...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 742534 ครั้ง)

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
คุณพงศ์ตกข่าวเลย 555

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
อ่านแล้วปริ่มค่ะกับคู่ soulmate

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พี่อาทิตย์ช้าอะ บุกจีบคุณพิมพ์แกเลยค่า


ให้มันเหมือนคุณหมอหน่อย แปปๆได้ไปรับไปส่งแล้ว

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
ทายคู่ 4 พี่น้อง

จันทร์จ้าว-หมอภวัต
พี่อาทิตย์-คุณพิม
ดารา-เภา
นภา-คุณพงศ์


เดาล้วนๆๆๆ  55555555

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เขินหมอภวัตจัง แลดูอบอุ่นละมุนละไมมาก -///-

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
โอ้ยอ่านแล้วอิจฉาตาร้อนจริงๆอยากเจอคนแบบหมอจริงๆ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
พี่อาทิตย์ต้องสู้เพื่อรักครั้งนี้แล้วนะคะ แสดงให้คุณพิมเห็นไปเลยว่าเรามีจิตรปฏิพัทธ์ด้วย
ความรักจะได้สมหวัง

ที่เชียร์พี่อาทิตย์ขนาดนี้ ไม่ได้หวังว่าจะได้เห็นความรักของพี่จันทร์เลยจริงจริ๊ง
พี่คนโตสู้ๆนะคะ น้องๆรอต่อคิวอยู่

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ขอเดานะคะ แน่ๆคือหมอภวัตจันทร์จ้าว อาทิตย์คุณพิม เภากับดารารัศมีและ เรย์กับนภา

จันทร์จะทำยังไงเนี่ยอาทิตย์ดูใจไม่ดีเลย จะแก้ไขยังไงตามแบบฉบับจันทร์จ้าวกันน้า

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เค้าทำบุญด้วยกันแล้ว

คืบหน้าเร็วมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ฮื้ออออ จันทร์น่ารักดีนะ หมอจะติดใจก็ไม่แปลก 555 จีบเงียบๆแบบจันทร์ไม่รู้ตัวเลย
ลุ้นพี่อาทิตย์มากค่ะบอกเลย จันทร์ช่วยด้วย อย่าเพิ่งลืมพี่ชายสิ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
คุณจันทร์กับคุณหมอ
ก้าวหน้ากันเหลือเกิน ฮุฮุ  :o8:

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
หวานซาบซ่านหัวใจ (ขอพีเรียดด้วยคน5555)
ยอมฟันผุเลยค่ะอย่างนี้
 :-[

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
เอาจริงๆหมอเขาก็รุกเเรงเหมือนกันนะคะ เอะอะตีเทนนิส เอะอะทำบุญ กะเอาทุกดอกจริงๆ55555
พ่อจันทร์ของเราก็ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องน่ะค่ะ เเหม ฝากคุณพงศ์เเขวะสักเล็กน้อย ทำบุญร่วมกันนี้ไม่ใช่เล่นๆเเล้วนะคะ
ไปค่ะ เราจะอมลูกกลวาดไปด้วยกัน หมออบอุ่นมาก ฉันชอบบบบ ตอนพ่อจันทร์ดื้อก็เอาอยู่ เชียร์ขาดใจ
สงสารคุณพี่อาทิตย์ของบ่าว วานน้องดาราไปพูดเเทนบ่าวด้วย คุณพี่อาทิตย์อย่าคิดมากนะเจ้าคะ
พ่อจันทร์เเกมีหมอดูเเลเเล้วค่ะ ไม่ใช่เเค่ชาตินี้เเต่ลามไปชาติหน้าเเล้ว คุณพี่อาทิตย์เดินหน้าได้เลยค่ะ
ก๊ากกกกก นี่อินมากเลยค่ะ อยากอ่านต่อออออ มาเร็วๆๆๆ รอตอนต่อไปนะคะวันพฤหัสใช่ไหม รอเลยค่ะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เพิ่งเข้ามากรี๊ดคุณหมอกับคุณจันทร์ ชอบมากค่ะ :m3:
คุณหมอเอ็นดูคุณจันทร์มาก หยอดได้เป็นหยอดเชียว คนอ่านนั่งเขินเลย :o8:
แต่ถถ้าคุณจันทร์ไม่ยอมรับใจตัวเองแบบนี้ คุณหมอเหนื่อยแน่เลย  :mew2:
เอาใจช่วยคุณหมอนะฮะ  :กอด1:
พี่อาทิตย์กับคุณพิมนี่ลุ้นจนเหนื่อย อุปสรรคก็มากมี แอบน้อยใจแทนที่คุณหญิงแม่เหมือนมองข้ามพี่อาทิตย์ตลอดเลย :mew6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อัยย่่ะๆ คุณหมอแกรุกแรงแบบเนียนๆ มีส่งสายตาหวานๆแบบมีความหมายด้วย มีคนสกกิดอย่างนี้หวังว่าจันทร์คงไม่เตลิิดหนีีหายน่ะ

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
สวัสดีค่ะ ~ จริงๆอ่านเป็นรอบที่สี่แล้ว (สี่แล้วจริงๆค่ะกับตอนล่าสุด T ____ T ชอบมากกกกกกกกมากๆเลยค่ะเรื่องนี้)
แต่ไม่ได้เข้ามาเม้นซักที เพราะอ่านในไอโฟนตลอดเลย พอจะเม้นมันก็ลำบาก เปิดคอมก็ลืม แฮ่ . _ . ..
แต่พอเหลือบมองวันที่ที่มุมขวาบนของหน้าจอแล้วก็นึกขึ้นได้ค่ะว่าพรุ่งนี้ก็วันพฤหัสแล้ว เย้! ในที่สุดเรื่องโปรดก็จะอัพซะที
ก็เลยเข้ามาเม้นซะเลย .. อารัมภบทซะยาว เข้าเรื่องเถอะค่ะ

สำหรับตอนล่าสุดนี่ชอบคุณหมอมากกกกกกกกก ลุคแบบพระเอกสุดๆค่ะ เรื่องรูปร่างหน้าตานี่รู้กันอยู่แล้ว แต่รักมุมโหดของหมอมากๆเลย
รู้เลยค่ะว่า "แบบนี้แหละถึงจะเอาคุณจันทร์อยู่!" ยิ่งประโยคที่ว่า ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าของคนอื่น ผมเองก็ไม่ใช่คนอื่น เป็นคู่ตีเทนนิสของคุณนี่เอง
นี่ยิ่งกรี๊ดเข้าไปใหญ่เลยค่ะ จิกหมอนฟินเลยทีเดียว 55555555555 คุณหมอเธอปราบพยศคุณจันทร์ได้น่ารักสุดๆเลย
แถมคุณจันทร์ก็น่าเอ็นดูขึ้นทุกตอนนะคะ ถึงจะดื้อยังไงแต่ก็ยอมตามคุณหมอทุกที อย่างตอนที่คุณหมอทำเป็นลืมที่กรวดน้ำนี่ยอมใจเลยค่ะ!
ดูยังไงๆก็หาเรื่องจีบชัดๆ แถมเจ้าตัวคุณจันทร์ก็พาตัวเองเข้าไปให้จีบแบบถึงที่ขนาดนี้ แล้วยังไม่รู้ตัวอีกนะคะ 555555555
จนต้องให้เพื่อนอย่างคุณพงศ์มาเอะใจแทนซะงั้น - . -'

สำหรับคู่ที่คุณบัวให้ทายมา เดาว่าเป็น คุณหมอภวัต-จันทร์จ้าว , พี่อาทิตย์-คุณพิมพ์ , คุณเภา-ดารารัศมี , คุณพงศ์-นภาสรวง ค่ะ ><

ปล. อยากเห็นความเคลื่อนไหวของพี่ชายคนใหญ่ของบ้านจะแย่แล้วค่ะ ~~ จะรอวันพรุ่งนี้นะคะ !

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบเรื่องนี้มากกกจนไม่อยากกินมาม่าในอนาคต :o12:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
วันนี้วันพฤหัสบดี

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๘



จันทร์จ้าวยังคงมาทำงานแต่เช้าตรู่ วันนี้เขาออกจากบ้านมาขึ้นรถรางด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ซึ่งหมอภวัตต้องไปเข้าเวรตอนเช้า เขาจะวานให้อีกฝ่ายมารับไปส่ง แต่เพราะคำพูดของเพื่อนรักเมื่อวานที่แย้งว่าหากเขาหรือนายแพทย์หนุ่มคนใดคนหนึ่งเป็นหญิง คงไม่ต่างจากคู่รัก จันทร์จ้าวจึงรู้สึกประดักประเดิดเมื่อหมอภวัตเสนอว่าจะมารับไปหาอะไรรับประทานตอนเช้าในวันนี้ เขาปฏิเสธ โดยอ้างว่าจะรีบไปทำงาน และบอกปัดว่าให้มาเจอกันที่สโมสรเทนนิสในตอนเย็นแทน
 


   ชายหนุ่มเดินเข้ามาในสำนักงาน แม้จะเช้า แต่พนักงานบางคนก็มาทำงานแล้ว และหนึ่งในนั้นคือเลขานุการของเขา



   “คุณจันทร์ครับ มีโทรศัพท์จากคุณดารารัษมีเมื่อครู่นี้ เธอฝากข้อความไว้ว่าให้คุณจันทร์ไปพบเธอที่โรงเรียนในตอนเที่ยงครับ เห็นว่าเป็นเรื่องด่วน” จันทร์จ้าวออกจะประหลาดใจเมื่อได้รับข้อความที่น้องสาวฝากเอาไว้



   ...เรื่องด่วนอย่างนั้นหรือ...



   “ขอบใจมาก” เขาบอกก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง หยิบจับเอกสารอยู่ ๒-๓ ชิ้นแต่ไม่มีสมาธิทำงานเพียงพอ เพราะทั้งเรื่องหมอภวัตและเรื่องดารารัษมี สุดท้ายชายหนุ่มจึงโยนเอกสารทั้งหมดลงกับโต๊ะทำงานตามเดิมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูสั่งงานกับเลขานุการ



   “ถ้ามิสเตอร์อดัมส์มาแล้ว เชิญเขาที่ห้องผมด้วย” เขาสั่งไม่ทันขาดคำ ชายชาวต่างชาติผมสีทองอร่ามก็เดินทักทายพนักงานอย่างสดใสร่าเริงเข้ามา



   “Hi! Chan!!” เจ้าตัวทักทายเป็นภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ แต่จันทร์จ้าวตวัดสายตาขวับไปมองแล้วชี้หน้า



   “พูดภาษาไทย! แล้วตามเข้ามาด้วย!!” สั่งไม่พอ ยังเดินนำเข้าห้องอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก เรย์มอนด์ อดัมส์ผู้เป็นทั้งหุ้นส่วนและเพื่อนสนิททำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะหันไปมองเลขานุการหนุ่มที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน เพราะเล็งเห็นแล้วว่าวันนี้จันทร์จ้าวอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ



   “มีใครทำให้เขาโมโหหรือเปล่า” นายฝรั่งตัวโตถามเลขานุการของจันทร์จ้าวเสียงเบา



   “คิดว่า…ไม่มีครับ” เรย์มอนด์ อดัมส์พยักหน้าหงึกหงักแล้วเอ่ยลอยๆ



   “แสดงว่าเขาโมโหฉัน...” แล้วร่างสูงใหญ่ของชายชาวต่างชาติก็ผลุบหายเข้าไปในห้องทำงานของจันทร์จ้าว



……………………………



   เรย์มอนด์ อดัมส์ออกจะประหลาดใจเล็กน้อย ที่วันนี้เพื่อนรักที่นั่งร่วมเก้าอี้บุนวมตัวยาวดูจะตั้งใจและเอาใจใส่งานเป็นพิเศษ ถึงจะเข้มงวดให้เขาพูดภาษาไทยก็ตาม แต่ศัพท์ทางธุรกิจยากๆ และเขาหลุดภาษาอังกฤษออกไป จันทร์จ้าวก็ดูจะไม่ใส่ใจนัก เจ้าตัวคุยงานกับเขาอยู่ครู่ใหญ่ๆ หัวข้อเรื่องก็เปลี่ยน



   “ผมฝากงานด้วย วันนี้จะออกไปทำธุระข้างนอก” เรย์มอนด์ อดัมส์เลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนจะล้อเลียน



   “slacking off again?” จันทร์จ้าวตวัดสายตาไปมองทันทีแล้วสั่ง



   “ถ้าพูดภาษาอังกฤษอีกคำเดียว ผมจะซื้อตั๋วให้คุณกลับประเทศคุณไปซะ”



   “คุณ...อู้งานอีกแล้วหรือ” เรย์มอนด์ยอมตามใจถามเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงล้อเลียน



   “ผมมีธุระกับน้องผม”



   “โอ้ น้องสาวแฝดแสนสวยใช่ไหม!”



   “ถ้าคุณคิดทะลึ่งกับน้องผม อย่าหาว่าผมไม่เตือนแล้วกัน” จันทร์จ้าวลุกจากเก้าอี้บุนวมเดินไปเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง แล้วตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กที่มีตัวเลขไทยอยู่บนนั้น แม้จะไม่มีข้อความใดกำกับ แต่เขาก็จำได้ทันทีว่าลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อยนี้เป็นลายมือของหมอภวัต และตัวเลขไทยบนกระดาษนั้นก็คือเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลที่นายแพทย์หนุ่มผู้นั้นประจำอยู่



   “เรย์...” เขาเอ่ยปากเรียกชื่อเพื่อน พลางเก็บเศษกระดาษนั้นลงในลิ้นชักชั้นบนสุด



   “...ถ้า...วันหนึ่งคุณรู้สึกว่าสนิทกับเพื่อนผู้ชายมากกว่าเพื่อนผู้หญิง คุณจะทำอย่างไร”



   “What?!!” หนุ่มต่างชาติทำหน้างุนงงกับคำถามเป็นที่สุด แต่พอหลุดปากภาษาอังกฤษไปแล้ว เรย์มอนด์ก็หวั่นใจว่าเพื่อนรักจะส่งกลับบ้านเกิดเมืองนอนจริง จึงรีบเปลี่ยนภาษา “...คุณหมายความว่าอย่างไรนะจันทร์ สนิทกับเพื่อนผู้ชายหรือ? ทุกวันนี้ผมก็สนิทกับคุณและคุณพงศ์มากกว่าเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆของผมนะ”



   จันทร์จ้าวรู้สึกว่าตนเองช่างโง่เง่าที่ตั้งคำถามเช่นนี้ จริงอย่างที่เรย์มอนด์ว่า เขาเป็นผู้ชาย การที่จะสนิทกับผู้หญิงมากกว่าสนิทกับผู้ชายด้วยกัน มันก็ดูไม่เข้าที ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะมีเพื่อนผู้หญิงมากมายก็ตาม แต่เมื่อตอนนี้จะหันมาสนิทกับเพื่อนผู้ชายบ้าง ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลก



   “ก็จริง...ช่างมันเถอะ เรย์ ไม่มีอะไรแล้ว ถือเสียว่าผมไม่ได้ถาม” เรย์มอนด์ อดัมส์มองท่าทางของเพื่อนรักผู้มักจะมีรอยยิ้มและความสนุกสนานเสมอ ทว่าวันนี้กลับดูเคร่งเครียดเสียเหลือเกิน



   “จันทร์...คุณกำลังกังวลอะไรหรือ” ประโยคนั้น ทำเอาคนกำลังเก็บโต๊ะทำงานให้เข้าที่เข้าทางต้องเงยหน้ามองเพื่อนรักชาวต่างชาติในทันที



   “คนเราจะสนิทสนมกัน มันไม่ใช่แค่ว่าอีกคนเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง มันมีปัจจัยอีกมากมายมาสนับสนุน เหมือนที่ผมสนิทกับคุณทั้งๆที่คุณเป็นคนไทยและผมเป็นอเมริกัน จำได้ไหม ช่วงที่ผมสนิทกับคุณใหม่ๆ มีตั้งหลายคนที่มองผมอย่างประหลาดที่ผมสนิทกับคนไทย แต่เพราะคุณเป็นคุณ ผมสนิทที่คุณเป็นจันทร์จ้าว ไม่ได้สนิทเพราะคุณเป็นคนไทยหรืออเมริกัน ฉันใดฉันนั้น หากคุณจะสนิทกับใคร อย่ากังวลว่าเขาเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ชาติใด อายุเท่าไร หากคุณถูกใจเขา อยู่กับเขาแล้วมีความสุข ก็จงรักษาความสัมพันธ์ของคุณไว้เถอะ” แม้เวลาทำงานจะพูดภาษาอังกฤษออกมาบ่อยๆให้จันทร์จ้าวตาขวาง แต่เวลาอย่างนี้ คนที่ถูกฝึกให้พูดภาษาไทยมาตั้งแต่ยังไม่ย้ายมาอยู่เมืองไทย กลับพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่วโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว



   ชายหนุ่มชาวต่างชาติเดินเข้ามาจับไหล่เพื่อนรักราวกับจะส่งผ่านกำลังใจ



   “ผมรู้จักคุณมาตั้ง ๖ ปี คุณคือตัวอย่างของคนที่ใช้ชีวิตอย่างเอาแต่ใจเป็นที่สุดสำหรับผม และครั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะเอาแต่ใจอย่างไร ผมก็จะอยู่ข้างคุณเหมือนที่แล้วมา”



   ……………………………….



   เพราะคำพูดของเพื่อนรักชาวต่างชาติ จึงทำให้จันทร์จ้าวพอจะขจัดความไม่สบายใจออกไปได้บ้าง เขานั่งรถรางและต่อด้วยรถสามล้อรับจ้างให้มาส่งที่หน้าโรงเรียนสตรีกัลยาณีอันเป็นที่ทำงานของน้องสาว เขาเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้จึงเดินตรงดิ่งไปที่อาคารเรียนขนาด ๔ ชั้นที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้าซึ่งห้องพักครูภาษาไทยอยู่ที่ชั้น ๒ แต่ไม่ทันจะก้าวเท้าขึ้นบันได น้องสาวของเขาก็เดินลงมา



   “มีพรายกระซิบหรือ รู้ได้อย่างไรว่าพี่มา” จันทร์จ้าวทักทายพร้อมรอยยิ้มเช่นเคย



   “ดารานั่งรออยู่ที่ระเบียงนี่คะ เห็นพี่จันทร์เดินเข้ามาแต่ไกล” ดารารัษมีตอบ ไม่มีวี่แววจะพูดเล่นเหมือนเคย



   “อะไรกัน โกรธอะไรพี่ล่ะรอบนี้” หญิงสาวกำลังจะตอบ แต่พอดีหม่อมหลวงพิมพัชราและเพื่อนครูอีกคนหนึ่งเดินมาพบเข้าเสียก่อน



   “คุณจันทร์! สวัสดีค่ะ มาได้อย่างไรคะนี่” ราชนิกูลสาวผู้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี่ยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มทักทายอย่างสนิทสนม จันทร์จ้าวหันไปรับไหว้แล้วยิ้มตอบ



   “มาหาดาราแน่ะครับ คุณพิมอยู่ตึกนี้หรือครับ”



   “เปล่าหรอกค่ะ ห้องพักครูภาษาอังกฤษอยู่ที่ตึกข้างหลัง แต่นี่จะมาชวนคุณดาราไปรับประทานอาหารด้วยกัน ไม่ทราบว่าคุณจันทร์จะมา ตายจริง ลืมแนะนำไป นี่คุณอุไร เพื่อนของพิมค่ะ เธอสอนวิชาภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน” หม่อมหลวงพิมพัชราแนะนำเพื่อนของหล่อนที่ยืนอยู่ใกล้กัน จันทร์จ้าวหันไปส่งยิ้มให้กับอุไร หญิงสาวผิวขาวผู้มีหุ่นอวบอัด หล่อนส่งยิ้มให้เขาแล้วยกมือไหว้ กริยามารยาทดูเรียบร้อยดี หน้าตาก็ดีเสียด้วย



   “พี่จันทร์...” ดารารัษมีเห็นสายตาพี่ชายก็รีบเรียกชื่อปรามในทันที ก่อนจะหันไปทางราชนิกูลสาว



   “คุณพิม วันนี้ดาราเห็นจะไม่สะดวก พอดีติดธุระกับพี่จันทร์”



   “ไม่เป็นไรค่ะ ไว้คราวหน้าก็ได้” เมื่อ ๒ สาวทำความเข้าใจกันแล้ว ดารารัษมีก็ชวนพี่ชายให้เดินออกจากโรงเรียนไปหาอะไรรับประทานข้างนอก เพราะเรื่องที่หล่อนต้องคุยกับจันทร์จ้าวในวันนี้ ไม่สมควรมีคนรู้จักของหล่อนคนใดได้ยิน แต่แม้จะเดินออกจากโรงเรียนมาแล้ว หญิงสาวยังไม่วายขู่พี่ชายฟ่อด้วยน้ำเสียงดุดัน



   “พี่จันทร์ ดาราไม่ได้เรียกพี่มาทำความรู้จักกับคุณอุไรนะคะ!”



   จันทร์จ้าวได้แต่กรอกตามองฟ้า



...สนิทกับหมอภวัต ก็ถูกเพื่อนรักหยอก พอมองผู้หญิง ก็ถูกน้องสาวดุ...เกิดเป็นนายจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์นี่ใช้ชีวิตยากเสียจริง!!...


…………………………….



   ร้านอาหารเล็กๆไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก มีผู้คนค่อนข้างจะพลุ่กพล่าน เพราะนอกจากจะใกล้โรงเรียนแล้ว ยังใกล้โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งด้วย มองจากร้านก็สามารถเห็นตึกสีขาวของโรงพยาบาลได้อย่างง่ายดาย...โรงพยาบาลที่จันทร์จ้าวรู้ดีว่ามีใครบางคนที่เขารู้จักกำลังทำงานอยู่ที่นั่น...



   “พี่จันทร์ เมื่อไรจะทำให้พี่อาทิตย์สมหวังเสียที” เสียงของน้องสาวทำเอาจันทร์จ้าวต้องเหลือบตากลับมามองแล้วเลิกคิ้ว



   “เกิดอะไรขึ้น ถึงมาเร่งพี่แบบนี้”



   “ก็เมื่อวานน่ะสิ! คุณแม่พูดเหมือนอยากให้พี่จันทร์กับคุณพิมแต่งงานกัน” จันทร์จ้าวดูจะไม่ตกใจกับคำพูดของน้องสาว เขาเลิกคิ้วอีกหน



   “หืม? แล้วทำไมจู่ๆคุณแม่ถึงพูดอย่างนั้น”



   “ก็คุณพ่อบอกว่าคุณชายท่านเรียกเข้าไปพบ บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้พี่จันทร์ คุณพ่อพูดเหมือนว่าคุณชายเองก็ดูจะพึงใจพี่ไม่น้อย พี่จันทร์บอกดารามานะ ว่าที่ย้ายไปอยู่ที่บ้านเช่านั่น ไปทำอะไรเอาไว้?! ทำไมกลายเป็นคุณชายท่านชอบพี่เข้าล่ะ!” 



เมื่อตอนก่อนจะย้ายไปอยู่บ้นเช่าใกล้วังฉัตร เขาเคยให้ย้ำกับดารารัษมีเพียงลำพังว่าการที่เขาไปอยู่ที่นั่น จะทำให้อาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชรามีโอกาสได้เจอกันมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าคนทั้งคู่ก็ยังไม่ค่อยจะได้เจอกันเช่นเดิม แม้ว่าบางสัปดาห์ เขาจะอุตส่าห์ไปรอที่วังตอนเย็นๆ และย้ำกับอาทิตย์ให้มารับช้าๆ แต่พี่ชายของเขาก็คลั่งความเกรงใจไม่เข้าเรื่อง รีบออกจากกรมทุกเย็นวันศุกร์ มารับเขาที่วังฉัตรทีไร จึงไม่เคยเจอหน้าหม่อมหลวงพิมพัชราเลยสักครั้ง ท้ายที่สุด บางทีเขาก็เป็นฝ่ายไปรออาทิตย์ที่กรมเสียเลย สิ้นเรื่องไป



   จันทร์จ้าวนวดขมับ เมื่อแผนการดูจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ แต่อย่างไรเสียเขาก็เชื่อว่าหม่อมราชวงศ์ฉัตรไม่มีทางถูกใจเขามากกว่าอาทิตย์แน่ อาทิตย์กับภวัตคล้ายกัน หากคุณชายเลือกภวัตได้ก็น่าจะเลือกอาทิตย์ได้เช่นเดียวกัน



   “เอาอย่างไรล่ะพี่จันทร์! อย่าเพิ่งเงียบอย่างนี้ซี!” ดารารัษมีร้อนใจเพราะสงสารพี่ชายคนใหญ่ที่ต้องมารับรู้ว่าบิดามารดาตั้งใจจะให้หญิงที่เขารักได้แต่งงานกับจันทร์จ้าวมากกว่าเขา ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนกระทั่งเมื่อเช้า หล่อนสังเกตเห็นว่าอาทิตย์แทบจะไม่พูดกับใครด้วยซ้ำ



   “แล้วที่พี่ให้ดาราไปพูดกับพี่อาทิตย์น่ะ ดาราทำหรือยัง”



   “ทำแล้วค่ะ ทำตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่...พี่อาทิตย์ก็ดูจะไม่ขยับตัวทำอะไรเลย ยิ่งมารู้ว่าคุณพ่อคุณแม่อยากให้พี่จันทร์เป็นคนแต่งงาน แกก็คงจะยิ่งถอยออกมาแน่” จันทร์จ้าวก็คิดเช่นเดียวกับดารารัษมี อาทิตย์เป็นคนเสียสละ หากรู้ว่าการเดินหน้าเพื่อให้ความรักของตนงอกงาม ไม่ต่างอะไรกับการแย่งคู่แต่งงานของน้องชาย คนอย่างอาทิตย์จะไม่มีวันทำเช่นนั้น



   “แล้วที่ว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพี่น่ะ เมื่อไร”



   “ไม่ทราบค่ะ ดาราไม่ทันได้ถาม”



   “ไม่เป็นไร วันศุกร์นี้พี่กลับไปจะจัดการเอง”



   “พี่จันทร์จะจัดการอย่างไร” จันทร์จ้าวยกยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วจับจ้องน้องสาว



   “ก็จัดการให้พี่อาทิตย์ลงมือเสียทีน่ะซี!”


………………………………..
   



   นภาสรวงก้าวเท้าไปตามทางเดินริมถนน หล่อนมองอาคารพาณิชย์ที่เรียงติดกันเป็นพืดเพื่อมองหาป้ายชื่อสำนักงานของพี่ชายคนรอง ดวงหน้าหวานยิ้มจางกับตนเองเมื่อหล่อนพบเข้าแล้ว อาคารพาณิชย์เบื้องหน้าถูกใช้ชั้นล่างเป็นร้านหนังสือนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนชั้น ๒ เป็นสำนักงาน หล่อนผลักประตูเข้าไปก็พบพนักงานเฝ้าร้านที่อยู่หลังตู้กระจก



   “ขอโทษค่ะ ดิฉันมาพบคุณจันทร์จ้าว”



   “คุณจันทร์กลับไปแล้วครับ ไม่ทราบว่าธุระเร่งด่วนหรือไม่” พนักงานชายตอบอย่างสุภาพ ทำเอาหญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย ด้วยเพราะไม่ได้เผื่อใจว่าจะไม่เจอเขาที่นี่



   ...วันนี้หล่อนมีเรื่องร้อนใจเสียด้วย จะปรึกษาดารารัษมี แฝดผู้น้องก็เป็นสตรีเฉกเช่นเดียวกับหล่อน จะปรึกษาเพื่อนผู้ชายคนอื่น หล่อนก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัว ไม่ควรให้รู้ไปถึงหูคนนอก จันทร์จ้าวเป็นผู้ชายในครอบครัวเพียงคนเดียวที่หล่อนคิดว่าเหมาะสมที่สุด หากจะปรึกษาเรื่อง ‘อาทิตย์’



...หล่อนรู้สึกว่าอาทิตย์หน้าตาดูหมองเศร้า ครั้นหล่อนจะถามเอง นภาสรวงก็คิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิง อาจจะไม่เข้าใจจิตใจของพี่ชายคนใหญ่ จึงอยากจะมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนรองให้เขาถามไถ่แทน...



   “วันนี้จะไม่เข้ามาอีกแล้วหรือคะ”



   “ครับ เห็นว่ามีธุระข้างนอก หรือจะให้ผมโทรศัพท์ไปตามไหมครับ”



   “ไม่เป็นไรค่ะ” นภาสรวงกำลังจะหมุนตัวเดินออกจากตรงนั้น ทว่าเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังเสียก่อน



   “Miss Sky…” หญิงสาวผู้มีชื่อที่หมายถึง ‘ท้องฟ้า’ ชะงักแล้วหันกลับไปมอง เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มชาวต่างชาติผู้มีเส้นผมสีทองและรอยยิ้มสว่างไสว



   “น้องสาวของจันทร์ใช่ไหม” เขาเดินเข้ามาถามเป็นภาษาไทยที่ฟังง่าย เป็นอีกครั้งที่นภาสรวงได้แต่กะพริบตาปริบๆเพราะไม่คิดว่าคนที่ไม่มีส่วนใดเหมือนคนไทยเลยแม้แต่น้อยจะพูดภาษาไทยได้ชัดถึงเพียงนี้ เขายังยิ้มให้หล่อนเหมือนเมื่อครู่



   “ใช่จริงๆ หน้าเหมือนจันทร์เด๊ะ!”



   “เอ่อ...เมื่อครู่นี้คุณเรียกดิฉันว่า...” นภาสรวงทำงานอยู่ในสำนักงานของเภา วิชาญโยธิน ซึ่งร่วมทุนกับชาวต่างชาติเช่นกัน หล่อนพอจะฟังภาษาอังกฤษได้อยู่บ้าง และเมื่อครู่นี้หล่อนก็แน่ใจว่าชายผู้นี้เรียกหล่อนว่า ‘sky’



   “ขอโทษที ผมจำไม่ได้ว่าคุณชื่ออะไร แต่จำได้ว่าชื่อยากๆ จันทร์เคยอธิบายว่าชื่อคนหนึ่งแปลว่าท้องฟ้า อีกคนแปลว่าดวงดาว ผมก็เลยท่องมาตั้งแต่นั้นว่าบ้านนี้มี sun, moon, sky and star โอ้ ไม่สิ พี่ชายคุณน่ะย้ำแต่ว่าชื่อเขาไม่ใช่แค่ moon เฉยๆ แต่เป็น King of moon อ๊ะ!!...คุณอย่าบอกพี่ชายคุณล่ะว่าผมพูดภาษาอังกฤษอีกแล้ว วันนี้เขาจะกินหัวผมเป็นร้อยรอบได้ เพราะผมพูดภาษาอังกฤษบ่อยเกินไป” คำพูดยาวๆของชายชาวต่างชาติที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ



   “ไม่บอกหรอกค่ะ คุณคงเป็นเพื่อนพี่จันทร์ที่ร่วมหุ้นเปิดสำนักงานใช่ไหมคะ”



   “ครับ ลืมแนะนำตัว ผม เรย์มอนด์ อดัมส์ เป็นเพื่อนของจันทร์”



   “ดิฉัน นภาสรวงค่ะ เรียกว่านภาก็ได้” นภาสรวงแนะนำตัวเอง แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าเขาออกปากเมื่อครู่นี้เองว่าชื่อของหล่อนจำยาก หญิงสาวจึงพูดขึ้นอีกหน “...หรือคุณจะเรียกว่า sky อย่างเมื่อครู่ก็ได้ค่ะ”



   “จริงหรือ?! ถ้าผมเรียกคุณแบบนั้น คุณจะไม่บอกพี่ชายคุณแน่นะครับ” ดูท่าทางเขาจะกลัวจันทร์จ้าวเอาจริงๆ นภาสรวงหัวเราะ ชายผู้นี้แม้จะสูงไล่เลี่ยกับพี่ชายคนรองของหล่อน แต่ชาติพันธุ์ทำให้เขาตัวใหญ่ล่ำ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะกลัวจันทร์จ้าวที่ตัวบางกว่า นภาสรวงได้แต่ยิ้มรับราวกับสัญญาว่าจะไม่บอกใคร หนุ่มชาวต่างชาติจึงถามไถ่อย่างมีไมตรี



   “แล้วนี่คุณมาหาจันทร์มีอะไรหรือ เขาบอกผมเมื่อเช้านี้เองว่าจะออกไปหาน้อง ผมนึกว่าจะไปพบคุณด้วยเสียอีก” นภาสรวงทำหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไปมา



   “ไม่ได้ไปหาดิฉันหรอกค่ะ สงสัยจะไปหาดารากระมัง เอ? จริงสิ...แล้วคุณทราบได้อย่างไรว่าดิฉันคือนภา ไม่ใช่ดารา ทั้งที่เรา ๒ คนเป็นแฝดกัน” เรย์มอนด์หัวเราะ



   “จริงๆแล้วก็ไม่ทราบครับ แต่เห็นคุณแล้วรู้สึกสงบเหมือนมองท้องฟ้า ก็เลยลองเรียกดู”



   “คุณนี่แปลกจังค่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะ คำพูดของหล่อนเหมือนจะชื่นชมกับความแปลกของเขาอยู่ในที



   “แปลกไม่เท่าพี่ชายคุณหรอก รายนั้นเข้าขั้นพิลึก เออ ให้ผมโทรศัพท์ไปตามเขาให้ไหม บางทีเขาอาจจะแวะไปที่สโมสรเทนนิสตอนบ่ายๆ”



   “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนบ่ายดิฉันจะต้องกลับไปทำงาน นี่พักเที่ยง ก็เลยออกมา”



   “อ้อ แสดงว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรด้วยซี ถ้าอย่างนั้น ผมขอเป็นตัวแทนแทนพี่ชายคุณแล้วกัน! มาแถวนี้ทั้งที ผมจะเป็นเจ้าบ้านเอง ถัดไปหน่อย มีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อย รับรองคุณได้ลองแล้วจะติดใจ” คนออกตัวว่าจะเป็นเจ้าบ้านคือชายชาวต่างชาติที่กำลังยืนอยู่บนแผ่นดินไทย นภาสรวงหัวเราะอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอใครแปลกเท่านี้มาก่อน ความเป็นกันเองและมิตรภาพที่ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนกับพี่ชายของหล่อนมอบให้ ทำให้นภาสรวงมองว่าเขาไม่ใช่คนอันตรายอะไร ซ้ำยังเป็นกลางใจเมืองกลางวันแสกๆ เขาคงไม่คิดจะทำอะไรไม่ดี



หญิงสาวยอมออกจากสำนักงานไปกับเขา แล้วก็ได้พบว่านับตั้งแต่รู้จักกับชายผู้นี้ หล่อนก็หัวเราะมากกว่าปีทั้งปีที่ผ่านมาเสียอีก


……………………………………

 

หลังจากปรึกษาหารือกับดารารัษมีเรียบร้อย จันทร์จ้าวก็ไปส่งน้องสาวที่โรงเรียนสตรีกัลยาณี แล้วตั้งใจว่าจะไปหาที่เดินเล่นเสียหน่อย สถานที่สงบคงทำให้หัวสมองปลอดโปร่งและวางแผนเรื่องอาทิตย์ได้ดีขึ้น ทว่าตอนที่กำลังนั่งสามล้อผ่านโรงพยาบาลใหญ่ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจให้คนขับสามล้อเลี้ยวเข้าไปส่งเขาในโรงพยาบาลแทน



‘…ถ้าแกหรือคุณหมอเป็นผู้หญิง กันคงคิดว่าเป็นคู่รักกันแน่เชียว’ คำพูดของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรยังดังอยู่ในหู แต่จันทร์จ้าวก็เห็นด้วยกับคำพูดของเรย์มอนด์ที่ว่าเขาเป็นผู้ชาย การจะสนิทกับผู้ชายด้วยกันไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วถ้าเช่นนั้น หากเขาจะสนิทกับหมอภวัตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเสียหน่อย ในเมื่อเขามีความสุขที่ได้อยู่กับหมอภวัต สนุกเวลาได้ทำอะไรด้วยกัน เขาก็ควรจะรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้



...ใช่ เรย์มอนด์พูดถูกทุกอย่าง...เขาไม่ควรกังวลกับคำพูดของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรเลย...



เขาก้าวลงจากสามล้อ แล้วเดินดุ่มๆเข้าไปในโถงของโรงพยาบาลที่มีผู้คนมากมาย ทั้งคนไข้ ญาติคนไข้ พยาบาล และหมอ ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปทั่ว ทว่าไม่เห็นร่างสูงคุ้นตาของเขาเลยแม้แต่น้อย เขากำลังจะตัดใจเดินออกจากโรงพยาบาลอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแขนข้างหนึ่งถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน



“คุณจันทร์จริงๆด้วย” คนคว้าแขนไม่ใช่ใครที่ไหน หมอภวัตนั่นเอง



“เห็นคุณไกลๆ ตอนแรกคิดว่าตาฝาด” เขาเอ่ยปากต่อ พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นเคยแล้วปล่อยมือที่จับแขนอย่างแผ่วเบา



“ก็...พอดีผมมาทำธุระแถวนี้ ผ่านโรงพยาบาลเลยแวะมาดูว่าหมอถูกคนไข้ถล่มหรือยัง วันนี้คนไข้แยะ” จันทร์จ้าวพูดแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ



“เคยแยะกว่านี้ด้วยซ้ำครับ แล้วคราวนี้คุณมาหาหมอคนไหนอีกล่ะ ใช่หมอคนเดิมไหม” คำพูดหยอกล้อทำเอาร่างโปร่งหัวราะเบาๆ



“ที่นี่มีหมอคนไหนตีเทนนิสเก่งๆอีกไหมล่ะ ถ้ามีผมจะขอหาหมอนั่นแทน” ภวัตหัวเราะกับคำยอกย้อนนั้น



“ถ้าจะหาหมอที่ตีเทนนิสเก่งในโรงพยาบาลนี้ ไม่มีหมอคนไหนตีเก่งเท่าหมอภวัตอีกแล้ว” พวกเขาหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ภวัตจะชวนอีกฝ่ายออกไปหาอะไรรับประทานเป็นมื้อเที่ยง แม้จะทานมาจนอิ่มตื้อกับน้องสาวแล้ว จันทร์จ้าวก็ยังออกไปกับหมอภวัตอีกรอบ อะไรบางอย่างของนายแพทย์ผู้นี้ ทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า



แม้ภายในโรงพยาบาลจะมีคนขวักไขว่ แต่ภาพของชายหนุ่ม ๒ คนที่ก้าวเท้าออกไปข้างนอกด้วยกันก็ไม่รอดพ้นสายตาของนางพยาบาลสมฤดีที่มองตามด้วยความฉงน ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากประตูด้านข้างทันเห็นพี่ชายของตนเองออกไปกับคู่ปรับก็ถึงกับชะงักค้างไปเช่นกัน



เภา วิชาญโยธินไม่คิดมาก่อนว่าพี่ชายของตนเองจะสนิทกับจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์!!!


..............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 19:45:48 โดย Dezair »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
   
บุตรชายคนเล็กของพลโทศักดิ์และคุณหญิงจิตต์ วิชาญโยธินเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องรับแขกของตึกใหญ่ภายในอาณาเขตบ้านวิชาญโยธิน


ค่ำมากแล้ว แต่พี่ชายของเขายังไม่กลับถึงบ้าน ก่อนหน้านี้ภวัตก็กลับดึกและออกไปแต่เช้าตรู่ เขาคิดว่าเป็นเพราะที่โรงพยาบาลมีคนไข้จำนวนมาก แต่เมื่อสอบถามกับพยาบาลที่ชื่อสมฤดี ก็ทำให้พบความจริงว่าทุกเย็น ภวัตออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่ออกเวร โดยพยาบาลสาวพูดอย่างไม่มั่นใจเท่าไรว่าดูเหมือนพี่ชายของเขาจะไปตีเทนนิส



...ตีเทนนิส?!...ไปตีเทนนิสก็ต้องไปที่สโมสร ไปที่สโมสรก็ต้องได้เจอคนของวังฉัตร แล้วทำไมภวัตถึงไม่พาเขาไปด้วย?!!...



   เขาอดทนรอพบหน้าพี่ชายอยู่จนดึก ด้วยคิดว่าหากวันนี้ภวัตไม่กลับบ้าน พรุ่งนี้เขาจะไปตามที่บ้านพักแพทย์ในโรงพยาบาลให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่แล้วตอนที่เภาเข่นเขี้ยวตัดสินใจจะตื่นแต่ไก่โห่ในวันพรุ่งนี้เพื่อบุกไปพบพี่ชายที่โรงพยาบาล ร่างสูงสง่าของภวัตก็ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน



   “พี่ภวัตไปไหนมา?!!”



   “ไปโรงพยาบาลน่ะซี ถามอะไรของแก”



   “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?!!!”



   “ก็...ไปตีเทนนิส” ภวัตยังไม่รู้สึกว่าการที่ตนเองกลับบ้านดึกจะเป็นปัญหาอะไร จนกระทั่งน้องชายร้องเสียงหลงในประโยคต่อมา



   “ไปตีเทนนิส?!!! แล้วทำไมพี่ไม่พาผมไปด้วย?!!!”



   “แกเป็นอะไรของแกน่ะเภา ฉันไปตีเทนนิสกับเพื่อน...”



   “เพื่อนที่พี่ว่าคือคู่ปรับของผมน่ะหรือ?!!!” ภวัตพูดไม่ออก ดูเหมือนเขาจะลืมไปเสียแล้วว่าเภาเคยหมายหัวจันทร์จ้าวเอาไว้



   “แล้วพี่ไปสโมสรทำไมไม่พาผมไปด้วย?!! แบบนี้เมื่อไรผมจะได้สนิทกับคนวังฉัตรล่ะ?!!!” เภาโวยวายตะพึดตะพือจนคนเป็นพี่นึกอ่อนใจ



   “แล้วทำไมแกไม่ไปเอง แกก็รู้จักคุณพงศ์แล้ว รู้จักคุณวินิตแล้ว ทำไมแกไม่ถือแรกเก็ตเข้าไปที่สโมสร ไปทักทายพวกเขา ไปขอเขาเล่นด้วย แค่นี้ทำไม่ได้หรือ” ภวัตย้อนถามทำเอาคนกำลังโมโหฟาดงวงฟาดงาถึงกับชะงักไปเพราะไม่ทันคิดว่าทำไมเขาถึงไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างด้วยตนเอง



   “แต่...แต่....แต่ผมยังไม่สนิทนี่!! ผมก็ต้องอาศัยพี่ก่อน!!! ไม่รู้ล่ะ!! ถ้าพี่ไปสโมสรคราวหน้า พี่ต้องบอกผม!! ผมจะไปด้วย!!!” ความเอาแต่ใจของน้องชายยิ่งทำให้ภวัตรู้สึกเหมือนเภาไม่ได้โตขึ้นเลย เทียบกับจันทร์จ้าวที่ดูเหมือนจะถูกตามใจจนเคยตัวเช่นเดียวกัน แต่ฝ่ายนั้นกลับมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเสียอีก



เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง



   “แกชอบคุณพิมแน่ใช่ไหม”



   “แน่...” ไม่ทันจะตอบให้เต็มปากเต็มคำ ภวัตก็พูดแทรก



   “คำว่าชอบของแกมันมั่นคงมากแค่ไหน เภา วันนี้แกไม่มีเพื่อนเล่น แกก็คิดถึงคุณพิม วันนี้แกต้องไปออกงานสังคม แกก็ว่าแกชอบคุณพิม แกอยากให้คุณพิมไปด้วย แต่เวลาแกเบื่อ แกก็ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนผู้หญิงคนอื่น แล้วลืมคุณพิมอย่างนั้นหรือ? แกชอบคุณพิมเฉพาะเวลาที่แกอยากจะอวดใครต่อใครเท่านั้นไหม? แกถามตัวแกดูหรือยัง ว่าความชอบของแก มันเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะคุณพิมคือหม่อมหลวงพิมพัชรา ฉัตราภาส หรือเพราะคุณพิมคือผู้หญิงคนหนึ่งที่แกอยากอยู่ข้างๆเขาไปตลอดชีวิต” 

 

เภาชะงักไปเมื่อพี่ชายจี้ถามในสิ่งที่เขาก็ไม่รู้ เขาเห็นเธอสวย เขาเห็นเธอสง่า เขาเห็นเธอดูผู้ดี เธอมีการศึกษา เธอมีชาติตระกูล เขาชอบเธอ เขาอยากอยู่กับเธอ เขาอยากให้เธอสนใจ เพราะเขาเองก็รูปงาม มีการศึกษา มีฐานะ เขาและเธอเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก หากเขาได้เธอมาครอง ผู้ชายทั้งกรุงเทพฯต้องมองเขาด้วยความอิจฉาริษยา...นั่นคือสิ่งที่เภาคิด แต่เขาไม่เคยคิดว่าความรู้สึกที่ต้องการให้ราชนิกูลสาวผู้นั้นมาเคียงกายเป็นเพราะความเพียบพร้อมที่เธอมี หรือเพราะเขารู้สึกกับเธอด้วยหัวใจอันแท้จริง...ทว่า ด้วยความทิฐิ วิชาญโยธินคนน้องจึงเอ่ยปากอย่างเข้มแข็ง



   “ความชอบของผมก็เกิดเพราะผมอยากอยู่กับคุณพิมน่ะซี!! ผมชอบคุณพิมจริง! ผมรักคุณพิมจริง! และผมอยากอยู่กับคุณพิมจริง!!!” ภวัตมองหน้าน้องชายผู้แสนดื้อดึง ก่อนจะเอ่ยปากเด็ดขาด



   “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาแกไปพบคุณชายฉัตร”



   “พี่ว่าอะไรนะ?!!” เภาตกตะลึงกับคำพูดของพี่ชาย ภวัตไม่ใช่แค่จะให้เขาสนิทสนมกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรหรือหม่อมหลวงพิมพัชรา แต่ภวัตกำลังผลักดันเขาไปเจอกับบิดาของ ๒ พี่น้องนั่น



   “ถ้าแกชอบคุณพิมจริง ฉันก็จะพาแกไปพบคุณชาย แล้วแกก็เรียนท่านว่าแกรู้สึกกับคุณพิมอย่างไร นั่นล่ะเป็นทางเดียวที่แกจะได้คุณพิมมาครอง” นายแพทย์หนุ่มพูดเพียงเท่านั้น ก็หมุนตัวเดินขึ้นห้องพักผ่อนของตนทันที ทิ้งน้องชายเอาไว้กับความกดดันมหาศาลที่ทับถมลงมาบนไหล่ของเขาทั้ง ๒ ข้าง



   ...จะให้ไปพบคุณชายหรือ?...แล้วให้เขาพูดทุกอย่างกับคุณชายอย่างนั้นหรือ...



   เภา วิชาญโยธินกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบาก ความเข้มแข็งที่ตะโกนบอกพี่ชายเมื่อครู่นี้หดหายกลายเป็นเถ้าธุลี



...................................



   วันศุกร์ เป็นวันเดียวในรอบสัปดาห์ที่จันทร์จ้าวไม่ได้พบหน้าหมอภวัตและไม่ได้ไปตีเทนนิส เพราะต้องรีบกลับไปพบหน้าบิดามารดาตามสัญญา วันนี้เขาไปรออาทิตย์ที่กรม เพราะรู้แน่แล้วว่าต่อให้ไปรอที่วังฉัตร อาทิตย์กับหม่อมหลวงพิมพัชราก็คงไม่ได้เจอกันอยู่ดี แต่ไม่เป็นไร...ต่อให้ ๒ คนนั้นจะไม่ได้เจอกันตอนนี้ แต่ถ้ามีจันทร์จ้าวคนนี้อยู่ อย่างไรเสียก็ต้องได้เจอกันแน่



   หลังจากอาทิตย์เลิกงานและพาน้องชายกลับมาที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ คุณหญิงผกากอดหอมบุตรชายคนรองพอให้หายคิดถึง แล้วจึงชักชวนบุตรธิดาทั้งหมดร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่จันทร์จ้าวรอคอยอยู่แล้ว



   “เห็นว่าคุณชายจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับผมหรือครับ” เขาตั้งคำถามขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร



   “ใช่จ้ะ พ่อจันทร์รู้ได้อย่างไร” คุณหญิงผกาย้อนถาม จันทร์จ้าวเพียงยิ้มบาง



   “มีคนบอกมาแน่ะครับ” เขาพูดอย่างเรื่อยๆราวกับคนที่บอกเขาเรื่องนี้เป็นคนอื่นคนไกลไม่ใช่คนที่โต๊ะอาหารตอนนี้



   “อ้อ คงจะเป็นคุณพงศ์ล่ะซี พ่อเองก็เพิ่งทราบ เมื่อคราวก่อนคุณชายท่านเรียกไปพบ อ้ายเราก็นึกว่าเรื่องด่วนอะไร ที่ไหนได้ เป็นเรื่องที่ท่านจะจัดงานเลี้ยงให้พ่อจันทร์ เห็นท่านว่าเป็นความคิดของคุณพงศ์ ท่านก็เลยรับสมอ้างจัดให้เสียเลย”



   “คุณพงศ์นี่ใจดีจริง สงสัยผมต้องหาของไปกำนัลบ้างแล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม และเป็นไปตามที่นัดแนะเอาไว้ เพราะดารารัศมีเอ่ยปากต่อทันที



   “วังฉัตรมีน้ำใจกับบ้านเรามากนะคะ วันก่อนๆคุณพิมก็ฝากทั้งรังนก ทั้งขนม ทั้งผลไม้แช่อิ่มมาให้ ส่วนวันนี้เธอก็ฝากขนมอบมากับดารา บอกว่าฝากให้พวกเราทุกคน” จันทร์จ้าวเหลือบตามองดารารัศมี ดูเหมือน ๒ พี่น้องจะเข้าใจสายตากันและกันเป็นอย่างดี เพราะต่อจากนั้นก็เหลือบไปมองอาทิตย์วูบหนึ่งพร้อมกัน นายทหารหนุ่มก้มหน้ารับประทานอาหารอย่างเงียบๆเหมือนไม่ได้อยู่ในวงสนทนาแค่ประการใด



   “...จริงๆแล้ว เธอว่าอยากจะทำข้าวเกรียบปากหม้อ แต่ต้องทำแต่เช้าก่อนมาโรงเรียน และกว่าดาราจะกลับมาบ้าน กว่าคนที่บ้านจะได้ทาน ก็เกรงว่าจะเสีย คุณพิมเธอเลยทำขนมอบแทน ดาราจะได้นำมาให้คนที่บ้านรับ’ทานได้” ดารารัศมีอธิบายต่อเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ทุกคำในประโยคนั้นซ่อนความนัยอย่างที่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจ และหนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือ...อาทิตย์...



   คนเงียบขรึมที่ทำเป็นก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารรู้สึกอิ่มเอิบระคนเศร้าระทม เขาพอจะเข้าใจความหมายที่ดารารัศมีพูดอยู่หรอก หม่อมหลวงพิมพัชราตั้งใจทำขนมมาฝากเขา แม้ขนมที่ฝากมาจะไม่ใช่ของโปรดของเขา แต่ก็ยังแสดงน้ำใจไมตรีต่อกัน ทว่า...เขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมเพียงพอสำหรับราชนิกูลสาวผู้นั้น น้องชายของเขาต่างหากที่ผู้ใหญ่ทุกคนหมายมั่นให้ได้ครองคู่กับหม่อมหลวงพิมพัชรา



   ...คิดเพียงเท่านั้น นายทหารหนุ่มก็ได้แต่ตักข้าวเข้าปากด้วยหัวใจเลื่อนลอยและหมองเศร้า ด้วยรู้ดีว่าต่อให้รู้สึกลึกซึ้งกับสตรีผู้นั้นมากเพียงใด ความเจ็บเจียนตายเมื่อเธอกลายเป็นของใครอื่นก็ยิ่งพอกพูนมากเท่านั้น...



   “อย่างนี้ เราน่าจะมีอะไรเป็นสินน้ำใจไปให้วังฉัตรบ้างนะครับ คุณแม่ว่าอย่างไร” จันทร์จ้าวถามย้ำเรื่องเดิม ซึ่งคุณหญิงผกาก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยก่อนจะตั้งคำถาม



   “เอ? ถ้าอย่างนั้นจะเอาอะไรไปฝากเขาดีล่ะ”



   “ทุกคนมีความเห็นอย่างไรครับ จะเอาอะไรไปฝากวังฉัตรดี” บุตรชายคนรองของท่านนายพลและคุณหญิงตั้งคำถาม เขาส่งสายตาบอกน้องสาวคนเล็ก ซึ่งดารารัศมีผู้มีความคิดดีและมักจะเสนอในทุกๆเรื่องก็ดูเหมือนจะอ่านสายตานั้นออก หล่อนจึงปิดปากเงียบไม่ยอมเสนออะไร แล้วปล่อยให้คนอื่นคิดแทน



   “ทำขนมไปฝากไหมคะ นภาจะทำให้” นภาสรวงผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวเสนอ ซึ่งแน่นอนว่าจันทร์จ้าวปฏิเสธ



   “วังฉัตรมีกุ๊กฝีมือดีนะนภา จะกล้าไปสู้กับเขาไหวหรือ”



   “จริงด้วยสินะคะ...เอ? แล้วอย่างนั้นจะเอาอะไรดี” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด แต่ต่อให้เสนอของฝากดีแค่ไหน จันทร์จ้าวก็ตั้งใจอยู่แล้วที่จะปฏิเสธทั้งหมด เพราะเขาต้องการข้อเสนออย่างเดียว...ข้อเสนอจากอาทิตย์นั่นเอง ทว่านายทหารหนุ่มก็ยังนิ่งเงียบ จนน้องชายคนรองทนไม่ไหวต้องตั้งคำถาม



   “พี่อาทิตย์ล่ะว่าอย่างไร มีข้อเสนออะไรกับเรื่องนี้บ้างไหม” เมื่อถูกถาม อาทิตย์จึงเหมือนเพิ่งรู้สติ เขาเงยหน้ามองน้องชายด้วยสายตาเลิ่กลั่ก จันทร์จ้าวเลยต้องถามย้ำด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต



   “เอาอะไรไปฝากเพื่อนผมดี”



   “ของฝากหรือ...เอ่อ...ผลไม้ดีไหม ที่สวนข้างหลังมีผลไม้หลายอย่างกำลังสุกพอดี” อาทิตย์เสนออย่างเรียบๆ ด้วยเพราะไม่ได้ตั้งใจฟังมาตั้งแต่ต้น เขาจึงรู้แค่ว่าจันทร์จ้าวจะหาของไปฝาก ‘เพื่อน’ แต่ไม่ทราบว่าเพื่อนคนนั้นคือใคร



   ทว่าข้อเสนอของอาทิตย์กลับเป็นที่ถูกใจคนถามอย่างยิ่ง จันทร์จ้าวดีดนิ้วเป๊าะ



“เยี่ยมเลย! ผมเห็นด้วย ผลไม้จากสวนบ้านเรานี่ล่ะดี”



   “ดาราก็เห็นด้วยค่ะ” ดารารัศมีผู้มักขวางพี่ชายคนรองในหลายครั้ง ตามน้ำไปกับเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อ ๒ เสียงว่าอย่างนั้น คนอื่นๆจึงพลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย อาทิตย์ยังฉงน จันทร์จ้าวจะนำผลไม้ไปฝากเพื่อน แต่เหตุใดทุกๆคนในโต๊ะกลับดูจะมีส่วนร่วมไปด้วย ทว่าเขาไม่ทันได้ถามอะไร น้องชายคนรองก็หันมายิ้มให้เขาพร้อมด้วยดวงตาระยิบ



   “เป็นว่าเอาผลไม้ไปฝาก ‘เพื่อนผม’  อย่างนี้คงต้องรบกวนพี่อาทิตย์แล้วล่ะ...” จันทร์จ้าวรวบรัด และไม่ปล่อยให้พี่ชายคนใหญ่ได้สติเสียด้วย เพราะเจ้าตัวพูดต่ออย่างว่องไว



   “...รบกวนพี่อาทิตย์ช่วยดูให้ทีว่าควรจะเอาผลไม้อะไรไปฝากคนวังนั้น แล้วก็วันอาทิตย์รบกวนขับรถพาผมกับของฝากไปที่วังฉัตรด้วยแล้วกัน” และจันทร์จ้าว ก็หาเรื่องพาพี่ชายของตนเข้าวังฉัตรได้อีกครั้งนั่นเอง



............................



   สายวันอาทิตย์ ผลไม้ที่สุกตามฤดูกาลจากสวนหลังเรือนไทยรักษพิพัฒน์ก็อยู่ในรถโฟล์คสีดำของอาทิตย์แล้ว พอบุตรชายคนรองลาบิดามารดาเรียบร้อย คนเป็นพี่ก็ขับรถพาน้องชายไปยังวังฉัตรเพื่อนำของฝากไปให้ จันทร์จ้าวเหลือบตาไปมองผลไม้ที่อยู่เบาะหลัง แล้วก็หันกลับมามองพี่ชายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ



   “พี่อาทิตย์ว่าคุณพิมจะชอบผลไม้อะไร” คำถามของน้องชายทำเอาอาทิตย์ชะงักไปชั่วอึดใจ



   “ไม่ทราบหรอก” เขาตอบเสียงแผ่ว พยายามไม่เก็บเรื่องของสตรีผู้นั้นกลับมาคิดอีก เพราะอย่างไรเสีย วันใดวันหนึ่ง เธอก็คงเป็นของจันทร์จ้าวโดยสมบูรณ์ เขาในฐานะพี่ชายของจันทร์จ้าวไม่ควรคิดอะไรเกินเลยกับสตรีที่ผู้ใหญ่ตั้งใจจะให้ครองคู่กับน้องของตน



   “ผมก็นึกว่าพี่ทราบเสียอีก เห็นดูท่าจะสนใจคุณพิม” คราวนี้อาทิตย์เหยียบเบรกทันควันด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนคนเป็นน้องจะรั้งร่างตนเองเอาไว้อยู่แล้ว เจ้าตัวจึงดูจะไม่เดือดร้อนกับอาการกระตุกของเครื่องยนต์เสียเท่าไร



   “จ...จันทร์...จันทร์พูดอะไรน่ะ...”



   “เอ้า! ก็พี่อาทิตย์ชอบคุณพิมไม่ใช่หรือ ผมก็นึกว่าพี่อาทิตย์ทราบว่าคุณพิมชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรเสียอีก”



   “จ...จันทร์...จันทร์รู้เรื่องพี่...” อาทิตย์ได้แต่ครางตะกุกตะกักอย่างคาดไม่ถึง เขาคิดว่าความรู้สึกที่แสนเงียบเชียบของเขาจะไม่มีใครสังเกต แต่แล้วทำไมจันทร์จ้าวถึงล่วงรู้ ทว่าคนเป็นน้องกลับพยักหน้ารับอย่างสบายๆ



   “เหตุใดจะไม่รู้ล่ะ? พี่อาทิตย์ออกจะโจ่งแจ้งเสียขนาดนี้”



   “...จ...โจ่งแจ้ง...” อาทิตย์ทวนด้วยนึกไม่ออกว่าการกระทำของตนโจ่งแจ้งอย่างไร แต่กระนั้น เวลานี้ไม่ใช่เรื่องมานั่งกังวลเรื่องความโจ่งแจ้งหรือไม่แล้ว เพราะไม่ว่าจะโจ่งแจ้งจริงหรือไม่ จันทร์จ้าวก็ทราบเข้าเสียแล้ว



“แล้ว...แล้วจันทร์ทราบตั้งแต่เมื่อไร”



“โอย ทราบนานแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ” นั่นปะไร น้องชายทราบตั้งแต่กลับจากเมืองนอกด้วยซ้ำ อาทิตย์เหงื่อซึมไปทั้งแผ่นหลัง



“จันทร์...อย่าบอกใครได้ไหม พี่...เอ่อ...พี่...”



“เสียใจด้วย ผมบอกดาราไปแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกนภา ยังไม่มีโอกาสบอกเสียที ไว้มีโอกาสเหมาะๆ จะบอกนภาด้วย จะได้รู้กันให้หมด” อาทิตย์ถึงกับพูดไม่ออก เขาอ้าปากพะงาบเพราะไม่คิดว่านอกจากจันทร์จ้าวจะมองความรู้สึกของเขาออกแล้ว เจ้าตัวยังนำความไปบอกน้องสาวอีกด้วย



   “พี่อาทิตย์เถอะ เอาแต่เงียบแล้วก็เสียใจเพราะคุณพ่อคุณแม่คิดจะจับผมคู่กับคุณพิมน่ะ มันดีแล้วหรือ”



   “ก็...จันทร์เหมาะกับคุณพิม...” อาทิตย์พูดได้เพียงเท่านั้น หัวใจก็เจ็บหนึบ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจันทร์จ้าวไม่คู่ควรกับหม่อมหลวงพิมพัชรา ในเมื่อน้องชายของเขามีพร้อมทุกอย่าง เหมาะสมทุกประการกับสตรีผู้นั้น



   จันทร์จ้าวพยักหน้าหงึกหงักอีกหน



   “ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก ผมเหมาะกับคุณพิมก็จริง แต่ผมไม่ได้ชอบคุณพิมนี่”



   “คุณพิมเธอดีออกปานนั้น จันทร์ไม่ชอบหรือ” อาทิตย์ออกจะประหลาดใจ น้องชายพูดตรงไปตรงมาว่าไม่ได้ชอบ เรื่องนี้เขาไม่แปลกใจเสียเท่าไร เพราะปากของจันทร์จ้าวก็อย่างนี้ แต่ความรู้สึกของจันทร์จ้าวนี่สิ เหตุใดจึงไม่ชอบ ‘คุณพิม’ ในเมื่อเธอมีทั้งความรู้ ความสามารถ หน้าตางดงามหมดจด น่าจะเป็นที่พึงใจของจันทร์จ้าวไม่ใช่หรือ



   “ไม่ชอบหรอก คุณพิมเธอสวย เธอเก่ง ผมชอบคนสวยและเก่งก็จริง แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าเธอเก่งเกินไปหน่อย ผมไม่ชอบให้ใครเก่งเกินผมบ่อยๆ ถ้าให้คบกันเป็นเพื่อนน่ะเยี่ยมเลย แต่ถ้าให้แต่งงานด้วยนี่ไม่เอา บ้านคงแตกเอาวันใดวันหนึ่งเพราะภรรยาเก่งกว่าสามี”



   “แต่...” อาทิตย์กำลังจะแย้งว่าบิดามารดาหมายตาจันทร์จ้าวและหม่อมหลวงพิมพัชรา ทว่าน้องชายไม่คิดจะฟัง ดวงตากลมใหญ่หันมาจับจ้องพี่ชายอย่างหยั่งเชิง



   “ปล่อยให้เธอได้แต่งงานกับคนที่เธอรักและคนที่รักเธอจะดีกว่า พี่อาทิตย์เห็นด้วยไหม” ไม่มีคำตอบจากอาทิตย์ จันทร์จ้าวเอนกายพิงพนักอย่างสบายอารมณ์แล้วพูดต่อ



   “คราวนี้เราต้องมาภาวนากันล่ะ ว่าคนที่รักเธอกับคนที่เธอรักจะเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า”



แล้วประโยคนั้นของคนเป็นน้องก็ดังลั่นอยู่ในใจอาทิตย์ไปจนกระทั่งเขาขับรถไปจนถึงวังฉัตร



   รถโฟล์คสีดำเลี้ยวไปตามถนนทรงกลมในอาณาเขตวังจนกระทั่งไปจอดที่หน้าตึกสีขาวสะอาด ตรงนั้นมีรถยนต์คุ้นตาจันทร์จ้าวคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าตึกแล้ว เขาอดจะสงสัยไม่ได้ที่พบว่ารถของ ‘หมอภวัต’ มาที่นี่



   ...หรือจะเป็นเรื่องทาบทามดูตัวนั่น...



   “ได้ยินเสียงรถ กะไว้แล้วว่าต้องเป็นแก” เสียงจากหน้าประตูตึก ทำเอาจันทร์จ้าวที่กำลังเพ่งมองไปที่รถยนต์ซึ่งจอดอยู่ด้านหน้ารถของพวกเขาต้องหันมองตามเสียงนั้น



   “สวัสดีคุณพงศ์” เขาหันไปทัก ก่อนจะหันกลับไปมองรถยนต์ที่เขาคุ้นตานั่นอีกครั้ง พอดีอาทิตย์เดินลงจากรถพร้อมด้วยกระจาดผลไม้ที่เก็บมาจากสวนบ้านรักษพิพัฒน์ คนเป็นน้องเลยหาทางไล่พี่ชายออกไปจากวงสนทนา



   “อ้าว คุณอาทิตย์ก็มาด้วยหรือ แล้วนั่นเอาอะไรมาน่ะ” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรทักทายพร้อมรอยยิ้มกว้างเฉกเช่นทุกที



อาทิตย์ค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายตอบ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร น้องชายก็แทรกขึ้นมา



   “ที่บ้านผลไม้ออกเยอะน่ะคุณพงศ์ เลยเอามาฝาก ให้พี่อาทิตย์ยกไปเก็บในครัวให้เลยไหม”



   “เฮ่ย จะยกไปเก็บเองทำไม ให้นายคำ...”



   “ผมว่าให้พี่อาทิตย์ยกไปเก็บเถอะ” จันทร์จ้าวย้ำแล้วจับจ้องใบหน้าของเพื่อนรัก ดวงตากลมใหญ่เหมือนจะสั่งให้ทำตามคำพูดของเขา หม่อมหลวงพงศ์ภราธรแม้จะเป็นเจ้าบ้านแต่ก็จำต้องเออออไปด้วย



   “เอาอย่างนั้นก็ได้ คุณอาทิตย์รู้ใช่ไหมว่าครัวไปทางไหน เดินอ้อมตึกไปทางด้านหลังแน่ะ” อาทิตย์รับคำ แล้วหมุนตัวเดินอ้อมตึกไปยังโรงครัว จึงเหลือเพียงทายาทเจ้าของวังฉัตรและจันทร์จ้าวเท่านั้น และเมื่อเหลือกันเพียงแค่ ๒ คน บุตรชายคนรองจากบ้านรักษพิพัฒน์ก็ตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที



   “หมอมาหรือ คุณพงศ์”



   “ถูกต้อง”



   “มาทำไม? หรือว่าเรื่องที่ว่าคุณชายฉัตรอยากได้มาเป็นเขยอะไรนั่น” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรโบกมือให้ว่อน



   “เรื่องนั้นคุณหมอปฏิเสธไปแล้ว”



   “ปฏิเสธ?! หมายความว่าคุณชายทาบทามแล้ว แต่หมอปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?!” จันทร์จ้าวร้องถามด้วยคิดไม่ถึงว่าคุณชายฉัตรจะรุกเร็วถึงเพียงนั้น แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่ภวัตปฏิเสธตามที่เคยบอกกับเขาว่าไม่ได้คิดสนิทสนมกับหม่อมหลวงพิมพัชราในเชิงชู้สาว



   “ใช่ เห็นคุณพ่อว่า หมอยังอยากทำงาน และยังไม่คิดเรื่องครอบครัว...” พอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าขาวของคนฟังก็เหมือนจะมีรอยยิ้มปรากฏ แต่ก็แค่ชั่ววินาทีเท่านั้น เพราะเพื่อนรักกลับพูดต่อ “...แต่นี่แน่ะ คุณหมอเธอปฏิเสธไปแล้วก็จริง แต่กลับพาน้องชายมาแทนน่ะซี”



   “น้องชาย?!” จันทร์จ้าวหันขวับมองหน้าทันที



   “คุณเภาอย่างไรล่ะ กันก็ว่าแล้วว่าแปลก ปกติคุณหมอไม่กระเตงน้องชายไปไหนมาไหนด้วยหรอก แต่จู่ๆ เธอก็พาน้องของเธอมาสโมสรด้วย แล้วเมื่อคราวก่อนที่คุณหมอไปส่งแกแทนกันน่ะ กันตีเทนนิสต่อกับคุณเภาใช่ไหมล่ะ คุณเภาก็ชวนคุยถึงแต่เรื่องยายพิม คงจะชอบยายพิมเสียแล้ว วันนี้ คุณหมอเธอพาน้องชายมาพบคุณพ่อเอง ไม่ทราบคุยกันเรื่องอะไร กันไม่ได้เข้าไปฟังด้วย แต่ก็คงจะเป็นเรื่องคุณเภากับยายพิมนี่ล่ะ หนีเรื่องนี้ไม่พ้นหรอก กันพนันได้เลย”



“ทำไมหมอไม่เห็นเคยบอกผมว่าน้องหมอชอบคุณพิม!” เขาครางขึ้นมาอย่างคับแค้นใจ ด้วยเพราะก่อนหน้านี้ทั้งเขาและหมอภวัตมีช่วงเวลาพบปะพูดคุยกันมาก แต่ไม่มีครั้งใดเลยที่อีกฝ่ายจะพูดเรื่องนี้กับเขา
 


“แล้วทำไมคุณหมอเธอต้องบอกแกด้วย?” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันมาถามด้วยความฉงน แต่จันทร์จ้าวตวัดสายตามองฉับเดียว ราชนิกูลหนุ่มก็รีบเออออไปโดยพลัน



“เอ่อ...นั่นซี...ทำไม...ทำไมคุณหมอไม่บอกแก...” เขาได้แต่ลอบมองสีหน้าของจันทร์จ้าวที่ดูจะหงุดหงิดและโมโหไม่น้อยแล้วหลากใจเพราะเพื่อนของเขาดูจะอารมณ์เสียอย่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย



...แค่เพราะว่าหมอภวัตไม่ได้บอกเรื่องเภาให้จันทร์จ้าวทราบเช่นนั้นหรือ? อันที่จริง การที่หมอภวัตไม่พูดเรื่องของน้องชายตนให้คนอื่นรับรู้ ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องร้ายแรงให้ต้องโกรธต้องเคืองกันเสียหน่อย?...



   เสียงฝีเท้าจากในตึกดังขึ้นเบาๆ คนทั้งคู่หันกลับไปมองก็พบว่าชายหนุ่ม ๒ คนจากบ้านวิชาญโยธินเสร็จธุระในการเข้าพบหม่อมราชวงศ์ฉัตรเรียบร้อย จันทร์จ้าวตวัดสายตาจับจ้องนายแพทย์หนุ่มด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง ทำเอาคนถูกจ้องชะงักไปเล็กน้อย ด้วยเพราะสายตาจากดวงตากลมใหญ่นั้นบอกให้รู้ถึงความโกรธเคืองเขา ทว่าภวัตก็ยังทำใจดีสู้เสือทักทายอย่างเป็นมิตร



   “สวัสดีคุณจันทร์” จันทร์จ้าวละสายตาขุ่นไปมองที่น้องชายของหมอที่ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสให้เขา แล้วจึงหันกลับไปมองภวัตอีกครั้ง



   “จะกลับแล้วไม่ใช่หรือ?! ไม่ต้องทักผมหรอก!! ลาคุณพงศ์คนเดียวแล้วเชิญได้เลย!!!” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรถึงกับอ้าปากค้างกับฝีปากเพื่อนรัก แม้กระทั่งเภาที่เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มก็ยังหน้าซีดเผือด เพราะฟังอย่างไรก็ตีความหมายได้อย่างเดียวว่าจันทร์จ้าวออกปากไล่



   ภวัตเองก็ไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้จันทร์จ้าวกับเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้ว แล้วทำไมวันนี้ ทุกอย่างถึงได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก



   “เอ่อ...” คนเป็นทายาทวังถึงกับพูดไม่ออก จะดุเพื่อนรักต่อหน้าคนอื่น เขาก็คงถูกจันทร์จ้าวโกรธเข้าแน่ๆ แต่คนอื่นที่ว่าก็เป็นแขกของวังซึ่งนับเป็นแขกของบิดา คนกลางอย่างเขาจึงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทำได้แค่กระตุกแขนเพื่อนเป็นการปราม



   คุณหมอหนุ่มดูจะเข้าใจความอิหลักอิเหลื่อของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรได้เป็นอย่างดี แม้จะสงสัยในท่าทีของจันทร์จ้าว แต่ก็เขาออกปากลากับเจ้าบ้าน



   “ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณพงศ์”



   “ส...สวัสดีครับ” เพื่อนรักของจันทร์จ้าวได้แต่ละล่ำละลักลา ภวัตค้อมศีรษะให้แล้วเดินไปที่รถของตน จันทร์จ้าวยังคงยืนเป็นรูปปั้น ไม่สนใจสายตาของเขาสักนิด แต่เจ้าตัวก็ไม่เดินหนีไปที่ใดเช่นกัน คงต้องการอยู่ดูให้แน่ใจว่าเขาออกจากวังไปแล้วจริงๆ



   รอจนเภาขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รถยนต์ของบ้านวิชาญโยธินก็แล่นหายออกไปจากวัง จันทร์จ้าวจึงตวัดสายตาเอาเรื่องมาที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธร



   “อ...อะ...อะไร...” แม้จะสนิทสนมกันมาแต่เล็ก แต่เวลาที่ดวงตากลมใหญ่จับจ้องเขาอย่างเอาเรื่องเช่นนี้ ราชนิกูลหนุ่มก็ยอมรับตามตรงว่ากลัวใจอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย



   “นายเภาอะไรนั่นไม่เหมาะกับคุณพิมเลยแม้แต่นิด! คุณพงศ์ดูไม่รู้หรือ?!!”



   “ร...เรื่องนี้...กันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ...” เป็นเพื่อนกันก็จริง แต่พอถูกตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงดุดันและดวงตาเอาเรื่อง หม่อมหลวงหนุ่มก็ได้แต่อ้อมแอ้มตอบเสียงแผ่ว



   “คุณพงศ์เป็นพี่ชายคุณพิม คุณพงศ์จะไม่ช่วยตัดสินใจได้หรือ?! ไม่รู้ล่ะ!! อย่างไรผมก็ว่าไม่เหมาะกับคุณพิม!! คนของผมเหมาะกว่าเป็นไหนๆ!!”



   “คนของแก?”



“ใช่!! คนของผมดีกว่า!!!!”



“อ้อ...ที่แกว่ามีทหารอยากเป็นเขยที่นี่...แล้วสรุปเป็นใคร กันว่าจะถามก็ลืมเสียทุกที” จันทร์จ้าวมองหน้าคนถาม ความรู้สึกขุ่นเคืองที่มีต่อบุตรชายคนใหญ่บ้านวิชาญโยธินยังคงทำให้อารมณ์คุกรุ่น หนำซ้ำยังพลอยเคืองเพื่อนรักคนนี้เสียด้วย ที่หมอภวัตอุตส่าห์ปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็ยังปล่อยให้หมอพาคนอื่นมาแนะนำ!!



   “ถ้าคุณพงศ์เดาเองไม่ได้ ผมว่าคุณพงศ์ก็ไม่ควรเป็นพี่คุณพิมหรอก!!” แล้วโดยที่เจ้าบ้านไม่ต้องเชิญ จันทร์จ้าวก็ก้าวเท้าเดินดุ่มๆเข้าตึกไปทันที หม่อมหลวงพงศ์ภราธรมองตามเพื่อนรักแล้วได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะ



   “อะไรนี่ พาลเป็นโกรธเราไปอีกคน...”



   ..................................
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2015 21:15:51 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
   คุณชายฉัตรออกจะประหลาดใจ ที่วันนี้มีแต่คนมาขอพบท่าน เมื่อเช้าก็เป็นหมอภวัตที่พาน้องชายมาพบ นายเภา วิชาญโยธิน บุตรชายคนเล็กของพลโทศักดิ์ที่เกิดจากคุณหญิงจิตต์ คนนี้ก็ดูท่าทางแล้วใช้ได้ แม้จะไม่สุขุมและเป็นผู้ใหญ่เหมือนนายแพทย์ผู้พี่ แต่ก็ทำงานทำการเป็นหลักแหล่ง แต่ติดจะดูเจ้าสำราญไปสักหน่อย พอพ้นหลังคุณหมอภวัตและน้องชายก็เป็นจันทร์จ้าวและพี่ชาย



   “ที่บ้าน มีผลไม้สุกหลายอย่าง ก็เลยนำมาฝากคุณชายครับ” คนพูดคือจันทร์จ้าวในขณะที่พี่ชายเพียงแค่นั่งเงียบ คุณชายฉัตรเหลือบตาไปมองอาทิตย์ ที่วันนี้ไม่ได้อยู่ในชุดเขลอะสำหรับทำสวนอีกแล้ว เสื้อผ้าของเขาสะอาดเรียบร้อยสมกับเป็นนายทหาร



   “ขอบใจพ่อจันทร์ เออ คุณพ่อของเธอบอกหรือยัง ว่าฉันจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเธอที่นี่ อันที่จริงจะฝากพ่อพงศ์ไปบอก แต่ช่วงที่ผ่านมา พ่อพงศ์ต้องตามฉันไปดูที่ดินหลายแปลง เลยไม่ได้พบเธอ ต้องฝากท่านนายพลไปบอกแทน”



   “บอกแล้วครับ ขอบพระคุณคุณชาย อันที่จริงไม่ต้องจัดก็ได้”



   “ไม่ได้หรอก เธอก็เหมือนลูกเหมือนหลานของฉัน เอาเป็นเมื่อไรดี วันเสาร์หน้าเป็นอย่างไร เธอจะเชิญเพื่อนๆมาด้วยก็ได้” ความเมตตาของชายอาวุโสเจ้าของวังทำให้จันทร์จ้าวยิ้มจาง



“มีแต่พวกเราน่าจะสนุกกว่าครับ ได้รับประทานอาหารพร้อมหน้ากัน พูดคุยกัน เท่านี้สำหรับผมก็เพียงพอแล้ว” คุณชายฉัตรหัวเราะกับเหตุผลของชายหนุ่มคราวลูก



“มักน้อยจริง! เอ้า! ตามใจ เป็นว่ามีครอบครัวของเธอ ครอบครัวของฉัน แล้วเมื่อครู่นี้ฉันเชิญคุณหมอกับคุณเภาแล้ว เธอรู้จักกับ ๒ คนนั้นใช่ไหม เห็นเมื่อคราวก่อนก็ตีเทนนิสกันเสียสนุก ฉันวานให้คุณหมอไปเชิญท่านนายพลกับคุณหญิงจิตต์มาด้วย คุณหญิงผกากับคุณหญิงจิตต์ก็เห็นว่ารู้จักกันดี เมื่อคราวจัดเลี้ยงต้อนรับยายพิม ก็ได้ทั้งคุณหญิงจิตต์และคุณหญิงผกามาช่วยดูแล เป็นว่ามีแต่คนกันเองทั้งนั้น”

 

คำว่าเชิญคุณหมอ ทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าของจันทร์จ้าวแห้งไปถนัด หม่อมหลวงพงศ์ภราธรสังเกตสีหน้าเพื่อนรักอยู่แล้วก็นึกหวั่นใจว่าคนแผลงอย่างจันทร์จ้าวจะทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงมารยาทเข้า เมื่อตอนพบ ๒ พี่น้องวิชาญโยธินที่หน้าตึก ก็ไล่แขกอย่างกับเป็นเจ้าบ้านไปรอบหนึ่งแล้ว นี่บิดาของเขาเอ่ยปากว่าชวน ๒ คนนั้นมางานเลี้ยงต้อนรับจันทร์จ้าวอีก...วังฉัตรจะแตกไหมหนอ....



บุตรชายของคุณชายฉัตรกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลุ้นสุดตัวว่าเพื่อนรักจะพูดอะไรหรือไม่



“...จริงสิ แล้วนี่คุณหญิงสบายดีแล้วใช่ไหม เป็นลมอีกหรือไม่” คำถามประโยคถัดมาของหม่อมราชวงศ์ฉัตรเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นโดยที่จันทร์จ้าวยังไม่ได้แสดงอภินิหารใดๆเสียก่อน



   “คุณแม่สบายดีครับ” เขาตอบ แต่ก็รู้ว่าหากตอบสั้นเช่นนี้คงเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ แม้จะไม่พอใจที่คุณชายฉัตรเชิญชวน ๒ พี่น้องวิชาญโยธินมางานเลี้ยงที่จัดเพื่อเขา แต่ชายหนุ่มก็ยังเก็บอารมณ์แล้วพูดต่อ “...ตอนนี้น้องสาวของผมทั้ง ๒ คนก็รับอาสางานของคุณแม่แทน นภาสรวงรับหน้าที่ในครัว ส่วนดารารัษมีก็คอยกำกับในเรือน คุณแม่ก็เลยไม่ต้องหยิบจับอะไรมากนัก” คุณชายฉัตรพยักหน้ารับรู้พลางยิ้ม ในขณะที่บุตรชายของคุณชายก็พลอยยิ้มไปด้วย เพราะเพื่อนรักไม่แสดงนิสัยแผลงเข้าเสียก่อน



   “มีลูกสาวก็ดีอย่างนี้ คอยดูแลกิจการในบ้าน ยายพิมก็เป็นอย่างนี้จริงไหม พ่อพงศ์” คุณชายหันไปถามบุตรชายที่เข้ามานั่งในห้องด้วย หม่อมหลวงพงศ์ภราธรยิ้มรับ จันทร์จ้าวเลยพูดขึ้น



   “คุณพิมเธอทั้งขยัน ทั้งเก่งนะครับ คุณชาย งานบ้านงานเรือนก็ไม่บกพร่อง ฝีมือปลายจวักก็ดีเยี่ยม ส่วนงานนอกก็เป็นถึงครู ผู้หญิงอย่างคุณพิมหายากเหลือเกินสมัยนี้” คุณชายฉัตรหัวเราะอย่างปลาบปลื้ม



   “จริง พ่อจันทร์ แต่น่าเสียดาย ผู้หญิงเก่งอย่างนี้มักอาภัพคู่”



   “ดอกฟ้า...ชายน้อยนักที่จะมีบุญเอื้อมถึง” จันทร์จ้าวเปรียบเปรยอย่างที่ทำเอาพี่ชายของหม่อมหลวงพิมพัชราถึงกับหัวเราะ



“แกก็ชื่นชมยายพิมเกินไปเสียแล้ว จันทร์”



คุณชายฉัตรมองชายหนุ่มร่างโปร่งผู้เป็นเจ้าของดวงตากลมใหญ่และลักยิ้มที่แก้มซ้ายซึ่งปรากฏทุกครั้งที่เจ้าตัวขยับยิ้มแล้วก็นึกชมไหวพริบ ดวงตาของผู้เป็นเจ้าของวังเหลือบไปมองผู้เป็นพี่ชายจากบ้านรักษพิพัฒน์ อาทิตย์ยังคงนั่งเงียบ สำรวมกิริยาและวาจาแต่ก็สนใจกับบทสนทนาของพวกเขา



   “พ่ออาทิตย์เป็นอย่างไรบ้าง ที่กรมเรียบร้อยดีไหม” ชายสูงวัยตั้งคำถาม และนั่นทำเอาหม่อมหลวงพงศ์ภราธรขมวดคิ้วฉับ



   ... ‘กรม’?...อ้อ...ใช่...อาทิตย์ทำงานที่ ‘กรม’ ...



...เดี๋ยวสิ!! ‘กรม’ อย่างนั้นหรือ?!!...ใช่!! อาทิตย์เป็นทหาร!!!...



   พอความคิดนี้แล่นวาบขึ้นมา บุตรชายของคุณชายฉัตรก็ถึงกับร้องเสียงหลง



   “กรม?!!!”



ทุกคนหันมองเจ้าของเสียง และพลันนั้น หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็เหมือนจะรู้ตัวว่าเขาร้องเสียงดังไปเสียแล้ว ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ขอโทษบิดา



   “ขอโทษครับคุณพ่อ”



   “เป็นอะไรไปน่ะพ่อพงศ์”



   “ป...เปล่า...เปล่าครับ แค่...เอ่อ...ตกใจ...” ราชนิกูลหนุ่มรีบหันไปสบตาจันทร์จ้าวเพื่อนรักทันที แค่เห็นสายตาตื่นตระหนกที่ส่งมานั้น จันทร์จ้าวก็พอจะรู้ว่าหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทราบแล้วว่าทหารที่อยากจะมาเป็นเขยของวังฉัตรคือใคร



   “พ่อพงศ์นี่พิลึก เอ้า! ว่าต่อเถอะพ่ออาทิตย์ งานการยุ่งไหมล่ะ” คุณชายฉัตรหันไปดุบุตรชายอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะหันกลับไปถามอาทิตย์ต่อ



   “นิดหน่อยเท่านั้นครับ”



   “จะทำอะไรก็ระมัดระวัง ถ้าอยู่เฉยได้ก็อยู่ไปก่อน ไม่รู้ใครเป็นใครนะ” ชายอาวุโสเตือนด้วยความห่วงใยตามประสา



หลายปีก่อนเกิดกบฏเสนาธิการ ผู้ร่วมก่อการถูกจับกุมและลงโทษ กองทัพระส่ำระส่าย แต่ก็ยังไม่วายมีการก่อการลับอีกหลายอย่างตามมา คุณชายฉัตรเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง แม้จะเลือกที่จะอยู่อย่างสันโดษและไม่เข้าร่วมฝักฝ่ายกับผู้ใด แต่ข่าวคราวพวกนี้ก็ยังเข้าหูท่านตลอด ด้วยเพราะมีพวกพ้องจากหลายสังกัดนำมาบอกกล่าวเป็นการลับ



   “ครับ คุณชาย” อาทิตย์รับคำพลางยิ้มจาง ท่าทางสุภาพเรียบร้อยของเขาทำให้คุณชายออกจะนิยมชมชอบไม่น้อย อาทิตย์คล้ายภวัต ไม่ค่อยพูดและดูสุขุม ไม่เหมือนจันทร์จ้าวผู้เป็นน้องชายที่เข้าสังคมเก่งและคล่องแคล่ว หากธิดาของท่านได้เคียงคู่กับคนอย่างจันทร์จ้าว ก็คงจะมีเสียงหัวเราะไม่เว้นแต่ละวัน แต่...ถ้าหากได้ออกเรือนกับคนอย่างอาทิตย์...ชีวิตคงจะราบเรียบและสงบ



   ดวงตาของคุณชายกวาดมอง ๒ พี่น้องรักษพิพัฒน์อีกครั้ง แล้วจึงเอ่ยขึ้น



   “เห็นว่านำผมไม้มาฝาก มาจากสวนที่บ้านหรือ”



   “ใช่ครับ คุณชาย เป็นผลไม้จากสวน พี่อาทิตย์ปลูกเองทุกต้นทีเดียว”



   “พ่ออาทิตย์คงจะชอบปลูกต้นไม้สินะ” หม่อมราชวงศ์ฉัตรเปรยแล้วจึงหันมาที่อาทิตย์ “ฉันได้พุดซ้อนมาต้นหนึ่ง ดูแลเองก็เห็นมันทำท่าร่อแร่ พ่ออาทิตย์เอาไปดูแลให้ฉันหน่อยได้ไหม ชอบต้นไม้ไม่ใช่หรือ” คำถามนั้นส่งไปยังอาทิตย์ ชายหนุ่มที่คุณชายฉัตรเคยเห็นมอมแมมอยู่กับการปลูกต้นไม้ที่บ้านรักษพิพัฒน์ อาทิตย์เงยหน้ามองเจ้าของคำถาม สายตาของคุณชายดูคาดหวังให้เขาตอบรับ ชายหนุ่มจึงรับคำเสียงเบาทว่าหนักแน่น



   “ได้ครับ” คุณชายฉัตรยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะลุกขึ้น



   “ดี ถ้าอย่างนั้นตามฉันมาที พ่อจันทร์กับพ่อพงศ์คุยเล่นกันไปก่อน ขอเวลาฉันกับพ่ออาทิตย์สักครู่” แล้วคุณชายผู้เป็นเจ้าของวังก็ก้าวเท้าเดินนำออกจากห้องนั่งเล่น โดยมีอาทิตย์ลุกขึ้นเดินตามเงียบๆออกไปด้วย พอพ้นหลังคน ๒ คนแล้ว หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ถลาเข้าไปนั่งติดเพื่อนรัก



   “ที่แกว่ามีทหารอยากมาเป็นเขยวังฉัตรน่ะ! หมายถึงคุณอาทิตย์ใช่ไหม?!!” เขาถามด้วยความอยากรู้ระคนตื่นเต้น หากทหารที่ว่าคืออาทิตย์ รักษพิพัฒน์จริง ก็คงดีไม่น้อย ตระกูลของเขาและรักษพิพัฒน์ก็สนิทสนมกันมานาน หากได้เกี่ยวดองกันอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น!



   จันทร์จ้าวเหลือบตามองคนถาม ยังไม่ค่อยจะหายเคืองเรื่องที่อีกฝ่ายปล่อยให้หมอภวัตพาน้องชายมาให้คุณชายฉัตรดูหน้าเสียเท่าไร จึงพูดจาวกวนตอบกลับไป



   “ก็แล้วคุณพงศ์เห็นผมรู้จักทหารคนไหนไหมล่ะ”



   “โธ่! อย่ายอกย้อนหน่า!!”



   “แล้วถ้าเป็นพี่อาทิตย์จริง คุณพงศ์จะว่าอย่างไร”



   “ก็จะว่าอะไร้?!! ก็ดีใจน่ะซี!! เห็นเธอเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ไปเที่ยวกับผู้หญิงคนไหน ก็นึกว่าเธอไม่ชอบผู้หญิงเสียอีก!” ประโยคท้ายของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทำเอาจันทร์จ้าวชะงัก แล้วหันมองหน้า



   “คุณพงศ์หมายความว่าอย่างไร”



   “เอ้า! ก็กันนึกว่าคุณอาทิตย์เธอจะเป็นเหมือนนายวรินทร์ น้องชายนายวินิตที่ย้ายไปอยู่ฮ่องกงกับเพื่อนฝรั่ง!”



   “แล้วแปลกตรงไหนล่ะ”



   “แกนี่เข้าใจยากจริง! ก็เพื่อนฝรั่งที่ว่าน่ะเป็นวิศวกรผู้ชายน่ะซี! แล้วก็ไม่ได้ไปอยู่กันอย่างเพื่อนหรอก เขาไปอยู่กันอย่างคู่รัก”



   “เฮ่ย!!”



   “ไม่ต้องมาเฮ่ย นี่นายวินิตเล่าให้กันฟังเอง ว่ามีน้องชายก็เหมือนมีน้องสาว จู่ๆก็ได้น้องเขยเสียอย่างนั้น แต่นายวินิตก็ไม่ได้ดูตกใจอะไร ซ้ำยังทำเป็นพูดเล่นเสียอีกว่าน้องชายไปเสวยสุขอยู่ฮ่องกง ส่งจดหมายกลับมาทีไร เป็นต้องแนบรูปถ่ายคู่กับนายวิศวกรฝรั่งนั่นทุกที ทั้งป๊าทั้งม๊าลมจะใส่ทุกครั้งที่เห็น แต่ว่าก็ว่าเถอะ...เรื่องความรักมันห้ามกันได้เสียที่ไหน คนเราจะรักกัน จะต่างชาติต่างภาษาหรือเพศไหนๆก็รักกันได้ทั้งนั่นล่ะ!” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดราวกับเข้าอกเข้าใจเรื่องความรักเป็นอย่างดี ทั้งๆที่ยังไม่มีคนคบหาฉันคนรักเสียด้วยซ้ำ



   “แล้วน้องชายของนายวินิตเหมือนพี่อาทิตย์หรือ คุณพงศ์ถึงว่าพี่อาทิตย์จะเป็นอย่างน้องนายวินิต” จันทร์จ้าวถามอย่างไม่เอาจริงเอาจังนัก ถึงแม้เขาจะไปร่ำเรียนถึงอเมริกา แต่สังคมอเมริกันก็ไม่ได้เปิดเผยสำหรับความรักประเภทนี้ จันทร์จ้าวจำไม่ได้ ว่ายามเขาอยู่ที่นั่นได้คบหาเพื่อนคนใดที่มีความรักกับเพศเดียวกันหรือไม่ บางทีอาจจะมี...แต่เขาสนใจแต่ผู้หญิง ส่วนผู้ชายที่คบหากันฉันเพื่อน เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องชีวิตหรือความรักของเพื่อนผู้ชายเหล่านั้นเสียเท่าไร



   “ก็...ไม่เชิง...กันเคยเจอน้องชายนายวินิตหนสองหน เขาก็ดูเหมือนผู้ชายอย่างเราๆนี่ล่ะ ก็ยังตีเทนนิสด้วยกันอยู่เลย แต่แค่ไม่มีเรื่องคบหากับผู้หญิงเท่านั้นเอง”



   “หืม...ถ้าอย่างนั้น คุณพงศ์ก็ควรจะเล็งหมอภวัตเอาไว้ด้วย รายนั้นก็ไม่มีเรื่องคบหากับผู้หญิงไม่ใช่หรือ” จันทร์จ้าวย้อน ยิ่งคิดถึงเรื่องที่คุณชายฉัตรเอ่ยว่าชวนครอบครัวนั้นมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเขา ก็ยิ่งนึกเคือง



   “ฮึ้ย! พูดไป!! คุณหมอเธอน่ะงานยุ่งออกจะตาย จะมีเวลาไปคบหาใครได้อย่างไรล่ะ!” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรแก้ต่างแทน คนฟังถึงกับทำเสียงขึ้นจมูกอย่างนึกขวาง พอเห็นเพื่อนรักดูท่าจะเคืองขุ่นคุณหมอหนุ่ม ราชนิกูลแห่งวังฉัตรจึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม



   “แกก็เถอะ...จันทร์ ก่อนหน้านี้ก็เห็นยังดีๆกับคุณหมออยู่เลย แล้ววันนี้องค์อะไรลงเสียล่ะ ถึงไปพูดกับคุณหมอเขาแบบนั้น”



   “คุณพงศ์เข้าข้างหมอมากกว่าผมหรือ?!” จันทร์จ้าวไม่ตอบแต่ย้อนถามเสียงแข็ง ดวงตากลมใหญ่จับจ้องอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น ทำเอาคนถูกจ้องต้องรีบยกมือขึ้นเหนือไหล่ทั้งสองข้าง



   “กันไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่เอาหน่า จันทร์...แกก็รู้ว่าเมื่อกี้ พูดจาไม่ดีกับคุณหมอ...”



   “ผมไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องพูดจาดีกับทุกคนเสมอภาคกัน” พอเจอคำพูดเอาแต่ใจอย่างนี้ หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ได้แต่ถอนหายใจ



   “แล้ววันเสาร์หน้าจะทำอย่างไร คุณพ่อเชิญคุณหมอมาด้วย แกก็จะพูดจาอย่างนี้กับเขาหรือ” คำถามของเขาทำเอาจันทร์จ้าวได้แต่นิ่ง ดวงตากลมใหญ่ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ไกลจากตัวตึกคือคุณชายฉัตรที่กำลังเดินอยู่ในสวนที่ร่มไปด้วยเงาของแมกไม้นานาพันธุ์ คล้อยหลังคุณชายเล็กน้อยคือพี่ชายของเขา



   ...ระหว่างพี่ชายของเขาที่เป็นนายทหารผู้เอาจริงเอาจัง กับน้องชายของหมอภวัตที่เขาได้ยินมาว่าเจ้าสำราญไม่น้อยไปกว่าเขา ดูอย่างไรแล้วอาทิตย์ก็คู่ควรกับหม่อมหลวงพิมพัชราเป็นไหนๆ...ติดอยู่อย่างเดียว คือสตรีผู้นั้นมีใจให้ใคร...



   “คุณพงศ์ทำใจให้สบาย ถ้าเขาไม่พูดกับผมก่อน ผมก็ไม่พูดกับเขาหรอก วันเสาร์หน้า ผมมีเรื่องต้องทำ ไม่มีเวลาสนใจใครทั้งนั้น...”



   “มีเรื่องต้องทำ?...” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรทวนคำอย่างไม่วางใจ แต่จันทร์จ้าวกลับไม่สนใจจะตอบ เขามองซ้ายมองขวาแล้วเอ่ยปากถามถึงเจ้านายผู้หญิงเพียงคนเดียวของวังฉัตร



   “แล้วนี่คุณพิมไปไหนเสียล่ะ...”



   “คงอยู่ในโรงครัว แกจะเจอหรือ ฉันจะให้นายคำไปเรียกมาให้” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรตั้งท่าจะลุกออกจากห้องไปสั่งคนรับใช้ แต่จันทร์จ้าวคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน



   “ผมไปหาเอง มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพิมเสียหน่อย คุณพงศ์อยู่เฉยๆรอตรงนี้” เขาสั่งเจ้าบ้านอย่างนั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินหายออกจากห้องไปบอกคนรับใช้ให้พาตนไปพบหม่อมหลวงพิมพัชรา



   คนถูกทิ้งไว้ในห้องได้แต่มองตามหลังเพื่อนรักอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ขืนขัดใจจันทร์จ้าว มีหวังคงถูกโกรธอีกรอบ



......................................



   ครัวทางด้านหลังตึกค่อนข้างจะเงียบสงบ อยู่ท่ามกลางแมกไม้ วังฉัตรมีต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งหมดล้วนได้รับการดูแลอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่ทางด้านหลังนี้ ภายในโรงครัวที่ตีฝาด้วยไม้แผ่นห่างๆเพื่อให้ระบายอากาศนั้น แค่มองจากข้างนอก ก็เห็นว่าภายในโรงครัว มีผู้คนวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหาร หนึ่งในคนเหล่านั้นคือสตรีผู้เป็นนายเพียงคนเดียวของวังฉัตร



   ...หม่อมหลวงพิมพัชรา...



   จันทร์จ้าวก้าวเท้าเดินไปที่ประตูครัว แล้วส่งเสียงทักทาย



   “กำลังยุ่งหรือครับ คุณพิม...” เสียงทักนั้นทำเอาเจ้าของชื่อหันมอง เธอส่งยิ้มแล้วหยิบผ้ามาเช็ดมือก่อนจะยกมือไหว้จันทร์จ้าวผู้เป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย



   “ไม่หรอกค่ะ ทำไมมาถึงนี่ล่ะคะ ให้คนมาเรียกพิมก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเดินมา” ชายหนุ่มยิ้มจางเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้ายเมื่อหญิงสาวเดินออกจากโรงครัวมาหาเขา



   “surprise อย่างไรล่ะครับ” ราชนิกูลสาวหัวเราะเบา



   “ไม่เห็นจะเซอร์ไพรส์เลยค่ะ พิมทราบอยู่แล้วว่าคุณจันทร์มา เมื่อครู่นี้พบคุณอาทิตย์...” แล้วพอหลุดปากว่าเจออาทิตย์ หญิงสาวก็ดูเหมือนจะเงียบไป จันทร์จ้าวลอบสังเกตอยู่แล้ว ดวงหน้าหวานของสตรีผู้เป็นทายาทวังฉัตรออกจะขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อพูดถึงพี่ชายของเขา



   ...ประสบการณ์ชีวิตที่คบหาผู้หญิงมามากมายบอกเขาว่าหญิงสาวเบื้องหน้า ‘รู้สึก’ กับพี่ชายของเขาแตกต่างจากที่ ‘รู้สึก’ กับเขา...



   แม้จะเดาความรู้สึกของหญิงสาวจากอากัปกิริยาของเธอได้ แต่เขาก็ไม่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น



   “แหม พี่อาทิตย์เล่าหรือครับว่าผมมาด้วย”



   “เอ่อ...ก็...พิมถามเธอ เห็นว่าปกติเธอไม่ค่อยจะมาที่นี่คนเดียว ก็เลยสงสัยที่เห็นเธอมา อ้อ...เธอเอาผลไม้มาให้กระจาดใหญ่เชียวค่ะ เห็นว่าเป็นผลไม้จากสวนที่บ้านหรือคะ”



   “ครับ รับรองว่ารสชาติดีเยี่ยมทุกอย่าง พี่อาทิตย์แกปลูกของแกเอง ดูแล รดน้ำพรวนดิน วันหยุดเสาร์อาทิตย์หิ้วจอบหิ้วเสียมหายเข้าไปในสวนเป็นครึ่งวันแน่ะครับ นี่ก็เป็นคนเสนอด้วยซ้ำว่าให้นำผลไม้มาฝากที่นี่ ไม่รู้ติดใจอะไรคนที่นี่นะครับ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเสนอให้เอาอะไรไปให้ใคร แกอยู่ของแกเงียบๆ สันโดษออกจะตายไป” แม้หญิงสาวจะพยายามชวนคุยเรื่องผลไม้ แต่จันทร์จ้าวก็ยังดึงกลับมาที่เรื่องของอาทิตย์ได้เช่นเดิม



   หม่อมหลวงพิมพัชราได้แต่รับฟังเงียบๆ เพราะไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใด ในใจของหล่อนมีแต่เรื่องของเขา อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร เขาใช้ชีวิตอย่างไร ที่สำคัญ...เขามีคนรักแล้วหรือยัง แต่...ครั้นจะถามจากเขา หล่อนก็กลัวว่าเขาจะคิดว่าหล่อนช่างเป็นผู้หญิงหน้าไม่อาย แต่ครั้นจะไม่ถาม หล่อนก็กลัวว่าตนเองจะถลำลึกไปกับความรู้สึกทั้งหลายมากกว่านี้



   จันทร์จ้าวมองเห็นท่าทีอึดอัดใจของหญิงสาว สองมือเล็กที่บีบกระชับเข้าหากันบอกให้เขารู้ว่าหม่อมหลวงพิมพัชรามีเรื่องอยากจะพูดมากมาย ทว่าไม่กล้าเอื้อนเอ่ย ด้วยเพราะสตรีราชนิกูล แม้จะไม่ถูกกรอบจารีตประเพณีบังคับเท่าราชวงศ์ แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ตามใจชอบดังเช่นหญิงอื่น



   “จริงสิ พูดถึงพี่อาทิตย์ ผมก็มีเรื่องอยากจะขอความกรุณาจากคุณพิมอยู่สักหน่อย” เขาเอ่ยปาก ทำเอาหญิงสาวเงยหน้ามองโดยพลัน จันทร์จ้าวทำหน้าสลดให้เห็นคาตาจนราชนิกูลสาวใจคอไม่ดี



   “คุณจันทร์มีอะไรให้พิมช่วยหรือคะ”



   “คุณพิมรู้จักคุณวินิต เพื่อนคุณพงศ์ไหม”



   “คุณวินิต...ที่เป็นเจ้าของโฮเต็ลในเยาวราชใช่ไหมคะ” จันทร์จ้าวนิ่งไปเล็กน้อย เพราะกับนายวินิต เขาก็เพียงตีเทนนิสด้วยกันเท่านั้น พบกันทีไรก็เป็นที่สโมสรทุกที จึงไม่รู้ว่านายวินิตทำมาหากินอะไร



   “คนที่มีน้องชายย้ายไปอยู่ฮ่องกงน่ะ”



   “อ้อ...รู้จักค่ะ คุณวินิตมีน้องสาวคนหนึ่งชื่อวิชุดา เป็นเด็กนักเรียนในห้องของพิม คุณวรินทร์ น้องชายคุณวินิตมารับออกบ่อยไป แต่เห็นวิชุดาบอกว่าพี่ชายของแกย้ายไปทำงานที่ฮ่องกงเสียแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก แล้วขยับเข้าใกล้เพื่อพูดเสียงเบาให้พอได้ยินกัน ๒ คน



   “ถ้าอย่างนั้นคุณพิมทราบใช่ไหม ว่าเขาย้ายไปฮ่องกง ไม่ใช่แค่ไปทำงานเท่านั้น”



   “เอ๊ะ...ไม่ใช่แค่ทำงานหรือคะ...” หญิงสาวย้อนถามอย่างนั้น ก็พอจะบอกจันทร์จ้าวให้รู้ว่าหล่อนไม่ทราบเรื่องที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเล่าให้เขาฟัง



   “ครับ...เรื่องนี้คุณพิมทราบแล้วอย่างบอกใครเชียว กับคุณพงศ์ก็ห้าม ผมได้ยินมาว่าน้องชายของนายวินิตตรอมใจเพราะมีความรักที่ไม่ควรรัก ก็เลยหนีไปอยู่ฮ่องกงเสียเลย นี่ก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร” เขาพูดพลางทำหน้าเศร้าประหนึ่งเป็นเรื่องรันทดยิ่งนัก ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้รู้จักกับน้องชายของนายวินิตเป็นการส่วนตัว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเศร้าใจราวกับเป็นคนในครอบครัวเช่นนี้ หนำซ้ำเรื่องที่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ทราบ นั่นก็โกหก เพราะเมื่อครู่นี้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรบอกเขาว่านายวินิตพูดว่าน้องชายไปอยู่ฮ่องกงอย่างมีความสุขดี



เรื่องตลบแตลงแสดงละครแนบเนียนต้องยกให้จันทร์จ้าว หากยังอยู่ในอเมริกา คงมีคนแนะนำให้ไปฮอลลีวู้เป็นแน่แท้



   “ตายจริง! อย่างนั้นหรือคะ โธ่...น่าสงสารคุณวรินทร์...” ทว่าสำหรับหม่อมหลวงพิมพัชรานั้น เพราะคุ้นเคยกับ ‘น้องชายของนายวินิต’ อยู่บ้าง จึงอดไม่ได้ที่จะใจหายเมื่อทราบว่าเขา ‘ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร’



   “นั่นซีครับ แต่ผมได้ยินข่าวเรื่องน้องชายนายวินิตแล้วก็คิดถึงพี่ชายผม รายนั้นวันๆก็แทบไม่พูดกับใคร บางครั้งก็เอาแต่มองเดือนมองดาว สงสัยจะไปรักใครที่เขาสูงส่งกว่ากระมัง” ประโยคท้ายของชายหนุ่ม ทำเอาคนฟังใจหายวูบ



   “คุณอาทิตย์...มีคนรักแล้วหรือคะ” จันทร์จ้าวรีบโบกมือไปมาเป็นการปฏิเสธ



   “ต้องบอกว่ารักข้างเดียวมากกว่าครับ คุณพิมพอจะสังเกตบ้างไหม ว่าพี่อาทิตย์แกให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนบ้าง”



   “เรื่องนั้นพิมไม่ทราบหรอกค่ะ...” หม่อมหลวงพิมพัชราพูดด้วยใจพะว้าพะวง นึกห่วงใยอาทิตย์ เกรงว่าหากเขาแอบรักใครข้างเดียวจริงแล้วเกิดตรอมใจอย่างเช่นคุณวรินทร์ที่หนีไปอยู่ฮ่องกง หล่อนก็คงจะไม่ได้พบหน้าเขาอีก



   “ว้า แย่จริง...นี่ผมก็นึกว่าผู้หญิงเขาจะมองออกว่าผู้ชาย treat ใครเป็นพิเศษเสียอีก...แต่เอาเถอะ อย่างไรแล้วผมก็ขอความกรุณาคุณพิมด้วยแล้วกัน หากคุณพิมพอจะทราบว่าผู้หญิงที่พี่อาทิตย์มีใจให้คือใครก็ช่วยไปบอกเธอทีว่ารับรักพี่ชายของผมหน่อย หรือหากคุณพิมรู้เห็นเรื่องหัวใจของพี่อาทิตย์แต่ประการใด ก็ช่วยดูแลพี่ชายของผมด้วย ผมล่ะหวั่นใจแกจะประชดรักแบบน้องชายนายวินิตเข้า ไม่ใช่วันดีคืนดีตรอมใจขอไปเป็นแนวหน้าในสงคราม คุณแม่จะลมจับเสียเปล่า” จันทร์จ้าวพูดราวกับห่วงใยพี่ชายเหลือประมาณ ก่อนจะยอมเปลี่ยนเรื่องไปชวนคุยเรื่องอื่น แม้จะจับสังเกตได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่มีกระจิตกระใจพูดคุยเรื่องใดกับเขาอีกเลยก็ตามที



   ชายหนุ่มได้แต่นึกกระหยิ่มในใจ



   ...เขารับประกัน ว่าในไม่ช้าพี่ชายของเขาต้องสมหวัง...



   .....................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 19:47:40 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

ภวัตไม่สบายใจเอาเสียเลย กับอากัปกิริยาและสายตาที่จันทร์จ้าวกระทำต่อเขาที่วังฉัตร ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ พวกเขายังพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไปตีเทนนิสด้วยกัน ไปรับประทานอาหารด้วยกัน ไปทำบุญด้วยกัน เขาเชื่อว่าจันทร์จ้าวและเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้ว แต่ทำไมวันนี้...ทุกอย่างถึงกลับกลายไปเป็นเหมือนครั้งแรกที่พบหน้ากันเสียได้



   ความไม่สบายใจทำให้เขาไม่อาจทนอยู่เฉยได้ แม้จะกลับเข้าบ้านแล้ว แต่ในช่วงค่ำ เขาก็ยังขับรถออกมาอีกหน



   รถยนต์ของนายแพทย์หนุ่มจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กสีเขียวอ่อน จากประตูรั้วถึงตัวบ้านไม่ห่างกันมากนัก เขามองเห็นแสงไฟส่องลอดออกมาจากทางหน้าต่าง อึดใจหนึ่งเขาเห็นม่านหน้าต่างถูกเลิ่กขึ้นเล็กน้อย ดวงหน้าขาวโผล่ออกมาดูแล้วก็ทิ้งม่านลงตามเดิม ภวัตกำลังจะใจชื้นเพราะคิดเอาว่าเจ้าของบ้านที่เคยต้อนรับเขาอย่างดีจะออกมาต้อนรับอย่างเคย ทว่า...สิ่งที่เขาเห็นกลับกลายเป็นบ้านทั้งหลังปิดไฟเงียบในชั่วพริบตา



   ...หมายความว่าอย่างไร...เห็นเขามาแล้วทำเป็นปิดไฟอย่างนั้นหรือ...



   ภวัตไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เขาทำอะไรให้โกรธเคืองถึงขนาดปิดไฟไล่เขาแบบนี้ ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวพักใหญ่ๆบ้านที่มืดทั้งหลังก็เปิดประตูออกมา ชายหนุ่มเงยหน้ามองทันที



   เขามองเห็นร่างสูงโปร่งที่เปิดประตูออกมาจากบ้านมืดๆ ก้าวเท้าลงบันไดมาหยุดที่ประตูรั้ว ไฟจากเสาไฟริมถนนให้ความสว่างมากพอที่จะทำให้ภวัตเห็นว่าสีหน้าของเจ้าของบ้านมีแต่แววเคืองขุ่น



   “กลัวยุงบ้านนี้อดอยากรึ?!! ถึงยังไม่กลับไปซะที!!!” จันทร์จ้าวถามเสียงห้วน ดวงตากลมใหญ่จับจ้องคนที่ยืนอนู่อีกฝั่งของรั้วเตี้ยอย่าวแค้นเคือง



   “คุณโกรธผมอยู่หรือ คุณจันทร์” ภวัตถามไปอีกเรื่อง แต่เป็นเรื่องที่คาใจเขาที่สุด จันทร์จ้าวแค่นยิ้ม



   “ถ้าผมไม่โกรธคุณ ผมคงเชิญคุณเข้าบ้านนานแล้ว” ตอนที่ดับไฟไล่ส่งแขกที่มายืนเกาะขอบรั้วเมื่อครู่ จันทร์จ้าวรู้สึกเหมือนไม่ใช่นิสัยของเขาเสียเลย ถึงเขาจะทำอะไรลับลมคมนัย แต่เรื่องไล่คนอื่นตรงๆ เป็นเรื่องที่เขาถนัดเป็นที่สุด โดยเฉพาะการไล่ ‘หมอภวัต’ พอคิดได้ดังนั้น เจ้าบ้านผู้นี้จึงเปิดประตูออกมาไล่ถึงรั้ว



   “คุณโกรธผมเรื่องอะไร” ภวัตถามอย่างเคร่งเครียดและเป็นกังวล



   “หมอไปที่วังฉัตรทำไมบ่อยๆ”



   “ผมเป็นหมอประจำตัวคุณชาย ผมก็ต้อง...” ร่างสูงพูดไม่ทันจบ จันทร์จ้าวก็แทรกอย่างหงุดหงิด



   “หมออย่าแกล้งโง่! ผมไม่ได้สนใจว่าหมอจะเป็นอะไร! ที่ผมสนใจคือหมอไปที่นั่นเพื่อจุดประสงค์อะไร?!! แค่ตรวจคุณชายหรือ?! หึ! หมอใช้สมองอยู่รึเปล่า ถึงคิดจะมาหลอกคนอย่างผม?!!” ภวัตยังไม่เข้าใจในคำพูดของคนที่อยู่อีกฟากฝั่งรั้ว



   “คุณหมายความว่าอย่างไร คุณจันทร์”



   “หมอไปที่นั่นเพราะคุณพิมใช่ไหม?!” คำถามตรงไปตรงมาของจันทร์จ้าวทำเอานายแพทย์หนุ่มถึงกับเงียบกริบ ดวงตาคมจับจ้องคนถามด้วยความตกตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าจะถูกถามเช่นนี้ และความเงียบของภวัตก็ทำให้จันทร์จ้าวย้ำ



   “หมอไปเพราะคุณพิมจริงๆ...” ร่างโปร่งทิ้งไว้แค่ประโยคนี้ก็หมุนตัวจะเดินกลับขึ้นบ้านทันที



   “แต่ผมไม่ได้รักคุณพิม!” ภวัตโพลงออกไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องรีบบอกความรู้สึกของตนเองมากถึงเพียงนี้ บางทีอาจจะเพราะไม่อยากให้จันทร์จ้าวเข้าใจผิด ดวงหน้าขาวหันกลับมามองคนพูด ดวงตากลมไม่ได้สื่อความหมายใด ความมืดสลัวยามค่ำยิ่งทำให้ภวัตมองแทบไม่ออกว่าอีกฝ่ายหันกลับมามองเขาด้วยความรู้สึกแบบใด



   “ถ้าอย่างนั้นยกให้ผม...” ภวัตชะงักไปชั่วอึดใจ เจ้าของคำพูดนั้นเดินกลับมาที่รั้วอีกครั้ง ดวงหน้าขาวถูกแสงจากเสาไฟริมถนนสาดส่องให้ร่างสูงได้เห็นความถือดีที่ปรากฏอยู่บนนั้น



   “ยกคุณพิมให้ผม!!” จันทร์จ้าวตวาดย้ำอย่างที่ทำเอาคนฟังใจหายวาบด้วยคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดประโยคนี้จากปากของอีกฝ่าย เขามองดวงหน้าขาวที่อยู่เบื้องหน้า รู้สึกเหมือนหัวใจร้าวราญจนแทบหายใจไม่ออก ความรู้สึกในเวลานี้ของภวัตไม่ได้เกี่ยวข้องกับหม่อมหลวงพิมพัชราผู้ที่น้องชายของเขาหมายตา แต่เขารู้ดีว่ามันเกิดขึ้นเพราะคำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว



   ‘ยกคุณพิมให้ผม!!’



...จันทร์จ้าวต้องการหม่อมหลวงพิมพัชรา จันทร์จ้าวชอบพอหม่อมหลวงพิมพัชรา...ภวัตไม่ทราบว่าเหตุใดเขาจึงเจ็บปวดกับความคิดนี้ถึงเพียงนี้ แค่เพราะคนที่จันทร์จ้าวต้องการคือราชนิกูลสาวผู้นั้น แค่เพราะคนที่จันทร์จ้าวต้องการคือสตรีผู้เพียบพร้อม
 


   “ผมไม่มีความสามารถจะยกคุณพิมให้คุณ...” ภวัตตอบด้วยน้ำเสียงแหบแผ่ว ราวกับต้องการให้ประโยคนี้ของเขาช่วยยื้อเวลาไม่ให้จันทร์จ้าวได้ครอบครองสตรีผู้นั้น แม้ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่มีอิทธิฤทธิ์ใดๆที่จะยกใครให้แก่ใคร หรือยื้อใครไม่ให้ไปอยู่กับใครได้ก็ตามที



   “หมอ!!!” จันทร์จ้าวตวาดลั่นด้วยความโกรธ เพราะคำพูดของนายแพทย์หนุ่มไม่ต่างอะไรกับคำปฏิเสธ และสำหรับเขา การที่หมอภวัตปฏิเสธก็มีเพียงเหตุผลเดียวคือต้องการเก็บหม่อมหลวงพิมพัชราไว้ให้นายเภา วิชาญโยธิน



   “...คุณพิมไม่ใช่สิ่งของที่ผมหรือใครจะมายกให้คนอื่น” เป็นการปฏิเสธที่ตีแสกหน้าจันทร์จ้าวได้อยู่หมัด แต่คนอย่างจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์ผู้ดื้อดึง ไม่มีวันยอมหยุดเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียว



   “ถ้าอย่างนั้นหมอก็เก็บเอาไว้ให้ดีแล้วกัน!! เพราะผมจะแย่งคุณพิมมาจากหมอเอง!!!” 



สุ่มเสียงจริงจังและดวงตาจ้องเขม็งของคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรั้วบอกให้ภวัตรับรู้ว่าจันทร์จ้าวจะไม่มีวันยอมถอยให้กับเรื่องหม่อมหลวงพิมพัชรา ราชนิกูลผู้เป็นที่หมายตาของเภา วิชาญโยธินน้องชายของเขา และเป็นสตรีที่จันทร์จ้าวต้องการ



พอคิดอย่างนี้แล้ว ภวัตก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งเขาและจันทร์จ้าวไม่ได้ถูกขวางด้วยรั้วเตี้ยอีกต่อไปแล้ว แต่ระหว่างพวกเขาคือระยะห่างที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจขยับเข้ามาใกล้ชิดกันได้อีกเลย



ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

เป็นตอนที่ยาวมากกกกก จะตัดแบ่งไปโปะตอนหน้า ก็มันจะไม่ต่อเนื่อง เลยเอาลงทั้งยาวๆอย่างงี้แล้วกัน แบ่งๆอ่านวันละ 5 บรรทัด 10 บรรทัดเนอะ แฮ่ๆ
วันนี้ปวดไมเกรนมากเลย อ่านทวนคำผิดแล้ว แต่คิดว่ามันคงจะเหลือๆอยู่บ้าง ขอโทษด้วยนะคะ
ส่วนคำถามในตอนที่แล้ว ว่า 4 พี่น้องนี้ได้ใครคู่ใคร ตอนนี้ขอยังไม่เฉลย เดี๋ยวจะได้เฉลยจริงๆประมาณตอนที่ 17-18 มั้ง ฮ่าฮ่า (บอกแล้วว่าเรื่องนี้ยาวมากๆ ลงทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละตอน ประมาณว่าปีหน้าถึงจะจบ)
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า ขอบอกว่าพ่อจันทร์พยศมากกกกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)



ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
อูยย
พูดจากำกวมกันอย่างนี้ก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่น่ะสิ
สงสารคุณหมอเลยอะ จันทร์หนอจันทร์ช่างทำกันได้

ขอบคุณพี่บัวมากนะคะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
พ่อจันทร์พูดกำกวม ดูสิ คุณหมอเข้าใจผิดเลย มาง้อเลยนะ

ออฟไลน์ BooBiE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เราว่าตอนนี้จันทร์จ้าว ดูเป็นคนไม่มีเหตุผลเลยนะ สงสารหมอภวัตเลย  :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ความสัมพันธ์กำลังดีอยู่แล้วเชียว เป็นเรื่องอีกจนได้

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
น่าสงสารหมอจังเลย จะมีเมีย พยศ ดุ เอาแต่ใจ ขี้โมโห กรรม

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ไร้เหตุผลสุดๆ

สงสารคุณหมอ

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่น้าาาาาาา เข้าใจกันไปคนละทิศแล้ว  :ling1:

กำลังหวานแล้วเชียว สงสารหมอจังเลย :o12:

คุณจันทร์ก็บอกไปสิว่าจะเอาคุณพิมมาเป็นพี่สะใภ้หน่ะ ทำไมดื้อออออ

ยาวกว่านี้เราก็อ่านไหวนะ จบตอนแบบนี้เราหน่วงหัวใจมากๆ เจ็บปวดเป็นเพื่อนหมอกันเลยทีเดียว :monkeysad: :monkeysad:

ไม่เอามาม่าได้ไหมเราอยากได้ลุกอมลูกกวาดแบบหวานๆแทน :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด