♥ มหา'ลัย มาหารัก ♥ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ มหา'ลัย มาหารัก ♥ THE END  (อ่าน 552704 ครั้ง)

ออฟไลน์ TimelessOne

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอบตั้มนับถึงสองนี่คือพีคมากครับ มือสั่น น้ำตาซึม

ออฟไลน์ Pingiess

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
คืออ่านไปน้ำตาไหลไป

อารมณ์คนแอบรักนี่โคตรเข้าใจจจจจจ

รักตั้มว่ะ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
สนุกค่า เหมือนจะฮาแต่ไม่ฮา ตอนจบนี้ยิ้มได้อย่างเป็นสุขเลยค่ะ ถ้าอยู่ในนั้นด้วยได้ฟินตาย

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
เรื่องหน้าคณะแพทย์ใช่ไหมคะ *O* #ประกายตาปริบๆอย่างมีความหวัง 55555555555555
ไม่รู้พี่จิตติได้ส่องทวิตทีมม.เราตอนวันเฟรชชี่ไนท์รึเปล่า - ... - v คุณหมอเดือนคณะน่ารักมากเลยนะคะ - / - ~
จะรออ่านตอนต่อไปค่า ชอบเรื่องพยายามศาสตร์มากกกกกกกก ตอนแรกนึกว่าจะจบไม่แฮปปี้แล้วด้วยซ้ำ
แต่แบบนี้คือหลงเลย <3 สู้ๆนะคะะะ

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
ลุ้นมากกก
ตกลงคิดไม่ซื่อกันทั้งคู่

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ลุ้นตั้งนาน สุดท้ายก็แฮปปี้จนได้ :mew1:

ออฟไลน์ `ลoงสิจ๊ะ™

  • รักคือรัก จะให้หักห้ามใจนั้นยาก
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เขินอ่า แบบว่าเพื่อนกูรักมึงวะ
โมเมนท์แบบนี้...ตายคะ

ออฟไลน์ เกรียนเหมียว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ยังคงความสนุกไว้เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ แอบหน่วงเบาๆกับการแอบรักข้างเดียวของนายเอก  :hao7:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
คณะแพทย์มั้ยน่าาาาาา

พี่อาร์คโผล่มาหน่อยด้วยยยยย

(สนใจผมกับเปอร์นิดนึง>>ตี่ไม่ได้กล่าว)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
กรี๊ดดดดดไปแปดล้านตลบก็ไม่พอสำหรับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สำหรับพี่อาร์คของนู๋วววววววว
เฮียแกแย่งซีนสุดๆ
หล่อลอยลำ
หล่อยันความคิด
หล่อยันเล็บตีน
พ่อของลูกกกกกกก
(ตั้งชื่อลูกรอค่ะ ฮิ๊ฮิ๊ฮิ๊)

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
งือ ยังน่ารักเหมือนเรื่องผ่านๆมา

อ่านไปนี้ลุ้นว่าจะ happy กันไหม

รอคณะต่อไปจ้า

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เพื่อนสนิท หนังที่ตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้
ให้อารมณ์มากเรื่องนี้   :mew1:
เรื่องต่อไปคณะแพทย์แน่เลย คณะนี้หน้าตาดี

ออฟไลน์ เฉื่อย

  • UNCOMMON AS NORMAL.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าเหมือนตัวเองพลาดที่ไม่เคยดูหนังเรื่องเพื่อนสนิทเลยอ่ะ คณะต่อไปนี่แพทย์หรือนิเทศน์อ่ะ?

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
โหยน่ารักมาก ตอนพระเอกบอกรักออกสื่อ กรี๊ดดดดด โหวยหวน ดีใจกับตั้มค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หูยยยยงานดี
พี่อาร์คเหนือเดือนก็มาเป็นเกสท์ด้วย 5555
ตอนนี้น่ารักดีค่ะ ไม่ได้เศร้านะเราว่า มันแอบฮาอ่ะ
เพราะนิสัยเจ้าตั้มนี่แหละ เอะอะฮิปสเตอร์
ฮิปบ้าอะไรของแกวะห้ามร้องไห้ 5555

ชื่อแก็งคิตตี้ก็โผล่มาด้วยอ่ะ ดีใจ คิดถึงพี่เดือน
พูดถึงคิตตี้เจนใหม่นี่อยากรู้เลยว่าจะเป็นยังไง
จะประหลาดเท่ารุ่นออริจินัลมั้ยนะ 55555

สุดท้ายนี้ขอประท้อง ขอบทให้น้องสอง คณะพยาบาลของเราหน่อยค่ะ
สงสารน้อง เกือบได้เป็นนายเอกแล้วแท้ๆ ดันโดนเจ้าตั้มแย่งตำแหน่ง
 :laugh:

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
โอยยยยยยยย ปาดน้ำตาป้อยๆเลยค่ะคุณจิตติ T v T ลุ้นแทนตั้มมาก
หน่วงด้วย อินด้วย เพื่อนสนิทนี่เรียกน้ำตาเราได้ตลอดความอินมากนี้
น้องสองมาเป็นพร๊อพจริงๆ 55555555555555

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

นิเทศศาสตร์

“ชีวิตแค่โดนทำร้าย แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย
แค่วันนี้หัวใจสลาย เตือนตัวเองว่าถึงยังไงฉันยังต้องอยู่
ความรักลวงหลอกมันก็แค่เจ็บปวด
ไม่มีค่า...ให้มันทำลายชีวิตไม่ได้”*

   “ไปป์!”
   “กรีดแขน...ไม่ช่วยอะไร”
   “ไอ้ไปป์!”
   “ยิ่งตอกย้ำ ยิ่งกรีดยิ่งทำร้ายใจ”
   “ไอ้สัดไปป์!!”
   “ยิ่งทำเท่าไรก็ยิ่งปวดร้าว...”
   โครม!!
   “โอ๊ยยยยยยยยยยยยย” ร้าวไปถึงทรวงในมั้ยล่ะเอเวอรี่บอดี้ แม่งไปทั้งคนทั้งเก้าอี้ กูอยากจะต่อยมึงให้หน้าสั่น แต่ก็ต้องรีบตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับรั้งเก้าอี้พลาสติกสีขาวขึ้นมาด้วย หลังจากถูกไอ้เพื่อนไม่รักดีขัดฟีลดราม่าไม่ปรึกษาสุขภาพกันสักนิด
   “ถีบกูทำไมเนี่ย” พอได้สติผมก็รีบฉะเพื่อนสนิทตรงหน้าทันที
   “กูเรียกมึงหลายรอบแล้วเสือกไม่ยอมหันเอง มัวแต่ร้องเพลงเสียงดัง รู้ป่ะ เพื่อนแม่งรำคาญ”
   “เสียงกูดี มีปัญหาอะไรมั้ย” ว่าพลางกวาดตาไปทั่วห้องเพื่อตรวจเช็กสเตตัสบนใบหน้าของแต่ละคน โธ่ถัง ขึ้นแต่คำว่ารำคาญเต็มไปหมดเลยเว้ย ใจเย็นมึง เห็นใจคนอกหักยาวนานแต่ไม่รู้จักหลาบจำอย่างกูด้วย
   หัวใจไม่รักดีมันก็อย่างนี้แหละครับ อยากจะลืมใจแทบขาด แต่สมองมันกลับจดจำได้ขึ้นใจ หน้าของเธอ เสียงของเธอ เส้นผมของเธอ หรือแม้แต่กลิ่นประจำตัวของเธอ ผมยังจำได้ดีอยู่เลย...
ยังไม่รู้สินะครับ ผมเคยมีมนุษย์แฟนเก่า ดีกรีเป็นถึงดาวทันตะปีสอง เราเจอกันที่กองประกวดเดือนเมื่อปีก่อน ไม่สิ ‘เกือบ’ เป็นแฟนเก่ามากกว่า เพราะยังไม่ทันได้คบก็มีอันเกิดเรื่อง
ผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนเดียวที่เข้าไปจีบเขา แต่ก็ยังมุ่งมั่นใช้ความกล้าเดินเข้าไปเป็นหนึ่งในตัวเลือก แรกๆ ก็เหมือนจะไปได้ดีครับ เลยเอาใจลงไปเล่นสุดๆ ผมตามใจเธอทุกอย่างและเธอเองก็พร้อมจะใส่ใจผมเช่นกัน เราตัวติดกันแจ   
   ขนาดแค่ช่วงดูใจกันนะเนี่ย...
แต่สุดท้ายรักก็ดันมาร้าวแตกเป็นปูนฉาบไม่ได้มาตรฐาน เมื่อสุดที่รักของผมดันเลือกไปต่อกับรุ่นพี่นิติปีสี่ซึ่งไม่รู้ว่านิสัยและหน้าตาเป็นยังไง หลังจากนั้นผมเลยเจอวิกฤตชีวิตกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวัน
นี่อยากถามเหลือเกิน แล้วผมล่ะ ผมที่สูงตั้ง 175 ซม.หล่อ รวย แถมยังมีดีกรีเป็นถึงเดือนนิเทศปีสอง เธอไม่สนใจบ้างหรือไง
พอกำลังจะหาเรื่องปรับความเข้าใจเธอก็ดันไม่เลือก เออ! คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่!
   สองเดือนที่แล้วผมยังอยู่ตัวคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจ ทุกวันนี้บอกตรงๆ ว่ายังอยากย้อนเวลากลับไปเพื่อไม่ต้องเริ่มสานสัมพันธ์อะไรเลย
   “แล้วแม่งจะนั่งหน้าเศร้าทำไมเนี่ย” ไอ้เพื่อนไม่รักดีถามกลับมา หลังจากเราไม่ได้โต้ตอบกันเหมือนตอนแรก ก็กูบอกแล้วว่ากำลังเข้าสู่โหมดดราม่าอยู่ คิดถึงอดีตครับ
   “มึงก็รู้ว่ากูลืมแป้งไม่ได้” อ๋อย หน้าจ๋อยเป็นผักไม่ได้รดน้ำเลย
   “อกหักไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังเล่นใหม่ได้อีกหลายเทคเว้ย”
   “หลายเทคพ่องดิ ทุกวันนี้กูยังไม่ได้เจอเขาเลย มึงจะให้กูเทคใหม่ตอนไหน”
   “ไอ้ควาย กูหมายถึงเทคกับคนใหม่เว้ย!”
   “ไม่เอาอ่ะ รักเดียวใจเดียว” พูดออกไปทั้งที่ยังพอระลึกได้ว่ามีคนผ่านเข้ามาในชีวิตผมทั้งหมดหลายสิบคน แต่ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนครับ เพื่อนทั้งนั้นเลย...
   “รักเดียวแม่งกินไม่ได้หรอก จะไม่รู้สึกสะใจกว่าเหรอถ้ามึงหาได้ดีกว่าเขา คบแล้วเย้ยให้อิจฉาเล่นต่อหน้าต่อตาไปเลยไง กูว่าแป้งก็แป้งเถอะ เจอแฟนใหม่ของมึงเข้าไปต้องรู้สึกอิจฉาตาร้อนบ้างแหละ”
   “เออว่ะ...” เผลอพึมพำออกมาทันทีที่เพื่อนรักแนะนำทางออกสำหรับปัญหา
   “ไม่ต้องเอออย่างเดียว ช่วยกลับมาคอมเมดี้ได้แล้ว บทดราม่าแม่งโหล”
   “จีบใครดีล่ะที่ว่าปังๆ ส่วนใหญ่ก็มีแฟนกันหมดแล้ว”
   “นี่เลยครับ ศูนย์รวมงานดีของปีนี้ เขาคัดมาเพื่อมึงโดยเฉพาะ” มือสากหยาบกร้านยัดอะไรบางอย่างใส่มือของผม มันเป็นโปสเตอร์พิมพ์สี่สีที่มีตัวหนังสือขนาดมหึมาเด่นหราอยู่ตรงกลาง พิมพ์ด้วยฟอนต์อะไรสักอย่างที่อ่านค่อนข้างยาก
   แต่พอตั้งใจอ่านดีๆ แล้ว...

   มหา’ลัย มาหารัก

   “อะไรวะ” ผมเงยหน้าถามกลุ่มเพื่อนสนิท
   “โปสเตอร์ละครเวทีนิเทศฯ ปีนี้ เพิ่งออกสดๆ ร้อนๆ เมื่อต้นคาบเลย”
   “แล้วไง”
   “พี่มะตูมปีสี่ฝากให้กูมาบอกมึง เขาอยากให้มึงไปลองแคสต์บท”
   “ไม่เอา”
   “ที่นั่นมึงจะได้เจอตัวท็อปของทุกคณะเลยนะเว้ย เพราะรุ่นพี่ทีมจัดงานเขาบอกว่าจะเปิดแคสต์บทนางเอก โดยทาบทามจากพวกเซเลบนี่แหละ แล้วมึงคิดว่าคนเก่งๆ ดีๆ จะไม่กองรวมกันให้มึงไปทำความรู้จักที่นั่นเลยเหรอวะ ที่สำคัญมึงยังสามารถสานสัมพันธ์กับคนที่ตรงใจได้ด้วย เพราะละครแม่งซ้อมกันเป็นเดือนๆ”
   “เหยดดดดดดดดดดดดด”
“เหยดพ่องมึงสิ รีบติดต่อพี่มะตูมเลย”
“ขอบคุณมากนะเว้ย” ผมถลาเข้าไปเขย่ามือเพื่อนรักอย่างออกรสออกชาติ บอกเลยดีใจยิ่งกว่าปีนขึ้นไปทำท่าหกกบบนยอดเขาอีก
   “ไม่ต้องขอบคุณ แค่มึงเลิกดราม่าก็เป็นพระคุณอย่างงามแล้ว รำคาญ!”
   “ต่อไปกูจะไม่ร้องเพลงอกหักให้มึงปวดหูอีกแล้ว” แต่กูจะร้องเพลงรักให้พวกมึงฟังแทน อิ๊ๆๆ คิดได้ดังนั้นก็ลุกออกจากโต๊ะเลยสิครับ
   “แล้วนี่มึงจะไปไหน”
   “ไปหาพี่มะตูม”
“เห่อขนาดนั้นเลย?”
“ขนาดนั้นแหละ ว้ายยยยย อยากมีแฟนนนนนน”
ต่อไปนี้แหละครับที่หัวใจของผมจะลืมสิ้นคนคุยอย่างแป้งโดยไม่เหลือเยื่อใย แล้วเริ่มต้นกับคนใหม่ที่ไฉไลกว่า
   ผมรักละครเวทีนิเทศฯ
   รักทีมจัดงาน
เออ รักชื่อเรื่องด้วยก็ได้...มหา’ลัย มาหารัก





   วันแคสต์บทละครเวทีนิเทศฯ
   เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้แวะไปฝากเนื้อฝากตัวกับรุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นแม่งานใหญ่ของละครเวทีในปีนี้ เผื่อว่าพี่แกจะเอ็นดูให้ผมได้เล่นเรื่องนี้กับคนอื่นเขาบ้าง แต่คำตอบที่ได้ก็คือผมต้องมาลองแคสต์บทที่เหมาะกับตัวเองดูซะก่อน แน่นอนคนหน้าตาดีอย่างไอ้ไปป์ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงเดือนนิเทศศาสตร์คงไม่พลาดบทพระเอกของเรื่องแน่นอน
   ตอนนี้ผมกำลังนั่งรออยู่หน้าห้องแคสต์บท หลายคนเสนอตัวอยากเล่นเอง แต่บางคนก็ถูกสตาฟฟ์ทาบทามให้มาลองแคสต์ดู ซึ่งคนที่ถูกทาบทามส่วนใหญ่ก็มีดีกรีเป็นคนเด่นคนดังจากหลายคณะอย่างที่เพื่อนแก๊งเหาของผมมันบอกไว้จริงๆ
มีทุกชั้นปีครับตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสูง ส่วนบทอื่นๆ ที่ไม่ใช่บทพระนางก็มีทั้งเด็กเอกการแสดง ไปจนถึงนิสิตที่มีความสามารถด้านการแสดงออกจากคณะอื่นๆ เข้ามาแจมด้วย
   ถ้าถามผมว่ามั่นใจแค่ไหนกับการไฝว้บทพระเอก บอกเลยเกือบล้านเปอร์เซ็นต์ ด้วยประสบการณ์ที่เรียนตรงสายการแสดงมาล้วนๆ แถมยังเคยได้ตำแหน่งเบสต์เพอร์ฟอร์แมนซ์ตอนประกวดเฟรชชี่ด้วย เป็นไง ขนลุกขนชันเลยล่ะสิท่า
“ไปป์” พี่มะตูมเรียกแล้ว
   “ครับผม”
   “มาซะเร็วเชียว”
   “ก็ต้องมีบ้างครับ ว่าแต่ปีนี้มีคนไหนที่พี่หมายตาเป็นนางเอกบ้างมั้ย” ถามออกไปอย่างคาดหวัง ยังไงผมก็ได้บทพระเอก แล้วมันจะผิดอะไรที่จะถามถึงนางเอกของเรื่องบ้าง
   “ปีนี้เหรอ ไม่รู้สิ แต่พี่กับทีมก็มองๆ ดาวทันตฯ ปีเราอยู่นะ”
   “...”
   สะอึก! โคตรเกลียดโลกว่ะ แม่งจะกลมไปไหน ผมเลยได้แต่ภาวนาว่าแป้งจะไม่มาแคสต์กับเขาด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นผมชักดิ้นชักงอตายคาเวทีแน่ๆ
   “เดี๋ยวพี่ไปหาเพื่อนก่อน ต่อไปจะมีแคสต์บทนางเอก เราเองก็สู้ๆ นะ”
   “...” ผมได้แต่พยักหน้า มองรุ่นพี่เดินผละออกไป ขณะที่สมองยังเอาแต่รำลึกประโยคเดิมๆ ในหัวไม่รู้จบ
ไม่เอาดาวทันตฯ...ไม่เอาดาวทันตฯ...ไม่เอาโว้ยยยยยยยยยยย
สิบนาทีผ่านไป...
   ได้เวลาแคสต์บทนางเอก หลายคนมานั่งรออยู่หน้าห้องเหมือนๆ กับผมเพื่อแคสต์บทอื่นเช่นกัน
   “เป็นไงบ้าง” แต่แล้วใครคนหนึ่งก็เอ่ยแทรกขึ้น ผมเลยรีบกะพริบตาถี่หันไปทักทายอีกฝ่ายกลับ   
“ดีครับ ซ้อมมาอย่างหนัก” เขาเป็นรุ่นพี่เอกการแสดงปีสูงที่ผมรู้จักมักคุ้นดี
   “งั้นรอดูเลย”
   “พี่...ตัวเต็งปีนี้นอกจากผมยังมีใครอีกมั้ย”
   “มึงเป็นตัวเต็งด้วยเหรอ”
   สัด ไม่กวนตีนกูสักวันได้มั้ยเนี่ย แต่พอผมทำหน้าหน่ายโลกใส่ พี่มันก็หันมาปลอบโยนอย่างดี
   “คืองี้นะ คาแร็กเตอร์ของพระเอกอ่ะ เขาอยากได้ผิวออกแทนหน่อย ก็เลยมองไปที่เดือนวิศวฯ ปีสาม กับหลีดวิทยาฯ ปีสอง คือหุ่นได้ หน้าได้ แต่ต้องมาลองแคสต์อีกทีว่าการแสดงจะโอเคหรือเปล่า” พี่แกพูดจบปุ๊บ ก้มมองดูสารร่างตัวเองปั๊บ ส่วนไหนในร่างกายของผมที่แทนบ้างวะ
นั่นเท่ากับว่าเปอร์เซ็นต์การได้บทพระเอกตอนนี้มีค่า...ติดลบอินฟินิตี้
   “เฮ้ย ไปป์ มึงไม่ต้องเสียใจ บางทีมึงอาจได้บทพระเอกถ้าเล่นดีจนคนปฏิเสธไม่ลง แต่ถึงไม่ได้ก็ยังมีบทอื่นอีกนะเว้ย”
   “บทห่าไรวะพี่”
   “ก็บท...”







   “ไปป์ ถึงคิวมึงแล้ว”
รุ่นพี่ปีสูงกวักมือเรียกให้เข้าไปในห้องแคสต์บท ผมจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินโพสต์ท่านายแบบเพื่อข่มให้คู่แข่งได้รู้ว่ากูเนี่ยแหละผู้ชนะ แต่พอเดินเข้าไปยืนต่อหน้ากรรมการซึ่งนั่งเรียงกันห้าคน พ่วงอาจารย์นิเทศฯ มาด้วยอีกหนึ่งแล้ว ใจทั้งดวงก็พลันห่อเหี่ยวเป็นแคบหมูโดนลมขึ้นมาทันที
   “น้องไปป์ เดือนนิเทศฯ ปีสอง” รุ่นพี่มะตูมพึมพำชื่อผม
   “หน้าตาโอเคอยู่นะ แต่ผิดคาแร็กเตอร์ไปนิดนึง มันมีบทอื่นที่เหมาะกับน้องมากกว่า”
   “ให้ลองก่อน ถ้าได้ก็ไม่เสียหาย” คราวนี้เป็นเสียงของอาจารย์ที่แทรกขึ้น รุ่นพี่เลยพยักหน้าลุกขึ้นมายื่นกระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งให้ผม ซึ่งมีบทสนทนายาวเหยียดอยู่ในนั้น
   “คืองี้นะไปป์ บทพระเอกเนี่ยจะเป็นแบดบอยที่คาริสม่าสุดๆ โดยจุดเด่นคือคารมดี พูดหยอด พูดหวานใส่ชาวบ้านตลอด ประมาณว่าชอบโปรยเสน่ห์ไปทั่วน่ะ เราพอจะเล่นบทนี้ให้พี่กับอาจารย์ดูได้มั้ย”
   “ได้ครับ”
   เฮอะ! บทโปรยเสน่ห์นี่ผมถนัดเลยล่ะครับ อย่างที่บอกว่าค่อนข้างเชี่ยว เพียงแต่นานๆ ทีจะมีคนติดเบ็ด
ผมมองหน้านางเอกจำเป็นอย่างพี่มะตูมชั่วครู่ ก่อนจะหันไปกระแอมไอเพียงเล็กน้อย
   “อะแฮ่ม!” จัดการพลิกกระดาษเอสี่ในมือขึ้นมา ท่องจำตัวอักษรตรงหน้าเอาไว้ พร้อมเริ่มแอ็กติ้งแบบเต็มสตรีม งานนี้แหละ เจมส์จิก็เจมส์จิเถอะ เจอไปป์จิเข้าไปต้องแหวกซ้ายเข้าข้างทาง
   “เธอ...เธอชื่ออะไรเหรอ” ผมเอื้อมมือสะกิดไหล่ร่างบางที่กำลังหันหลังให้ ก่อนพี่มะตูมจะหันหน้ามามองด้วยแววตางงงวยตามบทแบบสมจริงสุดๆ
   “ระ...รุ่นพี่วายุ!”
   โอ๊ยยยยยย เจ้จัดหนักจัดเต็มมาก ตาเตอ หน้าเน่อไปหมด จนผมเชื่อเลยว่านางเอกมันตกใจความคาริสม่าของพระเอกจริงๆ แหม...ก็บทมันส่งให้ผมดูเป็นคนรัศมีเรืองรองขนาดนั้น ครั้นจะเล่นธรรมดาก็คงไม่ใช่ ผมเลยจัดการสะบัดจะงอยผมหน้าเรียกเรตติ้งซะเลย
   “รู้จักพี่ด้วยเหรอครับ”
   “ทะ...ทำไมจะไม่...ระ...รู้จักล่ะคะ พี่วายุภาคเครื่องแกง”
   “ถุย!! เครื่องกล”
ผมอยากจะถามคนเขียนบทจับใจว่านี่ตั้งใจพิมพ์แบบนี้จริงๆ หรือแค่พลาดแป้นพิมพ์สะดุดกันแน่ พี่มะตูมน่ะไม่เท่าไหร่ครับ แค่ชะงักตรงผมเผลอถุยน้ำลายจริงจัง แต่กับกรรมการนี่ดิ หัวเราะยิ่งกว่านั่งดูเดอะเฟสรันเนอร์
   กูนี่ใคร! กูทีมพี่ลูกกรอกนะเว้ย กล้าหัวเราะหรา
   “ทุกคนครับ ตรงนี้ทีมงานน่าจะพิมพ์ผิด” ฟ้องเลย ผมรีบฟ้องทันที
   “ไม่ผิดค่ะน้องไปป์ มหา’ลัยมาหารักเป็นละครเวทีแนวคอมเมดี้ หลังจากมะตูมพูดคำว่าเครื่องแกงปุ๊บ เราจะต้องทำเป็นหัวเราะแบบมีอินเนอร์ของความเจ้าชู้ แต่เรากลับถุยน้ำลายใส่” ผมอยากจะถุยอีกรอบให้มันรู้แล้วรู้รอดแม่ง แบบไหนที่เรียกอินเนอร์ของความเจ้าชู้วะ ช่วยขากเสลดให้คนโง่อย่างผมเข้าใจง่ายๆ หน่อย
   “ขอโทษครับ งั้นผมขอเริ่มใหม่นะครับ อะแฮ่ม!”
   “ไปป์หยุดก่อนนะ ไหนลองซีนนี้ให้พี่ดูหน่อย” พี่มะตูมรีบเบรกความตั้งใจของผมกะทันหัน ก่อนจะยื่นกระดาษอีกแผ่นมาให้ ซึ่งบนหัวกระดาษเขียนข้อความเอาไว้ว่า ‘บทอ้อน’
   อ๋อยยยยย พระเอกเรื่องนี้มันขี้อ้อนด้วยเหรอวะ
   “ให้ผมเล่นบทนี้เหรอครับ” ผมเริ่มไม่มั่นใจความเป็นตัวตนของพระเอกเรื่องนี้ละ สรุปไอ้วายุในเรื่องมันเป็นคนยังไงกันแน่
   “ไปป์เริ่มเลย”
   ผมกอบโกยออกซิเจนเข้าปอดเฮือกใหญ่ ควบคุมพลังลมปราณเอาไว้สุดความสามารถ ก่อนจะถลาเข้าไปหานางเอกและตั้งหน้าตั้งตาเล่นอย่างเต็มที่
   “คุณ...” ผมพูดออกไปนิ่งๆ รอจนพี่มะตูมหันมาสนใจแล้วจึงพูดประโยคใหม่ออกมา
   “...”
   “คุณคร้าบบบบบ” ไม่พูดเปล่า ยังเสือกกะโหลกเล่นนอกบทด้วยการโน้มหัวไปซบบนไหล่ของอีกฝ่ายด้วย ฮ่อล เกิดมาผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแรดเท่านี้มาก่อนเลย 
   “กินอยู่ อย่าเพิ่งอ้อน” เจ้าตัวว่าพลางทำท่างับคอไก่อย่างมีความสุข คิดดู แม้แต่โลกมโนพี่มะตูมแกยังสามารถอร่อยไปกับความว่างเปล่าได้
   “อ้อนไม่ได้เหรอ”
   “ไม่ได้”
   “มองหน้าก่อน” ผมสะกิดไหล่ก็แล้ว เรียกร้องความสนใจก็แล้ว เธอก็ยังทำหยิ่งไม่สนใจ
   “...”
   “ผมอร่อยกว่าไก่บอนชอนอีกนะ มองผมเถอะ”
   “โอเค!” เสียงของใครคนหนึ่งแทรกขัดจังหวะ ก่อนห้องที่เคยเงียบสงบจะเต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจของบรรดากรรมการ
   “ชัดเลย”
   “อืม พี่ก็ว่าชัดนะ อาจารย์ว่ายังไงครับ”
   “อาจารย์โอเค ยิ่งแคสต์ก็รู้สึกว่าเขายิ่งเหมาะ”
   ผมนี่ยิ้มกริ่มเลย
   “โอเค น้องไปป์ได้บทคู่จิ้นกับตัวละครอีกตัวนึงนะคะ”   
“ฮะ!! แล้วบทพระเอกล่ะครับ” อารมณ์ของผมหลังจากได้ยินคำตัดสินจากกรรมการ บอกเลย...ตดล้วนๆ ไม่มีอะไรผสม
   “มันไม่โอเคน่ะ เรายังไม่สตรอง” อื้อหือ แบบไหนถึงเรียกว่าสตรองครับรุ่นพี่ น้ำตากูจิพราก เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกูอีกครัช มรสุมใหญ่เหรอ
   “แล้ว...แล้วคู่จิ้นนี่คืออะไรครับ”
   “คู่วาย ชายรักชายในเรื่องน่ะ”
   “ฮะ!!”
   “เดี๋ยวพี่จะรอแคสต์อีกคนก่อน ถ้าได้คงจะได้มาลองเข้าคู่กัน”
   “พี่มะ...มองใคร...ไว้ครับ” ผมเบะปากเตรียมร้องไห้อยู่รอมร่อ หน้าสั่น ปากสั่นไปหมด แถมตอนนี้ตะคริวก็กำลังกินขาแล้วด้วย
   “ตอนนี้พวกพี่มองไทม์เอาไว้อยู่ ไม่รู้ว่าจะมาเล่นให้มั้ย เพราะเขาค่อนข้างเก็บตัว”
   “พูดถึงไทม์นี่อยากให้มาเล่นมาก รู้สึกเคมีน่าจะเข้ากับไปป์นะ”
   “ถ้าจีบให้มาเล่นได้จริงๆ บัตรคงขายหมดตั้งแต่สามสิบนาทีแรกแล้ว”
   เดี๋ยวนะ!
   ไทม์ไหนวะ?
   ไม่อยากเล่นแล้วอ่ะ แต่ก็ไม่สามารถยื่นหน้าด้านๆ ตอบกรรมการไปว่าไม่เอาแล้ว เพราะนอกจากจะโดนแบนจากรุ่นพี่ ไม่แน่ว่าอาจารย์ก็อาจผิดหวังในตัวเราด้วย
   “ขอบคุณมากนะไปป์ พรุ่งนี้พี่จะนัดอีกทีตอนได้นักแสดงครบแล้ว”
   “ครับ สรุปบทพระเอก”
   “ไม่ได้ค่ะ”
   “แต่ได้บท...”
   “คู่จิ้นชายรักชายค่ะ โชคดีนะ เราเล่นบทอ้อนได้น่ารักมากเลย”
   “หมายความว่า...”
   “หมายความว่ายังไงก็ได้เล่นบทนายเอกค่ะ เดี๋ยวพี่หาพระเอกน้องก่อนนะ รอแป๊บนึง”
เผยอปากแรง ไม่รู้จะถามอะไรกลับไป แถมพี่แม่งก็กำลังหาคู่จิ้นให้อีกด้วย อ๊ากกกกกกกกกกก
   จากบทพระเอกเปลี่ยนเป็นคู่จิ้นสุดฟิน
ชีวิตผมพลิกผันเหลือเกิน








   หลังเลิกเรียนผมได้รับไลน์จากพี่มะตูมให้มารวมพลที่ห้องซ้อมการแสดง ซึ่งก็เป็นไปตามคาดครับ วันนี้คงเป็นวันที่เราทุกคนต้องหันหน้าแนะนำตัวกันอย่างจริงๆ จังๆ บางคนก็รู้จักมักคุ้นกันดี แต่บางคนแทบไม่รู้เลยว่าอยู่มหา’ลัยเดียวกันด้วย
   ถึงแม้ว่าผมจะได้เล่นบทเกย์อย่างไม่คาดหวัง ทว่าอย่างน้อยพระเจ้าก็เห็นใจคนอกหักรักคุดด้วยการดลบันดาลให้แป้ง อดีตว่าที่แฟนเก่าของผมตกรอบแคสติ้งไปตั้งแต่เมื่อวาน มันก็เลยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง
   จากที่ลองถามไถ่ใครหลายๆ คนดู พระเอกของเรื่องเป็นหลีดคณะวิทยาศาสตร์ครับ คมเข้มอย่างที่กรรมการอยากได้ ส่วนนางเอกเป็นสาวน้อยหน้าใสคนธรรมดาที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย แต่มีเสน่ห์และร้องเพลงเพราะมากๆ ไอ้ไปป์ยอมใจ
เอาล่ะ รู้บทเด่นไปหมดแล้ว ถ้าเป็นตัวประกอบต้องบอกเลยว่ารู้จักเกือบหมด ไอ้แม็กเล่นเป็นคนสวน น้องเอ็มเล่นเป็นอาจารย์สอนมวยไทย ไหนจะพี่เคประธานรุ่นปีสาม แกก็ไม่พลาดคว้าบท รปภ. เฝ้าตึกไปครอง
   หูยยยย นั่นพี่จิตติดาวมหา’ลัยปีสามก็มาแคสต์บทด้วย แต่ดันได้เล่นเป็นคนรับใช้นางเอก -_-
ส่วนคู่จิ้นของผม...
   ไม่รู้ครับ
   ไม่เห็นมีใครพูดถึง ถามใครเขาก็บอกไม่รู้เรื่อง สรุปผมต้องเล่นกับคนหรือวิญญาณ ตอบ!!
   “เอาล่ะ มาครบกันหมดแล้วนะคะ” เสียงของพี่มะตูม แม่งานใหญ่ของละครนิเทศฯ ปีนี้โพล่งขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพูดชั่วขณะและหันไปให้ความสนใจกับคนตรงหน้าแทน
   “ละครเวทีนิเทศฯ ปีนี้มีชื่อเรื่องว่า มหา’ลัย มาหารัก นักแสดงมีทั้งหมด 47 คน”
   “หูยยยยยยยยยย” เยอะเว่อร์วังอลังการ ทำเอาหลายคนถึงกับส่งเสียงร้องออกมาทันที นี่แค่นักแสดงนะครับ ไม่รวมทีมงานฝ่ายอื่นๆ อีกเกือบร้อยชีวิต
   “ก็เพราะคนเยอะเนี่ยแหละ เราเลยต้องมีกิจกรรมทำความรู้จักและละลายพฤติกรรม แต่ก่อนที่จะไปถึงตอนนั้น เดี๋ยวพี่จะให้เพื่อนช่วยกันแจกบทคร่าวๆ ของละครให้ก่อน และก็มีการแนะนำตัวนักแสดงหลักๆ ด้วย ซึ่งมีอยู่สองคู่นะคะ เริ่มที่พระเอกและนางเอกของเรื่องก่อนเลย”
   “วี้ดวิ้วววววววววววววว แปะๆๆ” เด็กหนุ่มผิวเข้มกับน้องนางเอกหน้าหมวยลุกขึ้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางเดินไปยังด้านหน้าเพื่อให้พี่มะตูมช่วยแนะนำ
   “นางเอกชื่อน้องพราว ปีหนึ่ง รับบทเป็นครีม ส่วนพระเอกชื่อน้องต้น ปีสอง รับบทเป็นวายุ”
   “สวัสดีครับ/ค่ะ”
   เสียงปรบมือดังเกรียวกราวประมาณสิบวินาที ก่อนจะหยุดลง หลังจากนั้นพี่มะตูมสุดสวยก็กราดสายตาไปมาและหยุดอยู่ตรงหน้าของผมอย่างจัง แหงก! อย่าบอกนะ...
   “คู่รองอีกคู่หนึ่งที่ปีนี้คงเป็นสีสันของงานมากๆ น้องไปป์เดือนนิเทศฯ ปีสอง รับบทเป็นอาร์ต และ...”
   “...”
   เงียบกริบ ไม่ใช่เพราะผมไม่น่ากรี๊ดครับ แต่เพราะโดนบิลด์ให้เดินออกมาคนเดียว ส่วนพี่มะตูมก็เล่นชะงักกึกอย่างกับนาฬิกาถ่านหมด
คู่จิ้นผมหายครับ นี่เริ่มมั่นใจจริงๆ แล้วว่าคงต้องได้เล่นกับสสารบางอย่างที่เข้าข่ายคำว่าวิญญาณชัวร์
   “ไปป์ไม่เห็นไทม์เหรอ” เจ๊แกกระซิบถาม
   “ไทม์ไหนผมยังไม่รู้จักเลย จะให้ผมเห็นได้ยังไงล่ะ”
   “เพียว มึงโทรตามเพื่อนมึงด่วน ไหนบอกว่าตกลงแล้วไง อย่าเบี้ยวนะ กรี๊ดดดดดด” เป็นหนักมากครับ หายไปคนเดียวหาคนใหม่มาแทนยังได้เลยเหอะ
   “เดี๋ยวมันมา อาจารย์นิติฯ ปล่อยช้า”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2024 05:44:35 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   ก๊อกๆๆ
   ยังไม่ทันที่ความงงเก่าจะจางหาย ความงงใหม่ก็เข้ามาแทนที่ด้วยเสียงเคาะประตูเป็นจังหวะชะชะช่า ทุกสายตาจับจ้องไปยังต้นเสียง นึกภาพตามนะ เพลง Hello ของ Adele บรรเลงขึ้น พร้อมกับภาพของใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาภายในด้วยท่าทางสโลโมชั่น
   “อร๊ายยยยยยยยยย >///<”
   “พี่ไทม์จริงอ่ะ”
   เดี๋ยวนะ เพราะเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด ผมเลยไม่แน่ใจว่าทำไมบรรดาชาวประชาทั้งหลายที่อยู่ในห้องถึงพากันกรี๊ดแตกขนาดนี้ แต่พอร่างสูงของคนมาใหม่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาโคตรๆ ผมก็รู้ในทันที...
   ไอ้สัด! คาริสม่าของจริง
   ส่วนสูงถ้ากะจากสายตาไม่น่าจะต่ำกว่า 185 เดี๋ยวก่อนนะ...หนึ่ง สอง สาม หักนิ้วจนแทบพลิกเพื่อนับว่าสุดท้ายผมพบว่าตัวเองนั้นเตี้ยกว่ามันสิบกว่าเซ็นต์ เชี่ย เคมีในตำนาน!
มันเดินมาแล้ว เดินมาอยู่ข้างกูด้วย อ๊ากกกกกกกกกกกกกก เกิดการเปรียบเทียบ
   จากออร่าเดือนจู่ๆ ก็ดร็อปไปเป็นพลูโตเลยสัด -_-
   ไอ้ไทม์อะไรนี่คงไม่ใช่เดือนคณะแน่ๆ เพราะผมมั่นใจว่ารู้จักรุ่นพี่เดือนนิติฯ แทบทุกชั้นปี แต่กับคนคนนี้แม่งเป็นใครวะถึงมาแย่งซีนทุกคนไปได้ง่ายๆ
   “มาแล้วนะคะ นี่คือพี่ไทม์ นิติฯ ปีสี่ รับบทเป็นวิน”
   “ฮ่อลลลลลลลลลลล”
   ลืมกูไปเลย มัวแต่มองหน้าคนมาใหม่แต่ช่วยได้โปรดมองมาที่ผมคนนี้สักวินาทีเถอะครับ สามัญชนอย่างไอ้พี่ไทม์นิติฯ มีดีแค่หน้าตา แต่ลีลาสู้ผมไม่ได้หรอก บอกเลย
   “อ่ะ เห็นหน้าค่าตานักแสดงหลักไปแล้ว ที่เหลือเรามาเข้าสู่กิจกรรมทำความรู้จักกันดีกว่า” ผมได้แต่มองคนตัวสูงกว่าข้างๆ ตาปริบ รอให้อีกฝ่ายพูดทักทายกลับมา เพราะตอนนี้ผมได้ยื่นไมตรีส่งยิ้มให้แล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจกัน สุดท้ายผมเลยตัดสินใจเป็นฝ่ายทักเอง
   “ดี ชื่อไปป์นะ พี่ชื่อไทม์ใช่มั้ย”
   “...” เงียบ
   “แบบเราเล่นคู่กันว่ะ เป็นคู่จิ้น”
   “...”
   ไอ้ไทม์หันมามองผมชั่วครู่ จากนั้นมันก็เดินผละออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เหยดเข้!! นี่หยิ่งหรือหูตึง ตอบ!
   แต่ในเมื่อดีมาไม่ยอมดีกลับ เรื่องอะไรคนอย่างไอ้ไปป์จะสุงสิงด้วย ผมรีบเดินแยกกับคนหยิ่งอย่างมันกลับเข้าไปนั่งในแถว ระหว่างนั้นพี่มะตูมกับทีมงานก็พูดอะไรไม่รู้ต่อ ซึ่ง...อยากสนใจนะว่าเขาต้องการสื่ออะไร แต่มันดันถูกกลบด้วยเสียงจอแจของบรรดาคนในห้องมากกว่า
   เชื่อป่ะ หลายคนที่ผมหมายตาก็ยังเข้าร่วมวงสนทนาพูดคุยกันอยู่เลย
   “โคตรตื่นเต้น เพิ่งรู้ว่าพี่ไทม์เล่นด้วย”
   “ที่สุดในสามโลก คนอะไรโคตรน่าค้นหาเลย ตอนปีหนึ่งสอบแอดมิชชั่นเข้ามาได้เป็นอันดับหนึ่งของคณะ แถมยังฟาดเกรด 4.00 มาทุกเทอมอีกต่างหาก เก่ง หล่อ รวย ครบ!”
   “ใช่ๆ พ่อเป็นอัยการ ทีมไทม์ครบนะคะ ก็เห็นปกติพี่เขาไม่ค่อยสุงสิงกับใครไง พอโผล่มาในกองละครเวทีปุ๊บมีหวังขึ้นมาทันที”
   “หวังอะไรจ๊ะ ระวังดาวทันตฯ ปีสองตามกระชากหนังหัวเธอแทนนะ”
   “เดี๋ยว!” ฉับพลันผมตะโกนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ เข้าใจว่าคงเป็นรีเฟล็กต์หลังจากได้ยินคำว่าดาวทันตฯ คือผมค่อนข้างเซนซิทีฟกับคำนี้มากครับ
   “อะไรเหรอไปป์”
   “ดาวทันตฯ ปีสอง เกี่ยวอะไรกับพี่คนนั้น”
   “เขากำลังคุยๆ กันอยู่”
   “...!!”
   “ไปป์ตลกอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” เออ ตากูแทบถลนแล้วเนี่ย
   “ไม่ใช่คนชื่อแป้งใช่มั้ย”
   “แป้งน่ะสิ ดาวทันตฯ ปีเราก็มีแป้งแค่คนเดียว แต่เอ๊ะ! เขาเคยคุยกับไปป์นี่นา แล้วมาเล่นกับพี่ไทม์จะไม่มีปัญหาเหรอ”
   “ไม่! เรากับแป้งไม่ได้เป็นอะไรกัน”
   “...”
   “ยังไงก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”
   ใช่มั้ย ไอ้พี่ไทม์...







   ผมแยกแยะได้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ไม่ได้เป็นพวกชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงาน ดังนั้นมันจะมีปัญหาได้ยังไง
   ทีมผมต้องสตรอง
   “ไทม์ไปป์ มานั่งตรงข้ามกันค่ะ เราจะทำกิจกรรมแล้ว” อย่าเรียกชื่อผมติดกับมันได้ป่ะครับ เสนียด!
   ความขุ่นเคืองให้เก็บเอาไว้ในใจ กูจะไม่ระเบิดมันออกมาให้เสียภาพลักษณ์ตัวเองแน่ๆ คิดได้อย่างนั้นก็รีบเดินกระทืบส้นเท้ามายืนต่อหน้าไอ้คนหน่ายโลก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิตรงข้ามกัน
   ด้วยนักแสดงที่มีมาก ดังนั้นพี่มะตูมจึงแบ่งเราออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มนักแสดงหลักกับตัวประกอบ ซึ่งผมกับไอ้ไทม์เนี่ยจัดอยู่ในหมวดแรกครับ เรานั่งเรียงเป็นแถวตอนสองแถว แถวละสิบคน จากนั้นก็นั่งหันหน้าเข้าหากัน
   เอาซี้!! ถ้ามึงอยากจะไฝว้
   “เอาล่ะ พี่จะให้ในกลุ่มตั้งคำถาม อยากถามใครก็แค่เรียกชื่อแล้วคนที่ถูกเรียกก็ต้องตอบคำถาม ทำแบบนี้สลับกันไปมาเรื่อยๆ เพื่อทำความรู้จักกันนะ แล้วเดี๋ยวพี่จะบอกหยุดเอง เริ่มได้ค่ะ” สิ้นเสียงเจ๊สุดรัก กิจกรรมก็เริ่มต้นขึ้นโดยใครคนหนึ่ง
   ตอนแรกผมกะขอเบอร์สานสัมพันธ์กับเธอด้วยแหละ แต่พอไอ้ไทม์โผล่เข้ามา ผมเลยยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อไฝว้กับมันคนเดียว
   “ถามพี่ไทม์”
   “อูยยยยยยยย” กองเชียร์ก็แซวกันใหญ่
   “ครับ”
   “ทำไมไม่เป็นเดือนคณะคะ” เกี่ยวเหรอ ผมได้แต่หรี่ตามองป้ายชื่อบนอกของผู้หญิงคนนั้น เธอชื่อปราง
   “ไม่หล่อครับ”
   “โว้วววววววววว” เสียงร้องอื้ออึงดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงตบเข่าฉาดใหญ่
   “ไม่จริงอ่ะ ใครๆ ก็บอกว่าปีนั้นถ้าพี่ประกวดเดือนคณะคงได้เป็นเดือนมหา’ลัยเลยนะ”
   “น้องคนเดิมถามพี่ขอไม่ตอบนะ จิตติอยู่ปีอะไร” จากนั้นคุณความมั่นหน้าก็หันไปถามคนอื่นต่อ ทิ้งให้ปรางน้อยที่แสนร่าเริงทำหน้าหงอยขึ้นมาทันที
   “ปีสามค่ะ ต่อไปถาม...น้องวุฒิอยู่ปีหนึ่งใช่มั้ย ชอบกินกล้วยหรือเปล่า” กูล่ะเกลียดคำถามดาวมอจริงๆ
   “ไม่ชอบครับ ชอบกินแต่ละมุด พี่ไปป์!” อ้าว ตากูแล้วเหรอ
   “ว่ามา”
   “เสียใจมั้ยได้บทคู่จิ้น ตอนแรกพี่มาแคสต์บทพระเอกไม่ใช่เหรอ” แรงงงงงงงงงงงง
   “เสียใจ” ตอบตรงๆ ไปเลย อ้อมไม่ได้เดี๋ยวหลง ถุย
   “ไปป์ถามต่อเลย”
   “ถามพี่ไทม์...” แค่เรียกชื่อ สงครามเย็นก็บังเกิดแล้วมึงเอ๊ย สายตาของผมกับมันผสานกัน จดจ้องราวกับจะดูว่าใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หลบตาไปก่อน ซึ่งแน่นอน...ผมแพ้ว่ะ รู้สึกแสงในห้องมันจัดเลยเคืองตานิดหน่อย
   “คิดว่าหล่อแล้วหยิ่งได้เหรอ” ทันทีที่ผมโพล่งคำถามออกมา ความเงียบในแถวก็บังเกิดขึ้นทันที
   “ไม่ได้หยิ่ง แต่กูจะไม่คุยกับคนที่ไม่สนิท งั้นกูถามมึงต่อ...”
   “...”
   “คิดว่าสนิทกับกูพอหรือยัง”
   “สนิทหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็พอจะรู้ว่าคนที่ชอบตัดหน้าแย่งคนคุยของคนอื่นเป็นไง ถามพี่ต่อเลย”
   “...”
   “รู้สึกดีมากมั้ยที่ทำลงไป”
   “รู้ได้ยังไงว่าแย่ง กูยังไม่มีแฟนเลยนะเว้ย มึงเรียกว่าแย่งเหรอ”
   “อูยยยยย พี่ไทม์ไม่มีแฟน พี่ไทม์ไม่มีแฟน” เสียงฮือฮาภายในห้องทำให้ผมปวดหัว ต้องนั่งสงบสติอารมณ์อยู่นานกว่าอาการดีใจจนออกนอกหน้าของคนโดยรอบจะเงียบลง
   “ถามต้น กลัวหวั่นไหวกับน้องพราวมั้ย เห็นเล่นคู่กัน”
   “ผมคิดว่าไม่ ถามไปป์” กูอีกละ...
   “...”
   “เล่นเป็นคู่จิ้นไม่กลัวหวั่นไหวกับพี่ไทม์บ้างเหรอ”
   “ไม่! ถามพี่ไทม์ พี่ก็ไม่มีทางหวั่นไหวใช่มั้ย แม่งไร้สาระว่ะคำถามนี้” ใช่! กูถามออกมาได้ยังไงวะ
   แต่เจ้าตัวกลับนิ่ง และทุกคนก็คาดหวังจะได้ยินคำปฏิเสธจากปากหมอนี่เหมือนกัน
   “ความเห็นแต่ละคน ถึงแม้ว่าจะดูไร้สาระ แต่มันก็ไม่เสมอไปหรอก”
   “...”
   “บางที คนที่พูดว่าจะไม่ไหวหวั่น มันห้ามความรู้สึกไม่ให้หวั่นไหวอย่างที่ปากพูดไม่ได้นะเว้ย”
   เชื่อป่ะ แค่หน้าเฉยๆ กับการพูดประโยคชวนอ้วกของมัน แทนที่จะทำให้ผมเบะปากแล้วด่าเป็นฟืนเป็นไฟในใจได้ แต่สุดท้ายผมกลับ...รู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
   หรือนี่จะเป็น...
   การแสดงบทคู่จิ้นโดยไม่มีการเตี๊ยมกันก่อน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
   ไอ้ไทม์ก็คงเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุด






   “เหนื่อยโว้ยยยยยยยยย”
   “เป็นเชี่ยไรมึง ไอ้ไปป์”
   “เหนื่อยเรียน แล้วยังมาเหนื่อยซ้อมละครอีก”
   “ได้ข่าวว่าวันนี้เพิ่งวันแรก มึงชิงเหนื่อยก่อนแล้วเหรอวะ” ไอ้พวกเพื่อนอย่างมึงที่กลับห้องไปก็เล่นแต่เกมแม่งไม่เข้าใจกูหรอก สามวันเต็มๆ ที่เราต่างทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมและซ้อมบทแยก รังสีความเหนื่อยก็แผ่ซ่านออกมาแล้ว
   แต่สำหรับวันนี้มันหนักกว่านั้นครับ เพราะบทที่ได้รับมาบอกได้เป็นอย่างดีว่าผมจะต้องซ้อมบทกับคู่จิ้นรักหักเหลี่ยมโหดอย่างไอ้พี่ไทม์ ศัตรูคู่อาฆาตที่อยากฆ่าให้ตายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
   “พวกมึงแม่งไม่เข้าใจหรอก”
   “มีปัญหาอะไรก็บอกดิวะ บ่นพึมพำแบบนี้กูจะตรัสรู้มึงมั้ย” ผมหรี่ตามองก๊วนเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
   “มึงจำแป้งได้มั้ย”
   “อ่ะฮะ”
   “นั่นแหละ แป้งชอบไอ้คนนั้น คนที่รับบทเป็นคู่จิ้นกูอ่ะ”
   “เหยดดดดดดดด”
   “แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ”
   “เอาน่า ไม่ต้องไปสนใจหรอก สนใจภารกิจหาคนคุยใหม่เพื่อเย้ยแป้งจะดีกว่ามั้ย” แก๊งเหาตบบ่าผมปุๆ แล้วพากันแยกย้ายจากไปก่อนทิ้งผมไว้ให้ยืนเคว้งเพียงลำพัง พยายามรำลึกคำพูดของพวกมันตลอดเวลาเพื่อถามว่า...ความห่วงใยอยู่ตรงไหน ไอ้สัด!







   “ไทม์ไปป์ ซีนนี้เป็นซีนที่ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันครั้งแรก แล้วในเรื่องอ่ะ ไปป์ที่รับบทเป็นอาร์ตจะแอบชอบไทม์ที่รับบทเป็นวิน ดังนั้นพี่ขออินเนอร์ของคนแอบรักนะ” คราวนี้คนเขียนบทมาเองเลยครับ
   ผมก็พยักหน้าไปส่งๆ เท่านั้น ก่อนเราจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว และทิ้งระยะห่างไว้เพียงเล็กน้อย
   “สาม สอง แอ็กชั่น!”
   หลังจากได้ยินคำสั่งจากรุ่นพี่ ผีการแสดงก็เข้าสิงร่างกูทันที ผมหันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าของไอ้ไทม์ชั่วครู่ บอกตรงๆ...เห็นแล้วหัวใจจะวาย ร้อนหน้าร้อนตาฉิบหาย แต่พอนึกได้ว่ากำลังเล่นละครอยู่ ผมเลยก้มลงเขียนอะไรยุกยิกลงบนกระดาษ และส่งต่อให้คนตัวสูง
   ส่งต่อ...โดยที่ทำได้แค่วางเศษกระดาษสีขาวไว้ตรงพื้นที่ว่างบนเก้าอี้เฉยๆ
   ดูเป็นนายเอกที่น่ารันทดเนอะ
   ตามบทไอ้ไทม์มันจะต้องทำเป็นไม่สนใจ และผมก็จะสะกิดไหล่มันเบาๆ
   “นาย...”
   “อะไร”
   O_O
   เกลียดที่มันหันมาแล้วทำตาเยิ้มแบบนั้น เป็นไงล่ะ ผมนี่อึ้งไปเลยครับ
   “คือ...” ว่าพลางชี้ไปยังกระดาษสีขาวตรงนั้น
   “ให้เราเหรอ”
   “อื้ม”
   ไอ้พี่ไทม์เอื้อมมือมาหยิบเศษกระดาษที่ผมเขียนข้อความเอาไว้ ความจริงมันควรจะว่างเปล่านั่นแหละ แต่คนเขียนบทบอกให้เล่นเสมือนจริง ดังนั้นผมจึงเขียนตามสคริปต์ล้วนๆ
   เราชื่ออาร์ต
   “เราชื่ออาร์ต”
   เสียงคนพากย์ด้านหลังอ่านข้อความนี้ขึ้นมา ก่อนร่างสูงจะเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วจึงหันไปเขียนข้อความอะไรสักอย่างขยุกขยิก
   ชื่อวิน
   “ชื่อวิน” ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น บอกเลยว่าซีนนี้เป็นซีนเปิดฉากของเราทั้งคู่ ดังนั้นมันจึงเป็นการทำความรู้จักกันตามแบบฉบับเลี่ยนๆ แล้วผมก็ต้องพร้อมตายไปกับการพลีชีพได้ทุกเมื่อ
   ผมก้มลงฉีกกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง จากนั้นก็เหมือนเดิมครับ เขียนข้อความลงไป
   เราเห็นนายมานานแล้ว นายน่ารักดี
   “เราเห็นนายมานานแล้ว นายน่ารักดี”
   ไอ้ไทม์หยิบไปอ่านพลางยิ้มกรุ้มกริ่มตามบท ซึ่งผมก็ไม่อะไรหรอก นอกจากรอว่าอีกฝ่ายจะเขียนข้อความกลับมาเมื่อไหร่ มันเป็นซีนที่ค่อนข้างนาน แล้วรุ่นพี่ก็ไม่ยอมสั่งคัตสักที
   ขอบคุณ
   “ขอบคุณ”

   นายมีแฟนหรือยัง
   “นายมีแฟนหรือยัง”

   ยัง
   “ยัง”

   ถ้าอย่างนั้น เราจะชอบนายได้มั้ย
“ถ้าอย่างนั้น เราจะชอบนายได้มั้ย”
ฉากเปิดตัวของผมกับไอ้ไทม์เป็นฉากสารภาพรักครับ และคำตอบที่ได้ก็ต้องเป็นการปฏิเสธแบบตัดบัวไม่เหลือเยื่อ เนื่องจากเป็นฉากอกเดาะของนายเอกกับรักข้างเดียว และหลังจากนั้นเรื่องก็พลิกผัน สองปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ไอ้อาร์ตคนนั้นแปลงโฉมกลับมาหาวินอีกครั้ง ซึ่งผมก็รอให้ไอ้พี่ไทม์มันเขียนคำปฏิเสธกลับมาอยู่

อืม...
   “ไว้ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ”
   คนพากย์ยังคงทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งรู้มั้ยครับว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่อีกฝ่ายเขียนมันคนละเรื่องกันเลยนะเว้ย เฮ้ย! มั่วซั่วไปหมดแล้ว
   แม่งนอกบท
   และไอ้ไทม์นิติฯ ก็ยังคงก้มหน้าก้มตาเขียนกระดาษแผ่นต่อไป โดยไม่มีใครคิดขัดจังหวะ คนพากย์ก็งงสิครับ บทมันจบถึงแค่นี้แล้วก็ตัดมาที่ผมวิ่งร้องไห้เข้าหลังฉากไป แต่ตอนนี้ผมกลับไปไหนไม่ได้เพราะมันยังเขียนไม่เสร็จ

   อนุญาตให้ชอบ

   ผมก้มเขียนกระดาษแผ่นต่อมา แล้วส่งต่ออย่างรวดเร็ว

   เล่นเหี้ยอะไรเนี่ย ไม่ตลกนะ

   แล้วมันก็ส่งกลับมาอีก

   โกรธ เกลียด รำคาญ มีความสุข อยากหัวเราะ รู้สึกแบบไหนกับกูบอกได้เสมอ

   ผมเริ่มชักสีหน้าใส่ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดเขียน โชคดีหน่อยที่กระดาษโน้ตของมันเป็นแผ่นสุดท้ายแล้ว ดังนั้นต่อให้อยากนอกบทยังไงมันก็ต้องจบลงเร็วๆ นี้ มือหนายื่นกระดาษแผ่นสุดท้ายมาให้ มีหลายอย่างที่กำลังตีวนอยู่ในหัว หลายอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกกับใคร โดยเฉพาะผู้ชายด้วยกันเอง
   กลัว กลัวจนไม่กล้าอ่าน แต่เพราะเป็นการแสดงผมจึงต้องพลิกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านอย่างจำใจ

   แต่ถ้าหวั่นไหวเมื่อไหร่ มาเป็นแฟนกันนะ

   อะไร อะไร อะไร!
ทำไมไม่สั่งคัตสักทีวะ!!
หัวใจ...ไม่สามารถควบคุมไม่ให้หวั่นไหวอย่างที่มันเคยบอกไว้ได้จริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2024 05:45:19 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...
   นับวันความรู้สึกของผมกับรุ่นพี่ปีสี่อย่างไอ้ไทม์ก็ยิ่งกวัดแกว่ง อาจเป็นเพราะผมยังทำใจให้ชินกับการรับบทเป็นคู่จิ้นไม่ได้ล่ะมั้ง อะไรๆ มันถึงได้แปลกไปหมด ความรู้สึก การกระทำ การเข้าฉาก อายส์คอนแท็กต์ หรือแม้แต่การสกินชิพ มันไม่เหมือนความรู้สึกของผู้ชายสองคนที่ควรเป็นนักแสดงเลย
   มันมากกว่านั้น แต่ผมบอกไม่ถูก
   ลืมไปเลยเรื่องหาคนคุย เพราะทุกวันนี้ผมคิดว่าตัวเองขาดทุนมากกับการถูกไอ้พี่ไทม์จับแก้มที ขยี้หัวที บอกเลยใครไม่รู้สึกอะไรก็บ้าแล้ว
   แต่ผมก็ไม่เคยถามอีกฝ่ายเลยสักครั้ง ประกอบกับพี่มันเป็นคนไม่ค่อยพูด พอซ้อมจบก็แยกย้ายกันกลับไม่มีใครพูดอะไรต่อ ดังนั้นทุกอย่างเลยค้างคาจนทุกวันนี้
   “เลิกกองค่าาาาาาา”
   “เย่!!” เสียงสวรรค์ประทาน ทำให้นักแสดงและทีมงานหลายสิบชีวิตกุลีกุจอเก็บกระเป๋าพัลวัน เพราะนางเอกกับพระเอกของเรื่องเขาเล่นซีนสำคัญจบแล้ว ส่วนผมที่เล่นเข้าคู่กับคนตัวสูงไปเมื่อตอนหัวค่ำก็ไม่มีฉากไหนให้เล่นต่อเหมือนกัน ดังนั้นเราต่างต้องแยกย้ายกันกลับเหมือนเดิม
   “ไปป์เลิกแล้วไปไหนต่อ” พี่มะตูมเดินมาถาม
   “ว่าจะไปกินข้าวครับ”
   “อ้าว ไม่ได้กินข้าวกล่องที่ซื้อมาแจกเหรอ”
   “อ๋อ พอดีมันมีต้นหอมอยู่ในนั้นเยอะไปหน่อย ผมเหม็นเขียวก็เลยไม่ได้กิน ขอโทษนะครับ” พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าผมกินไม่ลง กลืนแล้วจะตาย มันไม่อร่อยเลย
   ไม่มีใครอยากเกิดมาเกลียดต้นหอมหรอกจริงมั้ย แต่แม่งดันเสือกมาอยู่ในอาหารเกือบทุกชนิด
   “ไม่เป็นไร คราวหลังก็บอกนะ ขับรถดีๆ ล่ะ”
   “เหมือนกันนะครับ”
   ผมโบกมือให้พี่ตัวเล็กจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินจากไป ส่วนตัวเองก็เตรียมควานหากุญแจรถในกระเป๋าอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน เพราะตอนนี้กูหิวจนจะแดกช้างทั้งตัวได้อยู่แล้ว
   “อ่ะ!” ใครบางคนยื่นกล่องข้าวมาให้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ามันคือไอ้พี่ไทม์
   “อะไรอ่ะ”
   “รองเท้ามั้ง หิวก็เอาไปกินสิ” กวนตีน! พี่มันกวนตีนเป็นด้วยว่ะ ปกติถามคำตอบคำ ไม่สนิทจริงก็ไม่พูดด้วยเหมือนที่เคยบอกเอาไว้จริงๆ แต่วันนี้...มาแปลก
   “ข้าวกล่องที่แจกผมกินไม่ได้ พี่เก็บไว้กินเถอะ”
   “เปล่า ข้าวผัด ไม่มีต้นหอม”
   “...!!”
   “เอาไปกินเถอะ”
   “วันนี้กองเราไม่มีข้าวผัด พี่ออกไปซื้อเหรอ”
   “พอดีกูอยากกินสองกล่อง แต่กินไปกินมามันอิ่ม ก็เลยเหลือกล่องนึง”
   “นี่เหลือเหรอ”
   “อืม ของเหลือ ไม่กินก็ได้นะ”
   “ก็เอามาให้แล้วนี่หว่า” ผมเดินกลับไปนั่งตรงม้านั่งตัวยาวใต้ตึกนิเทศฯ วางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะและจัดการเขมือบอย่างรวดเร็ว เชื่อป่ะ...ข้าวแม่งยังร้อนเหมือนเพิ่งซื้อใหม่มาอยู่เลย
   “พี่ไทม์” ผมถามคนตรงหน้าที่เดินตามมานั่งด้วยกัน
   “หืม”
   “กล่องข้าวนี่มันเก็บความร้อนในตัวเหรอ”
   “ทำไม”
   “ข้าวมันยังร้อนอยู่เลย”
   “คงงั้นมั้ง”
   “พี่”
   “อะไรอีก”
   “ทำไมไม่คบกับแป้ง”
   “มันไม่ใช่เรื่องของมึงป่ะวะ”
   “ใช่ดิ นั่นแฟนเก่าผม ไม่ดิ เกือบเป็นมากกว่า ถ้าพี่ไม่เข้ามา”
   “กูอยู่ของกูดีๆ อยู่ในโลกที่เป็นของกู มีเพื่อน มีสังคมเล็กๆ ที่ไม่วุ่นวาย กูไม่ได้เรียกร้องให้เขาเข้ามาในชีวิตของกูสักหน่อย” เออ เข้าใจ แต่ความคาริสม่าของมึงไงทำให้หลายคนยอมแลก
   “แล้วตอนนี้...”
   “เขาคงมีแฟนใหม่ไปแล้ว”
   “พี่ไม่ชอบแป้งเหรอ สวยนะเว้ย ดาวคณะเลยนะเว้ย แถมเรียนทันตฯ อีกต่างหาก”
   “งั้นถามหน่อย”
   “...”
   ผมจ้องหน้าคนตรงข้ามเขม็ง แววตาจริงจังคู่นั้นทำให้มือที่จับช้อนสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่
   “กูเนี่ยหล่อนะเว้ย เก่งนะเว้ย แถมเป็นอันดับหนึ่งของนิติฯ อีกต่างหาก”
   “...”
   “มึงไม่ชอบบ้างเหรอวะ”








   หนึ่งเดือนผ่านไป...
   แฟนเพจออฟฟิเชียลของละครนิเทศฯ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อวันก่อน และตอนนี้ยอดไลค์คนติดตามก็ปาไปถึงห้าพันกว่าคนในเวลาไม่นาน ถือว่าเป็นความสำเร็จสูงสุดเลยก็ว่าได้
   จากกำหนดการแล้ว ประมาณสัปดาห์หน้าเราจะเริ่มเปิดขายบัตรกัน ซึ่งสถานที่แสดงก็คือโรงละครของมหา’ลัย ที่จุคนได้ประมาณ 1,500 คน เราเปิดการแสดง 3 รอบซึ่งก็คือวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ แน่นอนวันนั้นคนก็คงจะเยอะจนน่าปวดหัว
   รุ่นพี่นิเทศฯ ที่เป็นแอดมินเองก็เริ่มโปรโมตเพจด้วยการลงรูปคู่พระเอกนางเอกเรียกน้ำย่อย แน่นอนว่าไลค์ก็เหยียบพัน เพราะความฮอตแบบเว่อร์วังอลังการ ส่วนวันนี้คงเป็นคู่ผมกับไอ้พี่ไทม์ ซึ่ง...เมื่อวันก่อนเราเพิ่งไปถ่ายโปสเตอร์กันมาอยู่เลย คิดว่ารูปโปรโมตคงเป็นโปสเตอร์นั้น
   “ไปป์วางมือถือก่อน มาซ้อมซีนนี้หน่อย” ผู้กำกับอย่างพี่โยร้องเรียก แกเป็นผู้ชายห่ามๆ ที่เข้ามามีบทบาทกับทุกคนในกองมาก
   “ครับๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
   “อ่านบทมายัง”
   “อ่านแล้วครับ ซีนนี้ผมต้องไปคุยกับน้องต้น” คือในเรื่องไอ้อาร์ตเนี่ยเป็นเพื่อนสนิทกับพระเอกของเรื่องอย่างไอ้วายุครับ ส่วนไอ้วินที่รับบทโดยพี่ไทม์มันหลงรักนางเอกข้างเดียว สรุปก็ผิดฝาผิดตัวกันนั่นแหละ
   “ยังไม่ถึงตอนนั้น”
   “ว่าไงนะครับ”
   “คนเขียนบทเขาขอเพิ่มฉากใหม่เข้ามา นี่เลย อ่านก่อน แล้วอีกห้านาทีกูมาบรีฟให้” จากนั้นแกก็ถือวอร์จากไปแบบงงๆ ทิ้งให้กูยืนอ่านตัวหนังสือ Cordia New 14 pt. และทำความเข้าใจตามประสาคนมึน
   “พี่ไปป์ กินข้าวกัน” โหยยยยยยย น้องนางที่รัก คนกำลังจะอ่านบทอยู่ก็มาชวนกินข้าว หนึ่งเดือนแล้วเหมือนกันที่ผมตามเต๊าะน้องพราวนางเอกของเรื่องอยู่ แต่เหมือนว่าน้องจะคิดกับผมแค่พี่น้องน่ะสิ แม่งอย่างเซ็ง
   “พราวกินก่อนเลย เดี๋ยวพี่ขอซ้อมบทก่อน”
   “งั้นพราวเก็บข้าวกล่องไว้ให้แล้วกันนะคะ”
   “น่ารักที่สุดเลย” หึๆ กูขอทิ้งรอยยิ้มเรี่ยราดไว้บ้างเถอะ
   “อ่ะ หมดเวลาละ เข้าฉากเลย”
   “เฮ้ยพี่ ผมยัง...” สัด! มัวแต่คุยกับผู้หญิง ตอนนี้หมดเวลาอ่านบท เลยโดนหิ้วปีกมานั่งตรงโต๊ะเลกเชอร์ ซึ่งคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อีกตัวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ไทม์ เจ้าเก่าเจ้าเดิมครับ
   ตั้งแต่วันนั้น ผมกับมันก็มีเรื่องเสียวด้วยกันตลอด หมายถึงเล่นบทถึงเนื้อถึงตัวเยอะๆ อ่ะ จับมือบ้าง กอดคอบ้าง แถมใจยังเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่หยุดอีกต่างหาก พอมาวันนี้...หวังว่าเราจะไม่ได้เล่นบทอะไรแบบนั้นอีกนะ
   ยิ่งเห็นโต๊ะเลกเชอร์สองตัวที่ห่างกันแม้จะไม่มาก แต่ก็พอสบายใจได้ว่าคงไม่ใช่ซีนที่หนักหนาสาหัสอะไร
   “ไทม์ มึงอ่านบทแล้วใช่มั้ย”
   “อ่านแล้ว”
   “เข้าใจใช่ป่ะ”
   “อืม”
   “แล้วมึงล่ะไอ้ไปป์”
   “เอ่อ...”
   “เริ่มเลยนะ สาม สอง แอ็กชั่น!” โอ๊ยยยยยยยยย ไอ้ควายกูยังไม่ทันพูดเหี้ยอะไรเลย จะรีบติดสปีดไปไหนวะ แล้วแบบไอ้พี่ไทม์มันจ้องกูแร้นนน
   “ไม่ต้องไปกังวล ปล่อยมันไปเถอะ” นี่ในบทหรือมึงปลอบกูจริงๆ วะ เดาไม่ออกว่ะ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าแล้วรอให้มันส่งอารมณ์กลับมา เผื่อจะเดาได้ว่าทีมเขียนบทแทรกฉากอะไรเข้าไป
   “วันนี้เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มถามอีก
   “อะ...อื้ม”
   “การบ้านเยอะป่ะ”
   “โคตรๆ”
   ...เหมือนหายใจไม่ออก เราใกล้กันเกินไป ใกล้จนลมหายใจแทบจะเป่ารดหน้า
   “อาร์ต จำได้ป่ะว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน”
   เหยดเข้!! กูต้องตอบอะไรกลับไปวะ เริ่มลนและอยากสั่งเบรกมาก แต่เพราะทีมงานทุกคนกำลังจดจ้องและคาดหวังกับเรา ผมจึงทำได้แค่มองตาของไอ้พี่ไทม์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะช่วยให้ผมผ่อนคลายด้วยการแทรกประโยคใหม่เข้ามา
   “ไม่เป็นไร จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเหนื่อยก็นอนเถอะ” ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายแนบลงกับโต๊ะ หันหน้ามาทางผม และผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
   วินาทีที่กดซีกหน้าด้านหนึ่งแนบลงโต๊ะ แล้วหันมาเจอสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจดจ้องอยู่ หัวใจของไอ้ไปป์ที่เคยแข็งแกร่งดุจหินผาก็อ่อนเหลวลงไปทันที แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าความหวั่นไหว
   เราหันหน้าเข้าหากัน จ้องอยู่แบบนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไร
   ในใจของผมได้แต่ภาวนาให้ผู้กำกับสั่งคัตสักที แต่ก็นั่นแหละ...ไม่มีวี่แววของประโยคนั้น
   “เล่นเกมชอบไม่ชอบกันมั้ย” ผมขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรกลับไป เพราะอีกฝ่ายมีแต้มต่ออยู่แล้ว มันได้อ่านบท ส่วนผมว่างเปล่า...
   “ยังไง”
   “เราชอบฟิสิกส์ แต่ไม่ชอบอังกฤษ” ไอ้พี่ไทม์พูดขึ้นมา ในบทวินมันเรียนวิศวฯ ครับ
   “เราชอบอังกฤษ แต่ไม่ชอบคำนวณ” ผมตอบกลับไปบ้าง พอเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย ผมก็รู้ในทันทีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าตัวชอบอะไร ผมจะต้องตอบประโยคตรงกันข้ามกลับไปเสมอ
   “เราชอบขับรถเร็ว และเที่ยวต่างจังหวัด”
   “เราชอบขับรถช้าๆ และเที่ยวใกล้ๆ บ้าน”
   “เราชอบดวงอาทิตย์”
   “เราชอบดวงจันทร์”   
   “เราชอบภูเขา”
   “เราชอบทะเล”
   “แล้วถ้าเราบอกว่า...ชอบอาร์ต...ชอบอาร์ต...ชอบอาร์ต แบบนี้ซ้ำๆ ล่ะ”
   “...!!” บทใช่มั้ย พระเอกบอกรักนายเอกตรงฉากนี้ใช่มั้ย ทำไมความรู้สึก คำพูด และแววตาของไอ้พี่ไทม์มันเหมือนจริงขนาดนั้นวะ เหมือนจริงเกินไปจนลิ้นของผมแข็งไปหมดและไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้เลย นอกจากมองอย่างอึ้งๆ
   “กูชอบมึง...แล้วมึงล่ะชอบกูได้ป่ะวะ”
   “...”
   “แต่มีเงื่อนไขนะ ห้ามตอบตรงข้ามกับกู”
   ผมอยากคิดว่ามันเป็นบท แม้จะรู้ตัวดีว่ามันไม่ใช่ วินกับอาร์ตในเรื่องไม่ใช้คำว่ากูกับมึง ไม่เคยใช้คำนั้นและเราถูกห้ามเสมอตั้งแต่เริ่มเล่นเรื่องนี้ด้วยกัน แต่ทำไม...
   “ถ้ายังไม่หวั่นไหวก็ไม่ต้องตอบหรอก”
   เสียงกระซิบเบาๆ แต่กลับดังกึกก้อง ประโยคสุดท้ายนั้นเหมือนค้อนหนักๆ น็อคผมให้ตายคาโต๊ะ
   “คัต!!”
   สรุปได้เลยว่าซีนนี้แหละ ยากสุดในชีวิต ฮืออออ







   ผมกลับมาถึงห้อง เห็นแชตในเฟซบุ๊กและแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อนก็นึกเอะใจ เพราะเพื่อนหลายคนโดยเฉพาะแก๊งเหาต่างพากันแซวยกใหญ่ ผมก็ไม่รู้อะไรมากหรอกจนกระทั่ง...
   ใครคนหนึ่งกดแชร์รูปจากแฟนเพจละครนิเทศฯ มาที่หน้าไทม์ไลน์

   ละคอนเวทีนิเทศฯ
คู่จิ้นสะเทือนวงการ ‘วินอาร์ต’
   
   เชร้ดดดดดดดดดดดดดด แอดมินไม่ได้ใช้รูปปกโปสเตอร์ที่เราไปถ่ายด้วยกันมาครับ แต่กลับใช้รูปซ้อมการแสดงฉากบอกรักเมื่อตอนเย็นมาแทน งานนี้ผมถึงกับช็อก เพราะหน้าตัวเองแดงแปร๊ดไปจนถึงกกหู แดงแบบเห็นได้ชัดเลยว่าเกิดอาการเขินหนักมาก และที่ตกตะลึงยิ่งกว่าคือยอดไลค์และคอมเมนต์แบบถล่มทลาย
   
   7,123 คนถูกใจสิ่งนี้
   
   ‘กรี๊ดดดดดดดดด พี่ไทม์นิติกับน้องไปป์นิเทศป่ะ เคมีเข้ากั๊นเข้ากัน’
   ‘เชียร์สุดใจขาดดิ้น >///<’   
   ‘มีโอกาสที่คู่จิ้นจะเป็นคู่จริงบ้างมั้ย’
   ‘เอฟซีไทม์ไปป์ค่ะ ซื้อบัตรละครนิเทศเพื่อคู่นี้โดยเฉพาะ’
   ‘พระเอกนางเอกคืออะไรไม่สน สนใจแค่คู่จิ้นคู่เดียว สู้ๆ นะคะ #ไทม์ไปป์ #วินอาร์ต’

   น้ำตากูปริ่ม
   พุทโธ ธัมโม สังโฆ T^T






   Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr
   “ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงลงไปเมื่อเห็นปลายสายที่เริ่มคุ้นตาในช่วงหลังมานี้
   [หิว]
   “แล้วไง”
   [ร้านข้าวที่ตึกนิติฯ อร่อยมาก]
   “ข้าวที่นิเทศฯ ก็อร่อยเหมือนกัน”
   [งั้นไปกินที่นิเทศฯ แล้วเจอกัน]
จากนั้นแม่งก็วางสายไป คือไรวะ?
   สองเดือนที่รู้จักกันมา ไอ้พี่ไทม์เปลี่ยนไปเยอะมาก ผมยังจำวันแรกที่เจอพี่มันได้ดีอยู่เลย ถามอะไรไม่ตอบ ถามคำตอบคำ เหมือนพวกเก็บตัวอย่างที่ใครต่อใครพูดถึง แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
   แม้ทุกคนจะบอกว่าพี่ไทม์ก็พูดน้อยเหมือนทุกที สำหรับผมทำไมแม่งพูดเยอะจังวะ เยอะจนทุกคนคิดว่าผมคงเป็นคนเดียวที่อีกฝ่ายสบายใจอยากคุยด้วยล่ะมั้ง เอาเถอะ จะอะไรก็ช่าง เดี๋ยวนี้เราก็ไม่ได้บาดหมางกันเหมือนตอนแรกๆ แล้ว เพราะถ้าผมจะเกลียด ผมคงต้องไปเกลียดแฟนใหม่ของแป้งที่เรียนอยู่ทันตฯ มากกว่า
   ปลง
   ผมเดินลงมาจากตึกเรียนรวม กลับไปที่คณะนิเทศฯ เพื่อสั่งอาหารรอ แม่งก็เหมือนทุกทีแหละครับ สั่งอีกจานให้ใครบางคนด้วย เพราะตอนนี้เพื่อนแก๊งเหามันดันพร้อมใจกันหายหัวไปไหนไม่รู้แล้ว
   “พี่ไทม์ เฮ้ย พี่ไทม์มาตึกนิเทศฯ อีกแล้ว”
   “อะไรยังไง จีบใครป่ะเนี่ย”
   “เด็กนิติฯ มาที่นี่บ่อย คงจะมาเฉยๆ อยู่หรอก”
“มาหาไปป์ชัวร์ ดูเขาสนิทกัน”
หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยทันทีที่ร่างสูงเดินเข้ามา ผมจึงได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาจ้วงข้าวจนแทบไม่สนใจใครเลย กระทั่งคนมาใหม่ได้แต่ยืนค้ำหัวมอง พร้อมกับสายตาอีกหลายคู่ที่จ้องตามด้วย
   “ดูท่าจะอร่อยนะ” เกลียดมัน!
   “สั่งข้าวมาให้แล้ว รีบกินเลย ผมรีบมาก”
   “จะไปไหน”
   “เหอะน่า” กูแค่เกลียดสายตาของใครหลายๆ คนที่มองมาต่างหาก และรู้ดีว่าเจ้าตัวก็อึดอัดไม่ต่างกัน
   “โอเค” กายสูงทิ้งตัวนั่งฝั่งเดียวกับผม ก่อนจะดึงจานข้าวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้าหาตัว แม่ง! ทำอะไรอีกวะเนี่ย
   “พี่มานั่งข้างผมทำไม ไปนั่งฝั่งโน้นไป คนมองเยอะ”
   “ฝั่งนั้นร้อน”
   “กวนตีนละ งั้นเดี๋ยวจะลุกไปนั่งเอง”
   “งั้นตรงนี้ก็ร้อน”
   ผมได้แต่อ้าปากค้าง มองดูอีกฝ่ายตักข้าวใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย มีบ้างที่จะใส่ใจตักหมูใส่จานให้ผมอีก คือแบบ...กูไม่แดกโว้ย
   “ทำไมตั้งใจกินจังวะ” เขาถามอีก คืออยู่กับพี่แม่งโคตรลำบากเพราะร้อนกว่าอากาศเป็นร้อยเท่า กลิ่นกาย ลมหายใจ ทุกอย่างที่บอกว่าข้างๆ เนี่ยคือพี่ไทม์ ผมร้อนหมด
   “กินก็ต้องตั้งใจดิ”
   “มองหน้ากูหน่อย”
   “...”
   “กูอร่อยกว่าผัดกะเพราอีกนะ มองกูเถอะ”
   ตู้มมมมมม กลายเป็นโกโก้ครั้นช์
   จำได้ว่าเมื่อวานซ้อมฉากนี้ครับ และมันก็ทำให้หัวใจของผมแทบล้มเหลวเฉียบพลันชักดิ้นชักงออยู่ที่ห้องซ้อม แต่วันนี้ไอ้ไทม์มันเอาอีกแล้วววววววววววว
   “อึ้งอ่ะดิ”
   “อย่าขยี้ผม หัวยุ่งหมดแล้ว” ผมรีบโวยวายพลางยกมือปัดอีกฝ่ายออกไปไกลๆ
   “ก็มันน่ามันเขี้ยว”
   “หล่อห่างไกลจากคำนี้เยอะ ไม่ต้องพูดอีกนะ”
   “มันเขี้ยว มันเขี้ยว มันเขี้ยว”
   “หยุด”
   “ฮ่าๆ” รอยยิ้มแม่งฆ่ากูอีกรอบ เอื้ออออออ ฝากลูกเมียข้าด้วย...
   ตอนนี้อยากถาม อยากถามมาก...แต่ไม่กล้า
   พี่คิดอะไรกับผมจริงๆ หรือเพราะมันเป็นแค่การแสดง
   เพราะตอนนี้ผมไม่แน่ใจเลยว่า ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นมันจะบังคับให้เป็นแค่การแสดงได้หรือเปล่า...
   






   ละครเวทีนิเทศฯ
   วันนี้ไทม์กับไปป์มีฉากสำคัญ

   ผมนั่งส่องแฟนเพจอยู่ในห้อง ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอกครับ แต่พอรุ่นพี่บอกกับผมว่าคนกดไลค์แฟนเพจร่วมหมื่นเพื่อเชียร์ผมกับไอ้พี่ไทม์ให้คบกันจริงๆ แอดมินก็เริ่มโปรโมตรูปเรามากกว่าปกติ เรียกได้ว่าเยอะพอๆ กับพระเอกนางเอกเลยก็ว่าได้ เหมือนครั้งนี้ที่แนบรูปซ้อมฉากจบของเรามาเรียกน้ำย่อยก่อนการแสดงจริง

   ‘ง่อวววววว ทำไมเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วหัวใจเต้นแรง’
   ‘เขินที่สุด เขินไม่บันยะบันยัง เขินวัวตายควายล้ม’
   ‘เห็นพี่ไทม์กับไปป์ไปกินข้าวที่ตึกนิเทศด้วยกัน มันต้องมีซัมติงแน่ๆ ขอกรี๊ดหน่อยเถอะ’

   มือดีบางคนแอบถ่ายรูปของเราที่โรงอาหาร

   ‘เขาขยี้ผมกันด้วยค่ะคู้นนนนนน พี่น้องไม่ทำแบบนี้นะคะ’

   ยังอีก ยังไม่หยุดปล่อยรูปอี๊กกกกกกกก ต่อไปผมคงต้องห่างจากพี่มันบ้างละ เพราะเบื่อจะตามมาเก็บรูปพวกนี้แล้ว
   ติ๊ง!!
   เสียงแจ้งเตือนบนหน้าไทม์ไลน์เด้งขึ้น
   หนึ่งในร้อยกว่าความเห็นที่ผมไม่ได้ตอบกลับไปนอกจากกดไลค์ตามมารยาท เพราะทุกคนล้วนเป็นบรรดาแฟนคลับที่พากันเชียร์ให้ผมลงเอยกับไอ้พี่ไทม์ทั้งนั้น
   
   Tine Tarisa >> Pipe Paween
   จริงๆ พี่ไทม์ชอบไปป์ตั้งแต่วันแนะนำตัวนักแสดงแล้ว ไปป์จะชอบพี่ไทม์กลับได้มั้ย

   มั่ว! มั่ว! วันนั้นเราเป็นศัตรูกันเว้ย จะชอบกันได้ยังไง
   ผมเลยรีบพิมพ์ข้อความกลับไป
   
   Pipe Paween
   ไม่ใช่แล้ว น่าจะเป็นข่าวมั่วนะ

   Tine Tarisa
   แต่เราเป็นน้องสาวพี่ไทม์ พี่ชายเราไม่น่าจะมั่วนะ ใช่มั้ยพี่... – กับ Time Tawipope

   OMG !!! ช็อก!! ดูหน้ากูด้วย กูช็อก!!!

   Time Tawipope
   ตั้งแต่เรียนนิติมา ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องโกหกใครอีกเลย ตอนนี้ก็เหมือนกัน

   เชร้ดดดดดดดดดดดดดด
   ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปนอกจาก...เก็บศพกูก๊อนนนนนนนนนนนนนนนนนนน







   งานละครเวทีนิเทศศาสตร์วันสุดท้าย
   บอกก่อนเลยว่าหลังจากที่น้องสาวไอ้พี่ไทม์ปรากฏตัว เรื่องคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริงก็เป็นข่าวทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปเกือบสัปดาห์ และแม้แต่วันแสดงละครจริงๆ หลายคนก็ยังพูดเรื่องนี้ไม่หยุดอีกต่างหาก แต่เอาเถอะครับ ทิ้งมันไปก่อนความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนห่าเหวอะไรนั่น เพราะตอนนี้...ผมต้องจดจ่อกับการแสดงเท่านั้น
   ทุกฉากผ่านไปด้วยดี ผมกับพี่ไทม์ก็เล่นได้ลื่นไหลเนื่องจากประสบการณ์ของสองวันบอกได้เป็นอย่างดีว่าจุดไหนที่ไม่ควรพลาด อารมณ์ ความรู้สึกที่เราส่งถึงกันเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
   มีหลายครั้งที่ผมเหมือนจะนอกบท แต่ก็พาตัวเองกลับมาได้ ไม่รู้ทำไมแค่เห็นหน้ามัน สติก็พลันเตลิดไปไกลแล้ว กระทั่งฉากสุดท้ายมาถึง...
   ฉากที่ต่อให้ซ้อมแทบตายยังไง หรือเล่นจริงเยอะแค่ไหน ผมก็ยังรู้สึกว่ามันขาดๆ เกินๆ อยู่ดี
   “ไปป์ ฉากสุดท้ายแล้ว และก็เป็นวันสุดท้ายด้วย เล่นให้เต็มที่นะ” ผมพยักหน้าเข้าใจ สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะย่างเท้าขึ้นเวที ขณะที่อีกฟากหนึ่งก็มีร่างสูงของใครคนนั้นเดินเข้ามาด้วย
   เราทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวยาว ซึ่งเป็นตัวเดียวกับฉากแรกที่เราเจอกัน
   พี่ไทม์ถือชีทสีขาวไว้ในมือ ตั้งหน้าตั้งตาอ่านมัน แต่เรารู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างโหยหาและอยากพูดกันมากแค่ไหน ทุกคนในโรงละครเงียบกริบ มองมาที่เราเป็นจุดเดียว และผมก็ประหม่ามากๆ
   “จำได้มั้ย ว่าเมื่อสองปีก่อนเราเจอกันที่นี่”
   “จำได้สิ”
   “นายบอกรักเรา และเราก็ปฏิเสธนาย” ไม่...พี่ไม่ได้ปฏิเสธ แต่พี่มึงอนุญาตให้กูชอบได้ จำไม่ได้เหรอออออ ผมค่อนข้างเกลียดตัวเองที่ชอบเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปน และก็ต้องพยายามอย่างมากที่จะสลัดภาพเหล่านั้นออกไป
   “มันผ่านไปแล้ว อย่าพูดถึงมันเลย”
   จริงๆ ผมอยากพูดถึงมันอีก
“นายมีแฟนหรือยัง?” เสียงทุ้มถาม นัยน์ตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
   “ยัง” บทมันเป็นแบบนั้น...เหมือนตอนแรกที่เริ่มเรื่อง แต่มันต่างตรงที่ประโยคของเราสลับกันต่างหาก เริ่มต้นผมง้อเขา ลงท้ายเขาง้อผม
“ถ้าอย่างนั้น เราจะชอบนายได้มั้ย”
“อืม...”
ประโยคในวันนั้นของพี่ไทม์ ผมเป็นคนตอบเอง
“เคยบอกแล้วว่าถ้าโกรธ เกลียด รำคาญ มีความสุข อยากหัวเราะ รู้สึกแบบไหนกับกูบอกได้เสมอ”
เฮ้ย นอกบท! มันนอกบทอีกแล้วววววว
   “...”
   “แต่ถ้าหวั่นไหวเมื่อไหร่ มาเป็นแฟนกันนะ”
   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด >///<” เสียงกรีดร้องจากคนดูข้างล่างทำให้สติที่เหลืออันน้อยนิดขาดผึงทันที เหมือนร่างกายของผมกำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ ยึดเหนี่ยวตรงไหนไม่ได้ แถมหูทั้งสองข้างยังอื้ออึงอีกต่างหาก
   ภาพในม่านสายตาของผมพร่ามัว เลือนราง แต่ยังเห็นใครอีกคนอยู่ตรงนั้น พี่ไทม์...
   “แล้วตอนนี้ที่อยากถามก็คือ...รู้สึกหวั่นไหวบ้างหรือยัง”
   เอื้อ!! กูตายอีกรอบ
   ไม่มีในบท มันจบที่ทั้งคู่บอกจะเดินจับมือไปด้วยกัน และก็แกล้งจุ๊บกันเฉยๆ แค่นั้นจริงๆ แต่วินาทีนี้สายตาจริงจังของอีกฝ่ายคาดหวังอะไรบางอย่าง ความรู้สึกแปลกประหลาด อาการสั่นไหวของหัวใจ กลิ่นตัวที่ไม่ต้องฉีดด้วยน้ำหอมยี่ห้อดังก็ทำให้ปั่นป่วนได้ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อ...
   “ไม่รู้ว่าจะเรียกหวั่นไหวดะ...ได้หรือเปล่า” ผมตอบกลับเสียงกวัดแกว่ง
   “...”
   “แต่ถ้ามันคล้ายกับความรู้สึกรัก ก็คงเหมือนกันล่ะมั้ง”
   “อ๊ายยยยยยยยยยยยย คู่จริง!! คู่จริง!”
   “เมื่อวานไม่ใช่แบบนี้ คบกันจริงๆ ใช่ม้ายยยยยยยยยยย”
   เสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่วโรงละคร พี่ไทม์ขยี้หัวผม ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาประชิด กระซิบถ้อยคำสั้นๆ แต่ตรึงใจคนฟังที่สุด
   “เป็นแฟนกันนะ”
   “อืม เป็นก็เป็น”
   “กรี๊ดดดดดดดดดดด” หลังจากนั้นระลอกคลื่นเสียงก็สะท้อนก้องไม่มีท่าทีว่าจะจบสิ้น แม้แต่เวลาที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะแสร้งทำเป็นจูบกันโดยมีกระดาษในมือปิดไว้เหมือนในสคริปต์ แต่เปล่าเลย...
   เขาจูบผม
   จูบจริงๆ โดยที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกันเพียงชั่วขณะ ก่อนจะผละออก
   โชคดีที่มีกระดาษบังไว้ คนข้างหน้าเลยไม่เห็น แต่กับหลังเวที...
   ผมไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ







   ละครนิเทศฯ ปีนี้จบลงโดยสมบูรณ์ และก็เป็นไปตามธรรมเนียมที่หลังจากละครจบ นักแสดงทุกคนจะต้องเดินออกมาถ่ายรูปกับคนดูด้านหน้าโรงละคร ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน
   ไอ้พี่ไทม์จับมือของผมไม่ปล่อย เราถ่ายรูปคู่และรูปหมู่กับแฟนคลับมากหน้าหลายตา จนกระทั่งใครคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา
   “บนเวทีเมื่อกี้พี่ไทม์ขอไปป์คบจริงๆ ใช่มั้ย”
   “ใช่ครับ”
   “อ๊ายยยยยยยยยย ชอบอะไรไปป์อ่ะ”
“ทุกอย่าง แค่เห็นก็ชอบเลย น่ารักดี”
   “แล้วตอนนั้นไปป์พอจะรู้มั้ย”
   “ตอนแรกไม่รู้ แต่บนเวทีรู้ว่าพี่มันนอกบท”
   “ฮือออ น่ารัก คบกันนานๆ นะคะ”
   “ขอบคุณครับ”
   สรุปการมาเล่นละครนิเทศฯ ของผมก็จบลงด้วยการได้แฟนตามเป้าประสงค์ เพียงแต่ว่า...มันไม่ตรงสเป็กเหมือนอย่างที่ฝันน่ะสิ

   ละครเวทีนิเทศฯ
   ไทม์กับไปป์คบกันจริงๆ นะคะ แอดมินคอนเฟิร์ม

   และแอดมินมือดีก็ยังแนบภาพที่ผมกับไอ้พี่ไทม์จูบกันจริงๆ จากหลังเวทีมาให้คนดูช็อกระลอกสองอีกต่างหาก เออ...พอแล้วโว้ย กูอาย!!

   10,125 คนถูกใจสิ่งนี้

END
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2024 05:46:06 โดย Jittirain12 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ว๊ากกก มาแล้ววววว
เฮ้ยยยยย น่ารักมากกกกกกก ฟินเว่อร์เลยค่า
ผู้ชายแบบไทม์หาที่ไหนได้อีกเนี้ยยยยยย อิจฉา
:m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2015 03:43:42 โดย กวังกีเมย์บี »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไปป์น่ารักมากกกกกก พลังเคะทำลายล้าง พี่ไทม์เก่งหยอดเก่งเต๊าะจัง อยากรู้ว่าชอบน้องเพราะอะไรรรร

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อยากอ่านอีกอ่ะ ขออีกสักตอนสองตอนจิ
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :impress2:

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น่าร้ากกกกกกก

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อยากรู้ฟีดแบคจากแป้งมาก  :hao7:

ออฟไลน์ มูมู่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดด มันดีมากค่ะอนนี่

พี่ไทม์หยอดน้องตลอด แต่ปากหนักไปนี๊ดด น้องเลยไม่เก็ทเลอ 55555
จริงๆที่พี่เค้าไม่บ้าน้ำหอม อาจจะบ้ากลิ่นที่อยู่บนตัวไปป์นะเจ้ว่า คึคึคึ

ออฟไลน์ DarkAki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
กรี๊ดดดดดด เดาถูกด้วยอ่าาา

เด็กนิเทศๆๆๆๆๆ ฮิ้ววววววว

สตรองงงงงงงงงง   55555 สำลักน้ำลายเลยค่ะ

โอยยยยยย โอยยยยย

ช่วยด้วยค่าาาา ช่วยเค้าด้วยยยย

เก็บศพเค้าไปที เค้านิพพานแล้วววว แอร๊ยยยย  :m3: :m3: :m3:

ไทม์คะ พูดน้อยต่อยหนักนะ 

พูดทีพาระทวยเลยค่าาา กรีดร้องง / เขินตัวบิดเลย

น้องไปป์ก็น่าร้ากกกก กลัวน้องจะหัวใจวายก่อนได้เป็นแฟนกะไทม์จริงๆ

ขนาดเป็นคนมอง หัวใจอินี่แทบจะวายตายตอนไทม์จีบน้องเนี่ย งื้อออออ

อยากไปอยู่หลังเวที อยากเป็น stage อ่าาาาาาา  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
อยากเป็นแบ็กสเตจขึ้นมาเลยทีเดียววววววววว ฮอลลลลลลลลลลลล  :ling1:

ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เกลียดดดดด จิตติดาวมหา’ลัย ยอมใจ
ขำแรงมาก 5555555555  :m20: :jul3: :laugh: :pigha2:

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด