23
ก่อนเที่ยงหลังอาจารย์ปล่อยแล้ว วิชาหลักตอนบ่ายกลับถูกอาจารย์ยกเลิกกะทันหัน
เป็นเหตุให้อิงกับเพื่อนว่างกันทั้งบ่าย กำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อน
อิงก็เช็คข่าวสารกับโทรศัพท์ในโซเชี่ยลต่างๆ ที่ไม่ได้เข้าไปดูหลายวันแล้ว
พอเปิดเครื่องปุ๊บเหล่าเสียงเตือนต่างๆก็พากันร้องระงมไม่หยุด
จนต้องปิดเสียงไว้กันการรบกวนคนอื่น ไล่ดูไปเรื่อยๆ
ของครอบครัวไม่มี เพราะเขาก็กลับบ้านทุกอาทิตย์อยู่แล้ว เลยไม่ต้องรายงานความเป็นอยู่มากนัก
ตอนเย็นของทุกวันก็โทรหาแม่อยู่แล้วด้วย พอโทรเสร็จก็ปิดเครื่องอย่างเดิม
ปลายนิ้วรูดไล่หน้าจอไปเรื่อย สะดุดกับสเตตัสที่ว่า
“ หิวโคตรๆกินแต่ข้าวเซเว่น จนจะได้แฟนเป็นแคชเชียร์อยู่แล้วเนี่ย”
พร้อมกับรูปประกอบเป็นกองหนังสือพะเนินเทินทึก ที่วางระเกะระกะ
ปะปนกันกับขวดเปล่าของเครื่องดื่มชูกำลัง ทั้งพวกกาแฟทั้งหลายทั้งมวลสารพัดยี่ห้อ
ในเฟซของอัคคีที่อัพเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
ถ้าอัคคียุ่งจนแทบไม่มีเวลาหาของกินอย่างนี้ อีกคนก็คงไม่ต่างกัน
แต่อย่างนั้นก็ยังเอาเวลามีค่าพวกนั้น มาตามเฝ้าเขาเช้ายันเย็น สายที่ไม่ได้รับก็เป็นร้อยๆสาย
อย่างนี้ธีสีสจบก็คงยังไม่ไปถึงไหนกันพอดี
“ ฟ้า..”
เรียกคนที่เดินอยู่ข้างหน้า แล้วบอกความต้องการของตัวเอง
ก่อนจะปลีกตัวไปยังจุดหมายที่คิดไว้ทันที
@@@@@
@@@
@@
@
.. เพราะคิดว่าตัวเองอาจจะงี่เง่าเกินไปหรือเปล่า ที่ไม่ยอมฟังยอมคุยกับอีกคนดีๆ
..หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดทั้งของรุ่นพี่กับเพื่อนรัก ที่บอกเขาว่าให้ลองพูดกับอีกคนอีกครั้ง
เผื่อจะเข้าใจอะไรผิดแผกไป
.. อาจจะเพราะความห่วงใย ที่เขายังมีให้อีกคนอย่างเต็มเปี่ยม
กลัวว่าคนที่ตัวเองรักจะอดอยากปากแห้ง เพราะไม่มีเวลาไปหุงหาหรือหาซื้อของดีๆมากินก็เป็นได้
... หรือจะเพราะอะไรก็แล้วแต่
เลยเป็นเหตุให้เขาหิ้วอาหารหวานคาว เต็มสองมือมายืนนิ่งค้าง
มองร่างสูงใหญ่ ที่แง้มประตูเปิดทิ้งไว้
..อาจจะเพราะลมพัดหรือด้วยปัจจัยอะไรก็ตามแต่ ที่ทำให้บานประตูเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม
หญิงสาวคนเดียวกันกับคืนนั้น ในชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้นอย่างเคย
สายเดี่ยวแบบผูกคอที่โชว์แผ่นหลังเนียนขาว กับเรียวขาสวยที่โผล่พ้นชายกระโปรงสั้น
ที่นั่งทับขาข้างหนึ่งของคนที่นั่งขัดสมาธิกับพื้น
ตรงหน้าโต๊ะเตี้ย ที่เต็มไปด้วยแผ่นกระดาษ เอกสารต่างๆทั้งหนังสือมากมายเต็มไปหมด
ลำแขนเรียวที่คล้องกอดคอร่างสูง ที่เธอกำลังออดอ้อนอยู่นั้น มีกำไลเงินกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง
เห็นเต็มสองตาว่าเธอคนนั้นจูบลงที่ข้างแก้มอีกฝ่าย ที่ใช้มือใหญ่จับที่เอวคอดทั้งสองข้างไว้
ก่อนที่น้ำตาเขามันจะเอ่อท่วม จนภาพที่เคยชัดเจนมันเบลอจนมองไม่เห็นอะไรอีก
หูอื้อตาลายไปหมด... ไม่รับรู้อะไรกับภาพตรงหน้าอีก
“ ทำไมไม่เข้าไปล่ะ....อิง!?”
อัคคีเพิ่งเดินออกจากลิฟท์ ก็ทักคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเขา ที่จำได้ว่าไม่ได้ล็อคประตู
หรือถ้าเคาะเรียก ไอ้เกียร์ก็คงมาเปิดให้
พออีกคนเบือนใบหน้ามาหาเขา ถึงกับต้องตกใจเป็นอย่างมาก
ใบหน้าที่รุ่นน้องที่เขาคุ้นเคย เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลพรากอาบเต็มสองแก้มเนียน
“ พ..พี่..ฮึก..พี่ไฟ..”
เร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้คนที่ของร่วงหลุดมือไม่รู้ตัว
ร่างโปร่งบางโผเข้าซบอกเขา ที่ยืนนิ่งค้างเพราะทำอะไรไม่ถูก
มือที่หิ้วของกินกับเครื่องดื่มอยู่ไม่ว่างพอ ที่จะยกมันขึ้นมาลูบปลอบอีกคน
มือหนาที่ถือถุงหิ้วกำหมัดแน่น เมื่อมองเข้าไปยังภาพต้นเหตุ
เพื่อนเขามันกำลังยกตัวหญิงสาวออกจากตัก แล้วผลักออกจากตัวพอดี
นี่เองสินะ..สาเหตุที่ทำให้อีกคน ร้องไห้ตัวสั่นอยู่อย่างนี้
อิงโทรหาเขาบอกว่าอยากจะมาคุยกับเพื่อนเขา
แบตมือถือไอ้เกียร์มันหมด เพราะเอาแต่โทรหาคนที่กำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ตอนนี้
น้องมันเลยโทรหาเขาแทน แต่พอดีว่าเขาลงมาซื้อของข้างล่าง แต่พอกำลังจะขึ้นมาด้วยกัน
ป้าที่ดูแลหอพักก็ทักเขาเรื่องจ่ายค่าห้อง เห็นว่าแกจะไม่อยู่อีกหลายวันเลยให้จ่ายก่อนกำหนด
เขาเลยให้อิงขึ้นมาก่อน เพราะคนที่อิงมาหาก็อยู่บนห้อง กองกระดาษยังทับหัวมันอยู่
เพราะมันเอาแต่เทียวไปเฝ้าอีกคน
แล้วก็ไม่รู้ว่าเกรชมาได้ยังไง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ
หอที่เขาพักอยู่นี้ก็หอเดิมที่เคยอยู่นั่นล่ะ กลางเก่ากลางใหม่ไม่แยกชายหญิง แล้วก็ไม่ได้หรูหราอะไร
เรื่องว่าใครเข้าออกเลยไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก หากบอกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ว่าลืมคีย์การ์ด
เจอคนใจดีก็เข้าได้แล้ว แล้วยิ่งเป็นสาวสวยๆด้วยแล้ว คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหมน้ำใจคนไทยน่ะ
ไม่ต้องไปว่าใคร ... เพราะเขาก็เป็นเช่นอย่างที่ว่ามาเหมือนกัน
“ปึง!”
เสียงลมพัดปิดประตูที่เปิดอยู่ให้ปิดสนิทด้วยเสียงค่อนข้างดัง
เลยทำให้คนที่กำลังกอดเขาอยู่สะดุ้งตามไปด้วย
“ ขอโทษครับ...”
เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไร พอผละจากอกแกร่งเลยได้แต่ก้มหน้าขอโทษอีกฝ่าย
ที่ตอนนี้ตรงหน้าอกมีวงเปียกๆเป็นด่างดวงเต็มไปหมด
“ อิง..อยากกลับ..”
เงยหน้าบอกคนที่ยืมหน้าอกซับน้ำตา ด้วยเสียงแหบแห้ง แข้งขามันอ่อนแรงจนก้าวต่อไม่ไหว
...ช่วยพาอิงออกไปจากที่นี่ทีเถอะนะครับ...
ราวกับอ่านสายตาเศร้าระทมนั้นออก
อัคคีถึงได้วางข้าวของในมือไว้หน้าห้องรวมกับของที่อีกคนตั้งใจ หาซื้อมาฝากคนที่ทำให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ
จับจูงมือรุ่นน้อง ที่ตอนนี้เขานึกสงสารจับใจ ตั้งใจพาไปส่งให้ถึงที่พัก
“ อ้าวไอ้ไฟ..แล้ว อิง?.. ทำไม?”
พอเห็นคนในลิฟท์ที่เพิ่งเปิดออก สายหมอกก็แปลกใจ
แต่พอมองอีกฝ่ายที่หลบอยู่หลังเพื่อนเขาดีๆ ก็ยิ่งทำให้แปลกใจ
ดูยังไงก็รู้ว่าอีกคนเพิ่งร้องไห้อย่างหนักมา
“ พอดีเลยว่ะหมอก มึงไปส่งน้องมันหน่อยได้ไหม? กูมีอะไรต้องเคลียสักหน่อย..”
ฟังเพื่อนที่ยังจับมือรุ่นน้องให้ก้าวตามออกมาพูดแค่นั้น เขาก็พอจะเข้าใจอะไรๆอยู่เหมือนกัน
แต่แค่ยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้นเท่านั้น
“ อืมได้..อิงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าพี่จะไปส่ง?”
คนที่ขาอ่อนเปลี้ยพร้อมจะล้มพับทุกเมื่อ ทำได้แค่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร จะใครพาไปส่งก็ได้
ขอแค่พาเขาไปจากที่นี่เร็วๆก็พอ...
“ ถ้าอย่างนั้นก็ไปครับ รถพี่จอดอยู่ตรงนั้น”
ยื่นมือที่ค่อนข้างอุ่น ไปรับเอาข้อมือเล็กกว่าจากมือเพื่อน แล้วพาเดินไปที่รถยนต์ของเขา
อัคคีมองตามหลังคนที่เพิ่งจะกลับเข้ามา
แตะเอวพาคนที่เอาแต่เดินก้มหน้าไปที่รถยนต์คันหรู ที่จอดนิ่งอยู่ที่ประจำ
เขากดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นที่พักอีกครั้งหนึ่ง ที่เขาไม่ไปส่งอิงเองก็เพราะมีบางอย่างต้องเคลียก็หนึ่ง
อีกหนึ่งคือ เขาไม่กล้าให้อิงซ้อนท้ายเจ้าไวไฟ ในสภาพที่พร้อมจะหล่นร่วงอยู่ตลอดอย่างนั้นแน่ๆ
เขารวบรวมถุงข้าวของ ที่วางกองอยู่หน้าห้องพักของตัวเอง
“ ผัวะ!!”
ไฟเปิดประตูเข้าไปอย่างรุนแรง
จนคนที่กำลังกอดแขนล่ำๆ กับเอาหน้าอกเบียดแขนเพื่อนเขาอยู่สะดุ้งเฮือก
แต่ก็แค่นั้น เกรชไม่คิดจะปล่อยแขนกำยำนั่นสักนิด
ไอ้เพื่อนเขามันก็นั่งให้เขากอดเขาเกยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ได้
แต่มึงได้หนาวจริงๆแน่ไอ้เกียร์
“ ทำไมไปนานนักวะ ไหนว่าแค่ไปซื้อข้างล่างเองไม่ใช่เหรอ แล้วนั้นถุงอะไรเยอะแยะ”
เกียร์มองคนที่ยังหน้าบึ้งที่ยืนอยู่หน้าประตู มันไปมีเรื่องกับใครมา
“ ตุบ..โครม!”
อัคคีโยนโครมข้าวของทั้งหมดในมือลงต่อหน้าเพื่อน
ทับกองกระดาษงานเอกสารต่างๆที่อีกคนทำค้างอยู่
เผลอๆทับของตัวเองด้วยซ้ำอย่างโมโห
“ เฮ้ย!..อะไรวะไอ้ไฟ!?”
เกียร์ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเพื่อนรัก ทำเหมือนเอาเรื่องไม่พอใจที่มันเผชิญมา มาพาลลงกับเขา
“ ของชอบมึงทั้งนั้น ดูเอาสิ อิงมันซื้อมาให้”
คนยืนอยู่ไม่สะทกสะท้านหรือสนใจ คนที่ทำสีหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆเพื่อนเขา ที่หน้าตาเหรอหรา
ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่านั่นเป็นความจริง
“ อิงมาเหรอวะ!? ตอนไหน!? แล้วทำไมมึงไม่รีบบอกกู!!”
นัยน์มันแทบลุกเป็นเพลิง ตะคอกเขาเสียงดังลั่น แต่เขาสนที่ไหน
“ กูให้ไอ้หมอกไปส่งแล้ว มึงไม่ต้องห่วง”
“ มึงว่าไงนะ!!”
ไฟแสยะยิ้มมองคนที่ทำท่าเป็นเดือดเป็นร้อน โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งบอก
“ หมับ!!”
“ ว๊าย!!..พี่ไฟปล่อยพี่เกียร์เดี๋ยวนี้นะ../หุบปากของเธอซะ!!”
กระชากคอเสื้อคนที่ตัวใหญ่พอๆกับเขา ที่ลุกพรวดขึ้นเพราะไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำ
แล้วหันไปตวาดคนที่เขาไม่ชอบหน้าที่แส่เข้ามายุ่ง
เกรชสะดุ้งตกใจจนหน้าเผือดสี เพราะปกติอัคคีก็ไม่ค่อยเสวนากับเธออยู่แล้ว
“ อิงมันมาตอนไหนน่ะเหรอ? ก็มาตอนที่มึงกำลังกอดกับผู้หญิงอยู่น่ะสิ!”
เกียร์หน้าซีดลงทันใด หัวใจล่วงหล่นลงกับพื้นเย็นชืดทันที
“ โครม!”
ไฟมันผลักเขาที่ไร้เรี่ยวแรง จนเซล้มลงไปข้างหลัง
“ หร..หรือว่า....”
อิงจะเห็นตอนเกรชนั่งตักเขาพอดี...ไม่นะ
“ มึงเห็นนี่ไหมเชี่ยเกียร์ นี่เหรอคือสิ่งที่กูกับไอ้หมอกลงทุนไปพูดกับน้องมันให้มึง เห็นไหม?...ห๊า!!”
เขากระตุกดึงเสื้อ ที่ยังคงชุ่มอยู่ตรงอกเสื้อให้อีกคนดูให้เต็มๆตา
“ แต่กูไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มึงว่าเลยนะเว้ย อิงเข้าใจผิด../ โครม!!”
ไฟยันโต๊ะที่ข้าวของยังวางเต็มอยู่ดังโครมใหญ่
จนมันไถลไปติดขาคนที่ยังเค้เก้อยู่ ตอนที่มันยังแก้ตัวไม่จบด้วยซ้ำ
“ เข้าใจผิด? ว่ารอยลิปสติกที่แก้มกับที่คอมึง ว่ากูเป็นคนทำอย่างนั้นสิ เฮอะ! พอเถอะเกียร์
กูเป็นคนอื่นแต่ต้องมาเช็ดน้ำตาน้องมัน กูรู้สึกแย่ว่ะบอกตรงๆ ถ้าไม่มีปัญญาดูแลน้องมัน
ก็ปล่อยให้ไอ้หมอกมันรับไปดูแลเถอะ อย่ากั๊กน้องมันไว้เพราะเสียดายเลยว่ะ กูสงสารอิงมัน
แล้วของพวกนี้ มึงไม่สมควรได้แดกหรอก ดูดนมไปเถอะมึงน่ะ”
ไฟรวบของทั้งหมดที่ซื้อมา รวมกับของรุ่นน้องที่มีแก่ใจนึกถึงพวกเขา เดินเข้าไปในครัว
ไม่สนใจคนทีเพิ่งโดนเขาแทบถีบกระเด็นเมื่อครู่ มองถุงข้าวของที่อีกคนซื้อมาแล้วก็ต้องถอนหายใจ
ขนมเค้กกับอาหารคาวพวกนี้ ต้องถ่อไปซื้อตั้งไกล ทั้งแดดร้อนรถก็ติดมากในย่านนั้น
คนเยอะต้องเข้าคิวรออีก
“ น่าสงสารฉิบหาย”
ภาพใบหน้าสวยที่มีแต่รอยน้ำตากับความผิดหวังเสียใจ ที่ซ้ำลงบนแผลที่ยังไม่หายดีนั่นอีก
มันยังติดตาเขาอยู่ ถ้าเขาเจออย่างที่อิงต้องเจอ ต่อให้ตัวใหญ่ขนาดไหนเขาก็คงไปไม่เป็นเหมือนกัน
tbc.