พิมพ์หน้านี้ - (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nikkou ที่ 02-07-2015 17:36:55

หัวข้อ: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 02-07-2015 17:36:55
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************











อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม



ภาพที่สะท้อนในดวงตานั้นคือสถานที่อันแสนคุ้นเคย...สถานที่ที่เขาเกิดและเติบโต



กลิ่นดิน กลิ่นหญ้าและกลิ่นของปศุสัตว์ชวนคิดถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ลอยเข้าจมูก



นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ผู้จากบ้านไปไกลตั้งแต่อ้อนแต่ออก กลับมาที่แห่งนี้อีกครั้งด้วยความคิดถึง



ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือบ้านเปล่าๆไร้เงาพ่อและพี่ชาย!!



ที่พักเปล่าๆไร้เงาคนงาน!!



คอกเปล่าๆไร้เงาโคนม!!



และผู้ชายปริศนาที่เดินเลือดโชกหัวเข้ามาในช่วงเวลาวิกฤต!!



คดีวัวหายล้อมคอกต้องรีบแก้ไข ไหนจะนมกว่า 4000กิโลกรัมที่ต้องส่งสหกรณ์วันต่อวันอีก



ปิดเทอมใหญ่ครั้งสุดท้ายในฐานะนักศึกษาระดับปริญญาตรีเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย แล้วจะจบลงด้วยอะไร ได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้



ในใจและก้มหน้าหยิบสมุดบัญชีออกมากางทั้งน้ำตา...





หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... เริ่มเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 02-07-2015 18:13:44
เจิมเรื่องใหม่  อิๆๆ  นายเอกคงไม่ใช่แม่วัวนะ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... เริ่มเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-07-2015 18:29:25
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [3/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 03-07-2015 17:56:46

(http://s23.postimg.org/6agvxbr4r/o_COW_facebook.jpg) (http://postimg.org/image/s9nakj7yv/full/)
image posting (http://postimage.org/)


ʕ ˵ ̿ ౪ ̿ ˵ ʔʕ ˵ ̿ ౪ ̿ ˵ ʔʕ ˵ ̿ ౪ ̿ ˵ ʔʕ ˵ ̿ ౪ ̿ ˵ ʔʕ ˵ ̿ ౪ ̿ ˵ ʔʕ ˵ ̿ ౪ ̿ ˵ ʔʕ ˵ ̿ ౪ ̿ ˵ ʔ



บทนำ



“โอยยยย ถึงสักที”เจ้าของเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน หันไปมองรถกะป๊อประจำทางสีขาวเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็วระดับนักบิดฟอร์มูลาวันอายพร้อมจดจำเลขทะเบียนอย่างเคียดแค้น กลับบ้านคราวหน้าจะไม่ขอขึ้นรถคันนี้อีกเป็นครั้งที่สอง นั่งไปเมารถไปกลัวบาดทะยักกินไปจะบ้าตาย



ก็นะ...ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากนั่งอีกหรอก แต่ฟาร์มของพ่อดันตั้งอยู่หลังเขาห่างไกลจากตัวเมืองเป็นหมื่นลี้ซะขนาดนี้รถดีดีที่ไหนเขาจะแล่นผ่าน



เห็นทีคงได้ฤกษ์หัดขับรถซะแล้ว



เด็กหนุ่มกระชับกระเป๋าบนบ่าก่อนเดินตรงไปตามทางลูกรังซึ่งมีป้ายทางเข้าเปื้อนฝุ่นตั้งเอียงกะเท่เร่เขียนไว้ว่า



‘ยินดีต้อนรับสู่ฟาร์มโคนมกานต์’



แต่ละก้าวผ่านไปอย่างยาวนาน แสงแดดของเมืองไทยวันนี้ยังคงไม่ปราณีนักเดินทางผู้จากบ้านมานานเช่นเคย ทำให้สายลมอ่อนๆยามสายพัดผ่านร่างโปร่งกลายเป็นสหายล้ำค่าของเจ้าตัวซึ่งกำลังทอดสายตามองทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้า




ภาพที่สะท้อนในดวงตานั้นคือสถานที่อันแสนคุ้นเคย...สถานที่ที่เขาเกิดและเติบโต



กลิ่นดิน กลิ่นหญ้าและกลิ่นของปศุสัตว์ชวนคิดถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ลอยเข้าจมูก ขนาดอยู่แค่ปากทางยังฉุนชัดเจนขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึงตัวบ้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอกวัว



สมควรแล้วที่แม่จะหอบผมหนีไปอยู่กรุงเทพ พ่อหนอพ่อ รู้ไหมว่าแม่บ่นให้ฟังทุกเช้าเย็นเลยว่าก่อนแต่งก็บอกว่าจะเลิกกิจการไปหางานทำในเมืองหลวง แต่แต่งจนแกขึ้นประถมแล้วก็ยังคลุกขี้วัวอยู่นั่นแหละ ผู้ชายพูดจากลับกลอก อย่างงี้สมควรเลิก!



จากนั้นแม่ก็พาผมซึ่งอยู่แค่ชั้นประถมมาตั้งรกรากที่กรุงเทพแดนศิวิไล ทิ้งให้พ่อดูแลพี่ชายและพี่สาวอยู่ที่บ้านนอกคอกวัวและไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย มีแค่เขาเท่านั้นที่กลับมาที่นี่บางปิดเทอมเพื่อเที่ยวเล่นและปิดเทอมนี้ก็เช่นกัน...



ใบหน้าหล่อปนหวานฉายแววไม่พอใจยามย่ำเท้าไปตามทางอันยาวไกล เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพลายเต็มแผ่นหลัง ใจนึกด่าพี่ชายที่เคารพรักผู้ควรขี่รถออกมารับแต่กลับเที่ยวส่องสาวฟาร์มข้างๆจนรถแหกโค้งนอนโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน มันน่าไหมหละ น้องชายที่น่ารักจะกลับบ้านทั้งคนทำไมไม่รักษาสุขภาพ!? ดีนะแค่ขาหัก แต่ไม่ไปเยี่ยมหรอก งอน! เชอะ!



“ทางนี่มันจะยาวไปไหนนิ ทำไมไม่สร้างบ้านติดทางเข้าก็ไม่รู้”น้องเล็กผู้ไม่ชินถิ่นบ่นกระปอดกระแปดให้เศษดินและก้อนหินฟัง
“ฮึบๆ นี่บ้านไงจำไม่ได้เหรอ อดทนไว้นะริน คนหล่อซะอย่างแค่นี้สบายมาก เห้ๆ”ปลุกใจตัวเองจนฮึกเหิม(?)เองเรียบร้อยก็ออกเดินทางมุ่งตรงไปยังทิศทางซึ่งจดจำได้อย่างแม่นยำ



...ทางกลับบ้าน...



ดีนะที่จำทางได้ ถ้าเพิ่มหลงทางเข้าไปอีกอย่างคงได้ขาดน้ำตายข้างทาง



ไม่นานนักแต่นานมากบ้านปูนสองชั้นสีขาวลายวัวขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กก็ปรากฏสู่สายตา สร้างรอยยิ้มแก่นักเดินทาง(กลับบ้าน)ผู้เมื่อยล้า



“ลุงชัย!! ลุงชัย ผมกลับมาแล้ว!!”



ลุงชัยหรือชายแก่ร่างผอมกะหร่องวางไม้กวาดทางมะพร้าวพร้อมหันมองหาต้นเสียงโหวกเหวกเตรียมต่อว่าเพราะคิดว่าเป็นเด็กแถวนี้มาก่อกวน ก่อนจะเจอร่างโปร่งวิ่งโผเข้ากอดอย่างดีใจ ทั้งดีใจที่ได้เจอลุงและดีใจที่ถึงสักที คิ้วที่ขมวดมุ่นของชายชราคลายออก ใบหน้าขุ่นมัวแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม



“คุณน้องกลับมาแล้วทำไมไม่เรียกลุงออกไปรับหละครับ ดูซิเดินซะเหงื่อท่วมตัวเลยเนี่ย”นายชัยคนงานเก่าแก่ของฟาร์มโคนมแห่งนี้กอดตอบลูกชายคนเล็กของเจ้าของฟาร์มอย่างคิดถึงเหมือนได้เจอลูกเจอหลานตัวเอง



“ก็น้องไม่อยากกวนลุงนี่”คนอาวุโสน้อยกว่ากล่าวอย่างออดอ้อน



“แหม่ๆ เดี๋ยวเดียวก็ขึ้นปีสี่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ยังแทนตัวว่าน้องอยู่อีก หืม?”ลุงชัยดุแกมหยอกพลางเขกหัวเจ้าตัวดีที่ยิ้มหน้าแป้นแล้นใส่อย่างเอ็นดู



“ทีลุงยังเรียกผมว่าน้องเลยนี่”



ชื่อเล่นที่แท้ของผมคือ ‘ริน’ ไม่รู้ว่าเอามาจากค่ำว่ารินน้ำหรือแค่หาชื่ออะไรก็ได้ให้มันคล้องกับพี่ชายซึ่งมีชื่อว่า’รัน’



“เอ๊า! ก็มันชินปากหนิ เอาเถอะๆเข้าบ้านก่อนเถอะครับ พร!!คุณน้องกลับมาแล้ว เอาน้ำมาเสิร์ฟเร็ว!!”ลุงแกว่างั้นก่อนจัดแจงคว้ากระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่นักเพราะมีข้าวของจำเป็นอยู่ในบ้านอยู่แล้วไปยื่นให้คนงานที่รินไม่คุ้นหน้ารับไปเก็บที่ห้อง



“แล้วพ่อหละครับ?”เด็กหนุ่มถามลุงเมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วกลับไม่พบเงาของบุพการี



“แกไปรับขวัญหลานที่เชียงใหม่นู้น กว่าจะกลับก็คงอีกนานแหละครับ แกเห่อหลานเห็นบอกว่ารอส่งเข้าอนุบาลเดือนหน้าถึงจะกลับ”รินพยักหน้ารับรู้



หลานของพ่อก็คือหลานของผมครับ เพราะแม่ของเด็กก็คือพี่สาวคนโตซึ่งแต่งงานย้ายบ้านไปอยู่เชียงใหม่กับสามี



“น้ำค่ะ คุณน้อง”ป้าพรหรือเมียลุงชัยสาวใหญ่วัยห้าสิบปลายร่างท้วมนำน้ำมาเสิร์ฟก่อนจะโดนเด็กน้อยโผเข้ากอดเหมือนที่ลุงชัยโดนตอนแรก“ขี้อ้อนเหมือนเดิมเลยนะคะ ทำไมคุณรันไม่เป็นแบบนี้บ้างก็ไม่รู้วันๆเอาแต่พูดจากวนป้า”



“ก็เพราะพี่รันไม่น่ารัก”รินว่าพร้อมทำหน้าหมั่นไส้คนเป็นพี่...ความแค้นที่ทอดทิ้งให้ตนเดินฝ่ามรสุมคลื่นโฟตอนเข้าบ้านช่างยิ่งใหญ่นัก

.

.

เอ๊ะ เดี๋ยวนะเดี๋ยว !?



พ่อก็ไม่อยู่อีกสักพักถึงจะกลับ พี่ก็ขาเจ็บอยู่โรงพยาบาลแม้จะค้างแค่ไม่กี่คืนแต่กลับมาก็ต้องนั่งรถเข็น...



...แล้ว ใครเป็นคนรับผิดชอบฟาร์ม? ...



“ลุงชัยครับ ใครเป็นคนคุมบัญชีอยู่เหรอครับ?”นายน้อยหันไปถามคนงานเก่าแก่ด้วยสีหน้าลุ้นระทึก ใจนึกภาวนาไม่ให้คำตอบที่กลัวที่สุดหลุดออกจากปากลุงชัยผู้ทำบัญชีไม่เป็น



“ก็คุณน้องไงครับ นี่เลย นี่เลยบัญชีที่ค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนฝากจัดการด้วยนะ ตอนเห็นหน้าคุณน้องนะลุงดีใจสุดๆเลยหละครับ”กองกระดาษแผ่นเล็กแผ่นน้อยคาดว่าจะเป็นใบเสร็จจากร้านรวงต่างๆถูกยัดเข้ามาในมือของรินทันทีราวกับลุงชัยรอจังหวะนี้มานาน



ฉากการพบกันอีกครั้งในรอบปีระหว่างนายน้อยคนสุดท้องกับนายชัยคนงานเก่าแก่เป็นเพียงความสวยหรูภายนอก เบื้องหลังคือความดำมืดอันเนื่องมาจากภาระหน้าที่ซึ่งไม่มีใครทำ



ปิดเทอมใหญ่ครั้งสุดท้ายในฐานะนักศึกษาระดับปริญญาตรีเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย แล้วจะจบลงด้วยอะไร ได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจและก้มหน้าหยิบสมุดบัญชีออกมากาง...เห็นทีคืนนี้คงต้องโต้รุ่ง




_______________________________________________________________


ลงบทนำแล้วค่ะ พอดีเมื่อวานคอมสิ้นใจไปก่อนก็เลยได้แค่นั้น

คอมเครื่องนี้เสียบ่อยมากจนร้านซ่อมจำหน้าได้แล้วก็คิดราคาลูกค้าประจำให้เลย 55555

คือบางทีคำว่าลูกค้าประจำควรเก็บไว้ใช้กับร้านส้มตำหน้าปากซอยมากกว่าไหม  :z3: :z3:



หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [3/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 03-07-2015 21:20:56
ติดตามจ้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [3/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 03-07-2015 21:46:02
ติดตามจ้า :mc4:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [3/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: DemonzZ ที่ 03-07-2015 22:55:06
 :impress2: ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [3/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 06-07-2015 19:56:18
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [3/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 10-07-2015 17:26:26



บทที่ 1 เจ้าชายอัคคี



เช้าวันหนึ่งกลางเดือนพฤษภาคมร่างโปร่งกำลังนอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียง แสงแดดอ่อนๆเล็ดลอดผ่านม่านสีน้ำตาลเข้มเข้ามาแต่มันก็ไม่มีผลต่อคนที่กำลังหลับอุตุอยู่แม้แต่น้อย ดูเหมือนเสียงร้องของนกกระจิบที่มาเกาะต้นไม้ใหญ่ริมหน้าต่างจะเป็นตัวกล่อมให้หลับลึกชั้นดี



ดูเหมือนบรรยากาศอันสดชื่นของชนบทกับมรสุมกองบัญชีที่ต้องรับผิดชอบแบบไม่ทันตั้งแต่ตัวนั้นจะเป็นตัวเสริมสร้างสมรรถภาพทางการนอนอันดีงามให้แก่นายน้อยแห่งฟาร์มโคนมกานต์แห่งนี้



แต่แล้ว...



“คุณน้องครับ ตื่นครับตื่น!! ลูกวัวจะคลอดแล้วครับ!!”



เช้าอันเงียบสงบก็พังทลาย...



“คุณน้อง!! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนนี่มันหกโมงแล้วนะครับ ตื่น!!”



