ความลับที่ 7 ก้าวก่าย+พังกำแพง
(ไม่อยากอ่านซ้ำผ่านสีน้ำเงินไป แต่ถ้ากันลืมก็อ่านสีน้ำเงินด้วยเนอะ)
หลังจากวันนั้นที่ตั้งโอ๋และน้องชายต่างสายเลือดอย่างอันเดรสได้ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องลงไป
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกันมีเพียงความเงียบงัน ที่ต่างฝ่ายต่างหันหลังให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าสิ่งๆนั้นๆไม่ได้มีตัวตนอยู่ในความเป็นจริง
ความรักความผูกพันที่มียังคงดำเนินต่อไปตามเดิม แต่ถึงแม้ภายนอกมันจะบอกว่าทุกอย่างที่เป็นอยู่นั้นมันยังคงเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น หากแต่รอยแยกบางๆนั้นได้เกิดขึ้นอยู่ในความรู้สึกส่วนลึกของพี่ชาย ที่มองว่าเรื่องนี้มันไม่ควรจะเกิด
ร่างสูงโปร่งตามแบบฉบับนิยมกำลังนั่งทบทวนบทเรียนอย่างคร่ำเคร่งอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างมีสมาธิ ต่างจากน้องชายที่มักจะใช้เวลาว่างทำในสิ่งที่ตนชอบทำโดยไม่คำนึงถึงอะไร
“ทำอะไรน่ะ”ตั้งโอ๋ถามน้องชายเมื่อเจ้าตัวสูงใหญ่นั่นทิ้งตัวลงมานั่งใกล้จนเรียกว่าชิดแทบจะไม่มีช่องว่าง
“ก็ไม่ได้ทำอะไรนิ”น้องชายตอบเสียงเรียบพลางยักไหล่
ทั้งที่นั่งเบียดจนแทบจะสิงกับพี่ชาย
“ออกไปหน่อยสิ นั่งเบียดแบบนี้พี่อ่านหนังสือไม่ได้”ตั้งโอ๋พูดเสียงแข็ง ตั้งใจว่าจะดุน้อง แต่ก็ทำไม่ลงคอสักที
“ก็อ่านๆไปสิ เอานี่ กินนมจะได้สูงๆ”
แก้วนมที่อุ่นเสร็จเรียบร้อยจนควันกรุ่นถูกวางลงบนโต๊ะเรียกให้พี่ชายหันไปมองหน้าคนที่จู่ๆก็ลุกขึ้นมาเอาใจแปลกๆ
“มองอะไร”
“ปล่าวนี่ แค่ปกติพี่เป็นคนทำ”คนพี่
“ก็เห็นอ่านหนังสืออยู่ อย่าถามมาก กินๆไปเถอะ”
“รู้เเล้วน่า พูดห้วนจริงเลย”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ดีใจที่น้องชายเอาใจใส่จนถึงกับยิ้มหน้าบานออกมา
หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง มีเพียงเสียงทีวีที่เปิดเบาจนแทบไม่ได้ยินดังคลอกับเสียงเครื่องปรับอากาศ
อากาศในยามดึกอุณหภูมิรอบตัวเริ่มต่ำลง ความหนาวเย็นเริ่มก่อตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อสองพี่น้องเมื่อทั้ง
คู่กำลังนั่งชิดใกล้แลกเปลี่ยนไออุ่นผ่านผิวกาย
จมูกโด่งคลอเคลียลงบนต้นคอขาวจัดของพี่ชายสูดดมเอากลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆที่เจ้าตัวชอบใส่เข้าปอด
แต่มันคงจะไม่พอสักเท่าไรทำให้จมูกนั้นไล่ลากไปบนผิวเนื้ออุ่นๆทำเอาคนที่กำลังทำสมาธิอ่านหนังสือสะดุ้งเฮือกขึ้นมา
“ทะ ทำอะไรน่ะ พี่จั๊กจี้นะ อันอัน”พี่ชายพูดไปพลางทำท่าขนลุก
“หอม”น้องชายพึมพำ ยังไม่หยุดลากจมูกไปมาบนซอกคอพี่
“อะไร ถ้าอยากหอมแบบนี้ก็ใช้เหมือนเหมือนกันซี่ จะได้ไม่ต้องมาดม”
“ไม่เหมือนกันสักหน่อย”อันเดรสแก้ แล้วยกมือขึ้นกอดเอวพี่ชายอย่างเอาแต่ใจ
“เอ่อ อันอัน พี่ว่าปล่อยก่อนดีกว่านะ”
“ไม่เอา”น้องชายปฏิเสธอย่างเอาแต่ใจ
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งรู้สึกว่าต้องการพี่ชายคนนี้มากขึ้น นับวันความรู้สึกที่มียิ่งทวีมากขึ้นเป็นเท่าตัว และไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุด
ความต้องการที่จะครอบครองเอาไว้เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวนั้นมันเอ่อล้นอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจจนแทบจะกดมัน
เอาไว้ไม่อยู่
ไม่อยากทำให้พี่ชายเสียใจ
แต่ก็ไม่อาจจะฝืนความต้องการของตัวเองได้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันช่างรุนแรงจนยากที่จะต้านทาน
“อันอัน”ตั้งโอ๋เรียกเสียงเบาโหวง เมื่อน้องชายกอดตัวเองแล้วนิ่งไปทั้งที่ใบหน้าซุกลงที่ซอกคอของเขา
“หอม”
ดูเหมือนว่าน้องชายจะไม่ฟังที่เขาเรียกเลยสักนิด
“อันอัน ถ้าง่วงก็ขึ้นไปนอนก่อนก็ได้นะ”
“พูดมากน่า”
ว่าแล้วคำนี้ต้องมา
“นี่ อันอัน ปล่อยพี่ เดี๋ยวพี่เก็บของก่อน จะได้ไปนอนพร้อมกัน โอเคไหม”
“อืม”
ทีอย่างนี้ล่ะยอมง่ายๆ ดูก็รู้ว่าอยากให้เขาไปนอน แต่ก็ไม่ยอมพูด เพราะว่ารู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่ยอมเลิกอ่านหนังสือง่ายๆ
เพราะอยู่ในช่วงแอดมิชชั่นเข้ามหา’ลัย
ระหว่างที่เก็บของเจ้าตัวก็นั่งดูรายการทีวีไปเรื่อยเปื่อยตามปกติ แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวน้องชายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยดูข่าวบันเทิง
วันนี้จะดันเปิดดูซะงั้น
“นี่หมายความว่าไง”
ยังไม่ทันที่ประเด็นข่าวที่กำลังนำเสนอจะจบดี เสียงแข็งๆของน้องชายก็ถามขึ้นมาอย่างที่คาดเอาเอาไว้เล่นเอาพี่ชายได้แต่
ทำหน้าแหย
ก็รู้อยู่หรอกว่าน้องชายไม่ชอบเพื่อนร่วมวงการอย่างสกายที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่เด็กๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมอันเดรสถึงไม่ชอบสกาย ถึงจะถามหาเหตุผลไปบ่อยๆเจ้าตัวก็ไม่เคยตอบ
“พี่เห็นว่างานมันไม่ยาก ก็เลยรับมาน่ะ ไม่ได้เสียเวลาอะไร”ตั้งโอ๋ยิ้มแหยกับประเด็นข่าวที่ว่าจะเอานักแสดงโฆษณานมเสริม
อาหารเด็กเมื่อสิบกว่าปีก่อนชุดเดิมมาแสดง
ครั้งนี้เป็นหัวข้อของนมเสริมอาหารสำหรับวัยรุ่นที่กำลังจะเปิดตัว คอนเซปที่นักแสดงเก่าก็เพื่อชักจูงให้โฆษณาดูน่าเชื่อถือ
แล้วก็ดึงความสนใจจากผู้ชมให้รอดูความเปลี่ยนแปลงของนักแสดงแต่ละคน
“ทำไมต้องรับงานนี้ ไหนบอกว่าอ่านหนังสือไม่มีเวลาไง”น้องชายเริ่มหน้าตึง
“ผู้ใหญ่เขาขอมาน่ะ จะไม่ทำก็น่าเกลียด”ตั้งโอ๋ตอบไปตามความจริง
มองดูน้องชายที่กำลังแสดงถึงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นักแสดงเก่า ใครจะรู้ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่จริง”
“แต่นั่นมันเป็นงานนะอันอัน ถึงมันจะเป็นวงการมายา แต่บางครั้งการที่เราซื่อสัตว์ต่อคนดูมันก็เป็นเรื่องดี”
“ไม่ได้ ไปยกเลิกงานซะ”
“อันอัน พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ แล้วอีกอย่างพี่ไม่จำเป็นจะต้องขออนุญาตเรา”ตั้งโอ๋เริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้าง
“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ไม่รู้ว่างานนี้จะผ่านรึเปล่า เพราะโฆษณาตอนนั้นพี่แสดงเป็นผู้หญิง ตอนนี้พี่ก็โตแล้ว ทางผู้ใหญ่เขไม่
ค่อยแน่ใจ เลยแค่เรียกพี่ไปลองแต่งตัวดูแล้วก็ถ่ายโปรไฟล์ใหม่แค่นั้น ได้ไม่ได้ต้องอีกทีหนึ่ง”เขาพยายามอธิบาย
ทำให้น้องชายหยุดคิด
“ยังไงก็ไม่ได้ ต่อให้ผ่านก็ไม่ให้เล่น”แต่ก็เหมือนจะไม่สำเร็จเมื่อน้องชายยังคงยืนยัน
“อย่าเอาแต่ใจได้ไหม พี่ไม่อยากให้อันอันทำตัวเป็นคนที่คอยตัดสินใจเรื่องของพี่นะ”
“แล้วไง ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่บอกไว้ก่อนว่ายังไงก็ไม่อนุญาตให้รับงานนี้เด็ดขาด”
“พูดไม่รู้เรื่อง พี่ไปนอนดีกว่า”
พอเถียงน้องชายไม่ได้ก็เลยเดินหนีขึ้นมาชั้นบน
เสียงตึงตังลงฝีเท้าของน้องชายเดินตามมาติดๆ
“อย่ามาเดินหนี”เสียงแข็งกระด้างเรียกเอาไว้พร้อมกับแรงดึงทำให้ถลาเข้าไปหาน้องชายจนเกือบจะชน
“อันอัน!!”ตั้งโอ๋เรียกเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง
รู้สึกว่าน้องชายไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทั้งที่ตอนเด็กๆก็ดูน่ารักคอยเชื่อฟังแท้แท้ แต่โตมากลับเอาแต่ใจและคอยก้าวก่ายเข้า
มาตัดสินใจเรื่องต่างๆของเขาตลอด
ดวงตาคมจ้องมองดวงตาแข็งกร้าวไม่กระพริบ ความไม่พอใจเริ่มก่อขึ้นมาข้างใน เมื่อน้องชายที่เอาแต่ใจไม่ยอมถอยง่ายๆ
“ไปยกเลิกงานซะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้ว่าจะผ่านไหม ต้องรอดูอีกที”
“ถึงยังไงก็ไม่ได้ บอกปฏิเสธเขาไปไม่ต้องไปแคสอะไรทั้งนั้น”
“ไม่ได้หรอก ทางผู้ใหญ่เขาขอมา พี่ไม่อยากให้เขาผิดหวัง”ตั้งโอ๋ปฏิเสธพลางเบือนหน้าหนีน้องชาย
ไม่อยากจะพูดอะไรรุนแรงไปกว่านี้ กลัวว่ากระทบจิตใจของน้องชาย แต่วันนี้รู้สึกว่าความมีเหตุผลของอีกฝ่ายนั้นกลับไม่มีเลย
สักนิด
“ไม่เห็นต้องไปแคร์ แค่บอกไปว่าไม่ทำก็จบ”
“อันอัน!! พี่ไม่ได้เป็นพวกที่ชอบเอาแต่ใจเหมือนเด็กแบบอันอันนะ จะได้ไม่สนใจใครน่ะ”คราวนี้ตั้งโอ๋ทนไม่ไหวถึงได้ดุน้อง
ชายไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่น้องชายพูดออกมา
“แล้วยังไงล่ะ อยู่เฉยๆก็ได้นี่ ถ้ากลัวว่าไม่มีเงินใช้เดี๋ยวเลี้ยงเอง เดี๋ยวจะรีบเรียนให้จบ รีบทำงานแล้วจะเลี้ยงเอง ไม่ต้องไป
ทำงานงี่เง่าแบบนั้นอีก”อันเดรสตอกกลับ
ซึ่งนั้นทำให้คนฟังไม่ชอบใจอย่างรุนแรงในสิ่งที่น้องชายพูดออกมา
ใบหน้าขาวซีดเผือดเหมือนกับไม่เชื่อหูตัวเอง
“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ ทำไมพี่ถึงจะทำงานนี้ไม่ได้ ทำไมพี่ต้องบอกปฏิเสธเขาทั้งที่พวกเขาหวังในตัวพี่ ทำไมพี่ต้องทำตาม
ที่อันอันบอก มันเพราะอะไรล่ะ ทำไมพี่จะต้องเลิกทำในสิ่งที่พี่คิดว่าดีแล้วต้องทำตัวไร้ค่าแบบที่อันอันอยากให้พี่เป็น บอกพี่มาสิ ว่า
เพราะอะไร”
อันเดรสได้แต่นิ่งมองดูพี่ชายพูดในสิ่งที่รู้สึกออกมา
ใบหน้าคมเข้มได้ฉายแววอ่อนลงแต่ก็ยังไม่ลดละฐิถิที่มีอยู่ มือที่จับแขนพี่ชายอยู่บีบแน่นอย่างไม่พอใจ
ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าคนตรงหน้านั้นไม่ได้เป็นของของตัวเอง และกำลังถอยหลังห่างออกไปทุกทีเข้ามากัดกินข้างใน
จิตใจ
“เพราะโอ๋เป็นของอันไง ของอันคนเดียว”
เสียงที่เบาราวกับกระซิบดังแว่วผ่านข้างมาในโสตประสาต
หากแต่มันเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจเหมือนเดิม
“ดูเหมือนอันจะยังไม่เข้าใจ ว่าพี่ไม่ใช่สิ่งของ”
ตั้งโอ๋บอกด้วยน้ำเสียงเบาโหวง มือเล็กกว่าดึงมือน้องชายออกจากแขนตัวเอง
ทั้งรู้สึกไม่พอใจแล้วก็รู้สึกเสียใจที่น้องชายไม่เข้าใจสักทีว่าเขาไม่ใช่สิ่งของและไม่ใช่ของของใคร
“ทำไมล่ะ มันดีกว่าอันตรงไหน”อันเดรสถาม
“ถ้ามันที่อัน หมายถึงคือพี่สกายล่ะก็ เขาไม่ได้ดีไปกว่าใครหรือด้อยไปกว่าใคร แล้วอีกอย่าง พี่บอกแล้วว่าอย่าเรียกใครว่า
มัน”
“ไม่ทำไม่ได้รึไง”
“ดูเหมือนเราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะอันเดรส”
พี่ชายพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปแล้วปิดประตูลงกลอนก่อนที่น้องชายจะแทรกตัวเข้ามา
ร่างสูงโปร่งยืนพิงประตูห้องนอนอย่างอ่อนใจ ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทงหัวใจมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ทำไมอันเดรสถึงต้องทำเหมือนกันว่าเขาต้องให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าคนอื่น ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็ให้ความสำคัญกับอัน
เดรสมากพอสำหรับคำว่าพี่น้อง
แล้วทำไมเจ้าตัวถึงยังต้องการที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา จนรู้สึกได้ว่าน้องชายถลำลึกเข้ามาในชีวิตส่วนตัวขงเขาเกิดกว่า
จำเป็น
ทั้งที่ปกติจะคุยกันรู้เรื่อง ทั้งที่ไม่เคยโกรธเคืองกัน แต่ทำไม เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้
มันเกิดขึ้นจากอะไรกัน
ความเอาแต่ใจของน้องชาย?
ความที่น้องชายเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตมากเกินไป?
หรือว่าความสับสนใจใจของตัวเองที่กำลังเกิดขึ้น?
รอยร้าวเล็กที่อยู่เกิดอยู่ในก้นบึ้งของจิตสำนึกมันกำลังแตกออก
เขาควรจะทำยังไง กับน้องชายที่พยายามจะก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้
ควรหันหลังให้กับสิ่งที่น้องชายต้องการ หรือว่าทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกลับไปเป็นเหมือนเก่าทั้งที่ข้างในใจก็ยังคงค้างคา
หลายวันผ่านไปช้าราวกับเป็นเดือนเป็นปี จากที่พูดคุยกันอย่าสนิทสนมกลายเป็นเข้าหน้ากันแทบไม่ติด
เพราะว่าตัวเขาเองไม่ยอมให้กับน้องชาย ซึ่งปกติแล้วจะเป็นฝ่ายที่ยอมเองตลอด
ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป เขากำลังสับสนว่าสิ่งที่น้องชายกำลังต้องการทำอยู่นั้นเขาควรจะยอมมันเหมือนเรื่องอื่นๆหรือไม่
จนถึงวันที่ต้องถ่ายโปรไฟล์ใหม่สำหรับโฆษณาตัวนี้โดยเฉพาะ การแต่งหน้าและการเลือกเสื้อผ้าค่อนข้างต้องพิถีพิถันทำให้
ใช้เวลานานมากกว่าการถ่ายโปรไฟล์ทั่วไปหลายเท่าตัว
จนเวลาได้ล่วงเลยเข้าไปค่อนคืน นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่ง ถึงจะห่วงว่าน้องชายอาจจะโกรธที่เขาหายไปโดยที่ไม่บอก
แต่หลายวันที่ไม่ได้พูดกันทำให้เข้าหน้ากันไม่ติดเลยไม่ได้บอกอะไรเอาไว้ก่อนหน้า
รถของผู้จัดการส่วนตัวอย่างดาหลาจอดลงพร้อมกับคำล่ำลา
การถ่ายโปรไฟล์เป็นไปอย่างล่าช้าเพราะต้องหามุมกล้องที่ค่อนข้างหายากเพราะต้องแต่งเป็นเด็กผู้หญิง
แต่ก็เป็นไปได้ด้วยดีและสมบูรณ์ตามที่ทางผู้ใหญ่ต้องการ
ตั้งโอ๋เปิดประตูเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีที่อ่อนเพลียทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียน
ไฟในบ้านปิดหมดทำให้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่ไม่ต้องมาเจอหน้าน้องชายที่ไม่ค่อยอยากจะเจอตอนนี้
หากรู้ว่าเขาหายไปไหนมาโดยที่ไม่บอก แล้วรู้ว่าไปทำอะไรมามีหวังได้ทะเลาะกันอีกครั้ง
“ไปไหนมา!!”
มีต่อนะ