3P[ฉบับพิเศษ]เมื่อผมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน [เปิดขายแล้วน้า]1/2/60 P.46
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบใครมากที่สุด (ถามอีกแล้ว 55)

พี่ภูคนโหด เรื่องหื่นไว้ใจได้
61 (25.2%)
น้องเกรียนฟิก ผู้มีสามี2คน
98 (40.5%)
พี่ตินคน(แอบ)โหด อย่าให้โมโหเชียว
83 (34.3%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 242

ผู้เขียน หัวข้อ: 3P[ฉบับพิเศษ]เมื่อผมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน [เปิดขายแล้วน้า]1/2/60 P.46  (อ่าน 294738 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
นี่รักแรลลี่หรือเปล่า?
มีการเก็บแต้มประเด็นชวนทะเลาะแบบเบี้ยบ้ายรายทางด้วย

ชอบจังที่เห็นทั้ง 3 คนแสดงความรู้สึกต่อกันแบบชัดเจน

ขอให้รักแรลลี่นี้ยั่งยืนนาน

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
สะใจที่ปัญหาของต้นจบไปสักที
แต่เพชรนี่เหมือนอยากท้าทายอำนาจมืดพี่ภูนะ
แหมมมมมม ฟิก เสน่ห์แรงเกินไปอะ
ทำคุณไสยหมอไหนรึเปล่า ทำไมมีแต่คนรักคนหลง
เจ้าคุณนี่ก็น่ากลัว คนอะไรหม้อได้หม้อดี
สงสารต้น แต่ไม่สงสารตอนทำฟิกนี่แหละ เหอะๆ

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
ฮาฉากเจ้าคุณเงิบ  :m20: แต่ท่าทางคุณพี่จะไม่ยอมถอย กะเทครัวต่อไป 

ออฟไลน์ LSK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กับเจ้าคุณนี่น่าเหนื่อยหน่ายใจเหลือเกิน
เพชรนี่ก็มาเนียนไปอีก
ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลย รักภูฟิกตินมาก  :L1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
มันน่าวางยาจับเพชรกับเจ้าคุณไปร่วมหอกันเสียจริง พวกอยากได้ตื้อไม่เลิก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทั้งตินและภูเนี่ย หวงฟิกยังกะงูหวงไข่เลยนะเนี่ย


ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อยากรู้ว่าเพชรเด็กโรงเรียนเก่าพี่ภู ไม่ธรรมดาอย่างไง

คงจะร้ายน่าดู แต่ตอนนี้สุภาพบุรษแสนดีมาก

ออฟไลน์ .hnk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-2
เอ๊ อิเดือนคณะนี่ยังไง พี่ใจไม่ดีเบย (=_=


รอจ้าาา

ออฟไลน์ DKTime

  • ขอบเขตความรู้สึกยิ่งใหญ่ ความเสียใจอาจแฝงไว้ในความเฉยชา....
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-2
    • https://twitter.com/UKnowJJTime_DK
ยิ้มเขินกับสามหน่ออ่ะ ฮือออออออ
ส่วนเพชร น้องมันคงชอบฟิกเป็นไอดอลจริงๆ
ถ้าไม่ติดว่าน้องทำใจพี่แป้วในตอนพิเศษนู๊นนะ พี่คงเอ็นดูเอ็งมากกว่านี้ละเพชร

ออฟไลน์ NB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมือนมีลางว่าจะมีเรื่อง  :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คุณลิ้นจี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องเพชรจะเป็นมือที่สามเหรอ!

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ sindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
ไม่ได้เข้ามาหลายตอนเลย ขอโทษด้วยนะ  :hao5:  แต่เข้ามามันชื่นหัวจายยยยยยยย ฟินเวอร์กับความรักของสามหนุ่มที่ทุ่มเททั้งกายและใจให้กันและกัน มีกระทบกระทั่งกันบ้างแต่บอกให้รู้ว่า ทั้งสามหนุ่มมีมุมมองที่โตขึ้น ปรับตัวเข้าหากันและกัน อยู่กันไม่ใช่แค่สถานะคู่รัก แต่ทั้งสามคนเป็นครอบครัว เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อน ทำให้ประคองชีวิตคี่ที่โดยทั่วไปในความจริง อยู่กันยากมาก เพราะมันต้องฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดมากกับความรักว่าได้รับมาก รับน้อย มีแต่คนที่ได้รับเต็มๆจากสองฝ่ายที่รักตัวเองนั่นแหละรู้สึกดี แต่บางครั้งก็หนักนะ เพราะต้องแสดงให้เห็นว่า รักทั้งสองคน ไม่ลำเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  :เฮ้อ: แต่สำหรับเรื่องนี้ มันสัมผัสได้ถึงความรักที่ทั้งสามคนมีให้กัน ภูติน คือพี่น้อง ภูฟิก ตินฟิก คู่รัก แต่จบด้วย ทั้งสามรักกัน  :-[  แหม ๆ สกิลความแฮ่ดอีน้องฟิกเดี๋ยวนี้มันสูงนะ มียั่ว มีอยาก กระตุ้นให้  :haun4:  ตินก็รับความหื่นจากพี่ภูไปเต็มๆ พี่ภูก็รับความมีเหตุผล ใจเย็น จากตินไปบ้างแล้วนะ ไม่ค่อยอารมณ์ร้อนเหมือนแต่ก่อน แต่อย่าให้เป็นเรื่องเมียนะ ภูจัดเต็มทุกเรื่อง  o13 ตินนี่ก็เสน่ห์ความเป็นรับแรงเหมือนกันนะ มีหนุ่มมาติดพอกับฟิกเลย  :laugh:  พี่ภูนี่นานๆที จะมีหลงมา ถ้ามีต้องเหนือกว่าจริงๆ เอาภูอยู่ แต่ที่รู้ๆ มอบจิ้นหลัง ให้เมียรักคนเดียว  :hao6:   ไม่รู้ทำไม รักพี่ภูนะ ตั้งแต่แรกถึงพี่ภูจะดูไม่มีของให้ค้นหา เพราะแสดงออกมาหมด คิดอะไรก็ทำอย่างนั้น มันดูเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ไม่มีใครเหมือน  :-[  ฟิก กับ ติน ก็ชอบ แต่รักพี่ภูหัวเหม่ง ขี้ใจน้อยมากกว่าอ่ะ  :jul3:  แต่ชอบที่สุดคือ ทั้งสามหน่ออยู่ด้วยกันนี่แหละ ชอบมากกกก รักมากกกกกกก  :กอด1:

เกือบลืม ไม่พูดถึงไม่ได้   อีน้องเพชรนี่ น้ำไม่นิ่งแต่ลึกนะ ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนจะกลัวจะเกรงแต่กวนติงใช่ย่อย ไม่ชอบเหมือนกันนะคนแบบนี้ อย่างอีเจ้าคุณนี่คือมันแสดงออกเลยไงว่า กูเอาหมด ดูรู้ว่าจะเอา แต่อีเด็กเพชรนี่มันหน้ามึน หน้าด้าน กว่าอีเจ้าคุณอีกนะ ส่วนอีเด็กคู่นอน แหม ฟิกน่าจะ  :beat:   :z6:   รัวๆๆๆให้สำนึกถึงหนังหน้าตัวเองกับอีเจ้าคุณสักหน่อย หล่อๆอย่างฟิก แถมผัวสองหน้าดีเป้าเลิศ จะไปเอาไอ้เจ้าคุณหางกุดทำไม เก็บไว้แยงคนเดียวเถอะ   :angry2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2016 11:29:36 โดย manutty »

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เหนื่อยใจแทนฟิกเลย เสน่ห์แรงเกินก็งี้แหละ 555

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ให้ตายซิ ทำไมเราชอบคาแรคเตอร์เจ้าคุณ แบบแปลกๆ รู้สึกอยากให้มีคู่  :impress2:
สเปคเลยอ่ะ หน้าร้ายยิ้มๆได้ใจ

ออฟไลน์ ryneyz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :heaven :heaven ขอบคุณค่ะที่มาต่อ   :katai2-1:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
รู้สึกรักคนแต่ง 55 ช่วงนี้ถี่จัง..

ฟิก ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ดีกว่าปล่อยให้ไฟมันลามแล้วค่อยเอาน้ำมาดับนะ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ่านแล้วเพลียกับไอ่เจ้าคุณ
อะไรมันจะหื่นกามได้ขนาดเน้

ก็เข้าใจนะว่าชื่นชอบจวยเป็นพิเศษ
แต่ว่าจะสะสมจวยมากไปไหม

เอาไปทำไม..จวย เยอะๆ แยะๆ
ฮ่วยยยยย ไอ่เจ้าคุณ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ฟิกก็ยังเสน่ห์แรงไม่เปลี่ยน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ psyfer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อาา เพิ่งรู้ว่ามีภาคสอง  :กอด1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
น้องเพชรนี่น่าจะร้ายลึกแน่ๆ  แลดูน่ากลัวอ่ะ

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4


ตอนที่๒๕








หลังจากที่ซุ่มซ้อมอยู่นาน วันแสดงจริงก็มาถึง พวกปีสูงๆต้องไปช่วยปีหนึ่งจัดเตรียมสถานที่ ส่วนพวกนักแสดงและหลีดสันต้องแสดงรอบพรีให้พี่ปีห้าดู อย่างปีผมก็เคยด้นสดมาก่อน เพราะลืมบท มีแววว่าปีนี้จะเป็นเหมือนกัน กับไอ้เพชรผมก็พยายามไม่อยู่กับมันแค่สองคน เดี๋ยวจะมาเนียนใส่ผมอีก

“เดี๋ยวผมเซ็ตให้”ไม่ทันไรมันก็เข้ามาหาผมอีกแล้ว ในมือมันถือกระปุกเจลมาด้วย

“ไม่เป็นไร กูทำเองได้น่า”ผมบอกปัด ไอ้เพชรมองหน้าผม สายตาแสดงชัดว่าเจ้าตัวเองก็อึดอัด

“ผมไม่ชอบที่พี่เป็นแบบนี้เลยรู้ไหม”

“มึงก็อย่าทำแบบนี้กับกูสิ”ผมทำเสียงจริงจังก่อนจะถอนหายใจ เหลือบมองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีคนอื่นมองอยู่รึเปล่า

“กูไม่อยากให้เป็นปัญหา”หมู่นี้ผมกลายเป็นคนคิดมากไปซะแล้ว

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ล้ำเส้นพี่หรอก ขอเวลาให้ผมสักหน่อยไม่ได้เหรอ...”มันดูเศร้าเล็กน้อย มันส่งกระปุกเจลในมือมาให้ ก่อนจะปลีกตัวไปนั่งกับเพื่อนๆมัน ผมหันไปสนใจอย่างอื่นเหมือนมองไม่เห็นสีหน้าหมองๆของอีกฝ่าย

“มึงนี่มันแน่จริงๆ หักอกเดือนคณะซะด้วย”เพื่อนคนหนึ่งพูดเบาๆ ผมเหลียวมองอย่างไม่ชอบใจนัก

“มึงอย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินนะ”ทำไมวันนี้ เจอแต่เรื่องชวนให้ขัดใจตลอดเลยว่ะ ผมกลับไปนั่งประจำที่เพื่อรอแต่งตัวอย่างน่าเบื่อต่อไป ไอ้เพชรไม่ได้มาวุ่นวายกับผมอีกเลย ผมก็สงสารมันนะ แต่ทำไงได้ล่ะ ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องขึ้นมาเพราะความสงสาร

“พี่ฟิก มีคนซื้อมาฝากค่ะ”ไอ้ขวัญนวยนาดมาหาพร้อมกับถุงน้ำเต้าหู้ในมือ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครฝากมา เพราะไอ้ขวัญมันไม่รับฝากของจากคนอื่น ยกเว้นไอ้ภูกับไอ้ติน

“มันอยู่แถวนี้เหรอ”ผมมองซ้ายมองขวาไปด้วยเหมือนหวังว่าจะได้เห็นพวกมันสองคน

“มาแล้วก็ไป พี่เขาแค่ฝากมาเฉยๆ บอกว่ามีงาน แล้วจะแวะไปหาตอนงานเริ่มเลย”ไอ้ขวัญร่ายยาว ผมแอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าไอ้สองตัวนั่นจะทำอะไรแปลกๆรึเปล่า

ถึงแม้ธีมงานจะเหมือนเดิมแทบทุกปี แต่ก็ยังมีผู้มาชมอย่างเนืองแน่นทุกครั้ง อาจเป็นเพราะเสน่ห์เกินห้ามใจของหนุ่มๆถาปัตย์ก็เป็นได้ ผมตื่นเต้นมากทุกทีเมื่อใกล้เข้าเวลาเริ่มงาน ผมอยู่ในชุดจิ๊กโก๋แบบเดิมเมื่อตอนปีหนึ่ง เห็นแบบนี้แล้ว บรรยากาศเก่าๆกลับมาพาลให้คิดถึงอีกแล้ว วันนี้เมื่อตอนปีหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้ภูและไอ้ตินเพิ่งจะเริ่มต้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคบกับพวกมันมานานขนาดนี้

ก่อนเริ่มงานแสดงก็ทำการบวงสรวงพระพิฆเนศตามปกติ จากนั้นก็เป็นการปลุกใจของรุ่นพี่ปีห้า   

“สู้ๆนะพี่ฟิก”ไอ้เพชรเข้ามาให้กำลังใจ แต่เว้นระยะห่างอยู่พอสมควร ก็ยังดีที่มันคิดได้

“บอกตัวเองเถอะ กูเซียนแล้ว”ไอ้เพชรมุ่ยหน้าก่อนจะหัวเราะ

“หลังจบการแสดงพวกพี่ปีห้านัดเลี้ยง พี่รู้หรือยัง”

“เพิ่งรู้ตอนที่มึงบอกนี่แหละ”กำลังคิดอยู่ว่าจะไปดีไหม

“ต้องไปให้ได้นะ ถือเป็นการเลี้ยงส่งพวกพี่ด้วย”พี่ปีห้าคนหนึ่งโผล่มาตบบ่าผม

“อ่อครับ”แต่ยังไงผมก็ต้องรอถามไอ้ภูกับไอ้ตินก่อนอยู่ดี ผมแอบไปดูบรรยากาศหน้าเวที แทบล้มตึงเมื่อเห็นป้ายไวนิลขนาดใหญ่มีรูปผมโชว์หราอยู่ตรงกลุ่มคนหน้าเวที แค่เห็นช็อปก็รู้แล้วว่าใครเป็นต้นคิด อยากเป็นลมจริงๆ คิดไว้ไม่มีผิดเลยว่าพวกมันต้องขัดคำสั่งผม

“ป้ายเกร๋ดีนะ”ไอ้เคนที่เป็นสต๊าฟงานเข้ามาล้อเลียนใกล้มือใกล้บาทา

“แค่นี้กูก็อายจะแย่แล้ว”แต่ก็อดขำไปกับเพื่อนไม่ได้

“พวกมันฝากข้อความมาบอก”ผมเลิกคิ้วรอฟัง ช่วงใกล้งานแสดงพวกพี่ๆจะไม่ให้พกโทศัพท์ เพราะกลัวเสียสมาธิ

“พวกมันบอกว่าจะไปฉลองก็ไป ไม่ต้องมาถามเพราะพวกมันรู้ว่ามึงอยากไปจนตัวสั่นแต่กลัวโดนด่า”ไอ้เคนท่องให้ฟังจนจบ พวกมันช่างรู้ใจจริงๆ

“ฝากบอกพวกมันด้วยนะว่าทำดีมาก จบงานเมื่อไหร่มีรางวัลให้”

“เพื่อนกูต้องแบบนี้สิ เอาให้พวกมันขาอ่อนเลยนะ”ไอ้เคนยิ้มขำก่อนจะรีบเดินหนีไปดูงานหน้าเวที ปล่อยให้ผมเก้อเขินอยู่คนเดียว ที่พวกมันยอมให้ผมไปก็คงเพราะมีไอ้เคนกับไอ้ปลาไปด้วย มีมันสองคนก็เหมือนได้ติด GPS ตามติดผมนั่นล่ะ

สุดท้ายแล้วการแสดงก็ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าผมจะโดนโห่แซวกว่าชาวบ้านเขาเพราะไอ้ภูกับไอ้ตินมันทำป้ายมาเชียร์แถมพรรคเพื่อนมาอีก ไอ้เพชรที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกว่าจะเงียบกว่าปกติ แต่พอผมหันไปมอง มันก็ส่งยิ้มเฝื่อนๆมาให้

“ทุกคนทำดีมาก งานเลี้ยงจัดที่ร้านเดิมนะ เดี๋ยวจะมีรถคณะมารับ แล้วตกลงฟิกไปได้ไหม”พี่ปีห้าหันมาถามผมโดยเฉพาะ ก็อย่างที่บอกว่าชื่อเสียงเรียงนามของไอ้ภู ไอ้ติน พวกรุ่นพี่ในคณะของผมต่างก็รู้ดี

“ไปได้ครับ”ถึงจะยังไม่ได้คุยกับพวกมันตรงๆก็เถอะ ผมเข้าไปเอากระเป๋าออกมาอีกทีก็เจอ ไอ้ภูกับไอ้ตินนั่งคุยกับพวกรุ่นพี่ที่หลังเวที ตีเนียนจริงๆ

“ว่าไง”ผมสะกิดไหล่พวกมันสองคน

“ห้ามเมานะ”ไอ้ตินสั่งทันที ผมย่นหน้า งานแบบนี้ ไม่เมาได้ที่ไหน นานๆครั้งที่ผมจะได้ออกไปเที่ยวฉลองแบบนี้ เพราะระยะหลังๆผมไม่ค่อยได้แตะพวกแอลกลอฮอร์เท่าไหร่

“เมาได้ แต่อย่าเยอะ”ไอ้ตินเปลี่ยนคำพูด

“โอเคครับพ่อทั้งสอง”ผมรับคำอย่างนอบน้อม

“ถ้ากูโทรหาแล้วไม่รับ แสดงว่ามึงเมา เพราะฉะนั้นกูไปรับถึงที่แน่”ไอ้ภูกอดอกมองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“สามครั้ง ถ้าโทรมาแล้วกูไม่รับ พวกมึงมารับกูได้เลย”ผมก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เมา ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ เมาทีไรก็มีเรื่องทุกที

“ตามนั้น”ตกลงกับพวกมันได้แล้ว ผมก็ออกไปรวมตัวกับเพื่อนๆ ไอ้เคนพาแฟนไปด้วย เป็นเพื่อนต่างเซ็ก เห็นมันคุยนักคุยหนาว่าจริงจังมาก ผมก็รอดูว่าจะแค่ช่วงโปรโมชั่นรึเปล่า เพราะที่ผ่านๆมาก็เห็นมันพูดแบบนี้

“เหมือนไอ้เพชรมันไม่ค่อยมายุ่งกับมึงแล้วนะ”ไอ้เคนให้ความเห็น

“อือ มันคงกำลังตัดใจล่ะมั้ง”ก็ไม่รู้ว่ามันมาชื่นชอบอะไรผม ทั้งๆที่คนอย่างผมเนี่ย ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ไปถามไอ้สองคนนั่นก็อาจจะไม่ได้คำตอบ เป็นเรื่องชวนพิศวงจริงๆครับ!

ร้านเดิมที่เคยไปฉลองเมื่อตอนปีหนึ่งถูกปรับเปลี่ยนสัดส่วนแล้ว ร้านทำด้วยกระจก มีโซนนั่งจิบเบียร์ชิวๆและข้างๆกันเป็นโซนร้องคาราโอเกะ ก่อนเข้างานต้องเพ้นท์สัญลักษณ์เข้างานอีกด้วยสีนีออนเรืองแสง

“เดี๋ยวผมเพ้นท์ให้พี่เอง”เพื่อนไอ้น้องเพชรอาสา

“ดีๆนะเว้ย”ไอ้เด็กนั่นพยักหน้าหงึกหงัก มันเพ้นท์อะไรสักอย่างตรงต้นคอของผม เมื่อเห็นเงาสะท้อนกับตัวร้านก็รู้ว่ามันเพ้นท์รูปปากไว้ ภายในร้านเปิดไฟหม่นๆตามธีมร้าน ส่วนใหญ่ผมเจอแต่สาวๆที่ตั้งใจมาจัดเต็มกัน พูดให้ถูกก็งานปล่อยผีนั่นแหละ ทุกๆปีจะต้องมีคนอ้วกแตกกลางร้าน ไอ้เคนพาผมมานั่งที่โต๊ะว่างติดกับฝั่งโซนคาราโอเกะ เหมือนจะมีคนเข้าไปใช้ประปราย

“กูไม่ได้มาตั้งนาน มันเละขนาดนี้แล้วเหรอ”ผมกระซิบถามเพื่อนเบาๆ เมื่อก่อนก็แค่งานสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้ แต่ตอนนี้เหมือนงานอะไรสักอย่าง ส่วนใหญ่ก็จัดกันเอง ไม่เกี่ยวข้องกับคณะ

“เออ กูก็คิดเหมือนมึงนั่นแหละ”ผมล่ะกลัวคนจะมองว่าเป็นงานมั่วสุมซะจริงๆ ยิ่งร้านปรับโซนใหม่ จะดูแลกันทั่วถึงเหรอ วิญญาณคนดีเริ่มเข้าสิง ผมชนแก้วเฉพาะพวกปีโตกว่าเท่านั้น ไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ นั่งได้ไม่นาน ไอ้ภูก็โทรมาหาแล้ว แต่คุยตรงนี้ไม่สะดวกเพราะเสียงดังเหมือนนกแตกรัง แถมเปิดเพลงกรอกหูอีก

“กูไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ”ผมรายงานเพื่อน

“เชิญ”ไอ้เคนดูจะขำกับการที่ผมต้องบอกมันทุกเรื่องเหมือนเด็ก ผมหนีไปคุยที่ฝั่งห้องคาราโอเกะ ผลักประตูเข้ามานี่เหมือนอยู่คนละโลกกันเลยเพราะเสียงรบกวนหายวับทันที

“มีอะไรเหรอที่รัก”แกล้งมันซะหน่อย

[โทรมาเช็คว่าเมาหรือยัง]

“ระดับนี้แล้ว ไม่เมาง่ายๆหรอก”ได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาะแว่วมา

[อย่ากลับดึกนะ กูเป็นห่วง]

“เออออออออออ”ดูพวกมันจะเป็นห่วงมากจริงๆ สงสัยกลัวจะมีเรื่อง เพราะเมื่อตอนที่พวกมันเมาก็เป็นเรื่องเหมือนกัน

[กูไม่สบายใจแปลกๆว่ะ]

“เรื่องไอ้เพชรล่ะสิ”

[อืม] จะว่าไปตั้งแต่มาผมยังไม่เห็นมันเลย

“กูยังไม่เจอมันเลย สบายใจได้”ผมย่นจมูกเพราะได้กลิ่นบุหรี่ ลอยมาจากห้องคาราโอเกะด้านหลัง พอหันไปมองก็พบไอ้เพชรเปิดประตูออกมามองผมอยู่ ในมือคีบบุหรี่ไว้ ไม่คุ้นตากับภาพแบบนี้เลยจริงๆ ผมตั้งใจจะเปลี่ยนที่เพื่อหนีมัน แต่ไอ้เพชรไวกว่า มันเข้ามาไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวผม

[ดีแล้ว ถึงยังไงกูก็ไม่ไว้ใจมัน] ฝามืออีกข้างเอื้อมมาปิดปากผมไว้ พร้อมกับลากผมเข้าไปในห้องคาราโอเกะที่มันเพิ่งออกมา ผมตั้งใจจะด่าเมื่อมันปล่อยมือออกแต่ก็ทำไม่ได้เพราะคุยกับไอ้ภูอยู่

“เออ กูจะระวังตัวก็แล้วกัน”ไม่ทันแล้วจริงๆ ไอ้เพชรดึงผมให้นั่งลงบนตักของตัวเอง แขนโอบรอบเอวของผมเหมือนป้องกันไม่ให้หนี ก่อนจะซุกหน้าลงที่แผ่นหลังของผม มันเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย

 [งั้นแค่นี้แหละ] เมื่อไอ้ภูสบายใจมันก็วางสาย ผมหันไปเล่นงานไอ้ตัวที่ลากผมเข้ามาทันที

“มึงเป็นบ้าอะไรวะ”ผมดึงแขนมันออก แต่มันยิ่งรัดแน่นมากกว่าเดิม

“ขอแป๊บเดียวเอง”น้ำเสียงของมันฟังดูหม่นๆ

“ไม่ได้ กูจะออกไปด้านนอกแล้ว ไอ้เพชร”ผมทำเสียงจริงจัง

“แป๊บเดียวจริงๆ แล้วนับจากวันนี้ผมจะไม่ยุ่งกับพี่อีก นะ ขอแค่ตอนนี้”มันพูดเสียงอู้อี้เพราะฝังหน้าลงกับแผ่นหลังของผม

“มึงจะพูดอะไรก็พูดมา แต่ปล่อยกูก่อน”คุยกับมันเหมือนคุยกับคนบ้าเลย ยิ่งห้ามมันยิ่งรัดแน่น ผมย่นจมูก เมื่อได้กลิ่นบุหรี่ในมือของไอ้เพชร พักหลังๆผมไม่ค่อยได้สูบเท่าไหร่

“อย่าให้กูโมโหนะ”ผมทำเสียงเข้ม แต่มันแค่หัวเราะตอบกลับมา ผมอยากจะบ้าจริงๆ

“คือ พี่ฟิก ผมไม่ได้อยากให้พี่ลำบากใจหรอกนะ แต่พี่ต้องให้เวลาผมหน่อย”

“เอาไว้ค่อยคุยกันเหอะว่ะ ตอนนี้มึงคงคุยไม่รู้เรื่องแน่ๆ”

“เฮ้ยพี่ ผมไม่ได้เมานะ ผมรู้ตัวว่าผมทำอะไรอยู่ พี่อยู่คุยกับผมก่อนสิ”มันคลายแขนที่รัดเอวผมไว้ ก่อนจะยื่นบุหรี่มาให้ แต่ผมปัดออกพร้อมกับลุกมาจากตัวมัน ไอ้เพชรก็ยังดูปกติดี แววตายังเหมือนเดิม มันบี้บุหรี่ก่อนจะเทน้ำส้มให้ผม

“เห็นว่าช่วงนี้พี่งดเหล้า งั้นกินน้ำส้มเป็นเพื่อนผมหน่อย”มันส่งแก้วน้ำส้มมาให้ผม

“มึงมีอะไรก็ว่ามาเลย”

“ไม่มีอะไร ขอแค่ตอนนี้พี่อยู่เป็นเพื่อนผมหน่อย สาบานจริงๆว่าครั้งสุดท้าย แล้วผมจะไม่ยุ่งกับพี่อีก”มันหัวเราะทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่าขำ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งๆที่เคยบอกตัวเองไว้แล้วว่าผมต้องเด็ดขาดกับมัน แต่พอเห็นหน้าหมาหงอยของมันผมก็ใจอ่อนซะงั้น

“แป๊บเดียวนะ”ผมยกแก้วน้ำส้มดื่ม รสชาติจืดชืดเพราะน้ำแข็งละลายไปมากแล้ว 

 “ผมขอถามนะ…ถ้าพี่ยังไม่มีแฟน พี่จะชอบผมไหม”ไอ้เพชรกุมแก้วน้ำส้มในมือ ทอดสายตามองผนังฝั่งตรงข้าม

“บอกแล้วไงว่ามึงไม่ใช่สเป็คกู”

“คนที่พี่คบอยู่ ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สเป็คพี่เหมือนกัน ทำไมถึงยอมคบได้ล่ะ”นี่ผมต้องมานั่งจับเจ่าคุยเรื่องนี้กับมันจริงๆเหรอเนี่ย

“มันเป็นเรื่องพูดยาก คิดง่ายๆก็เพราะกูรักมันไง”ถ้าพวกมันไม่ตื้อมากๆก็อาจจะไม่ได้คบกันจนถึงทุกวันนี้ก็ได้

“ถามเอง เจ็บเอง ตลกดีเนอะพี่ฟิก”ไอ้เพชรกลับมาทำหน้าเศร้าอีกครั้ง มันเทเหล้าผสมน้ำโค้กในแก้วตัวเองก่อนจะยกดื่มรวดเดียว ไม่รู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน   

“ถ้าเมาแล้วก็พอนะ”คนใกล้ตัวผมมีแต่พวกร้ายหลบในทั้งนั้น มาคิดๆดูก็เจอคำตอบง่ายนิดเดียว เพราะสังคมที่ผมอยู่ แวดวงเพื่อนๆก็มีแต่คนแบบนี้ ก็ไม่แปลกหรอก ต่อไปผมต้องไปคบพวกเด็กเรียน คนดีๆบ้างแล้วล่ะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ผมจะได้ไม่ต้องเจอเรื่องน่าปวดหัวอีก

“เห็นไอ้ภูบอกว่ามึงไม่ธรรมดา…”แสดงว่ามันเคยทำวีรกรรมอะไรไว้แน่ๆ อย่างมันก็ดูร้ายลึกด้วย ไอ้เพชรมองหน้าผมก่อนจะถกเสื้อขึ้นพอให้เห็นลายเส้นสีดำตรงชายโครง บ่งบอกให้รู้ว่ามันสักลายไว้

“ช่วงที่เรียนอยู่ผมเคยหลงไปสักตามเพื่อนแสบๆ มารู้ทีหลังว่าคนที่รับสัก ตายไปแล้ว”ไอ้เพชรถอนหายใจ ก่อนจะมองหน้าผมอีกครั้ง

“พี่ภูก็รู้จัก”ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ตายไปแล้ว…คนตายที่ไอ้ภูรู้จักก็มีแค่อยู่คนเดียว

“ตอนแรกผมตั้งใจจะไปลบออกสักหน่อย แต่ก็ได้ข่าวว่าอาการโคม่า ผมเลยตัดสินใจเก็บไว้”ถึงจะผ่านไปนานแล้วแต่ผมก็ไม่สบายใจทุกทีที่ได้ยินเรื่องเก่าของไอ้ภู เหมือนเป็นเนื้อร้ายในช่วงชีวิตของมันที่ผมไม่อยากจำ

“ผมเลยมาคิด…ขนาดพี่ภูเคยทำอะไรแย่ๆ พี่ยังคบได้อยู่เลย ผมนับถือพี่จริงๆ”คำพูดของมันเหมือนดูดี แต่แฝงไปด้วยความประชดประชันเต็มเหนี่ยว

“ไม่ต้องมานับถือกูหรอก กูไม่ใช่คนดีขนาดนั้น”

“จริงอ่ะ”สีหน้าของไอ้เพชรตอนนี้ดูร้ายกาจแปลกๆ

“กูจะกลับแล้ว หวังว่ามึงจะตัดใจจากกูเร็วๆนะ”ไหนมันบอกว่าผมเป็นไอดอลมันไง ผมรีบตรงไปที่ประตู ยังไม่ทันได้ผลัก บานประตูก็เปิดเข้ามาก่อน ระหว่างนั้นประตูห้องก็เปิดออก คนที่โผล่เข้ามาคือไอ้หมอกเรียนออกแบบ มันมองผมกับไอ้เพชรก่อนจะยิ้มแปลกๆ

“ไม่ต้องตกใจ กูเอง กูมาเอาของที่ฝากไว้”ผมไม่ทันได้มองว่าคืออะไร เพราะออกมาก่อน แวะส่องความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนจะรอไอ้หมอกอยู่ด้านนอก ผมเคยได้ยินชื่อเสียงเรื่องดูดเนื้อของมันมาพอสมควร แล้วของที่ว่า…อย่าบอกนะว่าไอ้เพชรก็ใช้ ผมส่ายหน้าอย่างนึกไม่ถึง รออยู่สักพักไอ้หมอกก็ออกมา

“อ้าว ไอ้ฟิก มึงสนเหรอ รับรองว่าแก้เครียด”มันยื่นบุหรี่ยัดไส้มาให้ ไอ้เพชรก้าวตามออกมาพอดี ผมกลับมามองไอ้หมอก ปัดของที่มันยื่นมาให้ออก

“กูไม่ได้สนของๆมึง แต่ถ้ามึงจะชั่ว ก็อย่าลากน้องไปทางผิดๆ”ผมเริ่มฉุน

“ผมไม่ได้เล่น”ไอ้เพชรตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“แค่รับฝากเฉยๆ”มันมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“กูจะบอกอาจารย์”ขู่เสร็จ ผมก็รีบผลักประตูเข้าไปอีกฝั่ง เข้าไปนั่งที่โต๊ะเดิม ไอ้เคนมองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นห่วง

“หายไปนานจังวะ”

“มีเรื่องนิดหน่อย”ผมเล่าเรื่องไอ้หมอกให้ไอ้เคนฟัง

“เดี๋ยวจบงาน กูจัดการเอง”มันกระซิบเบาๆ ผมเครียดขึ้นมาทันที ทั้งเรื่องไอ้คนที่ตายไปแล้ว ทั้งเรื่องไอ้เพชร ความจริงก็ไม่ปัญหาของผมด้วยซ้ำ มันจะเลวก็เรื่องของมัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…

“รอยอะไรวะ”ไอ้เคนจิ้มมาที่ต้นแขนของผม เพิ่งรู้ตัวว่ามีรอยข่วน

“หมาข่วน”ไอ้เคนเลิกคิ้วท่าทางเครียดๆ

“มีเรื่องอะไรรึเปล่า ไอ้ภูกับไอ้ตินมันให้กูดูมึง ถ้าเกิดมีเรื่อง กูซวยไปด้วยเลยนะ”มันดูห่วงตัวเองและผมไปพร้อมๆกัน

“ไม่มีอะไรมากหรอก”ผมจึงเล่าให้มันฟังคร่าวๆ ไอ้เคนฟังจบก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายทันที

“พูดจริงๆนะ ไอ้ภูกับไอ้ตินนี่โคตรจะทน เรื่องเยอะขนาดนี้พวกมันยังไม่ถอย”คำพูดของเพื่อนสะกิดใจผมอย่างหนัก นั่นสิ สำหรับพวกมันสองคนแล้ว ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักจริงๆ ผมรู้มาตลอดนั่นล่ะ ว่ามันสองคนไม่ได้ไว้ใจผมแบบที่พวกมันพูดเต็มร้อยหรอก เพราะหลายๆอย่างรอบตัวผม ไม่ค่อยแน่นอน ถ้าพวกมันจะเหนื่อยบ้างก็ไม่แปลก เฮ้อ…

“กูว่าจะกลับแล้วว่ะ”ไอ้เคนขยับเข้ามากระซิบ ดูเหมือนมันไม่อยากอยู่นานเท่าไหร่ อีกเหตุหนึ่งก็คือแฟนสาวมันงอแงจะกลับแล้ว

“มึงมีรถเหรอ”

“เออ ยืมของรุ่นพี่มา”ผมจึงตกลงกลับเพราะไม่ค่อยอยากอยู่เท่าไหร่ เมื่อออกไปนอกร้านก็เจอไอ้หมอกกับไอ้เพชรกำลังมีเรื่องกันอยู่

“เฮ้ยๆ พวกมึงมีอะไรกันวะ”ไอ้เคนรีบเข้าไปห้ามทัพ ส่วนผมแค่ดูอยู่ห่าง ๆไอ้หมอกสะบัดแขนออกการยึดเหนี่ยวของไอ้เคน มีรอยฟกช้ำตามใบหน้าของทั้งคู่เล็กน้อย

“เปล่าครับ”ไอ้เพชรตอบเสียงฉุน มันมองหน้าผมก่อนจะเดินหลบไปอีกทาง ไอ้หมอกมองตามไอ้เพชรพร้อมทำเสียงเหอะออกมาเบาๆ

“หัดสั่งสอนเด็กมึงด้วยนะไอ้ฟิกว่าอย่ามาลามปามกับกู”มันหันมาพูดกับผม

“แล้วมึงสองคนมีเรื่องอะไรกัน”ไอ้เคนถามแทรก ไอ้หมอกทำหน้าเหนื่อยหน่ายไม่ตอบคำถามก่อนจะเดินเลี่ยงกลับเข้าไปในร้านตามเดิม

“แต่ล่ะคน”ไอ้เคนพึมพำก่อนจะส่ายหน้าระอา ส่วนแฟนมันก็ยืนหน้าง้ำอยู่ข้างๆผมนี่ล่ะ

“มันสองตัวมีเรื่องอะไรกันวะ”ไอ้เคนพึมพำอย่างคนอยากรู้ ถ้าไม่ติดว่าแฟนมันกอดอกรออยู่มันคงตามเข้าไปเคลียร์แล้วแน่ๆ ผมกลัวมันโดนเมียตบเลยเร่งให้มันรีบกลับเร็วๆ

“แหม รีบกลับจังนะ”ไอ้เคนแซว

“เออ เมียรออยู่ที่บ้าน”

“ถุย อย่าลืมไปจัดรางวัลให้ด้วยล่ะ”มันย้ำเตือน นี่ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าพูดอะไรไว้

หลังจากที่ไอ้เคนมาส่งที่หอผมก็แวะซื้อข้าวต้มหน้าหอเสียหน่อย ระหว่างที่กำลังรอ ไอ้ตินก็โทรตาม จู่ๆกรู้สึกอยากแกล้งพวกมันขึ้นมา ผมจึงสะกิดคนที่รอซื้อข้าวต้มเหมือนเป็นคนรู้จัก

“ช่วยรับสายนี้หน่อยได้ไหมครับ”คนข้างๆมองผมด้วยสีหน้างุนงง

“แป๊บเดียวครับ”ผมรีบรับสายก่อนยื่นโทรศัพท์ไปแนบหูอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับ”อีกฝ่ายรับสายอย่างเรียบร้อย หันมาขมวดคิ้วใส่ผม คิดว่าไอ้ตินต้องถามอะไรแน่ๆ ผมดึงมาฟังต่อพร้อมกับก้มหัวขอบคุณแบบมีมารยาท

[มึงเป็นใครเนี่ย ไอ้ฟิกอยู่ไหน] ผมเข้ามารอในร้าน เดาได้ว่าพวกมันต้องรีบไปหาผมที่งานแน่ๆ ผมกดตัดสาย ก็พอดีกับข้าวต้มที่สั่งไว้ได้แล้ว ป้าคนขายมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มขำ

“เล่นอะไรแปลกๆนะหนู”

และเป็นไปตามคาด ผมเห็นไอ้ภูกับไอ้ตินลงมาแล้ว สีหน้าหงุดหงิดได้เรื่องเลย ผมเลยรีบวิ่งเข้าไปเกาะบ่ามันทั้งคู่

“จ๊ะเอ๋”ผมทักด้วยเสียงกลั้นขำ

“ไอ้ฟิก…”มันอ้าปากเหมือนจะด่า แต่ก็ดูเหมือนคิดอะไรได้

“มึงกลับมาตอนไหน แล้วใครรับสายมึง”

“นู่น”ผมทำปากยื่นไปทางคนที่รอซื้อข้าวต้มอยู่

“นี่มึงหลอกกู?”ไอ้ตินทำหน้านิ่ง

“ล้อเล่นน่า แบบบริหารหัวใจไง”เกิดมันสองคนงอนผมขึ้นมาจริงๆนี่ซวยเลยนะ

“ตบหัวสักทีได้ไหม”ไอ้ภูเงื้อมือขึ้นมาแล้ว แต่ผมรีบชิ่งหนีเสียก่อน กว่าจะขึ้นมาถึงห้องก็เล่นเอาหอบแฮ่ก

“ไหนมึงบอกว่าจะให้รางวัลกูไง”ไอ้ตินเดินตามขึ้นมาแบบชิวๆ พร้อมวางมือลงบนบ่าของผม

“กูพูดเล่น”ผมรีบไขกุญแจเข้าห้อง ไอ้พวกนี้เล่นอะไรแปลกๆ มือไม้เลื้อยอะไรตรงนี้

“มึงก็เป็นแบบนี้ตลอด หัดจริงจังกับชีวิตบ้างนะ”ไอ้ภูบีบพุงผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเบียดเข้าไปในห้อง

“มึงเมารึเปล่า”ไอ้ตินเข้ามาดมกลิ่นใกล้ๆ พร้อมกับพลิกหน้าผมไปทางซ้ายที ขวาที

“ไม่ได้เมา แค่นี้เมาก็ไม่ใช่ไอ้ฟิกแล้ว”มันสองคนพร้อมใจกันทำเสียงดูถูกทันที ดีนะที่ซื้อข้าวต้มมาด้วย งานนี้ผมเลยรอดตัวไป!






***********************************************



ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4




ช่วงก่อน
ถึงงานดนตรีคณะไอ้ภู ผมดันมาเจอมรสุมโปรเจคงานออกแบบห้องน้ำสุขภัณฑ์ส่งท้ายเทอมแรก ทั้งแบบโมเดล และสามดี แถมอาจารย์ต้องการชิ้นงานภายในสามวันอีก ผมเลยหัวแทบหลุด เกณฑ์พวกสายเทคมาช่วย ส่วนใหญ่ผมจะสิงอยู่ที่บ้านไอ้ชายเพราะช่วยงานกันได้ง่ายกว่าทำบ้านใครบ้านมัน ไอ้ตินก็แวะมาหาบ้าง ช่วงนี้มันกำลังร่างวิจัย ส่วนไอ้ภูอยู่ในช่วงซ้อมเลยแวะมาหาบ่อยๆไม่ได้ เรียกได้ว่าทั้งผมและพวกมันกำลังเข้าสู่โหมดยุ่งด้วยกันทั้งหมด ไอ้เรื่องคิดมาก น้องจงน้อยใจจึงแทบไม่อยู่ในหัว ในตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ คือส่งงานให้ทัน และภาวนาว่าจะไม่โดนตีกลับมาให้ทำใหม่

“มึงทำจูรี่เสร็จยัง ถึงได้มานั่งชิวหน้าระรื่นอยู่ได้”ไอ้ชายที่กำลังหมุกมุ่นกับโปรแกรมกราฟฟิกสามดีสละเวลาอันมีค่าเพื่อไปค่อนแขวะไอ้ปลาที่มานั่งดูพวกผมทำงานอยู่

“ใกล้แล้ว กูมีตัวช่วย”มันตอบหน้าชื่น ได้ข่าวแว่วๆว่ามันแอบคบกับเด็กปีสอง สงสัยว่านั่นคือตัวช่วยของมันล่ะมั้ง

“พักผ่อนบ้างก็ได้ ดูซิ สเปคตรงนี้มึงไม่เท่ากัน”ไอ้ปลาชี้มาที่พื้นห้องน้ำกับกับตู้เก็บของแบบบิ้วอิน ผมจึงลุกไปล้างหน้าล้างตาแก้อาการเบลอ แค่ทำงานสองวันติดหน้าตาผมนี่หมดราศีความหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอ ออกมาอีกทีก็เจอเด็กปีหนึ่งกำลังช่วยไอ้เคนตัดแผ่นอะคลิลิกอยู่ หนึ่งในนั้นมีไอ้เพชรอยู่ด้วย ตั้งแต่จบงานคณะมันก็ไม่ได้มายุ่งกับผมตามที่พูดจริงๆ แถมหน้าตาดูสดชื่นกว่าเดิมอีก หรือเป็นเพราะว่ามันเลิกจมปลักอยู่กับผมก็ไม่รู้

“ไอดอลที่มึงถามถึงมาแล้วว่ะ”ได้ยินเพื่อนมันคนหนึ่งพูด ไอ้เพชรหันไปทำหน้าเข้มใส่เพื่อนมันทันที 

“พวกมึงมาก็ดี มาช่วยกูแก้ตรงนี้หน่อย”ผมเลื่อนโมเดลขาดๆเกินๆของตัวเองไปให้ไอ้เด็กพวกนั้น พร้อมกับกางแบบให้พวกมันดู ผมลากโน๊ตบุ๊คของตัวเองมาทำงานใกล้ๆพวกมัน จะได้คอยดูด้วยพวกมันด้วย กลัวพวกมันทำงานพัง

“พักนี้พี่ฟิกโทรมจังวะ”หนึ่งในนั้นเริ่มวิจารณ์หนังหน้าผม

“กูไม่ค่อยได้นอน พวกมึงจะพูดมากทำไม”ผมบอกให้พวกมันหุบปากเงียบก่อนจะกลับมาเพ่งมองโปรแกรมสามดีต่อ ช่วงหัวค่ำมีพี่เทคปีสี่แวะซื้อข้าวกล่องมาให้ ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าเคยมีพี่เทค

“ก็นึกว่าเลิกกับแฟนแล้ว”ผมได้ยินแว่วๆมา กะจะด่าซะหน่อย ดันไปเจอสายตาของไอ้เพชรแทน แต่มันเลือกที่จะหลบไปก่อน บรรยากาศจึงไม่อึดอัดมากนัก ไอ้ภูโทรมาจังหวะเหมาะพอดี ผมเลยได้โอกาสปลีกตัวออกไปคุยโ?รศัพท์ด้านนอก 

[ตายหรือยัง] ดูมันทัก

“ยัง”ผมลากเสียงยาวๆใส่

“แต่ถ้ากูตาย กูจะตามไปขี่คอมึง”ไอ้ภูหัวเราะ ได้ยินเสียงโซโล่กีต้าดังก้องอยู่ในสาย

“ยังไม่เลิกซ้อมอีกเหรอ จะเอารางวัลเลยรึไง”

[เออดิ ส่งท้ายชีวิตปีสี่บ้าบอของกู นานๆทีจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน] น้ำเสียงมันออกจะหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะพ่อมันประชดมาว่าจะไปดูไอ้ภูแข่ง นึกภาพดูแล้วคงจะแปลกๆ

“เอาน่า ถึงมึงจะดูชั่วๆ ไม่มีอะไรดีกูก็รักมึงนะ”เอาใจมันหน่อย ไอ้ภูทำเสียงเหอะตอบกลับมา

[จะบอกรักทั้งที ขอฟินๆไม่ได้รึไง]

“ถุย”ผมกลั้นหัวเราะกับคำพูดของมันเต็มที่

[กูไม่กวนแล้วว่ะ โทรไปหาไอ้ตินก็กำลังแทะหนังสืออยู่] มันทำเสียงเบื่อหน่าย

“อาการแบบนี้…มึงเหงาเหรอ”มันทำผมหลุดยิ้มอีกแล้ว

[ตลกแล้ว กูแค่เหนื่อยๆ] พูดจบมันก็วางสายไปอย่างทันทีทันใด ผมโทรเช็คไอ้ตินบ้างดีกว่า แต่รอสายตั้งนานสองนานกว่ามันจะรับ

[ตายหรือยัง] ผมทักทันทีที่มันรับสาย

“แหม พูดเหมือนพี่ภูเลยนะ กูไม่ตายง่ายๆหรอก มึงนั่นแหละ กูนึกว่าตายไปแล้ว หายหน้าหายตาไม่โทรมาเลยนะ”

[อย่างอนดิ] กวนประสาทมันเล่น

“กูไม่ได้งอน”

[กูมีงานเลยยุ่งๆ] ผมถอนหายใจเหนื่อยๆ

“กูก็มี”ผมมึนไปพักใหญ่ กำลังคิดว่าคำพูดมันสื่ออะไรรึเปล่า

[แต่เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งเหี่ยวเฉาเพราะทนคิดถึงกูไม่ไหวไปก่อนล่ะ] แต่ปลายสายกลับเงียบสนิท จนผมเริ่มหงุดหงิด

[เฮ้ย…]

เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของมันดังลอดมาให้ได้ยิน อย่าบอกนะว่ามันหลับทั้งๆที่คุยสายกับผมอยู่ อยากเห็นจริงๆว่าตอนนี้หน้าตามันเป็นยังไง ผมวางสายอย่างคนอารมณ์ดีเข้ามาในห้องรกๆ งานกองเกลื่อนก็อารมณ์เหี่ยวตามเดิม ไอ้เคนเผางานเสร็จก่อนคนแรก ตามมาด้วยไอ้ชาย เหลือแค่ผมที่ยังต้องก้มหน้าก้มตาเพ่งมองโน๊ตบุ๊คต่อไป ระหว่างที่กำลังจดจ่อ ไอ้เพชรมันก็วางกล่องเล็กๆไว้ให้โดยที่ไม่พูดอะไร เป็นวีต้าเบอร์รี่

“ขอบใจ”ผมตอบโดยไม่มองหน้ามัน ไม่คิดจะกินหรอกเพราะผมไม่ชอบกินอะไรพวกนี้อยู่แล้ว จนเวลาล่วงเลยประมาณตีสอง พวกเด็กปีหนึ่งก็พากันทยอยกลับ เหลือไอ้เพชรที่นั่งจับเจ่าคุยกับไอ้เคนเรื่องไอ้หมอก ได้กลิ่นเหล้าลอยหึ่งมา ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ชายนี่ล่ะ   

“มึงยังจะห่วงแดกอีกเหรอ”ผมมองมันด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ มานั่งก๊งใกล้ๆผมแบบนี้มันล่อตาล่อใจ ยิ่งเหนื่อยๆเครียดๆอยู่

“งานเสร็จแล้วทำอะไรก็ไม่ผิด”ไอ้ชายมานั่งวิจารณ์งานของผม ไปๆมาๆผมเลยให้มันช่วยทำให้ซะเลย ไอ้ชายมันถนัดโปรแกรมมากกว่าผมอีก ข้อดีของไอ้ชายคือมันขยัน ชอบบังคับให้ผมมาทำงาน ทั้งๆที่ยังเหลือเวลาให้ทำอีกตั้งหนึ่งวัน หนึ่งวันเชียวนะ

“มีคนเอาวีต้ามาให้ซะด้วย”มันเหลียวมองไอ้เพชร ก่อนจะมองหน้าผมเหมือนต้องการมองให้ทะลุ

“มองหน้ากูทำไม”

“เปล่าครับพี่”มันเลิกกวนประสาทผมก่อนจะหันไปตั้งใจทำงานให้ผมต่อ

“มึงไม่ต้องไปยุ่งกับมันมากหรอก ก็อย่างที่เห็นว่าไอ้หมอกมันเป็นยังไง อยู่ในสังคมแบบนั้น มันก็มีแต่เพื่อนเลวๆนั่นแหละ”ผมเข้าไปร่วมวงนั่งฟังด้วย ดูท่ามันสองคนจะเริ่มกรึ่มๆแล้ว เพราะเหล้าหมักของไอ้ชาย

“แล้วตกลงวันนั้นมึงมีเรื่องอะไรกับมัน”ผมอยากรู้ขึ้นมาโดยฉับพลัน

“ไม่ใช่เรื่องของพี่น่า”ไอ้เพชรตอกกลับเอาซะผมหน้าชา

“ขอโทษที่เสือก”ผมมองมันกรุ่นๆ คว้าแก้วเหล้าตรงหน้ามายกจิบ อ้วกแทบพุ่งเพราะเหมือนมันผสมอะไรไปบ้างก็ไม่รู้

“ล้อเล่น ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็เรื่องเดิม”ไอ้เพชรไหวไหล่

“แล้วตกลงมึงเล่นเนื้อรึเปล่า”ผมยังข้องใจอยู่นิดหน่อย ถ้าไม่ได้เล่นแล้วจะไปรู้จักกับไอ้หมอกได้ไง ไอ้เคนหันมามองผมพร้อมกับหัวเราะ

“มึงมองคนในแง่ร้ายไปรึเปล่า อย่างไอ้เพชรมันไม่ยุ่งหรอก”ผมแค่หัวเราะหึ ใครจะรู้ล่ะ ตั้งแต่คบกับไอ้ภูไอ้ติน ผมก็มองเห็นด้านมืดมาเยอะ มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าผมจะระแวง

“ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว เคยลองแค่ครั้งเดียว นิดๆหน่อยๆ จะเชื่อรึเปล่าก็แล้วแต่”ไอ้เพชรถอนหายใจ

“แต่ก็นั่นแหละ ผมดูไม่ดีในสายตาพี่ฟิกตลอดนั่นแหละ ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบผม แต่ไม่ต้องเมินผมก็ได้ ผมพลอยรู้สึกแย่ไปด้วยเลย”ไอ้เพชรหันหน้าไปทางอื่น ดูเหมือนมันจะเริ่มเมาแล้วพร่ำเพ้อไปเรื่อย ผมมองหนาไอ้เคนอย่างคิดไม่ตก

“กูไม่ได้เมิน แค่ไม่รู้จะพูดอะไร”พักนี้ผมไม่ค่อยได้เจอมันด้วย ไอ้เพชรใช้หลังมือถูจมูกก่อนจะมองหน้าผมตรงๆเป็นครั้งแรก

“พี่เกลียดผมแล้วเหรอ”

“มึงเป็นรุ่นน้องกู กูจะเกลียดมึงไปทำไม”ผมหนักใจขึ้นมาอีกแล้ว ไอ้เคนกระแอมกระไอเบาๆ

ผมจึงเลี่ยงไปหาของกินในครัว ก็เจอแต่มาม่า ในตู้เย็นมีเบียร์กับสปายติดอยู่หนึ่งแพ็ค ผมหยิบเบียร์มาดื่มแก้เครียด ความจริงยังติดใจเรื่องไอ้ภูกับไอ้ตินนิดหน่อย ตอนที่มันโทรมา พวกมันแปลกๆไปรึเปล่า พักนี้ผมสนแต่เรื่องโปรเจคไฟนอล อาจไม่ได้สนใจพวกมันเท่าไหร่ แต่คนอย่างพวกมันก็น่าจะเข้าใจได้อยู่แล้วนี่นา แล้วช่วงก่อนไอ้ตินมันก็โพสต์ข้อความแปลกๆด้วย แต่ก็นั่นแหละ ผมยุ่งๆเลยไม่ได้สนใจ 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเบียร์ก็หมดไปห้ากระป๋องแล้ว ผมเริ่มรู้ตัวว่ามึนๆเลยแอบย่องไปนอนในห้องว่างด้านล่าง ว่าจะโทรหาพวกมันซักหน่อย แต่ก็ฝืนตัวเองไม่ไหว หลับไปซะก่อน




*********************************************************************




เป็นเช้าที่แย่พิกล ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ผมเลื่อนมือลูบไปมาอยู่สักพัก กดตรงบริเวณที่เจ็บก็ถึงกับสะดุ้งน้ำตาคลอ

“เป็นอะไรวะ”ผมขยับตัวอย่างยากลำบาก เลิกชายเสื้อดูที่หน้าท้อง พบรอยฟกช้ำดำเขียวเด่นชัด เฮ้ย นี่ผมแค่เผลอหลับทำไมถึงช้ำได้วะเนี่ย ผมลองสำรวจบริเวณอื่นด้วย ไม่พบอะไร ยกเว้นอาการปวดจี๊ดๆที่ขมับ บวมๆแบบนี้ผมโดนใครฟาดมารึเปล่าเนี่ย เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมเลื่อนตัวลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล กว่าจะถึงประตูห้องเหมือนแต่ล่ะก้าวมันยาวนานเหลือเกิน

ผมผลักประตูเปิดออก ภายในบ้านเงียบกริบเหมือนป่าช้า แถมนอกห้องก็ดูเหมือนผ่านมรสุมอะไรมาสักอย่าง เศษขวดแก้วแตกกระจายบนพื้น และถ้าผมตาไม่ฝาดไปล่ะก็ เหมือนมีหยดเลือดด้วย ผมเริ่มมึนนี่ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า

“เฮ้ย พวกมึงหายไปไหนกันหมด”ผมลองเรียกดู เกิดความเคลื่อนไหวจากด้านนอก ผมได้ยินเสียงลากเท้าและเสียงคุยพึมพำ ก่อนที่ไอ้เคนกับไอ้ชายจะโผล่เข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“หลับเพลินเลยนะมึง”ไอ้ชายดูเครียดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ทำไมบ้านเงียบจังวะ โอ๊ยย เชี่ย กูไปได้แผลมาจากไหน”ผมลูบหน้าท้องก่อนมองหน้าเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ แต่สีหน้าของมันสองคนยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่ดี

“พวกมึงเป็นอะไรเนี่ย ทำหน้าทำตา มีใครตายหรือไง”ผมชี้ให้พวกมันดูรอยเลือด

“เลือดใครวะ เมื่อคืนพวกมึงมีเรื่องกันเหรอ”ไอ้ชายกับไอ้เคนมองหน้ากัน

“กูจะบอกมึงยังไงดีวะ ไอ้ฟิก”ไอ้เคนขยุ้มผมตัวเองอย่างเครียดจัด

“แค่บอกกูมาว่าเกิดอะไรขึ้น”ผมว่ามันสองคนดูแปลกๆ

“มึงทำใจดีๆนะ คือเมื่อคืนมึงแอบจิ๊กเบียร์กูไปกิน แล้วเข้าไปหลับในห้องใช่ไหม”ผมพยักหน้าตาม

“เมื่อคืนไอ้เพชรก็เมาเหมือนกัน กูเห็นว่ามันดึกแล้ว เลยไล่ให้มันเข้ามานอนด้านใน”ไอ้เคนทำหน้าเครียด ผมเริ่มรู้สึกเห็นลางไม่ดี

“เดี๋ยวนะ”ผมใจไม่ดีแปลกๆ

“ทีนี้ไอ้ภูกับไอ้ตินมันมาหามึงเพราะโทรไม่ติด กูไปเจอเบียร์ในครัว แล้วไม่เห็นหัวมึง กูเลยให้ไอ้ชายไปหามึงบนห้อง แต่ไม่เจอ…”ไอ้เคนทำหน้าเครียดจัด แค่มองหน้ามันสองคนผมก็พอจะเดาเรื่องได้ลางๆแล้ว

“แล้วเกิดอะไรขึ้น”ผมกลั้นใจถามออกไป

“มึงกับไอ้เพชรนอนอยู่ในห้องเดียวกัน แล้วไอ้ภูมันเปิดไปเจอพอดี”ไอ้ชายถอนหายใจเฮือกใหญ่

“แต่มึงกับมันไม่ได้มีอะไรกันหรอก ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น แค่ไอ้เพชรมันช่วย เอ่อ นั่นล่ะ”ไอ้เคนเหมือนไม่อยากพูดต่อ เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างยาวนาน

“แล้ว…มันสองคนอยู่ไหน”จู่ๆผมก็กลัวมันสองคนขึ้นมา ไอ้ชายมองหน้าผมก่อนจะพยักเพยิดไปด้านนอก

“กูไม่รู้จะพูดยังไงดีว่ะ”ผมยังมึนงงไม่หาย จ้องมองเศษขวดที่แตกกระจายบนพื้นอย่างคิดไม่ตก

“ไอ้เพชรอยู่โรงบาล”ไอ้เคนพึมพำเบาๆ ผมยกมือลูบใบหน้าอย่างเครียดๆ ไม่รู้จะพูดยังไงกับเรื่องทั้งหมด เมื่อคราวก่อนผมเพิ่งฉะไอ้ภูกับไอ้ตินด้วยเรื่องนี้ แต่ตอนนี้มันกลับเกิดขึ้นกับผม ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้มาก่อนเลย

“กูขอคุยกับมัน”ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีเมื่อได้ยินเสียงไอ้ภู นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่ผมได้เห็นหน้ามัน ผมไม่กล้าสบตาพวกมันสองคนขึ้นมา แต่ถ้าหนี มันก็เหมือนคนมีความผิด ผมจึงได้แต่ฝืนมองหน้ามันสองคน ไอ้ตินดูอิดโรยเหมือนคนนอนไม่พอ เพื่อนทั้งสองคนออกไปจากห้อง ทิ้งความเงียบไว้อีกครั้ง

“มึงจำได้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”ไอ้ตินทำลายความเงียบเป็นคนแรก ผมเม้มริมฝีปากที่แห้งผากอย่างคิดไม่ตก

“กูไม่รู้ว่า…”

“เออ กูเข้าใจ”ไอ้ภูพูดแทรก จนผมไม่กล้าพูดต่อ สีหน้าของมันไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเข้าใจเลยสักนิด

“เจ็บไหม”ไอ้ตินถาม ผมกำลังงงว่ามันพูดถึงเรื่องไหน มันก็ก้าวเข้ามากดตรงหน้าท้องจนผมสะดุ้งถอยห่างเพราะเจ็บไปหลายก้าว

“แต่คงไม่เท่าความรู้สึกของกูหรอก”ไอ้ตินมองหน้าผมด้วยสายตาเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด

“มึงไม่รู้หรอกว่ากูรู้สึกยังไงตอนที่เปิดประตูไปเจอมึงกับไอ้เพชร”มันจ้องผมเหมือนอยากให้ผมหายไปตรงหน้าซะเดี๋ยวนี้ ผมนึกคำพูดไม่ออก ผมจะอธิบายในสิ่งที่ตัวเองจำไม่ได้ซักนิดได้ยังไง สายตาแรงกล้าของคนทั้งสองทำให้ผมรู้สึกตัวเล็กนิดเดียว

“แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเหตุสุดวิสัย”ไอ้ภูเหมือนคนไร้ชีวิตชีวา บรรยากาศกดดันทำให้ผมแทบหายใจไม่ออก ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอ่ยถามพวกมันเป็นครั้งแรก ณ จุดๆนี้เหมือนเหตุการณ์มันวนลูปไปมา ผมกำลังนึกถึงใจพวกมันว่ารู้สึกยังไง แค่ตอนที่ผมไปเจอไอ้นนท์ในห้องไอ้ภู ผมก็แทบทนไม่ได้แล้ว แล้วกับพวกมันที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆล่ะ

“เหนื่อยมากไหม”

มันสองคนหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขัน

“เออสิ กูเหนื่อยมาก”ไอ้ภูกระแทกเสียงเหมือนเหลืออด

“ทั้งๆที่กูกับมึงผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งเยอะ แต่กูคิดมาตลอดว่าจะมีเรื่องอะไรเข้ามาอีกรึเปล่า คิดว่ามึงจะเฉไฉบ้างไหม เรื่องที่ประดังเข้ามามันกลับยิ่งทำให้ความรู้สึกของกูยิ่งเปราะบาง ไว้ใจ เชื่อมั่นน่ะเหรอ มันก็แค่คำพูดสวยหรูที่กูพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง เพราะกูรู้ไงว่าถูกคนที่รักไม่ใจมันรู้สึกแย่แค่ไหน”ไอ้ภูกำมือแน่นก่อนจะคลายออก มันสูดหายใจเข้าลึกๆเหมือนพยายามตั้งสติ ไม่ให้ทำอะไรแย่ๆ

“กูรู้ว่าที่ผ่านมาปัญหามันเยอะแค่ไหน แต่กูก็พยายามที่สุดแล้ว กูก็เบื่อที่เรื่องมันวิ่งเข้ามาหากูไม่รู้จบ มันเป็นความผิดของกูเหรอวะ”ผมเองก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน

“กูไม่รู้ อาจจะเป็นกู เป็นมึง พี่ภู หรือใครก็ได้ จริงๆแล้วเราต้องมาคิดกันจริงๆจังๆเสียทีว่าเพราะอะไรเราถึงเจอแต่เรื่องเดิมปัญหาเดิมซ้ำๆ”ไอ้ตินดูสงบกว่าทุกทีจนผมกลัว

“มึงจะบอกว่ากูเป็นตัวปัญหาเหรอ”ก็อาจจะจริงก็ได้มั้ง ผมก็ดีแต่สร้างปัญหาให้พวกมันเสียความรู้สึกตั้งกี่ครั้ง

“มึงก็รู้ว่ากูหมายความว่าอะไร”แต่ผมไม่เข้าใจว่ะ ผมมองหน้ามันสองคน ค้นหาคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกดี แต่ก็หาไม่เจอ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกแย่เหลือเกิน

“กูไม่รู้ แล้วพวกมึงคิดอะไรล่ะ เหนื่อยกับกูกันมากใช่ไหม ก็เลิกกันก็ได้ กูไม่ว่าหรอก”ผมพูดออกมาทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด

“พูดอะไรของมึง”ไอ้ภูดูจะหัวเสียขึ้นมา

“พวกมึงบอกว่าเหนื่อยนี่ ถ้าเหนื่อยแล้วจะทนกับคนอย่างกูทำไม”คำว่าทนดูจะโหดร้ายกับผมมากเกินไป

“มึงอย่างอแงนะฟิก มึงก็รู้ว่าที่ผ่านมาเราช่วยกันประคองมาตลอด กูไม่เลิกกับมึงเพราะคำว่าเหนื่อยหรอก แต่กูแค่…”ไอ้ตินเหมือนพยายามหาคำพูดมาอธิบายแต่เมื่อหาไม่ได้มันก็ถอนหายใจทิ้งขว้างแทน ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าพวกมันเหนื่อย ใครบ้างจะไม่เหนื่อย คบกับผมก็เจอแต่เรื่อง ยิ่งพวกมันพูดแบบนี้ก็ยิ่งย้ำชัดว่าเรื่องของผมกับพวกมันเปราะบางแค่ไหน 

“เรื่องไอ้เพชร--”

“กูไม่ได้อยากคุยเรื่องมัน ที่กูอยากคุยตอนนี้คือเรื่องของกูกับมึง”ไอ้ภูฟิลขาดทุกครั้งที่ได้ยินชื่อไอ้เพชร

“กูขออะไรอย่างได้ไหม ฟิก”น้ำเสียงจริงจังของไอ้ตินทำผมใจเหี่ยวไปหมด

“มึงจะขออะไรล่ะ”มันสบตาผมอย่างแน่วแน่

“ช่วยเด็ดขาดกับตัวเองมากกว่านี้ได้ไหม”คำพูดของมันกระทบใจผมเต็มๆ

“ทั้งไอ้ปั๊ม ไอ้เพชร พี่ฉัตร คนที่มึงคุยด้วยน่ะ กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงจะคุยแบบขำๆหรือยังไง กูคอยบอกตัวเองเสมอว่ามึงก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมากไปหรอก แต่กูก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ย้ำกับตัวเองบ่อยๆว่ากูเชื่อใจมึง ไว้ใจมึง แต่ตัวกูเองกลับมีความคิดแบบนี้ตลอด”ผมได้แต่เงียบ ใช่ ผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ชื่อที่มันพูดมาผมไม่เคยคิดมากกว่าคำว่าพี่น้องเลยด้วยซ้ำ ทำไมพวกมันไม่เข้าใจผมบ้างเลยนะ

“กูไม่รู้ว่า…มันผิดที่กูเชื่อใจมึงไม่มากพอ หรือเพราะมึงทำให้กูเชื่อใจเต็มร้อยไม่ได้ก็ไม่รู้”

“กูเนี่ยนะ…”ผมพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ผมมองหน้าไอ้ตินสลับกับไอ้ภูไปมา ก่อนหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขัน

“กูชัดเจนกับพวกมึงขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรกันอีก กูสันดานแย่ก็จริง แต่กูก็เลิกหมดแล้ว คนอื่นไม่เข้าใจ กูไม่สน ไม่แคร์ด้วย แต่เป็นพวกมึง แบบนี้กูรู้สึกแย่ว่ะ กูยอมรับว่ากูก็ผิดที่ทำเป็นเล่นกับทุกคน”ผมมองหน้ามันสองคนอย่างเหลืออด ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงทำให้คนที่รักถึงสองคนคิดมากมายได้ขนาดนี้ หรือเราอาจจะผิดด้วยกันทั้งหมด

“มันต้องเป็นกูไม่ใช่เหรอที่เหนื่อยอ่ะ พวกมึงก็เอาเรื่องมาให้กูหนักใจเหมือนกันนั่นแหละ อย่าโยนความผิดมาให้กูคนเดียว พวกมึงจะเอายังไงก็ว่ามา พูดมาเลย อย่ามากดดันกู”ผมตะคอกใส่พวกมันสองคน 

“มาคิดๆดู เรื่องของเรามันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเราตึงใส่กันมาตลอด มันอาจจะถึงเวลาที่เราต้องผ่อน”ผมเบื่อเวลาที่ไอ้ตินพูดจาสำบัดสำนวนจริงๆ

“กูว่า…เราถอยให้กันคนละก้าวดีไหมวะ ไม่ใช่อีกฝ่ายถอย อีกฝ่ายไล่ตามแบบที่แล้วๆมา ถอยไปเพื่อคิดทบทวนให้อะไรๆมันดีขึ้น ดีไหม”ไอ้ภูก็ดูไม่อยากจะพูดแบบนี้ออกมา ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ มันก็อาจจะจริงของมัน

“แล้วแต่เถอะ พวกมึงอยากจะทำอะไรก็ทำ กูก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน”

“กูอยากให้มึงเข้าใจ ไม่ใช่ประชดประชันแบบนี้”

“ก็กูไม่เข้าใจนี่หว่า อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ทำไมพวกมึงเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้”ผมเริ่มเห็นภาพชัดเจนว่าทุกอย่างมันมาปะทุเอาตอนนี้

 “พวกมึงเบื่อกูแล้วรึเปล่า”

“ตลกน่าฟิก มึงรู้ดีที่สุดว่ากูรู้สึกยังไง”ไอ้ภูสบตาผมอยู่นาน

“กูทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่รักมึงนะฟิก แต่กูอยากให้เราเข้าใจกันมากขึ้น อยู่กับตัวเองคนเดียวสักพัก สงบสติอารมณ์บ้าง แล้วเราค่อยมาปรับกันใหม่”ไอ้ตินคว้ามือผมไปบีบ ผมถอนหายใจอีกครั้งเพื่อตั้งสติ พยายามยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ให้ได้ ผมโกรธตัวเองอยู่ลึกๆที่ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอด ไม่ว่าจะมองยังไง ผมก็แพ้ราบคาบ

ผมกับพวกมันก็ อ่า อย่างที่พวกมันบอกล่ะนะ ถอยคนละก้าวเพื่อปรับความเข้าใจ ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่ว่ามันคนละความหมายกับคำว่าเลิก ตลกสิ้นดี เรื่องของไอ้เพชรกลายเป็นปัญหาขี้ปะติ๋วไปเลยสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ เหมือนเป็นบททดสอบเรื่องของผมกับพวกมัน ถ้าจะถามหาคนผิดมันก็ยาก เพราะผมโทษไปหมด โทษแม้กระทั่งไอ้เคนที่ยอมปล่อยให้มันมาที่บ้าน แต่ลึกๆแล้วผมก็รู้ดีกว่าใคร คนที่ผิดอาจจะเป็นที่ตัวผมเองก็ได้ที่ไม่เด็ดขาดกับไอ้เพชรมากกว่านี้   






**********************************************************************




 นาฬิกาชีวิตของผมกลับเข้าสู่ปกติ ไม่ค่อยชินหรอกที่ไม่มีพวกมันคอยป่วน แต่ผมก็ไม่ได้ว้าวุ่นหรือทุรนทุรายเหมือนคนอกหัก ผมพยายามจะเข้าใจตัวเอง พวกมัน และเรื่องต่างๆ ส่วนไอ้เพชรผมไปเยี่ยมมันที่โรงพยาบาล เอาเข้าจริงๆ ผมไม่โกรธมันเลยด้วยซ้ำทั้งๆที่มันเป็นคนก่อเหตุทำให้เขื่อนพัง แต่ก็ดีเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ ผมได้มีเวลาทบทวนกับตัวเองมากขึ้นว่าที่ผ่านมา ผมทำแย่ๆอะไรไปบ้างและควรจะปรับตรงไหน พวกมันก็คงคิดแบบนี้เหมือนกันล่ะมั้ง แต่สำหรับไอ้เพชรมันโทษตัวเอง

“พี่ไม่น่ามาเยี่ยมผมเลย….”มันเบนสายตาไปมองที่ผนังห้องแทนหน้าผม
   
“กูไม่ได้เกลียดมึงจริงๆนะเพชร แล้วกูจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่ากูกับมึงเป็นได้แค่พี่น้องกัน”ผมย้ำด้วยเสียงหนักแน่น

“ผมเข้าใจแล้วครับ”มันยิ้มจาง ก่อนจะฝืนหัวเราะทั้งๆที่ตามใบหน้ามีรอยฟกช้ำ ลืมบอกไปว่าไอ้ตินปรี๊ดขนาดที่คว้าเอาขวดเหล้าฟาดไอ้เพชรหัวแตก และไอ้ภูนี่ล่ะเจ้าของรอยฟกช้ำที่หน้าท้องของผม

“ทำตัวน่ารำคาญอยู่ตั้งนาน ทำไมเข้าใจง่ายจังวะ”

“ผมจำได้รางๆว่า…ผมพยายามจะเอ่อ…ช่วยพี่อ่ะ”มันดูเก้อเขินเล็กน้อยต่างจากผม

“แล้ว…”

“แต่ไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่เมาหรือยังไง”ผมหลุดขำออกมา

“มึงอย่าเอาไปบอกใครนะ”อย่างน้อยผมก็ยังขำได้ แบบนี้แสดงว่าพวกมันคิดไว้แล้วว่าอยากทบทวน บลาๆ ผมบอกแล้วไง ว่าผมเสียเปรียบพวกมัน ผมกำลังมึนๆไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ ไอ้พวกนี้ ไม่นึกถึงใจผมบ้างเลย

“ผมรู้สึกแย่ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ต้องผิดใจกับแฟน”ไอ้เพชรกลับมาทำหน้าเศร้าอีกครั้ง

“ช่างเถอะว่ะ สาเหตุจริงๆมันไม่ได้มาจากมึงอย่างเดียวหรอก ถ้ามึงมองกูเป็นไอดอลจริงๆล่ะก็ หาให้ได้แบบกูนะ”มันทำเสียงประหลาดๆทันที

“เรื่องนี้ขอเป็นข้อยกเว้นดีกว่า”

“ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นมึงจะเหนื่อยมากกก”ผมลากเสียงยาวเพื่อให้มันเข้าใจ

“ผมขอบคุณพี่ฟิกมากนะครับ สำหรับทุกเรื่องเลย ถ้าผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว…ผมเองก็มีคนที่ต้องขอโทษเหมือนกัน”ผมเลิกคิ้วมองรุ่นน้องที่นอนหยอดน้ำเกลืออยู่บนเตียง

“ระวังจะได้แผลมาเพิ่มล่ะ”

“ผมไม่หวั่นหรอก กลาทำก็กล้ารับอยู่แล้ว”

“ดีมาก เฮ้อ กูต้องกลับแล้วว่ะ ไว้ว่างๆจะมาหาใหม่”ผมตบบ่ามันเบาๆ คว้าถุงส้มจีนที่เพื่อนมันเอามาเยี่ยมติดมือมาด้วย พรุ่งนี้ไอ้ภูต้องขึ้นแข่งร้องเพลงนี่นา ผมกำลังชั่งใจว่าจะไปดูดีไหม ใครบางคนก็ถลาเข้ามาหาผม

“เป็นไง”ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

“พี่มิน”ผมไล่สายตาสำรวจอีกฝ่ายเพื่อดูว่าเจ็บป่วยอะไรตรงไหนรึเปล่า

“ไม่ต้องมองแบบนั้น พี่ไม่ได้ป่วย แต่มาเยี่ยมเพื่อนเฉยๆ เหมือนฟิกนั่นแหละ”พี่มินดูอ้วนกว่าตอนที่เจอกันครั้งล่าสุดเยอะเลย

“แล้วเป็นไงบ้างล่ะเรา”คำถามนี้ของพี่มินทำผมจุกได้ซะงั้น

“ก็เรื่อยๆนั่นแหละครับ”

“หน้าตาดูไม่ค่อยดี มีปัญหาเหรอ”ผมจ้องพี่มินกลับ หน้าตาอีกฝ่ายก็ดูหงอยๆชอบกล

“แล้วพี่ล่ะ”

“เมียทิ้ง”

“ห๊ะ”หรือว่าเลิกกันแล้ว

“ทิ้งไปเจแปน”พี่มินพูดด้วยสำเนียงน่าหมั่นไส้ “พอดีครอบครัวพิสชวนไปน่ะ ถ้าพี่ไปด้วยก็คงไม่เหมาะ”พี่มินทำหน้าเซ็ง

“ได้ข่าวว่าพ่อพี่พิสเหม็นหน้าไม่ใช่เหรอ”คิดแล้วก็ขำ

“เข้าใจผิดแล้ว ท่านชอบพี่ต่างหาก”พี่มินยิ้มไม่เต็มที่นัก

“ช่วงนี้เราว่างรึเปล่า ใกล้จะปิดเทอมแล้วนี่”

“ทำไมอ่ะ”ผมถามอย่างสนใจ ไหนๆก็อยู่ว่างๆแล้ว

“พี่จะชวนไปเที่ยวที่บ้าน”

“คิดอะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย”

“บ้าเหรอ พิสก็ไป อีกสองวันก็กลับแล้ว”ผมเดินออกมาอย่างเหม่อลอย จนพี่มินสังเกตเห็น

“ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า แล้วสองคนนั่นไปไหน”

“ก็…”ผมเล่าให้พี่มินฟังจนหมดเปลือก พี่มินแค่ฟังอยู่เงียบๆไม่ได้ออกความเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

“เชื่อพี่เถอะ ถึงจะพูดแบบนั้นสองคนนั่นทนได้ไม่นานหรอก”พี่พิสดูจะมั่นใจมาก

“ฟันธงรึเปล่า”

“แน่นอน ถ้าอยากเห็นผลเร็ว ก็ไปเที่ยวบ้านเกิดพี่ด้วยกันสิ ถ้าไปก็โทรมาบอกพี่นะ เบอร์เดิม”พี่มินดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก

“ไว้ผมจะดูอีกทีก็แล้วกันครับ”
 
จากนั้นผมก็แยกกับพี่มิน กลับมาที่ห้องเงียบๆแล้วก็เซ็ง นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอน ผมก็สะดุดเข้ากลับตู้ลิ้นชักตู้เดิมที่ใส่ไดอารี่ของพวกมันไว้ ผมยังไม่ได้อ่านเลยนี่นา ผมค้นกุญแจดอกเดิมมาไข ก่อนจะหยิบสมุดเรียบๆทั้งสองเล่มออกมา ดูจากวันที่พวกมันคงเขียนไว้นานแล้ว ยกเว้นของไอ้ภูที่ดูเหมือนจะเขียนขึ้นมาใหม่เพราะเล่มเก่าผมโยนทิ้งไปแล้ว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2016 12:22:04 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 



                31-xx-xx

นี่ กูชื่อภูนะ ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นไอ้ฟิกหรือไอ้ตินมาอ่าน ถ้าหาไดอารี่เล่มนี้เจออ่ะนะ อย่าหัวเราะกูล่ะ!ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน เป็นคนประเภทแค้นฝังหุ้น อดีตของผมมันมีแต่เรื่องแย่ ๆอย่าให้ขุดเลย ผมได้เจอไอ้ฟิกครั้งแรกเพราะการบอกเล่าของไอ้คนที่ชื่อติน ว่ามันแอบคบกับเด็กผมอยู่ ถึงขั้นนอนด้วยกันแล้ว

                ‘มันมาบอกผมทำไม’ เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว ตอนนั้นผมได้แต่จ้องหน้ามัน เพื่อประเมินมัน แต่ผมก็มองมันไม่ออก ผมไม่รู้ว่ามันเป็นคนแบบไหน แต่คิดว่ามันคงไม่ธรรมดา สรุปสิ่งที่มันบอกกับผมเป็นเรื่องจริง และผมกับมันร่วมมือกันจัดการไอ้เวรนั่น มันชื่อฟิก เป็นคนหน้าตาดี ครั้งแรกที่ผมเห็นมัน ผมยอมรับว่าสนใจมัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ปกติแล้วผมมักจะสนใจแต่พวกที่หัวอ่อน ควบคุมง่าย ๆ มีมันหลุดมาเป็นคนแรกและคนสุดท้าย อาจจะเพราะว่ามันดื้อ ไม่ยอมผม ไปกระตุ้นความท้าทายของผมเข้าล่ะมั้ง ยิ่งอยู่กับมันนานวันเข้า ผมก็ต้องยอมอ่อนให้มันในหลายๆเรื่อง

                มันไม่เรียกผมว่าพี่ เป็นคนอื่นผมซัดกะบาลมันแล้ว แต่ก็โอเค ผมไม่ว่าอะไร แถมมันไม่ฟังผมเลยสักนิด ส่วนใหญ่ทุกคนมักจะเกรง ๆผม เพราะชื่อเสียงด้านลบที่ติดตัวมา แต่มันไม่กลัว ซ้ำยังกล้าขัดคำสั่ง ทำตัวเลว ๆไม่รู้กี่ครั้ง จนผมอยากจะทำร้ายมันให้เจ็บที่สุด แต่พอเห็นหน้ามัน ผมก็ทำไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงชอบกับไอ้การนอนกับแฟนคนอื่น มันเป็นโรคอะไรรึเปล่า หรือว่าบ้านมันมีปัญหา แต่ก็ไม่ใช่ มันขาดพ่อด้วยซ้ำ แต่บ้านมันกลับสมบูรณ์มากกว่าคนที่มีครอบครัวพร้อมหน้าอย่างผมด้วยซ้ำ เอ้อ ไอ้ตินอีกคนรายนั้นอย่างกับเทพบุตร………ที่มีปีกสีดำ ผมไม่รู้ว่าลึก ๆแล้วมันมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันมีของ มันสามารถช่วยให้ผมเย็นลงได้ แค่มันแตะไหล่ผม บางครั้งมันแค่พูดว่าหยุดแค่นั้นเอง แต่ผมก็คิดไม่ผิด มันอาจจะร้ายกว่าผมด้วยซ้ำ ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ผมชอบคนที่เปิดเผยมากกว่า แบบที่เห็นจะๆ ไปเลยว่าไอ้นี่มันชั่ว ไม่ใช่แบบมันที่เดาใจไม่ค่อยออก ผมถึงไม่อยากอยู่กับมันสองคน ครั้งนึงที่ไอ้ฟิกไม่อยู่หอ มันกลับบ้านไปหาแม่ ผมกับไอ้ตินทะเลาะกัน ถ้าในแง่กำลังผมชนะมันอยู่แล้ว แต่แง่จิตวิทยามันชนะเต็ม ๆ มันกดดันคนอย่างผมได้ พูดแล้วหงุดหงิด เปลี่ยนเรื่องดีกว่า

                ไอ้เนมเคยถามผมว่าทำไมถึงต้องสนใจไอ้ฟิกมันขนาดนั้น ทั้ง ๆที่มันเป็นคนไม่มีอะไรดีเลย ผมก็ไม่รู้ ผมตอบไม่ได้แสดงว่าผมโง่รึเปล่า ผมรู้แค่ว่าผมชอบมัน แคร์มันมาก ๆ จนบางครั้งผมก็อยากจะเป็นบ้าเพราะมัน ไอ้ตินเคยเปรยกับผมว่ามันเป็นคนโง่ มันชอบไอ้ฟิกก่อนผม มีโอกาสที่จะได้มันไปคนเดียว …ผมเคยคิดว่าถ้าตอนนั้น ไอ้ตินไม่ได้มาบอกผมเรื่องไอ้ฟิก แล้วไอ้ตินลงมือจีบไอ้ฟิก ได้มันไปคนเดียว แล้วผมไปเจอมันทีหลัง ผมจะทำยังไง 

….ผมคงแย่งมันมาจากไอ้ตินแน่ ๆ แต่ก็ขอบคุณมันที่ทำให้ผมได้เจอกับไอ้ฟิก ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมัน แล้วก็ดีใจนะที่ไม่ต้องมาเป็นศัตรูกับไอ้ติน  ช่วงแรกๆที่ผมเข้ามาในชีวิตมัน  ผมเคยทำเลวกับมันไว้เยอะ และผมก็รู้ว่ามันเกลียดผม จนบางครั้งผมกลัว กลัวว่ามันจะไม่รักผม จนบางครั้งผมมักจะทำตัวงี่เง่า และกลายเป็นคนที่ขี้น้อยใจไปซะอย่างนั้น ไม่เข้าท่าเอาซะเลย สิ่งที่ผมเสียใจมากที่สุดคือผมพลาดทำร้ายไอ้เด็กนัทจนมันเข้าไอซียู ผมกลัว กลัวว่ามันจะตาย ไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิม และเพราะผมเองนั่นแหละ ที่ทำให้ทุกอย่างพัก

                เกือบๆสี่เดือนที่ผมต้องอยู่ห่างมัน ผมคิดมาก กลัวมันจะลืมผม เพราะได้อยู่กับไอ้ติน ผมอิจฉามันมาก ในขณะที่มันได้อยู่ใกล้ไอ้ฟิกผมกลับต้องจินตนาการเอา หรือไม่ก็คุยกับมันผ่านกล้องที่จับต้องมันไม่ได้ เวรกรรมของผมล่ะมั้ง นี่คงเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของผมและผมก็ผ่านมันมาได้ ผมกับพ่อเข้าใจกันมากขึ้น ถึงจะนิดเดียวก็เถอะ แต่ผมกับพ่อก็มีวิธีแสดงออกในแบบของตัวเอง เป็นอีกครั้งที่ไอ้ตินมันช่วยผม มันเป็นที่ปรึกษาที่ดี ผมว่าอย่างมันไม่น่าเรียนเกษตรเรียนครูน่าจะเหมาะกว่า เอาล่ะ ผมพล่ามมาเยอะแล้ว ทั้งเรื่องไอ้ติน เรื่องไอ้ฟิก ผมรักมัน ยอมให้มันได้ทุกอย่าง ยกเว้นเป็นเมียมัน เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้จริง ๆ

แล้วก็เรื่องสุดท้ายซึ่งผมไม่อยากจะนึกถึงสักเท่าไหร่ ถ้าวันหนึ่ง ไอ้ฟิกมันต้องเลือก ระหว่างผมกับไอ้ติน แล้วถ้ามันไม่ได้เลือกผม มันเลือกไอ้ติน ผมไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ผมคงทำใจไม่ได้แน่ ๆ ผมได้สัมผัสมาแล้วเกือบสี่เดือน คำตอบของผมคือ…ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน

                สุดท้ายแล้วว่ะ ก็ขอบคุณไอ้ฟิกที่ยอมให้โอกาสคนเลวแบบผม ขอบคุณไอ้ตินด้วยล่ะกัน (นิดนึง) หาเจอรึยังวะ?

                ภูผา

 

                20-xx-xx

                ผมชื่อติน ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนหรอก ผมเห็นไอ้ฟิกเขียนก็เลยเขียนบ้าง แต่จะมีคนได้อ่านรึเปล่าอีกเรื่องนึง ผมคิดว่าในบรรดาสามคนผม พี่ภู ไอ้ฟิก

                ผมนี่แหละเป็นคนที่โง่ที่สุด พูดกันตรงๆ ผมรู้จักไอ้ฟิกก่อนพี่ภู แอบชอบมันมาพักหนึ่ง ถึงกับตามถ่ายรูปมันด้วยซ้ำ แต่ผมก็โง่เองที่ไม่เดินเข้าไปหามันก่อน ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอจนต้องใช้วิธีโง่ๆจัดการกับไอ้ฟิก วันนั้นที่ผมกับพี่ภูจัดการกับไอ้ฟิก

                ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมเจอพี่ภูนั้นผมค่อนข้างกลัวนิดหน่อยเพราะชื่อเสียงด้านลบนั้นมันเยอะ ผมกลัวจะโดนอัดสักสองสามหมัด ที่พูดจาไม่มีหลักฐาน แต่ด้วยบุคลิกของผมก็ทำให้พี่เขาเชื่อได้ ผมค่อนข้างที่จะไม่ชอบคนนิสัยแบบพี่ภู ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล บางเรื่องถ้าคุยกันดี ๆ แป๊บเดียวก็เข้าใจ แต่กับพี่ภูต้องอาละวาดผ่านไปหลายชั่วโมงถึงจะจบเรื่อง

                ผมกับพี่เขามีหนึ่งอย่างที่เหมือนกันก็คือ รักคือรัก เกลียดคือเกลียด ผมไม่ชอบพี่ภูในบางครั้งที่ชอบใช้กำลังอาละวาดกับไอ้ฟิก ยิ่งทำแบบนั้นมันจะยิ่งต่อต้าน แต่จะว่าไปผมว่าพี่ภูนิสัยคล้ายไอ้ฟิกนะ เว้นแต่เกรียนน้อยกว่า เลวกว่าไอ้ฟิก แต่ครั้งนึง ผมเคยคิด แค่ครั้งเดียว ผมอยากจะกำราบพี่ภูให้อยู่หมัดบ้าง เพราะบางทีก็ทำตัวน่ารำคาญ สร้างเรื่องไม่ต่างจากไอ้ฟิกเลย แต่ในทางปฏิบัติ…ผมอาจจะลำบากหน่อยเพราะผมสู้แรงพี่ภูไม่ได้แน่ๆ…แต่เอาจริงๆ ….เลิกคิดดีกว่า ความรู้สึกแรกหลังจากที่ผมได้จัดการไอ้ฟิกคือ…ผมรู้สึกแย่มาก ผมทำอะไรเลว ๆลงไป ผมแค่คิดว่าอยากให้มันเจอบทเรียนที่เจ็บที่สุดในชีวิตมัน ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี ผมเองก็มีด้านมืด ตอนแรกผมไม่ชินกับความสัมพันธ์แบบนี้ สามคน?

                มันเป็นอะไรที่แปลก ประหลาด ผมยอมรับว่าเคยหึงหวงไอ้ฟิกอยู่ในใจ ไม่อยากให้มันเข้าใกล้พี่ภู อยากให้มันเป็นของผมคนเดียว

                แต่ผม….เฮ้อ ผมมันโง่เองแหละ แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปซะหมดทีเดียวหรอก ชีวิตแบบนี้มันก็มีความสุขดี ผมอยากจะถามไอ้ฟิกเหมือนกันว่ามันรู้สึกดีกับใครมากกว่ากัน แต่มาคิดดูแล้ว คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจคือผมไม่ได้คิดผิดที่เลือกมัน

                ถึงมันจะทำให้ผมเจ็บ เสียใจไม่รู้ต่อกี่ครั้งก็เถอะ แต่ความรักก็เป็นแบบนี้แหละ คนที่เรารักมากที่สุด มักจะทำให้เราเจ็บที่สุดเสมอ    ผมจำได้ว่าเมื่อตอนที่ไอ้ฟิกมันนอกใจผมกับพี่ภูด้วยการไปแอบมีอะไรกับไอ้จืดนั่น ผมโกรธมันมากจริง ๆ โกรธจน…ผมอยากทำลายมัน แต่ผมก็ทำไม่ลง เพราะผมรักมัน แคร์มัน มากกว่าที่มันคิด โกรธจนผมต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา

                และก็เคยคิดจะถอดใจเรื่องมันแล้วด้วยเพราะไอ้ชัยมันชอบพูดกรอกหูผมทุกวันว่ามีคนที่ดีกว่าไอ้ฟิกตั้งเยอะ จนวันที่มันรอผมอยู่ที่หน้าประตูห้องทั้งคืน ร้องเพลง ผมยังมีคลิปมันอยู่เลย แอบโหลดเก็บไว้ เพราะผมรู้ว่ามันต้องลบออกแน่  ๆ ถึงมันจะร้องเพลงไม่ได้เรื่อง เป็นคนไม่เอาไหน สันดานแย่ แต่ผมก็ยังรักมัน เรื่องนี้เหมือนเป็นตะกอนที่อยู่ในใจผม ถ้าสมมุติวันหนึ่งไอ้ฟิกต้องเลือกระหว่างผมกับพี่ภู ผมไม่รู้หรอกว่าวันนั้นมันจะเลือกใคร แต่ถ้ามันไม่ได้เลือกผม ….วันนั้นค่อยว่ากัน   

                สุดท้ายขอบคุณมันที่ยอมให้โอกาสผมกับพี่ภู ผมกับพี่ภูซื้อแหวนให้มัน แหวนวงแรกที่ผมซื้อให้คนที่คบด้วย เป็นคำสัญญาว่าผมจะไม่ไปไหน.ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เอาให้สองคนนั่นอ่านรึเปล่า?

                ติน





ผมนิ่วหน้าเมื่ออ่านจบ อะไรของพวกมันเนี่ย…ทั้งๆที่ผมเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับเรื่องความรักแท้ๆ ทำไมต้องมาไหลตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้ ไม่น่าเปิดอ่านเลยจริงๆ



กูได้อ่านความในใจของพวกมึงแล้วนะ เพราะฉะนั้นก็รักษาสัญญาด้วยว่าจะไม่ไปไหน

 


 

 




TBC.

ตอนนี้ยาวมาก ไดอารี่ของภูและตินเป็นใจความเดิมจากภาคก่อนเนอะ ต้องขอโทษด้วยหากมีคนไม่ชอบตอนนี้ T^T ความสัมพันธ์แบบสามคนมันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก (?) หากว่าเข้าใจและปรับตัวเข้าหากันมากกว่านี้ อย่างที่รู้ว่าทั้งสามคนไม่ได้ตั้งใจจะจบที่สามคนแบบนี้ มันก็ต้องมีเรื่องที่สั่งสมมานานจนมาระเบิดเอาในตอนนี้ ส่วนประเด็นรักใครมากกว่ากัน เราจะไม่เอ่ยถึง ตั้งแต่ภาคก่อนแล้ว เพราะมันจะกลายเป็นต้องแข่งกัน ซึ่งเราไม่ชอบแบบนั้น (ฮา) บางคนอาจคิดว่าฟิกพูดไม่ดีกับภู ไม่มีโมเม้นหวานหรืออะไร แต่ด้วยนิสัยของทั้งสองคนเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ผลลัพธ์จึงกลายเป็นแบบนี้ 55

ส่วนเนื้อหาภาคนี้ ไม่เกี่ยวกะตอนพิเศษในเล่มนะคะ (ถือเป็นความผิดพลาดของเดือนเอง ที่เขียนเสริมแล้วไปย้อนแยงกับตอนพิเศษในเล่ม ทั้งเรื่องของเจ้าคุณด้วย)  ภาคนี้คือเขียนแทรกเรื่องที่ยังไม่ได้เขียนในภาคก่อน ส่วนเจ้าคุณจากนี้ไปก็ไม่ได้ออกแล้ว แต่จะไปโผล่อีกทีในอีกห้าปีข้างหน้า(ตินต้องทำงานกับเจ้าคุณตามที่สัญญาไว้) ซึ่งในภาคนี้เราจะเขียนช่วงก่อนห้าปีด้วย
ส่วนตอนหน้าจะเป็น insideของภูและตินค่ะ ว่าช่วงที่ถอยคนละก้าวทำอะไร 

สิ่งที่จุดประเด็นให้เราเขียนภาคพิเศษคืออยากเห็นภูกับตินรับปริญญาค่ะ :กอด1:  (ต้องหล่อเนี้ยบในชุดครุยแน่ๆ)และฟิกคงหัวหมุน ไม่รู้ว่าจะต้องเป็นเบ้ใครดี 55 ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่ะ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2016 12:20:51 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai2-1:   ฟิกได้อ่านในที่สุดเนอะ. แต่ก็นั่นแหละทนคิดถึงเมียไม่ไหวหรอก
ขอบคุณค่ะ เราชอบตอนนี้นะ ดีแล้วที่เมาแล้วสงบนะฟิก

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ยาวมาก จิ้มไว้ก่อนนะ
อ่านจุใจแน่ๆ

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
สำหรับตอนนี้ เราว่าฟิกค่อนข้างเด็ดขาดมากแล้วกับเพชรนะ คือมันสุดๆแล้วสำหรับฟิกที่เคยเป็นคนแบบนั้นอะ เราว่ารอบนี้คือภูกับตินคิดมากจากสิ่งที่ฝังใจมากกว่า ดีกันไวๆ น้า  :mew6:

ออฟไลน์ sindy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เข้าใจกันเร็วๆนะ :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด