(۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว  (อ่าน 31918 ครั้ง)

ออฟไลน์ TrafalgarLAW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ก็เข้าใจอะนะ แต่น้องมันยังทำตัวเป็นเด็กๆอยู่เลย ปัญหาที่เจอมันจะรับไหวหรอ มิน่าถึงส่งคฑามาช่วย แต่คนที่มาช่วยนี้มีจุดประสงค์แอบแฝงรึเปล่า รอต่อไป

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่ 3 อัศวินหลงทาง




เสียงเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีชมพูหวานแหววดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของทุ่งหญ้า ร่างสูงผู้ประดับด้วยไอเย็นรอบๆตัวเสมอจนเพื่อนร่วมงานไม่กล้าสุงสิงกำลังควบเจ้าพาหนะสองล้อสีสันมุ้งมิ้งไปตามทาง



สภาพเช่นนี้...



หากคนรู้จักมาเจอเข้าได้รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นแน่



มือซ้ายถือถังใส่หญ้าสีเขียวสดยื่นออกไปด้านหลังเพื่อล่อให้เจ้าสัตว์สี่ขาตัวเบ้อเริ่มเดินตามอาหารกลับคอกอย่างสงบ ใบหน้าที่ไม่เคยฉายแววความรู้สึกออกมาบ่อยครั้งนาทีนี้มันเต็มไปด้วยความละเหี่ยใจ เนตรคมเหลือบมองเจ้าตัวโตซึ่งเดินตามความเร็วรถอย่างแข็งขัน ลมหายใจเหม็นพ่นออกจากรูจมูกดังพรืดตลอดเวลา



"ทำไมตัวนี้ถึงใหญ่กว่าตัวอื่น..."ตลอดวันเขาเทียวไปเทียวมาระหว่างคอกวัวกับด้านหลังของฟาร์มเพื่อทำภารกิจต้อนวัว ประสบการณ์เป็นตัวขัดเกลาฝีมือทำให้ยอดวัวที่เขาต้อนได้มีกว่าสิบตัวแล้ว ทว่า...เจ้าตัวนี้มันขนาดคนละไซส์กับที่ผ่านมา



 "เจ้าหนูนั่นบอกว่าไม่เลี้ยงโคเนื้อ งั้นไอ้นี่หละ?"บางคำถามก็ไม่มีคำตอบ ตัวเขาซึ่งเป็นคนนอกได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนในฟาร์มนี้...



การช่วยเหลือคนแปลกหน้าขณะบ้านตัวเองเกิดไฟไหม้เป็นน้ำใจในแบบที่ชายหนุ่มไม่เคยได้รับมาก่อน



"เมื่อครู่คุณน้องโทรมาบอกว่าให้คุณพักผ่อนก่อน เดี๋ยวเขาจะเข้าไปหาในป่าด้านหลังก่อนมืดค่ะ" พรละมือจากการรีดนมมารับช่วงต่อพาเจ้าวัวตัวใหญ่หายลับไป เธอไม่มีเวลาโอ้เอ้นัก แม้จะมีเครื่องรีดนมแต่ทำคนเดียวยังไงก็ต้องเร่ง...



คฑาทำท่าจะอ้าปากถามอะไรบางอย่างจากเธอ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เห็นดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำงานต่อ...เด็กแสบกับคนแก่ยังไม่หยุดมือแล้วจะให้เขาพักผ่อนได้อย่างไร



ทิศทางซึ่งฟีโน่สีชมพูมุ่งตรงไปก็คือป่าด้านหลัง...



.


.



จะเรียกว่าโชคไม่เข้าข้างหรือโง่เองดีหละ ชายหนุ่มผู้สมัครใจทำงานอย่างแข็งขันนั่งบนพื้นหญ้าเอนกายพิงรถจักรยานยนต์ด้วยสีหน้าเหม่อลอย พลางนึกด่าความสะเพร่าของตัวเองในใจ



น้ำมันหมด...



ปัญหาใหญ่ในการเดินทางอันดับสองรองจากการหลงก็คือเจ้าเชื้อเพลิงราคาแพงหมดลงกลางทาง เขามองไปทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวบ้าน แต่สิ่งที่สะท้อนในดวงตากลับมีเพียงความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น...



ขืนเดินไปจูงรถไปด้วยกว่าจะถึงคงพรุ่งนี้เช้า



“อึก”ขณะลุกขึ้นความเจ็บปราบบนศีรษะก็แล่นปราดเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว คฑาโซเซจนยืนไม่อยู่ ตามสัญชาติญาณของมนุษย์มือข้างที่ว่างจากการกุมหัวเอื้อมออกไปเพื่อคว้าหลักยึด แต่โชคร้ายที่สิ่งที่คว้าได้กลับเป็นก้อนหินบนพื้น



“โอ๊ย!”คฑาชักมือขึ้นมองอย่างตกใจ แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อพบเลือดสีแดงสดไหลโชกมือ



...โดนหินบาด...



“อะไรกันนักกันหนาเนี่ย โธ่เว้ย!”เขาสบถอย่างหัวเสีย ทำไมช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้ถึงมีแต่เรื่องแย่ๆ?



“พี่คฑา!! พี่คฑาฮะ!!”ก่อนจะโทษโชคชะตาเสียงใสของใครบางคนซึ่งได้ยินแค่ไม่กี่ครั้งกลับจำได้ดี หัวใจของเขากลับมาพองโตอีกครั้งเมื่อเห็นร่างของเจ้าหนูตัวปัญหาควบม้ามาทางตนหน้าตาตื่น



อา...เห็นทีตัวปัญหาจะเป็นเขาเสียมากกว่า



“ผมกลับไปบ้านแล้วไม่เห็นพี่เลยออกตามหา เห้ย! พี่บาดเจ็บนี่”รินรีบกระโดดลงจากม้าคว้ามือข้างที่มีแผลไปดูอย่างตกใจ ก่อนจะพยุงเขาขึ้นแล้วเอ่ยว่า”เดี๋ยวผมพากลับไปทำแผลที่บ้านนะ”



ร่างโปร่งประคองคนเจ็บให้ยืนขึ้น กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายกลิ่นน้ำนมลอยมาเตะจมูกเรียกให้เนตรคมเหลือบมองคนข้างตัวอย่างเผลอไผล ตอนนี้รินอยู่ในชุดนอนสีขาวครีมคิดว่าเจ้าตัวคงกลับไปอาบน้ำและนั่งรอเขาที่บ้านแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่กลับมาเสียทีจึงรีบรุดออกตามหา



และคงรีบมากจนติดกระดุมสลับเม็ดเลยทีเดียว



โดยไม่รู้ตัวชายหนุ่มเผลอตัวจ้องมองเสื้อสีขาวแขนสั้นซึ่งผู้สวมใสรีบร้อนจนกลัดกระดุมเม็ดบนผิดจนเผยให้เห็นต้นคอขาวละเอียดดูนุ่มนวลน่าสัมผัสประดับด้วยกระดูกไหปลาร้าทอดยาวลงไปจนเกือบจะเห็น...หน้าอก...



“หืม? มีอะไรเหรอฮะ?”คนถูกมองหันมาถามอย่างสงสัย คนแอบมองจึงหลุดออกจากภวังค์รีบเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างร้อนรน



“แล้วรถหละ”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงถามคำถามโง่ๆแบบนี้ออกไป ต่อให้น้ำมันไม่หมดแต่สภาพมือกับหัวแบบนี้คงขับกลับไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่จะปล่อยให้เงียบไปทั้งอย่างนี้ก็กลัวว่าคนข้างกายจะได้ยินเสียงตึกๆตักๆ



 เสียงหัวใจซึ่งเต้นรัวในอกซ้ายอย่างไม่ทราบสาเหตุ



“เอาไว้พรุ่งนี้ให้ลุงชัยเอารถกระบะมาขนก็ได้ฮะ”นายน้อยแห่งฟาร์มจัดแจงพาคฑาขึ้นซ้อนเจ้าสีหมอก



รินพาคนเจ็บซ้ำซ้อนกลับมายังตัวบ้าน เวลานี้พระอาทิตย์ตกดินและป้าพรกับลุงชัยซึ่งทำงานหนักมาทั้งวันขอตัวกลับบ้านไปหมดแล้ว เขาพาร่างสูงมานั่งบนโซฟาก่อนหายตัวไปเพื่อหากล่องยา



“ไปทำอีท่าไหนถึงนั่งกองอยู่แถวนั้นได้หละฮะ”เด็กแสบกลับมาพร้อมของในมือแถมด้วยการถามคำถามย้ำปมชายหนุ่ม



“ก็แค่หน้ามืดนิดหน่อย”



“พี่ชายนี่บอบบางกว่าหน้าตาเนอะ ฮ่าๆๆ”ตบท้ายด้วยการหัวเราะเยาะหน้าระรื่นทำเอาคนมาดนิ่งอย่างคฑามาดหลุดไม่มีชิ้นดี
ชายหนุ่มมองเด็กบ้าตรงหน้าตาขวางก่อนจะแถสดว่า



”ปกติฉันไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ ที่เห็นนี่คงเป็นผลของเบญจเพศ”คฑายกขาไขว่ห้างด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเหตุผลของตนนั้นถูกต้องตามหลักตรรกศาสตร์



“อุ๊บ ฮ่ะๆๆๆ แถมยังเป็นคนฮาๆอีก โอ๊ย ขำ”รินหัวเราะร่วน ใบหน้าสดใสเลื่อนมืดพยามปิดปากกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าขุ่นมัวของคนโดนเยาะเย้ย



บรรยากาศรอบตัวเริ่มเย็นจนขนลุก แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่าจิตสังหาร



“ไม่ล้อก็ได้ แต่ตอบมาก่อน ไปนั่งทำอะไรตรงนั้น เห้ย อย่าถีบนะ นี่ถามจริงจัง!”รินรีบลุกหนีเมื่อคฑาขยับขาข้างที่ไขว่ห้างอยู่



“อะไร ขวัญอ่อนนะเรา แค่เปลี่ยนท่านั่ง”เสียงทุ้มตอบกลับเรียบๆ จับจากโทนเสียงซึ่งคงความจริงจังไว้ไม่ได้เลยว่ากำลังแกล้ง ถ้าไม่นับสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์นั่นหละก็นะ



“โหย พี่คฑาแกล้งน้องอ่ะ”



“ก็น้องไม่ยอมทำแผลให้พี่สักทีน่ะสิ”



“อ๊ะ โทษทีครับ”เผลอลืมวัตถุประสงค์ตอนแรกเสียสนิท รินรีบหยิบยาฆ่าเชื้อออกมาจากกล่องก่อนเทใส่สำลีและทาบนบาดแผล
เบาๆ



”เอ...พอพี่เป็นคนเรียกแล้วไม่ชินเลยแฮะ”เสียงนุ่มเปรยเบาๆ เพราะก้มหน้าอยู่เขาจึงมองไม่ออกว่าเด็กเข้าใจยากตรงหน้าสื่อถึงอะไร



“หืม?”คฑาเลิกคิ้วมองเด็กซึ่งนั่งทำแผลอยู่ข้างๆอย่างสงสัย



“ที่เรียกผมว่าน้องไง มันฟังดูแหม่งๆ”



“เราแทนตัวเองว่าอย่างนั้นก่อนไม่ใช่รึไง”รอยยิ้มบางประดับบนมุมปาก



ช่วงเวลาผ่อนคลายหลังทำงานหนักบวกกับบรรยากาศพาไปชายหนุ่มมองกระดุมเสื้อไม่เรียบร้อนนั่นอย่างเผลอไผลก่อนเอื้อมมืออีกข้างขึ้นไปปลดกระดุมเม็ดแรกบนเสื้อนอนสีขาวของเด็กหนุ่มและติดมันให้ถูกต้องท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนถูกกระทำและคนถือวิสาสะเอง!



“อ๊ะ เอ่อ ขอบคุณ”เสียงใสตะกุกตะกัก ใบหน้ามนอาบแสงตะวันยามเย็นจนขึ้นสีแดงพอเหมาะกับสถานการณ์



“ก็เอ่อ...เมื่อกี้เราพูดอะไรกันนะ อ้อ ก็มันชินหนิ ผมเป็นน้องคนเล็กลุงชัยเลยเรียกผมว่าคุณน้องแล้วคนงานสมัยนั้นก็เรียกตาม แต่ตอนนี้เหลือแค่ลุงกับป้าเท่านั้นแหละที่เรียกแบบนี้”



“อืม อย่างงั้นเหรอ แสดงว่าคนอื่นเรียกไม่ได้สินะ”คฑาพูดเบาๆกับตัวเองแต่เพราะอยู่ใกล้กันทำให้คุณพยาบาลจำเป็นได้ยินเข้าเต็มๆ



รินผู้กำลังเอาผ้ามาปิดแผลให้เงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้มละมุนที่มุมปากว่า



”คนอื่นเขาไม่เรียกกัน แต่พี่เรียกผมอย่างงั้นก็ดีนะ เราจะได้ไม่กลายเป็นคนอื่น”



ลมหายใจของคนพูดสะดุดลงชั่วขณะ เด็กหนุ่มประหลาดใจในคำพูดราวกับหยอดสาวของตนเมื่อครู่



ด้านคนฟังเอง เสียงหวานดังแผ่วเบาตรงหน้า ดวงตาสีดำขลับวูบไหวมองใบหน้าสวยประดับด้วยแสงตะวันยามเย็นพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อร่างพล่ามัวในใจ



“เรียบร้อย! พี่ไปอาบน้ำก่อนสิ ระหว่างนั้นผมจะทำอาหารเย็นให้ แต่มันไม่อร่อยเหมือนป้าพรหรอกนะบอกไว้ก่อน”พูดเสร็จก็หัวเราะคิดคักหยิบกล่องพยาบาลเดินออกจากห้องไป



...จะไปทั้งอย่างนี้เหรอ กลับมารับผิดชอบคำพูดของตัวเองก่อนสิ...



คฑามองตามแผ่นหลังบางจนลับตาก่อนจะเอนกายพิงพนักอย่างสับสน มือข้างปกติยกขึ้นทาบทับอกซ้ายซึ่งบรรจุอวัยวะภายในซึ่งกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับจะหลุดลอยออกมาข้างนอก เจ้าตัวพยามระบายความรู้สึกประหลาดด้วยการสูดลมหายใจลึก



...ใบหน้าเมื่อครู่ของอีกฝ่ายลอยเข้ามาในหัว กลิ่นหอมจางๆกับผ่ามือขาวนุ่มที่ได้สัมผัส...



“อะไรอีกหละทีนี้...”คฑาแค่นหัวเราะใส่ตัวเอง



ก็แค่น่ารักท่องไว้สิ ยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง



 ท่องไว้...ไม่ใช่ผู้หญิง



 คิดได้ดังนั้นก็รีบลุกไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำอาบท่าตามคำแนะนำ เผื่อใจจะสงบลงบ้าง



หลังจากนั้นไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพอดีตัว ช่วงวันสองวันมานี้เขาต้องหยิบยืมเสื้อผ้าของคุณพี่ชายผู้บาดเจ็บนามรันซึ่งเขาเองก็ไม่เคยพบหน้า ครั้นจะยืมของชาวบ้านเขาใช้ตลอดไปคงไม่ได้ ไว้หาวันว่างไปเดินซื้อข้าวของในเมืองดีกว่า



คฑาจัดตารางชีวิตในใจ ความจริงจะกลับไปเอากระเป๋าเดินทางที่ห้องพักก็ได้อยู่หรอกแต่กลัวจะไปเจอเจ้าหมอนั่นเข้า...



“พี่คับพี่ อย่ามัวแต่ยืนเล่มเอ็มวี เดี๋ยวข้าวก็เย็นหมดหรอก”



ขณะยืนคิดอะไรเพลินๆก็เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยแซว ชายหนุ่มเดินเข้ามาเขกกะโหลกไอ้เด็กที่เจอกันแค่วันสองวันก็ทำตัวสนิทสนมจนแทบจะปีนขึ้นมานั่งเล่นบนหัวผู้ใหญ่อย่างหมั่นไส้



“นั่งๆๆ”รินรีบเลื่อนเก้าอี้ให้คนชอบดุอย่างเอาใจก่อนทำไม้ทำมือนำเสนออาหารค่ำมื้อหรู(?)



“อาหารเย็นของคุณชายวันนี้คือแกงจืดเต้าหูหมูสับกับข้าวไข่เจียวขอรับ ขอให้มีความสุขกับการรับประทาน”เชฟแห่งฟาร์มกานต์รีบนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคฑา



ปกติต้องนั่งด้านตรงข้ามไม่ใช่หรือไง?



“กินสิๆๆ”เจ้าหนูเร่งรัดให้เขากินด้วยสีหน้าคาดหวัง



ดีที่มือข้างที่เจ็บเป็นข้างซ้ายโมเมนต์ในตำนานอย่างการป้อนข้าวใต้แสงดาวจึงไม่เกิดขึ้น ชายหนุ่มหยิบช้อนขึ้นตักน้ำซุบขึ้นมาซดด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจ ถึงหน้าตามันจะไม่ผิดปกติอะไรก็เถอะแต่มันเป็นอาหารที่รินทำ ควรปลอดภัยไว้ก่อน



เมื่อปลายลิ้นสัมผัสกับน้ำแกงสีหน้าหวาดระแวงของเขาก็เปลี่ยนไป



”ธรรมดา”คำชมเหมือนไม่ใช่คำชมสร้างความดีใจให้คนทำเป็นอย่างมาก



“เย้!! ธรรมดาจริงหรอ มันธรรมดาใช่มั้ยฮะ”รินคว้าแขนเสื้อให้ใบหน้าคมสบตาตัวเองชัดๆตอนพูด คฑาตกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองนี้



“อืม ธรรมดา”



เป็นอีกเรื่องที่เขาต้องแปลกใจ คนปกติเขาดีใจขนาดนี้เลยเหรอเวลามีคนชมว่าอาหารที่ทำมันธรรมดา?



ปกติต้องชมว่าอร่อยสิ...



เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์ทำนองนี้ในอดีตแต่ผลลัพธ์กลับต่างกัน



“เป็นไงคะ”เสียงหวานแสนคุ้นหูดังขึ้นในห้วงความคิด



“ธรรมดาดีครับ” ตัวเขาวางช้อนก่อนเงยหน้าขึ้นตอบเธออย่างจริงใจ อาหารเย็นมื้อแรกที่เธอทำให้เขาทานนั้นไม่ได้อร่อยเลิศหรูระดับภัตตาคารแต่ก็ไม่ห่วยแตกอย่างร้านข้าวแกงถุงละสิบห้าบาท ดังนั้นคำว่าธรรมดาจึงเหมาะสมที่สุด



“เดี๋ยวสิ! ธรรมดาได้ยังไง คุณรู้ไหมว่าฉันตั้งใจทำขนาดไหน คุณรู้บ้างไหมว่าฉันทำด้วยความรู้สึกยังไง ดูผักนี่สิ ฉันหั่นเป็นรูปหัวใจด้วยนะ เห็นไหม!?”นิ้วเรียวชี้ไปยังจานผัดผัก ชายหนุ่มหรี่ตามองแครอทรูปทรงประหลาดอย่างชั่งใจ



เขาควรจะชื่นชมเจ้าก้อนนี้ว่าเป็นหัวใจที่งดงามเพื่อแก้สถานการณ์ดีไหม?



“ใช่สิ!! คุณไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วนิ ช่างเถอะ! จากนี้ฉันก็จะไม่สนใจคุณเหมือนกัน!!”



“เห่นโหลว ยังอยู่ไหมคร้าบ!?”มือเรียวยกโบกไปมาหน้าคนที่สติหลุดติดต่อยานแม่ด้วยความกลัวว่าสาเหตุมาจากกินอาหารของตนเข้าไป



“อ่า...โทษที พอดีคิดอะไรเพลินๆ”



“มันไม่ได้แย่ใช่ปะ”



“อืม มันธรรมดาดี”



“เย้ ขอบคุณครับ”เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มยิ้มตามใบหน้ามีความสุขของคนข้างกาย...เห็นที คุยกับเพศเดียวกันจะเข้าใจกันมากกว่าสินะ...



คฑาฝึกมองโลกในแง่ดีจากการเข้าใจไปว่าตัวเองนั้นรู้สึกดีกับธรรมชาติและความสดใสของคนตรงหน้าเหมือนได้มีน้องชายเพิ่มอีกคน



...จนกว่าปัญหาของฟาร์มจะคลีคลายและวันที่จะได้เห็นเด็กคนนี้ยิ้มโดยไม่มีห่วงเขาจะคอยอยู่เป็นกำลังให้เคียงข้าง...




.......................................................................................

พระเอกของเราไม่ใช่ผู้ชายใสๆ 5555555

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พระเอกไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยนะคะ แต่ที่ช่วยเหลือฟาร์มของน้องรินก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เหมือนจะไม่มีอะไรแอบแฝง (ขอระแวงนิดหนึ่งพอค่ะ ^^) เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องอื่นๆ (ที่อาจจะไม่ดี) เราขอยกยอดไปเคลียร์กับพี่คฑาในอนาคตก็แล้วกันเนอะ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อืม เขาก็ไม่ธรมดาจริงๆนั้นแหละ รอดูต่อไปว่าความรักครั้งนี้จะรู้สึกดีหรือทราบซึ้งแค่ไหน กัน

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
แสดงว่าปกติน้องทำอาหารห่วยแตกมากใช่มั้ย?

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
พี่คฑาเรามีเมียแล้วเรอะ!??
ยังไงล่ะนี่...
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โมเมนต์ตอนเรียกน้องเรียกพี่นี่มันฟินจริงๆนะ น่ารักกกกกก >///<  :-[
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ AllTheWay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่ 4 อัศวินเปลี่ยนเกราะ




เช้าอันสดใส บนระกระบะสีขาวลายวัวเคลื่อนตัวออกจากฟาร์มกานต์ไปสู่ตัวเมืองด้วยการขับของลุงชัย หลังเหตุการณ์วุ่นวายวันนี้ลุงชัยผู้ทำงานหนักเกินตัวมาหลายวันเริ่มทนไม่ไหวอาสาไปเกณฑ์คนในเมืองมาช่วยทำงานชั่วคราว คฑาจึงเห็นโอกาสเหมาะขอติดรถไปซื้อเครื่องใช้ส่วนตัวในเมืองด้วย



“ตอนเด็กผมชอบนั่งกระบะแบบนี้มากเลยรู้ไหม มันรู้สึกเยี่ยมกว่ารถเปิดประทุนอีก ถึงจะไม่เคยนั่งก็เถอะ ฮ่ะๆๆ”นายน้อยแห่งฟาร์มผู้ไม่มีเหตุจำเป็นใดใดในการเดินทางครั้งนี้โผล่เข้ามาในฉากด้วยใบหน้าแจ่มใส



ร่างโปร่งหันไปพูดเจื้อยแจ้วกับชายหนุ่มผู้นั่งสีหน้าเรียบเฉยไม่มีแววสนุกแม้แต่น้อย



เนื่องจากรถคันนี้เป็นแบบสองประตูและไม่มีแค็ปการบรรจุคนสามคนเข้าไปจึงเป็นไปไม่ได้ รินจึงปล่อยให้ลุงชัยขับรถและโดดมานั่งหลังพร้อมบุคคลแปลกหน้า



หลังพวงมาลัยคนขับ ลุงชัยผู้รักและหวงแหนคุณน้องกัดฟันอย่างปวดร้าวเมื่อถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ตาซึ่งควรจะมองทางกลับจ้องเขม็งไปยังกระจกมองหลังอย่างเคียดแค้น ภาพสะท้อนคุณน้องผู้น่ารักหยิบหมวกคาวบอยไปสวมให้ไอ้หนุ่มหน้านิ่งยิ่งสุมกองไฟเข้าในอก



ไอ้หนุ่มนี่เป็นใครมาจากไหน!?



ลุงชัยผู้เทียวไปเทียวมาหลายที่เพิ่งมีโอกาสรับรู้ว่าคฑายังวนเวียนอยู่ในฟาร์มแถมได้ใกล้ชิดกับคุณน้องยิ่งกว่าตน



รู้สึกคับแค้นเมียตัวเองที่ยอมปล่อยให้คุณน้องอยู่กับชายแปลกหน้าใต้ชายคาเดียวกันสองต่อสอง



“ลุงๆ จอดครับจอด เลยแล้ว!”รินรีบตะโกนเตือนโชเฟอร์ขี้อิจฉาอย่างตกใจ รถลายวัวเกือบแล่นเลยย่านการค้าหวุดหวิด เสียงเบรกดังสนั่นเรียกเสียงวี๊ดว๊ายจากหญิงชาย(?)แถบนั้น



“โป๊ก!!”



หัวทุยๆของเด็กโง่ผู้ไม่ระวังตัวโขกเข้ากับหน้าต่างหลังรถเต็มๆ รินยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆท่ามกลางสีหน้าเยาะเย้ยจากคฑาและสีหน้าเป็นห่วงของลุงชัย



ก่อนนายชัยจะลงจากรถเพื่อไปดูอาการ ร่างโปร่งก็โดดลงจากกระบะวิ่งไปหาคนงานเก่าแก่ก่อนกำชับลุงว่า”ขากลับเดี๋ยวพวกน้องโบกรถกลับเอง ลุงไปทำงานให้เต็มที่เลยนะฮะ ไม่ต้องเป็นห่วง”จากนั้นก็เดินกลับมาหาร่างสูงซึ่งยืนมองเงียบๆ



นายชัยกัดฟันขณะออกรถด้วยเปลวเพลิงในดวงใจ...



สถานที่ที่รินพาคือแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อของอำเภอทำให้มีร้านรวงมากมายตั้งแต่ร้านอาหาร ร้านของฝาก ไปจนถึงร้านเสื้อผ้า
เจ้าถิ่นจำเป็นเดินนำลูกจ้างชั่วคราวเข้ามาในโซนช็อปปิ้ง



ภายในแหล่งท่องเที่ยว ร่างทั้งสองเดินเคียงคู่กันเรียกสายตาจากสาวๆแถวนั้นได้ไม่น้อย โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนักท่องเที่ยวจึงไม่หนาแน่นนัก ทิวทัศน์รอบๆคือบ้านสไตล์อเมริกันคาวบอยสีอิฐกับกองฟางตกแต่งทั่วบริเวณ บางร้านก็มีรูปปั้นวัวขนาดเล็กประดับตกแต่ง สมกับเป็นเมืองแห่งโคนม



“ที่นี่เพิ่งเปิดใหม่ เมื่อปีที่แล้วพี่รันเพิ่งพาผมมางานฉลองเปิดตัวอยู่เลย เพราะชาวบ้านอำเภอนี้มีอาชีพทำฟาร์มเป็นส่วนใหญ่เลยไม่มีอะไรไปดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ตาแม้แกก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แบ่งที่ดินออกมาเปิดหมู่บ้านคาวบอยซะเลย”รินอธิบายเสริม



“ตาแม้?”คนต่างถิ่นติดใจสงสัยชื่อดังกล่าวราวกับเคยได้ยินจากไหนสักแห่ง



“แกรวยสุดในอำเภอแล้ว ฟาร์มแกกินที่สุดลูกหูลูกตาเลย!”รินกางมือออกสุดแขนเพื่อให้เห็นภาพจนเกือบปัดไปโดนคนอื่นเข้าดีที่คฑาคว้าเอาไว้ได้ทันท่วงที เด็กหนุ่มยิ้มแหยกับความเลินเล่อก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นบางสิ่งซึ่งสร้างประกายวิบวับในดวงตาได้ในพริบตา



“ทางนี้ฮะ ทางนี้”คุณน้องเล็กโบกมือเรียกพี่ชายคนใหม่ของตัวเองให้ตามเข้ามาในร้านแห่งหนึ่ง เสียงกระดิ่งประตูดังกรุ้งกริ้งให้ความรู้สึกคลาสสิกดี



“นี่เป็นร้านไอศกรีมนมสดของฟาร์มพี่ฟ้า พี่สาวฟาร์มข้างๆที่พี่รันตามจีบอยู่”แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ลุงชัยก็โทรมานินทาบ่อยๆว่าพี่เอาแต่หนีหายไปฟาร์มข้างๆเขาเลยรู้ทันทีเลยว่าต้องหายไปอยู่บ้านพี่ฟ้าชัวร์...



ก็เพราะฟาร์มอีกฝั่งหนึ่งเขามีแต่ลูกชายนี่นา



“รับรสอะไรดีคะ”พนักงานสาวหน้าเหลี่ยมถามขึ้น



“เอารถเบนซ์แล้วกันฮะ”เธอเงิบเล็กน้อยเมื่อถูกลูกค้ากวนตีน แต่ก็ปรับสีหน้ากลับมาได้อย่างรวดเร็ว



“ไปแกล้งพี่เขา”เด็กแสบโดนผู้ปกครองที่พามาด้วยดุเข้าให้ รินยักไหล่อย่าไม่ยี่หระก่อนจะตาเป็นประกายชี้นิ้วเมนูใหม่ล่อตาล่อใจ ภาพในไวนิลข้างเคาเตอร์คือไอศกรีมห้าลูกพร้อมท็อปปิ้งสุดอลังการในหนึ่งชาม รินหันมามองคนข้างตัวตาใสทันที



แม้จะไม่มีเสียง แต่ตากลมแจ๋วนั้นก็สื่อความชัดเจน



...อยากกินอันนี้ พี่ชายกินด้วยกันะฮะ นะๆๆๆ...



“...”



คฑาผู้พ่ายแพ้หันไปพูดกลับพนักงานอย่างจำยอม



”เอาเซ็ตนั้นเซ็ตนึงครับ เอารสอะไรล่ะเรา”ก่อนหันมาถามเจ้าตัวแสบขณะยกมือจับหัวกระเซอะกระเซิงเพราะถูกลมตีให้เข้าที่เข้าทาง



“ผมเอานมสด สตรอเบอรี่ ชาเขียว อีกสองรสให้พี่ชายเลือกฮะ!!”


“แล้วก็กาแฟกับเอ่อ...”ปกติไม่ชอบกินของหวาน ไอศกรีมรสเดียวที่กินได้ก็คือกาแฟแต่ยังต้องเลือกอีกรสนึงนี่สิ...ชายหนุ่มทำท่าอึกอักก่อนเนตรคมจะเหลือบไปเห็นบางอย่าง



“ข้าวโพดครับ”



“เห!? มีรสนี้ด้วยเหรอ เพิ่งเห็นอ่ะ เปลี่ยนชาเขียวเป็นข้าวโพดด้วยได้ไหม”เด็กประถมข้างตัวร้องเสียงหลง ทำหน้าเสียดายรสข้าวโพดเสียเหลือเกิน



“เดี๋ยวกินด้วยกันก็ได้ พี่กินไม่เยอะหรอก”พี่เลี้ยงเด็กจึงลูบหัวทุยๆอย่างเอ็นดู



ทั้งสองคนพากันไปนั่งโต๊ะในสุดเหตุผลคือมันมีโซฟา รินรีบวิ่งไปแย่งเก้าอี้นวมสีน้ำตาลท่าทางนุ่มนิ่มอย่างกลัวว่าคนที่พามาด้วยจะแย่งเอา...



คฑาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนั่งรออย่างสงบ”นั่นแผนที่อะไรเหรอ”ด้านหลังของรินคือภาพแขวนลายแผนที่ขนาดใหญ่ชายหนุ่มจึงถามขึ้นอย่างสงสัย



“อ๋ออ แผนที่อำเภอนี้ฮะ”



“แล้วที่มีสีแดงๆหละ”



รินมองอย่างพิจารณา ร่างโปร่งนั่งชันเข่าขึ้นขณะเอื้อมมือไปชี้บริเวณสีแดงริมซ้ายสุด “ตรงนี้เป็นฟาร์มบ้านพี่ฟ้า ถัดมาคือฟาร์มกานต์บ้านผมเอง”มือเรียวไล่ตามจุดไปเรื่อยๆ”สีแดงใหญ่สุดนี่คือฟาร์มลุงแม้ที่สร้างที่นี่ขึ้นมา ส่วนที่อยู่ติดกับบ้านผมอีกฝั่งคือฟาร์มของพ่อไอ้ปูน”



“ทั้งสี่ฟาร์มคือฟาร์มที่กุมอำนาจของสหกรณ์เอาไว้เพราะยิ่งใหญ่ที่สุด มีคนตั้งชื่อเท่ห์ๆให้ด้วยนะ ว่าสี่จตุรเทพ”



“อ๊ะ พี่ชายว่า...”ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว ความเป็นไปได้สูงสุดเท่าที่คิดได้”เรื่องวุ่นวายทั้งหมด...จะมาจากฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งในนี้รึป่าว?”



พนักงานเดินเอาของหวานมาเสริฟผิดเวลา เธอวางถ้วยไอศกรีมหลากสีลงบนโต๊ะแล้วเดินจากไป



“กินก่อนเถอะ เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดทีหลัง”เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงขัดบรรยากาศดราม่าด้วยการหยิบช้อนขึ้นมาตักของหวานเข้าปาก



“ฮะ”รินพยักหน้า มือเรียวหยิบช้อนขึ้นตักรสนมอันเป็นรสพื้นฐานกินก่อนอันดับแรก “อืมห์ อร่อย!!”



ปรับอารมณ์เร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ยกมือขึ้นจับแก้มสีหน้าฟินสุดติ่งกระดิ่งแมว



“ชิมสิฮะ รสนม”เห็นว่าคนหน้าเครียดกินแต่รสกาแฟ ช้อนจากมือขาวนุ่มจึงยื่นไปจ่อริมฝีปากแกมบังคับ



ไม่ถึงสิบนาทีเจ้าหนูตัวเล็กก็จัดการกับของหวานเรียบแปล้ท่ามกลางสายตาทึ่งๆของคฑา ตัวเท่านั้นกินแล้วไปเก็บไว้ตรงไหนหมดนะ ทำไมไม่อ้วน? หรือว่าเอาไปเพิ่มส่วนสูงแทน?ไม่น่าใช่นะ เจ้าหนูสูงสักร้อยเจ็ดสิบกลางๆเอง เอ...หรือเอาไปบำรุงสมอง



...ไม่มีทาง...



“เห้อ อิ่มจัง”รินแผ่หลากับโซฟาแบบไม่อายสายตาประชาชี จะอายไปทำไม ในร้านตอนนี้มีลูกค้าแค่สองสามโต๊ะเอง


“ไปไหนต่อ”เมื่อเติมเสบียงเรียบร้อย แม่ทัพก็เรียกพลทหารจอมอู้งานให้ทำภารกิจนำทางต่อ



“ร้านเสื้อมุมในสุด!!”รินรีบเด้งตัวขึ้นมาตีหน้าแข็งขันเดินทำออกจากร้านไป วันนี้จะเที่ยวเล่นให้หนำใจให้สมกับเป็นปิดเทอมเลยคอยดู!!


.


.
...

ตอนหน้าเจอกันวันเสาร์นะคะ >_</

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
คู่นี้มุ้งมิ้งอีกแล้ว ><//
รินนี่มันทำตัวเด็กจริงๆ เลย ถึงต้องคอยมีคฑาดูแลไง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2015 06:43:58 โดย boboman »

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่คฑามาจากไหน มาทำไม มีจุดประสงค์เดิมคืออะไร?

คือเขามุ้งมิ้งกันดีอยู่หรอกนะ แต่แบบ สงสัยอ้ะะะ 5555

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: ตามตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ชอบน้องรินตอนทำหน้าฟินสุดติ่งกระดิ่งแมวมากๆ เลยค่ะ น่าร๊ากกกกกก :m3: ขนาดพี่คฑามาดนิ่งยังแพ้ให้แก่ลูกอ้อนของน้องเลยเน้ออ..

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องรินกวนจัง น่ารักใสๆ

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่4 อัศวินเปลี่ยนเกราะ part2





“เสร็จแล้ว? เร็วจัง”



อะไรกัน อะไรกัน อะไรกัน อุตส่าห์คิดว่าจะเที่ยวเล่นให้สนุกแท้ๆ ต้องกลับฟาร์มแล้วเหรอ ทำไมพี่คฑาเลือกของเร็วจัง มาช็อปปิ้งก็ต้องลีลาเป็นชั่วโมงๆสิ!! รินนึกในใจอย่างเสียดาย ความจริงยังมีงานบัญชีคั่งค้างอยู่แต่ด้วยสกิลผลัดวันประกันพรุ่งเด็กหนุ่มจึงเที่ยวเล่นเหมือนไม่มีภาระอะไร



“ยังไม่อยากกลับอ่ะ”สุดท้ายก็พูดออกไปตรงๆนี่แหละ สองมือคว้าแขนขวาของชายหนุ่มซึ่งไม่มีบาดแผลแต่มีถุงใส่เสื้อผ้าหอบอยู่เต็มหมายจะยื้อไว้เพื่อถ่วงเวลา



คนเจ็บแต่กลับต้องแบกของมองคนสบายในมือไม่มีอะไรแถมทำท่างอแงด้วยความเอือมระอา แต่ก็โดนสายตาวิงวอนโจมตีเข้าเต็มๆ



“งั้นเราไปสำรวจสามในสี่ของจตุรเทพกันไหม?”คนถูกอ้อนจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจ



“ยังไงอ่ะ”



“ก็อย่างไปทักทายเจ้าของฟาร์มแล้วก็สำรวจท่าที”คฑาเสนอ



“อื้ม ไปสิไป เราไปเช่าม้าตรงนู้นไปมั้ย ผมไม่ชอบนั่งรถ”พูดจบก็วิ่งปรู๊ดไปยังลานกว้างซึ่งมีม้าให้นักท่องเที่ยวเช่ายืมชมบริเวณรอบๆ



“ลุงฮะ เช่าม้าตัวนึงฮะ”เด็กหนุ่มเข้าไปติดต่อลุงคนหนึ่งซึ่งยืนเตอะฝุ่นรอลูกค้าอยู่



“ได้ลูก จะไปไหนหละหึ?”ลุงก็รีบจูงม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ออกมาให้เมื่อสังเกตเห็นว่าลูกค้ามาสองคนแต่เช่าแค่ตัวเดียว



“ไปฟาร์มพี่ฟ้ากับฟาร์มไอ้ปูนฮะ”ลุงได้ยินดังนั้นถึงกับร้องโหย



“ไกลขนาดนั้นลุงจูงไปไม่ไหวหรอกไอ้หนู ถ้าอยากดูฟาร์มก็ดูของตาแม้สิเนี่ย เดี๋ยวลุงพาชม”



“ลุงก็ไม่ต้องไปด้วยก็ได้หนิ...”เด็กมั่วนิ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าตั้งท่าจะเถียงกับผู้อาวุโส คฑาผู้สังเกตการณ์อยู่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย



“คือพวกเราขี่ม้าเป็นคุณไม่ต้องคุมไปด้วยก็ได้ เราแค่อยากจะเช่าม้าของคุณเพื่อไปติดต่อธุระกับฟาร์มพวกนั้นสักหน่อย ได้ไหมครับ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ไม่อยากต่อรองมากนักเพราะลุงคนนี้ดูเคี่ยวไม่น้อย



“อืม...ระยะทางมันก็ไกลเอาเรื่อง แถมยังซ้อนสองอีก ม้าลุงคงเหนื่อยแย่ ร้านลุงแค่ให้เช่าดูรอบๆนี้ไม่กี่รอบแถมยังมีคนตามคุมอีก นี่ปล่อยไปเองไม่รู้จะได้กลับมาไหม...”ลุงหนวดลากเสียงยาวทำหน้าคิดแต่คนมากประสบการณ์การค้าอย่างคฑามองออกชัดเจน



เล่นตัวโก่งราคาชัดๆ!!



“สามร้อย”ชายหนุ่มรีบเสนอราคาตัดหน้า ป้ายหน้าร้านบอกว่าเช่าหนึ่งรอบราคา 80บาท ฉะนั้นราคานี้ไม่มากหรือน้อยไปแถมยังเป็นราคารอรับการต่อรองอีกด้วย



“น้อยไปๆ สักสี่ร้อยได้ไหมหละ”ลุงแก่หน้าเงินเรียกราคาห้าเท่า ตามปกติเขาคงบอกลาแล้วหนีไปขึ้นรถกะป๊อแล้วแต่พอสบเจ้าตาใสๆมองละห้อยมาไม่หยุดนั่นแล้วก็เผลอตัวหยิบกระเป๋าตังค์ควักเงินออกมาจนได้



“เย้!!”รินชูมืออย่างดีใจ...



ดีนะที่ที่นี่มีตู้กดเงิน คฑาผู้เสียเงินโดยใช่เหตุนึกอยากกัดลิ้นตัวเองตาย...



ทำไมเขาต้องไปตามใจไอ้เด็กนี่ทุกที!?



พวกเราตัดสินใจมุ่งหน้าไปหาลุงแม้ก่อนเพราะสำนักงานของแกอยู่ติดกับแหล่งท่องเที่ยวพอดี ใช้เวลาไม่นานรินผู้รับหน้าที่สารถีก็ควบม้ามาถึงที่หมาย ทั้งคู่โดดลงจากม้าก่อนเข้าไปติดต่อเลขาของฟาร์มอย่างสุภาพ



เมื่อครู่รินเพิ่งโทรบอกให้พี่ชายให้ติดต่อมานัดพบก่อนแล้วจึงไม่มีปัญหาขัดข้องอะไร



เลขาสาวหน้าสวยไม่เหมาะกับการทำงานกลางไร่กลางนาเชิญแขกให้นั่งรอในห้องนั่งเล่นก่อนเธอจะเดินกลับมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด



“ต้องขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ วันนี้คุณท่านอาการไม่สู้ดี ถ้ามีธุระอะไรช่วยติดต่อกลับมาทีหลังได้ไหมคะ”



“อ่อ ไม่เป็นไรครับ เราแค่จะเอาข่าวมาบอกเตือนฟาร์มของคุณ”เสียงทุ้มเอ่ย



“อะไรหรือคะ”



“พอดีทางฟาร์มผมเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นด้วยฝีมือคนนอกเลยอยากแวะเข้ามาเตือนว่าอำเภอเรามีผู้ไม่หวังดีอยู่”ชายหนุ่มผู้เป็นคนนอกเอ่ยกับหญิงสาวว่ามีคนนอกเข้ามาสร้างปัญหา



เธอมีท่าทางตกใจไม่น้อยก่อนปรับสีหน้าและพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ



“ขอบคุณมากค่ะที่มาเตือน ช่วยได้มากเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแหล่งท่องเที่ยวเห็นจะแย่เหมือนกัน ทางฟาร์มกานต์เองหากมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ”หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ



 รินและคฑาพูดคุยกับเธออีกสักพักก่อนขอตัวออกมา



ด้านหน้าสำนักงาน เดินก้นยังไม่ทันพ้นสายตารินก็หันมานินทาลับหลังเสียแล้ว”ผมว่าคงไม่ใช่ฟาร์มตาแม้หรอก แค่นี้แกก็รวยจนไม่รู้จะรวยยังไงแล้ว จะมากลั่นแกล้งฟาร์มเราทำไม”เด็กหนุ่มวิเคราะห์ตามความรู้สึก



“อืม ท่าทีของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย...แถมยังมีน้ำใจช่วยเหลือเราอีก พี่ก็คิดว่าไม่ใช่หรอก”ชายหนุ่มวิเคราะห์ตามหลักเหตุผล



“ฟาร์มพี่ฟ้าไม่ต้องไปหรอกผมว่า เพราะลุงชัยกับพี่รันติดต่อไปขอความช่วยเหลือเขาก็แบ่งขายนมให้เราอย่างดี”เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบคางอย่างครุ่นคิด



หรือว่าลางสังหรณ์ของเราจะผิดพลาด? ไม่น่านะ ปกติมั่วข้อสอบก็ถูกเกือบหมด



“งืม...ยากจัง คิดไม่ออกแล้วเนี่ย ทำไงดีฮะ”รินหันไปขอความเห็น



“เราลองไปที่สุดท้ายกันก่อนค่อยว่ากันอีกที เดี๋ยวมืดค่ำแล้วจะเดินทางลำบาก”ตอนนี้ก็บ่ายสองแล้ว คฑาเลยพูดอย่างเป็นห่วง เมื่อตกลงกันได้คณะเดินทางค้นหาความจริงก็ออกเดินทางทันที เจ้ามาตัวใหญ่สีน้ำตาลห้อตะบึงไปตามเส้นทางสู่ฟาร์มจักรพรรดิแห่งสุดท้าย



ซุ้มป้ายสีเหลืองสดใหม่เขียนว่ายินดีต้อนรับปรากฏสู่สายตา กว่าจะเดินทางมาถึงก็กินเวลาไปพอสมควรเพราะคนขี่อย่างรินดันจำทางไม่ได้เดือดร้อนคนนั่งต้องคอยถามทางคนแถวนั้นเสียนี่...



ผมไม่ผิดนะ!



ก็คนเคยมาแค่ครั้งสองครั้งจะไปจำทางได้ยังไงเล่า!...



“แล้ว...ไปทางไหนต่อหละเนี่ย?”ข้างหน้าคือความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น เนตรกลมโตมองลอกแลกตามประสาคนขี้ตื่น “พี่ชายฮะ ทางไหนอ่ะ”



คนถูกถามตีสีหน้าไม่ถูกในใจเถียงกลับว่า แล้วกูจะไปรู้ไหม?



“ลองขี่ตามทางไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอคนเองแหละ”คำตอบแบบไร้ความรับผิดชอบเรียกเสียงโห่จากเด็กผู้คาดหวังคำตอบที่เจ๋งกว่านี้



“โห่ยยยย โห่ยยยย อะไรแว้ โอ๊ย อย่าหยิกสิ!”เลยถูกมันเขี้ยวหยิกหลังเข้าให้ ของที่ซื้อมาถูกวางคั่นกลางระหว่างสองคน แม้จะมีการเกาะเอวหรือพูดคุยกันก็ไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์กุ๊กกิ๊กเช่นเมื่อวาน



แว๊นนน!!



ฉับพลันเสียงปริศนาก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้า ทิศทางของถนนทอดยาวยังไม่ปรากฏแหล่งกำเนิดเสียง ทั้งสองคนจึงหยุดทะเลาะกันแล้วเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างสงสัย



“เสียงอะไรอ่ะพี่?”



“มอเตอร์ไซค์หละมั้ง”



“ใครมาขี่เล่นแถวนี้กัน?”



“ริน...พี่ก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องหรอกนะ”



แว๊นนนนนนนน!!!เหมือนเสียงจะใกล้เข้ามา แต่ก็ยังไม่เห็นแหล่งกำเนิดเสียงซึ่งเดาว่าเป็นรถของเด็กแว๊นซ์แต่อย่างใด



“ไอ้ปูน ไอ้ลูกทรยศ!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”เสียงปริศนาที่สองดังขึ้น ก่อนจะมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันสีแดงใหญ่จะโผล่เข้ามาในจอภาพ ตามมาติดๆด้วยบิ๊กไบค์สีน้ำเงิน คนนอกสองคนมองเด็กมัธยมปลายรูปร่างผอมโปร่งกับลุงวัยห้าสิบอ้วนท้วมขี่รถไล่กันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...



เรื่อยๆ...



จนกระทั่ง...



“เห้ย!!! หลบๆๆๆๆๆๆ”



เอี๊ยดดดดดด



เสียงเบรครถดังสนั่น ในบทบรรยายอาจคิดว่าเหตุการณ์ข้างตนมันกินเวลานานแต่ในความเป็นจริงเรื่องทั้งหมดเกิดในเวลาไม่ถึงห้าวินาที!! รินผู้กำบังเหียนม้าค้างเติ่งเบิกตามองรถจักรยานยนต์คันใหญ่สีแดงสดซึ่งหยุดห่างจากขาม้าไม่ถึงสิบเซ็นต์!!



“อะ...”



“ไอ้ปูน!! เป็นไงหละ กรรมตามสนอง บอกแล้วใช่ไหมว่ายังไงก็หนีพ่อไม่พ้น!!”เด็กหนุ่มย้อมผมสีน้ำตาลไหม้ ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนหน้าตาหล่อไม่เบาเดินลงจากรถของตนอย่างหัวเสีย คนที่คาดว่าจะเป็นบิดาเคลื่อนรถมาจอดแนบด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม



“ไม่กลับ!! ยังไงผมก็ไม่กลับบ้าน!! ปิดเทอมนี้ผมจะไปทำงานบ้านพี่ริน”คำกล่าวนั้นสร้างความตกใจแก่เจ้าของชื่อผู้นั่งหัวโด่ประกอบฉากอยู่บนอานม้าไม่น้อย



“ใคร?”คฑากระซิบถาม สายตามองพ่อลูกทะเลาะกันอย่างสงสัย



เมื่อได้ยินคำถามนั้นรินก็เริ่มพิจารณาเด็กตรงหน้า ตาโตๆ ชื่อปูนแถมอยู่ในฟาร์มบ้านไอ้ปูน...



“เห้ย!! นั่นมันไอ้ปูน!?”พ่อลูกที่กำลังทะเลาะกันแบบไม่สนโลกหยุดชะงัก เจ้าเด็กป่วนคนใหม่เงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียกชื่อตน



“เห้ย!! พี่ริน!?”เด็กปูนชี้หน้าตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ



รินและเด็กคนนี้เคยเจอกันไม่กี่ครั้งเมื่อตอนยังเด็กทั้งคู่ ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอปูนก็ตอนไอ้เด็กนั่นเรียนป.หกใส่ชุดกะลาสีสีน้ำเงินตัวขาวจั๊วะตาใสแจ๋วอยู่เลย ไหงเผลอแป๊ปเดียวถึงกลายเป็นเด็กแว๊นซ์ไปได้?



“ดีเลยๆ พ่อ เห็นมั้ย พี่รินมารับแล้ว งั้นผมไปล่ะ เจอกันเปิดเทอมเน้อ!!”ปูนหันไปพูดกับพ่อก่อนอาศัยจังหวะบุพการีเผลอยันโครมรถของพ่อให้ล้มกองกับพื้นแล้วรีบขึ้นคร่อมรถตัวเอง และหันมาพูดกับเจ้านายใหม่ผู้ปะติดปะต่อเรื่องราวไม่เสร็จว่า



”เจอกันที่บ้านนะพี่!!”ว่าแล้วก็ออกรถไปแบบไม่ใยดี



รินทำอะไรไม่ถูกหันไปหาชายหนุ่มต้องการคำสั่งถัดไป



“กลับ”



สั้นๆคำเดียวนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ก็รีบควบม้าออกมาจากฟาร์มข้างเคียง ทิ้งให้คุณลุงเจ้าของฟาร์มพยามออกแรงยกบิ๊กไบค์คันใหญ่อย่างทุลักทุเล ด้วยเรี่ยวแรงของคนแก่เป็นเบาหวานทำให้เขาล้มเหลว



“ไอ้ลูกเวร!! กลับมาล่ะน่าดู!!”



.



.



“เอาหละ อธิบายมาซิ”ภายในห้องนั่งเล่นของฟาร์มกานต์นายน้อยผู้กุมกองบัญชีสูงท่วมหัวกอดอกมองเด็กป่วนผู้นั่งคุกเข่าอยู่กับ
พื้นตาเขม็ง หลังจากเอาม้าไปคืนเจ้าของแล้วก็ต่อรถกะป๊อกลับเข้าบ้านก็เจอไอ้หนูนี่เปิดทีวีเปิดแอร์เปิดตู้เย็นหยิบขนมมานอนกินบนโซฟาหน้าชื่นตาบาน



“ก็เมื่อเช้าลุงชัยมาขอความช่วยเหลือ แกบอกว่าที่นี่ขาดคน...”



“แล้วไง”รินถามเสียงแข็งตีหน้าดุ มาดเหนือกว่าราวดับเป็นคนละคนกับตอนอยู่ต่อหน้าคฑา
เรื่องได้ทีขี่แพะไล่ล่ะถนัดนัก



คฑาผู้นั่งชมการไต่สวนอยู่ข้างกายร่างโปร่งถึงกับส่ายหัวไปมาอย่างรับไม่ได้ คนนึงบรรลุนิติภาวะแล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็ก ส่วนอีกคนยังเป็นเยาว์ชนอยู่ก็นิสัยเด็กไม่แพ้กัน



ปูนผู้หนีออกจากบ้านหน้างอทันทีที่ถูกพี่รินผู้น่ารักดุ



“พี่รินอ่ะ ดุผมทำไม!! ผมไม่มีที่ไปอยู่นะ พี่ก็เห็นว่าผมทะเลาะกับพ่อ ผมหนีออกจากบ้าน พี่รินผู้ใจดีของผมคนนั้นต้องเดินเข้ามาจับไหล่ ออกแรงบีบน้อยๆอย่างให้กำลังใจ แม้ว่าจะไม่มีคำพูดระหว่างเราแต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านทางแววตาผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าพี่ยอมให้ผมอยู่ด้วย...แอ่ก”



“พรรณนาโวหารเก่งนักนะ คิดว่าเขียนเรียงความอยู่รึไง ไอ้เด็กแสบ หนอยๆๆๆ”พี่รินผู้โอบอ้อมจับหมอนอิงปุหน้าไอ้ปูนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะพาตัวเองลงไปจี๋เอวไอ้เด็กดื้ออย่างเมามัน



“ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ โอ๊ยย ฮ่าๆๆๆ พี่ริน อย่างแกล้ง! ฮ่าๆๆ”ร่างโปร่งชักดิ้นชักงอหงายหลังอยู่บนพรม พยามยื้อยุดมือปลาหมึกของรินสุดชีวิต



“อย่าคิดว่าผมจะยอมนะ นี่แหนะ!!”ในที่สุดปูนก็คว้าข้อมือขาวเอาไว้ได้ก่อนจะรวบทั้งแขนซ้ายและแขนขวารินเอาไว้ด้วยกันแล้วออกแรงบีบไว้ด้วยมือข้างเดียว เด็กเมืองหลวงหรือจะสู้แรงเด็กฟาร์มโคนมได้



สถานการณ์พลิก!!



“เฮ้ย!! ขี้โกงหนิ โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ จั๊กจี๋ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ อุ๊บ ฮ่ะๆๆๆ เดี๋ยวก็ไล่ออกซะเลย!!”



จริงจังอยู่ดีดีกลับกลายเป็นเล่นซะอย่างงั้น นายคฑาถึงกับยืนขึ้นอย่างไม่เข้าใจภาพเด็กแสบสองคนนอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นไม้ปาเก้ โดยเฉพาะริน จากฝ่ายได้เปรียบกลั่นแกล้งเขาอยู่อีท่าไหนถึงได้นอนเกลือกกลิ้งหน้าแดงหอบหายใจใต้ร่างของปูนไปได้



“!!”



เนตรคมเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อร่างโปร่งของปูนขยับขึ้นมานั่งทับหน้าท้องขาวๆของรินซึ่งดิ้นแรงจัดจนเสื้อเลิกขึ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ข้อมือเรียวซึ่งถูกกอบกุมเอาไว้ทั้งสองข้างถูกยกขึ้นเหนือหัว ช่วงเวลาที่ปูนหยุดมือรินจึงหอบให้ใจอย่างคนขาดอากาศ



“พอ...พอเถอะ...แฮ่กๆ อื้อ พี่ไม่ไหวแล้ว อย่านะปูน”ใบหน้าแดงระเรื่อปรือตามองร่างด้านบนอย่างอ่อนระทวย



“...!!...”



นายคฑาผู้เคร่งขรึมยืนตะลึงงันมองการละเล่นตรงหน้าอย่างเข้าไม่ถึง ชายหนุ่มยกมือขึ้นทุบหัวบริเวณที่ไม่มีแผลเพื่อเรียกสติซึ่งฉายมโนภาพบางอย่างซึ่งออกสื่อไม่ได้ไปไกล



“พี่คฑา งื้อออ ฮ่าๆๆๆ ช่วยด้วย!! ช่วยน้องด้วย”ขณะนั้นเองเสียงสัญญาณ SOSจากริมฝีปากบางก็ดังเรียกสติ ชายหนุ่มขี้มโนเบือนหน้ากลับมาโดยไม่ลืมปรับให้มันเคร่งขรึมอย่างเก่าแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า



“เลิกเล่นได้แล้ว”



“โหย พี่ชายก็ แกล้งพี่รินสนุกออกจะตาย ห้ามทำไม มาแกล้งด้วยกันไหม ดูจากสีหน้าแล้วผมว่าพี่ชายก็อยากเล่นด้วยนะ”เหมือนมีลูกศรปักเข้ากลางอก แทงทะลุใจดำ คฑาเสียหลักจากการโจมตีทางคำพูด เป็นความจริงที่เขาเห็นแล้วนึกอยากเล่น
ด้วย...ในอีกความหมายหนึ่ง



แต่ด้วยภาพพจน์ทั้งหมดที่มีเขาจึงกระแอมไออย่างตั้งสติก่อนเอ็ดเสียงเข้ม



”ไม่ได้ บอกให้พอก็พอ ดึกแล้ว กินข้าวเย็นกันเถอะ”



และแล้วมื้ออาหารธรรมดาก็ดำเนินไปท่ามกลางความวุ่นวาย เด็กแสบคนใหม่เข้ายึดครองพื้นที่ ดูเหมือนคฑาผู้เก่งกาจเองก็แพ้ภัยเจ้าหนูคนนี้ไม่น้อย จึงไม่มีผู้ใดช่วยนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ให้รอดพ้นเงื้อมมือมารเด็กแม้แต่คนเดียว...



...

พี่คฑาคะ หลุดค่ะหลุด รั่วหมดแล้ว ถถถถถถถถ :laugh:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
รึว่าจะเป็นคนนอกหว่า?
แต่เลขาตาแม้อ่ะน่าสงสัย...
พวกนี้มันป่วนกันจริงๆ เลย
คฑาอยากเล่นอะไรกะน้องรินล่ะจ๊ะ หึหึ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 18:40:14 โดย boboman »

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ตลกแดกละครับ สุดท้ายก็แพ้เด็กจอมซนสองคนนี้จนได้นะคฑา แล้วตะเป็นฟาร์มใครละทีนี้นะ มันก็น่าสงสัยหมดเลย ต่อน่าอาจจะแก้งเป็นทำดีก็ได้นะเนี้ย

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 o18 พี่คฑาคิดไรเนี่ยอยากเล่นด้วยละซิ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
งานนี้คฑาคงต้องกลายร่างเป็นพี่เลี้ยงเด็กซนถึงสองคนแล้วล่ะค่าา :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่คฑาเป็นคนตลก 555555 รั่วจริงๆ คุณน้องน่ารักกกก >///<
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่5 อัศวินขี้อ่อย




เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วรินก็นั่งเป่าผมเงียบๆอยู่ในห้องคนเดียว มือเรียวสางผมสองสามครั้งเมื่อเห็นว่าแห้งแล้วก็ตีสีหน้าพึงพอใจก่อนนำอุปกรณ์เป่าผมไปเก็บเข้าที่ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์นอนเล่นมือถือบนเตียงอย่างมีความสุข



การได้ตากแอร์เย็นๆหลังวิ่งไปวิ่งมาทั้งวันคือการพักผ่อนอันล้ำค่า



เด็กหนุ่มสวมหูฟังก่อนหายเข้าไปในโลกตัว



แต่แล้ว...ความสุขนั้นก็หายไป



“พี่รินค้าบ!! เขยิบหน่อยสิ ให้ผมนอนด้วย!!”เสียงมารผจญดังขึ้นข้างหู ไอ้เด็กข้างบ้านซึ่งไม่รู้ว่าโผล่เข้ามาตอนไหนตะโกนเสียงดัง



รินเหลือบมองอย่างตกใจ เขาดึงสายหูฟังออกก่อนถลึงตาใส่ตัวป่วน



“เข้ามาทำไม!?”เพราะเมื่อกี้เปิดเพลงเสียงดังรินจึงยังไม่ได้ยิน



“ผม-บอก-ว่า-จะ-นอน-กับ-พี่!!”ปูนเน้นทีละพยางค์อย่างกวนบาทา หน้าตาทะเล้นตึงตังเชิญชวนให้ถีบสักเปรี้ยง รินนวดขมับเบาๆตามประสาคนไมเกรนขึ้น



“ไม่ได้ นี่ห้องพี่ ถ้าจะนอนก็ไปนอนที่อื่นไป๊”



“พี่ก็รู้ว่าผมหนีออกจากบ้าน ไม่มีเงินติดตัว แถมไม่ที่ให้พักพิงยังจะไล่ได้ลงคอ”เสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียว คุณน้องแห่งฟาร์ม
กานต์ผู้ถูกปฏิบัติอย่างดีอย่างลูกคนสุดท้องกัดฟันมองไอ้เด็กลูกคนเดียวที่นั่งยองๆเกาะขอบเตียงทำตาละห้อยน่าสงสาร



“ไม่ได้ไล่ขนาดนั้น แค่บอกให้ไปนอนห้องอื่น ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว อะไรก็มีเยอะแยะ”



“คนนะไม่ใช่ผักชี จะได้นอนในห้องครัว”คนถูกไล่ไปนอนห้องทำกับข้าวเบ้ปากงอแง



“ไม่เป็นผักชีนอนในห้องครัว ก็จงเป็นขี้นอนในส้วมซะ ถ้าไม่พอใจ จะเป็นทีวีนอนในห้องนั่งเล่นก็ได้นะ”รินยังไม่ลดละความพยาม ไล่สุดใจขาดดิ้น



“พี่รินใจร้าย”



“ไปนอนห้องพ่อพี่ก่อนก็ได้อะ”



“ไม่เอาอ่ะ ห้องลุงมีแต่กลิ่นคนแก่”



“งั้นนอนห้องพี่รัน”



“ไม่เอาอ่ะ ห้องนั้นพี่หน้าดุจองแล้ว”



“ไปนอนในคอกไป ที่ยังว่างอยู่”



“พี่ริน!!”



“ไอ้ปูน!!”



เกิดกระแสไฟฟ้าสถิตแล่นปราดจากดวงตาของเด็กเอาแต่ใจสองคน ปูนยืนขึ้นเต็มความสูงเพื่อข่ม จ้องกันไปมาสักพักก็ไม่มีความคืบหน้าลูกจ้างคนใหม่จึงกระโดดผล็อยยัดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มอย่างถือสิทธิ์



“ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”ร่างโปร่งทั้งผลักทั้งถีบแต่เจ้าปูนกลับไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย



“แบร่ พี่รินปวกเปียกทำอะไรเปียกปูนไม่ได้หรอก อิอิ”



รินมองเด็กที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ตนตาเหลือกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้



“เออ ยอมให้นอนด้วยก็ได้”ก่อนจะพ่ายแพ้ ก็ฝากคำทิ้งท้ายตามแบบฉบับไว้ว่า ฝากไว้ก่อนเถอะ ร่างโปร่งของคุณน้องผู้ยกธง
ขาวเดินกระแทกส้นเท้าตึงตังไปปิดไฟก่อนจะล้มตัวลงนอนเสียงจากเด็กเวรก็ดังขึ้น



“ปิดแอร์ด้วย”



“ห๊า!? อะไรนะ”



“ปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างเอา ทำตัวแบบพี่รินโลกถึงได้ร้อน”ปูนเลิกผ้าห่มขึ้นมาพลางยันตัวลุกนั่งเปิดหน้าต่างราวกับเป็นห้องของตัวเอง



“ปูน!! ปิดหน้าต่างเดี๋ยวนี้นะ ยุงเข้าหมดแล้ว!!”รินว่าเสียงแข็ง



“แมลงแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกคับคุณหนู”



“มันจะมากไปแล้วนะ!!”เส้นความอดทนอันบอบบางของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ขาดผึง รินหยุดการทำงานของเครื่องปรับอากาศอย่างหัวเสีย ร่างโปร่งปิดประตูเสียงดังเดินปึงปังออกจากห้องนอนตัวเองด้วยความโมโหอัดแน่นเต็มอก



ปูนตกใจไม่น้อยกับอาการของพี่ชายผู้ไม่ค่อยได้พบกันของตน



เท่าที่จำได้ในความทรงจำพี่รินคือพี่ชายผู้น่ารัก ใจดี ยิ้มง่าย...แล้วนี่หละ?



ช่างเถอะ...เลิกให้ความสนใจอย่างง่ายดาย



เด็กปูนผู้หนีออกจากบ้านล้มตัวลงนอนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


.



.



อีกด้านหนึ่งนายคฑาสถานะลูกจ้างชั่วคราวเช่นกันกำลังจัดของที่เพิ่งซื้อมาวันนี้เข้าที่เข้าทาง เนื่องจากเป็นคนมีมารยาทชายหนุ่มจึงเหมาซื้อข้าวของเครื่องใช้แทบทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ครีมโกนหนวด รองเท้า เสื้อผ้า หรือแม้แต่ผ้าห่มเขาก็ซื้อมา...



มือหนาแขวนผ้าขนหนูเอาไว้ที่ระเบียง ความจริงถ้าบ้าพอเขาคงซื้อลิ้นชักหรือตู้มาด้วย เพราะว่าห้องของคุณรันคนนี้เต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ ตู้เสื้อผ้ามีเสื้ออยู่ไม่กี่ชุดนอกนั้นก็เป็นกองหนังสือโป๊กับนิตยสาร FHM



ร่างสูงหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างสนใจ พลางนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้เสพของพวกนี้...



ตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานจนไม่มีเวลาหาความสุขให้ตัวเอง แฟนคนสุดท้ายก็เลิกรากันไปสามปีแล้ว เรื่องอย่างว่าก็อาศัยมือทำส่งๆไปเป็นการระบาย



ช่วงสามวันที่ได้พักผ่อนทำให้คฑาเริ่มหันมารักษาสภาพจิตใจของตัวเองมากขึ้น ชายหนุ่มพลิกหน้าปกเพื่อดูชื่อเล่มอย่างสนใจหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยบนหน้าปก



...เอาไว้กลับกรุงเทพแล้วหาซื้อสักเล่มสองเล่มก็ดีเหมือนกัน...



ก๊อกๆ



ขณะความคิดอกุศลกำลังโลดแล่นปรู๊ดปร๊าดในหัวที่มีแต่เรื่องงานนั้นเอง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น คฑาวางหนังสือไว้บนเตียงก่อนเดินไปเปิดประตู



“พี่คฑา...”สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าหมาหงอยของไอ้ตัวแสบที่หนีงานบัญชีอาบน้ำนอนตั้งแต่สองทุ่ม



เขาเลิกคิ้วอย่างฉงน เหตุใดเจ้าหนูถึงมาหาเขาในยามวิกาลด้วยใบหน้าแบบนี้?



“จะนอนรึยัง”รินถามเสียงอ่อย



“อีกสักพัก มีอะไรเหรอ?”



“พี่เปิดแอร์นอนไหม?”



“เปิดสิ ไม่ได้เหรอ มันเปลืองใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะปิดให้...”ร่างสูงทำท่าจะเดินไปปิดเครื่องทำความเย็นตัวกินไฟแต่ก็โดนมือเรียวคว้าหมับไว้ก่อน คฑาหันมามองร่างโปร่งอย่างไม่เข้าใจ




“ผมโดนแกล้ง ฮือๆ ไอ้ปูน ไอ้เด็กเวร คืนนี้ขอผมนอนด้วยนะ”รินยังเกาะแขนแกร่งไว้แน่น สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อไม่มากไปจนเป็นกล้ามปูแต่ก็ไม่ได้ผอมกะหร่อง



 และเด็กหนุ่มผู้กำลังอ้อนวอนชาวบ้านก็ได้ทำให้คฑาเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน



มือนุ่มค่อยลูบแขนของเขาอย่างแผ่วเบา ลากไล้ขึ้นลงขณะมองด้วยสายตาหลงใหล รินลากนิ้วไปตามแนวกล้าม ลากไล้ไปจนถึงต้นแขน ด้านในของเสื้อแขนสั้นก่อนจะรำพึงกับตัวเองเบาๆว่า



”สุดยอดเลย ชอบจัง”



“!!!”



“พี่เล่นยิมหรือเล่นกีฬาอ่ะ ทำไมมีกล้าม”



“เล่นเทควันโด”



“อ่อ มิน่า”



“อ๊ะ ขอโทษฮะ แหะๆ”รินสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่าจับนานเกินไป



เพิ่งรู้สึกเหรอไอ้เด็กบ้า คฑาผู้ถูกสตาฟยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนจะได้สติร่างบางก็แทรกตัวเข้ามาในห้องก่อนปิดประตูเสร็จสรรพ ท่ามกลางแสงไฟนีออนบนเพดานห้องชายหนุ่มจึงมองเห็นใบหูแดงระเรื่อจากด้านหลังของเด็กขี้ลวนลามได้



ก่อนเนตรคมจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนเตียงเข้า...อะไรบางอย่างที่เปิดดูก่อนจะเปิดประตู



นิตยาสารผู้หญิงเปลือย!!



“อะ...ไอ้หนู แล้วทำไมเราไม่ไปนอนห้องพ่อเราล่ะหืม?”รวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว คราวนี้คฑาเป็นฝ่ายคว้าข้อมือบางเอาไว้บ้าง เขาไม่ได้ไล่ เขาแค่ดึงความสนใจของรินเพื่อยืดเวลาขจัดหนังสือเล่มนั้นให้ไปพ้นๆ



การให้คนเพิ่งรู้จักกันรับรู้ว่าแอบอ่านหนังสือโป๊คงน่าอายมิใช่น้อย ถึงมันจะเป็นหนังสือของพี่ชายเจ้าตัวก็เถอะ



 คนถูกคว้าหันมามองอย่างสงสัย ใจนึกไปแล้วว่าชายหนุ่มไม่พอใจ



“ผมขอโทษ รบกวนเหรอ แต่ห้องพ่อไม่ติดแอร์อ่ะ พี่ชายทนนอนกับผมสักคืนเถอะนะ นะๆๆๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไม่ยอมไอ้ปูนมันแล้ว”



“เอ่อ เปล่า นอนได้ๆ...”



“อ๊ะ นั่น!?”รินเบิกตากว้างแล้วก็เพ่งสายตามองรอบห้อง



“อะไร!?”คนแอบซุกของเอาไว้สะดุ้งโหยง



“จะว่าไป ทำไมห้องพี่รันสะอาดขึ้นเยอะเลย ปิดเทอมที่แล้วยังรกถึงขนาดมีแมลงสาปมาวิ่งเล่น พี่ชายช่วยทำความสะอาดให้ใช่ไหมเนี่ย”รินผละตัวออกมา เขาเดินวนไปวนมารอบๆห้อง เป็นโอกาสอันดีงามสำหรับการซ่อนวัตถุอันตราย



คฑารีบอาศัยจังหวะที่ร่างโปร่งหันหลังหยิบนิตยสารลงไปซ่อนใต้เตียง แล้วยืนตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจังหวะพอดีกับใบหน้าหวานที่หันมาพอดี



“ปิดไฟเลยไหม?”ชายหนุ่มถาม รินพยักหน้าเห็นด้วยก่อนเดินไปปิดไฟเพราะอยู่ใกล้สุด นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์หมุนตัวกลับมาก็พบกับปัญหาใหม่



...เตียงเดี่ยว...



“ผมนอนพื้นก็ได้นะ”รินอาสา



“ไม่เป็นไร เรานอนบนเตียงไปเถอะ เดี๋ยวพี่นอนพื้นให้เอง”



“แต่พี่เป็นคนเจ็บ”



“แผลใกล้หายแล้ว เรานอนเตียงไปเถอะ เราเป็นเจ้าบ้านนะ”ชายหนุ่มเดินมาดันหลังรินผู้พยายามขืนตัวไว้สุดฤทธิ์ไปยังเตียง



รินสะบัดตัวไม่แรงนักจากนั้นก็หันมาเผชิญหน้ากับคฑาอย่างไม่เห็นด้วย”ถ้าพี่ไม่ยอม ก็นอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ!”น้ำเสียงติดจะแข็งเล็กน้อย เป็นเอฟเฟ็คจากเด็กปูนทำให้เจ้าตัวขาดสติพูดอะไรพล่อยๆออกมา



คฑาได้ยินดังนั้นก็ยื่นนิ่งตัดสินใจ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างยอมแพ้



“ก็ได้ งั้นเรานอนติดผนังนะ จะได้ไม่ตกเตียง”สิ้นคำรอยยิ้มดีใจก็ฉายชัดบนใบหน้าหวาน รินพยักหน้าแล้วก็ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกจากผนัง มือซ้ายทุบเตียง แปะๆ เรียกให้อีกฝ่ายมานอนด้วยกัน



“...”



เตียงเดี่ยวซึ่งบรรจุร่างสูงๆของผู้ชายได้แค่คนเดียวก็พอเหมาะแล้ววันนี้กลับมีร่างบางๆของใครบางคนเพิ่มเข้ามา ชั่วขณะที่คฑาขยับตัวหันหน้าไปหารินหมายจะคุยเล่น ระยะระหว่างกันมันน้อยนิดเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้



นัยน์ตาของทั้งคู่สบมองกันในระยะประชิด



“มือพี่เป็นยังไงบ้าง”รินถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มละไม



เหมือนจะมีคนตื่นเต้นเพียงฝ่ายเดียว...



แสงจันทร์ซึ่งลอดผ่านม่านสีฟ้าครามเข้ามาทำให้ทั้งคู่มองเห็นกันและกันลางๆ รินเอื้อมมือไปแตะมือซ้ายของชายหนุ่มแผ่วเบาเพราะกลัวจะไปกระทบกระเทือนบาดแผลเข้า



“หายแล้ว”



 “โกหก ยังมีเลือดแห้งอยู่เลย”รินแสร้งตีเสียงเข้ม นิ้วเรียวสัมผัสบาดแผลซึ่งแห้งสนิทแล้วเล่น



 “แล้วที่หัวกับที่สีข้างหละฮะ”



“ตรงหัวก็ใกล้หายแล้ว เหลือสีข้างนี่แหละรักษายังไงก็ไม่หาย ถลอกตลอด”ผู้ชายแถหน้าหนึ่งเอ่ยกลั้วหัวเราะ บาดแผลบนศีรษะเกิดจากการโดนตีหัวส่วนที่สีข้างโดนถีบเข้าเต็มๆแต่หนักกว่าการถีบคือการแถ



“ฮ่ะๆ พี่คฑาบ้า เอ้อ..แล้วได้สระผมบ้างป่ะเนี่ย?”รินหัวเราะคิกคัก



“สระสิ ตากแดดขนาดนั้น ขืนทิ้งไว้หัวเน่ากันพอดี”



“เห้ย...แล้วมันไม่โดนแผลเหรอ?”



“วันแรกก็ลำบากนิดหน่อยต้องคอยสระแบบระวังๆ แหงนคอแทบแย่ แต่วันนี้แผลเริ่มดีขึ้นถอดผ้าออกได้แล้วแถมยังซื้อแชมพูเด็กมาด้วย สะดวกดีไม่แสบแต่ข้อเสียคือไม่หอม”



“อ๋อ ก็ว่าอยู่ว่าเข้ามินิมาร์ทไปทำไมตั้งนานสองนานแถมไม่ยอมให้ผมตามเข้าไปด้วยนะ ที่แท้แอบซื้อแชมพูเด็กนี่เอง โอ๋ๆ เด็กโง่ ฮ่าๆๆๆ”



“ให้มันน้อยๆหน่อย”คนโดนล้อใช้มือข้างที่เจ็บนั่นแหละดีดหน้าผากเด็กแสบดังเป๊าะ



“โอยย งื้อ แซวนิดแซวหน่อยก็ไม่ได้ เชอะ เห หรือว่าอิจฉา?”



คฑามองสายตาเจ้าเล่ห์ของเด็กไม่รู้จักโตแบบงงๆ เขาไปอิจฉาอะไรใครตอนไหน



“ผมเค้าหอมอ่ะดิ ตัวเองใช้แชมพูเด็กน้อยแล้วก็มางอแงใส่ ผมเค้าหอมใช่มั้ย หอมๆๆๆๆๆ”รินขยับตัวยื่นหัวไปถูไถกับใบหน้าหล่อเข้มของชายหนุ่ม เส้นผมนุ่มสลวยละไปมาบนใบหน้าชวนจักจี๋ เดือดร้อนมือข้างเจ็บที่ต้องยกขึ้นมาหยุดการเคลื่อนไหวไร้สาระนั่น



“หอมมั้ย?”รินเงยขึ้นมาถามขณะถูกกดหัวเอาไว้กับหมอน



“ยุกยิกขนาดนั้นจะไปได้กลิ่นอะไร”



“อ่ะ งั้นให้ดมใหม่”สิ้นคำเจ้าเด็กขี้อ่อยก็ยื่นหัวมาอีกครั้งเล่นเอาชายหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน(อีกแล้ว)สะดุ้งถอยหลังอย่างตกใจราวกับโดนของร้อน



“เง้อ รังเกียจน้องเหรอ?”เห็นท่าทางแบบนั้นเล่นเอาหน้าเสีย



“ปะ เปล่า แค่ตกใจ”เห็นสีหน้าแบบนั้นก็ใจชายหนุ่มหล่นไปถึงตาตุ่มเช่นกัน



คฑารีบก้มหน้าลงมาสัมผัสกลุ่มผมนุ่ม กดปลายจมูกหนักๆหนึ่งทีรู้สึกถึงกลิ่นน้ำนมหอมหวานก่อนถอนตัวออกไปนอนที่เดิม การกระทำซึ่งเหมือนการหอมมากกว่าการดมนั้นเล่นเอาเจ้าตัวแปลกใจตัวเองไม่น้อย แต่ก็ตอบคำถามซึ่งเจ้าของเส้นไหมแสนหวานเมื่อครู่ถามตามจริง



“ก็...หอมดี”




ได้ยินดังนั้นรินก็พยักหน้าอย่างพอใจ”ใช่ไหมหละ แชมพูนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมฟาร์มเราเลยนะ”เด็กหนุ่มยิ้มอวดอย่างภาคภูมิใจ



“ทำเองเหรอ?”



“ป่าวๆ มีบริษัทเล็กๆในเมืองเขามาซื้อไปทำเป็น OTOPของเขาเองหน่ะ นี่ผมซื้อมาตั้งแต่ปิดเทอมครั้งก่อนละ เดี๋ยวมีงานวัดประจำอำเภอว่าจะไปซื้อเหมาไปใช้ในกรุงเทพด้วย”มือเรียวเกี่ยวปอยผมตัวเองมาดมฟุดฟิดด้วยใบหน้าปลาบปลื้ม ท่าทางชอบนักชอบหนา



การสนทนาทั้งหมดหยุดลงเมื่อต่างฝ่ายต่างหันหน้าออกจากกันแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา ความเงียบโรยตัวโอบล้อมห้องสี่เหลี่ยมรกๆของพี่ชายผู้บาดเจ็บ ทิ้งไว้เพียงความสงสัยของใครบางคนต่อเหตุการณ์เมื่อครู่ และความตื่นตระหนกจากคนที่หันหน้าเข้าหากำแพง








ไอ้ริน ไอ้บ้า เมื่อกี้แกทำอะไรลงไป แกทำอะไรลงไป แกทำอะไรลงไป!!?



ใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเมื่อนึกย้อนทวนการกระทำอุกอาจของตัวเองเมื่อครู่



......................................................................

เด็กอะไรขี้อ่อย ><

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
อ่อยเรื่อยๆ เลยจริงๆ 5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2015 05:12:29 โดย boboman »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่คฑาอย่าเพิ่งน้อยใจไปค่ะ เพราะตอนนี้พี่มีน้องรินตื่นเต้นเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งแล้ว :laugh: และน้องรินมั่นใจแล้วใช่ไหมคะว่าหนูสามารถต่อกรกับเด็กปูนได้จริงๆ น่ะค่ะ >< เราว่างานนี้คงได้เห็นเด็กขี้แยวิ่งมาขอนอนกับพี่คฑาอีกคืนแน่เลยเน้ออ >\\<

ปล. งื้อออ~ น้องรินตอนเผลอชอบทำกิริยาน่ารักๆ ใส่พี่คฑาอยู่เรื่อยเลยน้าา :-[

ออฟไลน์ TrafalgarLAW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ AllTheWay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4



บทที่5 อัศวินขี้อ่อย part2




ยามเช้าของฟาร์มกานต์ในห้องอาหารซึ่งมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น รินเท้าคางมองคฑาพูดคุยกับลุงชัยเงียบๆ



ตั้งแต่เขาตื่นแล้วก็เดินลงมาก็พบว่าลุงชัยกำลังโต้เถียงเรื่องบางอย่างกับชายหนุ่มอยู่ รินเดินเลี่ยงเข้าไปนั่งประจำที่พลางนั่งฟังบทสนทนาเงียบๆ



“ผมว่าคุณควรไปขอยืมคนงานจากฟาร์มอื่นนะครับ”




“เอ๊ะ ไอ้หนุ่มนี่พูดไม่รู้เรื่อง ก็เมื่อวานข้าก็ตระเวนไปตามบ้านพวกคนงานแล้วก็ขอให้เขามาช่วยแล้ว แต่ก็มีแค่ไอ้ปูนที่มา”ลุงชัยชี้ไม้ชี้มืออย่างออกรสใบหน้าฉายแววจริงจังและใส่อารมณ์



เมื่อครู่บอกว่าโต้เถียงกันเห็นทีต้องแก้ใหม่เป็นพี่คฑาพูดอย่างสุภาพอดทนส่วนลุงจะเถียงไม่ดูตาม้าตาเรือ



“ก็ผมถึงบอกให้คุณไปขอยืมจากเจ้าของฟาร์มเขาโดยตรงไงครับ คนงานเขามีงานของเขาอยู่แล้วเราเดินดุ่มๆไปขอความช่วยเหลือถึงอยากมาช่วยเขาก็มาไม่ได้เพราะติดเจ้านายครับ”



“ไปขอแล้วเขาจะให้ง่ายๆเรอะไง!?”ลุงชัยยังไม่ยอมฟังท่าเดียว



นายคฑาผู้ลงเรียนวิชาวาทศิลป์ได้เกรดAสมัยมหายังต้องยกธงขาวยอมแพ้ ชายหนุ่มยกมือขึ้นสางผมด้วยท่าทีเริ่มหงุดหงิด



“น้องว่าลุงทำแบบที่พี่คฑาบอกเถอะครับ”เห็นท่าไม่ดีนายน้อยเลยรีบห้ามทัพ แต่ดูเหมือนจะราดน้ำมันเข้ากองไฟเสียมากกว่า



“คุณน้องจะเชื่อคนแปลกหน้ามากไปแล้วนะครับ!!”นายชัยผู้หวงแหนคุณน้องเผยธาตุแท้ออกมาจนได้ แม้จะมีอายุมากแล้วแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของฟาร์มกานต์ย่อมมีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กเป็นเรื่องธรรมดา



ราวกับเด็กประถมไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนที่ย้ายเข้ามาใหม่ นายชัยตบเข่าดังฉาดอย่างไม่ยอมแพ้



“แล้วลุงจะต้อนวัว รีดนม ให้อาหาร เอาของไปส่งคนเดียวเลยรึไง น้องมีงานบัญชีต้องทำไปช่วยไม่ได้นะ!!”ทีอย่างงี้หละนึกถึงงานบัญชีขึ้นมาเชียว คฑามองสองคนของฟาร์มด้วยสีหน้าจนปัญญา



“นั่นก็...ให้พรช่วย...”



“ช่วยกระทืบแกหน่ะสิ เขาให้ทำอะไรก็ทำตามเขาไปเถอะ ปล่อยไว้ตั้งสองวันแล้วไม่เห็นจะได้เรื่องอะไร”ป้าพรยังยืนอยู่ข้างเดียวกับคนนอก รวมหัวกันโจมตีลุงชัย



“ถ้ายังไง เดี๋ยวผมโทรติดต่อกับฟาร์มคุณแม้กับคุณฟ้าโดยตรงเองก็ได้ครับ”ชายหนุ่มตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอาสาจัดการเรื่องคนงานเอง แม้เขาจะไม่รู้จักคนและไม่รู้ว่างานในฟาร์มมีอะไรบ้างก็ตามแต่ดูท่าปล่อยให้คนของฟาร์มจัดการกันเองจะยิ่งแย่กว่าเดิม



“จะไหวเร้อ...อย่างเอ็งนะ”ชายวัยขึ้นเลขหกทำหน้ากวนใส่



“อย่าไปสนเลยค่ะคุณน้อง คุณคฑา กินข้าวเช้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเย็นหมด”ป้าพรเอาชามข้าวต้มมาวาง จากนั้นก็จิกหูลากลุงชัยออกจากโต๊ะ”อ่อ ถ้าหนูปูนตื่นแล้วให้เขาตักในหม้อเอานะคะ ป้าไปทำงานหละ”



รินเบ้หน้าใส่ชื่อแสลงหู ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงแล้วไอ้เด็กลูกจ้างกิติมาศักย์ยังไม่โงหัวขึ้นจากเตียง อีท่านี้สมควรจับส่งพ่อไหม!? โตมากับฟาร์มแท้ๆพ่อแม่ไม่เคยใช้งานแต่เช้ารึไง แล้วทำไมเราถึงโดนลุงชัยใช้งานอยู่คนเดียวหละ!?



“เชอะ ไอ้เด็กบ้า”



“ว่าใคร?”ตายยากเว่อร์ นินทานิดเดียวก็โผล่มายืนสิงอยู่ด้านหลังหน้าตางัวเงีย



“นอนไม่หลับเหรอ”คฑาทัก



“ครับ คงต่างที่”ปูนเดินไปตักข้าวต้มในหม้ออย่างรู้งาน เหตุผลของการตื่นสายคือนอนไม่หลับ



...ปกติผมถูกพ่อเรียกตั้งแต่ตีห้า ฉะนั้นเรื่องที่พี่รินด่าผมข้างต้นนั้นเป็นโมฆะนะฮะ...



 กริ๊งงงง ๆ ๆ ๆ



ขณะใช้ไอ้ปูนไปล้างจานก็มีเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น รินผู้เป็นเจ้าของบ้านลุกจากโซฟาไปรับอย่างอิดออก”ฮัลโหล”กรอกเสียงเหนื่อยหน่าย ใครมันช่างกล้ามาขัดเวลาอู้ก่อนทำงานบัญชีได้นะ



“ชัยเหรอ ยังไม่ออกจากบ้านอีกรึไง วันก่อนก็บอกไปแล้วนะว่าผมออกจากโรงบาลตอนเก้าโมง!!”รินยกหูโทรศัพท์หนีเพราะความดัง แต่เดี๋ยวนะ เสียงแบบนี้มัน...



“พี่รันเหรอครับ?”



“อ้าว...รินเหรอ ชัยไปไหน ออกจากบ้านมารึยัง พี่รออยู่หน้าสุดเลยนะ”พี่รันผู้บาดเจ็บขาหักแขนเจ็บเดินทางเองไม่ได้จึงนัดให้ลุงชัยไปรับ แต่กลับถูกลืมสนิท รินยิ้มแห้งๆให้เครื่องมือสื่อสาร



ร่างโปร่งหันมาใช้งานคนที่เหมาะสมสุด



“ปูน เดี๋ยวขี่รถไปรับพี่รันให้หน่อยสิ ที่โรงพยาบาล”คนถูกเรียกหันขวับตาขวาง ชูชามในมือเชิงว่า ผมล้างจานอยู่ ไม่ว่าง!



“นะๆ ช่วยพี่รินหน่อยนะ”



“ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ชอบขี้หน้าพี่รัน ให้เขานอนต่อจนกว่าจะหายไม่ได้เหรอ มาเป็นภาระเปล่าๆ”ปูนบ่นอุบอิบ



“พี่รันเขาเป็นห่วงพี่เลยกลับมาช่วยไง เดี๋ยวพี่ยกโทษเรื่องเมื่อคืนให้เลยเอ้า!”รินพยามโน้มน้าว ปูนหูกระดิก(?)นิดหนึ่งเป็น
สัญญาณว่าเริ่มคล้อยตาม รินจึงกล่าวสมทบ



“ล้างเสร็จแล้วค่อยไป เราเป็นคนเดียวที่รู้ทางนะ ช่วยพี่หน่อย เดี๋ยวคืนนี้ให้นอนด้วยเลย”สุดท้ายก็ต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อพี่ชาย



“รับทรายครับท่านหัวหน้า!!”ปูนขานรับอย่างแข็งขันหันไปล้างจานเสร็จในพริบตา



ตอนนี้รินกำลังทำงานเอกสารอยู่ในห้องทำงานส่วนคฑาซึ่งออกจากบ้านมุ่งไปยังคอกวัวหมายช่วยป้าพรรีดนมก็ถูกไล่ตะเพิดออกมาเพราะเขามีแผลที่มือ เกรงว่าจะติดเชื้อเอา ร่างสูงจึงผันตัวมาเป็นเลขาส่วนตัวให้นายน้อยแห่งฟาร์ม



หรือพูดให้ถูกคือ...ผันตัวมาเป็นผู้บริหารแทน...



แม้รินจะเรียนคณะด้านนี้แต่ทักษะประสบการณ์ช่างอ่อนด้อยจนคนมองอดรนทนไม่ได้ไล่ที่แล้วลงมือทำเอง รินลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งจ๋องมองร่างสูงตาปริบๆ มองคนมีอายุกว่าทำงานอย่างเชี่ยวชาญ



“พี่ชายอายุเท่าไหร่เหรอฮะ”เพราะดูเป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้เลยเดาเล่นๆว่าอายุสามสิบ แต่พอมองใบหน้าหล่อเหลาคมๆที่มักคิ้วขมวดอยู่เสมอนานเข้าเลยคิดว่าเด็กกว่านั้นสักยี่สิบปลายๆหละมั้ง



“25 ไง เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเบญจเพส”



“อ่าว ก็นึกว่ามุก”แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ความจริงแล้วลืม ก็บรรยากาศตอนนั้นหน่ะมัน...



“แล้วพี่ชายทำงานอะไรเหรอฮะ”



“ทำงานทั่วๆไป”



“ตอบสั้นไปนะ ไม่คุยด้วยก็ได้ เชอะ”ร่างโปร่งสะบัดหน้างอน รินซึ่งถูกเพิกเฉยต่อคำถามก้มหน้าขีดๆเขียนๆงานบัญชีเงียบๆ
เดือดร้อนคนเย็นชาต้องวางปากกาแล้วเอื้อมมือไปหมายจะแตะตัวเพื่อง้อแต่กลับถูกสะบัดออกแบบไม่ใยดี



“อย่างอนพี่สิ”



“...”



เงียบ



“ดีกันนะ”คฑาแทบจะกัดลิ้นตัวเอง นี่เขากำลังทำตัวมุ้งมิ้งอยู่ใช่ไหม!? ลงทุนขนาดนี้แล้วไอ้หนูนี่ยังไม่หายงอนเลยนะ!!



“ดีกับพี่นะครับ น้องริน”เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เอียงคอนิดๆเพื่อให้มองเห็นหน้าของคนที่หันหนีไปอีกด้าน และคราวนี้เองชายหนุ่มแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะ



 พูดอะไรอกไป!! ทำอะไรลงไป!! มันไม่เข้ากับหน้าเขาสักนิด



“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย กลั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆ พี่ชายน่ารักจัง”รินหลุดขำยกใหญ่โดยไม่เกรงใจคนตรงข้ามสักเศษหนึ่งส่วนล้าน ขำเต็มมาก เต็มจนคนสุขุมอย่างคฑาถึงกับยกเท้าถีบเก้าอี้ล้อเลื่อนของร่างโปร่งให้ไถลไปติดข้างฝา แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่
ยอมหยุดหัวเราะ!!



“เมื่อกี้แกล้งพี่เหรอ!?”



“อื้ม”รินยิ้มหน้าบานกระดึ๊บเก้าอี้กลับมานั่งทำงานต่อไม่รู้ไม่ชี้ แลบลิ้นนิดหน่อยตามประสา



“แล้วเจ้านายไม่ว่าเหรอ โดดมาอยู่บ้านนอกแบบนี้”ผ่านไปชั่วครู่เจ้าตัวแสบก็กลับมาชวนคุยอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำขลับมองคนข้างหน้าฉายแววกังวลอยู่ลึกๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทุกครั้งที่คิดว่าสักวันคนคนนี้จะหายก็รู้สึกใจหาย



“เจ้านายไม่ว่าหรอกเพราะพี่นี่แหละเจ้านายตัวเอง”คฑาเอื้อมมือไปลูบผมคนฝั่งตรงข้ามอย่างเบามือ คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่ายสบายใจ



คำตอบนั้นสร้างความคาใจแก่ผู้ถาม”ตกลง พี่ทำงานอะไรเหรอ”ดูจากบุคลิกคงไม่ใช่เปิดร้านขายข้าวมันไก่หรือร้านซักรีดแน่นอน แล้วอะไรหละ? “อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้าน!?”



โป๊ก!



ตะโกนหน้าตาตื่นกับความเป็นได้ที่คิดเอาเอง ร่างโปร่งจึงถูกเขกมะเหงกเข้ากลางหน้าผาก



“จะบ้าเหรอ”ชายหนุ่มสายหายใจหน่ายๆ“พี่เป็นทนาย!”



“อ่าว แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่อ่ะ”เป็นทนายก็ต้องว่าความในศาลไม่ใช่หรือไง รินเอียงคอถามอย่างสงสัย



“ก็มานัดคุยกับลูกค้าซึ่งทำไร่ข้าวโพดใกล้ๆหนะสิ อย่าบอกนะว่าคิดเองเออเองว่าทนายต้องตัดสินคดีในศาล!?”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์พยักหน้าหงึกหงัก ท่าทางของคนไม่รู้เรื่องจริงๆเล่นงานชายหนุ่มจนปวดขมับ



“คนที่ทำอย่างงั้นได้คือผู้พิพากษา ส่วนทนายอย่างพี่จะขึ้นศาลก็ต่อเมื่อลูกความถูกเรียกตัวขึ้นศาลแล้วก็โต้ความกับทนายของอีกฝ่ายส่วนผู้พิพากษาจะเป็นคนตัดสินโดยดูจากน้ำหนังของข้อมูล หลักฐาน “ชายหนุ่มสาธยายอาชีพการงานให้เด็กหนุ่มฟังคร่าวๆ



“อ๋อ อืม...แล้วพวกคดีฆาตกรรมหละฮะ แบบในการ์ตูนนักสืบ?”เด็กหนุ่มติดอนิเมชั่นนึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งซึ่งตัวเอกเป็นเด็กแว่นไปที่ไหนมีคนตายที่นั่นจนพาลนึกถึงพวกคนร้ายว่าถูกโคโค่นัทนิทราเปิดโปงแล้วจากนั้นจะถูกไปทำอะไรต่อ



“เรื่องเด็กแว่นสินะ...เคยได้ยินคำว่าหลักฐานไม่เพียงพอเลยได้รับการปล่อยตัวออกมารึป่าว?”ชายหนุ่มกล่าวเว้นระยะให้คนฟังนึกตาม รินกลอกตาลำดับความคิดก่อนจะทำหน้าอ๋อ คฑาเลยขยายความ



“พอคนร้ายถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหามีสิทธิ์จ้างทนายส่วนตัวเพื่อหาหลักฐานให้ตนพ้นผิดในกรณีที่เขาบริสุทธิ์หรือเชื่อว่าจะสู้ความชนะ ส่วนทางตำรวจก็จะมีทนายของฝ่ายตำรวจนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาสู้ความในศาล หากหลักฐานแน่นหนาหรือผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ทนายส่วนตัวจะยื่นขอลดหย่อนโทษ ประมาณนั้น”



“โหว! น่าสนุกดีจัง!! เท่ห์อ่ะ พี่คฑา พี่เคยทำแบบนั้นไหมฮะ”ร่างโปร่งถึงกับยืนขึ้นเลย ตาโตใสแจ๋วระยิบระยับ รินอ้อมโต๊ะเดินไปเกาะไหลแกร่งเขย่าไปมาตื่นเต้นสุดขีด ส่วนคนถูกอ้อนหัวสั่นหัวคลอนรีบตอบแทบไม่ทัน



“เคยสิ”



“ชนะมั้ย!?”



“ชนะ”



“ทุกครั้งเลยเหรอ”



“อืม”



“พี่คฑา สุดยอด!!! คราวหน้าพาผมไปดูด้วยสิ นะๆๆๆๆ ผมอยากดูพี่ว่าความ ตอนชนะคดีต้องเท่มากแน่ๆเลย!”รินยิ้มแก้มปริด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกจ้างชั่วคราวของตน มือขาวคว้าแขนคุณทนายเขย่าไปมาอีกรอบ



“ได้สิ”เสียงทุ้มรับคำ



“เย้ รักพี่คฑาที่สุดในสามโลกเลย!”เจ้าตัวแสบโผตัวเข้าใส่คุณทนายคนเก่งอย่างลืมตัว ด้วยความดีใจ(เกินเหตุ)ร่างโปร่งจึงสวมกอดรอบคอชายหนุ่มขณะทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบนตัก ทันใดนั้นเองประตูห้องก็เปิดผลัวะ








“รินน้องรักพี่กลับมาแล้ว!!”



ผู้มาใหม่ยืนตลึงค้างอยู่หน้าห้อง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มผิดกับน้องชายผู้จากบ้านไปอยู่เมืองกรุง ชายหนุ่มนามรันทำงานคลุกคลีอยู่กับดินหญ้าจึงมีร่างสูง กล้ามเนื้อพอเหมาะอย่างคนทำงานหนักและผิวสีแทนมีเสน่ห์ ติดตรงผ้าพันแผลบนเส้นผมสีน้ำตาลแดงและเฝือกที่ขาและแขนขวา หนุบไม้เท้าไว้ตรงแขนซ้าย



การันต์ผู้ฝืนออกจากโรงพยาบาลเพราะเป็นห่วงน้องชายสุดที่รักอ้าปากรอแมลงวันบินเข้า มองภาพตรงหน้าตาถลน



กำลังกอดกัน!!



รินกำลังกอดกันกลมกับผู้ชายแปลกหน้าด้วยสีหน้าแสนสุขีเปรมปรีกับผู้ชายจากไหนก็ไม่รู้ในห้องทำงานสองต่อสอง!!
แถมก่อนเปิดประตูเข้ามาเขาได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้งรูหูเลยว่ารินบอกว่ารักผู้ชายคนนั้นที่สุดในสามโลก!!นั่นก็หมายความว่ารักมากกว่าเขาซึ่งเป็นพี่ชาย



“ใคร!!”เสียงทุ้มเอ่ยรอดไรฟัง ใบหน้าหล่อประดับด้วยแผลถลอกถามปูนซึ่งเดินอิดออดตามมาห่างๆ




“ไอ้หน้านิ่งนั่นใคร!!”





ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่คฑาถูกเขม่นแบบเต็มรูปแบบเข้าแล้วล่ะค่ะ เพราะน้องรินสุดที่รักของฟาร์มกานต์ทุ่มความสนใจทั้งหมดไปให้พี่ไม่พอ ยังอาจหาญบอกรักพี่ต่อหน้าต่อตาพี่ชายสุดหวงอย่างพี่รันเข้าไปอีก มีหวังหลังจากวันนี้พี่รันกับลุงชัยคงร่วมมือกันคิดแผนการมาป่วนพี่แน่ๆ เลยนะค้าา~ :laugh:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ดูท่าคฑาจะเจอก้างชิ้นใหญ่ซะแล้วมั้งเนี่ย

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่6 อัศวินเปียกปูน




“ลุงชัย!!”เสียงกัมปนาทดังขึ้นลั่นคอกวัว นายชัยผละมือจากสายยางเงยหน้ามองหาต้นเสียงอันคุ้นเคย



“คุณรัน ออกจากโรงบาลแล้วเหรอครับ”ชายแก่พูดคำพูดน่าโดนไล่ออกโดยไม่รู้ตัวแต่ร่างสูงซึ่งเดินดุ่มๆเข้ามาด้วยความหงุดหงิดไม่มีเวลาสนใจจุดนั้น



หลังจากทักทายรินน้องรักสองสามประโยคเขาก็รีบขอตัวออกมาเพื่อสอบถามที่มาที่ไปของชายแปลกหน้าคนนั้นจากปากนายชัยก่อน



อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนของรินซึ่งพามาเปิดตัว!!?



คิดไปไกลมากจนไม่กล้าฟังคำแนะนำตัวของชายปริศนาคนนั้น...



“ผู้ชายคนที่อยู่กับรินคือใครครับ!? แฟนรินเหรอ?”เสียงห้าวถาม



“อ่อไม่ใช่ครับ ไม่ใช่...ไอ้หนุ่มน่าโมโหนั่น เขาบาดเจ็บในฟาร์มเรานายน้อยเลยให้เขามาพักรักษาตัวในบ้าน...”



“แล้วลุงก็ปล่อยให้น้องผมนอนกับผู้ชายไม่รู้หัวนอนปลายเท้าหน้าตาเฉยงั้นเหรอ!?”คุณพี่ชายทะลุขึ้นกลางปล้อง



“ก็ผมก็งานยุ่ง”นายชัยพูดเสียงอ่อน ตอนคุณรันโมโหมีแต่คุณน้องเท่านั้นที่หยุดได้



“ให้ตายสิ คนนั้นคนนี้ก็ไม่ได้เรื่อง ผมไม่อยู่แป๊ปเดียวทำไมฟาร์มมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้ ไหนจะไอ้เปียกอีก!”



“เรียกใครไอ้เปียก”ฉับพลันเสียงบุคคลที่สามก็ดังขึ้นหน้าทางเข้าคอก ร่างสูงสะดุ้งโหยงหันมองทางต้นเสียงอย่างตกใจเพราะคิดว่าน้องชายสุดที่รักจะมาได้ยินตัวเองกำลังสาดเสียเทเสียไอ้หน้านิ่งนั่น



“ไอ้เปียก”โชคดีที่ร่างโปร่งซึ่งยืนหน้างออยู่หน้าประตูคือเจ้าเด็กเวรลูกชายฟาร์มข้างๆ



“ชื่อปูนไม่ได้ชื่อเปียก แค่นี้ก็เรียกผิด! สมควรแล้วที่พี่ฟ้าไม่เอา!!”ปูนเยาะเย้ยอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า



“ที่สำคัญยังขี้มโนอีก ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนที่พี่รินพามาเปิดตัว คิดไปได้เนอะ ฮ่าๆๆๆ ดูสิพี่ริน พี่คฑา พี่รันเขาขี่รถแหกโค้งจนเลอะเลือนไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ”ในขณะที่รันเพิ่งโล่งใจที่น้องรักไม่มาได้ยินเรื่องบ้าๆนั่นเอง รินและคฑาก็เดินเข้ามาด้านในด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก



“อ่า...”รันอ้าปากเตรียมแก้ตัว



“พี่คฑา เราไปกันเถอะ”ทว่าใบหน้าหวานซึ่งขึ้นสีแดงอ่อนก็หันหลังให้ก่อนคว้าแขนชายหนุ่มเบาๆแล้วเดินออกไปด้วยกัน ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนเป็นพี่!!



จะวิ่งตามไปก็ไม่ได้ ลำพังยืนให้อยู่ก็แย่แล้ว การันต์ผู้บาดเจ็บหันไปมองหน้าไอ้เปียกปูนของตนอย่างคับแค้น



“หนอย!! ไอ้เด็กพาซวย เพราะแก รินเลยโกรธเลยเห็นไหม!!”ตาคมๆจ้องอย่างเอาเรื่องแต่คนถูกมองกลับกอดอกฮัมเพลงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ซะอย่างงั้น



“พี่รันตาบอดรึไงถึงเห็นว่าเมื่อกี้พี่รินเขาโกรธ”ปูนถามด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงจัง รันจึงหยุดโกรธแล้วคิดตาม



“ก็รินหน้าแดง...ถ้าไม่โกรธแล้วจะอะไร”






“เขินไง”




“!!”



อีกด้านหนึ่งเจ้าของประเด็นหลักในตอนนี้จูงแขนคฑาเดินย่ำออกมาจากโซนคอกวัวอย่างไร้จุดหมาย รินไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดมากเรื่องพี่รัน เพราะสมัยเด็กๆตอนมาเที่ยวบ้านเขามักจะถูกเด็กผู้ชายในตลาดหรือลูกคนงานตามจีบเพราะน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง



คิดว่าเรื่องพวกนั้นมันคงฝังใจพี่ชายขี้หวงอยู่เสมอมาทำให้เขาพูดอะไรแบบนั้นออกมา ขืนปล่อยให้พี่ชายได้คุยกับพี่คฑาเดี๋ยวนั้นเลยได้มีวางมวยกันแน่เพราะพี่รันเป็นคนใจร้อน



แล้วเราจะเขินทำไมหละ?!



แปะๆ



มือเรียวข้างที่ว่างยกขึ้นตบหน้าตัวเองเสียงดัง คนถูกจูงอยู่หันมามองอย่างตกใจ”เป็นอะไรเหรอ?”



“อะ...เอ่อ เปล๊าๆ ไม่มีอะไรฮะ”



“เสียงสูง”



“เปล่าไม่มีอะไร”รินแสร้งทำเสียงต่ำหล่อแบบพระเอกหนังทีมพากย์เสียงไทยก่อนหัวเราะคิกคักชอบใจ



“ไม่สบายใจเพราะพี่รึป่าว?”เสียงทุ้มซักต่อ เขาเชื่อว่าคำพูดเมื่อครู่ของรันต้องสร้างผลกระทบบางอย่างแก่เด็กคนนี้ไม่น้อยเลย ดูจากความเร็วในการก้าวเท้าและทิศทางเดินสะเปะสะปะนี่



“ผม...ใช่ ผมไม่สบายใจ”ร่างโปร่งหันกลับมาเผชิญหน้ากับคฑา นัยน์ตาสีดำสวยสั่นไหวอย่างสับสน คฑาเลื่อนมือตัวเองมากุมมือข้างที่จับแขนตัวเองไว้แล้วนำมากอบกุมเบาๆ



นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์พยามลำดับความคิดยุ่งเหยิงในหัว เมื่อกี้พี่รันบอกว่าเรากับพี่คฑาเป็นแฟนกัน แล้วเราก็เดินหนีออกมาเพราะว่าเราเขิน เรา...เรากับพี่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่ว่า...ทำไม...



“ผมกลัวว่าพี่รันจะเข้าใจผิดเอา เพราะตอนเด็กๆผมโดนผู้ชายจีบเยอะ”สุดท้ายก็ตอบออกไปส่งๆ



“แล้วเดี๋ยวนี้ไม่มีเหรอ?”ชายหนุ่มถามล้อๆ



“ไม่มีหรอกเพราะผมไม่ค่อยเข้าเรียน แถมที่คณะยังมีแต่ผู้หญิงอีก โดนอ่อยจนเบื่อเลย ฮ่าๆๆ”รินแย้มแฉ่งตอบคำถามด้วยความภาคภูมิใจ ตอนปีหนึ่งปีสองก็ตั้งใจเรียนอยู่หรอกแต่พอขึ้นปีสามเท่านั้นแหละ...เละ!!



ฉับพลันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น รินรีบหยิบขึ้นมาเพื่อเช็คหมายเลข เป็นดังคาด เบอร์จากเลขาฟาร์มลุงแม้ มือเรียวกดรับด้วยความรู้สึกตื่นเต้น”ครับ”




“คุณรินเหรอคะ ตอนนี้คนงานของเราใกล้ถึงแล้วนะคะ”เลขาสาวกล่าว



“โอเคครับ ขอบคุณมากเลยครับ เดี๋ยวผมให้คนออกไปรับที่ปากทางนะครับ”นายน้อยแห่งฟาร์มขานรับอย่างสุภาพ ช่วงสายคฑาโทรไปติดต่อหล่อนอย่างที่บอกลุงชัยเอาไว้และมันก็ได้ผล เธอจัดแจงคนงานมาให้หกคนโดยมีข้อแม้ว่าเราต้องจ่ายค่าจ้างและค่ารถให้พวกเขา



“สำเร็จแล้วพี่ เท่านี้พวกเราก็จะว่างงานแล้ว!!”รินชูมือขึ้นฟ้าอย่างดีอกดีใจ



“ไปตามลุงชัยกันเถอะ”แต่ความยินดีก็ถูกขัดด้วยน้ำมือของคนจริงจัง ทนายหนุ่มผู้เอาการเอางานออกคำสั่งให้รินวกกลับไปหาลุงชัยอีกรอบ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์แสดงสีหน้าห่อเหี่ยวพยักหน้ารับรู้หงอยๆ



กลับไปก็เจอพี่รันขี้โวยวาย ลุงชัยหัวแข็ง ไอ้เด็กปูนขี้แกล้งหนะสิ!!



โอ๊ย! ให้ตาย ทำไมคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์มถึงได้นิสัยเสียกันทุกคนเลยนะ!!



“ลุงชัย คนงานมาแล้ว ออกไปรับที่หน้าทางเข้าเร็วครับ”รินค่อยๆย่องเข้ามาในฟาร์มซึ่งมีบุคคลสามหน่อตามรายชื่อข้างต้นครบถ้วน คนถูกเรียกหันมามองแบบงงๆก่อนนึกได้ว่าคุณน้องหมายถึงอะไรก็รีบกุลีกุจอออกไปด้วยสีหน้ามีชีวิตชีวา



มีคนมาช่วยงานหละสิถึงได้ดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้น เก็บอาการหน่อยก็ได้นะลุง...



“ริน...”เสียงทุ้มของพี่ชายเอ่ยอย่างกล้าๆกลัว แน่นอนว่าไม่ได้รับการสนใจ ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาปูนซึ่งใช้แปลงขัดคอกวัวอย่างขยันขันแข็งอยู่



“ปูน ไม่ต้องทำแล้ว งานพวกนี้เดี๋ยวให้คนงานเขาทำ พี่มีงานอื่นให้เรา”



“อะไรเหรอ!?”ลูกชายฟาร์มข้างๆหันมาถามนายจ้างของตนหางตั้งหูกระดิก ขอให้เป็นงานสบายๆนะครับพี่รินที่น่ารัก ถึงจะทำอะไรพวกนี้จนชินแล้วก็เถอะ แต่ปิดเทอมที่ไม่ต้องอยู่บ้านแบบนี้ก็ของานสบายๆบ้างอะไรบ้าง



“ดูแลพี่รัน”



สิ้นคำเหมือนมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางคอก พี่รันผู้ยืนคุมเชิงนายคฑา(เพื่ออะไร)อยู่หน้าประตูแทบจะทำไม้เท้าหลุดมือ ไอ้ปูนปล่อยแปลงขัดตกพื้นเสียงดัง ทั้งสองคนหันหน้าขวับมาตวาดเสียงดังพร้อมกันว่า



“อะไรนะ!!”



“จะบ้าเหรอ!!”



“ให้อยู่กับไอ้นี่ทั้งวันเนี่ยนะ!!”



“จะพูดตามผม/ฉันทำไม!!”



สองคนซึ่งสามัคคีกันผิดเวลาแยกเขี้ยวยิงฟันใส่กันจนคนไม่ค่อยอยู่บ้านตามไม่ทัน ตอนแรกแค่จะกำจัดตัวน่ารำคานสองคนให้กองรวมๆกันไว้ที่เดียวแต่ดูเหมือนเจ้าสองคนนี่จะไม่ถูกกันซะอย่างงั้น...ผิดแผนนะสิ ไม่ได้ๆ ยังไงก็ต้องมัดรวมกันเอาไว้จะได้ไม่มาเกะกะ



“ทำไมทั้งคู่ถึงไม่ถูกกันหละ?”รินเอ่ยถาม



“ก็พี่รันขี้โหวกเหวกหนวกหูไง!!”



“ไอ้เปียก แกไปตักน้ำใส่กะโหลกแล้วชะโงกดูเงาตัวเองบ้างนะ คิดว่าตัวเองไม่เอะอะน่าหนวกหูรึไง!?”ได้ยินดังนั้นปูนเลยเดินเข้าไปใกล้พี่รันที่บาดเจ็บอยู่ทำท่าจะดึงไม้เท้าออก



“เห้ย! ทำอะไร ไอ้เปียก!!”



“พี่รันงี่เง่าก่อนเอง ผมอยู่ของผมดีดีก็ขี่รถมากวนตีนที่ฟาร์มตลอด เห็นไหมที่ผมแช่งไว้เมื่อเดือนก่อนว่าขอให้รถพลิกคว่ำให้มันรู้แล้วรู้รอดเป็นจริงด้วย!! สมน้ำหน้า”เด็กหนีออกจากบ้านกระชากไม้เท้าออกจากมือคนเจ็บสำเร็จ



ร่างสูงซึ่งยืนด้วยขาเดียวเสียการทรงตัว ปูนเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะความเคยชินที่มักจะเล่นแรงๆกับรันตลอดทำให้เขาลืมว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่ไปสนิท ร่างโปร่งเลยโยนไม้เท้าไปอีกทางก่อนถลาตัวเข้าไปประครองร่างของรันซึ่งกำลังจะล้มหน้าทิ่มพื้น



“พี่รัน!!”เปียกปูนตะโกนเสียงดัง ร่างสูงกำยำอยู่ในอ้อมแขนได้ทันเวลา แต่ขณะล้มลงเกิดแรงกระทบกระเทือนที่ขาข้างที่หักทำให้ใบหน้าหล่อเหลาบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มือแกร่งเอื้อมมาจับแผ่นหลังของเด็กเกเร ออกแรงขยำเสื้อเพื่อระบายความเจ็บที่แล่นปราบตรงปลายขา



“ผมขอโทษ!!”ปูนร้องเสียงหลง หน้าตาแตกตื่นตกใจมองหน้าริน



“ไมเป็นไร”เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหู คนเป็นพี่พยามยันตัวลุกขึ้นพอดีกับรินซึ่งยื่นไม้เท้ามาให้เขา รันหยัดกายขึ้นด้วยตัวเองก้มหน้ามองไอ้เด็กขี้โวยวายซึ่งนั่งชันเขาหน้าเสียอยู่บนพื้น รินเห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปดึงแขนให้น้องลุกขึ้น



รันมองใบหน้าสำนึกผิดด้วยแววตาอ่อนลง มือหนาเอื้อมไปลูบหัวทุยๆแทนคำว่าไม่เป็นไร



“หืม...ไม่ยักกะมีเขาแหะ”แต่ก็ยังไม่วายกวนตีน



“พี่รันแม่ง ปลาหมอ”ไม่รู้จะหาอะไรมาเปรียบเปรย



แปะๆๆๆ



เสียงปรบมือดังขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น รินทำหน้าปลื้มปิติกับเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับว่ามันเป็นบทกวีอันซาบซึ้งของนักเล่านิทานพเนจร



“ยอดเยี่ยมมาก!! มิตรภาพของทั้งคู่ช่างงดงามยิ่งกว่าภาพวาดของแวนโก๊ะ ถ้าเช่นนั้นกระผมขอตัว ให้เวลาทั้งสองได้ดูแลเอาใจใส่กันและกันตลอดปิดเทอมนี้นะครับ พี่คฑา!! เผ่น!!”



สิ้นคำก็ลากแขนผู้ชายแปลกหน้าติดเกียร์หมาทิ้งให้พี่ชายที่เคารพกับเด็กข้างบ้านยืนอ้าปากค้างกินแมลงอยู่ที่เดิม “ริน ไม่นะ!!อย่าทำกับพี่แบบนี้”รันร้องสุดเสียง ตะโกนจนคอหอยแทบแตกแต่มันไม่มีวันส่งไปถึงรินผู้หายไปจากที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้วได้เลย



สองคนหันมามองหน้าตาปริบๆก่อนรันจะได้สติความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในสมองเป็นดอกเห็ดเข็มทอง ...ถือเอาโอกาสนี้กลั่นแกล้งเด็กเวรซะเลย



บรรยากาศรอบตัวเย็นขึ้นมาซะอย่างงั้น เปียกปูนรู้สึกหนาวๆร้อนๆขยับตัวถอยห่างมัจจุราชบาดเจ็บอย่างหวาดๆ”เดี๋ยว!! ไม่นะพี่รัน ผมขอโทษไปแล้วไง!!”



.



.



ป๊อก...ป๊อก...ป๊อก...ๆๆๆๆๆ



เสียงค้อนตอกตะปูดังไม่ขาดสาย ลูกจ้างชั่วคราวนามปูนใบหน้างอง่ำออกแรงตอกไม้ให้เข้าที่เข้าทาง ใจนึกสาปแช่งไอ้เจ้ามารตัวขนขาพิการข้างล่าง ไอ้พี่รัน ไอ้เลว!!



“เอ้าๆ อย่าหยุดมือ ตอกเข้าไป ตอก ป๊อกๆ”เสียงทุ้มตะโกนเย้ยหยัน ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าพลาสติกสีน้ำเงินพบเห็นได้ทั่วไปตามงานวันหรืองานใดๆที่งบไม่สูงซึ่งป้าพรเอามาให้พร้อมกางร่มดื่มน้ำอัดลมออกคำสั่งสบายใจ ถ้าขาไม่เจ็บคงนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่นไปด้วย



“ไอ้พี่รัน จำไว้เลยนะ!!”ปูนตะโกนลงมาจากหลังคาเสียงดัง...ใช่แล้ว จากหลังคา



หลังจากแยกย้ายกับพี่รินผู้น่ารักเด็กหนุ่มก็ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส นายจ้างผู้ละเมิดกฎหมายเยาวชนออกคำสั่งให้ปูนปีนหลังคาเพื่อซ่อมแซมโรงเรือนซึ่งถูกไฟไหม้ส่วนที่พังไปเพราะวัวจะกลับมาครบในเร็วๆนี้



กลางแดดเหน่งๆของประเทศไทยแม้จะไม่ใช่ฤดูร้อนแต่ก็ร้อนทั้งปี ร่างโปร่งก้มๆเงยๆโทรมเหงื่อไปทั้งตัว ขณะกำลังจะหมดแรงเผลอ’บังเอิญ’ทำค้อนหลุดมือใส่หัวไอ้คนข้างล่างสักเปรี้ยงเอาให้ดับคาที่นั้นเอง เสียงทุ้มของรันก็เอ่ยเรียก



“ไอ้เปียก ลงมานี่ๆ”



“จะใช้อะไรอีกหละ!?”ถามอย่างไม่ใจ ไม่ใช่ว่าหลอกให้ลงไปแล้วก็ต้องปีนกลับขึ้นมาอีกนะ



“ลงมานั่งพักนี้ เดี๋ยวเป็นลมตกลงไปตายพอดี”ร่างสูงลุกขึ้นสละเก้าอี้ให้ เปียกปูนมองตาถลนเหมือนเห็นผีไม่อยากเชื่อหูว่าไอ้คุณพี่รันเป็นห่วงตนแต่ก็ยอมลงโดยดีเพราะเหนื่อยจัด



“น้ำ”รันยื่นน้ำที่ป้าพรเพิ่งเอามาให้แก่เด็ดเวร



“ขอบคุณ”



“ไม่ต้องมามองหน้า กินเสร็จแล้วก็ไปทำงานต่อ!”เจ้านายตีเสียงเข้มใส่ลูกน้องซึ่งแยกเขี้ยวใส่ตามประสาเด็กเก็บกดแต่ไม่มีที่ลง



“นั่งพักแปป ลุกดิ”เด็กมัธยมปลายโบกมือไล่ผู้ชายวัยยี่สิบต้นๆประหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน รันมองหน้าเด็กมันก่อนจำใจยันตัวลุกขึ้นหลบให้เด็กนั่งพร้อมกางร่มแถมให้เป็นกรณีพิเศษ



 “ทะเลาะอะไรกับพ่ออีกหละ”หลังยืนเมื่อยได้สักพักรันก็เป็นฝ่ายเปิดปากถามออกมาจนได้ ตั้งแต่เล็กจนโตไอ้หนูนี่ทะเลาะกับพ่อแทบทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ นอกจากลูกจะดื้อแล้วตัวพ่อยังไม่ใส่ใจอีก ปูนมันกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กแล้วทำให้ไม่ค่อยมีใครดูแลก็มีเขานี่แหละที่คอยแวะเวียนไปหา(ไปกวนตีน)บ่อย



นายการันต์ผู้หลงคิดไปว่าการกระทำของตนคือการหวังดีนึกชื่นชมความใจกว้างของตัวเองในใจ



“พ่อไม่ให้ไปเรียนมหาลัย”



“อ่อ แล้วติดคณะอะไร ที่ไหนหละ”



“วิศวะ ในกรุงเทพ”



เด็กหนุ่มขยี้หัวอย่างหงุดหงิดเหตุผลที่ปูนปิดเทอมพร้อมกับรินที่เป็นเด็กมหาลัยซึ่งเลื่อนปิดเทอมเป็นเดือนพฤษภาคมเพื่อรอรับ AEC ก็เพราะว่าเขากำลังจะขึ้นมหาลัย!!



“อุตส่าห์อ่านหนังสือแทบตาย พอติดแล้วไม่ให้ไปเรียนเฉยเลย! ไม่ยอมหรอก ถ้าพ่อไม่ให้ไปก็จะทำงานเก็บเงินตอนปิดเทอมนี่แหละเป็นค่าเทอม หนอยๆๆ ลุงอ้วนบ้า! ได้เรียนมหาลัยเดียวกับพี่รินแล้วแท้ๆ รู้ไหมว่าปีนี้เป็นปีเดียวที่เราจะได้อยู่ด้วยกันนะ!!”



ปูนเตะฝุ่นดีดดิ้นจนรันต้องเขยิบถอยกลัวโดนลูกหลง



ไอ้เด็กนี่ชอบรินมาแต่ไหนแต่ไรแล้วถึงเจ้ารินจะไม่รู้ตัวก็เถอะ ตอนรู้ว่ารินต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพนะร้องงอแงใหญ่เพราะกว่ามันจะกล้าออกจากมุมเสามาเล่นกับรินได้ก็รวบรวมความกล้าอยู่นานเป็นปีๆ



“พี่รัน!! พี่ห้ามไล่ผมออกเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะเตะขาพี่ให้หักเลย แล้วพี่ก็ต้องให้เงินเดือนผมเยอะๆด้วย เดือนละสองหมื่นเลย!!”



“น้อยๆหน่อย ข้าวปลาที่อยู่ก็ฟรีแล้วยังเรียกเงินขนาดนั้น เอาไปแค่สองร้อยพอ!!”



“พี่รัน!!”



“นี่ยังทะเลากันไม่เลิกอีกเหรอ?”ฉับพลัน ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น เสียงใสของใครบางคนก็ดังขัดขึ้นก่อน สองหน่อรีบสามัคคีกอดคอฉีกยิ้มหันไปหาร่างโปร่งซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล



“ไปกินข้าวเย็นกันเถอะ”รินเอ่ยชวน



“ยังไม่มืดเลยนี่”รันท้วง



“กินๆไปเหอะ จะได้เลิกงานแล้วนอนๆสักที”พูดจบก็เดินนำกลับบ้านไม่สนคำใคร พวกที่เหลือเลยขัดไม่ได้ เพราะพี่รันแขนเจ็บจึงจับปากกาทำงานไม่ได้ภาระบัญชีทั้งหมดเลยอยู่ในการดูแลของรินเหมือนเดิม...อุตส่าห์คิดว่าจะสบายแล้วแท้ๆ...



ในห้องอาหารห้องเดิมหลังจากกินและอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้วมันก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นห้องประชุมคณะกรรมการฟาร์มกานต์อีกครั้ง นายน้อยแห่งฟาร์มวางเอกสารลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าเครียดเขม็งก่อนพยักหน้าให้เลขส่วนตัว(?)ชี้แจงรายละเอียดให้คนมาใหม่ทราบ



“ตอนนี้วัวทุกตัวถูกนำกลับมาเรียบร้อยแล้วถูกติดป้ายชื่อและเลี้ยงคละกันอยู่ในโรงเรือนที่ไม่เสียหาย ผมคิดว่าเราควรเรียกสัตวแพทย์มาดูแลพวกมันอย่างใกล้ชิด ระหว่างรอการซ่อมแซมคอกที่เสียหาย ซึ่งพรุ่งนี้ผมจะสั่งให้คนงานของลุงแม้ไปซ่อมให้”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ



รันพยักหน้าอย่างเข้าใจผิดกับปูนที่ตบโต๊ะโวยวาย”ถ้าอย่างงั้นวันนี้ผมจะซ่อมไปเพื่ออะไรอ่ะ!!”



“เอ่อ ก็...ถือว่าแบ่งเบาภาระคนงานไง ฮ่าๆๆๆๆ”รันหัวเราะเยาะดังลั่น รินเลยเตะขาข้างที่เจ็บเบาๆเป็นการสั่งให้หุบปากชั้นดี



“คนงานของลุงแม้ทำงานดีกว่าที่คิดเนอะ”รินเลิกตีหน้าขรึมแหงนหน้าขึ้นฟ้ามองหลอดไฟบนเพดาน เขาวิ่งรอกต้อนวัวแทบแย่ได้มาไม่ถึงครึ่งแต่ไหงพวกนี้มาวันเดียวถึงได้ครบแบบนี้...จะว่าไป



“แต่พวกเขาหาลูกแมวน้อยไม่เจอ”เสียงใสรำพึงกับตัวเองอย่างกังวล



“ลูกแมวน้อย...?”รันตีหน้าฉงน



“ก็ลูกวัวที่เพิ่งคลอดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมตั้งชื่อมันว่าลูกแมวน้อยหนะ”



“หาดีแล้วรึยัง”รันถามโดยพยามมองข้ามเรื่องชื่อไป



“ผมให้พวกเขาปูพรมหาตั้งแต่ขอบฟาร์มไล่มาทุกซอกทุกมุมแล้วครับ”พี่ชายคนกลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความไม่พอใจ คำพูดมันไม่ได้มีอะไรผิดแปลกแต่คนพูดนี่สิ



คฑาหันไปมองใบหน้าหวานอย่างต้องการคำปรึกษา รินจึงเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูชายหนุ่มว่า”อย่าสนใจเลย พี่รันบ้าๆบอๆอีกเดี๋ยวเขาก็เลิกเหม็นขี้หน้าพี่เองแหละ”ทั้งสองคนผละออกจากกันจากนั้นก็สบตาแล้วก็หัวเราะคิกคัก ภาพโลกส่วนตัวสีลูกกวาดกระแทกตาคุณพี่ชายหวงน้องจนหงายหลัง



“ถ้าอย่างงั้นมันอาจจะหลุดไปฟาร์มข้างเคียง”คฑารับน้ำจากป้าพร เธอว่างงานหลังจากมีคนมาช่วยจึงอยู่ร่วมประชุมด้วยปล่อยให้ชัยออกหน้าไปคุมคนงานคนเดียวโทษฐานชอบอู้งานบ่อยๆ



“อืม...ก็เป็นไปได้”แม้จะไม่ถูกชะตาเท่าไหร่นักแต่คนคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่รันจึงยอมรับฟัง



“แล้วเจ้าของฟาร์มเขาจะไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามีเกินมาตัวนึง”รินถามหน้าซื่อ



“ถ้าเป็นพ่อผมหละก็เก็บไว้เป็นของตัวเองแน่ๆ”ลูกชายคนเดียวของฟาร์มข้างๆว่าร้ายบิดาหน้าเครียด



บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารร้อนๆหนาวๆ พรซึ่งตั้งใจว่าจะยืนฟังเริ่มง่วงเลยแอบเดินจากไปนอนในเรือนเล็กเงียบๆปล่อยให้ผู้ชายสี่คนนั่งจมกับความคิดของตัวเองทั้งอย่างนั้น



“ผมว่านะ...เราแอบเข้าไปดูในคอกบ้านผมกันมั้ย”ความเห็นของเด็กฟาร์มข้างเคียงเรียกรวมสายตาของทุกคนในที่นั้น



“ก็ดีนะ”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์เห็นด้วย ผิดกับผู้ใหญ่อีกสองคน



“ทำไมเราไม่เข้าไปหาเขาตรงๆเลยหละ ลุงเปรมก็คงไม่ห้าม”รันแย้ง



“พ่อได้ล็อคคอผมกลับบ้านหนะสิ!!”คนเพียงคนเดียวที่จะเดือดร้อนกับการทำเช่นนั้นรีบร้อนห้ามก่อนหันไปหาที่พึ่งสุดท้าย”ใช่มั้ยพี่ริน”



“อืม...ผมว่า...”เด็กหนุ่มเว้นคำ”คืนนี้ดึกแล้วเราไปนอนกันก่อนดีกว่า”พูดจบก็ลุกขึ้นหน้าตาเฉย คนอื่นแทบจะตกเก้าอี้เพราะตกใจในคำพูดปัญญาอ่อนไม่มีที่มาที่ไปนั่น มีปูนที่ไหวตัวทันเป็นคนแรกรีบลุกตามประกบร่างโปร่งทันที



“เดี๋ยวสิพี่ริน รอผมด้วย”



คนถูกเรียกเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ส่วนพี่ชายของคนถูกเรียกโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจ”เห้ย ไอ้ปูน อย่าบอกนะว่าแกคิดจะนอนกับน้องข้า”รันถามเสียงกร้าว



“อื้ม!!”



“ไม่ได้!! ริน คืนนี้มานอนกับพี่!!”หันไปคว้ามื้อขาวเอาไว้ด้วยมือข้างที่เจ็บ ท่าทางจะหวงน้องเข้าขั้นลืมตายกันเลยที่เดียว



“แล้วผมหละ”ปูนรีบแย้งหน้าตาตื่นเมื่อเห็นโอกาสโดนเด้งของตน



“ไปนอนห้องพ่อโน่น!!”



“ไม่เอาอ่ะ เหม็นกลิ่นคนแก่!!”ปูนทำท่าไม่ยอม วิ่งมาคว้ามืออีกข้างของริน



“งั้นก็นอนห้องรินไป ส่วนริน เรามานอนห้องพี่”



“เสียใจด้วยนะพี่รัน ห้องพี่อ่ะ พี่รินให้พี่คฑานอนอยู่!!”เด็กเวรแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนมาทีหลัง รันได้ยินถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ รินปล่อยให้ไอ้หน้านิ่งมานอนห้องพี่งั้นเหรอ!!



“งั้นคุณ!! ไปนอนห้องพ่อ”สิ้นความคิดก็รีบไล่ชายหนุ่มออกจากห้องทันที



“ไม่ได้นะ พี่คฑาเขานอนห้องแอร์”คราวนี้คนท้วงคือริน คฑายืนมองสามทหารเสือยืนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่หน้าบันได เขาไม่รู้ว่าควรเสนอตัวไปนอนห้องไหนเพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด แต่ทว่ารินกลับแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยการเพิ่มปัญหาเข้าไป



“พอเลยๆเถียงกันอย่างนี้ คืนนี้ไม่ได้นอนแน่ ผมจะนอนกับพี่คฑาในห้องพี่รัน ส่วนปูน นอนห้องพี่เหมือนเดิม อยากเปิดหน้าต่างอะไรเต็มที่เลย ส่วนพี่รันก็ไปนอนห้องพ่อ โอเคตามนี้นะ”



“ไม่!!”สองเสียงประสานไม่ยอม แต่มีหรือที่คนที่เอาแต่ใจที่สุดในที่นี้อย่างรินจะยอมฟัง เด็กหนุ่มเดินมาคว้ามือคฑาพร้อมจูงมือขึ้นชั้นสองไปแบบไม่ใยดีสีหน้าเหมือนโลกจะแตกสลายของพี่ชายบังเกิดเกล้า



“ริน!! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!! ไอ้บ้านั่น อย่าไปหลงกลมันนะริน มันจ้องจะงาบเราอยู่ พี่ดูออก สายตามันหื่นมากเวลามันจ้องน้อง!! รินนนนน!!”




...

 :z2: :z2: :z2: :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด