龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!  (อ่าน 34825 ครั้ง)

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
เฮ้ย ทำไมรู้สึกค้างๆ เหมืินอยากอ่านอีกด รอค่ะ สนุกมากก

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ชลธีเป็นชลธารกลับชาติมาเกิดรึป่าวนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ท่านท้าวถ้าเป็นไปได้รีบอธิบายให้น้องชลฟังก็ดีนะ ก่อนที่จะสติแตกไปมากกว่านี้
เข้าใจผิดไปหมดแล้ว ไม่รีบอธิบายระวังน้องจะถอยห่างนะ

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เราก็อยากรู้ไปกับนุ้งชลด้วยนะ อยากรู้มากๆ 5555

ออฟไลน์ chacogothicW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฉากสุดท้ายนี่สติแตกพร้อมกับชล55555555 ลู๊ก ลูก ลูก!!!

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ๊ากกกก ค้างอ่าาาา ตกใจกับลูกมาก มาจากไหน รอ รอ อยากอ่านต่อเร็วๆเเล้ว มาอัพไวๆน่าาา  :katai2-1: :pig4:

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เข้ามาติดตามคุณพี่มังกรค่ะ

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่นาทควรรีบอธิบายด่วน ชลสติแตกไปแล้ว เเละนี่ก็กำลังสติแตกตามชลเเล้ว โอ๊ยยยยย มาต่อเร็วๆนะ รอออ ปูเสื่อรอ อยากรู้ๆ :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
มาต่อให้ไวเลยนะ ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เฮ้ย ทำไมรู้สึกค้างๆ เหมืินอยากอ่านอีกด รอค่ะ สนุกมากก

ดีใจที่ชอบ >< แล้วรีบอัพอย่างว่องไวนะครับ 555555 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อาถรรพ์พงไพร ๕







 

อยากเอื้อนเอ่ยให้เจ้ารู้

ถึงความถวิลหา

จากเหล่าเกลอแท้

แต่ทำมิได้...

ตรอมตายเก็บจำความขมกลืน

รอเวลาจักปลดเปลื้อง...



 

เจ้าดวงตากล่องดวงใจแสนเวทนา

เจ็บร้อนรุ่มสุ่มอกทรวงเจ้าตัวน้อย

ถูกกุมขังกักเหนี่ยวเพียงเดียวดาย

ต้องมารร้ายระกำฤทัยเท่าใด

คงต้องทำ

ต่อให้เจ้าร่ำร้องปานขาดตัวตาย

จงอย่าได้เอ่ยเรียก



...จ้าวพ่อ...

 







 


   ลูก...


   สามตัวอักษรสั้นๆยังคงลอยวนไปวนมารอบสมองซึมลึกเข้าไปยังชั้นลึกส่วนลับสมองของนายชลธี ตอนนี้ผมกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องน่าเหลือเชื่ออยู่ครับ ไอ้เรื่องที่ว่าไอ้พี่นาทเป็นมังกรว่าน่าตกใจแล้ว มันยังน้อยครับ! ยังมีเรื่องของไอ้พี่สกายที่เป็นเสือดำอีก ไหนจะเรื่องยูนิคอร์นม้ามีเขาอีก แต่มันยังไม่ทำให้ผมตกใจเท่า...


   ไอ้พี่กัมปนาทมันมีลูก


   ลูกชายด้วย


   โอ้ ขอยาดมที รู้สึกวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม


   ผมแสร้งเดินไปเดินมาอยู่แถวระเบียงมองดูบรรยากาศรอบตัวแต่หูนี่เงี่ยฟังสองคนนั้นคุยกันอย่างไร้มารยาทตลอดเวลา โธ่ถัง แล้วคุณไม่อยากรู้รึไง

   “ แต่ยังไงก็ต้องให้น้องกินดีๆนะครับ ไปง้างปากน้องเดี๋ยวจะยิ่งร้องไห้ใหญ่นะครับ ” ยูนิคยังคงพูดหาทางอื่นที่ดีกว่านี้
   จะว่าไปเด็กหนุ่มคนที่ชื่อยูนิคเนี่ยน่ารักน่าเอ็นดูดีนะ ตัวผอมๆบางๆลมพัดทีน่าจะปลิวได้นะ ที่น่าสนใจคือ เส้นผมสีเหลืองอ่อนเนื้อครีมนั้นมากกว่า เหมือนสายไหมเลย... จะว่าไปก็เริ่มหิวขึ้นมา

   “ เลี้ยงเด็กไม่เป็นด้วยสิ ” ไอ้พี่นาทยกมือเกาท้ายทอยอย่างครุ่นคิด


   บ๊ะ! นี่ลูกเอ็ง แต่เอ็งเลี้ยงไม่เป็นเนี่ยนะ


   พ่อประสาอะไร แย่จริงๆ


   ผมส่ายหน้าเอือมระอาแม้จะยังหันหลังให้กับทั้งคู่อยู่ อืม... หิวจริงๆนะมือไวเท่าความคิดยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาที่บ่งบอกเวลาเกือบจะเที่ยงตรงแล้ว มิน่า ผมถึงได้หิว ท้องอย่าเพิ่งร้องๆ เผือกต่อก่อน

   เสียงเล็กดูลำบากใจและคิดหนักสุดๆ “ ยูนิคฟังจากพี่สกายแล้ว... ลองให้...เลี้ยงได้รึเปล่า ”

   “ ไม่ได้! ” คนนี้ก็ปฏิเสธแทบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง “ ยังไงก็ไม่ได้ ต้องรอเวลา ร่างกายมนุษย์รับพลังของพนาไม่ได้ ”

   “ ยูนิครู้ว่าต้องรอเวลา... แต่นั่นมัน...” ร้องโอดครวญ

   “ ข้ารู้... มันทรมาน ”

   สีหน้าของมังกรหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งเกร็งเครียดจนเส้นผมสีดำค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มโดยไม่รู้ตัวบวกพร้อมด้วยดวงเนตรสีน้ำเข้มภายในนั้นกำลังกรุ่นคุกด้วยความหวาดกลัวแต่ยังคงมีความหวังอยู่... บรรยากาศรอบตัวดูเย็นเยียบสะท้านอกขึ้นมา


   “ แต่เราทนกันมากว่าหลายร้อยปีของมนุษย์แล้ว... จะทนต่อไปอีกหน่อยก็ไม่ต่างกัน ”


   ผมหรี่ตามองอากาศมองแสงแดดแล้วฉงนใจ... อะไร เมื่อกี้ยังอุ่นๆอยู่เลย ทำไมหนาวเยือกแบบนี้ ปรับสีหน้าปกติเลิกสนใจฟ้าฝนแล้วเงี่ยหูฟังต่อ ผมว่าเรื่องมันค่อนข้างจะมาถึงจุดพีคแหละ หลายร้อยปี พวกเอ็งเป็นอมตะกันรึไงฟะ ชลธีได้แต่คิดแล้วก็สงสัย...

   “ ทนน่ะทนได้ครับ แต่พวกนั้นไม่ได้รอเรานะครับ ” สายตาเต็มไปด้วยความกังวล “ จะโจมตีเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ”

   “ ตราบใดที่ ’มัน’ ยังหาทางแก้ไม่ได้ เรายังคงเบาใจ ”

   “ ท่าน... ไม่รู้ว่าท่านจะทราบรึยัง คนของเราได้ข่าวมา ” ท้ายประโยคแทบจะกระซิบ ” ทางนั้นกำลังพยายามตัว...อยู่ครับ ”

   “ ...พวกมันต้องการอะไร ” ไอ้พี่นาทกัดฟันถามเสียงหนัก

   “ เลือดครับ... ” ยูนิคว่า ก่อนจะคลี่ยิ้ม “ แต่เลือดในตอนนี้ใช้การอะไรไม่ได้ถึงพวกมันจะได้ไป เพราะเป็นเลือดธรรมดา ”

   เฮ้ย เลือด! มันจะเอาเลือดมาทำอะไรกันฟะ หรือ...มันจะกินเลือดกันเป็นอาหาร!! ไอ้ผมที่ยืนอยู่ห่างๆเริ่มเหงื่อตกเขื่อนแตกทำนบพังเลยทีเดียว กูจะโดนเขมือบเปล่าเนี่ย ...แล้ว แล้วที่ไอ้พี่นาทพาผมมาบ้านนี่ก็เพื่อฆ่าแล้วกินใช่มั้ย!! ว้ากกก ไม่เอาเว้ย! ยังไม่อยากตายนะ เอาไงดีๆ หาทางหนีดีมั้ย หรือจะเนียนทำเป็นไม่ได้ยินดี เฮ้ย แต่แม่งคงไม่หรอกมั้ง ไอ้ผมก็ชอบคิดเป็นตุเป็นตะ คงไม่มีอะไรหรอกก #ปลอบใจตัวเอง

   “ ถึงยังไง... ข้าก็ไม่มีทางให้พวกมันได้เลือดไป ”


   “ หรือแม้จะแตะตัว... ก็ไม่มีวัน ”


   โห คำพูดพี่แม่งเท่ฝุดๆว่ะ ตบมือให้ๆ


   แล้วไอ้คนนอกอย่างผมจะเลิกแอบฟังห่างๆงงอย่างห่างๆ อึ้งมึนเอ๋อแบบนี้สักที ฟังไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยย ทั้งที่น่าจะตีเรื่องออกบ้างตามประสาคนฉลาด... ฮึ ไม่ เราโง่ เราตีเรื่องออกอ่ะ งงชิบ มันพูดเรื่องบ้าอะไรกัน ไม่ได้เข้าใจขึ้นเล้ยยย แอบฟังไปนี่แทบศูนย์บอกไว้เลย

   “ เฮ้อ จริงๆบอกไป ทุกอย่างน่าจะจบไวขึ้น แต่...มันดันพูดไม่ได้นี่สิครับ ” เด็กหนุ่มระบายลมหายใจออกมานวดขมับเบาๆอย่างเครียดไม่แพ้กัน

   “อดทนจนกว่าจะถึงวันที่เหมาะสม ” ไอ้พี่นาทว่าสบายๆโยกหัวคนตัวเล็กไปมาเหมือนไม่อยากให้กังวล

   “ ยังไงยูนิคก็ว่า เราต้องตื่นขึ้นก่อน เพราะเขาดันเล่นสวนกลับแรงซะขนาดนั้น ไม่น่าจะตื่นขึ้นได้ง่ายๆ ” เสียงใสหัวเราะร่าก่อนเสียงทุ้มจะหัวเราะตาม

   “ เขาเคยยอมใครที่ไหนกัน ” มันว่า “ เราน่ะ ไปตั้งโต๊ะได้แล้ว จะเที่ยงแล้ว ”

   “ ครับๆ ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารัวๆก่อนจะเสมองมาทางผมแล้วยิ้ม “ เจ็ดที่นะครับ ”

   “ ของพนา ยกไปบนห้องน่ะ ”

   ไอ้พี่นาทกำชับเบาๆ แต่ไอ้ผมเนี่ยเสือกได้ยิน นี่ใครครับ ชลธีไง เรื่องเผือกๆเสือกๆของถนัดไม่มีทางเล็ดลอดไปจากหูทิพย์ของผมได้หรอก ทั้งที่เมื่อกี้บอกจะเลิกเผือกนะ แต่หูดันไวเมื่อพูดถึงเด็กพนา แต่ทำไมมันดูจะหวงลูกมันจัง อยากเห็นหน้าเด็กจัง มันต้องแอบไปทำสาวท้องมาชัวร์ หน้าหล่อแบบนี้ไปฟันแล้วทิ้ง สุดท้ายต้องรับผิดชอบเด็ก พอได้เด็กมาก็ไม่ชอบเด็กทำร้ายทารุณกักขังเด็ก โฮ ช่างน่าสงสารจริงๆลูกพนา เลวจริงๆไอ้พี่นาท #เรื่องมโนแต่งเรื่องยกให้ผมเถอะ

   ผมหันไปทางทั้งคู่แล้วเดินเข้าไปหาอย่างเนียนๆ เมื่อคิดอะไรดีๆออก ใจหนึ่งก็กลัวเรื่องที่สงสัยว่ามันกินเลือดเป็นอาหารหรือเปล่า แต่ความสงสัยใคร่รู้มีมากจนกลบความกลัว ถ้าวันนี้ไม่ได้เห็นหน้าลูกมัน คนขี้เผือกอย่างผมคงนอนไม่หลับตาค้างยันเช้าแน่ เพราะงั้น...


   “ พี่นาท คืนนี้ผมค้างที่นี่ได้ปะ ” หันไปทำหน้าซื่อไร้พิรุธ


   ทั้งคู่เลิกคุยกันแล้วหันมาจ้องผมแบบไม่เชื่อหู “ หา / หา อะไรนะ  ” ไม่ใช่แค่ไอ้พี่นาทคนเดียวที่งง เด็กหนุ่มน่ารักก็งงไปตามกัน แต่เสี้ยววิ ไอ้หน้าหล่อๆของคุณพี่มังกรก็กระดี๊กระด๊าเป็นมังกรได้ขนมทันที

   มันเดินมาคว้าไหล่ผมแล้วเขย่าเมื่อเก็บอาการดีใจไม่อยู่ “ ชลจะนอนที่นี่จริงเหรอ! ”

   “ เออ ขี้เกียจเดินลงเขา ” แถครับ งานทอแหลต้องมา ทำท่าทำทางปวดขาด้วยครับ มันจะได้เชื่อ

   “ งั้น งั้น ” ดูมันจะดีใจเกินเหตุจนเรียบเรียงคำไม่ถูก

   ผมถาม “ นอนได้ปะ ”

   “ ได้สิๆๆ ” หน้าตานี่ดีใจจนฉุดไม่อยู่แหละพี่ หุถบยิ้มหน่อยดิ๊

   “ แล้วให้ผมพักห้องไหนได้บ้าง ”

“ ห้อง เอ่อ ที่ห้อง ” มันกะพริบตาปริบๆเหมือนนึกไม่ออกเรียงสมองคิดไม่ทัน เด็กยูนิคเลยชิงพูดขึ้น

   “ งั้นก้อออ...ให้เพื่อนท่านท้าวนอนห้องท่านท้าวสิครับ ง่ายจะตาย ” น้ำเสียงร่าเริงว่างั้น แต่เดี๋ยวๆ ไม่ใช่แล้วมั้ง  ง่ายไปมั้งน้องครับบบ ไม่เอา

“ คือว่า ” อ้าปากเตรียมปฏิเสธ

“ ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีห้องอื่น ยูนิคยังไม่มีเวลาทำความสะอาดนะครับ ” เหมือนเด็กจะรู้ทันรีบดักคออย่างไวว่อง  “ นอนห้องท่านท้าวเถอะนะครับ ”

   “ ใช่ๆ ” ไอ้เวรมังกือก็รีบพยักหน้ารับทันทีไม่มีใครสนใจหน้าผมสักนิดเล้ยยย ว่ากำลังทำสีหน้าพอใจแค่ไหนที่จะต้องนอนห้อง
เดียวกับมัน ประชดครับประชด

   ผมโวย “ ไม่เอา! จะนอนคนเดียว! ”


   “ อย่าดื้อสิครับชล เป็นเด็กดีหน่อยสิ ”


   น้ำเสียงหวานอ่อนโยนว่าเบาๆตบท้ายด้วยรอยยิ้มเทวดาที่ผมไม่เคยจะขัดมันได้สักครั้ง จริงๆอยากขัดอีกรอบนะ แต่ผมแม่ง... พ่ายแพ้ตั้งแต่มันพูดประโยคอันตรายต่อการแกว่งของหัวใจเมื่อกี้แล้ว เกือบใจอ่อนจริงๆ แต่ประโยคถัดมานี่ผมขึ้นเลย!

   “ ถ้าไม่นอนห้องพี่ พี่จะไม่ให้กินข้าวกินขนมนะ ”


   กูไม่ใช่เด็กนะเว้ย!!
   

   ทำหน้าจริงจัง  “ ยอมอดข้าวเว้ย ถ้านอนห้องพี่อ่ะ จะนอนคนเดียว! ”

   ไอ้พี่นาทมันส่งสายตาไปให้เด็กยูนิค ไอ้เด็กน่ารักเลยช่วยกล่อมผมอีกแรง

   “ พี่... เอ่อ ” ทำหน้างงๆไม่รู้จะเรียกผมว่าอะไร

   “ ชลธีครับ ”

   น้องพยักหน้ารับ “ ครับ พี่ชลธา... ชล...ธี  ”

   ผมจิกตามองเด็กที่พลิกลิ้นพูดใหม่อย่างน่าสงสัย เมื่อกี้จะเรียกผมว่าอะไรนะ

   “ พี่ชลธีครับ คือ นอนห้องท้าวเถอะนะครับ ยูนิคไม่ว่างหาห้องให้ใหม่จริงๆครับ ” ทำหน้าตาน่าสงสารใส่อีก

   ไอ้พี่นาทเสริม “ ใช่ๆ สงสารเด็กนะ ”


   เห็นดีเห็นงามกันจริงนะ!


   “ พี่นอนห้องอาหารก็ได้ ” ปาดเหงื่อเล็กน้อยเมื่อเจอลูกอ้อนของเด็กน่ารัก

   น้องเบะปากแล้วส่ายหน้า “ ไม่ได้นะ นอนห้องนี้เดี๋ยวไม่สบาย แล้วยูนิคจะรู้สึกไม่ดีนะ ”

   ยัง... ยังไม่หยุดอ้อนอีก

   ผมเม้มปากแน่นเมื่อมองหน้ายูนิคตรงๆ ทำไมรู้สึกใจมันอ่อนยวบไม่กล้าจะไปขัดอะไร ปกติผมก็มักใจอ่อนยวบเป็นเยลลี่กับพวกเด็กอยู่เป็นทุนเดิม

   “ นะคร้าบบบบบบ ” มาเกาะแขนยิ้มตาปิดให้อีก โอ๊ย ตายๆ ยอมแล้วครับ ยอมมมม

   “ เอ่อ... ” กูควรทำไง

   “ ชล อย่าดื้อสิ ” ไอ้เจ้าของห้องนี่ก็หุบยิ้มสักทีเซ่! มึงกำลังล่อลวงกูอยู่สินะ ไอ้มังกรเจ้าเล่ห์!

   ยูนิคก็ยังคงตื้อไม่เลิก “ นอนห้องท่านท้าวเถอะครับ ไม่มีอันตรายนะ ”


   มันนั้นแหละตัวอันตรายเลย!


   อันตรายต่อหัวใจ!


   ผมทำหน้าจะร้องไห้แล้วตอบอย่างจำยอม “ ก็ได้ ก็ได้ นอนห้องท่านท้าวของเราก็ได้ ”


   โฮ แม่จ๋า หนูไม่อยากนอนกับสัตว์ประหลาดดด


   เดี๋ยวมันกินหนูเข้าไปจะทำไง


   “ ดีมากครับ ” เจ้าของห้องรีบขยับยิ้มกว้างแล้วหันไปขยิบตาส่งซิกกับยูนิค อารมณ์แบบ... นายเจ๋งมาก เดี๋ยวมีรางวัล แล้วจากนั้นเด็กยูนิคก็เดินฮัมเพลงออกไปปล่อยให้ผมแยกเขี้ยวเขาโหล่ควันออกหูอยู่กับมันสองคน

   “ ถ้าทำอะไรผมตอนหลับ ผมเอาเรื่องแน่ ” ชี้หน้าขู่เลย

   “ พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก ” มันโน้มลงมาจนจมูกเราชนกัน...


   “ ขอนอนกอดเฉยๆก็พอ... ”


   ฉ่า.../ / / / / / / / / / / / / / / /


   กอด!!


   ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยคุณก็ดูน้ำเสียงมันดิแม่งโคตรจะเซ็กซี่ฟีโรโมนพุ่งพรวดให้คนฟังหน้าร้อนขึ้นมาได้เนี่ย มันร้ายมั้ยล่ะ!
   ระหว่างที่ผมมัวแต่เขินอยู่มันก็เอ่ยขึ้นใหม่ให้ผมหน้าแตกเล่น

   “ กอดเฉยๆ เพราะพี่ติดหมอนข้างอ่ะ ไม่มีไร ”

   ผมทำหน้าเหลอหลาชะงักความคิดล้านเจ็ดแทบไม่ทัน

   “ อะไร หวังอะไรอยู่เหรอ ” รอยยิ้มแพรวพรายถูกหยิบยื่น

แอ่ยเสียงแข็ง “ ใคร! ใครเขาคิดอะไร ไม่มีเว้ย  ”

   “ เหรอออ ” มันทำเสียงกวนตีน “ แต่หน้าแดงนะเรา ”
   

   “ ใครหน้าแดง!! ใครเขาเขินกัน ไม่มีเว้ย!! ”


   ไอ้พี่นาททำหน้าอึ้งกอนเเก้มมันจะขึี้นเลือดฝาดหลังจากฟังจบ... ส่วนผมเองนั้นก็ชะงักปากแทบไม่ทัน ชลธี! แกพูดบ้าอะไรออกไป หา! ไปปล่อยไก่ปล่อยเป็ดให้เขารู้ได้ไง อยากจะเอาหน้ามุดดินอิบอายเลย

   ผมเสตามองไปทางอื่นเพื่อสงบสติอารมณ์ความฟุ้งซ่าน ส่วนไอ้พี่นาทก็ปล่อยให้ผ่านไปเงียบๆหลายนาทีไม่พูดอะไร ทำดีมากเลือกที่จะไม่แซวผมต่อ... โคตรรักพี่เลยว่ะ
   
“ พี่จะทำเป็นไม่รู้แล้วกันว่าชลเขินพี่ ” มันว่ายิ้มๆ แล้วยกสองมือหยาบมาหยิกแก้มทั้งสองข้างของผมแล้วหัวเราะสุขใจเป็นที่สุด


   ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้!!


   ฆ่ามังกรถึงจะผิด พรบ.คุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์มั้ย


   เออ... แล้วมังกรมันจัดอยู่ในประเภทสัตว์อะไรหว่า...


   “ หยุดพูดเลยนะเว้ย หยุด!! ”
   
เลิกคิ้ว “ ทำไมต้องหยุด  ”

   ดวงตากลมโตของผมตวัดมองอย่างเอาเรื่อง แต่ไอ้คนหาเรื่องกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

   “ มาต่อยกันสักยกมั้ย! ” ตั้งการ์ดเตรียมต่อยเต็มที่

   “ เลิกเล่นแล้วเป็นเด็กได้แล้ว ไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า ” ริอาจมาทำเสียงดุใสอีก

พอเห็นผมทำท่าจะอ้าปากด่าอีกยก ไอ้มังกือเจ้าเล่ห์ได้ถือวิสาสะจับมือแสนนุ่มนิ่มของผมลาก ย้ำว่าลาก เพราะผมพยายามขืนตัว เห็นบ้าๆบอๆ ก็ไม่ง่ายนะครัช เห็นแบบนี้รักนวลสงวนตัวด้วย จะให้ผู้ชายมาแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆได้ไงกัน เอ๊ะ แต่กูก็ผู้ชายนี่น่า ลืม แต่ถึงจะขืนตัวไปยังไงก็สู้แรงมันไม่ได้ มันพยายามลากผมเข้ามาในห้องอาหารที่ตอนนี้มีบุคคลใหม่อีกสองคนกำลังจัดจานจัดโต๊ะอาหารอยู่

   พอผมกับไอ้คุณเจ้าของบ้านเข้ามาพวกเขาสองคนก็หันมามองตามๆกัน ไล่มองจากพี่นาทและมาที่ผม พอเห็นผมเท่านั้นแหละเบิกตาโตหน้าซีดราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆไม่ปาน

   นี่คนนะ ไม่ใช่ผี แถมหล่อมากด้วย หรือพวกเขาจะตะลึงในความหล่อของเรากันนะ #สะบัดบ็อบใส่

   เสียงเข้มคนไร้มารยาทที่จับมือผมเอ่ยเสียงดัง “ อย่าพูดอะไรออกมานะ ”

   ที่พูดดักไว้เพราะเห็นเด็กผมดำทำท่าจะอ้าปากพูด พอเจอเสียงน่าเกรงกลัวหวั่นใจของพี่นาทเลยแทบหุบปากไม่ทัน
   แต่ทั้งคู่ยังคงจับจ้องที่ผมเหมือนตัวประหลาดโดยที่คนเด็กกว่าก็ยังคงพยายามกัดปากตัวเองแน่นกลัวที่จะพูดอะไรออกมา ยิ่งเห็นสีหน้าของเด็กผมดำที่หน้าคล้ายๆยูนิคกัดปากแน่นดวงตาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้แล้วผมยิ่งสงสัย
   คนบ้านนี้มันจะอะไรนักหนา ดูความลับเยอะกันจริง


   ไอ้เรามันก็คนจริง... ชอบไปเสือกกับเขาด้วยสิ


   “ ยูจิน ใจเย็นๆ ” คนตัวสูงๆที่กำลังจัดจานอยู่พยายามยิ้มแย้มให้คนตัวเล็ก ใบหน้าขี้เล่นกับผมสีขาวมัดเกล้ายุ่งๆคล้ายๆกับสกาย แต่คนนี้ดูน่าเข้าถึงมากกว่าและดูไม่มีพิษภัยสักเท่าไหร่

   สกายที่นั่งอยู่มุมห้องเหลือบมองดูสถานการณ์แล้วเอ่ยขึ้นเผื่อแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้น  “ พาเด็กแกออกไปก่อนไป เดือนพราย ”

“ ใครเด็กมันกันวะ! ” เสียงห้าวจากเด็กผมดำสวนชั่วพริบตาทำเอาผมสะดุ้งโหยง “ หาอะไรยัดปากแล้วอยู่เงียบๆไปลุง ”

   “ ใครลุงแกมิทราบ ”

   “ ก็ลุงไง แก่สุดในนี้ ”


   เอ่อ... แก้ให้ดีขึ้น หรือแย่ลงกันว่ะ


   “ ไอ้พราย มึงเอาเด็กออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวได้มีคนปากแตกกินข้าวเที่ยงไม่ได้ ” เสียงเฮียอย่างโหดครับ

   “ เข้ามาสิ คิดว่ากลัวรึไง!! ”


   แหม่น้อง... พลังใจสุดยอดเกิน


   แต่พลังเสียงนี่...


   กะจะให้แก้วหูพี่เลยมั้ย


   “ ตัวแค่นี้ จะทำไรได้ ” พี่สกายคนแบดยักคิ้วให้เหมือนกับเติมน้ำมันลงบนกองเพลิงชัดๆ

   “ ทำไอ้เสือแก่อย่างแกนอนซมตายได้หลายวันนะเว้ย จะลองมั้ยล่ะ! ” น้อง... เอ่อ พี่ดูจากสารรูปแล้ว ตัวน้องยังไม่ถึงไหล่มันเลยนะครับ  คนที่น่าจะนอนตายน่าจะน้องมากกว่านะ

   ด้วยความหวังดี อยู่เฉยๆเถอะ

   ผมแอบหัวเราะให้กับความมีสีสันของบ้านหลังนี้ ดีนะไม่เหงาเท่าไหร่ บ้านถึงจะใหญ่แต่ทุกคนดูน่ารักสนิทกันดี

   ถึงจะดูเหมือนจะฆ่ากันก็เถอะ

   “ พอดีไม่อยากรังแกเด็กว่ะ ” พี่เสือเขาไหวไหล่อย่างไม่สนใจแล้วหันมาสนใจที่ผมกับไอ้พี่นาทแทน “ สรุป นอนที่นี่? ”

   ไอ้เด็กตัวเล็กหน้าบึ้งกว่าเดิมเมื่อสกายทำเมิน ดีที่เดือนพรายรั้งได้ทันแล้วลากไปสงบอารมณ์ตรงระเบียงข้างนอก

   ผมตาเหลือกตาโตโพล่งถามแทบไม่ทัน “ รู้ได้ไง! ”

   “ เสือน่ะ หูไวนะ ” ไอ้พี่สกายเดาลิ้นแล้วยิ้มแสยะให้ผมแล้วพี่แกจึงหยิบหนังสือนิตยสารมาเปิดอ่านต่อ

   ตอนแรกคิดว่าพี่แกจะเย็นชาแบดบอยตัวพ่อนะ แต่แม่ง...กวนตีนระดับไฮเอ็นท์ตัวพ่อเลยสิไม่ว่า


   ถุย เสือหูไว


   หรือแอบฟัง


   มันถามต่อ... โธ่ แอบเสือกนะเฮีย “ แล้วนอนห้องไหน ”

   “ เด็กที่ชื่อยูนิคบอกให้นอนห้องเดียวกับมัน ”

   หน้างอโดยอัตโนมัติชี้นิ้วไปทางหนุ่มมังกรจอมเจ้าเล่ห์ด้านข้างยืนยิ้มไม่หุบเหมือนพรุ่งนี้จะไม่ได้ยิ้มอีกแล้ว

   “ พี่ยูนิคงั้นเหรอ ”ยู จินที่น่าจะสงบจิตสงบใจได้แล้วเลยเดินเข้ามาทันประโยคที่พูดถึงพี่ชายตัวเอง ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะ “ หึ พี่เขาร้ายกาจชะมัด ”
   
เดือนพรายยกมือตีปากเล็กๆของยูจิน “ แน่ะ ว่าพี่ตัวเองไม่ดีนะ ”

   “ ยุ่ง! ไปไกลๆเลยไป๊! ไปดูพนานู้นไป! ”

ผมส่ายหน้าขำๆให้กับภาพตรงหน้า ยูจินดูเป็นเด็กเอาแต่ใจและวีนๆเหวี่ยงๆแต่เดือนพรายดูจะไม่ได้รำคาญอะไรออกจะชอบแกล้งแหย่เพิ่มอีกต่างหาก ...แอบคิด คู่นี้มีซัมติงรองไรรึเปล่านะ

   เดือนพรายหันไปถามไอ้พี่นาท “ เอ่อ... แล้วจะให้ทำยังไงกับพนาดี ท่านท้าว ”

   “ ให้อยู่ในห้องนั่นแหละ ขังไว้นั้นแหละ ” พี่นาทว่าเสียงเรียบก่อนทุกคนจะพยักหน้ารับ


   ไอ้พ่อเวร


   ขังลูกได้ไงห่ะ! เดี๋ยวฟ้องปวีณาเลยนิ!


ตอนแรกเดือนพรายจะเดินกลับเข้าไปดูไอ้ลูกชายของพี่นาทที่มันแอบซุกเงียบไว้ แต่ยูนิคเดินเข้ามาบอกว่าจะไปดูเอง ...ดูเหมือนจะไม่อยากให้ผมเห็นมากเลยนะ มากจนมีพิรุธ หรือเราไปเสือกเยอะเกินเลยรู้สึกว่าต้องรู้ทุกเรื่อง...


คิดมากไปก็ปวดหัว

.

.

.


แต่ตอนนี้ ตรงนี้ ดันมีเรื่องให้น่าปวดตับปวดใจมากกว่าแล้วสิ


แน่นอนมันโคตรจะเรื่องใหญ่ ใหญ่กว่าเรื่องลูกชายของพี่นาทอีก


นั่นก็คือ...


อาหารอยู่ตรงหน้าแล้วกินไม่ได้!!


มันเรื่องใหญ่สำหรับนายชลธีมากนะคุณณณณ โอ๊ยยย ท้องมันกำลังประท้วงหนักแล้ว กินได้ยังงง


   ณ เวลานี้ผมกำลังนั่งน้ำลายหกน้ำลายหยดมองอาหารตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายอย่างหนืดๆคอ แหม่... ก็มันน่ากินนี่ครับ ให้มานั่งมองร่วมสิบห้านาทีได้แล้วยังไม่ได้กินเลย แถมกลิ่นชวนยั่วใจซะขนาดนี้ แล้วคนอย่างชลธีมันเคยต้องรออาหารมั้ย ไม่! มันจ้วงกินทันทีเลยครับ! จะร้อนจะเย็นจะไม่อร่อย มันไม่สน มันกินลูกเดียว!

   พี่นาทดูจะเห็นสีหน้าทรมานตาละห้อยเป็นลูกแมวของผมเลยยกโถข้าวส่งให้

   “ ชลกินก่อนก็ได้ ไม่ต้องรอยูนิคหรอก”

   ผมเหลือบมองคนที่เหลือที่นั่งนิ่งรอยูนิคอยู่เหมือนกันแล้วถอนหายใจพรืด มากินข้าวบ้านเขาแล้วยังจะมาหน้าด้านกินก่อนก็ไม่ใช่
ที่นะคุณ ให้ผมมีมารยามทางสังคมบ้าง แค่นี้ทุกคนก็มองผมเป็นเด็กเห็นแก่กินจะแย่แล้ว แต่ ฮึก หิวง่ะ แต่ว่าแค่นี้ ชลธีทนได้ กิน
น้ำลายตัวเองไปก่อนก็ได้!

ผมส่ายหน้า “ รอให้ครบก่อนก็ได้ ผมยังไม่หิว ”


ยังไม่หิวเท่าไหร่ แต่ก็มากพอจะแดรกมังกรได้ทั้งตัว...


“ เอางั้นเหรอ ” มันถามยั้งเชิงยิ้มน้อยๆเพราะดูก็รู้ว่าผมแทบจะเขมือบโต๊ะเข้าไปได้แล้ว วุ้ย พูดแล้วก็อายตัวเองจริงๆ

“ ระหว่างรอ... งั้นเรามาหาเรื่องคุยกันดีกว่ามั้ยครับ ” เดือนพรายโพล่งขึ้นทำลายความเงียบและรอยยิ้มกว้าง หมอนี่ยิ้มบ่อยพอๆกับไอ้พี่นาทนี่แหละ น่าหมั่นไส้พอๆกัน

ก็ดูดิ... ไอ้พี่นาทก็หล่อแบบเทพบุตรจุติมาเกิด ชาตินี้จะหาเจออีกมั้ย ก็ไม่น่าเจอ ส่วนเฮียสกายแกก็หล่อเถื่อนเซอร์ฟีลลิ่งพี่ตูนบอดี้แสลมแต่หายากเหมือนกันนะหน้าแบบเฮียแก ส่วนไอ้คนสุดท้ายนี่ผมโคตรเกลียดหน้าเลยแม้ว่ามันจะไม่ได้ทำอะไรให้ผมก็เถอะ เดือนพราย... มันหล่อแบบหล่อชิบหายไตวายควายล้ม เผลอๆหล่อกว่าไอ้พี่นาทอีก ที่เกลียดหน้าก็เพราะมันหล่อนี่แหละ จริงจังและจริงใจ อิจฉาหน้าหล่อๆมันครับ ทำไมไยพระเจ้าไม่ให้ผมหน้าตาแบบนี้บ้างงง

แล้วพอผมมานั่งรวมๆกับพวกนี้แล้ว จากที่ไม่มีอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้ติดลบไปแล้วครับ...

“ ก็ดีนะ ” ยูจินสนับสนุนหันมามองหน้าผม ผมเลยได้สติหลุดจากวังวนความอิจฉา “ พวกเรายังไม่ได้แนะนำตัวใช่มั้ยครับ ”

“ ก็... ถ้าอย่างทางการนะ ก็ยัง ” ผมตามตอบความจริง ชื่อแซ่แต่ละคนที่ผมรู้นี่ก็ใช้สกิลเสือกและแอบฟังล้วนๆ

“ ท่านท้าวนี่ทำตัวเองเจ้าบ้านที่แย่จริงๆ ”

เด็กหนุ่มเบ้ปากใส่คนที่นั่งหัวโต๊ะอย่างไม่เคารพเท่าไหร่ ปากพวกเขาก็ให้ตำแหน่งไอ้พี่นาทดีอยู่หรอกนะ ท่านท้าว แต่การกระทำนี่สวนทางกันสุดๆ ดี ผมชอบ ฮ่าๆๆ

มันทำหน้าบึ้งใส่ “ ได้ที่เอาใหญ่เลยนะยูจิน ”

“ หึ ” ยูจินค่อนหัวเราะก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ ผมจะแนะนำให้เองครับ ผมชื่อ ยูจิน เป็นน้องชายฝาแฝดกับเด็กผมครีมๆ พี่เขาชื่อ ยูนิค เราสองคนเป็นยูนิคอร์นนะครับ ”

“ ยูนิคอร์นเจ๋งอ่ะ! ” ผมร้องลั่นด้วยความตื่นเต้นจนเด็กอมยิ้ม

เขาส่ายหน้า “ ไม่หรอก เจ๋งสุดคงเป็น... ” แล้วเขาก็เงียบ

ไม่ค่อยจะเสือกเลยกูเนี่ย “ ใครเหรอ ”


อยากถามแม่เหมือนกัน ว่าตอนเด็กนี่เอาเผือกให้ผมกินแทนข้าวเหรอ


โตมา ผมถึงได้ขี้เสือกเรื่องชาวบ้านขนาดนี้


“ เปล่าๆ ไม่มีหรอกครับ ฮ่าๆ ” ยูจินเบี่ยงประเด็นใหม่ “ ส่วนนั้นหน้าโหดๆโฉดๆตาแก่ตาเดียวนั่น ชื่อ สกาย เป็นเสือดำแก่! ”

“ ลุกมาต่อยกันเลยมั้ยไอ้ม้าเวร ” เฮียแกส่งสายคมกริบแทบบาดคอมาให้ขนลุกขนพองเล่น

ไอ้เปี๊ยกนี่ก็ท้าจริง “ เอาดิ คิดว่ากลัวรึไง ”

 “ พอเลย ทั้งน้องม้าและพี่เสือ เดี๋ยวบ้านก็พังกันพอดีครับ ” เดือนพรายลุกขึ้นห้ามทัพอย่างใจเย็น กดไหล่ยูจินให้นั่งลงตามเดิมก่อนจะหันมาหาผม “ ส่วนพี่ชื่อ เดือนพรายนะครับ เป็นมังกรเหมือนกับท่านท้าวครับ ”

“ อ่า... ครับ ส่วนผมชื่อชลธีนะครับ ” ผมแนะนำตัวเล็กน้อย รู้สึกจะช้าไปหน่อยก็เถอะ พอผมจะอ้าปากพูดต่อเสียงฝีเท้าหนักๆของใครบางคนดังขึ้นขัดให้ทุกคนหันไปมองทางประตู



“ แฮ่กๆ! พะ พนา พนาไม่อยู่ในห้อง!! ”



   เป็นยูนิคนั่นเองที่วิ่งหน้าตั้งมาใบหน้าน่ารักโทรมไปด้วยเหงื่อคงเพราะน่าจะวิ่งหารอบบ้านมารอบหนึ่งก่อนแล้วพอหาไม่เจอถึงได้วิ่งมาบอกพวกเราที่ห้องอาหาร เฮียเสือดำที่ตอนแรกนั่งนิ่งไม่สนใจใครเท่าไหร่กระเด้งไปหาคนตัวเล็กอย่างรวดเร็วจนผมงง... ดูใบหน้าหล่อที่กำลังร้อนรนนั่นดิ

   “ บอกแล้วไงว่าอย่าวิ่ง บอกกี่ทีแล้ว ถ้าหอบขึ้นมาจะทำไง ” ดุเอาโล่เลยครับ

   คนโดนดุหน้าซีดลงกว่าเดิม “ คือยูนิค... ”

   “ ไม่ต้องแก้ตัว ดูสิ เหงื่อเต็มไปหมด จะเป็นลมแล้ว มานั่งๆ ”

   เฮียแกแทบจะอุ้มอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าน้องชายที่โคตรจะหวงพี่ชายเดินเข้ามากั้นกลางแล้วประคองพี่ไปนั่งพักแถมไม่ลืมที่จะหันไปแลบลิ้นใส่สกาย

   “ หาทั่วแล้วแน่ใช่มั้ยยูนิค ” สีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่ของพี่นาทเริ่มทำให้ผมเครียดตาม

   “ ทั่วแล้วครับท่านท้าว ไม่เจอ ”

   “ คงอยู่ในบ้านนี่แหละ ไม่น่าจะไปไหนได้ ไปหากันเถอะ ” คำสั่งจริงจังแล้วเรียบนิ่งสะกดให้ทุกคนฟังจากนั้นจึงแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วจนห้องที่เคยแคบกลับกว้างขึ้นถนัดตา
   

“ พี่นาท พนาเป็นใครเหรอ ”


ไม่รู้นะทำไมถึงถาม ผมแค่อยากลองใจมันเท่านั้นแหละ มันเคยบอก...ห้ามผมโกหกมัน แล้วมันล่ะ... เมื่อไหร่จะเลิกโกหกผม
มันยิ้มสบายๆ “ น้องชายพี่เองครับ ”


หึ... โกหกหน้าตายชะมัด


ผมค่อนหัวเราะในลำคอเล็กน้อยแอบผิดหวังและรู้สึกแย่เล็กๆ แต่ถ้าเอาตามความจริงแล้ว ผมมันคนนอกไง ไม่เห็นจำเป็นที่ไอ้พี่นาทต้องเล่าทุกอย่างให้ฟัง ไม่เห็นจะสำคัญเลย


สำคัญตัวเองมากๆ ใช่ว่าจะดี...

เปรียบเสมือนการหลอกตัวเองให้อยู่ในวนวังแห่งความเจ็บปวด



มันน่าหัวเราะเยาะตัวเองจะตายไป

แค่ไอ้พี่นาทให้ผมรู้ว่ามันเป็นมังกร

ใช่ว่า ผมจะเป็นอะไรสำคัญอะไรกับมัน

ที่มันยังวุ่นวายกับผมก็แค่กลัวว่าผมจะไปป่าวประกาศเรื่องมัน


ทุกอย่างมันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น

ผมแค่... ผมแค่คิดเข้าข้างตัวเอง


ก็เท่านั้น...









************************************************************


มีต่อโพสล่างๆ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0


“ ให้ผมช่วยหามั้ย ”

เสนอตัวช่วยเหลือแม้อารมณ์ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในระดับที่ดีพอจะทำอะไรให้ใคร กำลังรู้สึกไม่เข้าใจตัวเองอย่างหนักนี่สิ...

“ ไม่ต้องหรอก ชลรออยู่ที่นี่ดีกว่า เรื่องของครอบครัวพี่ พี่จัดการเองได้ ”

ไอ้พี่นาทว่าเพื่อให้ผมเลิกกังวลและสบายใจแต่มันกลับเสียดแทงความรู้สึกดีๆของผมเข้าเต็มเปา มันลูบหัวผมเล็กน้อยแล้วพูดอะไรต่อก็ไม่รู้เพราะผมไม่ค่อยมีสติฟังเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็เสียงปิดประตูห้องนั้นแหละ และสุดท้ายในห้องนี้ก็เหลือแค่ผมคนเดียว


ก็ถูกอย่างที่มันว่าแหละ เรื่องของครอบครัวเขา เราไม่เกี่ยว


แล้วผมมาบ้างี่เง่าเป็นเต่าตุ่นทำอะไรกัน เออ!! ครับ สารภาพตรงๆเลยว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกดี ดีมากๆกับมัน ทั้งที่แบบเมื่อก่อนไม่ได้อะไรนะ ไม่รู้สิ... มันมีความรู้สึกบางอย่างที่พยายามกรอกหูผมครอบงำผมบอกว่า...


ผมมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวพี่นาท



ทั้งที่ในความจริง


เรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน


มันไร้สาระว่าไหม... ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ยิ่งใกล้มันยิ่งรู้สึกมากขึ้นจนมันควบคุมไม่ได้... มันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง คุณเคยมั้ย แบบนี่คือตัวคุณ แต่มีใครอีกคนพยายามควบคุมเราอยู่... ใช่ นั้นแหละที่ผมกำลังรู้สึก


ผมต้องบ้าไปแล้วเเน่ๆ



************************************************************



ครืนนนน เปรี้ยงง!


ความเป็นไปของอากาศด้านนอกเรียกความสนใจให้ผมจากความมืดที่คืบคลานเข้ามาในใจ ผมเลิกฟุ้งซ่านแล้วหันไปมองอย่างชินตา น่าแปลกเนอะ ทั้งที่ตอนแรกไม่มีวี่แววฝนหรือพายุเลย อาจแปลกสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่กับผม...

เวลาที่ผมรู้สึกแย่หรือไม่มั่นใจ หรือกำลังเศร้า สภาพอากาศมักแปรผันตามผมเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผมเคยลองพิสูจน์ดูแล้ว แดดเปรี้ยงๆ ผมไปนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วร้องไห้ปล่อยโฮออกมาเพราะเรื่องติดศูนย์ศิลปะ เท่านั้นแหละเหมือนฟ้ารั่วโลกจะพังให้ได้ ฝนเทกระหน่ำลงมาเมฆดำจากไหนไม่รู้เคลื่อนมาพร้อมทั้งฟ้าร้องฟ้าผ่าพายุลมกรรโชกอีก... ทุกครั้งที่ผมเสียใจก็มักได้สายฝนร้องไห้เป็นเพื่อนตลอด เลยไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่...


ผมไม่เคยที่จะต้องเศร้าคนเดียว

ผมมักมีสายฝนเป็นเพื่อน

ยามร้องไห้

ผมมักมีแสงอาทิตย์เป็นเพื่อน

ยามมีรอยยิ้ม

ผมมักมีสายลมเป็นเพื่อน

ยามสุขใจและสบายใจ


อย่างที่บอก...ผมไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยว


แต่พอเจอมัน... มันเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางป่า ทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว... ถึงตอนนี้ฟ้าฝนข้างนอกกำลังร้องไห้อยู่แทนให้ มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย...


เพราะ...ไอ้มังกรนิสัยไม่ดีนั่นไงละ


“ ไหนๆก็รู้สึกไม่ดีแล้ว ตกลงมาแรงๆเลย ” ปากว่าไปพลางขยับยกยิ้มมองด้านนอกที่ฝนเริ่มเทหนักเรื่อยๆ

ดี ตกเข้าไป ฟ้าผ่าใส่หัวไอ้มังกือไส้เดือนด้วยก็ดี!



เปรี้ยงงงง!!!




เฮ้ยๆ ล้อเล่นๆ อย่าๆ ยังไม่อยากกินมังกรย่าง


ผมเลิกสนใจอากาศแล้วหันมายังโต๊ะกินข้าว อาหารคงเย็นชืดหมดแหละเลยได้แต่ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ งั้นขอชิงกินก่อนแล้วกัน ไม่ไหวแล้วค่ะ! ชลธีเครียด เครียดแล้วชลธีต้องกินค่ะ!

แตะชามต้มยำไก่เบาๆ “ เอาไปอุ่นดีกว่า เย็นชะมัด ”

ไม่ต้องรอขออนุญาตใครแล้ว หิว!

รอยยิ้มคลี่กว้างขึ้นเมื่อความเศร้าถูกกลบด้วยอาหาร นายชลธีนั่นไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนหรอก เอาของกินมาล่อมาง้อ ก็หายแล้ว ของกินต้องมาก่อนเสมอนั่นคือคติ...

สำหรับคนเห็นแก่กิน เช่นเค้าไงตะเอง

“ ไมโครเวฟอยู่ไหนฟะ ”

ยกชามต้มยำกับจานผัดอะไรสักอย่างมาทางห้องครัวเผื่อหาอุ่นพวกมัน กินข้าวตอนร้อนๆมันดีนะ เจริญอาหารดีด้วย แต่ปลายเท้าต้องชะงักเมื่อสองตาดันเจอเข้ากับ...


เด็กมีหาง!!


ตัวเหวอะไรอีกเนี่ย!


ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก เด็กมีหางจริงๆ เด็กผู้ชายน่าจะอายุประมาณสี่ขวบตัวเล็กๆในชุดสีฟ้าก็ดูจะเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป แต่มันดันไม่ปกติเพราะหางยาวๆคลับคล้ายคลับคาหางมังกรในภาพวาดที่เขาวาดๆกันงอกออกมาจากก้น...

กระผมได้แต่ยืนหน้าอึนปนประหลาดใจครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ กูควรจะทำไงดีวะ หลังจากยืนเป็นมนุษย์หน้าโง่ได้เกือบๆสองนาทีเจ้าเด็กแปลกก็หันหน้ามาทางผม


เหมือนกระแสไฟแรงสูงแล่นเข้าสู่ร่างเพียงแค่สบตากับเด็กตัวน้อย...


เพล้ง!

เพล้ง!

ตุบ!


เสียงชามและจานในมือร่วงหล่นพร้อมๆกับร่างผมที่ลงไปนอนกองกับพื้นด้วยอาการปวดหัวรุนแรงและความแสบร้อนรอบบริเวณคอและช่วงอกจนอยากจะร้องออกมาด้วยความเจ็บร้าวแต่ปากดันไม่ขยับ มันเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังกดผมให้จมลงไปกับพื้น... อากาศกำลังกดทับตัวผมก็ไม่ปาน แถมลมหายใจถูกยึดหายจนเหลือเพียงแผ่วเบาเสมือนกำลังจะ...


ตาย


ไหนจะความรู้สึกหวงหาและคิดถึงที่โจมตีประดังประดามันมากมายจนท่วมท้นเข้ามาในแวบแรกที่ได้สบตากับเด็ก ตอนนีไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นเพราะความเจ็บแปลบทั่วร่างเหมือนเข็มนับร้อยทิ่มตามร่างมีดนับพันกำลังเฉือนเนื้อ ผมนอนนิ่งอยู่เช่นนั้นมองดูเด็กชายวัยสี่ขวบได้ยังคงจ้องมาที่ผมตาค้างก่อนจะค่อยๆ

“ ฮึก... ฮึก... ฮือ!! ”


เริ่มร้องไห้...


ร้องทำแมวหาเพกาซัสเหรอลูก!


กูสิต้องร้อง เจ็บจะตายแล้ววว


“ ฮึก คิด ฮะ ฮือ คิดถึง... ”

เด็กน้อยตอนแรกนั่งแหมะอยู่กับพื้นพยายามลุกขึ้นแล้วเดินเต๊าะแต๊ะมาทางผมที่มีเศษกระเบื้องจากจานกระจายอยู่ ผมปรือตามองพยายามส่งสายตาไม่ให้เดินมา แต่ดูเหมือนว่าเด็กจะร้องไห้ไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมนะตอนนี้เลย...

“... อย่า เดิน มา ” พยายามออกเสียงให้เด็กได้ฟัง แต่มันกลับเบาจนเป็นเสียงกระซิบ

“ รัก... รัก ฮือ ”

เว้ย!! ไอ้เด็กบ้า! มึงมองดูทางก่อนได้มั้ย! มันทำกำลังทำให้ผมสติแตกอีกรอบเพราะความเป็นห่วงเด็กที่ยังไงแล้วมันต้องเหยียบเศษกระเบื้องเป็นแน่แท้ถ้าจะเดินมาหาผม แล้วทุกย่างก้าวของเด็กมันก็ยิ่งทำให้ผมหายใจไม่ออก

สุดท้ายเป็นผมเองที่ต้องกัดฟันฝืนร่างกายเอาแขนตัวเองกวาดเศษแตกไปอีกทางพอจะให้เด็กเดินมาได้ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสโดนกระเบื้องบาด...


ก็เจ็บน่ะสิถามได้!!


น้ำตาเล็ดเลยสิคราวนี้...ไม่ใช่แค่น้ำตา เลือดสีแดงยังมาเต็มอีก... ให้ตายสิ

แต่ที่กูอยากรู้ตอนนี้คือ... ทำไมร่างกายมันขยับไม่ได้!



“ พนา...พนาเป็นเด็กดีนะ พนาคิดถึง ฮือ กลับ...กลับมาแล้ว จริงๆ ”



พอกวาดของออกไปได้ไอ้เด็กนี่ก็โถมตัวล้มใส่ผมทันทีกอดหมับแน่นไม่ปล่อย แต่ยิ่งอยู่ใกล้มันเหมือนอากาศจะยิ่งน้อยลงทุกที แรงกดดันมากมายที่แทบจะทำให้ผมจมไปกับพื้น... บรรยากาศที่น่าอึดอัดนี่มันอะไรกัน...

“ คิดถึงพนามั้ย ” เด็กน้อยยิ้มกว้างแม้จะมีน้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆ

“ ... ”

ปากกูขยับไม่ได้ครับ...

“ ฮึก ฮือ ไม่รักพนาแล้วเหรอ ทำไมไม่ตอบ ฮือ ” เวรแล้วไงมึง ร้องไห้หนักกว่าเดิมพร้อมแรงกดดันที่แทบเอาผมกระอักเลือดได้...

คือ...กูอยากตอบครับ “ ... ”

“ ทำไมไม่พูด ทำไม ฮือ ” ยิ่งร้องไห้หนัก ไอ้ผมเนี่ยก็ตายไวยิ่งขึ้น...

“ ... ”


กราบล่ะ.... ใครก็ได้ช่วยที


สาบาน จะเลิกเสือกเรื่องชาวบ้านแล้ว


ไอ้พี่นาทเว้ยยยย มาช่วยกูหน่อยยยย



พรึ่บ!!!


ร่างของเด็กน้อยปลิววูบขึ้นจากผมด้วยฝีมือของสกาย ก่อนจะได้คิดอะไรต่อ ไอ้พี่นาทที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ก้าวมาขวางตรงหน้าผมด้วยสีหน้าน่ากลัวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนผมรู้สึกสยองขึ้นมานิดๆ มองตามมือของมันที่กำลังวาดอะไรสักอย่างบนอากาศหลังจากนั้นจึงมีอักขระหน้าตาประหลาดสว่างวาบแล้วพุ่งใส่ตัวเด็กที่ชื่อพนา

ผมเบิกตาโพล่งมองการกระทำที่แสนจะน่าหวาดหวั่นนั้นด้วยดวงแก้วที่สั่นระริก บรรยากาศมันตึงเครียดและน่ากลัวจนผมแทบหยุดหายใจ...


นี่กูมาผจญภัยในเรื่องอะไรอยู่เนี่ย!!


แต่พออักขระโดนตัวเจ้าเด็กพนานั้นแล้ว บรรยากาศแสนอึดอัดและกดดันหายไปในพริบตาและมันมาพร้อมกับ...


“ เชี่ย!!! เจ็บ!!! ”


ผมร้องลั่นเมื่อความเจ็บมากกว่าเดิมหลายเท่าแผ่เข้ามาอย่างรวดเร็วตามเส้นประสาททุกสัดส่วน ร่างกายจากอัมพาตเป็นง่อยอยู่นานก็ขยับได้ตามใจดั่งใจนึกเหมือนเดิม พอขยับได้ผมรีบลุกขึ้นจากพื้นแต่ไอ้พี่นาทมันไวกว่าเข้าชาร์ทประคองผมด้วยความเป็นห่วง

“ เจ็บมากมั้ย ” สีหน้ามันเหมือนกำลังโทษตัวเอง

ผมส่ายหน้า “ ไม่เท่าไหร่ ทนได้ ”

เอาตามตรง... ไม่อยากพูดมาก เหนื่อยและเจ็บอยู่...

มันเบนสายตาไปทางพนาที่สกายกำลังปลอบให้หยุดร้อง “ พนา... ทำไมทำแบบนี้ ”

“ พนา ฮือ พนาคิดถึง ฮือ พนาอยากเจอ ฮือ พนาอยากเจอ!! ” เด็กร้องโวยวายหนักกว่าเดิม สกายเองได้แต่ยึดรั้งตัวไว้เพราะเด็กทำท่าจะกระโจนใส่ผมท่าเดียว

“ แต่พนา... ตอนนี้ยังไม่ได้ เราพูดเรื่องนี้กันไปแล้ว ” สกายพยายามพูด “ อย่างที่พนาเห็น... พลังของพนาจะฆ่าเขา ”

“ ไม่จริง ไม่เชื่อ! ปล่อย! สกายปล่อย! ”

พี่นาทเดินเข้าไป “ พนาเงียบ ”

“ ท้าวพ่อใจร้าย!! ใจร้าย!! ทุกคนไม่รักพนาแล้ว ฮือ ฮือ! ”

สีหน้าของคนเป็นท้าวพ่อซีดเปลี่ยนสีแววตาสั่นระริกกับคำพูดบาดหัวใจของเด็ก ขนาดผมคนนอกฟังไปยังเหมือนถูกแทงปางตาย แล้วไอ้พ่อเด็กไม่เจ็บจนชาเลยรึไง

“ ไม่!! เกลียด พนาเกลียดทุกคน ปล่อย! ปล่อยย! ฮือ! ”

พนายังคงดื้อเพ่งไม่ยอมจนไอ้พี่นาทต้องอุ้มเอง มือน้อยๆทุบตีไหล่เรื่อยๆพร้อมกับเสียงร้องไห้ไม่หยุด น่าแปลกนะ....เสียงร้องไห้มันบาดใจผมเหลือเกิน... อยากกอดชะมัด...

“ พนา ไม่ร้อง พนา ” เสียงทุ้มอ่อนโยนพยายามปลอบโยน

แต่เด็กก็ไม่มีกระจิตกระใจจะฟังนัก “ ฮือ ปล่อยสิ ปล่อย! พนาเกลียด เกลียดทุกคน ฮึกฮือ ”

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบยังคงมีเสียงร้องไห้ของเด็ก สกายเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากมอง ยูนิคและยูจินที่เข้ามาทีหลังกำลังร้องไห้สะอื้นตามอยู่ไกลมีเดือนพรายยืนให้เด็กทั้งกอดซบ ไอ้พี่นาทยืนทื่อเป็นต้อนไม้ก้อนหินให้เด็กทุบตีเล่น และผม...ยืนเลือดสาดไหลเป็นก๊อกกะละมังแกลลอนมองทุกคน... น่าอนาถใจจริงๆ


“ ไอ้พี่นาท... ส่งเด็กมา ”


เสียงของใครสักคนพูดออกไปสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคน และดูเหมือนจะเป็นเสียงของผมด้วยสิที่ว่าออกไป...  สองขาสองเท้าเดินเข้าไปใกล้ตัวมังกรหนุ่ม สองมือแตะลงที่หลังของเด็ก...แล้วค่อยๆดึงเด็กออกจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อมาสู่...


อ้อมกอดของผม



เสียงร้องไห้ยิ่งสะท้านทรวงกว่าเดิมแต่มือน้อยๆกลับโอบรอบคอผมแล้วซุกหน้าไว้ที่ลาดไหล่ความรู้สึกหนาวเย็นและเดียวดายจากเด็กน้อยทำให้ผมเศร้า วูบหนึ่งในใจผมเกือบพูดบางอย่างออกมา...แต่ยั้งปากไว้ทัน

“ ไม่ร้องนะครับ เด็กดี ” เสียงอ่อนโยนของผมเอ่ยว่ามือก็ตบหลังปลอบเด็กเบาๆ

“ พนาเป็นเด็กดี ท้าวพ่อบอกว่าถ้าพนาเป็นเด็กดี จะ...เอ่อ ” เด็กน้อยกลืนคำสุดท้ายลงคอไปแล้วสะอื้นแทน “จะกลับมาหาพนา ”

“ ท้าวพ่อเหรอ... ”

ผมเสตามองหน้าไอ้พี่นาทที่ยืนส่งยิ้มฝืนๆฝืดๆและแววตาที่อ่อนล้ามาให้...

“ เขา...เป็นลูกของพี่...ใช่มั้ยพี่นาท ” ผมเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มติดมุมปาก ก็ไม่เข้าใจนะว่ายิ้มทำไม ยิ้มเยาะสมเพชตัวเองมั้ง จับคนโกหกได้แล้ว

“ ...หึ ปิดไม่ได้จริงๆสิน่ะ เรื่องนี้  ”

มันยังหัวเราะได้ทั้งที่แววตากำลังเจ็บปวด...


“ ใช่ ...พนาเป็นลูกของพี่เอง ”


ช็อกซีนนีม่าโตเกียวพาวเวอร์...


เจ็บสัสเหมือนโดนตีนอัดหน้ากลางมหาสมุทร..


   แต่...ตอนนี้เจ็บแขนเอี้ยๆ... เลือดจะหมดตัวแล้วครัช....


เตรียมใจมาฟังบ้างแล้ว แต่พอมาฟังเข้าจริงๆ ล้มทั้งยืนเลยนะ... ผมพยายามจะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรนอกจากยืนปลอบเด็กต่อไปเรื่อยๆ

เสียงร้องของพนาเงียบลงเป็นสัญญาณบอกว่าเด็กได้หลับไปแล้ว เมื่อทุกความอึดอัดผ่านพ้นไปทุกคนจึงได้หายใจทั่วท้องสักที.... เดือนพรายผละตัวจากเด็กแฝดแล้วมารับตัวพนาไปอุ้ม แต่กว่าจะเกะมือเด็กออกจากคอผมได้ก็กินเวลาไปเกือบสิบนาที อะไรจะมือตุ๊กแกปานนั้น เป็นผู้รักษาประตูมั้ย ท่าจะรุ่งนะ

 ส่วนผมหลังจากงัดออกจากพนาได้ก็โดนเด็กแฝดวิ่งหน้าตั้งมาประคองไปนั่ง... ทุกอย่างมันเงียบเชียบจนผมรู้สึกไม่ดีนัก ก็อย่างที่เคยบอก... ผมไม่ใช่คนเงียบ ติดพูดมากด้วย แต่สถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้...


กูยอมเงียบสักวันแล้วกัน ฮือ


โอ๊ย เจ็บแผลจัง


ไอ้พี่นาทเดินหน้านิ่งเข้ามานั่งข้างๆผมแล้วเอ่ยสั่ง “ ยูจินไปตามตาเฒ่ามาไป ”

“ ไม่ต้องสั่งก็ไปอยู่แล้ว ” เด็กผมดำว่าก่อนจะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว บ๊ะ อะไรมันจะวิ่งไวขนาดนั้น อ้อๆ แต่ลืมไป พวกนี้ไม่ใช่คนปกติทั่วไป

“ ปวด ”

ผมครางออกมาเบาๆยกแขนที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นดู อือหือ เศษกระเบื้องยังฝังติดเนื้อก็มี... ดึงออกหวังได้มีเลือดพุ่งปรี๊ดชัวร์ๆ

“ ทนหน่อยนะชล ยูจินไปตามหมอแล้ว ”

“ อืม ”


“ ชล... โกรธพี่เหรอ ” มันว่าเสียงหงอๆอ่อยๆค่อยๆ “ เงียบอีกแล้ว โกรธจริงๆใช่มั้ย ”


ผมเลิกคิ้วขึ้นเหลือบมองมันแล้วหัวเราะในลำคอ

มันยิ่งหน้าหดเล็กลงเมื่อเจออาการเงียบตึงมึนใส่

ผมเคาะนิ้วมืออีกข้างที่ไม่เจ็บอย่างไตร่ตรอง...



โกรธเหรอ... ไม่หรอก มันไม่ได้โกรธ



“ ผมแค่...รู้สึกแย่กับพี่ว่ะ ไม่ได้โกรธ ”


 “ ชล ชล พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ ” มันคว้ามือผมไม่กุม เปล่าๆ กระชากไปกุมถึงจะถูก

“ โอ๊ย เจ็บ! ดึงไปทำไมฟะ! ”

ผมสบถด่ามันไปเพิ่มจนมันทำอะไรไม่ถูกสีหน้าแย่กว่าเดิมจนเป็นมังกรต้มแล้ว เออ ตลกดี สะใจดีด้วย ลนลานให้มากๆ

 “ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ”

มันพร่ำขอโทษไม่หยุดจนดูน่าสงสาร...

“ พอๆ จะขอโทษไปยันโลกหน้าเลยมั้ย ” ประชดซะหน่อยจะได้เลิก

มันขมวดคิ้วหนัก “ ได้นะ ถ้าชลจะหายโกรธ ”

“ มันใช่เวลากวนตีนมั้ย ” ผมหรี่ตาจิกมันพลางผ่อนลมหายใจร้อนๆให้ตัวเองรู้สึกดีนิดนึง

“ ...พี่ต้องทำยังไงให้ชลไม่รู้สึกแย่กับพี่ ”

มันถามด้วยสีหน้าจริงจังไร้แววล้อเล่นหรือกวนตีน ผมจ้องตามันเพื่อดูว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่แต่ก็ไม่มีพิรุธอะไร


“ เล่าความจริงมาสิ ”


ผมไม่อยากเห็นคนโง่ๆที่หลงเข้ามาวุ่นวายรับรู้เรื่องพวกนี้แล้วต้องมารับรู้ครึ่งๆกลางๆ...

มันชะงักค้างไปเลยแล้วค่อยๆปล่อยมือผม... กลายเป็นผมเองที่หน้าชาวาบกับการกระทำอันบ่งบอกได้แล้วว่ามันเลือกอะไร...


“ ...ขอโทษ ตอนนี้พี่พูดไม่ได้จริงๆ ”


ไม่สบตา

ไม่มองหน้า

ไม่มีรอยยิ้ม
 

...แล้วทำไมผมถึงรู้สึกแย่แบบนี้วะ


คงเพราะไม่ได้กินข้าวเที่ยงกับเจ็บตัวล่ะมั้ง สมองเลยเบลอๆ คิดอะไรเพี้ยน รู้สึกสับสน มันมีแค่นั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น และที่สำคัญ ผม...ไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ไม่ได้เป็น


แล้วสิ่งที่ผมควรจะทำตอนนี้...


“ ผม...กลับบ้านก่อนนะ ”
 

ไอ้พี่นาทเงยหน้าหันมามองทำท่าจะเอื้อมมือมารั้งแต่ก็ปล่อยค้างแล้วเลื่อนไว้ข้างตัวแทน...

“ อืม... แล้ววันจันทร์ เจอกันที่มอนะ ”

ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงกับการกระทำของมัน...นิ่งขรึมจนเหมือนเย็นชา

มันเบือนหน้าหนีผม

ผมมองแต่ไม่ได้พูดอะไร

มันยังคงไม่มองมาที่ผม



สุดท้าย...

ผมก็เดินออกมา...

ด้วยความรู้สึกโหวงๆในหัวใจ...



บางที... กินข้าวสักจาน ผมอาจจะรู้สึกดีขึ้น

ใช่...



แค่ 'อาจจะ' เท่านั้น










TBC.

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ทำไมเล่าไม่ได้อ่ะ  ไม่ใช่แค่ชลนะที่รู้สึกแย่อ่ะ ตอนนี้คนอ่านก็รู้สึกแย่ อยากอ่านอีก รออออ พนานี่ลูกของท้าวกับชลธารป่ะ เดาๆ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เง่อ สงสารชลอะ อิพี่นาทนิ ทำชลเสียใจ

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :katai1: :katai1: มันหน่วง หน่วงใช่ไหมหน่วงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :beat: :beat: :beat: :beat: จะเงียบทำไม ทำไมไม่เล่าออกไปล่ะท่านท้าว
พูดไม่ได้บอกไม่ได้ไม่ใช่ตอนนี้ คือจะรอให้เลิกยุ่งเลิกสนใจก่อนใช่ไหม

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ขอให้พนาเป็นลูกของพี่นาทกับชล สาธุ

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
มีเรื่องให้อึ้งกันเรื่อยๆ....

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ค้างงงงงง

ว่าแต่ แผลน่ะ ไม่รักษาก่อนเหรอ? เดินมาทั้งอย่างนั้นเลย?

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ค้างอีกแล้วจร้าา
เรื่ิองนี้ต้องกระจ่ายสิ รอๆตอนต่อไป
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชอบนิยายแนวนี้ค่ะ แต่ก็ชิบให้บทดูมีที่มาที่ไป
ไม่ใช่บังเอิญลูกเดียว ขอให้นิยายเรื่องนี้มีดีเทลที่ดีนะคะ
เพราะเราชอบเรื่องนี้มากกกกกกกก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maxiyorka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ต่อด่วนนนน เลยค่ะ ลุ้นมาก

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ตอนนี้อิคนอ่านต่อมเผือกจะแตกยิ่งกว่าชลธีอีก 5555 อย่กเผือกมากมาย บางทีกินข้าวซักจานอาจจะหาย

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยยย ค้างเเรง ทำไมพี่นาททำงี้อ่ะ ทำไมไม่พูด :ling1: :ling1: ตอนนี้มันหน่วงอ่ะ เรื่องนี้มีปมมีจุดให้คิดเยอะ ยิ่งอ่านยิ่งขี้เผือกตามชลเเล้วนะ 55555555 รอตอนต่อไปน่าา  :hao3:

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โอ๊ย อยากรู้อะ :ling1:

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชล... ทำแผลก่อนมั้ย 55555555 แต่พี่นาท ทำไมไม่อธิบายไปเล่า  :ling1: รอๆๆ ลุ้นๆ กับตอนต่อไป

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เบื่อจริง มีความมลับเนี่ยยยย

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ความลับเยอะจริงพี่นาท ชวนน้องมาแต่ไม่บอกไรเลยเนี่ยนะ

ออฟไลน์ CLUSTER

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สนุกมากกก

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนนี้อิคนอ่านต่อมเผือกจะแตกยิ่งกว่าชลธีอีก 5555 อย่กเผือกมากมาย บางทีกินข้าวซักจานอาจจะหาย

น่าจะข้าวหลายจานนะคะ มีเรื่องให้ขุดเผือกขุดมันเยอะ 55555555555555555

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0


อาถรรพ์พงไพร ๖

จงอย่าได้รับรู้

เพียงเชื่อใจและเชื่อฟัง

รอวันเวลา

อย่าได้ริตามหารือสืบความ

รู้ก่อนเวลาอันสมควร

หาใช่เรื่องดีนัก

จงอดทนต่อทุกสิ่ง จงรอ

รอจนกว่า...

คำสาปจะคลาย

แล้วความจริงจะรับรู้

ด้วยตัวเจ้า

...เทพาแห่งพงไพร...






[กัมปนาท ‘ Part]




   ผมมองชลธีที่เดินออกไปด้วยความว้าวุ่นใจ...


   ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไร ยังไงแล้วความเจ็บปวดของคนที่รู้ย่อมมีมากกว่าคนที่ไม่รู้... ผมทำให้เขารู้สึกแย่ ผมรู้ แต่...มันเป็นเรื่องที่พูดตอนนี้ไม่ได้ ผมอึดอัดที่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้

   ในความจริง ผมควรอยู่ห่างเขาก่อนจะถึงเวลาที่สมควรจริงๆ ใช่ พวกเราวางแผนไว้แบบนี้ ให้เขาไม่รู้อะไรรอวันที่เขาอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ก่อน พวกเราถึงเริ่มเคลื่อนไหว ทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น ถ้าพวกนั้นไม่หาชลเจอเสียก่อน

   คงเพราะพลังที่ใกล้จะฟื้นคืนตัวเลยจับพลังได้ ยิ่งตามกลิ่นได้ง่ายขึ้นไปอีก...

   ในวันที่เขาหลงอยู่ในป่า มันอาจจะดูเป็นเรื่องจงใจที่ผมไปปรากฏตัวต่อหน้าชลด้วยสภาพกึ่งมังกร แต่ไม่ใช่... มันบังเอิญ พวกล่าอมนุษย์ได้แฝงตัวเข้ามาในป่าหาเวลาที่เหมาะสมเพื่อกำจัด ผมไหวตัวได้ทันจากนั้นจึงตามหาตามเก็บพวกมันทีละคนอย่างเงียบเชียบและไวที่สุด แต่น่าโชคร้ายตรงที่คนสุดท้ายที่ผมต้องกำจัดอยู่ใกล้กับชลพอดี ผมเลยต้องเบี่ยงเบนความสนใจของชลมาไว้ที่ผมแทน ขืนปล่อยให้เขาเดินโง่ๆต่อไปคงพบศพพวกอมนุษย์กันพอดี...

   แล้วตอนนั้นดันเกิดการต่อสู้ทำให้ร่างกายของผมอยู่ในสภาพครึ่งคนครึ่งมังกรไหนจะอยู่ในเขตอาณาบริเวณใกล้ป่าอาถรรพ์ยิ่งควบคุมพลังได้ยาก เลยทำให้ต้องเผยตัวกับชลว่าผมนั้น...ไม่ใช่คนธรรมดา

   ผมคิดเสมอว่า...การอยู่ห่างๆมันทำให้ผมทรมาน แต่พอได้อยู่ใกล้ๆทำตัวสนิทสนมกว่าเก่ามันกลับทรมานมากเดิมหลายเท่าตัว... แต่ผมถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว... พวกนั้นรู้ตัวแล้ว จะยิ่งอันตรายหากชลอยู่ไกลจากสายตาของผม...

   ตึก ตึก ตึก

   เสียงฝีเท้าย่ำหนักใกล้เข้ามายังที่ที่ผมนั่งเลยทำให้หลุดจากภวังค์ความคิด...

   “ ท้าวเอ๋ย นั่งหน้าเศร้าทำไมกันหรือ  ”

   เสียงยานคางกล่าวทักทายดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ ’อาจารย์ศักดิ์ชัย’ นั่นมันก็แค่ตัวตนใหม่ที่สร้างขึ้นมาบังตาพวกมนุษย์เท่านั้น

   ผมลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงกับพื้นก้มหน้าชิดอก “ สวัสดียามบ่าย ท่านผู้เฒ่า ”

   “ สวัสดีท่านท้าวกัมปนาท แล้วเจ้าตัวปัญหาของเรานั้นอยู่ที่ไหนกัน ” ท่านนั่งลงบนเก้าอี้ที่ผมเคยนั่งก่อนจะเทสายตามองหาตัว
ชลธีทั่วห้องแต่พบเพียงคราบเลือดที่หยดเป็นทาง...

   “ กลับไปแล้วครับ ” เอ่ยเสียงแผ่วเหม่อมองท้องฟ้าด้านนอกที่ตอนแรกฝนตกหนักแต่ตอนนี้สภาพอากาศกลับเย็นสบายดังเดิม
   อาจารย์ศักดิ์ชัยเลิกคิ้วเล็กน้อย “ แล้วเจ้าปล่อยให้เด็กหนุ่มกลับไปทั้งแผลแบบนั้นหรือ ”

   “ ครับ ”

   คิดว่าผมไม่ห่วงเขาเหรอ ผมห่วงเขาแน่นอยู่แล้ว แต่มันดันติดตรงที่ผมกลัวนิสัยเก่าของเขานี่สิ...

   “ นี่ท่านท้าวยังไม่เลิกนิสัยนี่อีกหรือ ผ่านมาตั้งหลายร้อยปีแล้ว ” ถอนหายใจปลงตรงกับมังกรหนุ่ม

   “ เขาบอกว่าเขาอยากกลับ ผมก็ไม่กล้า... ”


   “ ไม่กล้าแย้ง เพราะกลัวฝ่าเท้าเมียรักประทับหน้าสินะ ”


   ผมสะดุ้งโหยงกับคำกล่าวนี้แอบปฏิเสธในใจดังๆว่าเลิกกลัวแล้ว ทั้งที่ในความจริง... ต่อให้ผ่านไปอีกสักพันปี ผมก็คงยังกลัวเขาเหมือนเดิม

   หรือว่าพูดในแบบโลกมนุษย์...


   ให้เกียรติและเกรงใจเมียครับ


   “ ท่านก็พูดไป ผมไม่ได้กลัว...สักหน่อย ”หลบตาพูดอ้อมแอ้ม

   ถามเสียงสูง “ งั้นหรือ ”

   “ ... ” เอ่อ... ไม่กล้าพูดเต็มๆปาก เผื่อเจ้ายูจินเอาไปฟ้อง ทีนี้ผมได้ตายคาเท้าคนรักเป็นแน่...

   “ ฮ่าๆๆ ข้าไม่หยอกเจ้าแล้ว เลิกหน้าซีดได้แล้วกระมัง ”  คนแก่กว่าหัวเราะร่าอย่างสนุกผิดกับหน้าผมลิบลับ “ แต่ปล่อยให้เดิน
กลับเองจะดีรึ ไหนบอกว่าพวกนั้นตามกลิ่นเจอแล้วไง ”

   “ ผมส่งภูตติดตามไปแล้วครับ ” ผมว่ายิ้มๆเผื่อให้ท่านผู้เฒ่าสบายใจ ท่านพยักหน้ารับก่อนจะโบกมือสองครั้ง ชุดน้ำชาร้อนกรุ่นกลิ่นหอมจากใบชาได้มีขึ้นบนโต๊ะ...

   รินน้ำชาใส่ถ้วยพลาง “ ยูนิคบอกแล้วใช่มั้ย ”

   “ ครับ เรื่องเลือดของชล ”

   “งั้นหรือ ” กระดกน้ำชาชิมรสเล็กน้อยก่อนใบหน้าขี้เล่นตามประสาคนแก่แล้วพลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ ทางเข้าป่ายังดีอยู่ใช่มั้ย ”

   “ ...เราเจอรอยแตกสองจุดทางตะวันตกครับ ” เอ่ยรายงานความเป็นไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสบายใจสักเท่าไหร่กับรอยแตกที่เกิดขึ้น “ ตรวจสอบแล้วมีอักขระปีศาจผสมอยู่ครับ ”

   คนแก่ได้ฟังดังนั้นเริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไป หัวคิ้วขยับเลื่อนชนกันก่อนจะพึมพำเบาๆ “ นี่พวกมันร่วมมือกับปีศาจรึ ”

   “ เป็นไปได้ครับ... เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ”

   ผมว่าออกไปตามความจริงที่คิด เพราะพวกล่าอมนุษย์เป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาที่ต้องฝึกเวทย์ฝึกการต่อสู้ตั้งแต่เด็กให้มีพลังสะสมและแข็งแกร่งพอจะต่อสู้... ส่วนพวกอมนุษย์เช่นเขานั้นก็ต้องคอยหลบหลีกเลี่ยงการปะทะตลอด เพราะไม่ได้อยากทำร้ายพวกมนุษย์ แล้วการที่พวกมันรวมมือกับปีศาจเหมือนๆกับพวกผมก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ ปีศาจเหมือนกันหากต้องสู้
กันเอง คงเจ็บปางตายแน่...

   มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบคางอย่างครุ่นคิด “ คงต้องหาทางแก้แล้วสร้างเวทย์ใหม่ ” คิดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ แต่คนเขียนดันไม่รู้เรื่องไม่อยู่แล้วนี่สิ ”

   “ ระหว่างนี้ผมจะให้สกายแกะตัวอักษรแล้วเขียนกันไว้ก่อนแล้วกันนะครับ ” ผมเสนอไปอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าสกายจะทำได้

   “ ทำยังไงก็ได้ ขอยืดเวลาให้นานที่สุดจนกว่าจ้าวจะตื่นเต็มที่ แล้วทุกอย่างก็จบ ” คนเฒ่าคนแก่ว่าอย่างสบายใจ “ เหลืออีกกี่เดือน ”

   ผมตอบไปอย่างรวดเร็ว “ ประมาณห้าหกเดือนได้ครับ ”

   “ อีกไม่นาน พวกล่าอมนุษย์รุ่นใหม่คงตามกลิ่นเราเจอ ”

   “ รุ่นใหม่เหรอ ” ครางถามอย่างฉงนใจ

   “ คนเก่าที่เราเจอล่าสุดเมื่อ 60 ปีที่แล้วเพิ่งตาย ” ดวงตาอ่อนล้าเหม่อมองไปทางนอกหน้าต่างที่อากาศข้างนอกเริ่มอึมครึมอีกแล้ว “ เพราะงั้น...ลูกชายมันนั่นแหละเป็นคนที่ติดต่อกับปีศาจ ”

   ผมหัวเราะเบาๆ “ ผมเองก็ลืมไปว่าพวกนี้มักเปลี่ยนรุ่นบ่อยๆ เพราะไม่ได้เป็นอมตะเช่นพวกเรา ”

   “ ให้ระวังตัวกันหน่อยแล้วกัน เจ้าลูกชายคนนี้น่าจะร้ายพอตัว ”

   “ ผมจะให้ทุกคนระวังตัวครับ ”

   พยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อหยิบผลไม้มาให้กับคนแก่ที่เคารพนับถือ

   อาจารย์ศักดิ์ชัยเงยหน้าหันมาถาม “ ว่าแต่เจ้าตัวเล็กได้พูดอะไรไปหรือเปล่า ”

   “ เปล่าครับ แค่ร้องไห้เฉยๆ ”

   “ ก็พรากกันมานาน เด็กจะร้องไห้ก็ไม่แปลก ” ยิ้มบางเบาอย่างเศร้าใจเมื่อหวนคิดเรื่องเก่าๆ “ เดี๋ยวฉันจะเขียนเวทย์สะกดให้แล้ว
กัน เข้าใกล้ได้ แต่อย่าให้พูดออกมาก็พอ ”

   ก้มหัวให้เป็นเชิงขอบคุณมือกระด้างค่อยๆวางถาดผลไม้ลงบนโต๊ะก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม...

   “ ถ้าพูดออกไปก่อนเวลาจะเป็นยังไงครับ ”

ที่ปิดบังกันอยู่ไม่ยอมบอกอะไรกับเจ้าตัวนั่นเป็นเพราะคำสั่งของท่านผู้เฒ่าคนนี้โดยที่พวกผมก็ไม่ได้รู้รายละเอียดลึกนัก

   “ วิญญาณจะบิดเบือนและแตกสลายอย่างไม่มีวันหวนคืน ” หยิบผลไม้ขึ้นมาปอกช้าๆ “ ทางที่ดีอย่าพูดเลย ”

   สายลมเย็นวาบพัดโหมผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ความชาและเย็นยะเยือกถูกแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าและหัวใจอันกำลังเต้นเร่าด้วยความปวดหนึบ

   ยิ่งคิดหวนกลับอดีตแล้วนึกโทษตัวเอง...

   ถ้าวันนั้น...

   คนที่โดนคำสาปเป็นผม

   มันคงจะดี

   เสียงหัวเราะดูเหมือนจะอารมณ์ดีแต่แฝงด้วยโทสะแรงกล้า “ มันก็ช่างกล้านะที่เล่นแบบนี้ ”

   ผมเบือนสายตาไปอีกทาง “ ผมปกป้องไม่ได้มากกว่า”

   “ เลิกโทษตัวเองได้แล้ว แล้วดูแลไอ้เด็กนั่นให้ดีแล้วกัน ” คนเป็นอาจารย์ว่าก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ “ จริงสิ เจ้าอย่าลืมเสียเล่าว่าในตอนนี้จิตใจชลไม่ได้เย็นเยียบเป็นน้ำแข็ง จะทำอะไรก็คิดดีๆ มนุษย์น่ะชอบคิดมาก ”

   “ ... ” ชลไม่น่าจะเป็นคิดมากมั้ง

   “ เห็นหน้ามังกรป่วยของเจ้าแล้ว ข้าเซ็งเสียเหลือเกิน ” ว่าเสียงหน่ายใจโบกมือไล่อีก “ รีบไปง้อเมียไป เดี๋ยวไปมีชู้ไม่รู้ด้วยนะเว้ย ”

   “ ไม่มีหรอกครับ ” ปากว่าไปแต่ใจเริ่มแก่วงๆ

   “ หึ ตามใจเจ้าเถอะ ” คนแก่ว่าพลางหัวเราะหึในลำคอเมื่อแกล้งมังกรหนุ่มได้ “ ข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ”

   คิ้วผมกระตุกอย่างแรงเมื่อเจอคำว่าชู้ เมื่อสร้างความเคลือบแคลงใจให้ผมเสร็จอาจารย์ศักดิ์ชัยก็ลุกขึ้นแล้วขอตัวกลับ ส่วนผมเหรอ... นั่งหน้าบึ้งคิดไม่ตกกับประโยคเมื่อครู่ ตอนนี้เขายิ่งรู้สึกแย่กับผมด้วย ยิ่งผมไปหาจะโดนโกรธเพิ่มมั้ยวะเนี่ย

“ เอาไงดีวะ ” ผมพึมพำอยู่กับตัวเองอย่างคิดไม่ตก

...เอาไงดีเนี่ย  ไปดีไม่ไปดี

‘ระวังเมียมีชู้นะ’

ไม่หรอกมั้ง...

‘ระวังเมียมีชู้นะ’

...หรือจะมีว่ะ

‘ระวังเมียมีชู้นะ’

‘ระวังเมียมีชู้นะ’

‘ระวังเมียมีชู้นะ’

เว้ย! ไปก็ไปว่ะ!

ตามไปดูหน่อยแล้วกัน ใกล้ๆค่ำแล้ว เผื่อมีอะไรไม่ดี...ไม่ได้ไปจับผิดนะ แค่ตามไปดูแค่นั้นว่าปลอดภัย

ยกมือขึ้นยีหัวอย่างเครียดกับความวุ่นวายในหัวก่อนจะลุกพรวดพราดเดินออกจากห้องอาหารที่สวนกับยูจินพอดี เด็กนั่นหยุดเดินแล้วหันมาถามผม

“ ท้าว จะไปไหน ” ถามซะห้วนไร้ความยำเกรงจริงๆ ไอ้เด็กนี่

“ ยุ่ง ” ผมว่าเบาๆ แล้วเดินต่อไป

เด็กจอมยุ่งถลึงตาใส่ “ ต่อยกันเลยมั้ยท่านท้าว ปากหาเรื่องนะ ทีกะพวกผมก็เก่งจริง ทีกับท่านจ้าวไม่เห็นจะเก่งเลย ” น้ำเสียงเย้ยเยาะเต็มเปี่ยม

เก่งไปก็ได้เจอฝ่าพระบาทสิครับ...

“ ไม่อยากลงไปต่อยกับเด็ก ” หยุดเดินแล้วหันไปหามันไม่ลืมที่จะยืมประโยคชวนปรี๊ดแตกขึ้นมาราดบนกองเพลิงร้อนๆ

“ ติดเชื้อมาจากไอ้เสือแก่รึไง ” จิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่ “ ถามดีๆ จะไปไหนครับ ”

“ ไม่บอกได้ปะ ” ผมยักคิ้วให้ด้วยความกวนตีน

“ ไม่บอกก็ไม่ต้องไป ”

จบประโยคคมแหลมของดาบจากไหนไม่รู้จ่อเข้าที่คอหอยห่างเพียงไม่กี่มิลลิเมตรมันก็จะแทงคอผมได้แล้ว หลอดไฟด้านบนสะท้อนแสงกระทบลงบนดายเล่มยาวแสนงามที่ดูก็รู้ว่าเจ้าของมัน ดูแลรักษาอย่างดีถึงได้แววงามขนาดนี้

ผมเตือนหลุบตาต่ำมองดาบแล้วพ่นลมหายใจ “ เล่นของอันตรายไม่ดีนะยูจิน ฟ้องไอ้พรายแน่ ”

“ ทำอยากกับมันเคยห้ามอะไรผมได้ ” เด็กชายแสยะยิ้มสยองกดแรงที่ดาบมากขึ้น “ ก็บอกมาสิจะไปไหน ”

กรอกตา“ ไปหาชล ”

   เด็กหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่แต่ก็ยอมลดดาบลง เฮ้อ เล่นของอันตรายจริงๆเลยนะเด็กคนนี้ แต่ยังไม่ยอมปล่อยให้ผมไปง่ายๆอยู่ดี

   “ ไปทำไม ” เอ๊ะ เป็นเจ้าหนูจำไมรึไงกัน ถามจริงเลย

   “ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ” ผมย้ำคำเดิมพร้อมยิ้มมุมปากวางมือลงบนศีรษะกลมแล้วโยกไปมาราวเอ็นดู “ อายุถึงร้อยปีรึยังก็ไม่รู้ ”

   “ ร้อยสามปีแล้วเว้ย! ” ปัดมือผมทิ้งแล้วถดถอยห่างราวกับรังเกียจ “ จะไปไหนก็ไปเถอะ แต่เอานี่ไปด้วยแล้วกัน ”

   บางอย่างถูกปาใส่หน้าแต่ดีที่รับไว้ได้ทันท่วงทีพอดิบพอดี แววตาคมเจือปนความงุนงงกับสิ่งที่อยู่ในมือ แต่พอคลายก็รับรู้ได้เลยว่าคือสิ่งใด


   สร้อยเงินห้อยด้วยอัญมณีสีฟ้ารูปหยดน้ำ...


   “ เขาให้พนาไว้ สั่งว่าห้ามถอด แล้วถอดมาทำไม ” น้ำเสียงอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเข้มและดุดันทันที ตวัดตามองหาเรื่องคนที่เอามาทันที

   ยูจินไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสักนิด “ พนาฝากไปให้ท่านชล จบมั้ยท้าว ”

   “ เอาไปใส่คืนพนาไปเดี๋ยวนี้ ” ผมยื่นสร้อยกลับ

   “ วะ! พ่อกับลูกคู่นี้มันยังไงกันห่ะ เอาแต่ใจ! สั่งจริงๆ! ” เสียงแหลมตวาดใส่อย่างเหลือทน “ จะเอายังไงก็แล้วแต่เลย ไปตกลงกันเองไป ไม่ยุ่งแล้ว! ”

   “ เดี๋ยวยูจิน บอกว่าเดี๋ยวไง! ”

   ตะโกนกลับ “ รำคาญ! เลิกเรียกได้แล้วเว้ย!  ”

   “ ไอ้ม้าผมดำ หยุดเว้ย! ”

   ผมตะโกนเรียกรั้งอีกฝ่ายไว้แต่ดูเหมือนว่าไอ้เด็กม้ามีเขาจะไม่ได้ฟังเลยเดินสะบัดตูดออกไป แล้วไม่ลืมจะปิดประตูไล่ผมอีก
   ก้มมองดูสายสร้อยในมือแล้วถอดหายใจเฮือกใหญ่...

   พนาคงรู้ว่าผมต้องไปหาหมอนั่นถึงได้ให้สร้อยมา...

   ผมก้มลงมองอีกครั้ง

   มุมปากหยักเคลื่อนยิ้มพลางหัวเราะน้อยๆ...

   แต่คงมีอีกอย่างที่พนารู้...

เมื่อเจ้ากลับมาแล้ว

   สร้อยเส้นนี้มันก็ควรกลับไปหาเจ้าของตัวจริง...







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ต่อโพสล่างๆ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด