ตอนที่ ๓
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
“เอาทรงรองทรงครับพี่ ที่เหมือนเด็ก ม.ปลายครับ แต่ไม่ต้องสั้นมากนะ”
เมื่อเช้าผมขนของที่จำเป็นมาจากหอเก่าจนเสร็จเรียบร้อยก็ได้รับไลน์เตือนให้ผมไปตัดผมให้เรียบร้อยจากเจ้านาย ผมก็เลยต้องมาตัดผมในร้านอะไรก็ไม่รู้ ในห้างแลดูน่าจะแพงมาก คุณบิ๊กบอกว่าช่างเค้าฝีมือดี แถมยังต้องไปคุยธุระกับแกต่อ
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ช่างตัดผมบอกว่าตัดเสร็จแล้ว ไอ้เราก็นั่งเกร็ง เพราะกลัวจะตัดออกมาแล้วดูเอ๋อ
แต่เดี๋ยวก่อน ตายห่าแล้ว ไหนคุณบิ๊กบอกว่าจะมาจ่ายตังค์ตัดผมให้ หันซ้าย หันขวา คงไม่แหกกันหรอกนะ หาไม่เจอ
“หาผมอยู่หรอครับ คุณบีน ไม่ต้องกลัวผมจ่ายค่าตัดผมให้แล้ว” อ้าวโผล่มาเหมือนผี
“ไม่ได้หาซักหน่อยคุณ ผมหมุนคอไปมาดูทรงผมใหม่ต่างหาก” ผมบอกแกไปพลางหมุนทำท่าดูทรงผม กลัวเสียฟอร์มไง
“ เชื่อก็เชื่อ ไปหาที่นั่งคุยกันสบายๆกันดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินตามก้นแกไป
.........................................................................
“ผมเอาชาเขียวปั่นครับ” คุณบิ๊กก็หันไปสั่งพนักงาน
“นี่เป็นบัตรประชาชน และก็คู่มือนักเรียนที่วันก่อนผมลืมเอาให้ ส่วนบัตรนักเรียนเดี๋ยวค่อยไปทำตอนเปิดเทอม”
คุณบิ๊กยื่นซองสีน้ำตาลหนึ่งให้ผม พูดซะเสียงดังเชียว
“เอ่อคุณ ผมจะโดนตำรวจจับไหมครับ พกบัตรปลอมอย่างนี้”
“ไม่ต้องกลัวหรอก ผมเคลียร์ได้อยุ่แล้ว” คุณเขารับประกันก็ต้องเชื่อเขา
“ว่าแต่ดูไปดูมาก็เหมือนผมพาเด็กมัธยมมาเดินห้างเลยนะ” คิดว่าผมจะบ้ายอหล่ะสิ
“พอๆ ผมไม่ได้บ้ายอนะคุณ”
..............................
“แล้วผมจะได้รับเงินตอนไหนครับ ให้เอาเลขที่บัญชีให้ไหม” ไม่ได้งกนะ แต่จะเปิดเทอมแล้ว กลัวไม่มีเงินกินข้าว
“เออใช่ ลืมไป ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ผมจะให้เงินคุณเป็นซองนะ เดือนละสองซอง จำนวนเงิน ตามที่กำหนดไว้ อ่ะนี่ซองแรกค่าขนมเด็ก ม.ปลาย ส่วนซองที่สองเงินเดือนรอเอาปลายเดือนนะ”
อ้าว นึกว่าจะให้เงินเดือนล่วงหน้า
“ขอบคุณครับ ” ผมไหว้คุณบิ๊ก ก่อนลงจากรถพร้อมเงิน ๔๐,๐๐๐ กรี๊ด
อยากจะกรี๊ดให้สาวแตก ว่าแล้วพรุ่งนี้ส่งเงินไปให้แม่ดีกว่า เงินเดือนเดือนแรก
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ซี๊ดดดดดดดดดดดดดด อันนี้เสียงเสียวปากสั่นผมเอง อารมณ์มันแบบเหมือนย้ายโรงเรียนใหม่ แล้วต้องเจอเพื่อนใหม่ เพื่อนจะดีไหม จะโดนล้อ โดนแกล้งไหม คงจะเข้าใจกันใช่ไหมครับ คือ มันตื่นเต้น เมื่อวานคุณบิ๊กก็ได้เข้ามากำชับการทำงานของผมอีกรอบ บอกว่าไม่ต้องเกร็ง คิดว่าตัวเองเป็นนักเรียนพึ่งย้ายเข้าไป จะไม่ให้เกร็งอะไรเลยยังไงเล่า ลองมาปลอมตัวดูเองสิ แกบอกให้ผมเล่าเรื่องราวชีวิตให้แกฟังก่อนจะขึ้น ม.๕ ที่ต้องพูดโกหกขึ้นมาเอง มันถึงเวลาแล้วหล่ะ
เสื้อผ้าหน้าผมพร้อม ใจพร้อม กายพร้อม เราทำได้ ฮ่าๆผมยืนหัวเราะคนเดียวหน้ากระจกก่อนจะหมุนซ้าย หมุนขวา มองสภาพคนอายุ ๒๑ ย่าง ๒๒ (ผมเข้าก่อนเกณฑ์) ในชุดนักเรียน ม.ปลาย เหมาะสมกับหน้าตาอันใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ
ปิ๊ปๆๆ เสียงบีทีเอสเตือนก่อนปิดประตู ผมรีบลงมาจากบีทีเอสเพื่อขึ้นแท็กซี่ต่อไปโรงเรียน ลงจากรถผมก็เดินไปหน้าประตูโรงเรียน นักเรียนแถวนั้นก็เริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ รถก็เยอะ ใจเย็นไว้ไอ้บีน พู่ๆ เป่าลมออกจากปาก
“อั๊ก ” เสียงผมเอง ไอ้เด็กบ้านี่ ชนแล้วไม่ขอโทษ เห็นตัวใหญ่กว่าแล้วจะทำไรอะไรก็ได้หรอ ผมบ่นในใจให้เด็กที่มันเดินชน ว่าแล้วก็โทรหารอง ผอ.โรงเรียนนี้ซะหน่อย ผมดูเส้นใหญ่เนอะ
“ครับ สวัสดีครับ ผมนิธานนะครับ ที่คุณสิทธิคมติดต่อไว้”
“อ๋อครับ เข้ามาที่ห้องผมได้เลยครับ อยู่ที่อาคาร ๑ นะ”
แล้วอาคาร๑ อยู่ตรงไหน ว่าแล้วผมก็เดินย้อนไปถามยามตรงประตูทางเข้าโรงเรียน
“ตรงไปตามทางนี้นะหนูเลี้ยวขวา เจอสี่แยกตรงไป เลี้ยวซ้ายอีกทีนะ จะเจออาคารหกชั้น มองไปข้างหน้าอาคารจะมีเสาธงใหญ่ๆอยู่ แล้วก็ห้องรอง ผอ.ก็จะมีป้ายติดอยู่ข้างหน้า”
“ขอบคุณครับ” ขอบคุณยามเสร็จผมก็รีบเดินเร็วไปที่ห้อง รอง ผอ.ทันที เพราะว่ามันใกล้เวลาเข้าแถวแล้ว
“ขออนุญาตครับ”ผมเลื่อนประตูกระจกเข้าไปเมื่อแน่ใจว่าเป็นห้อง รอง
“นิธานใช่ไหม”
“ครับ” ผมตอบอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“ไอ้บิ๊กมันตั้งชื่อให้หรอ คนย์ปิยะ ครูต้องเรียกชื่อนี้สินะ”
รองคนนี้สงสัยรู้จักกับคุณบิ๊กเป็นอย่างดี
“เอาเป็นว่าวันแรกไม่ต้องตื่นเต้นอะไรมากนะ วันนี้ไม่ต้องไปเข้าแถวนะ พรุ่งนี้ค่อยเข้าไป วันนี้คือครูจะให้เราไปที่ห้องเรียนเลย ครูได้ติดต่อครูประจำชั้นไว้แล้วเรียบร้อย เดี๋ยววันนี้เรามานั่งคุยเรื่องต่างๆในโรงเรียนกันก่อนแล้วกัน”
รองแกก็พูดไป กว่าจะเข้าแถวเสร็จ พูดนั่นพูดนี่ คั่นเวลาไปเรื่อยๆ
“อ่ะ ดนย์ปิยะ ถึงเวลาเริ่มทำงานแล้ว สู้ๆนะ ห้อง ม.๕/๕ อยู่อาคาร ๓ ชั้น ๔ นะ ไปถึงครูประจำชั้นก็คงกำลังอบรมนักเรียนพอดี เชิญครับ”
“ขอบคุณครับครู” ผมไหว้งามๆไปหนึ่งที
“มีปัญหาอะไรติดต่อครูได้นะ”
“ครับ”
ผมเดินออกมากจากห้องรอง พร้อมเดินตรงไปอาคาร ๓ อย่างใจสั่นๆ มันตื่นเต้นจริงๆนะ ไม่รู้ผมเป็นอะไร
ติ๊ง เสียงลิฟต์ ดังขึ้นเมื่อผมถึงชั้น ๔ ของอาคาร ๓ ห้อง ม.๕/๕ ตรงไหนหว่า ขณะที่เดินอยู่ก็มีนักเรียนเดินสวนกันไปมาไม่มาก ที่จริงผมจะถามเค้าก็ได้นะ แต่ไม่ถามดีกว่า ผมเป็นคนชอบค้นคว้า
เจอแล้วครับเห็นป้ายหน้าชั้นแล้ว ผมถอดรองเท้าก่อน เลื่อนประตูกระจกเข้าไปในห้อง
พรึ่บ จากในห้องเสียงดังๆอยู่ก็เงียบลง
เสียงนักเรียนชายล้วนในห้องหันมาพร้อม ๆ กันเสียงดังพรึ่บ เอ่อ เอาไงดี ไหว้ครูที่ยืนอยู่หน้าก่อนละกัน
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ ดนย์ปิยะ ใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
อืม ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมตัวเล็กมาก มองกันมาทางผมคนเดียวเลยทั้งห้อง
“เดินมาแนะนำตัวหน้าห้องนี่เลยค่ะ เอ่อเธอไม่ต้องถอดรองเท้าไว้หน้าห้องนะ ใส่เข้ามาได้เลย ”
อ้าว ไม่ต้องถอดหรอ
“ฮ่าๆๆๆ”
ก็ฮากันทั้งห้องเลยเลยสิทีนี้ แหม ไอ้พวกเด็กเลว แค่เรื่องรองเท้าก็หัวเราะกันนะ
“สวัสดีนะทุกคน คือ เราชื่อ ชื่อ” โอ้ยยยย มาติดอ่างอะไรกันตอนนี้ “ชื่อ ดนย์ปิยะ กีรติ นะ เรียกเรา บีนก็ได้”
“ค่ะ เพื่อนใหม่คงตื่นเต้นน่าดู”
หน้าซีดด้วยแหละ ไม่เคยยืนต่อหน้าผู้ชายหลายคนขนาดนี้
“ไปนั่งที่ได้แล้วค่ะดนย์ปิยะ นายปิติพงศ์ใช่ไหม”
ครูถามไอ้เด็กหนุ่มใส่แว่นหน้าตาใสซื่อที่นั่งแถวสอง
“ที่ว่างข้างๆเธอว่างอยู่ให้เพื่อนนั่งด้วยนะจ๊ะ”
แล้วครูก็บอกให้ผมไปนั่ง ครูผู้หญิงคนนี้เป็นครูประจำชั้นผมเอง ดูใจดี รู้สึกอบอุ่น
ที่นั่งผมอยู่แถวที่สองถัดจากทางหน้าต่าง ในห้องมีอยู่ ๔ แถว แต่ละแถวนั่งคู่กัน นับได้แถวละ ๑๐ คน ทั้งห้องก็ ๔๐ รวมผมที่มาใหม่ด้วยพอดี
ว่าไปก็หันหน้าไปรอบๆห้องดีกว่า จุดประสงค์คือมองหาเป้าหมาย นั่นไงเห็นแล้ว น้องโอ๊ต นั่งอยู่หลังห้องสุดติดกับประตู ติดถังขยะด้วย ไม่เหม็นหรอวะ
“ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ” ผมถามไอ้เด็กแว่นที่นั่งข้างกัน
“กูชื่อ บ๊อบ มึงบีนใช่มั้ย” เจอกันแป๊ปเดียวขึ้นกูมึง
“ใช่เราบีน ว่าแต่เมื่อไหร่คุณครูจะมาหรอ”
“นั่นไง มึงไม่น่าทักเลย มาแล้ว” พูดจา ดูมันๆ ไม่ถูกชะตาเลย
ครูวิชาแรกที่จะสอนก็เดินเข้ามาที่ห้อง หัวหน้าห้องก็สั่งเคารพ สองชั่วโมงแรกจากที่ผมดูในตารางสอนเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ตามด้วยชั่วโมงที่สามภาษาไทย ตามด้วยสังคม ตอนเช้าเขาเรียนกันสี่คาบครับ ตอนบ่ายสองคาบ อื้อหือ เอาแล้วไง ความรู้คืนครูหมดตั้งแต่ ๕ ปีที่แล้ว
แล้วครูก็สอนไปเรื่อยๆ เที่ยงครึ่งก็ถึงเวลาพักเที่ยงของโรงเรียน พอครูเดินออกจากห้องนักเรียนชายทั้งหลายก็ลุกพรึ่บขึ้นเพื่อไปกินข้าวเที่ยง จะว่าไปเดินหนีไอ้แว่นนี่ดีกว่า เผื่อจะได้โอกาสตีเนียนเข้าไปตีสนิทกับน้องโอ๊ต
ผมเดินมาถึงโรงอาหาร แล้วนี่ต้องเอาเงินเป็นแลกเป็นบัตรเหมือนในห้างด้วยหรอนี่แล้วค่อยซื้อข้าว ซื้อน้ำกิน ดูดีมีระบบ สะอาดสะอ้าน โรงเรียนลูกคุณหนูจริงๆ
ซื้อข้าวแล้วผมก็ยืนมองหาที่นั่ง ไม่เห็นกลุ่มน้องโอ๊ตจริงๆ คนมันเยอะครับ เพื่อนห้องเดียวกันก็จำหน้าไม่ได้
“นี่แก” ใครเรียก
“นี่เด็กใหม่ ชื่ออะไรนะ “ ผมหันไปเจอกลุ่มเด็กนั่งโต๊ะเดียวกันเป็นกลุ่มนั่งโต๊ะเดียวกันห้าคน
“เราชื่อ บีน ” อ๋อ ผมได้แล้วกลุ่มพวกที่นั่งติดหน้าต่าง ห้องเดียวกันกับผมครับ สงสัยจะชวนให้ไปนั่งด้วย
“ไม่มีที่นั่งหรอกนะตอนเที่ยงๆอย่างนี้ มันหมดแล้วจริงๆ เราว่านายไปนั่งที่อัฒจันทร์ก็ได้ ข้างสนามฟุตบอล ใกล้ๆเอง”
อ้าวก็นึกว่าจะให้นั่งด้วยกัน เห็นว่าว่างอีกที่ ผมมองไปที่ว่าง พร้อมกับจังหวะที่น้องคนนั้นเอาของวางทับไว้ คงไม่อยากให้นั่งด้วยมั้ง
“สงสัยอะไรหรอ” ทำหน้ากวนตีน อดไว้บีน อดไว้
“ไม่มี ไม่สงสัย”
ผมก็ตอบไป ผมเดินออกมาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก กินข้างอัฒจันทร์ก็ได้วะ นอกโรงอาหารแต่มองๆไปก็ร่มรื่นดี
...............................................................
ขณะที่นั่งกินข้าว ผมก็กำลังตักคำสุดท้ายเข้าปาก
“นี่นักเรียน มานั่งทำอะไรตรงนี้ ว้าย มาทานข้าวตรงนี้ไม่ได้นะ เธอไม่รู้กฎระเบียบของโรงเรียนหรืออย่างไร”
อ้าว ตายแล้วนี่ผมโดนแกล้งหรือนี่
“ขอโทษครับ” ผมยกมือไหว้ครู น่าจะห้าสิบกว่าแล้ว ดูทรงแล้ว คงเจ้าระเบียบมาก
“ผมพึ่งย้ายเข้ามาใหม่ครับ คนในโรงอาหารเยอะมาก ผมเลยออกมาทานที่นี่ ” แกก็ทำหน้าเอือมระอา
“คราวนี้ครูยกโทษให้ คราวหน้าทำอย่างนี้ไม่ได้แล้วนะ ”
“ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
รีบออกมาก่อนโดนบ่น ผมเดินเข้ามาโรงอาหาร เดินผ่านกลุ่มเด็กเลวนี่ มันก็หัวเราะคิกคักเหมือนเดิม แหมแกล้งคนนี่สนุกกันจังนะ อย่าให้แกล้งคืนก็แล้วกัน
ผมเดินมานั่งตรงโต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆสระน้ำในโรงเรียน ตรงนี้รมรื่นและคนก็ไม่เยอะ เอาหละ ผมคิดว่าต้องหากลุ่มอยู่แล้ว หรือไม่ก็ต้องเข้ากลุ่มน้องโอ๊ต เอาไงดีคิดไม่ออก อยากจะร้องไห้ ผมนั่งทำใจ สงบจิตสงบใจแล้วเดินเข้าไปในห้องเรียน เหลือ
เวลาอีกสิบห้านาทีก่อนเข้าเรียน
เด็กๆในห้องยังบางตา ว่าแล้วก็เอาหนังสือที่เรียนเมื่อเช้ามาดูก่อน เพราะว่ามันเป็นคนละเล่มกันครับกับที่เรียนเมื่อ ๕ ปีก่อน
เฮ้ยๆ ผมเอามือล้วงเข้าไปในช่องใต้โต๊ะ ขยะเต็มช่องเลย ใครเอามายัดอีกหละทีนี้ ฮืมม ผมถอนหายใจแรง ก่อนเก็บเศษขยะไปทิ้งที่ถังขยะหลังห้อง มองไปน้องโอ๊ตยังไม่เข้ามาแต่มีน้องที่นั่งข้างน้องโอ๊ตมาแล้ว
“โดนแกล้งหรอนาย” น้องเด็กหน้าใสๆ ดูน่ารักทักผม
“คงงั้นมั้ง” ผมตอบยิ้มๆ
“ชื่อบีนใช่มั้ย เรามิคกี้นะ เรียกกี้ เฉยๆก็ได้”
ดูแล้วน่าจะนิสัยดีนะ ว่าแต่น้องโอ๊ตไปไหนหละ ลองถามดูดีกว่า
“แล้วเพื่อนกี้ไปไหนหมดหละ ทำไมมานั่งบนห้องคนเดียว”
“พวกนั้นเตะบอลกัน เราเล่นไม่เป็นหรอก ง่วงด้วย ว่าจะงีบสักพัก ”
ยิ่งพูดยิ่งน่ารักเอ็นดูหรือว่าคนนี้แฟนโอ๊ต
“ถ้าอย่างนั้นเราไม่รบกวนนะ” ไปก่อน น้องเขาดูง่วง
“นั่งคุยกันก่อนสิบีน แล้วทำไมนายถึงได้ย้ายตอน ม.๕ อย่างนี้หละ” นั่นไงคำถามที่คิดว่าต้องได้ตอบแน่ๆ
“อ๋อ เราย้ายมาจากขอนแก่น พอดีพ่อแม่เราย้ายไปอยู่อเมริกาแล้วคือเราไม่อยากตามไป อยู่บ้านก็ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ พ่อแม่เราทำงานไม่เป็นที่ เลยย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ ”
เป็นไง ซ้อมมาดีครับ บอกเขาว่ามาจากขอนแก่นนี่ผมต้องได้ศึกษาจังหวัดนั้นด้วยนะ
โดยคุณเจ้านายก็บังคับให้ผมไปเที่ยวที่ขอนแก่น ผมก็ขอว่าให้เพื่อนไปด้วยได้ไหมเลยได้ป่านเพื่อนสาวสุดรักลางานไปทัศนศึกษา เผื่อเพื่อนๆถามขอนแก่นเป็นยังไง มีอะไร จะได้ตอบถูก
“แสดงว่าต้องพูดอีสานได้สิ ไหนพูดให้ฟังหน่อยเราชอบภาษาอีสาน” ตายแล้วพูดไม่เป็น
“ คือพ่อแม่เราไม่ได้สอน เราก็พยายามหัดพูดนะ แต่พูดไม่เป็นจริงๆ ”
ก็เคยได้ยินนะ ประมาณคนภาคต่างๆที่ฟังภาษาถิ่นออก เข้าใจ แต่พูดไม่ได้เลย เพราะไม่ได้พูดกันในครอบครัวหรือในหมู่เพื่อน
“หรอน่าเสียดายจัง นี่บีน ระวังตัวด้วยนะ พวกที่นั่งติดหน้าต่างวันนี้โดนพวกเขาแกล้ง วันต่อไปอาจจะโดนมากกว่าเดิมนะ คือเราอยากเตือน ” แล้วจะให้พี่ทำยังไงหนูกี้
“แล้วเราต้องทำยังไง ในห้องนี้ดูมีหลายกลุ่มนะ”
“มีสี่กลุ่ม กลุ่มติดหน้าต่าง กลุ่มกลางห้อง กลุ่มหลังห้อง แล้วก็กลุ่มเราที่นั่งติดถังขยะ”
“กลุ่มไหนน่ากลัวบ้าง ที่เราต้องระวัง”
“มีแค่กลุ่มที่แกล้งนายนี่แหละ กลุ่มอื่นไม่น่ากลัวหรอก แต่ละกลุ่มก็จะมีหัวหน้ากลุ่มนะ กลุ่มเราก็โอ๊ต กลุ่มหลังห้องจะเป็นหัวหน้าห้อง กลุ่มนั่งกลางห้องเป็นกลุ่มเด็กเรียนเก่ง หัวหน้ากลุ่มก็คือ คนที่บีนนั่งข้างๆที่ใส่แว่นนั่นแหละ แล้วก็ติดหน้าต่าง หัวหน้าจะนั่งอยู่หน้าสุด คนที่หน้าตาดีๆ ”
สงสัยเป็นคนที่แกล้งผมเมื่อเที่ยงนั่นแหละครับ
“สรุปแล้วห้องเรามีหัวหน้าห้อง ๑ คน รองหัวหน้าห้องอีก ๓ คนนะ
“ในห้องดูแบ่งกันเป็นระเบียบดีนะ”
“เห็นแบ่งกันอย่างนี้แต่ก็เล่นกันได้ทุกคนนะ กลุ่มหลังห้องเค้าก็จะดื้อๆ ดูแบดบอยหน่อย หัวหน้าห้องเราก็ดูจะชอบพอกันกับหัวหน้ากลุ่มติดหน้าต่าง”
ไม่น่าหละ ดูแล้วมันใช่ ใช่จริงๆด้วย เรดาร์ผมยังใช่ได้
“ส่วนกลุ่มเราก็สบายๆนะ มีกัน ๔ คน แต่โอ๊ตเค้าเป็นแนวไม่ยุ่งกับคนอื่น ออกแนวเงียบๆ แต่จริงๆโอ๊ตใจดี น่ารักมากนะ กลุ่มติดหน้าต่างก็ชอบเขานะ แต่เขาไม่เล่นด้วย เอาซะเราก็โดนแกล้งเหมือนกันตอนแรก เพราะนึกว่าโอ๊ตชอบเรา ทั้งๆที่เรามีแฟนอยู่แล้ว แต่กลุ่มนั้นก็ดูเกรงๆโอ๊ต หลังๆเขาก็ไม่แกล้งเราแล้ว ”
อ้าวไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกหรอ อ๋อ น้องกี้ที่ผมไปได้ยินเค้าคุยกันในห้องน้ำที่ผับนั่นเอง
“จะเข้าเรียนแล้วเดี๋ยวเราไปนั่งที่โต๊ะก่อนนะ”
คนเริ่มเข้าห้องมาเยอะแล้ว ผมเดินไปทางหลังห้อง ตรงที่กลุ่มเด็กหลังห้องนั่ง
“เดี่ยวหยุดก่อนครับ น้องบีน”
คนในกลุ่มเด็กหลังห้องเอามือกันผมไว้ พร้อมกับเพื่อนมันเอามือมาเขี่ยคางผม ก่อนที่ผมจะย่นหน้าขึ้นหนีมือไอ้เด็กพวกนี้
“ขอมือถือหน่อย” จะเอาไปทำไมวะ
“เอาไปทำไมหรอ”
“เอาไปทำไมหรอ” คนในกลุ่มพูดเลียนเสียงผม
“เอามา ไม่แกล้งหรอก”
หัวหน้าห้องมันพูดขึ้น พร้อมล้วงเอามือถือผมในกระเป๋ากางเกง มือถือเครื่องนี้เจ้านายเอาให้ผมใช้อีกเครื่องซึ่งยังไม่ได้มีข้อมูลอะไรมาก มีแค่ไลน์มั้งที่ผมสมัครไว้แล้ว
“รหัสอะไร” มันปลดล็อคแต่เข้าไปดูอะไรไม่ได้ “ตอบดิวะ”
“๑๒๓๔”
มันกดเข้าไปในโปรแกรมไลน์ครับ อันนี้ผมไม่ได้ใส่รหัสไว้ แล้วมันก็กดเข้าไปในคิวอาโค้ด ไอ้เด็กหน้าตาดีในกลุ่มอีกคนก็ยื่นมือถือมันมาถ่ายเอา ทีหลังขอกันดีๆก็ได้เถอะ ไม่เห็นต้องทำอะไรน่ากลัวแบบนี้
“เรียบร้อยครับ คุณหนูบีน ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ”
หัวหน้าห้องผมบอก ผมก็รับมือถือเดินออกมา หัวหน้าห้องมันก็บีบก้นผมหมับ ตกใจครับ ผมหันไปค้อนใส่ครั้งหนึ่งก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะ
นั่งลงเก้าอี้ถอนหายใจไปครั้งหนึ่ง ผมก็หันไปมองทางหน้าต่าง หัวหน้ากลุ่มฝ่ายนั้นก็จ้องหน้าผมตาแทบถลน เฮ้อ สงสัยคงเห็นตอนที่สามีนางจับก้นผม ผมก็ทำหน้าเฉยๆ หันมาสนใจคุณครูที่จะสอนในคาบถัดไป
...............................................
เสียงออดโรงเรียนเป็นสัญญาณว่าหมดคาบสุดท้ายแล้ว เด็กๆก็เก็บของ บ้างก็เดิน บ้างก็วิ่ง บ้างก็กอดคอหยอกล้อกัน วุ่นวายไปหมด หันไปอีกทีกลุ่มน้องโอ๊ตก็เดินออกไปหมดแล้ว เหมือนจะเหลือเพื่อนโอ๊ตอีกคนที่นั่งติดๆกัน ผมจำหน้าได้เพราะเจอน้องเขาที่ผับตอนนั้น แต่จำชื่อไม่ได้
ผมเก็บกระเป๋าเดินออกมาหน้าห้อง ตรงกับจังหวะไอ้เด็กคนที่เอามือถือมันมาถ่ายคิวอาโค้ดผมไป มันยิ้ม แล้วขยิบตาให้ผม
หล่อตายแหละ ก็หล่อจริงๆแหละ แต่ผมไม่หวั่นไหวหรอก
“เฮ้ๆ เดี่ยวก่อน เด็กใหม่ๆ ” ใครเรียกอีกหล่ะ ผมกำลังเดินออกจากลิฟต์ คนก็แน่น เด็กนักเรียนก็ทั้งกวนทั้งแกล้งกันในลิฟต์
“ว่าไง” ผมหันไป น้องคนนั้น น้องคนที่เป็นเพื่อนโอ๊ต
“เห็นกี้บอกว่าเมื่อตอนเที่ยงนั่งคุยกันหรอ ”
“ใช่ๆ”
“เราชื่อไบท์นะ” อ๋อ จำได้แล้ว คนที่ขอถุงยางจากน้องโอ๊ต ผมยิ้มไม่รู้จะพูดยังไงต่อ ไบท์เป็นคนหน้าไทย หน้าคมๆ ผิวออกแทนๆ
“แล้วนี่จะกลับบ้านเลยหรอ”
“ใช่ แล้วนายหล่ะ” ถามไปบ้างก็ดีนะ บอกตัวเอง
“ว่าจะไปซื้อแบด วันพุธนี้เราคาบเรียนพละนะ ปีนี้เรียนแบดมินตัน”
“จริงหรอ ดีจัง” ผมออกอาการดีใจจนลืมตัว
“ทำไมดูดีใจขนาดนั้น” ไบท์ถาม
ที่ผมดีใจมากก็เพราะว่าแบดมินตันคือกีฬาประจำตัวผมครับ เล่นในคอร์ทของมหาวิทยาลัย มาตั้งแต่ปี ๑ จนจบปี ๔ เป็นตัวแทนแข่งกีฬาระหว่างคณะบ่อยๆ นี่คิดว่าจะไม่ได้เล่นแล้วนะ ว่าแต่ไม้แบดก็อยู่ที่หอเก่า ไม่ได้เอามาด้วย
“ปกติเราเล่นแบดประจำ แต่พอย้ายมาที่นี่เลยไม่ได้เล่นนาน ดีใจที่จะได้เรียน”
“แสดงว่ามีไม้แบดแล้วสินะ ว่าแต่บีนว่างไหม” จะให้ไปช่วยเลือกไม้แน่ๆ เพราะถ้ามือใหม่จะไม่รู้หรอกครับ ว่าต้องเลือกไม้แบบไหน อันไหน ครั้นจะให้พนักงานแนะนำก็ไม่มั่นใจอีก
“ก็ไม่ว่างนะ”
“ดีเลย บีนไปช่วยเราเลือกซื้อไม้แบดหน่อยนะ เดี๋ยวเราเลี้ยงข้าว” ตามแผนเป๊ะ ค่อยตีเข้าเรื่อยๆ ทางไบท์ ทางกี้ บ้าง สุดท้ายยังไงก็ต้องได้อยู่กลุ่มโอ๊ต
“ตกลง ไปกันเลยไหม” ผมถาม
“ป่ะ”
....................................................
เราซื้อไม้แบดมินตันเสร็จ เราก็เดินหาร้านอาหารที่ไบท์จะเลี้ยงผม เอาก็ซื้อด้วยนะ เห็นแล้วก็อยากได้อย่างใหม่ ไม่ต้องกลับไปเอาที่หอเก่าด้วย แต่ไบท์นี่เดินไปด้วย เล่นมือถือไปด้วยตลอด สักพักก็มีสายเข้า ไบท์ก็กดรับ พร้อมสะกิดให้ผมหยุดรอ ผมก็หยุดรอทำเป็นยืนมองนู่นมองนี่ แต่หูก็พยายามฟัง
“ครับผม อยู่ห้าง สักชั่วโมงได้ไหม พอดีไบท์มาซื้อของกับเพื่อน”
“เพื่อน จริงๆ ”
“โถ่ เชื่อกันบ้างดิ” ไบท์เริ่มหงุดหงิด
“อย่างนั้น เดี๋ยวไบท์ไปตอนนี้แหละ ไม่เกิน ๒๐ นาที ฝ้ายรอเราก่อนนะ” อ้าวแล้วไม่เลี้ยงข้าวกันแล้วหรอ
“บีนๆ วันนี้เราต้องไปก่อนนะ เราติดธุระด่วน เดี๋ยวติดไว้ก่อน วันถัดไปเดี๋ยวเราเลี้ยง เจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้เพื่อน”
ไบท์บอกผมอย่างรีบๆ
“โอเค ได้ๆ รีบไปเถอะ เจอกันพรุ่งนี้”
ผมตอบไป แล้วยิ้มให้ เฮ้อ มองเด็ก ม.๕ ที่วิ่งจากผมไป อย่างน้อยวันนี้ไบท์ก็เรียกผมว่าเพื่อน กี้ก็มาคุยกับผม ใกล้แล้ว ค่อยๆ ตีเข้าเรื่อยๆแล้วกัน ส่วนวันนี้พอแค่นี้ก่อน เดินหาร้านอาหารแพงๆ เข้าไปกินตามประสาคนรวยก่อนนะครับ
..........................................................
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามทั้งเข้ามาตอบเข้ามาอ่านนะครับ
วันนี้ตอนใหม่มาแล้ว เดี๋ยวยังไงถ้าเราว่างๆจะเข้ามาตอบทุกคนกลับนะ
วันนี้สวัสดีครับ