(۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว  (อ่าน 31921 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่รันขี้โวยวายแต่ก็น่ารักมากมายเลยนะค้าา :m3: และจากที่ดูทรงแล้วไม่แคล้วคงได้คู่กับน้องเปียก เอ๊ย! น้องปูนแน่เลยนะคะเนี่ย >< แต่คนที่ไม่ธรรมดาที่สุดเห็นจะเป็นน้องรินเพราะไม่ว่าจะมีกี่อัศวินก็ต้องยอมศิโรราบให้กับน้องแต่เพียงผู้เดียวจริงๆ~ :laugh3:

ปล. ส่วนพี่คฑาอย่าน้อยใจไปเลยนะคะที่วันนี้ตัวเองมีบทน้อย :กอด1:

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่7อัศวินสืบสวน




"ผมว่างานนี้เราต้องสืบ"ระหว่างยืนคุมคนงานซึ่งมีมาเพิ่มเติมทั้งจากฟาร์มตาแม้และฟาร์มพี่ฟ้า รินก็หันไปพูดกับพี่ชายซึ่งยืนทะเลาะกับเด็กข้างบ้านไม่สนใจงานการ



เสียงใสไม่ได้รับการตอบรับนายการันต์ดีดหนังยางใส่ไอ้ปูนอย่างเมามัน เมื่อวานเขาไปถอดเฝือกที่โรงพยาบาลมาเพราะต้องต่อคิวทั้งวันโครงการต่างๆเลยต้องพับเก็บเอาไว้เพื่อรอชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าของฟาร์มกลับมา



"พี่รัน!!!"



"โอ๊ยย อยู่ใกล้แค่นี้จะตะโกนทำไม"คุณชายผู้ไม่รับรู้ถึงความผิดของตัวเองหยีตาแล้วเอามือข้างที่หายดีอแล้วลูบหูป้อยๆ



"ผมบอกว่าเราต้องสืบ!!"รินย้ำคำอีกครั้งแต่ดูเหมือนพี่ชายผู้ดีแต่ใช้กำลังของเขานั้นยังไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ ปูนซึ่งโดดหลบไปไกลเมื่อเห็นว่าคู่อริสงบลงก็เลยเดินกลับมาใกล้รินหมายใช้เป็นโล่ไปในตัว



"เรื่องลูกแมวน้อยหายตัวไป มันต้องหลุดไปฟาร์มข้างๆแน่เลย แล้วเจ้าของฟาร์มที่มีเจ้าวัวน้อยอยู่นั่นแหละคือคนร้าย"ลางสังหรณ์นักสืบของเขาไม่มีทางผิดพลาด เด็กหนุ่มลูบคางอย่างใช้ความคิด สมองน้อยๆมองไปไกลถึงขั้นหาวิธีลอบเข้าไปยังฟาร์มต้องสงสัย ทว่า



"เดี๋ยวๆๆ รินน้องรัก เรื่องนี้พี่ไม่เห็นด้วย"ปูนพยักหน้าสนับสนุนคำค้านของรัน นั่นก็เพราะ



"ฟาร์มข้างๆเรามันก็ฟาร์มของฟ้ากับของไอ้ปูนนะ!?”



"อืม...จะว่าไปฟาร์มไอ้ปูนผมก็ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจเลยแหะ"เพราะวันนั้นเกิดเรื่องเสียก่อนเลยต้องถอยทัพกลับ"แต่ฟาร์มพี่ฟ้าที่ให้ความช่วยเหลือเราดิบดีนี่ก็น่าสงสัย ในซีรี่ย์ส่วนใหญ่ตัวร้ายที่น่ากลัวที่สุดมักแฝงอยู่ในรูปมิตรภาพ"



"ฟ้า/พ่อไม่มีทางเป็นคนร้ายหรอก!!!!"สองเสียงสามัคคีดังขึ้นพร้อมกัน แม้จะมีพยางค์ที่ไม่พ้องกันแต่โดยรวมแล้วก็คล้ายกัน รินถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างคิดถึงร่างสูงซึ่งรับภาระคุมงานเอกสารอยู่ในห้องทำงาน



"งั้นเดี๋ยวผมไปปรึกษาพี่คฑาแทนแล้วกัน"ทิ้งคำพูดไว้ก่อนสะบัดตัวทำท่าจะเดินจากไปคนเป็นพี่ถึงกับคว้าแขนไว้หมับ



"เดี๋ยว! ได้ๆ พี่เชื่อเราก็ได้"รันยื้อน้องชายเอาไว้หน้าเหวอ



"ถึงพี่รันจะเชื่อก็เถอะแต่ก็หาข้อมูลหรือวิธีดีดีมาไม่ได้อยู่ดี ผมว่าไปปรึกษาพี่คฑาที่เป็นทนายน่าจะได้เรื่องกว่า"เหมือนสายฟ้าผ่าลงกลางใจ หัวอกคนเป็นพี่ถูกทำลายล้างด้วยคำว่าเชื่อใจคนแปลกหน้ามากกว่า เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ



"ไอ้หน้านิ่งนั่นเป็นทนายเหรอ!?"



"อื้ม"นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ยิ้มอย่างภูมิใจราวกับเป็นทนายเสียเอง



การันต์มีสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ราวกับกำลังปลงอะไรบางอย่าง



"เหรอ...เป็นทนายเหรอ"เสียงแผ่วเบาเหมือนเปรยกับตัวเองเรียกสายตาของเด็กแสบข้างบ้านให้เหลือบมองอย่างรู้ทัน
รินซึ่งห่างพี่ไปไกลแสนไกลค่อยดึงมือออกจากการกอบกุมก่อนหันหลังก้าวเท้าจากไป เนตรคมกริบมองภาพแผ่นหลังของน้อยชายด้วยสายตาว่างเปล่า อวัยวะภายนออกซ้ายสั่นไหวด้านชา



"ทำหน้าซึ้งเชียวเฮีย"บรรยากาศมันเงียบเกินปูนเลยชวนคุย



ความทรงจำสมัยม.1ย้อนเข้ามาในหัว จำได้ว่าวันก่อนเปิดเทอมวันหนึ่งซึ่งเด็กมัธยมรัฐบาลอย่างเขาต้องตัดผมสั้น พี่ชายข้างบ้านอุตส่าห์ขี่รถมาล้อถึงหน้าร้านตัดผม ใบหน้ากวนตีนน่าเอาเท้างามๆไปประทับสักป้าบนั้นดูยิ้มกว้างกว่าปกติ
รอยยิ้มของรันในวันนั้นมันต่างออกไปจากทุกที ชายหนุ่มเป็นคนร่าเริง ขี้แกล้งและมีพลังงานในการใช้ชีวิตล้นเหลือ แต่วันนั้นไหล่กว้างของผู้ชายคนนี้มันดูห่อเหี่ยวลงพิกล



ไม่รู้มันสังเกตได้ชัดเจนหรือเพราะรู้จักกันดียิ่งกว่าใคร ปูนเลยเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะรู้ความจริงว่าวันนี้รันเองก็ควรจะเปิดเทอมเช่นเดียวกันแต่เขากลับต้องลาออกเสียตั้งแต่วันนั้นเพราะแฟนพี่สาวไม่ต้องการสืบทอดกิจการฟาร์มต่อ ลูกชายคนรองอย่างรันจึงต้องแบกรับหน้าที่ดูแลฟาร์มตั้งแต่วันนั้น...



....วันที่ควรได้เข้าไปเรียนคณะนิติศาสตร์ในมหาลัยชื่อดัง...



"ความฝันโง่ๆของผู้ชายบ้านนอกคนนี้คือการได้ว่าความเพื่อปกป้องคนดี"เสียงห้าวระบายในลำคออย่างสั่นเครือ



"ก่อนหน้านั้นในฟาร์มเคยมีคนงานอยู่คนหนึ่ง มันเป็นคนขยัน รักพ่อแม่ ตั้งใจทำงาน แต่มันก็ถูกพวกมาเฟียในเมืองยัดยา"



"ความฝันชั่วชีวิตของพี่ก็คือการเป็นทนายเพื่อปกป้องคนพวกนี้ คนที่ไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเอง"



"เอาเข้าจริงแล้วโลกของทนายซับซ้อนกว่านั้นเยอะนะเฮีย เฮียไม่ต้องเสียใจไปหรอก"ปูนเดินมาตบไหล่เพื่อปลอบใจ เนตรคมเหลือบมองด้วยความเอ็นดู



"เรื่องแค่นี้รู้หรอกน่า อย่าสนใจเลย ก็แค่คนแก่บนกับตัวเอง หึหึ"พอเห็นคนโผงผางฝืนยิ้มมุมปากแบบนี้คู่อริตัวร้ายอย่างปูนถึงกับพูดอะไรไม่ออก



"เหตุผลที่เฮียไม่ส่งผมกลับบ้านก็เพราะอย่างงี้สินะ"



“อืม”



.



.



และแล้วคุณพี่ผู้อกหักจากการเป็นทนายก็กัดฟันลงนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ชายที่ไม่ถูกโฉลกกับตนตั้งแต่หน้าตายันหน้าที่การงานเมื่อเขาถูกรินน้องรักเรียกแกมบังคับให้ไปร่วมการประชุมไร้สาระด้วย



ไม่รู้ว่าการถูกเลี้ยงด้วยนมวัวสดตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจะมีผลต่อกระบวนความคิดหรือไม่ คฑามองเพื่อนรวมโต๊ะอันประกอบไปด้วยคุณการันต์ผู้ทำหน้ามุ่ยเท้าคางเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง เปียกปูนเด็กหนีออกจากบ้านซึ่งยอมมานั่งฟังแผนการบุกค้นบ้านพ่อตัวเองด้วยสีหน้านึกสนุก และริน รายนี้หนักสุดเลย ไม่รู้ว่าใช้ขี้เลื่อยส่วนไหนคิดแผนนี้ขึ้นมา



"อ่ะแฮ่ม ก่อนอื่นกระผมจะขอเท้าความวัตถุประสงค์ของเรากันก่อนนะครับ"



"ฟาร์มของเราถูกบุคคลปริศนาเผาคอกวัวและปล่อยวัวออกไป แต่ตอนนี้เราแก้ปัญหานั้นโดยการจับวัวทั้งหมดกลับมาและซ่อมแซมคอกทั้งหมดเรียบร้อยแล้วซึ่งมันกินเวลาไปกว่าหนึ่งเดือน แน่นอนว่าพี่คฑาผู้โดดงานมาช่วยพวกเราก็ต้องกลับไปทำมา
หากินของเขา..."เมื่อพูดถึงจุดนี้ปลายเสียงของรินดูจะแผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน อากัปกิริยาผิดแผกเพียงชั่วขณะของร่างโปร่งไม่อาจเล็ดลอดสายตาคมกริบของทนายอย่างคฑาไปได้



"เราควรจะหาตัวค้นร้ายให้พบ และผมขอเสนอวิธีง่ายๆเลยคือพุ่งเป้าไปที่ฟาร์มข้างเคียงและหาหลักฐานอย่างเจ้าแมวน้อยให้เจอ"



"ขอถามครับ!"ปูนยกมือขึ้นเหมือนเด็กนักเรียนถามอาจารย์ รินผายมือเชิงอนุญาต



"ถ้าฟาร์มที่จับลูกแมวน้อยของพี่รินไปเขาแค่เห็นว่ามันหลุดมาแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นของใครเลยเอามาเลี้ยงเองหละครับ!!"เป็นคำถามที่ดีทีเดียว เพราะตัวต้นคิดมันทำหน้าตกใจราวกับไม่คาดคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน ผู้ให้คำปรึกษาอย่างคฑาถึงกับยกมือกุมหน้า
ผาก



"คือเราแค่จะตีวงให้แคบลงหรือจะพูดให้ถูกคือหาเบาะแสให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งเวลามันผ่านมานานขนาดนี้แล้วจะไปหาพยานหรืออะไรก็คงไม่ทันการ"คุณทนายจึงเป็นผ่ายชี้แจงแทน



"ที่สำคัญ คุณรันครับ"คฑาเอ่ยถามคนที่นั่งเงียบไม่เสนอความเห็นใดใดด้วยท่าทางเกรงๆ เขารู้ดีว่าคนคนนี้ไม่ถูกกับตนเพราะอะไร



"ช่วงนี้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาติดต่อเพื่อเอาฟาร์มเข้าร่วมกับบริษัทหรืออะไรบ้างไหมครับ"รันขมวดคิ้วมุ่น มองคฑาด้วยสายตาวาววับราวกับว่ามันไปกระตุกต่อมซาดิสต์อะไรในตัวเขาเข้า ริมฝีปาดยิ้มอย่างพอใจ



"ถ้าช่วงก่อนผมเข้าโรงพยาบาลก็ไม่มีนะ แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้"



"แต่ถ้าไปตรวจสอบกับสหกรณ์ดูอาจจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง เพราะถ้าเป็นคนจากภายนอกเข้ามาติดต่อต้องผ่านสหกรณ์ก่อน"
นับเป็นความเห็นที่เข้าท่าที่สุดเท่าที่ฟังมา หากมีผู้ค้ารายใหญ่ต้องการทำสัญญาผูกขาดกับฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งแล้วหละก็ มีโอกาสเป็นไปได้ที่ฟาร์มกานต์จะถูกเล่นงานด้วยน้ำมือของฟาร์มที่มีระดับพอๆกัน



"แต่ผมว่าตัดตาแม้ออกไปได้นะ นี่พูดโดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมารวมด้วย ผมว่าตาแกรวยจนไม่รู้จะรวยยังไงแล้วก็มีบริษัทโยเกิร์ตที่ร่วมลงทุนกับแกอยู่แล้ว ผิดกับลุงเปรมพ่อไอ้ปูนแล้วก็ฟ้า"



"งั้นก่อนอื่นเราแอบเข้าไปดูในคอกต่างๆกันก่อนไหม"พูดเหมือนนึกสนุก โดยไม่ต้องหันไปคฑาก็รู้ได้ทันทีว่าใบหน้าของรินยามนี้จะเป็นเช่นไร



"ไปๆๆผมไปด้วย!!"สนับสนุนด้วยไอ้เปียกเด็กข้างบ้านผู้สนับสนุนให้บุกเข้าตรวจค้นบ้านตัวเองด้วยสีหน้าระรื่น



คฑาเหลือบมองซ้ายทีขวาทีก่อนหันไปเลิกคิ้วให้รันอย่างขอความเห็น ชายหนุ่มทอดถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก่อนจะจำใจพยักหน้าเห็นด้วย



"จะไปกันเมื่อไหร่หละ?"ดูเหมือนรันจะยกหน้าที่จัดการทุกอย่างมาให้เขาแบบมึนๆ ร่างสูงลุกขึ้นคว้าไม้เท้าที่ว่างพิงไว้ข้างโต๊ะและกล่าวทิ้งท้ายว่า



"เดี๋ยวผมจะลองตรวจสอบกับสหกรณ์ดูว่ามีบริษัทติดต่อมาหรือเปล่า ฝากคุณหาหลักฐานด้วยแล้วกัน"



แม้แขนจะถอดเฝือกออกแล้วแต่ขาก็ยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำจุนการไปบุกน้ำลุยไฟกับพวกรินจึงเป็นไปไม่ได้ ถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าไปกันเองสองคน



คฑาพยักหน้ารับ เขาหันมามองหน้าตาชื่นมื่นของคนที่เหลือ เม็ดเหงื่อผุดพรายบนใบหน้าร่วมกับได้รับภาระอันยิ่งใหญ่...



"คืนนี้ห้าทุ่ม มาเจอกันตรงนี้ โอเคนะ"



.



.



เสียงใบไม้ถูกเหยียบดังกรอบแกรบตลอดทางที่จะเข้าสู่คอกวัวคอกแรกซึ่งเป็นคอกสำหรับอนุบาลลูกวัว คณะสำรวจพุ่งเป้ามาที่แห่งนี้ก่อนเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะพบลูกวัวน้อยมากที่สุด



"เดินเบาๆหน่อยสิ!"นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์แวดเสียงกระซิบใส่ปูนผู้รู้ลู่ทางในพื้นที่เป็นอย่างดีจึงอาสานำทาง



มือเรียวตีบ่าดัง เพี้ยะ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำไปยังประตูไม้เก่าๆสำหรับเข้าไปในโรงเลี้ยงวัว ความจริงการทำที่อยู่ให้วัวนั้นต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี ลมถ่ายเทสะดวก ชาวบ้านส่วนใหญ่เลยทำโรงเรือนแบบไม่มีผนัง แต่ฟาร์มที่มีเงินทุนสูงพอจะติดตั้งระบบระบายอากาศหรือสปริงเกอร์ฉีดน้ำก็จะทำโรงเรือนแบบปิดซึ่งสามารถกันฝนกันพายุได้ดีกว่า



บริเวณคอกวัวของฟาร์มเปรมไร้เงาคนงาน เนื่องจากเวลาใกล้จะห้าทุ่มแล้วใครที่ไหนมันจะมานั่งรีดนมวัวตอนนี้



เปียกปูนมองหน้าคนขี้บ่นแบบงงๆ ในนี้ก็มีแต่วัวกับหญ้าทำไมต้องย่อง



เด็กหนุ่มเดินยืดเต็มความสูงเดินเข้าไปในคอกแห่งแรกอย่างสง่าผ่าเผยราวกับอยู่ในบ้านของตัวเอง เอ่อ...ก็บ้านตัวเองอะนะ แต่ตอนนี้กำลังหนีออกจากบ้านอยู่ แอบๆหน่อยแล้วกัน



สภาพด้านในของคอกไม่ต่างจากของฟาร์มกานต์มากนัก เมื่อสะเดาะกลอนเข้าไปด้านในได้สำเร็จ ทั้งสองคนก็รีบเข้าไปสำรวจทันทีปล่อยให้คฑายืนเฝ้าดูต้นทาง



"เฮ้อ"ชายหนุ่มทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน บอกตามตรงว่าคดีนี้มืดแปดด้าน



ขนาดคนทำคดีมาหลายคดีอย่างเขายังไม่รู้เลยว่าจะระบุได้อย่างไรว่าใครจะเป็นคนร้าย



อย่างที่ปูนถาม...รู้ว่าเจ้าแมวน้อยอยู่ที่ไหนแล้วไงต่อ?



ดีไม่ดีจะหาตัวไม่เจอด้วยซ้ำ...เผลอๆมันอาจจะตกร่องตายอยู่กลางทุ่งที่ไหนสักแห่ง...



"เจอแล้ว!!"



นั่นไง บอกแล้วว่าไม่มีทางหาเจอ...หืม?



"พี่คฑาๆ เจอเจ้าแมวน้อยแล้วครับ"



เนตรคมเบิกกว้างด้วยสภาพเหลือเชื่อ เขาหันไปมองรินซึ่งพยามปีนรั้วเหล็กสูงประมาณเอวเข้าไปด้านใน ก่อนจะเดินตรงไปยังลูกวัวเพียงตัวเดียวในรั้วเหล็กนั้น สังเกตดูดีดีที่หางมันจะมีโบว์สีชมพูผูกติดไว้ตามคำบอกเล่า...



คฑาเดินเข้ามาพิจารณาสิ่งมีชีวิตสี่ขาอย่างชั่งใจ ด้วยความรอบคอบชายหนุ่มไม่ลืมปิดประตูเข้ามา



"เราจะพามันกลับไปยังไง"เพราะเขามาที่นี่ด้วยความเชื่อว่าไม่มีทางพบแน่นอน จึงขับรถกระบะคันที่ใช้ขนนมมา หากจะพาลูกวัวตัวนี้เดินไปที่รถที่จอดอยู่ห่างจากประตูฟาร์มออกไปอีกเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็นทีว่าต้องใช้กำลังมากพอดู



"ลูกพี่ครับ..."



ฉับพลันเสียงกระซิบก็ดังมาจากนอกคอก เล่นเอาสามทหารเสือด้านในมองหน้ากันตาเหลือก นอกจากหลังวัว ในนี้ก็ไม่มีที่ให้ซ่อนแล้วนะ



"เงียบๆสิวะไอ้เจ๋ง เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นเข้า!" อีกเสียงหนึ่งดังปราม ดูเหมือนว่าเสียงของเจ้าคนนี้จะดังมากกว่าด้วยซ้ำ



"แผนของเราไปถึงไหนแล้ว"เสียงของลูกพี่ดังขึ้นอีกครั้ง



คฑาสะกิดแขนของปูนพลางส่งสายตาเชิงถามไปว่า รู้จักเจ้าคนชื่อเจ๋งหรือไม่



"ไม่ครับ"เปียกปูนตอบเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ เอื้อมมือของตัวเองไปคว้าขอมือบางของรินเอาไว้ก่อนกระชับมั่น พวกมันเป็นใครเข้ามาทำอะไรในนี้ก็ไม่รู้ หากโดนจับได้ขึ้นมาจะเจอกับอะไรก็ไม่มีใครตอบได้



"พวกนั้นฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิด ใช้เวลาไม่ถึงเดือนฟาร์มก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วครับ"



"!!!"



แต่ละถ้อยคำจากน้ำเสียงแหบแห้งได้ยินติดๆขัดๆนอกโรงเรือน กลับชัดเจนไปถึงขั้วหัวใจ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์มั่นใจมากว่าเจ้าสองคนข้างนอกคือตัวการของเรื่องทั้งหมด มือเรียวกระชับมือของปูนเอาไว้แน่นก่อนส่งสายตาขอความเห็นจากคฑา



"อืม กลับเถอะ ข้าว่าแถวนี้ลางไม่ดี"



"ครับลูกพี่..."



เหมือนมีก้อนเมฆสีดำเข้าครอบงำบ้านสองชั้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่งแต้มด้วยสีขาวลายวัวของฟาร์มกานต์ดูมืดมนเสียยิ่งกว่าวันที่ถูกไฟไหม้



บุคคลทั้งสี่เข้านิ่งประจำที่โต๊ะประชุม(โต๊ะกินข้าว)นายการันต์ยกมือขึ้นประสานกันบนโต๊ะ ชายหนุ่มไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ในขณะที่เหลือบมองใบหน้าตกใจระคนผิดหวังของเจ้าเด็กแสบข้างบ้าน



"ตอนนั้นมันกะทันหัน ผมเลยไม่ได้อัดเสียง"เป็นคฑาที่ชี้แจงขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่วินาทีที่สองคนปริศนานั้นเดินจากไปความเงียบก็เข้าปกคลุมตัวแสบทั้งสอง เขาไม่รู้เลยว่าตลอดทางกลับบ้านซึ่งสองคนนี้นั่งจับมือกอดเข่ากันอยู่บนกระบะรถจะเกิดอะไรขึ้นในจิตใจบ้าง ตัวชายหนุ่มผู้ขับรถรีบร้อนมาเล่าให้การันต์ฟังจนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปอีกคน



ฟาร์มกานต์กับฟาร์มลุงเปรมมีสัมพันธ์อันดีต่อกันมาหลายสิบปี



"เมื่อเย็นผมโทรเช็คกับสหกรณ์มาแล้ว....เขาบอกว่ามีบริษัทผลิตนมและอาหารเสริมรายใหญ่ต้องการฟาร์มเข้าร่วมโครงการอำเภอละหนึ่งแห่ง และทางสหกรณ์ก็เสนอรายชื่อฟาร์มใหญ่ทั้งสี่ไปแต่ตาแม้ปฏิเสธเลยเหลือแค่สาม"รันไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงของตัวเองได้เลย มันสั่นแรงพอๆกับหัวใจของเขาตอนนี้



"พอเถอะ...เห็นๆอยู่ว่าพ่อเป็นคนร้าย..."



"เดี๋ยวสิปูน มันยังไม่แน่!!"



"มันแน่แล้วพี่ริน เป็นใครอื่นไม่ได้เลย"เปียกปูนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตอนนี้เจ้าเด็กแสบไม่หลงเหลือเค้าของความสดใสแม้แต่น้อย







"ช้าก่อน...ไอ้เปรมไม่ใช่คนแบบนั้น"






ทันใดนั้นเองเสียงของชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู เรียกให้ทุกสายตาเบนไปจับจ้องเจ้าของร่างท้วมลงพุงตามกาลเวลาหากแต่ใบหน้าแต่ประดับด้วยรอยเหี่ยวย่นเพียงเล็กน้อยนั้นยังคงเค้าความดูดีเอาไว้ได้เหมือนลูกชายคนรองของตน





"พ่อ!!"






นายเทียนเจ้าของฟาร์มกานที่แท้จริง หลังจากทอดทิ้งลูกชายคนเล็กให้แบกรับภาระหนักอึ้งส่วนตนหนีไปรับขวัญหลานสบายใจ ในที่สุดเขาก็กลับมา



รินผุดลุกจากโต๊ะก่อนโผตัวสวมกอดคนเป็นพ่อด้วยความคิดถึง ซุกไซ้ศีรษะไปมาตรงซอกคอของบิดาอย่างออดอ้อน ใบหน้าเปี่ยมสุขของเด็กหนุ่มเรียกบรรยากาศให้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย




"ที่ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น แสดงว่าเขาไม่ใช่คนร้ายหรอครับพ่อ"ลูกชายอีกคนหนึ่งถามขัดจังหวะพ่อลูกกอดกันกลม รินปล่อยมือออกจากเทียนอย่างอิดออด ใบหน้าแสนเสียดายที่ต้องกลับมานั่งแหมะบนเก้าอี้ตัวเดิม



นายเทียนเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองมานั่งก่อนเอ่ยเสียงเรียบ"อืม พ่อเชื่อแบบนั้น"



"แต่พวกเราเข้าไปได้ยินคนในฟาร์มนั้นคุยกันเรื่องของเรานะครับ"การันต์แย้ง แม้นไม่อยากจะเชื่อแต่หลักฐานมันคาหูอยู่จะๆ



"พ่อแค่เดา ไอ้เปรมก็เพื่อนพ่อมาแต่เด็ก มันเป็นคนเจ้าอารมณ์แต่ก็รักลูกมาก มันไม่ทำให้ลูกมันผิดหวังในตัวมันหรอก ใช่ไหม"
ประโยคแรกพูดกับทุกคนแต่คำสุดท้ายชายวัยกลางคนหันมาเลิกคิ้วถามลูกชายเพียงคนเดียวของฟาร์มข้างๆ



ตากลมใสทอดมองสีหน้าสับสนของน้องชายข้างบ้าน เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ตนควรทำอย่างไร มีเพียงฝ่ามือที่ยังคงกระชับเอาไว้ไม่ปล่อยตั้งแต่แรก



"งั้นพรุ่งนี้เราเข้าไปใหม่ เข้าไปถามตรงๆเลยไหม?"นายเทียนกล่าวชี้ทาง



"ก็ดีนะครับ"คฑาผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวของใดๆกับครอบครัวหรือฟาร์มนั่งเงียบมาสักพัก ไม่มีจังหวะให้เขาแทรกตัวเข้าไปได้จึงนั่งนิ่งๆรอจังหวะ



"แล้วคุณคิดว่าถ้าไอ้เปรมไม่ใช่คนร้ายแล้วใครหละ"พ่อของรินหันมาคุยกับคฑาด้วยแววตาจริงจัง



"มีความเป็นไปได้อีกอย่างคือลูกน้องกระทำโดยพลการครับ"ร่างสูงกล่าวจากการเอาประสบการณ์จริงเข้ามาผสม ใบหน้าของลูกน้องผู้บ้าคลั่งกล้าดีตีหัวเจ้านายยังแจ่มชัดในความทรงจำ



"อืม...เป็นไปได้ เป็นไปได้ แล้วอย่างงี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกจ้างคนไหนในฟาร์มเปรมเป็นคนทำ"



"ผมจำเสียงได้ครับ ถ้าได้ยินอีกครั้งต้องชี้ตัวได้แน่นอน"จากประสบการณ์เป็นทนายและความสุขุมที่มีอยู่เป็นทุนเดิม คฑากล่าวเสียงเรียบด้วยความมั่นใจ



"เยี่ยม!! คุณยอดเยี่ยมมากจริงๆ มีประโยชน์กว่าลูกชายผมเยอะเลย ฮ่าๆๆๆๆ ว่าแต่ว่า...



.



.



.



คุณเป็นใคร?"

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มจึกๆ
นั่นสิ... คฑาเป็นใคร -_-?
เริ่มใกล้ความจริงเข้าแล้วว (มั้ง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2015 22:01:13 โดย boboman »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คุยกันมาตั้งนานคุณพ่อเทียนเพิ่งจะเอะใจหรอกเหรอคะเนี่ย :m20: พี่คฑาเป็นคุณทนายจากเมืองหลวงค่ะ ^^ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ
ว่าที่ลูกเขยคนเล็กของคุณพ่อนั่นเอง >< แอร๊ย~ :-[ 

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่8 อัศวินบุก!



รอจนรุ่งสางคณะเดินทางก็เคลื่อนพลออกจากฟาร์มกานต์ตำแหน่งคนขับรถเป็นของคุณเทียนดำรงตำแหน่งเจ้าของฟาร์มและพ่อบังเกิดเกล้าของรินและรัน ที่นั่งด้านข้างคือนายรันผู้บาดเจ็บ และกระบะด้านหลังบรรจุคฑา รินและปูน



ไอ้สีหน้าเซื่องซึมของสองคนที่เหลือเล่นเอาชายหนุ่มไปไม่เป็น เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเข้าไปกอดปลอบร่างโปร่งนั้นเสียตอนนี้หรือรอไว้ลับตาคนก่อนดี



นึกแล้วก็อยากด่าตัวเอง เมื่อคืนเขามีเวลาเป็นสิบชั่วโมงร่วมกับรินสองต่อสองแต่คฑากลับทำแค่นอนกุมมือเรียวไว้และปล่อยให้ความเงียบโอบกอดอีกฝ่ายแทน



“ถึงแล้วเหรอ”เสียงของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ไม่หลงเหลือความสดใสอยู่เลย เด็กหนุ่มหันไปมองใบหน้าของปูนผู้เข้าโหมดหดหูยิ่งกว่าตัวเองอย่างไม่รู้จะช่วยอะไรได้มากกว่าภาวนาให้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงภาพลวงตา



นายเทียนปิดประตูรถก่อนเดินนำทัพเข้าไปด้านในซึ่งเจ้าของบ้านเองก็เดินออกมาต้อนรับด้วยความงุนงง



“เทียน? ปูน? มาทำไมกัน?”ร่างท้วมของคุณเปรมเปิดประตูบ้านออกมามองแขกผู้มาเยือนด้วยแววตาฉงน



“เห็นว่าลูกชายหนีออกจากบ้าน วันนี้เลยมาสู่ขอ เอ๊ย! มาขออนุญาตคุณพ่ออีกที”เทียงหยอกล้อกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เปรมหัวเราะลั่นกับคำว่าสู่ขอของอีกฝ่าย
\


“แหม ไอ้รันมันตาแหลมนะ ลูกชายข้าน่ารักอย่าบอกใคร ออกเรือนไปแล้วก็ดูแลสามีดีดีหละ ฮ่าๆๆ”ดูเหมือนคนที่หัวเราะออกตอนนี้จะมีแค่คุณเปรมเท่านั้นแหละ



“พ่อบ้า!!”เด็กหนีออกจากบ้าใบหน้าติดสีจัดตะโกนว่าพ่อตัวเองด้วยคำด่าสุดเบสิค



“บ๊ะ!! มาว่าข้าบ้า เอ็งนั่นแหละบ้า”



“เออ...บ้าพอกันนั้นแหละ เชิญแขกเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นได้แล้วมั้ง”นายใหญ่แห่งฟาร์มกานต์ยอกย้อนเพื่อนเก่าแบบเจ็บแสบ เปรมทำหน้าขึงขังชี้นิ้วใส่อย่างคาดโทษ แน่นอนว่าเป็นแค่การหยอกกันเล่นของคนแก่



“ตกลงมาทำอะไรกันหละ หืม?”หลังพาแขกเข้าที่เข้าทางแล้วเปรมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง




“เอ็ง ได้ส่งคนไปทำลายฟาร์มข้าหรือเปล่า?”




“หะ”นอกจากคุณเปรมจะตกใจแล้วคณะติดตามของพ่อเทียนก็พากันมองหน้าเลิ่กลั่กแตกตื่นไม่คิดว่าแม่ทัพจะปล่อยหมัดตรงกลางเป้าแบบนี้แต่แรก




“เดี๋ยวนะพ่อ ตรงไปไหม”รินเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูบิดา



“ไม่ ข้าไม่ได้ทำ”เปรมปฏิเสธ เขาใช้เวลาไม่นานในการค้นหาคำตอบ สบตากับเพื่อนเก่าไม่ไหวติง ผู้อาวุโสทั้งสองมองสบกันอยู่สักพักก็ผละออกจากกัน เทียนหันไปพูดกับปูนด้วยท่าทีผ่อนคลายเหยียดแขนยื่นขาเหมือนอยู่บ้านตัวเอง



“สบายใจได้แล้วนะไอ้หนู พ่อเอ็งไม่ได้ทำอะไร”



“หา!?”



“กลับกันเลยไหม”เทียนถาม นอกจากจะฟันธงจากคำพูดเพียงคนเดียวของผู้ต้องหาแล้วยังชวนกลับบ้านมือเปล่าอีกต่างหาก



“ไม่ได้ครับ”แต่กลับถูกเสียงทุ้มท้วงไว้ ดวงเนตรคมกริบอย่างคนผ่านโลกมาโชกโชนของนายใหญ่แห่งฟาร์มกานต์จ้องมองร่างสูงผู้คอยประกบลูกชายคนเล็กตนอย่างกับเงารอฟังคำต่อไปของเขา



“ถึงคุณจะบอกว่าคุณเปรมไม่ใช่คนร้าย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าลูกน้องของเขาไม่ได้เป็น เคสลูกน้องลงมือทำเองก็มีความเป็นไปได้”
เทียนพยักหน้ารับคำพลางกล่าวกับเพื่อนเก่าผู้ทำหน้างงมีแอบหันไปถามลูกชายด้วยนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะคนลูกหนีออก
จากบ้านอยู่(?)เลยสะบัดหน้าหนีไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น



“เดี๋ยวเดินไปเล่ารายละเอียดไปแล้วกัน ก่อนอื่นช่วยพาไปหาคนงานให้ครบทุกคนได้ไหม?”เทียนกล่าว



หลังจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดให้คุณเปรมฟังโดยคฑาผู้ถูกโยนงานให้ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยๆจริงๆว่าแค่เล่าแค่นี้ทำไมไม่ทำเอง สมกับเป็นพ่อลูกกันชะมัด!



.



.



“เขาเรียกกันว่าเจ๋งแล้วก็ลูกพี่ แต่ผมเดาว่าคนชื่อเจ๋งเป็นแค่คนที่ถูกจ้างมาอีกทีหนึ่งไม่น่ามีอยู่ในฟาร์มใช่ไหมครับ”



“อืมใช่ ฟาร์มเราไม่มีคนชื่อนี้”



“คุณเปรมครับ ผมตามคนมาครบหมดแล้วครับ”ผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง อายุประมาณยี่สิบต้นๆผิวสีขาวเหลืองตัวผอมแห้งใบหน้าออกตี๋สงสัยมีเชื้อจีนเดินเข้ามาหาเจ้านายของตนหลังจากถูกสั่งให้ไปรวบรวมคนงานทั้งมาอยู่หน้าบ้าน



“ขอบคุณมากไอ้เผือก พอเท่านี้แหละ ไปทำงานต่อเถอะ”



“เดี๋ยวครับ!!”ร่างผอมเกร็งทำท่าจะเดินจากไปกลับต้องหยุดชะงักเมื่อคฑาตะโกนห้ามเสียงดังลั่น ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนในที่นั้นชายหนุ่มก็เอ่ยคำถามชวนตลึงที่สุดออกมา



“คุณคือคนที่คุยกับคนชื่อเจ๋งเมื่อคืนใช่ไหม?”



“!!”



เผือกเบิกตากว้าจ้องมองชายแปลกหน้าคนนี้ด้วยสายตาตื่นตระหนก



“ทะ ทำไมคุณถึง...”



.



.



ปูนถอนหายใจอย่างโล่งอก เรื่องราวต่างๆผ่านพ้นไปด้วยดีราวปาฏิหาริย์ หลังจากพ่อบังคับถามไอ้เผือกจนมันหาทางแถต่อไปไม่ได้มันจึงสารภาพออกมาว่ามันเป็นคนบงการเรื่องราวทั้งหมดเอง โดยจ้างคนมาทำลายฟาร์มของพี่ริน ด้วยเจตนาหวังดีอยากให้ฟาร์มของพ่อได้เข้าร่วมโครงการ



ไอ้เผือกมันเป็นลูกชายของคนงานคนหนึ่งซึ่งติดเหล้าติดยาจนถูกตามล่าหนีหนี้ไปถึงไหนต่อไหนทิ้งให้มันอยู่ที่นี่คนเดียว ก็มีพ่อที่รับมันมาเลี้ยงดู สำหรับเผือกแล้วพ่อของปูนคงเป็นยิ่งกว่าชีวิตของมัน



“ให้ตายเถอะ!! ทำอะไรไม่รู้จักคิด”คุณเปรมตบเข่าฉาดใหญ่ นัยน์ตาวาวโรจน์อย่างโมโหปนเปสงสาร ความปารถนาดีของมันเขายินดีจะรับไว้หากใช้ถูกวิธี



“ขอโทษครับคุณเปรม ผมขอโทษ ฮึกๆ ฮือๆ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ”น้ำเสียงสั่นเครือ ร่างผอมกะหร่องคลานเข้ามาคว้าชายกางเกงของเจ้านายไว้ด้วยความหวาดกลัว



“ผมขอโทษ ฮึก ฮือๆๆๆ”



สะเปะสะปะคลานเข่าไปหาคนนั้นทีคนนี้ที เรียวขาสวยกระตุกอย่างตกใจเมื่อไอ้เปรมถลาเข้ามาเกาะแน่น เนื่องจากวันนี้รินใส่กางเกงขาสั้นมา ส่วนของหน้าแข้งซึ่งถูกสวมกอดเอาไว้จึงสัมผัสกับใบหน้าสากๆจากไรหนวดของไอ้เปรมเต็มๆ



แก้มซึ่งเปรอะเปื้อนน้ำตาเปียกชื้นกระแซะสีขาเนียนไปมาอยู่นานสองนาน จนคนถูกกระทำเริ่มขนลุกซู่



ตอนแรกก็ว่าจะให้อภัยอยู่หรอก...



“ไอ้เผือก!!”รันตวาดเสียงกร้าว แทบจะโยนไม้เท้ามาฟาดกบาลไอ้คนร้ายไม่มีสำนึก ความหวงน้องชายช่างรุนแรงจนคนรอบข้างร้อนๆหนาวๆแต่นั่นก็ยังช้ากว่ามือแกร่งของใครบางคนที่เอื้อมมาคว้าแขนบางให้ซวนเซไปทางตน



ร่างโปร่งกระทบแผงอกแกร่งๆเบาๆ รินเงยหน้าขึ้นมองคฑาด้วยใบหน้าติดสีนิดๆหากมองไกลๆคงไม่เห็น แต่ชายหนุ่มมองมันในระยะประชิดขนาดนี้มีหรือจะหลุดรอดสายตาไปได้



“หัดระมัดระวังตัวบ้างสิ”เสียงทุ้มจงใจกระซิบข้างหู มุมปากประดับรอยยิ้มมากเล่ห์ จนคนถูกมองด้วยสายตาพราวระยับถึงกับทำอะไรไม่ถูกรีบถอยออกมาตั้งหลักก่อนจะไม่มีใครบางคนจับได้ถึงจังหวะหัวใจของเขาที่เต้นเร็วขึ้นกว่าเวลาปกติ



“แยกๆๆๆๆ แยกออกจากกันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”เสียงห้าวของรันดังโหวกเหวกเรียกสายตารำคานจากน้องชาย รินค้อนวงใหญ่ใส่การันต์ก่อนสะบัดหน้าเดินจูงมือพ่อกับพี่คฑาเดินหนีพี่ชายตัวเองกลับรถ



เมื่อไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็ขอโทษและล่ำลากันอยู่สักพักพ่อเทียนบอกว่าให้ยกโทษให้เด็กมันแต่คราวหลังก็สั่งสอนกันให้ดีจากนั้นก็เดินกลับมายังรถ ทว่าปูนซึ่งกำลังจะก้าวขาตามนายจ้างของตนไปนั้นกลับถูกมือของคนเป็นพ่อฉุดรั้งเอาไว้ก่อน



“ปูน”



ดวงตากลมโตสบกับแววตาเป็นห่วงของคนเป็นพ่อก่อนรอยยิ้มบางจะปรากฏที่มุมปาก ปูนใช้มือข้างที่ว่างดึงมือของพ่อออกก่อนพูดเสียงเรียบว่า



 “ขอโทษนะครับที่ผมโตมาเป็นแบบที่พ่อต้องการไม่ได้”พูดเพียงเท่านั้นก็หันหลังให้บิดา ปูนเดินตามทางมาเรื่อยๆตรงไปยังที่ที่จอดรถไว้สายตาทอดมองไปรอบตัวอย่างไร้จุดหมาย กวาดตามองรอบด้านราวกับกำลังเก็บบันทึกภาพของบ้านเอาไว้ในความ
ทรงจำ ก่อนจะถูกทักขึ้นอีกครั้ง



“พี่รัน?”คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ



"คิดดีแล้วเหรอ?”



“จะหนีออกจากบ้านอย่างงี้ตลอดไปรึไง"คำถามจากปากของชายหนุ่มดึงสติของปูนผู้กำลังลอยล่องอยู่ในห้วงคิดของตัวเอง เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเชิงถาม



"พอเก็บเงินไปเรียนมหาลัยจนจบแล้วไง? ทำงานเป็นวิศวกรอย่างมีความสุข ปล่อยพ่อไว้กับฟาร์ม?"คำถามนี้ปูนไม่อาจให้คำตอบได้จริงๆ ร่างโปร่งเก็บไปคิดในใจเงียบๆและในที่สุดก็กระหยิ่มยิ้มอย่างมั่นใจในคำตอบของตน ดวงตาคมโตส่องประกายวาบ



"ผมไม่รู้หรอกว่าอนาคตผมจะเลือกทางไหน แต่ถ้าผมจับเจ่าอยู่ที่นี่ชีวิตของผมก็จะมีเท่านี้ ความฝันของผมไม่ใช่การเรียนวิศวะ ผมไม่มีจิตวิญญาณมุ่งมั่นแบบพี่ ผมก็แค่อยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ ซึ่งอิสระของผมไม่ใช่การอยู่กับที่ แต่เป็นการก้าวไปข้างหน้า!!"



รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง รันหัวเราะสมเพชตัวเองเมื่อได้ฟังความรู้สึกของคนตรงหน้า



"ไอ้เปียกของพี่โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย"มือหนาลูบหัวทุยๆด้วยความเอ็นดู



"จะเดินไปข้างหน้าก็ได้ แต่ระวังหลงนะ ถ้าไม่รู้จะไผทางไหนก็กลับมาที่นี่ก็ได้ คนกันเอง"



เด็กหนุ่มยิ้มรับคำนั้นรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนซึ่งหาได้ยากยิ่งจากผู้ชายตรงหน้า จุดรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหลังจากซึมเศร้ามาตั้งแต่เมื่อวาน



บางครั้งบ้านนอกคอกวัวแห่งนี้ก็มีเรื่องราวดีดีเกิดขึ้นเสมอเพียงแค่เรารับรู้มันบ้างหรือปล่อยมันผ่านไปบ้างเป็นบางครั้ง พี่ชายข้างบ้านที่แสนกวนบาทาผู้ปรากฏตัวข้างเขาเสมอยามเกิดปัญหา น้ำใจที่รับรู้ได้ด้วยหัวใจดวงนี้แม้จะห่างกันก็จะไม่มีวันลืมเลย



“พี่รันก็พูดเรื่องดีๆกับเขาเป็นเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆ”



“หนอย!ไอ้เปียก คนเขาอุตส่าห์ซึ้งทำไมไม่เคลิ้ม!?”




ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มจึกๆ
รันจะคู่กะปูนมั้ยน้อ~ น่ารักดีอ่ะ
คฑาเดี๋ยวนี้แกอาการหนักนะ มีหึงด้วยอ่ะ 5555

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่รันไม่น่าจะแค่ขู่เลยนะคะ เพราะเจ้าคนร้ายนั่นสมควรโดนสักตุ๊บสองตุ๊บเหมือนกัน โทษฐานที่มาลวนลามขาขาวๆ ของน้องริน (เกี่ยว?) :laugh:

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่ 9สัมผัส




หลังทานอาหารเสร็จรินก็รีบอาบน้ำเพื่อเข้านอนด้วยความเร็วแสง เขาพาตัวเองขึ้นไปกลิ้งตัวบนเตียงอย่างยินดี “ในที่สุดเรื่องราวทั้งหมดก็คลี่คลาย เย้!!! จบแล้ว ไม่มีงาน ไม่มีคดี ไม่มีคนร้าย ปิดเทอมที่เหลือมีแต่เที่ยวๆๆๆ”ร่างโปร่งกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนุ่มอย่างเริงร่า



“เดี๋ยวก็ตกหรอก”ชายหนุ่มที่เดินตามเข้ามาทีหลังมองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู



“พี่คฑา!! พรุ่งนี้เราไปเที่ยวไหนกันดี น้ำตกไหม?หรือภูเขา อ๊ะ วันอาทิตย์นี้จะมีงานวันนี่นา งั้นน้ำตกกับภูเขาเอาไว้อาทิตย์หน้าโน้นแล้วกันเนอะ”อย่างน้อยก็อยากเก็บเกี่ยวความสุขและอิสระแบบนี้เอาไว้ตราบนานเท่านาน...



“พี่...ต้องกลับไปทำงาน...”เสียงทุ้มติดขัด คฑาไม่อยากทำลายรอยยิ้มบนใบหน้าหวานด้วยถ้อยคำนี้เลย แต่มันเป็นความจริง



“...”



สุดท้ายก็เหลือเพียงเสียงแอร์ติดผนัง ไร้ซึ่งคำพูดใดๆหลุดลอดจากกลีบปากบางซึ่งเม้มเข้าหากันสนิท ความจริงที่รินพยามไม่นึกถึงมันมาโดยตลอด เวลาที่ต้องลาจากกันใกล้เข้ามาแล้ว



“เห้อ”ร่างโปร่งพลิกตัวคว่ำลงกับหมอน ฝังใบหน้าหมองๆเอาไว้กับปุยนุ่น สัมผัสได้ถึงเตียงที่ยุบลงจากน้ำหนักตัวของร่างสูงซึ่งทอดมองด้านหลังของเด็กหนุ่มด้วยแววตาอ่อนโยน...



“ริน”เสียงทุ้มดังขึ้นแผ่วเบา มือหนาเลื่อนไปลูบกลุ่มผมนุ่มเบามือ...



“อือออ...”เสียงครางงืมงำในลำคอ



“ริน เงยหน้าขึ้นมานี่ มาคุยกับพี่”



“ดะ เดี๋ยวอีก แปป นะ”ลมหายใจขาดช่วงจากร่างโปร่งเรียกความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายถาโถมเข้าสู่จิตใจของคฑา ชายหนุ่มพยามสอดมือเข้าไปใต้ร่างของคนที่นอนคว่ำอยู่เพื่อให้ขึ้นมาคุยกันดีๆ



“ร้องให้อยู่เหรอ?”



“ปะ...เปล่า ฮึก...”



“สะอื้นขนาดนี้ยังจะโกหกอีกนะ”



ชายหนุ่มรู้สึกเดือดร้อนกับท่าทางอมทุกข์ของเด็กหนุ่มไม่น้อย ใบหน้าที่มักประดับด้วยรอยยิ้มชวนหลงใหลเสมอเวลานี้...เวลาที่เขาต้องจากไปมันกลับแทนที่ด้วยความเสียใจแทน คฑาผู้ไม่อาจอ่านใจเด็กคนนี้ได้ทำได้เพียงลูบหัวอีกฝ่ายต่อไปอย่างปลอบ
ประโลม



ตั้งแต่ได้พบหน้ากันได้ผ่านอะไรหลายๆอย่าง ทั้งได้เรียนรู้การผ่อนคลายและการใส่ใจ



“สิ่งที่เรามอบให้พี่มันเหมือนกองไฟในหัวใจ มันทำให้รู้สึกร้อนรุ่มเกินไป แต่ก็ไม่กล้าดับมัน เพราะกลัวว่าตัวเองจะหนาวเย็นและมืดมิด”



“...!!...”ดวงเนตรใสชื้นน้ำตาเงยสบกับนัยน์ตาสีเดียวกับรัตติกาลซึ่งสั่นระริกราวกับไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินสิ่งที่ตนนั้นพูดออกมาเอง
ชายหนุ่มค้างมือไว้บนศีรษะของรินเพราะเขาไม่รู้จะเอาไปไว้ส่วนไหนดี...



ในยามที่ดวงตาถูกสะกดด้วยใบหน้าหวานอยู่ห่างไปไม่ถึงถึงฟุต ในยามที่กลิ่นหอมจากเส้นผมอันแสนคุ้นเคยกระทบปลายจมูกในยามตัวหัวใจถูกเปลวไฟโหมใส่จนแทบลุกไหม้...



แม้จะทำให้เงยหน้าขึ้นมาได้สำเร็จแต่ก็ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี



“เอ่อ...คือ...”คำพูดขาดตอนจากริมฝีปากของคุณทนายซึ่งไม่เคยหวั่นไหวแม้ต้องสู้ความต่อหน้าศาลในคดีที่ยากจะชนะจุดรอยยิ้มบนกลีบปากบางของคนบนเตียง มือเรียวค่อยๆปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตัวเองก่อนยันตัวลุกนั่งและเอ่ยปากชวนชายหนุ่มเสียงนุ่ม



“ออกไปเดินเล่นกันไหม”



โดยไม่รอฟังคำตอบเรียวขาสวยก็ก้าวลงจากเตียงเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อคลุมของพี่ชายมาสวมทับและเผื่อแผ่อีกตัวให้ร่างสูง รินในชุดนอนสีฟ้าใสจูงมือแกร่งให้เดินตามตนออกจากบ้านไปอย่างเงียบเชียบราวกับกลัวว่าจะมีคนเปิดประตูออกมาเจอแล้วก็ห้ามไว้



สายลมยามมืดพัดปะทะผิวกายร่างโปร่งยกมือลูบแขนด้วยความหนาว กลางความเงียบสุดลูกหูลูกตาของฟาร์มกานต์ “ดูท้องฟ้าสิ”เจ้าตัวยิ้มน้อยๆพลางเชิญชวนให้คนที่พามาด้วยเห็นในสิ่งที่ตนเห็น



ท้องฟ้ายามราตรีของต่างจังหวัด ที่ที่ห่างไกลจากแสงไฟ มีเพียงแสงเดือนและแสงดาวของธรรมชาติอันงดงาม สุกสกาวบนท้องฟ้า คฑามองสิ่งนั้นอยู่ครู่หนึ่งก็ถูกแรงดึงจากมือนุ่มที่ยังกอบกุมมือของตนเอาไว้



โดยไม่รู้ตัว ชายๆหนุ่มค่อยๆเลื่อนนิ้วของตัวเองสอดประสานกับเรียวนิ้วสวย



ทั้งสองคนเดินเคียงกันไปจนถึงใต้ต้นไม้ รินเป็นผ่ายหย่อนตัวลงนั่งก่อนจะลากคฑาให้ลงมานั่งข้างๆกัน



“ความโรแมนติกของบ้านนอกก็คือธรรมชาตินี่แหละเนอะ”รินว่าพลางปล่อยมือออกไปนั่งกอดเข่าของตัวเอง เจ้าชองมือซึ่งถูกทอดทิ้งมีสีหน้าเสียดายแบบไม่ปกปิด



 “ผมชอบที่นี่นะ ผมชอบพี่รัน ผมชอบลุงชัย ชอบป้าพร ชอบไอ้ปูน ชอบกลิ่นดิน ต้นหญ้า สายลม และคอกวัว มันเป็นอะไรที่ผมไม่อาจพบเจอได้เลยในเมืองหลวง...”เด็กหนุ่มเว้นจังหวะพูด”แล้วพี่หละ ชอบไหม?”



เนตรคอมเหม่อมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกชัดเจนในหัวใจ



แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่า...



“ชอบสิ ชอบมากๆเลย”เสียงทุ้มเอ่ย ตัวเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าคำพูดของตนนั้นมีขึ้นเพื่อตอบคำถามของริน...หรือตอบคำถามของตัวเขาเอง



“ผมก็ชอบพี่นะ”



“!?”



“ชอบจนกลัวเลยว่าถ้าพี่กลับไปทำงานของพี่เมื่อไหร่ ผมจะเหงาขนาดไหน”



สิ่งเดียวที่เชื่อมเราเอาไว้คือปัญหาของฟาร์มนี้ คือน้ำใจที่ชายหนุ่มหยิบยื่นมาให้เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือเมื่อวันนั้น ความสัมพันธ์อันแสนเปราะบางของพวกเราจะสิ้นสุดลงในวินาทีที่ทุกอย่างคลี่คลาย...ซึ่งลางสังหรณ์มันร้องเตือนบอกว่าช่วงเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว...




“สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นแค่คนอื่น พอพ่อกลับมาผมถึงเข้าใจ พวกเรามันแค่คนอื่นที่พร้อมหายไปจากชีวิตของกันและกันทุกเมื่อ...”มือเรียวคว้าชายเสื้อชายหนุ่มเอาไว้หลวมๆเหมือนอย่างทุกครั้งที่อยากได้หรืออยากทำอะไรเด็กคนนี้มักจะทำแบบนี้เสมอ



ครั้งนี้ก็เหมือนกัน...



และตัวเขาก็เหมือนทุกที ไม่เคยปฏิเสธคำวิงวอนจากรินได้เลยสักครั้ง



มือแกร่งเอื้อมไปคว้าไหล่บางก่อนกระชับเข้ามาหาตัว คนโดนโอบเงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร



“พี่จะหายไปไหนได้ยังไง ถึงจะหมดเรื่องแล้วแต่ถ้าเราอยากเจอพี่ก็อยากเจอได้ทุกเมื่อนั่นแหละ”คำพูดของคนข้างตัวทำให้รินเม้มปากเงียบ



“แล้วพี่ไม่อยากเจอน้องบ้างเหรอ”จงใจแทนตัวว่าน้องเพราะไม่ต้องการห่างเหิน...เพราะไม่อยากกลายเป็นคนอื่นไปจริงๆ



“อยากเจอสิ พี่อยากอยู่กับน้องอย่างงี้ตลอดไปเลย”



รู้สึกเหมือนกำลังปลอบเด็กแต่ แต่ละถ้อยคำที่พูดออกมานั้นไม่ได้ผ่านสมองเลยแม้แต่คำเดียว...ทั้งหมดมันมาจากใจ...



รินไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าถ้อยคำแสนหวานของอีกฝ่ายมีความหมายเช่นไร มันเป็นเพียงคำปลอบโยนของคนใจดีที่ไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่ลำพังหรือเปล่า แต่หลังจากสิ้นคำนั้นรินก็ค่อยปรือตาขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วก็พบกับดวงตาสีดำขลับพราวระยับเหมือน
ท้องฟ้ายามนี้ไม่มีผิด



พวกเรานั่งเงียบไม่พูดอะไรกันอยู่สักพักก่อนคฑาจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนกลับห้อง รินพยักหน้าอย่างอ้อยอิ่ง แม้เด็กหนุ่มจะยังไม่รู้ว่าความรู้สึกขมุกขมัวอัดแน่นในใจของตนตอนนี้คืออะไรก็ตาม



ตากลมโตทอดมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำด้วยความสับสน



"นอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงชัยก็มาปลุกแต่เช้าอีก"เสียงทุ้มไล่ให้เขานอนหลับ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ค่อยๆทิ้งตัวลงบนเตียง เขยิบที่ให้อีกฝ่ายก่อนทอดมองทุกจังหวะของคฑาอย่างเหม่อลอย



"บอกให้นอนไง หืม...ลืมตาแป๋วเชียวนะ"ชายหนุ่มลูบปอยผมนุ่มไปมา มือเรียวจึงเลื่อนมาคว้ามันไว้ก่อนจะกุมเอาไว้ทั้งแบบนั้นแล้วก็ปรือตาหลับ



ลมหายใจสม่ำเสมอของร่างโปร่งบ่งบอกว่าเจ้าตัวเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เนตรคมของคนที่สั่งให้เขานอนหลับแต่กลับนอนไม่หลับเสียเองพินิจใบหน้ามนซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ



ชายหนุ่มวางมือลงบนใบหน้าของคนหลับอย่างเผลอไผล ไล่ปลายนิ้วไปตามผิวแก้มเนียนละเอียดของอีกฝ่าย แม้ว่ามันจะไม่ได้นุ่มละมุนเหมือนของผู้หญิงแต่สัมผัสนั้นก็ทำให้รู้สึกดีจนต้องจุดรอยยิ้มเพราะสีหน้าไร้เดียงสายามหลับใหลชวนมอง



 กลิ่นหอมแสนคุ้นจากเส้นผมของอีกฝ่ายนั้นกำลังเตะจมูกจนเขาเสียจนอยากจะเข้าสัมผัสเน้นๆอีกสักที



เขารักผู้ชายคนนี้...



ในยามที่พระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า คฑาก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้อีกต่อไป



ชายหนุ่มค่อยๆโน้มใบหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย สิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้คงไม่ต่างอะไรกับการลักหลับ



คฑาหลับตาของตัวเองลงเมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ริมฝีปาก มันไม่ได้ละลาบละล้วงหรือร้อนแรงอะไรเพราะเขาเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา หากแต่มันหอมหวานเหมือนสัมผัสจากขนมสายไหมในงานวัดที่แสนนุ่มละมุนลิ้น....



เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาชายหนุ่มก็ผละตัวออกห่างอย่างอ้อยอิ่ง



"อย่างที่พี่รันบอกเลย...พี่คฑาหื่น"



ดวงตาพราวระยับของคนที่ควรจะจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราจับจ้องกลับมาชวนตกใจ ชายหนุ่มผงะตัวขึ้นนั่งด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
"!!!"



“พี่คฑา...”เจ้าของเสียงใสหยัดกายลุกขึ้นนั่ง รินเอื้อมมือไปแตะกับมือแกร่งแผ่วเบา”กอดหน่อย”ใบหน้าหวานขึ้นสีชมพูระเรื่อ ดวงตาทั้งสองมองสบกันอย่างสื่อความหมายราวกับมีแรงดึงดูด ใบหน้าของทั้งสองคนเคลื่อนเข้าชิดกันอีกครั้ง



ณ ยามนี้ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงของหัวใจที่เต้นรัว



พร้อมความร้อนชวนวูบไหว



“อือ...”เสียงหวานอื้ออึงในลำคอเมื่อเจ้าตัวเริ่มหายใจตามไม่ทัน คฑาจึงผละตัวออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก เสมองนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ซึ่งฉายแววไม่พอใจ



“เอาอีก...ได้ไหม”



อยากจะกัดลิ้นตัวเองหลังพูดเสร็จ รินสะอึกกับคำกล่าวของตน...ทำไมหละ!!? ทำไมเขาถึงอยากสัมผัสคนคนนี้ให้มากกว่านี้...
ร่างโปร่งถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในหัว แม้ในใจจะมีคำตอบรอพร้อมอยู่แล้วแต่กลับไม่กล้านำออกมาใช้



รัก



คำสั้นๆคำนี้เมื่อนำมาประกอบกับคนตรงหน้าแล้วมันให้ความรู้สึกประหลาด เหมือนมีผีเสื้อฝูงใหญ่บินฟุ้งอยู่ในท้อง



“ได้สิ”โดยไม่รอให้หาคำตอบได้ คฑาทาบทับริมฝีกปากของตนลงมาอีกครั้ง ร่างโปร่งบางสะดุ้งเฮือกเมื่อมือแกร่งเลื่อนเข้ามาสัมผัสแผ่นหลังภายใต้เสื้อนอนตัวบาง



สัมผัสร้อนลากไล้ไปทั่วแผ่นหลังอย่างแช่มช้าก่อนจะเคลื่อนมาด้านหน้า ปะป่ายไปตามหน้าท้องก่อนจะเคลื่อนคล้อยมาที่หน้าอก รินกำชายเสื้อของชายหนุ่มแน่นขณะกวัดเกี่ยวเรียวลิ้นหยอกล้อกับอีกฝ่าย



“อือ...พี่คฑา”ชายหนุ่มลูบศีรษะของเจ้าของเสียงคลอเคลียข้างใบหูอย่างอ่อนโยนกระชับกอดร่างโปร่งซึ่งฝังใบหน้ากับบ่าของตนด้วยความเขินอาย มือขาวยังคงกำเสื้อของเขาเสียแน่เรียกรอยยิ้มละมุนบนใบหน้าชายหนุ่ม



“ริน...พี่รักเรานะ”



ถ้อยคำไม่คาดฝันค่อยๆซึมซาบผ่านใจเด็กหนุ่มราวกับสายน้ำที่ไหลลงสู่ดินแดนอันแห่งเผือด นัยน์ตาในเป็นประกายด้วยความไม่คาดฝัน รินยันกายขึ้นนั่งหลังตรงจับจ้องใบหน้าของเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง



“จริงเหรอ...”



“จริงสิ จริง”แม้จะขวยเขินที่ต้องพูดเรื่องแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาแต่ทนายหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะเอื้อนเอ่ยมันให้ริน



“ผม ก็...รักพี่นะ”ยามพูดคำนี้ออกไปรินรู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรง ออกแรงเพียงเล็กน้อยร่างโปร่งก็นอนราบลงกับกับเตียง โน้มใบหน้าเข้าหาเพื่อคลอเคลียริมฝีปากของกันและกันอีกครั้ง



ดวงตากลมใสสั่นไหวด้วยแรงปารถนาในจิตใจช้อนมองร่างสูงผู้เล่นซนปลดเปลื้องกระดุมก่อนพรมสัมผัสไปทั่วผิวขาวละเอียดของตน มือเรียวยกขึ้นปิดกลั้นเสียงน่าอายไว้ ความรู้สึกประหลาดพุ่งพล่านเต็มตื้นไปหมด



รินปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบขบเม้มไปทั่วเรือนร่าง



“อื๊อ...”ร่างกายกระตุกเกร็งเมื่อเรียวนิ้วของอีกฝ่ายสอดเข้าไปใต้กางเกง มือเรียวจิกลงกับเตียงเพื่อระบายความรู้สึก



“ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัวนะ เจ็บก็บอกพี่”คฑาจุมพิตริมฝีปากแดงช้ำอีกหนึ่งครั้งหนักๆเพื่อปลอบประโลมเด็กหนุ่ม วงแขนแกร่งสอดใต้แผ่นหลังบางเพื่อกระชับกอดคนด้านล่าง



“อื้อ...”สองมือเรียวจิกไหล่ขยุ้มเสื้อนอนของร่างสูงไว้แน่น ความรู้สึกอึดอัดเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมแทรกสอดเข้ามาในร่างกาย ความรุ่มร้อนผสมปนเปกับความเจ็บปราบ คฑาพรมจูบทั่วใบหน้ามนเมื่อคลายความทรมาน



ไม่อยากให้ร้องไห้...ไม่อยากให้เจ็บ...



“พี่คฑา..อะ อา”เสียงหวานดังกระเส่า รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยได้รัยมาก่อนยามร่างสูงขยับตัว นัยน์ตาหวานฉ่ำปรือมองใบหน้าคมอย่างหลงใหล”อือ...แร ง อีก”



ชายหนุ่มกระตุกรอยยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดี ท่าทางเขินอายกลับเย้ายวนเสียจนเจ้าตัวไม่ต้องขอเขาก็ตั้งใจจะจัดให้อยู่แล้ว



“อ๊า...”บทเพลงรักเราร้อนและอ่อนหวานบรรเลงภายใต้แสงจันทร์ของค่ำคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เสียงหอบหายใจกับเสียงร้องครางดังประสานกันขับเคลื่อนอารมณ์พุ่งขึ้นสูงจนถึงขีดสุด อีกครั้งและอีก ยาวนานตราบเท่าที่บนฟ้ายังถักทอด้วยแสงดาว



.



.



เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นก่อนกระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงแดดซึ่งสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างโปร่งพลิกตัวหมายจะรู้ขึ้นแต่ความปวดหน่วงๆด้านหลังทำให้เรี่ยวแรงหายไปหมด รินนอนตะแคงมองกำแพงด้วยใบหน้าขึ้นสี ภาพเหตุการณ์เมื่อวานถูกนำมารีรันในหัว



“ตื่นแล้วเหรอ?”ขณะเดียวกับเสียงทุ้มที่ดังทักขึ้น รินพลิกตัวหันกลับไปมองตัวการของเรื่องซึ่งมองมาทางนี้และยิ้มให้อย่างอบอุ่น
รินเองก็ระบายยิ้มละไมกลับไปให้...เหมือนกับดีใจที่ตื่นข้นมาแล้วเจอกันและกันอยู่ข้างๆ



“อะ...รุณสวัสดิ์ฮะ วันนี้อากาศดีเนอะ”พูดจาเหมือนคนปัญญาอ่อน ห้องนอนนี้ปิดหน้าต่างเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเอาอะไรมาบอกว่าอากาศดี?



มือหนาเอื้อมมาลูบหัวคนอายุอ่อนกว่าก่อนจัดให้เขาทรง...สิ่งหนึ่งที่รินไม่รู้ก็คือผู้ชายคนนี้ชอบเล่นกับเส้นผมของเจ้าตัวขนาดไหนก่อนจะโน้มมาจูบหน้าผากมนอย่างเอ็นดู



“กี่โมงแล้วเหรอ”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ถามเปลี่ยนเรื่อง บรรยากาศหวานๆยามเช้าหลังจากผ่านพ้นค่ำคืนแบบนั้นมาไม่ค่อยเหมาะกับเขาเสียเท่าไหร่...ก็มันเขินนิ!



“สิบโมง”



คำตอบของคฑาสร้างความตื่นตะลึงให้แก่คนได้ยินไม่มากก็น้อย ร่างโปร่งลืมตัวผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจก่อนจะต้องตัวงอเพราะความเจ็บ”โอ๊ย เจ็บๆๆ แต่สายขนาดนี้แล้วยังไม่มีคนมาตามอีกเหรอ!?”เป็นไปไม่ได้ที่พี่รันคนนั้นจะไม่มาวอแวถามหาน้องชายสุดหวง



คฑานึกถึงใบหน้าคมคายของนายการันต์ผู้มาเคาะประตูห้องตั้งแต่หกโมง เจ็ดโมง และแปดโมง จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นไปเปิดประตูเพราะไม่อยากให้รินต้องตื่นมาเพราะเสียงน่ารำคานนั่น



“พี่บอกไปว่าเราป่วย”



ทาออกที่ดีที่สุดตอนนั้นไม่ใช่การพูดความจริงแต่เป็นการปัดไล่คนนอกออกไป ชายหนุ่มไม่สนเสียงโหวกเหวกของพี่เขย(?)ปิดประตูล็อคกลอนพร้อมกำชับว่าอย่าส่งเสียงดังเดี๋ยวรินตื่น เพียงเท่านี้คุณพี่ชายก็ยอมถอยทัพกลับไปแต่โดยดี



รินพยักหน้ารับคำอย่างโล่งใจและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง



“พี่ไม่ได้เจตนาจะโกหกนะ...พี่แค่คิดว่าเราควรเรียบเรียงเรื่องราวให้ดีกว่านี้ก่อนจะบอกคนอื่น”



ลองบอกว่าสิว่า...อ๋อ เมื่อคืนเรามีอะไรกัน หนักมากกว่าน้องคุณจะตื่นคงอีกนานครับ...เขาคงโดนจับถ่วงทะเลแม้แถวนี้จะไม่มีก็เถอะ



“อืม...ดีแล้วๆ พี่รันน่ารำคานจะตาย ไม่รู้แหละดีแล้ว”น้องตัวดีนินทาพี่ชายด้วยสีหน้าระรื่น หัวเราะคิกคักกับตัวเองเมื่อคิดได้ว่าไม่ควรบอกเรื่องนี้ให้พี่ชายรู้



ท่าทางน่ารักนั่นกระแทกตาคนมองอยู่เต็มๆ ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาฟัดแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยวอยู่นานสองนานพร้อมปิดท้ายด้วยการจุ๊บปากอีกหนึ่งที เมื่อพอใจแล้วก็ลุกขึ้นยืนหมายจะเดินออกจากห้องไป



“จะไปไหนเหรอ?”



“พี่ไม่ทิ้งเราเอาไว้อย่างงี้หรอกน่า เดี๋ยวไปหาอะไรให้กิน หิวแล้วไม่ใช่เหรอ”



ไม่นานเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง รินที่เกือบเข้าสู่ห้างนิทราไปอีกร้อยลืมตาขึ้นมาเมื่อจมูกได้กลิ่นหอมของข้าวต้มในมือของชายหนุ่ม



“ลุกไหวแล้วเหรอ หืม?”คฑานำถาดอาหารวางไว้ตรงหัวเตียง เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆรินผู้เห็นแก่กินจนลืมความเจ็บปวดทั้งมวล มือแกร่งเชยคางของร่างโปร่งขึ้นแล้วก็...จูบ



เมื่อแต่งแต้มสีดะระเรื่อบนใบหน้าหวานสำเร็จแล้วคฑาก็นำถาดอาหารมาวางไว้บนตัก”ข้าวต้มนี่ป้าพรเขาทำทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า อืดหมดแล้ว กินได้ไหม”รินพยักหน้าเป็นคำตอบ ยกมือขึ้นไปหมายจะหยิบช้อนแต่มันกลับถูกอีกขึ้นแย่งไปถือไว้



ทนายคนเก่งเป่าข้าวต้มร้อนๆป้อนมันให้ริน อากัปกิริยาแบบนั้นของเขาสร้างความเขินชั้นดี นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์งับข้าวต้มเข้าปาก ดวงสาเสมองผ้าปูที่นอนอย่างไม่กล้าสบตา



“พี่คฑาบ้า ดูแลมากไปป่ะ ไม่ได้เป็นคนป่วยสักหน่อย”เสียงอ้อมแอ้มในลำคอ แต่ก็งับข้าวต้มเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ย



“ไม่ได้เป็นคนป่วยแต่เป็นแฟนไง ก็ต้องดูแลสิ”



“!!!”



อ๊ากกกก รินจะไม่ทน



นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์คว้าหมอนข้างกายขึ้นมาแล้วก็ฝังหน้าตัวเองลงไปส่งเสียงอู้อี้อะไรก็ไม่ทราบ แต่พอเห็นใบหูแดงจัดนั่นแล้วก็พอจะเข้าใจ คฑาหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ



“พี่กินข้าวยัง”หลังควบคุมสติได้รินก็เอ่ยถาม



“ยัง”



“ไม่หิวเหรอ?”



“ถ้าตอบว่าอิ่มเอมใจจะโดนหาว่าเสี่ยวไหม”เสียงทุ้มถามล้อๆ เอาเข้าจริงเขาเองก็คิดว่าเช้าวันนี้ตัวเองจะทำตัวละมุนผิดวิสัยไปไม่ได้...คงเป็นเพราะคนตรงหน้านี้แหละ...



รินหัวเราะคิกคักกับคำตอบ เมื่อกินเสร็จเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็เก็บจาน”ลุกไปอาบน้ำไหวไหม ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน ค่อยๆเดินไปก็ได้”ร่างโปร่งพยักหน้ารับ หย่อนขาเปลือยเปล่าลงจากเตียงหมายจะลุกตามร่างสูงที่เปิดประตูรอออกไปแต่ก็ต้องร้องครางออกมา คราวนี้ไม่ใช่เพราะเจ็บ ความมันรู้สึกหวิวที่ท้องน้อยพิกล



เนตรคมเบือนออกจากผิวขาวเนียนซึ่งโผล่วับๆแวมๆออกมาจากผ้าห่ม เหตุผลเดียวที่เขาพารินไปเข้าห้องน้ำก็เพราะว่ามันจะไม่จบลงตรง ‘พาไป’หน่ะสิ



สุดท้ายคฑาก็ตัดใจเดินออกจากห้องไปก่อน รินที่รอให้เขาออกไปอย่างรู้งานก็เลิกผ้าห่มขึ้น ผ้าปูที่นอนสีอ่อนหลงเหลื่อร่องรอยจากเมื่อคืนเอาไว้เพียบ คราบสีขาวบนเตียงสร้างปัญหาใหม่ให้แก่เด็กหนุ่ม...จะแอบซักยังไงไม่ให้พี่รันรู้ดี?...



.



.



รินเดินกระย่องกระแย่งลงบันได้มาพบคฑากำลังพลิกอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขกก็เลยเดินเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง”พี่คฑา”



ร่างสูงหันตามเสียงเรียก เลิกคิ้วอย่างสงสัย



“เมื่อกี้มีคนโทรมา เขาบอกให้พี่รันเอาวัวไปให้เขาได้แล้ว...?”



ไม่รู้ว่าพี่รันไปคบค้าสมาคมกับไอ้คนเสียงยังกับโจรเรียกค่าไถ่อย่างนั้นได้อย่างไร รินหย่อนกายลงนังอย่างสงสัยพร้อมกับเสียงเปิดประตูบ้านดังปัง!! ร่างสูงของรันเดินอาดๆเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล



คนตายยากรีบกระโจนเข้าหาน้องชายบนโซฟ้าอย่างเป็นห่วง”ริน ไข้เป็นไงบ้าง!?”มือแกร่งแตะหน้าผาก



“เอ้อ...ก็ กินยาไปแล้วไข้เลยลด ตอนนี้เหลือแค่ปวดเมื่อยครับ”กรอกตาไปมาแบบมีพิรุธ แน่นอนว่ารันจับสังเกตไม่ได้ คฑาจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก



“เมื่อกี้มีคนโทรมาหาคุณครับ เห็นเขาบอกให้เอาวัวไปให้”เพื่อความปลอดภัยคฑาเลยเปลี่ยนประเด็น



 “หะ!? อ้อ ไอ้ขุน”



“ใครเหรอครับ?”รินถาม



“เพื่อนพี่เอง มันเป็นลูกเศรษฐีในเมือง รับหน้าที่จัดงานวัดปีนี้เพราะพ่อมันป่วยออดๆแอดๆ พอดีกับพี่อยากส่งวัวเข้าประกวดพอดีมันเลยใช้งานพี่รวบไปด้วย”



“ประกวดวัว?”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์เอียงคอสงสัย วัวเขามีส่งเข้าประกวดกันด้วยเหรอ? เทวีโคนมหรืออย่างไร?



“วัวกล้ามไง วัวกล้าม เขาเรียกว่าอะไรนะ เออ ช่างเหอะ เอาเป็นว่าพี่เลี้ยงวัวตัวผู้ไว้เป็นพ่อพันธุ์แล้วก็ฟิตหุ่นเอาไว้ประกวดวัวงาม ฮ่าๆๆ ไอ้ตัวนี้มันเจ๋งมากเลยนะรู้มั้ย วัวสาวๆกรี๊ดกร๊าดมันกันใหญ่ ปีนี้ต้องชนะแน่ๆ ฮ่าๆๆ”ตบเข่าดังฉาดภูมิอกภูมิใจกับสัตว์เลี้ยง
ประหลาดของตัวเองสุดๆ




รินสบตาคฑาปริบๆ เข้าไม่ถึงจริงจัง



ประกวดโคงาม!! โอ้จะบ้าตาย




ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่คฑากับน้องรินพัฒนาความสัมพันธ์กันได้รวดเร็วมากเลยนะค้าา :hao7:

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4



บทที่10



และแล้วสุดสัปดาห์ก็มาถึง งานวัดยิ่งใหญ่ประจำอำเภอจัดขึ้นในวันนี้ พิธีเปิดมีตั้งแต่เที่ยงพี่รันผู้เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าภาพงานต้องไปช่วยคุมงานตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้วส่วนพ่อเทียนกับพ่อเปรมที่เป็นคนใหญ่คนโตก็ถูกเชิญไปร่วมพิธี ปูนซึ่งถูกรันบังคับให้ไปช่วยงานตอนแรกก็ดื้อหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมเพราะอยากเที่ยวงานวัดกับพี่รินก็ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุดเมื่อเขาเอ่ยปากไล่



ก็นะ...พี่คฑาบอกว่าหลังจากจบงานนี้แล้วเขาต้องไปสะสางงานของตัวเองให้เรียบร้อย ฉะนั้นวันนี้จะเป็นวันแรกและวันเดียวที่พวกเราได้เดทกัน...



แม้มันจะไม่ใช่การจากลาอย่างถาวรแต่ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้...



“อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ”คฑาเห็นบรรยากาศหม่นๆรอบตัวเขาเลยอดทักไม่ได้ รินหันไปยิ้มบางๆแทนคำว่าไม่เป็นไร



นาฬิกาข้อมือชี้บอกเวลาห้าโมงเย็น กว่าจะสะสางงานบัญชีจนเสร็จแล้วก็ขับรถฝ่าการจราจรอันติดขัดเหมือนอยู่ในกรุงเทพเข้ามาแล้วหาที่จอดรถได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ชายหนุ่มจอดรถกระบะสีขาวลายวัวจอดแนบข้างทางก่อนจะพากันลงมาจากรถ



พระอาทิตย์เริ่มลาแสง ทั้งสองคนเดินเข้าไปในทิศทางที่เสียงเพลงหมอลำอึกทึกครึกโครม โดยไม่ต้องถามทางใครเลย



ตัวงานจัดขึ้นที่ลานกว้าเอนกประสงค์แม้มันจะได้ชื่อว่างานวัดแต่ก็ไม่ได้จัดที่วัดแต่อย่างใด...



“คนเยอะจัง ผมชอบงานนี้มากเลยนะ ตอนเด็กๆไม่พลาดสักปี แต่พอย้ายตามแม่ออกไปแล้วก็ไม่ได้มาอีกเลย”เพราะเวลาปิดเทอมกับเวลาจัดงานมันไม่ตรงกัน การเลื่อนปิดมหาลัยตามAECจึงเป็นบุญคุณครั้งใหญ่ของสมาคมการค้าเสรีอาเชียน



“กินไหม?”คฑาเพยิดหน้าไปทางแผงน้ำแข็งไส



“เอาลูกชิดน้ำแดงครับ”แทบไม่ต้องคิด เด็กชอบของหวานตรงรี่เข้าไปสั่งป้าแม่ค้าทันที ป้าแกก็ไสน้ำแข็งยิ้มหวานให้คลาสสิกๆสุดๆ ในกรุงเทพไม่มีทางเจอร้านไหนเอาน้ำแข็งมาไสด้วยมือแบบนี้หรอกเห็นแต่พวกเอาเครื่องมือไม่ช่วย



จากนั้นป้าแกก็เติมลูกชิดเทน้ำแดงให้”เอานมข้นเยอะๆนะครับ”แถมราดนมให้หนำใจตามคำอีกขออีกต่างหาก มือเรียวรับมาก่อนคนที่มาด้วยกันจะจ่ายเงินให้อย่างรู้หน้าที่ พอตักคำแรกเข้าปากรสชาติของนมข้นหวานเต็มอัตราผสมกับน้ำแดงอย่างลงตัวสร้างความฟินสูงสุด



“อื้มมม อร่อยมากเลย อ่ะ”หันมาเผื่อแผ่คนข้างๆย่างมีน้ำใจ ป้อนกันไปมาระหว่างทางเดินเลยแผงลอยมาหลายร้าน ทำหน้ามีความสุขเหมือนเด็กลงสักสิบห้าปี



คฑาเกี่ยวข้อมือแล้วก็ลากเข้าไปในร้านขายโป้งเหน่ง ขนมแป้งกลมๆเสียบไม้ของโปรกของริน



“รู้ใจแฟนนะเนี่ย”กระซิบบอกข้างหูเหมือนกลัวลุงคนขายแอบได้ยิน



“มางานวัดทั้งทีพี่ก็ไม่คาดหวังให้เราไปไหว้พระสักการะเอาฤกษ์เอาชัยอะไรหรอก”คฑากล่าวล้อๆ ตรงกลางงานข้างๆเวทีมีพระพุทธรูปประจำวันเกิดและพระสงฆ์สวดมนต์อยู่ มีซุ้มให้ทำบุญบริจาค



“ว่าใคร กินเสร็จแล้วค่อยไปตะหาก”พูดไปทั้งที่น้ำแข็งยังเต็มปาก มือเรียวของคนตะกระเอื้อมไปหยิบโป้งเหน่งมาแบบไม่เจียม



“เต็มมือเลยนะ แล้วจะใช้อะไรตักน้ำแข็งไสหือ”พูดแล้วก็ทำหน้าที่แฟนที่ดีหยิบขนมโป้งเหน่งมาถือให้
เดินมาอีกสักพักก็เจอซุ้มโชว์นางเหงือก รินหยุดยืนมองป้ายหน้าซุ้มซึ่งเป็นผู้หญิงสวยขาวนมโตแล้วก็หลุดขำออกมา



“หัวเราะอะไร”



“ฮ่าๆๆ ก็นั่นไง นั่นหนะ ไม่เคยเห็นเขารีทวีตมากันเหรอ ที่ป้ายข้างหน้านางเงือกอย่างสวยแต่พอเข้าไปข้างในเจอแต่ป้าแก่ๆนอนอืดอยู่ในกะละมัง ฮ่าๆๆ”ดูเหมือนจะหัวเราะดังไปหน่อย เด็กเก็บตั๋วเลยหันมามองพวกเขาสองคนตาเขียวปั๊ด รินรีบตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน



ร่างโปร่งเลี่ยงๆออกไปอีกทาง ทิ้งถ้วยน้ำแข็งไสและไม้โป้งเหน่งลงถังขยะ



ถัดออกไปมีมอเตอร์ไซค์ไต่ถัง คนเบียดกันแน่นสุด รินพยามฝ่าคนเข้าไปดูอยู่พักหนึ่งก็ต้องเดินคอตกยกธงขางยอมแพ้ เสียงเพลงสตริงมันส์จากตรงนี้ดังตีกับเสียงเพลงลูกทุ่งบนเวทีตรงกลาง จากจุดนี้มองเห็นคนแก่รำเริงลืมฟันปลอมอยู่ชิดขอบเวที



เอ๊ะ...คนแก่คนนั้นหน้าคุ้นๆ



นั่นมันพ่อกับลุงเปรมนี่หว่า!!



“ผมว่าเราอย่าไปทางเวทีเลยเนอะ”รินคว้ามือคฑาไว้พร้อมออกแรงดึงให้เดินไปอีกทาง เป็นโอกาสดีของชายหนุ่มผู้รอให้มือเรียวว่างมานานแล้วอาศัยจังหวะนี้จูงมือกันเดิน



“ประกวดวัวงามจ้า ประกวดวัวงาม!!”



ฉับพลันเสียงโคตรจะคุ้นหูก็ดังกระแทกโสตประสาม รินหันมองหาต้นเสียง เจ้าปูนยืนบนเก้าอี้เม้าถือโทรโข่งอยู่หน้าคอกวัวขนาดใหญ่กว่าซุ้มมอเตอร์ไซค์ไต่ถังแถมคนที่มามุงยังเยอะที่สุดในบรรดาซุ้มทั้งหมด



“คนแถวนี้เขานิยมอะไรแบบนี้เหรอ”คฑาอดถามไม่ได้ เนตรคมมองเหล่าวัวตัวใหญ่ติดหมายเลขยืนเรียงกัน อีกด้านมีโต๊ะของกรรมการและโต๊ะรวมผลโหวตจากทางบ้านโดยวัดจากกองดอกกุหลาบ



วัวตัวไหนได้รับดอกกุหลาบเยอะสุดจะได้รางวัลขวัญใจมหาชนไป ส่วนกรรมการผู้ตัดสินตามหลักการจะเป็นคนเลือกรางวัลที่1 2และ3



แม้รางวัลที่1กับรางวัลขวัญใจมหาชนจะได้รับเงินพอๆกันแต่การได้ที่หนึ่งจากผู้รู้ย่อมดีกว่าที่หนึ่งของผู้ชม พี่รันผู้ได้ที่หนึ่งรางวัลขวัญใจมหาชนปีที่แล้วกล่าวอย่างเจ็บใจก่อนพาเจ้าสมันวัวหนุ่มกำยำขึ้นกระบะออกจากบ้านไปเมื่อวันก่อน



“วัวตัวนั้นมัน...”คฑามองเจ้าวัวตัวใหญ่ใบหน้าคุ้นเคย(?)ด้วยความเหลือเชื่อ...นั่นมันวัวตัวที่เขาขี่ฟีโน่สีชมพูล่อกลับคอกเมื่อตอนนั้นนี่!!



มิน่าถึงได้ตัวใหญ่กว่าวัวนมตัวอื่นๆ ที่แท้ก็ตัวผู้ฟิตกล้าม...



รินตั้งท่าจะเดินออกจากบริเวณนั้นเพราะกลัวไอ้ปูนจะเห็นเข้าแล้วติดร่างแหไปช่วยงานแต่คฑากลับจ้องเจ้าวัวตัวนั้นตาไม่กระพริบ



“เห้ย!! อย่าบอกนะว่าพี่ชอบแนวนี้”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ถามเสียงหลง



“เปล่าพี่ก็แค่อยากเชียร์วัวที่พี่ต้อนกลับโรงเรือนเองกับมือสักหน่อย”ชายหนุ่มให้เหตุผลฟังดูเข้าที



มือเรียวหลุดจากการกอบกุมคนเชียร์วัวเลยหันไปมองอย่างตกใจ”งอนเหรอ!?”



“เปล่า ผมแค่จะแวะไปซื้อน้ำอ้อยร้านนั้น พี่จะเอาไหม”เพราะคอแห้งเลยจะไปซื้อถามเฉยๆ



“พี่เอาด้วยแก้วหนึ่ง อ่ะ ร้อยหนึ่งพอไหม”รินมองแบงค์สีแดงในมือแกร่งด้วยสายตาหน่ายๆ



“ผมไม่ใช่ลูกชายพี่นะจะได้ให้เงินไปซื้อขนมแบบนี้”ว่าเสียงงอนๆสะบัดหน้าเดินหันหลังให้



“เดินดีๆระวังหลงนะ เจอคนแปลกหน้าเอาอมยิ้มมาล่อก็อย่าตามไป”โดนล้อไล่หลังเลยจัดค้อนวงใหญ่ให้สักรอบ เชอะ!



จะว่าไปเขาก็ตามคนแปลกหน้ามาจริงๆนี่เนอะ แถมยังชวนให้มาอยู่ด้วยกันอีก เห้ย!!นี่เรานอนกับคนแปลกหน้าเรอะ!!...นับเวลาอยู่ร่วมกันแล้วก็ไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ



อ๊ากกกก ไอ้ริน ไอ้บ้า เด็กแรด



ใบหน้าหวานขึ้นสีจัด สะบัดหน้าไปมาแรงๆทำเอายายขายน้ำมองงงๆ รินข่มความคิดอกุศลไว้แล้วสั่งน้ำกับยายแก่ที่ตักน้ำใส่แก้วมือสั่นงันงก คนเฒ่าคนแก่อย่างงี้ต้องมาทำงานขายของลูกหลานไปไหนกันหมดนะ



เสร็จแล้วก็ถือน้ำไปให้ชายหนุ่มผู้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกเดียวกับพี่รันเรียบร้อยแล้ว...



รินอยู่ว่างอยู่สักพักก็ขอตัวเดินมาซื้อน้ำตาลปั้น เดินฝ่าฝูงเด็กแก่นเข้ามาต่อคิว ลุงคนขายเห็นผมแล้วก็ยิ้มหน้าบานเชียว คงคิดว่าเด็กโข่งมาแล้วหละสิ เชอะ!



“ท่าทางไม่ใช่คนแถวนี้ มาเที่ยวเหรอไอ้หนุ่ม”เสียงหาบแห้งทักทายระหว่างรอ เพราะผมรินสั่งลายที่มันค่อนข้างอลังการลุงแกเลยต้องใช้เวลาในการประดิษฐ์ประดอย เห็นลูกค้านั่งยองๆอยู่หน้าหาบกลัวจะเหงาเลยชวนคุย



“หน้าผมมันไม่เหมือนคนแถวนี้ขนาดนั้นเลยเหรอ”ตอนพี่คฑาทักก็ทีนึงแล้ว “นี่ผมลูกฟาร์มแท้ๆเลยนะ!”



“บ๊ะ! ก็หน้าเอ็งมันเนียนใสซะขนาดนี้ ข้าก็คิดว่ามาจากกรุงเทพหน่ะสิ”ลุงกล่าว



“ก็มาจากกรุงเทพจริงๆนี่”



“อ้าว!! แล้วเมื่อกี้บอกว่าเป็นลูกฟาร์ม หลอกคนแก่เหรอ ฮึ”



“ก็เป็นลูกฟาร์มด้วยเหมือนกันฮะ”ยิ้มทะเล้นหลังแกล้งให้คนแก่งงอย่างมีความสุข ลุงแกเกาหัวแกรกๆแล้วก็เลิกให้ความสนใจเด็กติงต๊องปั้นน้ำตาลก้อนต่อ ไม่นานลุงแกก็ยื่นผลงานชิ้นเองมาให้เด็กหนุ่มที่มองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ



“อะไรอ่ะลุง”



“เอ้า ก็ที่เอ็งสั่งไง”นัยน์ตาสีนิลพราวระยับมองเจ้างูเขียวหางไหม้ซึ่งพันรอบไม้เสียบอย่างชั่งใจ



“ผมสั่งมังกร...”



“ก็นี่ไงเล่า! รับไปสิ”



“นี่มันงูเขียว”เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน



“ก็เอ็งอยากสั่งอะไรยากๆเอง”



“ก็มันมีในเมนูนี่!!”ก่อนจะมีเรื่องมีราวเสียงทุ้มก็ดังห้ามไว้ก่อน คฑารับน้ำตาลปั้นจากมือลุงมาพร้อมจ่ายเงินให้เสร็จสรรพจากนั้นก็พาเจ้าเด็กเรื่องมากออกจากร้านไป



“หายไปนานสองนานที่แท้ก็มานั่งทะเลาะกับคนขายน้ำตาลปั้น”เนตรคมมองเจ้าเด็กมีปัญหาด้วยแววตาขำๆ ความจริงเขามาตั้งแต่ตอนคุยเรื่องมาจากไหนกันแล้ว



ตอนนี้เริ่มมืดผู้คนเลยเริ่มเยอะ พ่อแม่พาลูกหลานมาเดินกันตรึม เพราะเบียดเสียดกลัวจะหลงก็เลยต้องจับมือกันไว้อย่างช่วยไม่ได้(เหรอ) รินแกะพลาสติกหุ้มออกก่อนเลียเจ้างูเขียวอย่างมีความสุข...อย่างแซวอยู่หรอกว่าถ้าอยากกินมังกรก็มาเลียของพี่ก็ได้แต่มันไม่เข้ากับคาแรคเตอร์ผู้ชายมาดนิ่งแต่แอบหื่นอย่างคฑาจึงเดินนิ่งๆต่อไป



“อ๊ะ ซุ้มเมียงู”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ชะงักฝีเท้า”ไม่เข้าไปนะ”ตีหน้าแหยงๆ เกลียดงูยิ่งกว่าจิ้งจก ตอนเห็นลุงปั้นมังกรเป็นงูถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเถียง



“ว่าแต่ เมื่อกี้พี่รันชนะรึป่าว?”



“ไม่รู้สิ พี่ออกมาก่อน”รินพยักหน้าหงึกๆ



‘หมับ’



“ลูกพี่!!”



ขณะเดินเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายกันอยู่นั่นเอง แขนแกร่งก็โดนมือปริศนาฉุดยื้อเอาไว้ เนตรคมตวัดทันทีที่นึกออกว่าเจ้าของเสียงดังกล่าวคือใคร ร่างท้วมหนาส่วนสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบปลายๆผิวขาวเหลืองตามประสาลูกคนจีนบวกกับตาตี่ๆมองมาอย่าง
ดีใจผสมตกใจ



“มีธุระอะไร”คฑาชักแขนกลับเอ่ยเสียงเย็นมองคนคนนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์



“ผม...ผมขอโทษพี่ พี่หายไปเลยผม สำนึกแล้ว พี่กลับมาเถอะนะ”นายอ้วนเสียงสั่นเสียงคลอนน้ำตาคลอยามถูกจ้องด้วยสายตาน่ากลัว



“ใครเหรอ”รินกระเถิบมากระซิบข้างหูร่างสูง



“ลูกน้องเก่า”



ดูเหมือนบทสนทนาดังกล่าวจะดังพอให้’ลูกน้องเก่า’ได้ยิน”พี่คฑา ให้โอกาสผมเถอะ จะให้ผมทำอะไรก็ยอม”



ลูกน้องเก่าคนนี้คือคนที่ทำร้ายพี่คฑาสินะ...รินนึกพลางพินิจใบหน้าซีดเผือกของร่างท้วมตรงหน้า พลันทนายหนุ่มก็เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า”ไปรอที่ลานจอดรถ ตรงนี้คนเยอะ”ชายหนุ่มเอ่ยปากไล่ เจ้าลูกน้องคนนั้นมีท่าทีอิดออดเพราะกลัวจะถูกหลอกให้รอเก้อแต่ก็โดนบรรยากาศกดดันจนต้องทำตามในที่สุด



คล้อยหลังอดีตลูกน้องคนนั้น มือแกร่งยกขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด สำหรับคฑาวันนี้ถือเป็นวันสำคัญมากๆวันหนึ่งเพราะเขาตั้งใจจะจากไปพรุ่งนี้



“แม้วันนี้จะไม่ใช่วันสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน แต่พี่ก็ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถพาเราเที่ยวจนจบงานได้”



รินเหลือบตามองแผ่นหลังกว้างอย่างใจหาย...เด็กหนุ่มเข้าใจคำพูดของเขาเป็นอย่างดี ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันอย่างอดกลั้นก่อนจะพยักหน้าลงด้วยความยากเย็น



”อืม”



“แต่ก่อนจะไป ช่วยบอกผมก่อนได้ไหมว่าเขากับพี่มีปัญหาอะไรกัน”ถ้ามันเป็นเรื่องร้ายแรงคงปล่อยให้ไปคนเดียวไม่ได้...
ใบหน้าของทนายหนุ่มฉายแววลำบากใจเมื่อถูกขอร้องให้เล่าถึงเจ้าลูกน้องตัวแสบ เสียงถอนหายใจดังยาวเหยียด”ลูกน้องพี่ มันชื่อกิต”



“มันทำงานเป็นเสมียนของพี่มาได้สามปีแล้วหรือก็คือตั้งแต่พี่เรียนจบนั่นแหละ”



“เมื่อเร็วๆนี้มีงานใหญ่ติดต่อเข้ามา มันเป็นเรื่องของฟาร์มข้าวโพดชื่อดังมีปัญหากับกลุ่มนายทุนท้องถิ่น เรียกอีกอย่างว่าเจ้าพ่อนั่นแหละ”



“ไม่รู้หรอกนะว่าโดนขู่หรือได้เงินใต้โต๊ะมา แต่ไอ้ขุนมันแอบขโมยหลักฐานกับเอกสารสำคัญของคดีไปให้ทนายของฝั่งโน้น พี่เริ่มเอะใจเลยลองสืบดูจนรู้วันเวลาและสถานที่นัดพบของพวกมัน พี่เลยแอบตามกิตไปเพื่อให้เห็นกับตา...”



“วันเวลาสถานที่ที่ว่าก็คือฟาร์มกานต์ในวันที่เราพบกัน?”รินย้อนถาม



“ใช่ พี่วู่วามเกินไปเลยถูกจับได้ ไอ้กิตกับลูกน้องของทนายฝ่ายนู้นตกใจมากจนขาดสติ วิ่งเข้ามาตีพี่ เฮ้อ...ถ้าตอนนั้นพูดกันดีดีก็จบไปแล้ว”ร่างสูงถอนหายใจพรืด



“ไปสิ ไปคุยกับเขา คราวนี้คุยกันให้ดีดีนะอย่าวู่วาม พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ค่อยกลับมาหาผม...”



“ไม่เป็นพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไร อีกกี่เดือนหรืออีกเป็นปีก็ได้...”



“ผมจะรอให้พี่กลับมาอย่างปลอดภัยเสมอ...รอให้คนที่ผมรักกลับมา”



คฑามองรอยยิ้มละไมบนใบหน้าหวานอย่างเจ็บปวด กำมือเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินคำว่าปลอดภัย...



ตัวเขารู้อยู่แก่ใจว่าอาชีพทนายไม่ใช่อาชีพที่เข้าใกล้คำว่าปลอดภัยแม้แต่น้อย ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับด้านมือขององค์กร รับรู้เรื่องการติดสินบน การยัดข้อหาและการจับแพะ...



ตลอดเส้นทางชีวิตทนายของเขาพยามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ข้องแวะกับเรื่องพวกนั้น



ความขาวสะอาดและความยุติธรรมย่อมแลกมากับความปลอดภัยที่น้อยลง...



“ได้สิ ได้ แล้วเจอกันนะ”ดูเหมือนชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายจะไม่มีความสำคัญต่อผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มทอดสายตาจับจ้องร่างโปร่งด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะโน้มตัวลงมาจุมพิตที่กลีบปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เนิบนาบและเนิ่นนาน ไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองมาอย่างตื่นตะลึง




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้ม
อ่านสองตอนรวด
จบแล้วจริงดิ?
รินเสร็จคฑาแล้ววว -.,-
หวานตลอดๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2015 14:13:23 โดย boboman »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่คฑาต้องกลับมาหาน้องรินอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ :impress:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกดีเหมือนอ่านการ์ตูน
ว่าแต่จบแล้วเหรอครับ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
จบแบบแปลกๆเนอะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ TrafalgarLAW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4



บทส่งท้าย



ชีวิตมหาลัยปีสี่ของคณะบริหารไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก ร่างโปร่งดีกรีอดีตเดือนคณะก้าวลงจากรถมินิคูเปอร์สีเหลืองสด เจ้าของใบหน้าหล่อปนหวานผู้ชนะผลการโหวตและครอบครองตำแหน่งผู้ชายที่หล่อที่สุดเมื่อตอนที่อยู่ปีหนึ่งเดินทอดน่องไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนที่ประจำใต้ต้นราชพฤษก์



นัยน์กลมใสมองเจ้าต้นไม่ซึ่งในฤดูร้อนจะออกดอกสีเหลืองสุดอันเป็นสีที่เขาชอบที่สุดแต่ในยามนี้มีเพียงใบสีเขียวๆด้วยสายต่อเหม่อลอย



“เหม่ออีกแล้ว!!”



พระเอกมิวสิควีดีโอถูกสมุดเล็คเชอร์ในมือเพื่อนสนิทตีเข้าดังป้าบ



“อยากเปลี่ยนคาแรคเตอร์รึไงมึง!?”



“อะไรวะไอ้มิว”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ผู้กลับมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงมองเพื่อนสนิทนามมิวแบบงุนงง



“อ้าว ก็ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เดือนนึงนี่มึงเอาแต่นั่งเท้าคางชายตามองฟ้ามองดิน ยังกับคุณชายอมทุกข์”



หากพูดถึงริน อดีตเดือนคณะบริหารผู้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในนามของตัวแทนแห่งความสดใสและรอยยิ้มที่เปลี่ยนโลกของสาวน้อยสาวใหญ่สาวแท้สาวเทียมให้กลายเป็นสีชมพูดได้แล้วหละก็...ยามนี้คงมีแต่สีเทาหม่นๆไม่ก็สีฟ้าซีดๆหละมั้ง



“แล้วที่บ้านมึงเป็นไงบ้างวะ”



“ก็ที่ฟาร์มมีปัญหาไม่ใช่อ่อ”มิวหย่อนตัวลงนั่งพร้อมขยายความเมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเพื่อนสนิท



“อ่อ เรื่องนั้นคลี่คลายได้นานแล้ว”รินเพิ่งนึกออกว่าตนเคยโทรมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้เพื่อนรักฟังเมื่อตอนเหงาๆเพราะพี่คฑาไม่อยู่แล้ว...



แน่นอนว่าเรื่องที่ไม่มีเรื่องของทนายหนุ่มผู้ผ่านเข้ามาแล้วก็หายไปแบบไม่เหลือร่องรอยคนนั้น



“ฟาร์มกานต์ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย รับสมัครคนงานใหม่แถมเมื่อเร็วๆนี้ยังผ่านการคัดเลือกได้ทำงานร่วมกับบริษัทใหญ่อีก”นึกถึงคดีที่ไอ้เผือกก่อ ลุงเปรมเลยต้องแสดงความรับผิดชอบขอถอนตัวจากผู้สมัคร



“แล้วมึงเศร้าอะไรวะ?”



ในเมื่อทุกอย่างแฮปปี้เอนดิ้งแล้วทำไมเพื่อนรักถึงทำหน้าเหมือนคนอกหักอย่างนี้?



“เห้ย...หรือว่ามึง แอบชอบสาวฟาร์มข้างๆอยู่ พอเปิดเทอมไม่ได้เจอหน้าเขาเลยคิดถึงวะ”



สันนิษฐานได้ใกล้เคียง แต่เสียใจด้วยนะไม่ใช่สาวฟาร์มข้างๆหรอก



“เปล่า ก็แค่เป็นห่วงคนคนหนึ่งก็เท่านั้น”



“หา?”



“เขาเป็นทนายที่เข้าไปพัวพันคดียากๆของเจ้าพ่อในอำเภอบ้านกู เขาหายไปตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้วไม่ติดต่อมาเลย ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”พูดจบก็ถอนหายใจห่อเหี่ยว



“โดนเก็บไปแล้วมั้ง ดูท่า”มิวเพื่อนรักพูดให้กำลังใจ รินยกเท้าเตะหน้าแข่งคนนั่งข้างๆตาเขียวปัด



“พี่รินคร้าบ!!”ก่อนเสียงดังโหวกเหวกจะดังขึ้นแทรกสงครามมิตรภาพ มิวถึงกับเบือนหน้าหนีเพราะตลอดหนึ่งเดือนมานี้เจ้าเสียง
บ้าๆบวมๆดังหลอกหลอนเขาและรินไม่เว้นวัน ร่างโปร่งๆของปูนกระโดดล็อคคอนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์จากด้านหลัง



“โอ๊ยยย ไอ้ปูน ยืนดีๆ”



รินเลิกให้ความสนใจมิวแล้วหันไปตบตีกับเด็กแสบข้างบ้าน มิวหัวเราะหึหึกับภาพที่เห็น ก็มีเจ้าเด็กคนนี้แหละที่ทำให้โลกสีเทาหม่นของเพื่อนเขาพอมีสีสันขึ้นมาบ้าง



“คิดถึงพี่รินที่สุดในสามโลกเล้ย!!”



“ไม่ต้องเลย เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าไม่ใช่รึไง”รินดันหน้าเด็กเปียกที่เอามาถูๆสีๆแก้มตน



เรื่องบ้าๆที่ควบคุมไม่ได้อีกอย่างก็คือก่อนเปิดเทอมสามวันลุงเปรมมาที่บ้านพร้อมข้าวของกำนัลจำนวนมากยังกับจะไปเซ่นไหว้ศาลเจ้าไหน ซึ่งของทั้งหมดถูกกองแทบเท้ารินที่ยืนเงิบอยู่



ลุงเปรมแทบจะคุกเข่าขอร้องให้รินพาเจ้าปูนไปอาศัยที่คอนโดกับแม่ด้วยและช่วยดูแลมันระหว่างอยู่กรุงเทพ...



ผลสรุปก็คือตอนนี้คอนโดอันเงียบสงบของรินและแม่ได้มีเจ้าตัวป่วนเข้ามากวนประสาทเพิ่งหนึ่งหน่อ



“พี่รินกระดึ๊บๆ”



“กระดึ๊บ บ้าอะไร!? ไปไกลๆเลย”



“พี่รินไล่ผมเหรอ?”


“เออใช่ ไล่ ชิ่วๆ”



“ถ้าพี่รินรู้ว่าผมพาใครมาด้วยพี่รินจะปูพรมแดงต้อนรับผมอย่างดี”คำกล่าวของปูนเล่นเอามือเรียวซึ่งพยามงัดตัวป่วนออกจากชีวิตค้างเติ่ง



“ใคร?”เลิกคิ้วประหลาดใจ พ่อ? แม่? พี่รัน? พี่เรย์? ลุงชัย? ป้าพร? หรือว่า...ลูกแมวน้อย!!



รินมองเจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเคลือบแคลงใจ เขาลุกขึ้นเดินทอดน่องไปยังสถานที่ที่คนปริศนาคนนั้นรออยู่ด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นผิดจังหวะเมื่อความคาดหวังบางอย่างโลดแล่นเข้ามาในจิตใจ



เข็มนาฬิกาบอกเวลาเก้าโมงเช้า...



ใบหน้าหวานไม่ได้จากไปจากเมื่อครั้งปิดเทอมเท่าไหร่นักจะมีก็แต่สีผิวที่ขาวขึ้นหลังจากไม่ต้องทำงานออกแดด และทรงผมที่ถูกเล็มออกไปเพื่อความทะมัดทะแมง



ตึก ตึก ตึก



เสียงฝีเท้าผสานกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว



ณ ลานจอดรถของคณะวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก(เพราะคนส่วนใหญ่ในคณะนี้ไม่มีรถ)ใต้ต้นราชพฤกษ์สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสร้างร่มเงาให้แก่แขกผู้มาเยือน ชายหนุ่มรูบร่างสูงสมส่วนยืนหันหลังพิงต้นไม้ต้นนั้นอยู่



แค่เพียงแผ่นหลังก็จดจำได้



รอยยิ้มกว้างจุดระบายบนมุมปาก สองขารีบวิ่งไปหาคนคนั้นทันที



“พี่คฑา!!”



ร่างโปร่งในชุดนักศึกษาคว้าไหล่กว้างของเจ้าของชื่อด้วยสีหน้าซึ่งไม่ปกปิดความยินดีเอาไว้ รอยยิ้มกว้างกว่ายิ้มครั้งไหนๆที่ชายหนุ่มเคยพบเจอ กลิ่นหอมอ่อนๆจากแชมพูกลิ่นนมสดแสนคิดถึง



โดยไม่ได้นัดหมาย รินโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างโหยหาพร้อมกับที่คฑาอ้าแขนรอรับ กำชับกอดกันเสียแน่น



“พี่คฑางี่เง่า!!”ส่งเสียงอู้อี้ขณะใบหน้ายังซุกอยู่กับแผงอกเขา คนอยู่ดีดีก็โดนด่ารู้สึกมึนงง



“ว่าพี่ทำไม”



“หายไปเลย”



“ก็กลับมาแล้วนี่ไง”



“จะกลับเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกล่วงหน้าบ้างห๊า”



“ก็มันยุ่งๆ”



“จะเป็นจะตายที่ไหนก็ไม่ส่งข่าวมาเลย”



“ก็...คดีนี้ค่อนข้างซับซ้อน...”



“แค่ส่งข้อความมาว่าอยู่ดียังไม่โดนเก็บมันยากนักเหรอ”



“ก็...เอ่อ...พี่ขอโทษ”



“อะไรจะไม่มีเวลาขนาดนั้น ตอนนั่งขี้เนี่ย! ใครๆเขาก็เอามือถือเข้าไปนั่งเล่นทั้งนั้นแหละ”



“พี่ขอโทษ คือพี่...”



“คือพี่อะไร อย่าบอกนะว่าคือพี่ไม่ได้ขี้!?”



“หึหึ ฮ่ะๆๆ”



“หัวเราะอะไร”รินผละตัวออกจากอ้อมออด เงยหน้าขึ้นมามองคนหัวเราะไม่ถูกเวล่ำเวลาตาเขม็ง



“หัวเราะอะไรเนี่ย เวลาอย่างนี้เขาต้องซาบซึ้งไม่ใช่เหรอ ไม่ได้เจอหน้าคนรักตั้งนาน ต้องร้องไห้แล้วก็แลกจูบกันแบบดูดดื่มสิ อุ๊บส์!!”



ยังไม่ทันสิ้นคำคฑาก็จัดให้ตามคำขอ ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากบางก่อนแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกันอย่างกระหาย



“ชิส์ มาถึงก็จูบเลยนะ”



ไม่ได้ผลแหะ...คฑามองคนที่ยังงอนไม่เลิกอย่างจนปัญญา



“เป็นบอกเองไม่ใช่เหรอว่าต้องจูบหนะ หืม?”



“มันสายไปแล้ว เชอะ!!”



“เลิกงอนได้แล้วนะ?”ชายหนุ่มเอามือไปแตะแก้มคนขี้งอนให้หันมาสบตา แต่เจ้าตัวดีก็ไม่วายเสตามองไปทางอื่น



 “ม..ไม่ได้งอนนี่"ใบหน้าเริ่มขึ้นสี อา...อาการแบบนี้คือเขินสินะ



 “ยอมรึยัง?”



 “ยัง"



 “นี่พี่ง้อมานานแล้วนะเนี่ย"เสียงทุ้มกล่าวขำๆ แค่เห็นท่าทางก็รู้แล้วว่าออกไปทางอายมากกว่าโกรธ



 “ง้อต่อไปเลย  ห้ามหยุดด้วยนะ"รินหลุดยิ้มตอนพูด



“เด็กปากแข็งนี่ จะหลอกให้ง้อไปถึงเมื่อไหร่หา? ฮ่ะๆๆ”หัวเราะร่วนกับความสุขตรงหน้า ในที่สุดรินก็หลุดมาดแล้วก็หัวเราะตามไปด้วย



หัวเราะอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งคำพูดหรือการกระทำไม่มีอะไรชวนขำแม้แต่น้อย แต่คนสองตนใต้ต้นราชพฤกษ์ก็ยังกอดกันแน่นแล้วก็รอบยิ้มทั้งมุมปากและหัวใจ



รู้สึกพองโตเหมือนลูกโป่งที่สูบอากาศเข้าจนเต็มอีกครั้ง แต่มันไม่เปราะบางเหมือนกันหรอกรัก



รักนี้ของพวกเราไม่มีวันแตกสลายไปได้ง่ายๆ...



หมอกควันที่ลอยอยู่รายล้อมนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์คลี่คลายออกไปพร้อมการกลับมาของใครบางคนที่เฝ้ารอ...



เรื่องของความรักอาจเริ่มต้นด้วยการพบเจอ ถูกเติมเต็มด้วยการอยู่ร่วมและ แต่มันไม่จำเป็นเลย...



ไม่จำเป็นเลยจริงๆ...



ที่จะจบลงด้วยการจากลา...





ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มจึกๆ
คู่นี้น่ารักกันจริงๆ เลย ^^
ขอบคุณค่ะ

ปล. อย่าลืมแก้วันที่นะคะ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2015 19:10:32 โดย boboman »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องรินยังน่ารักได้เสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะ ^^ ปากบอกว่างอนพี่คฑาแต่ตัวนี่กอดพี่เขาเอาไว้แน่นไม่ปล่อยเลยเชียวล่ะ :-[

และแค่เพียงได้เจอ ได้รู้ ว่าพี่คฑาปลอดภัยกลับมาก็คือที่สุดของความรู้สึกทั้งหมดของน้องรินแล้วล่ะเน้อ~~ :heaven

ขอบคุณนะคะ :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องรินน่ารักจัง อยากหยิกแก้มเลย :impress2:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
งุ้ยยยย อ่านรวดเดียวจบเลย
แต่ตกลงพี่รันลงเอยกับใครหว่า?

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แสดงว่าน้องปูนก็เป็นหนึ่งในผู้รู้เห็นเป็นใจ ถ้าโดนพี่รันสั่งเก็บคงโดนรวดล่ะสิ งานนี้ หรือพี่รันรู้อยู่แล้วนะ? 55555

น้องรินน่ารักมาก แต่ฟินสุดคือพี่คฑา 555555

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
น้องรินน่ารักดี ดูโก๊ะๆ สดใส ชอบที่บางทีน้องอ้อนพี่คฑา :katai2-1:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ archaeoloable

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
แหมๆๆๆ หวานตลอด คู่นี้ อิอิ ขอคู่ให้น้องเปียกหน่อยสิ อิอิ :-[

ออฟไลน์ Aomampapeln

  • แมวเหมียว เมี๊ยว เมี๊ยว~
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
อ่านรวดเดียวจบ สนุกๆๆๆมีเรื่องให้ติดตามลุ้นตลอด สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี เป็นอีกเรื่องนึงที่น่ารักและละมุน :กอด1: น่ารักๆๆ  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด