บทที่2 อัศวินขี่ม้าขาว
“ดีนะครับที่แผลไม่ลึก”รินกล่าวขณะนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวสำหรับรอชำระเงินค่ารักษาพยาบาลกับคนเจ็บไร้ญาติซึ่งเข้าพบหมอและทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาสีดำฉายแววสดใสเสมอเหลือบมองคนข้างๆซึ่งเนื้อตัวมอมแมม บนหัวมีผ้าพันแผลพันไว้รอบ...
คนมันหล่อต่อให้โทรมยังไงก็หล่ออยู่วันยังค่ำ นับเรตติ้งได้จากน้ำเสียงของคุณพยาบาลซึ่งเข้าเวรคนเดียว ปกติควรจะพูดจาห้วนๆมะนาวไม่มีน้ำใส่ตามประสาพนักงานโรงพยาบาลรัฐแต่นี่เสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียว
ภายในโซนรับยามีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นเนื่องจากมันดึกมากแล้วและแถวนี้ก็เป็นเขตฟาร์มจึงไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่ พี่รันเองก็รักษาตัวในโรงพยาบาลประจำจังหวัดไม่ใช่โรงพยาบาลซอมซ่อพัดลมเพดานขึ้นสนิมเจียนจะตกใส่หัวคนไข้แบบนี้
“อืม ขอบคุณที่พามาส่ง”เสียงทุ้มตอบกลับสั้นๆ
“แล้วพี่มีเงินจ่ายป่ะเนี่ย”ดูจากภายนอกแล้วชายคนนี้แต่งตัวดีไม่น้อยแต่ไม่รู้ว่าเขาจะพกเงินติดตัวมารึป่าวรินจึงถามอย่างเป็นห่วง
อีกเรื่องซึ่งค้างคาใจเด็กหนุ่มอยู่ก็คือ
ผู้ชายคนนี้มาทำอะไรกลางทุ่งกับลูกน้องตอนมืดๆ
...สองต่อสอง....
“พอมีอยู่”ร่างสูงพูดขณะหลับตาเอนกายพิงพนัก การกระทำนั้นทำให้รินคิดว่าเขาต้องการการพักผ่อนจึงไม่ซักไซ้อะไรต่อ เด็กหนุ่มหันมานั่งแกว่งเท้าเล่นค่าเวลา
“ฟาร์มนั้นเป็นของบ้านเราเหรอ”
แต่ในตอนที่เขาไม่มีอะไรทำนั้นเอง คนข้างๆก็ปรือตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มปรากฏบนมุมปากของริน มุมปากคลี่รอยยิ้มที่ใครได้เห็นเป็นต้องเผลอมอง เจ้าตัวแสบรู้สึกดีใจกับความไม่หมางเมินที่ชายหนุ่มมอบให้
...การใส่ใจเล็กๆน้อยเป็นเรื่องพึงมีระหว่างกัน...
“ครับ”
“แล้วทำไมถึงทำตัวเหมือนไม่ใช่คนแถบนี้เลยหละ”คนถูกถามค้างไปวูบหนึ่งก่อนก้มมองตัวเองตามสายตาของคนตรงหน้า รินรู้ดีว่าตัวเองหน้าตาท่าทางไม่ค่อยกลมกลืนกับคนแถวนี้เท่าไหร่แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงชั่วโมงจะถามคำถามแบบนี้
ผู้ชายคนนี้ฉลาดแล้วก็ช่างสังเกต
“ผมอยู่กับแม่ในกรุงเทพ นานๆทีจะกลับมาเยี่ยมพ่อทีฮะ”อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ
“แล้วเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ ไฟไหม้? แจ้งความรึยัง?”คำถามนั้นทำให้รินชะงักเล็กน้อย เขาลังเลว่าควรบอกให้คนนอกอย่างคฑารู้ดีไหม ใบหน้าหวานแสดงความอึกอัก
“นั่นแหละปัญหา ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เห้อ...”
“นอนอยู่ดีๆตื่นมาวัวหายหมดฟาร์ม พ่อก็สั่งไม่ให้แจ้งความเพราะเดี๋ยวเดียวก็ตามกลับมาได้ รอบๆฟาร์มมีรั้วลวดหนามล้อมเอาไว้ แต่กว่าจะตามกลับมาครบหละ? โอ๊ย คนงานก็หายหัวกันไปหมด พี่รันกับพ่อก็ไม่อยู่บ้าน ตายๆๆๆ รินเอ๋ย เอ็งนายแน่”ตอนแรกก็เหมือนตอบคำถามอยู่หรอกแต่หลังๆคิดว่าบ่นกับตัวเองมากกว่า
มือเรียวยกขึ้นกุมขมับด้วยความเครียด หัวใจในอกเต้นเร็วขึ้นเมื่อนึกถึงปัญหาที่ต้องแบกรับ...
คิดแล้วก็น่าเจ็บใจ ร้อยวันพันปีพ่อผู้ติดบ้านไม่เคยไปไหนจะโผล่ออกจากฟาร์มที ไหนจะพี่รันผู้อึดถึกไม่เคยล้มป่วยอีก
ทำไมหนอทำไมสถานการณ์คับขันถึงเลือกเกิดเวลานี้
“ทำไงดี โอยยยย”ใบหน้าหล่อปนหวานของนักศึกษาชั้นปีสามยับยู่เข้าหากัน คิ้วเรียวแทบจะผูกกันเป็นริบบิ้นห่อของขวัญ ตัวเขาตอนนี้เหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้กลางเกาะร้างที่มีไฟลุกท่วม...ข้างหน้าคือทะเลข้างหลังคือเปลวไฟ ไม่มีใครให้พึ่งพา...
พี่รันฮะ น้องขอโทษที่แช่งพี่ น้องเลิกงอนพี่แล้ว พี่รีบออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนะ
ต่อมาคุณพยาบาลผู้ควบตำแหน่งเภสัชกรจ่ายยาและนักบัญชีคิดเงินก็ประกาศเรียกให้ชายหนุ่มลุกไปรับยา รินมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยสายตาหมาหงอย เป็นความบังเอิญที่คฑาก็หันกลับมามองเจ้าหนูอย่างเป็นห่วงเช่นกัน
ดวงตาทั้งสองสบประสานกันอยู่ชั่วอึดใจ แม้มันจะแสนสั้นแต่นัยน์ตาสุขุมของคนอายุมากกว่านั้นกลับคลี่คลายปมในใจของรินได้ หัวใจที่บีบอัดเมื่อครู่กลับมาเต้นตามจังหวะเดิมอย่างน่าประหลาด...
รินยกมือขึ้นทาบอกอย่างรับชะตากรรม ก่อนจะยกอีกมือขึ้นมากอบกุมมือของตัวเองไว้...
ทุกๆบ่ายจะมีคนของบริษัทนมพาสเจอไรส์มารับซื้อนม...ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนถึงเวลานั้น
ชายหนุ่มยืนมองทุกจังหวะสีหน้าของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ ไหล่เล็กๆที่เดี๋ยวก็ผึ่งผายเดี๋ยวก็ห่อเหี่ยวนั้นทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนี้พยามๆให้กำลังใจตัวเองขนาดไหน ท่าทางเหมือนปลาทองถูกช้อนขึ้นจากอ่างพยามดีดตัวดิ้นรนลงน้ำของคนตรงหน้าจุดความรู้สึกบางอย่างขึ้น
คฑาถือถุงยาและเดินกลับมาหาเด็กทำอะไรไม่ถูกก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่คิดดีแล้วออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เจ้าหนู ...”เสียงทุ้มเรียกสติ รินเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย
“...แทนคำขอบคุณ จนกว่าปัญหาของฟาร์มและปัญหาของฉันจะจบลง ฉันจะอยู่ช่วยอีกแรง”
ราวกับมีหยดน้ำกระทบผืนทรายกลางซาฮาร่า เสียงทุ้มก้องกังวานซ้ำไปซ้ำมาในหูของริน เนตรกลมฉายประกายระยิบระยับเงยขึ้นมองชายหนุ่มราวกับเห็นพระโพธิสัตว์มาโปรด
ทว่าภาพฝันอันสวยงามก็ดับวูบด้วยพาดหัวข่าวปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์และแก๊งค์ต้มตุ๋น
แล้วเราจะทำยังไงถ้าหากพี่ชายคนนี้เป็นพวกมิจฉาชีพ!?
รินผู้มีไหวพริบ(?)มีสัญชาติญาณระวังภัยในระดับหนึ่ง เขาขอตัวร่างสูงก่อนเดินแยกออกมาเพื่อติดต่อหาพ่อ รอสักพักปลายสายก็รับ เสียงของบิดาซึ่งไม่ได้ยินเกือบปีดังขึ้น
“ริน เป็นบ้างลูก มีอะไรให้พ่อช่วยไหม”เนื่องจากป้าพรโทรไปรายงานแล้วเจ้าของฟาร์มกานต์จึงถามไถ่ลูกชายซึ่งโทรมาในยามวิกาลแบบนี้
“คือ...มีพี่ชายคนนึง เขาบาดเจ็บผมเลยพาเขามาหาหมอแล้วเขาก็บอกว่าอยากตอบแทนด้วยการอยู่ช่วยเรา ผมควรให้รับเขาไว้ดีไหมแล้วจะปลอดภัยป่าว?”
“อืม...เขาถูกทำร้ายใช่ไหม งั้นพาเขาไปแจ้งความเพื่อยืนยันตัวตนกับตำรวจหรือไม่ก็ยึดบัตรประชาชนเขาเอาไว้สิ”
จากนั้นพ่อลูกก็คุยกันอีกสองสามประโยคก่อนแยกย้ายกันไป รินเดินมาพูดกับคฑาตามที่พ่อสอนไว้
”ผมให้พี่ช่วยก็ได้แต่เพื่อความแน่ใจพี่ต้องยืนยันความบริสุทธิ์ใจด้วยการไปแจ้งความหรือไม่ก็เอาบัตรประชาชนมาไว้ที่ผม”เด็กหนุ่มเก๊กเสียงเข้มตีหน้าจริงจังสุดชีวิต
...อยากหัวเราะหน้าตัวเองตอนนี้มากแต่ก็ต้องกลั้นไว้...อึ๊บเดียวนะรินนะ...
มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนยื่นสิ่งที่รินต้องการให้อย่างว่างายก่อนกำชับว่า
”อย่าทำหายล่ะ อ่อ แล้วก็ พี่คงไปแจ้งความไม่ได้เพราะพี่ไม่อยากเอาเรื่องคู่กรณี”
“เย้!!”รินรับบัตรมาก่อนแย้มยิ้มยินดี
.
.
อุณหภูมิต่ำกว่าปกติจากความเย็นของเครื่องปรับอากาศไม่ได้ทำให้อุณหภูมิภายในจิตใจของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์อย่างรินลดลงแม้แต่น้อย ภายในห้องทานอาหารที่ไม่ทราบว่าจะติดแอร์ไปทำไมนั้นปรากฏร่างของบุคคลสองคนนั่งอยู่
“ก่อนอื่นเลย เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน...”คฑายกมือขึ้นเท้าคางอย่างครุ่นคิด นัยน์ตาฉายแววมุ่งมั่น ชายหนุ่มจดจ้องกระดาษในมีด้วยท่าทีตึงเครียด
นานน้อยตัวจริงของฟาร์มนั่งมองลูกจ้างชั่วคราวตาปริบๆบนเก้าอีกด้านตรงข้าม โต๊ะทานอาหารถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ประชุมวางแผนรับมือวิกฤต หลังจากกลับถึงบ้านรินก็ชี้แจงเรื่องราวและเล่ารายละเอียดคร่าวๆเรื่องการซื้อขายนมให้ลูกจ้างชั่วคราวฟัง
แสงแดดอ่อนๆสัญญาณบ่งบอกเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งเปิดม่านไว้ ความสดชื่นของธรรมชาติอันสุดลูกหูลูกตาเป็นจุดเด่นของฟาร์มแห่งนี้ ทั้งพ่อและพี่ชื่นชอบมันมาก เนื้อที่ของฟาร์มแห่งนี้จึงกินไปถึงตีนเขาด้านหลัง
ครั้งหนึ่งตอนปิดเทอมเด็กหนุ่มได้ไปเที่ยวเล่นในป่าด้านหลังกับพี่ชาย ความสนุกในวัยเยาว์นั้นเขาไม่เคยลืมเลือน...
ไม่มีวันลืมเด็ดขาด!!ว่าไอ้ป่านั่นมันกว้างขนาดไหน เดินวนขาลากอยู่นานสองนานหาทางออกไม่ได้ดีที่ลุงชัยไปช่วยไว้...
เนื้อที่สุดลูกหูลูกตาของฟาร์มกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ไปแล้ว ที่ดินหลายสิบไร่กับวัวอีกร้อยตัว ชาติไหนจะต้อนเสร็จ ล่าสุดเขาออกคำสั่งให้ลุงกับป้าไปนอนพักเพราะกลัวจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน
มือเรียวยกขึ้นทัดผมที่ใบหู ใบหน้าของรินตอนนี้ดูอิดโรยจากการขาดนอน ใจดวงน้อยร้องหาเตียงนุ่มอย่างโอดครวญ
“พรุ่งนี้...ไม่สิ วันนี้ต้องเอานมไปส่งให้คนรับซื้อตอนบ่ายสาม...จำนวน 2,000กิโลกรัมและการจะหานมได้ตามยอดนี้จำเป็นต้องมีแม่วัวไม่น้อยกว่าร้อยตัว...”คฑารำพึงกับตัวเองเบาๆ เหลือบตามองร่างโปร่งซึ่งนั่งเงียบมาสักพักแล้ว ใบหน้าหวานประดับด้วยตาหมีแพนด้าแลดูน่าสงสาร
แม่วัวในฟาร์มกานต์แห่งนี้มีทั้งสิ้น 350ตัวแบ่งออกเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยสาวซึ่งมีแค่วัยสาวเท่านั้นที่ให้นมได้ จากรายงานของลุงชัยเห็นว่าต้อนวัยสาวกลับมาได้ประมาณหกสิบตัวซึ่งหนีไปไม่ไกล...
“ปัญหาของเราตอนนี้ก็คือน้ำนมจำนวน 1,000กิโลกรัมที่จะไม่มีส่งในวันพรุ่งนี้”ชายหนุ่มพลิกหารายชื่อฟาร์มรอบๆและฟาร์มซึ่งอยู่ในเครือข่ายสหกรณ์เดียวกันกับฟาร์มกานต์ก่อนเสนอหนทางที่ดีที่สุดในยามนี้แก่ผู้รักษาการตำแหน่งเจ้าของฟาร์ม
“เราคงต้องไปก้มหัวขอซื้อน้ำนมจากฟาร์มละแวกนี้ทุกวัน อย่างน้อยก็จนกว่าจะพาวัวกลับมาครบ อย่างมากก็จนกว่าจะรักษาสุขภาพวัวที่เตลิดออกไปให้สมบูรณ์แข็งแรงพอสำหรับการรีดนม”
ฉับพลันร่างโปร่งซึ่งฟุบลงกับโต๊ะเพื่องีบหลับก็สะดุ้งตัวลุกขึ้นอย่างตกใจเนื่องจากมือแกร่งที่เอื้อมไปบีบไหล่บางเบาๆ
“เปล่านะ! ผมไม่ได้หลับนะ!”คนแอบงีบสะบัดใบหน้าสองสามทีก่อนจะยกมือขึ้นมาเป็นปางห้ามญาติสีหน้าแววตาพิรุธมากชนิดที่คนไม่เห็นเหตุการณ์ยังมองออกว่าไอ้เด็กนี่กำลังโกหก
ท่าทางเหมือนเด็กประถมถูกครูจับได้ว่าหลับในคาบเรียนเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนอายุมากกว่าได้อย่างดี
“เมื่อกี้พี่ชายว่าอะไรนะ”
“ไหนบอกไม่ได้หลับไง”โดนดักคอเข้าอย่างจัง รินจึงยิ้มเผล่แลบลิ้นตาหยีกลับไปอย่างที่ชอบทำเมื่อเถียงไม่ออกพลางย้ายตำแหน่งไปนั่งเก้าอี้ด้านข้างร่างสูงเกาะโต๊ะรอฟังคำตอบตาใส และดูเหมือนจะได้ผล
ร่างสูงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนลงเขาบอกกับเด็กหนุ่มซ้ำอีกครั้ง
“อืม...ถ้าฟาร์มพี่ฟ้าหละก็เขาน่าจะช่วยเรานะ เรื่องแบบนี้ถ้าให้พ่อหรือพี่รันช่วยพูดให้น่าจะได้ผลดีกว่า ขอบคุณนะฮะ”รินกล่าวก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาพี่ชายแท้ๆ คุยกันได้สักพักพี่ก็บอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ ไม่ต้องห่วง
ฟังจากน้ำเสียงแล้วพี่รันสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าตอนโทรไปเมื่อวานเยอะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันล่ะแกไม่ได้ดีใจที่น้องโทรไปหรือหาทางรอดให้ฟาร์มได้ แต่ไอ้คุณพี่รันแกดีใจจนเนื้อเต้นเพราะจะได้คุยกับพี่ฟ้า ลูกสาวเจ้าของฟาร์มข้างๆซึ่งพี่แกตามจีบจนขี่รถแหกโค้งมานั่นเอง
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วคุณครูจึงปล่อยตัวเด็กประถมให้เข้านอน ก่อนจะขึ้นบันไดไปเจ้าของบ้านที่ดีก็จัดแจงชี้ประตูห้องพี่ชายตัวเองเป็นการสื่อความว่าให้คฑาเข้าไปนอนในนั้น
ค่ำคืนที่สองหลังกลับบ้านคราวนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวประหลาดซึ่งไม่เคยพบเจอมาก่อน
อา...จะเรียกว่าค่ำคืนคงไม่ได้...
เช้าวันที่สองกลางปิดเทอมใหญ่เดือนพฤษภาคม หวังว่าลืมตาขึ้นอีกครั้งจะพบเจอแต่เรื่องดีดี ขอให้พี่ชายหายเร็วๆ ขอให้พ่อเดินทางปลอดภัย และขอให้ตัวเองปกป้องที่แห่งนี้ไว้จนกว่าพวกเขาจะกลับมา...
หกโมงเช้าของวันนี้กับหกโมงเช้าของเมื่อวานช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเดิมก็เห็นจะเป็นเสียงนกร้องที่คลอเคลียอยู่นอกหน้าต่างเจื้อยแจ้วราวกับดังอยู่ข้างใบหู...ความไพเราะของธรรมชาติช่วยกล่อมเด็กหนุ่มให้เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเป็นสุข...
.............................................................................
เรื่องนี้แต่ง(เหมือนจะ)จบแล้ว ฉะนั้นคนแต่งจะลงสัปดาห์ละ 2ครั้ง
คือวันพุธและวันเสาร์นะคะ