อาถรรพ์พงไพร ๙
ภัยร้ายเริ่มคืบคลาน
ความมืดแลความกลัว
จักกลืนกินทุกผืนที่
แสงสว่างจากดับไหม้เริ่มลุกโชน
กล่าวขานมาเนิ่นนาน
...จ้าวพงไพร...
อีกไม่นาน...จะกลับมา
“ ยังไม่ตายอีกเหรอ ” ทันทีที่เท้าเดินเข้ามาเหยียบห้องทานอาหารเสียงปากแมวๆจากคนโหดก็ดังขึ้น ผมมองเห็นสกายที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างบนโต๊ะที่มีแต่ของแปลกๆ ที่รู้อย่างหนึ่งคือแผนที่เก่าโบร่ำโบราณ ถามว่ารู้ได้ไง ก็ดูสิมันเป็นแผนที่ที่ทำมาจากหนังสัตว์ที่เริ่มขาดๆไปแล้ว
พวกนี้นอกจากประหลาดแล้ว ยังจะโบราณอีก
“ ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า ห่วงผมเหรอ ” ถึงจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อมาก แต่เจอสถานการณ์เสี่ยงตายมาด้วยกันแบบนี้คงต้องสนิทกันแล้วล่ะ
มันตวัดตาข้างเดียวที่เหลืออยู่ขึ้นมามองแล้วเหยียดยิ้ม “ เปล่า ถ้าตายจะได้กิน ไม่ได้กินเนื้อมนุษย์มานานแล้ว ”เฮียแกเลียปากเพิ่มมาอีก...
สยอง! โอเค ชลธีคนนี้จะจำไว้เลยว่าเล่นไม่ได้เลยกับขาโหดคนนี้... ผมอ้าปากจะต่อเถียงอีกรอบแต่พนาที่ไอ้พี่นาทปล่อยให้เดินเองมันกระตุกขากางเกงผมยิกๆ ให้ไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งก็คือไอ้โต๊ะที่สกายครองนั้นแหละ ผมเลยได้แต่จิ๊เสียงในคออย่างเซ็งๆแล้วอุ้มเจ้าพนาเด็กตัวน้อยขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งมองดูว่าสกายกำลังทำอะไร (เสือกนั่นเอง)
“ ทานขนมก่อน ” เสียงไอ้พี่มังกรว่ามาพร้อมชูครีมหอมๆหลายสิบหลายร้อยชิ้นในถาดใหญ่แถมยังร้อนอยู่เลย ผมตาวาวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเริ่มลงมือทาน...
แน่นอน...ต้องไม่ลืมไอ้เด็กมีหางด้วย
ป้อนมันพลางยัดให้ตัวเองไปด้วย...
“ ระบุจุดได้มั้ย ” ไอ้พี่นาทหันไปถามสกายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ ทิศไหนพอระบุได้รึเปล่า นิดเดียวก็ยังดี ”
สกายถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะวาดมือผ่านแผนที่ให้มันเกิดภาพขึ้น ผมที่นั่งกินชูครีมเงียบๆก็ต้องผงะตกใจนิดๆ กับภาพป่าใหญ่ภูเขารายล้อมในขนาดภาพจำลองสามมิติ มันใหญ่มากขนาดเป็นเพียงแค่ภาพจำลอง ถ้าเป็นของจริง มันจะใหญ่ขนาดไหนฟะ
“ จุดนี้ทางตะวันตก ” มือที่มีแต่ผ้าพันแผลของสกายชี้ไปที่จุดโล่งๆเหมือนทางเข้าป่า “ น่าจะเบาบางที่สุด ”
“ มีคนไปดูรึยัง ”
“ ยัง ” เงียบไปเล็กน้อย “ แต่ฉันว่าฉันจะลงไปดูเอง เขียนทับเวทย์ลงไป ”
มันพูดภาษาอะไรกันวะเนี่ย
ชลไม่เข้าจายยยยยยยยย
พี่นาทพยักหน้าเล็กน้อย “ จะให้คนไปดู ส่วนอีกสามทิศที่เหลือก็คงปล่อยไม่ได้ ต้องไปตรวจสอบ ”
“ พวกพี่...กำลังทำอะไรกัน ”
อดไม่ได้ที่จะถาม แม่งอยู่กับพวกคนความลับเยอะนี่เบื่อนะ ถามใครใครก็เลี่ยง ใครก็เบี่ยงไม่ตอบ
“ เล่าเรื่องป่าไปคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง มันไม่เกี่ยวกับเรื่องของหมอนั่น ” สกายถอดหายใจเฮือกใหญ่ราวกับเบื่อเหมือนกันที่พูดมาไม่ได้ “ ได้ใช่มั้ย ท่านผู้เฒ่า ”
สกายหันไปทางก้านหลังที่ว่างเปล่า... เลิกคิ้วนิดๆ... มันคุยกับใครวะ...
“ ... ” พี่นาทเองก็เงียบแต่ก็มองไปที่จุดเดียวกับที่สกายมองอยู่ ไอ้ผมเหรอก็มองไปกินไป มันอร่อยจริงๆนะ พนายังไม่หยุดกิน แล้วผมจะหยุดทำไม
“ ข้ารู้ว่าท่านอยู่ตรงนั้น ” เสียงหน่ายว่าก่อนจะหันกลับมา
ไม่กี่นาทีต่อมาร่างของใครบางคนที่ผมรู้จักก็เดินออกมาจาก...
กำแพง!! ว้อททททททททททท
นี่มันอะไรวะเนี่ย ผีเหรอ!
ดูดิ ตกใจมากไป ชูครีมตกเลย
แต่ที่ตกใจมันไม่ใช่แค่เดินทะลุกำแพงได้ แต่มันเป็นคนต่างหาก แถมนั่นยังเป็น...อาจารย์ศักดิ์ชัย อาจารย์ในคลาสเรียนของผมเนี่ยนะ!
“ สวัสดี นักศึกษาชลธี ” มันใช่เวลามาทักทายมั้ย
ผมต้องการคำอธิบาย!!
วางชูครีมลงก่อนจะยกมือไหว้ “ สวัสดีครับ อะ... อาจารย์ ” อยากจะถามต่อใจจะขาด อาจารย์เป็นตัวเหวอะไรอีกครับ
“ มีเรื่องสงสัยอยู่มากมายสิเรา ” ว่ายิ้มๆซึ่งมันตรงกับใจผมมาก ไม่รีรอจะพยักหน้ารับไป
ไอ้เด็กบนตักผมก็ลุกพรวดยืนบนตัดผมจนหางมันกระแทกคางผมเต็มๆ ไอ้เด็กเวร!
“ ท่านปู่ พนาคิดถึง! ” ร้องลั่นอย่างยิ้มแย้มก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยให้ปีกเล็กๆงอกมาจากหลังและมันก็กระแทกเบ้าตาทั้งสองของผมเต็มๆ มึงเกลียดกูก็อย่ามาทำร้ายกันแบบนี้สิเว้ย เจ็บ!
มันงอกปีกออกมาได้ก็บินเลย บินไปหาอาจารย์แก่อย่างรวดเร็ว คนแก่หัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนจะอุ้มเด็กเดินมานั่งตรงข้ามผม
นั่งกุมหน้าอย่างเจ็บๆ
ไอ้เด็กเวร... เดี๋ยวพ่อจับทำมังกรลวกจิ้มหรอก!
“ เจ้าพวกนี้คงไม่ได้พูดอะไรเลยสินะ ” ถามอย่างสบายๆ ตัวประกอบฉากอย่างสกายกับพี่นาทก็มองหน้ากันแล้วนั่งลงเงียบๆ มันคงคิดว่าดีกว่าล่ะมั้งที่ให้ผู้ใหญ่พูด...
“ ครับ ” กูก็ไม่รู้จะตอบรับอะไรนี่หว่า ได้แต่เก็บความตะลึงไว้ลึกๆ
ส่ายหน้าเล็กน้อย “ อย่าไปโกรธพวกนี้เลย อาจารย์สั่งเองว่าห้ามพูดอะไรก่อนจะถึงเวลา ”
“ แต่การไม่ให้ผมรู้อะไรเลย มันอึดอัดนะครับ แล้วบางครั้งมันก็พาให้ผมเสี่ยงตาย แล้วกลับไม่ให้ผมรู้อะไรเลยเนี่ยนะครับ ” ขึ้นสิงานนี้ กูน้อยใจ! เพราะกูไม่รู้อะไรเลย
ไม่กงไม่กินมันแล้วขนมเนี่ย!
“ ...อึดอัดก็ระบายมาเถอะ อาจารย์จะรับฟัง ” พูดเสียงเรียบ “ แล้วเดี๋ยวจะเล่าอะไรให้ฟัง ”
หูตั้งเลยสิครับ... จริงๆแค่ระบายไปอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องเล่าอะไรหรอกกก ไม่ได้อยากรู้สักนิดเลยยยย
ผมระบายลมหายใจเล็กน้อยเหล่ไปทางไอ้พี่นาทที่แม่งต่อให้ผมกราบตีนมันมันก็ยังไม่ปริปาก “ คือ...ผมไม่เข้าใจหลายๆอย่าง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แล้วอยู่ดีๆก็เจอมัน... เจอพี่นาท เจอมังกร เจอตัวประหลาด แล้วไหนจะเจอพวกนาซิสส์อะไรนั่นอีก ”
ทุกคนเงียบและปล่อยให้ผมพูดออกมา... ซึ่งมันก็ดี เพราะแม่ง อึดอัดมาหลายครั้งแล้ว!
“ มีหลายครั้งที่ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวกับตัวผม เพราะพี่นาทเอาผมมาเอี่ยวแบบนี้ ” มองหน้าคนที่ถูกกล่าวถึงนิ่งๆ “ แล้วพอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครพูด ใครอธิบายให้ผมฟังเลย แล้วยังบอกว่าผมไม่เกี่ยวอีก ”
หายซ่าเลยสิไอ้พี่นาท นั่งซึมเป็นหมาถูกทิ้งเลยอ่ะดิหลังจากที่ผมพูดออกไป กูรอให้มึงรู้สึกมานานแหละ เสือกไม่รู้ห่าอะไรเลยยยย ชลจะบ้า
“ พอถามมากๆก็จะบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ให้ผมรอ ให้ผมเชื่อใจ ” รู้สึกเจ็บแปลบในอกขึ้นมาเฉยๆ “ ตอนนี้ผมก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าผมจะยังเชื่อใจมันได้รึเปล่า ”
“ เชื่อได้สิ! ” ไอ้พี่นาทโพล่งขึ้นมาทันควัน “ พี่ไม่เคยโกหกอะไรชล
“ แต่พี่ปิดบังผม! ”
“ ก็เพื่อปกป้องเราต่างหากเล่า!!” ผมชะงักอารมณ์ที่กำลังจะปะทุเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันเถียง แถมหน้ามันยังขึงขังจนหน้ากลัวอีก เหมือนจะได้สติก็นิ่งไปแล้วนั่งเงียบต่อ...
ผมมองมันต่อราวกับจะให้มันอธิบายกับคำพูดเมื่อครู่...
มันหมายความว่ายังไง...
“ อย่าไปโกรธเลย ” เสียงยานคางว่าอย่างจริงจัง “ อย่างที่กัมปนาทพูด... เพื่อปกป้องเรานั่นแหละ ชลธี ”
“ ปกป้องผม? ยังไง? ” สงสัยมากถึงมากที่สุด ไอ้การที่เรารู้ก่อนนี่มันจะตายได้รึไง...
ดวงตาฝ้าฟางมองผมยิ้มๆ “ มันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก... เราอยากจะฟังหรือ ”
โห... โคตรพร้อมเลยจารย์
พร้อมมาตั้งแต่บ้านแหละ
มั่นใจยิ่งกว่าสอบไฟนอลอีก ว่าอยากฟัง
“ อยาก... ”
เสียงมังกรขัดอีกแหละ “ แต่กฎมันห้าม... ”
“ กฎมันแค่อย่าให้รู้เรื่องราวของชลธาร แต่ไม่ได้รวมถึงเรื่องของป่าหรือจะเป็นเรื่องของตัวเขาในตอนนี้ ” เสียงแก่ตีจริงจังพลางลูบหัวเด็กมีหางที่เพิ่มเติมคือมีปีก “ สิ่งที่เราต้องทำคืออย่าให้รู้ถึงตัวตนในอดีต หากรู้ก่อนที่วิญญาณจะรวมกันมันจะเกิดการบิดเบือน ตอนนี้มีสองวิญญาณยังทำได้เพราะมีแค่ดวงจิตยังคงดวงเดียว แต่ถ้าสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่จะกลายเป็นสองดวงจิตสามวิญญาณและจะไม่สามารถหลอมรวมได้...และจะตายในที่สุด ”
เอื๊อก...
ผมฟังไปก็แอบลอบกลืนน้ำลายไป อะไรมันจะโหดร้ายขนาดนั้น ถ้าโหดร้ายมาก ผมไม่ฟังก็ได้...
“ ชลธารในตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นยังไง อยู่ที่ไหน รู้แค่เป็นเพียงวิญญาณ ”
“ ... ” นั่งกัดปากฟังเงียบๆอย่างระทึกใจ
“ รับปากกับอาจารย์ ว่าเราจะไม่สืบเรื่องราวของชลธารต่อ หากรับปาก จะเล่าทุกเรื่องให้ฟัง ” หันสายตามาทางผมราวกับบีบบังคับอยู่นิดๆ ว่าอย่าได้ขุดคุ้ยเรื่องของชลธาร
ตอนแรกก็อยากรู้นะ
แต่ตอนนี้จะเป็นใครก็ช่างเถอะ
ขี้เกียจจะรู้แล้ว
ขอรู้เรื่องตัวเองก็พอ...
“ ครับ ผมจะไม่ยุ่งเรื่องของชลธาร ” ผมรับปาก และแน่นอนว่าผมจะไม่ยุ่งจริงๆ ผมแค่อยากรู้เรื่องของผมเท่านั้น
“ ดีมาก ” เอ่ยชมราวกับผมเป็นเด็กแบบพนา ก่อนพาไปเรื่องอื่น “ เราเองคงรู้ตัวบ้างถึงความสามารถแปลกๆในบางครั้งของตัวเอง ถูกมั้ย ”
ชายแก่ว่าอย่างไม่ได้ตกใจนักแถมดูเหมือนจะรู้ดีซะด้วย...
“ ถ้าแปลกๆคงเป็นเรื่องของสภาพอากาศครับ ”อันนี้แปลกจริง... สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน “ มันมีอะไรรึเปล่าครับ ”
“ นั่นเป็นหนึ่งในความสามารถของพวกเทพปกครองที่ต้องมี ” ยกถ้วยชาที่สกายเอามาเสิร์ฟขึ้นจิบแก้กระหาย แต่เมื่อกี้ว่าอะไรเทพๆนะ!
“ เทพ? ” ทวนด้วยความเหลือเชื่อ
“ เรื่องนั้นยังไม่ต้องรีบร้อน แต่เสียงที่ต้องรู้คือสิ่งนี้ต่างหาก ”จิ้มลงบริเวณหัวไหล่ที่มีปานประหลาดอยู่ “ ตรงนี้ คือ คำสาป.... ”
“ หา ” ผมร้องครางอย่างไม่เข้าใจนัก
“ เมื่ออายุครบยี่สิบ... คำสาปถึงจะคลายออก รูปร่างของปานจะเป็นรูปใบไม้สามใบสีเขียว ” ยกยิ้มน่าขนลุก “ แต่ตอนนี้เป็นสีน้ำเงิน ใช่มั้ย ”
รู้ได้ไง! “ ครับ ”
“ อีกกี่เดือนจะครบอายุยี่สิบหรือ ” ขมวดคิ้วถาม...
“ ตอนนี้อีก 5 เดือนครับ ” มันเกี่ยวอะไรหว่า แล้วคำสาปอะไรฟะ... เริ่มมึนงงระดับแอดวานซ์
“ ตอนนี้...เจ้าเป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ยังต้องมีอีกครึ่งมาเติมเต็ม ร่างกายที่ดีที่สุดสำหรับรองรับพลังคืออายุยี่สิบปี ” ขยับยิ้มกว้างกว่าเดิม “ แล้วเวลานั้น...เราต้องมาทำพิธีชำระเลือดก่อนจะรอให้อีกครึ่งหนึ่งของชลเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชลธาร ”
“ ผมไม่เข้าใจ... ” รู้สึกขนลุกแปลกๆ แต่เมื่อกี้หมายความว่ายังไงนะ... ผมกับชลธาร
“ โง่ไง ถึงไม่เข้าใจ ” สกายแสยะยิ้มสวนขึ้นมาทันที
ผมตาโตเล็กน้อยอย่างคับแค้นพยายามไม่สนใจเสียงกา “ แล้วครึ่งหนึ่งคืออะไร ”
“ ท่านผู้เฒ่า คุยกับคนโง่ไปมันแต่เสียเวลา ” อยากกินเสือร้องไห้พอดีเลยว่ะ... เมนูเย็นนี้ชัดๆ มันหันมายักคิ้วใส่ผม “ ครึ่งหนึ่งคือวิญญาณ อีกครึ่งคือร่างกาย หายโง่สักที ”
มันกำลังจะบอกว่า... ผมกับชลธารมีความเกี่ยวข้องกันงั้นเหรอ... เข้าใจให้ง่ายที่สุด คือเหมือนเป็นคนคนเดียวกันแต่กลับชาติมาเกิดอะไรงี้ปะ ส่วนหนึ่งของกันและกัน เอ๊ะ หรือจะแฝดที่พลัดพราก เอ๊ะ หรือไม่ใช่
แต่ตอนนี้ไมเกรนจะขึ้นแล้วเว้ย
กูไม่ใช่โคนันนะ จะได้คิดตามควานหาจิ๊กซอว์ที่ขาดหายของเรื่องได้ไว
“ แล้วก่อนที่จะอายุครบกำหนดพิธีฟื้นวิญญาณ เราก็ต้องทำจิตใจให้ว่างพอรองรับการเติมเต็ม ”
เดี๋ยวๆ ตามไม่ทันแล้วเว้ย
เมื่อกี้พิธีชำระเลือด แล้วมาพิธีฟื้นวิญญาณ
แล้วไอ้ครึ่งหนึ่งเนี่ย... ผมเป็นครึ่งไหน
ร่างกาย หรือ วิญญาณ
ทำพิธีเวรๆอะไรแล้ว... ผมจะตายมั้ย
แล้วถ้าผมไม่ทำล่ะ...
“ แล้วถ้าผมไม่ทำล่ะ ” ทีนี้แหละสายตาแทบจะทิ่มทะลุทั้งพี่นาททั้งสกายแล้วไหนจะอาจารย์อีกเพ่งเขม็งประมาณว่า แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...
“ ถ้าไม่ยอม เราคงต้องใช้วิธีที่รุนแรง ” ว่าสบายโดยไอ้พี่สกาย “ ยอมเถอะ ยังไงแล้ว...นายก็ต้องทำแล้วอีกอย่างนายก็ไม่ใช่คนของโลกนี้ ”
พี่นาทพยักหน้าลงอย่างเห็นพร้อม... เออ เอาเข้าไป นี่กูเป็นตัวประหลาดไปกับพวกพี่มันแล้วใช่มั้ย...
“ แต่ถ้าไม่ทำก็... ” อาจารย์ศักดิ์ชัยลูบคางที่มีแต่หนวดเครา “ ตาย ”
อ้าวเฮ้ย...
ไอ้สอดเรื่องชลธารก็ตาย
ไอ้ไม่ทำพิธีก็ตาย
คือ...ยังไงแล้ว ผมก็ต้องทำตามที่พวกเขาประสงค์ถูกมั้ย
จู่ๆทำไมมันเจ็บอย่างงี้วะ ทำไมมันรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องมือให้เขามาใช้เล่น อารมณ์เหมือนใช้ร่างกายผมรองรับวิญญาณใครก็ไม่รู้ หรือ จะเอาวิญญาณผมไปใส่ร่างใครยังไงยังงั้น อันนี้คิดในแบบง่ายๆนตามแบบฉบับคนฉลาด
เขาเอาแต่พูดถึงชลธาร ซึ่งแม่งเป็นใครก็ไม่รู้ เหมือนจะให้ผมไปรวมร่างกับเขายังไงไม่รู้ แต่ฟังๆดูแล้ว เหมือนพวกเขาพยายามจะบอกว่าชลธารเนี่ยกำลังอยู่ในสภาพที่ลำบาก ต้องช่วยเหลือ โดยมีผมที่ต้องช่วย ผมกับชลธารมันมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่วะ! งง!
ถ้าตัวผมในตอนนี้มันคือชลธารที่กลับชาติมาเกิด (เรียกแบบเข้าใจง่ายที่สุด) ผมจะไม่รู้สึกแย่เลยเว้ย ตอนนั้นก็ตะล่อมๆถามไอ้พี่นาทดูว่าผมใช่คนที่มันว่าถึงมั้ย แล้วมันก็ว่าไม่ใช่ ตอนนั้นผมคิดว่าแม่งมันแค่เบี่ยงประเด็นเฉยๆ แต่ถ้าแม่งไม่ใช่ขึ้นมาจริงๆ แหละ นี่ใจแป่วมานะ
...แล้วผมเป็นตัวอะไร
เฮ้อ... ชักไม่อยากกินข้าวเย็นแล้วสิ
รู้สึกแย่เป็นบ้าเลยว่ะ
คิดมากมายก็เครียดงี้แหละ
แต่ยังไงก็ขอถามหน่อยเถอะ
จะได้เคลียร์ๆไป!
ถ้ามันตรงและใช่อย่างที่ผมคิด จะเลิกกังวลเลย!
“ ผมสงสัยอย่างหนึ่ง ” เงยหน้าสบตากับคนชรา เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้ถาม
“ ผม... คือชลธาร ใช่มั้ย ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของทุกคนดังขึ้น... ประมาณว่า... เออ! กว่าจะเข้าใจ ปัดโธ่...ก็ดูดิพูดกันมาตั้งแต่ต้นเนี่ย ไอ้ผมมันต้องวิเคราะห์ขนาดไหนกว่าจะได้
เป็นคำตอบที่ชวนกรี๊ดมากเว้ยเฮ้ย
รู้สึกดีใจและภูมิใจสุดๆกับการไขปริศนาได้เอง
แถมรู้สึกโล่งใจขึ้นอีกหน่อยที่ทำให้ตัวเองดูมีความสำคัญขึ้น จากที่เป็นแค่นายชลธีที่วันๆแม่งมีดีแค่กิน ตอนนี้มาเป็นชลธารที่น่าจะกลับชาติมาเกิด(คิดเองเข้าใจเอง) ให้เดา... ชลธารเนี่ยจะต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆชัวร์...
อืม... มันคือการหลอกตัวเองให้ดีใจ...
ใช่
ในอดีต ผมอาจจะเป็น ชลธารอะไรนั่น
แต่ตอนนี้ผมเป็นชลธีว่ะ...
นี่กูกำลังน้อยใจตัวเองในอดีตเหรอ
จะประสาท!
“ ถ้าให้พูดตามนั้น มันก็ได้อยู่... แต่เราในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ดี ” อาจารย์ศักดิ์ชัยว่าต่อ “ เราก็เลิกสงสัยได้แล้ว เลิกคิดกังวลได้แล้ว ไม่ว่าจะชลธารหรือชลธี ”
“ ... ” นี่มีเวทย์อ่านใจคนเปล่าลุง
“ ล้วนเป็นคนสำคัญของพวกเรา ”
รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาซะงั้น...
ผมถามต่ออย่างลืมตัว “ แล้วผมในอดีตเป็นยังไง แล้วทำไม... ”
มือเหี่ยวย่นถูกยกขึ้นอย่างไว... “ บอกแล้วไง ห้ามถามเกี่ยวกับชลธาร ”
อึก... สายตาช่างน่ากลัว...
ถามเรื่องชลธารที่ไหน
เรื่องตัวเองในอดีตต่างหาก!
แต่มันก็คือเรื่องเดียวกันเปล่าวะ
“ รู้แค่ว่าตัวเองคือชลธาร แต่ยังไม่สมบูรณ์ดีก็พอแล้ว ” สกายมันยังคงไม่เลิกจิกกัด “ ถามมากระวังจะตายตั้งแต่ยังไม่ถึงยี่สิบ ”
“ ขอให้เด็กไม่รัก ” แลบลิ้นใส่แม่ง เอาดิ ไม่กลัวเว้ย
ตอนนี้ชลสบายใจล่ะครับ ถือว่าการเสือกสำเร็จแม้จะนานมาเป็นอาทิตย์ที่โง่อยู่ก็ตาม ผมพอจะคิดหาเรื่องหาทางออกให้ตัวเองได้แหละ รู้ตัวเองเป็นใครก็พอแหละ ส่วนเขาในอดีตจะเป็นยังไง รออีกห้าเดือนก็ได้วะ ยังไงก็ต้องรวมวิญญาณเข้ากับตัวเองในอดีตอยู่แล้ว ตอนนั้นค่อยถามก็ได้ ยังไม่สายสำหรับการเสือก...
ได้รู้มาขนาดนี้ ไอ้ชลก็ตายตาหลับแล้ว
“ พูดบ้าอะไร! ” แทบจะตะโกนใส่หน้า พูดเรื่องจริง อย่ามาเขินน่า
ผมยักคิ้วใส่ “ เปล่า ร้อนตัวทำไม ”
“ พอเสือกจนรู้ว่าอะไรยังไงแล้วนี่ กวนตีนเลยนะ ” สกายกัดฟันกรอด ถ้าไม่มีไอ้พี่นาทนี่ ผมคงโดนเสือขย้ำไปนานแล้ว มีไอ้พี่นาทอยู่ ชลจะไม่กลัว ถ้าไม่มีมัน ...ผมจะสงบปากสงบคำครับ
คนแก่หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วเด็กพนาก็บินออกจากตัวมานั่งลงที่ตักผมตามเดิม “ ไม่มีอะไรแล้ว อาจารย์ก็ขอตัวนะชล มีสอนภาคค่ำ ” ยักคิ้วให้ผมเล็กน้อย
“ อ้อ ครับ ”
ไม่ลืมที่จะกำชับ “ พวกคุณก็ดูแลชลธีให้ดี อย่าให้เป็นอะไรไปก่อนอายุจะครบยี่สิบนะ ”
จะว่าไป... เหมือนลืมอะไรสักอย่าง...
เออใช่!
“ อาจารย์... ” หายไปแล้ว...
ไอ้ชลลลล ลืมถามได้ไงวะ!
ก็ถามว่า... อาจารย์เป็นตัวอะไรยังไงเล่า!
บ๊ะ! รอไปเจอที่มอแล้วถามก็ได้เว้ย
ผมยักไหล่อย่างชิลๆก่อนจะหยิบชูครีมมากินต่อด้วยความสบายใจสุดๆ แม้จะยังงงๆกับตัวเองอยู่นิดๆ จะว่าบังเอิญก็ไม่ใช่ เพราะไอ้พี่นาทมันเข้ามาวุ่นวายแต่แรกเลย แต่พวกเขาเอาอะไรมามั่นใจว่าตัวผมเนี่ยจะเป็นชลธารจริงๆ
แต่พูดเรื่องปานนี่... ผมมีนี่หว่า
เออ เลิกคิด แดก!
อารมณ์ดีแล้วต้องกิน กิน และกิน
“ เออ เดี๋ยวเล่าเรื่องป่าอาถรรพ์ไปก่อนแล้วกัน ” พี่นาทเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นอ้อมมาเล่นหัวผมกับลูกมันเล็กน้อย “ คืนนี้นอนที่นี่ไปก่อนนะ พี่ไม่มีแรงไปส่งแล้วจริงๆ ”
เออ กูเชื่อ
ดูจากสารร่างที่มีแต่ผ้าพันแผล
ผมพยักหน้าไปเพราะไม่อยากทำให้พวกเขาลำบากใจมากนัก แค่นี้ผมก็ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาจะแย่แล้ว (เพิ่งรู้ตัว?)
“ แล้วทำไมต้องฉันวะ ” สกายยีหัวเท่ๆของตัวเองอย่างขัดใจก่อนจะวาดมือให้ภาพสามมิติของป่าให้ดูเล็กของอีกหน่อยเพื่อจะอธิบายให้ผมฟัง
เฮ้อ ต้องรอให้ตายๆไปก่อนมั้ยถึงจะอธิบายกันได้
คราวหน้าไว้สงสัยอยากเสือกอะไร รอให้เรื่องร้ายๆมาก่อน มันถึงจะอธิบายกัน...
“ ตั้งใจฟังล่ะ จะอธิบายเกี่ยวกับป่าให้ฟัง แต่อย่ามาหลอกถามเรื่องชลธาร เข้าใจ? ”
จิ๊! รู้ทัน!
พี่มันยักคิ้วให้ “ ว่าไง ”
“ เออครับ ไม่ถามครับ จะนั่งเงียบๆฟังอย่างเดียวครับ ”
ผมพรืดลมหายใจร้อนๆออกมาอย่างเซ็งแซ่ก่อนจะเริ่มหยิบชูครีมขึ้นกินต่อ แต่แขนเสื้อดันถูกเด็กเวรตะไลพนาน้อยกระตุกยิกๆ
“ หือ? ” ก้มหน้าลงไปหางงๆ
“ ป้อนหน่อย ” อ้าปากรอเลยทีเดียว “ เร็วๆ ” สั่งจริง!
มึงนี่มันมารขัดขวางการกินจริงๆ
แม่เอ็งเป็นใคร อย่าให้รู้นะ จะด่าเช็ดเลย!
“ ครับๆ ” ผมยิ้มให้เด็กอย่างเซ็งๆแล้วก็ป้อนขนมมันไปด้วยฟังเรื่องเล่าไปเรื่อย มันเล่าเกือบทุกอย่างมีถามผมเป็นพักๆก้วยว่าจำอะไรได้บ้างมั้ย คำเดียวเลย คือ ไม่ รู้สึกคิดถึงหรืออะไรยังไงโหยหามั้ย ก็ไม่... ไม่รู้สึกอะไรเลย มีหลายครั้งที่มันนิ่งทำหน้าเสียใจเป็นพักๆ ก่อนจะโหดตามเดิม พอถามมันกลับไปถามจำได้ขึ้นมาผมจะไม่ตายรึไง มันนี่แทบจะล้มเหมือนนึกได้
จำไอ้ครั้งแรกที่มาบ้านมันได้เลย สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกได้คือไอ้ดอกไฮเดรนเยีย... ส่วนอื่นๆ ไม่รู้อะไรเลยไม่รู้หรอกนะว่ามันมีความหมายว่าอะไร แถมตอนนั้นไอ้พี่นาทก็มาดราม่าอีกทำไมจำไม่ได้นู้นนี่นั้น พอผมรู้สึกเหมือนคนผิดก็ขอโทษไป แล้วมันก็บอกผมไม่ผิด...
เออ ผมก็ไม่ผิดจริงนั้นแหละ
เพราะยังไงผมกับชลธารก็คนละโลกกันอยู่ดี
ลึกๆเขาก็คงอยากให้ผมจำได้ไวๆ แต่ก็ต้องยั้งปากไม่ให้พูดในหลายเรื่องเพื่อปกป้องผม
ส่วนผมก็ต้องปกป้องตัวเอง ด้วยการที่
เรื่องนี้ผมจะพยายามทำใจ นิ่งระงับต่อมเสือกตัวเองให้แล้วกัน...ต่อโพสล่างๆ