- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165692 ครั้ง)

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #60 เมื่อ23-12-2015 19:57:39 »

เฮ้ยยยยยยย น่ารักมากกกกกกกกกกกก
ป๋าเนียนนะ จับแก้มน้องด้วย ตีมือแตกๆๆ :z6:

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #61 เมื่อ23-12-2015 23:21:12 »

น่ารักๆ

ออฟไลน์ ดวงตะวัน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #62 เมื่อ24-12-2015 01:01:02 »

โอ้ย!น่ารักมาก เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆเลยคะ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #63 เมื่อ25-12-2015 18:44:03 »

 

แตกที่ 9

…อย่าคิดเลย...

 

เด็กหนุ่มที่กำลังยืนรอเพื่อนสาวอยู่ในแผนกเครื่องสำอางมองภาพตรงหน้าโดยที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง พลัสผละออกจากกลุ่มเพื่อนแล้วรีบสาวเท้าไปยังทางที่เพื่อนร่วมงานของเขาควงคู่กับหนุ่มใหญ่คนหนึ่งออกไปด้วยท่าทางสนิทสนม แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ร่างโปร่งก็ยิ่งชะลอฝีเท้าของตัวเองให้สั้นลงเท่านั้นจนมันหยุดลงเมื่อสายตาของเขาเลื่อนไปเห็นถุงเครื่องสำอางราคาแพงที่ปูนถืออยู่และรอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็น

 

“พลัส! เดินออกมาทำไมไม่บอกก่อนวะ”

 

พลัสหันไปหาเพื่อนที่วิ่งหน้ามุ่ยมาหาโดยที่ในมือยังไร้ถุงเครื่องสำอางยี่ห้อดังที่มัวแต่ไปยืนส่องอยู่นาน เด็กหนุ่มจึงยิ้มแหยๆให้เพราะรู้ตัวว่าเขาทำให้ ‘เอมมิกา’ ต้องเดินตามมาทั้งๆที่ยังไม่ได้ของที่ต้องการ

 

 “แล้วว่าไง ตกลงมีอะไรถึงได้วิ่งหูตาแหกออกมาอย่างงี้”

 

“ไม่มีอะไรหรอก...แค่เหมือนเห็นคนรู้จักน่ะ เราไปดูของกันต่อเถอะ”

 

“โอ้ย ไม่เอาแล้วแพงขนาดนั้นไม่มีปัญญาซื้อหรอก ดีเหมือนกันที่แกวิ่งออกมาแบบนี้ ฉันกำลังหาจังหวะชิ่งยัยบีเอนั่นอยู่พอดี หึ พอเห็นว่าเราใส่ชุดนักศึกษาแม่งทำหน้าอย่างกับแกกับฉันเป็นขโมย”

 

เอมมิกาบ่นไปพลางลากพลัสที่ทำยังทำหน้ารู้สึกผิดให้เดินออกไปจากแผนกเครื่องสำอางหลังจากที่เดินวนดูอยู่นานโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลยสักชิ้น แน่แหละลำพังนักศึกษาธรรมดาอย่างพวกเขาที่ได้เงินจากพ่อแม่เดือนละไม่กี่ตังจะมีปัญญาซื้อของราคาหลักพันหลักหมื่นพวกนั้นได้ยังไง

 

“หิวยังแก ฉันหิวแล้วอ่ะ”

 

“งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ นี่ก็ใกล้จะบ่ายแล้วด้วย”

 

ร่างโปร่งเสนอขึ้นทั้งที่ความจริงเขายังไม่หิวเท่าไหร่ ทั้งสองคนพากันเดินไปยังร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังโดยที่ทั้งคู่ต่างก็สั่งอาหารที่ตัวเองต้องการมานั่งกินกันอยู่ตรงโต๊ะริมกระจกทำให้พลัสสามารถเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้

 

“เออนี่ แกคิดรึยังว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”

 

เอมมิกาถามขึ้นหลังจากที่จัดการอาหารของตัวเองไปได้เพียงแค่ครึ่งจาน เธอเลือกไก่ชิ้นที่ยังดูดีอยู่มาใส่ไว้ในจานของพลัสซึ่งเด็กหนุ่มก็รับมากินต่อโดยไม่ถือสาอะไร อย่างน้อยก็ดีกว่าทิ้งให้เสียเปล่าล่ะนะ

 

“ก็ว่าจะฝึกที่ The Pilot นั่นแหละ เราไม่อยากไปไกลบ้าน”

 

“The Pilot ก็ดีนะ แต่ฉันเบื่อแถวนี้ว่ะเลยว่าจะไปฝึกกรุงเทพ แต่แม่อะดิ บอกว่าไม่ยอมให้ฉันไป บ่นว่าเงินไม่พอส่งอะไรก็ไม่รู้”

 

เด็กหนุ่มนั่งฟังเพื่อนสาวบ่นไปเรื่อยๆด้วยความรู้สึกที่ทั้งเห็นใจและเข้าใจแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดส่งเสริมหรือหักหาญความตั้งใจของเพื่อนที่อยากจะออกไปตามหาอนาคตของตัวเองในเมืองหลวง จริงอยู่ที่บางแสนก็ถือว่าเจริญและไม่ได้บ้านนอกเลยสักนิด แต่สำหรับพวกเขาที่ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยก็เรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตลอด สิ่งที่ต้องการจึงเป็นโลกกว้างที่แปลกใหม่หาใช่ความเจริญอย่างที่คนอื่นว่า เขาก็แค่อยากไปเห็น...โลกที่ไม่เคยเจอเท่านั้น

 

“เอาน่าเอม ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งนานค่อยๆกล่อมแม่ไปแล้วกัน”

 

“เฮ้อ ก็หวังว่าจะยอมนะ น่าเบื่อชะมัด”

 

เอมมิกาถอนหายใจยาวจนคนฟังรู้สึกเบื่อหน่ายไปด้วย พลัสเขี่ยอาหารที่เหลือไปมาพลางคิดถึงเรื่องบางอย่างที่เข้ามารบกวนจิตใจเขาอยู่สักพัก พวกเขาทั้งสองนั่งคุยอะไรกันไปเรื่อยแม้ไม่คิดจะแตะต้องอาหารที่เหลือแล้วก็ตาม จนกระทั่งสายตาของเด็กหนุ่มสะดุดเข้ากับใบหน้าโดดเด่นของใครบางคนที่กำลังเดินเคียงคู่มากับชายปริศนาคนนั้นอีกครั้ง

 

“ปูน...”

 

พลัสพูดชื่อของร่างเล็กออกมาขณะที่จับจ้องไปยังทั้งสองคนทีกำลังต่อแถวซื้อไอศกรีมจากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ โชคดีที่มุมที่พลัสนั้นมีแสตนอันใหญ่ตั้งบังไว้ทำให้หากไม่สังเกตปูนคงจะไม่รู้ตัวว่าโดนเพื่อนร่วมงานบังเอิญเห็นตัวเองกำลังยืนคุยกับชายหน้าตาดีด้วยท่าทางสนิทสนมเกินกว่าที่จะเป็นแค่เพื่อนกันได้

 

“อะไรวะแก?....เฮ้ย นั่นมันคุณคณิตนี่หว่า!”

 

หญิงสาวที่หันไปมองตามสายตาของเพื่อนพูดชื่อของคณิตออกมาพร้อมกับทำสีหน้าราวกับว่าชายคนนั้นเป็นดาราหรืออะไรสักอย่าง เอมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปทายาทเจ้าของโรงแรมดังที่เธอปลื้มนักหนาด้วยสีหน้าเพ้อๆ ก่อนจะหลุดออกมาจากฝันเพราะคำถามของพลัส

 

“คณิต? นี่เอมรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยหรอ?”

 

“รู้จักสิ แกซะเปล่าไม่รู้จักคุณคณิตได้ยังไง”

 

เอมมิกาจีบปากจีบคอพูดแล้วหันมามองเพื่อนด้วยสายตาที่บ่งบอกความภาคภูมิใจในความรอบรู้ของตัวเอง ยิ่งเห็นว่าพลัสทำท่าอยากรู้เธอยิ่งสนุก

 

“ ‘คณิต เจริญวัฒนะ’ ลูกชายเจ้าของโรงแรม The Next คู่แข่งของโรงแรมที่แกทำงานอยู่ไง ขอบอกเลยว่าคนนี้เพอร์เฟคมาก สาวๆอยากแซ่บด้วยทั้งเมือง!”

 

พลัสใจกระตุกเมื่อได้ยินสรรพคุณข้อสุดท้ายที่เอมมิกาบอกเล่าให้เขาฟัง คงไม่แปลกอะไรที่ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมแบบนั้นจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้หญิงทั้งหลาย แต่ถ้าเป็นผู้ชายล่ะ???

 

“ว่าแต่คนที่ยืนกับคุณคณิตนั่นเพื่อนแกหรอ ใช่คนที่แกวิ่งไปหารึเปล่า”

 

“อ่ะ อืม...เพื่อนที่ทำงานน่ะ”

 

เด็กหนุ่มสมอ้างไปก่อนทั้งที่ความจริงระหว่างเขากับปูนคงไม่สามารถเป็นได้แม้แต่เพื่อนกัน หลังจากที่ปูนปฏิเสธเงินที่เขานำมาคืนให้นั้นคนตัวเล็กก็แทบจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยง ซึ่งการกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้พลัสรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความหมายยิ่งกว่าเดิมซะอีก

 

“ถ้าอย่างนั้นเพื่อนแกก็รู้จักกับคุณคณิตน่ะสิ นี่...แกบอกให้เพื่อนแกแนะนำฉันกับคุณคณิตหน่อยสิ ถ้าเป็น The Next ล่ะก็ฉันยอมไม่ไปกรุงเทพก็ได้”

 

พลัสส่ายหัวให้กับคำพูดทีเล่นทีจริงของเอมมิกา และรู้ด้วยว่าที่บอกว่าให้แนะนำน่ะหญิงสาวต้องการจะถูกแนะนำในฐานะไหน เด็กหนุ่มหันไปมองภาพของทั้งสองคนอีกครั้งซึ่งตอนนี้คนตัวเล็กเหมือนกับจะกำลังเลือกอะไรบางอย่างจากตู้กระจกโดยที่คนซึ่งสูงกว่าก็เอาแต่กอดอกแล้วชำเลืองมองคนข้างๆด้วยสายตาอ่านยากแบบที่ทำให้ร่างโปร่งเผลอจินตนาการไปไกลจนนึกหวั่น แน่ล่ะ...ภาพของปูนและชายต่างชาติในคืนนั้นยังคงไม่จางหายไปจากความทรงจำของเขาง่ายๆ

 

ร่างโปร่งมองไปยังถุงช็อปปิ้งที่คราวนี้คณิตเป็นฝ่ายถือมันไว้เองโดยที่หน้าถุงทุกใบต่างก็มีโลโก้ของร้านดังซึ่งถ้าเป็นเขาการจะเลือกซื้อของสักชิ้นจากร้านพวกนี้คงจะต้องเก็บเงินอยู่นาน แต่สำหรับคนที่มีเงินมากขนาดนั้นราคาของแค่นี้คงไม่แม้แต่จะระคายผิว แล้วจะนับประสาอะไร...กับการซื้อคนสักคน

 

“เป็นอะไรวะพลัส ทำหน้าซะน่ากลัวเชียว”

 

เอมมิกาทักขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของชายตรงหน้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะดวงตาที่ปกติมักจะสดใสกลายเปลี่ยนเป็นขึงขังเสียจนน่ากลัว

 

“เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร”

 

พลัสปฏิเสธแต่พอเขาหันกลับไปมองร่างของทั้งสองคนก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว แต่ร่างโปร่งก็ไม่คิดจะลุกไปตามหาอย่างคราวแรกเพราะมันคงเหนื่อยเปล่าที่จะทำ เด็กหนุ่มเอ่ยปากชวนเพื่อนสนิทให้แยกย้ายกันกลับบ้านซึ่งเอมมิกาก็ตกลงตามนั้นแม้ใจจริงจะยังอยากเดินตากแอร์อยู่ที่ห้างมากกว่า

 

เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินไปส่งเพื่อนที่วินมอเตอร์ไซด์ก่อนจะเดินไปยังคิวรถสองแถวที่จอดเรียงรายอยู่ข้างทาง สายลมที่พัดผ่านหน้ายามที่รถเคลื่อนตัวไปไม่ได้ทำให้พลัสรู้สึกเย็นลงเลยสักนิด ภาพของปูนและผู้ชายคนนั้นรวมถึงสิ่งที่ปูนทำฉายซ้ำอยู่ในหัวทั้งที่เขาไม่ควรแม้แต่จะเก็บมาใส่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับทำไม่ได้ เด็กหนุ่มได้แต่ถามว่าทำไม...ทำไม...ทำไม...แต่เขาก็ไม่เคยได้คำตอบ

 

“ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับ”

 

ประโยคแรกที่ผู้หญิงซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่พูดกับเขาทำให้ใบหน้าที่แต่เดิมเรียบเฉยเปลี่ยนเป็นหมองลงแต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น พลัสถอดรองเท้าผ้าใบคู่เก่งออกนำมันไปวางไว้ตรงชั้นเก็บก่อนจะเดินตรงไปยังมุมซักล้างหน้าบ้านที่มีร่างของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการล้างหม้อจานใบใหญ่

 

“สวัสดีครับ...น้า”

 

เด็กหนุ่มเอ่ยทักหญิงตรงหน้าแต่กลับไม่ยกมือไหวแต่อย่างใด เพราะอีกฝ่ายคงไม่คิดจะหันมามองเขาอย่างเคย แต่พลัสคิดผิดเมื่อใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าหันกลับมามองเขาจนกลายเป็นว่าสีหน้าที่บ่งบอกความในใจถูกคนซึ่งทำให้มันเป็นแบบนี้พบเห็นเข้าจนได้

 

“ไม่มีสัมมาคารวะ”

 

“...”

 

“แล้วว่าไง ทำไมเพิ่งกลับวันนี้เลิกเรียนตั้งแต่เที่ยงไม่ใช่หรอ”

 

“...ผมไปทำรายงานกับเพื่อนมาครับ”

 

“หึ...ทำรายงานทั้งปี”

 

“...”

 

“รีบขึ้นไปบนห้องได้แล้ว เกะกะ คนจะทำมาหากิน”

 

เธอเอ่ยไล่พร้อมกับโบกมือซึ่งมีฟองน้ำยาล้างจานเกาะอยู่จนมันกระเด็นมาโดนเสื้อของพลัส แต่ร่างโปร่งก็ไม่คิดแม้แต่จะโวยวายหรืออะไร เขารีบพาร่างที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจขึ้นมายังห้องส่วนตัวของตัวเอง

 

“มาถึงก็โดนอีกแล้ว”

 

เขาบ่นกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแล้วหลับตาลง มันเป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งจนความเสียใจเปลี่ยนเป็นชินชา แน่ล่ะ แต่ไหนแต่ไรความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้หญิงคนใหม่ของพ่อก็ไม่เคยราบรื่นสักครั้ง ‘น้าพร’ เป็นผู้หญิงที่ดีอย่างน้อยพลัสก็คิดอย่างนั้นตราบจนที่เธอถูกพามาที่บ้านในฐานะแฟนใหม่ของพ่อหลังจากที่แม่เสียไปได้แค่สองปี เขาไม่ได้โกรธพ่อ...โชคดีที่แม่เสียไปตอนที่พลัสกำลังขึ้นม.6ทำให้เด็กหนุ่มสามารถเข้าใจโลกของผู้ใหญ่ได้พอสมควร

 

 

แต่ก็ไม่ทั้งหมด...

 

เขาไม่อาจทำความเข้าใจ จิตใจของเพื่อนสนิทแม่คนนั้นได้

 

พลัสเก็บตัวอยู่บนห้องรอจนเกือบสองทุ่มเขาจึงเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเป้ที่ใส่ชุดทำงานไว้ นับว่าโชคดีที่เวลานี้น้าพรออกไปขายของแล้วเด็กหนุ่มจึงไม่ต้องหงุดหงิดเพราะคำพูดน่าปวดหัวพวกนั้นอีก พลัสขี่รถจักรยานยนต์ของตัวเองไปยังโรงแรมที่ซึ่งเขาเข้าไปทำงานพิเศษได้พักใหญ่ เด็กหนุ่มเอ่ยทักเพื่อนร่วมงานไปตลอดทางรวมไปถึงหัวหน้าอย่างพี่บอยซึ่งก็ยังคง ‘น่าเกรงใจ’ เสมอสำหรับเขา ไม่เชิงว่าไม่ถูกชะตา เพียงแต่พลัสรู้สึกว่าต่อให้พยายามยังไงตาดุๆของผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เขารับมือได้ยากเสมอ

 

“วันนี้มาเร็วนะ”

 

“อ่า ครับ...พอดีอยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร”

 

“ก็ดี...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ”

 

“ครับ”

 

พลัสยกมือไหว้บอยอีกครั้งก่อนจะเดินก้มหัวผ่านร่างสูงใหญ่นั้นไปยังห้องพักของพนักงานที่เริ่มมีคนอื่นมาถึงแล้วบ้างประปราย เด็กหนุ่มจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปกินอาหารซึ่งเป็นสวัสดิการของพนักงานที่นี่ตรงชั้นสอง แน่นอนว่ามันไม่อร่อยหรอกในความรู้สึกของเขา อาหารบางส่วนก็เป็นอาหารส่วนที่เหลือจากบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมที่แขกกินไม่หมดแต่ในเมื่อมันเป็นของฟรีเขาก็กินได้ทั้งนั้น

 

แกร๊ก...

 

ในขณะที่ร่างโปร่งกำลังจะตักข้าวเข้าปาก จู่ๆคนที่พยายามเลี่ยงอยู่เสมอก็ทรุดนั่งลงที่ว่างตรงกันข้ามกับที่เขานั่งอยู่ บอยซึ่งยังคงอยู่ในชุดกัปตันแต่เนคไทสีเข้มที่ปกติจะจัดให้ดูดีเสมอถูกขยับออกเล็กน้อยจนพลัสสามารถเห็นผิวบริเวณซอกคอที่โผล่พ้นปกคอเสื้อมาได้

 

“มีอะไร กินต่อไปสิ”

 

“คะ ครับ”

 

พลัสก้มหน้าก้มตากินต่อไป ส่วนบอยก็หยิบบุหรี่ที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ เด็กหนุ่มลอบมองไปยังกำแพงข้างๆที่มีเครื่องหมายห้ามสูบบุหรี่ติดไว้แล้วหันไปมองควันสีเทาที่ลอยฟุ้งอยู่ตรงหน้า

 

ทำแบบนี้จะไม่เป็นไรหรอ...

 

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เครื่องตรวจจับควันตรงนี้เสียพอดี”

 

เหมือนกับอ่านความคิดได้ จู่ๆบอยก็ตอบในสิ่งที่พลัสสงสัยออกมาได้ทั้งๆที่คนตัวเล็กกว่าไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย และดูเหมือนหน้าตาเหวอๆของเขาจะทำให้อีกฝ่ายสะใจอยู่ไม่น้อยเพราะรอยยิ้มมุมปากที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนอกเสียจากเวลาที่พูดคุยกับแขกกำลังปรากฏบนใบหน้าคมเข้มของบอย แม้จะเพียงน้อยนิดและผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่พลัสก็ยังสังเกตได้

 

“ก็ดูดีนิ ทำไมไม่ยิ้มบ่อยๆนะ...”

 

“คราวนี้พูดออกเสียงแฮะ”

 

“ขะ ขอโทษครับ!!”

 

เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรเปิ่นๆออกไป ใบหน้าของพลัสก็ขึ้นมีแดงเถือก เด็กหนุ่มเร่งสปีดยัดอาหารในจานลงท้องไปพลางเคืองกฎของห้องอาหารแห่งนี้เป็นครั้งแรก อยากวิ่งหนีไปจะตายชักแต่ป้ายที่เขียนด้วยลายมือตัวโตๆว่า ‘ตักแต่พอกิน ถ้ามีเศษอาหารเหลือทิ้งเยอะกว่าปกติ ทางห้องครัวจะลดกับข้าวพนักงานเหลือแค่หนึ่งอย่างนะคะ’ ก็ทำให้เขาต้องจนใจทำตามนั้น

 

“หึ ไม่ต้องรีบหรอกน่า เดี๋ยวติดคอตาย”

 

“อ้อโอดอับ!”

 

บอยส่ายหน้าให้คนที่พยายามบอกขอโทษเขาแม้ว่าข้าวจะยังอยู่เต็มปาก ร่างใหญ่ลุกขึ้นเดินไปกดน้ำเปล่ามาหนึ่งแก้วแล้วยื่นมันให้พลัสที่ทำหน้าเหลอหลายิ่งกว่าเก่า เด็กหนุ่มลังเลแต่ก็ยอมรับมันไปแต่โดยดีก่อนที่จะยกดื่มของเหลวในนั้นล้างปากที่เพิ่งเคี้ยวอาหารก้อนสุดท้ายหมดไป

 

“ขะ ขอบคุณครับ”

 

พลัสบอกขอบคุณแล้วหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เด็กหนุ่มรีบลุกแล้วกุลีกุจอเอาจานและแก้วน้ำไปวางไว้บนรถเข็นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลโดยไม่คิดจะหันไปมองหน้าคนที่เพิ่งแสดงน้ำใจกับตัวเองไปเลยสักนิด แน่ล่ะ ต่อให้ทำนิ่งไปเรื่องที่เขาเผลอพูดความในใจของออกมาให้เจ้านายฟังมันก็น่าอายเกินไปอยู่ดี ร่างโปร่งโค้งน้อยๆให้คนที่ยังคงยืนพิงม้านั่งตัวยาวแล้วคาบบุหรี่อยู่ในปากเพื่อจะพาตัวเองไปให้พ้นๆจากที่นี่ แต่ในจังหวะก่อนที่พลัสจะเดินพ้นโค้งทางเดินของห้องอาหารนี้ไป เขาก็ได้ยินเหมือนบอยกำลังพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้พลัสคิดว่าเขาคงแค่ฟังผิดไป

 

 

 

“คราวนี้ไม่พูดว่าขอโทษแฮะ”

 

 

:man1:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :man1:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #64 เมื่อ25-12-2015 18:44:28 »



หลังกลับมาจากห้างทั้งคณิตและปูนก็ใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือในช่วงบ่ายไปกับการเล่นเกมที่ไปเลือกซื้อมาและแน่นอนว่าคณิตก็ยังคงเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดีจนคนที่ออกเงินซื้อเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาทางใบหน้า ถึงจะไม่ได้เทพแต่เขาก็ไม่ได้กากจนต้องมาแพ้เจ้าเด็กนี่ยับเยินขนาดนี้ มันผิดสังเกตเกินไป!

 

“นี่เธอใช้ทริคอะไรกับฉันรึเปล่า”

 

ปูนที่กำลังคาบช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดไว้ในปากหันมามองร่างสูงโดยที่มือยังกดจอยไปด้วยแล้วทำหน้าสงสัย

 

“ทริค? หมายถึงโกงอะนะ”

 

“ใช่ ฉันแพ้เธอติดๆกันแบบนี้มันไม่ปกติแล้ว ใช้วิธีอะไรบอกมา”

 

คณิตถามหน้ามุ้ย ความจริงก็ไม่ได้ไม่พอใจขนาดนั้นหรอกเพียงแค่อยากพาลบ้างเท่านั้นเอง ส่วนผู้ต้องสงสัยพอได้ฟังอย่างนั้นก็นิ่งไปก่อนที่จะยิ้มยิงฟันใส่

 

“อื้มโกง...โกงอายุอะ เป็นเด็กเป็นเล็กแกล้งคนแก่ได้ไงเนอะ”

 

ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก ในขณะที่คณิตก็ขมวดคิ้วเสียจนพันกันยุ่งเหยิง

 

“ลามปาม ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไปนะปูน”

 

“นั่นไง ยังไม่ทันหัวล้านก็จะใจน้อยแล้วหรอ”

 

ปูนแกล้งหยอกเพิ่มเข้าไปอีก ถึงจะมีข้อตกลงกันแต่การแกล้งให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียเล่นก็ถือเป็นเรื่องบันเทิงอันดับหนึ่งสำหรับร่างเล็กอยู่ดี ปูนวางจอยลงกับพื้นแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักของอีกฝ่ายแล้วแกล้งคลำๆตรงผมแสร้งเป็นหาผมล้านอย่างที่ปากว่า จนคณิตต้องคว้ามือขาวๆนั่นมาจับไว้นั่นแหละถึงจะหยุด

 

“พอเลยๆ เพื่อนเล่นรึไงเนี่ย”

 

“ไม่เป็นเพื่อนเล่นก็ได้ แต่เอาเป็นเล่นเพื่อน โอเคป่ะ”

 

คนตัวเล็กยิ้มร้ายก่อนจะก้มลงไปจุมพิตลงบนริมฝีปากหยุ่นของคนใต้ร่างจนรสหวานปนขมของช็อคโกแลตละมุนไปทั่วทั้งปากของคณิต คนที่โดนชิงจูบโดยไม่ทันตั้งตัวบ่นกับตัวเองในใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดูเหมือนเขาตามเจ้าเด็กนี่ไม่ทันสักที คณิตละเมียดชิมรสขนมจากปากของปูนอยู่นานจนพอใจ ปูนหอบน้อยๆขณะที่ผละออกมาแต่ก็ยังไม่วายลวนลามอวัยวะเบื้องล่างของคนตัวโตไปด้วย

 

“พอๆ เธอนี่เอะอะชวนเข้าเรื่องพวกนี้ตลอด”

 

“หึ ทำยังกับคุณไม่ชอบ ว่าไงครับป๋า มีอะไรอยากให้ผมช่วยไหม”

 

อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้แก่หงักอย่างที่เจ้าเด็กนี่ปรามาส เพราะเพียงแค่สัมผัสวาบหวามที่อีกฝ่ายมอบให้อะไรๆของเขาก็เริ่มรู้สึกตื่นตัวเสียจนใครบางคนหยิบมาเป็นบุญคุณได้อย่างน่าหมั่นไส้ แต่อย่าคิดว่าเขาจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างของปูนตลอดไปเพราะรสจูบเมื่อครู่ไม่ได้ปลุกปั้นเพียงอารมณ์ของเขาเท่านั้น แม้แต่ปูนก็ด้วย...คนโตกว่ายิ้มกริ่ม คิดได้อย่างนี้ก็ชักอยากจะสั่งสอนเด็กอวดดีหน้าแป้นคนนี้บ้าง คณิตจึงแสร้งยักไหล่แล้วยกปูนออกจากตักของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน

 

“มี ช่วยทำกับข้าวหน่อยสิ ฉันหิวแล้ว”

 

คณิตพูดแล้วเดินเข้าครัวไปทำเป็นไม่สนใจเด็กหนุ่มที่เหวอเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วของวัน ปูนกัดฟันแล้วบ่นอุบ รู้สึกว่าป๋าของเขานี่ชักจะรับมือยากขึ้นเรื่อยๆผิดกับช่วงแรกๆที่เจอซึ่งเขาสามารถเอาคืนอีกฝ่ายได้อย่างแสบสัน แต่สำหรับตอนนี้ที่เขาอยู่ในสถานะซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยกับอีกฝ่ายคงจะให้มาปีนเกลียวอย่างเมื่อก่อนคงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก ร่างเล็กจึงได้แต่ฮึดฮัดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้างของคณิตเข้าไปในครัว

 

“อยากกินอะไรล่ะครับ แทบไม่มีของสดเลยนะ”

 

ร่างเล็กสำรวจของกินเล็กๆน้อยๆที่พวกเขาซื้อมาจากห้าง ดูแล้วยิ่งปวดหัวเพราะของที่ซื้อมาแทบไม่มีอะไรน่าจะมาทำเป็นอาหารได้เลย มีแต่มันฝรั่งทอดกรอบ ไส้กรอก มาม่า แล้วก็ไข่ ปูนหันไปหาคณิตเพื่อขอความคิดเห็นชายหนุ่มจึงยืนมองวัตถุดิบที่มีอยู่อย่างจำกัดอยู่สักพัก ก่อนจะปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้

 

“มาทำ ‘ไอ้นั่น’ กันดีกว่า!”

 

“ ‘ไอ้นั่น’ ที่ว่าคืออะไรล่ะครับ อย่าบอกนะว่ามาม่าใส่ไส้หรอก”

 

“ก็มาม่านั่นแหละ แต่มันพิเศษกว่าหน่อย”

 

คณิตยิ้มกว้างแล้วเดินไปหยิบถ้วยชามที่ถูกวางอยู่บนชั้น ชายหนุ่มสั่งให้ปูนเอามาม่ามาทุบให้แหลกพร้อมกับมันฝรั่งทอดที่ร่างเล็กกะจะเก็บไว้กินตอนเล่นเกมกลางดึกแต่พอโดนคนซื้อสั่งเขาก็ขัดไม่ได้ ส่วนคณิตก็เริ่มเอาไส้กรอกมาหั่นด้วยท่าทางเก้ๆกังๆจนปูนต้องแอบมองด้วยความอนาถใจ หนุ่มใหญ่ที่เคยออกคำสั่งลูกน้องด้วยความมาดมั่นกลับต้องมาเสียมาดเพราะการหั่นไส้กรอกสลับกับการสะดุ้งเป็นพักๆจนปูนทนไม่ไหวอาสาของทำเองนั่นแหละ

 

“อย่าหั่นเล็กแบบนั้นสิ ให้ใหญ่กว่านี้หน่อย”

 

“คุณกะทำอะไรก็บอกผมสิครับจะได้กะขนาดถูก”

 

“ทำไปเถอะน่า รับรองอร่อยแน่”

 

ปูนถอนหายใจแต่ก็ยอมทำตาม หลังจากหั่นไส้กรอกทั้งหมดเสร็จ คณิตก็สั่งให้ร่างเล็กนำไข่มาตีให้เข้ากันส่วนตัวเองนั้นก็แยกไปหาน้ำมันพืชที่เก็บไว้ในครัวรวมกับเครื่องปรุงพื้นๆที่แม่ของตนเคยจัดหาเอาไว้ให้ตอนที่ย้ายเข้ามาใหม่ๆ ร่างสูงนำกะทะเทฟล่อนอย่างดีที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนมาตั้งไฟแล้วรินน้ำมันลงไปพอประมานโดยมีปูนคอยกำกับสั่ง ทำมาถึงขั้นนี้เด็กหนุ่มก็เริ่มเดาออกแล้วว่าคณิตตั้งใจจะให้เขาทำอะไรให้กินกันแน่

 

“จะทำให้ลำบากทำไมไม่รู้ กินมาม่าเฉยๆสบายกว่าไหมเนี่ย”

 

“เธอนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยสินะ อาหารมันก็เหมือนศิลปะนั่นแหละ กินแบบธรรมดามันก็อร่อยดี แต่ช่างไม่สุนทรีย์เอาซะเลย”

 

“ครับๆ สุนทรีย์มากๆเลย”

 

ร่างเล็กยิ้มกว้างแล้วชูไส้กรอกรูปร่างประหลาดที่คณิตหั่นมันเป็นชิ้นแรกๆขึ้นมาดูก่อนจะนำมันลงไปชุบไข่สลับกับคลุกด้วยมันฝรั่งทอดกรอกและเส้นมาม่าที่บดไว้จนกลายเป็นก้อนกลมๆ คราวนี้ถึงขั้นตอนที่คณิตจะพอช่วยได้บ้าง ชายหนุ่มจึงอาสาเป็นคนทำมันเองแล้วปล่อยให้ปูนจัดการนำทุกอย่างลงไปทอดเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ถูกกับน้ำมันเลยสักนิด ทำทีไรมีอันได้แผลกับมาทุกทีแต่ปูนที่ฟังอยู่ก็ขัดขึ้นมาก่อนว่าคณิตน่ะไม่เหมาะกับอะไรสักอย่างนั่นแหละ

 

“พูดมากว่ะ ทอดๆไปเถอะดูสิมันแตกแล้วเห็นไหม”

 

“คุณก็อย่าชุบให้มันหนาไปสิ แล้วก็กดให้แน่นๆด้วย”

 

คณิตพยักหน้ารับแล้วทำตามที่เด็กหนุ่มบอกปูนก็ทยอยทอดไปเรื่อยๆจนไส้กรอกทอดรูปร่างแปลกตาวางอยู่เต็มจานดูสวยงามซึ่งคณิตรับหน้าที่ตกแต่งจานที่ว่าเอง ปูนมองคนตัวโตที่ดูภูมิอกภูมิใจกับอาหารตรงหน้าไม่น้อยซึ่งมันก็คงน่าภูมิใจอยู่หรอกนะ  ถ้าทำเป็นไม่เห็นครัวที่กลายสภาพเป็นสนามรบไปแล้วน่ะนะ

 

“ปูน มาถ่ายรูปกัน”

 

ปูนที่กำลังเจ็บจานชามที่ใช้แล้วไปแช่ไว้ในซิ้งล้างจานถูกคณิตที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องรูปถ่ายรูปอาหารอยู่นั้นดึงแขนแล้วลากเข้าไปใกล้ก่อนที่แผ่นหลังของปูนจะปะทะเข้ากับอกอุ่นของอีกฝ่าย

 

“ถือจานไว้สิ ฉันจะกดชัตเตอร์เอง”

 

คณิตส่งจานที่มีไส้กรอกทอดวางไว้ให้ปูนถือโดยที่ในจังหวะที่คนตัวสูงกำลังจัดแจงท่าทางการยืนให้ปูนนั้นเด็กหนุ่มก็ได้กลิ่นใบมิ้นท์อ่อนๆลอยมาจากตัวของอีกฝ่ายไปด้วย เด็กหนุ่มเก็บอาการของตัวเองได้ดีเยี่ยมเขาหันไปมองกล้องแล้วส่งยิ้มกว้างเช่นเดียวกับคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

 

 

“หนึ่ง...สอง...ซั่ม”

 

ทั้งคู่เปลี่ยนอิริยาบถไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นทุกครั้ง ท่าทางที่เคยต้องคิดจัดเปลี่ยนเป็นลื่นไหลไปตามจังหวะชัตเตอร์ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ปูนยิ้มให้คณิตและคณิตก็ยิ้มให้ปูนเช่นกันจนในจังหวะสุดท้ายที่ร่างสูงให้สัญญาณกดชัตเตอร์นั้น จมูกรั้นก็ปูนก็จรดลงบนแก้มของคณิตซึ่งยกขึ้นตามรอยยิ้มกว้างๆที่ชายหนุ่มแสดงออกมา ทุกอย่างรอบตัวเงียบลงไปแม้แต่เสียงหัวเราะที่เคยดังไปทั้งห้องก็หายไปด้วย

 

 

 

“ค่าแรงครับ”

 

 

 

ปูนหวังให้คำพูดของตัวเองทำลายบรรยากาศที่เป็นอยู่แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถอยไปตั้งหลักริมฝีปากของปูนก็ถูกช่วงชิงไปอย่างเอาแต่ใจจนเด็กหนุ่มรีบวางจานในมือลงแทบไม่ทัน ปูนเอนคอเล็กน้อยแล้วรอรับสัมผัสที่คณิตตั้งใจมอบให้กับเขาด้วยหัวที่ว่างเปล่า ปากของร่างเล็กเจ็บจนชาแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงตอบสนองกลับไปอย่างไม่น้อยหน้าจนชายตรงหน้าครางฮือออกมาอย่างพอใจ ทั้งคู่ผละกันออกมาแล้วถูกดึงดูดให้เข้าไปหากันใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปูนไม่รู้ตัวว่าเขาขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างเล็กกอดรัดร่างกายของคณิตไว้ในขณะที่คณิตก็กำลังด่ำดิ่งลงไปในรสสัมผัสนั้นเช่นกัน ร่างสูงใช้มือลูบไล้ไปตามสาบเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาที่กำลังถูกสวมอยู่บนร่างของปูนอยู่ไม่รีบร้อน แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักลงไปเพราะเสียงโทรศัพท์ของร่างเล็กที่กำลังร้องระงมอย่างบ้าคลั่ง

 

“ไปรับสิ...”

 

คณิตพูดขึ้นหลังจากถอนริมฝีปากออกมาเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วกลัดกระดุมของปูนให้เข้าที่พลางตำหนิตัวเองที่เกือบเผลอทำเรื่องบ้าๆในครอบครัวของตัวเองไปซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจพูดได้ว่าเรื่องทุกอย่างเป็นฝีมือของคนตัวเล็กที่กำลังทำนั่งแก้มแดงอยู่ตรงหน้า นึกแล้วอยากจะทุ่มตัวใส่ตู้เย็นแรงๆ โตแล้วนะคณิต! หัดควบคุมตัวเองซะบ้าง!

 

“ไม่มีใครโทรเข้าหรอกครับ ผมแค่ตั้งปลุกไว้”

 

ปูนว่าก่อนจะหยุดเสียงโทรศัพท์ที่เข้ามาทำลายจังหวะทุกอย่าง คณิตเลิกคิ้วขึ้นเพราะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปก่อนจะอุ้มปูนลงมายืนบนพื้นเพราะพอจะรู้ตัวอยู่ว่าปูนขึ้นไปนั่งตรงนั้นด้วยฝีมือของเขาเอง ร่างสูงหยิบจานไส้กรอกที่เย็นลงเล็กน้อยไปวางไว้บนพื้นหน้าโทรทัศน์ซึ่งพวกเขาเล่นเกมค้างกันไว้อยู่ ส่วนปูนก็อาสาไปเทซอสมะเขือเทศใส่ถ้วยเพื่อใช้กินคู่กัน

 

“ปูน หยิบเบียร์ในตู้เย็นให้ฉันด้วย”

 

คณิตหันไปบอกปูนทันทีที่นึกขึ้นได้ ร่างเล็กที่กำลังทำอะไรบางอย่างกับโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นักก็หันมารับคำก่อนจะเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปหยิบเบียร์ให้ตามที่เจ้าของบ้านบัญชา

 

 

“ทำอะไรอยู่ครับ”

 

ร่างเล็กที่หอบเบียร์มาเต็มสองมือถามขึ้นทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าคณิตกำลังใช้โปรแกรมไลน์อยู่เต็มสองตา ชายหนุ่มหันมายิ้มให้คนข้างๆก่อนจะหันหน้าจอโทรศัพท์เพื่อให้ปูนเห็นหน้าจอสนทนาระหว่างตนเองกับอาม่าที่คณิตเพิ่งส่งรูปอาหารและรูปที่พวกเขาถ่ายเพื่อกันเมื่อครู่ไปใหญ่หญิงชราคนสำคัญดู แน่ล่ะว่ามันไม่ใช่รูปสุดท้ายแน่ๆ แต่มันก็ผิดจากสิ่งที่เขาคาดอยู่ดี

 

“อาม่าบอกว่าน่ากินดีแต่ฟันอาม่าคงเคี้ยวไม่ไหว ฮ่าๆ”

 

“ป๋า...”

 

“หื้ม?”

 

 

 

 

“ส่งไปแบบนี้จะดีหรอ”

 

 

 

รอยยิ้มของคณิตชะงักไปแต่ก็เพียงแค่ครู่เดียว ชายหนุ่มหันมามองคนข้างกายที่ทำหน้านิ่งก่อนจะยกมือมายีหัวของปูนแรงๆจนร่างเล็กร้องเสียงหลง

 

“คิดมาก ถ้าไม่ดีฉันไม่ทำหรอก”

 

ไม่พูดเปล่า คณิตส่งรูปอื่นไปเพิ่มโชคดีที่หญิงชราไม่ได้สนใจถามว่าเด็กผู้ชายที่อยู่เคียงข้างหลานชายของตัวเองในรูปเป็นใคร มาจากไหน และอยู่ในฐานะอะไร สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงถ้อยคำที่แสดงความห่วงใยในฝีมือการทำอาหารที่คนบ้านนี้รู้กิตติศัพท์กันดีอยู่แล้วบวกกับสติ๊กเกอร์ไลน์ที่บางทีก็ไม่ได้คล้องจองกับเนื้อหาที่พูดอยู่เลย

 

ปูนเห็นดังนั้นก็เผลอยิ้มออกมา ทั้งชอบใจในความสนิทสนมของสองยายหลานที่เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาพอสมควร รวมไปถึงการกระทำของคณิตที่สะกิดใจร่างเล็กให้คิดถึงใครคนหนึ่ง

 

คนที่เคยทำอาหารด้วยกัน

 

 

เคยยิ้มให้กัน

 

 

เคยร้องไห้ด้วยกัน

 

 

เคยจูบกัน...แต่กลับไม่เคยอยู่เคียงข้างกัน

 

ใครคนนั้นซึ่งทำให้ปูนไม่อยากคิดไปไกลกว่านี้...

 

 

 

 

“เออ ส่งไปให้มันด้วยดีกว่า”

 

“จะส่งไปให้ใครอีกเนี่ย มากินได้แล้ว เดี๋ยวเย็นหมด”

 

“ส่งให้เพื่อนน่ะ คนคิดเมนูที่ทำกันไปเนี่ยแหละ มันเคยสอนให้ทำสมัยเรียนแต่ตอนนั้นฉันไม่ได้เรื่อง ฮ่าๆ ต้องส่งไปอวดมันซะหน่อย”

 

คณิตเปิดหารายชื่อของเพื่อนคนนั้นก่อนจะเปิดเข้าไปส่งรูปของอาหารรวมไปถึงรูปคู่กับปูนพ่วงท้ายไปด้วยเพราะรู้ดีว่าเจ้าเพื่อนคนนี้มีเสปคแบบไหน ถึงจะพอรู้มาบ้างว่ามันมีคนรักที่พร้อมจะจริงจังด้วยแล้ว แต่ตามประสาเพื่อนสนิทถ้ามีทางให้แกล้งมันได้เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำ

 

“เฮ้ย อย่าเพิ่งดิ กินไม่รอเลย!”

 

“อ้าว กินทำไมล่ะ เล่นต่อไปสิโทรศัพท์น่ะเดี๋ยวผมกินเอง”

 

ร่างสูงวางโทรศัพท์ของตัวเองลงอย่างไม่ใส่ใจแล้วรีบหันไปฉกไส้กรอกชิ้นที่ปูนกำลังจะส่งเข้าปากมากินเองก่อนที่เสียงพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะของทั้งสองคนจะดังขึ้นอีกครั้ง โดยที่รูปทั้งหมดก็ถูกส่งไปถึงคนไกลแล้วเช่นเดียวกัน

 

 

 

‘ P.  Rattikarn ’

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!!


มาแว้วววววทั้งเช่และพี่กาล :katai5: พี่กาลจะกลับมาป่วนชีวิตรักน้องปูนไหมเนี่ย กำลังหวานใส่กันได้ที่เลย เรื่องแบบนี้จะว่าเขียนง่ายก็ง่ายว่ายากก็ยากนะคับ รู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน ชีวิตช่วงนี้เลยมุ้งมิ้งแบบแปลกๆ  :o8:

กำลังจะปีใหม่แล้ว ดูแลสุขภาพเที่ยวกันให้สนุกนะคับ ไม่รู้ว่าตอนต่อไปจะมาทันปีใหม่เป็นของขวัญให้ทุกคนได้ไหม แต่ที่แน่ๆจะมีการยิงสปอยเรื่อ  Nightmare บางส่วนให้ทุกคนได้ใช้ในการตัดสินใจซื้อกัน ถ้าทำได้จะพยายามนะคับ เพราะตอนหน้าเรื่องใจแตกก็ดำเนินมาถึงตอนที่10แล้วด้วย! (จากกี่ตอนก็ไม่อาจทราบได้)  :z2:

ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตนะคับที่ติดตามกันมาตลอด และขอบคุณคนที่ให้โอกาสเช่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ด้วย เช่หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับนิยายที่เช่แต่งนะคับ รักตลอดเลย  :impress2:


 

 

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #65 เมื่อ25-12-2015 20:26:49 »

กาลอย่ามายุ่งกับน้องนะ  :katai1:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #66 เมื่อ25-12-2015 21:48:56 »

กาลอย่ามายุ่งกับน้องเลย แค่นี้ปูนก็น่าสงสารพอแล้ว
แต่ถ้ามองในแง่ดี การที่กาลกลับมาอาจจะทำให้ทั้งสองพัฒนาความสัมพันก็ได้

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #67 เมื่อ26-12-2015 15:28:33 »

เราว่าพลัสแลดูน่ากลัวกว่ากาลอีก

ว่าแต่พลัสนี่ชอบปูนหรอ  :hao6:

ออฟไลน์ cho-ningza-19891

  • สติไม่ค่อยมี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #68 เมื่อ27-12-2015 07:07:19 »

เอาแล้วไง

ป๋าทำอาหาร น่ารักมุ้งมิ้งอ่ะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #69 เมื่อ27-12-2015 12:14:26 »

คิดว่ารัตติกาล น่าจะทำให้คณิตเข้าใจปูนมากกว่านะ
อย่างน้อย  ก็ในฐานะที่ทำให้ปูนต้องเป็นอย่างตอนนี้แหละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
« ตอบ #69 เมื่อ: 27-12-2015 12:14:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #70 เมื่อ28-12-2015 01:28:48 »

อุตะ บังเอิญไปละ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #9][251258]
«ตอบ #71 เมื่อ28-12-2015 16:29:49 »

ชอบฉากน่ารักๆแบบนี้อ่ะ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #72 เมื่อ31-12-2015 21:05:40 »

 

แตกที่ 10

…เพื่อนเก่า...

 


วันหยุดผ่านพ้นไปแต่ละชีวิตก็ต้องกลับเข้าสู่วงเวียนการทำงานตามปกติ ดังนั้นปูนจึงใช้เวลาช่วงค่ำคืนของวันอังคารไปกับการชงเครื่องดื่มให้แขกในบาร์ที่โรงแรมที่มีคนเข้ามาใช้บริการเรื่อยๆแม้ว่าจะไม่มากมายเหมือนวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือการรับลูกค้าของปูนที่ขาดช่วงไปเลยตั้งแต่ได้ทำข้อตกลงกับคณิต ไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มยินดีทำตามกฎสามข้อบ้าบออะไรนั่นหรอก เพียงแต่ของแบบนี้มันก็อาศัยจังหวะเวลาบวกกับความพอใจที่เขามีในตัวชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่คนนั้นมันมากพอจนพลอยหมดความกระเตื้องไปด้วย

 

“ปูน ขอเวลคัมดริ้งสามแก้ว”

 

บอยที่เข้ามาทำงานวันนี้เช่นกันเดินมาสั่งเครื่องดื่มกับปูนในจังหวะที่ไม่มีใครสั่งอะไรเพิ่มพอดี เด็กหนุ่มผงกหัวรับก่อนจะลงมือทำม็อกเทลง่ายๆให้จนได้มาเป็นเครื่องดื่มมีแดงเลือดนกแบบเดียวกับสีของโรงแรมถูกรินไว้ในแก้วใบเล็กรูปร่างสวยงาม ชายหนุ่มยืนมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของปูนทุกครั้งเวลาที่ได้ทำงานซึ่งมันก็ทำให้เขานึกถึงเรื่องบางเรื่องที่ได้ยินมาอีกที

 

“ได้ข่าวว่า The Next อยากดึงตัวมึงไปทำงานที่นั่น”

 

“หื้ม? ไปได้ยินมาจากไหนล่ะ”

 

ปูนทำแกล้งไก๋ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่รอยยิ้มเล็กๆตรงมุมปากก็ทำให้บอยสามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขารู้มาเป็นเรื่องจริง

 

“ไปทำอีท่าไหนเขาถึงเกิดสนใจมึงขึ้นมา”

 

“ไม่รู้สิ ติดใจฝีมือผมตอนไปช่วยงานคราวนั้นมั้ง”

 

ฟังดูเข้าท่า...แต่ร่างใหญ่คิดว่าเหตุผลมันคงไม่ได้มีแค่นั้น ถึงแม้จะผ่านมาสักพักแต่เขาก็ยังจำตอนที่ปูนโทรมาบอกว่าจะเข้าไปช่วยงานทางนั้นในงานวันที่สองทั้งๆไม่มีการรีเควสมาแต่สุดท้ายคุณเมษก็โทรมาบอกกับหัวหน้าทีมที่หลังว่าตัวเองเป็นคนอนุญาตปูนให้ไปทำงานกับทางนั้น พอได้ฟังบอยก็ไม่ได้คิดอะไรมากแต่สิ่งที่จุดความสงสัยให้ชายหนุ่มยิ่งกว่าคงเป็นการที่ปูนออกตัวว่าจะกลับมาชลบุรีกับทางทีมของ The Next แทน

 

“มึงไปอ่อยใครไว้รึเปล่า”

 

คำถามตรงประเด็นของบอยทำให้มือที่กำลังรินยินลงในแก้วชะงัก ปูนไม่ได้ตอบอะไรเขารอจนกระทั่งพนักงานคนหนึ่งที่กัปตันหนุ่มเรียกมาให้นำเวลคัมดริ้งลงไปให้กับรีเซฟชั่นด้านล่างเดินพ้นไปก่อนจึงยอมเปิดปาก

 

“ถามแบบนี้พี่เห็นผมเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย”

 

“แรด กวนตีน อวดดี ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”

 

ปูนรีบยกมือขึ้นห้ามไม่ให้บอยพูดอะไรออกมามากกว่านี้

 

“พอๆ นี่น้องนะเว้ย ไม่ต้องสรรเสริญกันขนาดนั้น”

 

“หึ ถ้ามีน้องอย่างมึงกูบีบคอมันตายไปนานแล้ว”

 

บอยแกล้งผลักหัวปูนเบาๆโดยที่ร่างเล็กก็ทำตาเขียวกลับไปพลางคิดไปว่าคงไม่มีวันไหนที่เขากับชายคนนี้จะคุยกันดีๆได้สักที

 

“ตกลงมึงไปถวายตัวให้ใครเขาเข้า สารภาพมาก่อนที่กูจะโมโห”

 

“สารภาพอะไรกันล่ะ พูดซะอย่างกับว่าผมไปทำผิดมา”

 

“ผิดไหมกูไม่สน แต่กูไม่ชอบความวุ่นวาย...กูเคยบอกมึงแล้วว่าอย่าให้การกระทำของมึงมาทำให้งานเสีย”

 

เสียงของร่างใหญ่กดต่ำลงจนปูนรู้สึกได้แต่ก็ยังคงรักษาท่าทางผยองไว้ได้อย่างดี เด็กหนุ่มเลื่อนแก้วที่มียินรินอยู่ในปริมานพอเหมาะให้กับคนตรงหน้าก่อนจะพูดความในใจของตัวเองออกมา

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมปฏิเสธทางนั้นไปแล้ว”

 

“...”

 

“มันก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ ถึงจะติดใจอยู่บ้าง...แต่ก็ไม่นานหรอก”

 

“แสดงว่ามันยังไม่จบ?”

 

“อ่าฮะ”

 

ปูนส่งรอยยิ้มแสนอ่อนหวานให้บอยโดยไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่มันให้กับแขกผู้ชายที่นั่งมองเขาอยู่นานสองนาน บอยเองพอเห็นว่าปูนยังไม่ทิ้งลายก็ถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่ายและสมเพชในวังวนที่ร่างเล็กสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง

 

“ที่ว่าไม่นานน่ะแค่ไหน กี่วัน...กี่เดือน...หรือกี่ปี”

 

“ฮ่าๆ นั่นก็นานไปป่ะ แต่ก็ไม่รู้สิ...จนกว่าเขาจะเบื่อผมล่ะมั้ง”

 

“...”

 

“ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายปากร้ายอย่างเขาจะทำให้ผมพอใจได้ขนาดนี้ คงไม่มีใครไม่รู้สึกดีเวลามีคนมาอ่อนโยนด้วยหรอกจริงไหม...ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ”

 

บอยมองสีหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เปลี่ยนไปยามพูดถึงชายคนนั้น มันช่างเพ้อฝันแต่ก็เจือไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวดลึกๆเสียจนทำให้เขานึกถึงวันที่รุ่นน้องคนนี้เล่าเกี่ยวกับชายคนหนึ่งให้เขาฟัง จริงอยู่ที่ตอนนี้ปูนเปลี่ยนไปแล้วแต่สำหรับบอยคนตรงหน้าไม่ได้ฉลาดขึ้นเลยสักนิด

 

ในวันนั้นปูนโง่ยอมให้คนอื่นทำร้าย

 

และในวันนี้ปูนก็ยังโง่...ด้วยการทำร้ายตัวเอง

 

 

“มึงนี่...ไม่เข็ดเลยนะ”

 

“...”

 

“ในเมื่อรู้ว่าจะต้องจบ ทำไมไม่หยุดมันซะตอนนี้”

 

ปูนนิ่งไปก่อนจะหยิบแก้วที่ตอนแรกเขายกมันให้กับบอยขึ้นมาดื่มแทน เขาเข้าใจความหวังดีและแววตาสมเพชที่มองมายังเขาดี เพราะปูนเองก็เห็นมันทุกครั้งที่ส่องกระจก เพียงแต่ทุกครั้งที่เห็นแบบนั้น...เขาก็เลือกที่จะปิดตาลงทุกที

 

“เพราะมัน...น่าเสียดายน่ะสิ”

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

 

 

“โอ้ย ร้อน ทำไมมันร้อนอย่างนี้เนี่ย!!!!”

 

เอมมิกาตะโกนท่ามกลางแดดนร้อนระอุของเมืองบางแสนโดยไม่สนสายตาของผู้คนที่มองมาเลยสักนิดผิดกับพลัสที่พยายามร้องขอให้เพื่อนสาวหยุดโวยวายทั้งๆที่ตัวเองก็ปวดหัวกับจักรยายนต์ที่สตาร์ทไม่ติดของตนจะแย่ 

 

“เบาๆสิเอม คนมองกันหมดแล้ว”

 

“ก็ทำให้คนมองอยู่เนี่ย จะได้มีคนเข้ามาช่วยเราซะที แม่ง! ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้ จะไปเรียนทันไหมว่ะเนี่ย”

 

หญิงสาวบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เพราะระหว่างที่พลัสกำลังขี่รถจักรยานยนต์คันเก่งพาเธอไปเข้าเลคเชอร์คาบบ่าย จู่ๆมันก็เกิดดับขึ้นมาดื้อๆโดยที่เจ้าของก็ไม่รู้สาเหตุแต่ถ้าถามเอมมิกาล่ะก็เธอรู้...เพราะมันเก่าไง!

 

“เอมนั่งวินไปก่อนเลยก็ได้นะ เดี๋ยวเราจะจูงไปร้านซ่อมเอง”

 

“เรื่องอะไรล่ะ จะโดดก็โดดด้วยกันสิวะ”

 

“เราไม่ได้ตั้งใจจะโดดนะ เดี๋ยวส่งร้านเสร็จเราค่อยตามไป”

 

“ไม่รู้แหละ ตกลงแกจะเข็นใช่ไหม งั้นเอากระเป๋ามาฉันถือเอง”

 

ร่างบางส่ายหัวให้เพื่อนน้อยๆ ถึงปากจะบ่นว่าร้อนว่าไม่อยากเรียนแต่จริงๆเอมมิกาก็แค่ไม่อยากทิ้งให้เขาเผชิญปัญหาคนเดียวเท่านั้น พลัสส่งกระเป๋าเป้ใบเล็กของตัวเองให้อีกฝ่ายช่วยถือแต่โดยดีก่อนที่ตัวเขาเองจะค่อยๆออกแรงเข็นรถไปตามริมถนนที่ร้อนระอุ ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายหรือความบังเอิญที่วันนี้พลัสเลือกขับรถมาตามเส้นทางหลักแทนที่จะเป็นทางลัดที่ระยะทางสั้นกว่าเหมือนกับทุกวันเพียงแค่เพราะอยากแวะซื้อขนมปังเจ้าอร่อยที่อยู่ติดกับถนนใหญ่เท่านั้น ระหว่างทางเอมมิกาก็หาเรื่องชวนเขาคุยไปเรื่อยๆเพื่อให้ไม่เหงาแต่ด้วยแดดที่ร้อนมากบวกกับแรงที่เสียไปทำให้ร่างโปร่งแทบจะไม่ได้ฟังคำพูดของหญิงสาวเลยสักนิด เขาคิดแค่อยากจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจออู่ซ่อมรถดีๆสักที แต่มันก็ยังไม่ใช่

 

“พักหน่อยไหมแก หน้าแกแบบไม่ไหวแล้วว่ะ”

 

“ไม่เป็นไร เราอยากเข็นทีเดียวให้เสร็จ”

 

“มันจะไปเสร็จได้ยังไงล่ะ! ไอ้ร้านบ้านี่ก็อยู่ไกลชะมัด!”

 

เอมมิกาเดินเข้ามาใช้แฟ้มของเธอพัดลมใส่หน้าของพลัสด้วยความเป็นห่วงแต่เม็ดเหงื่อก็ยังคงผุดขึ้นตามไรผมของร่างบางไม่หยุด เธอมองไปรอบๆเผื่อจะหาคนรู้จักที่พอจะช่วยเหลือพวกตัวได้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจเพราะมันเป็นชั่วโมงเร่งด่วนที่นักศึกษาแต่ละคนก็กำลังรีบเพื่อที่จะเข้าชั้นเรียนเหมือนกัน

 

ปี๊นๆ

 

“น้องรถเสียหรอ!”

 

จู่ๆก็มีเสียงบีบแตรดังมาจากด้านหลังจนทำให้ทั้งสองคนเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจ พลัสที่สายตาพร่าเลือนมากขึ้นทุกทีหันไปมองรถยนต์สีขาวคันใหญ่ที่ตีไฟเลี้ยวก่อนจะจอดลงตรงริมฟุตบาทถัดจากพวกเขาไปโดยที่เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นหรือรู้จักเจ้าของรถคันนี้มาก่อน แต่ไม่ต้องรอให้คิดนานเมื่อชายร่างสูงเจ้าของเสียงตะโกนเมื่อครู่กำลังก้าวลงมาจากฝั่งคนขับด้วยสภาพที่สวมสูทเนี้ยบทั้งตัว

 

“ว่าไงครับ รถเป็นอะไรหรอ”

 

“คะ คุณคณิต!!”

 

เอมมิกาที่ยืนเพ่งอยู่นานว่าเจ้าของรถคนนั้นเป็นใครเผลอพูดเสียงดังเมื่อคนที่เหมือนกับเป็นฮีโร่ของเธอในสถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มคนดังที่สาวๆต่างก็หมายปอง

 

“อ้าว รู้จักผมด้วยหรอครับ?”

 

“คือจะว่ายังไงดีล่ะคะ ใครกันบ้างที่จะไม่รู้จักพี่ จริงไหมพลัส!”

 

หญิงสาวหันไปหาแนวร่วมโดยที่ลืมไปเลยว่าก็พลัสเนี่ยแหละที่ไม่รู้จักคณิตจนกระทั่งเธอพูดเรื่องชายหนุ่มให้ฟังเมื่อวันก่อน ร่างบางยิ้มให้แกนๆก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายอย่างพินิจ...ไม่ผิดแน่ ผู้ชายคนนี้คือคนที่อยู่กับปูนเมื่อวันก่อน

 

“ฮ่าๆ ช่างเถอะ ว่าแต่รถเป็นอะไรครับ ยางแบนหรอ”

 

“เปล่าครับ เครื่องมันดับแล้วก็สตาร์ทไม่ติด”

 

“น้ำมันหมดถังรึเปล่า ได้เช็คไหม”

 

“เช็คแล้วครับ ผมเพิ่งเอาไปเติมมาเมื่อวาน”

 

“แล้วลองสตาร์ทเท้ารึยัง”

 

“ลองแล้วแต่ก็ไม่ติดครับ”

 

ถึงพลัสจะบอกอย่างนั้น แต่คณิตก็ขอเป็นฝ่ายลองทำเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ร่างสูงปลดเสื้อสูทของตัวเองออกก่อนจะพับแขนเสื้อที่แต่เดิมถูกกลัดกระดุมอยู่ตรงข้อมือให้ร่นขึ้นไปจนเห็นท่อนแขนขาว พลัสที่ตอนนี้ต้องรับหน้าที่ช่วยถือเสื้อสูทของคณิตถอยออกมาเพื่อให้ชายหนุ่มได้ลองสตาร์ทและเช็คเครื่องยนต์เบื้องต้นแทนทั้งที่สงสัยว่าคนคนนี้ไม่มีธุระทำรึไงแล้วอีกอย่างคือจะมาช่วยพวกเขาทำไม

 

“ว่าไงคะคุณคณิต พอจะรู้ไหมคะว่าเป็นเพราะอะไร”

 

“อาจจะเป็นที่แบตไม่ก็ไดสตาร์ทนะ งานนี้ต้องช่างอย่างเดียวเลย แถมซ่อมนานซะด้วยสิ”

 

หญิงสาวหน้าถอดสี พอๆกับพลัสที่รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องทนเข็นรถในสภาพร้อนจัดแบบนี้ต่อไป ร่างสูงพอเห็นสีหน้าของเด็กทั้งสองคนก็ก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง พอเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกมากก่อนจะถึงตอนเข้าประชุมชายหนุ่มจึงเสนอตัวช่วยเหลือ

 

“เอางี้ เดี๋ยวพี่โทรให้ช่างที่รู้จักมาเอารถไปซ่อมให้ ส่วนพวกเราเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งให้เอง มีเรียนคาบบ่ายด้วยใช่ไหม”

 

“มีค่ะ แต่จะดีหรอคะพี่ คือพวกเอมเกรงใจน่ะค่ะ”

 

เอมมิกาตอบกลับไปพร้อมกับถือวิสาสะเรียกคณิตว่าพี่ แต่ก็เพราอีกฝ่ายเรียกแทนตัวเองแบบนั้นก่อนนั่นแหละเธอก็กล้าทำ ส่วนพลัสก็ไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงมองฝ่ายตรงข้ามอย่างสังเกตเท่านั้น

 

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ช่วยๆกัน เราสองคนไปนั่งรอพี่ในรถก่อนก็ได้”

 

คณิตมัดมือชกคนทั้งสองด้วยการเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังให้ก่อนจะกดโทรศัพท์หาเบอร์ช่างซ่อมที่เขาพอจะรู้จักอยู่บ้าง เอมมิกาเองพอเห็นอย่างนั้นก็รีบพาตัวเองเข้าไปนั่งด้านในโดยไม่ลืมที่จะลากพลัสที่มัวแต่ยืนอิดออดให้เข้ามานั่งตาม แอร์เย็นๆที่ยังคงทำงานอยู่เพราะคณิตสตาร์ทรถทิ้งไว้ทำให้ทั้งคนที่อยากจะนั่งรถของชายหนุ่มและคนที่ไม่อยากเผลอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย โดยเฉพาะเอมมิกาที่เริ่มจะสรรเสริญคณิตเว่อร์ขึ้นอีกเท่าตัว

 

“โอ้ย พ่อพระอะไรอย่างนี้ หล่อ รวย เก่ง จิตใจก็ดีอีก ฉันอยากได้อ่ะแก!”

 

“เบาๆเถอะเอม ถ้าเขาได้ยินเดี๋ยวก็ไล่เราลงจากรถหรอก”

 

“เดี๋ยวๆ พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงวะ แต่จะว่าก็ว่าเถอะนะ พี่คณิตนี่ผู้ชายในฝันเลยว่ะแก ถ้าไม่ได้เขาช่วยเรานี่แย่เลยเนอะ”

 

พลัสนั่งฟังเอมมิกาพูดไปตามเรื่องโดยที่ตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงใหญ่ของคณิตซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก ถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะรู้ว่าคณิตอยู่ในสถานะไหนกับปูนพลัสเองก็คงรู้สึกชื่นชมอย่างที่เอมมิกาว่า แต่กลับกันความมีน้ำใจและไมตรีที่อีกฝ่ายแสดงออกไม่ได้ทำให้พลัสรู้สึกดีเลยสักนิด ผู้ชายแสนเพอร์เฟคแบบนี้น่ะหรอที่ปูนชอบ  คนที่ทั้งหล่อ รวย เก่ง จิตใจดีงาม ช่างเป็นผู้ชายที่แตกต่างกับเขาราวฟ้ากับเหวจริงๆ

 

“เอาเบอร์นี้ไปนะ ช่างบอกว่าเย็นๆคงจะเสร็จเราก็คอยโทรไปเช็คดู”

 

คณิตที่กลับขึ้นมาบนรถหลังจากรอช่างอยู่สักพักยื่นกระดาษที่มีเบอร์ของช่างซ่อมไว้ให้กับพลัสที่รับมันมาโดยไม่แสดงท่าทางใดๆ ร่างสูงเองพอเห็นสีหน้าที่พยายามทำเป็นนิ่งเฉยแต่กลับไม่สามารถปกปิดความไม่ชอบใจที่พยายามเก็บซ่อนไว้ก็นึกขำ เพราะมันทำให้เขาคิดถึงเด็กอวดเก่งคนหนึ่งขึ้นมาซะได้

 

“เออ พี่คณิตขำอะไรคะ”

 

เสียงของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวทำให้คณิตเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเผลอขำออกมาจริงๆจึงหันไปยิ้มแกนๆให้ทั้งคู่เพราะเผลอเสียมารยาท

 

“เปล่าๆ พอดีเห็นน้องคนนี้ทำหน้าบึ้งเลยคิดถึงคนรู้จักน่ะ”

 

“อะ เออ พลัสคงร้อนน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”

 

เอมมิการีบออกปากขอโทษแทนก่อนจะหันไปสะกิดให้พลัสขอโทษตาม แต่ก็โดนคณิตยกมือห้ามแล้วปฏิเสธการกระทำนั้น

 

“ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ว่าแต่เรียนตึกไหนกัน”

 

“ตึก K ค่ะ”




 :really2:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :really2:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #73 เมื่อ31-12-2015 21:07:18 »

คณิตร้องอ๋อก่อนจะตีไฟเลี้ยวแล้วพารถที่จอดอยู่นานให้วิ่งแล่นไปตามท้องถนนอีกครั้ง บทสนทนาต่างๆดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีคณิตและเอมมิกาคอยสรรหาเรื่องสนุกๆมาพูดคุยกัน มีเพียงแต่พลัสเท่านั้นที่นั่งฟังนิ่งๆไม่แสดงความคิดเห็นอะไรแต่ภายในหัวกลับเริ่มเก็บรายละเอียดของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าตน ทั้งเรื่องที่แท้จริงแล้วร่างสูงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังที่กรุงเทพก่อนจะเข้ามารับช่วงต่อกิจการของพ่อและแม่โดยที่ตอนนี้กำลังดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่เพื่อที่จะสามารถเรียนรู้และควบคุมการทำงานทุกส่วนได้ทั่วถึง

 

“โห อย่างนี้พี่ก็แทบไม่มีวันหยุดเลยสิ”

 

“ถ้าจะหยุดจริงๆก็ได้นะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ขอหรอก”

 

“แล้วแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนคะ”

 

ร่างสูงหันยิ้มผ่านกระจกมองหลังไปให้เอมมิกาที่แกล้งหยอดถาม แม้การแต่งกายและกริยาจะดูแรงๆไปบ้างแต่เขาก็พอดูออกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้มีเจตนาละลาบละล้วงอะไร คณิตเลยตอบไปโดยไม่คิดอะไรมาก

 

“ก็ไม่มีเวลาเนี่ยแหละ พี่เลยยังไม่มีแฟนสักที”

 

หญิงสาวพอได้ยินอย่างนั้นก็แกล้งหยอกไปตามประสาแต่คนอีกคนที่นั่งฟังอยู่กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรเข้ามากระแทกช่วงท้องของตัวเองอย่างจัง พลัสเผลอกำมือของตัวเองแน่นเมื่อได้ยินกับหูว่าคณิตบอกว่าตัวเองไร้พันธะ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เขาเห็นมามันคืออะไร ปูนขายตัวให้ผู้ชายคนนี้จริงๆใช่ไหม

 

 

“แล้วปูนล่ะ...”

 

เป็นอีกครั้งที่พลัสเผลอพูดออกไปตามที่ใจคิดแต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดที่พูดมันออกมา ส่วนคณิตที่เพิ่งเลี้ยวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยอันเป็นที่หมายนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปยังดวงตาที่แข็งขืนของร่างบางซึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่เหมือนกัน

 

“ปูน? น้องรู้จักปูนด้วยหรอ?”

 

“ครับ...เราเป็น...เพื่อนที่ทำงานกัน”

 

พลัสอธิบายไปโดยไม่ต้องปล่อยให้คณิตเอ่ยถาม พอร่างสูงได้ยินคำตอบนั้นส่งเสียงรับในลำคอ เพียงแต่นึกแปลกใจนิดหน่อยที่เจ้าเด็กนั่นก็มีเพื่อนเหมือนกับคนอื่นเขา แถมดูแล้วนิสัยน่าจะคล้ายๆกันด้วย

 

“ปูนเราให้เราฟังหรอว่ารู้จักพี่”

 

“...เปล่าครับ แต่ผมเห็นพี่อยู่กับปูนที่ห้างเมื่อวันก่อน”

 

หญิงสาวเพียงคนเดียวนึกออกขึ้นมาทันทีว่าปูนที่เพื่อนชายของเธอพูดถึงคงจะเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่พลัสชี้ให้เธอดูเมื่อวันก่อน ด้านคณิตก็แปลกใจไม่น้อยที่บังเอิญมีคนที่รู้จักทั้งเขาและปูนเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น จริงอยู่ที่คณิตไม่ได้ปกปิดอะไร แต่ถ้าพูดกันตรงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโพนทะนาเหมือนกัน...

 

“อ่อ...วันนั้นนี่เอง พอดีพี่ให้ปูนเขามาช่วยเลือกซื้อของน่ะ”

 

คณิตถือว่าเขาไม่ได้โกหกอะไร ในเมื่อเขาก็ให้ปูนมาช่วยเลือกซื้อของจริงๆ แม้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นการเดินเที่ยวของพวกเขาทั้งสองคนก็เถอะ พลัสพอได้รับคำตอบก็ผงกหัวแล้วเงียบไปแต่คราวนี้กลับเป็นฝ่ายคณิตที่เริ่มถามบ้างเพราะติดใจไม่น้อยว่าด้วยเหตุผลอะไร เด็กคนนี้ถึงได้พูดเหมือนคิดว่าปูนกับเขาเป็นแฟนกัน เอาน่า...ถือซะว่าตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

 

“เราชื่ออะไรนะ พลัสใช่ไหม?”

 

“ครับ”

 

“พลัสคิดว่าปูนกับพี่เป็นแฟนกันหรอ?”

 

เด็กหนุ่มปิดปากเงียบสนิท เช่นเดียวกับเอมมิกาที่มองทั้งสองคนสลับกันไปมาอย่างไม่รู้เรื่องอะไร คนที่เหมือนกับกำลังถูกถามต้อนสบตากับคณิตผ่านเงาสะท้อนโดยที่ตอนนี้รถคันหรูเทียบจอดอยู่หน้าตึกอันเป็นที่หมาย ความเงียบเกิดขึ้นท่ามกลางความกดดันที่พลัสรู้สึกได้ ถึงแม้จะมีรอยยิ้มแต่คณิตในยามนี้กลับทำให้เขาต้องถอยออกมาก้าวหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“เปล่าครับ...”

 

“หรอ พี่นึกว่าตัวเองเผลอทำตัวให้ใครเข้าใจผิดซะอีก”

 

“...”

 

“เอาเป็นว่าพี่กับปูนเป็นแค่พี่น้องกัน สบายใจได้นะ พี่ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับเพื่อนของเราหรอก”

 

มันก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าตัวเขาเต็มอกเต็มใจขนาดนั้น คณิตส่งยิ้มให้พลัสที่เผลอหลบสายตาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ชายหนุ่มจึงขำออกมาน้อยๆแล้วหันไปพูดกับเอมมิกาแทน

 

“อย่าลืมโทรไปหาช่างเย็นนี้ ที่หลังก็หัดเช็ครถให้ดีก่อนเอาออกมาใช้ การที่รถไม่พร้อมมันก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน”

 

“ค่ะ ขอบคุณพี่คณิตมากเลยนะคะ เป็นธุระให้ทุกอย่างเลย”

 

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ตั้งใจเรียนนะครับทั้งคู่เลย”

 

หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะเปิดประตูรถแล้วพาร่างของตัวเองออกไปก่อนทิ้งไว้เพียงแค่ร่างบางที่หันมาเผชิญหน้ากับคณิตอีกครั้ง

 

“ขอบคุณมากนะครับ”

 

“เดี๋ยวก่อนพลัส”

 

“ครับ?”

 

“อ่ะนี่ เอานามบัตรพี่ไป”

 

กระดาษแผ่นเล็กสีงาช้างถูกสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเด็กหนุ่มที่ทำหน้าฉงนอย่างไม่เข้าใจ คณิตจึงยิ้มอ่อนโยนให้แล้วอธิบาย

 

“เผื่อมีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่ได้นะ คนกันเอง”

 

คำพูดของคณิตวนเวียนอยู่ในหัวของพลัสจนกระทั่งรถคันนั้นขับเลยออกไป ร่างบางก้มมองดูของในมือตนซ้ำไปซ้ำมาด้วยความรู้สึกไม่พอใจจนหญิงสาวที่ยืนข้างกันนั้นสังเกตได้ เธอไม่รู้ว่าหลังจากเธอลงมาจากรถแล้วคณิตไปพูดอะไรกับพลัสเข้า แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้คือมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด

 

 

“เป็นคนแบบนี้เองสินะ...”

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

 

‘มาหาหน่อย’

 

ปูนที่เพิ่งเลิกงานในช่วงตีสองของวันอาทิตย์ยืนอ่านข้อความที่ถูกส่งมาถึงตัวเองเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วด้วยความแปลกใจ ก็ในเมื่อก่อนมาทำงานคนที่ส่งข้อความมานั้นเพิ่งบอกกับเขาไปหยกๆว่าอาทิตย์นี้คงปลีกตัวมากินข้าวด้วยไม่ได้แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจได้ไวขนาดนี้

 

‘ที่ไหนครับ? แล้วนี่หลับแล้วรึยัง?’

 

ปูนพิมพ์ข้อความตอบกลับไปก่อนจะวางมือถือไว้ในล็อกเกอร์เพื่อที่จะแต่งตัวให้เสร็จ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สวมเสื้อเสียงเตือนก็ดังขึ้นแทบจะทันที

 

‘อยู่แถวหาด ตกลงมาหาได้ไหม’

 

ร่างเล็กนึกแปลกใจในถ้อยคำที่ปกติคณิตมักจะไม่ตอแยกับเขามากนัก ยังไม่รวมถึงการมานัดเจอในเวลานี้อีก หรือว่าจะอยากมาก?

 

‘ได้ อีกสิบยี่สิบนาทีเจอกันนะ’

 

“พาร์ทไทม์คนไหนยังไม่ได้เงิน เฮียบอยรออยู่ที่เคาน์เตอร์นะ!”

 

พนักงานคนหนึ่งที่ปูนจำชื่อไม่ได้เปิดประตูเข้ามาแล้วตะโกนเสียงดังจนทำให้ร่างเล็กพึงระลึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังให้ห้องแต่งตัวแห่งนี้ ปูนเหลียวหลังไปมองก็เห็นพนักงานชายหลายคนทั้งที่ทำประจำและทำเป็นพาร์ทไทม์ซึ่งแต่ละคนต่างก็อยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้ายกเว้นอยู่คนที่กำลังมองมาทางเขาไม่วางตา...

 

“มองอะไร”

 

ปูนพูดกับพลัสด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบที่เคยทำ มันไม่ใช่การหาเรื่องเขาเพียงแค่ถาม ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นจ้องกันมาซะขนาดนั้น

 

 

“เปล่า...”

 

พลัสปฏิเสธก่อนจะเบนสายตาหลบไปที่อื่นแต่ถึงอย่างนั้นปูนก็ยังสังเกตเห็นสีแก้มที่ขึ้นริ้วแดงเหมือนกับคนที่กำลังเขินอาย ปูนนึกสงสัยแต่ก็ต้องร้องอ่อเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆจากลมของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้ากับผิวกายขาวของเขา หึ...นึกว่าอะไร

 

“นี่...ติดกระดุมให้หน่อยสิ”

 

“...!!!”

 

ปูนที่คว้าเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของตัวเองมาสวมทับตัวไว้เดินเข้ามาหาพลัสทั้งที่ยังไม่กลัดกระดุมเลยแม้แต่เม็ดเดียว ร่างบางชะงักก่อนจะถอยหลังออกมาแต่ก็มีพื้นที่เพียงน้อยนิดทำให้แผ่นหลังของเขาปะทะเข้ากับตู้ล็อคเกอร์เข้าอย่างจัง การกระทำที่เหมือนกับว่ากำลังหวาดกลัวเรียกเสียงหัวเราะของปูนได้ชะงัก ผิดกับพลัสที่แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

 

“ตะ ติดเองสิ”

 

“ขี้เกียจ...ติดให้แค่นี้ไม่ได้หรอวะ”

 

“แต่เรารีบ”

 

“แปปเดียว ไม่ได้บอกให้อยู่ติดทั้งคืนสักหน่อย”

 

“...”

 

“หรือมึงอยากให้เป็นอย่างนั้น?”

 

พลัสรีบเอื้อมมือไปติดกระดุมให้แทบจะทันทีแม้ว่ามือของร่างบางจะสั่นมากจนเห็นได้ชัดก็ตาม ในขณะที่เด็กหนุ่มพยายามเพ่งสายตาของตนให้จดจ่ออยู่กับกระดุมเม็ดเล็กแต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมาราวกับจะทะลุผ่านตัวเขาให้ได้ พลัสเผลอเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นเพราะความกดดันจนมันห้อเลือดแดงโดยที่ปูนไม่คิดห้ามสักนิด

 

“ขอบใจมาก”

 

ปูนเอ่ยกับพลัสทันทีที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกจัดให้เข้าที่ พลัสลอบถอนหายใจออกมาแต่ร่างเล็กก็ได้ยินมันอยู่ดี น่าเสียดายที่เขามีนัดกับคณิตซะก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงได้สนุกกว่านี้

 

“ที่หลังถ้ามองกันขนาดนี้กูจะคิดค่ามอง”

 

“ขอโทษครับ...”

 

“ยอมรับแล้วสินะว่ามอง”

 

“...!!!”

 

“หึ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกน่า ก็แค่มองน่ะ”

 

“...”

 

 

 

 

“แต่อย่าเก็บไปชักว่าวแล้วกัน”

 

 

 

 

ร่างเล็กยิ้มเยาะครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบข้าวของของตัวเองแล้วออกจากห้องไปโดยไม่คิดจะสนใจคนที่ตัวเองมอบวาจาเฉือดเฉือนให้เลยสักนิด ปูนใช้ลิฟต์ของพนักงานจนตัวเขามาถึงชั้นล่าง โชคดีที่ตอนนี้ยังพอมีวินเมอร์เตอร์ไซค์ที่คอยรับส่งนักท่องเที่ยวที่อยากจะตระเวนราตรีอยู่บ้างปูนจึงเลือกใช้บริการพวกนี้พาเขาไปยังสถานที่นัดหมายที่อยู่ห่างไปไม่มากแต่จะให้เดินร่างเล็กก็ไม่เอาด้วย

 

เป็นภาพที่เห็นจนชินตากับกลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งวงดื่มแล้วร้องเพลงเป็นตามเรื่อยเรียงรายอยู่เต็มฟุตบาทที่ถูกสร้างให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ไม่ใช่แค่คืนวันเสาร์อาทิตย์แต่ปูนก็เห็นเด็กพวกนี้มาที่นี่กันแทบทุกวันจนพาลให้คิดถึงชีวิตของเด็กมหาวิทยาลัยในกรุงเทพที่ไม่มีสถานที่ให้พักผ่อนหยอนใจตลอดทั้งคืนแบบนี้ แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะไปนึกถึง

 

ปูนหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วกดโทรหาคณิตแทนที่จะเดินไปเรื่อยๆเพราะหาดที่ว่าก็ยาวยิ่งกว่าระยะทางระหว่างโรงแรมกับจุดที่เขายืนอยู่เสียอีก ร่างเล็กรอสายอยู่สักพักแต่มันก็ยังไม่มีสัญญาณตอบกลับมา จนกระทั่งเขากดโทรออกเป็นครั้งที่สามสายของคณิตก็ถูกรับโดยเสียงของใครบางคน

 

“ฮัลโหล!”

 

“...นี่ใช่โทรศัพท์ของคุณคณิตรึเปล่าครับ”

 

“เออใช่ๆ เฮ้ยพวกมึงน้องเขามาแล้วเว้ย!!!”

 

เสียงโวยวายที่ดังออกมาทำให้ปูนต้องเลื่อนโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหูของตัวเองอีกนิดแต่เมื่อเขาทำอย่างนั้นก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกว่ากำลังได้ยินเสียงแบบเดียวกันดังมาจากนอกสายในบริเวณที่ไม่ไกลนัก

 

“น้องอยู่ไหนแล้วครับ”

 

“ผม...อยู่แถวหน้าเซเว่น”

 

“ใช่คนที่ใส่เสื้อสีขาวป่ะ ที่ตัวเตี้ยๆ

 

เตี้ยพ่อมึงสิ...ปูนอยากพูดออกไปใจจะขาดแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ในเมื่อเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่รับสายของคณิตคือใคร

 

“ครับ”

 

“โอเค เดี๋ยวพี่เดินไปรับ”

 

ปลายสายยังไม่ตัดไปแต่ปูนก็ไม่ได้ยินเสียงใครพูดอะไรมาอีก แต่ในขณะที่ร่างเล็กกำลังยืนหมุนๆมองหาคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนคนนั้นนั่นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนใครกำลังสะกิดที่หัวไหล่เบาๆ

 

“เหยดดดดดดดดด น่ารักสัดดดดดดดดดดดด!!!”

 

ชายแปลกหน้าตะโกนเสียงดังทันทีที่ปูนหันกลับไปมอง แน่นอนว่ามันดังพอที่จะดึงความสนใจจากคนที่นั่งอยู่แถวๆนั้นให้หันมามองที่ปูนทั้งหมด ไม่พูดพร่ำทำเพลงปูนถูกคนที่ตัวใหญ่กว่าเขาเกือบสองเท่าลากให้เดินตามไปด้วยแรงที่เขาไม่อาจต่อต้านได้ เด็กหนุ่มพยายามร้องขอคำอธิบายแต่ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะได้ตอบปูนก็เดินมาถึงกลุ่มของผู้ชายราวห้าถึงหกคนที่ดูยังไงก็ไม่ใช่นักศึกษา

 

“น่ารักเหี้ยๆ!!!”

 

“ขาวโคตรรรรรรรรรร!”

 

“ดูดีกว่าในรูปอีกว่ะ”

 

“เห้ย แต่กูว่าในรูปน่ารักกว่านะ”

 

“มันก็คนเดียวกันป่าววะ”

 

“นั่นดิ ว่าแต่ยิ้มหน่อยได้ไหมครับ อย่าทำหน้าบึ้งดิ”

 

ปูนรับไม่ไหวกับคำที่แต่ละคนพูดมา ไม่ใช่ว่าอายแต่มันตั้งตัวไม่ทัน เขาไม่เคยรู้จักคนพวกนี้ ไม่แม้แต่จะจำได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน ร่างเล็กมองซ้ายมองขวาหาคนที่น่าจะให้คำตอบพวกนี้กับเขาได้ แต่แล้วการกระทำนั้นก็ต้องตกไปเมื่อชายคนที่จูงเขามาได้ฉุดเขาให้นั่งลงในวงเหล้าที่สมาชิกแต่ละคนยินดีจะเขยิบให้กว้างขึ้น

 

“นั่งก่อนๆ พวกมึงก็ใจเย็นๆ เด็กมันงงหมดแล้ว”

 

“งงหรือง่วงไอ้สัด! จะตีสามแล้ว!”

 

แต่ละคนหัวเราะกันฮาครืนโดยที่ปูนก็ยังคงประติดประต่อเรื่องราวต่างๆไม่ได้จนหนึ่งในคนพวกนั้นสังเกตเห็น เลยเริ่มแนะนำตัวแต่ละคนให้ปูนฟัง

 

“พี่ชื่อโต้งนะ ส่วนนี่ไอ้มอส ไอ้แคมป์ ไอ้โจ้ ไอ้บอส แล้วไอ้คนที่ไปรับน้องมาชื่อไอ้เชี้ยขิง ต้องมีเชี้ยด้วยนะ ขิงเฉยๆไม่ได้”

 

ปูนพยักหน้าอย่างงงๆแต่ก็ยังยื่นมือไปรับขวดเบียร์ที่พี่คนที่ชื่อแคมป์ยื่นมาให้แต่ก็ยังไม่ได้ยกขึ้นดื่มแต่อย่างใด

 

 

“ผม...ชื่อปูนครับ”

 

 

“เหยดดดดดดดดดดดด ชื่อก็น่ารักกกกกกกกกกกก!!!”

 

เหยดกันบ่อยไปแล้วนะพวกบ้า...ปูนคิดขณะที่โปรยยิ้มไปให้แม้ว่าใจจริงอยากจะลุกออกไปจากวงนี้สักที แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นเขาควรจะถามคนพวกนี้ก่อนว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันอะไรยังไงกันแน่

 

 

“แล้วทำไมพวกพี่ถึงใช้โทรศัพท์ของคุณคณิตได้ล่ะครับ”

 

“ทำไมเรียกคุณล่ะ ต้องป๋าไม่ใช่หรอ”

 

โต้งเอ่ยแซวยิ้มๆก่อนจะโบ้ยให้ขิงที่ยังถือโทรศัพท์ของคณิตไว้ตอบ

 

“พี่เป็นเพื่อนของมันน่ะ ส่วนมันก็...นั่งไงกลับมาพอดีเลย ไอ้นิดโว้ย!!!”

 

ขิงมองไปทางด้านหลังของปูนก่อนจะตะโกนเรียกคนที่กำลังหอบถุงจากร้านสะดวกซื้อมาเต็มสองมือ คณิตซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเดินหันไปมองตามเสียงเพื่อที่จะตะโกนเรียกให้เพื่อนเก่าจากมหาวิทยาลัยซึ่งมีโอกาสรวมตัวกันมาพักที่โรงแรมของเขาให้มาช่วยถือ แต่แล้วจู่ๆก็ต้องพบว่ามีคนตัวเล็กคุ้นตากำลังนั่งแทนที่ของเขาอยู่แล้วมองมาด้วยแววตาที่บอกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกสนุก

 

 

 

 

“ว่าไงครับป๋า กลับมาหาปูนแล้วหรอ”

 

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

 

ก่อนอื่นเลยสวัสดีปีใหม่2559 นะคับบบบ :L2: :L2: :L2: เช่ขอให้คนอ่านที่น่ารักของเช่ทุกคนมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงเงินทองไหลมาเทมานะ ขอบคุณนะคับที่อยู่กับนานมาถึงครึ่งปีแล้ว ปีหน้าก็ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนนะคับ!!!  :mew1:

ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับมาอวยพรน้องปูน ขอให้น่ารักๆนะหนู ขอให้คนเอ็นดูหนูเยอะๆ จากตอนที่แล้วมีแต่คนไม่อยากให้พี่กาลกลับมา เป็นไงล่ะ สมน้ำหน้า 5555555 (พี่กาลชักปืนเตรียมยิงทิ้ง)  :z13: ถึงจะแต่งยากสำหรับเช่ไปซะหน่อยแต่เช่มีความสุขมากๆเลยนะที่ได้แต่งป๋าปูน เช่ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขที่ได้อ่านกันนะคับ  :katai4:

ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลย เช่กะหาเวลาว่างตอบเม้นบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำสักที แต่ไม่ต้องห่วงนะคับ เช่ได้อ่านทุกอันเลย เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากเม้ามอยกันจริงๆไปในแฟนเพจสะดวกกว่านะคับ เข้ามาคุยกันนะ :)   :katai2-1:

 

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #74 เมื่อ31-12-2015 21:48:28 »

นึกว่าพี่กาล เห้อ!! โล่งอกไป(แค่ตอนนี้) เพราะต่อไปต้องมีเหตุฉนวนอะไรอีกแน่ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะปิ๊งปั้งกันนะป๋าปูน

Happy new year 2016
มีความสุขมากๆ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา ปีใหม่ทั้งทีก็ขอให้มีแต่สิ่งดีๆไหลมาเทมา

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #75 เมื่อ01-01-2016 01:59:28 »

ชอบหนูพลัส. หนูอย่าร้ายนะลูก

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #76 เมื่อ01-01-2016 10:08:49 »

 :pig4:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #77 เมื่อ01-01-2016 10:23:45 »

 :katai1:
ไม่ชอบพลัสเลยตอนนี้ คุณคณิตด้วย

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #78 เมื่อ01-01-2016 19:06:47 »

พลัสคิดจะทำไรกันแน่อะ อย่าร้ายเลยนะ

ปูนน่าย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :mew3:

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #79 เมื่อ02-01-2016 15:05:10 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
« ตอบ #79 เมื่อ: 02-01-2016 15:05:10 »





ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #80 เมื่อ02-01-2016 20:05:24 »

คุณคณิตทำไมพูดถึงน้องแบบนี้

เดี๋ยวเหอะ ต่อไปถ้าอยากเป็นมากกว่าพี่น้องขอให้ปูนหักอก :hao7:

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #81 เมื่อ03-01-2016 06:05:46 »

โหยคณิตใจร้ายฟังแล้วเจ็บแทนปูนเลย

สุขสันต์ปีใหม่เช่นกันนะคะะะะะ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #82 เมื่อ03-01-2016 12:42:31 »

ติดตามครับ

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #83 เมื่อ03-01-2016 19:58:29 »

555+เดี๋ยวโดนดี หรอกปูน

ออฟไลน์ cho-ningza-19891

  • สติไม่ค่อยมี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #84 เมื่อ03-01-2016 22:58:50 »

ป๋าพูดแบบนี้ได้ไง ใจร้าย
พลัสแอบมองปูนบ่อยๆ นี่คิดไรป่ะเนี่ย ชอบปูนอ่ะดิ่ คริคริ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #85 เมื่อ04-01-2016 18:46:59 »

 

แตกที่ 11

…เมา...


 
 

คณิตเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรปุบปับเขาถึงได้เกลียดการทำเซอร์ไพรส์เอามากๆ เหมือนอย่างตอนเด็กๆที่โดนอาม่าปลุกขึ้นมาตอนเช้าทั้งที่เพิ่งนอนไปได้ไม่นานแล้วบอกว่าอีกหนึ่งโมงจะต้องขึ้นเครื่องไปมาเก๊าด้วยกัน ความรู้สึกตอนนั้นมันทั้งมึนงงและไม่รู้ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง เขาเบลอถึงขั้นลืมหยิบกล้องถ่ายรูปไปจนโดนอาม่ากลับมาบ่นยาวอีกเป็นอาทิตย์ ยังดีหน่อยที่พอโตแล้วคณิตก็เริ่มพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าขึ้นมาได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่ดี โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่จู่ๆไอ้เด็กเจ้าปัญหานั่นโผล่มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อแล้วแย่งแก้วเบียร์เขาไปกินหน้าตาเฉย

 

 

“เซอร์ไพรส์!!!~”

 

 

“เซอร์ไพรส์พ่องสิไอ้สัด!”

 

 

ร่างสูงตบหัวที่ถูกตัดเป็นทรงสกินเฮดของไอ้ขิง เพื่อนเก่าสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยของตัวเองไปเต็มรักจนมันร้องโอดโอยก่อนจะหันมามองจิกปูนที่หัวเราะคิกคักอย่างไม่รู้สึกรู้สาหนำซ้ำยังมีการยักคิ้วใส่เขาอีกแน่ะ

 

 

“เธอมาที่นี่ได้ไง”

 

 

“นั่งวินมาครับ”

 

 

“หรอ นึกว่าว่ายน้ำมา เฮ้อ! เอาดีๆปูน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่”

 

 

“พวกกูตามมาเองแหละ เลิกทำหน้ามึนสักที เอ้านั่งๆ ไอ้มอสหยิบแก้วใหม่มาให้ไอ้นิดมันด้วย”

 

 

โต้งว่าก่อนจะเขยิบตัวออกเล็กน้อยจนเหลือที่พอให้คณิตแทรกตัวนั่งลงระหว่างเขาและปูนได้ ร่างสูงที่ยังมึนไม่หายมองหน้าเพื่อนตัวแสบของตัวเองอย่างจับผิดแต่ก็ยอมเดินไปนั่งอยู่ดีโดยไม่ลืมที่จะส่งถุงเบียร์ที่อุตส่าห์โดนพวกมันบังคับให้เดินไปซื้อมาส่งให้เพื่อนๆจัดการกันต่อ

 

 

“พวกมึงไปตามมันมาได้ยังไง”

 

 

คณิตเอ่ยถามทันทีก่อนได้รับคำตอบเป็นมือถือของเขาเองที่อยู่ในมือของไอ้ขิงที่ยังคงลูบหัวของตัวเองปอยๆด้วยท่าทางกวนประสาท ร่างสูงสบถเบาๆในความเลินเล่อของตัวเองที่ยอมปล่อยให้เพื่อนเอาสมบัติส่วนตัวของเขาไปใช้โดยลืมคิดไปว่านอกจากเบอร์สาวๆที่มีไว้ประดับเครื่องแล้วก็ยังมีทั้งรูป เบอร์โทรศัพท์ และหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปูนอยู่พร้อมศัพท์

 

 

 

“รอให้ถึงทีกูมั้ง กูจะส่งรูปมึงตอนไปเที่ยวโคโยตี้ไปให้เมียมึงบ้าง”

 

 

“แหม แกล้งเล่นหน่อยเดียวทำมาเป็นขึ้น เป็นป๋าแล้วใจกว้างหน่อยดิวะ”

 

 

ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างกันกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่นโดยไม่รู้ตัวเลยว่าคณิตแทบอยากจะจับเขาทุ่มใส่ทะเลมากแค่ไหน ปูนเองพอรู้สึกถึงสายตาของคณิตที่มองมาก็หันมาสบตาแล้วยิ้มให้อย่างเอาใจ ก่อนจะช่วยรินเบียร์ใส่ในแก้วใบใหม่แทนของเก่าที่เขายึดไว้แล้วส่งไปให้ โดยไม่สนใจสายตาอีกหกคู่ที่กำลังมองมา

 

 

“ใจเย็นๆน่าป๋า เบียร์เย็นครับ จิบสักหน่อยจะได้ชื่นใจ”

 

 

“สัดดดด ของจริงเว้ยๆๆๆๆๆๆๆ”

 

 

คณิตส่ายหัวในขณะที่คนที่เหลือต่างก็เป่าปากอย่างชอบใจจนคนกลุ่มอื่นที่ตั้ววงอยู่ใกล้ๆหันมามองกันเต็มไปหมด

 

 

“เธอนี่มัน...เลิกพูดให้ไอ้พวกนี้เข้าใจผิดสักทีได้ไหม”

 

 

“เอาคืนครับ ข้อหาหนีมาสนุกคนเดียวแล้วไม่ชวนผม”

 

 

ปูนแกล้งยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆหูแล้วถอยออกมานั่งจิบเบียร์ของตัวเองไปตามเรื่องโดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มกลับไปให้บรรดาเพื่อนของร่างสูงที่กำลังมองมาอย่างคาดคั้น เช่นเดียวกับคณิตที่โดนโต้งซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันสะกิดสีข้างเรียกร้องจะเอาคำตอบว่าความสัมพันธ์ของเด็กที่เรียกเขาว่า ‘ป๋า’ มันคืออะไรกันแน่

 

 

“เรียกป๋า กูคงเป็นพ่อมันมั้ง”

 

 

“เป็นพ่ออะกูไม่ว่า แต่กูว่ามันน่าจะเป็นผัวน้องเขามากกว่า”

 

 

“ว่าไงครับป๋า ตกลงกับน้องปูนนี่มันยังไงๆ”

 

 

พอเพื่อนเซ้าซี้ถามคณิตก็แกล้งยกเบียร์ขึ้นจิบแล้วคิดไปด้วยว่าเขาควรจะตอบพวกมันไปว่ายังไง ถ้าไม่มีปูนนั่งอยู่ตรงนี้เขาคงเลือกใช้คำพูดเหมือนอย่างตอนที่บอกกับเด็กที่ชื่อพลัสนั่นได้โดยไม่คิดอะไรมาก ร่างสูงเหลือบมองคนตัวเล็กที่เอาแต่ยิ้มแล้วทำเป็นไม่สนใจว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าของบทสนทนา ปูนทำเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่หากคนอื่นจะรับรู้ว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขายังคงนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกันมีเพียงความถูกใจและเซ็กซ์เท่านั้น

 

 

“พวกกูเป็นพี่น้องกัน”

 

 

“อ่อหรออออออออออ”

 

 

ทันทีที่คณิตพูดจบทุกคนที่เหลือก็พูดออกมาพร้อมกันแล้วยังส่งสายตาประนามหยามเยียดมาให้แต่คณิตก็ไม่สนใจ เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกันต่างหากว่ามีปฏิกริยาอย่างไรบ้างแต่ปูนก็ยังคงนิ่งเหมือนเก่า

 

 

“พี่น้องท้องชนกันล่ะสิไม่ว่า ตอบเป็นดาราเลยนะมึง”

 

 

“กูกะแล้วว่ามันต้องไม่ยอมรับ งั้นถามน้องแทนดีกว่า น้องปูนครับ~ ป๋าปูนนี่มันยังไงหรอ เราเป็นพี่น้องกับไอ้คณิตเพื่อนพี่อย่างที่มันว่าป่ะ”

 

 

ขิงหันไปถามปูนแทนโดยที่คนตัวเล็กกลับไม่มีท่าทางเขินอายหรือกดดันเลยสักนิด ปูนยิ้มให้ทุกคนอย่างเคยโดยไม่ลืมที่จะหันมาสบตากับร่างสูงที่ดวงตาจับจ้องมายังเขาอยู่ก่อนแล้วก่อนจะตอบในสิ่งที่ใจเขาก็คิดแบบนั้นออกไป

 

 

“เป็นพี่น้องกันครับ...แต่แค่พิเศษนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

 

 

สำหรับปูนความสบายใจยามที่ได้ใช้เวลาอยู่กับคณิตเหมือนกับน้ำอัดลมหวานๆที่ทั้งซาบซ่าและเติมพลังให้กับชีวิตที่เหนื่อยล้า มันมากกว่าความถูกใจรูปร่างหน้าตาภายนอกมันรวมถึงความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายแสดงออกมา แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือกจะเก็บมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจ

 

 

ถึงน้ำอัดลมมันจะอร่อยแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีใครบ้ากินมันตลอดชีวิต...

 

 

 

“หึ”

 

 

คณิตหัวเราะออกมาแล้วยกยิ้มมุมปากให้กับคำตอบที่สมกับปูนดีแล้วไม่ได้แก้ตัวอะไร ถ้าเจ้าตัวว่าดีเขาก็ต้องว่าตามนั้น ชายหนุ่มเลยปล่อยให้ก๊วนเพื่อนเป่าปากแซวโดยไม่ได้โต้แย้งกลับกัน เขายังสบายใจมากขึ้นเสียจนกล้าพาดแขนของตัวเองโอบรอบคอของปูนไว้แล้วดื่มด่ำกับบรรยากาศตอนนี้

 

 

เมื่อเห็นว่าตัวเอกทั้งสองคนคงไม่ยอมปริปากมากกว่านี้คนที่เหลือจึงหยิบเรื่องเก่าๆมาเล่าโดยชักชวนปูนให้พูดคุยด้วยอยู่ตลอดเวลา ทำให้ร่างเล็กเองพอจะจับใจความได้ว่าหกหนุ่มที่แอบอ้างชื่อของคณิตลากเขามาที่นี่เป็นเพื่อนจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันกับร่างสูงแม้ว่าจะเรียนอยู่คนละคณะแต่ด้วยเพราะนิสัยและความชอบที่เหมือนๆกัน(สุราและนารี) ทำให้มีความสนิทสนมยิ่งกว่าเพื่อนที่เรียนอยู่ด้วยกันเสียอีก

 

 

 

“แล้วน้องปูนเรียนอะไรอยู่ครับ ใช่มหาลัยที่นี่ป่ะ”

 

 

“ป่าวครับ...ผมเรียนอยู่กรุงเทพ”

 

 

คำตอบของปูนไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับเฉพาะคนที่เพิ่งพบกันเป็นวันแรกแต่รวมถึงคนที่กำลังโอบกอดเขาไว้อยู่ด้วย

 

 

“อ้าว แล้วมาทำงานที่นี่ได้ไงอะ ยังไม่ปิดเทอมเลยไม่ใช่หรอ”

 

 

“ผมเบื่อๆเลยดรอปเรียนมาทำงานที่นี่น่ะครับ”

 

 

คนได้ฟังก็ร้องอ๋อแล้วไม่ได้ติดใจอะไรผิดกับคณิตที่กระชับวงแขนของตัวเองให้แน่นขึ้นจนปูนต้องหันมามองด้วยความสงสัย

 

 

“เป็นอะไรป๋า”

 

 

“ทำไมเธอไม่เคยเล่าให้ฉันฟังว่าดรอปเรียนอยู่”

 

 

“ก็ป๋าไม่เคยถาม”

 

 

ปูนเริ่มทำหน้างอใส่คนที่จู่ๆก็มาพูดเสียงเขียวใส่ตัวเอง จนคณิตต้องบอกขอโทษแล้วยกมือที่พาดไหล่ของปูนไว้ออก โต้งที่สังเกตเห็นบรรยากาศแปลกๆของทั้งสองคนก็หาเรื่องชวนปูนคุยด้วยท่าทางที่แสนเป็นธรรมชาติสมกับเป็นจิตแพทย์มือฉมังตามที่ได้เล่าเรียนมา ส่วนคณิตพอเห็นว่าปูนมีเพื่อนคุยแล้วจึงขอตัวออกมานั่งดูทะเลเงียบๆโดยมีขิงติดสอยห้อยตามมาด้วย

 

 

“ไม่ยักกะรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงหันมาบริโภคตามไอ้กาลแล้ว”

 

 

“...ก็ไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้นหรอก”

 

 

“จริงหรอวะ แต่ถึงขั้นยอมให้อยู่ติดตัวได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดาล่ะวะ”

 

 

ขิงว่าก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เป็นอันรู้กันดีในหมู่เพื่อนว่าคุณชายคณิตที่ภายนอกเหมือนเป็นคนใจดีเป็นมิตรแท้จริงแล้วถือตัวขนาดไหน ไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือหญิงสาวมากมายที่ผ่านเข้ามาถ้าหากไม่มีอะไรในตัวที่สามารถทำให้ร่างสูงยอมรับได้ก็จะถูกจัดให้อยู่นอกกำแพงสูงชัน ดังนั้นขิงจึงอดแปลกใจไม่ได้เมื่อได้เห็นรูปถ่ายของคณิตกับเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักในท่าทางสนิทสนมหนำซ้ำรูปนั้นยังถูกส่งไปให้อาม่าสุดที่รักของมันอีก

 

 

“ก็ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ แต่มันก็ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก”

 

 

คณิตจงใจละรายละเอียดที่จะทำให้เพื่อนของตนรู้ว่าปูนก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาในฐานะไหน จริงอยู่ที่เขาคงไม่เสื่อมเสียอะไรแต่เป็นปูนต่างหาก อย่างน้อยเขาก็ยังอยากเห็นเด็กคนนั้นสามารถพูดคุยกับพวกไอ้โต้งได้ด้วยท่าทางที่แสนเป็นธรรมชาติอย่างตอนนี้

 

 

“กูไม่ควรรู้?”

 

 

“อืม...มึงไม่ควรรู้”

 

 

“เออ โอเค ไม่รู้ก็ไม่รู้ แต่...กูขอถามอย่างหนึ่งได้ไม่วะ”

 

 

ร่างสูงหยุดคิดก่อนจะผงกหัวรับเพื่อนที่ทำสีหน้าอย่างรู้เสียเต็มประดา

 

 

“น้องเขา...เด็ดป่าววะ”

 

 

“...”

 

 

“...”

 

 

“มาก”



:hao6:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :hao6:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #86 เมื่อ04-01-2016 18:48:54 »


 

หลังจากที่คณิตและขิงเดินออกจากวงไปคนที่ออกปากชวนปูนคุยมากที่สุดก็กลายเป็นโต้งในขณะที่อีกสี่คนก็กำลังจับกลุ่มคุยกันเรื่องฟุตบอลที่ปูนไม่ค่อยจะสนใจมันมากเท่าไหร่ โต้งบอกกับปูนว่ามันไม่มีโอกาสบ่อยนักที่กลุ่มเพื่อนต่างคณะอย่างพวกเขาจะมานัดรวมตัวกันได้ครบแล้วนี่ก็ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทำให้คณิตยอมลางานเพื่อออกมาสังสรรค์ด้วยกัน โดยที่คำบอกเล่านั้นก็ทำให้ปูนเข้าใจว่าทำไมคณิตถึงได้บอกปัดการนัดเจอกับเขาไป

 

 

“ว่าแต่เราคิดยังไงล่ะเนี่ยถึงมาเป็นน้องชายเพื่อนพี่”

 

 

จิตแพทย์หนุ่มที่ไม่เหลือมาดคุณหมอแสนดูดีถามกับร่างเล็กที่ดูน่าเอ็นดูไม่หยอกจนไม่แปลกใจว่าทำไมเสือหน้าตี๋อย่างคณิตถึงได้หันหนีจากเนื้อกวางแล้วมาคอยแทะเล็มเก้งตัวน้อยนี่แทน

 

 

“จะให้ปูนตอบจริงๆหรอพี่”

 

 

ปูนถามหยั่งเชิงกลับไปเพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสถานะความเป็นพี่น้องที่ทั้งปูนและคณิตบอกกับคนอื่นไปอย่างนั้นแท้จริงแล้วกลับเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่ามาก ชายหนุ่มที่ถึงแม้จะไม่หล่อเท่าแต่ดวงตาขี้เล่นนั่นก็ช่วยทำให้คุณหมอคนนี้ดูมีเสน่ห์ไม่แพ้เพื่อนๆที่เหลือ โต้งยิ้มให้กับปูนอย่างมีไมตรีก่อนจะตอบออกมา

 

 

“เอาจริงสิ เรารู้ใช่ไหมล่ะว่าคณิตมันไม่เคยคบผู้ชายมาก่อน”

 

 

“รู้ครับ ก็ผม...ได้ครั้งแรกของเขามานี่นะ”

 

 

โต้งหัวเราะอย่างชอบใจในความตรงไปตรงมาของคนตัวเล็กแม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ดูแรงแต่เขาก็มองออกว่ามันเป็นเพียงการแสดงออกแบบเด็กๆจึงไม่คิดถือสา หนำซ้ำยังรู้สึกสนุกมากขึ้นไปอีก

 

 

“แหม พูดมาถึงขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่ใช่แฟนกันอีกหรอ”

 

 

“ฮ่าๆ ก็ไม่ใช่จริงๆนี่ ไปถามเพื่อนพี่อีกรอบก็ได้”

 

 

“มันคงยอมบอกหรอกนะ ว่าแต่เราน่ะชอบเพื่อนพี่จริงรึเปล่า ถ้าชอบจริงบอกเลยเดี๋ยวพี่ช่วย เห็นอย่างนี้เพื่อนพี่รักจริงหวังแต่งนะครับ”

 

 

คนอายุมากกว่าเชียร์ด้วยน้ำเสียงทะเล้นจน มอส แคมป์ โจ้และบอสที่เผอิญได้ยินต่างก็เข้ามาช่วยสรรเสริญความดีอันน้อยนิดให้ปูนฟังกันยกใหญ่ ปูนก็นั่งฟังวีรกรรมแสบๆสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของคุณไปพร้อมกับจิบเบียร์ไปด้วย รู้ตัวอีกทีขวดแก้วสีเขียวที่เคยมีเบียร์บรรจุอยู่เต็มตอนนี้ก็กลายเป็นเพียงขวดเปล่าจนเกือบหมด ส่วนคนก็แทบจะไม่เหลือสภาพ นอกเหนือจาก โต้ง ปูน และมอสแล้ว อีกสามคนที่เหลือก็ลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย

 

 

“เอ้ยเฮ้ยๆ หายไปแปปเดียวเมาปลิ้นกันหมดแล้วหรอวะ”

 

 

ขิงกับคณิตที่เพิ่งเดินกลับมายืนงงกับสภาพของแต่ละคนที่ผิดกับตอนที่พวกเขาจากไปลิบลับ ร่างสูงที่เริ่มมึนนิดๆก้าวไปหาปูนที่ตอนนี้กำลังอาศัยไหล่ของโต้งพิงหัวที่หนักอึ้งจนน่าแปลกใจ

 

 

“กินยังไงถึงปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้เนี่ยปูน”

 

 

“อื้อออ ป๋าหรอ”

 

 

“เออ เห็นเป็นคนอื่นรึไง”

 

 

“ไหนๆ ดูหน้าหน่อยสิ”

 

 

ปูนคว้าหมับเข้าที่ใบหน้าของคณิตก่อนจะดึงเข้ามาสำรวจใกล้ๆ ผิวเนียนละเอียดที่ขาวพอๆกับเขา จมูกโด่งเป็นสันที่งุ้มลงเป็นรูปหยดน้ำสวยงาม ริมฝีปากสีชาดที่ดึงดูดให้เขาเขย่งตัวขึ้นอีกนิดจนห่างเพียงฝ่ามือกั้น และสุดท้าย...ดวงตาเรียวเล็กที่สะท้อนภาพของตัวเขาเองอยู่ในนั้น

 

 

“ใช่จริงๆด้วย ป๋าของปูนจริงๆด้วย”

 

 

ร่างเล็กยิ้มกว้างก่อนจะวางหัวหนักของตัวเองลงบนซอกคอของคณิตแทนแล้วปล่อยให้ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดคนที่เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว คนตัวโตดึงร่างที่สติใกล้หลุดลอยเต็มที่ให้ออกหากจากเพื่อนของเขาและไม่ลืมที่จะประคองหัวกลมๆไม่ให้หลุดไปจากบ่าของตัวเอง โดยที่การแสดงออกเหล่านี้ตกอยู่ในสายตาของโต้งและขิงที่ยังประคองสติของตัวเองไว้ได้ดี ทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม

 

 

“ไอ้ขิง ใช้โทรศัพท์กูเรียกคนจากโรงแรมมาให้ที ขนกันไปไม่หมดหรอกวะ”

 

 

คณิตโยนโทรศัพท์ของตัวเองกลับไปให้ขิงอีกครั้งก่อนส่วนตัวเองก็คอยจัดการคนที่นั่งยุกยิกเพราะเริ่มไม่สบายตัว

 

 

“ป๋า ร้อนอะ!”

 

 

“รู้แล้ว กลับไปโรงแรมแล้วค่อยอาบน้ำ”

 

 

“อยากอาบตอนนี้อ่า นะๆ พาปูนไปอาบน้ำหน่อย”

 

 

ร่างเล็กมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาปรือปรอย แม้ว่าพวกเขาจะใกล้ชิดกันมาหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้มีบ่อยๆหรอกนะที่ปูนจะมองคณิตด้วยสายตาออดอ้อนแบบนี้ ร่างสูงส่ายหัวอย่างระอาแต่ก็ยอมเสียสละผ้าเช็ดหน้าของตัวเองนำมาชุบกับน้ำเปล่าที่เหลืออยู่ไม่กี่ขวดก่อนจะใช้มันลูบไปตามใบหน้าที่ขึ้นสีแดงของปูน

 

 

“ถามจริง นี่แกล้งเมาหรือเมาจริง”

 

 

“เมาที่ไหน ปูนไม่ได้เมาซะหน่อย”

 

 

คนที่บอกว่าตัวเองไม่เมาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ แถมมีการเบี่ยงตัวหนีสัมผัสเย็นๆที่คอยรบกวนกันอีกจนทำให้คณิตขำออกมาอย่างปลงๆ ไหนว่าร้อนแล้วก็อยากอาบน้ำไง พอเช็ดหน้าให้กับหนีซะอย่างนั้น

 

 

“แล้วเมื่อเย็นได้กินข้าวรึเปล่า”

 

 

“ข้าว?”

 

 

“อืม ข้าวน่ะ ได้กินมาก่อนไหม”

 

 

ปูนทำหน้านึกอยู่สักพักก่อนจะส่ายหัวไปมาจนผมยุ่งไปหมด

 

 

“เออดี ข้าวไม่กินแล้วมากินเบียร์มันก็น่าเมาอยู่หรอก”

 

 

“เมาอะไร ปูนไม่ได้เมา”

 

 

“ไม่เมาบ้าอะไรเบลอขนาดนี้ ชงเหล้าขายแล้วเมาเหล้าเองได้ไงวะ”

 

 

“ก็บอกว่าไม่เมาไง! ป๋าอย่าดุดิ”

 

 

คนตัวเล็กว่าแล้วทำหน้างอยิ่งกว่าเดิมแต่ถ้าปูนทำหน้าแบบนั้นใส่เขาตรงๆก็คงจะยอมรับอยู่หรอกว่าไม่ได้เมา แต่นี่เล่นหันไปพูดกับขิงที่เดินมานั่งยองๆดูคนเมาซะอย่างนั้น เด็กขี้เมาปากแข็งเลยโดนผู้ใหญ่ทั้งสองคนขยี้หัวเบาๆด้วยความรู้สึกเอ็นดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคณิตที่พอได้รับโทรศัพท์คืนมาจากเพื่อนก็เอามันมาถ่ายทั้งรูปทั้งคลิปของปูนเก็บไว้ซะยกใหญ่

 

 

รอไม่นานรถของทางโรงแรมก็เดินทางมาถึง ขิงและพนักงานอีกสองคนช่วยกันพยุงเพื่อนสี่คนที่หลับลึกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วขึ้นรถ ส่วนโต้งก็ยังพอประคองตัวเองเดินไปได้ ในขณะที่คณิตก็กึ่งแบกกึ่งลากปูนขึ้นไปบนรถตู้เช่นกันก่อนร่างสูงจะส่งกุญแจรถยนต์ส่วนตัวให้กับพนักงานคนหนึ่งช่วยขับกลับเพราะเขาเองก็มึนเต็มที่แล้วเหมือนกัน

 

 

ทันทีที่มาถึงคณิตก็จัดแจงให้คนช่วยพาเพื่อนทุกคนขึ้นไปยังห้องพักที่มาเปิดกันไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เหลือก็เพียงแต่ร่างเล็กที่ยังคงพยายามฝืนลืมตาทั้งที่สติใกล้จะหลุดลอยเต็มทีที่เขาไม่รู้ว่าควรจะพาไปที่ไหน

 

 

“ไหวไหมปูน เดี๋ยวฉันพากลับห้อง”

 

 

“ห้องไหนอะ”

 

 

“ห้องเธอไง อยู่ที่ไหนบอกทางได้รึเปล่า”

 

 

เด็กหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะซบลงไปตรงอกกว้างโดยที่คณิตก็ไม่ได้ปัดป้องเพราะตอนนี้พวกเขากำลังยืนกันอยู่ตรงมุมข้างลิฟต์ที่ลับตาคน

 

 

“ปูนยังไม่อยากกลับ...ป๋าให้ปูนอยู่ด้วยคนซิ”

 

 

“...จะอยู่ได้ยังไง พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานแต่เช้า”

 

 

“แต่ปูนอยากอยู่ด้วย นะๆ ให้ปูนอยู่ด้วยคนนะป๋า”

 

 

คนตัวเล็กเริ่มก่อความวุ่นวายอีกครั้งด้วยการเขย่งแล้วเกี่ยวร่างของคณิตเข้ามาใกล้ก่อนริมฝีปากที่ร้อนเพราะแอลกอฮอลล์ในร่างกายจะจูบไล้ไปตามสันกรามที่ไร้ซึ่งหนวดเครา ถ้อยคำออดอ้อนถูกมอบให้กับคณิตไม่ขาดสาย ชายหนุ่มพยายามลูบหัวของปูนเบาๆเพื่อให้เด็กเจ้าปัญหาคนนี้คลายความเอาแต่ใจลงแต่ผลมันกลับตรงกันข้าม ปูนเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากข้างแก้มมายังริมฝีปากของเขาแม้สติจะเลือนรางแต่ด้วยความคุ้นเคยทำให้ปูนไม่พลาดที่จะสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวรัดลิ้นของคณิตอย่างเอาแต่ใจกว่าเคย

 

 

“ไม่เอาน่าปูน”

 

 

“นะ อึก อย่าไล่ปูนไปไหนเลยนะ”

 

 

“...”

 

 

“...นะครับ”

 

 

“เฮ้อ...เธอจะทำให้ฉันเสียนิสัยนะรู้ตัวไหม”

 

 

ไม่ต้องรอให้ปูนพูดอะไรมากไปกว่านี้ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งคณิตก็ดันร่างของปูนเข้าไปข้างในก่อนจะกดหมายเลขชั้นที่มีห้องพักส่วนตัวของเขาอยู่บนนั้น ร่างเล็กที่ทนความหนาวไม่ไหวซุกกายเข้าหาความอบอุ่นจากร่างของคณิตที่ยินยอมเปิดทางให้ปูนเข้ามาอิงแอบได้แต่โดยดี ระหว่างทางที่ลิฟต์ค่อยๆเคลื่อนที่ขึ้นไปที่ละชั้นๆ ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงกว่ามากก็ค่อยๆพิจารณาดวงหน้าที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้ตั้งแต่คราแรก รวมถึงดวงตากลมๆและปลายจมูกรั้นที่บ่งบอกนิสัยของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี

 

 

คณิตเปิดประตูห้องพักของตัวเองอย่างไม่รีบร้อนเช่นเดียวกับการปลดอาภรณ์ของคนที่กำลังนอนบิดกายอยู่บนเตียงนอนสีขาวพร้อมกับปรือตาจับจ้องมาที่เขาอย่างคนไม่ได้สติ ร่างสูงเลือกที่จะถอดเสียงกางเกงยีนส์สีเข้มของปูนทิ้งไปจนเหลือเพียงเสื้อบางๆและอันเดอร์แวร์ไว้ประดับร่างของคนที่ตัวเล็กกว่า คณิตค่อยๆใช้ฝ่ามือที่ร้อนผ่าวของตนลูบไล้ไปตามผิวกายละเอียดตั้งแต่แผ่นอกไปจนถึงปลายเท้าโดยในทุกๆที่มือของเขาไล่ไปเหมือนกับว่าอุณหภูมิของมันสูงขึ้นกว่าเดิมจนน่าขัน เด็กหนุ่มที่ถึงแม้จะแทบมองอะไรไม่เห็นขมวดคิ้วไม่พอใจเสียงหัวเราะนั้น

 

 

“ป๋าขำอะไร”

 

 

“ขำเด็กดื้อ”

 

 

“ใครดื้อหรอ?”

 

 

“หึ เธอนั่นแหละที่ดื้อ”

 

 

“ไม่ดื้อนะ...ปูนไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย”

 

 

“ไม่ดีสิ...ไม่ดีมากๆเลย”

 

 

ร่างเล็กงอแงแต่ก็ยอมเอนหัวรับสัมผัสที่ซอกคอซึ่งคณิตกำลังบรรจงมอบมันให้กับตนแต่โดยดี ลมหายใจของปูนเริ่มติดขัดเมื่อความเสียดทานจากเบื้องล่างเหมือนกับมีใครจับผีเสื้อเป็นร้อยเป็นพันตัวมาใส่ไว้ในตัวของเขา เสียงเรียกขานชื่อของคนที่กำลังครอบครองตัวเขาไว้ดังระงมเช่นเดียวกับความเหนอะหนะที่คอยบรรเทาความเจ็บช้ำให้กลายเป็นความรู้สึกดีได้อย่างร้ายกาจ ปูนร้องขอความทรมานนี้จากคณิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่คนตัวโตก็คอยป้อนมันไปอยู่ไม่ขาด ร่างสูงดันอาภรณ์สีขาวของปูนขึ้นไปจนเผยให้เห็นแผ่นอกและยอดอกสีกุหลาบที่เชิญชวนให้เหล่าภุมราบินไปชิมรสหวานจากมันอย่างไม่ได้สติ

 

 

“อื้ออออ ป๋า ฮึก เจ็บ”

 

 

“เรียกพี่นิดสิ อ่าาาา เรียกสิปูน”

 

 

“พี่นิด อึก พี่นิด...”

 

 

ปูนเอื้อมแขนไปกอดรัดคนที่กำลังฉุดเขาลงนรกและพาเขาโบยบินไปยังสรวงสรรค์ในเวลาเดียวกัน หูตาของเด็กหนุ่มพร่าเลือน เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากชื่อของตนที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้า เขาไม่เห็นอะไรอีกนอกเสียจากแววตาที่สะท้อนเงาของตัวเองอยู่ในนั้น ปูนมองมัน...ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงราวกับต้องการที่จะซึมซับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดออกมาจากกายของชายคนนี้ทั้งตัวตนที่แทรกเข้าออก จุมพิตที่แสนเร้าร้อนและฝ่ามือที่คอยลูบไปตามแผ่นหลังจากปลอบโยนจวบจนสัมผัสสุดท้ายที่ความเป็นคณิตหลั่งรินเข้าไปด้านในพร้อมกับของเหลวสีน้ำนมและเสียงพร่ำเพ้อของปูนที่เรียกหาแต่คณิตซ้ำไปซ้ำมา

 

 

“พี่นิด อ่าาา พี่นิด”

 

 

“อืม เสร็จแล้วๆ นอนซะนะ”

 

 

ดวงตาของปูนค่อยๆปิดลงทันทีที่คนข้างกายบอกกับเขาแบบนั้น ลมหายใจหอบถี่ไม่เป็นจังหวะค่อยๆแผ่วลงจนมันคงที่สวนทางกับหัวใจที่ยังคงเต้นรัวอยู่ในอกแม้นิทราจะเข้ามาใกล้เขามากขึ้นทุกที

 

 

“ป๋า...”

 

 

“ให้ตายสิ ทำไมถึงชอบเรียกแบบนี้นักหนานะ”

 

 

ถึงปากว่ากล่าวแต่คณิตกลับยกยิ้มขณะที่มองไปยังคนตัวเล็กที่สิ้นฤทธิ์อยู่ในอ้อมกอดของเขา

 

 

“ป๋า...”

 

 

“หื้ม? ว่าไง?”

 

 

“ปูนเป็นเด็กไม่ดีจริงๆหรอ”

 

 

“...”

 

 

“ปูน...ดีไม่พอหรอ”

 

 

คณิตไม่รู้ว่าปูนกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ถามเขาออกมาแบบนั้น แต่เขาก็ไม่อาจทวงถามได้เพราะหลังจากนั้นไม่นานเด็กหนุ่มก็ค่อยๆหลับไปพร้อมกับแพขนตาที่เปียกชุ่ม ร่างสูงใช้มือที่ยังคงมีความอบอุ่นจากร่างกายของปูนหลงเหลือไว้อยู่ปาดหยดน้ำตานั้นออกไปแล้วคิดไปถึงความแข็งกระด้างที่เจ้าตัวพยายามแสดงออกมาเพื่อปกปิดความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ข้างใน

 

 

“ดีสิ...เธอเป็นเด็กดีนะปูน”

 

 

“...”

 

 

“อย่างน้อย...ก็สำหรับฉัน”

 

 

 

ชายหนุ่มพูดมันออกมาแม้ว่าคนข้างกายจะไม่ได้ยินมัน เขาเอื้อมมือไปปิดโคมไฟจากตรงหัวเตียงที่ตั้งอยู่ใกล้ๆก่อนจะแทรกกายลงนอนเคียงข้างกับปูนที่ขยับเข้าหาความอบอุ่นทันทีแม้ว่าจะไม่รู้ตัวก็ตาม

 

 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

มาแล้วคับบบบบบบบ สั้นไปบ้างแต่น่าจะชอบใจกันเนอะ ตอนนี้น้องอ้อนมากกกกกกก  :-[ เขียนไปก๊าวใจไป อยากจะลอบฆ่าป๋าแล้วฉกน้องมาเอ็นดูที่บ้านจริงๆ  :katai1:  :hao7: แต่งนิยายเรื่องนี้เป็นการบริหารหัวใจอย่างร้ายกาจ!

เช่เปิดเทอมแล้วนะคับ! เทอมนี้เรียนหนักมากกกกกกกก  :z3: ก่อนที่จะเก็บอีกซัมเมอร์แล้วก็ออกฝึกงานแล้วก็เรียนจบไปเลย 55555 ชีวิตเช่เลยออกวุ่นวายมากหน่อย แต่จะพยายามมาอัพไม่ขาดนะคับ ช้าบ้างอะไรบ้างก็ขอโทษด้วย เช่เป็นคนแต่งช้านะ คือถ้าไม่มีฟิลมันแต่งไม่ได้ เห็นตอนสั้นๆบางทีก็ดองอยู่หลายวันเพราะแก้หลายรอบ ขอประทานโทษด้วยนะคับ  :m15:

ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลยนะคับ อ่านไปปลื้มใจไปเพราะตอนแรกกลัวคนติดภาพน้องจากเรื่องพี่กาล แต่ตอนนี้คนเอ็นดูน้องเยอะมากกกกกกก ดีใจจริงๆ^^ จะพาน้องมาอ้อนแม่ยกใหม่เร็วๆนี้นะคับ  :call:

ป.ล.ล. หนังสือพี่กาลเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวนะคับ อย่าลืมไปจับจองและโอนเงินกันนะคับ :mew1:


 

 

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #10][311258]
«ตอบ #87 เมื่อ04-01-2016 18:53:25 »

นึกว่าพี่กาล เห้อ!! โล่งอกไป(แค่ตอนนี้) เพราะต่อไปต้องมีเหตุฉนวนอะไรอีกแน่ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะปิ๊งปั้งกันนะป๋าปูน

Happy new year 2016
มีความสุขมากๆ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา ปีใหม่ทั้งทีก็ขอให้มีแต่สิ่งดีๆไหลมาเทมา


ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคับ  :mew1:



เราว่าพลัสแลดูน่ากลัวกว่ากาลอีก

ว่าแต่พลัสนี่ชอบปูนหรอ  :hao6:

พลัสชอบปูนไหม...อันนี้ต้องติดตามนะคับ หึหึ...


ชอบหนูพลัส. หนูอย่าร้ายนะลูก

แคะร้ายๆน่ารักนะคับ ต้องส่งพี่บอยไปปราบ!

:katai1:
ไม่ชอบพลัสเลยตอนนี้ คุณคณิตด้วย

ตอนใหม่คงไม่โกรธป๋าแล้วนะคับ^^


:pig4:

 :mew1: :mew1:


โหยคณิตใจร้ายฟังแล้วเจ็บแทนปูนเลย

สุขสันต์ปีใหม่เช่นกันนะคะะะะะ

สุขสันต์ปีใหม่คับบบบบ


ติดตามครับ


ขอบคุณคับบบบบ


555+เดี๋ยวโดนดี หรอกปูน

โดนจัดหนักไปแล้วคับ  :hao6:


ป๋าพูดแบบนี้ได้ไง ใจร้าย
พลัสแอบมองปูนบ่อยๆ นี่คิดไรป่ะเนี่ย ชอบปูนอ่ะดิ่ คริคริ

เลสเบี้ยนแน่ๆงานนี้  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2016 18:58:47 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #88 เมื่อ04-01-2016 21:19:35 »

ถ้าความอ่อนโยนที่ป๋าให้ปูนมันเปลี่ยนไปเป็นความรักบ้างก็คงจะดี แอบคิดเหมือนกันว่าอยากให้ปูนเจอกาลแคลียร์กันไปให้จบๆน้องจะได้เริ่มต้นใหม่ไม่ใช่ใช้ร่างกทยซื้อเวลาไปแบบนี้


ตั้งใจเรียนนะคะเช่ :z13:  มาจิ้มตูดที

ออฟไลน์ cho-ningza-19891

  • สติไม่ค่อยมี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #89 เมื่อ04-01-2016 23:40:38 »

ปูนน่ารักเกินไปแล้ว :-[ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด