เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ  (อ่าน 118940 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โหยยยย ลุ้นมากกกกก :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ลุ้นแทบแย่ อย่างน้อยตัวประกัน2คนก็ปลอดภัย
แต่เมืองแมน กับที่เหลือน่ะส T^T

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ไม่รู้จะเห็นใจบ๋อมหรือว่าอะไรดี เพราะจากการกระทำแล้วมันทำให้รู้สึกแย่  o7 o7

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง

- 35 -

เดินทางไกล [4] : หวังผลดีที่สุดจากสิ่งที่มีอยู่ในมือ





      “จุดสองจากจุดหนึ่ง ว 1 ที่ใดเปลี่ยน”  หลังจากพาทีมมาถึงทางเข้าหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย ภูมิรพีเรียกตรวจสถานการณ์ความพร้อมของทุกจุดผ่านวิทยุสื่อสาร

      “จุดสองซุ่มดูสถานการณ์ห่างจากทวารยี่สิบเมตร แมวสามตัว ขอ ว 0 เปลี่ยน”

      “ว 00 คอยก่อน เตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติการได้ทันทีเปลี่ยน”

      “ทราบ”

      “จุดสี่จากจุดหนึ่ง ว 1 ที่ใด”

      “จุดสี่เพิ่งถึงทวาร เป้าหมาย 3 แต่ท่าทางน่าจะเป็นทหารรับจ้างมากกว่าชาวบ้านธรรมดา ขอ ว 0 ด้วยเปลี่ยน”

      “ว 00 ว 36 เตรียมพร้อมเต็มอัตราเปลี่ยน”

      “ทราบ” 

      “จุดสาม ว 1 ที่ใดแจ้งพิกัดเปลี่ยน”

      “.......”

      “จุดสาม ว 2 ว 1 เปลี่ยน”  ภูมิรพีกรอกเสียงเข้มในวิทยุอีกครั้ง แต่อีกฝั่งยังเงียบชายหนุ่มคิ้วขมวดมุ่นด้วยความกังวลที่ไร้การตอบรับจากกรณ์

      “จุดสาม ว 2 ว 1 เปลี่ยน”

      “จุดหนึ่งจากจุดสาม” พี่กรณ์ตอบกลับมาด้วยเสียงเหนื่อยหอบ “เกิดเหตุปะทะห่างจากทวารห้าเมตรเปลี่ยน”

      “ขอทราบ ว 49 เปลี่ยน”

      “เชือดกระต่ายไปสองตัวฝ่ายเราไร้รอยขีดข่วน เบิกทวารเรียบร้อย กำลัง ว 25 ที่ฐานถัดไปเปลี่ยน”

      “ทราบ ดูให้แน่ใจถ้าไม่มีแมวหลงย้ายฐานล่วงหน้าไปก่อนเลยถึงจุดนัดหมายแล้ว ว 00 เปลี่ยน”

      “จุดสอง จุดสี่ เคลียร์พื้นที่อีกสิบห้านาทีเจอกันที่ฐานสอง Go Go…”   

      ภูมิรพีสั่งปฏิบัติการทันทีเมื่อทุกจุดพร้อม  ทีมของภูมิรพีลุกคืบอย่างระแวดระวังเหลือ ระยะทางห่างจากปากทางเข้าไม่ถึงสิบเมตร ชายหนุ่มทำสัญญาณมือให้หยุดซุ่มรอดูสถานการณ์

       หน้าปากทางเข้าเป็นป้อมยามที่ปลูกสร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงหญ้าแฝก บริเวณแคร่หน้าป้อมมีคนเฝ้าอยู่สามคน จากสภาพของแต่ละคนคิดว่าพวกมันคงตั้งวงก๊งเหล้ากันมานานพอสมควร เพราะหมอบกระแตไปแล้วหนึ่งคน ห่างไปเล็กน้อยยังมีอีกหนึ่งนั่งซดเหล้า ส่วนอีกคนยืนสูบบุหรี่พร้อมกับยิงกระต่ายห่างออกไปสิบก้าว 

      ภูมิรพี เด็ดขาด และบอดี้การ์ดอีกคน ทำหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ในขณะที่ห่างออกไป 5 เมตร คณิตและบอดี้การ์ดอีก 6 คน กระจายกำลังทำหน้าที่คอยระวังหลัง ทั้งสามรุกคืบเข้าสู่เป้าหมายจากด้านหลังป้อมอย่างรวดเร็วและเงียบกริบ เงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวภายในกระท่อม สายตาระแวดระวังกวาดมองรอบๆ บริเวณเพราะเกรงว่าจะมีการเพาะกับระเบิด จนมั่นใจว่ามีแค่สามคนที่เฝ้ายาม บอดี้การ์ดรุกเข้าไปจนชิดกระท่อมเงี่ยหูฟัง มือแหวกผนังหญ้าแห้งดูเพื่อความมั่นใจ เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในกระท่อมจึงทำสัญญาณมือว่าปลอดภัย

      ภูมิรพีรุกเข้าชาร์จไอ้คนที่นั่งซดเหล้าอยู่บนแคร่จากด้านหลังอย่างรวดเร็ว มันดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุม มีดสนามที่ถืออยู่ในมือถูกใช้เป็นเครื่องมือสังหารปาดฉับเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่คอขาดเลือดไหลทะลักส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ร่างของมันถูกปล่อยให้ทรุดลงกับพื้นอย่างไม่สนใจ มันชักกระตุกสองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป

      จังหวะนั้นไอ้คนที่นอนหลับรู้สึกตัวตื่นงัวเงีย ตามันเบิกโพลงด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนถูกสังหาร มือชักปืนจากเอวมาขึ้นนกกำลังจะยิงภูมิรพีจากด้านหลัง แต่ก็ช้ากว่าคณิตที่เป่าหน้าผากมันด้วยปืนออโตเมติกเก็บเสียงหงายหลังตึงตกจากแคร่วิญญาณหลุดลอยตามเพื่อนมันไปอีกคน

       ภูมิรพียกมือทำท่าวันทยหัตถ์ขอบคุณ ป้ายมีดที่เปื้อนเลือดกับเสื้อของมันก่อนจะเก็บเข้าซองที่เหน็บอยู่เข็มขัดเหมือนเดิม

       เสียงตึงตังทำให้ไอ้คนที่ยืนยิงกระต่ายหันกับมาอย่างรวดเร็ววิ่งถลาจะเข้าโรมรันภูมิรพี แต่ก็ยังช้าไปกว่าเด็ดขาดที่รอจังหวะเข้าชาร์จตัวมันจากข้างหลังแน่น มีดสนามตัดเส้นใหญ่ตรงคอหอยขาดเลือดพุ่งทะลัก ส่งวิญญาณหลุดจากร่างตามเพื่อนสองคนของมันไป ร่างไร้ชีวิตของมันถูกลากเข้าซุกหลังต้นไม้ใหญ่ ทีมซัพพอร์ทเข้าเคลียร์พื้นที่ให้สะอาดเอี่ยมอ่องราวกับเมื่อสองสามนาทีที่แล้วไม่มีการสังหารโหดที่นี่

      - เคลียร์ -

      การกระชับพื้นที่เริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากที่การเปิดทวารเรียบร้อยทุกจุด ระยะทางจากทางเข้าถึงอาคารรอบนอกประมาณ 400 เมตรเต็มไปด้วยดงกล้วยป่าและต้นไม้อื่นๆ แซมประปราย การรุกคืบเข้าสู่พื้นที่ส่วนนี้ทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าเดิมจะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะพวกมันเพาะกับระเบิดไว้รอบค่าย

       ทั้งหมดรุกคืบต่อไปจนถึงกลุ่มอาคารชั้นนอกทุกหลังเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ ภูมิรพีทำสัญญาณมือให้หยุดซุ่มรอดูสถานการณ์ ทีมซัพพอร์ทเข้าตรวจค้นอาคารแต่ละหลัง สามนาทีต่อมาทีมซัพพอร์ททำสัญญาณมือว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในละแวกนี้ การแทรกซึมรุกคืบดำเนินต่อไปอย่างระแวดระวัง

       สิบนาทีต่อมาทีมสามารถรุกคืบมาจนถึงหมู่อาคารชั้นสองของหมู่บ้านซึ่งตัวอาคารปลูกสร้างด้วยอิฐบล็อกถือปูน มีการวางเวรยามแน่นหนา ภูมิรพีทำสัญญามือให้หยุดซุ่มห่างจากหมู่อาคารห้าสิบเมตร ทุกคนกระจายเข้าหาที่กำบัง

      ชายหนุ่มยกกล้องทางไกลแบบตาเดียวที่สั่งทำพิเศษสามารถมองเห็นแม้ในที่มืดจับตามองไปที่หมู่อาคารชั้นสอง เขาสามารถเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้อย่างชัดเจน ทั้งจุดสังเกตการณ์ จุดซุ่มโจมตี

      “เอ๊ะ! พวกมัน...” 

       ภูมิรพีสังเกตเห็นว่าอาคารหลังหนึ่งมียามรักษาการณ์อย่างแน่นหนา คนซุ่มยิงมีลักษณะท่าทางแตกต่างจากพวกที่เฝ้าประตูทางเข้า ผนวกกับปืนไรเฟิล G36C ที่พวกมันใช้ทำให้ดูเหมือนทหารรับจ้างมากกว่ายามทั่วๆ ไป

      “พี่ณิตดูอยู่รึเปล่า”  ภูมิรพีถามโดยไม่ได้ละสายตาออกจากกล้อง

      “ชัดเจนเลยล่ะ  ขนาดมีทหารรับจ้างได้นี่กูว่ามันไม่ธรรมดาแล้ว”  คณิตตอบทั้งที่ตากำลังเล็งผ่านกล้องเล็งกำลังขยายสูงที่ติดตั้งบนปืนไรเฟิลซุ่มยิงแบบโบลท์แอคชั่นเก็บเสียงช่วยให้เขาเห็นรอบๆ บริเวณได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

      “ยาม 2 คนที่ประตูทางเข้าอาคาร  และสิบห้านาฬิกาอีก 2 คน ดูเหมือนจะมีอีก 4 คน รอซุ่มยิงบนหลังคา 4 แห่งฝั่งตรงข้าม เป็นไปได้ว่ามันคงเก็บของสำคัญไว้ในอาคารนี่แน่ถึงคุ้มกันซะหนาแน่นแบบนี้ เอาไงว่ะบุกเลยไหม”  คณิตกล่าวเสริม

      “เราไม่รู้จำนวนพวกมัน ข้างในนั่นจะมีอีกกี่คนก็ไม่รู้ มันเสี่ยงเกินไปที่เราจะบุกเข้าไป”  ภูมิรพีให้เหตุผลด้วยหน้าเครียดๆ

      “บึ้มแมร่งเลยไหมทีเดียวราบเป็นหน้ากอง”

      “บึ้มแน่แต่รอเคลียร์ของออกไปก่อน” 

       ภูมิรพีหันไปสบตาเด็ดขาดซึ่งฝ่ายนั้นก็พยักหน้าโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอะไร เด็ดขาดหยิบปืนไรเฟิลที่ติดตั้งกล้องช่วยเล็งระยะกลางที่มีศูนย์เล็งเล็กๆ ติดอยู่บนกล้องสำหรับการยิงระยะใกล้ และแท่งกริปใต้ลำกล้องเพื่อลดแรงถีบ มือใหญ่ค่อยๆ ขยับเลนส์กล้องให้เหมาะกับสายตา พร้อมกับเล็งไปที่หน่วยซุ่มยิงบนหลังคา

       คณิตมองท่าทางของเด็ดขาดที่ต่างไปจากทุกครั้งราวกับภาพวาดของมัจจุราชคร่าชีวิตก็ไม่ปาน  เสียงปืนดังขึ้นเบาๆ สี่ครั้งในเวลาไม่ถึงนาที คณิตหันไปมองที่หลังคาทันได้เห็นเป้านิ่งของเด็ดขาดร่วงไม่เป็นท่า เจ้าตัวยกยิ้มเย็นพอใจกับผลงานของตัวเอง แมร่งเลือดเย็นทั้งลูกพี่ลูกน้องจริงๆ

      “สิงห์ที่เหลือกูขอนะเว้ย ไม่ได้เปรี้ยวแบบนี้มานานขอสักทีเหอะวะ”

      “ผมยกให้พี่เลยสิบห้านาฬิกา”

      “สามนาทีห้ามใช้ปืนนะโว้ยพี่”

      “นกกระจอกไม่ทันกินน้ำกูขอบอก  เดิมพันเหมือนเดิม?”

      “ขอคิดดูก่อน”

      “มั่นใจเหลือเกินนะมึง” 

       ภูมิรพีไม่ได้โต้ตอบยกยิ้มร้ายมุมปากพร้อมยักคิ้วให้  คณิตจิ๊ปากด้วยความหมั่นไส้แกมนับถือไอ้น้องนอกไส้นี่เป็นที่สุดแต่ทำอะไรมันไม่ได้ เด็ดขาดและบอดี้การ์ดอีกคนทำหน้าที่ซุ่มยิงคุ้มกัน ไม่ถึงหนึ่งนาทีทั้งคู่วิ่งหลบหลีกตามเงามืดเข้าไปจนถึงจุดซุ่มสังหารที่ใกล้เหยื่อที่สุด

      “เฮ้ย!! มึงเป็นใครวะ เข้ามะ...”

      - ปึก -

      - อั๊กกก...อึก -

      ภูมิรพีหันขวับไปมองหลังพร้อมกับมีดสั้นที่ดึงขึ้นมาจากรองเท้าบูธถูกขว้างออกไปชั่วพริบตาปักกลางหน้าผากยามที่มาใหม่แม่นราวกับจับวาง มันหงายหลังล้มตึงตาเหลือกลานชักกระตุกสองสามครั้งแล้วก็แน่นิ่งไป 

       ยามอีกคนมันคงจะได้ยินเสียงร้องของเพื่อนวิ่งตึกตักมาทางเขา ชายหนุ่มดึงมีดสนามออกจากฝักแล้วพุ่งเข้าชาร์จมัน มีดในมือจ้วงแทงที่คอหอยจนมันแน่นิ่ง เลือดค่อยๆ หยดลงที่ละน้อย เขาวางศพลง เป็นจังหวะเดียวกับที่เด็ดขาดลั่นไกสังหารอีกคนที่มันเงื้อมีดสนามสุดปลายมือเตรียมสังหารเขาจากข้างหลัง กระสุนพุ่งทะลุกะโหลกพร้อมกับเศษสมองสีแดงสดบางส่วนกระเด็นถูกหน้าเขาอย่างจัง ภูมิรพีสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่ค่อยๆ แผ่วลงของมันจนดับไป 

      “แทงข้างหลังเหรอวะ ไม่แมนเลยเพื่อน”

       ชายหนุ่มกล่าวเสียงติดตลก ก่อนจะลากร่างไร้วิญญาณของมันเข้าไปหลบมุมมืดข้างอาคารสมทบกับศพแรก แล้วกลับไปลากอีกศพให้พ้นจากระยะสายตา ก่อนที่จะเลาะไปตามกำแพงไปจนถึงประตูทางเข้าซึ่งถูกคล้องด้วยกุญแจแน่นหนา กำลังจะหาทางไขประตูก็พอดีกับที่คณิตตามเข้ามาสมทบพร้อมชูพวงกุญแจในมือหรายกยิ้มอย่างผู้ชนะ

      “ก็ได้ ก็ได้ ยกนี้ให้พี่ก็แล้วกัน”

       ภูมิรพีผ่ายมือเชื้อเชิญอย่างล้อเลียน  คณิตไหวไหล่จัดการไขกุญแจอย่างรวดเร็ว มือหนาค่อยดึงแง้มประตูเปิดออกอย่างระแวดระวัง คนพี่ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปดูตาคมกล้าสอดส่ายมองจนทั่วจนแน่ใจว่าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต ทั้งคู่แทรกตัวเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว เบื้องหน้าเต็มไปด้วยลังไม้ที่วางซ้อนกันเรียงเป็นตับเกือบตลอดแนวผนังห้อง เหลือพื้นที่ตรงกลางเป็นทางเดิน 

       ความฉงนสงสัยระบายอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ ภูมิรพีถลาไปยังลังใบหนึ่งที่เปิดฝาแง้มไว้ สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในลังคืออาวุธปืน M16 และ  M4A1 ควบ M203 เขาลองใช้ชะแลงที่วางอยู่บนฝาลังไปงัดลังที่อยู่ข้างๆ กัน เป็นไปตามคาดข้างในเป็นไม่ต่างจากลังไปแรก ชายหนุ่มกระแทกเท้าใส่ลังไม้อย่างแรงด้วยความโมโห

      “เชี๊ย!!”

      “สัตว์เอ๊ย!! นี่แมร่งทั้งกัญชาอัดแท่ง ทั้ง Thai Stick (กัญชาด้ายแดง) เตรียมส่งทั้งนั้นนี่หว่า กี่ตันกันล่ะวะนี่”  หลังจากที่ใช้ชะแลงงัดฝาลังเปิดออก คณิตต้องสบถดังลั่นตะลึงกับของที่อยู่ในลัง ถ้ามันหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศนับว่าเป็นภัยอย่างใหญ่หลวง จะมีอีกกี่คนที่เป็นทาสของมัน

      “นี่ก็ไม่ต่างอาวุธสงคราม แมร่งชั่วเต็มรูปแบบจริงๆ”

      “แล้วเอาไง”

      “กลับจุดซุ่มก่อน คงจะปล่อยไม่ได้แล้วแบบนี้แมร่งบ่อนทำลายชาติ บึ้มแมร่งทีเดียวหลังจากเราจัดการแมวตัวนั้นเรียบร้อย”

      “แบบนั้นก็ดี ออกไปก่อนมันจะแห่กันมาดีกว่า”  แล้วทั้งคู่จัดการเก็บกวาดพื้นที่ให้เหมือนก่อนที่พวกเขาจะเข้ามา เสร็จแล้วจึงย่องเงียบกลับไปยังจุดซุ่มเหมือนเดิม

      “จุดหนึ่ง เจองานช้างอาวุธสงครามกับกัญชารอลำเลียงเพียบเปลี่ยน”  ภูมิรพีกรอกเสียงผ่านวิทยุสื่อสารรายงานสถานการณ์ให้จุดอื่นๆ รู้

      “จุดสามเป็นโรงนอนคนงาน แต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แมวสักตัวอยู่ในโรงนอนว่ะเปลี่ยน”  พี่กรณ์รายงานสถานการณ์ฝั่งตัวเองบ้าง

      “จุดสองก็เป็นโรงนอนเหมือนกันว่ะ แมวสักตัวก็.. อ๊ะ อ๊ะ! เดี๋ยวว่ะ หลังที่สามมีแมวโผล่มาแล้วตัวนึง คงมีของสำคัญสิน้าถึงมีคนเฝ้า อืมมีความน่าจะเป็นสูงมากถ้าฝั่งนั้นจะเป็นคลังอาวุธ งั้นนี้ก็จะต้องเป็นที่ซุกของกลาง ดูจากระยะทางจากตรงนี้แค่สองบล็อกก็เข้าถึงอาคารใหญ่ได้ง่ายเปลี่ยน”

      “จุดสองจากจุดหนึ่ง ตรวจให้แน่ใจนะเฮียผมไม่อยากพลาดเปลี่ยน”  ภูมิรพีกรอกเสียงตอบจริงจัง

      “ตามสั่งวะไอ้น้อง ถ้าเจออะไรจะประกาศให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งของดใช้วิทยุชั่วคราวเปลี่ยน”

      “จุดหนึ่งจากจุดสี่พี่เจอตอว่ะสิงห์ แมร่งผู้หญิงเด็กรอส่งต่อสักสิบคน ขอ ว 0 เปลี่ยน” เสียงเข้มกังวลของพี่เอ็กซ์ดังมาในวิทยุขอคำสั่งสำหรับปฏิบัติการที่แน่ชัด

      “จุดสี่จากจุดหนึ่ง ขโมยชีสมันให้เงียบที่สุดเปลี่ยน”

      “จัดให้ตามนั้นเปลี่ยน”

      “จุดสี่จากจุดสาม ระวังด้วยนะเว้ย อย่าทำอะไรเกินตัวกูเป็นห่วงเปลี่ยน”  พี่กรณ์บอกคู่หูด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจริงใจ

      “รู้แล้วน่าห่า มึงไปรอกูที่ฐานหน้าเลยไป๊เปลี่ยน”

      “จุดสามจากจุดหนึ่งเชิญย้ายไปรอที่ฐานหน้าเถอะว่ะพี่ พวกผมต้องใช้สมาธิในการขโมยของแถวนี้ก่อนเดี๋ยวจะตามไปเปลี่ยน”  ภูมิรพีสั่งเสียงทีเล่นทีจริง

      “เออ อย่าเพิ่งเล่นกันเสียงดังนะเว้ยมันจะรบกวนคนอื่นเขาเปลี่ยน”  พี่กรณ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงเช่นกัน ซึ่งภูมิรพีก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ

      “พูดมากน่ารีบๆ ไปไป๊รบกวนสมาธิว่ะพี่เปลี่ยน”

      “จุดสี่จากจุดสามระวังตัวด้วย เจอกันที่ฐานหน้าอย่าช้านะเว้ยเปลี่ยน”

      “เออแมร่ง สั่งจัง”  พี่เอ๊กซ์กระแทกเสียงที่ระบุแน่ชัดไม่ได้ว่าหงุดหงิด ดีใจ อุ่นใจมาในวิทยุ ภูมิรพีได้ยินก็ได้แต่ส่ายหัวกับคนทั้งคู่

      เสียงร้องรำทำเพลง เสียงพูดคุยโห่ร้องด้วยความสนุกสนามดังแว่วตามลมมาจากกลางหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง คาดเดาว่าพวกมันคงจะฉลองชัยรอรับการมาของพวกเขาเป็นแน่แท้ ภูมิรพีทำหน้าที่ซุ่มยิง ระหว่างรอให้บอดี้การ์ดจัดการวางระเบิดคลังเก็บสินค้า

      เมื่อรอดูจนแน่ใจว่ากับดักที่วางไว้เรียบร้อยไม่มีจุดบกพร่อง ชายหนุ่มนำทีมรุกคืบต่อไปจนเกือบถึงจุดรวมพลของพวกมัน เสียงดนตรี เสียงร้องรำทำเพลง รวมทั้งเสียงพูดคุยดังขึ้นกว่าเดิม มึงสนุกกันให้เต็มที่ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวมึงเจอกูไต่ชินหยาง..ภูมิรพีฝากบอกไปกับลมเสียงแผ่วเบาระหว่างทำสัญญาณมือให้ทีมหาที่กำบังซุ่มรอดูเหตุการณ์

      “ไหนๆ ก็มาบ้านเขาแล้วจะไม่มีอะไรติดมือมาฝากเจ้าของบ้านเลยก็กระไร ให้ทุกจุดวางระเบิดรอบอาคารชั้นในโดยเฉพาะทางเข้าออกสำคัญ เสร็จแล้วรายงานผลจะได้ดำเนินการตามแผนต่อไป ยี่สิบนาทีปฏิบัติ!!”

      “รับปฏิบัติ” 

      หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไปทุกจุดรายงานเข้ามาว่าได้วางระเบิดรอบอาคารตลอดจนทางเข้าออกที่สำคัญเรียบร้อยแล้ว ภูมิรพีจึงแจ้งแผนต่อไป

      “ทุกจุดจากจุดหนึ่ง ว 00 รหัส ‘Eye of the tiger’ เปลี่ยน”

      “รับปฏิบัติ”

       เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่เหมาะพวกมันมีจำนวนมากกว่าและกำลังหึกเฮิม ภูมิรพีจึงแจ้งรหัสหมอบเฝ้ารอเวลาให้มันเล่นจนเหนื่อยเต็มที่แล้วค่อยงับเหยื่อตอนนั้นก็ยังไม่สาย สามารถจำกัดการรบให้อยู่ในแต่พวกเราได้

       ภูมิประเทศนี้พวกมันได้เปรียบหากพวกเขาบุ่มบ่ามเข้าไปอาจทำให้เกิดการตอบโต้รุนแรงจนเกินต้านทานได้  ประเด็นสำคัญคือรอเวลาแมวพวกนั้นหลงระเริงสนุกให้เต็มที่จนอยู่ในสภาพที่ประมาทและเหนื่อยอ่อน ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี พวกมันไม่รู้ว่าโง่แค่ไหนที่เลี้ยงฉลองทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นเส้นชัย

.

.

.

.

.

.

.








- มีต่อ -


ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

เก้าชั่วโมงก่อนหน้า

      “อืม..หอมจริง” 

       ไต่ชินหยางโน้มหน้าลงไปซุกไซร้จมูกตามซอกคอของน้ำนิ่ง มือลูบไล้จนเสื้อกล้ามร่นขึ้นมากองบนหน้าอกบาง ปากเรียวผละจากซอกคอก้มลงไล้เลียยอดอกบางอย่างหลงใหลแผ่วเบาก่อนจะผละตัวออก 

      “ดูผิวนี่สิเรียบนุ่มให้ความรู้สึกดีจริงๆ เวลาสัมผัส ฉันแทบจะอดใจไม่ได้เลยอ๊า...”  แววตาที่บ่งบอกถึงความต้องการ ท่าทางหลงใหลได้ปลื้มแบบนั้น ทำให้บ๋อมตาลุกวาบด้วยความริษยาและชิงชัง ทั้งๆ ที่เขารักคนตรงหน้าแทบบ้า แต่ไม่มีสักครั้งที่จะได้รับแววตาท่าทางแบบนั้นจากพี่โอ๋ ทำไมต้องน้ำนิ่งตลอด...

       ‘น่าเสียดายถ้าท่านนายพลชอบแบบเด็กนี้ก็ดีสิ คงจะเรียกร้องอะไรได้มากกว่านี้ แต่ว่าเด็กนี่สวยจริงๆ ถ้าจัดประมูลกับพวกเศรษฐีคงได้มากโข..’   ไต่ซินหยางพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา มือลูบไล้ไปตามโครงหน้าริมฝีปากนุ่มของน้ำนิ่งที่สลบไสลไม่รู้สึกตัวอย่างนุ่มนวล  “แต่ไม่เป็นไรฉันมีแผนสำรองสำหรับเธอนะหนุ่มน้อย”

      “ค คุณจะทำอะไร...ยะ อย่าทำ...” 

      “ทำไมฉันจะทำไม่ได้ พวกมันยังทำกับคนรักฉันก่อน” 

       คำว่าคนรักที่หลุดออกจากปากของพี่โอ๋ทำให้บ๋อมเจ็บร้าวทั้งใจ เขาพยายามแค่ไหนก็ไม่เคยมีตัวตนในสายตาของคนตรงหน้าเลย  แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสมองไปอีกทางข่มกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอให้มันไหลกลับลงไปสู่ก้นบึ้งของหัวใจ เป็นนานกว่าจะมีเสียงหลุดออกจากปากบ๋อม

      “ไหนคุณรับปากว่าจะไม่ทำอะไรน้ำนิ่ง”

      “ฉันพูดอย่างนั้นเหรอ เพื่อนเธอนี่มัน...แค่มองยัง...”  ไต่ชินหยางหันกลับไปมองน้ำนิ่งด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่แวบหนึ่งที่บ๋อมสัมผัสได้คือความทะยานอยาก  “แต่รู้อะไรไหมตอนนี้ฉันหวังผลดีที่สุดจากสิ่งที่มีอยู่ในมือ”

       “แค่ผมไม่ได้เหรอ ผมรักคุณมากนะ คุณก็รู้ผมยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการได้ทั้งนั้น ให้ผมเป็นอะไรก็ได้แต่อย่ายุ่งกับน้ำนิ่ง ผมขอร้อง...ไม่รักผมก็ได้แค่ให้ผมได้อยู่ข้างๆ คุณนะ” 

       บ๋อมร้องขออย่างสิ้นศักดิ์ศรี ไม่ได้เพื่อน้ำนิ่งแต่เพื่อให้ตัวเองจะได้มีที่ยืนข้างๆ คนๆ นี้ เขารู้ดีถ้าวันใดที่ถูกเขี่ยทิ้งเขาคงไม่พ้นมีชีวิตดำมืดในซ่องที่ไหนสักแห่ง คนเรามีความเห็นแก่ตัวกันทุกคน และมักจะใช้ประโยชน์จากคนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ปรารถนาเสมอ

      “เธอมีสิทธิ์ร้องขอ..!??” 

       แววตาที่เต็มไปด้วยความสมเพชกับน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก ทำให้บ๋อมอับอายจนหน้าชา ริมฝีปากสั่นระริกอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก  กี่ครั้งที่ถูกพูดใส่หน้าแต่ก็ไม่เคยจำ ทำไมต้องบีบให้เขาจนตรอกต้องพูดเพื่อให้ตัวเองได้มีที่ยืน

       “คุณมันพวกวิปริต เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเอาน้ำนิ่งให้ได้ คุณก็บีบให้ผมต้องทำแบบนี้เอง ผมรู้ว่าคุณทำอะไรไว้บ้างก่อนที่จะได้ขึ้นมาจนถึงจุดนี้ คุณฆ่าเจ้าสัวไต่หย่งผู่ วิ่งล๊อบบี้ให้ตัวเองได้เป็นนายใหญ่ แล้วเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายทุกอย่างของคุณ ผมจะบอกไต่ก๋ง ถ้าผมเป็นอะไรไปก็ไม่ต้องห่วงนะแผ่นดิสก์รวมถึงหลักฐานอื่นๆ ผมส่งให้คนที่ผมไว้ใจแล้ว ผมตะ...”

      - เพี๊ย -

      “หยุด!!!” 

       ฝ่ามือแกร่งฟาดเปรี้ยงจนหน้าบ๋อมหันตามแรงเหวี่ยง เสียงตวาดก้อง คนโตกว่าปรี่เข้ามาจับแขนบีบแน่นจนกระดูกแทบแหลกคามือ แววตาเย็นชาจดจ้องราวกับจะฆ่าให้ตาย หน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว หัวใจบ๋อมเต้นเร็วมากเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามไรผมตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ก็ยังเชิดหน้าราวกับนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่เจอะเจออยู่ทุกวัน เกือบสิบนาทีไต่ชินหยางผลักบ๋อมออกห่างอย่างแรง คนตัวเล็กไม่ทันระวังตัวเสียหลักเกือบล้มดีว่าคว้าพนักเก้าอี้แถวนั้นได้ทัน นายใหญ่เดินอย่างหัวเสียไปสงบสติอารมณ์ริมหน้าต่าง

       “มานี่สิมา” 

       ไต่ชินหยางพยามปรับอารมณ์ความโกรธและน้ำเสียงให้นุ่มกวักมือเรียกให้บ๋อมเข้าไปหา บ๋อมขยับเดินเข้าไปหาทั้งที่ใจยังสั่นด้วยความกลัว มือแกร่งยกขึ้นเช็ดเลือดที่ซึมตรงมุมปากให้แผ่วเบา ไม่มีคำขอโทษ

       “เธอเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว...ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งอาจจะหลงใหลกับความแปลกใหม่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่น้ำนิ่งก็แค่นั้นสู้เธอไม่ได้หรอกเธอก็รู้นี่หืม...”  ไต่ชินหยางยิ้มละมุนแตะริมฝีปากแผ่วเบากับปากของบ๋อมแล้วผละออกรวดเร็ว ส่งยิ้มสำทับอีกครั้ง

       “เพื่อนเธอก็เหมือนสินค้าชิ้นหนึ่งของฉัน ฉันในฐานะเจ้าของสินค้าก็ต้องลองใช้สินค้าก่อนจะอธิบายกับลูกค้าได้ว่าสินค้าของฉันดียังไง เธอเข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า” 

      “ระ เหรอคุณจะไม่ชอบแบบนั้นใช่ไหม...”  ไต่ชินหยางไม่ได้เอ่ยตอบ แต่ดึงบ๋อมเข้าไปกอดแทน

      “มันก็แค่การลองใช้สินค้าเท่านั้น เธอจะคิดมากทำไม”

      บ๋อมนิ่งเงียบสีหน้าครุ่นคิดกับอกกว้าง จิตใจที่บดบัดด้วยความริษยาชิงชังทำให้รู้สึกสะใจหากน้ำนิ่งจะถูกทำให้เสียหาย อีกใจที่ใฝ่ดีน้อยนิดกลับไม่อยากให้เพื่อนโดนแบบนั้น น้ำนิ่งเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาตลอด

      “แต่ยะ อย่าทำน้ำ...”

      “มันเป็นธุรกิจ ไม่เอาน่าฉันรู้ว่าเธอดีใจซะจนระงับไม่อยู่ถ้าเพื่อนจะโดน สายตาเธอมันฟ้องซะขนาดนั้น เอ๊ะ! แล้วจะพูดถึงคนอื่นทำไมมาสิฉันจะทำให้เธอมีความสุข”

      “ยะอย่า...ฮือ...”

       เสียงพูดแย้งของบ๋อมเงียบหายไปเมื่อไต่ชินหยางก้มลงบดริมฝีปาก ลิ้นร้อนชอนไชเข้ามาในปากจนสำเร็จ บ๋อมแลกลิ้นกับไต่ชินหยางในปากของตัวเองจนรู้สึกเสียวซ่าน ไม่มีแรงจะดิ้นขัดขืนหรือปฏิเสธอีกแล้ว ชายหนุ่มเริ่มซุกไซร้ตั้งแต่ซอกคอลงมาจนถึงยอดอก มืออีกข้างบีบหน้าอกเบา ๆ แล้วแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปากเรียวบางขบกัดยอดอกที่แข็งชูขึ้นมารับกับลิ้นร้อนค่อนข้างแรง เสื้อผ้าถูกถอดออกจากตัวโดยที่บ๋อมไม่รู้สึกตัว

       บ๋อมครางด้วยความสุขอย่างลืมตัว เด้งหน้าอกรับลิ้นร้อนของไต่ชินหยางที่ทั้งดูดเลียขบกัดไปทั่วหน้าอกทั้งสองข้างจนพอใจ แล้วลิ้นร้อนก็เริ่มเล้าโลมลงไปที่หน้าท้องแบนเรียบ มือเรียวแกร่งของไต่ชินหยางจับตัวบ๋อมพลิกคว่ำลง ร่างแกร่งทาบทับแผ่นหลังบางซุกซบไล้เลียขบเม้มติ่งหู ลำคอ ลาดไหล่ไล่ลงไปตามสีข้าง สะโพก มาถึงช่องทางรักที่ขมิบรัวด้วยความต้องการเติมเต็ม

       อารมณ์วัวเคยค้าม้าเคยขี่ทำให้ความปรารถนาของบ๋อมถูกปลุกเร้าจนแทบระเบิด มือแกร่งยกสะโพกขึ้น แล้วใช้ปลายลิ้นร้อนสากสอดเข้าไปในช่องทางรักอย่างไม่รังเกียจ บ๋อมครางลั่นสะโพกกระตุกรับแรงปลุกเร้าด้วยความซ่าน ความต้องการปลดปล่อยกระจุกตัวที่กลางกาย

       ไต่ชินหยางผละจากช่องทางรักไม่ยอมให้บ๋อมไปถึงจุดหมาย ลิ้นร้อนเล้าโลมลงไปที่ต้นขา หน้าขา จนถึงปลายนิ้วเท้า เรียกได้ว่าไม่มีส่วนไหนของร่างกายบ๋อมที่จะรอดพ้น ร่างบางสั่นระริกด้วยความต้องการปลดปล่อยแต่ไม่ได้ปลดปล่อย ปากบางร้องขออย่างสิ้นความละอาย

      “ได้โปรด...ไม่ไหวแล้วปล่อยผมเถอะ...อึก อ๊ะอ...าว....”

      “ยังไม่ใช่ตอนนี้เด็กน้อย...”

      ไต่ชินหยางวนลิ้นเล้าโลมจากปลายเท้ากลับขึ้นมาอีกครั้ง มือแกร่งแหวกแก้มก้นจนเห็นช่องทางรักที่ไหวระริกด้วยความต้องการ  ชายหนุ่มลงลิ้นจนช่องทางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย มือแกร่งล้วงหยิบยาสีขาวเม็ดเล็กสี่เม็ดจากกระเป๋าเสื้อ 

       ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางกดดันเม็ดยาเข้าไปในช่องทางรักจนสุดโค่น ก่อนจะดึงชักนิ้วเข้าออกจนเม็ดยาถูกกระแทกชนจุดไวสัมผัสบ๋อมหลุดเสียงครางลั่น ร่อนส่ายสะโพกตามแรงกระแทกนิ้วด้วยความต้องการ  ชายหนุ่มก้มสอดลิ้นใส่เข้าไปช่องทางรักสะกิดความต้องการของบ๋อมแทบบ้า ทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ปรนเปรอเขามันช่างรัญจวนใจจนคลั่ง  แล้วจะไม่ให้เขาละเมอเพ้อพกหาได้ยังไงกัน

      “โอ้ย…ซีดส์ ….ไม่ไหวแล้วช่วยผมด้วย ปล่อยผมเถอะโอว ...อา...”  ไต่ชินหยางยกยิ้มเย้ยหยันกับเสียงร้องขออย่างไร้ยางอายโดยที่บ๋อมไม่สังเกตเห็น

      “ถ้าเธอรักฉัน เธอต้องแสดงให้ฉันเห็นก่อนว่าเธอรักฉันจริง....”

      “รัก ผะ ผมรักคุณ จะให้ผมทำยังไง อ๊า...ผมสะ...เสียว”

      “หึ หึ เธอได้แสดงแน่ อดทนนิดนะค่ำนี้ฉันมีแขกพิเศษมาคุยธุรกิจ ฉันอยากจะให้เธอไปร่วมด้วย” 

      “ตะ แต่ว่า ผะ ผมไม่ไหวแล้ว...โอยอูย..” 

       ชายหนุ่มยกยิ้มเอาใจ ชะโงกตัวไปที่ลิ้นชักข้างเตียงหยิบอุปกรณ์ไข่สั่นออกมา ก่อนจะดันมันเข้าไปช่องทางร้อนของบ๋อมจนจ่มมิดเสร็จแล้วก็กดปุ่มเปิดระดับกลาง บ๋อมครางในลำคอร่างบางร้อนวูบวาบสะท้านไหวโดยเฉพาะส่วนนั้นของร่างกายที่แข็งขืนแทบแตก อยากจะได้มากกว่านี้ ตาฉ่ำเยิ้มมองอย่างอ้อนวอน มือไขว้คว้าสิ่งที่อยากจะได้ ไต่ชินหยางปัดมือเล็กพัลวันส่งเสียงดุด้วยความรำคาญ

      “อย่าซนสิ อีกเดี๋ยวเธอก็จะได้สนุกกับมันแล้ว ฉันรับรองว่าเธอจะต้องชอบจนลืมฉันไปเลยล่ะ มาเถอะท่านมาแล้ว”

        ชายหนุ่มจัดแจงสวมปอกคอพร้อมสายจูงให้บ๋อม แต่ร่างกายเปล่าเปลือยเหมือนเดิม ไต่ชินหยางเรียกยามที่เฝ้าอยู่หน้าห้องให้จัดการเอาร่างสลบไสลของน้ำนิ่งไปขังไว้ที่ห้องใต้ดินโรงนอน เสร็จแล้วจึงโอบประคองร่างระทวยจากฤทธิ์ยาของบ๋อมตรงไปลานกว้างหน้าอาคารที่พักซึ่งจัดเป็นแค้มป์ไฟต้อนรับแขกสำคัญในวันนี้

      “สวัสดีครับท่าน”  ไต่ชินหยางโค้งคำนับให้ท่านนายพลเฒ่าคู่ค้าคนสำคัญของตนด้วยความนบนอบ

      “สวัสดีคุณไต่ แล้วนี่...” 

       ท่านนายพลสูงวัยแต่ร่างกายยังบึกบึนสมชายชาติทหารส่งสายตาโลมเลียตลอดร่างที่ซบโงนเงนอยู่กับอกของเขาอย่างหื่นกระหาย ชายหนุ่มยกยิ้มพึงพอใจกับท่าทางของท่านนายพลเฒ่า อำนาจ เงินตรา ถ้ามันจะได้มาง่ายๆ แค่แลกกับอะไรที่เขามีอยู่เขาก็ยินดี เด็กนี้ก็ไม่ต่าง..มันช่วยไม่ได้เธอบีบให้ฉันทำแบบนี้เอง ฉันจะเก็บหอกไว้ข้างแคร่ให้มันทิ่มแทงฉันทำไม

      “ครับ ก็คนที่ท่านเห็นที่โรงแรมแล้วบอกอยากได้ไงครับ”

      “อ้าวเรอะ ดูท่าจะพร้อมแล้วนี่ เริ่มกันเลยไหม”

      “เชิญทางนี้เลยครับท่าน” 

       ชายหนุ่มผายมือเชิญท่านนายพลเฒ่าไปยังลานแค้มป์ไฟ ซึ่งคนของเขาได้จัดเตรียมเหล้า ยา อาหาร ทุกอย่างที่คณะของท่านนายพลเฒ่าต้องการไว้ให้อย่างพรักพร้อมไม่เว้นแม้แต่ ผู้หญิง เด็กบริการ

      “ถึงตาเธอจะต้องแสดงให้ฉันเห็นสักทีแล้วว่าเธอรักฉันจริงหรือเปล่า” 

       ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบาริมหูของบ๋อมให้ได้ยินกันสองคนระหว่างเดินตามหลังท่านนายพลเฒ่า ปากร้อนเม้มกัดติ่งหูเบาๆ ทำเอาบ๋อมขนลุกซู่ด้วยความต้องการที่ตีวนมากระจุกตัวที่กลางกาย

      “อ๊ะ อา...หะให้ผมทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ”  บ๋อมเอ่ยถามแทบจะไม่เป็นคำ การขยับตัวก้าวเดินทำให้เกิดแรงเสียดทานผสานกับการสั่นของไข่ทำให้เขาซ่านเสียวจนแทบจะระเบิด

      “ทำให้ท่านนายพลพอใจ”

      “ได้สิโอ๊วว..อาวววว...”  บ๋อมครางกระเส่าแทบจะแตกสลายเมื่อชายหนุ่มกดปุ่มเพิ่มระดับความสั่นของไข่เป็นระดับสูงสุด ก็พอดีกับคณะเดินมาถึงบริเวณจัดงาน เมื่อฝ่ายแขกเข้านั่งประจำที่เรียบร้อย ชายหนุ่มโอบร่างระทวยของบ๋อมไปวางแทบจะเกยบนตักท่านนายพลเฒ่าซึ่งฝ่ายนั้นก็รับเอาทันทีไม่อิดออด

      “เชิญเลยครับท่าน

      “โอ้ พร้อมซะขนาดนี้ ฉันคงต้องขอเทสต์สินค้าก่อนก็แล้วกันนะ เรื่องอื่นเอาไว้คุยกัน”

      “เชิญตามสบายเลยครับท่าน”

      นายพลเฒ่าไม่ได้ฟังไต่ชินหยางพูดจนจบด้วยซ้ำ  หน้าตามือไม้ให้ความสนใจกับการทดลองใช้สินค้าอย่างเมามันจนเสร็จสมไปสามสี่ครั้ง ก่อนจะเรียกลูกน้องคนสนิทมาทดลองใช้บ้าง

       นายพลเฒ่าขยับตัวข้ามเบาะไปนั่งข้างพี่โอ๋ พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาด ขณะที่มือพี่เขาก็ลูบไล้ตามเนื้อตัวของไป๋ซานโดยที่ฝ่ายนั้นไม่ได้ขัดขืน สักพักนายพลเฒ่าก็แยกตัวไปร่วมกลุ่มกับบอดี้การ์ดของพี่โอ๋ๆ หันมายิ้มพร้อมยกนิ้วโป้งปากพูดโดยไม่มีเสียงว่ายอดเยี่ยม สำเร็จแล้ว บ๋อมได้แต่ทำหน้าเหยเกบอกอารมณ์ไม่ถูกเพราะกำลังถูกทำแซนวิชจากลูกน้องของนายพลเฒ่า

       การเทสต์สินค้าดำเนินต่อเนื่องมาหลายชั่วโมงไม่รู้ว่าใครเป็นใครที่เวียนมาเทสต์สินค้ามั่ง ความแปลกใหม่ที่บ๋อมไม่เคยพบเจอไม่ว่าโซ่ แส่ กุญแจมือ บางครั้งดึงรั้งสายจูงจนหน้าแหงนหงายคอแทบหัก น้ำตาเทียนนั่นก็อีกโดนแต่ละครั้งเขาร้องจนไม่มีเสียงจะร้อง น้ำตาไหลจนไม่มีจะไหลแต่นั่นก็ทำให้เขาพึงพอใจสุขสมตามแรงกระตุ้นของยาครั้งแล้วครั้งเล่า 

       การกระทำอันหนักหน่วงของแต่ละคน ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยซ้ำจากการกัดจนห้อเลือด แก้มก้นแดงเถือกจากฝ่ามือที่ฟาดลงมาไม่ยั้ง ร่างกายของเขารวดร้าวทั่วสรรพางค์กาย แต่ยังไม่เท่ากับใจที่แหลกสลายมันเจ็บจนชา...

       ภาพของพี่โอ๋ที่นัวเนียเล่นกับร่างกายของไป๋ซ่านไม่ห่างด้วยความสนิทเสน่ห์หาตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้ และยิ่งตอกย้ำความด้อยค่าของบ๋อมจนแทบไม่เหลือให้ภูมิใจเมื่อพี่โอ๋ออกอาการหวงไม่พอใจทุกครั้งที่มีคนเฉียดใกล้ขอร่วมวงด้วย

      ค่อนคืนแล้วเขายังไม่ได้พัก ร่างกายเหนื่อยล้าแทบจะทรงตัวไม่อยู่ แต่ความต้องการยังเอ่อล้นเหมือนไม่อิ่มในรสกามารมณ์ ฤทธิ์ยาที่ถูกยัดใส่ช่องทางเมื่อตอนเที่ยงคืนไม่ได้ทำให้เจ็บอีกแล้ว

       ร่างกายร้อนรุ่มไปด้วยความต้องการ บางคนวนเวียนเข้าหาสามสี่ครั้งเขาก็ยินดีบริการ ถ้ามันจะทำให้เขามองไม่เห็นภาพสุขสมของพี่โอ๋กับไป๋ซาน  ตอนนี้จะใครก็ได้เข้ามาเถอะจะชั้นต่ำชั่วช้าเข้ามาเถอะช่วยดับไฟปรารถนา... ดับไฟริษยาให้มอด...แล้วฝังกลบความเจ็บปวดนี้ให้มิดที...


       ‘ยังไม่ต้องการได้ยินเสียงคำปลอบใจ ในวันที่เธอได้มาทิ้งตัวฉันไป ยังจดจำเอาไว้…

       และตอนนี้ ก็ยังพยายามจะซึมซับมันเอาไว้ ยังพยายามจะหล่อเลี้ยงความเสียใจ..

       ให้เป็นอยู่อย่างนี้ เรื่อยไป...

       ‘เมื่อรักฉันต้องมืดมน เจ็บช้ำก็เพราะบางคน ชีวิตถ้าต้องทนอยู่กับความเสียใจ…

       จะซ้ำให้ยิ่งร้องไห้ อยากรู้ว่าบาดแผลมันจะเจ็บแค่ไหน…

       ยินดีให้ความรัก มันตาย ยินดีให้ชีวิตต้องพังทลาย…

       จะปล่อยให้มันเจ็บช้ำ จะปล่อยให้มันตอกย้ำ ให้น้ำตามันไหลอยู่ตลอดเวลา....

      ชีวิตที่ไม่มีหวัง จะขอลองดูสักครั้ง ที่สุดมันจะทุกข์ทนมากซักเท่าไร…

       จะอยู่กับความเสียใจ ให้ลึกลงไปถึงตาย...

       ก็ยังพยายามจะซึมซับมันต่อไป ยังพยายามจะหล่อเลี้ยงความเสียใจ ให้เจ็บขึ้นกว่านี้ เรื่อยไป…’

เสพติดความเจ็บปวด : The yers




ณ เวลาปัจจุบัน

      เวลาผ่านไปตามกาลของมัน เกือบตีสามของคืนนั้น แสงดาวส่องแสงระยิบระยับเต็มผืนกำมะหยี่สีดำสนิท ลมกลางคืนโชยพัดกระทบผิวทำให้เย็นยะเยือกเป็นครั้งคราว เสียงดนตรี แม้กระทั่งเสียงร้องรำทำเพลงเริ่มเบาบางลงบ้างแล้ว พวกมันหลายคนนอนสลบไสลเกลื่อนลานดิน กองไฟกองใหญ่ที่จุดให้ความอุ่นแก่ร่างกายเริ่มมอดแสงลงทีละนิด แต่เปลวไฟแห่งอารมณ์ดำกฤษณาของพวกมันบางกลุ่มกลับโชติช่วงไม่มอดดับง่ายๆ ขอให้มึงสนุกให้เต็มที่ก่อนตายแล้วกัน

      ภูมิรพีคลายความง่วงเหงาหลังจากถ่างตามาทั้งคืน แววปิติยินดีฉายออกมาอย่างแรงกล้าจากดวงตาคมทั้งสองข้าง หลังจากการรอมายาวนานกำลังจะสิ้นสุด

      “จุดสองขออนุญาตรายงานสถานการณ์เปลี่ยน”  น้ำเสียงเจือปนความโล่งใจของเสี่ยเซนดังมาในวิทยุขณะที่ทุกจุดปฏิบัติการจ้องจับเหยื่อเงียบๆ

      “ตรงนั้นว่างเหรอ มีอะไรว่ามาเลยเปลี่ยน”  ภูมิรพีกรอกเสียงที่เล่นทีเจริงตอบเสี่ยเซน

      “จะเอาข่าวดี หรือข่าวร้ายก่อนวะเปลี่ยน”

      “จุดสองจากจุดสามขอเสือกใช่เวลาเล่นเหรอวะเฮีย รู้สถานการณ์เปล่าวะเนี่ยเปลี่ยน”  คราวนี้เป็นพี่กรณ์ตอบวิทยุกลับมาแทนภูมิรพี”

      “ไม่รู้ล่ะ แต่จะเอาร้ายหรือดีก่อนล่ะบอกมาก่อนเร็ว!”  เสี่ยเซนยังเล่นกลับมาไม่ได้ยี่หระกับเสียงจิกกัดของกรณ์แต่อย่างใด
 
      “เฮียแมร่งเล่นเป็นเด็กไม่ดูอายุ...เผื่อร้ายมันจะทำให้ขวัญกระเจิงเอาดีก่อนแล้วกันเปลี่ยน”  คณิตเล่นกับเสี่ยเซนบ่นทีเล่นทีจริง ก่อนจะตัดสินใจแทนภูมิรพี

       “เฮียยึดของกลางมันได้ว่ะ ตอนนี้ถูกขนออกนอกประเทศแล้วเปลี่ยน”

      “แล้วแน่ใจได้ไงว่าถึงจุดนัดส่งของอย่างปลอดภัย”  ภูมิรพีถามอย่างกังวล

      “ไม่ต้องห่วงแพคอย่างดี อีกสิบนาทีฮอฯ ถึงจุดหมายปลายทางเปลี่ยน”

      “โอ้!! ขอบคุณพระเจ้า”  ทั้งสามจุดอุทานอกมาพร้อมกัน

      “แต่กลับไปนี่ต้องชำระความกันบ้างล่ะ ชอบนักหาเรื่องใส่ตัวนี่”  ภูมิรพีเอ่ยเสียงหงุดหงิดค่อนไปทางโมโหกับการเสี่ยงของสองพี่น้อง

      “เฮียก็ว่าจะจัดเหมือนกัน แมร่งไม่รักตัวเองเลย”

      “แล้วข่าวร้าย?”  พี่เอ๊กซ์ถามมาในวิทยุ

      “คือมันไม่มีตัวประกันแล้วไงเปลี่ยน”

      “รู้”  ทั้งสามจุดกระแทกเสียงหมั่นไส้มาพร้อมกันอีกครั้ง

      “แจ้งทุกจุดกระชับพื้นที่ปิดประตูตีแมวถล่มแมร่งอย่าให้เหลือ ไม่ต้องเกรงใจเปลี่ยน”  ภูมิรพีสั่งเสียงแข็งกร้าว

      “จุดหนึ่งจากจุดสอง ขอแผนที่ชัดเจนเปลี่ยน”  เสี่ยเซนถามถึงแผนเพื่อจะได้ปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน

       “เราจะใช้ยุทธวิธีการรบแบบแบ่งเป็น 2 ชุดหลัก และ 1 ชุดย่อย  ชุกแรกเป็นชุดสนับสนุน ให้จุดที่ 2 กับ 4 รับหน้าที่ ส่วนชุดโจมตีเป็นจุดที่ 1 กับ 3  ชุดสนับสนุนให้วางตัวตามแนวรอบอาคารชั้นในโอบรอบจุดที่พวกมันรวมตัวกัน คอยระดมยิงกดหัวพวกมันไว้  ส่วนชุดโจมตีให้เบี่ยงแนวยิงไปทางซ้าย เคลื่อนที่ตามแนวอาคารชั้นในแล้ววางตัวตรงปีกขวาของศัตรู จากนั้นให้ชุดสนับสนุนเข้าโจมตีปีกซ้าย โดยให้ชุดแรกที่วางตัวอยู่แล้วทำหน้าที่สนับสนุน  ให้ทุกจุดจัดบอดี้การ์ด 2 คน เป็นหน่วยระวังหลัง หนึ่งชั่วโมงจากนี้ใช้ให้คุ้มค่า เอาล่ะถ้าเข้าใจแล้ว ไปได้! Go Go!!...”










TBC.

ปล.

1. มนุษย์นั้นเข้าใจยากยิ่งนัก มุ่งหวังที่จะควบคุมสิ่งที่ยุ่งยาก หากไม่สมหวังก็มักเจ็บปวด...

2. ขอบคุณสำหรับการติดตามเสมอมา และขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
 :call: o13ทางที่ดี อย่าให้ใครเป็นอะไรอีกเลย

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
หายไปไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
ฮืออออออออออออออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
หายไปไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
ฮืออออออออออออออออออ



ขอโทษจริงๆ ค่ะ ไม่ได้หายไปไหนช่วงนี้งานราชการรุ่มเร้าเยอะจริงๆ กระดิกตัวไปทำงานอย่างอื่นไม่ได้เลย
เขียนได้นิดหน่อยมากๆ ถ้าจะเอามาลงก็กลัวจะเสียอารมณ์ (ด้วยนิสัยเราไม่ชอบแบบที่ลงทีละเล็กทีละน้อยน่ะนะ)
คาดการณ์ได้ว่าอาทิตย์หน้างานคงจะเบาบางลง จะสามารถเคลียร์นิยายายได้ค่ะ ขอโทษอีกครั้งที่ล่าช้า :mew2:

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง


36

ผมเป็นต้นหญ้าที่ทนทาน ตัดยังไงก็ขึ้น




      อีกประมาณร้อยเมตรจะเป็นทางลาดชันลงไปสู่ลานกลางหมู่บ้านที่พวกมันจัดงาน ภูมิรพีทำสัญญาณมือให้ทุกคนหาที่กำบังซุ่มสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ต่างคนต่างนิ่งและเงียบอยู่อย่างนั้นเกือบสิบนาที

       เมื่อไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดผิดปกติภูมิรพีเรียกทีมซักซ้อมความเข้าใจกันอีกครั้ง ชายหนุ่มเปิดเครื่องจีพีเอสดูพิกัดของหมู่บ้านและอธิบายผังหมู่บ้านบริเวณที่จะเข้าโจมตีให้ทุกคนเข้าใจครั้ง

      “พวกเราจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนของพี่ณิตกับบอดี้การ์ดอีกสี่คนออกทางซ้าย ผมกับเด็ดขาดและบอดี้การ์ดอีกคนจะออกขวา ค่อยตีโอบล้อมเข้าไป หากการปะทะนั้นสู้ไม่ได้ให้เล็ดลอดกลับมาที่นี่ เพื่อรวมกำลังกันแก้ไขสถานการณ์โอเคไหม”

       ทั้งหมดพยักเข้าใจ ภูมิรพีสั่งให้ซุกซ่อนอุปกรณ์ทุกชนิดที่ไม่จำเป็นในการปะทะไว้อย่างมิดชิดเพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ แล้วก็แยกย้ายกันไปตามจุดรับผิดชอบ ชายหนุ่มก้าวขาทีละก้าวๆ อย่างใจเย็นและเงียบเบาที่สุด บ่อยครั้งที่กลุ่มต้องหยุดชะงัก มองซ้ายมองขวาเมื่อสงสัยต่อสิ่งผิดปกติ

       ภายในหมู่บ้านดูสงบเพราะพวกมันมัวหลงระเริงอยู่กับงานเลี้ยง แต่ใช่ว่าจะไว้ใจได้ เพราะผืนน้ำที่ดูสงบเบื้องบนมักซ่อนคลื่นลมไว้ข้างใต้เสมอ ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบริเวณที่พวกมันชุมนุมกันอยู่

      เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเมื่อตอนหัวค่ำเริ่มมอดดับไปทีละน้อย แสงริบหรี่ส่องกระทบร่างพวกมันหลายสิบคนที่สลบไสลจากฤทธิ์ยาและสุราจนกลายเป็นเงาตะคุ่มรอบกองไฟ

       สถานะที่เปลี่ยนไปจากถูกไล่ต้อนกลับกลายเป็นนักล่ารอขย้ำเหยื่อ ภูมิรพีเหยียดยิ้มกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า แววตาคมดุฉายประกายจ้าในมุมมืด สภาพพื้นที่เหมือนแอ่งกระทะแม้จะทำให้พวกเขาได้เปรียบ แต่ก็ต้องปักหลักนิ่งรอโอกาสและช่องทาง การต่อสู้ใดหากเข้าถึงตัวได้แบบนี้แม้อาวุธจะด้อยประสิทธิภาพก็มีโอกาสชนะได้ หากใช้เป็นและใจเย็นพอ

      “จากจุดหนึ่งขอแจงภารกิจที่ต้องทำ ทีม 1 จุดตั้งแค้มป์ไฟ  ทีม 2 ห้องยาม  ทีม 3 ห้องวิทยุ  และทีม 4 จัดการยามทั้งหมด ยึดพาหนะพร้อมทำลายทิ้ง ขอทุกจุดขานภารกิจอีกครั้งเปลี่ยน”

      “จุดหนึ่งจากจุดสอง จัดการห้องยาม เปลี่ยน”

      “จุดหนึ่งจากจุดสาม จัดการห้องวิทยุเปลี่ยน”

      “จุดหนึ่งจากจุดสี่ จัดการยามทั้งหมด ยึดพาหนะพร้อมทำลายทิ้งเปลี่ยน”

      “เริ่มปฏิบัติการปิดประตูตีแมว เปลี่ยน”  สิ้นเสียงวิทยุทุกจุดลุกคืบไปปฏิบัติทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย



      “มันแปลกเกินไป...ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยแฮะ” ภูมิรพีพูดขึ้นไม่ได้มีท่าทีร้อนรน พวกเขาหยุดซุ่มที่บ้านหลังหนึ่ง ตาคมหรี่มองไปยังลานกลางหมู่บ้านเขม็ง ก่อนจะเลยมาที่บ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งมีทหารรับจ้างสังเกตการณ์อยู่บนหลังคา

      “ใช่ผมก็ว่ามันแปลก”  เด็ดขาดเอ่ยตอบทั้งที่สายตายังมองเขม็งที่รอบกองไฟ

      “นายคุ้มกันให้ด้วย” 

       ภูมิรพีสั่ง ก่อนจะเร้นตัวตามเงามืดไปตามผนังกำแพงค่อยๆ ก้าวจนถึงบ้านฝั่งตรงข้ามลอบเข้าไปทางหน้าต่าง ย่องเงียบกริบตามขั้นบันไดไปจนถึงชั้นบน ไอ้ทหารรับจ้างนั้นมันไม่ได้สนใจระแวดระวังด้วยซ้ำ สายตาของมันมองเขม็งลงไปยังกลางลานข้างล่าง ส่วนมือชักรูดท่อนลำที่ตั้งชันของตัวเองรัวเร็ว เสียงครางต่ำในลำคออย่างคนที่กำลังจะพานพบความสุข

      เขาอาศัยจังหวะที่มันแหงนเงยครางลั่นด้วยความสุขสม พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แทงเข้าที่ขาซ้ายให้มันล้มลงแล้วงัดมีดออกจ้วงแทงเข้าไปที่ใต้คางจนมันแน่นิ่ง เลือดค่อยๆ หยดลงทีละน้อย ภูมิรพีวางศพลง เดินก้มไปยังกำแพงที่ทำจากสังกะสีสูงประมาณเอวสำหรับเป็นที่กำบัง เพ่งมองสังเกตการณ์หมู่บ้านโดยรอบ

      แม้จะเลยค่อนคืนมาเป็นนานแต่พวกมันกลุ่มใหญ่ตรงกลางลานข้างล่างก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยยังหลงระเริงอยู่ในวังวนของยาและเซ็กส์จากเรือนร่างเล็กเพื่อนของน้ำนิ่ง และชายหญิงวัยรุ่นอีกสองคนอย่างมัวเมาไม่ลืมหูลืมตาไม่มีทีท่ารับรู้ถึงการมาเยือนของมัจจุราช

      ภูมิรพีหันหลังกลับวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว กระโดดผลุงออกทางหน้าต่างอย่างเงียบๆ กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามเงามืดลัดเลาะไปตามกำแพงจนถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งห่างจากหลังแรกเกือบหกเมตร แต่ห่างจากลานกลางสามเมตร หน้าต่างไม้ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ชายหนุ่มโดดผลุงเข้าไปพร้อมกับปืนสั้นติดตั้งกระบอกเก็บเสียงเรียบร้อย มันเป็นห้องแคบๆ เหมือนห้องเก็บของหรืออะไรสักอย่าง

      เขาก้าวออกมาจากห้องนั้นอย่างเงียบกริบที่สุด หันมองซ้ายขวาบริเวณโถงทางเดิน ตกแต่งสวยงามต่างจากสภาพภายนอกลิบลับ ตามผนังติดไฟประดับสวยงาม สองข้างแบ่งเป็นห้องฝั่งละสามห้อง เร็วเท่าความคิดเขารีบสาวเท้าไปยังประตูแต่ละห้องสายตาสอดส่องเข้าไปภายในอย่างละเอียด ภายในห้องเหมือนห้องพักตามโรงแรมระดับสามดาวที่เห็นทั่วไปนี่คงจะเป็นอาคารรับรองแขก

      ถ้านี่คือศูนย์บัญชาการของไต่ซินหยางการคุ้มกันมันก็ดูจะหละหลวมเกินไป?? สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่มันรบกวนจิตใจเขา ทุกอย่างมันดูจะง่ายเกินไป ภูมิรพีเดินอย่างระแวดระวังมาจนถึงโถงกลางแล้วต้องเบี่ยงตัวหลบเข้าบังซอกตู้โชว์อย่างอย่างรวดเร็ว ชายแต่งชุดทหารคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าท่าทางเมามายคนหนึ่งเดินผ่านไปยังประตูออกไปข้างนอก

       เขานิ่งรอจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งผิดปกติจึงก้าวออกจากที่ซ่อน เดินอย่างเงียบกริบไปชะโงกดูบนโซฟาราคาแพงกลางห้องโถงมันคนหนึ่งอยู่ในสภาพเมามายและเหนื่อยอ่อนกึ่งหลับกึ่งตื่น โต๊ะหน้าโซฟามีขวดเหล้าที่มีน้ำสีอำพันเหลือติดก้นขวดเล็กน้อย ควันและกลิ่นฉุนแรงของบุหรี่สอดไส้ลอยเอื่อยปนเปไปกับอากาศภายในห้อง พวกมันมันคงหนีเวรมาทำเรื่องแบบนี้กันภูมิรพีแสยะยิ้มอย่างสมเพช


      “ควายมึงกลับมาไมอีก เดี๋ยวพ่อมึง...เอ้ย!!?” 

       มันโงหัวขึ้นจากพนักโซฟา ตาปรือปรอยอย่างคนเมาร้องถามด้วยน้ำเสียงพร่าเลือน เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ มันลืมตาขึ้นก่อนตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ภูมิรพีไม่เปิดโอกาสให้มันหลุดเสียงร้องจากปาก รุกประชิดแทงมีดเข้าไปที่ท้ายทอยของมัน ทะลุเข้าไปสู่ไขสันหลังและก้านสมอง หยุดการทำงานของชีวิตโดยสมบูรณ์แบบ ก่อนจะดึงมันออกอย่างรุนแรง เลือดสาดกระเซ็นเป็นเส้นตรงตามแนวมีดไหลหยดเปื้อนพรมราคาแพง แล้วใช้อีกมือผลักร่างไร้วิญญาณลงพื้นอย่างไม่แยแส กราดตาจับทุกรายละเอียดทั่วบริเวณห้องโถงที่ตกแต่งสวยงามนั่นอย่างไม่วางใจ

      “พี่ณิตฟังอยู่รึเปล่า....ที่นี่มันเป็นเรือนรับรองไม่มีอะไรเลยวะพี่ หรือว่าที่เกลื่อนลานนั่นคือทั้งหมดของมัน??”

      “ก็ดีแล้วนี่ จะได้ถล่มแม่งทีเดียวตายยกรัง”

      “ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้น มันดูง่ายเกินไปวะพี่!!?.....เหี้ย !!!!!! มันเป็นกับดัก!!!!

      “สิงห์ห์ห์ห์ห์ห์ห์!!!!!”  เสียงพี่ณิตตะโกนจนแก้วหูแทบแตกออกมาจากวิทยุ เขาวิ่งออกจากโถงกลางก่อนจะกระโจนเข้าหลบอย่างรวดเร็ว  “บัดซบเอ๊ย!!! ออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้!!!”


      “วี๊ดดดด.....บึ้มมมมมมมมม!!!....”

      เสียงระเบิดดังสนั่นแข่งกับเสียงตะโกนของคณิต หลังจากทุกสรรพเสียงเงียบลง ภูมิรพีผงกหัวขึ้นสะบัดอย่างมึนงง ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษเล็กเศษน้อยจากปูน หิน ไม้ แก้ว ที่ปลิวว่อนในชั้นบรรยากาศ เอี้ยวตัวกลับมามองโถงกลางซึ่งมีสภาพเละเป็นโจ๊ก

       เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ รู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นขาด้านใน ซึ่งถูกเศษเหล็กลูกกรงยาวประมาณเกือบฟุตหนาประมาณครึ่งนิ้วกระแทกเข้าเต็มเหนี่ยว ปลายสองด้านทะลุออกมาให้เห็น ตามรอยขาดวิ่นของเสื้อผ้าปรากฏรอยไหม้สองสามแห่งไม่ใหญ่นัก และเพิ่งจะตระหนักว่าตัวเองหัวแตกเพราะเลือดที่ไหลหยดเป็นทางจนกลบตา

       มือแกร่งยกปาดเช็ดเลือดออกจากตา พยุงตัวลุกขึ้นยืนความเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วทั้งขาจนชา เขากัดฟันแน่นยืนนิ่งอย่างนั้นจนสติเริ่มค่อยๆ กลับมา คว้าปืนสั้นที่ตกอยู่ใกล้กันมาเหน็บเองกางเกงด้านหลัง อีกมือกระชับปืนไรเฟิลแน่น เดินเขยกกึ่งวิ่งออกมาทางเดิมอย่างรวดเร็ว เสียงปืนดึงหนึ่งนัดและดังขึ้นเรื่อยๆ ตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด

      “ปัง..ปัง...ปัง...ปัง...ปัง”

      “เวรเอ๊ย!!!” 

       มัจจุราชลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งเจาะทะลุไหล่ซ้ายเขาอย่างจัง ถ้าพวกมันหวังให้เขาหยุดการเคลื่อนไหว มันทำสำเร็จแต่ก็เพียงชั่วครู่ มือแกร่งกุมบาดแผลบนไหล่แน่นจนเลือดไหลซึมตามง่ามนิ้วมือเป็นทาง กัดฟันแน่นพยุงตัวกระโดดผลุงออกทางหน้าต่างวิ่งหลบหลีกไปตามเงามืดอย่างรวดเร็ว ทหารรับจ้างเกือบครึ่งร้อยคนวิ่งไล่กวดตามมาพร้อมสาดกระสุน M4A1 ตามหลังเขาราวกับห่าฝน

…………………………



      “สิงห์!!!....นั่นมันเหี้ยอะไรวะ”

       “เฮีย!!!..เวรแล้ว” 

       คณิตและเด็ดขาดร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของภูมิรพี เลือดไหลทะลักเป็นทางจากบาดแผล คณิตรีบวิ่งมาประคองเข้าหลบในที่กำบัง มือแหวกผมตรงหน้าผากจนเผยให้เห็นแผลที่ใหญ่และลึกพอสมควร  มือหยิบเศษไม้และแก้วเล็กๆ ที่ปักคาบาดแผลออกให้อย่างเบามือ เด็ดขาดถลาเข้ามาตรวจดูบาดแผลอีกคนด้วยความห่วงใย

      “ฮะ เฮีย...เอาออกก่อนไหม”  เด็ดขาดจ้องเหล็กที่ขา เขามองตาม แล้วโบกมือห้าม

      “เอาไว้ก่อน ตอนนี้มันชาไม่เจ็บเท่าไร  จัดการพวกมันก่อนเถอะ...” 

       สภาพสาหัสสากรรจ์ของภูมิรพีทำให้เด็ดขาดละล้าละลังแทบทำอะไรไม่ถูกห่วงเจ้านายที่มีเหล็กเสียบคาอยู่ ไหนจะแผลกระสุนตรงไหล่อีก นี่ยังไม่รวมแผลเล็กแผลน้อยจากสะเก็ดระเบิดทั่วตัว เจ้าตัวบอกไม่เจ็บก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

       “มึงไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น กูสตรอง...ไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”  ภูมิรพีพูดราวกับไม่ยี่หระกับมัน

      “ครั้งหน้าเฮียคิดว่าจะโชคดีหยิบขี้โดยไม่เลอะมือได้อีกเหรอวะ ไม่ต้องกระโจนลงมาแสดงเองก็ได้เปล่าวะ” 

      สีหน้าภูมิรพีนิ่งสนิทจนอ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มทำเพียงยกมือขึ้นตบไหล่แกร่งของเด็ดขาดเบาๆ เขาเข้าใจดีว่าเด็ดขาดเป็นห่วงเขา แต่เขาไม่ต้องการจะให้คนของเขาโดนฆ่าเหมือนเมืองแมน

      “ผมหมายความตามนั่นจริงๆ นะ ถ้าเกิดเฮียเป็นอะไรไปน้องจะอยู่ยังไงเคยคิดถึงจุดนี้บ้างรึเปล่า” 

       แรงบีบที่ไหล่เป็นดั่งคำสัญญาที่เด็ดขาดรู้สึกถึงมัน จึงได้แต่ถอนหายใจยาวยอมแพ้ต่อการตัดสินใจของภูมิรพี ยอมผละจากภูมิรพีหันกลับไปยิงตอบโต้พวกมันระบายอารมณ์ แค่คิดว่าถ้าคนที่ถูกแรงระเบิดฉีกร่างเป็นภูมิรพีใจเขายังวูบโหวงขนาดนี้ แล้วน้องล่ะ....!? 

      “ขอร้องวะ! นั่งนิ่งก็ไม่มีใครว่าเอาเปรียบ ไม่เห็นแก่พวกกูก็เห็นแก่น้องมันบ้าง” ภูมิรพีขยับตัวจะเข้าไปช่วยแต่ถูกคณิตกดตัวไว้จึงยอมให้นั่งลงตามเดิม

      “ปัง..ปัง...ปัง...ปัง...ปัง”

       เสียงกระสุนที่ยิงโต้ตอบกันถากผนังปูนที่พวกเขาหลบอยู่เศษปูน ฝุ่นดินปลิวว่อนกระเด็นมากระทบให้รู้สึก เหงื่อกาฬเม็ดเล็กผุดพรายเต็มหน้าผากและไรผมของภูมิรพีจนเปียกชื้น สันกรามบดแน่นเพื่อบรรเทาอาการปวดแผล แต่ภูมิรพีไม่สนใจกลับเปลี่ยนกระสุนอันใหม่อย่างใจเย็น

       “ปัง..ปัง...ปัง...ปัง...ปัง”

      HK33 จากมือเด็ดขาดและบอดี้การ์ดอีกคนปล่อยกระสุนออกไปอย่างแม่นยำ กลุ่มควันพวยพุ่งจากปากกระบอกปืนพร้อมกับมัจจุราชลูกเล็กๆ สอยพวกมันร่วงราวกับใบไม้ที่ถูกลมพัดกรรโชกแรงปลิวหลุดจากขั้วลงสู่พื้นอย่างไร้ความหมาย คาดคะเนจากสายตาน่าจะเกือบสามสิบคน แต่ความไวตามแบบอย่างทหารที่ฝึกมาอย่างดีทำให้พวกมันหลายคนรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

      “แมร่ง!! ไอ้ห่าไม่น่าเลย...รอดไปได้เกือบสิบ”  เด็ดขาดสบถอย่างไม่สบอารมณ์นัก

      “พวกที่ออกลาดตระเวนรายงานเข้ามาว่า มันทิ้งชีสไว้ในบ้านเกือบทุกหลังรอบบริเวณนี้ ล่อให้เราไปกินเสร็จแล้วก็บึ้ม  กูว่ามันไม่ได้ต้องการแค่เศษไม้ใบหญ้าแต่ที่มันต้องการคือรากของต้นไม้..”  คณิตบอกด้วยน้ำเสียงกังวล

      “ผมเห็นด้วยกับเฮียณิตนะ ดูจากเมื่อกี้พอเกิดบึ้มแค่นั้นแหละพวกแมร่งแห่มาจากไหนก็ไม่รู้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เงียบยังกับเป่าสาก” เด็ดขาดสำทับมาอีกคน มือกำลังสาละวนกับการใส่กระสุนปืน

      “มันแปลกๆ ตั้งแต่เข้าไปในบ้านนั่นเหมือนกัน ที่สำคัญมันรู้ตัวแบบนี้ก็เล่นยากแล้วว่ะพี่ แต่ดีที่มันไม่มีของกลางแล้ว”

      ไม่มีเสียงตอบโต้จากทั้งคู่ พวกเขาซุ่มเงียบเพราะมั่นใจในที่กำบัง เปลวไฟจากลำกล้องที่พวกมันยิงออกมา ทำให้พอจะจับจุดได้ว่าพวกมันก็ต้องมีที่กำบังที่ดีเช่นกัน ความใจเย็นเท่านั้นที่พวกเขามีตอนนี้



      “ปัง..ปัง...ปัง...ปัง...ปัง”

      ความอดทนของพวกมันสิ้นสุดลงหลังจากเวลาผ่านไปได้แค่สิบนาที ห่ากระสุดตกลงจุดที่พวกเขากำบังอีกครั้ง

      “อย่ายิง....!!”  คณิตสั่งห้ามเมื่อเห็นว่าเด็ดขาดและบอดี้การ์ดกำลังจะยกปืนขึ้นยิงตอบโต้  “เราต้องกลับไปจุดนัดเดี๋ยวนี้เฮียมึงกำลังไม่ไหวแล้วต้องได้มอร์ฟีนระงับปวดก่อนค่อยกลับมาถล่มมันก็ยังทัน” 

       คณิตคงสังเกตอาการของเขาได้จึงสั่งห้ามเสียงเข้ม ใช่บาดแผลกำลังเริ่มปวดตุบๆ จนเขาต้องกัดฟันแน่นข่มความเจ็บ แผลถูกยิงเลือดยังไหลไม่หยุด สมองมึนงงขาวโพลนจากการเสียเลือดมาก

      “เฮียอดทนไว้ขอ 1 นาที”

      “เออ!! มีห่าเหวอะไรก็จัดไปกูทน...”  ภูมิรพีเค้นเสียงตอบด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเสียเลือดไปมาก หน้าเผือดขาวใจหวิวสติแทบจะดับวูบ



      “หวี๊ดด...บึ้มมมมม....”

       เสียงหวีดร้องของจรวดลูกหนึ่งที่พุ่งแหวกอากาศใส่บ้านที่พวกเขาใช้กำบังอย่างจัง เศษเล็กเศษน้อยของตัวบ้านปลิวว่อนจากแรงระเบิด  ดีที่คณิตและเด็ดขาดไหวตัวทันเข้าประคองตัวภูมิรพีวิ่งออกจากบ้านหลังเข้าหลบที่หลุมบังเกอร์ห่างออกมาเกือบสองสามเมตรชั่วเสี้ยวนาทีก่อนที่ระเบิดลูกนั้นจะปะทะตัวบ้าน การขยับตัวอย่างรวดเร็วทำให้เขาปวดแผลจนสติแทบวูบ

      “โอ้....เวรแล้ว!!”  คณิตสบท  “พวกมันมาเสริมกำลังเยอะเกินไป เราต้องออกไปจากที่นี่กันแล้วไป ไป..”

       เด็ดขาดไม่รอให้สั่งซ้ำ ถอดสลักระเบิดควัน 2 ลูก โยนลงไปตรงกลางทาง ควันสีเทาปะทุออกมาเยอะพอที่จะบดบังทัศนียภาพ เขาพยักหน้าให้คณิตประคองภูมิรพีวิ่งออกไปก่อน ส่วนตัวเองก็ดึงระเบิดสังหารออกจากอกเสื้อ ถอนสลักแล้วขว้างออกไปสุดแรงเกิดตรงจุดที่พวกมันซ่อนอยู่

      “บึ้มมมมมมม...”

      เสียงระเบิดช่วยกลบเสียงการเคลื่อนตัวของพวกเขาได้เป็นอย่างดี กว่าทุกอย่างจะสงบลงก็ช่วยให้พวกเขาห่างออกมาไกลโข ไม่มีการหยุดยั้งเพื่อการใดๆ อีก


       ทั้งหมดออกวิ่งอย่างรวดเร็วจนถึงที่ตั้ง คณิตพยุงให้ภูมิรพีนั่งพิงผนังกำแพง ผละไปยังจุดที่ซ่อนเป้ของตัวเองไว้ ล้วงเอาล่วมยาขนาดพกพาออกมา จัดการฉีดมอร์ฟีนระงับปวด ทำแผลเล็กแผลน้อยแผลถูกยิงให้ภูมิรพีอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายเหลือแผลถูกเหล็กเสียบ คณิตเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าให้ดึงออกเลยหรือไม่ เพราะตอนนี้มอร์ฟีนยังไม่ออกฤทธิ์ ในความคิดของคณิตถ้าดึงออกเลยมันคงเจ็บพิลึก

       ภูมิรพีพยักหน้ารับ คณิตส่ายหน้ายอมใจคนตรงหน้าจริงๆ เมื่อห้ามไม่ได้จึงยื่นด้ามมีดให้ภูมิรพีกัดไว้ บอดี้การ์ดสองคนขยับตัวเข้ามายึดแขนทั้งสองข้างไว้แน่นกันดิ้น ภูมิรพีเกร็งตัวรับความเจ็บปวด

      “เอา” 

       คณิตเงยหน้าถาม เขาขบฟันลงบนด้ามมีดแน่นและพยักหน้ารับ คณิตจับเหล็กชิ้นยาวนั้นอย่างเบามือ ขยับสองสามครั้งให้หลวมลื่นจากเนื้อ ภูมิรพีรู้สึกเหมือนมีเหล็กแหลมสักพันเล่มทิ่มแทงขาเขา

      “เอาล่ะ...” 

       คณิตจ้องตาสีแปลกเขม็ง ปากพูด แต่มือเอื้อมไปจับเหล็กไว้มั่นออกแรงดึงอย่างแรงทีเดียวเหล็กนั้นก็หลุดออกมา ความเจ็บปวดอย่างมหันต์ระเบิดตูมจนหูตาพร่างพราย เห็นทุกอย่างขาวเว่อไปหมดจนแทบสิ้นสติ

      “อั๊กกกก...” 

       เลือดสีแดงฉานพุ่งทะลักจากบาดแผลไหลนองไปตามพื้น คณิตเทน้ำจากกระติกน้ำชะล้างสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างในบาดแผลจนสะอาด ใช้ผ้าก็อชกดปากแผลไว้แน่นจนเลือดหยุดไหล จึงใช้ยาระงับปวดและยาปฏิชีวนะป้องกันแผลติดเชื้อและบาดทะยัก เสร็จแล้วจึงใช้ผ้าพันแผลให้อย่างแน่นหนา ภูมิรพีนั่งนิ่งๆ รอให้ยาออกฤทธิ์จะได้ไปจบเกมส์กันซะที

      “จุดหนึ่งจากจุดสอง”

      “........”

      “จากจุดสองเปลี่ยน...ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม......”

      “………..”

      “พระเจ้า!! มึงอย่าเงียบสิวะ!!....  สิงห์!!?..ไอ้น้องเชี๊ย เฮียห่วงมึงนะโว้ย!!...”

      “ใจเย็น ๆ โอเคอยู่แล้วน่า” 

       เพราะฤทธิ์ยาที่ฉีดทำให้ตอนนี้ภูมิรพีไม่เจ็บแผลแล้ว เขาพยายามปรับลมหายใจให้ปกติ ก่อนจะตอบคำถามเซนด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเมื่อสิบนาทีที่แล้วไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย ทั้งคณิตและเด็ดขาดเบ้ปากหันมองไอ้คนปากแข็งที่บอกว่าตัวเองโอเคอย่างหมั่นไส้ ภูมิรพีมองตอบทั้งคู่เขม็งให้เก็บปากเก็บคำซะ เด็ดขาดฮึดฮัดก่อนจะหันกลับไปดูต้นทางต่อ

      “โอเคก็ดี”

      “มันตลบหลังเรา” 

      “กูว่าแล้ว!! มันแปลกศูนย์บัญชาการนะโว๊ยแต่แมร่งไม่มีหมาสักตัวเฝ้า มันดูง่ายเกินไปที่ให้พวกเราผ่านเข้ามาแบบสะดวกโยธิน แถมห้องยามยังปล่อยโล่งไม่มีเหี้ยไรเลย เราต้องลุยมันแล้วว่ะ” 

       ความเครียดบนใบหน้าของภูมิรพีทำเอาแต่ละคนเข้าหน้าไม่สนิท  ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยอะไรออกไปด้วยซ้ำ  ไฟฟ้าก็สว่างพรึบขึ้นทั่วบริเวณ ทั้งหมดหันสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายด้วยความฉงนสนเท่ห์


      / Game Over / 

       เสียงของไต่ซินหยางจากเครื่องกระจายเสียงตามจุดต่างๆ ดังก้องทั่วหมู่บ้าน เป็นเครื่องยืนยันว่ามันรู้แล้วว่าเขาไม่เล่นตามเกมส์

      / พวกนายตุกติกไม่เล่นตามเกมส์ที่ฉันกำหนด ช่างรนหาที่แท้ๆ จะให้ทำยังไงดีน้ากับของกลาง.../ น้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นต่อของไต่ซินหยางดังสำทับมาอีกครั้ง น้องยังไม่ถึงบ้าน...!?

      “เฮียใครไปส่งน้อง รายงานกลับมารึยัง ถึงไหนกันแล้ว”  ภูมิรพีวิทยุหาเซนทันทีด้วยอารมณ์ที่หลายหลาก วอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้นั่นเป็นแค่คำขู่...


      “อาแจ๊กซ์!!...เวรเอ๊ย!! เฮียติดต่อใครไม่ได้เลย ที่บ้านก็ยังไม่มีใครกลับไป” 

       ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำเซนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนยิ่งกว่า ทุกทางมืดบอดและไร้ความหวังเมื่อไม่สามารถติดต่อใครได้แม้แต่คานิน ภูมิรพีนิ่งงันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ใจวูบไหวอ้อนวอนต่ออะไรก็ตามอย่าให้ที่เขาคิดเป็นความจริงเลย


      / คงคิดว่าฉันขู่สินะ…!!? จะให้ฟังเสียงสักนิดก็แล้วกัน /

      / ภ ภูมิหนูไม่เป็นอะไร… /

      / เฮียไม่ต้องห่วงผม /


      “บัดซบ!! พวกมันได้ตัวน้อง” 

       ภูมิรพีสบถเสียงเข้ม ดวงตาสีแปลกสีเข้มเกือบแดงราวกับท้องฟ้ายามมีพายุใหญ่กำลังพัดปั่นป่วน เด็ดขาดและบอดี้การ์ดซึ่งอยู่ใกล้ถึงกับหยุดหายใจเป็นพักๆ

      / อย่างที่พวกแกคิดนั่นแหละ ของกลางอยู่กันฉัน ออกมาสิ ออกมาคุยกันแล้วเล่นเกมส์นี้ให้จบในแบบของเรา ห้านาทีที่ลานกลาง ถ้าช้าฉันระเบิดหัวไอ้เด็กสองคนนี้แน่ อ๊ะ! อ๊ะ!..ไม่ดีกว่า แบบนั้นมันเสียของแย่สิวะ ฉันว่าเอาประมูลน่าจะเหมาะดีว่ะ..วิน-วิน ห้านาทีอย่าช้า..../

      “เวรเอ๊ย!!....จุดสี่จากจุดหนึ่งโอเครึเปล่า”  สันกรามแกร่งบดแน่น สายตามคมกร้าว มือกำวิทยุในมือแน่น ก่อนจะวิทยุถึงพี่เอ็กซ์

      “จุดหนึ่งจากจุดสี่ ข้ามชายแดนมาแล้ว ยังโอเคพร้อมชีสสิบก้อนในกระเป๋า อีกครึ่งชั่วโมงถึงบ้าน ทางนั้นเป็นไง”

      “ดีแล้ว มันฉกของกลางคืนไปได้”

      “ได้ไง…!!?”

      “ยังไม่รู้อะไรเลย มันนัดเจอที่ลานกลางหมู่บ้าน แค่นี้นะพี่ ปลอดภัยจนกว่าจะถึงบ้าน”

      “ทางนั้นก็เหมือนกัน”

       “เฮีย พี่กรณ์ แผนยังเหมือนเดิม แต่ละทีมแบ่งเป็นสองชุด ชุดหลักไปเจอกันที่นัดพบ ชุดสนับสนุนให้ซุ่มรอดูเหตุการณ์และระวังหลังกระจายตามโซนที่ตัวเองรับผิดชอบ ถ้าพวกมันยึกยักจัดการได้เลยไม่ต้องสนใจเข้าใจตรงกันนะ เอาล่ะเจอกันที่ลานกลางหนึ่งนาที....”  ภูมิรพีวิทยุบอกแผนกับอีกสองคน

      “พี่ณิตกับบอดี้การ์ดทั้งหมดกระจายกำลังคอยระวังหลัง ผมจะไปกับเด็ดขาดเอง เอาล่ะไปจบเรื่องนี้กัน”  ภูมิรพีหันไปแจกแจงหน้าที่ก่อนจะพยักหน้ากับเด็ดขาดให้ไปกับตนเอง

      “สิงห์!!”  ภูมิรพีเอี้ยวตัวกลับมาตามเสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจของคณิต เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม 

       “มึงไม่จำเป็น...”

      “ไม่ผมต้องจบมัน ”  สายตาคมกล้าที่สบกันทำให้คณิตถอนหายใจยาวยอมแพ้ สีหน้ายังไม่คลายกังวล

      “ก็ได้ว่ะ จำคำกูไว้ว่าคนแมร่งหลอกกันเองได้ จะมึงหรือกูก็ไม่มีทางรู้ว่าคนอย่างมันทำอะไรได้บ้าง เพราะยังงั้นจะทำอะไรมึงคิดให้ดีเพราะไม่รู้ว่าใครมีอะไรในใจ”  คณิตถอนใจยาว สีหน้ายังไม่คลายกังวล

       ภูมิรพีขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้หลุดคำใดออกมา มีเพียงแววตาสีแปลกที่ทอประกายกร้าวและมุ่งมั่นสบกันเพียงครู่  ก่อนจะหันหลังเร่งฝีเท้าไปยังลานกลางตามนัด ความห่วงใยของพวกพี่มันทำไมภูมิรพีจะไม่รับรู้แต่ถ้าหากจะมีอะไรเกิดขึ้น เป็นเขายังจะดีกว่าให้คนอื่นๆ มารับแทน

...................................


      อีกห้าเมตรก่อนถึงจุดนัดสองเฮีย เข้มแข็ง และบอดี้การ์ดอีกห้าคนซุ่มรออยู่แล้ว ภูมิรพีเข้าไปสมทบอย่างเงียบเชียบ  เฮียทั้งสองหันกลับมามอง ก่อนจะนิ่งงันเมื่อเห็นสภาพของภูมิรพีชัดเจน

      “นี่มึง....”  ทั้งคู่หลุดคำได้เท่านั้นจริง แล้วต้องหุบปากลง

      “เออ!! แค่นี้ยังใกล้หัวใจ เฮียไม่รู้เหรอผมมันต้นหญ้าที่ทนทาน ตัดยังไงก็ขึ้นอยู่ดี...” 

      ภูมิรพีพูดตัดบทที่เล่นทีจริงขัดกับแววตาสีแปลกทอประกายกร้าวบอกให้รู้ว่าอย่าตอแยให้มากความชีวิตน้องสำคัญกว่า  เขาก้าวเดินนำหน้าไปหลายก้าวก่อนจะหันมาถามทั้งคู่ที่ยังยืนเฉย 

       “จะไม่ไป?” 





TBC.

ปล. มาต่อแล้วนะค่ะ ขอโทษที่หายไปอันเนื่องจากงานรัดตัวเลยหายไปซะนาน  ขอบคุณที่ยังติดตามกันเสมอมา...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2016 22:58:08 โดย WiChy »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

คลาดเดาอะไรไม่ได้จิงๆ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อ้าว...น้องโดนจับกลับไปได้ยังไง แล้วคนคุ้มกันไปไหน

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง_EP.37_ความประมาท P.9_1042016
«ตอบ #258 เมื่อ10-04-2016 18:47:37 »

- 37 -



แค่คิดชีวิตเปลี่ยน





      พระเจ้า!! ทำไมเพิ่งจะรู้สึกตัว ทำไมเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงปล่อยให้เข้ามาได้ง่ายๆ เพราะนี่มันคือ 'กับดัก' ไต่ชินหยางมันไม่ได้แค่จะล่ากระต่าย แต่มันจะล่าสัตว์ตัวอื่นที่เป็นเพื่อนของเจ้ากระต่ายนั้นด้วย ระยำเอ๊ย!!

       สี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเราทั้งวิ่งทั้งเดินโดยไม่ได้หยุดพัก สองหนุ่มมีสีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดเหมือนอาการของคนที่สูดอากาศเข้าไปไม่ถึงปอด การก้าวย่างเชื่องช้าลงเรื่อยๆ จะล้มมิล้มแหล่แต่ก็กัดฟันทนไม่ปริปากบ่น อาแจ็กซ์อยากจะหาที่หลบซ่อนให้ทั้งคู่ได้หยุดพักหลายครั้ง แต่ก็ต้องละทิ้งความคิดนั้นทุกครั้งมันอันตรายเกินกว่าที่จะทำอย่างนั้น

       เราหลบหลีกและเลี่ยงการปะทะซึ่งหน้ากับหน่วยลาดตระเวนของพวกมันได้หลายครั้งตลอดระยะทางเกือบหกสิบกิโลเมตรตั้งแต่ออกมาจากหมู่บ้านมา ไต่ชินหยางรู้แล้วว่าของกลางถูกฉก และหน่วยติดอาวุธที่มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหงยังกับมดปลวกถูกส่งให้มาตามเอาของคืน

      อาแจ๊กซ์ชะงักนิ่งไปชั่วขณะกับเสียงนกกระแตแต้แว้ดที่ร้องก้องป่าสอดผสานเสียงกระพือปีกพรึบพรับราวกับตกใจของนกป่าชนิดอื่นดังมาเป็นทอดๆ ให้ตายเถอะ!! ไอ้นกบ้านั่นไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในป่ารกทึบแถบนี้…!??

       ชายหนุ่มมองผ่านเลนส์แว่นอินฟาเรดตรวจจับคลื่นความร้อนทั่วบริเวณอย่างระแวดระวังแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นสัญญาณอันตราย จึงทำมือให้ทุกคนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก เหลือระยะทางอีกสามสิบกิโลเมตรโดยประมาณจะถึงจุดนัดหมาย แต่ใครจะคิดว่าคล้อยหลังแค่ไม่กี่นาที....

      “วิ่ง  วิ่งงงงงง.....!!?

      ‘ปัง!!   ปัง!!   ปัง!!   ปัง!!!  ปัง!!!’   

      ‘บึ้ม!!   บึ้ม!!   บึ้ม!!!!!’
   

      เสียงปืนรัวกระหน่ำถากผิวเปลือกไม้กระจายปลิวว่อนในอากาศ แรงระเบิดจากอาร์พีจีเจาะทะลวงกลางลำตันไม้ขนาดไม่ใหญ่หักโค่นระเนระนาด อาแจ็กซ์พุ่งถลารวบตัวสองหนุ่มล้มกระแทกพื้นหินขรุขระค่อนข้างแรง มัจจุราชที่พวกมันสาดกระหน่ำพุ่งทะยานเหนือร่างทั้งสามอย่างเฉียดฉิว ทั้งหมดกลิ้งไถลตกจากไหล่ทางลงไปตามความลาดชันจนถึงพื้นดินริมตลิ่ง มือแกร่งกดร่างสองหนุ่มนอนราบไปกับพื้นจนแน่ใจว่าพ้นจากวิถีกระสุน ก่อนที่ตัวเองจะคลานกลับขึ้นไปเกือบชิดขอบไหล่ทางอีกครั้ง แล้วแทบระงับโทสะไม่อยู่เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของสามบอดี้การ์ดล้มคว่ำหน้าห่างไปเล็กน้อย

      “พี่จะไม่ให้พวกนายต้องตายฟรีแน่!!”

       ชายหนุ่มเอ่ยคำสัญญาหนักแน่น ตาคมหรี่มองฝ่าความมืดผ่านแว่นอินฟาเรดพวกมันเกือบครึ่งร้อยดักซุ่มยิงห่างออกไปราวสิบเมตร มือแกร่งยก HK33 ขึ้นประทับเล็งก่อนจะลั่นไกยิงฝ่าความมืดเอาคืนที่มันส่องคนของเขาไปสามคน


      ‘ซี๊ด!!’

      น้ำนิ่งครางแผ่วเบาในลำคอเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บร้าวที่กำลังเต้นตุบๆ ทั่วทั้งหน้าผาก คิดว่าคงกระแทกกับแง่หินแหลมหรืออะไรสักอย่างตอนล้ม มือบางยกขึ้นเช็ดความอุ่นชื้นที่ซึมจากแผลอย่างไม่ยี่หระนี่ไม่ใช่เวลามาห่วงแผลเล็กแผลน้อยนั่น สถานการณ์ตรงหน้าต่างหากน่าห่วง จะฝ่าวงล้อมของพวกมันยังไงไม่ให้ถูกจับได้ ถ้าประมาทแม้เพียงนิดความตายมีสิทธิ์วิ่งมาถามไถ่พวกเขาถึงที่แน่

      “เวรเอ๊ย!?”  อาแจ๊กซ์สบถเสียงต่ำด้วยโทสะยังกรุ่นในอารมณ์ ไถลตัวลงมานั่งข้างสองหนุ่มมือปลดสลักใส่กระสุนชุดใหม่เข้าไปแทน แล้วคลานกลับขึ้นไปชิดขอบไหล่ทาง ยก HK33 ยิงตอบโต้พวกมันอีกครั้ง
 
      “ให้ตายเถอะ!! พวกมันมีทั้งอาวุธหนักและคนที่มากกว่าเราคงต้านไม่ไหว”  ไม่ถึงห้านาทีก็ไถลตัวกลับลงมาอีกครั้งในมือยังกำกระบอกปืนไว้แน่น ทั้งสามมองสบตากันเงียบงัน

       “คงสงสัยสินะว่ามีทางหนีรึเปล่า...” 

       พี่ชายใหญ่เอ่ยถามเรียบนิ่ง ตาคมหรี่ลงก่อนจะเสมองกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวเบื้องหน้านิ่ง สุดท้ายแล้วก็จนด้วยคำตอบ เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีราวกับชั่วกัลป์พี่คนโตสุดยกมือขึ้นตบลงเบาๆ ที่ไหล่ของน้ำนิ่ง

      “ไม่เป็นไร พวกเราจะไม่เป็นไร เราต้องผ่านมันไปได้”  คำมั่นสัญญาจากปากคนอายุมากสุดไม่ได้แค่ให้กำลังใจน้องเท่านั้นตัวเขาเองก็ด้วย 

      “แล้วแผนคือ??”  คานินเอ่ยถามหน้าสีหน้าร้อนรนคาดหวัง

      “ไม่มีแผน แค่ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ข้อเสนอของพี่ตอนนี้คือ พี่จะยิงคุ้มกัน นับสามเราสองคนรีบฉากหลบออกไปจากที่นี่ทันที เลียบแม่น้ำนี่ไปอีกสักประมาณสามสิบกิโลเมตรจะถึงจุดนัด อย่าวิ่งบนถนนหรือทางโล่งเด็ดขาดถ้าไม่อยากเป็นเป้าให้พวกมันสอย ทำได้รึเปล่า?”

      “เป็นข้อเสนอแย่ๆ ที่ไม่รับได้...”  คานินเอ่ยแย้ง แต่อาแจ็กซ์กลับส่ายหน้าไม่ยอมให้ปฏิเสธ

      “นี่อาจจะไม่ใช้ทางออกที่ดีที่สุด เปอร์เซ็นต์ที่เราจะออกไปจากที่นี่แม้จะแค่ 0.01 แต่พี่กลับคิดว่ามันดีกว่าไม่ทำอะไรเลยเข้าใจใช่ไหม”

      สิ่งที่อาแจ็กซ์เสนอมันยากเกินกว่าที่จะปฏิบัติตามได้ วันสองวันที่ผ่านมาพวกเราเผชิญอะไรด้วยกันมาหลายอย่าง การหลอกลวง ทรยศหักหลัง สูญเสียทั้งความเชื่อใจ เพื่อน และคนสำคัญที่ไม่มีวันกลับ จึงอดคิดไม่ได้ว่ายังมีอะไรที่เลวร้ายกว่านี้อีกไหม โอกาสในการเริ่มต้นใหม่ โอกาสในการแก้ไขความผิดพลาดยังหลงเหลืออยู่รึเปล่า..!!?  แค่คิดจิตใจกลับรู้สึกวูบโหวงเศร้าสลดจน...มันแย่..แย่มากจริงๆ…ไม่ไหวแล้ว....

      “ไม่!!  ไม่เอา...ข้อเสนออะไรเห็นแก่ตัวที่สุด น้ำไม่ไหวแล้ว... ไม่เอาแล้ว..เราจะไม่ทิ้งใครไว้ที่นี่ จะไม่ใครอยู่ที่นี่ทั้งนั้น พี่เป็นครอบครัวของเรา และเราทั้งหมดต้องไปด้วยกันแบบนั้นใช่ไหมครับพี่คานิน ทำได้รึเปล่า รับปากสิครับ...นะครับไปด้วยกัน” 

       น้ำนิ่งทัดทานกลับด้วยเสียงเด็ดเดี่ยวเอาแต่ใจ แต่ถึงกระนั้นพี่ชายทั้งสองก็สัมผัสได้ถึงอาการสั่นไหวและความกลัวในน้ำเสียงนั้น มือบางสั่นระริกเอื้อมมาบีบกระชับแขนอาแจ็กซ์แน่น ขบกัดริมฝีปากจนห้อเลือดนิ่งรอคำตอบอย่างกดดันและคาดหวัง

      สถานการณ์และโอกาสไม่เอื้ออำนวยให้อาแจ็กซ์ทำอะไรได้มากนัก กระสุนที่เหลืออยู่ไม่พอจัดการพวกมันได้ทั้งหมดจึงควรสงวนไว้ใช้เฉพาะสถานการณ์วิกฤติ ถ้าใช้ระเบิดน่าจะจัดการพวกมันได้หมดแถมต่อเวลาให้น้องหลุดพ้นจากการไล่ล่าของพวกมันได้ไกลไข คานินและน้ำนิ่งใช้ปืนเป็น รู้จักวิธีการต่อสู้พอตัว แถมเล่ห์เหลี่ยมค่อนข้างแพรวพราวพอกัน ถ้าสติไม่กระเจิดกระเจิงอย่างตอนนี้เขามั่นใจว่าสองคนนี่สามารถเอาตัวรอดได้แน่

       ชายหนุ่มเสหน้ากลับมาปะทะเข้ากับสายตาวิงวอนและสีหน้าเจ็บปวดของน้องอย่างจัง ใจของเขาอ่อนยวบลงอย่างไร้เหตุผล บีบบังคับให้เขาต้องตัดสินใจ สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจยาวและพยักหน้ารับอย่างจำยอม

       น้ำนิ่งยิ้มกว้างหากหัวใจดวงน้อยกลับเต้นระทึก หวังให้ผ่านสถานการณ์เดิมพันชีวิตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ชายหนุ่มล้วงระเบิดลูกเล็กสีเงินขนาดเท่ากับลูกปิงปองถูกออกจากเป้วางลงพื้นข้างตัว เหวี่ยงเป้สะพายใส่หลัง คว้า HK33 ขึ้นสะพายไหล่จัดทุกอย่างให้เรียบร้อยกระชับตัว

       มือแกร่งเอื้อมคว้าระเบิดขึ้นมากำมั่นคลานกลับขึ้นไปชิดไหล่ทางอีกครั้ง หันมาพยักหน้าเป็นสัญญาณก่อนจะดึงถอดสลักออกแล้วขว้างฝ่าความมืดไปตกยังทิศทางที่พวกมันซุ่มอยู่ ร่างสูงใหญ่รีบไถลตัวลงมาอย่างรวดเร็วกางแขนโอบสองพี่น้องเข้าอ้อมกอดเบี่ยงตัวบังสะเก็ดระเบิดที่อาจกระเด็นมาถึงตรงนี้

      ‘บึ้มมมมม..’

       หลังจากทุกอย่างเงียบสงบลง อาแจ๊กซ์ขยับตัวลุกขึ้น ยกมือให้สองหนุ่มรอข้างล่าง ส่วนตัวเองคลานกลับขึ้นไปจนชิดขอบไหล่ทางอีกครั้ง สภาพที่เห็นผ่านเลนซ์แว่นตาอินฟาเรดคือความหายนะวงกว้างราวกับปรมาณูขนาดมินิ ยอดเยี่ยมสมคำโฆษณาชวนเชื่อจริงๆ ไม่มีคลื่นความร้อนจากร่างกายพวกมันหลงเหลืออยู่...


      “เฮ้ย!! พี่ชะ...น้ำ!!” 

       อาแจ๊กซ์หันขวับตามเสียงอุทานของคานิน และฉงนยิ่งขึ้นกับสีหน้าตกใจของคนพี่ มองเลยมายังอีกคนที่ยังนอนหงายอยู่แล้วต้องเบิกตากว้าง แสงสลัวทำให้พอมองเห็นเลือดที่เริ่มไหลเป็นทางลงมาจากหน้าผากซ้าย สีหน้าซีดเผือดมึนงง น้องถูกสะเก็ดระเบิด...!???

       ชายหนุ่มไถลกลับลงมาอย่างรวดเร็ว หยิบไฟฉายกระบอกเล็กออกมาจากเป้ ขยับตัวเข้าไปใกล้น้ำนิ่ง ยื่นกระบอกไฟฉายให้คานินส่องไปที่บริเวณแผล เขาเอื้อมมือจับพลิกหน้าเล็กกลับมาเปิดผมตรงหน้าผากขึ้น แผลลักษณะถูกเฉือนปาดจากหินคมใหญ่พอสมควร ลึกจนหนังเปิดอ้าบางส่วนย่นเห็นกะโหลกขาวๆ เลือดยังไหลไม่หยุด  มีเศษหินดินเล็กๆ ติดอยู่ คงจะถูกบาดตอนล้มกระแทกให้หลบกระสุน  แต่แผลกว้างขนาดนี้คงต้องเย็บ...

      เขาพาน้องเลี่ยงออกนอกเส้นทางมาไกลโข สถานการณ์ฉุกเฉินนั้นทำให้ต้องยกเลิกฮอฯ ที่จะมารับฉับพลัน เปลี่ยนจุดนัดและเวลาใหม่ นั่นหมายความเราต้องเดินเท้ากันอีกหลายกิโลเมตรให้ถึงจุดนัดภายในเวลาที่กำหนดใหม่  แต่จากสภาพตอนนี้น้องไปต่อไม่ไหวแน่...

       “บัดซบเอ๊ย!! ไอ้งั่งอาแจ็กซ์!!

       ชายหนุ่มสบถในลำคอขรมอยากจะชกหน้าตัวเองด้วยความโมโห  มันเป็นความสะเพร่าที่น่าอดสูทำไมเขาต้องทิ้งกล่องปฐมพยาบาลไว้กับเฮอร์เซล...เวรกรรมจริง!!!  ร่างสูงใหญ่มองหน้าซีดเผือดของน้องนิ่งก่อนตัดสินใจทำบางอย่างที่พอจะทำได้

      อาแจ็กซ์จับหน้าน้องตะแคงรินน้ำจากกระติกซะล้างเศษหินและดินออกจากบาดแผลดูจนแน่ใจว่าสะอาดไม่มีเศษสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ ระหว่างนั้นก็ใช้มือเกลี่ยหนังที่ย่นให้เรียบอย่างแผ่วเบา บาดแผลปิดไม่สนิทเพราะชิ้นหนังบางส่วนฉีกขาดหลุดหายไป

       อาการกัดฟันแน่น เกร็งตัวทุกครั้งที่มือเขาปาดเกลี่ยหนังย่นๆ นั้นให้เรียบ สีหน้าอ่อนล้าเบลอๆ กับเหงื่อเม็ดเล็กที่ชื้นตามไรผม เขารู้ว่าเจ้าตัวเจ็บจนชาแต่ก็ไม่ได้ปริปากร้องออกมา คานินใช้มือข้างที่ว่างดึงมือเล็กที่เกร็งจิกหน้าขาผ่านเนื้อผ้ามากุมไว้แน่น  อาแจ็กซ์เทน้ำสะอาดซะล้างแผลซ้ำอีกครั้ง ฉีกชายเสื้อยืดตัวเองกดปิดปากแผลไว้

      “เด็กน้อยของพี่กดนี่ไว้นะ”

      “คานินมาช่วยพี่พยุงน้องเข้าไปซ่อนตรงโพรงไม้นั่นก่อนไป”  คานินมองตามปากบุ้ยใบ้ของอาแจ็กซ์ห่างไปสี่ห้าก้าว ต้นไม้ขนาดใหญ่สองต้นยืนต้นตระหง่านริมไหล่ทาง รากส่วนที่ยื่นลงไปในแม่น้ำถูกน้ำเซาะจนเป็นโพรงพอให้สองคนเข้าไปหลบซ่อนตัวได้สบาย

      “อย่าออกมาจนกว่าพี่จะกลับมา ทำได้ใช่ไหม”

      “แล้วพี่จะไปไหน!?” 

      “ดูแลน้องให้ดีเดี๋ยวพี่กลับมา” 

       อาแจ็กซ์ปลดปืนออโตเมติกจากซองที่เหน็บเอวส่งให้คานินถือไว้ สั่งกำชับเสียงเข้มก่อนจะผละออกไปอย่างรวดเร็ว


........................................





      เสียงเครื่องยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อบดตามถนนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สองสามนาทีต่อมารถคันนั้นก็จอดนิ่งแต่ไม่ดับเครื่องยนต์ พวกมันกระโดดลงจากรถกระจายตัวเข้าตรวจสอบความเสียหายและร่องรอยของกลาง ฟังจากเสียงเท้าที่กระทบพื้นคาดว่าน่าจะมีสักเจ็ดหรือแปดคนเป็นอย่างต่ำ

      “สัตว์เอ๊ย!! เล่นซะเละเป็นโจ๊ก”  มันคนหนึ่งคาดว่าจะเป็นตัวท๊อปสบถกร้าว เสียงนั่นฟังคุ้นหูแต่เสียงวิ่งเสียงตะโกนโหวกเหวกของพวกมันหลายคนทำให้ไม่แน่ใจ


      “คนของพวกมันตายสาม แต่ไม่มีของที่นายอยากได้”

      “กระจายกำลังค้นหาให้ทั่ว คงยังหนีไปได้ไม่ไกล” 

       “มันคงอยู่รอให้จับหรอก”

      “หุบปากเน่าๆ ของมึงซะ แล้วค้นให้ทั่วซะ”


      เสียงฝีเท้ามันคนหนึ่งตรงมายังต้นไม้ที่ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ คานินขยับตัวอย่างแผ่วเบาเบียดชิดน้องมากขึ้น มือข้างหนึ่งยกปืนขึ้นเตรียมพร้อมยิง ดันตัวน้องให้ขยับเข้าไปชิดข้างในมากขึ้น ยกมือขึ้นแตะปากทำสัญญาณให้เงียบ มันก้าวลงมายืนบนรากไม้ขนาดใหญ่พอสมควรยื่นยาวเข้าไปในแม่น้ำเหมือนเป็นสะพาน แต่ที่ระทึกใจมากกว่าอะไรทั้งหมดคือมันยืนห่างแค่หนึ่งช่วงแขน น้ำนิ่งอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าให้พวกมันเห็นเรา

      ไฟฉายที่อยู่ในมือของมันถูกส่องกราดไปทั่วบริเวณ แล้วสุดท้ายก็สาดวูบมาบริเวณที่ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่  มันพยายามจ้องเขม็งผ่านช่องว่างระหว่างรากไม้ น้ำนิ่งยกมือขึ้นปิดปากแน่นกลั้นลมหายใจโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าเสียงหายใจแผ่วเบานั้นจะทำให้พวกมันรับรู้ว่ามีเราอยู่ที่นี่ 

       คานินก็ไม่แพ้กันเขาแทบจะหยุดหายใจมือกุมกระชับมือน้องแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว  เหงื่อกาฬผุดพรายทั่วขมับจนเปียกชุ่มตามไร้ผมและแผ่นหลัง  ความกลัวแผ่กระจายอยู่รอบตัว และเพิ่งตระหนักว่าการยกพวกตีกันสมัยอยู่มหาวิทยาลัยมันดูงี่เง่ามากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ตอนนี้


      - แกร๊ก -

      ปัง!!  ปัง!!

……………………………………….




      เสียงปืนสองนัดดังแว่วจากบริเวณที่น้องอยู่ ทำให้อาแจ๊กซ์นิ่งชะงักงันเกือบห้านาที ใจเต้นระทึกฉุดรั้งให้คิดว่าเสียงนั้นอาจปิดชีวิตของสองหนุ่มชั่วกาล  ยิ่งทำให้ร้อนรนเร่งฝีเท้าทั้งวิ่งทั้งเดินให้เร็วขึ้น เขาพลาดอีกแล้วใช่ไหม...? ทำไมต้องทิ้งน้องไว้ที่นั่น...?

      ‘ระยำเอ๊ย!!’ 

       เสียงสบถลั่นในหัว ทั้งโมโห ทั้งก่นด่าและตำหนิตัวเอง อยากจะไปให้เร็วกว่านี้แต่ติดที่หน่วยลาดตะเวนติดอาวุธของพวกมันกระจายกำลังถี่ยิบดักแทบทุกทาง

      ‘พระเจ้า ถ้าท่านทรงได้ยิน อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องเลย’

…………………………..



      เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมาอาแจ็กซ์จึงสามารถหลบหลีกหน่วยลาดตะเวนของพวกมันมาได้ ชายหนุ่มชาร์จตัวเข้าหลบหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซุ่มดูเหตุการณ์อย่างระแวดระวัง แล้วก็สะดุดเข้ากับภาพบอดี้การ์ดสามคนของเขาถูกพวกมันมัดเท้าห้อยหัวลงจากกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่อีกฟากถนน ใจที่ว่าแกร่งดำดิ่งกระตุกวูบด้วยความสงสารปวดหน่วงเศร้าสลดใจจนไม่รู้ว่าความรู้สึกไหนมากกว่ากัน... 

       บอดี้การ์ดสามคนนี้เคยเป็นเด็กส่งยาจากดงสลัมที่เสี่ยเซนและเขาช่วยเหลือออกมาจากการถูกยำตีนของแก๊งค์ค้ายาคู่อริแถบนั้น เสี่ยรับอุปการะและให้ทุกอย่างเท่าที่เด็กพวกนี้สมควรจะได้รับ หลังเรียนจบเด็กเหล่านี้ไม่ยอมไปไหนขออยู่รับใช้เสี่ยและครอบครัวจนกว่าจะตาย... มือแกร่งยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ซึมหัวตา ชายหนุ่มกำมือแน่นระงับโทสะที่คุกกรุ่นในใจ
 
      “ระยำหมา!!  กูจะเอาคืนพวกมึงอย่างสาสม” 

       อาแจ๊กซ์ซุ่มเงียบจนมั่นใจว่าไม่มีพวกมันอยู่ที่นี่ จึงออกจากที่ซ่อนตรงไปยังฝั่งตรงข้ามจัดการปลดร่างไร้วิญญาณของทั้งสามหลบไว้หลังแนวต้นไม้

      ‘เอาไว้จัดการพวกมันให้เสร็จ พี่สัญญาจะพาพวกนายกลับบ้าน...’

       ตาคมหรี่มองหน้าทั้งสามสลับไปมา พร้อมคำสัญญาหนักแน่น อาแจ็กซ์ผละจากร่างไร้วิญญาณเดินตรงไปยังบริเวณที่น้องซ่อนตัวอยู่ บนพื้นถนนปรากฏรอยล้อรถที่ถูกขับเคลื่อนออกไปด้วยความเร็ว  แล้วต้องใจกระตุกวูบอีกครั้งเมื่อตลอดทางลงมีรอยเลือดหยดเป็นทาง

      “คานิน!! น้ำนิ่ง!!  อยู่นี่รึเปล่า พี่มาแล้ว”

       ชายหนุ่มไถลตัวตามทางลาดชันอย่างรวดเร็ว  อาแจ๊กซ์ลุยน้ำที่สูงเพียงครึ่งหน้าแข้งอ้อมไปอีกทางจนถึงปากทางเข้าซึ่งน้ำยังท่วมไม่ถึง มือแกร่งแหวกม่านรากไม้ออก แล้วแทบทรุดเพราะข้างในโพรงนั้นว่างเปล่า...ไม่มีร่างคนที่ควรจะอยู่ที่นี่  บนพื้นพบเพียงเศษผ้าที่เปื้อนเลือดตกอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาคลี่ดูก่อนจะกำแน่นไว้ในมือ

      “คานิน!  น้ำนิ่ง!

      อาแจ็กซ์เตลิดออกจากโพรงไม้นั่นป่ายปีนขึ้นไปยืนเคว้งคว้างหันซ้ายหันขวาอยู่กลางถนนไม่รู้จะก้าวขาไปตามหาทางไหน เขาวิ่งไปค้นตามสุมทุมพุ่มไม้ตรงนั้นตรงนี้จนเหงื่อซกทั้งที่อากาศเย็น แต่ทุกที่กลับว่างเปล่า....ไปไหนกัน!!?

      ‘ถูกฆ่า!?  ถูกจับ!?   หรือว่าหนี!?’ เสียงที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงเสียดสีและหวีดหวิวของกิ่งไม้ใบไม้ที่ถูกแรงลมปะทะ




-มีต่อ-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2016 13:30:17 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง_EP.37_ความประมาท P.9_1042016
«ตอบ #259 เมื่อ10-04-2016 19:03:58 »

-ต่อจากข้างบน-


      - แกร็ก -

      อาแจ็กซ์หันขวับตามเสียงเหยียบกิ่งไม้แห้งปืน HK33 ถูกยกประทับปลดสลักขึ้นนกกำลังจะกดปล่อยกระสุนแต่เสียงแผ่วเบานั้นทำให้ยั้งมือได้ทัน


      “พี่ชาย...”

      คนถูกเรียกชะงักค้างกับภาพตรงหน้าทั้งโล่งอกและดีใจจนสั่นไปหมด ขอบคุณพระเจ้าที่น้องยังอยู่ตรงนี่ แม้สภาพจะสะบักสะบอม โดยเฉพาะน้ำนิ่งแทบจะยืนไม่อยู่ หน้าแดงก่ำจากพิษบาดแผลเล่นงาน เลือดยังไหลหยดเป็นทาง แต่ถึงยังไงน้องก็ยังอยู่ตรงนี้ อาแจ็กซ์สาวเท้าอย่างรวดเร็วเข้าไปหากางแขนโอบกอดทั้งคู่แน่นกระชับ ปากพึมพำขอบคุณพระเจ้าไม่หยุดอย่างกับคนบ้า

      “โอ้!! ขอบคุณพระเจ้าที่พวกนายยังอยู่ ขอบคุณเหลือเกิน”

      น้ำนิ่งก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน คิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่แล้วมาก็ยังสั่นไม่หาย นับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังเมตตาสงสาร บริเวณที่เราหลบอยู่มีรากไม้เบียดตัวเกี่ยวกระหวัดกันค่อนข้างแน่น บางส่วนเป็นรากฝอยเส้นยาวยังกับม่านทิ้งตัวห้อยระย้ายาวเฟื้อยลอยกระเพื่อมแผ่กระจายบนผิวน้ำบดบังทางเข้าจนแทบมิด และน้ำที่เอ่อสูงครึ่งเรื่อยๆ ทำให้มันละทิ้งความสนใจผละจากไป ทิ้งไว้แต่เสียงถอนหายใจแผ่วเบาของสองพี่น้องด้วยความโล่งอก

      “เสียงปืนนั่นไม่ได้!?  แล้วเลือด!?”  อาแจ็กซ์คลายอ้อมกอด ผละตัวออกห่างมองสำรวจสภาพความเสียหายทั่วร่างทั้งคู่อย่างห่วงใย

      “ต้องขอบคุณกวางเคราะห์ร้ายตัวนั้นที่อยู่ผิดที่ผิดเวลา”  คานินอธิบายด้วยสีหน้าเศร้าและสำนึกบุญคุณอย่างจริงใจ

      “แล้วไปอยู่ที่ไหนมา”

      “ในโพรงนั่นมันเป็นถ้ำ เรากลัวมันเปลี่ยนใจกลับลงมาดูอีกครั้งเลยตัดสินใจเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีเราก็ไปโผล่ตรงจุดที่พี่ทิ้งบอมส์ซะแล้ว แรงระเบิดทำให้ผนังถ้ำถล่มลงมาเป็นหลุมกว้างเกือบเมตร โชคดีที่กิ่งไม้ใบไม้บังปากหลุมทำให้พวกมันไม่เห็นเรา แล้วจะทำยังไงดีจะไปทั้งยังงี้น้องไหวแน่ ตัวร้อนแทบไหม้”  คานินอธิบายยืดยาว ทั้งสีหน้าแววตาสื่อความห่วงใยเต็มเปี่ยม มือเกลี่ยปอยผมขึ้นเหน็บใบหูเล็ก แขนโอบประคองร่างระทวยเพราะพิษไข้ไว้มั่น

      “เราไม่มีทั้งยาและอุปกรณ์เย็บแผล ทางเดียวที่พี่คิดออกตอนนี้มีแค่นี้เอง”  อาแจ็กซ์ล้วงสิ่งที่เขาดั้นด้นเสี่ยงชีวิตไปเอาออกมาจากเป้ยื่นไปตรงหน้าน้องทั้งคู่

      “มันคืออะไร?? แล้วจะช่วยน้องได้จริงเหรอ”  คานินมีสีหน้าฉงน ไม่เข้าใจสิ่งที่อาแจ๊กซ์จะทำ

      “Bitter bush ต้นสาบเสือ หรือเซโพกวย ตามภาษาถิ่นของที่นี่ มันเป็นวัชพืชและก็เป็นสมุนไพรสำหรับชาวบ้าน ที่นี่เขาเรียกอะไรนะ ‘ภูมิปัญญาชาวบ้าน’  เราแค่ต้องศรัทธา ใช่แบบนั้นแหละ พยุงน้องไปนั่งตรงต้นไม้นั่นเร็วสิ”  แม้จะยังฉงนว่าไอ้เจ้านี่มันรักษาได้จริงเหรอ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ใช่เขาแค่ต้องศรัทธา

      “มีผ้าเช็ดหน้าไหม” 

       อาแจ็กซ์รับผ้าเช็ดหน้ามาสะบัดคลี่ออก เด็ดดอกสาบเสือวางตรงกลางผ้า รวบมุมผ้าทั้งสี่ด้านทำเหมือนลูกประคบ ใช้ด้ามมีดสนามทุบไม้พอยังบีบบี้จนเละมีน้ำซึมออกมา ชายหนุ่มจัดการบีบน้ำจากดอกสาบเสือใส่ลงไปในกระติกน้ำ ส่งทั้งกระติกให้คานิน

      “เอาให้น้องดื่มเร็วสิ”

      “จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”  สีหน้าคานินยังกังวล น้ำเสียงไม่มั่นใจสักเท่าไรว่านี่จะช่วยได้

      “ไม่เป็นไร เชื่อสิพี่เคยกินมาแล้ว มันช่วยแก้ไข้ กระหายน้ำ ชูกำลัง แล้วก็อาการอ่อนเพลีย เราก็กินด้วยสภาพแย่ไม่ต่างกันนี่”  คานินยังลังเล คนพี่ดึงกระติกน้ำมาคืนยกขึ้นดื่มให้ดู ก่อนจะส่งคืน คราวนี้คนน้องไม่อิดออด ยกจ่อปากคนน้อง

      “เด็กดีดื่มนี่ก่อนนะ” 

       น้ำนิ่งยกมือร้อนขึ้นโอบประกอบกระติกน้ำยกดื่มอย่างกระหายก่อนจะผลักคืน คานินยกขึ้นดื่มต่อรสชาดแม้ไม่โสภาแต่กลับกระชุ่มกระชวยอย่างประหลาด ตามองอาแจ็กซ์ที่กำลังเด็ดใบสาบเสือและก้านอ่อนลงบนผ้าเช็ดหน้ารวบชายผ้าทุบด้วยด้ามมีดสนาม

      “แล้วนี่ใช้ทำอะไรอีกเหรอครับ”  คานินถามอย่างฉงน

      “ใบของมันถือเป็นพระเอกของงานนี้เลย มันมีสารสำคัญที่เรียกว่า กรดอะนิสิกและฟลาโวนอยด์หลายชนิด รวมทั้งน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบไปด้วยสารยูพาทอล คูมาริน สารสำคัญเหล่านี้จะไปออกฤทธิ์ที่ผนังเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดหดตัว และยังมีฤทธิ์ไปกระตุ้นสารที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น ทำให้สามารถห้ามเลือดได้  แล้วทั้งต้นกันบาดทะยัก” 

       ระหว่างอธิบายยืดยาวมือแกร่งทั้งขยี้ทั้งทุบห่อผ้าเช็ดหน้าก่อนจะคลี่ออก ใบสาบเลือค่อนข้างละเอียด ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าใกล้น้ำนิ่ง มือเสยเปิดผมตรงหน้าผากขึ้นจัดการโปะใบสาบเสือลงไปที่แผลของน้องปิดทับด้วยผ้าเช็ดหน้าแทนผ้าก็อชอีกครั้ง

      “แผลจะไม่ติดเชื้อแน่นอนใช่ไหม”

      “......." อาแจ็กซ์ถอนหายใจหนักหน่วง  "แค่เราต้อง ‘เชื่อมั่นและศรัทธา’ ถึงบ้านเราให้หมอดูอีกทีแล้วกัน เอาล่ะคงต้องไปแล้ว อย่าโอ้เอ้พี่กลัวว่าพวกมันจะกลับมารีเช็คอีกครั้งทีนี้จบเห่จริงๆ แน่” 

      “น้ำลุกไหวมั้ยมาเถอะเราต้องไปกันแล้ว”

      คานินรู้หน้าที่รีบเข้ามาฉุดน้องลุกขึ้นยืนโอบประคองวิ่งไปพร้อมกัน อาแจ็กซ์คอยคุ้มกันและระวังหลังให้ ทั้งสามลัดเลาะตามเงาของต้นไม้มุ่งทิศตะวันออกอย่างระแวดระวัง


.....................................





      พวกเราทั้งเดินทั้งวิ่งลัดเลาะตามแนวป่ารกทึบสลับดงกล้วยเป็นระยะๆ แม้จะเหนื่อยจนก้าวขาแทบไม่ออก หอบหายใจถี่เหมือนจะเป็นลมสิ้นสติหลายครั้ง กระหายน้ำจนปากแห้งแตก ตามเนื้อตัวเปียกชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อกาฬซึ่งปะทะลมเย็นแล้วน่าจะพอบรรเทาความร้อนกายได้ ทว่ากลับสะบัดร้อนสะบัดหนาวแทน เพราะไม่อยากเป็นภาระของพวกพี่ น้ำนิ่งเก็บงำอาการครั่นเนื้อครั่นตัวไว้อย่างเงียบเชียบ

       อาแจ็กซ์สังเกตมาสักพักแล้วว่าสีหน้าน้ำนิ่งไม่ดีเท่าไร ออกอาการโงนเงนเหมือนจะสิ้นสติเสียหลายครั้ง แต่น้องก็ยังฝืนเดินต่อโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ความอดทนเป็นเลิศอย่างน่านับถือ คานินเองก็เช่นกัน จะว่าไปเราเดินกันมาหลายชั่วโมงโดยไม่ได้พักเลย อีกสักประมาณ 14 – 15 กิโลเมตรจะถึงชายแดนไทย พักสักสองสามนาทีก็คงได้ จึงทำสัญญาณให้หยุดพัก มือแกร่งปลดกระติกน้ำผสมดอกสาบเสือยื่นให้คานิน แต่คนพี่กลับยื่นไปจ่อที่ปากน้องก่อน น้ำนิ่งยื่นมือที่สั่นนิดๆ ของตัวเองมารับกระติกน้ำไปยกขึ้นดื่มอึกๆ ด้วยความกระหาย

      อาแจ็กซ์เดินแยกห่างออกมาเล็กน้อย มองฝ่าความมืดไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ใจกระหวัดไปถึงวันแรกที่ได้รู้จักน้ำนิ่งช่างต่างกันลิบลับกับตอนนี้  เวลานั้นเขาปรามาสและไม่ชอบเอามากๆ รู้สึกว่าเป็นเด็กที่ใช้ไม่ได้ดูอ่อนแอปวกเปียก เพราะถูกเลี้ยงมาราวกับไข่ในหินประคบประหงมตามใจมากเกินพอดีจนเหมือนเด็กไม่รู้จักโต พึ่งพาไม่ได้ และทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง รอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่นอยู่ตลอด 

       ส่วนเจ้าเด็กคานินท่าทางกวนโอ๊ย เย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใคร และยิ่งเกลียดเข้ากระดูกดำ เพราะมันไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เป็นเพศแม่เจ้าชู้เพลย์บอยตัวพ่อ สาวแก่แม่หม้ายสาวน้อยสาวใหญ่นั่นธรรมดามาก ผู้ชายนี่สิมันยังไม่เว้นอย่าเสนอเพราะเจ้านี่พร้อมสนอง เสร็จสมทางใครทางมันอย่าเรียกหาความรับผิดชอบเพราะไม่มีให้ แม้จะมีเซล่าแต่มันก็ยังนอนกับคู่ขาคนอื่นอยู่เป็นประจำ ทำเอาเสี่ยเสียใจหลายครั้ง เขาไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะเจ้าเด็กนี่เป็นทั้งหมดของเสี่ย

       เรายากจะตัดสินใครว่าดีหรือเลวจากสิ่งที่เห็นหรือคำพูดที่เขาพูดต่อๆ กันมา ผมเชื่อแล้วว่ามันไม่จริงจนกว่าเราจะได้สัมผัสหรือรู้จักกับคนนั้น หลังจากที่ได้คลุกคลีดูแลนานวันเข้าสิ่งที่เห็นครั้งแรกนั่นก็แค่ภาพลวงตา อย่างน้ำนิ่งมันมีมูลเหตุหลายประการที่ทำให้น้องถูกประคบประหงม สองคนนี่ถึงจะเป็นเด็กดื้อรั้นเป็นบางครั้งแต่ก็เป็นคนจิตใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเอาใจใส่ต่อผู้อื่นเสมอ นั่นทำให้อาแจ๊กซ์และบอดี้การ์ดคนอื่นๆ รักสองคนนี่โดยไม่มีข้อกังขา พร้อมที่จะปกป้องชีวิตและความสุขของสองคนนี่ด้วยชีวิตของพวกเขา

       “ความนับถือและภักดี” เป็นอีกความรู้สึกที่ไม่ต้องปรุงแต่งและเขาอยากจะมอบให้สองคนนี่อย่างจริงใจในวันนี้ น้องไม่ได้มองว่าพวกเขาเป็นแค่ลูกจ้างหรือบอดี้การ์ด แต่น้องมองเขาเป็นคนในครอบครัว เป็นพี่ชาย เขาไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากเจ้านายคนก่อนๆ .”ครอบครัว” มันเป็นอย่างนี้สินะ


      “ค่อยๆ จิบ ช้าๆ เดี๋ยวสำลัก”  เสียงสำทับด้วยห่วงใยของของคานินดึงสติของเขาให้หันกลับมามองสองพี่น้องอย่างกังวลและห่วงใยเช่นกัน

       มือเรียวของคนพี่เสยผมระแก้มแดงระเรื่อทัดหูให้น้อง ก่อนจะรับกระติกน้ำที่น้องยื่นคืนมาวางไว้ข้างตัว แววตาทอดมองสีหน้าที่ซีดเผือดขาวราวกระดาษและอาการเจ็บป่วยตามร่างกายของน้องด้วยสีหน้าวิตกกังวลห่วงใย โอบประคองร่างโงนเงนเหมือนจะเป็นลมหมดสติของน้องเอนพิงกับต้นไม้ ปากเผยอ้าน้อยๆ เพื่อโกยอากาศเข้าปอด

       คานินฉีกชายเสื้อตัวเองรินน้ำจากระติกใส่พอชุ่ม นำไปเช็ดตามใบหน้า ซอกคอ และแขนของน้อง ก่อนจะพับเป็นแผ่นยาววางแปะหลังคอให้น้ำนิ่ง ความชุ่มฉ่ำจากน้ำเย็นช่วยบรรเทาอาการกระหายและร้อนรุ่มตามร่างกาย และความเจ็บปวดเมื่อยล้าได้ระดับหนึ่ง

      “ทนอีกนิดนะคนเก่ง เดี๋ยวเราก็ถึงบ้านแล้ว” 

       น้ำนิ่งรู้สึกปวดหนึบที่แผลลามไปถึงขมับและท้ายทอย อาการวิงเวียนตีตื้นมาเป็นระลอกราวคลื่นกระทบฝั่ง ลมหายใจร้อนผ่าวจนรู้สึกได้ชัดเจน ร่างบางพยักหน้ารับเบาๆ ทั้งที่ยังหลับตานิ่ง เมื่อเห็นว่าน้องไม่พูดอะไรอีกเจ้าคนพี่จึงยอมยกน้ำขึ้นจิบแต่ไม่ยอมละสายตาหน้าน้องสักเสี้ยวนาที  อาแจ็กซ์เดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ กัน คานินยื่นน้ำมาให้เขาดื่ม
 
      “พวกมันยังไม่ได้ของกลางคืน มันต้องตามกลิ่นต่อแน่ เราต้องเลี่ยงไปทางตะวันออกเฉียงใต้แทน อ้อมเขานิดหน่อยเดินไหวรึเปล่าครับ?”  อาแจ็กซ์มองทั้งคู่อย่างห่วงๆ

      “ไหวครับ” 

       น้องตอบพร้อมกัน แม้ปากจะบอกว่าไหวแต่เสียงหอบหายใจถี่ สะท้อนสิ่งที่เห็นได้เป็นอย่างดี อาแจ๊กซ์รู้ดีว่าคนที่ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้แม้จะกลืนน้ำลายยังยากลำบาก แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ไม่ได้ฝึกฝนมาเลยอย่างสองคนนี่

      “ไปกันเถอะนะพี่ชาย น้ำไม่เป็นไรแล้ว”  น้ำนิ่งขยับตัวลุกขึ้น ร่างเล็กเซเล็กน้อยเนื่องจากอาการวิงเวียนยังไม่คลายตัว คานินถลาเข้าไปโอบประคองไว้ไม่ให้น้องล้ม

      “หน้ายังซีดอยู่เลย พักอีกสักนิดดีกว่าไหม” 

      “น้ำไหวเชื่อสิ นะครับ”  น้ำนิ่งอ้อนถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนเรียกกำลังวังชาให้ตัวเองยังไงยังงั้น  คนพี่หลุดยิ้มระอา

      “อีกไม่ไกลใช่ไหมครับจะถึงจุดนัดที่ว่า” คานินถามเพื่อความแน่ใจ

      “อย่างที่บอกเส้นทางมันอ้อม ถ้าเราไม่ถูกประกบ คาดว่าอีกสองชั่วโมงเราจะไปถึงจุดนัด ว่าแต่ว่าไหวแน่นะ ฟังเสียงยังดูเหนื่อยๆ ตอนนี้รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตรงไหนอีกรึเปล่า” อาแจ็กซ์ถามสีหน้ากังวล

      “รู้สึกชาๆ แล้วก็ร้อนตรงแผลแต่น้ำใบสาบเสือของพี่ชายก็ช่วยได้เยอะเลย พี่ชายไม่ต้องห่วง” 

      น้ำนิ่งยิ้มกว้างเป็นเครื่องการันตีว่าตัวเองยังไหว ร่างบางฝังกลบความเหนื่อยล้าปวดเมื่อยตามร่างกายจนแทบจะทิ้งร่างลงนอนตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด อาการนิ้วเท้าพุพองแสบร้อนปวดตุบๆ จนไม่อยากจะเดินไว้อย่างเงียบงัน

      ‘อดทนนิดนะไอ้น้ำ ยังมีเวลาให้นอนอีกนานเมื่อถึงบ้าน...’

       “ไม่ต้องห่วงน่า น้ำไหวจริงๆ ไม่เชื่อ...”  น้ำนิ่งเลิกคิ้วถามก่อนจะหลุดยิ้มอ้อนใส่ตาพี่ๆ ทำท่าขึงขัน “เห็นไหมว่าไหวจริงๆ เอ้า! ถ้าขืนชักช้าเดี๋ยวพวกมันแห่กันมาเราจะแย่นะครับ เถอะน่านะครับน้า..พี่ชาย” 

      “เฮ้อ!! จริงเล้ย”  พี่ใหญ่สุดถอนหายใจหนักหนวงอีกครั้ง นี่ก็ไม่รู้จะแก่ลงอีกกี่ปี สองวันมานี้เขาถอนหายใจเป็นร้อยแล้วมั้ง  สุดท้ายก็หลุดยิ้มอ่อนโยนมือตบปุๆ ลงบนบ่าบอบบางของไอ้ตัวเล็กตรงหน้า

      “เชื่อเขาเลย ถ้าไม่ไหวยังไงบอกพวกพี่ทันทีเลยนะ ห้ามเก็บเงียบเป็นหมาตดเข้าใจรึเปล่า” 

      คานินกำชับหนักแน่นตอนท้ายยังกล้าปล่อยมุกแป๊กลดความตึงเครียดได้อย่างหน้าไม่อายอีก น้ำนิ่งส่ายหน้าระอาก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ รับคำเป็นมั่นเหมาะ ทั้งคู่ประคองกันลุกขึ้นเดินตามหลังอาแจ็กซ์มุ่งหน้าไปตะวันออกเฉียงใต้


.....................................





      สายลมเย็นพัดหวีดหวิวบาดผิวจนเจ็บแสบ สองพี่น้องโอบประคองกันเดินไปตามทางสลัวของคืนเดือนมืดบ้างลาดชันลื่นไถลขึ้นลงเขาลูกเล็กสลับป่ารกทึบ ทั้งคู่มีสภาพสะบักสะบอมจากการถูกหนามแหลมกิ่งไม้ทิ่มตำให้สะดุ้งเป็นระยะ เสียงครางหึ่งๆ ของแมลงกลางคืนรอบตัวนั่นอีก ทำให้สองพี่น้องคอยยกมือปัดหน้าตาไปมาราวกับที่ปัดน้ำฝนทุกสองสามวินาทีก็ไม่ปาน

      ณ เวลานี้ทั่วทั้งสรรพางค์กายเจ็บปวดเหนื่อยล้าไปหมด ความร้อนลดลงเล็กน้อย เลือดหยุดไหลไปนานแล้ว แต่นัยน์ตากลับเจ็บเคืองเหมือนคนตาบอดชั่วคราวอดไม่ได้ที่จะเคืองโกรธแมลงตาบอดเสารับสัญญาณชำรุดแล้วดันบินไม่ดูตาม้าตาเรือชนสะเปะสะปะหลุดเข้านัยน์ตาจังๆ หลายครั้ง เปลือกตาที่เคยปิดกั้นสิ่งแปลกปลอมทุกชนิดไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปในตาได้อย่างทรงประสิทธิภาพยอดเยี่ยมไม่มีที่ติดันพลาดจนไม่อาจอภัย

       อนิจจาใดๆ ในโลกย่อมเป็นไปตามกรรม สิ่งนั้นเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จึงไม่อาจจะโกรธเคืองกล่าวโทษว่าเป็นความผิดพลาดของเปลือกตาหรือแมลงเคราะห์ร้ายนั่นเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แมลงเคราะห์ร้ายนั่นบินชนแล้วหลุดเข้าไปนอนตายเกาะติดเคลื่อนตัวไปมาตามวิถีการกระพริบตาและมือที่บดขยี้เพื่อสลัดสิ่งแปลกปลอมให้หลุดพ้นจากนัยน์ตา จึงเป็นเหตุให้ผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาเกิดความทุกข์เจ็บปวดระคายเคือง ไม่ว่าเจ้าของนัยน์ตาหรือแมลงเคราะห์ร้ายต่างตกอยู่ในบ่วงกรรมเฉกเช่นเดียวกัน

      ในแง่เดียวกันสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ มูลเหตุของปัญหามันเกิดจากความทะยานอยากในอำนาจ เงินตรา และการแก้แค้นของคนๆ หนึ่ง การทำให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการจึงไม่เกี่ยงวิธี ก็อย่างที่บอกถ้าไม่มีมูลเหตุแห่งกรรมร่วมกันก็จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ทุกคนย่อมมีเวรกรรมเป็นของตัวเอง มีสิ่งที่ต้องชดใช้ต่อกัน จึงไม่อาจโทษว่าเป็นความผิดของใครได้ ผลกรรมที่แต่ละคนจะได้รับจะเป็นอย่างไรย่อมเป็นไปตามการกระทำของคนๆ นั้นไม่เปลี่ยนแปลง...


       อ้อ ขอโทษและอย่าถือสาเลยนะที่น้ำบ่นหรือคิดอะไรยาวเหยียดขนาดนี้ น้ำแค่อยากจะทำให้ตัวเองลืมความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดที่มันหนึบอยู่ทั่วตัวเท่านั้นเองเข้าใจนะ



      หนึ่งชั่วโมงถัดมาที่พวกเราเดินบ้างวิ่งบ้างไม่หยุด บางครั้งเดินกันอย่างเพลิดเพลินราวกับมาล่องไพร่แล้วดื่มด่ำในธรรมชาติและบรรยากาศแห่งมนต์ขลังของป่า จู่ๆ อาแจ็กซ์ส่งสัญญาณมือให้เร่งรุดเข้าหาที่ซ่อนตัวอย่างเงียบเฉียบ

      ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง

      บึ้ม  บึ้ม  บึ้ม


       เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น พวกมันไม่รู้มาจากทางไหน ไม่มีถามความต้องการจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมลูกกระสุน M4A1 และ อาร์พีจี ราวกับเทศกาลลดกระหน่ำซัมเมอร์เซล

       กระสุนแหวกอากาศหวิดทะลวงร่างเล็กของน้ำนิ่งดีว่าคานินมีสติค่อนข้างครบถ้วนดึงกระชากกายหยาบที่ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยของน้องหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบซึ่งบังวิถีกระสุนได้ค่อนข้างดีเยี่ยม มัจจุราชเหล่านั้นจึงเจาะทะลวง เปลือกต้นไม้จนแตกกระจุยกระจายแทน ผงฝุ่นเศษเล็กเศษน้อยของเปลือกไม้ปลิวว่อนในอากาศ แรงระเบิดอาร์พีจีฉีกทะลวงลำต้นไม้ที่ไม่ใหญ่หักกลางล้มระเนระนาดไม่อยากจะคิดถ้าเป็นร่างของพวกเราจะเป็นยังไง...

      ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง

      เสียงปืนรัวสนั่นดังก้องจนหูดับ น้ำนิ่งยกมือกดหูตัวเองรู้สึกอื้ออึงคล้ายฟังอะไรไม่ชัด เขารอดตายอย่างหวุดหวิดเพราะคานินช่วย ลำพังถ้าอยู่คนเดียวกระสุนเหล่านั้นคงทะลุทะลวงร่างจนนับรูไม่ทันแน่ พิษไข้ทำให้สมองเบลอประมวลผลล่าช้าเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ที่มีแรมต่ำ

       การปะทะกันครั้งนี้พวกมันหวังผล จึงรุนแรงและตีโอบเข้าประชิดตัวจนพวกเราไม่สามารถตอบโต้อะไรได้มากนัก อาแจ๊กซ์เจ็บปวดร้อนวูบที่ใบหูข้างขวาไม่นานก็รับรู้ถึงกลิ่นคาวกับความอุ่นชื้นไหลเป็นทางลงมาตามลำคอแกร่ง มัจจุราชเม็ดเล็กๆ นั่นถากใบหูขวาด้านบนเขาไปนิดเดียว ไม่รู้จะขอบคุณโชคชะตา ความมืดสลัว หรือพวกมันดี ถ้าแค่มันปรับวิถีกระสุนสักสองนิ้วมีหวังเขาได้ลงไปนอนคุยกับหนอนเป็นแน่แท้

      “คานิน! พาน้องหนีไปก่อน พี่จะยิงคุ้มกันให้” อาแจ็กซ์ตะโกนเสียงเข้ม คานินห่วงหน้าพะวงหลังจนทำอะไรไม่ถูก

       “เอานี่ไปด้วย”  มือแกร่งปลดเป้ กระติกน้ำ และปืนสั้นออโตเมติกยัดใส่มือคานิน  “ใช้เป็นใช่ไหม”  คนน้องพยักหน้ารับงงไม่ได้ยื่นมือออกรับ อาแจ็กซ์ตัดปัญหาโดยการจับมันเหน็บเอวด้านหลังให้เรียบร้อย คานินจึงยกเป้สะพายบ่า

       “แต่ว่า...”

      “ดูแลน้องด้วย ไปได้แล้ว!!...”

      คานินขยับตัวเข้าประคองน้ำนิ่งโอบกระชับหันหลังวิ่งไปตามทางที่อาแจ็กซ์ชี้บอก เสียงปืนค่อยๆ เบาลงทีละนิดตามระยะทางก้าวย่างที่ห่างออกไปเรื่อยๆ..พระเจ้าฟังคำอ้อนวอนของลูกด้วยเถอะ...ขอท่านปราณีต่อชีวิตอาแจ๊กซ์ที..อย่าให้คนๆ นั้นเป็นอะไร...

.............................................




      “รีบๆ เดินเร็วสิวะ อ้อยอิ่งหาพระแสงมึงเหรอ อย่าหวังว่าพวกมันจะมาช่วยมึงได้” ไต่ชินหยางตวาดกร้าวใส่หน้าสองพี่น้อง

      “ทำไมพี่โอ๋ต้องทำแบบนี้”  น้ำนิ่งถามเสียงเบาปนหอบ

      “มึงไม่ไปถามคนของมึงล่ะว่าทำไมกูถึงทำแบบนี้ หุบปาก!  รีบๆ เดิน” 

       ไต่ชินหยางทั้งผลักทั้งดันสองพี่น้องไปขึ้นรถจี๊ปที่จอดห่างไปสองสามเมตร  ไอ้สิงห์มึงคงคิดว่ามึงเล่นนอกเกมส์เป็นคนเดียวรึไง รู้จักกูน้อยไปแล้ว มึงกับกูมันประเภทไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่นั่นแหละ คนอย่างมึงต้องได้ผลตอบแทนที่สาสมกับสิ่งที่มึงทำ

      “โอ๊ย!” 

       ร่างบางหลุดเสียงครางด้วยความเจ็บปวดขาที่อ่อนล้าจนยกไม่ขึ้นลากไปตามพื้นสะดุดเข้ากับรากไม้จนเซถลาไปข้างหน้ามือคว้าไต่ชินหยางซึ่งอยู่ใกล้ล้มคะมำกระแทกพื้นอย่างจัง นายใหญ่ผลักน้ำนิ่งที่ล้มทับออกย่างแรง ก่อนลุกขึ้นมาอย่างว่องไว 

      “สัตว์เอ๊ย! มึงเดินยังไงวะให้ล้ม ลุกขึ้นมาไม่ต้องสำออย”

       ไต่ชินหยางตะคอกด้วยความโมโห มือใหญ่เงื้อขึ้นแล้วฟาดลงบนแก้มของน้ำนิ่งอย่างแรงจนหน้าหันไปตามแรงตบ เลือดไหลกบปากปรากฏรอยมือแดงเถือกบนซีกแก้มใส ตาแดงก่ำจากพิษบาดแผลวาววามเหมือนจะร้องไห้ น้ำนิ่งกัดปากแน่นไม่ยอมร้องออกมา ยันตัวลุกจากพื้นอย่างทุลักทุเลเดินตามแรงฉุดกระชากของพวกมันไปขึ้นรถอย่างไม่อาจขัดขืนได้


      ถ้า เราไม่ประมาท แค่เราไม่ประมาท..เลเวลนี้โชคเข้าข้างพวกมัน ดังรอยยิ้มที่เย้ยหยัน ราวโสเภณีของพวกมัน เราสิ้นหวังจนมิอาจต่อกรกับมันได้…

       เมื่อสักชั่วโมงที่แล้วผมกับพี่คานิน เราคิดว่าน่าจะพ้นจากการไล่ล่าแล้ว จึงกะว่าจะหยุดพักสักสองสามนาที แอบซุ่มอยู่นานโขแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไร เราจึงมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าว่าพวกมันคงตามมาไม่ทัน จึงหลบเข้าไปซ่อนตรงชะง่อนหินที่มีลักษณะเหมือนถ้ำตื้นๆ สภาพสะบักสะบอมเหนื่อยแทบขาดใจ ขาก้าวแทบไม่ออกรอย  นิ้วเท้าและฝ่าเท้าไม่ต้องไปพูดถึงมันพุพองปวดแสบปวดร้อนไปหมด ลมหายใจหอบถี่ปนร้อนผ่าวจนรู้สึกได้ชัดเจนกว่าเดิม แต่ทุกอย่างคือเราคิดผิด...

       ตอนที่ได้ยินเสียงอาแจ็กซ์เรียกแว่วมาตามลม เรามองหน้ากันคิดว่าหูฝาด แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองซ้ำอีกสองสามครั้งจึงมั่นใจว่าใช่เขาจริงๆ พวกเราดีใจจนแทบกลั้นไม่อยู่รีบถลาออกจากที่ซ่อน แต่ไม่รู้พวกมันมาจากไหน เอามือตะปบปากเราไว้แน่นแล้วลากถูกลู่ถูกังออกจากตรงนั้นเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดัง  ‘ปัง’  แล้วทุกอย่างก็เงียบไป

      "ไม่….!!!!”


....................................................








ปล.


1. ขอโทษที่มาต่อช้านะค่ะ ตอนนี้เป็นการเล่าถึงเหตุการณ์แย่งของกลางคืน จากมุมมองของน้ำนิ่ง คานิน และอาแจ็กซ์ บทนี้ใช้เวลาในการเขียน แก้ไข อ่านทวน 17 วัน แต่เวลาจริงในเรื่องกลับแค่สี่ห้าชั่วโมง ไม่ว่าจะสามหนุ่มหรือว่าตัวเราเองก็เหนื่อยล้าไม่ต่างกัน
2. ขอบคุณสำหรับการติดต่อตาม  และขอให้สนุกในการอ่าน  เจอข้อผิดพลาดหรือจะแนะนำอะไรเขียนแปะไว้นะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2016 04:29:20 โดย WiChy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เด็กเลี้ยง_EP.37_ความประมาท P.9_1042016
« ตอบ #259 เมื่อ: 10-04-2016 19:03:58 »





ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: เด็กเลี้ยง_EP.37_ความประมาท P.9_1042016
«ตอบ #260 เมื่อ10-04-2016 19:37:55 »

เมื่อไหร่จะตามมาช่วยน้ำนิ่งทันซะที :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: เด็กเลี้ยง_EP.37_ความประมาท P.9_1042016
«ตอบ #261 เมื่อ10-04-2016 20:06:19 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: เด็กเลี้ยง_EP.37_ความประมาท P.9_1042016
«ตอบ #262 เมื่อ11-04-2016 15:13:25 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
38



ร่างกายที่ขาดลมหายใจไม่อาจจะอยู่ได้





       “ขอชื่นชมให้กับความกล้าหาญ หรือ ความโง่เขล่าดีล่ะคุณสิงห์ เสี่ยเซน พวกคุณเยี่ยมมาก มีคนแค่นี้ยังกล้ามาต่อกรกับกองทัพอิสระของเราช่างกล้าจริงๆ แต่ถึงกระนั้นขอต้อนรับสู่นอข่อครับ”  ชายชาวจีนท่าทางผยองที่ยืนตบมืออยู่ข้างหน้าคงจะเป็นไป๋ซานเจ้านายของคานินสินะ

       “ขออภัยที่ค่ายเรายังด้อยมารยาทการต้อนรับแขก” 

       ไป๋ซานโค้งหัวเล็กน้อย ยกยิ้มมุมปากคำพูดเสแสร้งขอโทษขอโพยราวสุภาพชนที่พึงปฏิบัติต่อกัน ก่อนจะหันไปตวาดกร้าวกับลูกน้องที่ยืนรายล้อมพวกเราอยู่ 

       “ค้นตัวแล้วยึดอาวุธพวกมันซะ อย่าลืมนั่งคุกเข่าด้วยล่ะ คุกเข่าซิโว้ย!!” 

      ไป๋ซานไม่พูดเปล่าดึงกระชากปืน M4A1 จากมือทหารรับจ้างที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กระแทกหน้าเฮอร์เซลสุดแรง ร่างสูงใหญ่ของบอดี้การ์ดผู้ซื่อสัตย์ทรุดฮวบ เสี่ยเซนถลาตัวเข้าไปช่วยคนตัวของตัวเอง แต่ต้องชะงักกึกกับความเย็นของมัจจุราชสีดำที่จ่อขมับ

       - กิ๊ก -

      “ยังไม่ถึงเวลา มึงอย่าแสดงดีกว่า” 

       “หึ หึ กูอาจไปพบพระเจ้าวันนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่กูไม่อยากจะให้มีอยู่บนหลุมศพคือตายโดยไม่ได้สู้ว่ะ” 


      ผลั๊วะ!! 


      เสี่ยเซนพลิกตัวกลับมือแกร่งปัดปืนที่จ่อขมับหลุดกระเด็นตกไปไกล ก่อนจะปล่อยหมัดไม่มีตาซัดเปรี้ยงเข้ากกหูมันเต็มแรงเหวี่ยง มันเซหลุนๆ เสียหลักราวนกปีกหัก มันอีกคนสวนกลับด้วยด้ามปืน M4A1 เต็มแรง พี่ชายภูมิรพีถึงกลับเซถลาทรุดฮวบ สะบัดไล่ความมึนงง แววตาดุดันตวัดฉับมองสบตามันไม่ลดละด้วยความแค้น มันย่างสามขุมเข้ามาหวังซ้ำ แต่เซนพลิกตัวกลับอย่างรวดเร็วเตะตัดขามันล้มคว่ำ ปิดโอกาสรอดของมันด้วยไซด์เฮดล็อกอย่างรวดเร็วฉับพลัน...

      - กร๊อบ -


      - อั๊ก..อึก...-


      “เฮีย!! ระวัง...”



       เสียงตะโกนของเฮอร์เซลทำให้เสี่ยเซนเสียจังหวะ ปลายหางตาเหลือบเห็นเงาวูบวาบของไอ้คนแรกที่ยกปืนเตรียมประเคนหัวเขา เซนเบี่ยงตัวหลบทันอย่างหวุดหวิด ถึงกระนั่นก็ยังไม่อาจพ้นจากมันอีกคนที่จู่โจมเข้ามาไม่ทันตั้งตัว

      - ผลั๊วะ –

       "ถุย!! สัญชาตญาณหมาหมู่ หึ" เสี่ยเซนล้มคว่ำไม่เป็นท่าอีกครั้ง เขารีบพยุงตัวลุกขึ้นสะบัดหัวใส่ความมีนงง ถ่มเลือดที่กลบปากลงพื้นดินอย่างไม่ยี่หระ มองพวกมันด้วยสายตาเรียบนิ่งยกยิ้มมุมปากอย่างสมเพท

       “มึงยืนเซ่ออยู่ทำไมไปสิวะ!! พาตัวสองคนนั้นมาเดี๋ยวนี้!! ให้ไว”  ทหารรับจ้างหกเจ็ดคนกรูเข้ามาค้นตัว ยึดอาวุธทุกชนิดที่พวกเรามีไปจนหมด จับเรายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ยกเท้าถีบข้อพับอย่างแรงเราทรุดลงนั่งคุกเข่าราวกับนักโทษรอลงอาญา

       ไป๋ซานตวาดห้วนกับพวกทหารรับจ้างต่อเนื่อง มันวิ่งเข้าไปยังอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ห่างไปแค่สองสามเมตร  สองสามนาทีต่อมาพวกมันทั้งผลักทั้งดันคานินและน้ำนิ่งออกมายืนเผชิญหน้ากับพวกเราห่างออกไม่ถึงถึงสิบก้าว

       คานินสะบัดตัวจากการจับกุมของมันผวาคว้าร่างบางของน้องที่ถูกผลักจนเซถลาดั่งนกปีกหักขึ้นมาโอบประคองแนบอก ทั้งคู่มีสภาพร่างกายสะบักสะบอมเหนื่อยอ่อนเต็มไปด้วยรอยแผลขีดข่วน แต่ประเมินด้วยสายตาแล้วเด็กน้อยของผมกลับมีสภาพย่ำแย่กว่ากระต่ายของเฮียเซนเกือบเท่าตัว 

       ‘สัตว์เอ๊ย!!’  ภูมิรพีสบถในลำคอ ในอกร้อนรุ่มบอกไม่ถูกว่าตอนนี้มีความรู้สึกแบบไหนมากกว่ากัน...เจ็บจนแทบขาดใจ โกรธจนแทบจะฆ่าคนได้...!!!


      “ภูมิ!” / “เสี่ย!” 


       สองหนุ่มอุทานเสียงแผ่วเบา ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นบุคคลที่นั่งคุกเข่าเรียงกันอยู่เบื้องหน้า ทั้งคู่พยายามโผมาหาแต่ต้องชะงักกึกกับเสียงขึ้นนกของวัตถุดำเมี่ยมที่จ่อขมับเตรียมลั่นไกถ้ายังขัดขืน

      “จุ๊ จุ๊ อย่าทำหน้าอย่างนั้น ดูสิทำหน้ายังกับเห็นผี”  ไป๋ซานเดินไปมาสายตามองเชลยแต่ละคนด้วยสายตาเย้ยหยันแกมสมเพช

       “นายท่านให้โอกาสพวกแกไปต่อแล้ว  แต่ดันแหกกฎกันซะงั้นก็เลยต้องเป็นแบบนี้ พวกแกไม่ฟังกันบ้างเลย ทำไมวะคิดว่าตัวเองเก่งไง? อยากเป็นฮีโร่?  คิดแต่จะสู้มันต้องมีการเชือดไก่ให้ลิงดูหวังว่าจะไม่โกรธนะ อ้อ!! แล้วอย่าถามว่าจะมีโอกาสอีกไหม ไม่มี จะไม่มีจนกว่านายท่านจะบอกว่ามีเข้าใจตรงกันนะ”  ไป๋ซานยังพล่ามยืดยาว ด้วยความลำพองตนว่าถือไพ่เหนือกว่า

      “เอาล่ะ ครบองค์ประชุมแล้ว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เชิญพบนายท่านของเรา”

      ไต่ชินหยางก้าวออกมาจากอาคารหลังเดียวกันกับที่สองหนุ่มออกมาเมื่อครู่ ตามมาด้วยชายวัยกลางคนซึ่งคับคล้ายคับคลาว่าเป็นนายพลยศสูงของที่นี่ ทั้งคู่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนร่วมกัน

      ไต่ชินหยางวันนี้กับสองปีก่อนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ร่างสูงโปร่งยังดูบอบบางหน้าตาสวยสง่าทรงอำนาจ แววตาว่างเปล่าดำมืดเหมือนหุบเหวลึก ผมดำยาวตรงถูกมัดรวบถักเป็นเปียเดี่ยวกลางหลัง

      “หวังว่าจะยังไม่ฉี่ราดกันนะ ปัดโธ่เอ๊ย!! นี่เราชักจะสนิทสนมกันขึ้นแล้วนะ” ไต่ชินหยางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเรา มองกราดพวกเราทีละคนด้วยสีหน้ายิ้มๆ

       “เฮ้!! ไงสิงห์ เสี่ยเซน ฉันไต่ชินหยางเจอกันซะทีนะ เอาจริงๆ ฉันไม่ค่อยปลื้มนะที่แกเล่นนอกเกมส์ ไล่ฆ่าคนของฉัน แถมยังคิดจะระเบิดโกดังของฉัน บัดซบว่ะสิงห์ แกทำให้ฉันไม่สบอารมณ์มากว่ะ บอกตรงๆ ฉันเบื่อที่จะเล่นเกมส์แล้ว ง่ายๆ ถ้าแกเล่นตามเกมส์ตั้งแต่แรกมันก็ปิดการขายได้แล้วไง แต่นี่อะไรวะสิงห์!!  เสี่ย!!...”  ไต่ชินหยางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแต่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะทุกคำถามมันตอบตัวของมันเองอยู่แล้ว 

       “ฟังให้ดี แล้วบอกฉันทีว่าเด็กนี่สำคัญที่สุดสำหรับแก” 

       ไต่ชินหยางเดินเข้าไปดึงกระชากน้ำนิ่งออกจากการโอบประคองของคานินปะทะอกของตัวเองร่างบางพยายามเบี่ยงตัวออกจากการโอบกอด นายใหญ่ยิ่งเพิ่มแรงกอด มือเรียวกุมบีบบังคับให้หน้าหวานแหงนเงยขึ้น ปากจมูกของมันคลอเคลียขบเม้นใบหู แก้ม ริมฝีกปากอิ่ม มันพยายามสอดลิ้นเข้าไปน้ำนิ่งเบือนหน้าหนีพัลวัน มันยกหน้าขึ้นยิ้มขัน ก่อนจะหน้าลงซุกไซ้ซอกคออีกครั้ง ปากเรียวละเรื่อยลงมาถึงอกบาง มืออีกข้างเล้าโลมตั้งแต่หน้าอกไปตามชายโครงจนถึงกลางกาย วนเวียนสลับไปมาทั้งปากทั้งมือ แม้จะอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นแต่ร่างบางกลับสะท้านไหวตามกลไกของธรรมชาติที่ไม่อาจปฏิเสธได้ 

       ความอดสูจู่โจมหัวใจดวงน้อยจนแทบขาดรอน รู้สึกวูบโหวงว่างเปล่าเหมือนสูญสิ้นของสำคัญไปไม่มีวันกลับ ในหัวมีแต่คำว่า ‘น่าขยะแขยง’  ‘ต่ำทราม’  เต็มไปหมด หน้าบิดเบี้ยวเหยเก ลำไล้บิดเขม็งเกลียวปั่นป่วนทั้งช่องท้องจนแทบอาเจียนกับความคิดวนเวียนในหัว น้ำตาซึมไหลโดยไม่รู้ตัว..เจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวให้หลุดพ้นได้

      “ไม่!! ยะ...อย่า” 

       น้ำนิ่งงอตัวดิ้นรนสะบัดตัวเท่าที่แรงจะมีให้หลุดพ้นจากการกระทำน่าขยะแขยงจ้วงจวบ แต่ไม่อาจทำให้หลุดพ้นจากการกระทำนั้น แรงแห่งโทสะของภูมิรพีระเบิดตูมไหลทะลักดั่งลาวากับภาพตรงหน้า แววตาดุดันเรืองรองเข้มขึ้น ไฟอารมณ์แห่งความโกรธแผดเผาไปทั่วร่าง...มึงไม่ตายดีแน่

       ชายหนุ่มกระโจนสุดแรงจะเข้าไปดึงตัวน้ำนิ่งจากไต่ชินหยาง แต่แรงกระแทกจากด้ามปืนของทหารรับจ้างคนหนึ่งทำให้เขาล้มคว่ำอย่างไม่เป็นท่า มันเตะเข้ากลางลำตัวจุกจนงอตัว มันดึงกระชากตัวเขาขึ้นมา

      “เอามือสกปรกออกจากตัวกู”

       ภูมิรพีสะบัดตัวหลุดจากการจับกุมของมัน ปลายหางตาเห็นน้ำนิ่งดิ้นหลุดจากมันถลาตัวพยายามจะเข้ามาหา ไต่ชินหยางดึงกระชากตัวกลับและผลักไปให้ไป๋ซานจับตัวไว้ พวกมันผลักตัวเขาลงไปคุกเข่าเหมือนเดิม

      “หึ หึ แค่ชิมเองนะยังไม่ได้ลงรายละเอียดแกยังจะเป็นจะตายขนาดนี้...จุ๊ จุ๊”  ภูมิรพีฮึดฮัดโทสะพุ่งสูงแทบทะลุกับสายตาอสรพิษที่จ้องขย้ำเหยื่ออันโอชะของมัน

      “ฉันเข้าใจ เข้าใจดีที่สุด แต่นั่นมันมากพอจะแลกได้รึเปล่าล่ะ”  ไต่ชินหยางเอ่ยราบเรียบเสมองโลมเลียไปทางน้ำนิ่งอีกครั้งยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ

      “หยุดทำแบบนี้ซะทีเถอะน่า จะเอาไงก็ว่ามา”  ภูมิรพีข่มอารมณ์ถามกลับด้วยระดับเสียงราบเรียบพอกัน

      “เข้าใจอะไรง่ายๆ ตั้งแต่แรกก็ดี แค่โอนทุกอย่างที่เป็นของพวกแกให้ฉันทั้งหมด ฉันรู้นะว่ามันหนักหนาเอาการที่แกจะเสียมันไป มันคงเหมือนกลืนยาขม แต่ถึงจะขัดขืนยังไงสุดท้ายก็ต้องกลืนมันเข้าไปอยู่ดี”  ไต่ชินหยางยักไหล่ยกมือทั้งสองขึ้น เบ้ปากทำท่าทางไม่ยี่หระราวกับโลกทั้งใบอยู่ในกำมือ

       “แกไม่มีทางเลือกอื่น ยอมรับข้อเสนอแล้วเอาสิ่งที่แกอยากได้ไปง่ายๆ เป็นเด็กดี ตอนนี้พวกแกน่วมพอดูจะน่วมกว่านี้ถ้าไม่ทำตามที่ฉันต้องการ ตอนแรกฉันจะเอาแค่สัมปทานทั้งหมดที่แกมี แต่แกมันรนหาที่แค่นั้นมันชดเชยความเสียหายของฉันไม่ได้ ฉันจะเอาทั้งหมดเหมือนที่แกทำกับไอ้แก่วัลโด้ ต้องเข้าใจนี่มันเป็นวิถีการดำรงชีวิตแบบเรา ยิ่งแกตอบโต้ดิ้นรนเท่าไรก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น เอานี่เซ็นซะ..”   

       ไต่ชินหลางยื่นไอแพดโปรมาตรงหน้า ภาพหน้าจอเป็นเอกสารอิเลคทรอนิกส์ที่ระบุข้อความการโอนกรรมสิทธิ์ทุกอย่างที่อยู่ในครอบครองของเขาและเฮียเซนให้ไต่ชินหยาง

      “เอกสารนี่ฉันทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงมันจะมีผลบังคับตามกฎหมายทุกอย่างหลังจากที่แกทั้งคู่เซ็นตรงนี้ พร้อมสแกนลายนิ้วมือกำกับที่นี่” 

       ไต่ชินหยางยื่นปากกา stylus มาให้ตรงหน้า ภูมิรพีเสหน้าไปมองน้ำนิ่งเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นส่ายหน้าไม่ให้เขาทำตามที่มันสั่ง ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดแหงนเงยหน้าหลับตานิ่งเกือบนาที ก่อนจะลืมตาขึ้นประจันหน้านายใหญ่ด้วยสีหน้าเฉยเมย  ยื่นมือไปรับปากกามากำไว้ในมือ ตามองหน้าจอไอแพคนิ่งเฉย

      “เอาสิไม่ต้องลังเล...”  ไต่ชินหยางสำทับเร่งเร้า เสือกไอแพดโปรมาใกล้กว่าเดิม

       “ตรงนี้เลยนะ”  ภูมิรพีชี้นิ้วย้ำๆ เลิกคิ้วเป็นคำถามเพื่อความแน่ใจ ตาคมหรี่หลุบลง ก่อนจะจรดปากกาลงเซ็นชื่ออย่างไม่อิดออด

       ไต่ชินหยางหรี่ตาลงอดแปลกใจกับอากัปกริยาของภูมิรพีเสียไม่ได้ แต่เพียงครู่อาการกังวลก็สลายไป ตาเรียววาวโรจน์เฝ้ามองตามเส้นสายการตวัดปากกาของภูมิรพีจนเสร็จสิ้น ภูมิรพีกดนิ้วมือลงไปตรงช่องสแกนใช้เวลาไม่ถึงวินาทีลายนิ้วมือของเขาปรากฏอยู่ในเอกสารนั้นไม่ผิดเพี้ยน 

       นายใหญ่กระหยิ่มยิ้มย่องกับความสำเร็จแค่เอื้อมของตัวเอง อีกก้าวเดียวเขาจะจัดการพวกมันทุกคนให้สิ้นซาก ทุกอย่างที่เป็นของพวกไอ้สิงห์มันจะอยู่ในกำมือเขาอย่างสมบูรณ์ ขยับตัวไปยืนตรงหน้าเสี่ยเซนพร้อมไอแพดโปรที่ยื่นไปตรงหน้ารอเซ็นเป็นรายต่อไป

      ภูมิรพีส่ายหน้าช้าๆ พลางถอนหายใจหนักหน่วง สีหน้าไม่ได้บ่งบอกว่ายินดียินร้าย เสี่ยเซนยื่นมือมารับปากกาที่ภูมิรพียื่นมาให้  นัยน์ตาสีแปลกที่สบกันชั่วครู่ว่างเปล่าราวกับจะดึงดูดให้ลอยคว้างลงสู่ห้วงอเวจีดำมืด


      ‘อย่าแม้แต่จะคิด’ 


       เสี่ยเซนปรามคนน้องด้วยสายตาเข้มคมดุ ขนคอลุกชัน ความเย็นเยียบแล่นริ้วทั่วร่างฉับพลัน มือยกขึ้นรอรับปากกาแข็งค้าง ภูมิรพีเสหน้ากลับมามองไต่ชินหยางที่ยังยิ้มย่องด้วยความพึงพอใจ รอยยิ้มหยันปรากฎบางเบาก่อนจะจางหายไปราวอากาศธาตุโดยที่นายใหญ่ไม่มีโอกาสได้เห็นมัน...

      ‘หึ’




      ภูมิรพีชักมือกลับพุ่งกระโจนเหวี่ยงตัวเข้าชาร์จไต่ชินหยางอย่างรวดเร็วจนกระพริบตาไม่ทัน  นายใหญ่ชะงักค้างงุนงงอยู่ชั่วเสี้ยววินาทีกว่าจะรู้ตัวก็ไม่อาจดิ้นหลุดจากพันธนาการนั่นได้

       ภูมิรพีเกร็งกำลังแขนซ้ายทั้งหมดจับไซด์เฮดล็อกแน่นหนา มือข้างขวากำปากกามั่นยกขึ้นสูงก่อนจะปักมันลงที่ลำคอเรียวระหงของคนที่อยู่ในวงแขนจมเกือบมิดด้าม นายใหญ่ตาเหลือกลานคาดไม่ถึง ร่างระทวยหมดสิ้นอาการขัดขืนก่อนจะถูกผลักให้ล้มกระแทกพื้นอย่างแรง 

      ภูมิรพีเซถอยหลังไปสองสามก้าวแต่ไม่ล้ม มือกุมไหล่ซ้ายแน่น  การเกร็งกำลังแขนเมื่อครู่ทำให้รับรู้ว่ามอร์ฟีนกำลังหมดฤทธิ์ ความเจ็บปวดร้อนรุ่มเต้นเร่ากระจายทั่วไหล่ซ้ายลามไปที่แขน เลือดไหลทะลักเป็นทางหยดลงพื้นดวงๆ ก่อนจะเหือดหายไปในพื้นดิน...

      - ปึก -

      - อ๊ากกก -


       สองเฮีย เฮอร์เซล เข้มแข็ง และบอดี้การ์ดอีกห้าคนอาศัยจังหวะที่พวกมันตะลึงงันกับเหตุการณ์เบื้องหน้า พลิกวิกฤติของพวกมันให้กลายเป็นโอกาสของตัวเองอย่างรวดเร็ว ประเคนทั้งหมัดทั้งเท้าแบบไม่ตั้งตัว แย่งปืนกลับมาครอบครองอย่างถือสิทธิ์

       หลังจากนั้นทั้งเสียงปืน เสียงหมัด เสียงของแข็งกระทบกะโหลก ฝุ่นควันคละคลุ้งวุ่นวายไปหมด แต่ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลาเก็บเคลียร์ไม่ถึงสิบนาที ตัวใหญ่ของมันนอนจมกองเลือดระเนระนาดตามพื้นจนหมด พวกมันก็เหมือนโดมิโน่เมื่อตัวแรกล้ม ตัวถัดๆ ไปจะตั้งอยู่ได้ยังไง...


      “...‘การล่อลวงให้เชื่อใจเป็นการโกหกที่ดีที่สุด...”  พี่ณิตพูดทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น ก่อนจะเดินไปเคลียร์พื้นที่กับคนอื่นๆ





 
       ภูมิรพีละทิ้งความเจ็บปวดอย่างไม่แยแส กวาดสายตาฝ่าฝุ่นควันที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในชั้นบรรยากาศบางเบาหาน้ำนิ่งและคานินอย่างห่วงใย จนเห็นว่าอยู่ในความคุ้มครองของเข้มแข็งและเด็ดขาดจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก 

       ปรายตาไปอีกทางเห็นคานินถูกเฮียเซนโอบประคองพาเดินห่างออกไปอีกทาง ชายหนุ่มส่งสายตาคมดุสั่งให้สองคนนั้นพาน้ำนิ่งตามเฮียเซนออกไป  เด็ดขาดเป็นคนช้อนตัวน้ำนิ่งอุ้มในวงแขนเดินตามเฮียเซนออกไปไม่รอให้สั่งซ้ำ

       ร่างสูงใหญ่หันหลังกลับเดินย่างสามขุมเข้าไปหาไต่ชินหยางที่นอนหายใจฟืดฟาดสะดุดขาดห้วงหลายครั้ง แต่ยังยื้อสุดแรงเกิดให้หลุดพ้นจากความตายที่น่าสมเพช 

      “อั๊ก อึก ไอ้นรกเอ๊ย!! ไปตายซะ”  ภูมิรพีจ้องมองนิ่งเฉย ก่อนจะแค้นยิ้มให้นายใหญ่

       “พอปากกาปักคอแล้วดูไม่จืดเลยว่ะ”

      “อึก อึ นั่นมันเรื่องของฉัน อึก อ๊ะ...“  ไต่ชินหยางพยายามกระถดร่างหนี มือกุมด้ามปากกาที่โผล่น้อยนิด เลือดไหลทะลักจากปากเวลามันพ่นคำพูด

      “อย่าบังอาจเอาคนของฉัน ครอบครัวของฉันมาต่อรองอีก!!”

      - ถุย..อะ อั๊ก..อึก...- 


      ปัง!!


......................................






      “ภูมิ....”

      เสียงแผ่วเบาอ่อนละโหยดึงสติให้ภูมิรพีละสายตาจากความดำมืดที่เหลือกลานหันหลังกลับเดินอย่างเร่งรีบไปหาร่างบางที่พยายามเดินมาหาอย่างทุลักทุเล ภูมิรพีถลารวบร่างบางได้ทันก่อนจะทรุดฮวบลงกระแทกพื้นดินแข็ง 

       ภูมิรพีส่งสายตาดุดันไปให้เข้มแข็งที่วิ่งตามมาข้างหลัง บอกให้ดูดีๆ แล้วปล่อยมาทำไมวะ ฝ่ายมาทีหลังทำสัญญาณว่าห้ามไม่ฟัง ภูมิรพีโบกมือไล่ ก่อนจะปรับสีหน้าเหลือไว้เพียงความห่วงหาอาทร  ดวงตาสีแปลกเจือแสงอ่อนสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะจับจ้องใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยขีดข่วน และผ้าขะมุกขะมอมจะหลุดมิหลุดแหล่ปิดแผลตรงหน้าผาก

      “อาแจ๊ก...ชะ..ช่วยพี่เขาที” 

      “ซู่ ซู่...ครับๆ ไม่ต้องห่วงนะ”

      “ไปรึยัง ไปเร็วสิพี่เขาถูกยิงคงเจ็บมากๆ ภูมิให้คนไปรึยัง...”

       “ฟังนะ ไม่ต้องห่วง..เฮียให้เฮอร์เซลไปแล้ว หนูมานี่เถอะจะล้มมิล้มแหล่อยู่แล้วนี่” 

      “ภูมิ.. ละ..แล้ว..”

      “ไม่เอาไม่พูด จะทิ้งได้ไงก็รักซะขนาดนี้หืม ไม่ต้องคิดแล้ว” 

       ภูมิรพีตัดบททำไมจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าที่ร่างกายร้อนผ่าวสั่นระริกจนยืนแทบไม่ไหวแต่ยังดันทุรังรีบมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร รอยยิ้มละมุนและสัมผัสอ่อนโยนทำให้ใบหน้าซูบซีดไร้สีเลือดยิ้มรับกว้างขวาง ความห่วงหารักใคร่ ทุกอย่างถูกส่งผ่านแววตาวิบวับไหวระริก แค่วงแขนแกร่งกางออกโอบกอดอย่างไม่เกี่ยงงอนทุกครั้งที่เผชิญปัญหา นั่นก็ทำให้ร่างบางแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ความกังวลความกลัวทั้งหมดสลายหายไปสิ้น

      “รักภูมิเหลือเกิน รักมากจนรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร....”

      “ซู่ ซู่ ไม่ต้องคิดถึงมัน จำแค่ว่า ภูมิรักหนู เข้าใจใช่ไหม”

       น้ำนิ่งพยักหน้ารับ ภูมิรพีโอบร่างบางแน่นขึ้นมือลูบหลังไหล่อย่างปลอบประโลมรับรู้ได้ถึงความร้อนผะผ่าวที่ระเหยออกมาชัดเจนผสานอาการสั่นระริกด้วยความกลัวที่ยังเจืออยู่ทุกอณูร่างบาง มือเล็กกำชายเสื้อด้านหลังของเขาแน่น เพื่อตอกย้ำกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความฝัน

      “ภูมิก็เจ็บเหมือนกัน อยู่เฉยๆ นะ อยู่กับหนู...”  มือสั่นระริกยกขึ้นลูบไปตามโครงหน้าปากจมูกกดนาบกับอกแกร่งของภูมิรพีอย่างห่วงใยรักใคร่

      “ครับๆ ไม่เอาไม่พูดแล้วนะ เหนื่อยรึเปล่า”

      “ไม่ฮะ แต่ดีใจมากกว่า...คิดว่าจะไม่ได้เจออีกแล้ว”

      “ภูมิก็ดีใจเหมือนกัน...”

      “เฮีย..” ภูมิรพีหันไปตามเสียเรียกของเด็ดขาด ยื่นมือรับกระติกน้ำพร้อมยาแก้ปวดลดไข้

      “กินนี่ก่อนมาตัวร้อนมากรู้ตัวมั่งไหมนี่”  เด็กน้อยปรือตาขึ้นมองก่อนจะหลับลงเหมือนเดิม อ้าปากรับยาและน้ำไม่อิดออด มือแกร่งรับผ้าที่ชุบน้ำจนชุ่มจากเด็ดขาดจัดการเช็ดตามหน้าตา ซอกคอ และเนื้อตัวให้เด็กน้อยแผ่วเบา

      “ตอนหนูเจ็บเราไม่มียาอะไรสักอย่าง แต่ภูมิรู้มั้ยพี่อาแจ็กซ์เขาเอาใบสาบเสือมาบดผสมน้ำให้ดื่ม แล้วยังใส่แผลตรงนี้ให้ด้วย” เด็กน้อยยกมือลูบลงบนผ้าขะมุกขะมอมที่ปิดแผลนั่นแผ่วเบา ชายหนุ่มมองตามก่อนจะเอาผ้าเช็ดเลือดแห้งเกรอะกรังออก มือแกร่งคลายปมผ้าขะมุกขะมอมออก เผยแผลใหญ่ที่เลือดหยุดไหลแล้ว กลิ่นใบสาบเสือฉุนขึ้นจมูกแต่ศรัทธาของอาแจ็กซ์นั่นมีอยู่จริง

       “คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว พวกที่ตามล่าเรายังกับมดปลวก ไอ้เจ้านี่กลิ่นกับรสชาดไม่โสภาเอาซะเลยแต่ก็ยอมกินยอมทำเพราะต้องกลับมาเจอภูมิให้ได้ก็เรามีเรื่องที่ยังไม่ได้เคลียร์กันนี่น่า แต่ว่ามันเหม็นจัง...”  เสียงบ่นงุงงิง หน้างอๆ ทั้งที่ยังหลับตาบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเหม็นจริงๆ จนสองหนุ่มหลุดขำกับคนป่วยขี้บ่น เด็กน้อยยิ่งหน้างอกว่าเดิม น่ารักเกินไปแล้ว

      “รู้แล้วเนี่ยน้ำลายขมคอไปหมด..”

      “ภูมิ!! อ๊ะ....”  ภูมิรพีไม่เปิดโอกาสให้ร่างบางประท้วงมอบจูบแสนหวานจนคนในอ้อมแขนแทบสำลักความสุขตายแทนที่จะตายเพราะพิษบาดแผลต้องบอกให้หยุดเพราะจะตายจากการขาดอากาศหายใจซะให้ได้

      “ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมไม่ใช่อย่างที่คิด” 

      “บ้า”  หน้างอๆ ที่บอกอาการไม่ถูก ทำให้เด็ดขาดหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ยิ่งทำให้เด็กน้อยหน้าขึ้นสีระเรื่อซุกแนบอกเขายิ่งกว่าเดิม

      “กลับบ้านกันนะ...” 

      “ฮะ..เหนื่อยจัง...”

      “หนู!...หนู!!...”  ภูมิรพีเขย่าร่างที่แน่นิ่งไปซะเฉยๆ ของคนในอ้อมกอดอย่างร้อนรน  “เข้ม!! วิทยุเรียกฮอฯ รึยังว่ะ น้องต้องการหมอด่วน!!”

      “คนดีของภูมิทนอีกนิดนะ เดี๋ยวเราจะถึงบ้านแล้ว...” 

       อ้อมแขนแกร่งกอดกระชับร่างไร้สติของน้ำนิ่งแน่นขึ้น ริมฝีปากได้รูปวนเวียนจูบทั่วหน้ากลางกระหม่อมครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรักใครห่วงแหน


.........................................






-ต่อข้างล่างอีกนิดหน่อยนะจ๊ะ-

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2016 16:43:39 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      ผมกับน้ำนิ่งได้รับการดูแลรักษาอย่างดีแทบจะไม่ได้กระดิกตัวทำอะไร กระต่ายของเฮียเซนกับชาวคณะจัดการให้หมด ส่วนเฮียผมน่ะเหรอมีแค่สายตาโกรธเคืองส่งมาให้ตลอดสองวันแรก ไม่เข้ามาดู ไม่พูด มันดูแลน้ำนิ่งอย่างดีพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกอย่างมีความสุขสองคนพี่น้อง แต่ไม่เคยเฉียดใกล้เตียงผมทั้งที่อยู่ข้างๆ กัน

       เย็นวันที่สองนั่นแหละเราถกเถียงหน้าดำหน้าแดงเพราะแผลใหญ่ของพวกเรา มันให้ทำศัลยกรรมแต่เราสองคนไม่อยากทำ คือผมกับเด็กน้อยไม่ได้อะไรอยู่แล้ว สำหรับผมถึงน้ำนิ่งจะเป็นยังไงผมก็รักของผมอยู่แล้วไงไม่มีทางเปลี่ยนใจเพราะแผลเป็นนั่นอยู่แล้ว น้ำนิ่งเองก็เหมือนกัน แต่ประเด็นมันมากกว่านั้น


      ‘งานนี้มึงผิดเต็มๆ นะ ที่เฮียไม่พูดไม่ใช่จะปล่อยผ่าน สำนึกด้วยว่ามึงทำอะไรไป ของนอกกายนั่นนะเฮียไม่เคยห่วงไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ที่ห่วงและเสียใจคือ น้องกูแมร่งไม่รักตัวเอง ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนอื่นเลยต่างหาก ถ้าผลมันไม่เป็นอย่างที่มึงคิด ใครจะเสียใจที่สุด..มึงรู้แก่ใจดีครับ ครอบครัวนะโว้ยไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง เราทุกคนต้องดูแลกัน มันต้องดูแลกัน ถ้าคนนึงหายไปจากกรอบสายตาหายไปจากความรู้สึกมันจะเรียกว่าครอบครัวได้ยังไง ชีวิตมึงไม่ใช่ของมึงคนเดียวตระหนักไว้ด้วย’


      สิ่งที่มันพูดผมไม่สามารถหาคำใดๆ มาโต้แย้งได้ มีแต่ความเงียบงันระหว่างเรา ผมรู้และเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง บาดแผลนั่นเป็นแค่อุทาหรณ์อันสมเหตุสมผลที่มันยกขึ้นมาให้ผมคิดบนพื้นฐานของความไม่ประมาท

      บาดแผลหนักหนาสาหัสแค่ไหนสามารถรักษาได้ ตกแต่งให้สวยงามแค่ไหนก็ย่อมทำได้ แต่ชีวิตที่แตกดับสูญเสียไปต่อให้หมอเทวดาเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่อาจเรียกเอาชีวิตกลับคืนมาได้...ผมเข้าใจดี
 
       เสี่ยเซนก็คือเสี่ยเซน เวลาที่มันโมโหผมก็ไม่อยากจะยุ่งกับมันนักหรอก ก็คนมันบ้ามันเยอะ สุดท้ายผมได้แต่ทอดถอนใจหนักหน่วง จนด้วยเหตุผล มันถอนหน้าใจหนักหน่วง แววตาที่สบกันบอกให้รู้ว่ามันห่วงพวกเราแค่ไหนทำไมผมจะไม่รู้


      “เฮียโกรธมากรู้ใช่ไหม จำไว้อย่าทำอย่างนี้อีก”


      “ขอโทษครับ”


      “ไม่ใช่แค่เฮียที่รักและเป็นห่วง ป๋า แม่ น้อง คนอื่นๆ อีก อย่าลืมขอโทษเขาด้วย”


      “ครับ”

      ผมก้มหน้าลงยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองทำ มันดึงผมเข้าไปกอดแน่น ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันอ้อมกอดนั่นเคยอบอุ่นยังไงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิมแถมมากกว่าเดิม “พี่ชายของผม”  ครอบครัวของผม



       หลังจากวันนั้นอย่าต้องให้พูด ผมกับเด็กน้อยจะทำอะไรได้ เฮียแกจัดการหมดทุกอย่าง สองวันถัดมาคุณหมอเจเรมี่ศัลยแพทย์มือดีซึ่งเป็นเพื่อนมันถูกเรียกตัวด่วนให้มารักษาเราทั้งคู่จนได้ คุณหมอบ่นกระปอดกระแปดเพราะเพิ่งได้วันหยุดยาวครั้งแรกหลังจากเข้าทำงานมาสองสามปีกะจะใช้วันหยุดให้เต็มที่กับคนสำคัญประกอบกับไม่พอใจกับคำขู่ของเฮียมัน คุณหมอเลยขู่มันกลับบ้างแต่คิดว่าเฮียเซนจะสน ข่มขู่กลับนั่นยังน้อยไป...

       กักตัวคนของตัวเองแต่เป็นคนสำคัญของคุณหมอไม่ให้เจอกันนี่สิเจ็บแสบกว่า...ไอ้บ้านั้นก็ดั้นทะลึ่งปฏิบัติตามคำสั่งเจ้านายอย่างเคร่งครัดซะอีก เอากะเขาสิถ้าคนของมึงอยู่กับกูๆ ไม่ให้มึงเจอ อยากรู้มึงจะใช้ช่วงพักร้อนยังไง...ทั้งเจ้านายลูกน้องบทมันจะกวนตีน ผมได้แต่ส่ายหน้าชั่วโมงนี้นึกเห็นใจคุณหมอเจเรมี่ที่สุด


      งานนี้ถ้าไม่กล่าวถึงพี่เอ็กซ์ พี่ณิต เด็ดขาด ก็คงจะเป็นการเพิกเฉยต่อความดีของเขาเหล่านั้นเกินไป สามคนนี่สนธิกำลังฝ่ายรัฐบาลของกะญาญอและหน่วยรบพิเศษโจมตีโอบล้อมเข้าจับกุมพวกมันทั้งหมดได้ทันเวลา ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ win – win  รัฐบาลกะญาญอได้ปราบกบฏกลุ่มนี้แบบถอนรากถอนโคน รัฐบาลฝ่ายเราได้ทำลายขบวนการบ่อนทำลายชาติไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

      แต่ที่น่ายินดีคงไม่มีอะไรเกินผลชันสูตรพลิกศพยืนยันแล้วว่าคนที่ตายเป็นไต่ชินหยางจริงไม่ใช่ร่างโคลนนิ่งแน่นอน  ผลดีเอ็นเอจากศพตรงกับดีเอ็นเอที่นิติเวชมีอยู่.ปิดฉากตำนานมหากาพย์ ACE ภาคไต่ชินหยางแบบจบบริบูรณ์ พี่ณิตพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนบินกลับด่วนเห็นว่าเด็กที่บ้านง่องแง่งว่างั้น .ก็หวังว่ามันจะจบแล้วจริงๆ



      ยังมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่อง บ๋อมเพื่อนรักของน้ำนิ่งพวกเราช่วยออกมาได้ แต่สภาพร่างกายจิตใจบอบช้ำแทบไม่เหลือชิ้นดี สิ่งสำคัญสำหรับบ๋อมตอนนี้คือ กำลังใจและใครสักคนที่เข้าใจไม่ตำหนิเขาในสิ่งที่เกิดขึ้น 

      แต่อนิจจาพ่อ แม่ ครอบครัวของบ๋อมไม่ใช่อะไรที่เราจะคาดหวังได้ คนพวกนั้นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ยอมมาเจอบ๋อมเพียงเพื่อมอบคำผรุสวาทหยาบคายถึงขนาดตัดเป็นตัดตายขาดความเป็นพ่อแม่ ญาติสนิททางพ่อที่บ๋อมให้ความเคารพนับถือเคยมาเยี่ยมครั้งหนึ่งแต่คนนั่นก็มาพร้อมกับสายตารังเกียจเดียดฉันท์และคำติเตียนเช่นกัน ต่อให้ผมได้ยินอะไรแบบนี้มาเป็นร้อยครั้ง ก็ไม่ชัดเท่ากับเจอกับตัวในวันนั้น 

       เราตัดสินหนังสือจากปกไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น พ่อแม่ครอบครัวของบ๋อมก็เช่นเดียวกัน

      ปมที่ตกตะกอนขุ่นในใจผสมกับสิ่งที่ครอบครัวทิ้งไว้ ทำให้เด็กนั่นขาดสติยั้งคิดใช้อารมณ์ชั่ววูบติดสินถูกผิดให้ชีวิตตัวเองโดยไม่ลังเล..

       บ๋อมปลิดชีวิตของตัวเองด้วยการกรอกแอลกอฮอร์บริสุทธิ์ผสมยานอนหลับเกือบห้าสิบเม็ดที่ขโมยจากนางพยาบาลเพื่อฆ่าตัวตาย แต่บุญรักษาน้ำนิ่งไปเจอซะก่อน นำตัวเข้าล้างท้องได้ทัน เด็กผมร้องไห้หนักเฝ้าโทษตัวเองใหญ่ว่าละเลยเพื่อน หลังจากเพื่อนออกจากห้องไอซียูก็ไม่ยอมทิ้งให้อยู่คนเดียวอีก ถ้าเขาไม่อยู่ก็จะมีพวกพี่ๆ อยู่เฝ้าตลอด หลายครั้งผมเห็นบ๋อมร้องไห้ปากพร่ำแต่คำว่าขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำนิ่งต้องปลอบกันอยู่นานกว่าจะสงบ
 

      ‘เพื่อน มิตรภาพที่ตัดไม่ขาด’


       บางครั้งชีวิตเป็นเหมือนเส้นตรงที่ไม่สลับซับซ้อนคดโค้ง แต่นั่นไม่ได้หมายความ ข้างหน้านั้น จะไม่มีทางแยก กรณีบ๋อมก็เช่นเดียวกันชีวิตเด็กนั่นสับสนเกินกว่าจะตัดสินใจเดินเองด้วยซ้ำ ต้องมีใครสักคนที่จริงใจพร้อมสละเวลาเดินเคียงข้างเขาแล้วก้าวข้ามทุกปัญหาไปพร้อมกัน

       ผมคิดถึงคนๆ หนึ่งที่จะช่วยฉุดรั้งจิตวิญญาณของบ๋อมให้ก้าวผ่านมันไปได้ ‘คุณนายเกลล์’ ใช่แม่ผมเอง ผมไม่ต้องอธิบายอะไรยืดยาว คุณนายบอกแค่ว่า

       ‘หนทางที่ดีที่สุดที่จะลืมปัญหาของตนเอง ก็คือการช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่น เมื่อเผชิญปัญหาใหญ่แบบโกลิอัท จะตอบว่า มันใหญ่เกินไป สู้ไม่ไหว หรือจะตอบแบบดาวิทว่า ถ้าใหญ่แบบนี้ ข้าไม่พลาดแน่’  แต่ก่อนวางโทรศัพท์มีการข่มขู่อีกว่าผมสามคนพี่น้องตกกระป๋องแน่ หมาหัวเน่าสามตัว ผมสวนกลับทันควันว่าใครจะสนกัน แล้วเราก็หัวเราะกัน

      สามสัปดาห์ที่อยู่โรงพยาบาลคุณนายสไกป์คุยกับบ๋อมเป็นชั่วโมงทุกวัน พอคุณนายวางสายต่อด้วยเด็กผม กระต่ายของเฮียเซน พวกพี่บอดี้การ์ดสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่กับบ๋อมไม่เคยขาด สภาพจิตใจเด็กน้อยดีขึ้นพร้อมกับร่างกายแข็งแรงสีหน้ามีเลือดฝาดมากขึ้น

       เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคุณนายให้อันเดรียมารับบ๋อมกลับบ้านที่ออสเตรเลีย น้ำนิ่งงอนเพื่อนหาว่าทิ้งเขาไว้ที่นี่กับหมาป่าซะงั้น ตลกมากเด็กผม บ๋อมต้องปลอบอยู่นานกว่าจะยอมปล่อยให้ขึ้นเครื่องได้ เด็กหนอเด็กปิดเทอมก็ได้เจอกันแล้วจะอะไรนักหนาเฮ้อ...


       เรื่องของบ๋อมภาคนี้จบลงอย่างสวยงามเหมือนข้าวสวยที่หุงขึ้นหม้อ แต่ชีวิตภาคใหม่โลกใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มจะข้าวสวยหรือข้าวสุกหุงขึ้นหม้อหรือไม่ก็ต้องรอเปิดหม้อก่อนถึงจะรู้...


      ส่วนเรื่องของเฮียเซนกับคานินน่ะเหรอผมมันก็จบบริบูรณ์ในตัวของมัน แต่วันข้างหน้าจะยังไงต่อ มันไม่ใช่เรื่องของผมไม่อยากจะยุ่งกับหมาบ้าตัวนั้นเท่าไรเอาจริงๆ


.......................................







ณ ห้องพักคนป่วย สามวันหลังจากถล่มค่าย


      ภูมิรพีขยับตัวลงจากเตียงของตัวเองอย่างยากลำบากเพราะแผลตรงขามันตึงๆ เดินไปที่เตียงของน้ำนิ่ง โน้มตัวไปโอบกอดร่างบางที่กำลังหลับไว้แนบแน่นจนคนป่วยอีกคนลืมตาตื่น

      “รู้ไหมว่าเป็นห่วงใจแทบขาด” 

      “ภูมิ”  ดวงตาสีหวานเบิกกว้างส่งเสียงแหบเครือเบาๆ เนื่องจากยังมีอาการไข้อยู่ “ทำไมไม่นอนพักล่ะฮือ....”

       ภูมิรพีไม่ได้ตอบคำถาม หากโน้มกายสูงใหญ่ลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อและย้ำอยู่หลายครั้งหลายคราว ก่อนจะลากไล้ลงมาสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่ม ในความรู้สึกของคนตัวโตแม้จะแห้งแตกจากพิษไข้แต่ก็ยังน่าจูบอยู่ดี เคล้าเคลียจนคนป่วยต้องยอมเปิดรับความห่วงหาอาทรผ่านสัมผัสอ่อนโยน

      เวลาในห้องพักคนป่วยอันสงบเงียบหยุดลง มีแต่เสียงจูบแผ่วเบาเจือความหวานละมุนแขวนลอยในอากาศ ลำแขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาตอบรับทุกความรู้สึกที่ท่วมท้นส่งผ่านปลายลิ้นอุ่น เนิ่นนานกว่าทั้งสองจะผละใบหน้าออกจากกัน

      ปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยโหนกแก้มอุ่นร้อนแผ่วเบา จากนั้นประทับรอยจูบร้อนลงบนหว่างคิ้วร่างบางนิ่ง แววตาสีแปลกจ้องลึกในดวงตาแววหวานของอีกฝ่าย

      “ขอโทษที่วันนั้นหนูเอาแต่ใจ จนเกิดเรื่องหลายอย่างขึ้น”

      “บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องจำถ้ามันทำให้เราเจ็บ แต่ถ้าเรื่องนี้ควรจะเก็บเพราะมันเป็นความเจ็บปวดราคาแพงที่น่าจดจำไว้เป็นบทเรียน” ร่างบางรีบพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้มละมุน

      “ชื่นใจ ขอบคุณเหลือเกินที่วันนี้ยังอยู่ด้วยกัน”  ริมฝีปากร้อนนาบจูบร้อนลงบนแก้มเนียนก่อนดึงมือติดสายน้ำเกลือขึ้นจูบหนักแน่น

      “แล้วบาดแผลของภูมิ?”  น้ำนิ่งพยายามยันตัวขึ้นมอง ปากเล็กแตะจูบลงแผลตรงไหล่บางเบาแล้วขยับออก มือเล็กอีกข้างยกขึ้นลูบไล้ไปทั่วหน้าก่อนจะหยุดที่หน้าผาก ชะโงกตัวขึ้นไปแตะจูบบางเบาก่อนจะผละออก แววตาหวานเต็มไปความความห่วงใยเจ็บปวด

      “ข้างเดียวกันเลย เจ็บมากไหม” 

      “ไม่เป็นไรแล้ว ห่วงก็แต่หนู...”  คนตัวโตเลื่อนสายตาสีแปลกตามรอยถลอกตามหน้าเนื้อตัวของคนใต้ร่างให้รู้สึกสะท้อนใจ อีกฝ่ายผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาอยู่ตรงหน้าให้เขาเห็นตัวเป็นๆ

      น้ำนิ่งเอียงหน้าซุกกับมือใหญ่ของคนตัวโต พลางหลับตาซึมซับความเข้มแข็งทว่าอบอุ่นลงสู่ใจดวงน้อย มือนี้ที่โอบอุ้มทะนุถนอมปกป้องเขามาตั้งแต่เล็กจนโต อยู่เคียงข้างทุกครั้งที่เขาเรียกหา ปัญหาใหญ่น้อยแค่ไหนคนนี้แก้ปัญหาให้ตลอด แล้วเขาจะเกี่ยงงอนอะไรอีก ที่เขาต้องแคร์คือความรู้สึกของคนนี้ต่างหากไม่ใช่อะไรอื่น ชีวิตข้างหน้าไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว

      “ช่วยพี่อาแจ๊กซ์ได้ไหม เขาอยู่ไหน”  สีหน้าคนตัวโตนิ่งเรียบ ไม่มีคำใดรับรองว่า อาแจ็กซ์ปลอดภัยหลุดออกจากปากคนตัวโต แขนแกร่งโอบรัดร่างบางไว้แนบอก มือลูบหลังไปมาเหมือนจะปลอบประโลม

      “ทะ..ทำไม...”  เสียงถามเครือสะอื้น นัยน์ตาหวานวาววับด้วยหยาดน้ำใส

      “ซู่ ซู่ อย่าเพิ่งร้องได้ไหมล่ะ ภูมิยังไม่ได้บอกซะหน่อยว่าช่วยไม่ได้” 

       นิ้วแกร่งแตะลงบนริมฝีปากอิ่ม จมูกโด่งกดลงบนแก้ม นิ้วแกร่งสัมผัสรอยแผลบนหน้าผากพลางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะจูบลงบนรอยแผลนั่นแผ่วเบาอ่อนหวาน ปากร้อนนาบจูบเลื่อนไปทุกจุดที่เป็นรอยแผลไม่ว่าจะหน้าตา ลำคอ เนื้อตัว

      “ดะ...เดี๋ยวฮือ...” 

       ปลายนิ้วสากลูบไล้ไปตามชายโครงก่อนจะนาบจูบร้อนตามรอยสัมผัสจนมาหยุดที่ยอดอกสีหวาน สัมผัสผะแผ่วทำให้ร่างบางครางหวาน มือขาวกำแขนแกร่งไว้แน่น ริมฝีปากอิ่มพรมจูบไปที่คอหนาลากไล้ถึงคางแกร่ง

       หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ ปลายนิ้วเรียวเล็กสอดเข้าไปในผมดกหนาเมื่อตุ่มไตสีหวานถูกครอบครองหยอกเย้าจากลิ้นร้ายจนสะท้านไหว แผ่นหลังข่าวแอ่นโค้งยามถูกกอบกุมส่วนไวสัมผัสจากมือสากร้อน ร่างกายบิดไปมาเพื่อข่มอารมณ์หวามไหว

      “ลุง...”

       เสียงครางเครือคล้ายสะอื้นยามเห็นแสงสว่างจ้าอยู่ใกล้แค่เอื้อมถึง ผมบอกแล้วว่าจะไม่ทนกับคำนี้

       ภูมิรพีปิดริมฝีกปากอิ่มด้วยจูบอ่อนหวาน สัมผัสส่วนกลางลำตัวแข็งขืน กล้ามเนื้อเหยียดเกร็งบดเบียดคนใต้ร่างจนหลอมรวม เสียงลมหายใจสอดประสานลอยล่องในอากาศ ความโหยหาหวงห่วงถูกแทนที่ด้วยความสุขล้ำยามโอบกอด สัมผัสผิวกายของกันและกัน


      หลังพายุอารมณ์แห่งความโหยหาที่เติมจนเต็มล้นผ่านพ้นไป ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ดวงตาหวานกระจ่างใสสบดวงตาสีแปลก ริมฝีปากอิ่มแดงซ้ำคลี่ยิ้มอ่อนหวานมือเล็กโน้มคอคนตรงหน้าลงมารับจูบเบาๆ ศีรษะเล็กทุยซุกซบอกแกร่งระบายลมหายใจยาวกับความรู้สึกท่วมท้นที่ได้รับ

      “ทุกทีเลย แล้วตกลงพี่อาแจ็กซ์..”  คนตัวโตหลุดยิ้มกว้างกับหน้างอๆ แก้มพองๆ ของคนในอ้อมกอด

      “ก็ถือว่าปลอดภัยแหละ ถึงจะเดี้ยงไปสักหน่อย ถูกยิงจริงแต่กระสุนมันตุงอยู่ที่เสื้อกันกระสุน แรงปะทะทำให้เสียหลักลื่นตกเขาไปติดอยู่กิ่งต้นไม้ใหญ่ พวกมันคิดว่าตายแน่เลยไม่ได้ตามไปซ้ำ”

      “โอ๊ว!! ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย แล้วหนูไปเยี่ยมพี่เขาได้ไหม” 

      “คงจะไม่สะดวก”

      “อ้าว! ทำไมล่ะ หรือกลับไปแล้ว”

      “ยังไม่ได้กลับหรอก แค่ถูกคำสั่งห้ามเยี่ยมแล้วภูมิก็ไม่รู้ว่าเฮียเอาตัวไปรักษาอยู่ที่ไหน”

      “เอ๊ะ!  ยังไงกันล่ะ”

      “ช่างเฮียมันเถอะ ถ้าเขาโกรธจะสมน้ำหน้าให้”

       ร่างบางในอ้อมกอดพยักหน้ารับทั้งที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เรื่องนั้นรอได้มันไม่ได้สำคัญไปกว่าคนตัวโตที่นอนกอดกันตอนนี้สักหน่อย  สองร่างนอนกอดก่ายผลัดกันแลกเปลี่ยนจูบหวานละมุนอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย


       “มีคนบางคนบอกว่าร่างกายที่ขาดลมหายใจจะอยู่ไม่ได้...ภูมิเองก็คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคนในอ้อมแขนคนนี้...ขอบคุณนะครับที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน”  เสียงกระซิบนุ่มริมหูอุ่นซ่านไปถึงหัวใจของกันและกันตราบเท่าลมหายใจจะขาดห้วงจากร่างกาย.














The End.







ปล.


จบแล้วค่ะ ไม่มี TBC. .ใดๆ ทั้งสิ้น อยากจุดพลุให้สมกับเป็นวันสุดท้ายของการเล่นสงกรานต์ปีนี้ ดีใจปริ่มเปรมที่เข็นจนจบได้ในที่สุด ที่มีวันนี้ได้เป็นเพราะทุกคนทำให้เรามีแรงบันดาลที่จะเขียนจนจบ...

ไม่มีอะไรมากมาย ขอบคุณและรักคนอ่าน รักมากมายที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนสุดท้าย (7-10-2015 - 15-4-2016) (นิยายก็เป็นอะไรที่สะท้อนตัวตนพอสมควร คราแรกจะทำให้เป็นแนวหวานๆ โรแมนติก แต่ทำไปทำมาเหมือน
จะแอ๊บใสไม่ไหว555 แอบจิตอ่อนๆ รู้สึกมีความสุขที่ได้ข่มเหงตัวละครที่อ่อนแอกว่า
มีโปรเจคอยากจะเขียนอีกเยอะแยะ เฮียณิตxพี หรือสามหนุ่มฉะฉาน แสนคม หนึ่งฤทัย หรือกรณ์อะเอ็กซ์
หรือเรื่องของเหล่าบอดี้การ์ด
ก็ได้แค่คิด...

แต่ยังไงก็ตาม...ขอบคุณมากกกกกกกกก

:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: กอดแน่นๆ แทนคำขอบคุณทั้งหมดจากใจเรา.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2016 19:13:46 โดย WiChy »

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ขอบคุณน๊า ที่แต่งเรื่องราวดีๆมาให้อ่านจนจบ :pig4: :3123: :L2:

ออฟไลน์ Soda.wine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2016 02:53:46 โดย Soda.wine »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด