อันดามัน...ซ่อนรัก
Andaman in Love
ตอนที่ 24
ผมขอบคุณคุณหมอจริงๆที่ไม่ถามอะไรผมตอนนี้
"คุณขิงครับ ตื่นก่อนครับ เดี๋ยวค่อยไปนอนต่อข้างบน" ผมขยับเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่ามันจะปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัวไปหมด จนต้องนิ่วหน้า
"ให้ผมช่วยพยุงไหมครับ?" ผมพยักหน้า
คุณหมอช่วยพยุงไปได้ไม่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนยิ่งพยุงยิ่งทุลักทุเล คุณหมอเลยขออนุญาตอุ้มแทน
"โอ๊ะ!! ให้พี่ช่วยอะไรไหมคะคุณหนู?"
"ช่วยไปเปิดประตูห้องผมด้วยครับ" ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระคนอื่นอีกแล้ว ไหนจะคุณหมอแล้วก็คนที่บ้านเค้าอีก
"คุณขิงรอสักแป๊บนะครับ เดี๋ยวผมไปเอายามาให้ จะได้สบายตัว" หมอตั้นเอามือมาจับตรงหน้าผาก ส่วนผมก็พยักหน้ารับ
หมอตั้นหายไปไม่ถึงสองนาที ก็กลับมาพร้อมผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ แล้วก็ยาอีกสองสามเม็ด พร้อมน้ำหนึ่งแก้ว
"ทานยาก่อนครับ จะได้เช็ดหน้า เช็ดตัว" ผมหยิบยามากินแล้วดื่มน้ำตาม
"ให้ผมช่วยเช็ดให้ไหมครับ?" ผมส่ายหน้า แค่นี้ก็รบกวนคุณหมอจะแย่แล้ว เลิกเวรดึกๆน่าจะได้พักแต่ยังต้องมาอดหลับอดนอนเพราะผมอีก
"แล้วคุณหมอนอนไหนครับ?" เสียงผมเริ่มจะแหบไปเรื่อยๆแล้ว
"นอน....." คุณหมอหยุดพูดแล้วหันไปมองพี่คนเมื่อกี้ที่ช่วยเปิดประตูให้
"ไม่มีอะไรแล้วครับพี่จำเนียน พี่ไปพักเถอะครับ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมจัดการเองครับ" หลังจากพูดจบพี่เค้าก็พยักหน้าแล้วก็เดินออกไป
"เดี๋ยวผมนอนที่โซฟาตัวนั้นก็ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง" คุณหมอชี้ไปที่โซฟาตัวไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่พอสำหรับคนตัวโตๆแบบคุณหมอที่อยู่ติดกับผนังอีกด้านหนึ่งของห้อง
"ถ้าคุณหมอไม่รังเกียจจะนอนด้วยกันก็ได้นะครับ"
"ผมต้องเป็นฝ่ายถามคุณขิงมากกว่าว่าจะโอเคไหมถ้าผมจะนอนด้วย แต่ความจริงผมนอนตรงนั้นก็ได้นะครับ เพราะอาชีพหมอนอนไปนก็ได้ทั้งนั้น เห็นอย่างนี้ผมเคยไปเป็นแพทย์อาสาชนบทมาก่อนนะครับ" คุณหมอยิ้มให้
"เอาล่ะผมไม่กวนคุณขิงดีกว่า คุณขิงจะได้พัก เดี๋ยวจะไม่หายป่วยถ้าขืนเรายังพูดกันแบบนี้" คุณหมอก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมตาก็ใกล้จะปิดแล้วเหมือนกัน ภาวนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นในวันพรุ่งนี้ทีเถิด เพราะผมเหนื่อย เหนื่อยมากแล้วจริงๆ
เมื่อคืนผมฝันถึงใครคนนั้นตอนที่เราไปทำงานที่เกาะด้วยกัน มันช่างเป็นความทรงจำที่สวยงามจริงๆ แต่พอตื่นมามันก็พลันหายไป นี่สินะที่เค้าเรียกความฝัน
ผมค่อยๆพยุงตัวเดินมาเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ จะได้ลงไปช่วยข้างล่าง เพราะแค่นี้ก็ลำบากคนอื่นไปมากแล้ว ถ้าให้ยกข้าวยกน้ำมาให้ทานบนห้องอีก ก็คงเกินไปแล้วล่ะ
ผมมองตัวเองหน้ากระจก มีแต่ร่องรอยที่เค้าทำไว้เมื่อคืน ทำให้นึกถึงคำพูดของเค้าเมื่อคืนที่บอกว่า เมียเค้าอยู่กับลูก ไม่ว่างเลยต้องมาใช้บริการผมแทน คิดแล้วมันก็น่าสมเพชตัวเองนะ สุดท้ายเค้าก็เห็นเราเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ชั่วคราวแค่นั้นเอง
ผมรีบอาบน้ำแล้วเดินออกมา แต่เสื้อผ้าไม่มี คงต้องใส่ชุดเดิมไปก่อน ก็ยังดีกว่าไม่มีให้ใส่แหละนะ
"อ้าวคุณขิงตื่นแล้วเหรอครับ ผมกำลังจะขึ้นไปดูอยู่พอดี มาทานข้าวกันดีกว่าครับ แม่บ้านบ้านผมทำอร่อยไม่แพ้ป้าน้อยเลยนะครับ" คุณหมอรู้ว่าพูดให้ผมคิดถึงบ้านหลังนั้นอีกแล้ว เลยหยุดพูดแล้วยกเก้าอี้ให้ผมนั่งแทน
"นี่พี่จำเนียนนะครับ คุณขิงเจอเมื่อคืนแล้ว เป็นแม่บ้านที่นี่ ถ้ามีอะไรก็บอกแกได้เลยนะครับเวลาผมไม่อยู่" ผมยกมือไหว้แล้วยิ้มให้ เห็นพี่จำเนียนแล้วก็นึกถึงพี่นุ้ย ป่านนี้บ้านหลังนั้นคงวุ่นวายกันไปหมดแน่ๆ เพราะผมหายตัวออกมาไม่ได้บอกใครแบบนี้
"ส่วนคนอื่นๆ เดี๋ยวผมค่อยพาไปแนะนำนะครับ" ผมพยักหน้าให้คุณหมอ
"อ่อ! ผมสั่งทุกคนแล้วนะครับว่าห้ามบอกใครเรื่องที่คุณขิงอยู่ที่นี่" หมอตั้นยิ้มให้
"ขอบคุณครับคุณหมอ" เสียงผมเหมือนเป็ดเลย ทั้งแหบแล้วก็ฟังดูอุบาทว์ที่สุดด้วย
"หึๆๆ เสียงคุณขิงเซ็กซี่มากครับ งั้นเดี๋ยวทานข้าวเสร็จเดี๋ยวผมไปจัดยาให้อีกตัวแล้วกันนะครับ จะได้หายเร็วๆ แล้วก็ชุ่มคอด้วย"
อาหารเช้ามื้อนี้เป็นโจ๊กหมู ใส่ปลาหมึกเป็นเส้นๆด้วย คุณก็ยังเป็นคุณหมอ ตักนั่นตักนี่ให้ทานอยู่ตลอด สงสัยคงจะติดนิสัยชอบดูแลคนอื่นมานั่นแหละ
"พอแล้วล่ะครับ มันเยอะแล้ว คุณหมอทานของคุณหมอเถอะครับ ผมดูแลตัวเองได้ครับ" หมอตั้นพยักหน้าแล้วตักโจ๊กใส่ปากตัวเองเป็นคำแรก
"ป่านนี้บ้านโน้นคงจะวุ่นตามหาตัวคุณขิงกันให้ควักแล้วล่ะครับ โดยเฉพาะไอ้หมอนั่น" คุณหมอหันมามองหน้าผมก่อนจะพูดต่อ
"มันคงทำไปเพราะความขี้หึงขี้หวงของมันนั่นแหละครับ ถ้าคุณขิงจะโกรธผมก็ไม่ว่านะครับ แต่อย่าโกรธมันนานเลย คุณก็รู้ว่านิสัยมันเป็นยังไง ตั้งแต่มันเจอกับคุณขิง ผมรับมัดมันมาตั้งสองสามทีแล้วนะครับเพราะความขี้หึงเนี๊ยะ"
ถ้าคุณหมอได้ยินเค้าพูดกับผมเมื่อคืน คุณหมอจะรู้ว่าที่จริงแล้วเค้าเลือกอะไรไว้ในใจอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่าผมหรือคุณหมอก็เปลี่บนแปลงมันไปไม่ได้หรอก ผมเงียบไม่ตอบอะไรไป เพราะไม่อยากพูดถึงมันแล้วล่ะครับ มันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป ครั้งก่อนเจอกับเรื่องของเจ ผมยังผ่านมันมาได้ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ผมต้องผ่านมันไปให้ได้สิหน่า
"เดี๋ยวตอนสายๆ ผมจะออกไปโรงพยาบาลนะครับ คุณคิดก็พักผ่อนได้ตามสบายเลย คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองเลยก็ได้นะครับ"
.....................................................
ผมพักอยู่ที่บ้านคุณหมอได้สองสามวัน จนร่างกายหายเป็นปกติแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยโทรหาคุณป้าแล้วขอลาท่านกลับบ้านเลยดีกว่า ความจริงอยากเข้าไปลาเค้ากับตัว แต่ติดที่อะไรหลายๆอย่าง คิดว่าโทรไปนั่นแหละดีที่สุด
"คุณขิงคะ วันนี้พี่จะไปตลาด คุณอยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ? พี่จะได้ไปซื้อมาให้" ผมรีบพยักหน้า เพราะกางเกงในที่หมอตั้นซื้อมาก็เล็กเกินไป ไม่ใช่ไซส์ผม เล็กเสียจนคิดว่าเป็นของเด็กงั้นแหละ
"ผมขอไปด้วยได้ไหมครับ จะไปซื้อของใช้ส่วนตัวสักหน่อย" ตอนนี้กางเกงยี่ห้อไหนผมก็ใช้ได้ทั้งนั้นแหละ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใส่ แล้วปล่อยให้มันโล่งแบบนั้น
"แล้วคุณหมอมาไม่เจอจะไม่ว่าเอาเหรอคะ?" หลายวันมานี้ทุกคนในบ้านเข้าใจว่าผมเป็นแฟนของคุณหมอ ทั้งๆที่ผมก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่ แค่เพื่อนกันเท่านั้น แต่ก็ยังไม่เชื่อกันเพราะบอกว่า คุณหมอไม่เคยพาใครมาพักที่บ้านเลย ผมนี่แหละเป็นคนแรก แถมยังคอยดูแลดีซะขนาดนี้ พวกเขาพูดแบบนี้แล้ว ผมเลยขี้เกียจอธิบายต่อ เอาเป็นว่าผมได้บอกพวกเค้าไปแล้วว่าเป็นแค่เพื่อนของคุณหมอแค่นั้น ส่วนเค้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกเค้าแล้วล่ะครับ
"ไม่ว่าหรอกครับ หมอตั้นใจดี ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วนิครับ เผลอๆกลับก่อนคุณหมอด้วยซ้ำ"
ลุงคำเป็นคนเหนือที่แต่งงานกับภรรยาที่เป็นคนที่นี่ ครอบครัวก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว ส่วนลูกกับเมียก็อยู่บ้านละแวกใกล้ๆบ้านคุณหมอนี่เอง เลยไปมาๆได้สะดวก แกบอกว่าทำงานเป็นคนสวนแล้วก็คนขับรถของที่นี่ได้เกือบสิบปีแล้ว คุยกันไปๆมาๆสนุกดีครับ เพราะแกเป็นคนแพร่ เลยพูดคำเมืองได้ แกบอกว่าไม่ได้พูดเหนือนานจนจะลืมไปแล้ว เพราะญาติที่โน้นก็ไม่มีแล้ว ที่ทางที่โน้นก็ขายให้บ้านใกล้เรือนเคียงหมดแล้วด้วยเหมือนกัน เลยไม่ได้กลับไปตั้งนานแล้ว
ส่วนตอนนี้เราก็ได้ลุงแกนี่แหละที่ขับรถพามาตลาด แต่เป็นตลาดคนละที่กับที่เคยมาครั้งก่อน บรรยากาศก็คล้ายๆกันเพราะมีข้าวปลาอาหาร ของหวานแล้วก็กลิ่นอายความเป็นภาคใต้เหมือนเดิม
"คุณเดินคนเดียวได้ใช่ไหมคะ เดี๋ยวพี่จะไปจ่ายตลาด ถ้าเสร็จแล้วค่อยมาเจอกันตรงหัวุมร้านตรงนี้ก็ได้ค่ะ" พี่จำเนียนพูดจบก็แยกไปซื้อของ ผมก็แยกมาซื้อของใช่ส่วนตัวของตัวเอง
มะรืนนี้แล้วสินะจะได้กลับบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงพี่ขุนกับพี่ขิม กลับตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกัน จะได้ทันงานแต่งพี่ขุนด้วย ผมซื้อของใช้ของตัวเองเสร็จแล้ว ไม่เยอะหรอก ก็จะมีแค่โฟมล้างหน้า โคโลญ กางเกงใน แล้วก็บ็อกเซอร์แค่นั้นเอง
"โอ๊ะ!! ขอโทษครับ" มัวแต่นับเงินที่เค้าทอนให้ จนเดินชนเค้า
"คุณ!!"
"ครับ ว่าไงครับเมีย" หัวใจผมตกลงไปตรงตาตุ่ม ไม่คิดว่าจะเจอเค้าที่นี่
"ถึงกับตกใจเลยรึไงที่เห็นผัวตัวเองมายืนตรงหน้าแบบนี้?" เขาแสยะยิ้ม
"หึ!! ไม่พูด แล้วนี่ไอ้หมอมันปล่อยออกมาแล้วงั้นเหรอ? อย่าคิดนะว่าชั้นไม่รู้ว่านายไปอยู่กับมันมา ชั้นไม่ใช่คนโง่ ที่พอบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นแล้วจะได้เชื่อตามนั้นจริงๆ "
"ตามมา ถ้าไม่อยากให้คนที่นี่เค้าแตกตื่น แล้วขายขี้หน้าเค้า" ผมยอมเดินตามเค้ามา โดยที่ยังถูกจับที่ต้นแขนอยู่ ผมต้องหนี อาศัยจังหวะที่เค้าเผลอกระทืบเท้าใส่ แล้ววิ่งออกมา
ตลาดแถวนี้เป็นย่านชุมชนแล้วก็มีตรอกเล็กๆ ซอยไหนเป็นซอยไหนก็ไม่รู้ที่ผมวิ่งเข้ามา ผมหันไปมองข้างหลัง โล่งอกที่เค้ายังตามมาไม่ทัน แต่โคตรเหนื่อยเลย
"อ๊ะ!!"
"หมดทางหนีแล้วล่ะ ในเมื่อให้ไปดีๆแล้วไม่ชอบ ก็คงต้องใช้ตัวช่วยแล้วล่ะ"
"ปล่อยผมนะ คุณจะทำอะไรน่ะ อื้อออ!!" แล้วภาพข้างหน้าก็หายไป
..............................................
ผมตื่นขึ้นมาในที่ที่ไม่คุ้นเอาเสียเลย เป็นกระท่อมไม้เก่าๆ ได้ยินเสียงหวีดของลมพัด แล้วตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย
"คุณหมอ!!" ผมตกใจ ลืมคิดไปว่าถูกจับตัวมา แล้วหมอตั้นล่ะจะเป็นยังไงบ้าง จะออกตามหาผมรึเปล่า
"พอฟื้นขึ้นมาก็ถามหาชู้เลยนะครับเมีย" เขาเปิดประตูเข้ามา
"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจับตัวผมมาทำไมคุณคราม ปล่อยผม ผมจะกลับ"
"ปล่อยทำไมให้โง่ กว่าจะจับตัวมาได้ต้องลำบากแค่ไหน" คนนิสัยเสีย เลว
"คุณ.... ปล่อยผมกลับไปเถอะนะ เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะเป็นห่วงเราเปล่าๆ นะ!!"
"คนอื่นที่นายว่า หมายถึงไอ้เพื่อนชั่วของชั้นงั้นเหรอ หึ!! ป่านนี้มันคงวิ่งวุ่นตามหานายแล้วล่ะ"
"เป็นไงบ้างล่ะไปอยู่เป็นคุณนายคุณหมอ คงจะสุขสบายกว่าเป็นนายหญิงฟาร์มหอยมุกใช่ไหมล่ะ?" เขาประชด
"คุณนายหมองั้นเหรอ? ก็คงใช่นั่นแหละ สะดวกสบายดี แต่นายหญิงอะไรนี่ไม่รู้นะ เพราะไม่เคยเป็น เคยเป็นแค่นักกายภาพให้นายหัวบ้าๆ โง่ๆ ขี้โมโหแล้วก็เจ้าอารมณ์เท่านั้นแหละ"
"ห่างกันไปไม่กี่วันก็ลืมผัวซะละ สงสัยไอ้หมอมันจะลีลาดี ถึงจำรสรักของผัวคนนี้ไม่ได้ สงสัยต้องทบทวนกันสักหน่อยแล้วมั้ง??" เขาจ้องตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วยิ้มมุมปาก
"อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นผมสู้จริงๆด้วย"
"จะเอาอะไรมาสู้ล่ะ?" ผมกวาดตามองในห้องมีแต่เทียนไขเล่มเดียว กับโต๊ะเตี้ยๆไม่รู้เอาไว้ใช้ทำอะไร นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย
เขาย่างสามขุมเข้ามา ส่วนผมก็ได้แต่ถอยมาเรื่อยๆ จนติดฝาผนัง เขาถอดเสื้ออกแล้วเขวี้ยงไปกับพื้น ตามด้วยกางเกงยีนส์ที่กำลังปลดเข็ดขัดอยู่
"ปล่อยผมนะไอ้คนบ้า ไอ้คนชั่ว ไอ้ลามก หื่นกาม ปล่อย!!" ผมทั้งถีบ ทั้งข่วน ทั้งผลักเขาออก แต่แรงเท่ามดอย่างผมจะไปสู้แรงเขาได้เหรอ
"โอ๊ยยยยยย" ในเมื่อสู้ไม่ได้ผมก็กัดสิ ใครจะยอมให้ทำแบบนั้นกัน
เขาเปิดดูรอยกัดตรงบ่า แล้วหันมาจ้องเขม็ง
"อยากโดนดีรึไงถึงทำชั้นเลือดตกยางออกแบบนี้ ห๊ะ?"
"ก็ใครใช้ให้คุณใช้กำลังข่มเหงคนอื่นแบบนั้นกันเล่า" แอบรู้สึกผิดที่ทำเค้าเจ็บ
"ก๊อกๆๆ นายหัวครับ ผมเอากับข้าวมาส่งครับ" มีคนเอากับข้าวมาส่งก็แสดงว่ามีหมู่บ้านชาวบ้านอยู่ละแวกใกล้ๆแถวนี้สิ
"เอาวางไว้บนโต๊ะด้านนอกนั่นแหละ เดี๋ยวออกไปกิน"
"งั้นผมลาแล้วนะครับนายหัว มีอะไรก็เรียกใช้ผมได้นะครับ"
"ไม่มีบ้านคนแถวนี้หรอก อย่าฝันไปเลย มีแต่เกาะร้าง กับป่า ไกลจากชายฝั่งตั้งหลายสิบกิโล คงมีคนมาอาศัยอยู่หรอก"
"ไม่จริง แล้วพี่คนเมื่อกี้เค้ามาได้ยังไง?" จะมาหลอกให้ผมกลัว ฝันไปเถอะ ลูกพ่อเลี้ยงคำปัน นอนอยู่ในป่า กลางปางไม้ก็เคยมาแล้วเหอะ
"หึ เถียงเก่งขึ้นเยอะเลยนะเมีย ตั้งแต่ไปอยู่กับมันมา คงสอนอะไรเยอะเลยสิท่า!!"
"ไม่เกี่ยวกับคุณหมอ เค้าดีกว่าคุณเยอะ อย่าเอาเค้ามาแปดเปื้อนด้วยเลย"
"หึ!! แตะไม่ได้เลยนะ มันคงจะถึงใจล่ะสิท่า ถึงได้ปกป้องกันขนาดนี้"
"ต่ำ!! เค้าไม่เคยทำแบบที่คุณทำหรอก อย่าเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานวัดคนอื่นเค้า"
"อื้อออออออ อ่อย!!!" ผมใช้กำปั้นทุบหลังเค้า
"ไอ้คนบ้า คนเลว" พอเถียงไม่ได้ แทงใจดำเข้าหน่อยก็ปล้ำจูบคนอื่น เขาแสยะยิ้มแล้วก้มมองที่หว่างขาตัวเอง
"ลามก ถ้าอยากมากก็กลับไปหาเมียคุณที่บ้านโน้น ผมไม่ใช่ที่ระบายความใคร่ของคุณ"
"ไม่มีหรอกเมียที่บ้าน มีแต่เมียคนนี้แหละ" หมายความว่าไง แล้วที่พูดเมื่อวันก่อนนั่นล่ะคืออะไร
ผมเงียบไม่ตอบอะไรทั้งนั้น
"ลุกขึ้นสิ ไม่หิวข้าวรึไง?" เขายื่นมาให้ผมจับแล้วลุกขึ้น อย่าหวังเลย ผมปัดแขนเค้าออกแล้วลุกขึ้นเองได้ พอเห็นผมลุกขึ้นได้ เขาก็เดินนำออกมาด้านนอก บนโต๊ะเก่าๆ กับเก้าอี้ไม้ที่ไม่รู้ว่าจะพังเมื่อไหร่ มีกับข้าวสองสามอย่าง มีน้ำพริก ไม่แน่ใจว่าจะใช่น้ำพริกปลาร้ารึเปล่า กับผักลวก มีต้มปลาอะไรสักอย่าง แล้วก็ไข่เจียว ที่อยู่ในถาดกระเบื้องลายดอกสีแดง ขาว แล้วมีฝาชีสีน้ำเงินปิดกันแมลงวันไว้
พอเห็นกับข้าว หน้าตาหน้ากินท้องมันก็เริ่มทำงานขึ้นมาแล้วสิ ยิ่งตอนกลางวันผมทานไปนิดเดียวเอง เพราะตั้งใจจะเก็บท้องไว้กินผัดหอยลาย กับต้มแป๊ะซะทะเลกับคุณหมอ นึกแล้วก็เสียดายเหมือนกันแหะ เป็นคนบ้านี่แหละที่ลักพาตัวคนอื่นมา
"เป็นไงหิวล่ะสิ" ท้องบ้านี่ก็ทำให้เจ้าของมันอับอายขายหน้าซะจริง
"หิวก็นั่งลง จะได้กินกันสักที แต่ถ้าไม่หิว ไม่อยากกินอาหารพื้นๆแบบนี้ก็ไม่เป็นไร งั้นก็หากินเอาเองละกันเพราะที่นี่ไม่มีเตาแก๊ส" คิดว่าผมจะกินอาหารแบบนี้ไม่เป็นรึไง ดูถูกผมเกินไปละ สมัยเรียนผมเคยไปออกค่ายอาสามา ลำบากกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้วเหอะ นับประสาอะไรกับการกินอยู่แบบนี้
ผมนั่งลง แล้วตักข้าวใส่จานกระเบื้องสีขาว ขอบน้ำเงินที่เค้าเตรียมมาให้นั่นแหละ มีช้อนสั้นกับถ้วยตราไก่ด้วยอีกใบด้วย คงเตรียมเผื่อนั่นแหละ
"นี่ตั้งใจจะตักกินคนเดียวเลยรึไง" เขามองจานข้าวที่ผมถืออยู่ อยากกินทำไมไม่ตักเองล่ะ มือก็มีไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย ผมไม่สนใจตักต้มปลาแล้วซด ไม่สนใจรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาข้างๆนี้หรอก
"แล้งน้ำใจ!!" เขาตักข้าวใส่จาน แล้วหันมาจ้อง
"ค่อยๆกิน เดี๋ยวก้างคิดคอ" เขาว่าแล้วแกะก้างใส่จานให้ ตามด้วยไข่เจียว ผมเงยหน้ามองคนที่เดี๋ยวก็ทำดีด้วย เดี๋ยวก็ร้ายใส่ แล้วก็ปากจัดเป็นที่หนึ่ง
"คุณก็กินสิ ผมแกะเองได้" เขายิ้มแล้วส่ายหัวไปมา เหอะ!! ไม่ได้เป็นห่วงหรอก แต่แค่ไม่อยากเพิ่งพาต่างหาก
"พรุ่งนี้ตื่นมาทำกับข้าวด้วยนะ"
"ทำยังไง วัตถุอะไรก็ไม่มี?" ผมหยุดกินแล้วหันไปถาม
"ให้นายเคี้ยมซื้อมาเก็บไว้ให้แล้ว" เขาตอบแล้วแกะปลาใส่จานให้อีก
"แล้วไหนคุณว่าไม่มีแก๊สไง?"
"อื่ม ไม่มีแก๊ส แต่มีเตาอั้งโล่กับฟืน ถ้าก่อไฟไม่เป็นบอก จะได้ทำให้"
"ทำไมจะไม่เป็น!!" เคยเรียนลูกเสือ แค่ก่อไฟแค่เนี๊ยะ ทำไมจะทำไม่ได้
"ก็ดี งั้นพรุ่งนี้จะรอดู"
ผมไม่ตอบ ตักข้าวกับต้มปลาทานต่อ รสชาติของน้ำซุปกำลังดีเลย ไม่เปรี้ยวหรือเค็มเกิน ได้กลิ่นตะไคร้ ใบมะกรูดแล้วก็มะนาวชัดเจนดี ทานข้าวเสร็จผมก็ยกไปเก็บไว้ที่ด้านข้าง เพราะไม่รู้ว่าที่นี่เค้าล้างจานกันที่ไหน ใช้น้ำอะไรล้าง จากนั้นก็กลับมานั่งที่แคร่ใต้ต้นไม้ด้านนอก สักพักหนึ่งเขาก็เดินออกมานั่งข้างๆ เราสองคนก็นั่งอยู่แบบนั้น ต่างคนต่างมองออกไปข้างนอก ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ทะเลตอนกลางคืนทั้งน่ากลัวแล้วก็สวยดีนะ ยิ่งมันกระทบกับแสงจันทร์ยิ่งดูสวยและมีเสน่ห์ เรานั่งอยู่อย่างนั้น ต่างคนต่างเงียบอยู่ในความคิดของตัวเอง กับตะเกียงเจ้าพายุแค่อันเดียวที่เขาหยิบมาด้วยเมื่อกี้
"เมื่อไหร่คุณถึงจะปล่อยผมกลับไปครับ อีก 3 วัน หนึ่งอาทิตย์ หรือหนึ่งเดือน?" ผมถามทั้งที่ไม่ได้หันมามอง
"จนกว่าชั้นจะจัดการอะไรเสร็จ นายต้องรออยู่ที่นี่ แล้วชั้นจะกลับมารับ"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับผมไม่ทราบ คุณไปจัดการธุระของคุณ ส่วนผมคุณก็ปล่อยผมกลับสิ" ผมหันมาถามตรงๆ
"เกี่ยว เกี่ยวกับนายโดยตรงเลยล่ะ เพราะเรื่องที่ชั้นไปจัดการมันเกี่ยวกับน้องคุณ ผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เรา ชั้นถึงบอกให้นายรอไง" อย่าเพิ่งใจอ่อนสิขิง เค้าทำเราเสียใจมาตั้งเท่าไหร่ แล้วก่อนหน้านั้นก็ไม่ชัดเจน
"แล้วทำไมไม่ให้ผมกลับไปรอบนฝั่ง แทนที่จะรออยู่ที่นี่ล่ะ?"
"ชั้นไม่ไว้ใจมัน"
"ใครคือมันของคุณ?"
"ก็ไอ้เพื่อนชั่วที่ชอบมาเตาะเมียคนอื่นเค้าไง"
"คุณหมอเค้าไม่เคยทำแบบนั้น เค้าเป็นคนดี แล้วเราก็ไม่เคยคิดมากกว่าเพื่อนกันด้วย มีแต่คุณนั่นแหละที่ขี้หึง หึงจนไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรทั้งนั้นแหละ "
"ก็รู้นิว่าชั้นขี้หึง ที่ทำอะไรลงไปก็เพราะหึงนายนั่นแหละ รู้เอาไว้ด้วย"
"จะยิ้มก็ยิ้มมาเถอะ ไม่ต้องหันไปทางอื่นแล้วแอบยิ้มแบบนั้น"
"ไม่ได้ยิ้ม ไม่เคยเขินเลยเหอะ"
"หึ!! สรุปว่าตามนี้ แล้วชั้นจะมาหา ให้นายเคี้ยมกับนายชัยเฝ้านายไว้ก่อน มีอะไรก็บอกสองคนนั่นล่ะ"
"เหอะ!!" ผมส่งเสียงไม่พอใจ ผมไม่ใช่นักโทษแล้วก็ไม่ใช่โสรยาของคุณ ทำไมต้องให้คนมาเฝ้าแบบนี้ด้วย
===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===
ไม่เอามาม่าเยอะเนอะ คนแต่งเครียดแทน