คณิตร้องอ๋อก่อนจะตีไฟเลี้ยวแล้วพารถที่จอดอยู่นานให้วิ่งแล่นไปตามท้องถนนอีกครั้ง บทสนทนาต่างๆดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีคณิตและเอมมิกาคอยสรรหาเรื่องสนุกๆมาพูดคุยกัน มีเพียงแต่พลัสเท่านั้นที่นั่งฟังนิ่งๆไม่แสดงความคิดเห็นอะไรแต่ภายในหัวกลับเริ่มเก็บรายละเอียดของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าตน ทั้งเรื่องที่แท้จริงแล้วร่างสูงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังที่กรุงเทพก่อนจะเข้ามารับช่วงต่อกิจการของพ่อและแม่โดยที่ตอนนี้กำลังดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่เพื่อที่จะสามารถเรียนรู้และควบคุมการทำงานทุกส่วนได้ทั่วถึง
“โห อย่างนี้พี่ก็แทบไม่มีวันหยุดเลยสิ”
“ถ้าจะหยุดจริงๆก็ได้นะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ขอหรอก”
“แล้วแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนคะ”
ร่างสูงหันยิ้มผ่านกระจกมองหลังไปให้เอมมิกาที่แกล้งหยอดถาม แม้การแต่งกายและกริยาจะดูแรงๆไปบ้างแต่เขาก็พอดูออกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้มีเจตนาละลาบละล้วงอะไร คณิตเลยตอบไปโดยไม่คิดอะไรมาก
“ก็ไม่มีเวลาเนี่ยแหละ พี่เลยยังไม่มีแฟนสักที”
หญิงสาวพอได้ยินอย่างนั้นก็แกล้งหยอกไปตามประสาแต่คนอีกคนที่นั่งฟังอยู่กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรเข้ามากระแทกช่วงท้องของตัวเองอย่างจัง พลัสเผลอกำมือของตัวเองแน่นเมื่อได้ยินกับหูว่าคณิตบอกว่าตัวเองไร้พันธะ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เขาเห็นมามันคืออะไร ปูนขายตัวให้ผู้ชายคนนี้จริงๆใช่ไหม
“แล้วปูนล่ะ...”
เป็นอีกครั้งที่พลัสเผลอพูดออกไปตามที่ใจคิดแต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดที่พูดมันออกมา ส่วนคณิตที่เพิ่งเลี้ยวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยอันเป็นที่หมายนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปยังดวงตาที่แข็งขืนของร่างบางซึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่เหมือนกัน
“ปูน? น้องรู้จักปูนด้วยหรอ?”
“ครับ...เราเป็น...เพื่อนที่ทำงานกัน”
พลัสอธิบายไปโดยไม่ต้องปล่อยให้คณิตเอ่ยถาม พอร่างสูงได้ยินคำตอบนั้นส่งเสียงรับในลำคอ เพียงแต่นึกแปลกใจนิดหน่อยที่เจ้าเด็กนั่นก็มีเพื่อนเหมือนกับคนอื่นเขา แถมดูแล้วนิสัยน่าจะคล้ายๆกันด้วย
“ปูนเราให้เราฟังหรอว่ารู้จักพี่”
“...เปล่าครับ แต่ผมเห็นพี่อยู่กับปูนที่ห้างเมื่อวันก่อน”
หญิงสาวเพียงคนเดียวนึกออกขึ้นมาทันทีว่าปูนที่เพื่อนชายของเธอพูดถึงคงจะเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่พลัสชี้ให้เธอดูเมื่อวันก่อน ด้านคณิตก็แปลกใจไม่น้อยที่บังเอิญมีคนที่รู้จักทั้งเขาและปูนเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น จริงอยู่ที่คณิตไม่ได้ปกปิดอะไร แต่ถ้าพูดกันตรงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโพนทะนาเหมือนกัน...
“อ่อ...วันนั้นนี่เอง พอดีพี่ให้ปูนเขามาช่วยเลือกซื้อของน่ะ”
คณิตถือว่าเขาไม่ได้โกหกอะไร ในเมื่อเขาก็ให้ปูนมาช่วยเลือกซื้อของจริงๆ แม้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นการเดินเที่ยวของพวกเขาทั้งสองคนก็เถอะ พลัสพอได้รับคำตอบก็ผงกหัวแล้วเงียบไปแต่คราวนี้กลับเป็นฝ่ายคณิตที่เริ่มถามบ้างเพราะติดใจไม่น้อยว่าด้วยเหตุผลอะไร เด็กคนนี้ถึงได้พูดเหมือนคิดว่าปูนกับเขาเป็นแฟนกัน เอาน่า...ถือซะว่าตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“เราชื่ออะไรนะ พลัสใช่ไหม?”
“ครับ”
“พลัสคิดว่าปูนกับพี่เป็นแฟนกันหรอ?”
เด็กหนุ่มปิดปากเงียบสนิท เช่นเดียวกับเอมมิกาที่มองทั้งสองคนสลับกันไปมาอย่างไม่รู้เรื่องอะไร คนที่เหมือนกับกำลังถูกถามต้อนสบตากับคณิตผ่านเงาสะท้อนโดยที่ตอนนี้รถคันหรูเทียบจอดอยู่หน้าตึกอันเป็นที่หมาย ความเงียบเกิดขึ้นท่ามกลางความกดดันที่พลัสรู้สึกได้ ถึงแม้จะมีรอยยิ้มแต่คณิตในยามนี้กลับทำให้เขาต้องถอยออกมาก้าวหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เปล่าครับ...”
“หรอ พี่นึกว่าตัวเองเผลอทำตัวให้ใครเข้าใจผิดซะอีก”
“...”
“เอาเป็นว่าพี่กับปูนเป็นแค่พี่น้องกัน สบายใจได้นะ พี่ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับเพื่อนของเราหรอก”
มันก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าตัวเขาเต็มอกเต็มใจขนาดนั้น คณิตส่งยิ้มให้พลัสที่เผลอหลบสายตาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ชายหนุ่มจึงขำออกมาน้อยๆแล้วหันไปพูดกับเอมมิกาแทน
“อย่าลืมโทรไปหาช่างเย็นนี้ ที่หลังก็หัดเช็ครถให้ดีก่อนเอาออกมาใช้ การที่รถไม่พร้อมมันก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน”
“ค่ะ ขอบคุณพี่คณิตมากเลยนะคะ เป็นธุระให้ทุกอย่างเลย”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ตั้งใจเรียนนะครับทั้งคู่เลย”
หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะเปิดประตูรถแล้วพาร่างของตัวเองออกไปก่อนทิ้งไว้เพียงแค่ร่างบางที่หันมาเผชิญหน้ากับคณิตอีกครั้ง
“ขอบคุณมากนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนพลัส”
“ครับ?”
“อ่ะนี่ เอานามบัตรพี่ไป”
กระดาษแผ่นเล็กสีงาช้างถูกสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเด็กหนุ่มที่ทำหน้าฉงนอย่างไม่เข้าใจ คณิตจึงยิ้มอ่อนโยนให้แล้วอธิบาย
“เผื่อมีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่ได้นะ คนกันเอง”
คำพูดของคณิตวนเวียนอยู่ในหัวของพลัสจนกระทั่งรถคันนั้นขับเลยออกไป ร่างบางก้มมองดูของในมือตนซ้ำไปซ้ำมาด้วยความรู้สึกไม่พอใจจนหญิงสาวที่ยืนข้างกันนั้นสังเกตได้ เธอไม่รู้ว่าหลังจากเธอลงมาจากรถแล้วคณิตไปพูดอะไรกับพลัสเข้า แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้คือมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด
“เป็นคนแบบนี้เองสินะ...”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘มาหาหน่อย’
ปูนที่เพิ่งเลิกงานในช่วงตีสองของวันอาทิตย์ยืนอ่านข้อความที่ถูกส่งมาถึงตัวเองเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วด้วยความแปลกใจ ก็ในเมื่อก่อนมาทำงานคนที่ส่งข้อความมานั้นเพิ่งบอกกับเขาไปหยกๆว่าอาทิตย์นี้คงปลีกตัวมากินข้าวด้วยไม่ได้แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจได้ไวขนาดนี้
‘ที่ไหนครับ? แล้วนี่หลับแล้วรึยัง?’
ปูนพิมพ์ข้อความตอบกลับไปก่อนจะวางมือถือไว้ในล็อกเกอร์เพื่อที่จะแต่งตัวให้เสร็จ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สวมเสื้อเสียงเตือนก็ดังขึ้นแทบจะทันที
‘อยู่แถวหาด ตกลงมาหาได้ไหม’
ร่างเล็กนึกแปลกใจในถ้อยคำที่ปกติคณิตมักจะไม่ตอแยกับเขามากนัก ยังไม่รวมถึงการมานัดเจอในเวลานี้อีก หรือว่าจะอยากมาก?
‘ได้ อีกสิบยี่สิบนาทีเจอกันนะ’
“พาร์ทไทม์คนไหนยังไม่ได้เงิน เฮียบอยรออยู่ที่เคาน์เตอร์นะ!”
พนักงานคนหนึ่งที่ปูนจำชื่อไม่ได้เปิดประตูเข้ามาแล้วตะโกนเสียงดังจนทำให้ร่างเล็กพึงระลึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังให้ห้องแต่งตัวแห่งนี้ ปูนเหลียวหลังไปมองก็เห็นพนักงานชายหลายคนทั้งที่ทำประจำและทำเป็นพาร์ทไทม์ซึ่งแต่ละคนต่างก็อยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้ายกเว้นอยู่คนที่กำลังมองมาทางเขาไม่วางตา...
“มองอะไร”
ปูนพูดกับพลัสด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบที่เคยทำ มันไม่ใช่การหาเรื่องเขาเพียงแค่ถาม ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นจ้องกันมาซะขนาดนั้น
“เปล่า...”
พลัสปฏิเสธก่อนจะเบนสายตาหลบไปที่อื่นแต่ถึงอย่างนั้นปูนก็ยังสังเกตเห็นสีแก้มที่ขึ้นริ้วแดงเหมือนกับคนที่กำลังเขินอาย ปูนนึกสงสัยแต่ก็ต้องร้องอ่อเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆจากลมของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้ากับผิวกายขาวของเขา หึ...นึกว่าอะไร
“นี่...ติดกระดุมให้หน่อยสิ”
“...!!!”
ปูนที่คว้าเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของตัวเองมาสวมทับตัวไว้เดินเข้ามาหาพลัสทั้งที่ยังไม่กลัดกระดุมเลยแม้แต่เม็ดเดียว ร่างบางชะงักก่อนจะถอยหลังออกมาแต่ก็มีพื้นที่เพียงน้อยนิดทำให้แผ่นหลังของเขาปะทะเข้ากับตู้ล็อคเกอร์เข้าอย่างจัง การกระทำที่เหมือนกับว่ากำลังหวาดกลัวเรียกเสียงหัวเราะของปูนได้ชะงัก ผิดกับพลัสที่แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“ตะ ติดเองสิ”
“ขี้เกียจ...ติดให้แค่นี้ไม่ได้หรอวะ”
“แต่เรารีบ”
“แปปเดียว ไม่ได้บอกให้อยู่ติดทั้งคืนสักหน่อย”
“...”
“หรือมึงอยากให้เป็นอย่างนั้น?”
พลัสรีบเอื้อมมือไปติดกระดุมให้แทบจะทันทีแม้ว่ามือของร่างบางจะสั่นมากจนเห็นได้ชัดก็ตาม ในขณะที่เด็กหนุ่มพยายามเพ่งสายตาของตนให้จดจ่ออยู่กับกระดุมเม็ดเล็กแต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมาราวกับจะทะลุผ่านตัวเขาให้ได้ พลัสเผลอเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นเพราะความกดดันจนมันห้อเลือดแดงโดยที่ปูนไม่คิดห้ามสักนิด
“ขอบใจมาก”
ปูนเอ่ยกับพลัสทันทีที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกจัดให้เข้าที่ พลัสลอบถอนหายใจออกมาแต่ร่างเล็กก็ได้ยินมันอยู่ดี น่าเสียดายที่เขามีนัดกับคณิตซะก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงได้สนุกกว่านี้
“ที่หลังถ้ามองกันขนาดนี้กูจะคิดค่ามอง”
“ขอโทษครับ...”
“ยอมรับแล้วสินะว่ามอง”
“...!!!”
“หึ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกน่า ก็แค่มองน่ะ”
“...”
“แต่อย่าเก็บไปชักว่าวแล้วกัน”
ร่างเล็กยิ้มเยาะครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบข้าวของของตัวเองแล้วออกจากห้องไปโดยไม่คิดจะสนใจคนที่ตัวเองมอบวาจาเฉือดเฉือนให้เลยสักนิด ปูนใช้ลิฟต์ของพนักงานจนตัวเขามาถึงชั้นล่าง โชคดีที่ตอนนี้ยังพอมีวินเมอร์เตอร์ไซค์ที่คอยรับส่งนักท่องเที่ยวที่อยากจะตระเวนราตรีอยู่บ้างปูนจึงเลือกใช้บริการพวกนี้พาเขาไปยังสถานที่นัดหมายที่อยู่ห่างไปไม่มากแต่จะให้เดินร่างเล็กก็ไม่เอาด้วย
เป็นภาพที่เห็นจนชินตากับกลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งวงดื่มแล้วร้องเพลงเป็นตามเรื่อยเรียงรายอยู่เต็มฟุตบาทที่ถูกสร้างให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ไม่ใช่แค่คืนวันเสาร์อาทิตย์แต่ปูนก็เห็นเด็กพวกนี้มาที่นี่กันแทบทุกวันจนพาลให้คิดถึงชีวิตของเด็กมหาวิทยาลัยในกรุงเทพที่ไม่มีสถานที่ให้พักผ่อนหยอนใจตลอดทั้งคืนแบบนี้ แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะไปนึกถึง
ปูนหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วกดโทรหาคณิตแทนที่จะเดินไปเรื่อยๆเพราะหาดที่ว่าก็ยาวยิ่งกว่าระยะทางระหว่างโรงแรมกับจุดที่เขายืนอยู่เสียอีก ร่างเล็กรอสายอยู่สักพักแต่มันก็ยังไม่มีสัญญาณตอบกลับมา จนกระทั่งเขากดโทรออกเป็นครั้งที่สามสายของคณิตก็ถูกรับโดยเสียงของใครบางคน
“ฮัลโหล!”
“...นี่ใช่โทรศัพท์ของคุณคณิตรึเปล่าครับ”
“เออใช่ๆ เฮ้ยพวกมึงน้องเขามาแล้วเว้ย!!!”
เสียงโวยวายที่ดังออกมาทำให้ปูนต้องเลื่อนโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหูของตัวเองอีกนิดแต่เมื่อเขาทำอย่างนั้นก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกว่ากำลังได้ยินเสียงแบบเดียวกันดังมาจากนอกสายในบริเวณที่ไม่ไกลนัก
“น้องอยู่ไหนแล้วครับ”
“ผม...อยู่แถวหน้าเซเว่น”
“ใช่คนที่ใส่เสื้อสีขาวป่ะ ที่ตัวเตี้ยๆ
เตี้ยพ่อมึงสิ...ปูนอยากพูดออกไปใจจะขาดแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ในเมื่อเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่รับสายของคณิตคือใคร
“ครับ”
“โอเค เดี๋ยวพี่เดินไปรับ”
ปลายสายยังไม่ตัดไปแต่ปูนก็ไม่ได้ยินเสียงใครพูดอะไรมาอีก แต่ในขณะที่ร่างเล็กกำลังยืนหมุนๆมองหาคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนคนนั้นนั่นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนใครกำลังสะกิดที่หัวไหล่เบาๆ
“เหยดดดดดดดดด น่ารักสัดดดดดดดดดดดด!!!”
ชายแปลกหน้าตะโกนเสียงดังทันทีที่ปูนหันกลับไปมอง แน่นอนว่ามันดังพอที่จะดึงความสนใจจากคนที่นั่งอยู่แถวๆนั้นให้หันมามองที่ปูนทั้งหมด ไม่พูดพร่ำทำเพลงปูนถูกคนที่ตัวใหญ่กว่าเขาเกือบสองเท่าลากให้เดินตามไปด้วยแรงที่เขาไม่อาจต่อต้านได้ เด็กหนุ่มพยายามร้องขอคำอธิบายแต่ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะได้ตอบปูนก็เดินมาถึงกลุ่มของผู้ชายราวห้าถึงหกคนที่ดูยังไงก็ไม่ใช่นักศึกษา
“น่ารักเหี้ยๆ!!!”
“ขาวโคตรรรรรรรรรร!”
“ดูดีกว่าในรูปอีกว่ะ”
“เห้ย แต่กูว่าในรูปน่ารักกว่านะ”
“มันก็คนเดียวกันป่าววะ”
“นั่นดิ ว่าแต่ยิ้มหน่อยได้ไหมครับ อย่าทำหน้าบึ้งดิ”
ปูนรับไม่ไหวกับคำที่แต่ละคนพูดมา ไม่ใช่ว่าอายแต่มันตั้งตัวไม่ทัน เขาไม่เคยรู้จักคนพวกนี้ ไม่แม้แต่จะจำได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน ร่างเล็กมองซ้ายมองขวาหาคนที่น่าจะให้คำตอบพวกนี้กับเขาได้ แต่แล้วการกระทำนั้นก็ต้องตกไปเมื่อชายคนที่จูงเขามาได้ฉุดเขาให้นั่งลงในวงเหล้าที่สมาชิกแต่ละคนยินดีจะเขยิบให้กว้างขึ้น
“นั่งก่อนๆ พวกมึงก็ใจเย็นๆ เด็กมันงงหมดแล้ว”
“งงหรือง่วงไอ้สัด! จะตีสามแล้ว!”
แต่ละคนหัวเราะกันฮาครืนโดยที่ปูนก็ยังคงประติดประต่อเรื่องราวต่างๆไม่ได้จนหนึ่งในคนพวกนั้นสังเกตเห็น เลยเริ่มแนะนำตัวแต่ละคนให้ปูนฟัง
“พี่ชื่อโต้งนะ ส่วนนี่ไอ้มอส ไอ้แคมป์ ไอ้โจ้ ไอ้บอส แล้วไอ้คนที่ไปรับน้องมาชื่อไอ้เชี้ยขิง ต้องมีเชี้ยด้วยนะ ขิงเฉยๆไม่ได้”
ปูนพยักหน้าอย่างงงๆแต่ก็ยังยื่นมือไปรับขวดเบียร์ที่พี่คนที่ชื่อแคมป์ยื่นมาให้แต่ก็ยังไม่ได้ยกขึ้นดื่มแต่อย่างใด
“ผม...ชื่อปูนครับ”
“เหยดดดดดดดดดดดด ชื่อก็น่ารักกกกกกกกกกกก!!!”
เหยดกันบ่อยไปแล้วนะพวกบ้า...ปูนคิดขณะที่โปรยยิ้มไปให้แม้ว่าใจจริงอยากจะลุกออกไปจากวงนี้สักที แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นเขาควรจะถามคนพวกนี้ก่อนว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันอะไรยังไงกันแน่
“แล้วทำไมพวกพี่ถึงใช้โทรศัพท์ของคุณคณิตได้ล่ะครับ”
“ทำไมเรียกคุณล่ะ ต้องป๋าไม่ใช่หรอ”
โต้งเอ่ยแซวยิ้มๆก่อนจะโบ้ยให้ขิงที่ยังถือโทรศัพท์ของคณิตไว้ตอบ
“พี่เป็นเพื่อนของมันน่ะ ส่วนมันก็...นั่งไงกลับมาพอดีเลย ไอ้นิดโว้ย!!!”
ขิงมองไปทางด้านหลังของปูนก่อนจะตะโกนเรียกคนที่กำลังหอบถุงจากร้านสะดวกซื้อมาเต็มสองมือ คณิตซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเดินหันไปมองตามเสียงเพื่อที่จะตะโกนเรียกให้เพื่อนเก่าจากมหาวิทยาลัยซึ่งมีโอกาสรวมตัวกันมาพักที่โรงแรมของเขาให้มาช่วยถือ แต่แล้วจู่ๆก็ต้องพบว่ามีคนตัวเล็กคุ้นตากำลังนั่งแทนที่ของเขาอยู่แล้วมองมาด้วยแววตาที่บอกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกสนุก
“ว่าไงครับป๋า กลับมาหาปูนแล้วหรอ”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกับเช่!
ก่อนอื่นเลยสวัสดีปีใหม่2559 นะคับบบบ เช่ขอให้คนอ่านที่น่ารักของเช่ทุกคนมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงเงินทองไหลมาเทมานะ ขอบคุณนะคับที่อยู่กับนานมาถึงครึ่งปีแล้ว ปีหน้าก็ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนนะคับ!!!
ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับมาอวยพรน้องปูน ขอให้น่ารักๆนะหนู ขอให้คนเอ็นดูหนูเยอะๆ จากตอนที่แล้วมีแต่คนไม่อยากให้พี่กาลกลับมา เป็นไงล่ะ สมน้ำหน้า 5555555 (พี่กาลชักปืนเตรียมยิงทิ้ง) ถึงจะแต่งยากสำหรับเช่ไปซะหน่อยแต่เช่มีความสุขมากๆเลยนะที่ได้แต่งป๋าปูน เช่ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขที่ได้อ่านกันนะคับ
ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลย เช่กะหาเวลาว่างตอบเม้นบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำสักที แต่ไม่ต้องห่วงนะคับ เช่ได้อ่านทุกอันเลย เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากเม้ามอยกันจริงๆไปในแฟนเพจสะดวกกว่านะคับ เข้ามาคุยกันนะ