหญ่คนที่มักจะเข้ามาวุ่นวายในความคิดของผมคือพี่ภูก็ตาม

นิ้วชี้ของพี่กฤษเลื่อนมาสัมผัสริมฝีปากของผม ก่อนที่เขาจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบที่สาวๆ หลายคนได้ยินเข้าคงละลาย “ขอจูบได้ไหม”

“....ได้สิ”

พี่กฤษคว้าต้นคอของผมให้ก้มต่ำลง ก่อนที่เขาจะผงกหัวขึ้นประกบจูบ ขมเม้มดูดดึงอย่างโหยหา เมื่อผมอ้าปากออก พี่กฤษก็สอดปลายลิ้นเข้ามาภายใน...ขณะที่ปลายลิ้นของพวกเรากำลังเกี่ยวกระหวัด

...ผมยกไอโฟนขึ้นมา เปิดกล้องหน้า ขยับมุมกล้องให้ได้องศาชัดเจนที่สุด

แชะ...

เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเบาๆ ทว่าพี่กฤษกลับไม่ได้สนใจ ยังคงจูบผมต่อไปอย่างดูดดื่มราวกับต้องการบอกให้รู้ว่าเขาคิดถึงผมมากแค่ไหน จนผมเริ่มหมดลมหายใจ ต้องเป็นฝ่ายถอนจูบออกก่อน ละริมฝีปากออกห่างอย่างอ้อยอิ่งแบบที่พ่อชอบทำบ่อยๆ เวลาจูบกัน หอบหายใจแผ่วเบา จ้องมองดวงตาอีกฝ่ายพร้อมกับส่งยิ้มบาง

หัวใจของผมเต้นแรงทุกครั้งที่พ่อทำแบบนี้ และผมหวังว่าหัวใจของพี่กฤษจะเต้นแรงเพราะผม

...เขาควรเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด

“พี่คิดถึงธารมากรู้ไหม” พี่กฤษกระซิบเสียงทุ้มต่ำ

“อือ” ผมยิ้ม “เมื่อกี้ธารถ่ายรูปเอาไว้ด้วย เอาไว้ดูตอนคิดถึง เดี๋ยวอัพรูปลงเฟสแล้วจะแท็กไปนะ”

“ตอนจูบกันเหรอ” พี่กฤษเลิกคิ้ว “พี่กับภูเป็นเพื่อนกันในเฟสนะ ไม่กลัวพี่ชายเราจะเห็นเหรอ”

นั่นแหละที่ผมต้องการ...

“ตอนแรกก็ไม่อยากให้รู้หรอกครับ แต่ตอนนี้พี่ภูควรจะรู้ได้แล้ว”

“ร้ายนะเรา” พี่กฤษหัวเราะขำ ยื่นมือมาขยี้หัวผม ”จะประกาศตัวเป็นเจ้าของพี่รึไง กลัวผู้ชายคนอื่นจะมายุ่งกับพี่อีกล่ะสิ”

“กลัวพี่กฤษจะยุ่งกับผู้ชายคนอื่นมากกว่าครับ” ผมพูดทีเล่นทีจริงแล้วก้มลงจุ๊บปากพี่กฤษเบาๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเข้าเฟสบุ๊ค จัดการอัพรูปคู่ของพวกเราสองคนพร้อมกับแท็กชื่อพี่กฤษ

ไหนๆ พ่อ แม่ พี่ภู หรือแม้แต่เพื่อนในกลุ่มก็รู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นเกย์ แถมพวกเพื่อนๆ ยังเข้าใจผิดว่าพี่กฤษเป็นแฟนของผม งั้นก็ปล่อยเลยตามเลยไปแล้วกัน คนอื่นๆ จะมองผมยังไงมันก็เรื่องของเขา ผมเลือกแคร์เฉพาะคนที่แคร์ผมเท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...พี่ภู


Pie2Na
น้องธารเข้าสู่โหมดดาร์คเต็มตัวแล้วดิ = =;; บอกเลยว่าธารไม่ได้ใส
ไอคิวก็สูง ติดอย่างเดียว โง่เพราะรัก ลองไม่รักล่ะฉลาดขึ้นมาทันที
#และอย่างที่รู้กันว่าตะวันเลี้ยงธารมาแบบโคตรตามใจ เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ
อยากได้อะไรก็ต้องได้มาตลอด มีหรือจะยอมปล่อยให้ภูหลุดมือทั้งที่รู้แก่ใจว่าภูก็มีใจให้ตัวเอง
เอานะ ช่วยเชียร์ธารกันหน่อย
ปล. รู้สึกเหมือนลืมตัวตนธารในตอนแรกไปเลยว่ะ TT บอกตามตรงทิ้งห่างเรื่องนี้ไปนานช่วงนึง ไปปั่นเรื่องอื่นอยู่ ไม่ได้อ่านทวนด้วย เลยไม่รู้ว่าธารคนเดิมโดนธารคนใหม่สิงไปรึเปล่า แต่ก็พยายามให้ความรู้สึกและการกระทำของตัวละครมันเปลี่ยนแปลงอย่างสมเหตุสมผล
ปล1. อ่านแล้วฝากคอมเม้นให้เราบ้างนะ นะ เนื้อเรื่องเจ็ดตอนอยู่หน้าเดียวกันหมด เลื่อนอ่านยาก

 :oo1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2015 16:00:51 โดย pie2na »

ออฟไลน์ Pandora20

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 7]
«ตอบ #23 เมื่อ04-12-2015 15:00:16 »

รออ่านนนน งิ้งงงง

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [Chapter 8]
«ตอบ #24 เมื่อ06-12-2015 16:39:52 »

Chapter 8
คำโกหก

เป็นอย่างที่คิด รูปที่ผมจูบกับพี่กฤษมีคนกดไลท์เกือบพันในเวลาไม่ถึงสิบนาทีและคอมเม้นเยอะจนตามอ่านแทบไม่ทัน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มากดไลท์หรือคอมเม้นก็เป็นคนที่ฟอลโล่พี่กฤษ โพสต์นี้ต้องอยู่อันดับต้นๆ ในฟีดข่าวของพี่ภูแน่
อยากเห็นสีหน้าของพี่ภูตอนเห็นภาพนี้จัง ว่าจะยังทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับน้องชายคนนี้อีกรึเปล่า?

“ธารหิวรึยัง” เสียงพี่กฤษเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ เมื่อเห็นว่าผมพยักหน้าแทนคำตอบ เขาก็ถามต่อว่า “อยากกินอะไรล่ะ จะโทรสั่งมากินที่นี่ หรือออกไปกินข้างนอกกัน”

“สั่งพิซซ่ามากินที่ห้องก็ได้ครับ สะดวกดี” ผมยิ้มบอกคนที่ยังนอนหนุนอยู่บนตัก

“ดีเหมือนกัน พี่อยากอยู่กับธารสองต่อสองมากกว่า” พี่กฤษดึงมือผมไปหอม ก่อนจะล้วงมือถือของตัวเองออกมาโทรสั่งพิซซ่า ยังไม่ทันจะออร์เดอร์ มือถือของผมก็สั่นครืดขึ้นมา ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือ ‘DAD’

ผมพลิกหน้าจอมือถือให้พี่กฤษดู พี่กฤษเลยรีบลุกออกไปคุยต่อที่ระเบียงเพื่อให้ผมกดรับสาย

“ครับพ่อ” 

(ธารอยู่ไหนครับ ทำไมไม่ได้กลับบ้านพร้อมพี่ภู)

“...มาทำรายงานบ้านบาสครับ คงกลับค่ำๆ”

(......)

พ่อเงียบไปครู่หนึ่งจนผมต้องลดมือถือลงมาดูหน้าจอว่าวางสายไปรึยัง

“ฮัลโหล พ่อ”

“ครับ...ตั้งใจทำงานนะ”

พูดจบพ่อก็วางสายไปทันที ทั้งที่ยังไม่ได้ถามว่าผมจะกลับบ้านกี่โมง...แปลกจัง

“พ่อโทรมาตามเหรอ” พี่กฤษที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาด้านในทักขึ้น

“เปล่าครับ แค่โทรมาถามว่าอยู่ไหน”

“อ่อ” เดินมาถึงโซฟาพี่กฤษก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กัน แล้วยื่นมือมาโอบไหล่ผม “ทำอะไรกันดี ดูหนังไหม”

“ทำ...ที่พี่กฤษอยากทำดีไหมครับ” ผมยิ้มบอก

“รู้เหรอว่าพี่อยากทำอะไร” รอยยิ้มของผมคงดูใสซื่อเกินไป พี่กฤษถึงได้ขมวดคิ้วถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

“ก็มีอยู่เรื่องเดียวมั้ง”

มือของผมวางแหมะลงบนหน้าอกพี่กฤษแล้วจงใจลูบขึ้นลงผ่านยอดอกที่อยู่ใต้เนื้อผ้า แต่อีกฝ่ายกลับรีบคว้ามันไปกุมไว้

“มาแกล้งพี่แบบนี้ โดนพี่เอาคืนแล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลังล่ะ”

ผมยื่นหน้าไปกระซิบบอกพี่กฤษที่ข้างหู “ธารไม่ชอบร้องไห้ ธารชองร้อง...คราง”

“ร้ายนักนะ หัดทะลึ่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ?”

ตุบ!

ผมถูกผลักให้นอนหงายบนโซฟาโดยมีคนตัวโตกว่าคร่อมเอาไว้ ก่อนที่นิ้วทั้งสิบของเขาจะจิ้มลงข้างเอวของผม ทำเอาผมต้องดิ้นพล่านไปมาด้วยความจักจี้

“ฮ่าๆ พี่กฤษ ไม่เอาแล้ว มันจักจี้”

“ไม่เอาแบบนี้ งั้นเอาแบบอื่น” พี่กฤษเปลี่ยนมาจับข้อมือของผมกดลงกับโซฟาข้างหัว ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มลงจูบปากผมเบาๆ หนึ่งที “แบบนี้ชอบไหม”

ผมกัดปากกลั้นยิ้ม หลบสายตาวับวาวที่มองมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อน...ก่อนที่พี่ภูจะกลับมา ผมคงหวั่นไหวกับสายตาทรงเสน่ห์และน้ำเสียงทุ้มต่ำชวนละลายจนแข้งขาอ่อน แต่ตอนนี้ผมก็แค่รู้สึกเขินเท่านั้น

เขาดูเหมือนพี่ชายของผมมากเกินไป แค่จินตนาการว่าพี่ภูจะทำแบบนี้กับผมบ้าง หัวใจของผมก็เต้นรัวจนแทบบ้า
ถ้าเป็นพี่ภู...มันจะดีสักแค่ไหนนะ

“ชอบ” ผมกระซิบบอกเสียงเบา ทั้งที่ยังเอียงหน้าหลบไม่ได้หันกลับไปสบตากับอีกฝ่าย “...มากด้วย”

“รู้ไหมว่าตอนนี้ธารน่ารักแค่ไหน” เสียงทุ่มต่ำแหบพร่าดังอยู่ข้างหู “น่ารักจนพี่ไม่อยากห้ามใจตัวเอง” ประโยคนี้จบลงพร้อมกับสัมผัสอ่อนนุ่มกดลงเบาๆ บนลำคอของผม 

ผมบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมอย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบผ่านหน้าอกของพี่กฤษ ไล้ต่ำลงไปที่หน้าท้องแล้วดึงชายเสื้อของเขาเลิกขึ้น พี่กฤษคงรู้ถึงความหมาย เขาผุดลุกขึ้นนั่งเพื่อถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะล้มตัวลงมาคร่อมร่างของผมเอาไว้อีกครั้ง

จากนั้น...ริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงมา...เราจูบกัน ดูดดื่มเร่งเร้า ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผม เสื้อของผมร่นขึ้นมากองอยู่ที่หน้าอก  ผิวกายของเราสัมผัสเบียดชิด เสียงหอบหายใจกระเซ่าดังสะท้อน

ทว่า...

จู่ๆ อีกฝ่ายกลับหยุดชะงัก หลับตาลงแสดงสีหน้าราวกับกำลังอดกลั้น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาทำเพียงแค่มองผมอย่างนิ่งงัน แล้วยื่นมือมาลูบแก้มของผมเบาๆ

ทำไมถึงหยุด ในเมื่อเราเข้ากันได้ดี...

“...ที่พี่เคยบอกว่ารักธาร”

“.....”

“พี่โกหก”

ผมเบี่ยงหน้าหลบปลายนิ้วของเขา  “ธารรู้”

“ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แต่ตอนนี้พี่มั่นใจแล้วว่ามันหมายถึงอะไร...พี่จะไม่โกหกธารอีก”

“.....”

“พี่รักธารนะ”

น้ำเสียงของพี่กฤษหนักแน่นจริงจัง แววตาที่สบมองกันสั่นไหวราวกับทุกคำพูดออกมาจากใจจริง

บางทีพี่กฤษอาจจะเข้าใจผิดว่านั่นคือความรัก ทั้งที่มันอาจเป็นแค่อารมณ์หลงชั่ววูบ หรือต่อให้เขารักผมจริงๆ คำว่า ‘รัก’ ของเขามันจะมั่นคงสักแค่ไหนกัน ในเมื่อความรู้สึกของคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

“หนึ่งเดือนที่เราไม่ได้เจอกัน พี่คิดถึงธารมากรู้ไหม”

“คิดถึงธาร รักธาร แต่ให้คนอื่นมาหาถึงคอนโดน่ะเหรอครับ”

“พี่แค่นัดมาทำรายงานกัน”

เคยได้ยินนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะไหม...เด็กคนนั้นโกหกบ่อยเกินไปจนไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาอีก ตอนนี้ผมก็รู้สึกแบบนั้น ต่อให้พี่กฤษปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงจังแค่ไหน ผมก็ยังคิดว่าเขาโกหกอยู่ดี

“พี่จะบอกว่าหนึ่งเดือนมานี้ พี่ไม่ได้นอนกับใครเลยเหรอ”
   
“.....” สีหน้าของพี่กฤษบ่งบอกความรู้สึกผิดออกมาอย่างชัดเจน “แค่ครั้งเดียว...ตอนนั้นพี่เมามาก พี่คิดถึงธาร...พี่...”
   
“พอเถอะ” ผมปิดปากพี่กฤษด้วยฝ่ามือ “ยิ่งพูด ธารก็ยิ่งมองพี่แย่ลง”
   
พี่กฤษดึงมือของผมออก “ยกโทษให้พี่แค่ครั้งเดียว...ครั้งสุดท้าย ต่อไปพี่สัญญาว่าจะไม่นอกใจธารอีก”
   
ทำไมผมต้องยกโทษ เขาลืมไปรึเปล่าว่าเรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน
   
“ต่อให้ธารไม่ยอมให้พี่มีอะไรด้วย พี่ก็จะไม่มีคนอื่น?”

พี่กฤษล้มตัวลงนอนข้างๆ แล้วดึงผมเข้าไปกอดแนบอก อ้อมกอดเข็งแกร่งของเขามันทำให้ผมรู้สึกอุ่นกว่าครั้งไหนๆ ที่เราเคยกอดกัน

“พี่จะรอจนกว่าธารพร้อม” เขาบอกก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของผม
   
“แล้วจะถอดเสื้อทำไม”
   
“แค่ร้อนเฉยๆ”
   
“เหรอ” ผมกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม 
   
“ที่ย้ำนี่...หรืออยากจะต่อให้จบ”
   
“ได้นะ...” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ “แค่อย่าใส่เข้ามาก็พอ”

อย่างที่พี่กฤษเคยบอก...ตราบใดที่ไม่ได้เอาความรักมาเกี่ยวข้อง เซ็กส์ก็มีไว้แค่ปลดปล่อยเท่านั้น เป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายชั่วครั้งชั่วคราวไม่ได้มีความหมายอะไร

...แต่ถ้าเราหรืออีกฝ่ายกำลังมีคนอื่นอยู่ เซ็กส์ก็อาจจะทำร้ายใครสักคนให้เจ็บจนปางตาย

“ธาร ทำไมพูดแบบนี้” พี่กฤษขมวดคิ้ว ก้มมองผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ที่ยอมทำทั้งหมดนี่เพราะกลัวว่าพี่จะมีคนอื่นเหรอ”
   
“อืม” ผมหลบสายตา ส่งเสียงตอบในลำคอ

จะว่างั้นก็ได้ ในเมื่อผมอยากให้พี่กฤษเจ็บเหมือนที่ผมเคยเจ็บดูสักครั้ง เขาจะได้เข้าใจว่าการที่ถูกคนอื่นทิ้งขว้างความรักของตัวเองอย่างไม่ใยดีมันเป็นยังไง บทเรียนที่ดีอาจจะสอนให้พี่กฤษจะได้ไม่กล้าไปทำร้ายใครอีก

ฟอด...
   
พูดเอาใจหน่อยเดียว โดนหอมซะจนแก้มเกือบช้ำ
   
“อย่าน่ารักมากสิ พี่กลัวโดนข้อหาพรากผู้เยาว์”
   
“จะรอให้ธารครบสิบแปดเลยเหรอ”
   
พี่ย่นหัวคิ้ว “ไม่น่าไหว”
   
ผมยิ้มขำ ว่าจะแซวต่ออีกซักสองสามประโยค เสียงเคาะประตูดันดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
   
“พิซซ่ามาส่งแล้วมั้งครับ”
   
พี่กฤษเด้งตัวขึ้นจากโซฟา “เดี๋ยวพี่ไปเปิดเอง”


Pie2Na
สปอยล์ว่าคนที่มาไม่น่าใช่พนักงานส่งพิซซ่านะ แต่ไม่รู้ว่าใคร อาจจะเพื่อนธาร คู่ขากฤษยกพวกมาทุบ พ่อ พี่ภู หรืออาจจะยกกำลังสอง 5 5 5 5 5
ปล. ล้มรถข้อเท้าหักครับ ยุ่งๆอยู่กับโรงบาล เพิ่งเสร็จเรื่องเมื่อวาน เลยเพิ่งได้อัพ

ฝากคอมเม้นกันบ้างน้า อัพเรื่องมา 8 ตอน เนื้อหาอยู่หน้าเดียวกันหมด จะเลื่อนอ่านที เลื่อนจนนิ้วร้อนเลย
หลายตอนไม่มีคอมเม้นเลย บางตอนมีบ้างเม้นสองเม้น ตอนจะอัพ นั่งจัดหน้าไปก็ท้อไปดิ
ถ้ามีคนอ่านอยู่ ช่วยเม้นแสดงตัวกันหน่อยยนะ TT


ขอบคุณครับ

 :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 21:37:37 โดย pie2na »

ออฟไลน์ bluebread

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 8]
«ตอบ #25 เมื่อ06-12-2015 17:59:03 »

ธารเข้าโหมดดาร์กเต็มตัวเเล้วว  :hao5:  :o12: :z3:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [Chapter 9]
«ตอบ #26 เมื่อ10-12-2015 21:06:21 »

Chapter 9

โดนจับได้


[Special Part: Krit]
   
แกร็ก...
   
ทันทีที่บานประตูถูกปลดล็อคและดึงเปิดออก ผมก็ต้องเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

เขาคนนี้ดูสูงกำยำกว่าผม สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คเนื้อดี รองเท้าหนังแบรนด์ดังราคาหลายหมื่น มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาทั่วไป กระดุมเสื้อเม็ดบนที่ถูกปลดออกสองเม็ดและแขนเสื้อที่พับขึ้นจนถึงข้อศอก เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกกับกล้ามแขนแข็งแรงบ่งบอกว่าเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ นับว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาบุคลิกโดดเด่นและสะดุดตาผู้คนที่พบเห็นได้ง่ายๆ

ธารเคยบอกว่าเขาอายุสามสิบเจ็ดแล้ว แต่กลับยังดูหนุ่มแน่นเหมือนอายุเพิ่งจะยี่สิบปลายๆ หรืออย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสามสิบสอง ถ้าไม่ติดตรงที่บุคลิกนิ่งขรึมน่าเชื่อถือ และเป็นพ่อของเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ ผมคงไม่มีทางเชื่อ
   
แต่ที่น่าตกใจคือ...เขามายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?

“มีอะไรรึเปล่าครับพี่กฤษ” เสียงธารที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้ผมได้สติ รีบยกมือไหว้คนตรงหน้า

“เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง” น้าตะวันหันกลับไปบอกกับยามที่ยืนอยู่ด้านหลัง ผมจึงเพิ่งเห็นว่านอกจากเขาแล้วยังมียามร่างเล็กยื่นอยู่ด้วยอีกคน

“ครับ” ยามคนนั้นพนักหน้ารับแล้วเดินกลับไปที่ลิฟท์

คอนโดหรูใจกลางเมืองอยู่ติดรถไฟฟ้า ราคาแพงลิบลิ่ว แต่ระบบรักษาความปลอดภัยดันห่วยแตก ถึงขนาดปล่อยให้คนแปลกหน้าขึ้นมาง่ายๆ เลยเหรอ? ธารยิ่งชอบมานั่งเล่นที่คอนโดผมคนเดียวบ่อยๆ ด้วย แบบนี้จะไปปลอดภัยได้ยังไง

“ยามปล่อยให้คุณขึ้นมาได้ยังไงครับ” ผมเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถาม

“บริษัทฉันเป็นเจ้าของโครงการคอนโดนี้”

ความสงสัยทั้งหมดของผมถูกเบรกด้วยคำพูดประโยคเดียว...

“ขอฉันเข้าไปหน่อยสิ” น้าตะวันผลักประตูให้เปิดออกกว้างขึ้นแล้วก้าวเข้ามาด้านใน ผมเลยจำใจต้องปิดประตูแล้วเดินตามเขาไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ

“พ่อ...” สีหน้าของธารดูตกใจมากที่เห็นพ่อตัวเองโผล่มาที่นี่ แต่คนที่ควรตกใจกว่าคือผมต่างหาก ครั้งที่แล้วก็ถูกต่อยจนร่วง เดาไม่ออกเลยว่าคราวนี้ถ้าคุณพ่อ (ตา) บันดาลโทสะขึ้นมาอีก จุดจบของผมจะเป็นยังไง ดูกล้ามแขนนั่นสิ โดนอัดอีกครั้งเดียวมีหวังฟันได้หลุดออกจากปากแน่ๆ

“นั่งก่อนสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” น้าตะวันบอกก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ธาร ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยมมองมายังผมด้วยแววตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ ท่าทางนิ่งขรึมแบบนี้รับมือยากยิ่งกว่าตอนที่เขาโมโหซะอีก

แต่ทำไงได้ล่ะ...อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ

ผมถอนหายใจกับตัวเองเงียบๆ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“เธอกับธารเป็นอะไรกัน” อีกฝ่ายถามขึ้นทันทีที่ก้นของผมติดกับโซฟา

“...ผมเป็นแฟนธารครับ” ผมตอบอย่างไม่ลังเลโดยไม่ได้หันไปขอความเห็นจากธาร

ถึงแม้ว่าธารจะยังไม่ตอบตกลงกลับมาคบกัน แต่การกระทำของธารมันแทนคำตอบได้อย่างดี อีกอย่างผมก็ไม่อยากตัดโอกาสตัวเองด้วยการบอกน้าตะวันว่าผมเป็นแค่แฟนเก่าด้วย เพราะถ้าน้าตะวันได้ยินแบบนั้นก็คงรีบลากธารกลับไปทันที

“ไม่ใช่นะพ่อ” ธารที่เอาแต่นิ่งงันตั้งแต่เห็นพ่อตัวเองเข้ามาในห้องเหมือนจะเพิ่งได้สติ รีบร้อนปฏิเสธ “ธารกับพี่กฤษไม่ได้เป็น...”

“พ่อไม่ได้ถามเรานะ”

พอโดนพ่อดุ ธารก็ยิ่งมีสีหน้ากังวล คิ้วขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบว์ แถมยังน้ำตาคลอเหมือนพร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา แต่น้าตะวันที่เคยตามใจธารแทบทุกเรื่องกลับยังใจแข็ง คุยกับผมต่อโดยไม่ได้หันไปปลอบ

“ถ้าเธอคบกับธารอยู่ก็ทำให้ถูกต้อง จะพาธารไปไหนก็ขออนุญาตฉันก่อน ฉันจะไม่ห้าม”

ใช้ไม้แข็งไม่ได้น้าตะวันก็เปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อน คงรู้ว่าต่อให้ห้ามผมกับธารก็คงแอบมาเจอกันอีก เลยเลือกที่จะมองดูอยู่ห่างๆ ดีกว่าปล่อยให้อยู่นอกสายตา

“ขอโทษครับ คราวหลังผมจะขออนุญาตน้าตะวันก่อน” ที่จริงอยากจะเรียกคุณพ่อ (ตา) มากกว่า แต่ท่าทางน้าตะวันหวงลูกชายขนาดนี้ ขืนหลุดปากเรียกมีหวังได้โดนเขม่นหนักกว่าเดิม

“อืม ถึงฉันจะยอมให้พวกเธอคบกัน แต่ทำอะไรก็ต้องอยู่ในขอบเขต ธารยังเด็กฉันเลยค่อนข้างเป็นห่วง ต่อไปนี้ถ้าออกไปไหนด้วยกันก็ต้องมาส่งธารก่อนหนึ่งทุ่ม หรือไม่ก็ให้ธารโทรบอกให้ฉันไปรับ”

หนึ่งทุ่ม...นับว่าคุณพ่อใจดีมากแล้วครับ แม้ว่าธารจะเลิกเรียนเกือบห้าโมง จันทร์ถึงศุกร์มีเวลาให้กันไม่มากเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเสาร์อาทิตย์ผมก็ยังได้อยู่กับธารทั้งวัน เพราะธารไม่มีเรียนพิเศษที่ไหน

“ได้ครับ”

“ไม่เอาแล้ว กลับบ้านนะพ่อ กลับไปคุยกัน อยากรู้อะไรก็ถามธารสิ ไม่เห็นต้องถามพี่กฤษเลย” ธารเกาะแขนพ่อ เขย่าเบาๆ สีหน้าที่ใช้มองอีกฝ่ายมันเหมือนกับตอนที่ธารขอร้องให้ผมเลิกยุ่งกับผู้ชายคนอื่น...สีหน้าเว้าวอน

น้าตะวันคงทนท่าทางงอแงของธารไม่ไหวเลยถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วบอกกับผมว่า “วันนี้ฉันพาธารกลับก่อนแล้วกัน”
ผมรีบผุดลุกขึ้นเมื่อสองพ่อลุกออกจากโซฟา

“เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ” 

“ไม่เป็นไร”

ได้ยินแบบนั้นผมก็ไม่ดึงดันที่จะลงไปส่ง เพราะอยากปล่อยให้ธารได้อยู่กับพ่อตามลำพังมากกว่า จึงทำเพียงยกมือไหว้ลาแล้วส่งทั้งสองคนที่หน้าประตูห้อง ทว่าก่อนจะออกไปน้าตะวันก็หันกลับมาพูดกับผมเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“อ่อ ธารเพิ่งจะอายุสิบสี่ รู้ใช่ไหมว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับธาร ฉันแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ได้นะ”

.....

สงสัยผมคงต้องรอจนกว่าธารอายุครบสิบแปดจริงๆ สินะ

“ครับ”

เมื่อผมเอ่ยปากรับคำน้าตะวันก็ออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ขณะที่ธารเหลือบมามองผมเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความกังวล แล้วเดินกอดแขนพ่อไปยังประตูลิฟท์

หลังจากมองส่งจนทั้งสองพ่อลูกลับสายตา ผมก็กลับเข้าห้อง ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ยกมือก่ายหน้าผากแล้วคิดทบทวนถึงการกระทำของธารในวันนี้

...ธารแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากกลับมาคืนดีกับผม แต่ทำไมตอนอยู่ต่อหน้าพ่อกลับทำราวกับว่าต้องการปิดบังเรื่องของเรา ทั้งที่น้าตะวันอนุญาตให้เราคบกันอย่างเปิดเผย 

บางทีธารคงยังไม่คิดจริงจัง ไม่แน่ใจว่าผมคือคนที่ใช่ เลยไม่อยากให้พ่อรับรู้เรื่องนี้

หรือไม่...ธารอาจจะมีคนอื่นนอกจากผมและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกคบกับใคร

ยิ่งนึกถึงตอนที่เราจูบกัน ตอนที่ธาร...ร้องครางอยู่ใต้ร่างของผม มันก็ยิ่งยืนยันได้ว่าสิ่งที่ผมคาดเดาเป็นความจริง วิธีการจูบของธารเปลี่ยนไป ธารจูบเก่งขึ้น เมื่อก่อนแค่ผมจับนั่นนี่นิดหน่อย ธารก็เขินจนหน้าแดง แต่วันนี้ธารกลับเริ่มสัมผัสร่างกายของผมก่อน จากที่เคยซื่อๆ ขี้อายกลายเป็นฝ่ายรุกไล่

...ยอมรับว่าธารในตอนนี้ทั้งน่าตื่นเต้นและเย้ายวนจนผมแทบหักห้ามใจตัวเองไม่ไหว รสจูบของธารยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น สัมผัสจากฝ่ามือนุ่มนิ่มทำให้ร่างกายของผมร้อนวูบวาบไม่หาย แต่ผมไม่ชอบใจนักหรอกถ้าคนที่สอนเรื่องพวกนี้ให้กับธารเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผม!

ปัง!

อารมณ์ที่คุกรุ่นทำให้ผมเผลอฟาดกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรง

ตอนที่เราคบกันธารแทบไม่ให้ผมแตะตัวด้วยซ้ำ แต่แค่เดือนเดียว...เดือนเดียวที่เราไม่เจอกัน ไอ้เหี้ยนั่นกลับ...บ้าเอ้ย! มันกับธารมีอะไรกันลึกซึ้งแค่ไหนนะ!?

ผมจะไม่มีวันปล่อยให้ไอ้เหี้ยนั่นหรือใครหน้าไหนแตะต้องธารอีก!

ธารเป็นของผม!

[End Krit’s Part]


Pie2Na


ช่วงนี้พี่กฤษมาแรง 5 5 5 5
ตอนต่อไปมาลุ้นกันว่าธารจะง้อคุณพ่อยังไง แล้วคุณพ่อจะลงโทษธารไหม
แล้วคนที่ปากโป้งฟ้องพ่อ จะโดนธารจัดการรึเปล่า?
ปล.พี่อติณที่หายเข้ากลีบเมฆควรกลับมาได้แล้วนะ

ปล1. ตอนหน้า น่าจะมี NC

อ่านแล้วคอมเม้นกันบ้างนะฮับ เรารออ่านคอมเม้นเธออยู่นะ

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 9]
«ตอบ #27 เมื่อ10-12-2015 21:24:53 »

เชียร์พี่อติณ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 9]
«ตอบ #28 เมื่อ10-12-2015 23:28:15 »

รอตอนหน้า

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 9]
«ตอบ #29 เมื่อ13-12-2015 21:46:29 »

คือชอบนิยายที่นายเอกแรง ๆ อ่ะ
แลเรื่องนี้หนู ธาร สตรองมาก รีบมาต่อเน้อ   :L1: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด