The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 444924 ครั้ง)

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ค้างมาก เป็นห่วงพายุมากกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2021 01:42:01 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1

อยากจับพายุมาตีตูดสักป๊าบจังลูกเอ้ยยย  :ling3:  :ling3:  :ling3:

ว่าแต่รอบนี้มีโมเม้นสมุทรรุกวุ้ยย กล้าไปจับมืออ๋ออออ คุคิคุคิ

ขอบคุณสำหรับตอนนี้จ้าาา  :L2:  :L2:

ออฟไลน์ KOWPOON

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
เข้ามารอทุกวัน ส่งกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ Nick2xiah2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

เข้ามารอลุ้นคุณไฟขากับสมุทรมะไหร่จะ happy ending 55555 :serius2:

ในรอบ 4 ปี เพิ่งได้กลับเข้าเล้าเป็ด ด้วยความคิดถึงเบบี้ล้วนๆ :กอด1:

ขอโทษที่เพิ่งได้มาคอมเม้นนะคะ แอบอ่านอยู่เงียบๆไม่ได้ลืมกันไปไหน :monkeysad:

...นิยายของคุณเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในช่วงชีวิตเราไปแล้ว เหมือนเพื่อนเก่าเมื่อคิดถึงก็กลับมาหากันได้เสมอ

เป็นกำลังใจในการแต่งนิยายต่อๆไปของเบบี้นะคะ   :L2:








ออฟไลน์ Dos_Diosas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :serius2: :ling1: โอ๊ยย ทำไมเป็นแบบนี้ เครียดแทนน

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
คุณไฟขาอย่ายอมเป็นแพะนะคะ
บ่าวศรัทธาในความจระเข้น้อยของคุณไฟ :impress: :laugh3:
งานเข้าจังเบอร์ แล้วเมื่อไหร่เค้า2คนจะได้เคลียร์กัน แง :hao5:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2021 16:49:41 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างยาวและมีโพสต์ประกาศคั่นอยู่ จึงจะโพสต์เนื้อหานิยายที่โพสต์ถัดไปต่อ ๆ กันแทนนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2021 17:42:57 โดย เบบี้ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Note: รบกวนอ่านประกาศแจ้งทางด้านล่างหลังจบเรื่องด้วยนะคะ .. ขอบคุณค่ะ

.
.
ตอนที่ 59
..ไฟ..



ฟิ้วววววววว !!!

ปัง !!!

ปัง  ๆ  ๆ  ๆ !!!


การกระหน่ำยิงที่เกิดขึ้นด้านหลังห่างไปหลายกิโลเมตรไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องสนใจในเวลานี้  เส้นทางที่ขับมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับคำสั่งมาจะต้องใช้เวลาอีกร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย  จะวอกแวกไม่ได้...

รถยนต์จอดสนิทอยู่ที่โกดังร้างแห่งหนึ่งไม่ไกลจากชายหาดเท่าไหร่  ความเงียบยามค่ำคืนทำให้ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง  เมื่อถึงที่หมายก็พบว่ามีคนมารออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับรถยนต์สามคัน  ทันทีที่ผมลงจากรถ  ชายร่างสูงใหญ่ก็เดินตรงเข้ามาหา  เค้าโครงของใบหน้ามีลักษณะคล้ายชาวต่างชาติมากกว่าจะเป็นไทยแท้โดยสมบูรณ์ 

“ตรงเวลา” อีกฝ่ายเอ่ยชม 

“........” ผมไม่ตอบ  เดินตรงไปเปิดท้ายรถแล้วยกกระเป๋าสีดำใบใหญ่จำนวนสามใบออกมาแล้วโยนลงบนพื้น  ส่วนอีกใบหนึ่งที่อยู่ตรงที่นั่งเบาะหลังก็นำมาวางเรียงด้วยเช่นกัน

“สี่ใบ เช็กซะ” ผมพูดแกมสั่ง  อีกฝ่ายมองผมหัวจรดเท้าสลับกับมองกระเป๋าที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ 

“ไม่เคยเห็นหน้า มาใหม่เหรอ” มันถาม  มือขยับขึ้นเท้าเอว เผยให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ข้างกาย

“ใช่” ผมตอบ

“........” มันพยักพเยิดหน้า ส่งสัญญาณสั่งลูกน้องของตนที่ยืนประกบเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ด้วยอาวุธครบมือ  การแต่งตัวของพวกมันสะอาดสะอ้านเกินกว่าจะเป็นเด็กรับยาทั่วไป  เสื้อผ้าที่สวมใส่ค่อนข้างเป็นทางการ  อีกทั้งยังมีบุคลิกที่นิ่งขรึม 


เสียงซิปกระเป๋าถูกเปิดออกครบทุกใบ  สินค้าที่ผมนำมาถูกตรวจสอบอย่างละเอียด  ในขณะเดียวกันผมเองก็ถูกจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวเช่นกัน.. 

“เรียบร้อยครับ” หนึ่งในลูกน้องพูดบอก

“ดี” คนเป็นใหญ่ขานรับ

“เงินอีกครึ่งหนึ่งจะโอนเข้าเหมือนทุกที” มันหันมาพูดกับผม  ผมรับฟังโดยไม่พูดตอบและไม่แสดงทีท่าใด ๆ กลับไป

“ลูกพี่ มีคนของเรารายงานว่าตำรวจถูกลอบยิง เส้นทางเดียวกับที่มาโกดังเราครับ รีบไปกันเถอะครับ” 

“อืม” อีกฝ่ายขานรับ  กระเป๋าถูกเคลื่อนย้ายขึ้นรถจนหมด  ขณะเดียวกันลูกพี่ของพวกมันก็หันกลับมา
 
“ว่าแต่..” อีกฝ่ายกวาดตามองผมหัวจรดเท้า

“ชื่ออะไร” มันถาม 

ผมเพียงสบตา และไม่ตอบกลับไป...


   ..
03.00 น.

“เอาอะไรดีจ๊ะหนุ่ม ~” เสียงเอ่ยทักอย่างอ่อนหวานจากแม่ค้าร้านขายโจ๊ก ที่มีทั้งก๋วยจั๊บและต้มเลือดให้เลือก  ตั้งแผงอยู่ริมถนนใกล้วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
 
“โจ๊กหมูที่นึงครับ ไข่ลวกสองฟอง” ผมสั่ง

“ได้เลยจ้า ใส่ขิงไหมลูก” เธอถาม

“ครับ ขอเพิ่มด้วยได้ไหม” ผมถามกลับ 

“ได้เลย กินนี่เนอะ” เธอเงยหน้าขึ้นสบตา  ผมพยักหน้าตอบ

“นั่งเลยลูก ตักน้ำได้เลยนะ”

ผมเดินไปและเลือกนั่งลงที่เก้าอี้หัวโล้นพลาสติก  ที่ร้านมีโต๊ะตั้งไว้บริการลูกค้าเป็นจำนวนสี่โต๊ะ  ถูกใช้ไปแล้วสอง  รวมที่ผมนั่งอยู่ด้วย  ลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่เลือกที่จะยืนรอเพราะขับมอเตอร์ไซค์แวะมาซื้อแล้วก็กลับไป 


ตืด  ๆ ๆ ๆ

ผมเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ  สายเข้า --- “โปรด”

“อืม” ผมกดรับ

“เฮ้อ ! รับสักที” ปลายสายถอนหายใจใส่ทันควัน   

“เมื่อไหร่มึงจะรับโทรศัพท์พี่ธาน แม่งมานั่งจ้องกูเป็นหมาบ้าเลยเนี่ย กว่าจะยอมกลับไปได้” มันสบถบ่น

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม 

“........” จู่ ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็เงียบไป

“อยู่ไหน” มันถาม  ครั้งนี้โทนเสียงจากที่หงุดหงิดนั้นได้ลดระดับลง

“ร้านโจ๊ก” ผมตอบ

“เออ แล้วมันที่ไหนล่ะ” ไอ้โปรดเกือบจะสบถอีกรอบ

“ชลบุรี”

“เสร็จแล้วจะกลับบ้านเลยไหม”

“ไม่ มีที่อื่นต้องไป” ผมตอบ

“ไฟ..”

“โจ๊กร้อน ๆ ได้แล้วจ้า” แม่ค้านำโจ๊กมาเสิร์ฟพร้อมกับถ้วยเล็ก ๆ ที่นำขิงเพิ่มมาให้ด้วย 

“จะกินข้าว แค่นี้นะ” ผมพูดแทรกแล้วตัดสายโทรศัพท์ทันทีไม่ร่ำลา 

“ขิงไม่พอเติมได้นะลูก” เธอบอก

“ขอบคุณครับ”


   ..
10.35 น. | นนทบุรี

สองชั่วโมงให้หลังหลังจากที่วางสายจากไอ้โปรดไปก็ได้รับสายจากพี่ธานเพื่อแจ้งความคืบหน้า  ครั้งนี้ผมรับ เพราะสัญชาตญาณเตือนว่ามีบางอย่างที่ต้องรับทราบจากสายนั้น  ร่างกายไม่ได้หลับนอนเลยตั้งแต่เมื่อวานจนถึงสายของวันนี้  ทันทีที่วางสายจากพี่ธาน  ผมก็เดินทางมาหามือดี คนที่ต้องรับภารกิจนี้จากผม...

“รับอะไรดีคะ นั่งด้านในได้เลยนะค้า ~” คนขายเอ่ยทักอัตโนมัติโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง 

“คะน้าน้ำมันหอยกับเป็ดย่าง จานกลางอย่างละที่ น้ำเปล่าด้วย” ผมสั่ง

“........” เธอหยุดมือ  เงยหน้าขึ้นสบตาก่อนนิ่งไป

“ได้ค่ะ” อีกฝ่ายยิ้มตอบพร้อมก้มหัวทักทายเล็กน้อย

“พี่นิ่ง !” เธอตะโกนเรียกคนที่อยู่ด้านหลังบ้านขณะที่ผมเดินเข้าไปในร้าน  มีลูกค้านั่งอยู่สี่โต๊ะโดยที่ผมเลือกโต๊ะด้านในสุดซึ่งอยู่ในมุมอับ  เจ้าของชื่อเดินผ่านผ้าม่านกั้นระหว่างหลังร้านออกมาและขานรับส่ง ๆ “เออ !”  ก่อนที่ฝีเท้าจะหยุดชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นผม 

“คะน้าน้ำมันหอยกับเป็ดย่างจานกลางอย่างละที่ น้ำเปล่าด้วย” เธอสั่งคนเป็นสามี  ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลง

“ได้ !” นิ่งขานรับอีกครั้ง  รีบตรงไปหยิบน้ำเปล่าจากในตู้เย็นนำมาเสิร์ฟให้ผมก่อนจะตรงไปเสิร์ฟอาหารที่อยู่บนถาดที่ตนถืออยู่ให้กับลูกค้าโต๊ะอื่น 


ผมยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม  รออาหารทยอยนำมาเสิร์ฟ  เสร็จแล้วเจ้าของร้านก็เลื่อนเก้าอี้ไม้หัวโล้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่งลงเงียบ ๆ  ผมหยิบตะเกียบที่อยู่ในกล่องออกมาคู่หนึ่งและลงมือกินอาหารฝีมือของเจ้าของร้านที่ไม่ได้กินมาพักใหญ่แล้ว   

“คุณธานไม่มาด้วยเหรอครับ” นิ่งเอ่ยถามอย่างสุภาพ 

“ไม่ว่าง” ผมตอบ  รสของหนังเป็ดย่างชุ่มฉ่ำด้วยน้ำซอส

“รสชาติเป็นไงบ้างครับ” นิ่งถามด้วยสีหน้าคาดหวัง 

“เหมือนเดิม” ผมตอบ  หมายถึง “อร่อย”  คะน้าน้ำมันหอยของร้านในอาคารพาณิชย์เก่า ๆ ในชุมชนค้าขายแห่งหนึ่ง  เป็นหนึ่งในร้านที่ทำรสชาติได้ดีจนแทบเทียบกับภัตตาคารดัง ๆ ได้  ไม่แปลกที่มีลูกค้าไม่ขาดสาย 

“ฉันมีงานให้ทำ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่ชิมทั้งคะน้าน้ำมันหอยกับเป็ดย่างไปอย่างละคำ

“........” คนตรงหน้าชะงักไปเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงนิ่งสงบ 

“ครับ” นิ่งผงกหัวรับทราบอย่างไม่ลังเล

“อาจยากหน่อยนะ อยู่ในเมือง” ผมบอก

“........” นิ่งนั่งเงียบไป   

“พ่อ หนูกลับมาแล้ว ~”

ผมเหลือบมองเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนมัธยมต้นเดินมาพร้อมยกมือไหว้นิ่ง  เมื่อเธอหันมาเห็นว่าพ่อของเธอมีแขกก็รีบยกมือไหว้ผมทันที

“โดดเรียนเหรอ” นิ่งเหล่มองลูกสาว

“โดดที่ไหนเล่า หนูก็บอกแล้วว่าวันนี้เลิกเร็ว พ่อฟังหนูบ้างไหมเนี่ย” เธอขมวดคิ้วบ่นพ่อของเธอกลับ

“อ้อ โทษ ๆ” คนเป็นพ่ออมยิ้ม 

“หนูขึ้นไปเก็บของก่อนนะ เดี๋ยวลงมาช่วย” เธอยิ้มพร้อมยักคิ้วให้

“ไปทำการบ้านให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเลย” นิ่งตอบแกมบ่น

“เสร็จแล้วเหอะ !” เธอเบะปากใส่พ่ออย่างผู้ชนะ

“หึ..” นิ่งอมยิ้มก่อนที่ลูกสาวจะวิ่งเข้าหลังบ้านไป 

“เงินก็พอมีแล้วทำไมไม่ไปอยู่ที่มันดีกว่านี้” ผมอดถามไม่ได้  กี่ปี ๆ ก็ยังอยู่ที่เดิม

“ตอนแรกว่าจะย้ายครับ แต่พอมาคิด ๆ ดู อีกแป๊บ ๆ ลูกก็คงต้องเตรียมสอบเข้ามหาลัยแล้ว ถ้ามันเลือกไปอยู่หอ ผมกับเมียก็อยู่กันสองคน อยู่นี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรครับ ลูกค้าส่วนใหญ่ติดสถานที่ไปแล้วด้วย จะย้ายก็กลัวเขาลำบาก” นิ่งตอบอย่างใจเย็น

“........” ผมเงียบฟัง  คีบผักคะน้าเข้าปากอยู่หลายคำในขณะที่นิ่งก็เงียบไปด้วย

“ฉันให้ที่ละแสน อุปกรณ์กับคนเดี๋ยวเตรียมไว้ให้ งานเริ่มอย่างต่ำสองที่ หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยากขึ้นฉันจะเพิ่มให้อีกที่ละแสน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบาขณะเท้าแขนกินอาหารตรงหน้า

“ครับ” นิ่งขานรับ 

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้นายเดือดร้อนหรอก”

“ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ” อีกฝ่ายตอบทันที

“คราวนี้ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ...” คนตรงหน้าถามอย่างต้องการรู้ถึงเหตุผล

“แค่จะไปรับน้องคืน” ผมตอบ 


- - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2021 10:51:37 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

วันหนึ่งหมดไป  หน้าที่ในตอนนี้เพียงแค่รอเวลา...

เวลา 18.20 น. ผมเดินทางมาถึงที่พักใหม่ที่จะใช้หลับนอนในคืนนี้  ถึงแม้ร่างกายได้ถูกใช้งานไปทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก  แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังไม่รู้สึกอ่อนล้าอย่างที่ควร


กริ๊ง ~

“กลับมาแล้วเหรอคะที่รัก ~” เสียงหวานเอ่ยทักอย่างสดใส  เป็นการทักทายที่ฟังดูก็รู้ว่าผู้พูดได้ตั้งใจคิดประโยคนี้เตรียมไว้ล่วงหน้า

“........” ผมไม่เล่นมุกตอบ  เดินตรงไปที่โต๊ะอาหารแบบกลมที่ตั้งอยู่กลางบ้าน  เป็นส่วนหนึ่งของห้องนั่งเล่นและติดอยู่กับห้องครัว  เป็นการตกแต่งแบบไทยจีนในอาคารพาณิชย์สูงสามชั้นที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชนแห่งหนึ่ง

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยสี่คนเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน  หนึ่งในนั้นคือมือดีของผมที่มีอายุมากที่สุดในบรรดาพวกเธอ

“ซื้อเป็ดย่างมาฝาก” ผมบอก  วางถุงเป็ดย่างที่ซื้อมาจากร้านของนิ่ง  ก่อนถอดแจ็กเก็ตและเสื้อยืดออกด้วยรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว 

“ขอบคุณค่า ~” พวกเธอขานรับ 

“โอ้โฮ เย็นซะขนาดนี้ ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานเหรอคะ” พี่ใหญ่สุดเอ่ยปากแซว  เชอร์รีคือชื่อของเธอที่ถูกทุกคนเรียกอย่างคุ้นเคย  แต่นั่นกลับไม่ใช่ชื่อเล่นที่แท้จริง

“เราไม่ได้เกิดยุคสงครามโลกนะ เธอไม่รู้เหรอ” ผมตอบปัดไปที  เตือนว่าบนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า “ไมโครเวฟ” อยู่

“คิก ๆ ๆ” พวกเธอหัวเราะคิกคัก

“ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” เชอร์รีเปลี่ยนเรื่อง

“รอฉันเหรอ” ผมหันกลับไปมองพร้อมเลิกคิ้ว

“ค่ะ ก็คุณบอกจะมานี่คะ” เชอร์รีตอบฉะฉาน  ในน้ำเสียงนั้นกึ่งหนึ่งกำลังบอกผมเป็นนัยว่า ผมมีส่วนทำให้เธอคิดอย่างนั้น  ไม่ใช่ความผิดของเธอ

ผมไม่พูดอะไร  มองตามเชอร์รีที่เพิ่งเดินกลับเข้าครัวไป...

“เจ๊แกแค่อยากกินข้าวกับคุณไฟน่ะค่ะ” ชะเอมยิ้มกริ่ม เอ่ยแซวคนที่เปรียบเสมือนพี่สาว

“หึ ปกติฉันไม่กินข้าวกับคนที่นอนด้วยแค่ครั้งเดียวหรอกนะ” ผมยักคิ้ว

“อร๊ายยย ~ ไหนเจ๊บอกไม่เคยนอนกับคุณไฟไงงง ~” กองเชียร์กรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

“ฉันไปนอนกับคุณเมื่อไหร่ไม่ทราบคะ !” เชอร์รีออกมาขึ้นเสียง ทำตาขวางใส่  ผมหลุดยิ้ม  เดินตรงไปล้างหน้าล้างมือในห้องน้ำที่ชั้นล่าง  ขณะเดียวกันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งได้ยิ้มจากใจจริงเป็นครั้งแรกของวัน


อาหารถูกทยอยนำออกมาจัดเรียงบนโต๊ะอาหารทรงกลม  มีแป้นตรงกลางสำหรับหมุนได้  หน้าตาอาหารดูดีคล้ายว่าผู้ทำได้เตรียมไว้อย่างสุดฝีมือ  ผมนั่งลงก่อน  น้ำเปล่าถูกวางลงตรงหน้าแก้วหนึ่ง

“พาสปอร์ตเรียบร้อยแล้วค่า ~” หนึ่งกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาจากชั้นบน  เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมมาถึงแล้ว ก่อนจะโค้งตัวทักทาย

“คุณไฟมาคนเดียวเหรอคะ แฟนหนูไม่มาด้วยเหรอ” หนึ่งยิ้มถาม  กวาดตามองหาใครสักคน

“ใคร” ผมถามกลับ

“คุณไฟอะ ก็เข้มไงคะ” เธอยิ้มตอบเขิน ๆ

“หึ..” ผมหลุดหัวเราะ

“เข้มมันมีเจ้าของแล้ว เอาคนอื่นสิ” ผมพูดส่ง ๆ  หยิบตะเกียบคีบผัดกะหล่ำปลีขึ้นชิมก่อนเป็นอันดับแรก  ยังไม่มีใครนั่งลงที่โต๊ะเลย  พวกเธอแค่รอให้พี่ใหญ่ของเธอเตรียมอาหารเรียบร้อยเสียก่อน 

“ไม่เอาอะค่ะ หนูชอบแบบเข้ม” หนึ่งเบะปาก ทำหน้าหงอยลงทีเล่นทีจริง

“ไอ้เข้มน่าเบื่อจะตาย เอาไอ้เด่นสิ” ผมเสนอลูกน้องให้ขายออก

“ไม่เอาค่ะ อันนั้นมีสีสันไป” หนึ่งตอบหน้าเอือม

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ

“ว่าแต่ ใครเหรอคะแฟนเข้ม” ชะเอมถาม

“ยุ่ง” เชอร์รีที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวบ่นใส่  เป็นการตัดบทช่วยผมได้จังหวะดี 

กุ้งผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์คืออาหารจานสุดท้ายที่ถูกเสิร์ฟลง  เชอร์รีถอดผ้ากันเปื้อนออก  หนึ่งจึงรับไปเก็บให้ก่อนที่เชอร์รีจะนั่งลงเป็นคนแรก  คนอื่น ๆ ถึงค่อย ๆ นั่งลงตาม

“หนูแค่อยากรู้เองอะเจ๊อะ” หนึ่งบ่นคนที่เปรียบเสมือนพี่สาวของเธองอน ๆ

“ผู้ชายเขาไม่ได้เลือกเธอ เขาจะมีใครมันก็เรื่องของเขา เธอจะไปอยากรู้ทำไมล่ะ” เชอร์รีบ่นกลับด้วยโทนเสียงเรียบขรึม

“แหม ก็หนูไม่ได้แข็งแกร่งแบบเจ๊นี่คะ” หนึ่งประชดพร้อมยิ้มกริ่ม  เชอร์รีถอนหายใจ  ทำเมินด้วยการตักเม็ดมะม่วงหิมพานต์วางลงบนจานให้ผม

“ช่ายยย ~ แบบว่าเจ๊อยากรู้เรื่องพี่ธานจะตาย แต่ทำเป็นไม่อยากรู้อะ” ชะเอมแซว

“หึ.. ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้ายิ้มกว้าง  กลั้นเสียงหัวเราะนี้ไว้ไม่อยู่

“คุณไฟคะ” เชอร์รีหยุดมือ  หันมามองหน้าผมคล้ายขอให้หยุดหัวเราะ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการเข้าข้างคนของเธอ  ผมจึงหยุดตามที่เธอขอ

“เป็นไงคะ” เชอร์รีถาม  แววตาดูตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นว่าผมเพิ่งชิมกุ้งอบวุ้นเส้นฝีมือเธอเข้าไป  เป็นหนึ่งในเมนูเด็ดที่เธอภูมิใจนักหนา 

“เหมือนเดิม” ผมตอบ  หมายถึงรสชาติยังอร่อยเหมือนเคย 

“ขอบคุณค่ะ” คนทำอมยิ้มอย่างพอใจ 

“หนูเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ” นิดาพูดบอกผม

“ขอบใจ” ผมตอบ

“เตรียมตัวให้เรียบร้อยล่ะ” ผมพูดแกมสั่ง  ทุกคนในวงอาหารก้มหัวรับทราบเงียบ ๆ  มื้อเย็นเป็นไปอย่างเรียบง่าย  ผมเพียงแต่ฟังพวกเธอพูดคุยกันเพราะไม่ได้พบกันมาพักใหญ่แล้ว  ส่วนตัวก็กินไม่ได้มากเพราะไม่ได้หิวอะไร  เพียงแค่ต้องการกินเพื่อรักษาน้ำใจคนที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น  เสร็จจากมื้ออาหารแล้วจึงขึ้นห้องพักมาเพื่ออาบน้ำ  หลังจากนี้มีหน้าที่ที่ต้องทำอีก

   ..

“นี่คุณ !!!”


โครมมมม !!!

ผลัวะ !!!


“ชะเอม !!!!”

เสียงโหวกเหวกคล้ายการต่อสู้ดังมาจากชั้นล่างของอาคาร  ผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและยังไม่ทันได้จัดการตัวเองให้เรียบร้อยจำเป็นต้องหยิบปืนสั้นที่วางอยู่ติดมือลงมาด้วย   

“ถ้าไม่อยากตายละก็...” เชอร์รีเอ่ย  โทนเสียงแข็งกร้าวคล้ายหมดความอดทน

“เชอร์รี” ผมเรียกสติ  ปืนที่ถูกเธอจ่ออยู่เล็งไปที่หน้าผากของสมุทรเพียงไม่กี่เซ็นฯ  ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวในทันที  ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านกระจัดกระจายยืนยันว่าเกิดการต่อสู้จริง
   
“มีอะไร” ผมมองหน้าสมุทร  เชอร์รีหันมาทางผมโดยที่ยังไม่ยอมลดปืนลง
 
“........” สมุทรไม่ตอบ  สายตาจดจ้องมาที่ผมคล้ายตกใจที่เห็นผมที่นี่

“อ๋อ หนูนึกออกแล้ว !” หญิงเอ่ยขึ้นเสียงสูง

“นักมวยหน้าใหม่ค่ายคุณไฟที่เพิ่งขึ้นชกไปไงคะ ชนะด้วย !” หญิงยิ้มบอกอย่างตื่นเต้น

“ตัวจริงดูดีกว่าในจออีกนะเนี่ย” เธอตาวาว  ตรงเข้าไปมองหน้าสมุทรใกล้ ๆ  คนถูกมองถอยออกเล็กน้อยด้วยสีหน้าตกใจปนงุนงง 

“เขามายืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ข้างหน้าค่ะ” เชอร์รีบอกถึงสาเหตุของการกระทำของเธอ  สายตามองขวางอย่างไม่พอใจ

“ขอโทษครับ แต่ผมบอกแล้วว่าผมมาพบคุณไฟ” สมุทรตอบอย่างใจเย็น

“ฉันบอกว่าคุณมันน่าสงสัย” เชอร์รีถลึงตากว้างกว่าเดิม  น้ำเสียงที่ถูกกดลงบอกได้แน่ชัดว่าเธอกำลังหงุดหงิดกับคำอธิบายของสมุทร 

“เจ๊คะ พอเถอะค่ะ คุณไฟ..” ชะเอมกระซิบเตือนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี 
 
“โทษทีค่ะ แต่ฉันไม่รู้จักเขา” เชอร์รีหันมาบอกผมก่อนจะยอมลดปืนลง  ในขณะที่สมุทรไม่ตอบโต้ใด ๆ 
 
“ชะเอม ไปทำแผลไป” ผมพูดถึงแผลที่มุมปากของเธอ

“ค่ะ” ชะเอมพยักหน้า

“ขอโทษครับ” สมุทรรีบหันไปบอกชะเอมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรค่ะ” ชะเอมปัดอย่างอารมณ์ดี

“แล้วตกลงมีอะไร” ผมถามสมุทรอีกครั้ง  อีกฝ่ายหันมาสบตาด้วยสีหน้าลังเล  เหลือบมองพวกของเชอร์รีที่ยืนอยู่อย่างระมัดระวัง  ก่อนจะนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งและสุดท้ายก็ไม่ได้ให้คำตอบกลับมา

“เอ่อ งั้นหนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” นิดดาพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ  เธอโค้งตัวน้อย ๆ เดินตรงเข้าห้องพักของเธอไป

“เดี๋ยว นิดา ! มาช่วยกันเก็บของก่อนสิ !” ชะเอมโวยวาย 

“เดี๋ยวผมเก็บเองครับ” สมุทรเสนอ

“เอ่อ..” ชะเอมชะงักด้วยสีหน้างุนงง  ผมถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินกลับขึ้นห้องมา  และถึงไม่ได้คำตอบก็พอจะทราบได้ว่าอีกฝ่ายมาเพราะอะไร

ปืนถูกเก็บเข้าที่เดิม  ตรงไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมต่อ  ขณะเดียวกันก็เหลือบมองไปยังฝาผนังที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่ตระเตรียมไว้ 

ผมหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ทรงโบราณ  เป็นเก้าอี้ที่ถูกวางทิ้งไว้ที่บ้านหลังนี้ตอนที่ซื้อต่อและเจ้าของบ้านคนเก่าไม่ได้นำไปด้วย ไม่รู้เพราะเหตุใด  ทั้ง ๆ ที่ก็นั่งสบายดี

ให้หลังไม่นานนักเชอร์รีก็ตามขึ้นมา  เธอได้ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าเรามีเรื่องที่ต้องเตรียมการกัน  เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงการพูดคุยก็จบลง  ข้อมูลที่วางไว้จึงถูกเชอร์รีค่อย ๆ เก็บใส่กระเป๋า  ความเงียบในห้องพักทำให้ได้ยินเสียงทุกการเคลื่อนไหวของเธอชัดเจน 

“ฉันต้องอยู่ในนี้อีกนานไหมคะ” เชอร์รีถามขณะเก็บของ

“ทำไม” ผมถามกลับ  เธอหยุดมือ  หันหน้ามาสบตา

“ก็ดูเหมือนว่าฉันกำลังถูกเอาเป็นไม้กันหมา” เธอว่า

“หึ พูดถึงใคร” ผมแสยะยิ้มก่อนเบือนหน้ากลับมาจ้องกำแพงอย่างเดิม  ร่างกายถูกปล่อยลงพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย  จู่ ๆ ก็ดันมีความรู้สึกสบายใจขึ้นมาเมื่อถูกทักอย่างรู้ใจ

“ผู้ชายคนนั้น..” เชอร์รีตอบแล้วเก็บของต่อ

“........” ผมเงียบ

“หมาที่ไหนเล่า ซ้อเธอไง” ผมพูด  ขยับขาที่ยืดออกตรง ๆ ขึ้นไขว้กัน

“........” เชอร์รีหันขวับกลับมา  ดวงตากลมโตกว่าเดิม  ผมจึงผลิยิ้มพร้อมยักคิ้วให้  อีกฝ่ายเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง  ทีท่าไม่ต่างจากคนที่เจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจแบบกระทันหัน  แต่ไม่กี่วินาทีเธอก็หันกลับมาจ้องมองผมอีกครั้ง  สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน...

“อะไร ?” ผมเลิกคิ้ว

“นี่คงเป็นเรื่องช็อกในรอบสิบปีของฉันเลยค่ะ” เชอร์รีตอบแกมประชด

“หึ ๆ ๆ ไม่ดีใจเรอะ” ผมไม่หยุดกวน  เธอส่ายหัวเล็กน้อยและแอบถอนหายใจให้ได้ยิน


ก๊อก  ๆ  ๆ

“ใคร” เชอร์รีเอ่ยถามคนที่อยู่ด้านนอก  แต่กลับไม่มีเสียงใครตอบกลับมา 


ก๊อก  ๆ  ๆ  ๆ

“........” ผมนั่งเฉย  รอให้เชอร์รีเป็นคนจัดการเพราะพอจะเดาอะไรออก 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2021 17:12:43 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“ฉันถามว่าใคร !” ครั้งนี้โทนเสียงของเชอร์รีแสดงความไม่ชอบใจขึ้นกว่าเดิม 

“เอ่อ ฝน.. ฝนตก อากาศหนาวเลยเอาชามาให้ค่ะ !” เสียงของชะเอมขานตอบคล้ายร้อนรน  ผมเหลือบมองไปที่หน้าต่างห้องใกล้ ๆ  แต่ไม่เห็นว่ามีฝนอย่างที่เธอว่าจึงลุกขึ้นไปแล้วเปิดประตูหน้าต่างเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ  และดันพบว่าฝนตกจริง  แต่เป็นแค่ฝนปรอย ๆ เท่านั้น  ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงฟ้าร้อง 

ส่วนอากาศก็ต้องหนาวอยู่แล้ว  ก็เปิดแอร์อยู่นี่นะ...

“ยัยนี่..” ผมพึมพำบ่น

“หึ ๆ ๆ” เชอร์รีเผยยิ้ม

“ว่าแต่ ฉันเคยได้ยินเสียงเธอครางรึเปล่านะ ไม่ลองดูหน่อยล่ะ” ผมหยุดยืนตรงหน้าเธอ

“ถ้าเสร็จธุระแล้วฉันขอตัวนะคะ” อีกฝ่ายตัดบทเสียงแข็ง  ซิปกระเป๋าถูกรูดปิดอย่างโมโห

“หึ..” ผมหลุดยิ้ม


แกรก ~

ผมตรงไปเปิดประตูห้อง  คนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับไม่ใช่ชะเอม  สมุทรยืนอยู่และยังไม่ถือว่าโกหกทั้งหมดเพราะมีถาดน้ำชามาด้วย  เขาสบตาผมเล็กน้อยก่อนหลบสายตาลง  เชอร์รีแบกกระเป๋าใบใหญ่ออกจากห้องไปพร้อม ๆ กับสมุทรที่หลีกทางให้

ผมมองเขาที่เดินผ่านผมเข้าไปในห้องโดยไม่ขออนุญาตอย่างเช่นนิสัยที่เขาควรจะทำ  นั่นทำให้ผมอดถอนหายใจออกมาไม่ได้  ประตูห้องถูกเชอร์รีปิดลง 

“........” ทั้งผมและเขาไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน  อีกฝ่ายดูระมัดระวังการกระทำของตัวเอง  ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ปลายเตียงแล้ววางถาดชาลง

“นายไม่รู้สินะว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ” ผมพูดขึ้นก่อน  สมุทรเงยหน้าขึ้นมองผมในทันที 

“ขอโทษครับ” เขาพูดหลังจากทิ้งช่วงเงียบอยู่พักหนึ่ง 

“อย่าไปว่าพี่ธานเลยนะครับ ผมเป็นคนขอที่อยู่คุณมาเอง”

“จะไม่ว่าได้ยังไงในเมื่อเวลานี้มันควรเป็นเวลาที่นายควรต้องฟื้นฟูร่างกายและโฟกัสการฝึกซ้อมของตัวเอง ซึ่งทางนั้นก็ควรจะรู้ดี” ผมเท้าเอว จ้องมอง

“........” สมุทรนิ่งไป  ผมถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง  ตัดบทด้วยการเดินผ่านเขาไปเพื่อเข้าห้องน้ำ  รู้สึกอยากล้างมือมาตั้งแต่เมื่อครู่หลังจากที่เสร็จจากงานที่คุยกับเชอร์รีแล้ว

พอกลับออกมาอีกครั้งก็ยังพบว่าเขายังยืนอยู่ที่จุดเดิม  อีกทั้งยังไม่มีท่าทีที่จะกลับไป...

“ธุระของนายล่ะ” ผมถาม  ฝ่ายหนึ่งไม่ตอบโดยทันที  เขายืนนิ่งเงียบและหลบสายตา

“คุณกับทุกคนกำลังจะทำอะไรกันเหรอครับ” สมุทรถาม

“มันไม่ใช่เรื่องของนาย มีหน้าที่อะไรก็ทำไปเถอะ”

“แต่ยังไงผมก็เป็นลูกน้องคุณคนนึงเหมือนกันนะครับ” อีกฝ่ายย้อนตอบด้วยโทนเสียงที่แข็งขึ้น

“หึ..” ผมอมยิ้ม  แทบไม่เชื่อหูว่านั่นหลุดออกมาจากปากเขา  ผมหันกลับไป  แววตาของคนตรงหน้าที่แสดงออก ปรากฏความผิดหวังที่ถูกผมหัวเราะกลับแบบนั้น  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความจริงเปลี่ยนไปอยู่ดี

“งั้นก็เข้าใจซะใหม่ด้วย” ผมพูดพร้อมก้าวขาตรงเข้าไปใกล้ 

“ฉันไม่ได้อยากให้นายมาเป็นลูกน้องฉันแต่แรกอยู่แล้ว ก็แค่.. ใช้นายหาเงินในฐานะนักมวย” ผมพูดบอก  สมุทรที่ยืนอยู่ห่างเพียงคืบจ้องผมไม่กะพริบตา  และดูเหมือนคำพูดตรงไปตรงมานี้ไม่ได้ทำให้ผู้ฟังตกใจกับสิ่งที่ตนได้ยินมากนัก

“คนแบบคุณ ผมก็พอรู้อยู่แล้วครับ” เขาปัดพลางผลิยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“เข้าใจก็ดีแล้ว งั้นก็ช่วยกลับไปทำหน้าที่ของนายด้วย”

“........” สมุทรนิ่งไป  ครั้งนี้ ดวงตาที่จ้องมองผมแข็งกร้าวกว่าเดิม

“หลังจบเวทีนี้ เงินค่าตัวนายมีเหลือเฟือพอให้ฉันหักส่วนที่ฉันควรจะหัก เงินส่วนที่เหลือเป็นของนาย หลังจากนั้นเป็นอิสระ จะอยู่ค่ายฉันต่อก็ได้หรือไปอยู่ค่ายอื่นก็ได้ แล้วแต่นาย”

“แต่จากที่ฉันจำได้นายก็ไม่ได้เต็มใจมาอยู่ค่ายฉันแต่แรกอยู่แล้วนี่” ผมแสยะยิ้ม  ตัดบทด้วยการเดินตรงไปปิดไฟดวงใหญ่ของห้อง เตรียมตัวพักผ่อน

“คุณมันก็เป็นแบบนี้...” อีกฝ่ายพูดขึ้น  ผมหยุดเดิน แต่ยังคงไม่หันกลับไปมอง 

“นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด” สมุทรขยายความ

“ไม่ดีเหรอ ฉันอุตส่าห์ทำให้นายจ่ายเงินคืนฉันด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องแบกหน้าให้ผู้หญิงคนนั้นมาพูดว่าจะจ่ายให้” ผมย้อน

“ต่อให้ต้องขึ้นชกอีกกี่เวทีเพื่อนำเงินมาคืนคุณ ผมก็จะหาเงินมาจ่ายคืนเองครับ” อีกฝ่ายถลึงตา  ไม่พอใจที่ผมเอ่ยถึงบุคคลที่สาม

“อา เข้าใจแล้วครับ แมนจริง ๆ” ผมพยักหน้ารับทราบ  ปัดมือส่ง ๆ เพราะอยากจบประเด็น

“รู้ไหมครับว่าผมไม่เสียใจเลยที่พูดกับคุณวันนั้น” สมุทรสวน

“........” ผมเงียบ 

“แต่กลับคิดว่าคุณน่าจะเสียใจกับคำพูดของคุณบ้าง ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้...”

“นี่คือธุระของนายงั้นเหรอ” ผมหันกลับไปถาม  ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาพูดเรื่องนี้ 

“ครับ” อีกฝ่ายตอบกลับ  ความหนักแน่นในดวงตาที่แทบไม่กะพริบบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังข่มอารมณ์ของตนเองอยู่เช่นกัน

“คุณถามผมว่าผมคาดหวังที่จะได้ยินอะไรจากคุณใช่ไหม หึ.. ครับ วันนั้นผมโกหก” สมุทรแสยะยิ้มคล้ายเย้ยหยัน

“ถ้าจะเอาคำขอโทษละก็ ไม่มีให้หรอก ถึงคำพูดฉันมันจะไม่ดี แต่ดันรู้สึกว่าตัวเองพูดเรื่องจริงน่ะ” ผมตอบเสียงเรียบพร้อมผลิยิ้มให้เล็กน้อย 


คำพูดของผมครั้งนี้ทำเอาคนตรงหน้าเงียบไปอึดใจ...

“ผมไม่น่ามาเลย” 

“งั้นก็กลับไปซะสิ” ผมตัดบท  บทสนทนาถูกหยุดไว้แค่นั้น 

ผมเดินตรงไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนโดยคนที่อยู่ร่วมห้องในตอนนี้ก็ไม่ได้ออกไปอย่างที่ควร  แสงจากโคมไฟตรงโต๊ะทำงานซึ่งมีถาดชาวางอยู่นั้นเป็นจุดเดียวที่มีแสงสว่างจากไฟสลัว  สมุทรยังคงยืนอยู่ที่เดิม  ดูแล้วคงจะไม่กลับไปง่าย ๆ  เพราะคำถามแรกที่หมอนั่นต้องการจากผม  เขายังไม่ได้คำตอบ

ครู่หนึ่งผมก็ได้ยินเสียงเลื่อนเก้าอี้ออก  ถึงแม้มันจะเบามากแต่เพราะความเงียบสงบภายในห้องจึงทำให้ได้ยินเสียงนั้นชัดเจน  การบังคับให้ตัวเองเข้านอนทั้งที่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกค้างคาในใจเป็นความจำเป็น  อาจไม่หลับในทีแรก  แต่เพราะร่างกายที่สะสมความเหนื่อยล้ามาตลอดหลายวัน สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป  พอตกกลางดึกก็รู้ตัวอยู่บ้างว่าตัวเองหลับ ๆ ตื่น ๆ  อาจเพราะกังวลหลาย ๆ เรื่องอยู่ลึก ๆ  และอีกใจหนึ่งยังสงสัยอยู่ว่าสมุทรยังอยู่ในห้องด้วยหรือไม่ 

ทุกครั้งที่ตื่น ดวงตาที่หรี่ขึ้นก็ยังพบว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่เดิมอย่างนั้นไม่ไปไหน  เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งเก้าอี้ที่อยู่ปลายเตียงว่างเปล่า  สติของผมถูกดึงกลับมาในทันที  แต่เมื่อหันไปมองด้านข้างกลับพบว่าสมุทรไม่ได้จากไปแต่นั่งหันหลังอยู่บนเตียงใกล้ ๆ นี่เอง

“........” ผมนอนเฉย  ไม่ได้แสดงออกไปว่าตื่นแล้ว  แปลกใจเหมือนกันที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ใกล้แค่นี้กลับไม่รู้สึกตัว  ทั้งที่ปกติความระแวดระวังที่มีในสัญชาตญาณมักจะรับรู้ได้ไวมาก

“โอเค ฉันขอโทษ” ผมเอ่ยพูด

“........” สมุทรหันหน้ากลับมาสบตาผมครู่หนึ่งก่อนหันกลับไป  เมื่อตื่นเต็มตาแล้วจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง  หยิบหมอนอีกใบหนึ่งวางซ้อนกันก่อนเอนหลังพิงหัวเตียง  เราต่างเงียบอย่างนั้นอยู่พักใหญ่  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังมีเรื่องให้คิด

“ช่วยกลับไปได้ไหม”

“ไม่ครับ” สมุทรตอบโดยไม่เว้นช่วงคิด

“สมุทร นายอยากเห็นฉันเป็นบ้ารึไง แค่พายุคนเดียวก็มากเกินพอแล้ว” ผมเกือบกดน้ำเสียงไว้ไม่อยู่  ขณะเดียวกันหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่บนหัวเตียงก็สว่างขึ้นก่อนที่ระบบสั่นจะทำงาน


ตืด  ๆ ๆ

ทั้งผมและสมุทรจ้องไปที่หน้าจอซึ่งไม่ปรากฏเบอร์ผู้ที่ติดต่อเข้ามา...

“ฮัลโหล” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ

“ไง..” ปลายสายทัก  เป็นคนละโทนเสียงกับที่เคยได้รับสายก่อนหน้านี้

“พวกกูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าให้ทำตามที่กูสั่ง”

“หึ นายกำลังพูดกับฉันเหรอ” ผมพ่นหัวเราะ 

“ฉันอุตส่าห์ช่วยให้พวกนายหลุดจากตำรวจพวกนั้นได้ นายควรจะต้องขอบคุณฉันมากกว่านะ” ผมพูด

“ไอ้ไฟ มึงจะลองดีกับกูเหรอ” อีกฝั่งหนึ่งข่มเสียงลงคล้ายหงุดหงิด 


เพียะ !!

ผลัวะ !!!!


เสียงของการลงไม้ลงมือเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะด้วยความสะใจจากปลายสาย

“มึงอยากเห็นสภาพน้องมึงไหม” มันเย้ย

“ไอ้ไฟ มึงต้องจำใส่หัวมึงไว้ให้ดีว่าสิ่งที่มึงทำมันจะส่งผลต่อสภาพน้องมึง”

“........” ผมเงียบฟัง  มองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าที่มองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง  เอาแต่จับจ้องผมไม่กะพริบ  ในสมองกำลังลำดับความสำคัญด้วยสติที่ควรมี

“กูยังไม่ได้ทำตามสัญญาเลย มึงอยากคุยกับน้องมึงไม่ใช่เหรอ เฮ้ย ! ลากมันขึ้นมา !!”

เสียงลากถูคล้ายการเคลื่อนไหวของร่างกายไปกับพื้นได้ยินชัดเจน  ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงหายใจที่หอบแรงอยู่ใกล้ ๆ  ผมตั้งใจฟังโดยไม่พูดอะไร  ปลายสายเองก็เช่นกัน...

“ให้มันคุยกับพี่มัน !” เสียงเดิมที่คุยกับผมก่อนหน้านี้ตะโกนขึ้น  ครั้งนี้เสียงนั้นแว่วไกลออกไป

“พูดสิวะ !” ใครคนหนึ่งสั่ง  มันสบถลั่น  เสียงลอดออกมาจนสามารถทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมได้ยินชัดเจน

“Tāmen bù huì shuō zhōngwén” พายุพูดภาษาจีนขึ้นโต้ง ๆ ด้วยโทนเสียงกระซิบและรวดเร็ว

“โรงเรียนร้าง ห้าส่วนสี่ พรุ่งนี้จะเริ่มส่งของไปชายแดน”

“อืม พี่รู้แล้ว” ผมขานตอบในลำคอสั้น ๆ ถึงความหมายของคำที่รู้กันเพียงพวกเรา

“ยุจะไป..”

“ไอ้สัส ! มึงพูดเหี้ยอะไรวะ !” เสียงหนึ่งสบถขัดขึ้นก่อนที่พายุจะได้พูดจบประโยค

“ลูกพี่ เมื่อกี้ผมได้ยินมันพูดอะไรไม่รู้ครับ !” พวกมันตะโกนฟ้องอย่างร้อนใจ

“ระยำเอ๊ย” อีกเสียงที่คุ้นหูสบถบ่น


ผลัวะ !!!

“หึ ๆ ๆ ๆ” พายุหัวเราะ

“ไอ้เชี่ยนี่ เมื่อกี้มึงพูดอะไร” ลูกพี่มันคาดคั้นด้วยความหงุดหงิด

“I said.. I don’t know anyone as stupid as you guys in my life hahaha !!!” พายุตะโกนลั่น  เปลี่ยนภาษากลบเกลื่อนประเด็นก่อนหน้า

“ไอ้สัสสส !!!”


ผลัวะ !!!!

“ไอ้ไฟ...” ปลายสายเรียก  ครั้งนี้โทนเสียงเกือบควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่ได้

“หึ อย่าเพิ่งโกรธเลย เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาโกรธจริง ๆ ของมึงหรอก” ผมยิ้มบอก  อีกฝั่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง

“ได้ข่าวว่าน้องมึงเป็นเกย์นี่...”

“........” ผมเงียบ 

“ก็ประหลาดเหมือนมึง ฮ่า ๆ ๆ” ปลายสายหัวเราะ

“ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมก้มหน้าลง  นำมือข้างที่ว่างอยู่ลูบหน้าผากตัวเองขณะหลุดหัวเราะเช่นกัน

“ก็ดี งั้นกูมีอะไรดี ๆ มาเสนอ มึงจะรับหรือไม่รับก็ได้ แต่กูคิดว่ามึงควรจะรับนะ” มันพูดด้วยโทนเสียงที่เป็นไปอย่างตื่นเต้น

“อะไรล่ะ..” ผมสวนถาม

“จะใช้ให้ไอ้ประหลาดอย่างกู สั่งล้มมวยครั้งหน้างั้นเหรอ” ผมแสยะยิ้ม

“........” ปลายสายเงียบไปในทันที

“หึ อุตส่าห์ทำให้ไอ้กล้าล้มมวยได้ทั้งที ครั้งหน้าก็คงไม่เกินความพยายามของมึงหรอกมั้ง” ผมพูดขณะช้อนตาขึ้น  เหลือบมองสมุทรที่นั่งอยู่และชะงักไปด้วยความตกใจจากสิ่งที่ได้ยินอย่างเห็นได้ชัด  เขาจะตกใจก็คงไม่แปลก  เพราะนั่นคือนักมวยคู่ชกคู่แรกที่ขึ้นชกกับเขา   

“อย่างแรกตอนนี้ มึงควรเลิกทำตัวเป็นหมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่หลังกำแพงได้แล้ว” ผมเตือน

“กริด...มึงไม่ควรเอาน้องกูไปแต่แรก” ผมลดเสียงเย็นลง  ปลายสายเงียบสนิทราวกับว่าสายถูกตัดไปแล้วอย่างนั้น 

“ตกใจเหรอที่กูรู้ว่าเป็นมึง หึ.. เดี๋ยวกูมีเรื่องที่จะทำให้มึงตกใจได้เยอะกว่านี้อีก ระหว่างนี้ บอกให้คนของมึงดูแลน้องกูดี ๆ ล่ะ” ผมเป็นฝ่ายตัดบทสนทนาแล้วตัดสายลงในทันที  เบอร์ต่อไปที่ถูกกดโทรออกคือเบอร์ของคนที่เตรียมตัวรอรับคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ครับคุณไฟ” นิ่งรับสาย

“ลงมือเลย” ผมสั่ง

“ได้ครับ” ปลายสายตอบ  น้ำเสียงฉะฉานหนักแน่น  เสร็จจากนั้นผมก็กดเบอร์เพื่อจะติดต่อหาอีกคน

“โทรหาใครครับ” สมุทรถามคล้ายรู้ทัน  ผมไม่ตอบ  เบอร์ของพี่ธานยังถูกกดไม่ครบดี โทรศัพท์มือถือของผมก็ถูกอีกฝ่ายแย่งไป  ผมมองนิ่ง ๆ  ไม่ได้โมโหอะไร  และก็ไม่คิดที่จะออกแรงแย่งคืนมาด้วย 

“บางเรื่องนายก็หัวไวดีนะ” ผมชม  เอนหลังพิงหัวเตียงตามเดิม  สมุทรวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะตรงหัวเตียง

“กลับไปดี ๆ เถอะ ต่อให้ฉันไม่โทรตามให้ใครมารับ นายคิดว่าพวกที่อยู่ข้างล่างนั่นไม่มีวิธีลากนายไปเหรอ” ผมกล่าวถึงพวกของเชอร์รีที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญไม่ต่างจากผู้ชาย

“ให้ผมกลับไปแล้วยังไงครับ ไปเตรียมขึ้นชกเวทีพรรค์นั้นเหรอ หึ..” สมุทรพ่นหัวเราะ  ผมเงียบ มองอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทิ้งช่วงให้เขาได้ตั้งสติกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้มา

“ที่นายเพิ่งชนะ ไม่มีใครล้มมวยหรอกสมุทร” ผมหมายถึงผลการชกล่าสุดนี้ที่มาจากฝีมือของเขาเอง 

“........” คนตรงหน้าเงียบไปและค่อย ๆ ก้มหน้าลง  นำฝ่ามือลูบผ่านศีรษะของตนไปถึงท้ายทอยขณะถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์เคร่งเครียด  เรารักษาความเงียบหลังจากนั้นอยู่พักใหญ่  เมื่อเขาผ่อนคลายลงแล้วจึงหันกลับมาทางผมอีกครั้ง

“บอกผมมาเถอะครับว่าคุณจะทำอะไร” สมุทรพูด  คำพูดแกมสั่งกับน้ำเสียงนุ่ม ๆ นั่นทำให้ผมหลุดยิ้มมุมปากได้นิดหน่อย

“คุณไฟ ผมเหรอครับที่จะทำให้คุณเป็นบ้า คุณต่างหากที่กำลังทำ” เขาต่อว่า

“หายโกรธแล้วเหรอ” ผมสวนถามเบา ๆ  อีกฝ่ายชะงัก  ดวงตาเขม็งมองมาไม่วางตา

“สมุทร.. ฉันไม่แน่ใจ ว่าจริง ๆ แล้วเราโกรธกันรึเปล่านะ ?” ผมพูดเชิงถาม  เขายังคงนั่งนิ่ง  ริมฝีปากก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเพื่อให้คำตอบด้วย 


ผมขยับตัวเข้าไปใกล้  ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม  มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร  แต่กลับมองเห็นดวงตาคู่ตรงหน้าในความหมายได้ชัดเจน

“ฉันโกรธได้ไหม..” ผมกระซิบถาม  แท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการคำตอบ  ปลายจมูกเกลี่ยเข้าใกล้ปลายคางอีกฝ่ายก่อนวางริมฝีปากลงที่ปากของเขาเบา ๆ

“คุณกับพี่ธานวางแผนจะทำอะไรกันครับ” สมุทรย้ำถามอีกครั้ง  ครั้งนี้ดวงตากวาดมองคล้ายอ้อนวอน 

“........” ผมไม่ตอบ  ทำเพียงแต่เก็บรายละเอียดใบหน้านี้ใกล้ ๆ เท่านั้น

“ยอมนอนกับฉันดูสิ”

“คุณไม่ได้คิดจะทำแต่แรกอยู่แล้ว จะพูดทำไมครับ” อีกฝ่ายตำหนิอย่างไม่ยอมความ  คำพูดที่คล้ายไม่แยแสหากผมจะทำจริงและคาดเดาราวกับรู้จักผมเป็นอย่างดีทำให้ผมหลุดหัวเราะในลำคอ 

หน้าผากของผมแตะวางลงที่หน้าผากของอีกฝ่าย  เปลือกตาของเขาค่อย ๆ หรี่ลงคล้ายจงใจหลบสายตา  เมื่อผมหยุดการเคลื่อนไหวจึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจเบาบางที่กระทบกัน  หากเป็นปกติคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับรู้อะไรเช่นนี้ 

“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีก” อีกฝ่ายพูดขณะหลับตาลง  โทนเสียงแหบพร่าแทบกระซิบ  มือขวาของสมุทรขยับขึ้น  วางฝ่ามือนั้นลงที่ข้างแก้มผม

“........” ผมมองสีหน้าของเขาที่ขอร้องออกมาอย่างจริงจังโดยไม่พูดอะไร  ทั้งที่ไม่เข้าใจว่า “แบบนั้น” ที่ว่าคือแบบไหน  เมื่อไหร่  แต่ที่ไม่ขยายความถามออกไปก็เพราะอ่านออกได้เองว่าคงไม่ใช่สิ่งที่ดี


ดูเหมือนว่าเสียงจากเครื่องปรับอากาศจะเป็นสิ่งเดียวที่ดังที่สุดในตอนนี้...

สมุทรช้อนตาขึ้นมองผมอีกครั้งในขณะที่ใบหน้าขยับเข้าหาพร้อมริมฝีปากที่ประทับลงมา  เป็นการสัมผัสเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะผละออก  ผมจ้องมองการกระทำนั้นโดยไม่พูดอะไร  ที่ข้างแก้มยังถูกฝ่ามือนี้โอบอยู่เพราะผมกำลังถูกอีกฝ่ายมองคล้ายพยายามค้นหาบางอย่าง   

“อะไร” ผมกระซิบถามไปอย่างนั้นเอง  ขยับมือข้างที่เท้าเตียงอยู่นำขึ้นวางลงบนหน้าขาของสมุทร  ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปจนถึงลำตัว  เจ้าของร่างกายไม่เอ่ยปากทัดทาน  ทั้งกลับยังเกลี่ยจมูกลงมาที่ปลายจมูกของผมและหอมลงที่ข้างแก้มเบา ๆ  ผมสอดมือผ่านชายเสื้อเข้าไป  ปลายนิ้วแตะเข้าที่ผิวเนื้อบริเวณหน้าท้อง  อีกฝ่ายก็ประกบจูบมาในทันที 

น้ำหนักของรสจูบมากพอให้เกิดเสียงแทรกภายในห้องที่เงียบสงบนี้  ผมลูบไล้ไปจนถึงข้างลำตัว  กล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นทำให้อดออกแรงบีบไม่ได้  ลมหายใจของเราทั้งคู่เริ่มดังขึ้น  ปลายนิ้วที่เกือบจะรุกล้ำขึ้นไปยังลำตัวส่วนบนถูกหยุดเอาไว้ที่ใต้หน้าอกได้ก่อน  ปฏิกิริยาทางร่างกายของคนตรงหน้าทำให้ต้องใช้ความหักห้ามใจอย่างมากเพื่อหยุดความคิดเลยเถิด  เพราะรู้สันดานของตัวเองดีจึงไม่ควรคิดไปยุ่งกับส่วนนั้น...

ผมผละปากออก  หอมลงที่หัวไหล่ของเขาแล้วซบหน้าอยู่อย่างนั้น ในขณะที่มือก็ทำหน้าที่ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของสมุทรออก  กระทั่งเสียงของซิปที่ถูกรูดลงก็ยังทำให้ใจเต้นผิดจังหวะ  อดคิดไม่ได้ว่าภายใต้กางเกงนั้นกำลังเป็นอย่างไร  เสียงลมหายใจที่แหบพร่าถูกปล่อยออกพร้อม ๆ กับร่างกายที่ขยับเล็กน้อยเมื่อผมล้วงมือเข้าไป  สมุทรซบหน้าลงที่ไหล่ของผมเช่นกัน  มือซ้ายของเขาเก้ ๆ กัง ๆ จับลำแขนของผมไว้หลวม ๆ คล้ายไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสิ่งที่ผมทำอยู่ 

ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสถูกเนื้อหนังส่วนนั้นโดยตรง  แต่เนื้อผ้าของกางเกงชั้นในก็ไม่สามารถปกปิดความตื่นตัวที่อยู่ภายใต้นั้นได้  ปฏิกิริยานั้นทำให้ผมเองก็รู้สึกร่วม  ส่วนหนึ่งแอบโล่งใจที่เห็นว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยา  ทั้งยังเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่นาที...

ผมขยับตัวออกเล็กน้อย  กวาดตามองใบหน้าด้านข้างของคนตรงหน้าก่อนหอมแก้มเขา  ในขณะที่มือก็เริ่มขยับไปตามแนวของสิ่งที่สัมผัสอยู่  สมุทรหันหน้ามา  ริมฝีปากของเขาเผยอออก  ผมประกบปากเข้าจูบในทันที  น้ำหนักของการจูบรุนแรงขึ้นกว่าก่อนหน้า  ปลายลิ้นถูกสัมผัส  เสียงลมหายใจของเจ้าของร่างกายเริ่มทักท้วงต่อการกระทำของผมที่ขยับแรงขึ้นพร้อมกับน้ำหนักของฝ่ามือ  เมื่อสังเกตเห็นว่าร่างกายเกร็งผิดปกติ  ผมจึงชักมือออกโดยทันที

“.........” ผมเงียบมองสมุทรที่นั่งหอบหายใจแรง 

“ฉันลืมไป กลัวว่านายจะต้องมาจำใจเสร็จเพราะฉันอีกน่ะ” ผมอมยิ้มมุมปากพูดอย่างเย้ยหยัน  พลางปั้นหน้าเสียดายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

ทันทีที่บอกสาเหตุของการกระทำที่หยุดลงดื้อ ๆ นั้น สมุทรก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่รีรอ  มือของผมที่เพิ่งผละจากเขาถูกรวบไปจับไว้  ร่างกายถูกดันให้นอนลง  หลังแตะเข้ากับเตียงและหมอนที่อยู่ด้านหลัง  เสียงของลมหายใจขณะที่จูบไม่สามารถควบคุมไว้ได้อีก

“ฮะ ~”

สมุทรขยับตัวขึ้นมาบนเตียง  แขนอีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมอยู่คร่อมไว้กับเตียง  จู่ ๆ การเคลื่อนไหวที่เร็วไวก็ถูกหยุดลงจากเราทั้งคู่  คล้ายเรียกสติกันเอง  บรรยากาศในห้องจึงเหลือเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศอีกครั้งหนึ่ง 

ผมมองโดยไม่พูดอะไรในขณะที่สมุทรค่อย ๆ ก้มลงมาและแนบแก้มของตนลงที่ข้างแก้มผม... 

“คุณไฟ”

น้ำเสียงของเขานุ่มเบา  ลมหายใจที่กระทบอยู่ระหว่างต้นคอค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาจนถึงข้างแก้ม  ริมฝีปาก  ก่อนจะจูบลงมาอีกครั้ง  น้ำหนักของการจูบเน้นหนักขึ้นจนกลายเป็นเสียงแหบพร่าที่หลุดลอดออกมา  ผมขยับขาออกข้างหนึ่ง  มือขวาจับขอบกางเกงยีนส์ของสมุทรดึงเข้าหาเพื่อให้ร่างกายส่วนล่างของเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น 

แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก  อีกทั้งไม่คิดที่จะปลดเสื้อผ้าของคนที่คร่อมอยู่เช่นกัน  ที่หมอนี่พูดก็ถูก.. ผมไม่ได้คิดที่จะทำแต่แรกอยู่แล้ว  แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการ  สิ่งสำคัญในตอนนี้คืออีกฝ่ายจะต้องมีร่างกายที่พร้อมเตรียมตัวขึ้นชกในรอบถัดไปอีกในไม่ช้า  และถึงแม้จะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของความต้องการ  ส่วนตัวกลับไม่อยากให้สิ่งที่อยากได้มากที่สุดเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ 

การควบคุมตัวเองเป็นสิ่งหนึ่งที่สัตว์ทำไม่ได้  นี่อาจเป็นข้อตักเตือนให้ตัวเองว่าอย่างน้อยก็ควรระวังการกระทำไว้

“ลองเอาเข้าดูไหม” ผมกระซิบถามขณะที่อีกฝ่ายกำลังหันตัวไปเพื่อขยับกางเกงของตนออก

“........” สมุทรชะงัก  หันกลับมามองผมในทันที  สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะหลบสายตา

“ไม่ครับ” เขากระซิบตอบ  โทนเสียงของการปฏิเสธเต็มไปด้วยความสุภาพและหนักแน่น  ฝ่ามือที่โอบแก้มผมอย่างอ่อนโยน  เหมือนเจ้าตัวพยายามสื่ออยู่ว่าการปฏิเสธนี้ไม่ใช่ไม่ต้องการเช่นกัน 

“หึ...” ผมหลุดอมยิ้มมุมปาก  ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจรู้ว่าผมลองใจอยู่ก็ได้  หรือไม่.. เขาก็อาจมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ต่างจากผม  แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลข้อไหน  บอกปัดไม่ได้ว่านั่นทำให้ผมถูกใจน่ะนะ

กางเกงยีนส์ที่ถูกปลดออกเพียงครึ่งเดียว  ไม่ได้หลุดออกจากร่างกายไปทั้งหมด  ทำให้เห็นร่างกายที่เกิดปฏิกิริยาจนส่วนปลายนั้นเลยขอบกางเกงในออกมาชัดเจน  เจ้าของแสดงอาการเล็กน้อยเมื่อถูกปลายนิ้วของผมสัมผัสที่ส่วนนั้นเบา ๆ  การที่ผมไม่ถูกปลดกางเกงชั้นในออกก็เหมือนว่าเขาจงใจให้มันเป็นแบบนี้เช่นกัน  มีบางอย่างที่อดคิดไม่ได้ว่าเราทั้งคู่กำลังเกิดคำถามคล้ายคลึงกันอยู่ 

เสียงลมหายใจ  เสียงจูบ  เสียงของการเคลื่อนไหวร่างกายของเนื้อที่แนบชิด  รับรู้ได้ถึงความร้อนจากภายในที่เครื่องปรับอากาศไม่สามารถช่วยบรรเทาได้  ความร้อนของส่วนล่างที่ถูกเสียดสีจากคนที่คร่อมอยู่ทำให้สติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  มือของผมที่ล้วงเข้าไปยังส่วนนั้นอีกครั้งถูกจับล็อกออกในทันทีที่ขยับไปได้เพียงไม่กี่ครั้ง  จังหวะหนึ่งร่างกายก็ถูกบดเข้ามาในจุดที่ทำให้รู้สึกมากกว่าเดิม  ผมเงยหน้าขึ้นทั้งที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่  ริมฝีปากเผยอออกเพื่อปล่อยลมหายใจ  สมุทรจูบลงมา  ทันทีนั้นแรงเสียดสีก็รุนแรงขึ้นจึงส่งเสียงออกไปเพื่อบอกเป็นนัยว่ากำลังไม่ไหวเช่นกัน  สมุทรรวบมือซ้ายของผมที่จับอยู่ที่ลำแขนของเขาไปกุมไว้  ต่างฝ่ายต่างกดเสียงลงพร้อมกันในจังหวะนั้น  ร่างกายแนบอีกไม่กี่ครั้งก่อนที่มันจะกระตุกขึ้นพร้อมกัน

ทุกอย่างสงบลง...

แขนข้างหนึ่งวางลงบนแผ่นหลังของคนที่เพิ่งทิ้งตัวลงมา  รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาและเปื้อนอยู่บนร่างกายตัวเอง  สติกลับสู่ปกติ  ดูท่าจะงานเข้าแล้ว  ทั้งผม ทั้งหมอนี่.. ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองเสร็จได้ด้วยอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่สองกับคนเดิม 



...............(ไฟ)..............

ผู้เขียน:

ส่วนตัวคิดอยู่นานว่าบทสุดท้ายของตอนที่ 59 มันควรเป็นแบบนี้จริง ๆ ไหม  เราได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาอยู่หลายครั้ง  หลายเดือนที่ผ่านมาแก้พล็อตส่วนของตอนจบเยอะมาก ๆ และก็ทิ้งไอเดียของพล็อตช่วงตอนท้าย ๆ ไปเยอะเช่นกัน  แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะคงไว้ที่ไอเดียแรกที่เคยผุดขึ้นมาในหัว  ลองเปลี่ยนไปเขียนเป็นมุมอื่นแล้วแต่รู้สึกว่าไม่ใช่  คิดว่าให้จุดนี้เป็นจุดที่ตัวละครยอมหักเหไปในทางเดียวกันค่ะ (จะว่าตัวละครทิ้งอีโก้ตัวเองแล้วแอบทดสอบความต้องการก็น่าจะมีส่วน)  ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าคนอ่านจะคิดอย่างไร  ฝ่ายคนเขียนขอพูดถึงตอนนี้ไว้เท่านี้ แฮะ ๆ > _ <

ปล. ไม่ได้เขียน nc นานแล้ว ต้องขออภัยหากไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร 555++

.
.

ประกาศแจ้ง: ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 64 - 31 ธันวาคม 64
เบบี้ได้เปิดแบบสอบถามเพื่อขอข้อมูลจากคนอ่านเกี่ยวกับนิยาย The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
สำหรับท่านที่สนใจรวมเล่มนิยายเรื่องนี้...
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โพสต์ลำดับที่ 16 ของวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ทางลิงก์นี้ แบบสอบถามความสนใจ
และ/หรือ รบกวนตอบแบบสอบถามด้วยนะคะ


ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะที่ติดตามมาอย่างยาวนาน ใกล้จบแล้วค่า ~
เบบี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2021 14:28:16 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พอเบบี้บอกใกล้จบแล้วรู้สึกใจหายเฝ้าติดตามอ่านมาหลายปี มันดีมากๆ ผูกพันไปกับตัวละครแน่ล่ะว่าพี่ไฟคืออันดับหนึ่ง

แอบนึกอยู่นานเขาโกรธอะไรกันนะพอพี่ไฟขอโทษเท่านั้นล่ะ นี่น้ำตาซึมจะบ้าตายเขาก็แคร์กันอยู่นะเว้ย ถึงได้ตามมาที่นี่

สนุกเต็มอิ่มใจฟูมาก ขอบคุณเบบี้เสมอมาค่ะ

เราว่าครั้งนี้สมุทรดูอ่อนโยนกว่าครั้งแรกนะ
เขินมาากกกกก ลุ้นแหละค่ะ 55555

ออฟไลน์ sexysunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
แกรรรร ฟีลเหมือนเมียคลอดลูก  มันตื้นตัน เค้าโดนตัวกันแล้ว  เค้าซัมติงอีกแล้ว  ส่วนตัวผมชอบฟีลนี้นะครับ  มันเริ่มแบบนี้ดีแล้วเบบี้  งื้อออ ใจฟูมาก

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
ความจริงแล้วก็ดูแคร์กันมากมายอยู่นะคะ แต่ลีลาท่าเยอะทั้งคู่
สมุทรก็ดื้อเงียบจนได้คำขอโทษ
ต่อไปคงรับบทคนคลั่งรักทั้งคู่รึเปล่าคะ

ยังรอคอยและติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ ทั้งผู้เขียนและตัวละคร
รอติดตามจนถึงตอนจบว่าพี่ไฟกับสมุทรจะเป็นยังไงนะ

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
แค่เห็นวันนี้เปลี่ยนก้อคือแทบเต้นแล้ว

แล้วเค้าจะได้เสียกันเมื่อไหร่นะ

แล้วอีกนานมั้ยน้าจะได้อ่านอีกครั้ง

ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตื้นตันมากที่ได้เห็นเขาคุยกันหลายประโยค
แถมยังมีมากกว่าคุยอีก เป็นเขินมากเลยค่ะ

/ตอนนี้คุณไฟนิ่งมาก ขอให้ได้ตัวน้องพายุกลับมาไวๆน้า

ออฟไลน์ arakanji

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
จะบอกว่ารักเรื่องนี้มากค่ะ
ใกล้จบแล้วก็แอบใจหาย
จะบอกว่าชอบncของเบบี้มากๆอ่านแล้วเห็นภ่พ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ชอบฉากนี้ ลึกซึ้ง กินใจ ค่อยๆ ซึมซับ ความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย คุณไฟน่ารักมากจ๊ะ ยอมสมุทรทุกอย่างแหละ ก็เค้ารักอะเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pwaruntorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านเรื่องนี้มาถึงตอนนี้  เหมือนปลดล็อกจริงๆค่ะ
เป็นอีกเรื่องที่อยากให้มาต่อ เข้าเล้าทุกวันด้วยความหวัง
แต่ก็ไม่อยากให้จบ เป็นกำลังใจให้เบบี้นะคะ

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
ตอนนี้ได้เคลียร์ใจกันบ้างแล้วหลังจากปากหนักกันทั้งคู่  :กอด1:
อบอุ่นใจแต่ก็หวาดผวากับเรื่องที่รออยู่ข้างหน้า
แต่ใดๆคือจะจบแล้วหรอ :mew2:

ออฟไลน์ nnA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ฮือออออออ ในที่สุดดดดดด
กว่าจะเข้าใจกันนน ประชดกันก็เก่ง
ตอนนี้ดีงามมากเลยค่ะคุณเบบี้

ออฟไลน์ Nattapoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พอเค้าดีกันนี่ใจฟูมากกก กว่าจะใจอ่อนแล้วคุยกันได้ แม่ยกดมยาดมไป 3 หลอดแล้วว หากไม่เป็นการรบกวน ขอสักตอนเถอะนะคะ แบบให้เค้าสองคนได้พูดกันแบบไม่หนักปากบ้าง อยากเห็นมุมเค้างุ้งงิ้งกุ๊งกิ๊งสองคนอีกค่ะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1


โหยยย ปาหัวใจให้คุณเบบี้ เลย ยาวมากกกกกก ตอนนี้จุใจที่สุด

ส่วนที่ถามเร่ื่องของพล๊อต เอาจริงๆมันเป็นสิทธิ์ของคนเขียนเลยค่ะ มันต่อเนื่องมาทุกตอนอ่านแล้วเพลินไปกับพวกตัวละครในเรื่องไม่ติดอะไร


ขอบคุณมากมายค่ะที่ยอมสละเวลามาเขียนนิยายดีๆให้เราได้อ่าน


 :L1: :pig4: :L1: :pig4:






ออฟไลน์ กัณฐ์ตังค์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนเขียนคุณเขียนดีมาก เราชอบนิยายของคุณทุกเรื่องเลย

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
ติดตามทั้งสองที่ไปเลยจ้า   :z10: 

ในที่สุดสมุทรก็ยอมรับคุณไฟสักที  กว่าจะดีกันได้   :katai2-1: ลุ้นจนตัวโก่งกลัวเคลียกันไม่ได้

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ในเล้าน่าจะคืบหน้าเร็วกว่า   :L1:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
จะรอจนกว่าเธอจะเข้าใจกัน

ออฟไลน์ Sarocha45377

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิดถึง  :impress3: รอพี่เบบี้มาต่ออยู่นะคะ :monkeysad:

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
 :กอด1: ให้กำลังใจเบบี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด