龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 龍 | ท้ า ว เ ว ห า | 龍 อาถรรพ์พงไพร ๑๑ <P.6> (31/1/59) UP!!  (อ่าน 34885 ครั้ง)

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

[ชลธี’Part]




   
ผมว่า...

   ทางนี้มันคุ้นๆนะ

   ไม่สิ ต้นไม้ต้นนี้ก็คุ้น

   ไม่คุ้นก็คงจะแปลก

   เพราะผมเดินวนมาที่เดิมจะหกรอบแล้วไงครับ!!

   หันซ้ายหันขวาก็มีแต่ป่าและป่าและป่า ผมหมุนตัวไปรอบๆเพื่อหาทางลงจากเขา ใช่ ลงจากเขา กำลังสงสัยอยู่กันสินะว่าผม
กำลังทำอะไร ที่ไหน บอกสั้นๆให้ได้ใจความเลย

   ผมกำลังหลงป่าครับ

   ส่วนสาเหตุการหลงก็ความอวดดีกับความโง่ล้วนๆไม่มีอะไรผสมของผมนั้นเอง เผือกอวดดีน้อยใจเป็นนางเอกแสนดีขอด้วยกลับบ้าน แล้วเป็นไง หลงสิครับ! แต่ไอ้คุณเจ้าของบ้าน ไอ้คนพามานี่ก็ไม่ได้เรื่องเหมือนพระเอกหนังน้ำเน่าจริงๆเลย ซื่อบื้อ ไม่งงไม่
ง้อ ยังมีหน้ามาบอกอีกเจอกันที่มหา’ลัยเลย

   ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจชิบหาย

   ไหนๆก็บ่นแล้วขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเลยแล้วกัน วันนี้ผมโดนไอ้มังกรบ้านั้นลากมาเที่ยวบ้านมัน และได้รับรู้อะไรหลายๆอย่าง พาผมมากระตุ้นต่อมสอดเผือกเรื่องราวของมันให้อยากรู้กว่าเดิม แต่ก็ไม่เล่าอะไร ปิดบังอีก น่าหงุดหงิดมากให้ตายเถอะ แต่เรื่องน่าสะพรึงอีกคงไม่พ้นเรื่องลูกของมัน คิดแล้วยังสยอง เด็กบ้าอะไรน่าขนลุกผิดกับหน้าตาน่ารักลิบลับ เพราะเจอเด็กนั่นไงผมถึงได้แผลเลือดสาดขนาดนี้ แต่จะว่าไป...

   ทำไมกูไม่ทำแผลก่อนวะ

   โอ๊ย ถึงว่าทำไมมันเจ็บขึ้นเรื่อยๆ

   พลิกแขนตัวเองดูแผลที่เลือดเริ่มแห้งเหลือแค่ทิ้งรอยติดเกรอะกรัง แต่โคตรน่าอนาถใจเลยจริงๆ ที่อวดดีเดินออกมาทั้งๆที่เป็นแผลเนี่ย

   “ ไปทางไหนดีเนี่ย ” บ่นพร่ำกับตัวเองด้วยประโยคเดิมๆครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

   วันนี้จะได้นอนกลางดินกินกลางทรายชัวร์ๆแน่ ผมถอนหายใจทิ้งอีกหลายๆรอบก่อนจะเดินไปทางขวาแต่เดินต่อไปได้เพียงสอง
ก้าวก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากับ...

   รอยแตก

   คืออะไรวะเนี่ย ชลธีก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆที่ต้องมาเจออะไรแปลกๆเช่นนี้ ผมมองภาพตรงหน้าที่มันเป็นป่าแต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างกั้นไว้เหมือนคลื่นน้ำใสๆกำลังบิดเบี้ยวแถมตรงกลางยังมีรอยแตกใหญ่ด้วย

   “ นี่กูมีทะลุมิติไหนวะเนี่ย ”

   ยืนกอดอกมองด้วยความสนใจกับสิ่งแปลกประหลาด ถ้าโทรศัพท์มีสัญญาณน่ะพ่อจะโทรตามนาซ่ามาวิจัยวิเคาระห์เรื่องประหลาดสักหน่อย ถ้าตามนาซ่าได้จะให้จับไอ้มังกรปากหนักไปผ่าดูเครื่องในด้วยเลยแล้วกัน


จา... จ้าว...เท...พะ พา...


   สะ เสียงอะไรน่ะ!

   ผมหันขวับไปรอบกายเพื่อหาต้นตอของเสียงปริศนา ฉับพลันต้นไม้ใหญ่สองต้นตั้งระหว่างรอยแตกใหญ่เริ่มมีบางสิ่งแปลกประหลาดไปจากเดิม ใบไม้ในตอนแรกที่เห็นมันเป็นสีดำค่อยๆแปรกลับมาเป็นสีเขียวตามธรรมชาติ...

   ไม่สิ... มันไม่ใช่แค่สองต้น แต่ที่ที่ผมกำลังยืนอยู่มันเต็มไปด้วยใบไม้สีดำ...

   “ ป่าเชี่ยอะไรวะเนี่ย ขนลุกชิบ ”

   แววตาสั่นคลอนบ่งบอกถึงความหวาดกลัวในใจ... สองเท้าเผลอก้าวถอยหลังจนไปชนกับต้นไม้อีกต้น เงยหน้าขึ้นมองด้านบนอย่างรวดเร็ว ต้นไม้หืดแห้งเหมือนไร้ลมหายใจค่อยๆกลับมา ใบไม้เปลี่ยนสี...

   งงสิครับงานนี้ อะไรวะเนี่ย นี่มันแฮร์รี่ พอตเตอร์รึไงกัน


   ...ดะ ได้ โปรด... ปะ ปลด ปล่อย...


   เสียงนั่นอีกแล้ว!

   ผมยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองไว้เพราะมันช่างเป็นเสียงที่บาดแก้วหูเหลือเกิน น้ำเสียงแห้งราวกระซิบเจือปนความทรมานและทุกข์ทนนี่มันอะไร มันไม่เพียงบาดแก้วหูแต่กลับบาดลึกลงกลางใจจนเจ็บหนึบ


   ...พะ พวกนั้น ก กำ  ลัง... ระ...วัง ...ร...ะวั...ง


   นัยน์ตาโตเบิกขึ้นเรื่อยๆกับเสียงหลอนอันกึกก้องอยู่ในหัว มือสองข้างกดแนบชิดกับหูมากขึ้นไม่อยากจะได้ยินอะไรอีกแล้ว ไม่... พอแล้ว

   แต่มันบอกให้ระวัง... ระวังอะไร...

   ว่าไอ้พี่นาทมันอมพะนำแล้วนะ เจอไอ้เสียงเวรๆนี่เข้าไปแล้วอยากโดดหน้าผาตายจริงๆ ไม่ได้ช่วยให้รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ


   ตู้ม!!!


   “ ฮึก! ”

   สะ เสียงอะไร!

   เสียงสะอื้นดังขึ้นไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอกของนายชลธีเองครับ ฝ่ามือยกป้องปากจับหน้าอกตามสัญชาตญาณความตกใจอย่างว่องไว แล้วเมื่อกี้มันเสียงอะไรเหมือนระเบิดเลย...


   ระ...วั..ง...ตัว...


   เว้ย! ไอ้เสียงเวรๆหลอนประสาทนี่ก็อีก อะไรวะเนี่ย!

   ระวังอะไรก็บอกมาเซ่!

   วันนี้ต้องให้นายชลธีสติแตกกี่รอบวะครับถึงจะพอใจ ผมคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงระเบิดติดๆกันอีกสองสามครั้งบนหัว.... แล้วพอเงยหน้าขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นในเลือดแล้วต้อง...


   มังกรกับงูมีปีก!!

   เว้ยยยเฮ้ยยย ตัวอะไรวะนั่น!   



   เห็นแค่เพียงหางใหญ่ๆกับปีกกว้างของสัตว์ประหลาดที่เดาได้ว่าต้องเป็นมังกรกำลังแหวกว่ายอยู่บนนภากว้างกับอีกหนึ่งสัตว์ใหญ่ของงูที่มีออพชั่นเพิ่มเติมเป็นปีกใหญ่ว่ายวนในอากาศฟาดฟันกับมังกรไม่หยุด

   ปกติงูมันมีปีกเปล่าหว่า ชลๆ มึงหยุดคิดแล้วตบหน้าตัวเองดิ จะได้ตื่นเผื่อร่างจริงอาจจะไปนอนสลบไสลอยู่ในป่า แล้วไอ้ภาพตรงหน้าเป็นเพียงความฝันบ้าๆเพ้อๆเท่านั้น

   เพี๊ยะ!


   ยกมือฟาดแก้มอย่างแรง “ เชี่ย เจ็บ! ”

   เรื่องจริงเหรอ โอ๊ยยย แล้วจะทำไงจะออกจากป่าได้ไงฟะ ขอย้อนเวลาไปขอไม่ไปรู้จักไอ้พี่นาททันมั้ยครับ พอเจอมันแล้วชีวิตโครตบรรลัยเลยจริงๆ

   ไม่ได้ เราต้องออกจากป่า เดี๋ยวนี้!

   หลงทางก็ช่างปะไร

   แต่...ซ้ายหรือขวาดี

   โบราณว่าขวาร้ายซ้ายดี งั้น...ซ้าย!


   ตุ้บ!...


   กองไฟมหึมาหล่นมาตรงหน้าเฉียดหัวไปแค่นิดหน่อย ไอร้อนจากกองเพลิงแผ่รังสีไปทั่ว ผมยืนนิ่งค้างอยู่แบบนั้นจ้องตาไม่กะพริบกับซาก...เอ่อ... ซากอะไรวะ ตัวยาวๆใหญ่ๆ มีปีก เห็นแล้วช่างคลับคล้ายคลับเหมือนจะเป็น...งูมีปีกที่บินบนฟ้าเมื่อกี้...

   ภาพงูตัวใหญ่กำลังดิ้นทุรนทุรายท่ามกลางเพลิงสีแดงฉานทำเอากลืนน้ำลายแทบไม่ได้ จะวิ่งหนียังไม่ได้เลย เสียงกรีดร้องของงูดังก้องไปทั่ว หัวมันสะบัดไปมาราวกับถูกค้อนทุบแล้วพอมันเห็นผมยืนอยู่มันก็นิ่งค้างไปเสี้ยวนาทีก่อนปากของมันจะอ้ากว้างแล้วพ่นอะไรบ้างอย่างออกมา

   ผมควรหลบใช่มั้ย...

   แต่ขาแม่งไม่มีแรงว่ะ...

   ขอร้อง...

   ใครก็ได้ ช่วยที

หนูยังไม่ได้กินข้าวค่ะ หนูยังตายไม่ได้นะ



   พึ่บ!



   แรงกอดหนักๆโถมเข้าหาร่างจนผมเซเกือบล้มแต่ยังดีที่คนกอดประคองกอดตัวผมไว้เลยไม่ล้ม สิ่งแรกหลังจากลืมตาคือใบหน้าแต้มเกล็ดสีน้ำเงินเข้มและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ประทับอยู่ตลอดเวลา

   ผมเงยหน้าจ้องอึ้งๆ “ ไอ้...พี่นาท ”

   “ ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย ” มันถามเสียงแผ่วเหงื่อกาฬไหลท่วมหน้า

   เพราะมันเอาตัวมาบังผมจนมิดเลยได้รับพิษงูไปเต็มๆ...

   ส่ายหน้าไปทั้งๆที่ยังไม่หายอึ้งตกใจ

   ...มันมาได้ยังไง

   หรือ...ไอ้มังกรบนฟ้าเมื่อกี้ คือ มัน...เหรอ

“ ไม่เจ็บก็ดีแล้ว ” ฉีกยิ้มกว้างให้เห็นเขี้ยวก่อนจะเอี้ยวตัวไปทางกองเพลิง หน้าอ่อนโยนเปลี่ยนกลายเป็นความดุดัน แววตาวาวโรจน์สีน้ำเงินสะท้อนชวนเย็นเยียบ " ส่วนแก...ไอ้งูเวร "

...กลัว

ใช่... ผมกำลังกลัวมัน

ฝ่ามือหนากลับไม่ใช่แต่เป็นกรงเล็บน่ากลัวและผิวหนังหนาๆเป็นเกล็ดสีน้ำเงินยกขึ้นแล้วกางออก เสียงทุ้มนุ่มไพเราะสบายหูกลับกลายเป็นเสียงเย็นชาราบเรียบไร้อารมณ์ยิ่งพาให้หัวใจเผลอเต้นระรัวด้วยความะท้าน...

คนคนนี้เป็นใคร

...ไม่ใช่ไอ้พี่นาท

ไม่ใช่...

“ อย่ากลัว ” เสียงนั้นดังขึ้นหยุดชะงักทุกความนึกคิดความรู้สึก ผมเลื่อนสายตาไปมองมันที่ยังคงหันหน้าไปทางกองเพลิงหันหลังให้กับผม มันน่าจะรู้สึกโหวงเหวงแต่กลับเบาใจอุ่นใจเพราะมีแผ่นหลังกว้างป้องปกแล้วไหนจะ...

มือมนุษย์ปกติอุ่นๆที่กุมมือซ้ายผมไว้แน่น...

แอบอมยิ้มได้ผิดสถานการณ์สุดจะกลั้น แต่ต้องตกใจอีกคราเมื่อสายตาเจ้ากรรมดันเผลอไปเห็นแผลผุพองทั่วกายหลัง ผิวเนื้อของมังกรกำลังถูกกัดกลั้นเสมือนเอาน้ำกรดราด

เมื่อกี้...มันเอาหลังมาบังพิษงูให้ผม...

“ ดับสลายไปซะ ”

เสียงหนาวเย็นกล่าวขึ้นอีกครั้งพร้อมลูกไฟสีน้ำเงินลูกใหญ่จากฝ่ามือเคลื่อนพุ่งทะลวงใส่งูยักษ์ในกองเพลิงให้หมอดไหม้มากเกิน เสียงร้องเจ็บร้าวเกินรับดังขึ้นสุดเสียงก่อนตัวมันจะเหลือเพียงฝุ่นผง ไฟสีแดงร้อนระอุจึงดับลง...

และความเงียบก็เคลื่อนมาแทน...

“ ไอ้พี่... ” จะถามไถ่อาการแต่ดัน


หมับ!


คว้าไปกอดแนบแน่นซ้ำสอง อ่อก หายใจไม่ออก “ ...ดีใจที่ปลอดภัย ”

เสียงอ่อนโยนดังเดิมพาซะกูขนลุกเกลียวเลยครับ เมื่อกี้ยังขาโหดอยู่กลับมานุ่มนิ่มต่อแหละ กูกลัวค่า กูกลัวว

“ มา...ได้ไง ”

“ ตามกลิ่นมา ” มันผละออกแล้วยิ้มละมุนให้ไม่สีหน้าเจ็บปวดตามร่างกายสักนิด แต่...เมื่อกี้มันว่ายังไงนะ ตามกลิ่นมา...

นี่หมา หรือ มังกร เอาให้แน่

“ แล้วมาทำไม ใครใช้ให้มา ” โทนเสียงยังคงความเดิม คือ ผมยังงอนมันอยู่ เหอะ ถึงจะประทับใจที่มันช่วย แต่กูยังโกรธยังงอน
อยู่ “ กลับไปเลยไป ไม่มีอะไรแล้ว ”

เชิดหน้าอย่างไม่สำนึกบุญคุณ... เลวจริงๆ

“ กลับไป เดี๋ยวก็มีตัววุ่นวายมาอีก ” มันว่าด้วยสีหน้ากังวล “ คราวนี้อาจจะสู้ไม่ได้แล้วนะ พี่เจ็บระบมหมดแล้ว ชลได้ตายจริงๆแน่ครับ ”

ผมชะงักค้างอารมณ์แง่งอน ถึงตายเลยเหรวะครับ ฮึ่ย ถ้าตายจะไปหลอกมึงคนเเรกเลย ไอ้พี่นาท!

คิดเสร็จแล้วหันไปมองหน้ามันและก็แผลมัน...

“ แล้วไง ” แสร้งไปงั้น เป็นผมโดนขนาดนั้นคงตายตั้งแต่สองวิแรกแล้ว “ แล้วเจ็บมากเปล่า ”

พักเบรกการงอนการโกรธมัน

แล้วมาทำตัวเป็นมนุษย์แสนดีแปบ

นี่ไม่ได้ห่วงน่ะ แค่...เป็นต้นเหตุหนึ่งสำหรับการเจ็บของมัน

“ นิดหน่อย ไม่ใช่พิษร้ายแรงอะไร ” มายิ้มอีก “ ห่วงเหรอครับ ”

ผมกรอกตานิดนึง “ ประสาท จำไม่ได้รึไงว่าผมยังไม่โอเคกับพี่อยู่ ”

“ จำได้ ” หน้าสลดทันตา แหม่ เล่นละครเก่งนะ ออสก้าร์มั้ย “ ก็...มาง้อนี่ไง ”

ผมชะงักกับการง้อตรงๆของมัน เอียงหัวใส่มันเป็นเชิงถามว่า...นี่เอ็งง้อแล้วหรือ พอเห็นผมยังเงียบมันยิ่งกระสับกระส่ายกว่าเดิมยืนไม่นิ่งราวกับคิดไม่ตก...

“ เอ่อ... ”

เชิดหน้า “ อะไร ”

พูดมาสิ

พูดมาาาา

“ คือ... ” ตะกุกตะกักเสียงแผ่วแทบปลิวไปกับลมซ้ำยังแก้มขาวยังมีสีเลือดฝาดๆขึ้น “ ชล ”

รำคาญแล้วนะ หิว หลงป่า กูหิวครับ “ เร็วๆ หิวข้าวเว้ย ”


“ ง้อนะ คืนดีกับพี่เถอะนะครับ ”


ประโยคน่ารักด้วยใบหน้าแดงๆกับหูแดงเถือก ไม่พอยังมีนิ้วก้อยยื่นมาแทบชิดหน้าอีก... ผมมองนิ่งๆตั้งแต่ใบหน้าแดงๆมายังมือ...

ยังคงสเตปเงียบ...

“ ไม่หายเหรอ ”

เงียบครับ ไม่ได้ยิน มองฟ้า

“ ทำไงให้หายโกรธ บอกพี่หน่อยสิ ”

เหลือบหางตามองแล้วหัวเราะหึ โธ่ ถามไปมันก็ไม่บอกอยู่ดี เปลืองน้ำลาย

“ ...ถะ ถ้าชลหายโกรธ ” มันดูลังเลแต่ก็พูดต่อ “ จะเลี้ยงข้าวเจ็ดวัน ”

หันขวับตาวาวทันที...

เฮ้ย ชล อย่าเพิ่งเห็นแก่กินดิว่ะ!

เราไม่ได้ง่ายนะ

“ ขนมทุกเวลาที่ต้องการ ”

...อือหือ น้ำลายจะไหล

“ อยากกินอะไรจะให้หมดเลย ” มันทุ่มสุดตัว “ เพราะงั้น...หายงอนเถอะนะครับ ”

เอาจริงนะ... ผมหายงอนตั้งแต่นิ้วก้อยที่ชูมาแล้ว มังกรอะไรมุ้งมิ้งเป็นบ้า ตัวก็โตแต่มันทำอะไรเด็กๆ ผมระบายลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเกี่ยวตอบมัน ทีนี้จากมังกรป่วยเป็นมังกรคึกเลย

“ ดีด้วยเพราะเห็นแก่ที่เจ็บตัวนะ ไม่ใช่เพราะข้าวเจ็ดวัน ” เสตาไปทางอื่นอย่างกระดากปาก แหม ไอ้เรื่องกินๆก็มีประกอบการตัดสินใจบ้าง

ไอ้พี่นาทยกมือขึ้นเกาจมูกแก้เก้อ “ แค่หายโกรธ พี่ก็ดีใจตายแล้ว ”

“ บอกว่าไม่ได้โกรธไง ”

“ เชื่อตายแหละ ” กลับมากวนโอ๊ยตามเดิม น่าจะโกรธงอนมันต่อจริงๆเลยเชียว “ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว... พี่คงบอกชลได้แค่นิดเดียว ”

มองมันตรงๆ “ เรื่องอะไร ”

“ ทุกเรื่องที่ชลอยากรู้... ขอให้ชลเชื่อใจพี่ ถ้า...พร้อมเมื่อไหร่พี่จะบอกเราเอง ” มันว่าเสียงเรียบแต่จริงจัง “ ไม่นานหรอก ”

“เรื่องของพี่เถอะ ผมไม่อยากรู้แล้ว ผมจะกลับบ้าน ”

ฮึ่ย... เรื่องนี้อีกแหละ

ผลักอกมันเบาๆก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางซ้าย ถึงจะไม่รู้ทางก็ช่างมันสิ ไม่อยากเสวนากับมังกรป่วยแล้ว เบื่อ

“ เดี๋ยวสิ เดี๋ยวไปส่ง ” จับข้อมือไว้แน่น

ผมดึงมือกลับแต่มันกุมไว้แน่น “ จะกลับเอง ปล่อย ”

“ ไม่ต้องพูดมากเลย กลับบ้านพี่ก่อน ” ไอ้พี่นาทไม่พูดพร่ำทำเพลงทำเนื้อร้องอะไรต่อจับผมรวบขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวทันที


ฮะ เฮ้ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย


ผมโวยลั่น “ ทำอะไรเนี่ย ปล่อยลงเดี๋ยวนี้นะ ไม่เอา จะกลับหอโผมมมม ”

“ แผลเปิดแล้ว ไปทำแผลบ้านพี่เถอะ แถมเย็นมากแล้วด้วยนะ อันตราย... ”

หุบปากเงียบทันทีกับคำว่าอันตราย หันเหสายตาไปมองซากงูเมื่อครู่ก็พอเดาได้ว่าอันตรายในรูปแบบไหน พอคิดอีกที... มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนี่หว่า ทำอย่างกับผมโดนตามล่ายังไงยังงั้น

เมื่อตะกี้เจองูบิน

ต่อไปคงเจอหมูบินได้ชัวร์

กลับบ้านมันก็ได้ว่ะ!

“ เออๆ ปล่อยลงดิ เดี๋ยวเดินเอง ” ยอมว่าง่ายๆ วันนี้ผจญภัยแฟนตาซีเหนื่อยแล้ว ให้มันอุ้มแบบนี้มันรู้สึกไม่ดีแรงและหนักมาก

มันอมยิ้มหน้าบาน “ ไม่ ”

“ ไอ้พี่นาท! ปล่อย จะเดิน! ” เริ่มดิ้น มันน่าอายจะตาย

“ ใครว่าเราจะเดินกลับ ” มันว่าด้วยเสียงเจ้าเล่ห์ แล้วก้มลงมามองผมด้วยสายซุกซน “ เราบอกว่าไม่อยากเดินไม่ใช่เหรอ ”

กูบอกตอนไหนฟะ....

ผมทำหน้านึกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะจำได้ว่าเมื่อเช้าบ่นปนด่ามันว่าบินได้ทำไมไม่พาผมบิน... เดี๋ยวนะ มันกำลัง...

มันพยักหน้าเมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆซีดๆของผม “ ตามนั้นครับ ”

“ เฮ้ย เดี๋ยว เดี๋ยว ”

โบกไม้โบกมือปฏิเสธแต่ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้ว...

ปีกใหญ่งอกออกจากแผ่นหลังที่มีแผลเหวอะหวะมันงอโค้งก่อนจะสยายกางออกให้ได้ตะลึงในความน่าเกรงขาม ถ้ามันเป็นปีกขนนกสีขาว ไอ้พี่นาทคงเป็นเหมือนเทวดาเทวทูตเลย แต่นี่ไม่ใช่... มันเป็นปีกของมังกรอันเป็นเสมือนปีศาจและสัตว์ร้าย เพราะงั้นมันเลยต้องเป็นซาตานไม่ใช่เทวดา

“ จับแน่นๆนะ ถ้าไม่อยากตก ”

มันเย้าแหย่เล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม

ผมเบิกตาโพล่งยังคงกลัวรีบคว้าคอมันเป็นหลักยึดโดยไว

ไอ้พี่นาทหัวเราะเบาๆ โน้มกระซิบข้างหู “ อย่ากลัวไปเลย ”

ไอ้บ้า! ใครมันจะไม่กลัววะ

แหม่ เจอแต่อะไรประหลาดๆ ไม่กลัวก็ให้มันรู้ไป แม่งไม่ใช่คนแล้ว

สีหน้าของผมมันคงดูออกง่ายมากสินะว่ากำลังกลัวจับใจ... แต่แล้วความกลัวก็ค่อยๆเจือจางลงจนแห้งหาย


“ ไม่ปล่อยให้ตกหรอก ไว้ใจพี่เถอะครับ เชื่อพี่ รอพี่ ไม่ทำให้ผิดหวังหรอก ”


ตึกตัก...

หึ... แอบใจเต้นจนได้แถมดังซะด้วย



คำพูดง่ายๆแต่สื่อทุกอย่างให้ชัดเจนว่าเรื่องไหนบ้าง...

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน กำลังบินหรือกำลังเดินอยู่ เพราะสายตาดันไปหยุดที่หน้าหล่อๆของมันจนละสายตาไม่ได้นี่สิ บางที... ให้มันเป็นไปแบบนี้โดยที่ผมไม่ถามอะไรเลย ก็น่าจะดี...


...ถ้ายังไม่อยากให้รู้ ไม่ถามก็ได้


ให้รอ ก็...ได้


แต่รอแล้ว... จะไม่ทำให้ผมผิดหวังใช่มั้ย





ถ้าทำให้ผิดหวัง...

พ่อจะทำมังกรอบน้ำผึ้งกินแน่!!










ฺTBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2015 06:41:30 โดย FusayaZaa »

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชิช่ะมดตานอย ตั้งหกเดือนเลยเหรออ รอจั้งหกเดือนแล้วจะไม่ให้ชลมีชู้ได้ไง#ผิดส์  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl
เมื่อไหร่ครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าหนอ.... :ling1:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
มังกรอบน้ำผึ้งยังดีนะคะ ชีวิตยังมีความหวาน(?)

มังกรอบโอ่งนี่อึดอัดแย่เลย 55555

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แนะนำให้ชลมีชู้ ชู้ ชู้วววว หมั่นไส้พี่นาทอ่ะ เเลจะเเอบฉวยโอกาสเยอะ 555555555555 รอตอนต่อไปครับบบบ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ห้าหกเดือนนนน รอป่านนั้นเมียมีผัวใหม่ไปแล้วว

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
รออีกหกเดือนเลยนะ อยากรู้เหมือนกัน อิอิ

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หกเดือน OoO ยาวนานเหลือเกินนน แต่อยากรู้ รออออ รอออ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :o8: :o8: ฉันรักมังกรน้อยพนาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อาถรรพ์พงไพร ๗



กลิ่นหอมชื่น
อบอวลตรวนด้วยรัก
สองดวงฤทัย
เคลื่อนชิดหา
หากแต่มารมีเรื่อยไป
 ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
จงจำไว้
รอรักแล้วอย่าลืมภัย
เงาครึ้มเริ่มเที่ยวหา






   “ ไอ้ชล!! ตื่นเว้ย! ”


   เสียงตะโกนข้างหูเรียกสติสตังที่กำลังฝันหวานให้สะดุ้งตื่นมาพบกับความเป็นจริง กะพริบตาถี่ๆพร้อมกวาดสายตาไปทั่วห้อง ซึ่งมันโล่งสุดๆ ไปเลย อ้าว... เพื่อนไปไหนหมดวะ

   “ หือ.. เพื่อนไปไหนกันหมดวะ ” หันไปถามหน้ามึนใส่นนท์ที่ยืนสะพายเป้เก็บของหมดแล้วเตรียมพร้อมไปมาก

   มันทำหน้าหงิก “ เขากลับบ้านกันหมดแหละมึง มีมึงเนี่ย หลับเป็นตาย ถามจริง นี่มึงงีบหลับหรือมึงตายวะ ”

   ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ ถามนิดเดียวแม่งเล่นต่อซะยาวเป็นเมตร นี่เพื่อนหรือแม่ว่ะครับ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นหยิบกระเป๋ามาเตรียมเก็บของบ้าง แต่ยังสะลึมสะลืออยู่เล็กน้อย

   “ กลับบ้านหมดอะไร ” ผมแหวใส่ก่อนบุ้ยปากไปทางหญิงสาวคนหนึ่ง “ ฟ้าก็ยังเก็บของอยู่เลย ”

   “ จะไม่อยู่ได้ไง ” ไอ้นนท์ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ “ ในเมื่อวันนี้กูชวนฟ้าไปกินเคเอฟซี ”

   เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดว่าไม่ลืมจะยักคิ้วแสยะยิ้มราวกับผู้ชนะมาให้อีก ขึ้นเลยทีนี้ อะไรกันอ่า ทำไมฟ้าทำร้ายจิตใจชลแบบนี้ ฮือ คราวก่อนชลชวนไปกินไอติมหน้ามอ ก็ไม่ว่าง คราวประนู้นก็ชวนไปกินสเวนเซ่น ก็ไม่ว่าง แล้วทำไมที่ไอ้นนท์ ทำไมฟ้าถึงไปอ่า ไม่ยอมเว้ยงานนี้!

   “ กูไปด้วย ” ผมแสยะยิ้มคืนให้หลังจากเก็บของเสร็จ

   “ เฮ้ย จะไปเป็นกอขอคองอจอ... ” มันร้องเสียงหลง

   “ มึงจะเอาให้ครบสี่สิบสี่ตัวเลยมั้ยครับคุณนนท์ แหม่ ” ผมดักคอมันไว้ได้ทันก่อนที่มันจะไปถึงฮอนกฮูก “ อยากกินไก่เหมือนกัน
จะทำไมครับเพื่อน ”

   “ แดกวันอื่นสิ กูจะไปกับฟ้าสองคน ”

   ไอ้นนท์ทำน้าจริงจังอย่างไม่ยอม แล้วมีหรือผมจะทำตาม เรื่องไหนก็ยอมได้ แต่เรื่องนี้ ไม่มีวันซะหรอก

   “ เหอะ ” ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางฟ้าที่หันมาทางผมพอดี “ ฟ้าครับ จะไปกินเคเอฟซีกับไอ้นนท์เหรอ ”

   หึ รู้จักไอ้ชลน้อยไปแล้ว รางวัลสุพรรณหงส์ก็เคยได้มาแล้ว คิดว่าเขาจะไม่รู้รึไงว่าควรเล่นละครบทไหนถึงจะทำให้ฟ้าใจอ่อน

   “ ใช่จ้ะ ” นางฟ้าก็ยังคงเป็นนางฟ้า ยิ้มรับซะหวานหยด

   ผมทำหน้าหงอๆ “ ชลไปด้วยได้รึเปล่า พอดีชลยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยอ่ะฟ้า ”

   “ ข้าวหน้ามอก็มี ถ่อไปทำไม เคเอฟซีเนี่ย  ” ไอ้นนท์ว่าหน้านิ่งแต่ผมรู้ว่ามันกำลังหัวเราะในใจที่ฉีกหน้าผม หึ แต่คิดเหรอว่าแค่นี้
จะทำอะไรหน้าหนาๆด้านๆของผมได้

   “ แต่ผมอยากกินด้วยอ่าฟ้า ชลไปด้วยได้รึเปล่า ” เมินมันครับ แล้วไปอ้อนวอนกับนางฟ้าใจดีดีกว่า บีบน้ำตานิดๆ

   “ ก็ไปสิชล เพื่อนเยอะๆสนุกดีออก เนอะนนท์ ” นางฟ้าหันไปยิ้มกว้างหน้าซื่อกับไอ้นนท์ซ่างตอนนี้มันกำลังมองมาทางผมราวจะฉีกเนื้อเสียให้ได้

   ไอ้นนท์ทำหน้าอึกอัก “ ครับ...ฟ้า ”

   “ เดี๋ยวพี่ชายฟ้าจะไปด้วยนะคะ ได้รึเปล่า ” เธอหันมาเอียงคอถามอย่างนึกกังวล

   “ ได้อยู่แล้วฟ้า ”

   ผมตอบรับไปทันที ตอนนี้จะใครก็ได้ทั้งนั้นเอามาเป็นก้างขวางคอไอ้นนท์ให้หมด สีหน้าตอนมันกำลังจะตานี่แหละ ฮาสุดแล้ว!

   แต่...ไอ้ชล มึงลืมอะไรไปรึเปล่าวะ

   พี่ชายฟ้า มันก็...


   ไอ้พี่นาทนี่หว่า!!


   ถึงจะแค่เป็นพี่น้องกันหลอกตามที่ไอ้พี่นาทมันเล่านะ แต่ยังไงแล้ว...ขอไม่ไปแล้วทันมั้ยวะ...

   เป็นผมเองที่มีท่าทีลำบากใจ “ เอ่อ... คือ ”

   “ เป็นอะไรรึเปล่าชล หน้าซีดจัง ” ฟ้าย่นคิ้วมองหน้าผมอย่างสงสัยปนห่วงใย อือหือ เป็นปลื้มสิครับ ทำให้นางฟ้าประจำคลาส
ประจำคณะเป็นห่วงเป็นใยได้

   “ ป่วยเหรอมึง กลับไปนอนก็ได้นะ กูไม่ว่า ” เข้าทางไอ้เวรเพื่อนทันที รีบยัดเยียดอาการมาให้อย่างว่องไว

   “ เปล่า แค่หิว จะเป็นลมเว้ย ” ตอบกลับไปแบบนั้นแต่ยังคงจุกกับข้าวตอนเช้ากินไปเป็นกะละมังอยู่ แต่เรื่องอะไรจะยอมรับว่ากิน
แล้ว ขืนบอกความจริงไป ก็อดไปแดกไก่สิครับ

   “ อ้าวเหรอ งั้นแปบนะ ฟ้าโทรตามพี่นาทก่อน ”

   ผมถลึงตาใส่ฟ้าอย่างลืมตัวจะร้องห้ามแต่เธอดันสะพายกระเป๋าถือของเดินออกจากห้องไปคุยโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โฮ
กกกก สี่วันที่กระผมอุตส่าห์สาหัสหนีหน้ามันก็พังทลายสิเนี่ย

   ครับ ใช่ ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ

   หนีหน้า... หรือก็คือ


   หลบหน้านั้นเอง



   ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินตามฟ้าออกไปหน้าห้อง ต้องเจอมันจริงๆเหรอวะเนี่ย เซ็งจริงๆ ส่วนสาเหตุที่หลบหน้า ผมขอไม่บอกแล้วกัน มันไร้สาระ อย่ารู้เลย

   “ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ไอ้ชล ไอ้เพื่อนเลว ”

   ไอ้เพื่อนนนท์ก็ยังไม่เลิกที่จะโกรธผมครับ ไอ้นี่มันเห็นหญิงดีกว่าเพื่อนใช่มั้ย ได้ จะจำไว้เลยยย

   ผมทำหน้าป่วยใส่มัน เอาจริงๆไอ้นนท์มันก็รู้ว่าผมไม่ได้จะจีบฟ้าจริงๆจังๆหรอก แค่ชอบแกล้งๆมันกันมันเป็นกอขอคองอมันสนุก
ดีไง

   พวกเรายืนรอไอ้พี่นาทร่วมสิบนาทีที่บริเวณหน้าคณะก่อนร่างสูงจะวิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากตึกตรงที่พวกผมยืนรออยู่ น้องสาว
คนสวยรีบกระวีกระวาดใช้กระดาษในมือพัดวีคลายร้อนให้มันทันที

   “ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ” หญิงสาวคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ว่า

   ผมเบือนหน้าไปทางอื่นรากับมองไม่เห็นสายตาคมๆของมันที่จับจ้องผมตั้งแต่มันวิ่งมาแล้ว แถมตอนนี้ก็ยังมองหน้าไม่เลิก ถ้าเป็นปลากัด คงท้องเป็นโขยงแล้วมั้ง

   “ ก็ฟ้าบอกเองนี่ว่าให้รีบๆ ” หันไปยิ้มน้อยๆให้กับฟ้าก่อนจะหันกลับมามองผม มองทำไมครับ รู้ตัวว่าหล่อ “ ฟ้าบอกว่าชลไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหรอ จริงเหรอ ”

   กะพริบตาปริบๆ ใบ้แดกเลยกู สายตาโคตรรีดคั้นเลย จับได้ว่ากูโกหกนี่ จะตายมั้ยวะ

   เป็นฟ้าที่ชิงพูด “ ใช่ค่ะ ชลไม่ได้กินข้าวเช้า เมื่อกี้ฟ้าเห็นหน้าซีดๆด้วย เรารีบไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวชลจะเป็นลมซะก่อน ”

   ไอ้พี่นาทพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะลดเป้สะพายลงหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ผมท่ามกลางความมึนงงเอ๋อของคนอื่นๆ

   มองเลื่อนสายตามองลงที่มือใหญ่แล้วชะงักเงยหน้ามามองมันอย่างอึ้งๆ

   “ กินรองท้องไปก่อนนะ จะได้ไม่หิวมาก ”

   ไอ้พี่นาทแม่ง...

   “ พี่แวบไปซื้อให้เมื่อกี้ก่อนจะมาหาเราน่ะ ” ตบท้ายด้วยรอยยิ้มใจดี

   มันแม่ง...


   ทำกูเขิน



   เพราะไอ้เหตุการณ์ใจเต้นโครมระเบิดลงคร่าวก่อนไง ที่ทำให้ผมต้องหนีหน้ามัน ก็มันไม่พร้อมเจอนี่หว่า!

   ขณะที่ผมกำลังยืนนิ่งเป็นไอ้ใบ้หน้าแอบแดงนิดๆ เสียงมารข้างตัวก็ดังขึ้นเรียกสติให้กลับมา...

   “ หึ ไอ้ชล... มึงเสร็จกูแน่ ”

   หันไปมองตามเสียงชั่วร้ายแล้วจะพบว่าสีหน้ามันกำลังสะใจสุดๆ แววตามองผมกับไอ้พี่นาทสลับกันอย่างล้อๆ ไม่วายทำไม้ทำมือกุ๊กกิ๊กให้ผมได้อายเพิ่มอีก

   “ งั้นชลกินขนมปังไปก่อนนะ รองท้องไว้ๆ กว่าจะถึงร้านตั้งยี่สิบนาที ” เพิ่งรู้นะว่าฟ้าเป็นคนพูดมากแบบนี้ แต่ผมว่าน่ารักดีนะ ไม่แปลกที่ผู้ชายหลายคนในคณะจะชอบ รวมไปถึงไอ้เพื่อนขี้โมโหนี่ด้วยไง

   “ ไปรถฟ้าแล้วกัน เดี๋ยวพี่ขับเอง ”  ไอ้พี่นาทยื่นมือไปขอกุญแจรถจากฟ้า

   ส่วนผมที่เพิ่งรับขนมปังมาจากมันก็รีบแกะแล้วแดกเลย แหม่ ขนมฟรีก็ต้องรีบกินสิครับคุณ เดินตามหลังกลุ่มไปยังรถของฟ้าที่จอดอยู่บริเวณหน้าคณะพอดี

   “ เดี๋ยวชลนั่งหน้ากับพี่นะ ” มันหันมาพูดนิ่งๆกับผม ครั้นจะปฏิเสธ แมวแถวนี้มันรีบสนับสนุนซะก่อน

   “ เออดี ไปนั่งข้างหน้าเลย ”

   ว่าจบไอ้นนท์ก็เปิดประตูรถยัดผมเข้าไปไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย โอ้โห เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานเพิ่งเห็นมึงบริการกูถึงขนาดนี้ ทำขนาดนี้มึงไม่หาพานมาใส่กูถวายไอ้พี่นาทเลยล่ะ

   ขี้เกียจเปิดสงครามน้ำลายจึงเลือกที่จะนั่งเงียบๆแล้วแดกขนมปังในมือต่อไป บรรยากาศในรถไม่ได้เงียบมากนักเพราะเสียงสองคนข้างหลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ส่วนข้างหน้าน่ะเหรอ... เงียบ

   หลังจากกินขนมปังหมดก็ไม่รู้จะวางตัวยังไงดี มือไม้วันนี้แลจะเกะกะจนน่าตัดทิ้งจริงๆ

   รู้สึกแปลกๆว่ะ ที่มันเงียบใส่แบบนี้...

   มันโกรธอะไรกูเปล่าวะ

   ผมเหลือบหางตามองมัน...

   มันนิ่งสายตายังคงจ้องอยู่ที่ถนน

   ไอ้ชล มึงนี่ก็โง่เนอะ ให้เขาหันมามองมึง เดี๋ยวก็ได้ตายยกรถสิว่ะ ผมยักไหล่พยายามไม่สนใจมันหันกลับไปมองวิวทิวทัศน์นอก
หน้าต่าง ก่อนเสียงทุ้มจะแว่วขึ้นเบาๆ

   “ ชล มีอะไรรึเปล่า ” มันถาม “ เห็นเรามองพี่หลายรอบแล้ว ”

   รอบเดียวเถอะ! อย่ามามั่วสิ อย่ามโนสิครับพี่

   ตอบไปทั้งที่ยังมองด้านนอก “ ก็เปล่า ”

   “ งั้นเหรอ ”

   ไอ้พี่นาทตอบรับเสียงเบาก่อนทุกอย่างจะเงียบลงอีกครั้ง... คราวนี้บรรยากาศยิ่งแย่กว่าเดิมอีก นัยน์ตากลมของผมเหลือบไปซ้ายทีขวาทีอย่างตึงเครียด สรุปว่า...

   มันโกรธผมอยู่จริงๆสินะ!

   แล้วจะให้ง้อเหรอ ไม่มีทาง!!

   ทำไมต้องง้อ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย

    “ หายเจ็บแผลยังชล ”

   อ้าว... นี่กูคิดมากไปเหรอ แล้วทำไมต้องกังวลว่ามันจะโกรธด้วยหา!

   “ ชล ชล ได้ยินเปล่า”

   ขณะที่ผมกำลังนั่งตบตีกับตัวเองอยู่ ไอ้พี่นาทก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งแถมคราวนี้ยังหันหน้ามามองดูแขนผมที่มีผ้าก๊อซแปะเต็มไปทั่ว ตอนที่ไอ้นนท์มันเห็นก็ซักไม่หยุดเลย สุดท้ายต้องบอกไปว่าสะดุดล้มคว่ำไถลตัวไปตามพื้นกว่าสิบเมตร ๆฟังดูเว่อร์เนอะ แน่นนอว่า ไอ้นนท์เชื่อเว้ย

   ผมพูดเองยังรู้สึกเชื่อยาก แล้วมันเชื่อไปได้ไง...

   “ แผลแก้วบาดน่ะเว้ย ไม่ใช่ช้ำถึงจะหายไวปานนั้น ” ผมบ่นตอบไปพลางยกแขนตัวเองดูไปด้วย ฮึ่ย เห็นทีไรก็พาลให้หงุดหงิดไอ้เด็กพนาจริงๆเลย

   “ ก็ใครใช้ให้ชลไปปัดเศษแก้วเล่า ” ไอ้พี่นาทว่าเสียงขรึมหน้านิ่วคิ้วผูกโบว์ “ โง่เอง ” ว่าเสร็จก็หัวเราะ

   ผมถลึงตาเบ้ปากหันไปมองหน้ามัน “ แล้วจะให้คุณลูกชายพี่เหยียบเศษแก้วรึไงกันครับ ”

   ไอ้นี่มันรักลูกมันบ้างมั้ยเนี่ย

   ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ~

   “ เอ่อ นั้นก็... ” อึกอักพูดอะไรไม่ออก “ มันก็จริง ถ้าชลไม่ช่วยพนา ปานนี้คงได้แผลเยอะแน่ ”

   “ เออสิ ” ผมส่ายหน้าเล็กน้อย “ แล้วทีหลังก็คิดก่อนจะพูดนะพี่ ”

   ยิ้มขำรับ “ คร้าบๆ ”

   จบครับ จบการสนทนาเพียงเท่านี้ เพราะตอนนี้รถได้จอดลงหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่ไม่ห่างจากมหา’ลัยมากนัก ไอ้ผมที่เพิ่ง
ยัดขนมปังไปก็เริ่มรู้สึกอืดๆขึ้นมานิดๆ พวกเราสี่คนพอลงจากรถได้ก็มุ่งไปเคเอฟซีที่ตั้งใจไว้ทันทีแต่ดันโชคร้ายนิดนึงที่โต๊ะที่
เหลืออยู่ดันไม่พอ

   “ ต้องขออภัยด้วยนะคะ โต๊ะเหลือแค่สองที่ค่ะ ” พนักงานสาวกล่าวส่งยิ้มขอโทษให้ไอ้พี่นาท ผมจิกตาใส่พนักงานคนนั้นอย่าง
ลืมตัวก่อนจะรีบทำเป็นมองฟ้ามองดินมองหลอดไฟตอนผู้หญิงคนนั้นหันมา

   วันนี้ตูเป็นอะไร อารมณ์แปรปรวนจริง...

   “ แล้วจะกินอะไรกันดีละคะ ” ฟ้าทำหน้ามุ่ยที่น่ารักมากๆหันไปทางไอ้(เชี่ย)นนท์

   มันทำท่าคิดเล็กน้อย “ งั้นให้ไอ้ชลกับพี่นาทกินที่นี่ แล้วเราไปกินร้านอื่นแล้วกัน ”

   “ ได้ไง! ” ผมโพล่งขึ้นทันที ได้ไงกันเล่า แบบนี้ไอ้นนท์ก็ได้ทำคะแนนเยอะดิ ไม่มีกอขอคองอเช่นผมเนี่ย

   “ อะไรของมึงไอ้ชล ” มันหรี่ตามองผม “ อยากแดกไก่ก็แดกไปสิ ”

   หน็อย... พ่ออยากกระโดดถีบจริงๆ

   “ งั้นเอาตามที่นนท์บอกแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะอยู่กินที่นี่กับชลนะ ” ไอ้คนข้างตัวผมก็พยักหน้ารับยิ้มๆ ส่งกุญแจรถคืนฟ้า “ เดี๋ยวพี่
กลับเองนะ ”

   “ แล้วชลจะกลับยังไง ” นางฟ้าหันมาถามด้วยความห่วงใย(มโน)

   “ คะ... คือ ”

   ไอ้พี่มังกือชิงตัดบท  “ เดี๋ยวพี่ไปส่งเองครับ ไม่ต้องห่วง ”

คำพูดกวมๆกำๆ ของไอ้พี่นาทสร้างความมึนเอ๋อให้กับสองคนนั่นไม่มากก็น้อย พอเห็นว่าไอ้นนท์จะอ้าปากพูดอะไรอีก มันก็
จัดการลากผมไปนั่งที่โต๊ะว่างทันที เสียมารยาทที่สุด! มันทำให้รู้เลยว่าต้องการจะอยู่กับผมและไม่อยากให้ใครมารบกวน
มันทำงี้ หมายความว่าไงวะ...

“ ปล่อยได้ยัง ” ผมถามหลังจากมันลากมานั่งที่โต๊ะแล้วเอาแต่เงียบ

มันทำหน้างงๆ “ หือ ปล่อยอะไร ”

“ มือผมเนี่ย จะจับยันชาติหน้าเลยมั้ย ” ประชดเข้าให้ แต่เสือกลืมอีกว่าไอ้พี่นาทเนี่ยประชดไปมันก็รับหมด

“ ได้นะ ถ้าชลให้จับ ” คลี่ยิ้มแย้มหนักกว่าเดิม ไม่เกรงหน้าใครเลย

แต่พี่ท่านช่วยแคร์หน้าคนรอบข้างบ้าง ดูสิ จ้องหน้าผมไม่เลิกทั้งสายตาอิจฉาริษานั่นด้วย

ผมดึงกระชากมือตัวเองกลับ ตวาดกลบอาการหน้าร้อนๆ “ พอเลย ไปสั่งไก่เลยไป๊ ”

“ ครับๆ ” ยังจะยิ้มอีก เปลือง!

มันลุกไปซื้อให้อย่างว่าง่ายไม่วายที่จะโยกหัวผมก่อนจะเดินไป ผมทำเสียงฮึดฮัดในลำคอเล็กน้อยอย่างหงุดหงิดกับท่าทีของมันที่ค่อนข้างจะ..เยอะ เกินเพื่อนเกินพี่น้องแหละ


เอ๊ะ หรือมันเกินมานานแล้วว่ะ



นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้ครู่หนึ่งไก่เคเอฟซีก็ถูกวางตรงหน้า กลิ่นหอมๆของทอดกระแทกจมูกเต็มๆ แค่นิดเดียวก็เรียกน้ำย่อยได้แล้ว ตอนแรกก็จุกขนมปังนะ แต่พอเจอไก่...หิวทันตาเลยสิเราชลธี

ผมหยิบส้อมขึ้นมาแล้วจิ้มที่นักเก็ต “ สั่งเยอะไปรึเปล่า อดอยากมารึไง ที่บ้านไม่มีข้าวกินรึไง ” มาเป็นชุดก็สมควรแล้วที่ผมจะบ่น

ก็ดูดิ ไก่นับสี่ห้าสิบชิ้นบนโต๊ะ แถมยังแอบเห็นสีหน้าโต๊ะข้างๆที่มองมาไม่หยุดแล้วรู้สึกอับอายมากครัช ซื้อมาขนาดนี้เอามาเผาเล่นรึไงค่ะคุณณณ

“ นิดเดียวเอง ” มันยักไหล่อย่างชิว “ เดี๋ยวมีคนช่วยกิน ”

เครื่องหมายคำถามต่อมเสือกมาทันที “ ใคร ”

“ นู้นไง ”

ไอ้พี่นาทลงมือกินไก่ก่อนผมซะอีก ปากก็คาบไก่มือก็ชี้ไปทางด้านหลังให้กระผมหันไปมองแล้วตรัสรู้เอง แน่นอนว่าคนขี้เสือกเป็นชีวิตจิตใจอย่างผมนั้นก็รีบหันขวับคอแทบหลุดไปมองทางประตูร้านที่กำลังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา


“ พี่ชลลล! ”


   เสียงตะโกนดีใจของเด็กตัวเล็กดังลั่นเรียกความสนใจให้ทุกชีวิตหันไปมองเด็กที่ใช้ชุดแฟนตาซีมังกรเป็นจุดเดียว ดวงหน้าเล็กยิ้มแป้นตาเป็นประกายก่อนจะวิ่งเหยาะมาทางผมกับไอ้พี่นาทที่แม่งกินไม่ลืมหูลืมตา สนใจลูกมึงหน่อยสิว่ะไอ้นี่

   แต่...พนาครับ เราสนิทกันแล้วเหรอครับ

   “ พนา อย่าวิ่งสิครับ ” ยูนิครีบตามมาคว้าช้อนตัวใต้รักแร้เด็กน้อยวัยละอ่อนขึ้นเพราะกลัวว่าจะวิ่งหกล้มซะก่อน

   “ ยูนิค ปล่อยพนา ปล่อยสิ ” ดีดดิ้นตวัดหางมังกรของตัวเองไปมาจนตีเข้ากับหน้าของคนอุ้ม เลยจำเผลอปล่อยมือให้เด็กพนา
หล่นตุ้บ...

   อ้าวเฮ้ย เวรแล้วมึง

   ตุ้บ!

ยูนิคหน้าเหวอไปเลย “ พะ พนา ”

“ ฮะ ฮึก ” เบะปากแล้ว... เตรียมสำลีได้เลย

เอามาทำอะไรน่ะเหรอ ก็...

“ แง!!!!! ”


อุดหูตัวเองน่ะสิ!!!


เด็กพนาตัวน้อยแหกปากร้องไห้ลั่นร้านจนกระจกร้านสั่นเลยทีเดียว พลังเสียงหนูช่างไร้ที่ติจริงๆ แก้วหูกูสะเทือนไปยันตับเลยครับ คนอื่นๆในร้านบางส่วนยกมืออุดหูแน่น บางส่วนก็ลุกหนีไปเลย

ส่วนไอ้คนเป็นพ่อน่ะเหรอ...

นั่งแดกไก่อย่างไม่รู้สึกอะไร

เป็นผมอีกเช่นเคยที่ต้องเดินไปอุ้มคุณเด็กมังกรน้อยพนามาปลอบ นี่กูเป็นแค่รุ่นน้องไอ้พี่นาทน่ะเว้ย ไม่ใช่พ่อไอ้เด็กนี่ แต่ทำไมตูยังดูแลดีกว่ามัน ไอ้พี่นาทนี่เป็นพ่อยอดแย่จริงๆ

“ ฮึก ฮือ เจ็บอ่า ” นี่ก็ร้องจริง น้ำหูน้ำตาหรือแม่น้ำเจ้าพระยาครับลูก

ผมกระชับตัวเด็กแล้วยืนอุ้ม “ โอ๋ๆ ไม่ร้องน่า ไม่เจ็บหรอก นิดเดียวเอง ”

“ นี่ผ้าอ้อมน้องครับ ” เดือนพรายเดินเอาผ้าอ้อมมาวางบนไหล่ผมและยิ้มให้แล้วเดินไปหาโต๊ะนั่งกับพวกยูนิค


เอ้า นี่โยนภาระให้กูเหรอครับ


   ผมยืนเคว้งน็อคกลางอากาศเลย เอียงคอมองหน้าเด็กที่ยังเบะปากสะอื้นกับไอ้คนเป็นพ่อที่นั่งกินไม่เลิก ไม่มองสถานการณ์เลย นี่ถ้าห้างไฟไหม้มันจะยังนั่งกินอยู่มั้ย

   “ พี่ชาย ฮือ เจ็บก้นง่า ฮือ ” เสียงร้องอ้อแอ้เรียกให้ผมไปสนใจ

   ผมส่ายหน้าขำๆ “ เจ็บมากเปล่า  ” ถามพลางอุ้มเด็กมานั่งลงที่โต๊ะ

   “ มากๆ พนาเจ็บหางด้วย งื้ออ ฮือ ” พนานั่งปุ๊กลงบนตักผมพลางจับหางให้ผมดู ซึ่งตรงปลายหางมันแดงๆระเรื่อ คงช้ำมั้ง แต่
เดี๋ยว มังกร หนังมันหนาไม่ใช่อ่อ

   “ เจ็บ? ” ผมเผลอทวนซ้ำ

   “ นี่มันลูกมังกร ยังไงผิวหนังก็บางอยู่ก็คงเจ็บอยู่หรอก ” พี่สกายคนแบดนั่นเองที่ไขความกระจ่างให้ผม รู้สึกตั้งแต่เฮียแกเข้ามา
ในร้าน ดูจะไม่มีใครกล้าเข้าอีกเลย ก็ดูรังสีความน่ากลัวดิ ขนาดผมรู้จักยังสยองเลย เฮียแกเดินมาแบ่งไก่ที่โต๊ะผม ซึ่ง...เอาไปเถอะ เพราะมันเยอะชิบหายเลยครับ

   “ อ้อ แล้วมากันทำไมต้องเยอะเนี่ย ” ผมถามพลางใช้ผ้าอ้อมเช็ดหน้าให้กับพนาปานกับมันเป็นลูกของผมเอง

   “ ยูจินบอกอยากกินอาหารที่ห้างบ้าง ก็เลยพาลงมา ”

   เดือนพรายตอบแทนขณะเลือกไก่ใส่ถาดของตัวเอง พอพวกมันทำแบบนี้แล้ว รู้สึกว่าโต๊ะผมนี่มันโต๊ะลูกค้าหรือโต๊ะบุฟเฟ่ต์ตักได้ตลอดกันว่ะ

   “ แล้วทำไมต้องพาพนามาด้วย ” อ้าว พ่อเด็กฟื้นแล้วเหรอ นึกว่ากระดูกไก่ติดคอตายไปแล้ว

   สกายหันมาตอบ “ แล้วจะให้ปล่อยอยู่คนเดียวรึไง พ่อมันก็ไม่ดู ”

   โอ๊ยย ชอบ ด่ามันๆ

   “ ก็ฉันต้องทำอย่างอื่นปะ ” ไอ้พี่นาทคายไก่ที่กำลังกินอยู่แล้วจ้องหน้าสกายตรงๆ

   “ ฉันรู้ แต่แกก็ควรดูแลลูกบ้าง ” สั่งสอนเสียงดุ

   “ ก็ฉันเลี้ยงไม่เป็นนี่หว่า ”

   เดือนพรายสวนบ้าง “ ทำอย่างกับพวกฉันเลี้ยงเป็นงั้นแหละ ” 

    “ ก็หัดๆไปก่อนไง เดี๋ยวพวกแกก็ต้องเลี้ยงลูกตัวเอง ”

   ไอ้พี่นาทกอดอกยักคิ้วเหล่ตาไปทางเด็กแฝดยูนิคอร์นที่นั่งคุยกันอยู่ ก่อนจะหันกลับมาจ้องหันคนทั้งสองที่เพิ่งเลือกไก่เสร็จ

   “ ยังเด็กอยู่ ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า ” เดือนพรายว่าหน้าแดงเถือก

   สกายแสยะยิ้มให้ “ ระวังมีใครคาบไปแดกแล้วกัน ”

   “ โอ้โห ทำอย่างกับมึงกล้าแตะยูนิคตายแหละ ”

   แล้วทั้งคู่ก็ทะเลาะกันไปถึงโต๊ะ ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งตีความกับสิ่งที่ได้ยิน... ผู้ชายกับผู้ชาย มีลูกด้วยกันได้เหรอวะ สิ่งมหัศจรรย์ที่เก้าเลยเว้ย! (แปดก็ไอ้พี่นาทนี่ไง)

   ผมก้มมองไอ้เด็กมังกรบนตักแล้วก็สงสัย... แล้วนี่มันเกิดจากพ่อแม่แบบไหนหว่า

   “ ไอ้พี่นาท ” สงสัยแล้วต้องถาม มันเป็นการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งครับ

   “ หือ ” คาบไก่อีกตามเคย พี่หิวพี่ก็บอกสิครับ.. แดกซะน่ากลัวเลย “ อะไรเหรอ ”

   “ เมื่อกี้... หมายความว่าไงอ่ะ มีลูก... ” ผมอึกอัก แต่ต่อมความอยากรู้แม่งทะลุปรอท “ แบบสกายกับยูนิคมัน... ได้เหรอ ”

   ไอ้พี่มันพยักหน้า “ ได้... เราไม่ใช่มนุษย์ไง ถึงทำได้ ”

   จบ เคลียร์ทุกความสงสัย เอาซะกูไปไม่เป็นหาคำถามต่อไม่ได้เลย ผมถอนหายใจทิ้งเล็กน้อยเพื่อที่จะขจัดความอยากรู้แล้วสนใจกับไก่บ้าง เพราะตั้งแต่มาก็ยังไม่ได้แตะเลย

   “ พี่ชล พนาอยากกิน ”

   พอจะลงมือกิน มารขัดขวางก็มา
   
“ กินได้ใช่เปล่า ไอ้พี่นาท ” ผมหันไปถามความเห็น แล้วมันก็พยักหน้าตอบมา

   ผมว่าผมตะกละแล้วนะ พอเจอมันแล้ว กูยอมแพ้เลย...

   มืออวบๆของพนาคว้าหยิบส่วนอกไก่กรอบมายื่นให้ผม เท่านั้นแหละ รู้เรื่องเลย ว่า...มื้อนี้กู...อดแดก ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กจำเป็นเนี่ยนะ ตลกร้ายสุดๆ

   “ แกะๆๆ ” เร่งอีกนะ

   “ ครับๆ จิ้มซอสมั้ย ” ผมฉีกไก่แล้วถามด้วยรอยยิ้ม

   พนาพยักหน้า “ ซอสมะเขือเทศ ”

   ผมจิ้มซอสตามที่เด็กสั่งแล้วป้อนให้ ทำแบบนั้นไปเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกที ไอ้เด็กนี่ก็ล่อไปกว่าเจ็ดชิ้นแล้ว กินจุเหมือนพ่อมันไม่มีผิดเลยจริงๆ

   งานนี้ผมคุยเล่นกับพนาจนแทบจะเรียกว่าสนิทได้แล้ว ส่วนไอ้พี่นาทเหรอ ยังคงนั่งแกะไก่กินไม่เลิก กระเพาะคนหรือกระเพาะมังกรว่ะเนี่ย เออ มันเป็นมังกรนี่หว่า ลืม

   ผมถามไปว่าทำไมพนาถึงใส่ชุดแฟนตาซีเด่นแบบนี้ ก็ได้คำตอบว่ากลบไอ้เจ้าหางมังกรของจริงที่โผล่มาไง เพราะยังเด็กเลย
ควบคุมพลังไม่ได้

   พอเงยหน้าจะหยิบน้ำอัดลมมาจิบแก้กระหายน้ำลายแห้งชิ้นไก่พอดีคำก็ยื่นมาตรงหน้า

   “ อะไร ”

   “ ชลยังไม่ได้กินเลยไง ”

   มึงเพิ่งรู้สึกเหรอ! ถ้ากูโดนฆ่าตรงนี้แล้วมึงไม่รู้ตัวนี่ กูเชื่อเลย!

   “ เห็นพี่กินก็อิ่มแหละครับ ” ว่าไปอยากที่คิด เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

   มันทำหน้าสลดเล็กน้อย “ คำนี้คำเดียวก็ได้ ”

   “ ป้อนลูกพี่ไปเถอะ ”

   ว่าไปหัวเราะเล็กน้อยอุ้มเด็กพนาขึ้นมาพอดีกับมือไอ้พี่นาท เด็กน้อยตาแป๋วพอเห็นไก่ก็กัดหมับเลย ส่วนไอ้คนป้อนก็หัวเราะน้อยๆเลื่อนมือมายีผมลูกแล้วหยิบแก้วน้ำตัวเองที่เป็นน้ำเปล่าให้พนาดื่ม

   ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า... ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเราเหมือนพ่อแม่ลูกมากเลย ฮ่าๆๆ ท่าจะประสาทแล้วสิ หลังจากที่ให้พนานั่งตักนานจนเหน็บกินก็เปลี่ยนไปให้พี่นาทอุ้มบ้าง

   กินกันไปได้อีกพักใหญ่ก็ดันมีเรื่องแปลกเกิดขึ้น...


   “ ท่านท้าว! กลิ่นไอนักล่า! ”



เสียงยูนิคตะโกนมาจนผมชะงักปากที่กำลังแดกไก่... ตูเพิ่งจะได้กินเองนะเว้ย

   ใบหน้าแย้มยิ้มกับผมในตอนแรกพลันเย็นยะเยือกเหมือนตอนที่สู้กับงูในป่าไม่มีผิด “ พวกมันมาได้ไง ”

   “ ไม่รู้แหละ ยังไงก็หนีก่อนเถอะ พนาก็อยู่ด้วยแบบนี้ลำบาก ” สกายว่าเสียงเรียบอย่างมีสติลุกขึ้นควักมือให้เด็กแฝดลุกตาม แต่ยูจินยังคงอิดออดคงเพราะยังกินไม่อิ่ม

   “ ชล ลุกเร็ว ”

   ไอ้พี่นาทหันมาพูดกับผมส่วนมือก็กระชับตัวลูกชายแน่นสีหน้าเย็นยะเยือกขัดกับแววตากังวล พวกผมลุกขึ้นเก็บข้าวของของตัวเองเตรียมจะออกจากร้านถ้าไม่...


   เพล้ง!!!



ฉึก!!



   “ ยูนิค!!! ”

   ร่างของเด็กหนุ่มผมสีอ่อนทรุดลงกับพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก แต่ดีที่สกายคว้าร่างได้ทัน เลือดสีสดเปรอะไปทั่วเสื้อของสกายเพราะใส่สีขาวเลยเห็นได้ชัด ส่วนผมน่ะเหรอ ยืนแข็งทื่อเป็นตอไม้ไปแล้ว...

   ดาบเล่มยาวสีดำทะมึนเสียบเข้าตรงท้องเด็กจังๆแต่ดีที่ไม่ทะลุ แต่ทว่าเพียงแค่นั้นก็ปางตายแล้ว

   ทุกคนมัวแต่ตะลึงกับสถานการณ์ที่พลิกผันแปรผวนเช่นนี้จนทำอะไรไม่ถูก ไอ้พี่นาทเองก็ยืนนิ่งเบิกตาตะลึงค้าง เราทุกคนเหมือนสติหลุดกันไปแล้ว จนเสียงเท้าหนักๆของกลุ่มคนจะเดินเข้ามา...


   ใคร...


   ผมเงยหน้ามองกลุ่มคนพวกนั้นที่มีเพียงสี่คนใส่ชุดคลุมสีดำทะมึนมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับพวกลัทธิอะไรสักอย่าง ดูเผินๆอาจจะไม่มีอะไร แต่ไอสีดำรอบๆตัวพวกมันเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงสยดสยองที่สุดแล้ว อาวุธในมือพร้อมรบมาก เดือนพรายที่ตั้งสติได้ก่อนก็สะบัดมือทั้งสองข้างให้แปรเปลี่ยนเป็นมือเกล็ดมังกรดันตัวยูจินหลบไปไว้ข้างหลัง...

   สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งกว่าหนังแอ็กชั่นฮอลลีวูดอีก แถมชัดเต็มตาทั้งสัมผัสและกลิ่นด้วย


   ...ผมกลืนน้ำลายอย่างเหนียวคอกับสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ


   ตอนนี้ผมควรรู้สึกกลัวมากกว่าที่จะหัวเสียนะ


   ถามว่าที่หัวเสียคือเรื่องอะไรน่ะเหรอ ก็เรื่อง...



   กูยังไม่ได้กินไก่สักชิ้นเลยเว้ยยยยยย
.
.

.

   ขอกินให้เสร็จก่อนแล้วพวกเอ็งค่อยมาไม่ได้รึไงห่ะ!!










TBC.

ฮึบบบบสุดท้าย ชลก็ไม่ทิ้งลายตะกละ 55555555


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
พี่นาทสู้ๆ ตอนนี้น่ารักมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
หูยยยยย แจ่มมิหยอกอ่ะ
ชอบพนาแหะ เด็กอาร้ายยยย มีหางโพล่มาด้วย55555

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ฮา ชลอะ จะได้กินก้อไม่ได้กิน

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หืยยยยยยยย มันส์แน่ๆ งานนี้ รอตอนต่อไปน้าาาา ใครเป็นพวกองค์กรโค้ดดำ ใช่เขารึป่าวว

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :hao7: :hao7: น้องชลสายแดก

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ถึงหิวก็ต้องทนแล้วละชน อดตลอด :o12:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เวลาแบบนี้ยังจะมาห่วงกินอีก ถถถถถ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ยูนิค โดนแทงเป็นไงบ้างเนี่ย  :ling3:

ชลห่วงพนาก่อนนนนนนนนกลัวโดนลูกหลง

ขนาดล้มยังร้องซะห้างแทบแตก

มีทั้งมังกรเด็กและมังกรเจ็บจะสู้ไหวไหมเนี่ย  :katai1:

ชลห่วงกินมากกว่าห่วงเรื่องเขาตามฆ่าอีกอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ยังจะห่วงกินอีกชล 555 ห่วงลูกห่วงสามีก่อนไหม

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เดี๋ยวๆ ชลๆ ห่วงยูนิคก่อนมั้ยคะ 5555555 อย่าเพิ่งห่วงกิน กลัวตายก่อนลูกกกก อย่าเพิ่งห่วงไก่ ปล.พนาน่ารักง่าาาา  :-[ :-[

 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kwang_CPM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากกกกกกกก   มาต่อไวๆๆนะคะ   


นั่งเปิดทุกวันเลยยย    มาต่อเถอะนะคะ  :katai4:

ออฟไลน์ paravee96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะร้องไห้หรือขำชลดีเนี่ย สถานการณ์นี้ยังห่วงกินอีก 55555 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
สนุกมากกกกกกกก   มาต่อไวๆๆนะคะ   


นั่งเปิดทุกวันเลยยย    มาต่อเถอะนะคะ  :katai4:

ขอบคุณค่ะ ดีใจจังที่ชอบ  :mew4: จะพยายามเขียนให้ดีที่สุดงับบบ  :pig4:

ออฟไลน์ THANZ

  • ̷̷̸̸̷̸̐̐THANZ̷̷̸̸̷̸̐̐
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อเถอะค๊าบบ :katai1:  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอฉันรอเธออยู่ แต่ ไม่รู้ เธออยู่หนใด....
เธอจะมาเธอจะมาเมื่อไหร่.....

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนเขียนหายยยยยย  :ling1: :ling1: ฉันรอพี่ที่หน้าเว็บทุกวันเลยนะ  :mew2:

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0



อาถรรพ์พงไพร













...เหมือนจะได้ยินเสียงจากที่ไหนสักที่


   กระซิบเบาๆว่าจะพาไปอยู่ด้วย


   เสียงมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆบวกกับสถานการณ์ตรงหน้า...


   คิดบวกลบคูณหารถอดรากแล้ว เปอร์เซ็นต์น้อยนิดที่จะรอด


   พลาดนิดเดียว ได้ลงไปเฝ้ายมทูตชัวร์ป้าบ!


   ถ้าไม่จริง นายชลธีคนนี้ยอมอดข้าวหนึ่งมื้อเลยเอ้า!


   อย่าถามว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ให้ถามว่ากระผมนายชลธียังมีชีวิตอยู่ดีกว่ามั้ย ตอนนี้ผมยังคงครบสามสิบสองหรือเปล่า แต่ผมยังคงครบสามสิบสองดีครับ! ในตอนนี้สถานการณ์ตรงหน้าค่อนข้างจะเลวร้ายขั้นโคม่าเลยทีเดียว... ร่างกายสูงสง่าของสกายเต็มไปด้วยบาดแผล ส่วนเดือนพรายลงไปกองกับพื้นกุมท้องที่ถูกแทง ด้านหลังผมเป็นเด็กแฝดยูนิคอร์นที่คนพี่นอนหมดสติไปแล้ว มียูจินที่นั่งห้ามเลือดให้อยู่ทั้งที่สภาพตัวเองยังจะคุมสติไม่ไหว

   ข้างๆผมเป็นไอ้พี่นาทที่ยืนทะมึนตึงจะก้าวไปช่วยสองคนนั้นก็เกรงจะไม่มีใครป้องปกสี่ชีวิตที่เหลือ...

   จริงๆนายชลธีก็อยากจะวิ่งหนีอยู่นะ ถ้าไม่ติดว่าขาก้าวไม่ออก...เลยจำต้องนั่งปลอบไอ้ลูกมังกรอยู่ไง... สภาพจิตใจผมก็ไม่แข็งกระด้างขนาดที่จะไม่รู้สึกหวาดหวั่นหรือหวาดกลัว... แต่มันกลัวจนไม่สามารถแสดงออกไปแล้ว

   ไอ้พี่นาทสะบัดมือโบกให้โต๊ะเคาน์เตอร์หลายตัวมาช่วยในการบดบังพวกตัวถ่วงทั้งสี่อย่างผม พนา ยูจินยูนิค เพื่อที่จะได้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย

   “ อย่าลุกจากตรงนี้นะ ” มันพยายามจะยิ้มให้ผมทั้งที่มันไม่ควรจะมีในตอนนี้ด้วยซ้ำ

   ผมพยักหน้าซบลงที่ตัวอวบๆของพนา “ อือ ”

   “ ไม่ต้องกลัวนะ ” มันยังคงฝืนยิ้มต่อไป... “ พี่ไม่ให้ใครมาทำร้ายชลกับลูกได้หรอก ”

   มือหนาวางลงทั้งบนหัวผมและพนา มันยิ่งทำให้พนาร้องไห้กอดตัวผมแน่นไปอีกจนจะหายใจไม่ออกแล้วไอ้เด็กบ้า! แต่ทำไมไอ้ประโยคข้างบนมันแปลกๆวะ ชลกับลูก... พูดซะเหมือนว่ากูเป็นเมียมึงซะงั้น

   “ ไปได้แล้ว ” ผมเอ่ยปากไล่

   “ แต่... ”

   ผมเงยหน้ามองจ้อง “ จะรอให้สกายกับเดือนพรายตายก่อนรึไงหา! ”

   “ แล้วไม่กลัวพี่จะตายบ้างเหรอ ” น้อยใจ... สาดมาเต็มที่เลยนะ แล้วมันใช่เวลาเหรอไอ้มังกือกิ้งก่าไส้เดือน!

   ผมชักสีหน้าเซ็งๆ “ หนังเหนียวแบบนี้ คงตายง่ายหรอก ” ถอนหายใจ “ ไปได้แล้ว ”

   มันบุ้ยปากอย่างงอนๆราวกับผมทำผิดมากมาย... จะงอนเป็นตุ๊ดก็ไว้ทีหลังไม่ได้รึไง

   “ เออ... ระวังตัวด้วยแล้วกัน ”

   ก่อนมันจะไปไกลผมก็เอ่ยขึ้นพลางหันหน้าไปอีกทางซ่อนใบหน้าแดงร้อนแปลกๆไปเงียบๆ “ ไม่ได้ห่วง แค่ยังไม่อยากกินมังกรย่าง ”

   “ ครับๆ ”

   ยิ้มร่าเลยนะ...

   ผมมองตามหลังมันไปด้วยความรู้สึกอัดๆในอก...

   ไอ้พี่นาทเข้าไปในวงชุลมุนป้องกันให้เพื่อนทั้งสองอย่างว่องไวและคล่องแคล่ว แล้วถ้าเอ็งจะเก่งขนาดนี้ แล้วทำไมถึงปล่อยให้สองคนนั้นสะบักสะบอมซะปางตาย มังกรเลว

   เมื่อกัมปนาทเข้าสู่วงต่อสู้ชายชุดดำเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายรุมมังกรน้ำเงินอย่างกัมปนาทแบบไม่มีทางให้หยุดพักหายใจ การ
เคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับชายปริศนาที่ล้มลงไปเรื่อยๆ ถึงยังไงพวกนี้ก็เป็นแค่มนุษย์เท่านั้น ริคิดจะสู้รบกับปีศาจยังคง
เร็วไปหมื่นปี...

   เพราะมัวแต่หลบหลีกดาบของอีกคน จึงไม่ได้ระวังข้างหลังที่พวกมันคว้าบางอย่างมา...



   ตู้ม!



   เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมหัวใจชวนให้เต้นระรัวหนักกว่าเดิม... ผมหลับตาแน่นภาวนาให้ทุกอย่างไม่เลวร้ายไปกว่านี้ จะให้ชะโงกคอมองสถานการณ์มันก็ไม่ใช่ที่ เห็นแบบนี้ยังกลัวตายนะครับ

   “ ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้รึไงวะ!! ” เสียงคำรามลั่นก้องไปทั่วมันทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม จำได้ดีว่าเป็นเสียงของไอ้พี่นาท... แต่ไม่เห็นสภาพของมันสักนิด...

   กัมปนาทนึกขอบคุณที่ตัวเองใช้โต๊ะบังสายตาของชล เพราะตัวเขาในสภาพที่โดนระเบิดเต็มๆกลางหลังมันไม่ค่อจะน่าชมสักเท่าไหร่... ขบเขี้ยวกัดฟันทรงตัวยืนขึ้นแววตาเริ่มแปรสี...

   “ มนุษย์กับปีศาจมันร่วมโลกกันไม่ได้ ” เสียงไร้ความรู้สึกดังกังวานพร้อมมีดนับร้อยปรากฏรอบตัว “ ยิ่งพวกเจ้ามาอยู่ในโลกนี้ ยิ่งต้องถูกกำจัด ”

   “ แต่เราก็ไม่ทำอันตรายใคร ”สกายตวาดลั่น “ เราแค่มารอรับคนของเราเท่านั้น! ”

   คนพูดชะงักปากแทบไม่ทันเมื่อรู้ตัวแล้วว่าดันพูดอะไรออกมาซะแล้ว... กัมปนาทหันไปถลึงตาใส่อย่างคาดโทษ ยังไม่ทันที่จะออกตัวรบราต่อ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย...

   “ รับหมอนั่นหรือว่า...  ” เสียงปริศนาดังขึ้นพอจากในอากาศที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเสียงของใคร “... พวกเจ้ากำลังจะบอกว่าหาหมอนั่นเจอแล้ว?”

   แต่ดูเหมือนกัมปนาทจะจำได้ดีถึงกับหน้าซีดเซียว...

   “ นา...ซิสส์ ” สกายเอ่ยออกมาเบาๆเมื่อเงามืดค่อยๆรวมตัวกันจากทุกสารทิศ... ก่อรวมร่างเป็นคนขึ้นมาช้าๆ... กัมปนาทเองก็ยืนตัวแข็งนิ่งไม่ไหวติงจ้องเขม็งที่กลุ่มหมอกดำ...

   ใครคนหนึ่งก้าวออกมาจากควันสีดำพร้อมใบหน้าหล่อร้ายกาจหน้าซีกซ้ายมีลวดลายสีดำแต่งแต้มไว้ให้รู้ว่ามันคือสัญลักษณ์บางอย่าง...

   สัญลักษณ์ของการฆ่าและช่วงชิงอำนาจและพลังของปีศาจ...


   มันทำบ้าอะไรลงไป!!


   “ สวัสดี... ไม่เจอกันตั้งหลายร้อยปีเลยนะ ” สุรเสียงรื่นเริงกล่าว “ คิดถึงข้าหรือเปล่า ”

   “ ไม่มี..ทาง ”

   กัมปนาทเบิกตากว้างพร้อมกับเสียงประท้วงในหัว ไม่! ไม่! มันไม่มีทางตื่นก่อนคำสาป ไม่มีทาง! ถึงจะตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตาย ร่างมนุษย์ที่ถูกแช่ไว้เป็นร้อยๆปี ไม่มีทางจะมีเรี่ยวแรงหรือพลังเวทย์เหลือแล้ว

   “ อากาศอุ่นๆแบบนี้ ไม่ได้สัมผัสมานานเท่าไหร่แล้วนะ ” ชายคนนั้นยังคงมีท่าทีสนุกสนานยกมือยกมือวาดไปบนอากาศ...

   “ นาซิสส์... ”

   ไม่สิ... ชายตรงหน้าไม่ใช่ร่างของนาซิสส์คนนั้น เป็นใครก็ไม่อาจรู้... แต่ดวงจิตในร่างตอนนี้คือ นาซิสส์คนนั้น คนที่มันฆ่าคนรักของเขา และสาปให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานอยู่กับโลกที่ไม่มีเสาหลัก...

   “ เกือบจะลืมชื่อตัวเองแล้วสิ ” รอยยิ้มเหี้ยมประดับบนดวงหน้า “ ขอบคุณที่ยังจำกันได้”

   “ สงสัยหรือ ทำไมข้าถึงตื่นขึ้นมาก่อนคนของเจ้า ” รอยยิ้มที่ไม่น่าเชยชมแย้มขึ้น “ ดูจากสีหน้าโง่ๆของพวกเจ้าแล้ว ข้าจะบอกให้ก็ได้ ”

   นาซิสส์ว่าอย่างสบายๆก่อนจะร่ายมือเบาๆยกเก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดขึ้นมาตัวหนึ่งเพื่อให้เขานั่ง...

   “ ต้องขอบใจเจ้าพวกทายาทสายเลือดของข้า ที่บังเอิญเจ้าเด็กคนนี้ ” ชี้ที่ดวงหน้าของร่าง “ มันอาจหาญอยากลองวิชาที่สืบมา หาทางติดต่อกับพวกปีศาจ...แล้วก็ฆ่า ชิงอำนาจจนได้พลังที่ยิ่งใหญ่ ”

   ชื่นชมในตัวหลานรักคนนี้จริงๆที่โลภมากและทะเยอทะยานจนสุดท้ายตัวเองก็ต้องตาย...

   “ ดีที่ลูกหลานข้ามันปลูกฝังมานับร้อยปี ให้ถอนคำสาปให้ข้า ” เว้นวรรคเล็กน้อย “ เจ้าเด็กนี่จึงหาทางปลดคำสาปข้า จนมันสำเร็จ แต่ร่างกายข้ามันอ่อนแอจวนจะตาย เลยต้องฆ่าแล้วยึดร่างนี้แทน ”

   “ แล้วหลานเจ้า... ”

   นาซิสส์คลี่ยิ้มกว้างพร้อมชูมือขึ้นกำๆแบๆ  “ ตอนนั้นน่ะหรือ มือของข้ายื่นออกไปยังดวงจิตของมัน จับมันไว้ ” กำมือ “ แล้วกระชากออก บีบมันจนแตกสลาย ”

   สามหนุ่มที่สภาพสะบักสะบอมมองตาค้างกับความโหดร้ายนั่น กฎของโลกพวกเขา มันคือ ข้อห้าม... การแย่งชิงพลัง การขโมยร่างย้ายร่างหรือการทำลายดวงจิต...

   แต่ในตอนนี้ความผิดทั้งหลายกลับไหลเวียนอยู่ในตัวนาซิสส์ตรงหน้านี่แล้ว...

   “ ร่างใหม่ก็ดีนะ... เปี่ยมไปด้วยอำนาจ และอายุ...ที่ไม่วันหมดสิ้นของปีศาจ ”

   เดือนพรายยกมือที่อาบเลือดชี้หน้าอีกฝ่าย “ เจ้า... หลานเจ้ากลืนกินวิญญาณปีศาจเข้าไปแล้วหรือ! ”

   “ ใช่... นี่สินะที่เขาเล่าลือกัน หากได้กินวิญญาณของปีศาจที่ตนฆ่าแล้วจะได้ชีวิตอมตะชั่วนิรันดร์ ” นาซิสส์โคลงหัวไปมาตามเสียงหัวเราะจิตๆของตัวเขาเอง

   “ หึ... แต่ยังไงเจ้าก็เป็นเพียงมนุษย์ เอาชนะพวกข้าไม่ได้อยู่ดี ” สกายเอ่ยเย้ยหยันก่อนจะสำลักเลือดก้อนใหญ่ สร้างความหรรษาให้แก่คนร้ายกาจมากขึ้น

   “ ดูสภาพตัวเองซะก่อนเถิด จะตายอยู่แล้ว ”

   สกายขู่... “ อย่าคิดว่าพวกข้าไม่รู้... ที่นี่เขียนเขตผนึกปีศาจไว้ ” พูดเพียงเท่านั้นก็สำลักเลือดอีกระลอก...

   กัมปนาทตวัดหางตามองอาการพรรคพวกตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาพูดจี้จุดใครอีกคน “ ฆ่าพวกข้าแล้ว... ยังไงเจ้าก็ไม่มีวันก้าวไปเป็นเทพได้ ”

   “ นี่หรือวิธีขอเอาชีวิตรอดของท่านน่ะ ” มองเหยียดอย่างดูถูก

   “ จะฆ่าก็ได้นะ... เพราะยังไงแล้วป่าอาถรรพ์ก็ไม่มีวันเป็นของเจ้า”

   หางคิ้วคนโดนดูถูกกระตุกแรงพร้อมโทสะฉาบวาบไปทั่วดวงตา “ ทำไม... ป่านั่นในตอนนี้มันมีเจ้าของด้วยหรือ แถมเจ้าของเก่ามันยังไม่รู้เรื่องเลยนี่ ควรมอบให้แก่ข้าได้แล้ว ”

   “ ฝันหรือ ” กัมปนาทว่าพร้อมทั้งไอเป็นเลือดออกมาจากการช้ำในตอนโดนระเบิด

   นาซิสส์ส่ายหน้าเล็กน้อย “ ข้ามีวิธีบังคับที่ดีกว่านั้น ”

   หันไปทางหลังเคาน์เตอร์ที่มีพวกชลอยู่...

   “ มันจะไม่มีครั้งที่สอง ” เสียงเหี้ยมของกัมปนาทกล่าว ก่อนที่ใบหน้าของตัวเขาจะเริ่มขึ้นเกล็ดน้ำเงิน  “ ริจะยึดป่า แต่ยังไม่สามารถรู้ตำแหน่งของป่าได้ ช่างโง่เขลานัก ”

   “ กัมปนาท! ”

   ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กัมปนาทเริ่มร้อนรนจนไม่มีสติคุม “ ต่อให้หาเจอ เจ้าก็เข้าป่าไม่ได้  ”

   “ หึ... ลืมไปแล้วหรือ... เสาหลักเขตแดนพลังหายไป อีกไม่นานก็ป่าปรากฏ ” นาซิสส์ไร้ท่าทีหวาดกลัวก่อนจะยกมือขึ้นแล้วตวัด
ลงอย่างรวดเร็ว “ ใช้พลังเพียงน้อยนิด... ก็พังมันได้แล้ว!”

   ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเคาน์เตอร์บาร์ก็ระเบิดแตกพังออกให้เห็นร่างของชลธีที่นั่งกอดเด็กคนหนึ่งอยู่... หัวคิ้วคนพาลคลี่ออกมาเล็กน้อยเมื่อมองลงไปที่เด็กน้อยอันกำลังร้องห่มร้องไห้อย่างเสียขวัญ...

   “ นั่นลูกเจ้าหรือ ” ชี้ไปที่เด็ก “ น่ารักน่าเอ็นดู... ถ้าทำอะไรมันสักหน่อย เข้าจะว่าจะมั้ย ”

   ชลธีเบิกตาแทบถลนกับคำพูดนั่นกระชับเด็กเข้าหามากกว่าเดิมส่ายหน้าเป็นระวิงพร้อมมองไปทางไอ้คุณพี่นาทอย่างหวาดๆ
   สาบานเลย หลังจบงานนี้ เขาจะทำบัญเก้าวัด

   เจอแต่อะไรก็ไม่รู้!

   กินก็ยังไม่ได้กิน ยังจะมาให้ตายอีก!

   เขายังไม่อยากกินข้าวมื้อสุดแล้วตายนะเว้ย!

   พรุ่งนี้ยังมีชีวิตกินข้าวอยู่

   “ ถ้าแตะต้องลูกข้า อย่าหวังจะมีลมหายใจถึงพรุ่งนี้เลย! ” กรงเล็บมังกรกางออกข่มความปวดแสบพุ่งตัวไปหมายคว้าคออีกฝ่ายแต่กลับคว้าได้เพียงอากาศ มิหนำซ้ำยังถูกพวกพวกรับใช้ของนาซิสส์แทงจากข้างหลังอีก...


   “ ไอ้พี่นาท!! / ท้าวพ่อ! ”


   ร่างของมังกรหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดเจียนตาย เงยหน้ามองคนที่ยืนเหนือหัวด้วยแววตาอาฆาต...

อยากจะลุกฉีกเนื้อมันเป็นชิ้นๆแต่ร่างกายกลับไม่ขยับ มีบางอย่างกำลังแผ่ซ่านเข้ามาตามเซลล์ผิวหนังให้รู้สึกร้าวราน...

   “ ท่าทางดูไม่ได้เลยนะท่านท้าว ”

   ขบบดเขี้ยวอย่างเคียดแค้น “ อย่าให้ข้าลุกได้! ข้าจะถลกหนังเจ้าโยนให้สัตว์เดนตายกิน! ”

   “ ปากดีจริงนะ ” กระชากดาบที่เสียบอยู่ข้างหลังของกัมปนาทออกให้เลือดสีแดงสดทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก


   “ อ๊าก!! ”


   มังกรหนุ่มร้องเสียงหลงกับความปวดเจียนตายนี้... แต่มันคงไม่สาแก่ใจของอีกฝ่าย 

   “ หึ... ทรมานเจ้าเพียงเท่านี้มันอาจจะไม่สนุกเท่าไหร่ ” เบนสายตาไปทางลูกน้อยแก้วตาดวงใจของพวกมัน เดินตรงไปหมาย
คว้าตัวเด็ก “ มันต้องทำร้ายคนสำคัญสิ ”

   คนเป็นพ่อเริ่มร้อนรน “ อย่า! อย่า! ”   

   “ หึ ”

   ปลายนิ้วเกือบจะได้แตะกับตัวเด็กแล้วถ้าไม่มีอีกคนปัดมือนาซิสส์ออกได้ทัน...


เพี๊ยะ!



“ นึกว่าใคร... เจ้าเด็กอวดดีเองหรือ ”

   เป็นยูจินเอง เด็กยูนิคอร์นยืนขวางหน้าด้วยใบหน้าที่เจือเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ดวงตาสวยแกงก่ำจากการร้องไห้ “ ออกไป ออกไป!!! ”

   รอบตัวของยูจินเต็มไปด้วยควันประหลาดออร่าพุ่งพรายออกมาหมายจะปัดป้องออกจากภัยร้าย...

   หากเป็นมนุษย์แล้วโดนไอปีศาจของเด็กตรงหน้าแล้วจะสิ้นใจทันที แต่เผอิญ...นาซิสส์ก้าวข้ามความเป็นมนุษย์มาเสียแล้วสิ...

   “ ข้าไม่อยากรังแกเด็กนักหรอกนะ ”

   “ ข้าไม่ใช่เด็ก! ”

   “ เด็กไม่เด็กก็หลบไป อย่ามาขวาง ”

   เสียงอ่อนโยนว่างั้นแต่แสงไฟกลับสะท้อนเงาของมีด คนตัวเตี้ยทำสีหน้าตะลึงจะเบี่ยงหลบแต่มันไม่ทันกรีดยาวพร้อมทั้งยังถูกโยนหลบให้พ้นทาง...

   ชลธีมองภาพนั้นอย่างหมดสิ้นสติประคอง หยาดเลือดของเด็กที่ปกป้องกระเซ็นมาโดนหน้าเขา... ยกมือขึ้นแตะมันเบาๆให้รับรู้ว่าเป็นเลือด และมันยังอุ่นอยู่...

   เหมือนความคิดของเขาถูกกดหยุด ในหัวขาวโพลนไปหมด...

   กลางอกมันร้อนจนแทบประทุ... ดวงตาเหลือกขึ้นบนจนเหลือเพียงตาขาว... เขาจำสภาพตัวเองได้แค่นั้นก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงอย่างช้าๆ...

   พร้อมกับแววตาหวาดกลัวของนาซิสส์...

   และเสียงบทสวดที่ดังก้องอยู่เต็มหัว...
.
.
.
   
มันเกิดอะไรขึ้น...





TBC.

ฮึบบบ ขอโทษที่หายไปนานน่าาาาา พอดีเอ็นข้อมือขวาฉีกเลยพักยาวไปหน่อย แหะๆๆ
ฝากเอ็นดูพนามังกรน้อยด้วยน่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2015 15:23:30 โดย FusayaZaa »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
มาทำให้ค้างแล้วก็มาจากเราไป :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
เข้าใจหัวอกชลที่พี่นาทพามากินไก่แล้วก็ยังไม่ได้กินนนนนน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Imm339

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาทำให้อยากแล้วจากไป ลุ้นว่าต่อไปจะเป็นยังไง ขอบคุณมากค่ะไรท์  :pig4:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
สงสัยชลธีจะตื่นขึ้นตอนขับขัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด