...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 742528 ครั้ง)

ออฟไลน์ AiiSoul

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สนุกมากเลย
คู่อาทิตย์กับคุณพิมก็ดูจะชอบพอกัน
เหลือคู่พระนายของเรานี่แหละ เข้าใจผิดไปมา
จะมีแต่คุณหมอที่ดูสนุกเวลาได้แกล้งน้อง

อยากอ่านต่อแล้วจ้า

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
รอตอนหน้า บอกเลย คริๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
พ่อสื่อทำงานจริงจังมาก เริ่มกรุยทางไว้แล้วนะ แต่ดูท่าจะมีคู่แข่งอีกคนละ
งั้นน้องคุณหมอมาดองบ้านจันทร์อีกคู่ดีมั้ย
จะได้แนบแน่นอีกชั้น 5555

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
อยากให้น้องจันทร์ปะทะคุณหมอโดยไว คุคุคุคุ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
#ทีมคุณหมอ ค่ะ
55555555555555555

ปราบเด็กดื้อให้อยู่หมัดเลยนะคะคุณหมอ
หมั่นไส้พ่อจันทร์เหลือเกินค่ะ (ด้วยความเอ็นดูล้วนๆ ก๊ากกกกก)

ตอนหน้าเจอกันครบทีมแล้ว ต้องสนุกมากแน่ๆ

ปล.เราชอบคู่ของพี่อาทิตย์กับคุณพิมพ์จังเลยค่ะ ดูมุ้งมิ้ง เรียบง่าย มาเบาๆ แต่ทำไมรู้สึกฟินไปแล้ว 5555  :-[

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คราวหน้าขอให้หมอกับจันทร์เจอกันนานกว่านี้หน่อยนะ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
สงสัยว่าทั้งคุณหมอและคุณจันทร์จะทำหน้าที่พ่อสื่อกันทั้งคู่
แหม่... ไม่รู้ว่าถ้ามโนของป้าเป็นจริง จะสนุกเพียงไหน

ได้อารมณ์ ปริศนา รัตนาวดี ลามมาถึงห้าหนุ่มจุฑาเทพเสียจริงๆ
รออ่านตอนคุณหมอเจอหน้าคุณจันทร์นะคะ
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
คุณจันทร์นี่พยศจริงเชียว ต้องให้คุณหมอปราบ

ออฟไลน์ MinKKniM

  • 난 널 사랑해 동해
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
ไม่รู้เป็นไร ชอบยุคนี้มากค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนยุคปริศนา ท่านชายพจน์ ตีเทนนิส เต้นรำ โอ้ยยย...ฟิน

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๕


   แม้คุณหญิงผกาจะอยากให้บุตรธิดาทั้ง ๔ อยู่ที่เรือนในช่วงเสาร์อาทิตย์ แต่พอจันทร์จ้าวมาขอพาพี่น้องไปเที่ยวที่วังฉัตรตามคำชวนของหม่อมหลวงพงศ์ภราธร คุณหญิงผู้รักบุตรชายคนรองดังแก้วตาดวงใจก็อนุญาตอย่างไม่เกี่ยงงอน สายวันอาทิตย์ถัดมา อาทิตย์จึงพารถโฟล์คสีดำของเขาและผู้โดยสารเป็นน้องชายและน้องสาวอีก ๓ คนออกจากบ้านรักษพิพัฒน์ไปยังวังฉัตร



   ตอนที่ไปถึงที่หน้าตึก ทั้งหม่อมหลวงพงศ์ภราธรและหม่อมหลวงพิมพัชรามายืนรอต้อนรับแขกอยู่ก่อนแล้ว



   “ฮัลโล คุณพงศ์ ไหนล่ะคู่ตีเทนนิสที่ว่า...” จันทร์จ้าวออกปากเป็นคนแรก และแน่นอนว่าเจ้าตัวต้องสอดส่ายสายตามองหาบุคคลปริศนาที่ราชนิกูลหนุ่มเคยสรรเสริญเยินยอเอาไว้ว่าเป็นคู่ตีเทนนิสที่เยี่ยมยอด



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหัวเราะเบาๆ ทว่าไม่ทันตอบอะไร รถอีกคันก็แล่นเข้ามาในวัง



   “ตายยากจริง มาแล้วนั่นไง” เขาว่าอย่างนั้นแล้วบุ้ยใบ้ไปที่รถอีกคันที่แล่นมาจอดต่อหลังรถโฟล์คของอาทิตย์ จันทร์จ้าวหันไปมองอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่แสงแดดที่สาดกระทบกับกระจกหน้ารถทำให้เขามองไม่เห็นว่าคนในรถคือใคร ดังนั้นชายหนุ่มจึงอดใจรออย่างใจจดใจจ่อ ประตูรถฝั่งที่นั่งคู่คนขับถูกเปิดออก



   “คุณเภา! นี่คุณพงศ์ชวนคุณเภามาด้วยหรือคะ” นภาสรวงร้องเรียกชื่อเจ้าของบริษัทที่หล่อนทำงานอยู่ ก่อนจะหันไปถามทายาทเจ้าของวัง จันทร์จ้าวชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมองน้องสาวของตน



   “นภารู้จักด้วยหรือ...”



   “รู้จักสิคะ ก็นั่นคุณเภา เจ้านายของนภาอย่างไรล่ะคะ”



   “เจ้านาย...” เขาทวนคำ กำลังประมวลลำดับญาติในสมองอย่างเร่งด่วน นภาสรวงเคยบอกเขาว่าเจ้านายของเธอเป็นน้องชายของ ‘หมอ’ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...



   “สวัสดีครับ ทุกคน” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อประตูฝั่งคนขับเปิดออก และชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวลงมา จันทร์จ้าวหันขวับไปมองโดยพลันแล้วก็ถึงกับตาเหลือกโตด้วยไม่คิดว่าจะคนที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรนัดมาตีเทนนิสในวันนี้จะเป็นชายผู้นี้



   ...ภวัต วิชาญโยธิน!!!...



   “คุณพงศ์! ที่ว่าคนที่ตีเทนนิส...” จันทร์จ้าวถามไม่ทันจบคำดี เพื่อนรักก็พูดแทรก



   “นี่ล่ะที่กันว่าเป็นคนที่ตีเทนนิสสนุกที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา คุณหมอ คุณเภา ยินดีต้อนรับครับ พวกเรากำลังรออยู่พอดี” ว่าแล้วราชนิกูลหนุ่มก็เข้าไปเชื้อเชิญแขกทั้งคู่ อาทิตย์เองก็เข้าไปทักทายกับภวัตและเภาอย่างคนรู้จักคุ้นเคย ส่วนสาวๆ ๓ คนก็เอาแต่พูดคุยกันกระจุกกระจิกเกี่ยวกับขนมที่จะลองทำในวันนี้ เหลือเพียงจันทร์จ้าวคนเดียวที่ไม่มีพวกจะเข้า!



   “คุณหมอ นี่เพื่อนผม คนที่ว่าตีเทนนิสเก่ง เป็นมือหนึ่งของประเทศไทย จันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์ครับ” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันมาแนะนำจันทร์จ้าวให้คุณหมอหนุ่มรู้จัก ดารารัษมีที่ยืนอยู่ใกล้ๆต้องรีบแจ้งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะมารยาทของจันทร์จ้าวยามพบหน้าหมอภวัตครั้งแรกยังตราตรึง



   “คุณพงศ์คะ คุณหมอกับพี่จันทร์เขารู้จักกันแล้วค่ะ” หล่อนไม่กล้าเอื้อนเอ่ยว่าการรู้จักของ ๒ คนนั้นออกมาในรูปแบบใด ทว่าหม่อมหลวงพงศ์ภราธรกลับมองว่าการรู้จักกันมาแล้วเป็นเรื่องน่ายินดี



   “อ้าว อย่างนั้นหรือครับ งั้นก็ดีซี! มีแต่คนกันเองอย่างนี้ วันนี้คงสนุกแน่” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนเข้าไปในตึกเพื่อไปไหว้บิดาของตนก่อน ทุกคนก้าวเท้าเดินตามเขา รั้งท้ายสุดด้วยภวัตและจันทร์จ้าวที่ฝ่ายหนึ่งจ้องมองอย่างขุ่นเคืองในขณะที่อีกฝ่ายจ้องมองด้วยดวงตาระยิบระยับราวกับกำลังสนุก



   “วันนี้คุณพงศ์เป็นคนชวนผมมา หวังว่าคุณจะไม่ไล่ผมออกจากที่นี่นะครับ” เจ้าของรอยยิ้มจางบนใบหน้าว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินตามเข้าไปในตึกอีกคน ทิ้งจันทร์จ้าวให้มองตามด้วยความขุ่นเคืองแล้วพานเป็นขุ่นเพื่อนรัก



   ...บอกอยู่แหม่บๆว่าจะแนะนำทหารให้มาเป็นเขย! แล้วเรื่องอะไรถึงพาหมอมาที่วังเล่า!! คุณพงศ์นี่พูดจาไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย!!...


   
…………………………………………..


   สนามเทนนิสในวังฉัตรอยู่ทางด้านหลังของตึก ต้องเดินลัดเลาะหมู่แมกไม้ไปพักหนึ่งจึงจะถึง เดิมทีไม่ค่อยจะมีคนใช้เสียเท่าไร เพราะหม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้ชื่นชอบการตีเทนนิสมักจะไปตีที่สโมสรมากกว่า แต่วันนี้สนามจำเป็นต้องต้อนรับผองเพื่อนที่มาตีเทนนิสรวมคุณพงศ์เป็น ๕ คน



   “คนเกิน!! ผมขอเป็นคนนั่งดู!!”



จันทร์จ้าวออกตัวตั้งแต่เดินมาถึงสนาม แล้วพอพูดอย่างนั้น เขาก็เดินดุ่มๆไปนั่งรอที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ข้างสนาม ส่วน ๓ สาวจะตามมาทีหลังเพราะแวะเข้าครัวทำของว่าง



   ชายหนุ่มอีก ๔ คนได้แต่มองหน้ากัน โดยเฉพาะหม่อมหลวงพงศ์ภราธรออกจะรู้สึกเสียหน้าเป็นพิเศษ เนื่องจากโอ้อวดกับคุณหมอไว้เสียเยอะตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าจันทร์จ้าวเพื่อนของตนเป็นนักเทนนิสมือหนึ่งของเมืองไทย



   เขารีบเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่นั่งกระดิกขายิกๆ



   “จันทร์ แกอย่าทำตัวน่าเกลียด ก็ไหนว่าอยากเล่นไม่ใช่หรือ นี่คุณหมอเล่นเก่งมากนะ แกจะไม่ลองแข่งกับคุณหมอดูหน่อยหรือ” จันทร์จ้าวเหลือบไปมองชายหนุ่ม ๓ คนเบื้องหลังเพื่อนรัก ที่เขาเพ่งเล็งเป็นพิเศษคือคนเป็นถึงนายแพทย์แต่ส่วนสูงไล่เลี่ยกับพี่ชายของเขาที่เป็นทหาร



   “ก็บอกแล้วว่าคนเกิน เทนนิสที่ไหนเล่นกัน ๕ คนล่ะ”



   “ก็กันไม่เล่นไง”



   “เรื่องสิ! คุณพงศ์เป็นเจ้าของสนาม คุณพงศ์ต้องเล่น!!” เสียงพูดของจันทร์จ้าวไม่ค่อยเลยแม้แต่นิด แม้กระทั่งอาทิตย์ที่ยืนอยู่กับภวัตและเภาก็ยังได้ยิน หากเขาปล่อยให้จันทร์จ้าวพูดต่อไป คงได้พูดจาไร้มารยาทเหมือนครั้งที่ไล่คุณหมอภวัตออกจากบ้านรักษพิพัฒน์คราวนั้นแน่



   นายทหารหนุ่มเดินเข้ามาหาแล้วพูดเสริม



   “พี่เล่นไม่เก่ง จันทร์เล่นแทนพี่ได้ไหม”



จันทร์จ้าวมองพี่ชายและเพื่อนรัก ดูเหมือนทั้งคู่จะอยากให้เขาแข่งเทนนิสกับ ๒ พี่น้องบ้านวิชาญโยธินเสียจริง



   “เล่นก็ได้ แล้วคนชนะได้อะไร” เขาลุกจากเก้าอี้ แล้วหันไปถาม ๒ พี่น้องนั่น คนน้องไม่เท่าไร แต่คนพี่ที่มองเขายิ้มๆเสมอนั่นต่างหากที่น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด



   “จันทร์...” อาทิตย์เรียกปรามเมื่อน้องชายตั้งท่าจะพนันขันต่อ แต่จันทร์จ้าวหันไปสวนพี่ชายอย่างว่องไว



   “แข่งกีฬาก็ต้องมีรางวัลสำหรับคนชนะสิ จริงไหมหมอ” ท้ายประโยคเขาหันไปถามภวัต



   “แล้วอยากได้อะไรล่ะครับ” คุณหมอหนุ่มย้อนถาม รอยยิ้มจางยังคงประดับที่ใบหน้าเสมอ



   “ทาส...” คนทั้งกลุ่มตาโตอ้าปากค้าง เมื่อจันทร์จ้าวเอ่ยปากเช่นนั้น เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกเป็นต่อแล้วอธิบายเพิ่ม



   “คนแพ้เป็นทาส คนชนะเป็นพระราชา”



   “๑ วัน” ภวัตกำหนดระยะเวลา รอยยิ้มที่มุมปากของจันทร์จ้าวจางไปเล็กน้อยที่เขาแทรกเช่นนั้น แต่ดวงตายังแข็งกร้าว ดื้อดึงและอวดดี



   ...ดวงตาเช่นนี้ ที่ภวัตจำไม่ลืม...



   “ได้! ถ้าอย่างนั้นเราแข่งกันแค่ ๒ คนพอ คนอื่นไม่เกี่ยว”



   “ยินดีครับ”



แล้วหลังจากนั้นสนามเทนนิสก็เป็นของภวัต วิชาญโยธินและจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์


.........................................



   เสียงหวดและเสียงกระทบของลูกเทนนิสดังก้องไปทั่วทั้งสนาม หม่อมหลวงพงศ์ภราธรมองการแข่งขันของ ๒ หนุ่มแล้วก็หันมองอาทิตย์ที่นั่งอยู่ด้วยกัน



   “ไม่เคยเห็นจันทร์สนุกแบบนี้มานานแล้วนะครับ คุณอาทิตย์”



   “ครับ เขาดูจริงจังมาก” อาทิตย์ยังอดจะออกปากไม่ได้ เพราะน้องชายที่กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายนั้นเป็นจันทร์จ้าวผู้จริงจังและหวังผลในการแข่งขัน อาทิตย์ไม่ค่อยจะได้เห็นน้องชายในอารมณ์นี้เสียเท่าไร เพราะไม่ว่าอะไร เจ้าตัวก็ดูจะเก่งกาจจนแทบไม่ต้องพยายาม ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องกีฬา หรือเรื่องผู้หญิง



   “พี่ชายคุณเภาก็เก่งมาก ไม่มีใครรับมือจันทร์ได้ขนาดนี้สักคน เท่าที่ผมเคยเห็นมา” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันไปชวนชายหนุ่มอีกคนคุย เภา วิชาญโยธินกำลังชะเง้อชะแง้มองไปรอบๆตัวก็เลยต้องหันมาสนใจสนามเทนนิส



   “นั่นซีครับ...” เขารับคำ แต่ก็ยังไม่วายสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมายที่ทำให้เขามาที่นี่ในวันนี้



   ...ภวัตพูดถูก ที่ว่าเทนนิสจะทำให้เขาได้เข้าวังฉัตร ไม่ว่าจะด้วยโชคช่วยหรืออะไร แต่ตอนที่ไปสโมสรเทนนิสเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีโอกาสได้เล่นเทนนิสกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรและเพื่อนฝรั่ง กีฬาก็ผูกสัมพันธ์ให้สองพี่น้องวิชาญโยธินได้เข้าวังฉัตรในวันนี้...



   “คุณเภามองหาอะไรหรือครับ? หรือหิวแล้ว? จริงสิ ยายพิมบอกว่าจะยกของว่างมา เมื่อไหร่จะมาเสียทีก็ไม่รู้...นายคำ ไปดูในครัวที คุณๆเขาทำของว่างกันเสร็จหรือยัง” ทายาทเจ้าของวังฉัตรทักเมื่อเห็นเภาเอาแต่มองไปมองมา ไม่จดจ่ออยู่กับเทนนิสเหมือนเขาและอาทิตย์ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มาถึง ก็มีแค่น้ำดื่มต้อนรับแขก ส่วนของว่างนั้น น้องสาวและ ๒ สาวแฝดบ้านรักษพิพัฒน์จะเป็นคนลงมือเอง



   นายคำคนรับใช้ค้อมกายรับคำสั่ง ก่อนจะเดินหายออกไปจากบริเวณสนามเทนนิส



   “คุณพิม...เธอดูท่าจะทำอาหารเก่งนะครับ...” เภาชวนคุย ไม่อยากให้ถูกจับได้เสียก่อนว่าเขาไม่ได้หิว แต่กำลังคิดถึงหญิงสาวหน้าหวานผู้นั้นต่างหาก



   พี่ชายของ ‘คุณพิม’ หัวเราะเบาๆ



   “ก็เก่ง แต่ก็ไม่ค่อยจะว่างทำหรอก เขาชอบสอนหนังสือ จันทร์ถึงศุกร์ก็ไปสอนทั้งวี่ทั้งวัน นี่ไง...เขาสนิทกับคุณดาราน้องสาวคุณอาทิตย์ ไม่รู้สนิทกันได้อย่างไรนะ ดูไม่ยักจะนิสัยคล้ายกัน”



   “นั่นสิครับ...” อาทิตย์ก็ได้แต่ตอบรับเรียบๆ เขาไม่กล้าพูดถึงราชนิกูลสาวเสียเท่าไร เมื่อครั้งที่เธอไปบ้านรักษพิพัฒน์และพบเขากำลังทำสวนจนหน้าตามอมแมม เธอมอบผ้าเช็ดหน้าให้เขาผืนหนึ่งด้วยน้ำใจไมตรี วันนี้เขาเตรียมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาคืนเธอ แต่มันยังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา ไม่รู้จะมีโอกาสคืนหรือไม่ จะคืนต่อหน้าคนมากๆเขาก็ไม่กล้าเสียด้วย



   “คุณดาราสอนวิชาอะไรนะ ดูเหมือนจะภาษาไทยใช่ไหม ยายพิมสอนภาษาอังกฤษ คนละแผนกอีกแน่ะ ก็ยังจะมาสนิทกันได้” บุตรชายของคุณชายฉัตรพูดต่อ พอดีกับที่คนถูกพูดถึงเดินมากับสองสาวแฝดรักษพิพัฒน์ ตามมาด้วยคนรับใช้อีกจำนวนหนึ่งที่ยกของว่างตามหลังมา



   “คุยอะไรกันอยู่คะ เอ๊ะ ไม่ตีเทนนิสกันหรือ” หม่อมหลวงพิมพัชราทักทายเสียงสดใส แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าคนที่นั่งอยู่ข้างสนามมีถึง ๓ คน หล่อนมองกลับไปในสนามเทนนิส ก็พบว่าชายหนุ่มอีก ๒ กำลังหวดแรกเก็ตใส่กันอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะ จันทร์จ้าว...ที่ดูจะมุ่งมั่นกับการแข่งขันมากเป็นพิเศษ



   “พี่จันทร์ดูสนุกมากนะ ดารา ดูสิ...” กระทั่งนภาสรวงยังสังเกตได้ ว่าพี่ชายผู้กำลังขมักเขม้นกับการตีเทนนิสนั้น ถึงจะดูเคร่งเครียดแต่ก็กระฉับกระเฉงและคล่องแคล่ว ไม่เหมือนจันทร์จ้าวคนปกติที่เฉื่อยชาและติดจะขี้เกียจ



   “นั่นซี ไม่เห็นพี่จันทร์เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ให้พี่จันทร์รับประทานอะไรก่อนลงสนามหรือเปล่าคะ” คำพูดของดารารัษมีทำเอาหนุ่มๆหัวเราะ ไม่เว้นแม้แต่อาทิตย์ก็ยังยิ้มขำ แต่แล้วก็ต้องเก็บอาการเมื่อสายตาเหลือบไปสบเข้ากับสายตาของหญิงสาวผู้เป็นน้องสาวของหม่อมหลวงพงศ์ภราธร สบตากับเธอทีไร หัวใจของเขาเป็นเต้นรัวจนแทบทะลุออกมานอกอก



   “ไม่ได้ทานอะไรหรอกคุณดารา แต่พี่ชายคุณอุตริพนันกับคุณหมอน่ะซี ว่าถ้าใครแพ้จะต้องเป็นทาสให้คนชนะหนึ่งวัน”



   “ตายจริง! ริพนันขันต่อ! ถ้าคุณพ่อรู้เข้า พี่จันทร์ต้องโดนเอ็ดแน่!” ดารารัษมีบ่นพี่ชายแต่ก็ไม่วายมองกลับลงไปในสนามเทนนิสอีกครั้ง แล้วก็พบว่าพี่ชายของหล่อนดูจะมุ่งมั่นกับการแข่งขันเสียจนหล่อนที่เป็นน้องสาวและมักจะขวางกับการกระทำของเขามาตลอด ยังอดไม่ได้ที่จะจับจ้อง



   ...จันทร์จ้าวเป็นคนมีเสน่ห์ ยิ่งเวลาเขาทำอะไรอย่างจริงจังเช่นนี้ เขาก็ยิ่งดูดี แล้วผู้ชายที่ดูดีในทุกอิริยาบถเช่นนี้ กับผู้ชายนิ่งขรึมแบบอาทิตย์ หม่อมหลวงพิมพัชราจะชื่นชอบแบบใดมากกว่ากันหนอ...



   “เอ? อย่างนี้จะเรียกพวกเขาขึ้นมาทานของว่างก่อนไหมคะ” เสียงของหม่อมหลวงพิมพัชราทำให้ดารารัษมีต้องหันกลับไปมองคนพูด



   “ไม่ต้องหรอก ประเดี๋ยวก็จะจบเกมแล้ว” คนเป็นพี่พูดไม่ทันขาดคำ แรกเก็ตของคุณหมอภวัตก็หวดลูกเทนนิสกระดอนมากระแทกลงที่ฝั่งของจันทร์จ้าวแล้วกระเด็นออกไป คนที่วิ่งมารับไม่ทันถึงกับเม้มปากด้วยความเจ็บใจ แล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ



   “ใครชนะคะนี่...” นภาสรวงถาม หล่อนดูเทนนิสไม่เป็น ซ้ำยังมาดูในตอนท้าย ยากที่จะรู้ผลแพ้ชนะ



   ๒ หนุ่มเดินออกมาจากสนามเทนนิส กลับมาที่โต๊ะที่ทุกคนรออยู่แล้ว ใบหน้าของภวัตยังคงมีรอยยิ้มจาง ในขณะที่ใบหน้าของจันทร์จ้าวนั้นหงุดหงิดเป็นที่สุด



   “เป็นอย่างไร ใครชนะ” ไม่มีใครกล้าถาม นอกจากหม่อมหลวงพงศ์ภราธร ทั้งๆที่ดูมาตั้งแต่ต้นและตามนับแต้มในใจให้ตลอด ซ้ำตอนนี้ใบหน้าของเพื่อนรักของเขาก็ยังมู่ทู่เสียแบบนี้ อันที่จริงไม่ต้องถาม เขาก็รู้



   ภวัตเหลือบตามองคนข้างกายที่เมื่อครู่เล่นเทนนิสกับเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เจ้าตัวเม้มปากจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ดูก็รู้ว่าไม่อยากตอบเท่าไร



   “ผมครับ” เขาเป็นฝ่ายพูดเอง เพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงห้วนๆดังมาจากจันทร์จ้าว



   “หมอจะให้ทำอะไรก็ว่ามา!” ตามกติกาคือคนแพ้ต้องเป็นทาสให้คนชนะ ๑ วัน แม้จะไม่อยากเป็น แต่ในเมื่อแพ้ จันทร์จ้าวก็มีน้ำใจนักกีฬามากพอ ถึงจะหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ตามที



   ภวัตหันไปมองคนพูด รอยยิ้มจางยังติดอยู่บนใบหน้า ทว่าดวงตาคมของเขากลับมีประกายระยิบระยับอย่างสนุกสนาน



   ...เทนนิสเมื่อครู่นี้สนุกที่สุดที่เขาเคยเล่นมา คู่ต่อสู้อย่างจันทร์จ้าวใช่จะหาได้ง่ายๆ ทั้งฉลาดในการเล่น มีเทคนิกที่ดี และแรงดี สมแล้วที่เคยแข่งระดับมหาวิทยาลัยมาก่อน...



   “ไม่ต้องทำหรอกครับ ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นตั้งแต่แรก เล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น และเมื่อครู่ก็สนุกมาก ขอบคุณ” คำพูดของคนชนะ ทำเอาจันทร์จ้าวหันมองทันควันด้วยคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาเช่นนี้



   ...เล่นเพื่อความสนุกอย่างนั้นหรือ...ใช่...สำหรับเขา เมื่อครู่นี้สนุกมากเช่นกัน...



   “ถ้าอย่างนั้นมาแข่งกันอีกไหม” เขาถามอย่างอยากเอาชนะ จริงๆแล้วถ้าเมื่อครู่นี้ไม่พลาด อาจพลิกเป็นเขาชนะก็ได้



   “เฮ้! จะแข่งอีกหรือจันทร์! ไม่เหนื่อยหรือ?!” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรร้องถามแล้วมองเสื้อที่เพื่อนรักและคุณหมอสวมใส่ มันชื้นไปด้วยเหงื่อ



   “ไม่เหนื่อย ผมอยากเล่นอีก ตานี้คุณพงศ์จะลงมาด้วยก็ได้”



   “อ่า...กันชักขี้เกียจเสียแล้ว นั่งดูคุณหมอกับแกเล่นก็สนุกไปอีกแบบ คุณเภากับคุณอาทิตย์จะลงไปเล่นก็ได้นะครับ”



   “ผมเล่นไม่เก่ง ลงไปจะกลายเป็นภาระให้เขาเปล่าๆ” อาทิตย์ปฏิเสธ และเภาก็ถือโอกาสรับสมอ้างไปด้วยเพราะใจเขาอยากนั่งอยู่ตรงนี้แล้วพูดคุยกับหม่อมหลวงพิมพัชรามากกว่า



   “นั่นซีครับ! ผมก็ด้วย เชิญคุณจันทร์กับพี่ภวัตเถอะ”



   “ถ้าอย่างนั้นเรามาแข่งกัน หมอ” เมื่อทุกคนปฏิเสธที่จะเล่น จันทร์จ้าวจึงหันมาทางคู่ต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวของเขา



   “ตานี้ ไม่มีรางวัลสำหรับผู้ชนะแล้วนะครับ เล่นกันแบบธรรมดา ตกลงไหม” คุณหมอหนุ่มเสนอขึ้นมาบ้าง



แม้จะอยากได้รางวัลสำหรับการเป็นคนชนะ แต่เพราะอยากแข่งกับอีกฝ่ายดูอีกสักทีว่าจะชนะได้ไหม ถึงแม้จะไม่มีรางวัล แต่จันทร์จ้าวก็ยังอยากจะแข่งอยู่ดี 



   “ก็ได้” แล้วคนทั้งคู่ก็เดินกลับลงไปที่คอร์ดอีกครั้ง ปล่อยให้คนที่เหลือนั่งกันที่โต๊ะริมสนามแล้วเริ่มพูดคุยและรับของว่างฝีมือ ๓ สาว ซึ่งคนที่ชวนคุยไม่ใช่ใครที่ไหน หม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้อัธยาศัยดี และเภา วิชาญโยธินหนุ่มเจ้าสำราญที่มีเรื่องสนุกมาชวนคุยให้หัวเราะกันได้เสมอๆ ดารารัษมีเหลือบมองพี่ชายคนใหญ่ของตนที่นั่งเงียบและทำเพียงแค่รับคำเป็นครั้งคราว แล้วก็นึกขัดใจว่าเขาทำตัวได้ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย จันทร์จ้าวที่มักจะเป็นคนหาประเด็นมาให้อาทิตย์ได้ใกล้ชิดกับหม่อมหลวงพิมพัชราก็เอาแต่จริงจังกับการแข่งขันในสนาม จนไม่สนใจตรงนี้ หล่อนต้องทำอะไรสักอย่าง ที่จะทำให้อาทิตย์มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเพื่อนครูของหล่อน



   “จริงสิ...คุณพิม ที่ว่าจะมีหนังสือให้ดารายืม...” ดารารัษมีหันไปถามเพื่อนครูของหล่อนเบาๆ



   “อ้อ! จริงด้วยค่ะ หนังสือภาษาไทย เอ?...พิมเก็บไว้ตรงไหน...” หญิงสาวทำท่านิ่งคิด แต่สุดท้ายก็นึกไม่ออก “พิมจะไปหยิบมาให้นะคะ คุณดารารอสักครู่”



หม่อมหลวงพิมพัชราขอตัวลุกออกจากโต๊ะไป เภาได้แต่มองตาม นึกไม่ออกว่าจะหาข้ออ้างในการลุกตามไปทำความรู้จักอย่างเป็นส่วนตัวได้อย่างไร ซ้ำพี่ชายของหล่อนก็ยังหันมาชวนเขาคุยต่อเสียอีก เภาทำอะไรไม่ได้ เลยอาศัยสร้างความสนิทสนมกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรไปก่อน เขาเชื่อว่ายังมีโอกาสดีๆที่จะได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้นั้นในเร็ววันนี้



   “พี่อาทิตย์คะ ดาราลืมของไว้ในรถ เป็นถุงกระดาษเล็กๆ ตั้งใจจะเอามาให้คุณพิม พี่อาทิตย์ไปหยิบให้หน่อยได้ไหม” เมื่อจัดการให้เพื่อนครูร่วมโรงเรียนออกจากโต๊ะไปได้แล้ว ดารารัษมีก็หันมาบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก อาทิตย์ไม่ได้คิดอะไร จึงลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะกลับไปที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าตึกตามคำขอของน้องสาว ซึ่งดารารัษมีก็หันกลับไปบอกคนทั้งโต๊ะอย่างไม่รู้ไม่ชี้ว่าหล่อนลืมของ จึงไหว้วานให้พี่ชายไปหยิบมาให้เท่านั้น



   ชายหนุ่มนายทหารเดินกลับไปเปิดประตูรถโฟล์คสีดำของตนเอง แล้วพยายามมองหาถุงกระดาษเล็กๆตามที่น้องสาวว่า แต่รถของเขาเป็นระเบียบและเรียบร้อย ไม่มีของวางระเกะระกะ แค่มองหาไม่นาน เขาก็ไม่พบถุงอะไรเลย



   ...หรือบางที ดารารัษมีอาจจะลืมหยิบมาจากที่บ้าน...



   เขาปิดประตูรถ ตั้งใจว่าจะเดินกลับไปบอกน้องสาวว่าไม่มี แต่เสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นที่ด้านหลังเสียก่อน ชายหนุ่มหันไปมอง แล้วก็ได้แต่นิ่งไปเมื่อพบว่าหม่อมหลวงพิมพัชรากำลังเดินออกมาจากตึกพอดี หญิงสาวเห็นอาทิตย์ก็ประหลาดใจไม่แพ้กันที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ แทนที่จะเป็นที่ริมสนามเทนนิส



   “เอ่อ...ผม...มาเอาของให้ดาราน่ะครับ แต่...สงสัยดาราจะลืมหยิบมาจากที่บ้าน...” เขาเป็นคนเอ่ยปากก่อน หม่อมหลวงพิมพัชราพยักหน้ารับรู้อย่างสุภาพ ก่อนจะเดินลงจากบันไดเตี้ยหน้าตึกมาตรงที่อาทิตย์ยืน



   “ถ้าอย่างนั้น...เรากลับไปที่สนามกันดีไหมคะ”



   “ครับ” อาทิตย์ได้แต่รับคำ หากแต่เมื่อหญิงสาวก้าวเท้าเดินนำไปได้แค่ก้าวเดียว เสียงเขาก็ดังขึ้น



   “คุณพิมครับ” เจ้าของชื่อหันมามองด้วยความฉงน อาทิตย์จึงล้วงกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ซักสะอาดแล้วส่งคืนให้



   “ผมนำมาคืนครับ ขอบคุณมาก” หม่อมหลวงพิมพัชรามองกิริยาสุภาพของชายหนุ่มด้วยหัวใจที่เต้นถี่กว่าทุกครั้งที่หล่อนใกล้ชิดเพื่อนต่างเพศคนไหน แม้กระทั่งกับจันทร์จ้าวที่สนุกสนานและเป็นกันเอง หล่อนก็ยังไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับเขา ไม่เหมือนผู้ชายคนนี้...ทั้งๆที่พูดกันนับคำได้ แต่เหตุใดหนอ...เหตุใดหัวใจถึงได้ผิดแปลกทุกครั้งที่เจอหน้า...



   มือขาวเรียวเล็กยื่นออกไปรับผ้าเช็ดหน้าคืนกลับมา โดยไม่มีคำพูด ดวงหน้าหวานแดงซ่านแม้จะไม่ได้ใกล้ชิดกันเลยสักนิด หล่อนหมุนตัวก้าวเท้าช้าๆออกเดิน รับรู้ว่ามีชายหนุ่มร่างสูงก้าวเดินตามหลัง เว้นระยะเล็กน้อย แต่หากพูดเสียงปกติก็พอจะคุยกันได้อยู่



   “ของว่าง...อร่อยไหมคะ” จากตัวตึกไปถึงสนามเทนนิสนั้นไม่ใกล้เท่าไรนัก ยิ่งการก้าวเดินอย่างช้าๆก็ยิ่งทำให้มีเวลาพอที่จะถามไถ่กันสักประโยคสองประโยค



   “อร่อยครับ” อาทิตย์ตอบ เขาไม่กล้าบอกว่าข้าวเกรียบปากหม้อ เป็นของว่างที่เขาชอบ ข้าวเกรียบปากหม้อที่อร่อย แป้งต้องนิ่มบาง ไส้ต้องรสไม่จัดจ้านเกินไป ซึ่งที่นี่ทำออกมาได้อย่างอร่อย



   “ไว้คราวหน้า ถ้าพิมทำอีก จะฝากคุณดาราไปให้นะคะ เห็นคุณดาราว่าคุณอาทิตย์ชอบทานข้าวเกรียบปากหม้อ” คำพูดของหญิงสาวทำเอาอาทิตย์ต้องหันมองด้วยเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทราบว่าเขาชอบของว่างชนิดนี้ ดวงหน้าหวานแดงซ่านเมื่อถูกจับจ้อง หัวใจเต้นระส่ำจนต้องก้าวเท้าเดินเลี่ยงออกไป ทว่าก็ยังได้ยินประโยคที่ดังตามมาจากเบื้องหลัง



   “ผมจะรอครับ...” หัวใจของราชนิกูลสาวพองเต็มอก หล่อนได้แต่ยิ้มกับตัวเอง คำว่ารอของเขา ช่างเต็มไปด้วยความหมายสำหรับหล่อนเหลือเกิน



.........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 19:42:16 โดย Dezair »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

สามหนุ่มสามสาวที่ข้างสนามเทนนิสอิ่มตื้อด้วยของว่างหลากชนิด ส่วนสองหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากสนามเทนนิสนั้นถึงกับเหงื่อเต็มตัว ต่างคนต่างเหน็ดเหนื่อยกับการออกกำลังกาย แต่น่าแปลกที่ดวงตาของชายหนุ่มทั้งคู่กลับดูมีชีวิตชีวาและสนุกสนาน



   “เป็นอย่างไร ใครแพ้ใครชนะไปคนละกี่ตา” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรถาม



   “สูสีครับคุณพงศ์ ถึงจะชนะก็ชนะเฉียดฉิว ถึงจะแพ้ ก็แพ้อย่างสนุก” ภวัตเป็นคนตอบ เขาเหลือบมองคนข้างกายที่ใบหน้าขึ้นสีจัดและเหงื่อซึมตามไรผมเพราะความเหนื่อย



   “ใครสนุก หมอสนุกไปคนเดียวเถอะ! คุณพงศ์ ผมขอยืมห้องน้ำหน่อยได้ไหม เหงื่อออกจนเหนียวตัวไปหมด” จันทร์จ้าวพูดแทรก แล้วกระพือเสื้อที่ใส่เล่นเทนนิสซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ



   “ก็ไปซี อาบน้ำอาบท่าเสียเลยก็ได้ ให้นายคำจัดเสื้อผ้าของกันให้สักชุด นายคำ พาคุณจันทร์ไปห้องน้ำที” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรออกปาก จันทร์จ้าวก็ก้าวเท้าเดินออกไปกับคนรับใช้ พอพ้นหลังเพื่อนรัก ราชนิกูลหนุ่มจึงหันมานินทากับภวัต



   “คุณหมออย่าไปฟังเจ้าปากหนักนั่นมากนัก ถ้าไม่สนุกอย่างที่ว่า จันทร์ไม่เล่นกับคุณหมอตั้งหลายตาอย่างนี้หรอก!”



   “พี่พงศ์ ให้คุณหมอไปล้างไม้ล้างมือดีไหมคะ” คนเป็นน้องสาวปรามพี่ชาย ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้อีกคนพาชายหนุ่มกลับไปที่ตึก ภวัตได้แต่ยิ้มบางแล้วเดินตามคนรับใช้ไป คนอื่นๆจึงหันมาพูดคุยถึงแผนการที่จะในช่วงบ่าย



   “แล้วเราจะเอาอย่างไรต่อดี ย้ายไปนั่งเล่นริมน้ำไหม ตรงนั้นไม่ค่อยร้อน ลมจากแม่น้ำพัดมาเย็นกำลังดี” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรชักชวน แต่ดารารัษมีมีข้อเสนอที่ดีกว่า



   “ดาราอยากนั่งเรือติดเครื่องยนต์ค่ะ เมื่อตอนสาย คุณพิมเธอว่าที่นี่มีเรือติดเครื่องยนต์ด้วยใช่ไหมคะ”



   “แดดจัดอย่างนี้ คุณดาราจะไหวหรือครับ” ทายาทวังฉัตรร้องถาม ด้วยไม่คิดว่าสตรีในวัยที่กำลังรักสวยรักงามอย่างดารารัษมีจะขอออกไปเผชิญแดดเผชิญลมตอนตะวันตรงหัวเช่นนี้



   “ไหวซีคะ พี่จันทร์เคยเล่าว่านั่งเรือติดเครื่องยนต์น่ะสนุก ดาราก็อยากจะลองนั่งดูสักครั้ง”



   “ถ้าคุณดาราต้องการเช่นนั้น ผมก็ยินดีครับ คุณนภาล่ะครับ ไปด้วยกันนะครับ เราไปกันทั้งหมดนี่ แล้วค่อยให้ ๒ คนนั้นเขาตามไป จันทร์ขับเรือติดเครื่องยนต์ได้ ไม่ต้องห่วง”



   “แล้วจะไปกันหมดหรือครับ คุณพงศ์” เภาถาม เพราะพวกเขามีถึง ๖ คน หากแยกเป็นสองลำ ให้เขาไปกับสองพี่น้องฉัตราภาส ส่วนสามพี่น้องรักษพิพัฒน์ไปด้วยกันก็เห็นจะดี



หม่อมหลวงพงศ์ภราธรยิ้มกว้างแทนคำตอบ



   “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ ผมมีเรือลำใหญ่ เราจะไปด้วยกันทั้ง ๖ คนนี่เลย” และคำตอบของราชนิกูลหนุ่มก็ทำให้เภาหมดโอกาสอีกตามเคย


.......................................



   จันทร์จ้าวก้าวเท้าออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่นายคำนำของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรมาให้หยิบยืม ซึ่งอันที่จริง เขาไม่นิยมใส่เสื้อผ้าของใคร แต่ราชนิกูลเพื่อนรักรู้จักนิสัยเขาดี พอๆกับนายคำที่รับใช้ในวังมานานจนรู้จักมักจี่เขา จึงนำเสื้อผ้าชุดใหม่ที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรไม่เคยใส่มาก่อนมาให้



   “เมื่อยชะมัด” เขาบ่น พลางไพล่มืออ้อมบ่าไปบีบนวดที่ด้านหลัง นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับจากอเมริกา ที่เขาได้ตีเทนนิสสนุกขนาดนี้จนลืมความเหนื่อยความเมื่อยไปหมด พอเลิกตีแล้วถึงได้รู้รสชาติ เพราะแขนปวดร้าวระบมไปทั้งหัวไหล่



   “ปวดไหล่หรือครับ” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง จันทร์จ้าวหันไปมอง ก็เห็นว่าภวัตยืนรออยู่แล้วที่หน้าห้องน้ำ ห้องน้ำส่วนนี้เป็นส่วนสำหรับแขก วังฉัตรชอบจัดงานเลี้ยงบ่อยๆ จึงมีห้องน้ำหลายๆห้องในละแวกเดียวกันเพื่อแขกเหรื่อ รวมไปถึงห้องอาบน้ำด้วย



   “ครับ...” จันทร์จ้าวตอบสั้นอย่างไม่ค่อยจะอยากตอบนัก เขากำลังจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน



   “ผมจะดูให้” คนสูงกว่าว่าอย่างนั้น แล้วเอ่ยต่ออย่างสุภาพ “ขอโทษนะครับ...” เขาพูดแล้วใช้นิ้วทั้งห้ากดลงตามลาดไหล่ไล่มายังแผ่นหลัง จันทร์จ้าวเบ้หน้าด้วยความปวดเมื่อนิ้วแข็งๆของอีกฝ่ายกดโดนจุดที่เขารู้สึกเคล็ด



   “ตรงนี้หรือ”



   “อืม...” เขาครางรับ แม้จะรู้สึกตึงและปวดแต่ก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาดเมื่อแรงนิ้วกดลงมาอีก ดูมันจะช่วยผ่อนคลายความปวดตึงของไหล่เขาได้มาก



   “ท่าจะเคล็ด ที่บ้านมียาทาไหม”



   “มี” เขาตอบส่งเดช รู้แก่ใจว่าไม่ใช่คนสนใจเรื่องหยูกยาเสียเท่าไร



   “ถ้าอย่างนั้น กลับไปก็อย่าลืมทา เอาผ้าชุบน้ำร้อนประคบด้วย จะได้หายเร็วๆ”



   “ทราบแล้ว ขอบคุณ” จันทร์จ้าวตอบแค่นั้น ก็พอดีเห็นคนรับใช้เดินตรงมา เขาจึงหันไปถามทั้งๆที่ยังปล่อยให้ภวัตนวดไหล่ต่อ



   “พวกคุณๆเขาอยู่ไหนกันหรือ”



   “คุณพงศ์พาออกไปนั่งเรือเที่ยวขอรับ ฝากมาเรียนคุณจันทร์ว่าให้ขับเรือตามไป” จันทร์จ้าวขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปทางนายแพทย์หนุ่มที่ยืนข้างตน



   “ผมเมื่อย ไม่อยากขับเรือ ถ้าหมอจะไปก็เชิญแล้วกัน” หากแต่ภวัตกลับยิ้มจางแล้วส่ายหน้า



   “ผมก็เมื่อย อยากนั่งพักมากกว่า” จันทร์จ้าวจึงหันไปทางคนรับใช้อีกครั้ง แล้วปฏิเสธ



   “นายคำไม่ต้องเตรียมเรือให้หรอก ฉันกับหมอไม่ไป”



   “ถ้าเช่นนั้น เชิญที่ริมน้ำไหมขอรับ คุณพงศ์สั่งเอาไว้ว่าหากคุณๆไม่ไป ก็ให้ไปรับประทานของว่างที่โต๊ะริมน้ำ”



   “เอาอย่างนั้นก็ได้” ชายหนุ่มจากบ้านรักษพิพัฒน์ตอบรับ ก่อนจะก้าวเท้าเดินอย่างรู้ทาง ทิ้งให้คนรับใช้ของวังฉัตรมองตามแล้วพาลนึกถึงคำสั่งของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรที่สั่งเอาไว้ก่อนจะออกเรือไปกับคุณๆ



   ‘นายคำดูแลเพื่อนของฉันให้ดี เพื่อนของฉันคือคุณจันทร์ ถ้าดูท่าเธอจะทำตัวไม่ดีกับคุณหมอ ก็ช่วยขวางเอาไว้ด้วย อย่าให้ ๒ คนนั้นเขาทะเลาะกันเป็นอันขาด’



   แต่ภาพที่นายคำเห็นเมื่อครู่นี้ ดูอย่างไรก็ห่างไกลจากคำว่าทะเลาะ



   ...คนเราหากจะทะเลาะกัน ก็คงไม่มีใครมีมิตรไมตรีมานวดไหล่ให้อย่างเช่นที่คุณหมอภวัตทำให้คุณจันทร์หรอก...คุณพงศ์ดูจะคิดมากเกินไปเสียแล้ว...


...................................


 

ตอนที่เรือติดเครื่องยนต์ของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรแล่นกลับมาที่วังฉัตร ร่างของชายหนุ่ม ๒ คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมน้ำก็ทำเอาดารารัษมีออกจะประหลาดใจไม่ได้ ด้วยเพราะพี่ชายของหล่อนที่ทำตัวไร้มารยาทกับคุณหมอหลายหน กลับอยู่กับอีกฝ่ายได้อย่างสงบ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันแต่อย่างใด คุณหมอภวัตนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ ส่วนจันทร์จ้าวกำลังเล่นกับหมาตัวโตประจำวังฉัตรที่ชื่อ อ้ายดำ



พอกลับมาถึงฝั่งกันพร้อมหน้า จันทร์จ้าวก็ชวนพี่น้องของตนกลับเสียที เพราะเขาเพลียกับการตีเทนนิสจนอยากหลับสักงีบ ซึ่งทุกคนก็เห็นดีด้วย แขกบ้านรักษพิพิพัฒน์ขอตัวกลับ แขกจากครอบครัววิชาญโยธินจะอยู่ต่อก็จะดูกระไรอยู่ แม้เภาจะไม่อยากกลับ แต่เมื่อภวัตขอตัวลาเช่นกัน เขาก็จำต้องกลับไปพร้อมพี่ชายด้วย



“ไปแล้ว คุณพงศ์” จันทร์จ้าวออกปาก เมื่อทุกคนพร้อมกันที่รถโฟล์คสีดำซึ่งจอดอยู่หน้าตึก



“แล้วไว้เจอกันที่สำนักงาน” ชายหนุ่มทายาทวังฉัตรว่าอย่างนั้น แต่พอจันทร์จ้าวจะก้าวเท้าขึ้นนั่งที่เบาะหน้าคู่พี่ชายเหมือนตอนขามา เจ้าตัวก็เหมือนจะนึกอะไรได้ จึงหันไปสั่งน้องสาวที่กำลังจะเปิดประตูขึ้นเบาะหลัง



“พี่ต้องลงก่อน ดารามานั่งหน้าแล้วกัน”



แล้วหลังจากนั้น ๔ พี่น้องรักษพิพัฒน์ก็ออกจากวังฉัตรไป ภวัตออกจะแปลกใจกับคำพูดของคู่เทนนิสของเขาไม่น้อย จึงหันมาทางหม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้มีสถานะเป็นเพื่อนรักกับจันทร์จ้าว



“ที่ว่าคุณจันทร์จะลงก่อน...”



“อ้อ ก็ที่ผมเคยบอกไง จันทร์ขอคุณหญิงออกมาอยู่ข้างนอก บ้านสีเขียวอ่อนที่อยู่ถัดจากวังไปหน่อยเดียวนี่เอง จันทร์ถึงศุกร์จะนอนค้างที่นั่น พอเย็นวันศุกร์ ก็ให้คุณอาทิตย์มารับกลับไปนอนที่บ้านรักษพิพัฒน์ จะว่าก็ว่าเถอะ เรื่องที่เขาทำกันไม่ได้ จันทร์ก็ทำได้ อย่างสอบทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาอย่างนี้ นอกจากจะสอบได้แล้ว ยังหว่านล้อมคุณหญิงให้ปล่อยไปเรียนเมืองนอกได้อีก ทั้งๆที่สงครามก็เพิ่งจบหมาดๆ บ้านเมืองเราก็ยังไม่สงบดี บ้านเมืองเขาก็ใช่ย่อยเสียที่ไหน ตอนแรกคุณหญิงผกาก็จะไม่ให้ไป ท่านนายพลเดชบังเอิญมีคนรู้จักทำงานในสถานทูต จันทร์ก็เลยยกเพื่อนของท่านนายพลขึ้นมาอ้าง จะหาหอพักใกล้สถานทูตบ้าง จะไปรายงานตัวที่สถานทูตทุกสัปดาห์บ้าง คุณหมอลองไปถามจันทร์แล้วกัน ว่าไปอยู่อเมริกา ๖ ปี ไปรายงานตัวที่สถานทูตสักกี่ครั้ง”



“พี่พงศ์” พอพี่ชายนินทา หม่อมหลวงพิมพัชราก็ได้แต่ปราม แต่ภวัตก็ยังสงสัยใคร่รู้ในวิถีชีวิตของคู่เทนนิสของเขาอยู่ดี



“ที่ว่าได้ทุนของมหาวิทยาลัยไปเรียนที่อเมริกานั่นน่ะหรือครับ”



“ใช่ ไม่ทราบไปหาทุนมาได้อย่างไร แต่เรื่องยากๆน่ะ ต้องยกให้จันทร์ล่ะ เพื่อนผมคนนี้เก่ง หัวดี ฉลาด ถึงจะขี้เกียจไปสักหน่อยก็เถอะ ว่าแต่...เกมเทนนิสเป็นอย่างไรล่ะคุณหมอ สนุกไหม” คนถูกถามยิ้มจาง หวนคิดถึงเทนนิสที่เขาเล่นเมื่อตอนสาย



“สนุกมากครับ ขอบคุณคุณพงศ์ที่ทำให้ผมมีเพื่อนตีเทนนิสที่สนุกอย่างนี้” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรโบกมือว่อน



“ไม่เป็นไรๆ ผมก็บุญตาได้เห็นเกมเทนนิสดีๆอย่างนั้น ไว้คราวหลัง เชิญมาตีเทนนิสด้วยกันอีก ไม่สิ ต้องบอกว่าคราวหลังเชิญมาตีเทนนิสกับเพื่อนของผมอีก”



แล้วหลังจากนั้นแขกบ้านวิชาญโยธินก็ขอตัวกลับ ๒ พี่น้องแห่งวังฉัตรมองส่งจนรถลับหายออกไปนอกประตู แล้วคนเป็นพี่ก็ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนรักของตนยังไม่ยอมคายเรื่องที่เกริ่นเอาไว้



   ...ที่ว่า...มีทหารคนหนึ่งอยากจะมาเป็นเขยวังฉัตร...



...ให้ตายสิ วันนี้ก็สนุกจนลืมถาม เจอกันเมื่อไหร่ เห็นจะต้องถามให้รู้เรื่อง ว่าทหารที่ว่านั่นชื่ออะไร นามสกุลอะไร และคิดอย่างไรจึงมาเป็นเขยวังนี้...



“พี่พงศ์เป็นอะไรไปคะ หน้านิ่วคิ้วขมวด” น้องสาวตั้งคำถามเมื่อหันมาเห็นพี่ชายมีสีหน้าราวครุ่นคิด หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันมอง ดวงหน้าหวานของคนเป็นน้องทำให้เขาตัดสินใจถามกลับ



“พิมรู้จักใครที่เป็นทหารบ้างไหม” คำว่าทหาร ทำเอาหญิงสาวนึกไปถึงชายหนุ่มนายทหารที่วันนี้เขานำผ้าเช็ดหน้ามาคืนหล่อน ซ้ำยังบอกว่าจะรอให้หล่อนทำข้าวเกรียบปากหม้อไปให้เขาอีกด้วย



“ว่าอย่างไร รู้จักไหม” ชายหนุ่มถามย้ำ แม้จะเห็นแล้วว่าคนถูกถามมีท่าทีอึกอัก



“ม...ไม่ทราบสิคะ พิมขอตัวก่อนนะคะ” แม้จะรู้เต็มอกว่าคนที่เป็นทหารและหล่อนรู้จักมีเพียงคนเดียวคืออาทิตย์ แต่ความประหม่ายามถึงนึกเขาทำให้หล่อนโกหกแล้วรีบก้าวเท้าเดินหนีกลับเข้าตึก คนเป็นพี่ได้มองตามด้วยความสงสัย



...เป็นพี่เป็นน้องกันมานับ ๒๐ ปี มีหรือจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก โกหกว่าไม่ทราบ แสดงว่าแท้จริงแล้วทราบ...อย่างนี้ยิ่งทำให้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรอึดอัดด้วยความใคร่รู้



...ทหารคนไหนที่อยากจะมาเป็นเขยวังฉัตรกันล่ะนี่!!!...



...........................



เพราะเมื่อวานลงแรงกับการตีเทนนิสมากเกินไป เช้าวันนี้ อาการปวดร้าวที่ไหล่จึงยังคงปรากฏ



จันทร์จ้าวยืนอยู่หน้ากระจกในห้องนอน มืออ้อมไหล่ไปเบื้องหลังพยายามกดให้โดนจุดที่รู้สึกเคล็ด แต่ให้อย่างไรก็ไม่ถนัดเอาเสียเลย เขาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด เมื่อวานก็ไม่ได้ทายาเพราะเขาไม่ได้ติดเอายามาไว้ที่นี่ด้วย ส่วนเรื่องประคบเย็นประคบร้อนก็ลืมไปได้เลย จันทร์จ้าวไม่ใช่คนจะลุกขึ้นมาทำอะไรอย่างนั้นแน่ เพราะคิดเอาว่านอนพักสักคืนก็คงจะหาย แต่ปรากฏว่าตื่นมาก็ยังไม่ทุเลา ถึงแม้จะไม่เจ็บปวดมากนัก แต่มันก็ก่อความรำคาญ จะหยิบจับเดินเหิรก็รู้สึกปวดอยู่อย่างนั้น แต่ในเมื่อมือเอื้อมไปไม่ถึง เขาก็ได้แต่จนใจ แล้วคิดเอาเองว่ามันอาจจะดีขึ้นในอีก ๒-๓ วัน ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกจากห้องนอน มาที่ห้องอเนกประสงค์ซึ่งเป็นทั้งส่วนรับแขกและห้องนั่งเล่น



บ้านเช่าสีเขียวอ่อนหลังนี้ เป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นใต้ถุนสูง ด้านหน้าเป็นชานกว้างสำหรับนั่งเล่นรับลม ถัดเข้ามาเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีทั้งชุดเก้าอี้ และโต๊ะรับประทานอาหารขนาด ๒ คน ครัวเล็กๆและห้องนอน ส่วนห้องน้ำอยู่ชั้นล่าง ดูกะทัดรัดสำหรับอยู่คนเดียว 



จันทร์จ้าวกำลังจะออกจากบ้านไปทำงาน วันนี้มีประชุมกับเพื่อนฝรั่ง อันที่จริงจะไปสายกว่านี้อีกสักหน่อยก็ได้ แต่เพราะตั้งใจว่าจะไปหาอะไรรองท้องจากตลาด จึงออกเร็วกว่าปกติ



ทว่าไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกพ้นประตู เสียงรถก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มมองออกไปนอกชานก็พบรถยนต์ที่ไม่คุ้นตามาจอดขวางอยู่ เขาเพ่งมองรอจนคนในรถเปิดประตูลงมา แล้วก็ถึงได้เบิกตาโต



“หมอ!”


...............................................



นายแพทย์ภวัต วิชาญโยธินส่งยิ้มจางให้คนที่เดินหน้ามู่ทู่ดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มาที่ประตูรั้ว บ้านหลังเล็กสีเขียวอ่อนนั้นหาไม่ยาก ยิ่งบอกว่าอยู่ใกล้วังฉัตรยิ่งแล้วใหญ่ เพราะบ้านแถวนี้ไม่มีหลังไหนทาด้วยสีเขียวอ่อนเลย ยกเว้นหลังนี้

 

“จอดรถขวางหน้าบ้านผมทำไม!” ประโยคทักทายประโยคแรก ยังคงความไร้มารยาทอย่างที่ทำเอาคนถูกทักถึงกับหัวเราะเบาๆ



“ผมแวะเอายามาให้” คนเป็นหมอว่าอย่างนั้นแล้วยื่นหลอดยาข้ามรั้วเตี้ยๆไปให้คนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง จันทร์จ้าวมองร่างสูงสลับกับมองยาในมือใหญ่อย่างไม่วางใจ หมอภวัตจึงพูดต่อ



“ยาทาแก้ปวด คุณยังเคล็ดอยู่ไม่ใช่หรือ”



ตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับไปที่บ้านรักษพิพัฒน์ เขาก็คิดเอาเองว่าคนอย่างจันทร์จ้าวไม่น่าจะสนใจใยดีอะไรและคงจะไม่คิดหายามาทาเป็นแน่แท้ วันนี้ก็เลยตัดสินใจเอายามาให้ถึงที่ เกรงว่าถ้าทิ้งให้เจ้าตัวปวดนานๆ ประเดี๋ยวคงได้หาเรื่องไม่ตีเทนนิสกับเขา จะกลายเป็นว่าขาดคู่ต่อสู้คนสำคัญไป
 


“นี่ยาทาของจริงครับ เป็นแบบฝรั่ง ไม่ใช่ยาพิษหรอก” เขาสำทับเพราะสายตาที่จันทร์จ้าวมองตรงมาที่ยาและที่เขาบอกให้รู้ว่าไม่ไว้ใจเลยแม้แต่น้อย



“ทาแล้วจะหายปวด ถึงจะไม่หายปุบปับ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้หายเองนะครับ การปล่อยเอาไว้โดยไม่ทายา ไม่รู้เมื่อไรจะหาย บางทีอาจเป็นเรื้อรั...ง...” พอสาธยายสรรพคุณไปอีกชุดใหญ่ มือของเจ้าของบ้านสีเขียวอ่อนก็ยื่นข้ามรั้วมาดึงหลอดยาไป



“ขอบใจ!” คำขอบคุณนั้นแสนกระแทก ภวัตยิ้มบางอย่างนึกเอ็นดู เพราะพอจันทร์จ้าวรับยาไปแล้ว เจ้าตัวก็เอาแต่พลิกซ้ายพลิกขวาอ่านฉลากยาราวกับกลัวว่ามันจะไม่ใช่ยาทาแก้ปวดจริง



“ทา ๒ เวลา เช้าเย็นก็พอ ทาเบาๆไม่ต้องนวดนะครับ จะได้ไม่เคล็ดซ้ำ” เขาอธิบายเพิ่ม ดวงตากลมใหญ่เหลือบขึ้นมามองเขาแล้วพยักหน้ารับสั้นๆเหมือนไม่อยากจะรับรู้เสียเท่าไร เมื่อเห็นว่าคนเจ็บได้ยาและรู้วิธีใช้แล้ว นายแพทย์หนุ่มก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้อยู่ต่อ



“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน” คนมาเยือนพูด แล้วค้อมศีรษะเป็นการบอกลา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แต่เสียงของเจ้าของบ้านกลับดังขึ้นข้างหลังเขา



“หมอ...” ภวัตหันมองตามเสียงนั้น จันทร์จ้าวมีสีหน้าอึกอักก่อนจะถาม



“...รีบกลับหรือ?” คนถูกถามเลิกคิ้วอย่างสงสัย ดวงหน้าขาวมีแววอึดอัดและช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จันทร์จ้าวจะพูดต่อ



“ผมเคล็ดที่หลัง เอ่อ...ผม...ผมทายาเองไม่ถึง...”


ภวัตยืนเงียบ ไม่พูดอะไร แต่ดวงตาคมดุที่มีแววอ่อนโยนจับจ้องคนพูดราวกับอยากให้พูดต่อ จันทร์จ้าวมองสบเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างนึกหงุดหงิด แต่อีกฝ่ายยังยืนนิ่งไม่ยอมเดินมาหาเขาเสียที



“ผมหมายถึง...เอ่อ...ทายาให้ผมก่อนสิ!”



แล้วหลังจากประโยคนั้น ประตูรั้วก็ถูกเจ้าบ้านปลดกลอนแล้วดึงมันเปิดออกเป็นการเชิญ ภวัตได้แต่ยิ้มจาง ไม่กล้าล้อเลียนถึงการพบกันครั้งแรกที่คราวนั้นจันทร์จ้าวเป็นฝ่ายออกปากไล่เขาออกจากบ้านรักษพิพัฒน์ ทว่าครั้งนี้...ก็เป็นจันทร์จ้าวอีกนั่นล่ะ ที่เชิญชวนเขาเข้าบ้านเสียเอง



เขาก้าวเท้าเดินตามจันทร์จ้าวเข้าบ้านอย่างเงียบๆ ทั้งขันทั้งเอ็นดูเจ้าของแผ่นหลังที่เดินนำหน้า เกิดมาไม่เคยเจอใครอย่างนี้เลย ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งดื้อดึง แต่ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา



...เห็นที ชีวิตราบเรียบของเขาต่อจากนี้ คงจะไม่เหมือนเดิมเพราะใครบางคนเสียแล้ว...



ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

มีคนเรียกร้องกันมาเยอะเหลือเกินนนนน ว่าขอคู่พี่อาทิตย์กับคุณพิมด้วย ก็เลยจัดมาชุดเล็กๆ เนื่องจากว่าตอนนี้จ้างพระเอกมาแพง ต้องเอาพระเอกออกให้คุ้มหน่อย ฮ่าฮ่า

หลายคนทักว่าจันทร์จ้าวเหมือนปริศนา จริงๆจะบอกว่าจันทร์จ้าวคือ ประวิชจากเรื่องปริศนา + ยศจากเรื่องมาลัยสามชายค่ะ(ผสมอานนท์จากเรื่องปริศนาด้วย) คือช้อบชอบเด็กสปอยล์ ดูน่ารังแก น่าแกล้ง น่าปราบพยศไรงี้

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ และทุกกำลังใจค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 19:43:16 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
กรี๊ดดดดด มาแล้วววววว :hao7:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น้องจันทร์จ๋าาาาาา
เริ่มส่อเค้าญาติดีกับหมอบ้างแล้วเนอะ
สงสัยพ่อสื่อจะได้คู่ก่อนพี่ชายซะแล้วมั้ง 555

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
โอ้ยฟินนนนนนนน
กรี๊ดแปดตลบ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 :impress2:อ่านแล้วน่ารักมาก ตอนหน้าขอคุณหมอกับจันทร์จ้าวอีกนะค๊ะ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
 :-[แค่นี้ก็เขินแล้วล่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เอายาแก้ปวดมาให้กันแต่หัววันแบบนี้นี่กลัวขาดคู่ตีเทนนิสหรือกลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าจันทร์จ้าวกันแน่คะคุณหมอ :m3:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สนุกกกก
จันทร์จ้าวน่าปราบพยศจริงๆ หึหึหึ
คุณหมอจัดไป
ตอนนี้คุณหมอออกเยอะล่ะ สงสัยจะได้ค่าตัวเพิ่ม อิอิ

ทำยังไงให้พี่อาทิตย์พูดเยอะกว่านี้น่าาา
เอาข้าวเกรียบปากหม้อล่อ???

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
คุณหมอคงเอ็นดูเด็กดื้อ แสนอวดดีคนนี้แน่ๆ
เห็นทีนายเภาจะกินแห้วซะแล้ว แต่ถ้าเบนความสนใจไปที่คนอื่นเนิ่นๆก็จะดีนะ คู่คุณพิมจะได้ไม่มีก้าง อิอิ

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
คุณหมอนี่ก็ต้องท่านชายพจน์ปรีชาสินะคะ ^o^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ให้ทายาด้วย ?

 :impress2:

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
ตอนอ่านปริศนา ไม่เคยคิดคู่ท่านชายพจน์กับประวิชเลยนะ

แต่พอคุณคนเขียนพูดถึงเท่านั้นแหละนึกภาพคุณหมอกับคุณหนูจันทร์

เป็นคู่นั้นทันที ม่วนใจหลาย

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :-[ โอ๊ย ฟินนนนนน

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ฟินทุกคู่ :-[

มันช่างสนุกอะไรเยี่ยงนี้ กรี๊ดแตกกับภาษาอันไพเราะ ชอบมากกกกก :hao7: :L1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ตามถึงบ้านเชียวนะคุณหมอ

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักจริงๆเลยคุณจันทร์

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ตีเทนนิสกัน นวดกัน ชวนเข้าบ้านทายา แหม่...ขอฟินล่วงหน้าก่อนได้ไหม

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
ยิ้มเเก้มแตก :katai2-1:

จันทร์จ้าวดูน่าเอ็นดูสุดๆ  ไม่รู้ในหัวคิดอะไรไม่คิดเลยว่าจันทร์จ้าวจะขอให้คุณหมอช่วยทายาจริงๆ

ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
คุณหมออยากปราบหนูจันทร์ใช่มั้ยคะ แอร้ยยยยชอบ
รอตนอต่อไปค่ะ หมอคะ จัดการเด็กดื้อเลยค้าาา :hao6:

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ชอบนิยายแนวนี้มากค่ะ มาเกาะขอบเรื่องนี้ด้วยคน ชอบมากกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด