龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!  (อ่าน 34934 ครั้ง)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ชลจังจะตื่นขึ้นมาเหรอ  ขอให้หายไวๆน๊า

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาแล้วๆ รอนานปายยยย
โอ้ยยยยย อินาซิส ทำไมชอบจังงง ชอบเล่นระเบิดจะ เป็นพวกเดียวกะไอซิซเหรอออ
ฮืออออ ค้างอ่า นางชลจะเผยฤทธิ์แล้ว ต่อด่วนจร้าาา

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
นาร์ซิสร้ายได้อีก รอให้ชลฟื้นคืนได้เร็วๆ

ออฟไลน์ THANZ

  • ̷̷̸̸̷̸̐̐THANZ̷̷̸̸̷̸̐̐
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอน้าาาา มาต่อไวๆ  :ling1:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เอาอีกกกกกกก

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ๊ากกกกกก มาทำให้อยากเเละจากไป ฮือออ รอๆๆ  :katai1:  และก็หายไวๆนะคะ รออยู่น่าาา  :mew1:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 .แปะะะะ

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อู้ยยยย ปูเสื่อรอยาวเลยยยย เกิดอะไรขึ้นกับชลอ่าาาา ลุ้นๆๆๆ  :call: :call: :call:

รอตั้งนาน ขอบคุณที่อัพนะคะ หายไวๆๆน่าาา :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ลุ้นระทึกมาก ทุกคนสู้ๆ อย่าเป็นอะไรกันนะะะ  :katai1:

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0


อาถรรพ์พงไพร
๘.๒


ความคับเเค้นนานนับ
จนอยากลืม


กาลเวลาไร้รักษา
บากแผลกลางอก


ยิ่งนานยิ่งเจ็บ
ยิ่งโกรธเคือง


อย่าพลาดพลั้ง
เพราะมีหนึ่ง
คอยทำลาย...










   แหมะ

   แหมะ

แหมะ

.

.

.   


   เสียงหยดน้ำไหลลงผืนกระทบหินท่ามกลางความมืดที่แสนเงียบงัน... ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีสิ่งมีชีวิต ไม่มีอะไรเลย นอกจากความว่างเปล่า... เหมือนจะเป็นถ้ำหรือหลุมลึกก็ไม่เชิง... ใจกลางของจุดที่ลึกที่สุดมีก้อนหินใหญ่มหึมาตั้งตระหง่านอยู่... ด้านหนึ่งของหินมีโซ่ตรวนตรึงร่างของใครบ้างคนอยู่ ใบหน้านั้นสงบนิ่งและเยือกเย็น... เปลือกตายังคงปิดสนิทและ...มีลมหายใจ ถามถึงเนื้อตัวก็ผิดแปลก...โปร่งใสไม่มีเนื้อหนัง

   อีกด้านของหิน...มีโซ่ตรวนพันธนาการร่างของอีกคนไว้ไม่ต่างกันเท่าไหร่... แต่กลับมีสภาพร่างกายที่มีเนื้อหนังสัมผัสได้...แต่หากไร้ซึ่งลมหายใจ ทางด้านล่างของฝั่งนั้นมีโครงกระดูกมนุษย์อยู่ที่กำลังพังผุ... บรรยากาศมันดูเงียบงันมาหลายต่อหลายร้อยปี จนกระทั่ง...


   “ แค่ก!! ”


   ร่างใดร่างหนึ่งจากในสองสำลักก้อนเนื้อปนโลหิตออกมากระจายทั่วพื้นดิน... ลมหายใจกลับมาอีกครั้งและสำลักเลือดอีกหลายครั้ง เปลือกตาถูกเปิดขึ้นวาววับอย่างเครียดแค้นไหลพร้อมด้วยเลือดก่อนจะขยับปากกู่คำราม...

   “ เจ้ามัน... ปีศาจ! ” ใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มด้วยรอยสลักบนหน้าคำรามท่ามกลางความเงียบ ก่อนอึดใจหนึ่งจะมีอีกเสียงแทงทิ่มเข้ามา...

   “ เจ้าว่าข้าเป็นปีศาจหรือ ...ดูตัวเองก่อนจะดีกว่าหรือไม่ ”

   เสียงเย็นดังวานขึ้นจากร่างโปร่งแสงของอีกคน... ดวงตายังคงปิดสนิทมีเพียงปากที่เปิดขยับ “ คิดว่า เจ้าจะออกไปได้คนเดียวหรือ ”

   “ ใครมันปลดคำสาปให้เจ้า! ” คนเจ็บร้องโอ๊ยอย่างทรมาน ไม่คิดไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะออกมาได้ก่อนจะถึงเวลา

   “ คิดว่าข้าอ่อนหัดขนาดเจ้าเลยหรือ ที่ต้องรอให้เลือดเนื้อตัวเองมาปลดปล่อย ” ทุกวาจาล้วนเหยียดหยามและสบประมาท “ ข้าไม่ใช่มนุษย์ไร้ค่าแบบเจ้าเสียหน่อย ”

   “ แต่ตอนนี้เจ้ามันไร้ค่า! ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืมร่างคนอื่น ”

   คลี่ยิ้มมุมปาก “ ...หึ คนอื่นเสียที่ไหน ”

   “ เจ้าหมายความว่าไง ”

   “ นั่น... มันคือร่างของข้า ”

   “ พวกเจ้า...! ”

   หัวเราะเยาะ “ รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว... นาซิสส์... หึ ”

   “ กัมปนาทไม่ได้โง่ขนาดนั้น... เขาฉลาดพอที่จะจัดการทุกอย่างแทนข้า”

   คนถูกเรียกชื่อกัดฟันกรอดอย่างคับแค้นใจที่พลาดไปกับสิ่งที่ไม่น่าพลาด... หากร่างนั้นถูกทำลายยับจะเป็นได้เพียงวิญญาณเร่รอนลอยลม เหมือนกับที่มันทำกับเขา...ที่ทำให้เขาเป็นเพียงวิญญาณจนต้องหาร่างใหม่ ในขณะที่เวทย์ที่เขาร่ายใส่มันเป็นเพียงการทำลายอวัยวะในร่างและสาปแช่ง หากปล่อยให้ร่างเกิดใหม่แล้วเมื่อฟื้นจากคำสาปก็จะยังมีชีวิตอยู่ต่อได้สบาย ผิดจากเขาคนนี้ที่ต้องยึดร่างคนอื่นฟื้นกฎเกณฑ์ทั้งปวง...

   แล้วใครกันมันจะไปรู้เล่า...ว่ามันได้สลัดร่างทิ้งผูกโซ่ตรวนไว้เพียงวิญญาณ เวลากว่าร้อยปีเขาก็นึกว่าอีกฝั่งของตนก็มีร่างเนื้อหนังถูกตรึงไว้ไม่ต่างกัน... แต่ส่วนตัวเขาถูกผนึกไว้ทั้งตัวและวิญญาณ... หากฟื้นแล้วแต่ร่างกายยังคงเป็นมนุษย์ไม่ถึงสิบวิเขาก็จะตาย... แล้วร่างที่เป็นซากอยู่กับพื้นนั้นก็เป็นแค่ร่างเก่าๆของเขา

   ของที่ไม่จำเป็นแล้ว...ก็ทิ้งมันไปซะ...

   ฟังดูเหมือนความหวังถูกทุบทำลายให้พังสิ้น แต่ใบหน้าเจ้าเล่ห์นั้นยังคงมีรอยยิ้ม...

   “ บอกข้าหมดแบบนี้... ไม่ระวังตัวเสียเลยนะ ”

   “ อะไร ”

   “ บอกถึงร่างใหม่ของเจ้ามาเช่นนี้... ถ้าหากไร้ร่างล่ะ... เจ้าจะเป็นยังไง ” คราวนี้ใครกันที่เป็นต่อ คนที่ถูกย้อนเข้าหาตัวเองก็
เงียบไปเช่นกัน... ไม่นึกว่าตัวเองจะเผลอพลั้งพูดไป...

   “ ตอนนี้ข้าไม่อะไรต้องกังวลอีกแล้ว ในเมื่อได้ร่างใหม่ หากรอดจากคำสาป ข้าก็กลับเป็นปกติเช่นเดิม ”

   “ ...เจ้ามันยิ่งกว่าปีศาจ ”

   “ แต่เจ้าต่างหาก... ไม่มีร่างให้อยู่ ”

“ ... ”

   “ วิญญาณก็จะดับสูญสิ้นไม่มีวันหวนคืน ”

“ ... ”

   “ ข้าชักรอไม่ไหวแล้วสิ วันที่เจ้าจะพังลงไปต่อหน้าข้า หึ ”

“ ... ”

   “ เจ้าร่างมนุษย์หน้าโง่นั้น... ข้าไม่ปล่อยให้อยู่ถึงวันปลดปล่อยเป็นแน่ ”

   ดวงตาสีดำมืดเปิดลืมขึ้นช้าๆหลังจากได้ฟัง... เสือกไสกระตุกยิ้มเย็นออกมาก่อนจะนึกถึงหน้าของใครบางคน...


   ปกป้องอีก ‘ครึ่งหนึ่ง’ ของข้าไว้ให้ได้นะ... กัมปนาท


   ไม่ใช่คำขอร้อง... แต่มันคือ ‘คำสั่ง’



   






*********************************************








   หากมีคนสลบไป


ไม่นานคงฟื้น


แล้วคงฟื้นตื่นลืมตาได้


   เพราะเสียงกระซิบและอ้อนวอนข้างหู...


   หรือกลิ่นอายของยา...


   แต่มันไม่ใช่กับนายชลธี...


.

.

.



   “ ชล... ”

   เสียงแผ่วกระซิบข้างหูเบาๆมันน่ารำคาญจนต้องย่นคิ้วขมวดแน่น... ไม่นานก็คลายออกช้าๆเมื่อจมูกได้กินหอมๆของอะไรสักอย่าง...

   ยิ่งนานยิ่งมีกลิ่นที่อบอวลรอบตัวมากขึ้น... หอมเหมือนอะไรสักอย่าง...

   หอมจนน้ำลายเริ่มไหล...

   “ ชล... ”

   เสียงทุ้มยิ่งดังขึ้นมาบวกด้วยกลิ่นหอมๆใกล้ๆจมูก... จำได้ว่า...ผมสลบไป วูบไปเลย แล้วไอ้ที่หอมๆอยู่ใต้จมูกผมมันคงไม่พ้นยาดมชัวร์ๆ...

   “ ตื่นได้แล้ว ไม่หิวเหรอ ”

   เสียงยังคงพูดไปเรื่อยๆ ซึ่งมันค่อนข้างจะเหมือนเสียงไอ้พี่นาทเข้าทุกที ...เมื่อกี้มันถามเหรอว่าหิวมั้ย อยากจะตะโกนดังๆเลยเว้ย แม่งโคตรหิว โคตรอยากจะเลาะเนื้อมังกรมาย่างกิน...

   แต่มันเหมือนมีอะไรมาถ่วงตาไว้ทำให้มันลืมขึ้นได้อย่างยากลำบาก...

   อยากตื่นแต่เหมือนมีบางอย่างฉุดลงให้นอนลง...
   

เฮ้ย...


   กลิ่นหอมๆนั่น.... กำลังจะเคลื่อนไปไกล... มันกำลังจะหายไป!


   วินาทีนั้นเปลือกตาก็เบิกโพล่งขึ้นเด้งตัวตื่นขึ้นทันที... กวาดตามองรอบตัวก็รู้แล้วว่าที่นี่มันไม่ใช่หอของเขาแต่กลับเป็นบ้านของไอ้พี่นาท...

   หอบหายใจอย่างหนักเหงื่อแตกพลั่กเลยทีเดียว อยากจะตะโกนดังๆไปเลย


   กูยังไม่ตายเว้ยยยยย


   นายชลธีรอดแล้ววว



จับเนื้อตัวเช็คลมหายใจว่ายังมีชีวิตอยู่มั้ยก่อนเลย แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงรู้สบายตัวเเปลกๆเหมือนได้ออกกำลังกายเเรงๆให้ร่างกายมันสดชื่นขึ้น...

แถมแปลกอีกอย่าง... รู้สึกหัวโล่งๆไร้กังวล ทั้งที่ปกติน่าจะยังสติแตกอยู่

นี่กูกำลังจะบ้าใช่มั้ย

   “ หรือเราตายแล้วไม่รู้ตัวว่ะ ” ชะงักความดีใจกะทันหันแล้ว ยกมือขึ้นหยิกเต็มแรง “ โอ๊ย เจ็บ! ”

   “ ก็ยังไม่ตายนี่ ”

   “ ใช่ครับ ชลยังไม่ตาย ”

   เสียงมังกรที่ไหนวะ... หันหวับไปทางต้นเสียง

ก็พบมังกรเจ้าของบ้านยืนยิ้มหล่อถือจานข้าวแกงกะหรี่อยู่...

   เดี๋ยวนะ... ไอ้กลิ่นหอมๆเมื่อกี้ คือ...

   “ ไง ฟื้นแล้วเหรอ ” มันถามมึนๆ ผมพยักหน้าเล็กน้อย แหม ที่ลืมตาอยู่นี่สลบอยู่มั้ง “ มองหายาดมเหรอ ” ถามต่อเมื่อผมยังสอดสายตาหาบางอย่าง...

   ผมพยักหน้า “ ใช่ ”

   ยาดมสูตรไหน
   อย่าบอกนะว่าสูตรกลิ่นแกงกะหรี่

   “ นี่ไง ยาดมสูตรพิเศษ ” นั่นไง! อย่างที่ผมคิดเลยยยย มันเอาข้าวแกงกะหรี่มาล่อผมให้ตื่น มันจะบ้าเหรอ! ใครเขามันจะตื่นกัน สลบไปมันก็ต้องใช้ยาดมดิว่ะ ไม่ใช่ข้าวมาล่อเว้ย...


   แต่จะว่าไป...


   กูตื่นเพราะกลิ่นข้าวมันล่อใจนี่หว่า...


   ชลธีอยากจะโขกหัวตัวเองมาก ณ จุดจุดนี้...

   “ พี่แม่งบ้า ” ไม่รู้จะพูดอะไรก็ว่าไปแบบนั้น ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ไปด่ามันหรอก มีสิ่งเดียวที่ต้องการแล้วต้องการมานานแล้วด้วย แล้วแบมือไปทางมัน

   ทำหน้างงๆ “ อะไร ”

   “ ข้าว ”

   นิ่งเป็นหลับ ขยับตาตื่นก็แดก...

   “ หือ? ”

   “ ขอข้าว ”

   “ เอาไปทำไม ”


   วะ! เอาไปโปรยเล่นมั้ง!!


   “ หิวเว้ย! จะให้กินมั้ยวะ ไม่ให้ก็บอก จะได้ไปหากินที่อื่น!! ”

   ผมปรี๊ดเลยที่มันแกล้งไม่เลิก พอเห็นผมเริ่มไม่ไหวมันก็ถึงจะยื่นจานข้าวมาให้ ได้ข้าวปุ๊บไอ้ผมนี่ก็ไม่รีรอเลยครับ ยัดซัดข้าวอย่างหิวโหยราวกับไม่ได้กินอะไรมาเป็นปีๆ

   ทุกอย่างทำเหมือนปกติทั้งที่ผมเองก็พอจะจำได้ลางๆว่าเจออะไรแปลกๆมา...


   แล้ว...กูรอดมาได้ยังไงวะ


   คิดแล้วก็ยังโมโห ชวนไปหาอะไรกินแล้วพาไปเจอเหตุการณ์เสี่ยงตาย มันน่าจะโดนถีบสักที... ช่วงนี้ควรไปทำบุญใช่มั้ยวะ เจอแต่อะไรบ้าๆบอๆก็ไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้พลาดนิดเดียว...กูตาย

   “ เออ ไอ้พี่นาท ” หลังจากหายตาลายหิวข้าว กระเดือกข้าวลงคอไปคำก่อนจะหันไปทางพี่นาทที่นั่งอยู่ตรงโซฟาข้างๆเป็นพนาที่หลับอยู่ “ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง ”

   แรงเริ่มกลับมา

   ขอตั้งโต๊ะซักสอบปากคำจำเลยเลยดีกว่า...

   “ ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ” มันว่ายิ้มๆราวกับไม่ใช่เรื่องน่าสนใจสักเท่าไหร่ พอหาหน้ามืดหิวข้าวก็เห็นแผลตามตัวของไอ้พี่นาท... “ รอดมาได้ก็ดีแล้ว ”

   “ แล้วทำไมผมถึงสลบไปล่ะ ” เกาหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ... “ แล้วรอดมาได้ยังไง ตอนก่อนผมจะสลบ จำได้ว่าไอ้คนที่ชื่อนาซิสส์อะไรนั่นมันมองผมอย่างหวาดๆ ”

   มันหุบยิ้มพลัน

ผมมองหน้ามันรอคำตอบ...

โดยที่ปากยังไม่หยุดเคี้ยวข้าว

จะว่าไปก็อร่อยดีว่ะ


บางทีชลธีก็คิด...


คิดว่าควรเลิกเห็นของกินเป็นที่หนึ่งสักที...


“ ว่าไง ” เร่ง เล่าสักทีดิวะ

“ ก็ไม่มีอะไร ชลแค่ตกใจที่เห็นเลือดมั้ง ” มันคลี่ยิ้มล้อเลียนหมายจะให้ผมอายแต่เกือบจะอายล่ะ ถ้าตาของไอ้พี่มันดูจะไม่ได้เล่นๆสักเท่าไหร่ แถมมันยังเลี่ยงประโยคคำถามอันที่สองของผมอีก

มันน่าสงสัยนะ...ว่ามั้ย

“ ไม่เล่นดิ ” วางช้อนลงเหมือนไม่อยากจะกินต่อแล้ว เปล่า ไม่ใช่ มันหมดแล้วว่ะ  “ ผมไม่ได้กลัวเลือดนะพี่ ”

เหมือนมันจะชะงักไปเล็กน้อยเบิกตานิดๆเหมือนจะนึกออก เออ แล้วก็มีเรื่องที่ผมสงสัยอีกอย่าง ทำไมไอ้พี่นาทมันถึงรู้แทบจะทุกอย่างเลยว่ะ ว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จริงๆผมก็ไม่เคยเล่าโฆษณาทั่วหล้านะว่าชอบอะไร ยิ่งกับไอ้พี่นาทที่กวนตีนผมมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่งด้วยแล้ว ผมไม่มีทางเล่าให้มันฟังแน่ๆ!

“ ก็คงไม่ได้กินอะไรเลยเป็นลมมากกว่า ” เคยเห็นมังกรตายมั้ยครับ เดี๋ยวพ่อจับฆ่าเลย... ผมปั้นหน้านิ่งทำทีเย็นชาใส่หวังให้มันยอมเล่าอะไรออกมาบ้าง

แต่...

“ อยากไปดูเด็กสองคนนั้นมั้ย ”

เวร เปลี่ยนเรื่องอีก!

พอจะอ้าปากวกกลับเรื่องเดิม ไอ้เด็กมังกรน้อยก็ตื่นพอดี... ลุกนั่งงัวเงียจ้องมาทางผมทีพี่นาททีด้วยตาใสแป๋ว นั่งตวัดหางไปมา...

“ หาว... พนาหิว” หาววอดพลางทำตาปริบๆอ้อนๆไปทางพ่อของมัน ถ้ามันเป็นลูกผมนะ จะไม่แปลกใจเลยที่ตื่นมาแล้วก็แดก แต่นี่ไม่ใช่ไง...

แต่มึงตื่นมาผิดเวลาไปมั้ยยยยย

“ ปะ ไปหาอะไรกินกัน ” ไอ้พี่นาทก็เนียนจริงคว้าตัวลูกมาอุ้มลุกขึ้นเตรียมออกจากห้อง นี่มันชิ่งชัดๆ!

ไม่วายหันมาหาผม...

“ ชลอยากกินขนมหวานมั้ย ”

   เอาขนมมาล่ออีก... คิดว่าจะหลงกลลืมเรื่องเมื่อไม่กี่ชั่วโมงงั้นเหรอ...

   “ เห็นว่าเดือนพรายทำไว้หลายอย่างเหมือนกัน อร่อยทั้งนั้นเลยใช่มั้ยพนา ” หันไปส่งซิกให้เด็ก ไอ้เด็กก็กตัญญูเหลือคณาพยักหน้าหงึกๆ

   “ ไปเร็วๆ เดี๋ยวพนาแย่งกินหมดนะ ” กวักมือเรียกผมหย็อยๆ

   ผมจิ๊ปากอยากขัดใจ “ พี่นาท พี่ตอบผมมาก่อน... ”

   ไม่... รอบนี้เราจะไม่ให้ของกินมาชักจูง

   “ วันนี้รู้สึกจะมีชูครีมด้วยนะ ”

   ชะงักปากเบิกตานิดๆ เมื่อกี้มันว่าอะไรชูๆนะ

   แต่...ไม่! ตั้งสติครับชล

   ยังไม่ละความพยายาม “ คนที่ชื่อนาซิสส์ เขาเป็น... ”

   “ ชูครีมมมมม เลยนะ ” มันลากเสียงยาวอย่างหลอกล่อ...

   สติชล...สติ๊!

   “ ทำไมเขาต้องมาทำร้ายพวกเราด้วย... ”

   ไอ้พี่นาทยังคงไม่ละความพยายามเหมือนกัน “ เนื้อนุ่มๆ กัดทีนี่ อื้ม อร่อยแบบ...สุดๆ ”

   “ ... ” กลืนน้ำลายและคิดภาพตาม

   “ครีมหวานๆ หอมๆ แทบละลายในปาก ”


   เอื๊อก...


   หอม... นุ่ม...


" ถ้าไม่ได้กินสักชิ้น คงเสียดายแย่เลย "


   โอเค... รอบนี้มึงชนะ ไอ้พี่นาท...
   

“ เออ! ยอมแล้วๆ ไม่ถามแล้วเว้ย ” แหวใส่อย่างหัวเสีย “ แม่งเล่นยั่วน้ำลายหกขนาดนี้ ใครมันจะทนวะ ”

   ไอ้พี่นาททำหน้างงๆ “ พี่ยังไม่ได้ยั่วเลย ถ้ายั่วจริง ชลก็อ้าปากค้างไปนานแล้ว ”

   “ หมายถึงของกินเว้ย! ” ว่าไปหน้าก็เริ่มร้อน ก็ดูสายตามันดิ! วาวเป็นประกายเลย

    “ อ้าวเหรอ นึกว่าพี่ซะอีก ”


   หลงตัวเอง!!


ปล่อยมันเพ้อไปครับ ถ้าผมไม่ต่อเดี๋ยวมันก็หยุดเอง พอเห็นผมเริ่มเบื่อหน่ายมันก็รีบลากไปหาขนมทันที...

ผมส่ายหน้าเบาๆแอบเอือมระอากับตัวเองนิดๆ เขาเอาอะไรมาให้กินเรามันก็ไขว้เขว้ตลอด แต่...คิดเหรอว่าเรื่องนี้ผมจะรามือง่ายๆ


   ไม่มีทาง!!


   คนอย่างชลธี อยากรู้ก็ต้องรู้!


   อยากเสือกก็ต้องได้เสือก!


   ส่วนตอนนี้ ขอกินชูครีมที่รักก่อนนะ


   ของกินที่หนึ่ง
   









TBC.

เย้ มาอีกหนึ่ง แหะๆ  ชลก็ยังไม่ทิ้งลายเช่นเดิม 5555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เอ เกิดอะไรขึ้นอะ

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
พนามานิดเดียวเองอ่ะ งุย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ทำไม เกิดอะไรขึ้นถึงรอดมาได้ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
พนาาาา เราคิดถึงเธอออ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ทุกคนดูชอบน้องพนา ดีใจที่ชอบค่ะ

รักน้องพนาอย่าลืมคอมเม้นติชม

รักหนูชล อย่าลืมบวกเป็ด 555555

 

ขอบคุณทุกคนที่ชอบนะคะ ต่อไปจะเริ่มเข้มข้นตะลุยโลกกว้างงงงงง ฮาาา
 :pig4:

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากรู้มากกว่าเดิมอีกกก เกิดอะไรขึ้นอ่าาาา :ling1: อยากรู้ๆ มาต่อไวๆน่าาา  :pig4:

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พนามานิดเดียวเองง่าาาา ให้น้องมาเยอะๆ #หลงเด็ก 555555 :-[

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เกิดอะไรขึ้น แล้วตอนเกริ่นๆหมายความว่ายังไง ชลธารคุยกับนาซิสส์เหรอ

หรืออะไรยังไง งง ชลธีระเบิดพลังออกมาเหรอ โอ้ยปวดหมองรอคนแต่งมาเฉลยครับ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

อาถรรพ์พงไพร ๙



 

ภัยร้ายเริ่มคืบคลาน

ความมืดแลความกลัว

จักกลืนกินทุกผืนที่

 

แสงสว่างจากดับไหม้เริ่มลุกโชน

กล่าวขานมาเนิ่นนาน

...จ้าวพงไพร...

อีกไม่นาน...จะกลับมา










 


                “ ยังไม่ตายอีกเหรอ ”

                ทันทีที่เท้าเดินเข้ามาเหยียบห้องทานอาหารเสียงปากแมวๆจากคนโหดก็ดังขึ้น ผมมองเห็นสกายที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างบนโต๊ะที่มีแต่ของแปลกๆ ที่รู้อย่างหนึ่งคือแผนที่เก่าโบร่ำโบราณ ถามว่ารู้ได้ไง ก็ดูสิมันเป็นแผนที่ที่ทำมาจากหนังสัตว์ที่เริ่มขาดๆไปแล้ว

                พวกนี้นอกจากประหลาดแล้ว ยังจะโบราณอีก

                “ ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า ห่วงผมเหรอ ” ถึงจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อมาก แต่เจอสถานการณ์เสี่ยงตายมาด้วยกันแบบนี้คงต้องสนิทกันแล้วล่ะ

                มันตวัดตาข้างเดียวที่เหลืออยู่ขึ้นมามองแล้วเหยียดยิ้ม “ เปล่า ถ้าตายจะได้กิน ไม่ได้กินเนื้อมนุษย์มานานแล้ว ”เฮียแกเลียปากเพิ่มมาอีก...


                สยอง!


                โอเค ชลธีคนนี้จะจำไว้เลยว่าเล่นไม่ได้เลยกับขาโหดคนนี้... ผมอ้าปากจะต่อเถียงอีกรอบแต่พนาที่ไอ้พี่นาทปล่อยให้เดินเองมันกระตุกขากางเกงผมยิกๆ ให้ไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งก็คือไอ้โต๊ะที่สกายครองนั้นแหละ ผมเลยได้แต่จิ๊เสียงในคออย่างเซ็งๆแล้วอุ้มเจ้าพนาเด็กตัวน้อยขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งมองดูว่าสกายกำลังทำอะไร (เสือกนั่นเอง)

                “ ทานขนมก่อน ” เสียงไอ้พี่มังกรว่ามาพร้อมชูครีมหอมๆหลายสิบหลายร้อยชิ้นในถาดใหญ่แถมยังร้อนอยู่เลย ผมตาวาวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเริ่มลงมือทาน...


                แน่นอน...ต้องไม่ลืมไอ้เด็กมีหางด้วย

                ป้อนมันพลางยัดให้ตัวเองไปด้วย...


                “ ระบุจุดได้มั้ย ” ไอ้พี่นาทหันไปถามสกายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ ทิศไหนพอระบุได้รึเปล่า นิดเดียวก็ยังดี ”

                สกายถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะวาดมือผ่านแผนที่ให้มันเกิดภาพขึ้น ผมที่นั่งกินชูครีมเงียบๆก็ต้องผงะตกใจนิดๆ กับภาพป่าใหญ่ภูเขารายล้อมในขนาดภาพจำลองสามมิติ มันใหญ่มากขนาดเป็นเพียงแค่ภาพจำลอง ถ้าเป็นของจริง มันจะใหญ่ขนาดไหนฟะ

                “ จุดนี้ทางตะวันตก ” มือที่มีแต่ผ้าพันแผลของสกายชี้ไปที่จุดโล่งๆเหมือนทางเข้าป่า “ น่าจะเบาบางที่สุด ”

                “ มีคนไปดูรึยัง ”

                “ ยัง ” เงียบไปเล็กน้อย “ แต่ฉันว่าฉันจะลงไปดูเอง เขียนทับเวทย์ลงไป ”


                มันพูดภาษาอะไรกันวะเนี่ย

                ชลไม่เข้าจายยยยยยยยย


                พี่นาทพยักหน้าเล็กน้อย “ จะให้คนไปดู ส่วนอีกสามทิศที่เหลือก็คงปล่อยไม่ได้ ต้องไปตรวจสอบ ”

                “ พวกพี่...กำลังทำอะไรกัน ”

                อดไม่ได้ที่จะถาม แม่งอยู่กับพวกคนความลับเยอะนี่เบื่อนะ ถามใครใครก็เลี่ยง ใครก็เบี่ยงไม่ตอบ

                “ เล่าเรื่องป่าไปคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง มันไม่เกี่ยวกับเรื่องของหมอนั่น ” สกายถอดหายใจเฮือกใหญ่ราวกับเบื่อเหมือนกันที่พูดมาไม่ได้ “ ได้ใช่มั้ย ท่านผู้เฒ่า ”

                สกายหันไปทางก้านหลังที่ว่างเปล่า... เลิกคิ้วนิดๆ... มันคุยกับใครวะ...

                “ ... ” พี่นาทเองก็เงียบแต่ก็มองไปที่จุดเดียวกับที่สกายมองอยู่ ไอ้ผมเหรอก็มองไปกินไป มันอร่อยจริงๆนะ พนายังไม่หยุดกิน แล้วผมจะหยุดทำไม

                “ ข้ารู้ว่าท่านอยู่ตรงนั้น ” เสียงหน่ายว่าก่อนจะหันกลับมา

                ไม่กี่นาทีต่อมาร่างของใครบางคนที่ผมรู้จักก็เดินออกมาจาก...


                กำแพง!!


                ว้อททททททททททท


                นี่มันอะไรวะเนี่ย ผีเหรอ!


                ดูดิ ตกใจมากไป ชูครีมตกเลย


                แต่ที่ตกใจมันไม่ใช่แค่เดินทะลุกำแพงได้ แต่มันเป็นคนต่างหาก แถมนั่นยังเป็น...อาจารย์ศักดิ์ชัย อาจารย์ในคลาสเรียนของผมเนี่ยนะ!

                “ สวัสดี นักศึกษาชลธี ” มันใช่เวลามาทักทายมั้ย

                ผมต้องการคำอธิบาย!!

                วางชูครีมลงก่อนจะยกมือไหว้ “ สวัสดีครับ อะ... อาจารย์ ” อยากจะถามต่อใจจะขาด อาจารย์เป็นตัวเหวอะไรอีกครับ

                “ มีเรื่องสงสัยอยู่มากมายสิเรา ” ว่ายิ้มๆซึ่งมันตรงกับใจผมมาก ไม่รีรอจะพยักหน้ารับไป

                ไอ้เด็กบนตักผมก็ลุกพรวดยืนบนตัดผมจนหางมันกระแทกคางผมเต็มๆ ไอ้เด็กเวร!

                “ ท่านปู่ พนาคิดถึง! ” ร้องลั่นอย่างยิ้มแย้มก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยให้ปีกเล็กๆงอกมาจากหลังและมันก็กระแทกเบ้าตาทั้งสองของผมเต็มๆ มึงเกลียดกูก็อย่ามาทำร้ายกันแบบนี้สิเว้ย เจ็บ!

                มันงอกปีกออกมาได้ก็บินเลย บินไปหาอาจารย์แก่อย่างรวดเร็ว คนแก่หัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนจะอุ้มเด็กเดินมานั่งตรงข้ามผม

                นั่งกุมหน้าอย่างเจ็บๆ


                ไอ้เด็กเวร... เดี๋ยวพ่อจับทำมังกรลวกจิ้มหรอก!


                “ เจ้าพวกนี้คงไม่ได้พูดอะไรเลยสินะ ” ถามอย่างสบายๆ ตัวประกอบฉากอย่างสกายกับพี่นาทก็มองหน้ากันแล้วนั่งลงเงียบๆ มันคงคิดว่าดีกว่าล่ะมั้งที่ให้ผู้ใหญ่พูด...

                “ ครับ ” กูก็ไม่รู้จะตอบรับอะไรนี่หว่า ได้แต่เก็บความตะลึงไว้ลึกๆ

                ส่ายหน้าเล็กน้อย “ อย่าไปโกรธพวกนี้เลย อาจารย์สั่งเองว่าห้ามพูดอะไรก่อนจะถึงเวลา ”

                “ แต่การไม่ให้ผมรู้อะไรเลย มันอึดอัดนะครับ แล้วบางครั้งมันก็พาให้ผมเสี่ยงตาย แล้วกลับไม่ให้ผมรู้อะไรเลยเนี่ยนะครับ ” ขึ้นสิงานนี้ กูน้อยใจ! เพราะกูไม่รู้อะไรเลย



                ไม่กงไม่กินมันแล้วขนมเนี่ย!



                “ ...อึดอัดก็ระบายมาเถอะ อาจารย์จะรับฟัง ” พูดเสียงเรียบ “ แล้วเดี๋ยวจะเล่าอะไรให้ฟัง ”

                หูตั้งเลยสิครับ... จริงๆแค่ระบายไปอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องเล่าอะไรหรอกกก ไม่ได้อยากรู้สักนิดเลยยยย

                ผมระบายลมหายใจเล็กน้อยเหล่ไปทางไอ้พี่นาทที่แม่งต่อให้ผมกราบตีนมันมันก็ยังไม่ปริปาก “ คือ...ผมไม่เข้าใจหลายๆอย่าง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แล้วอยู่ดีๆก็เจอมัน... เจอพี่นาท เจอมังกร เจอตัวประหลาด แล้วไหนจะเจอพวกนาซิสส์อะไรนั่นอีก ”

                ทุกคนเงียบและปล่อยให้ผมพูดออกมา... ซึ่งมันก็ดี เพราะแม่ง อึดอัดมาหลายครั้งแล้ว!

                “ มีหลายครั้งที่ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวกับตัวผม เพราะพี่นาทเอาผมมาเอี่ยวแบบนี้ ” มองหน้าคนที่ถูกกล่าวถึงนิ่งๆ “ แล้วพอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครพูด ใครอธิบายให้ผมฟังเลย แล้วยังบอกว่าผมไม่เกี่ยวอีก ”

                หายซ่าเลยสิไอ้พี่นาท นั่งซึมเป็นหมาถูกทิ้งเลยอ่ะดิหลังจากที่ผมพูดออกไป กูรอให้มึงรู้สึกมานานแหละ เสือกไม่รู้ห่าอะไรเลยยยย ชลจะบ้า

                “ พอถามมากๆก็จะบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ให้ผมรอ ให้ผมเชื่อใจ ” รู้สึกเจ็บแปลบในอกขึ้นมาเฉยๆ “ ตอนนี้ผมก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าผมจะยังเชื่อใจมันได้รึเปล่า ”

                “ เชื่อได้สิ! ” ไอ้พี่นาทโพล่งขึ้นมาทันควัน “ พี่ไม่เคยโกหกอะไรชล

                “ แต่พี่ปิดบังผม! ”



                “ ก็เพื่อปกป้องเราต่างหากเล่า!!”



                ผมชะงักอารมณ์ที่กำลังจะปะทุเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันเถียง แถมหน้ามันยังขึงขังจนหน้ากลัวอีก เหมือนจะได้สติก็นิ่งไปแล้วนั่งเงียบต่อ...

                ผมมองมันต่อราวกับจะให้มันอธิบายกับคำพูดเมื่อครู่...


                มันหมายความว่ายังไง...


                “ อย่าไปโกรธเลย ” เสียงยานคางว่าอย่างจริงจัง “ อย่างที่กัมปนาทพูด... เพื่อปกป้องเรานั่นแหละ ชลธี ”

                “ ปกป้องผม? ยังไง? ” สงสัยมากถึงมากที่สุด ไอ้การที่เรารู้ก่อนนี่มันจะตายได้รึไง...

                ดวงตาฝ้าฟางมองผมยิ้มๆ “ มันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก... เราอยากจะฟังหรือ ”


                โห... โคตรพร้อมเลยจารย์

                พร้อมมาตั้งแต่บ้านแหละ

                มั่นใจยิ่งกว่าสอบไฟนอลอีก ว่าอยากฟัง


                “ อยาก... ”

                เสียงมังกรขัดอีกแหละ “ แต่กฎมันห้าม... ”

                “ กฎมันแค่อย่าให้รู้เรื่องราวของชลธาร แต่ไม่ได้รวมถึงเรื่องของป่าหรือจะเป็นเรื่องของตัวเขาในตอนนี้ ” เสียงแก่ตีจริงจังพลางลูบหัวเด็กมีหางที่เพิ่มเติมคือมีปีก “ สิ่งที่เราต้องทำคืออย่าให้รู้ถึงตัวตนในอดีต หากรู้ก่อนที่วิญญาณจะรวมกันมันจะเกิดการบิดเบือน ตอนนี้มีสองวิญญาณยังทำได้เพราะมีแค่ดวงจิตยังคงดวงเดียว แต่ถ้าสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่จะกลายเป็นสองดวงจิตสามวิญญาณและจะไม่สามารถหลอมรวมได้...และจะตายในที่สุด ”



                เอื๊อก...



                ผมฟังไปก็แอบลอบกลืนน้ำลายไป อะไรมันจะโหดร้ายขนาดนั้น ถ้าโหดร้ายมาก ผมไม่ฟังก็ได้...

                “ ชลธารในตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นยังไง อยู่ที่ไหน รู้แค่เป็นเพียงวิญญาณ ”

                “ ... ” นั่งกัดปากฟังเงียบๆอย่างระทึกใจ

                “ รับปากกับอาจารย์ ว่าเราจะไม่สืบเรื่องราวของชลธารต่อ หากรับปาก จะเล่าทุกเรื่องให้ฟัง ” หันสายตามาทางผมราวกับบีบบังคับอยู่นิดๆ ว่าอย่าได้ขุดคุ้ยเรื่องของชลธาร


                ตอนแรกก็อยากรู้นะ

                แต่ตอนนี้จะเป็นใครก็ช่างเถอะ

                ขี้เกียจจะรู้แล้ว

                ขอรู้เรื่องตัวเองก็พอ...



                “ ครับ ผมจะไม่ยุ่งเรื่องของชลธาร ” ผมรับปาก และแน่นอนว่าผมจะไม่ยุ่งจริงๆ ผมแค่อยากรู้เรื่องของผมเท่านั้น

                “ ดีมาก ” เอ่ยชมราวกับผมเป็นเด็กแบบพนา ก่อนพาไปเรื่องอื่น “ เราเองคงรู้ตัวบ้างถึงความสามารถแปลกๆในบางครั้งของตัวเอง ถูกมั้ย ”

                ชายแก่ว่าอย่างไม่ได้ตกใจนักแถมดูเหมือนจะรู้ดีซะด้วย...

                “ ถ้าแปลกๆคงเป็นเรื่องของสภาพอากาศครับ ”อันนี้แปลกจริง... สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน “ มันมีอะไรรึเปล่าครับ ”

                “ นั่นเป็นหนึ่งในความสามารถของพวกเทพปกครองที่ต้องมี ” ยกถ้วยชาที่สกายเอามาเสิร์ฟขึ้นจิบแก้กระหาย แต่เมื่อกี้ว่าอะไรเทพๆนะ!

                “ เทพ? ” ทวนด้วยความเหลือเชื่อ

                “ เรื่องนั้นยังไม่ต้องรีบร้อน แต่เสียงที่ต้องรู้คือสิ่งนี้ต่างหาก ”จิ้มลงบริเวณหัวไหล่ที่มีปานประหลาดอยู่ “ ตรงนี้ คือ คำสาป.... ”

                “ หา ” ผมร้องครางอย่างไม่เข้าใจนัก

                “ เมื่ออายุครบยี่สิบ... คำสาปถึงจะคลายออก รูปร่างของปานจะเป็นรูปใบไม้สามใบสีเขียว ” ยกยิ้มน่าขนลุก “ แต่ตอนนี้เป็นสีน้ำเงิน ใช่มั้ย ”

                รู้ได้ไง! “ ครับ ”

                “ อีกกี่เดือนจะครบอายุยี่สิบหรือ ” ขมวดคิ้วถาม...

                “ ตอนนี้อีก 5 เดือนครับ ” มันเกี่ยวอะไรหว่า แล้วคำสาปอะไรฟะ... เริ่มมึนงงระดับแอดวานซ์

                “ ตอนนี้...เจ้าเป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ยังต้องมีอีกครึ่งมาเติมเต็ม ร่างกายที่ดีที่สุดสำหรับรองรับพลังคืออายุยี่สิบปี ” ขยับยิ้มกว้างกว่าเดิม “ แล้วเวลานั้น...เราต้องมาทำพิธีชำระเลือดก่อนจะรอให้อีกครึ่งหนึ่งของชลเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชลธาร ”

                “ ผมไม่เข้าใจ... ” รู้สึกขนลุกแปลกๆ แต่เมื่อกี้หมายความว่ายังไงนะ... ผมกับชลธาร

                “ โง่ไง ถึงไม่เข้าใจ ” สกายแสยะยิ้มสวนขึ้นมาทันที

               ผมตาโตเล็กน้อยอย่างคับแค้นพยายามไม่สนใจเสียงกา “ แล้วครึ่งหนึ่งคืออะไร ”

                “ ท่านผู้เฒ่า คุยกับคนโง่ไปมันแต่เสียเวลา ” อยากกินเสือร้องไห้พอดีเลยว่ะ... เมนูเย็นนี้ชัดๆ มันหันมายักคิ้วใส่ผม “ ครึ่งหนึ่งคือวิญญาณ อีกครึ่งคือร่างกาย หายโง่สักที  ”

                มันกำลังจะบอกว่า... ผมกับชลธารมีความเกี่ยวข้องกันงั้นเหรอ... เข้าใจให้ง่ายที่สุด คือเหมือนเป็นคนคนเดียวกันแต่กลับชาติมาเกิดอะไรงี้ปะ ส่วนหนึ่งของกันและกัน เอ๊ะ หรือจะแฝดที่พลัดพราก เอ๊ะ หรือไม่ใช่


                แต่ตอนนี้ไมเกรนจะขึ้นแล้วเว้ย


                กูไม่ใช่โคนันนะ จะได้คิดตามควานหาจิ๊กซอว์ที่ขาดหายของเรื่องได้ไว



                “ แล้วก่อนที่จะอายุครบกำหนดพิธีฟื้นวิญญาณ เราก็ต้องทำจิตใจให้ว่างพอรองรับการเติมเต็ม ”


                เดี๋ยวๆ ตามไม่ทันแล้วเว้ย

                เมื่อกี้พิธีชำระเลือด แล้วมาพิธีฟื้นวิญญาณ     

                แล้วไอ้ครึ่งหนึ่งเนี่ย... ผมเป็นครึ่งไหน

                ร่างกาย หรือ วิญญาณ

                ทำพิธีเวรๆอะไรแล้ว... ผมจะตายมั้ย

                แล้วถ้าผมไม่ทำล่ะ...


                “ แล้วถ้าผมไม่ทำล่ะ ” ทีนี้แหละสายตาแทบจะทิ่มทะลุทั้งพี่นาททั้งสกายแล้วไหนจะอาจารย์อีกเพ่งเขม็งประมาณว่า แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...

                “ ถ้าไม่ยอม เราคงต้องใช้วิธีที่รุนแรง ” ว่าสบายโดยไอ้พี่สกาย “ ยอมเถอะ ยังไงแล้ว...นายก็ต้องทำแล้วอีกอย่างนายก็ไม่ใช่คนของโลกนี้ ”

                พี่นาทพยักหน้าลงอย่างเห็นพร้อม... เออ เอาเข้าไป นี่กูเป็นตัวประหลาดไปกับพวกพี่มันแล้วใช่มั้ย...

                “ แต่ถ้าไม่ทำก็... ” อาจารย์ศักดิ์ชัยลูบคางที่มีแต่หนวดเครา “ ตาย ”


                อ้าวเฮ้ย...

                ไอ้สอดเรื่องชลธารก็ตาย

                ไอ้ไม่ทำพิธีก็ตาย

                คือ...ยังไงแล้ว ผมก็ต้องทำตามที่พวกเขาประสงค์ถูกมั้ย

 
                จู่ๆทำไมมันเจ็บอย่างงี้วะ ทำไมมันรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องมือให้เขามาใช้เล่น อารมณ์เหมือนใช้ร่างกายผมรองรับวิญญาณใครก็ไม่รู้ หรือ จะเอาวิญญาณผมไปใส่ร่างใครยังไงยังงั้น อันนี้คิดในแบบง่ายๆนตามแบบฉบับคนฉลาด

                เขาเอาแต่พูดถึงชลธาร ซึ่งแม่งเป็นใครก็ไม่รู้ เหมือนจะให้ผมไปรวมร่างกับเขายังไงไม่รู้ แต่ฟังๆดูแล้ว เหมือนพวกเขาพยายามจะบอกว่าชลธารเนี่ยกำลังอยู่ในสภาพที่ลำบาก ต้องช่วยเหลือ โดยมีผมที่ต้องช่วย ผมกับชลธารมันมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่วะ! งง!

                ถ้าตัวผมในตอนนี้มันคือชลธารที่กลับชาติมาเกิด (เรียกแบบเข้าใจง่ายที่สุด) ผมจะไม่รู้สึกแย่เลยเว้ย ตอนนั้นก็ตะล่อมๆถามไอ้พี่นาทดูว่าผมใช่คนที่มันว่าถึงมั้ย แล้วมันก็ว่าไม่ใช่ ตอนนั้นผมคิดว่าแม่งมันแค่เบี่ยงประเด็นเฉยๆ แต่ถ้าแม่งไม่ใช่ขึ้นมาจริงๆ แหละ นี่ใจแป่วมานะ

                ...แล้วผมเป็นตัวอะไร

                เฮ้อ... ชักไม่อยากกินข้าวเย็นแล้วสิ

                รู้สึกแย่เป็นบ้าเลยว่ะ

                คิดมากมายก็เครียดงี้แหละ

                แต่ยังไงก็ขอถามหน่อยเถอะ

                จะได้เคลียร์ๆไป!

                ถ้ามันตรงและใช่อย่างที่ผมคิด จะเลิกกังวลเลย!


                “ ผมสงสัยอย่างหนึ่ง ” เงยหน้าสบตากับคนชรา เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้ถาม “ ผม... คือชลธาร ใช่มั้ย ”

                เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของทุกคนดังขึ้น... ประมาณว่า... เออ! กว่าจะเข้าใจ ปัดโธ่...ก็ดูดิพูดกันมาตั้งแต่ต้นเนี่ย ไอ้ผมมันต้องวิเคราะห์ขนาดไหนกว่าจะได้


                เป็นคำตอบที่ชวนกรี๊ดมากเว้ยเฮ้ย

                รู้สึกดีใจและภูมิใจสุดๆกับการไขปริศนาได้เอง


                แถมรู้สึกโล่งใจขึ้นอีกหน่อยที่ทำให้ตัวเองดูมีความสำคัญขึ้น จากที่เป็นแค่นายชลธีที่วันๆแม่งมีดีแค่กิน ตอนนี้มาเป็นชลธารที่น่าจะกลับชาติมาเกิด(คิดเองเข้าใจเอง) ให้เดา... ชลธารเนี่ยจะต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆชัวร์...


                อืม... มันคือการหลอกตัวเองให้ดีใจ...

                ใช่

                ในอดีต ผมอาจจะเป็น ชลธารอะไรนั่น

                แต่ตอนนี้ผมเป็นชลธีว่ะ...

                นี่กูกำลังน้อยใจตัวเองในอดีตเหรอ

                จะประสาท!



                “ ถ้าให้พูดตามนั้น มันก็ได้อยู่... แต่เราในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ดี ” อาจารย์ศักดิ์ชัยว่าต่อ “ เราก็เลิกสงสัยได้แล้ว เลิกคิดกังวลได้แล้ว ไม่ว่าจะชลธารหรือชลธี ”

                “ ... ” นี่มีเวทย์อ่านใจคนเปล่าลุง

                “ ล้วนเป็นคนสำคัญของพวกเรา ”


                รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาซะงั้น...


                ผมถามต่ออย่างลืมตัว “ แล้วผมในอดีตเป็นยังไง แล้วทำไม... ”

                มือเหี่ยวย่นถูกยกขึ้นอย่างไว... “ บอกแล้วไง ห้ามถามเกี่ยวกับชลธาร ”


                อึก... สายตาช่างน่ากลัว...

                ถามเรื่องชลธารที่ไหน

                เรื่องตัวเองในอดีตต่างหาก!

                แต่มันก็คือเรื่องเดียวกันเปล่าวะ


                “ รู้แค่ว่าตัวเองคือชลธาร แต่ยังไม่สมบูรณ์ดีก็พอแล้ว ” สกายมันยังคงไม่เลิกจิกกัด “ ถามมากระวังจะตายตั้งแต่ยังไม่ถึงยี่สิบ ”

                “ ขอให้เด็กไม่รัก ” แลบลิ้นใส่แม่ง เอาดิ ไม่กลัวเว้ย

                ตอนนี้ชลสบายใจล่ะครับ ถือว่าการเสือกสำเร็จแม้จะนานมาเป็นอาทิตย์ที่โง่อยู่ก็ตาม ผมพอจะคิดหาเรื่องหาทางออกให้ตัวเองได้แหละ รู้ตัวเองเป็นใครก็พอแหละ ส่วนเขาในอดีตจะเป็นยังไง รออีกห้าเดือนก็ได้วะ ยังไงก็ต้องรวมวิญญาณเข้ากับตัวเองในอดีตอยู่แล้ว ตอนนั้นค่อยถามก็ได้ ยังไม่สายสำหรับการเสือก...

                ได้รู้มาขนาดนี้ ไอ้ชลก็ตายตาหลับแล้ว

                “ พูดบ้าอะไร! ” แทบจะตะโกนใส่หน้า พูดเรื่องจริง อย่ามาเขินน่า

                ผมยักคิ้วใส่ “ เปล่า ร้อนตัวทำไม ”

                “ พอเสือกจนรู้ว่าอะไรยังไงแล้วนี่ กวนตีนเลยนะ ” สกายกัดฟันกรอด ถ้าไม่มีไอ้พี่นาทนี่ ผมคงโดนเสือขย้ำไปนานแล้ว มีไอ้พี่นาทอยู่ ชลจะไม่กลัว ถ้าไม่มีมัน ...ผมจะสงบปากสงบคำครับ

                คนแก่หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วเด็กพนาก็บินออกจากตัวมานั่งลงที่ตักผมตามเดิม “ ไม่มีอะไรแล้ว อาจารย์ก็ขอตัวนะชล มีสอนภาคค่ำ ” ยักคิ้วให้ผมเล็กน้อย

                “ อ้อ ครับ ”

                ไม่ลืมที่จะกำชับ “ พวกคุณก็ดูแลชลธีให้ดี อย่าให้เป็นอะไรไปก่อนอายุจะครบยี่สิบนะ ”


                จะว่าไป... เหมือนลืมอะไรสักอย่าง...

                เออใช่!


                “ อาจารย์... ” หายไปแล้ว...


                ไอ้ชลลลล ลืมถามได้ไงวะ!

                ก็ถามว่า... อาจารย์เป็นตัวอะไรยังไงเล่า!

                บ๊ะ! รอไปเจอที่มอแล้วถามก็ได้เว้ย


                ผมยักไหล่อย่างชิลๆก่อนจะหยิบชูครีมมากินต่อด้วยความสบายใจสุดๆ แม้จะยังงงๆกับตัวเองอยู่นิดๆ จะว่าบังเอิญก็ไม่ใช่ เพราะไอ้พี่นาทมันเข้ามาวุ่นวายแต่แรกเลย แต่พวกเขาเอาอะไรมามั่นใจว่าตัวผมเนี่ยจะเป็นชลธารจริงๆ


                แต่พูดเรื่องปานนี่... ผมมีนี่หว่า

                เออ เลิกคิด แดก!

                อารมณ์ดีแล้วต้องกิน กิน และกิน


                “ เออ เดี๋ยวเล่าเรื่องป่าอาถรรพ์ไปก่อนแล้วกัน ” พี่นาทเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นอ้อมมาเล่นหัวผมกับลูกมันเล็กน้อย “ คืนนี้นอนที่นี่ไปก่อนนะ พี่ไม่มีแรงไปส่งแล้วจริงๆ ”

                เออ กูเชื่อ

                ดูจากสารร่างที่มีแต่ผ้าพันแผล

                ผมพยักหน้าไปเพราะไม่อยากทำให้พวกเขาลำบากใจมากนัก แค่นี้ผมก็ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาจะแย่แล้ว (เพิ่งรู้ตัว?)

                “ แล้วทำไมต้องฉันวะ ” สกายยีหัวเท่ๆของตัวเองอย่างขัดใจก่อนจะวาดมือให้ภาพสามมิติของป่าให้ดูเล็กของอีกหน่อยเพื่อจะอธิบายให้ผมฟัง

                เฮ้อ ต้องรอให้ตายๆไปก่อนมั้ยถึงจะอธิบายกันได้

                คราวหน้าไว้สงสัยอยากเสือกอะไร รอให้เรื่องร้ายๆมาก่อน มันถึงจะอธิบายกัน...


                “ ตั้งใจฟังล่ะ จะอธิบายเกี่ยวกับป่าให้ฟัง แต่อย่ามาหลอกถามเรื่องชลธาร เข้าใจ? ”


                จิ๊! รู้ทัน!


                พี่มันยักคิ้วให้ “ ว่าไง ”

                “ เออครับ ไม่ถามครับ จะนั่งเงียบๆฟังอย่างเดียวครับ ”

                ผมพรืดลมหายใจร้อนๆออกมาอย่างเซ็งแซ่ก่อนจะเริ่มหยิบชูครีมขึ้นกินต่อ แต่แขนเสื้อดันถูกเด็กเวรตะไลพนาน้อยกระตุกยิกๆ

                “ หือ? ” ก้มหน้าลงไปหางงๆ

                “ ป้อนหน่อย ” อ้าปากรอเลยทีเดียว “ เร็วๆ ” สั่งจริง!


                มึงนี่มันมารขัดขวางการกินจริงๆ

                แม่เอ็งเป็นใคร อย่าให้รู้นะ จะด่าเช็ดเลย!


                “ ครับๆ ” ผมยิ้มให้เด็กอย่างเซ็งๆแล้วก็ป้อนขนมมันไปด้วยฟังเรื่องเล่าไปเรื่อย มันเล่าเกือบทุกอย่างมีถามผมเป็นพักๆก้วยว่าจำอะไรได้บ้างมั้ย คำเดียวเลย คือ ไม่ รู้สึกคิดถึงหรืออะไรยังไงโหยหามั้ย ก็ไม่... ไม่รู้สึกอะไรเลย มีหลายครั้งที่มันนิ่งทำหน้าเสียใจเป็นพักๆ ก่อนจะโหดตามเดิม พอถามมันกลับไปถามจำได้ขึ้นมาผมจะไม่ตายรึไง มันนี่แทบจะล้มเหมือนนึกได้

                จำไอ้ครั้งแรกที่มาบ้านมันได้เลย สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกได้คือไอ้ดอกไฮเดรนเยีย... ส่วนอื่นๆ ไม่รู้อะไรเลยไม่รู้หรอกนะว่ามันมีความหมายว่าอะไร แถมตอนนั้นไอ้พี่นาทก็มาดราม่าอีกทำไมจำไม่ได้นู้นนี่นั้น พอผมรู้สึกเหมือนคนผิดก็ขอโทษไป แล้วมันก็บอกผมไม่ผิด...

                เออ ผมก็ไม่ผิดจริงนั้นแหละ

                เพราะยังไงผมกับชลธารก็คนละโลกกันอยู่ดี

                ลึกๆเขาก็คงอยากให้ผมจำได้ไวๆ แต่ก็ต้องยั้งปากไม่ให้พูดในหลายเรื่องเพื่อปกป้องผม

                ส่วนผมก็ต้องปกป้องตัวเอง ด้วยการที่



                เรื่องนี้ผมจะพยายามทำใจ นิ่งระงับต่อมเสือกตัวเองให้แล้วกัน...









ต่อโพสล่างๆ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 

(กัมปนาท)





                สายตาคมมองไปยังโต๊ะอาหารที่มีสกายยืนอธิบายเกี่ยวกับเรื่องป่าอาถรรพ์อยู่ มันก็คงต้องระวังอย่างหนักไม่ให้เผลอพูดเรื่องของชลธาร ตอนแรกพวกเราก็กะจะไม่อธิบายอะไรอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวเขาก่อนจะไปดันบอกให้อธิบายได้แต่อย่าฟื้นเรื่องราวความเป็นมาหรือประวัติของชลธารในอดีตเพราะมันจะส่งผลกระทบต่อพิธีฟื้นวิญญาณ

                มีหลายครั้งที่ผมเกือบทำทุกอย่างพัง... ใช่ มีหลายครั้งที่ผมอยากให้เขาจำทุกอย่างได้ ชลเขาอึดอัดที่ไม่รู้อะไร ส่วนผมก็อึดอัดที่ทำอะไรต่อมิอะไรไม่ได้...


                โธ่... พรากกันมาเป็นร้อยๆปีๆ


                มันก็อยากจูบอยากกอดเมียให้หายคิดถึงบ้างนี่หว่า

                แต่นี่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง!


                ชลในตอนนี้คือน่ารักอ่อนโยน ต่างจากชลธารตัวจริงแทบสิ้น รายนั้นเย็นยะเยือกและน่ากลัวเกินไป คนคนเดียวกันแต่คนละนิสัย... นี่รึเปล่าที่มนุษย์เขาว่ากัน...


                กาลเวลาทำให้คนเปลี่ยน...


                ถ้ารวมดวงจิตเข้าร่างได้อย่างสมบูรณ์แล้วคงจะดี ถ้าทำไม่ได้อีกฝ่ายก็ตาย... แค่คิดถึงตรงนี้ใจผมนี่หายวาบเลย

                ยืนนิ่งมองดูอยู่นานจนเห็นว่าชลเริ่มจะนิ่งๆกินได้ปกติไม่ได้สงสัยอะไรหรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องของนาซิสส์แล้ว ผมจึงหมุนเท้าเดินออกมาเพื่อกลับไปห้องนอนตัวเองเพื่อคิดอะไรบางอย่างและจัดการอะไรอีกหนึ่งอย่าง...

                ห้องชั้นบนสุดของบ้านนั้นกว้างใหญ่เกินจำเป็นแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร จริงๆแล้วห้องนี้ไม่ใช่ของผมด้วย เดินเข้าไปนอนเหยียดบนเตียงอย่างเหนื่อยปนปวดแผล ของีบสักแปป แล้วค่อยจัดการติดต่อหาไอ้เวรเธียร์

                แค่หลับตาลงภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญก็ปรากฏขึ้นช้าๆราวกับแผ่นหนังกรอกลับ...




                .




                .




                .




                ผมตกใจกับสิ่งที่เห็น... ร่างของยูจินกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงร้านอย่างแรง ไอ้พรายมันก็รีบถลาไปหาเด็กของมันทันที... ผมที่ทำอะไรไม่ได้เพราะบาดแผลใหญ่เกินทน นอนหมอบกัดฟันมองดูเหตุการณ์อย่างหวาดหวั่น

                นาซิสส์... มนุษย์ที่ฉีกกรอบความเป็นมนุษย์ขึ้นมาเป็นปีศาจ... ศัตรูที่คิดจะแย่งชิงทุกอย่างของพวกเรา... มันเป็นคนโลภต้องการทั้งอำนาจและเงินตรา ต้องการที่จะครองทั้งโลกมนุษย์และผืนป่าอาถรรพ์...

                แต่มันไม่มีทางที่จะมาที่นี่ได้ ไม่มีทาง ถึงเชื้อสายมันจะปลดคำสาปได้ แต่เชื่อได้ว่าคงไม่มีทางทำได้สำเร็จขนาดนี้ เวทย์ของชลธารไม่ได้ขี้หมูขี้หมาที่ใครมันจะแก้ได้ง่าย เลือดล้างเลือด...เคยได้ยินมั้ย

                ถ้าไม่ใช่เลือดของหมอนั่น ไม่ว่าใครก็ล้างไม่ได้...

                มีบางอย่างแปลกไป... ร่างของนาซิสส์นิ่งงันเบิกตาโพล่งมองร่างที่นั่งกับพื้นอย่างชลธีกับพนาด้วยความหวาดวิตกจนสังเกตได้... อะไร ทำไม

                ผมมองอย่างสงสัยก่อนจะเลื่อนไปมองใบหน้าของชลธีที่มีบางอย่างแปลกไป... ดวงตาสวยเหลือกจนขาวปากกำลังพึมพำบางอย่างก่อนที่ความรู้สึกเหมือนไฟช็อตร่างจะเข้ามาสู่ผม...

                ร่างโปร่งของชลธีค่อยๆลุกขึ้นสวนทางกับนาซิสส์ที่ก้าวถอยหลัง... ไม่นานเกินรอนักลำคอสวยขยับเคลื่อนหมุนราวกับบริหารร่างกายให้พร้อมหลับตาลงก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งด้วยสีตาที่เปลี่ยนไปจากดำเป็นสีเขียวมรกต รอยยิ้มเย็นถูกส่งมอบ อ้อมแขนก็กระชับร่างของพนาที่จ้องมองตาค้างอยู่แน่น... เงียบหลายนาทีก่อนจะ...

                “ จ้าวพ่อ!! ”

               เด็กน้อยร้องอย่างดีใจก่อนจะกอดคอหมับ ชลธีที่ตอนนี้มีท่าทีเปลี่ยนไปก็ได้แต่หัวเราะในลำคอลูบหัวเด็กไป...

               “ คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เจ้าตัวน้อยของข้า ” ชลธีว่าพร้อมรอยยิ้มหวานแล้วเคลื่อนมือไปจ่อกลางลำคอเด็ก


              “ แต่มันได้เวลานอนของเจ้าแล้วล่ะ ”


               สิ้นเสียงไว้เท่านั้นก่อนจะกดแรงหนักลงไปยังจุดที่หมายไว้แค่เสี้ยววินาทีเด็กน้อยก็สลบเหมือดไปแล้ว... ผมมองภาพนั้นอย่างสยดสยอง... ชลธีวางเด็กลงนอนดีๆ ก่อนจะก้าวมาประจันหน้ากับนาซิสส์ที่ยิ้มขมขื่น...

               “ เก่งนี่ที่ออกมาได้ ” เอ่ยชมอย่างไม่เต็มใจนัก

               หัวเราะในลำคอนิดๆ “ เจ้าทำได้ ไยข้าจะทำไมได้ ”

               “ งั้นก็กลับลงไปขุมนรกนั้นเถอะ ” สิ้นประโยคนั้นคมมีดนับร้อยจากไหนไม่รู้ได้ทะยานพุ่งเข้าหาร่างของชลธีอย่างรวดเร็ว...

               ชลธีมองเขม็งที่กลุ่มมีดนั่นส่งจิตสังหารแผ่ออกมาอย่างแรงกล้าจนมีดพวกนั้นหยุดนิ่งโดยที่อีกไม่กี่มิลลิเมตรจะเสียบเข้าร่างเขา... ยกมือขึ้นแล้วตวัดลงเพียงแค่นั้นมีดเป็นดงก็ร่วงหล่นราวกับแมลงไร้ค่า...

               “ หึ... ของเด็กเล่น ”สายตาดูแคลนอย่างหนักเหมือนเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก...

               อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์ “ แน่ใจ? ”

               “ หือ? ” ชลธีทำหน้าไม่เข้าใจก่อนที่...

 

                ฉึก!!

 

                ดาบเล่มหนึ่งจากทางด้านหลังเสียบเข้าที่ไหล่อย่างจังจนเลือดไหลออกมา... แต่ไร้ซึ่งเสียงโอดโอยของความเจ็บปวด... มือเรียวเอื้อมไปกระชากดาบนั้นออกราวกับเหมือนว่ามันแค่เศษไม้เล็กๆ


                บาดแผลใหญ่เหวอะหวะจนผมเริ่มหวั่นใจ...จะเป็นอะไรมั้ยวะ

                แต่ลืมไป... หมอนั่นไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว


                ชลธียักไหล่อย่างชิวๆปล่อยแผลไว้แบบนั้นเพียงหลับตาแผลก็สมานตัวอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแผลแต่ชุดเองก็เป็นปกติดังเดิม นาซิสส์มองดูอย่างทึ่งจัดแอบเห็นมันถอยไปอีกก้าว...

                “ ต่อไป...ตาข้า ”

                เสียงเรียบว่าก่อนจะวาดมือบนอากาศให้ปรากฏดาบเล่มเรียวยาว ผมมองดูอย่างโล่งใจแปลกๆ ที่รอดตายแล้ว แล้วไหนจะดีใจสุดๆกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่ชลธีเปลี่ยนไป... ท่าทางโหดร้ายที่ไม่ได้เห็นมาเป็นร้อยๆปีนั่น...

                จับดาบได้ก็พุ่งตัวใส่ร่างของอีกฝ่ายทันที อีกฝ่ายก็เร็วไม่ต่างกันร่ายดาบมากันไว้ได้ทันท่วงที เพลงดาบมีเท่าไหร่งัดออกมาหมด มีหลายครั้งที่ใบหน้าของชลธีขึงขังจนน่ากลัว และเมื่อหงุดหงิดสุดๆก็ถีบเข้าที่ท้องของนาซิสส์เต็มๆ

                “ ร่างกายไม่เคยออกกำลังเลยรึไร ถึงได้ตึงเช่นนี้ ” บ่นไปพลางขยับคอหมุนข้อมือบริหารไปด้วย

                คนที่โดนถีบจังๆถึงกับกระอักเลือดออกมา ยังไม่ทันได้ลุกตั้งหลัก ฝ่าเท้ากระซัดเข้าหน้าจังๆจนล้มเงย ไม่ทันได้หายมึน ความเจ็บที่ข้อมือและข้อเท้าก็แปลบขึ้นมา

                มองดูแล้วก็คือมีดสี่เล่มที่ตรึงร่างเขาไว้... เหนือหัวขึ้นไปเป็นชลธีที่ยืนมองไร้แววสงสาร มีแต่ความโหดเหี้ยม...

                “ ไม่เจ็บหรอก เพราะร่างจริงไม่ได้อยู่ที่นี่ หึ ”

                “ ทำอะไรตอนนี้คงเปล่าประโยชน์สินะ ” ชลธีแสยะยิ้มเลว

                “ อ่า... ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ขอบอกอะไรให้ฟังแล้วกัน ” นาซิสส์กระตุกยิ้มแม้สภาพจะไม่ได้อยู่เหนือเลย มันหันมาทางผม “ ป่านั้น... ข้าอาจจะหาทางเข้าไม่เจอ แต่คนของข้าน่ะ...ไม่แน่! ”

                “ หมายความว่าไง ”

                ชลธีพาดาบคมมาจ่อที่ลำคอก่อนจะเค้นเสียงเหี้ยมสีหน้าทะมึนตึงแทบกระโจนเข้าใส่

                “ ก็หมายความตามนั้น ” นาซิสส์ถึงตกเบี้ยยังคงไม่ยอม “ หึ... ที่นี้จะทำอะไรก็ทำ ”

                “ ทำแน่ ”

                รอยยิ้มชวนสยองบวกน้ำเสียงอันตรายจนผมต้องเผลอหยุดหายใจไปหลายครั้ง... มองดูเงียบๆว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร... จากนั้นดาบในมือก็เสียบเข้าตรงตำแหน่งเดียวของสกาย ต่อมาก็ตรงที่เดียวกับเดือนพราย สุดท้ายก็ของยูนิคที่ได้ว่ามันแรงและหนักที่สุด...

                ยูนิคนี่...ลูกรักไม่ต่างจากพนา ใครแตะคงไม่น่ารอด...

                แม้จะโหดร้ายมากเท่าไหร่ก็ยังไม่มีเสียงร้องของนาซิสส์...

                “ เฮ้อ... ร่างนี้มันไม่เจ็บหรอก... ” เสียงเอื่อยๆว่าก่อนจะขยับแสยะยิ้มมุมปาก “ ถ้าทำร้ายวิญญาณน่ะไม่แน่ ”

                “ !! ” นาซิสส์เบิกตากว้างขึ้นจะร้องห้ามแต่ไม่ทันแล้ว ดาบเสียบเข้ากลางอกตำแหน่งหัวใจ

                พลันร่างกายรีบสลายหายเป็นเศษฝุ่นเหลือเพียงดวงจิตกลมๆที่ถูกเสียบโดนไปเล็กน้อยเพราะหลบทัน แต่แค่น้อยนิดก็สร้างความเจ็บได้มากโขแล้ว

                ลูกกลมๆเบียดหลบทันก็รีบสลายหายไปทันที...

                “ หนีไปได้ เหอะ ” สะบัดดาบทิ้งอย่างเมื่อยๆไม่ได้ยี่หร่ะเท่าไหร่

                กวาดสายตามองดูรอบๆที่เละเทะไปหมด... ดูก็รู้ว่าก่อนที่เขาจะมานั้นมีการปะทะที่รุนแรงแค่ไหน... ชลธีหันตามมามองที่ผมก่อนจะตีหน้านิ่งเดินเข้ามา... และ...



                ตั้บ!!



               เจอหน้าคนรักแล้วทักทายกันด้วยวิธีนี้เหรอ


                ประเทศไหนมันสอนวะ!



                เท้าหนักกระทืบลงกลางอกผมอย่างจังจนสำลักไอออกมาพร้อมเลือดจำนวนหนึ่ง... ผมปรือตามองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก...



                แล้วกระทืบผมทำไม?


                แค่นี้ก็เจ็บจะตายห่าแล้ว


                นี่ผมรักคนแบบนี้ไปจริงๆเหรอ



                “ รู้ใช่หรือไม่ ว่าทำสิ่งใดผิด ” เสียงเล็ดรอดไรฟันมันช่างน่ากลัวแทบจะฆ่ากัน

                ผมส่ายหน้าเล็กน้อย “ มะ... ”



                ตั้บ!



                ลงมาอีกครั้งเป็นเชิงให้หุบปาก...

                “ ทำให้ลูกตกอยู่ในอันตราย ไม่ผิดเลยเนอะ ” ว่าอย่างโกรธเคืองเปรยหางตาไปมองพนาที่ยังหลับ(สลบ)ไม่รู้เรื่อง “ อีกเรื่อง... ”

                “ อะไร... ”

                “ ชลธีคือตัวข้า ปกป้องไม่ได้ก็ตายซะไป! ” แทบจะตะโกนใส่หน้า กระทืบซ้ำอีกสองทีก่อนที่ร่างของชลธีจะร่วงลงไร้แรงพยุง... หมดสติและนอนราบไปกับพื้นข้างตัวผม...

                แต่ก่อนจะไปเสียงจิตก็ดังขึ้นในหัวผม...


                “ หากตัวข้าอยากรู้สิ่งใดจงเล่าขาน ”

            “ เว้นไว้เพียงเรื่องราวของข้า ”

            “ ข้ารำคาญตัวเองที่สอดรู้ จงเล่าไปซะ ”



                ผมกำลังยิ้มเนี่ยนะ หลังจากโดนกระทืบด้วย... ท่าจะบ้า... ผมเข้าใจดีว่าคราวนี้ผมผิดที่ปกป้องไม่ได้ ไม่แปลกที่จะโดนโกรธขนาดนั้น แต่ไอ้คำทิ้งท้ายนี่ขำขันจริงๆ รับรู้แทบจะทุกอย่าง แสดงว่า...ดวงจิตเริ่มเชื่อมกันแล้วถึงจะเล็กน้อย แต่เป็นเรื่องที่ดีในวันหน้าที่จะรวมวิญญาณ

               “ เลิกยิ้มแล้วพาตัวเองกลับบ้านเถอะ ” เสียงหน่ายมาแต่ไกลของสกายว่า... “ เจ็บแผลเป็นบ้าเลยว่ะ ”

                “ เออ ” เดือนพรายตอบรับก่อนจะประคองตัวเด็กยูจินขึ้นมา

                “ อืม ”

                ผมครางรับเบาๆก่อนจะพยุงตัวกัดฟันทนพิษบาดแผล ดูเหมือนเขตเวทย์กันปีศาจจะถูกทำร้ายไปแล้วถึงได้ค่อยมีเรี่ยวแรงหน่อย... ผมประคองทั้งตัวชลธีและอุ้มพนาไว้ก่อนจะพาร่างไร้สติออกจากร้านที่พังยับ...เพียงแค่ก้าวเดียวที่พ้นร้าน... สภาพพังๆก็กลับเป็นเหมือนเดิมไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน




                .




                .




                .




                ผมลืมตาตื่นขึ้นหลังจากคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แอบอมยิ้มนิดๆกับท่าทางโหดร้ายนั่น ชลธารทั้งเย็นชาและโหดร้าย ส่วนชลธีก็เหมือนด้านอ่อนโยนที่นานๆทีชลธารจะมีให้เห็นในครั้นอดีต หากตอนรวมวิญญาณแล้วขอด้านอ่อนโยนเยอะๆหน่อยแล้วกันนะ...

                นอนคิดไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะยันตัวลุกขึ้นไปห้องเล็กๆตรงมุมห้อง... ในนั้นมืดทึบจนไม่เห็นอะไร ผมถอดหายใจเล็กน้อยก่อนจะใช้เล็บมังกรกรีดลงที่ฝ่ามืดให้เลือดหยดลงพื้น เพียงแค่หยดเดียว พื้นห้องก็สว่างวาบด้วยวงเวทย์สีแกง เบื้องหน้าเป็นกระจกน้ำใสกลมๆ...

                “ เธียร์ ” เรียกครั้งที่หนึ่ง

                “ ... ” ไร้วี่แวว

                “ ไอ้เวรเด็กมังกรตอแหลเธียร์!! ”


                ตึง!!


                กระจกน้ำแทบแตกเมื่อจู่ๆไอ้เด็กบ้าจากอีกฝ่ายมันเล่นปาของใส่กระจกแทบแตก ก่อนที่มันจะโผล่หนังหน้ากวนประสาทมาให้ชม... ใบหน้าน่ารักกับรูปร่างของเด็กเดินเข้ามาที่หน้ากระจก

                “ มีไรลุง ”

                ผมยียวนกลับ “ ได้ข่าวว่าอายุน้อยกว่านับร้อยปีนะ ”

                หึ ใช่... ถึงเห็นว่ามันเด็กแบบนี้อย่าคิดว่ามันจะอายุอานามเท่ายูนิคยูจินนะ ไอ้เนี่ยมันอายุจะห้าร้อยหกร้อยปีแล้วด้วยซ้ำ อย่างที่ผมเรียกมังกรตอแหลไง โกงอายุโกงตัวเอง

                “ ไม่มีอะไรก็ไสหัวกลับไป ” แววตาเริ่มหงุดหงิดไม่น้อย “ รู้มั้ยว่ากูแลคนเดียวมันเหนื่อย ป่าบ้าอะไรใหญ่ขนาดนี้วะ เนี่ย แล้วมีสัตว์หลงเข้ามาสภาพปางตายเกือบยี่สิบตัว ใครจะรักษา! ”

                “ นายไง ”

                “ ไม่มีทาง! ทางไม่อยากให้พวกมันตายคามือฉันก็อย่า! ” คนตัวเล็กว่าเสียงโมโห “ เอาสกายกลับมาไม่ก็ไอ้ยูนิคมารักษาดิ๊! ”

                “ ไม่ได้ ” ผมว่าเสียงขรึมทันที... “ วันนี้... เราถูกโจมตี ”

                ปลายสายเงียบลงชะงักอาการหงุดหงิดการจะตีหน้าจริงจัง...

                “ เป็นไปได้ยังไง ”

                “ นาซิสส์ เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ” ผมว่าออกไป ก่อนสีหน้าของเธียร์จะตกใจ

                มันพึมพำ “ เวรแล้วมั้ยล่ะ ”

                เวรจริงๆนั้นแหละ

                “ ระวังป่าไว้ด้วยล่ะ บางทีมันอาจจะมีพวกแฝงตัวเข้าไป ” ผมเอ่ยเตือน จำได้ถึงคำพูดของนาซิสส์ในวันนี้

                เธียร์เลิกคิ้วนิดๆ “ มันไม่มีทางเข้ามาได้หรอกน่า ”

                “ อย่าประมาท ”

                ผมจ้องเขม็งใส่อีกคนให้เลิกทำทีไม่สนอะไรได้แล้ว นาทีนี้มันต้องระวังทุกอย่างทุกฝีก้าว ไอ้เด็กตอแหลในกระจกสบถใส่ผมหลายคำจะอ้าปากถามต่อ...

                แต่...

               
ปัง!! ตู้ม!!

 

                เสียงระเบิดเบาๆดังขึ้นจากในกระจก ทำเอาเราทั้งคู่เผลอตะลึง...

                “ เกิดอะไรขึ้น!! ” เธียร์หันไปตะโกนด้านหลัง มันลุกไปคุยกับใครสักคนก่อนจะร้องลั่น “ ปัดโธ่เว้ย!! ”

                ผมมองดูอย่างร้อนใจ “ เธียร์! เกิดบ้าอะไรขึ้น! ”

                มันตวัดตากลับมามองด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธร่างกายเริ่มแปรผันจากมนุษย์เป็นมังกรเกล็ดดำทีละนิด...


                “เวทย์อาณาเขตทางตะวันตกพัง! ”


                “ ...! ”


                “ กลับมาช่วยเดี๋ยวนี้ ก่อนที่นี่จะไม่เหลืออะไรเลย!  ”



                แสงสว่างดับลงก่อนความมืดจะกลืนกิน...

                ในหัวตอนนี้คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้นแต่ที่รู้ๆคือความรู้สึกในอกที่เหมือนดำดิ่งลงเหวกับคำว่าไม่เหลืออะไร... แค่คิดมือไม้ก็เย็นเชียบขึ้นมา... พลันคิดยั้งความรู้สึกสูญเสียแปรเปลี่ยนให้มันร้อนระอุไปด้วยความเกรี้ยวกราด... แววตาเริ่มเปลี่ยนสีน้ำทะเลที่กำลังเดือด...


                 คนเดียวที่กล้าทำบ้าบิ่นขนาดนี้...


                คงมีแต่มัน

 



                ไอ้นาซิสส์!!












TBC.

แฮ่กๆ มาอย่างว่องไว

รีบมาต่อแบบยาวๆและเต็มๆ ก่อนที่จะไม่ว่าง เก็บตัวสอบปลายเดือนนี้ค่ะ  555555

รักน้องพนาอย่าลืมเม้นให้น้องน่า
รักน้องชลสายกินอย่าบวกน้องเป็ดนะคะ

สนุกไม่สนุกติชมได้น่า จะได้แก้ไขค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและชอบเรื่องนี้นะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2015 20:13:34 โดย FusayaZaa »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ชลธี ภาคซาตาน อิอิ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 o22 น้องชลเก่งกว่าพี่นาทอีกอ่ะ ก็หวังว่าพี่นาทจะสมหวังตามที่ต้องการนะ
ถ้าชลธีกับชลธารรวมกันได้แล้วขอให้เก่งแต่อ่อนโยนนะ เดี๋ยวพี่นาทจะช้ำเพราะน้ำมือเมียเสียก่อน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
สนุกค่ะเพิ่งได้เข้ามาอ่าน  :katai2-1:

น้องพนาน่ารัก ชลธีภาคมนุษย์ก็น่ารักนะ  รอตอนต่อไปค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารพี่นาท 5555555555 ช้ำหนักกว่าเดิมอีก ส่วนชลธีภาคพิเศษ นี่โหดเเท้  o13 

ปล.พนาน้อยน่ารักกกมีปีกด้วยยย *ชูป้ายเชียร์เด็กค่ะ*
ปูเสื่อนอนรอตอนต่อไปยาวๆ  :pig4:

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นตอนที่มันส์มาก... แอบสะดุ้งตรงกระทืบพี่นาทอ่ะ 55555555 โหดร้ายมาก
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

รอตอนต่อไป อัพไวๆเน้ออ

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอๆๆๆๆๆๆๆ ดีใจกลับมาต่อแล้ววว
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
พนาน่าร้ากกกกกก

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เกิดอะไรขึ้น แล้วตอนเกริ่นๆหมายความว่ายังไง ชลธารคุยกับนาซิสส์เหรอ

หรืออะไรยังไง งง ชลธีระเบิดพลังออกมาเหรอ โอ้ยปวดหมองรอคนแต่งมาเฉลยครับ
ลุ้น ลุ้นนน :katai2-1:

พนาาาา เราคิดถึงเธอออ
พนาฝากบอก คิดถึงพี่สาวคนสวยเหมือนกันงับ ('^')

รอน้าาาา มาต่อไวๆ  :ling1:
จะพยายามงับ  :katai4:

เอาอีกกกกกกก
:katai4: :katai4: :katai4:

ชลธี ภาคซาตาน อิอิ
ชอบภาคไหนมากกว่ากัน มนุษย์? ซาตาน? *ชูป้ายมนุษย์ชลคนกินแหลก*

o22 น้องชลเก่งกว่าพี่นาทอีกอ่ะ ก็หวังว่าพี่นาทจะสมหวังตามที่ต้องการนะ
ถ้าชลธีกับชลธารรวมกันได้แล้วขอให้เก่งแต่อ่อนโยนนะ เดี๋ยวพี่นาทจะช้ำเพราะน้ำมือเมียเสียก่อน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ไม่ได้ตายเพราะศัตรูแต่จะตายเพราะเมียรักก  :hao3:

รอๆๆๆๆๆๆๆ ดีใจกลับมาต่อแล้ววว
 :mew1: :mew1:
รออออ ขอบคุณงับ :mew1:

พนาน่าร้ากกกกกก
เด็กมีหางเพิ่มเติมคือมีปีก พนาฝากบอก พี่สาวคนสวย ('^') อยากได้เด็กไปเลี้ยงดูมั้ยครับ ยังขาดคนเลี้ยงหนม :mew4:

สนุกค่ะเพิ่งได้เข้ามาอ่าน  :katai2-1:

น้องพนาน่ารัก ชลธีภาคมนุษย์ก็น่ารักนะ  รอตอนต่อไปค่ะ  :L2:
ขอบคุณค่า ฝากด้วยนะคะ  :mew1:


ขอบคุณนะคะ ช่วงนี้ติดสอบอาจจะไม่ได้อัพ
รอหน่อยน่าาา สอบเสร็จเจอกันนน :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากครับ ชอบชลธีกับน้องพนาแล้วสิ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0


อาถรรพ์พงไพร
๑๐



สองจิต หนึ่งร่างกาย

สองจิต หนึ่งหัวใจ

ตรึงตราเพียงหนึ่งเดียว

ฝังรากนับร้อยปี

ไม่คลายสลาย

หัวใจด้านชา มันจริงหรือ

.

.

.

จ้าวพงไพรไร้ฤทัย

หากเพราะ

ใครบางคน

มันขโมยไปจนไม่เหลืออะไรแล้ว









อะแฮ่ม!

   กระผมนายชลธีตอนนี้รายงานตัวครับ สภาพโดยรวมแล้วผมยังปกติ มีเนื้อหนังครบ ลมหายใจยังปกติไม่สะดุด แต่กำลังจะสะดุด....

   “ พี่ชล มาเล่นพ่อแม่ลูกกันนะ! ”

   กูจะบ้า!

   ย้อนกลับไปเมื่อหลังจากรับรู้เรื่องราวคร่าวๆ ไอ้เด็กมีหางเพิ่มเติมคือมีปีกแต่ปัจจุบันมันเก็บปีกไปแล้วจึงเหลือแค่หางเหมือนเดิม... ง่ายๆคือเป็นเด็กมีหางตามเดิมนั้นเอง

   ถุ้ย!  ถ้าจะพูดแค่นี้ จำเป็นต้องยืดยาวมาเกือบสองบรรทัดมั้ย

   วกกลับมาที่เดิม คือเรื่องของเรื่อง หลังจากที่ไอ้พี่สกายมันก็เล่าเรื่องป่าอาถรรพ์ให้ฟัง เล่าแบบรอบนอกจริงจัง ทิศไหนมีอะไร ในป่ามีตัวอะไร ถามว่ากูอยากรู้จุดนี้มั้ย ก็ไม่! ไอ้ที่อยากรู้ ถามไปก็ไม่ได้คำตอบแถมได้รับสายตาโหดๆกลับมาอีก
   ส่วนเรื่องชลธารน่ะหรือ.... หึ ระดับโปรอย่างไอ้ชลธีอย่างนี้มีหรือจะพลาด

   เออ พลาด!

   พลาดแล้วพลาดอีก พลาดจนหนาแหกไปสิบตลบ

   คิดแล้วก็หงุดหงิดงุ่นง่านแล้วก็แดกชูครีม... พอ เดี๋ยววันนี้เราก็ไม่รู้เรื่องกันสักทีว่าไอ้สิ่งที่ทำให้ผมกำลังสติแตกคืออะไร คืออย่างนี้นะ ระหว่างที่ไอ้พี่สกายมันเล่า ไอ้เด็กเวรมีหางก็เริ่มเซ็งๆปัดแผนที่ห้ามิติของป่าอาถรรพ์บนโต๊ะทิ้ง (สี่มิติน้อยไปเอาสักห้าเลยครับ) ด้วยเหตุผลน่าถีบ...

   “ พนาเบื่อ มาเล่นกัน ”

   จบเลย รู้เรื่อง

   ไอ้พี่สกายนี่ขอบายสลายตัวหายคนแรกแถมขู่อีกให้ผมเล่นเป็นเพื่อน พอปฏิเสธแม่งก็แยกเขี้ยวขู่อีกจะแล่เนื้อผมไปย่างทำมื้อเย็น คิดว่าจะกลัวเหรอ เหอะ...

   ผมยอมเล่นกับเด็กก็ครับเฮีย ฮือออ

   และด้วยเหตุเช่นนี้ทำให้ผม...กำลังทำหน้าที่ปฏิบัติการสุดน่ารัก(พ่องมึงสิ)อยู่ในห้องนอนใหญ่กว้างกว่าร้อยเอเคอร์ของไอ้เด็กนี่
ที่ทำเอาผมนี่แทบหลั่งน้ำตา ห้องนอนกูกลายเป็นที่นอนปลวกเลยครับ

   ผมโดนเด็กนี่ลากขึ้นมาบอกให้ช่วยอาบน้ำให้หน่อย ให้เล่านิทานด้วย พนาจะนอนแล้ว... มองนาฬิกาแล้วก็คิดดังๆในใจ... มึงเด็กอนามัยไปมั้ย เพิ่งจะห้าโมง จะนอนแหละ แต่ก็น่าจะดี ผมควรรีบส่งมันเข้านอน แล้วตัวผมจะได้กลับสักที
   จะว่าไป...วันนี้แลจะยาวนานจังเลยนะ ยืดยาวมาสี่ห้าตอนแหละ แม่งยังไม่จบวันสักที ง่วงนะเนี่ย

   “ พนาค่ะ มาปะแป้งเร็วจะได้ตัวหอมๆๆ ”

   “ คร้าบบบ ”

   “ พนาจ๊ะ ใส่สีฟ้ามั้ย น่ารักดีนะ ”

   สาบานสิ.... นี่เสียงมึงไอ้ชล

   เพราะมากมึง

   เพราะกว่าตุ๊ดเด็กเพิ่งรู้ตัวเป็นตุ๊ดนิดนึง ฮ่วย!

   “ ตามใจแม่เลยครับบบ ”

   “ อยากให้แม่อ่านนิทานเรื่องอะไรดีคะ ”

   แม่มาก็แม่ไป เฮ้ยๆ ผิดประเด็นแล้วไอ้เด็กเวร

   “ เรื่องนี้ๆ ”

   มืออวบๆเล็กเอื้อมไปหยิบนิทาน... สาบานสิ นิทานก่อนนอนเด็กเป็นนิทานบางๆไม่ใช่ตำราโบราณหนาอย่างดึกดำบรรพ์เล่มนี้ ผมรับมาด้วยสีหน้าตะลึงๆ โห ถ้ากูเปิดแรงมันจะหลุดติดมือมามั้ยเนี่ย

เสียงร้องดังขึ้นหลังจากผมมัวแต่ตะลึงอยู่กับความหนาของหนังสือ “ เร็วๆสิครับแม่ พนาอยากฟังงง  ”

มาพร้อมสายตาออดอ้อนที่มองแล้วภาพไอ้พ่อมังกรตัวโตมันเคยทำใส่แล้วรู้หน้าร้อนขึ้นมาซะงั้น ท่าจะประสาท... กูเนี่ย!

   ส่วนมึงนี่ก็...เล่นสมจริงไม่ใช้แสตนอินจริงๆนะ เอาซะกูเกือบเคลิ้มไปเลยว่ามีลูกจริงๆ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเรียกว่าพ่อ ใครมันจะอยากเป็นแม่วะ! หน้าผมออกจะหล่อเหลาปานนี้

   “ เลิกเรียกแบบนั้นได้แล้วหน่า พี่ไม่ชอบนะครับ ” ผมว่าเบาๆไม่เชิงน้ำเสียงที่ดุนักเพราะกลัวว่าจะมีเด็กร้องไห้ซะก่อน “ ถ้าเรียกอีก จะไม่เล่าแล้วนะ ”

   พนามุ่ยปาก “ แต่เราเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่นะ ” ตากลมเริ่มแดงนิดก่อนจะพึมพำเบาๆ “ ใจร้ายที่สุด ”

   ผมนี่อึ้งเลยครับ เหมือนถูกกระทืบแล้วเหวี่ยงลงเหวไม่มีผิด หนังสือในมือตอนนี้เหมือนถูกเหวี่ยงเข้าเบ้าหน้าจริงๆ นายชลธีนั่งอ้าปากค้างไปกว่าสิบวิถึงจะได้สติจะขอโทษขอโพยเด็กก็งอนไปล่ะ

   “ โอ๋ๆ พี่ขอโทษครับ หายงอนนๆ ” กูไม่เคยอ้อนใครนะ สำนึกไว้เลยแกเป็นคนแรก เด็กมีหาง

   ทำแก้มป่อง “ หอมแก้มเค้าก่อน ”

   หอมก็หอมครับ ยังไงก็เด็ก

   “ หน้าผากด้วย ”

   หน้าผากครับ หน้าผาก

   “ หายงอนได้แล้วนะครับ ” ผมฉีกยิ้มกว้างให้

   เอาแต่ใจยันวินาทีสุดท้ายจริงๆ ลูกใครวะ! “ อยากให้หายงอนก็เล่าสิ เร็วๆ ง่วงแล้วนะ  ”

   “ ครับ คร้าบบบบ ตามได้ที่สั่งคร้าบบบบ ”

   ผมถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยใจเป็นที่สุด มือเล็กเปิดทีละอย่างระมัดระวังขณะอ่านไปเล่าไปบวกพร้อมกับความรู้สึกในอกความรู้สึกข้างในที่ร้อนระอุขึ้นจนต้องปาดเหงื่อไปเล่าไป สายตาผมจดจ้องอยู่ที่ตัวอักษรแต่ละตัวเขม็งแทบจะไม่ละสายตา... มือที่เพียงแค่จับหนังสือไว้เบาๆกลับจิกลงแน่นแทบกระดาษขาด

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่เสียงของผมค่อยๆเงียบลงพร้อมกับพนาที่หลับไปแล้ว ผมยังคงอ่านหนังสือในมือนั้นต่อไป... มันไม่ใช่นิทาน ไม่ใช่ มันเหมือนจะเป็นเรื่องเล่ากับตำนานที่จดบันทึกไว้มากกว่า...

   เด็กหนุ่มแสนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องผจญภัยกับเรื่องลี้ลับ... ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งอ่านผมยิ่งรู้สึกอยากอาเจียนเพราะอาการปวดหัวจี๊ดๆ ไม่ทันไปพลิกอ่านบทต่อไปประตูห้องก็ถูกเปิดออก


   ปัง!


   ผมสะดุ้งโหยงปล่อยให้หนังสือหล่นจากมือ เพียงแค่หลุดพ้นจากหนังสือเล่มนั้นมวลอากาศมากมายพาเข้าสู่ปอดจนรู้สึกดีแทบลอยคลายจากความอึดอัดในครั้งแรกไป คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันไปทางประตูด้วยสายตาตำหนิ เกิดไอ้เด็กนี่ตื่นขึ้นมาป่วนอีกจะทำไงวะ!

   “ สกายล่ะ! ” ถามผมด้วยสีหน้าตื่นกลัวจัดหน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อไม่ได้สนใจสถานการณ์เลยว่ามีคนหลับ ไม่มีมารยาทจริงๆ  “ ชล สกายอยู่ไหน! ”

   เมื่อเห็นผมไม่ตอบนิ่งเงียบก็ถามใหญ่เสียงดังจนผมเริ่มไม่ชอบ... “ ตั้งสติแล้วพูดกันดีๆดิพี่ ”

   ผมเกลียดน้ำเสียงตอนพี่แกกระโชกโฮกฮากชะมัด ไม่รู้ดิ มันน่ากลัว

   เหมือนมันจะได้สติมาบ้างก็รีบสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆแล้วระบายยิ้มอ่อนๆให้ผมวางมือลงบนหัวตามสเตป

   “ พี่ขอโทษครับชล มีเรื่องที่น่าตกใจนิดหน่อย ” มันพยายามใจเย็นจริงๆ แต่ไอ้มือที่วางบนหัวผมเนี่ยจะจิกหัวผมตบเลยมั้ย สั่นอย่างกับเป็นสันนิบาต

   “ มีอะไรที่น่าตกใจไปกว่าเรื่องของวันนี้ด้วยเหรอ ” ผมว่าเหมือนประชดแต่ไอ้พี่นาทก็ไม่ได้ว่าอะไร เปลี่ยนจากมือวางบนหัวมาจับข้อมือแล้วดึงลากฉุดออกจากห้องนอนลูกพี่แก ลงมาที่ห้องอาหารที่เดิม

   แลกูมาบ้านพี่มันทีไรต้องมาอยู่ห้องอาหารตลอดเลยว่ะ... คิดเหมือนกันใช่มั้ยยยย

ก่อนจะดันตัวผมนั่งลงด้วยสภาพที่ผมยังงงๆเอ๋อแดกอยู่ แล้วตัวเองเดินไปยืนอีกฝั่งโต๊ะอาหารคลี่แผนที่หนังสัตว์ออกอีกครั้งวาดมือลงไปก่อนจะมีแสงสีแดงฉาบวาบปรากฏภาพใหม่ที่ทำเอาผมตกใจสุดๆ...

“ นี่มันอะไร! ”

นิ้วสั่นๆของผมชี้ไปที่จุดหนึ่งของป่าอาถรรพ์ที่มีไฟไหม้ขนาดใหญ่ เมื่อบ่ายๆมันยังไม่มีเลยนี่! เงยหน้ามองอีกคนที่มีสีหน้าตึงเครียดแล้วยิ่งพูดอะไรไม่ออก

“ เสียงดังลั่นบ้าน มีอะไร ”

   เสียงโหดเข้มที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นสกายเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเซ็งๆแต่พอเห็นอะไรบนโต๊ะแล้วพลันหน้าเปลี่ยนสีทันที สาวเท้าเข้ามาใกล้แล้วจับจ้องไม่วางตา

   “ มีคนบุกรุก ” พึมพำเบาๆก่อนจะหันไปกระชากคอเสื้อไอ้พี่นาทอย่างรุนแรง “ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่รีบบอกกู! ”

   “ ก็กำลังตาม ” ว่าเสียงเรียบๆ “ กูรู้ว่า มึงกำลังรู้สึกยังไง ”

   “ มึงไม่เข้าใจ!! ” เป็นครั้งแรกที่สกายขึ้นเสียงราวกับฟิวส์ขาด บรรยากาศในห้องดูจะอึดอัดมาคุสุดจนกูอยากจะสลายไปกับฝุ่นจริงๆ

   แล้วทำไมกูต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทุกทีวะ!

   จะพยายามสงบบอกสงบคำนะครับ... จะนั่งเงียบๆด้วย...

   “ มึงเคย...ทรยศพวกกู ”

   สีหน้าของไอ้พี่นาทดูชาดิกไปเลยกับคำนั้นแวบหนึ่งความรู้สึกผิดในแววตาของมันพุ่งมาที่ผมแวบก่อนจะหันไปประจันหน้ากับสกายอีกครั้ง...

   “ เรื่องนั้นมันแค่อดีต ...กูได้รับโทษหนักขนาดไหนมึงก็รู้ดี ตอนนี้กูก็สำนึกแล้ว ” พี่นาทหลีกเลี่ยงประเด็นนี้แล้วปัดมือสกายออกเบาๆ “ มึงกับพรายไปก่อนเลย เดี๋ยวไปส่งชลข้างล่างก่อน ”

   พี่สกายหันขวับมาจ้องที่ผมทันทีเอาซะแทบจะขาดสองท่อนเลยทีเดียว... อุตส่าห์ทำตัวหลีบเป็นอากาศธาตุแล้วนะเนี่ย ยังจะเห็นอีกเหรอวะ

   “ อืม กลับดีๆแล้วกัน ” เหวอสิครับ มันถอนหายใจแล้วพูดกับผมดีๆจากนั้นก็รีบรุดออกไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น ปล่อยให้ผมอยู่กับไอ้พี่นาทสองคนอีกแหละ

   “ เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่หอนะครับ ” มันยิ้มราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มเล่นๆแล้วพับแผนที่เก็บ
   ผมถาม “ จะกลับยังไง ”

   พี่นาทเอียงคอเล็กน้อยพลางยิ้มมุมปาก “ อยากบินลงไปอีกมั้ย ”

   ขนแขนขนคอแสตนอัพเลยมึง แค่คิดก็ขยาดแล้ว จำครั้งก่อนได้มั้ยที่พี่มันอุ้มผมแล้วพาบิน โอ๊ยยยย เร็วยิ่งกว่าวินแฮปปี้หน้ายิ้มที่ไม่รู้จะซิ่งไปลงนรกขุมสุดท้ายรึไงก็ไม่รู้ ลงมาเหยียบพื้นได้นี่ขาสั่นพับๆตับไตม้ามเครื่องในแทบจะทะลักออกปาก ถ้าขืนมันบินพาผมไปส่งนะ พรุ่งนี้ผมคงได้คลานไปเรียนจริงๆแน่

   “ ล้อเล่นน่า เลิกทำหน้าตลกได้แล้ว ” ไอ้พี่นาทยักคิ้วให้ก่อนจะเดินมาหาผม “ พี่มีวิธีที่เร็วกว่านั้นอีก ”

   มันยังจะมีวิธีที่เร็วกว่าการบินของมึงอีกเหรอ!!

   “ ละ แล้วจะกลับยังไง ” ถามอย่างระมัดระวังตัวให้นิ่งที่สุด... แต่มือกูนี่สั่นสะท้านมากเลยตรับ

   มันตอบหน้าซื่อๆ “ หายตัว ”

   “ แบบแฮร์รี่ พอตเตอร์เหรอ!! ” ผมตาโตทันทีความกลัวหายแทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่กลับได้รับสายตางุนงงมาแทน

   “ อะไรคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ”
   ยกตีนก่ายหน้าผากตอนนี้ได้มั้ย... ยิ่งมันทำหน้าเป็นมังกรงงด้วยแล้วก็ไม่อยากจะด่าเลยโบกมือไล่ๆ เบี่ยงประเด็นมาที่เดิม

   “ เร็วๆหายตัวๆ ผมอยากกลับบ้านแล้ว ”

   “ รับทราบครับ ” เคยบอกมั้ย ผมเกลียดไอ้เสียงนุ่มๆของมันชะมัด...

   ผมยืนนิ่งๆตรงหน้ามันอย่างใจจดใจจ่อรอดูว่ามันจะทำยังไงต่อไป มันขยับตัวเข้ามาแทบชิดร่างผมไม่พอซ้ำยังยกมือกอดผมอีก มันซบหน้าลงที่ไหล่ของผมก่อนจะพึมพำเบาๆ

   “ ทำไมต้องกอด ” ถามเสียงขุ่น อยู่กับมันนี่เปลืองเนื้อเปลืองตัวตลอดจริงๆ

   เสียงทุ้มว่าอย่างไม่ยี่หร่ะนัก “ ถ้าไม่กอดไว้เราเผลอหลุดมือไป คงต้องหลุดหล่นไปตกที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่หน้าห้องตัวเอง จะเอาแบบนั้นมั้ย ”

   ขู่ไม่พอ แกล้งคลายอ้อมกอดอีก เป็นผมซะเองที่เลิกถือตัวกุลบุรุษชายไทยกอดมันแน่นเลย ไม่ได้จะหลอกกอดมันนะ แค่ไม่อยากกระเด็นไปที่ไหนไม่รู้ เดี๋ยวเผลอกระเด็นไปอยู่ตกหน้าชานยอลอปป้าที่เกาหลีขึ้นมาแล้วจะยุ่ง ยิ่งหน้าหล่อๆแบบนี้แล้วเดี๋ยวเขาหลงรักเราขึ้นมาแล้วจะยุ่ง

   ถุ้ย! ตื่น หยุดมโน

   ผมบ่น “ ยอมกอดครั้งเดียวนะเว้ย ”

   “ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป ”


   ไอ้มังกรโลภ หึ่ย

   “ แล้วการใช้เวทมนตร์มันอาจจะเผยร่างจริง... เราห้ามมองนะครับ ” มันซบหน้าลงกับคอผมแทบจะฝังหน้าลงไปด้วยซ้ำ “ แต่พี่ยังไม่อยากให้เราเห็น ”

   ซุกคอกูไปนี่ไม่เหมือนนิยายนะครับ หอมกรุ่นนี่อย่าหวัง ยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน ไปเรียนก็ไม่ได้อาบ ภูมิใจมั้ยที่พูดเนี่ย บอกเลย... ด้านแล้ว

   นัยน์ตาสีเข้มของผมแอบเหล่ไปทางมัน “ ทำไม... มันน่าเกลียดมากเหรอ ”

   “ เปล่าหรอก... ”

   ไม่ต้องมองเห็นก็รู้ว่าไอ้มังกรที่แอบฉวยโอกาสกอดผมเนี่ยกำลังยิ้มร่าอยู่

   “ แค่กลัวว่าคนแถวนี้จะตกหลุมรักเข้าน่ะสิ ”

   ฉ่า!!

   สายตาเลิ่กลั่กทันทีกับคำพูดที่โคตรจะมั่นอกมั่นใจแสนหลงตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมในใจกลับเต้นระรัวผิดจังหวะซะได้ เมื่อทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่ทุบหลังมันไปแรงๆทีหนึ่ง มันหัวเราะตอบกลับมาเบาๆจากนั้นฝ่ามือทั้งสองข้างของผมเริ่มรู้สึกถึงความร้อนแทบปะทุจากร่างของไอ้พี่นาท ขาแข็งยืนนิ่งจะทรุดไปก็ไม่ได้เพราะถูกอีกฝ่ายประคองไว้

   สิ่งที่เห็นคือเราทั้งคู่อยู่ท่ามกลางวงอักขระแปลกๆสีทองสว่าง และสีที่เห็นอีกอย่างคือเส้นผมสีน้ำเงินเข้มเกือบดำที่ยาวสลายมันแผ่ออกก่อนจะคลุมร่างทั้งสองของผมกับไอ้พี่นาทไว้...


   แอ๊ด...


   ประตูห้องอาหารเปิดออกช้าๆ พร้อมกับร่างเล็กของพนาที่ยืนยิ้มกว้างหัวเราะคิกคักให้กับห้องที่ว่างเปล่าที่ตามความจริงควรจะมีกัมปนาทกับชลธี แต่มันกลับไร้วี่แวว...

   “ หายตัวก็แค่จับมือก็ได้แล้ว ” เสียงเล็กว่าอมยิ้มไปด้วย

   “ ท้าวพ่อหลอกกอดจ้าวพ่อสิไม่ว่า ร้ายชะมัด”

“ ท้าวพ่อใครเนี่ย เจ้าเล่ห์ชะมัด ”


   ก็แค่กอด   

   ไม่อยากจะอวด... จ้าวพ่อหอมแก้มพนาก่อนด้วยแหละ!

    .

   .

   .

   อะไรเอ่ย...เจ้าเล่ห์ที่สุด








ต่อโพสล่างนะคะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด