บทที่6 อัศวินเปียกปูน
“ลุงชัย!!”เสียงกัมปนาทดังขึ้นลั่นคอกวัว นายชัยผละมือจากสายยางเงยหน้ามองหาต้นเสียงอันคุ้นเคย
“คุณรัน ออกจากโรงบาลแล้วเหรอครับ”ชายแก่พูดคำพูดน่าโดนไล่ออกโดยไม่รู้ตัวแต่ร่างสูงซึ่งเดินดุ่มๆเข้ามาด้วยความหงุดหงิดไม่มีเวลาสนใจจุดนั้น
หลังจากทักทายรินน้องรักสองสามประโยคเขาก็รีบขอตัวออกมาเพื่อสอบถามที่มาที่ไปของชายแปลกหน้าคนนั้นจากปากนายชัยก่อน
อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนของรินซึ่งพามาเปิดตัว!!?
คิดไปไกลมากจนไม่กล้าฟังคำแนะนำตัวของชายปริศนาคนนั้น...
“ผู้ชายคนที่อยู่กับรินคือใครครับ!? แฟนรินเหรอ?”เสียงห้าวถาม
“อ่อไม่ใช่ครับ ไม่ใช่...ไอ้หนุ่มน่าโมโหนั่น เขาบาดเจ็บในฟาร์มเรานายน้อยเลยให้เขามาพักรักษาตัวในบ้าน...”
“แล้วลุงก็ปล่อยให้น้องผมนอนกับผู้ชายไม่รู้หัวนอนปลายเท้าหน้าตาเฉยงั้นเหรอ!?”คุณพี่ชายทะลุขึ้นกลางปล้อง
“ก็ผมก็งานยุ่ง”นายชัยพูดเสียงอ่อน ตอนคุณรันโมโหมีแต่คุณน้องเท่านั้นที่หยุดได้
“ให้ตายสิ คนนั้นคนนี้ก็ไม่ได้เรื่อง ผมไม่อยู่แป๊ปเดียวทำไมฟาร์มมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้ ไหนจะไอ้เปียกอีก!”
“เรียกใครไอ้เปียก”ฉับพลันเสียงบุคคลที่สามก็ดังขึ้นหน้าทางเข้าคอก ร่างสูงสะดุ้งโหยงหันมองทางต้นเสียงอย่างตกใจเพราะคิดว่าน้องชายสุดที่รักจะมาได้ยินตัวเองกำลังสาดเสียเทเสียไอ้หน้านิ่งนั่น
“ไอ้เปียก”โชคดีที่ร่างโปร่งซึ่งยืนหน้างออยู่หน้าประตูคือเจ้าเด็กเวรลูกชายฟาร์มข้างๆ
“ชื่อปูนไม่ได้ชื่อเปียก แค่นี้ก็เรียกผิด! สมควรแล้วที่พี่ฟ้าไม่เอา!!”ปูนเยาะเย้ยอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
“ที่สำคัญยังขี้มโนอีก ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนที่พี่รินพามาเปิดตัว คิดไปได้เนอะ ฮ่าๆๆๆ ดูสิพี่ริน พี่คฑา พี่รันเขาขี่รถแหกโค้งจนเลอะเลือนไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ”ในขณะที่รันเพิ่งโล่งใจที่น้องรักไม่มาได้ยินเรื่องบ้าๆนั่นเอง รินและคฑาก็เดินเข้ามาด้านในด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“อ่า...”รันอ้าปากเตรียมแก้ตัว
“พี่คฑา เราไปกันเถอะ”ทว่าใบหน้าหวานซึ่งขึ้นสีแดงอ่อนก็หันหลังให้ก่อนคว้าแขนชายหนุ่มเบาๆแล้วเดินออกไปด้วยกัน ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนเป็นพี่!!
จะวิ่งตามไปก็ไม่ได้ ลำพังยืนให้อยู่ก็แย่แล้ว การันต์ผู้บาดเจ็บหันไปมองหน้าไอ้เปียกปูนของตนอย่างคับแค้น
“หนอย!! ไอ้เด็กพาซวย เพราะแก รินเลยโกรธเลยเห็นไหม!!”ตาคมๆจ้องอย่างเอาเรื่องแต่คนถูกมองกลับกอดอกฮัมเพลงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ซะอย่างงั้น
“พี่รันตาบอดรึไงถึงเห็นว่าเมื่อกี้พี่รินเขาโกรธ”ปูนถามด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงจัง รันจึงหยุดโกรธแล้วคิดตาม
“ก็รินหน้าแดง...ถ้าไม่โกรธแล้วจะอะไร”
“เขินไง”
“!!”
อีกด้านหนึ่งเจ้าของประเด็นหลักในตอนนี้จูงแขนคฑาเดินย่ำออกมาจากโซนคอกวัวอย่างไร้จุดหมาย รินไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดมากเรื่องพี่รัน เพราะสมัยเด็กๆตอนมาเที่ยวบ้านเขามักจะถูกเด็กผู้ชายในตลาดหรือลูกคนงานตามจีบเพราะน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง
คิดว่าเรื่องพวกนั้นมันคงฝังใจพี่ชายขี้หวงอยู่เสมอมาทำให้เขาพูดอะไรแบบนั้นออกมา ขืนปล่อยให้พี่ชายได้คุยกับพี่คฑาเดี๋ยวนั้นเลยได้มีวางมวยกันแน่เพราะพี่รันเป็นคนใจร้อน
แล้วเราจะเขินทำไมหละ?!
แปะๆ
มือเรียวข้างที่ว่างยกขึ้นตบหน้าตัวเองเสียงดัง คนถูกจูงอยู่หันมามองอย่างตกใจ”เป็นอะไรเหรอ?”
“อะ...เอ่อ เปล๊าๆ ไม่มีอะไรฮะ”
“เสียงสูง”
“เปล่าไม่มีอะไร”รินแสร้งทำเสียงต่ำหล่อแบบพระเอกหนังทีมพากย์เสียงไทยก่อนหัวเราะคิกคักชอบใจ
“ไม่สบายใจเพราะพี่รึป่าว?”เสียงทุ้มซักต่อ เขาเชื่อว่าคำพูดเมื่อครู่ของรันต้องสร้างผลกระทบบางอย่างแก่เด็กคนนี้ไม่น้อยเลย ดูจากความเร็วในการก้าวเท้าและทิศทางเดินสะเปะสะปะนี่
“ผม...ใช่ ผมไม่สบายใจ”ร่างโปร่งหันกลับมาเผชิญหน้ากับคฑา นัยน์ตาสีดำสวยสั่นไหวอย่างสับสน คฑาเลื่อนมือตัวเองมากุมมือข้างที่จับแขนตัวเองไว้แล้วนำมากอบกุมเบาๆ
นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์พยามลำดับความคิดยุ่งเหยิงในหัว เมื่อกี้พี่รันบอกว่าเรากับพี่คฑาเป็นแฟนกัน แล้วเราก็เดินหนีออกมาเพราะว่าเราเขิน เรา...เรากับพี่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่ว่า...ทำไม...
“ผมกลัวว่าพี่รันจะเข้าใจผิดเอา เพราะตอนเด็กๆผมโดนผู้ชายจีบเยอะ”สุดท้ายก็ตอบออกไปส่งๆ
“แล้วเดี๋ยวนี้ไม่มีเหรอ?”ชายหนุ่มถามล้อๆ
“ไม่มีหรอกเพราะผมไม่ค่อยเข้าเรียน แถมที่คณะยังมีแต่ผู้หญิงอีก โดนอ่อยจนเบื่อเลย ฮ่าๆๆ”รินแย้มแฉ่งตอบคำถามด้วยความภาคภูมิใจ ตอนปีหนึ่งปีสองก็ตั้งใจเรียนอยู่หรอกแต่พอขึ้นปีสามเท่านั้นแหละ...เละ!!
ฉับพลันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น รินรีบหยิบขึ้นมาเพื่อเช็คหมายเลข เป็นดังคาด เบอร์จากเลขาฟาร์มลุงแม้ มือเรียวกดรับด้วยความรู้สึกตื่นเต้น”ครับ”
“คุณรินเหรอคะ ตอนนี้คนงานของเราใกล้ถึงแล้วนะคะ”เลขาสาวกล่าว
“โอเคครับ ขอบคุณมากเลยครับ เดี๋ยวผมให้คนออกไปรับที่ปากทางนะครับ”นายน้อยแห่งฟาร์มขานรับอย่างสุภาพ ช่วงสายคฑาโทรไปติดต่อหล่อนอย่างที่บอกลุงชัยเอาไว้และมันก็ได้ผล เธอจัดแจงคนงานมาให้หกคนโดยมีข้อแม้ว่าเราต้องจ่ายค่าจ้างและค่ารถให้พวกเขา
“สำเร็จแล้วพี่ เท่านี้พวกเราก็จะว่างงานแล้ว!!”รินชูมือขึ้นฟ้าอย่างดีอกดีใจ
“ไปตามลุงชัยกันเถอะ”แต่ความยินดีก็ถูกขัดด้วยน้ำมือของคนจริงจัง ทนายหนุ่มผู้เอาการเอางานออกคำสั่งให้รินวกกลับไปหาลุงชัยอีกรอบ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์แสดงสีหน้าห่อเหี่ยวพยักหน้ารับรู้หงอยๆ
กลับไปก็เจอพี่รันขี้โวยวาย ลุงชัยหัวแข็ง ไอ้เด็กปูนขี้แกล้งหนะสิ!!
โอ๊ย! ให้ตาย ทำไมคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์มถึงได้นิสัยเสียกันทุกคนเลยนะ!!
“ลุงชัย คนงานมาแล้ว ออกไปรับที่หน้าทางเข้าเร็วครับ”รินค่อยๆย่องเข้ามาในฟาร์มซึ่งมีบุคคลสามหน่อตามรายชื่อข้างต้นครบถ้วน คนถูกเรียกหันมามองแบบงงๆก่อนนึกได้ว่าคุณน้องหมายถึงอะไรก็รีบกุลีกุจอออกไปด้วยสีหน้ามีชีวิตชีวา
มีคนมาช่วยงานหละสิถึงได้ดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้น เก็บอาการหน่อยก็ได้นะลุง...
“ริน...”เสียงทุ้มของพี่ชายเอ่ยอย่างกล้าๆกลัว แน่นอนว่าไม่ได้รับการสนใจ ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาปูนซึ่งใช้แปลงขัดคอกวัวอย่างขยันขันแข็งอยู่
“ปูน ไม่ต้องทำแล้ว งานพวกนี้เดี๋ยวให้คนงานเขาทำ พี่มีงานอื่นให้เรา”
“อะไรเหรอ!?”ลูกชายฟาร์มข้างๆหันมาถามนายจ้างของตนหางตั้งหูกระดิก ขอให้เป็นงานสบายๆนะครับพี่รินที่น่ารัก ถึงจะทำอะไรพวกนี้จนชินแล้วก็เถอะ แต่ปิดเทอมที่ไม่ต้องอยู่บ้านแบบนี้ก็ของานสบายๆบ้างอะไรบ้าง
“ดูแลพี่รัน”
สิ้นคำเหมือนมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางคอก พี่รันผู้ยืนคุมเชิงนายคฑา(เพื่ออะไร)อยู่หน้าประตูแทบจะทำไม้เท้าหลุดมือ ไอ้ปูนปล่อยแปลงขัดตกพื้นเสียงดัง ทั้งสองคนหันหน้าขวับมาตวาดเสียงดังพร้อมกันว่า
“อะไรนะ!!”
“จะบ้าเหรอ!!”
“ให้อยู่กับไอ้นี่ทั้งวันเนี่ยนะ!!”
“จะพูดตามผม/ฉันทำไม!!”
สองคนซึ่งสามัคคีกันผิดเวลาแยกเขี้ยวยิงฟันใส่กันจนคนไม่ค่อยอยู่บ้านตามไม่ทัน ตอนแรกแค่จะกำจัดตัวน่ารำคานสองคนให้กองรวมๆกันไว้ที่เดียวแต่ดูเหมือนเจ้าสองคนนี่จะไม่ถูกกันซะอย่างงั้น...ผิดแผนนะสิ ไม่ได้ๆ ยังไงก็ต้องมัดรวมกันเอาไว้จะได้ไม่มาเกะกะ
“ทำไมทั้งคู่ถึงไม่ถูกกันหละ?”รินเอ่ยถาม
“ก็พี่รันขี้โหวกเหวกหนวกหูไง!!”
“ไอ้เปียก แกไปตักน้ำใส่กะโหลกแล้วชะโงกดูเงาตัวเองบ้างนะ คิดว่าตัวเองไม่เอะอะน่าหนวกหูรึไง!?”ได้ยินดังนั้นปูนเลยเดินเข้าไปใกล้พี่รันที่บาดเจ็บอยู่ทำท่าจะดึงไม้เท้าออก
“เห้ย! ทำอะไร ไอ้เปียก!!”
“พี่รันงี่เง่าก่อนเอง ผมอยู่ของผมดีดีก็ขี่รถมากวนตีนที่ฟาร์มตลอด เห็นไหมที่ผมแช่งไว้เมื่อเดือนก่อนว่าขอให้รถพลิกคว่ำให้มันรู้แล้วรู้รอดเป็นจริงด้วย!! สมน้ำหน้า”เด็กหนีออกจากบ้านกระชากไม้เท้าออกจากมือคนเจ็บสำเร็จ
ร่างสูงซึ่งยืนด้วยขาเดียวเสียการทรงตัว ปูนเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะความเคยชินที่มักจะเล่นแรงๆกับรันตลอดทำให้เขาลืมว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่ไปสนิท ร่างโปร่งเลยโยนไม้เท้าไปอีกทางก่อนถลาตัวเข้าไปประครองร่างของรันซึ่งกำลังจะล้มหน้าทิ่มพื้น
“พี่รัน!!”เปียกปูนตะโกนเสียงดัง ร่างสูงกำยำอยู่ในอ้อมแขนได้ทันเวลา แต่ขณะล้มลงเกิดแรงกระทบกระเทือนที่ขาข้างที่หักทำให้ใบหน้าหล่อเหลาบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มือแกร่งเอื้อมมาจับแผ่นหลังของเด็กเกเร ออกแรงขยำเสื้อเพื่อระบายความเจ็บที่แล่นปราบตรงปลายขา
“ผมขอโทษ!!”ปูนร้องเสียงหลง หน้าตาแตกตื่นตกใจมองหน้าริน
“ไมเป็นไร”เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหู คนเป็นพี่พยามยันตัวลุกขึ้นพอดีกับรินซึ่งยื่นไม้เท้ามาให้เขา รันหยัดกายขึ้นด้วยตัวเองก้มหน้ามองไอ้เด็กขี้โวยวายซึ่งนั่งชันเขาหน้าเสียอยู่บนพื้น รินเห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปดึงแขนให้น้องลุกขึ้น
รันมองใบหน้าสำนึกผิดด้วยแววตาอ่อนลง มือหนาเอื้อมไปลูบหัวทุยๆแทนคำว่าไม่เป็นไร
“หืม...ไม่ยักกะมีเขาแหะ”แต่ก็ยังไม่วายกวนตีน
“พี่รันแม่ง ปลาหมอ”ไม่รู้จะหาอะไรมาเปรียบเปรย
แปะๆๆๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น รินทำหน้าปลื้มปิติกับเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับว่ามันเป็นบทกวีอันซาบซึ้งของนักเล่านิทานพเนจร
“ยอดเยี่ยมมาก!! มิตรภาพของทั้งคู่ช่างงดงามยิ่งกว่าภาพวาดของแวนโก๊ะ ถ้าเช่นนั้นกระผมขอตัว ให้เวลาทั้งสองได้ดูแลเอาใจใส่กันและกันตลอดปิดเทอมนี้นะครับ พี่คฑา!! เผ่น!!”
สิ้นคำก็ลากแขนผู้ชายแปลกหน้าติดเกียร์หมาทิ้งให้พี่ชายที่เคารพกับเด็กข้างบ้านยืนอ้าปากค้างกินแมลงอยู่ที่เดิม “ริน ไม่นะ!!อย่าทำกับพี่แบบนี้”รันร้องสุดเสียง ตะโกนจนคอหอยแทบแตกแต่มันไม่มีวันส่งไปถึงรินผู้หายไปจากที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้วได้เลย
สองคนหันมามองหน้าตาปริบๆก่อนรันจะได้สติความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในสมองเป็นดอกเห็ดเข็มทอง ...ถือเอาโอกาสนี้กลั่นแกล้งเด็กเวรซะเลย
บรรยากาศรอบตัวเย็นขึ้นมาซะอย่างงั้น เปียกปูนรู้สึกหนาวๆร้อนๆขยับตัวถอยห่างมัจจุราชบาดเจ็บอย่างหวาดๆ”เดี๋ยว!! ไม่นะพี่รัน ผมขอโทษไปแล้วไง!!”
.
.
ป๊อก...ป๊อก...ป๊อก...ๆๆๆๆๆ
เสียงค้อนตอกตะปูดังไม่ขาดสาย ลูกจ้างชั่วคราวนามปูนใบหน้างอง่ำออกแรงตอกไม้ให้เข้าที่เข้าทาง ใจนึกสาปแช่งไอ้เจ้ามารตัวขนขาพิการข้างล่าง ไอ้พี่รัน ไอ้เลว!!
“เอ้าๆ อย่าหยุดมือ ตอกเข้าไป ตอก ป๊อกๆ”เสียงทุ้มตะโกนเย้ยหยัน ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าพลาสติกสีน้ำเงินพบเห็นได้ทั่วไปตามงานวันหรืองานใดๆที่งบไม่สูงซึ่งป้าพรเอามาให้พร้อมกางร่มดื่มน้ำอัดลมออกคำสั่งสบายใจ ถ้าขาไม่เจ็บคงนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่นไปด้วย
“ไอ้พี่รัน จำไว้เลยนะ!!”ปูนตะโกนลงมาจากหลังคาเสียงดัง...ใช่แล้ว จากหลังคา
หลังจากแยกย้ายกับพี่รินผู้น่ารักเด็กหนุ่มก็ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส นายจ้างผู้ละเมิดกฎหมายเยาวชนออกคำสั่งให้ปูนปีนหลังคาเพื่อซ่อมแซมโรงเรือนซึ่งถูกไฟไหม้ส่วนที่พังไปเพราะวัวจะกลับมาครบในเร็วๆนี้
กลางแดดเหน่งๆของประเทศไทยแม้จะไม่ใช่ฤดูร้อนแต่ก็ร้อนทั้งปี ร่างโปร่งก้มๆเงยๆโทรมเหงื่อไปทั้งตัว ขณะกำลังจะหมดแรงเผลอ’บังเอิญ’ทำค้อนหลุดมือใส่หัวไอ้คนข้างล่างสักเปรี้ยงเอาให้ดับคาที่นั้นเอง เสียงทุ้มของรันก็เอ่ยเรียก
“ไอ้เปียก ลงมานี่ๆ”
“จะใช้อะไรอีกหละ!?”ถามอย่างไม่ใจ ไม่ใช่ว่าหลอกให้ลงไปแล้วก็ต้องปีนกลับขึ้นมาอีกนะ
“ลงมานั่งพักนี้ เดี๋ยวเป็นลมตกลงไปตายพอดี”ร่างสูงลุกขึ้นสละเก้าอี้ให้ เปียกปูนมองตาถลนเหมือนเห็นผีไม่อยากเชื่อหูว่าไอ้คุณพี่รันเป็นห่วงตนแต่ก็ยอมลงโดยดีเพราะเหนื่อยจัด
“น้ำ”รันยื่นน้ำที่ป้าพรเพิ่งเอามาให้แก่เด็ดเวร
“ขอบคุณ”
“ไม่ต้องมามองหน้า กินเสร็จแล้วก็ไปทำงานต่อ!”เจ้านายตีเสียงเข้มใส่ลูกน้องซึ่งแยกเขี้ยวใส่ตามประสาเด็กเก็บกดแต่ไม่มีที่ลง
“นั่งพักแปป ลุกดิ”เด็กมัธยมปลายโบกมือไล่ผู้ชายวัยยี่สิบต้นๆประหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน รันมองหน้าเด็กมันก่อนจำใจยันตัวลุกขึ้นหลบให้เด็กนั่งพร้อมกางร่มแถมให้เป็นกรณีพิเศษ
“ทะเลาะอะไรกับพ่ออีกหละ”หลังยืนเมื่อยได้สักพักรันก็เป็นฝ่ายเปิดปากถามออกมาจนได้ ตั้งแต่เล็กจนโตไอ้หนูนี่ทะเลาะกับพ่อแทบทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ นอกจากลูกจะดื้อแล้วตัวพ่อยังไม่ใส่ใจอีก ปูนมันกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กแล้วทำให้ไม่ค่อยมีใครดูแลก็มีเขานี่แหละที่คอยแวะเวียนไปหา(ไปกวนตีน)บ่อย
นายการันต์ผู้หลงคิดไปว่าการกระทำของตนคือการหวังดีนึกชื่นชมความใจกว้างของตัวเองในใจ
“พ่อไม่ให้ไปเรียนมหาลัย”
“อ่อ แล้วติดคณะอะไร ที่ไหนหละ”
“วิศวะ ในกรุงเทพ”
เด็กหนุ่มขยี้หัวอย่างหงุดหงิดเหตุผลที่ปูนปิดเทอมพร้อมกับรินที่เป็นเด็กมหาลัยซึ่งเลื่อนปิดเทอมเป็นเดือนพฤษภาคมเพื่อรอรับ AEC ก็เพราะว่าเขากำลังจะขึ้นมหาลัย!!
“อุตส่าห์อ่านหนังสือแทบตาย พอติดแล้วไม่ให้ไปเรียนเฉยเลย! ไม่ยอมหรอก ถ้าพ่อไม่ให้ไปก็จะทำงานเก็บเงินตอนปิดเทอมนี่แหละเป็นค่าเทอม หนอยๆๆ ลุงอ้วนบ้า! ได้เรียนมหาลัยเดียวกับพี่รินแล้วแท้ๆ รู้ไหมว่าปีนี้เป็นปีเดียวที่เราจะได้อยู่ด้วยกันนะ!!”
ปูนเตะฝุ่นดีดดิ้นจนรันต้องเขยิบถอยกลัวโดนลูกหลง
ไอ้เด็กนี่ชอบรินมาแต่ไหนแต่ไรแล้วถึงเจ้ารินจะไม่รู้ตัวก็เถอะ ตอนรู้ว่ารินต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพนะร้องงอแงใหญ่เพราะกว่ามันจะกล้าออกจากมุมเสามาเล่นกับรินได้ก็รวบรวมความกล้าอยู่นานเป็นปีๆ
“พี่รัน!! พี่ห้ามไล่ผมออกเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะเตะขาพี่ให้หักเลย แล้วพี่ก็ต้องให้เงินเดือนผมเยอะๆด้วย เดือนละสองหมื่นเลย!!”
“น้อยๆหน่อย ข้าวปลาที่อยู่ก็ฟรีแล้วยังเรียกเงินขนาดนั้น เอาไปแค่สองร้อยพอ!!”
“พี่รัน!!”
“นี่ยังทะเลากันไม่เลิกอีกเหรอ?”ฉับพลัน ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น เสียงใสของใครบางคนก็ดังขัดขึ้นก่อน สองหน่อรีบสามัคคีกอดคอฉีกยิ้มหันไปหาร่างโปร่งซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ไปกินข้าวเย็นกันเถอะ”รินเอ่ยชวน
“ยังไม่มืดเลยนี่”รันท้วง
“กินๆไปเหอะ จะได้เลิกงานแล้วนอนๆสักที”พูดจบก็เดินนำกลับบ้านไม่สนคำใคร พวกที่เหลือเลยขัดไม่ได้ เพราะพี่รันแขนเจ็บจึงจับปากกาทำงานไม่ได้ภาระบัญชีทั้งหมดเลยอยู่ในการดูแลของรินเหมือนเดิม...อุตส่าห์คิดว่าจะสบายแล้วแท้ๆ...
ในห้องอาหารห้องเดิมหลังจากกินและอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้วมันก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นห้องประชุมคณะกรรมการฟาร์มกานต์อีกครั้ง นายน้อยแห่งฟาร์มวางเอกสารลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าเครียดเขม็งก่อนพยักหน้าให้เลขส่วนตัว(?)ชี้แจงรายละเอียดให้คนมาใหม่ทราบ
“ตอนนี้วัวทุกตัวถูกนำกลับมาเรียบร้อยแล้วถูกติดป้ายชื่อและเลี้ยงคละกันอยู่ในโรงเรือนที่ไม่เสียหาย ผมคิดว่าเราควรเรียกสัตวแพทย์มาดูแลพวกมันอย่างใกล้ชิด ระหว่างรอการซ่อมแซมคอกที่เสียหาย ซึ่งพรุ่งนี้ผมจะสั่งให้คนงานของลุงแม้ไปซ่อมให้”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ
รันพยักหน้าอย่างเข้าใจผิดกับปูนที่ตบโต๊ะโวยวาย”ถ้าอย่างงั้นวันนี้ผมจะซ่อมไปเพื่ออะไรอ่ะ!!”
“เอ่อ ก็...ถือว่าแบ่งเบาภาระคนงานไง ฮ่าๆๆๆๆ”รันหัวเราะเยาะดังลั่น รินเลยเตะขาข้างที่เจ็บเบาๆเป็นการสั่งให้หุบปากชั้นดี
“คนงานของลุงแม้ทำงานดีกว่าที่คิดเนอะ”รินเลิกตีหน้าขรึมแหงนหน้าขึ้นฟ้ามองหลอดไฟบนเพดาน เขาวิ่งรอกต้อนวัวแทบแย่ได้มาไม่ถึงครึ่งแต่ไหงพวกนี้มาวันเดียวถึงได้ครบแบบนี้...จะว่าไป
“แต่พวกเขาหาลูกแมวน้อยไม่เจอ”เสียงใสรำพึงกับตัวเองอย่างกังวล
“ลูกแมวน้อย...?”รันตีหน้าฉงน
“ก็ลูกวัวที่เพิ่งคลอดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมตั้งชื่อมันว่าลูกแมวน้อยหนะ”
“หาดีแล้วรึยัง”รันถามโดยพยามมองข้ามเรื่องชื่อไป
“ผมให้พวกเขาปูพรมหาตั้งแต่ขอบฟาร์มไล่มาทุกซอกทุกมุมแล้วครับ”พี่ชายคนกลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความไม่พอใจ คำพูดมันไม่ได้มีอะไรผิดแปลกแต่คนพูดนี่สิ
คฑาหันไปมองใบหน้าหวานอย่างต้องการคำปรึกษา รินจึงเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูชายหนุ่มว่า”อย่าสนใจเลย พี่รันบ้าๆบอๆอีกเดี๋ยวเขาก็เลิกเหม็นขี้หน้าพี่เองแหละ”ทั้งสองคนผละออกจากกันจากนั้นก็สบตาแล้วก็หัวเราะคิกคัก ภาพโลกส่วนตัวสีลูกกวาดกระแทกตาคุณพี่ชายหวงน้องจนหงายหลัง
“ถ้าอย่างงั้นมันอาจจะหลุดไปฟาร์มข้างเคียง”คฑารับน้ำจากป้าพร เธอว่างงานหลังจากมีคนมาช่วยจึงอยู่ร่วมประชุมด้วยปล่อยให้ชัยออกหน้าไปคุมคนงานคนเดียวโทษฐานชอบอู้งานบ่อยๆ
“อืม...ก็เป็นไปได้”แม้จะไม่ถูกชะตาเท่าไหร่นักแต่คนคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่รันจึงยอมรับฟัง
“แล้วเจ้าของฟาร์มเขาจะไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามีเกินมาตัวนึง”รินถามหน้าซื่อ
“ถ้าเป็นพ่อผมหละก็เก็บไว้เป็นของตัวเองแน่ๆ”ลูกชายคนเดียวของฟาร์มข้างๆว่าร้ายบิดาหน้าเครียด
บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารร้อนๆหนาวๆ พรซึ่งตั้งใจว่าจะยืนฟังเริ่มง่วงเลยแอบเดินจากไปนอนในเรือนเล็กเงียบๆปล่อยให้ผู้ชายสี่คนนั่งจมกับความคิดของตัวเองทั้งอย่างนั้น
“ผมว่านะ...เราแอบเข้าไปดูในคอกบ้านผมกันมั้ย”ความเห็นของเด็กฟาร์มข้างเคียงเรียกรวมสายตาของทุกคนในที่นั้น
“ก็ดีนะ”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์เห็นด้วย ผิดกับผู้ใหญ่อีกสองคน
“ทำไมเราไม่เข้าไปหาเขาตรงๆเลยหละ ลุงเปรมก็คงไม่ห้าม”รันแย้ง
“พ่อได้ล็อคคอผมกลับบ้านหนะสิ!!”คนเพียงคนเดียวที่จะเดือดร้อนกับการทำเช่นนั้นรีบร้อนห้ามก่อนหันไปหาที่พึ่งสุดท้าย”ใช่มั้ยพี่ริน”
“อืม...ผมว่า...”เด็กหนุ่มเว้นคำ”คืนนี้ดึกแล้วเราไปนอนกันก่อนดีกว่า”พูดจบก็ลุกขึ้นหน้าตาเฉย คนอื่นแทบจะตกเก้าอี้เพราะตกใจในคำพูดปัญญาอ่อนไม่มีที่มาที่ไปนั่น มีปูนที่ไหวตัวทันเป็นคนแรกรีบลุกตามประกบร่างโปร่งทันที
“เดี๋ยวสิพี่ริน รอผมด้วย”
คนถูกเรียกเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ส่วนพี่ชายของคนถูกเรียกโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจ”เห้ย ไอ้ปูน อย่าบอกนะว่าแกคิดจะนอนกับน้องข้า”รันถามเสียงกร้าว
“อื้ม!!”
“ไม่ได้!! ริน คืนนี้มานอนกับพี่!!”หันไปคว้ามื้อขาวเอาไว้ด้วยมือข้างที่เจ็บ ท่าทางจะหวงน้องเข้าขั้นลืมตายกันเลยที่เดียว
“แล้วผมหละ”ปูนรีบแย้งหน้าตาตื่นเมื่อเห็นโอกาสโดนเด้งของตน
“ไปนอนห้องพ่อโน่น!!”
“ไม่เอาอ่ะ เหม็นกลิ่นคนแก่!!”ปูนทำท่าไม่ยอม วิ่งมาคว้ามืออีกข้างของริน
“งั้นก็นอนห้องรินไป ส่วนริน เรามานอนห้องพี่”
“เสียใจด้วยนะพี่รัน ห้องพี่อ่ะ พี่รินให้พี่คฑานอนอยู่!!”เด็กเวรแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนมาทีหลัง รันได้ยินถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ รินปล่อยให้ไอ้หน้านิ่งมานอนห้องพี่งั้นเหรอ!!
“งั้นคุณ!! ไปนอนห้องพ่อ”สิ้นความคิดก็รีบไล่ชายหนุ่มออกจากห้องทันที
“ไม่ได้นะ พี่คฑาเขานอนห้องแอร์”คราวนี้คนท้วงคือริน คฑายืนมองสามทหารเสือยืนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่หน้าบันได เขาไม่รู้ว่าควรเสนอตัวไปนอนห้องไหนเพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด แต่ทว่ารินกลับแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยการเพิ่มปัญหาเข้าไป
“พอเลยๆเถียงกันอย่างนี้ คืนนี้ไม่ได้นอนแน่ ผมจะนอนกับพี่คฑาในห้องพี่รัน ส่วนปูน นอนห้องพี่เหมือนเดิม อยากเปิดหน้าต่างอะไรเต็มที่เลย ส่วนพี่รันก็ไปนอนห้องพ่อ โอเคตามนี้นะ”
“ไม่!!”สองเสียงประสานไม่ยอม แต่มีหรือที่คนที่เอาแต่ใจที่สุดในที่นี้อย่างรินจะยอมฟัง เด็กหนุ่มเดินมาคว้ามือคฑาพร้อมจูงมือขึ้นชั้นสองไปแบบไม่ใยดีสีหน้าเหมือนโลกจะแตกสลายของพี่ชายบังเกิดเกล้า
“ริน!! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!! ไอ้บ้านั่น อย่าไปหลงกลมันนะริน มันจ้องจะงาบเราอยู่ พี่ดูออก สายตามันหื่นมากเวลามันจ้องน้อง!! รินนนนน!!”
...