(ต่อ)
เมื่อตอนเช้าผมออกมาดูต้นชมนาดที่ปลูกไว้ ต้นมันยังไม่โตขึ้นเลย แต่ตอนนี้มันกำลังออกดอก หอมเชียวล่ะ ส่วนต้นที่ปลูกริมระเบียงห้องคุณครามก็กำลังแตกดอก ตูมอยู่เลย ผมเลยได้โอกาสเอาปุ๋ยมาใส่ แล้วก็รดน้ำพรวนดินให้ มันจะได้โตไวๆ
"นุ้ยนั่นรถใครมา ไปดูสิ" วันนี้คุณป้าไม่ได้ออกไปไหน สมาคมก็ไม่ได้ไป
"เอ่อ..นายหญิงคะ" พี่นุ้ยกลับเข้ามาทำหน้าตาแปลกประหลาด อย่างกะเจอผี
"ว่าไง? ใครมานุ้ย?" คุณป้าถามย้ำอีกที
"สวัสดีค่ะคุณแม่" คุณป้าทำถ้วยน้ำขิงตกลงกับพื้น เพียงเพราะเห็นผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามา
"เธอมาทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอกลับไปซะ" ผมเพิ่งเคยเห็นคุณป้าโกรธใครเป็นใครแรก
"งั้นเหรอคะ แล้วถ้าเด็กคนนี้ล่ะคะ คุณแม่ยังจะต้อนรับเค้ารึเปล่าค่ะ?"
"ส่งตาหนูมา แก้ว" เธออุ้มเด็กผู้ชายไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่มาจากผู้หญิงอีกคน คิดว่าน่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
"โอ๋ๆ ไม่ร้องลูก ไหนธุจ้าคุณย่าก่อนสิคะ" เด็กน้อยเบ้ปากร้องไห้โยเย ช่างน่ารักน่าเอ็นดู แต่ผมก็แอบหวั่นใจนิดๆ กลัวจะเป็นอย่างที่ผมกำลังคิดไว้น่ะสิ
"ด..เด็กคนนี้ ...ป..เป็นลูกใคร?" คุณป้าถามตะกุกตะกัก
"เห็นขนาดนี้..แพรว่าคุณแม่ไม่น่าถามนะคะ ถอดพ่อเค้าออกมาขนาดนี้" ผมเหมือนโดนค้อนทุบหัวเข้าอย่างจัง ผู้หญิงคนนี้ชื่อแพร ที่ครั้งหนึ่งคุณครามเคยเพ้อหาตอนเมาไม่ได้สติ
"นี่เธอจะบอกว่านี่คือลูกตาคราม เป็นหลานชั้นงั้นเหรอ?" คุณป้าหน้าซีด จนผมต้องเข้าไปประคองไว้
"ค่ะ แล้วเค้าไปไหนล่ะคะ หรือว่ามัวทำแต่งานเหมือนเดิมอีก?"
"รถใครมาครับคุณแม่?" คุณครามที่ออกไปทำธุระข้างนอกเพิ่งกลับมาถาม
"แพร........" คุณครามเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว ผิดกับผมที่รู้สึกเหมือนร่างกายไร้เรี่ยวแรงไปเฉยๆเลย
"ค่ะแพรเอง คุณสบายดีนะคะคราม?" เธอยิ้มให้คุณคราม
"ก็สบายดี เรื่อยๆ มาหาที่นี่มีอะไรรึเปล่า ถ้าไม่มีจะได้บอกให้นุ้ยส่งแขก เพราะวันนี้วันครอบครัว ไม่อยากให้มีคนนอกสักเท่าไหร่" คุณครามยิ้มตอบเสียงเย็น
"จุ๊ๆๆ อย่าเพิ่งใจร้ายขนาดนั้นสิคะ ถ้าคุณบอกว่าวันนี้วันครอบครัว แพรก็ยิ่งต้องอยู่ด้วย" คุณครามขมวดคิ้วจ้องเขม็ง แล้วมองมาที่ผมแว๊บนึง
"ทำไม?"
"เพราะอะไรคุณก็ดูเอาเองสิคะ" เธอเบียงตัวให้ให้เด็กน้อยคนนั้นที่เธอบอกว่าเป็นลูกของคุณคราม
"เป็นไงคะ? สำเนาถูกต้องใช่ไหม?" ทั้งคิ้ว ตา จมูก ปาก ล้วนเหมือนคุณครามไปหมดทุกส่วนจริงๆ
"หึ!! แล้วไง? แค่เอาเด็กมา แล้วชั้นต้องยอมรับด้วยเหรอว่าเป็นลูกชั้น ถามจริงลูกชู้เธอรึเปล่า?" วาจาส่อเสียดจนผู้หญิงคนนั้นหน้าม้านไปเลย ส่วนเด็กก็ร้องไห้ไม่หยุด อาจเป็นเพราะได้ยินผู้ใหญ่พูดเสียงดัง
"ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่แพรยืนยันว่านี้คือลูกของคุณ เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณที่ติดท้องแพรไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตลกดีนะคะ นึกว่าจะหมดเวรหมดกรรมกันไปแล้วซะอีก" เธอพูดเสียงเย้ยหยัน ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้จัง กลืนน้ำลายก็เหนียวไปหมด
"นั่นสินะ ถ้าอยากให้หมดเวรหมดกรรมกันจริงๆจะกลับมาที่นี่อีกทำไม? ทำไมไม่ไปแล้วไปลับมันซะเลยล่ะ?" คุณครามถามเสียงเหี้ยม
"เพราะแพรสงสารลูก อยากให้เค้ามีพ่อ"
"แล้วไอ้หมอนั่นแหละ ชู้เธอน่ะ มันหายไปไหนแล้วล่ะ?"
"ฟังให้ดีนะ..ยังไงชั้นก็ไม่เชื่อหรอกว่าไอ้เด็กนี่คือลูกชั้น เอากลับไปซะ แล้วก็อย่ากลับมาที่นี่อีก" คุณครามพูดหนักแน่นชัดเจน
"ตาคราม ค่อยๆใจเย็นๆลูก แม่ขอร้อง เห็นแก่หลาน" คุณป้าที่เงียบฟังมาตั้งนานพูด
"หึ!! คุณแม่อย่าเพิ่งเรียกว่าหลานเลยครับ บางทีพ่อเด็กอาจจะเป็นใครที่ไหนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ" คุณครามตอบแล้วหันไปสบตาผู้หญิงคนนั้น
"หยุดร้องสักทีได้ไหม พามาหาพ่อแกแล้วก็หยุดร้องสักที" เธอตะวาขนเด็กร้องไห้จ้ากว่าเดิมอีก ดูจากตัวน่าจะสักประมาณ 7-8 เดือนได้
"นี่!! หยุดตะคอกใส่ลูกแบบนั้นสักที เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไร อย่าพาลอารมณ์เสียใส่เค้า เอามานี่..ส่งให้ชั้นมา แล้วเอานมมาด้วยไหมน่ะ?" คุณป้าถาม ส่วนคุณครามก็จ้องเด็กนั่นตาไม่กระพริบ
"มีค่ะ" พี่เลี้ยงเด็กก็โง่ แทนที่จะมารับไปแล้วเอาไปกล่อมให้หยุดร้องไห้ก็ไม่ทำ เธอส่งเด็กให้คุณป้าแล้วยื่นขวดนมให้ พอเอาขวดนมจ่อปาก เด็กก็เอาปากกัดแล้วดูดเบาๆ สักพักก็หยุดร้องไห้ เห็นแล้วก็สงสาร เพราะกินไปสะอื้นไป
"สรุปจะเอากันยังไงก็ไปคุยกันซะ อย่ามาคุยกันตรงนี้ แม่ขอร้อง มันไม่ดีต่อเด็ก สงสารเค้าที่ต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้ด้วย" คุณป้าเอามือเช็ดน้ำตาที่ติดตามแก้ม แล้วก็หางตาให้
"ตามมาสิ" คุณครามเดินออกไปที่มุมสวน ผมก็ได้แต่มองตามเท่านั้นแหละ เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเค้า ถามว่าตอนนี้รู้สึกยังไง คงต้องบอกว่าเจ็บแล้วก็รู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก เหมือนที่นี่มันไม่ใช่ที่ของเรา แล้วตอนนี้เค้ากำลังจะมาทวงของๆเค้าคืนแล้ว
"เป็นอะไรลูก..ขิง"
"เปล่าครับคุณแม่"
"น่ารัก น่าชังดีนะครับ"
"จ๊ะ.. เหมือนตาครามตอนเล็กๆ" ยิ่งได้ยินแบบนี้ ยิ่งบีบหัวใจ หน้าชื่นอกตรม
ผ่านไปครู่ใหญ่ สองคนนั้นก็กลับเข้ามา ผมไม่รู้หรอกว่าเค้านไปคุยอะไรกันมา แต่ดูจากหน้าตาคุณครามคงจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมอยากไปให้กำลังใจนะ แต่ไม่กล้า แม้แต่จะมองหน้าเค้า ผมยังไม่กล้าเลยตอนนี้ ผมกลัวตัวเองร้องไห้ เพราะตอนนี้ขอบตามันก็เริ่มๆร้อนแล้ว
"นุ้ย ไปจัดห้องรับแขกให้ที เค้าจะนอนที่นี่" สำหรับผมเหมือนฟ้าผ่ากลางอกลงมาเป็นครั้งที่สองเมื่อได้ยินประโยคเมื่อกี้ ผมไม่กล้าตัดพ้อเค้าหรอก เพราะมันก็ไม่ใช่ความผิดเค้า ไม่ใช่ความผิดของเด็กคนนั้น ถ้าจะผิดคือ ผิดที่ผมเข้ามาอยู่ผิดที่เอง
"ทำไมต้องจัดห้องรับแขก ให้แพรนอนห้องเดียวกับคุณสิคะ ลูกจะได้อยู่ด้วย"
"อย่าให้มันมากไป มีที่นอนก็ถือว่าดีแล้ว เมียเก่านะ ไม่ใช่เมียปัจจุบัน คงให้นอนด้วยไม่ได้" เค้าหันมามองผม แต่ผมหลบสายตา ไม่อยากมองหน้าเค้าตอนนี้ ขอเวลาให้ผมทำใจก่อนสักนิด
"ผมขอตัวนะครับ จะไปช่วยพี่นุ้ยจัดห้อง"
"เดี๋ยวขิง!!" ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองว่ายังไง ตอนนี้ผมไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นแม้แต่วินาทีเดียว ผมทนไม่ไหวหรอกที่จะต้องมารับรู้เรื่องของพวกเค้าตอนนี้
"คุณขิงคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ?" พี่นุ้ยถาม
"เปล่าครับพี่นุ้ย ผมคงตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้นิดหน่อยน่ะครับ ไม่เคยเจอภรรยาเก่าของคุณครามด้วย เธอสวยมากเลยนะครับ"
"ค่ะ สวยมาก ใครๆก็พูดแบบนั้น แต่ก็เหมือนดอกไม้พิษเหมือนกันนะคะ เพราะเธอร้ายมากเลย" ผมเข้าใจความหมายนั้นนะ แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่ร้ายหรือว่าอะไร มันอยู่ที่ว่าเขากลับมาอยู่พร้อมหน้ากันแล้ว พ่อ แม่ ลูก
ผมช่วยพี่นุ้ยจัดห้องเสร็จก็พาตัวเองออกมาจากห้องนั้น แล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง จะว่าไปผมคงไม่มีดวงเรื่องความรักหรอก เพราะรักใครก็เสียใจตลอด สงสัยจะทำกับเค้าไว้เยอะ ชาตินี้เลยต้องมาชดใช้ให้ แต่แปลกนะ..ถึงอยากร้องไห้แค่ไหน..แต่ผมกลับไม่มีน้ำตาเลยสักนิด ..."บางทีคนที่ทำเป็นนิ่ง ไม่รู้สึกอะไร แต่ข้างในอาจกำลังร้องไห้อยู่ก็ได้"
"ก๊อกๆๆ"
"ใครครับ?" ผมตะโกนถาม
"ชั้นเอง เปิดให้หน่อย"
"คุณมีอะไรรึเปล่าครับ ผมกำลังแต่งตัวอยู่ ยังไม่สะดวกตอนนี้"
"ชั้นรู้ว่านายไม่ได้กำลังแต่งตัว มาเปิดให้ชั้นเดียวนี้ ก่อนที่ชั้นจะพังประตูเข้าไป"
"คุณกลับไปก่อนเถอะครับ ไว้เราค่อยคุยกัน ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจริงๆ"
"ขิง...อย่าดื้อ ชั้นนับ 1-3 ถ้าไม่มาเปิด ชั้นจะพังเข้าไปแน่ .....1......."
"......2......." เสียงนับมาถึงเลขสอแล้วแต่ผมยังไม่พร้อม ให้เวลาผมสักนิดได้ไหม?
".......3......ตุ๊บ" เสียงดังที่หน้าห้องเพราะเขากำลังพังประตูเข้ามา
"ตาครามเป็นอะไร ทำไมต้องพังประตูห้องน้องแบบนี้ด้วย?" ผมได้ยินเสียงคุณป้าอยู่หน้าประตู
"ก็ลูกชายคนใหม่ของคุณแม่น่ะสิครับ" คุณครามตอบเสียงฉุนๆ
"น้องทำไม?"
"ไม่มีอะไรครับ ผมทำให้งอนเองครับ เอาไว้ผมค่อยมาง้อใหม่ก็ได้ครับ"
"จ๊ะ ค่อยๆคุยกันนะลูก เป็นพี่น้องกัน" เสียงคุณป้าหายไปแล้ว แต่ผมว่าเค้ายังคงอยู่หน้าห้องอยู่
"อย่าให้ชั้นเข้าไปได้นะขิง" ผมไม่ตอบอะไร จนเสียงข้างนอกก็เงียบไปแล้ว ผมควรทำยังไงต่อดี? ถ้าจะให้ผมอยู่ แล้วอยู่ในฐานะอะไร? ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเค้ากลับมาแล้ว พร้อมกับลูก
.............................................................
.....................................................
...........................................
...............................
........................
"ไปเชิญคุณแพรมาทานข้าวสินุ้ย" นายหญิงของบ้านบอก
"แล้วคุณขิงล่ะ?"
"คุณขิงเธอบอกว่าปวดหัวค่ะ อยากนอนพัก ถ้าหิวเดี๋ยวค่อยหาอะไรทานเองค่ะ" ครามขมวดคิ้วไม่พอใจที่ขิงจงใจหลบหน้าเขา
"อ่ะนั่นมาแล้วไม่ต้องไปตามแล้ว" แพรไหมเดินลงมาจากห้องพอดี
"แล้วลูกล่ะหลับรึยัง?"
"กินนมแล้วก็หลับไปแล้วค่ะคุณแม่" แพรไหมเหลือบมองคราม ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงกันข้าม
"งั้นก็ทานกันเถอะ ตักข้าวได้นุ้ย"
"ตักแค่นิดเดียวพอ ชั้นลดความอ้วน"
"เป็นอะไรค่ะคราม ทำหน้าเหมือนไม่พอใจที่แพรมาร่วมโต๊ะด้วยเลย?" ครามหันมามอง
"ผมขอตัวนะครับ ทานไม่ค่อยลง"
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า อาจเป็นเพราะเวลาที่เราเป็นทุกข์มักจะดูยาวนานกว่าเสมอ เพราะเราจมจ่อมอยู่กับมัน
"หึ!! ลงมากินข้าวได้แล้วเหรอ?" ผมตกใจจนเกือบทำจานใส่ซีเรียลตก ดีที่ยังมีสติอยู่
"ก็ดี ไม่ตอบก็ดี อยากรู้เหมือนกันว่าจะเงียบได้สักกี่น้ำ" ครามเดินเข้าไปหาขิงเรื่อยๆ ส่วนขิงก็ถอยหลังเรื่อยจนชนโต๊ะบาร์ในห้องครัว
"กลัวรึไง?" ขิงเมินหน้าหนี เอาถ้วยไปไว้ในซิง
"พรืบ!!" มือหนาเข้ามากอดเอวจนแน่น
"ทำอะไรของคุณ ปล่อย!!" ขิงหันมาแวดใส่เบาๆ เพรากลัวคนในบ้านได้ยิน
"อื้อออออออออ" ครามไม่ตอบแต่จูบอย่างรวดเร็ว
"เพี๊ยะ!!" เสียงฝ่ามือกระทบกับหน้าคม แรงพอจนเกิดเป็นรอยห้านิ้ว
"แรงใช้ได้นิ ตบอีกสิ" ขิงเม้มปาก
"ปล่อยผมได้แล้ว ผมจะกลับห้อง" ขิงพยายามผลักออกแต่ก็ไม่เป็นผล
"ดื้อนักใช่ไหม? บอกให้คุยก็ไม่คุยใช่ไหม?" ครามขู่
"อื้ออออออ ..... " ครามจูบสั่งสอนเด็กดื้อจนพอใจ แล้วถอนปากออก จากนั้นก็ตามงับที่คอ จุดอ่อนที่แรก จนขิงต้องเบี่ยงคอหนี
"อย่านะคุณ!! อึก!!" ขิงส่งเสียงร้องเบาๆเพราะถูกเขี่ยเบาๆ ที่หน้าอกจนขนลุกซู่ จุดอ่อนที่สองที่ไม่อยากให้ใครโดน เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ครามเองก็รู้สึก จากนั้นก็ถูกจัดการถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็วแล้วยกขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะบาร์ ครามกัดและเลียเบาๆทุกที่ที่ทำให้ขิงอ่อนระทวย
"ร้องเสียงดังๆสิ ให้คนทั้งบ้านเค้ารู้กันเลยว่าเราเป็นอะไรกัน หึ!!"
"ม..ไม่นะคุณ อ๊ะ...อย่าทำแบบนี้" ครามไล่จูบจนทั่วทุกส่วน กางเกงชุดนอนถูกดึงถอดออกอย่างรวดเร็ว
"แบบนี้ก็ดีไปอีกอย่าง เปลี่ยนบรรยากาศ" ครามยิ้มร้าย
"ไม่เอานะคุณ...อ๊ะ!! ม..ไม่เอาตรงนี้"
"ไม่ทันแล้วล่ะขิง นายพร้อมซะขนาดนี้ แล้วชั้นก็ไม่ไหวแล้ว"
....................................
"นุ้ยจัดโต๊ะเลย แล้วนั่นเสียงตาหนูร้อง แล้วแม่เค้าอยู่ไหน ทำไมไม่ดูลูก?"
"คุณแพรออกไปว่ายน้ำค่ะ ไม่อยู่ตรงนั้น"
"งั้นตั้งโต๊ะเลย เดี๋ยวชั้นจะขึ้นไปดูตาหนูก่อน"
"โอ๋ๆหลานย่า นิ่งซะนะ อย่าร้อง คงจะหิวใช่ไหม หืม? เดี๋ยวย่าชงนมให้กิน เนอะ?"
.
.
.
"ดูสินุ้ยคงจะหิวมาก ดูดกินใหญ่เลย ว่าไงมองย่าทำไมลูก หืม? อร่อยใช่ไหม?" คุณป้าดูมีความสุขมากที่มีหลานตัวน้อยๆมาอยู่ด้วย
"เหมือนพี่เราไหมลูก?" คุณป้าหันมาถามผม
"เหมือนครับ เหมือนทุกส่วนเลย" ผมตอบแล้วหันไปมองคุณคราม ซึ่งเค้าก็มองผมอยู่ก่อนแล้ว
"อะนั่นแม่เค้ามาพอดี จะว่ายน้ำชั้นไม่ได้ห้ามหรอกนะ แต่เธอควรห่วงลูกของเธอมากกว่า ห่วงสวยนะแม่แพร"
"ก็แหมคุณแม่คะ ตาหนูยังหลับอยู่นิค่ะ แพรเลยออกมาว่ายน้ำดูแลตัวเองบ้าง ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าจะตื่นเร็วขนาดนี้"
"งั้นก็ไปเปลี่ยนผ้าจะได้มาทานข้าว นุ้ยตักข้าวได้"
"แล้วสรุปจะเอายังไงกับเรื่องนี้ตาครามลูก?"
"ผมว่าจะตรวจ DNA ครับ ถ้าใช่ลูกผม ผมก็จะรับ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ให้ออกจากบ้านไปทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละครับ"
"อะไรกันคะ แพรได้ยินว่าจะตรวจดีเอ็นเอ ตรวจดีเอ็นเอตาหนูน่ะเหรอคะ? ตรวจให้เปลืองเงินไปทำไมอีก หลักฐานคลานออกมาเป็นตัวตนขนาดนี้ แต่เอาเถอะค่ะเพื่อความสบายใจของคุณก็ทำเถอะค่ะ แพรไม่ว่า"
"แล้วนี่ใครกันคะ แพรเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ไม่ได้ถาม ต้องขอโทษจริงๆค่ะ"
"ผมเป็น....." เป็นอะไรดี ผมไม่รู้ว่าต้องตอบว่ายังไงดี
"คนนี้เป็นลูกชายของแม่อีกคน ชื่อขิง หนูขิงจ๊ะนี่ พี่แพร ...แม่ของตาหนู" ผมยกมือไหว้เพราะเค้าอายุมากกว่า ตอนแรกคุณป้าคงจะแนะนำว่าเป็นภรรยาของคุณคราม แต่ชุกคิดขึ้นได้ก่อนเลยแนะนำว่าเป็นแค่แม่ของเด็กแทน
"ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะน้องขิง ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน พี่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" ผมว่าเธอไม่ได้ยินดีรู้จักอะไรผมหรอก เพราะดูจากสายตาเธอแล้ว มีแต่คำว่าดูถูกอยู่ในนั้น
"แล้วจะตั้งชื่อลูกว่าไง โตมาจนป่านนี้แล้วยังไม่มีชื่อให้ลูกอีก?" คุณป้าถาม
"ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะคุณแม่ แพรรอพ่อเค้าตั้งให้ ใช่ไหมค่ะคราม?" เธอถามแต่คุณครามไม่ตอบ
"งั้นก็ทานกันเถอะ เดี๋ยวจะเย็นชืดไปซะหมด" คุณป้าคงเห็นสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก กับสายตาคุณครามเลยตัดบท ชวนทุกคนกินข้าวซะ
"ว่าแต่คุณแม่ไปรับน้องขิงมาเป็นลูกบุญธรรมได้ไงคะ? แพรไม่อยู่ตั้งนานเลยไม่รู้" คนอื่นมองยังไงผมไม่รู้หรอกแต่สำหรับผม เธอว่าน้องแค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ ลับหลังเธอคงจะเรียกอย่างอื่น
"น้องเค้าเป็นคนดูแลตาครามตอนที่ยังเดินไม่ได้ แม่เห็นแล้วเอ็นดู ถูกชะตาเลยรับเป็นลูก"
"คนดูแล หมายถึง นักกายภาพน่ะเหรอคะ?"
"ใช่"
"ถึงว่าสนิทกันเร็วดีจังนะค่ะ" เธอแสยะยิ้มมาให้
"ครับ" ผมตอบรับเบาๆ
"กินข้าวเยอะๆ" คุณครามตักผัดบล็อกโคลี่กุ้งมาให้ แล้วสบตาผม แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเขาหมายถึงอะไร เลยก้มหน้าทานต่อไม่ตอบอะไรกลับ
"จัดการอะไรให้เสร็จก่อน 9 โมง ชั้นจะพาไปโรงพยาบาล"
"ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา" เหมือนเธอมั่นใจมากกับเรื่องนี้
หลังจากทานข้าวกันเสร็จแล้ว ผมก็อาสาช่วยพี่นุ้ยกับป้าน้อยเก็บของ แล้วก็ล้างจาน จะว่าไปก็ไม่ได้ทำหรอกครับ แค่ยกไปให้เฉยๆ แล้วถูกไล่ออกมา ผมเลยกะว่าจะขึ้นไปพักบนห้องดีกว่า
"เก่งนะ เป็นแค่นักกายภาพ แต่สามารถกระโดดข้ามขั้นมาเป็นถึงลูกบุญธรรมของคุณแม่ได้ ชั้นคงต้องมองนายใหม่แล้วล่ะ" เธอมาขวางทางผมไว้แล้วยังมาพูดจาแบบนี้ใส่อีก
"คุณต้องการอะไร? ถ้าไม่มีผมขอตัวก่อนนะครับ เพราะไม่ได้มีเวลาว่างมาทำเรื่องไร้สาระสักเท่าไหร่"
"ปากเก่งใช้ได้นิ แล้วก็คงเก่งน่าดู ไม่งั้นครามคงไม่ทำท่าทางปกป้องนายซะขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?" เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
"คุณหมายความว่าไง?" แพรไหมขยับเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหูผม
"อย่าคิดนะว่าชั้นไม่รู้ ว่าเมื่อคืนพวกนายทำอะไรกันที่ห้องครัว หึ!!" ขิงหน้าซีด ไม่คิดว่าจะมีคนเห็น
"ถ้าคุณแม่รู้เข้าจะเป็นยังไงนะ........ คงจะสนุกพิลึกนะว่าไหม?" พูดจบเธอก็เดินจากไป ทิ้งผมยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้นจนคุณครามเดินเข้ามาทัก
"เป็นอะไร ทำไมหน้าซีดๆ"
"ป..เปล่า"
"งั้นก็ดี ชั้นมาบอกว่าจะออกไปข้างนอกนะ แล้วตอนกลางวันจะกลับมาทานข้าวด้วยนะ" ไม่ตอบแล้วก็ไม่ปฏิเสธ ในหัวตอนนี้มีแต่คำพูดของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปหมด คุณครามก้มลงมาหอมแก้มอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไป
....................................
ตอนนี้บ่ายสองโมง เลยเวลาเที่ยงมาตั้งนานแล้ว แต่เขายังไม่กลับมา นี่ผมจะทรมานตัวเองไปทำไมกัน ในเมื่อเขายังไม่กลับมา เราก็ไม่จำเป็นต้องรอ ตอนกลางวันคุณป้าทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้า แต่ผมบอกท่านว่ายังไม่หิว เพื่อที่จะได้รอทานพร้อมคนที่บอกว่าจะกลับมากินด้วย มาถึงตอนนี้ผมคิดว่ามันช่างไร้ค่าเหลือเกินการรอคอยของผม
"อ้าวคุณขิง หิวแล้วเหรอคะ มาค่ะเดี๋ยวพี่อุ่นให้ คุณขิงไปรอที่โต๊ะอาหารเลยก็ได้ค่ะ แป๊บเดียว" ผมพยักหน้าแล้วเดินออกมารอข้างนอก
"กลับมาแล้วเหรอตาคราม แล้วตาหนูล่ะอยู่ไหน?" ผมไม่ได้หันไปมองแม้จะรู้ว่ากำลังมีคนมองอยู่
"กำลังมาครับ"
"แล้วจะรู้ผลเมื่อไหร่ลูก?"
"อีกสองวันรู้แน่นอนครับคุณแม่" ครามตอบแล้วยังไม่เลิกจ้องขิงไม่เลิก
"แล้วนี่ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ?"
"น้องบอกว่าไม่หิว แม่เลยเก็บก๋วยเตี๋ยวราดหน้าไว้ให้ นี่ก็เพิ่งลงมากิน นั่นไงนุ้ยเอามาให้พอดี รีบๆกินนะลูกเลยเวลาไปมากแล้ว เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเอา" ต่อให้หิวแทบตาย ตอนนี้ผมก็ทานไม่ลงหรอก
"ครับ" ผมตอบไปแค่นั้นจริงๆ
"แล้วลูกล่ะกินมารึยัง?" คุณป้าถามคุณคราม
"ผมกินแล้วครับ"
"ค่ะเราทานมาจากข้างนอกด้วยกันแล้วค่ะคุณแม่ แล้วก็แวะพาตาหนูไปซื้อเสื้อผ้าด้วย อันเก่าใส่ไม่ได้หมดแล้ว" ผมกลืนน้ำลายลงอย่างยากเย็น ไม่รู้สึกถึงรสชาติของอาหารเลยแม้แต่นิด ช่างดีจังครอบครัวสุขสันต์ พาลูกไปซื้อเสื้อผ้า ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงยังโง่งมงาย รออะไรอยู่ไม่รู้
"ผมขอตัวไปเติมเครื่องปรุงก่อนนะครับ"
"คุณขิง......!!!"
"ครับพี่นุ้ย" ผมรีบเช็ดน้ำตาลวกๆแล้วยิ้มให้พี่นุ้ย
"เอ่อ...คุณขิงเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย"
"เปล่าครับ เมื่อกี้ผมรีบกินไปหน่อยเลยเผลอกัดใส่ลิ้น เจ็บมากเลยครับ เจ็บมากจริงๆ"
"งั้นรีบไปหายาทานะคะ เดี๋ยวจะกลายเป็นแผลร้อนใน"
"ขอบคุณครับ" ผมวางชามก๋วยเตี๋ยวลงที่ซิงค์
"ไม่ต้องล้างนะคะ เดี๋ยวพี่ล้างเอง"
"ขอบคุณครับพี่นุ้ย งั้นพอขอตัวขึ้นไปข้างบนนะครับ"
ผมจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่กันกับความรักครั้งนี้ ดูท่าแล้วผมคงต้องกลับไปอยู่จุดเดิมนั่นแหละดีแล้ว เย็นแล้วกลิ่นดอกชมนาดก็กำลังลอยตามลมมา คิดถึงบ้านจัง คิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงพี่ขุนกับพี่ขิม อยากได้ยินเสียง แต่ก็ไม่อยากเอาความทุกข์ไปให้พวกท่านรับรู้ด้วย มันถึงเวลาแล้วหรือยังนะที่ผมต้องกลับบ้าน
......................................................................
..................................................
................................
.................
............
..........
......
ออกตัวนิดนึงนะครับ เค้าแต่งดราม่ากับเลิฟซีนไม่เป็น จบปิ๊ง!!
.....................................................................