ด้วยสองมือของลุงชัยผู้ทุบกระหน่ำใส่ประตูหน้าห้องนอนราวกับเกิดเหตุไฟไหม้...



ถ้านี่เป็นคอนโดผมหละก็ห้องข้างๆได้ลุกขึ้นมาด่าไปแล้วนะลุง จะบ้าเรอะ!? ละเมออยู่รึไงฮะลุง เมื่อคืนผมนอนตีสองกว่าเลยนะจะให้รีบตื่นไปใส่บาตรรึไง ไม่มีพระวัดไหนออกมาบิณฑบาตถึงฟาร์มเราหรอกนะ!!



“อือ...จะนอน”รินครางงัวเงียในลำคอออกไปก่อนจะพลิกร่างหันหน้าหนีเข้ากำแพงท่ามกลางเสียงเคาะประตูรัวๆ คำขานรับที่เบายิ่งกว่าเสียงนกกระจิบข้างหน้าต่างจับแมลงกินนั้นกลับไม่อาจเล็ดลอดผ่านหูทิพย์ของนายชัยไปได้



“วัวจะคลอดแล้วตื่นเถอะครับ!!”



“จะน๊อน ให้มันอั้นไว้ก่อนเดี๋ยวเที่ยงผมลงไปดู”รินตะโกนผ่านผ้าห่มกลับไปอย่างเหลืออด คนงานที่บ้านมีเกือบสิบคนแค่แม่วัวท้องแก่ตัวเดียวจัดการกันเองไม่ได้รึไงทำไมต้องมาตาม ผมเรียนบริหารนะไม่ได้เรียนสัตวแพทย์ถึงต้องสนใจกรรมวิธีทำคลอดวัว



แต่ดูเหมือนลุงแกจะไม่สนเสียงกรีดร้องในจิตใจ ประตูไม้หน้าห้องถูกเปิดออกอย่างแรง ร่างผอมเกร็งเดินอาดๆเข้าหากองผ้านวมบนเตียงอย่างหมายมาด



“ตื่นเถอะครับ มีหนึ่งชีวิตกำลังจะลืมตาดูเลยนะครับ คุณน้องไม่เคยเห็นไม่ใช่เหรอ ไปเถอะครับ สักครั้งนึง”



“อืออ ง่วง”คำพูดชวนซาบซึ้งของลุงแกไม่เข้าหัวรินแม้แต่น้อย ผ้านวมผืนหนาถูกดึงขึ้นมาคลุมหัวอย่างต่อต้าน...เอาสิ ให้ตายก็ไม่ตื่นหรอก เชอะ



“อย่างอแงสิครับ ตื่นเถอะ ไม่งั้นลุงปิดแอร์นะ”นายชัยเห็นท่าไม่ดีจึงงัดเอาไม้ตายก้นหีบออกมาข่มขู่คุณน้องผู้พลัดถิ่นไปอยู่เมืองกรุงแต่อ้อนแต่ออก



ทั้งที่เปิดหน้าต่างเอาก็มีลมเย็นสบายพัดมาตลอดทั้งคืนแล้วแท้ๆนายน้อยก็ยังไม่ยอมฟังเอะอะก็จะเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่นั่นแหละ ปิดเทอมที่คุณพ่อและคุณพี่ชายไม่อยู่ฟาร์มแบบนี้จะดัดนิสัยให้เข็ดเลย ตามใจกันดีนัก นายชัยคนนี้จะสั่งสอนให้ถึงแก่นแท้ของฟาร์มกานต์แห่งนี้เลยคอยดู!



ราวกับมีเปลวไฟลุกพรึบพรับในดวงตาของชายแก่ ก้อนผ้านวมซึ่งพยามหดตัวเบียดชิดผนังหนีสุดชีวิตถูกกระชากอย่างแรงจนเจ้าตัวแทบตกเตียง



“เฮ้ย! ลุง ไม่นะ ผมไม่ตื่น ม่ายยยย!!”



.



.



‘มออออ’



“เหม็นอ่ะ”



“ใส่รองเท้าบูทของคุณเรย์ไปก่อนนะครับ คู่สีชมพูนั่นเลย คุณหนูแกเคยใส่สมัยยังไม่แต่งงาน เห้ย!พร คุณน้องอยากดูทำคลอดวัว เอ็งมาอยู่เป็นเพื่อนคุณน้องหน่อยเร็ว ข้าต้องไปให้อาหารไก่”ลุงชัยจัดแจงหยิบรองเท้าเก่าของพี่สาวคนโตมายัดใส่มือบางก่อนจะตะโกนเรียกป้าพรเมียแกให้มารับช่วงต่อ



อย่าไปยอมลุงแกนะป้าพรเดี๋ยวเหิมเกริม เราต้องรวมตัวกันต่อต้านบ้างอะไรบ้าง ไอ้ไก่ที่พูดถึงนั่นก็ไก่ของลุงที่แกเอามาเลี้ยงไว้ในที่ดินของฟาร์มฟรีๆ ลุงนะลุง



รินสวมรองเท้าตามคำสั่งของลุงหน้างอและเดินเข้าไปดูแม่วัวซึ่งนอนราบอยู่บนพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ทุกครั้งที่กลับมาที่บ้านพ่อกับพวกพี่ๆจะพาไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ในเมืองไม่ก็ขับรถชมวิวรอบๆนี้ไม่เคยต้องย่างกรายเข้ามาในคอกวัวแบบนี้เลยสักครั้ง ถือเอาโอกาสนี้เป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างที่ลุงชัยแกบอกก็แล้วกัน



“แย่หละสิ เฮ้อ! ทำไงดีหละเนี่ย คุณรันก็ไม่อยู่ซะด้วย”คนงานคนหนึ่งยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างคิดหนัก ท่าทางจะมีปันหาเกิดขึ้นนะ เห “มีอะไรเหรอครับ”รินชะโงกคอเข้าไปถามกลุ่มชายสี่ห้าคนซึ่งกำลังยืนล้อมอะไรสักอย่างหน้าดำคร่ำเครียด



“คลอดกลับหัวหนะ”ลุงคนงานอีกคนหันมาตอบแทนก่อนจะไล่ให้อีกคนวิ่งไปเอาเชือกมา”ไปหยิบเชือกในตู้ตรงนั้นมาเร็ว!!”



“นี่ครับ”คนงานคนนั้นยื่นเชือกให้รินก่อนจะเดินกลับไปทางแม่วัวตอนนี้ช่องคลอดของมันมีขาของลูกวัวโผล่ออกมาแล้วสองข้าง คงเหมือนคนหละมั้ง เวลาปกติคลอดต้องเอาหัวออกจะได้คลอดง่ายแต่ถ้าเอาขาออกก็ต้องผ่าตัดทำคลอดแทน เอ...แล้วกับวัวนี่
เขามีผ่าตัดเหมือนคนรึป่าวนะ



เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มองเชือกในมืออย่างไม่เข้าใจความหมาย เอาให้เราทำไม?



“ต้องไปตามหมอมั้ยครับ?”รินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรสักคน ป้าพรที่ถูกลุงชัยเรียกตัวมาอย่างไม่เต็มใจก็ยืนหน้าเป็นตูดอยู่มุมประตู



เอิ่ม...ป้าครับ ถ้าไม่อยากมาขนาดนั้นผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ยินดีเดินตามออกไปด้วยกันเลย


“เราจะดึงลูกวัวที่ติดอยู่ออกมาพร้อมกับตอนที่แม่วัวเบ่งลูก”คนงานคนเดียวกับที่ยื่นเชือกให้รินกล่าวพร้อมเอาเชือกไปคล้องกันเสาแล้วคนงานอีกสองสามคนก็เข้ามาจับเชือกที่ผมถือเอาไว้



“ลูกวัวมันตัวใหญ่ถ้าร่องอกหรือขาหน้าติดหละก็จบเห่แน่!”ลุงคนงานว่าขณะสองมือแตะไว้ที่ตัวหมายให้กำลังใจ
เดี๋ยวนะลุง อย่าบอกนะว่าผมต้องดึงกะเขาด้วย แล้วทำไมลุงไม่ดึงเอง เปลี่ยนหน้าที่กันได้ไหม รินหันซ้ายหันขวาเลิกลั่กแต่ก็
ไม่ทันการ



“เอ้าดึง!!”สิ้นเสียงให้สัญญาณคนงานคนอื่นก็ออกแรงพร้อมกัน นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ความร่วมมือ รินส่งแรงทั้งหมดที่มีออกไปที่ปลายแขน



“ฮึบ!!”



“อีกรอบนึง!! ดึง!!”



“ฮึบ!!”



โอย ยังไม่ออกอีก เจ็บมือแล้วนะ เพราะแบบนี้ไงตอนเด็กถึงไม่ชอบเล่นชักเขย่อ อ๊ากกก จงออกมา ลูกวัวจงออกมา



‘มอออออ’ เสียงแม่วัวร้องกระตุ้นให้พวกเราออกแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อพาลูกของมันออกมา



“ฮึบบบบบ!!”



ในที่สุดร่างของลูกวัวก็หลุดออกมาได้สำเร็จ ไม่รอช้าคุณลุงคนงานรีบพุ่งปราดเข้าไปหามันก่อนเอื้อมมือไปจับชีพจรที่บริเวณคอ คนงานคนอื่นๆก็ทิ้งเชือกในมือวิ่งเข้าไปล้อมรอบตัวมันเช่นกัน “แย่แล้ว ไม่หายใจ”ลุงแกพูดอย่างตกใจก่อนอีกคนจะเข้าไปช่วยแกยกขาของลูกวัวขึ้นและช่วยกันปั๊มหายใจ



“เอ้า ไอ้หนู พยามเข้า!! อะฮึบ อะฮึบ ๆ ๆ”ลุงแกกล่าวให้กำลังใจชีวิตใหม่แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่หายใจ 



จากนั้นลุงคนนั้นทำสิ่งที่รินตื่นตะลึงที่สุด...ชายสีผิวดำคล้ำรูปร่างท้วมก้มหน้าเอาปากประกบกับปากของลูกวัวเกิดใหม่ร่างกายเต็มไปด้วยน้ำคล่ำเหนียวหนืดผสมเลือดสีแดงของแม่...ผายปอด!! เหตุการณ์ตรงหน้ารินคือการผายปอด! เมาท์ทูเมาท์วิทเบบี้คาว



 ลุงแกผายปอดวัวอยู่ครั้งถึงสองครั้งก่อนความเงียบจะเข้าปกคลุมคอกวัวแห่งนี้ ทุกคนที่เคลื่อนไหววุ่นวายเมื่อครู่กลับสู่ความเงียบสงบและจดจ้องไปยังร่างของชีวิตใหม่



‘มออ’ในที่สุดมันก็หายใจและส่งเสียงร้องออกมา



“เฮ!!!”ทุกคนชูมือขึ้นฟ้าอย่างดีใจไม่เว้นแม้แต่ป้าพรที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากมาในตอนแรกหรือแม้กระทั่งลุงชัยที่ออกไปให้อาหารไก่ก็กลับมาโบกไม้โบกมืออย่างยินดีกับเขาด้วย



หะ เดี๋ยวนะ ลุงชัยมาจากไหน



“เป็นไงครับคุณน้อง ภาพของการกำเนิดใหม่ น่าประทับใจมั้ยครับ”ก่อนจะได้ถามอะไรออกไปลุงชัยก็มาตบหลังนายน้อยของเขาดังป้าบ ไหล่บางสั่นไหวตามแรงมือของอีกฝ่าย ใบหน้าขาวซีดอย่างคนไม่ค่อยออกแดดดูเหมือนจะซีดเซียวขึ้น



“อี๋อ่ะ”คำสั้นๆคำเดียวสยบทุกความเคลื่อนไวในอาณาบริเวณ



“เอ่อ คุณน้องคะ”ป้าพรพูดเบาๆอย่างคนทำอะไรไม่ถูก



“ไม่ไหวๆๆๆๆๆๆ น่ากลัว อี๋ไม่เอานะ อี๋ๆๆๆๆๆๆ”คุณน้องแห่งฟาร์มโคนมปิดปากแล้วก็สะบัดหัวไปมาราวกับต้องการสะบัดภาพอันไม่น่าประทับใจนั้นออกจากสมอง ถ้าให้ช่วยให้อาหารหรือจูงออกจากคอกไปเล็มหญ้าในทุ่งก็พอทำได้อยู่แต่เรื่องแบบนี้ไม่ไหวนะ



“ม่ายยยยย”



น้องจะไม่ทน!!



ไม่นานหลังจากเด็กเมืองหลวงสงบสติอารมณ์ลงแล้วคนงานคนหนึ่งนำร่างของลูกวัวใส่รถเข็นก่อนจะพามันออกไปท่ามกลางความงุนงงของริน เด็กน้อยมองตามหลังไปอย่างสงสัยก่อนหันไปถามลุงชัยผู้เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว”เขาจะพามันไปไหนเหรอครับ”



“คอกลูกวัวไงครับ”ลุงตอบก่อนจะจูงมือรินออกจากคอกวัว



“มันไม่ได้อยู่ด้วยกันกับแม่หรอกเหรอ”



“ต้องจับแยกครับคุณน้อง จะได้ดูแลสะดวก”ลุงชัยเอ่ยเสียงเรียบราวกันมันเป็นเรื่องปกติซะอย่างนั้น...



“การไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เป็นเรื่องปกติงั้นเหรอ?”ใบหน้าของรินหมองลงเหมือนเอาเรื่องตรงหน้าไปซ้อนทับกับเรื่องราวบางเรื่อง



“งั้นคุณน้องตามไปให้นมมันไหมครับ”รินพยักหน้าตามคำของลุงชัยก่อนจะรับขวดนมคั้นสดๆจากเต้าของแม่วัวตัวเมื่อครู่แล้ววิ่งตามลูกวัวน้อยไป เขาวิ่งไปตามทางที่ลุงบอกก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้จึงเลี้ยวแวะเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะกลับออกมาด้วยรอยยิ้ม



ของที่อยู่ในมือก็คือริบบิ้นผูกผมอันเล็กๆซึ่งใช้แทนพวงกุญแจห้อยกระเป๋า



เด็กหนุ่มเปิดประตูโรงเรือนขนาดเล็กกว่าเมื่อครู่เข้ามาก่อนเดินหาคอกของเจ้าวัวน้อย



รินป้อนนมให้ลูกวัวน้อยจนเสร็จก่อนจะนำริบบิ้นเส้นดังกล่าวมาผูกตรงหางของมัน โบว์สีชมพูแกว่งไปมาตามจังหวะสะบัดหางของลูกวัวน้อย



“ดีหละ ตั้งแต่นี้แกชื่อลูกแมวน้อยแล้วกันนะ”



‘มอออ’ลูกวัวน้อยนามลูกแมวน้อยขานรับชื่อที่เจ้าของตั้งให้ หากมันเข้าใจความหมายของชื่อเจ้าแมวน้อยนั้นสักนิดมันจะรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้านายหน้าใสผู้อ่อนโยนต่อมันนั้นจงใจแกล้งมันซึ่งเป็นลูกวัวน้อยไม่ใช่ลูกแมวน้อยแต่กลับใช้ชื่อว่าลูกแมวน้อย นี่มันหยามลูกวัวน้อยกันชัดๆ



“คุณน้องครับ อย่าอู้ครับ! ยังมีงานรออยู่เยอะ”เสียงสวรรค์(?)ดังกังวานมาจากปากทางนรก ลุงชัยจอมใช้งานเรียกนายน้อยผู้กุมบัญชีของบ้านให้กลับไปสะสางงานที่ยังคั่งค้างจากเมื่อคืน และแล้วหนึ่งวันอันยาวนานของรินก็เริ่มต้นขึ้น เขาต้องนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ในเก้าอี้ประจำตำแหน่งอย่างโกรธแค้น



ทั้งพี่ชายผู้บาดเจ็บ...พ่อผู้เห่อหลาน...ลุงชัยจอมใช้ อย่าให้เปิดเทอมนะ จะกลับบ้านไปฟ้องแม่เลยคอยดู!




.




.



“คุณน้องคะ ไปนอนเถอะค่ะ ดึกแล้วไว้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ”ก็มีป้าพรนี่แหละ รินโงหัวขึ้นมาจากกองงานมองพระแม่ผู้มาโปรดเด็กตาดำๆอย่างดีใจ ดวงตาใสแจ๋วเป็นประกายจ้องมองหญิงแก่อย่างดีใจ



“ป้าพร ฮืออออ ลุงชัยใจร้าย”เด็กหนุ่มรีบเอาหัวไปซุกไซ้กับท้องของป้าพรอย่าออดอ้อน



“ทนหน่อยนะคะ ลุงแกไม่ได้หวังร้ายหรอก ตามสุภาษิตรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีไงคะ”รินเบะปากทันทีที่ได้ยินคำแก้ตัวของป้าพร รักลูกให้ตีอะไรกันเล่า อย่างงี้เขาเรียกว่าหลอกใช้งาน เชอะ



เอาเถอะครับยอมๆแกหน่อยแล้วกัน ดึกแล้วขี้เกียจเถียง กี่โมงแล้วเนี่ย...โอ้โห ตีหนึ่ง ตอนแรกกะว่าจะนอนประมาณห้าทุ่มไหงลากยาวมาถึงตอนนี้ไม่รู้ตัวเลยเนี่ย นักบัญชีหนุ่มไฟแรง(ประชด)มองนาฬิกาตั้งโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ นอนดึกมากๆตาได้ดำเป็นหมีแพนด้าแหงๆ



“งั้นผมไปนอนก่อนนะครับ ป้าพรก็รีบไปนอนด้วยหละ ว่าแต่ลุงชัยหละครับ”



“หลับปุ๋ยไปตั้งแต่สามทุ่มแล้วลูก”



นั่นไง มันน่าแค้นไหมหละ เอาเชอะไปอีกสิบรอบเลย



รินกล่าวราตรีสวัสดิ์กับป้าพรก่อนจะเดินออกจากห้องมา บ้านของเขาเป็นบ้านปูนแต่ส่วนของห้องทำงานกลับเป็นบ้านไม้ที่ต่อเสริมเข้าไปทีหลัง เหมือนว่าพี่รันผู้รักธรรมชาติจะเป็นคนจัดแจงทำให้มันติดแอร์ไม่ได้ เนื่องจากซี่ไม้มีรอยห่างระหว่างกันอากาศเย็นจะรั่วไหลออกไปทำให้เขาผู้รักเครื่องปรับอากาศต้องนั่งเปิดหน้าต่างจุดยากันยุงทำงาน



แสงไฟในห้องนอนของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ดับลงพร้อมกับเจ้าของห้องผู้เข้าสู่ห้วงนิทรา



ความฝันของคืนนี้คือเรื่องราวของแม่วัว ลูกวัว และพ่อวัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้ากลางทุ่งสีเขียว ตัวเขาผู้เป็นคนเลี้ยงมองตามภาพนั้นอย่างมีความสุข ลูกวัวน้อยนามลูกแมวน้อยสะบัดหางที่ผูกโบว์เอาไว้ไปมาก่อนวิ่งมาหาเขาราวกับจะชวนเล่นด้วย



‘มอออ’



“หืม ฝันเหรอ?”รินกระพริบตาปริบๆอย่างงุนงน ภาพฝันเมื่อครู่ยังคงชัดเจนในความทรงจำ เด็กหนุ่มเหลือบมองเวลาอย่างสงสัย



หมายเลข 03.24ฉายบนหน้าปัดดิจิตอล มันยังเร็วไปมากที่จะตื่นแต่จะให้นอนต่อเลยทันทีคงไม่ได้เพราะเสียงวัวร้องในฝันนั้นช่างสมจริงจนน่าประหลาด



‘มออออ’



ทันใดนั้นเองเสียงวัวร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง รินรีบยันตัวนั่งอย่างตกใจ



ทำไมถึงมีเสียงวัวแถวนี้หละ!? ก็บ้านเราตั้งอยู่ห่างจากคอกไกลพอจะไม่ได้ยินเสียงวัวนี่แถมเสียงเมื่อกี้ยังได้ยินชัดยังกับอยู่ใกล้แค่นี้ “หรือว่า” รินรีบเปิดหน้าต่างชะโงกหน้าออกไปดูด้านล่างและเขาก็พบกับวัวนมหนึ่งตัวนอนอยู่ใต้ต้นไม้...



หลุดออกจากคอกเหรอ?



ผู้รับผิดชอบฟาร์มคนปัจจุบันยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ริมหน้าต่าง ไม่รู้ควรไปตามลุงชัยตอนนี้เลยหรือว่ารอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยจัดการดี



“คุณน้องๆ!! แย่แล้วครับแย่แล้ว!!”ยังไม่ทันตัดสินใจได้เสียงของลุงชัยก็ดังขึ้นก่อน คราวนี้แตกต่างไปจากเดิมเพราะน้ำเสียงนั้นสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนก ประตูหน้าห้องถูกเปิดออกอย่างแรงก่อนร่างของลุงชัยที่เต็มไปด้วยเหงื่อจะวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง



“ที่คอกหนึ่งมีไฟไหม้ แม่วัวหลุดออกจากคอกหมดเลย แย่แล้วทำไงดีครับคุณน้อง!!”ลุงชัยกระวีกระวาดลากร่างโปร่งออกมาจากตัวบ้าน รีบเสียจนรองเท้าเกือบไม่ได้ใส่



“มีใครไปดับไฟรึยังครับ!?”



“ลุงให้พรดับแล้วก็รีบมาตามคุณน้องเนี่ย ไม่รู้คนงานคนอื่นหายไปไหนหมด”ลุงชัยตะโกนแข่งกับเสียงลม



คำพูดเมื่อครู่ทำเอาเส้นเลือดที่ขมับของรินเต้นตุบๆเหมือนจะแตกออก หน้าที่มันสลับกันแล้วลุง ลุงควรเป็นคนหาบน้ำวิ่งดับไฟหน้าดำไม่ใช่เร้อออ



“ชัย แย่แล้วชัย วัวหายหมดเลย วัวหาย”วิ่งไปสักพักก็เห็นป้าพรยืนกระโดดโบกไม้โบกมืออยู่หน้าคอกวัวที่หนึ่ง ฟาร์มของเขานั้นมีคอกวัวอยู่สี่คอกแบ่งตามอายุของโคนมและคอกวัวที่เกิดเรื่องก็คือคอกวัวที่หนึ่งซึ่งเป็นคอกวัยสาวซึ่งให้ผลผลิตดีที่สุด



“ป้าพร...”



“คุณน้องคะ ป้าขอโทษค่ะ พอไฟดับข้างในก็ไม่มีวัวแล้ว”แถวนี้มืดมากอาศัยแค่แสงไฟจากกระบอกไฟฉายในมือลุงกับแสงจันทร์คอยนำทางแต่ฟังจากน้ำเสียงสั่นเครือนี้แล้วก็พอจะเดาได้ว่าป้าพรกำลังร้องให้



“ไม่เป็นไรนะครับป้าพร ยังเหลืออีกตั้งสามคอกแหนะ รายได้ตกไม่เยอะหรอก”รินปลอบป้าแกก่อนแกจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง



“ไม่ค่ะไม่ได้หายไปแค่คอกเดียว แต่หายไปหมดเลย”



“อะ...อะไรนะ!!”เสียงประสานของรินและลุงชัยดังลั่นทั่วบริเวณ ป้าพรได้แต่ยืนก้มหน้าเงียบๆ



“รู้สาเหตุของไฟไหม้ไหมครับ”รินเดินเข้าไปสำรวจเศษไม้ที่ไหม้เกรียม ส่วนหลังของคอกหนึ่งเสียหายตั้งแต่พื้นยันหลังคา วัวในนี้คงจะตื่นและวิ่งหนีออกไปตรงช่องผนัง คอกวัวทำจากไม้แถมยังมีมูลสัตว์กองฟางและหญ้าแห้งเป็นเชื้อไฟ เพลิงจะลุกลามใหญ่โตก็ไม่ใช่เรื่องแปลก



จุดที่แปลกคือ...ไฟมันไหม้เพราะอะไร...ทำไมคนงานถึงหายไปหมด...และวัวคอกอื่นซึ่งไม่เกิดไฟไหม้ทำไมถึงหายไปด้วย?



“อ๊ะ ลูกแมวน้อย!? ป้าพรครับ แล้วลูกแมวน้อยหละครับ”



“ลูกแมวเหรอคะ ฟาร์มเราไม่มีนะคะ”



ปัญหาการตั้งชื่อบังเกิด ยามฉุกเฉินการสื่อสารกันให้เข้าใจนั้นจำเป็น รินยกมือตบหน้าผากตัวเองหนึ่งทีก่อนเปลี่ยน
คำถาม”อา...ลูกวัวเพิ่งคลอดวันนี้หละครับ”



“หายไปเหมือนกันค่ะ”



คำตอบของหญิงแก่นำพาความเงียบเข้ามาปกคลุมบุคคลทั้งสาม สายลมเย็นเฉียบกลางดึกพัดผ่านร่างโปร่งซึ่งสวมเพียงเสื้อนอนบางๆ รินยกสองมือขึ้นกอดอกอย่างคลายหนาว ตัวเขานั้นก็เป็นเพียงลูกชายคนเล็กซึ่งนานๆทีจะแวะเวียนมาทีทำให้ไม่รู้เบื้องลึกของฟาร์มแห่งนี้ แต่ที่รู้ตอนนี้ก็คือ...



ต้องมีคนจ้องจะเล่นงานฟาร์มกานต์อยู่แน่นอน



และเขาก็ลงมือสำเร็จแล้วด้วย...



ลูกวัวอายุไม่ถึงวันแบบนั้นต่อให้ตกใจยังไงก็ไม่มีแรงพาตัวเองหลุดออกจากคอกมาได้แน่ ต้องมีคนพาออกไป...



‘แกรบ’



“นั่นใคร!!”เสียงตะโกนของลุงชัยเรียกรินออกจากภวังค์ ท่ามกลางความเงียบสงัดสิ่งที่ดังแทรกเสียงลมและเสียงแมลงเข้ามาก็คือเสียงฝีเท้า...จากประสบการณ์เลี้ยงวัวมานานกว่าสองเท่าของอายุของรินทำให้ชายแก่รู้ได้ทันทีว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงฝีเท้าของสัตว์สี่ขา



ป้าพรเคลื่อนตัวเข้ามาหาคุณน้องของเธออย่างรู้งานก่อนจะดันให้เด็กหนุ่มถอยมาหลบหลังตน เงาร่างของคนปรากฏสู่สายตาของบุคคลทั้งสาม นายน้อยแห่งฟาร์มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความเย็นยามราตรีกระตุ้นให้เส้นขนในร่างกายลุกชันพร้อมๆกับจังหวะที่เงาร่างนั้นเคลื่อนกายเข้ามาใกล้...



“ตอบมา นั่นใคร!? มาดีหรือมาร้าย!?”เมื่อชายปริศนาไม่ส่งเสียงใดๆกลับมาเลย ลุงชัยจึงพยามเอาไฟฉายส่องไปทางนั้นและตะโกนถามอีกรอบ



ตอนนั้นเองเงาร่างตะคุ่มๆนั้นก็เข้ามาในรัศมีไฟฉาย  รินพยามเพ่งสายตาเพื่อมองลักษณะของชายคนนั้น หากในมือถือมีดถือปืนมาหละก็งานนี้ตัวใครตัวมันหละ



แต่ทว่าเมื่อตาคู่ใสสบนัยน์ตาสีเข้มฉายแววจริงจัง จมูกโด่งสันกับคิ้วเรียวเข้มที่ขมวดลงมากลางหน้าผากทำให้ใบหน้าหล่อๆนั่นดูดุดันน่ากลัวหากแต่บนใบหน้าที่มองผ่านความมืดก็รู้ว่าหล่อนั้นกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือด คนคนนั้นเดินเข้ามาหากลุ่มของพวกเราด้วยสีหน้าเรียบเฉย



ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเพราะรอยเลือดที่เปรอะเต็มเสื้อเชิ้ตสีดำนั่นน่าตกใจมากกว่าความสงสัยว่าชายคนนี้มีที่มาที่ไปเช่นไร


“ตายแล้วพ่อหนุ่ม ไปโดนอะไรมาเนี่ย มานี่สิมาทำแผล โอ๊ยตายๆแผลใหญ่ขนาดนี้ป้าคงทำให้ไม่ได้ ชัยแกพาพ่อหนุ่มนี่ไปหาหมอสิ”ป้าพรรีบเข้าไปดูอาการของคนคนนั้นอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่ามันสาหัสจึงหันมาสั่งลุงชัยอย่างมีน้ำใจ



รินเดินเข้าไปดูแผลที่ศีรษะของชายปริศนาเพื่อสำรวจว่ามันเป็นรอยแผลจากวัวหรือไม่เพราะมีโอกาสที่คนคนนี้จะโดนวัวที่วิ่งเตลิดชนเอาแต่รอยของมันเหมือนโดนท่อนไม้หรืออะไรประมาณนั้นตีด้วยฝีมือมนุษย์มากกว่ารอยเท้าวัว



“คุณไปได้แผลนี้มาได้ยังไง รู้รึป่าวว่าใครเป็นคนทำ”ไม่แน่ว่าคนร้ายอาจเป็นคนเดียวกันกับเหตุการณ์วัวหาย รินจึงซักไซ้อย่างไม่วางใจ



“คือผม...”



“?”



“เอ่อ...”ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าเต็มปอด รอยแผลที่ศีรษะทำให้สมองอื้ออึง กว่าจะควานหาคำตอบได้ก็เล่นเอาคนฟังลุ้นตัวโก่ง



“ผม...มาจากกรุงเทพ มาทำงานกับลูกน้องจากนั้นเราก็มีปากมีเสียงกัน”เสียงทุ้มกล่าวเพียงสั้นๆ เขายกมือขึ้นกดบาดแผลเพื่อ
ห้ามเลือด การกระทำทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของริน เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับของอีกฝ่ายอย่างจับผิด



สิ่งที่คนคนนี้พูดมาไม่ใช่เรื่องโกหกแต่มันก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเช่นกัน



“เอาไว้ทีหลังเถอะค่ะคุณน้อง ดูๆแล้วเขาไม่ใช่คนแถวนี้จริงอย่างที่บอกยังไงเราก็พาเขาไปหาหมอก่อนเถอะ เดี๋ยวเลือดไหล
หมดตัวพอดี”หญิงวัยทองพูดตัดประเด็น เธอใช้ลุงชัยให้ไปเอากุญแจรถมา ลุงแกรีบวิ่งกลับบ้านตามคำสั่งเมียที่เคารพ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์เลยพาคนเจ็บไปนั่งพักบนพื้นดินที่สภาพดีที่สุดบริเวณนั้น




จากนั้นไม่นานลุงชัยก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา...พร้อมกุญแจรถ




มือหยาบกร้านส่งกุญแจดังกล่าวให้เมียตัวเองหน้าซื่อ ป้าพรแทบจะเอาสันมือฟาดกะโหลกลุงชัย”ทำไมแกไม่ขี่รถมาด้วยหละ ห๊า สมองมีรอยหยักไหม แก่แล้วเลอะเลือนเรอะ!?”



“อ้าว ก็เอ็งบอกให้ไปเอากุญแจข้าก็เอามาให้แล้วนี่ไง”



ป้าบ! และป้าแกก็ตบเข้าจริงๆ กลางหัวเหนาะๆเลย




“ไอ้แก่นี่! งี่เง่ามาตั้งแต่เช้าแล้วนะ เห็นว่ามีคนเลือดท่วมตัวนั่งรออยู่ทนโท่ทำไมไม่เอารถมารับเขา แค่นี้คิดเองไม่ได้รึไง ห๊ะ!”



“ก็แล้วไม่รู้จักบอกให้ชัดๆ!! คนมันตกใจจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งคิด!!”



“เอ่อ ผมว่าผมพาเค้าไปหาหมอเองดีกว่า ลุงกับป้าจัดการเรื่องทางนี้ไปเถอะครับ ใช้มอไซค์พี่รันใช่ไหม” เห็นท่าไม่ดีรินเลยรีบห้ามทัพ เขาคว้ามือคนเจ็บให้ลุกขึ้นยืนแล้วก็พาเดินไปยังโรงรถ



“คุณน้องคะ ระวังตัวด้วยนะคะ”พรตะโกนไล่หลังมาอย่างเป็นห่วง ดวงตาสีดำหมองตามกาลเวลาจ้องมองแผ่นหลังของเด็กน้อยที่เธอเฝ้าเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลานพาผู้ชายแปลกหน้าไปด้วยในยามวิกาล หากเลือกได้เธอไม่อยากปล่อยให้คุณน้องของเธอไปคนเดียวในเวลาเช่นนี้ แต่จะปล่อยให้สามีไม่ได้ความจัดการเรื่องทางนี้คนเดียวก็คงไม่รอด



“ป้าก็เหมือนกันนะ”รินหันมาทางคนทั้งสอง



ความจริงพวกเขาควรจะแจ้งความแต่เมื่อครู่ป้าพรโทรไปหาพ่อเมื่อกี้พ่อบอกให้ดูท่าทีไปก่อน



รินพาร่างสูงขึ้นซ้อนมอไซค์ของพี่รันซึ่งแหกโค้งไปเมื่อไม่นานแต่รถมันไม่ได้เสียหายอะไรมากมายซ่อมไม่กี่วันก็เสร็จผิดกับคนที่ต้องพักเป็นเดือนๆ



ท่ามกลางความมืดยามราตรี รถจักรยานยนตร์สีชมพูเคลื่อนตัวผ่านทางเข้าฟาร์มด้วยความรวดเร็ว ในใจของคนขับอยากให้ไปถึงที่หมายเร็วๆด้วยความเป็นห่วงและความกลัว...



สองข้างทางประดับด้วยพุ่มไม้ซึ่งยามกลางวันใช้บังแดดได้อย่างดีแต่ยามกลางคืนกลับกลายเป็นกลุ่มก้อนดำมืดน่ากลัว เงาดำๆของมันพลิ้วไหวไปตามแรงลมส่งเสียดสอดเสียดกันราวกับกำลังกรีดร้อง บรรยากาศช่างเหมาะเจาะกับการปรากฏตัวของ
พลังงานบางอย่าง



   “พี่ไหวไหมเนี่ย เจ็บรึป่าว ว่าแต่พี่ชื่ออะไร ผมชื่อรินนะ”การชวนคุยเป็นทางออกที่ดีที่สุดในยามนี้



   “คฑา”เสียงทุ้มตอบกลับมาสั้นๆ ความเจ็บปวดของบาดแผลทำให้เขาไม่สะดวกจะพูดเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มออกแรงกดผ้าเช็ดหน้าห้ามเลือดมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งยกขึ้นกุมท้องด้วยสีหน้าทรมาน



“เจ็บท้องเหรอฮะ”มองผ่านกระจกข้างก็เห็นท่าทางเจ็บปวดของอีกฝ่ายเด็กหนุ่มจึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง มีเพียงการพยักหน้าตอบรับเท่านั้นรินจึงกล่าวสมทบ”พี่พิงผมมาก็ได้นะ”




“ไม่เป็นไร ขอแค่ไปให้ถึงโรงพยาบาลก็พอ”



“เห?”



“แยกเมื่อกี้ต้องเลี้ยวซ้ายไม่ใช่เลี้ยวขวา”



“...”รินเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะหักรถจอดข้างทาง แถวนี้มันมืดมากแม้จะเป็นถนนใหญ่ก็ไม่มีวี่แววของรถสักคัน แผนที่เน่าๆซึ่งลุงชัยเขียนให้ถูกกางออกอย่างรีบร้อน มือบางไล่ไปตามทางตั้งแต่ปากซอย...และเขาก็ค้นพบความจริงที่ว่า



เลี้ยวผิด...



“แฮ่ๆ ผมไม่ได้อยู่แถวนี้หลงบ้างอะไรบ้างอย่าว่ากันเลยนะฮะ”




...

หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 10-07-2015 18:19:35
แย้กๆๆ สนุกกก >O<
ขำตอนผายปอดกะตั้งชื่ออ่ะ 55555555
ริน สติหนูไปไหนคะลูก? ตั้งชื่อวัวเป็นแมว เอิ่มมม
คฑาปริศนาเยอะจัง โผล่มาแถวฟาร์มได้ไงวะเนี่ย
รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: win12345 ที่ 10-07-2015 18:22:30
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 10-07-2015 18:39:45
น้องรินน่าสงสารมาก เหตุการณ์เกิดจนมั่วไปหมด 5555555555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 11-07-2015 17:48:05
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 11-07-2015 17:50:43
ริน จะฮาไปไหนลูก :laugh:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-07-2015 18:27:29
เดี๋ยวก่อนค่าา!!! คฑารู้ได้ยังไงกันคะว่าน้องรินเลี้ยวรถผิดทาง? :m28: ชักน่าสงสัยเสียแล้วสิ~
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15 กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 11-07-2015 19:00:49
วัวหายไปหนายยยย
ขุ่นน้องท่าจะเจอเรื่องยุ่งแล้ววว
แล้วคุณคฑาคือใครน้อ
รอค่า
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 11-07-2015 19:22:39
น่าติดตามๆ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 11-07-2015 19:23:14
นายเป็นใครเหรอ นายคฑา  หุๆๆๆ :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 12-07-2015 11:17:34
ใครทำไรฟาร์มวัว กะ คฑา
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [10/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 13-07-2015 16:56:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [15/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 15-07-2015 17:06:20



บทที่2 อัศวินขี่ม้าขาว



“ดีนะครับที่แผลไม่ลึก”รินกล่าวขณะนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวสำหรับรอชำระเงินค่ารักษาพยาบาลกับคนเจ็บไร้ญาติซึ่งเข้าพบหมอและทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาสีดำฉายแววสดใสเสมอเหลือบมองคนข้างๆซึ่งเนื้อตัวมอมแมม บนหัวมีผ้าพันแผลพันไว้รอบ...



คนมันหล่อต่อให้โทรมยังไงก็หล่ออยู่วันยังค่ำ นับเรตติ้งได้จากน้ำเสียงของคุณพยาบาลซึ่งเข้าเวรคนเดียว ปกติควรจะพูดจาห้วนๆมะนาวไม่มีน้ำใส่ตามประสาพนักงานโรงพยาบาลรัฐแต่นี่เสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียว



ภายในโซนรับยามีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นเนื่องจากมันดึกมากแล้วและแถวนี้ก็เป็นเขตฟาร์มจึงไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่ พี่รันเองก็รักษาตัวในโรงพยาบาลประจำจังหวัดไม่ใช่โรงพยาบาลซอมซ่อพัดลมเพดานขึ้นสนิมเจียนจะตกใส่หัวคนไข้แบบนี้



“อืม ขอบคุณที่พามาส่ง”เสียงทุ้มตอบกลับสั้นๆ



“แล้วพี่มีเงินจ่ายป่ะเนี่ย”ดูจากภายนอกแล้วชายคนนี้แต่งตัวดีไม่น้อยแต่ไม่รู้ว่าเขาจะพกเงินติดตัวมารึป่าวรินจึงถามอย่างเป็นห่วง
อีกเรื่องซึ่งค้างคาใจเด็กหนุ่มอยู่ก็คือ



ผู้ชายคนนี้มาทำอะไรกลางทุ่งกับลูกน้องตอนมืดๆ



...สองต่อสอง....



“พอมีอยู่”ร่างสูงพูดขณะหลับตาเอนกายพิงพนัก การกระทำนั้นทำให้รินคิดว่าเขาต้องการการพักผ่อนจึงไม่ซักไซ้อะไรต่อ เด็กหนุ่มหันมานั่งแกว่งเท้าเล่นค่าเวลา



“ฟาร์มนั้นเป็นของบ้านเราเหรอ”



แต่ในตอนที่เขาไม่มีอะไรทำนั้นเอง คนข้างๆก็ปรือตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มปรากฏบนมุมปากของริน มุมปากคลี่รอยยิ้มที่ใครได้เห็นเป็นต้องเผลอมอง เจ้าตัวแสบรู้สึกดีใจกับความไม่หมางเมินที่ชายหนุ่มมอบให้



...การใส่ใจเล็กๆน้อยเป็นเรื่องพึงมีระหว่างกัน...



 “ครับ”



“แล้วทำไมถึงทำตัวเหมือนไม่ใช่คนแถบนี้เลยหละ”คนถูกถามค้างไปวูบหนึ่งก่อนก้มมองตัวเองตามสายตาของคนตรงหน้า รินรู้ดีว่าตัวเองหน้าตาท่าทางไม่ค่อยกลมกลืนกับคนแถวนี้เท่าไหร่แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงชั่วโมงจะถามคำถามแบบนี้



ผู้ชายคนนี้ฉลาดแล้วก็ช่างสังเกต



“ผมอยู่กับแม่ในกรุงเทพ นานๆทีจะกลับมาเยี่ยมพ่อทีฮะ”อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ



“แล้วเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ ไฟไหม้? แจ้งความรึยัง?”คำถามนั้นทำให้รินชะงักเล็กน้อย เขาลังเลว่าควรบอกให้คนนอกอย่างคฑารู้ดีไหม ใบหน้าหวานแสดงความอึกอัก



“นั่นแหละปัญหา ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เห้อ...”



“นอนอยู่ดีๆตื่นมาวัวหายหมดฟาร์ม พ่อก็สั่งไม่ให้แจ้งความเพราะเดี๋ยวเดียวก็ตามกลับมาได้ รอบๆฟาร์มมีรั้วลวดหนามล้อมเอาไว้ แต่กว่าจะตามกลับมาครบหละ? โอ๊ย คนงานก็หายหัวกันไปหมด พี่รันกับพ่อก็ไม่อยู่บ้าน ตายๆๆๆ รินเอ๋ย เอ็งนายแน่”ตอนแรกก็เหมือนตอบคำถามอยู่หรอกแต่หลังๆคิดว่าบ่นกับตัวเองมากกว่า



มือเรียวยกขึ้นกุมขมับด้วยความเครียด หัวใจในอกเต้นเร็วขึ้นเมื่อนึกถึงปัญหาที่ต้องแบกรับ...



คิดแล้วก็น่าเจ็บใจ ร้อยวันพันปีพ่อผู้ติดบ้านไม่เคยไปไหนจะโผล่ออกจากฟาร์มที ไหนจะพี่รันผู้อึดถึกไม่เคยล้มป่วยอีก



ทำไมหนอทำไมสถานการณ์คับขันถึงเลือกเกิดเวลานี้



“ทำไงดี โอยยยย”ใบหน้าหล่อปนหวานของนักศึกษาชั้นปีสามยับยู่เข้าหากัน คิ้วเรียวแทบจะผูกกันเป็นริบบิ้นห่อของขวัญ ตัวเขาตอนนี้เหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้กลางเกาะร้างที่มีไฟลุกท่วม...ข้างหน้าคือทะเลข้างหลังคือเปลวไฟ ไม่มีใครให้พึ่งพา...



พี่รันฮะ น้องขอโทษที่แช่งพี่ น้องเลิกงอนพี่แล้ว พี่รีบออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนะ



ต่อมาคุณพยาบาลผู้ควบตำแหน่งเภสัชกรจ่ายยาและนักบัญชีคิดเงินก็ประกาศเรียกให้ชายหนุ่มลุกไปรับยา รินมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยสายตาหมาหงอย เป็นความบังเอิญที่คฑาก็หันกลับมามองเจ้าหนูอย่างเป็นห่วงเช่นกัน



ดวงตาทั้งสองสบประสานกันอยู่ชั่วอึดใจ แม้มันจะแสนสั้นแต่นัยน์ตาสุขุมของคนอายุมากกว่านั้นกลับคลี่คลายปมในใจของรินได้ หัวใจที่บีบอัดเมื่อครู่กลับมาเต้นตามจังหวะเดิมอย่างน่าประหลาด...



รินยกมือขึ้นทาบอกอย่างรับชะตากรรม ก่อนจะยกอีกมือขึ้นมากอบกุมมือของตัวเองไว้...



ทุกๆบ่ายจะมีคนของบริษัทนมพาสเจอไรส์มารับซื้อนม...ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนถึงเวลานั้น



ชายหนุ่มยืนมองทุกจังหวะสีหน้าของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ ไหล่เล็กๆที่เดี๋ยวก็ผึ่งผายเดี๋ยวก็ห่อเหี่ยวนั้นทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนี้พยามๆให้กำลังใจตัวเองขนาดไหน ท่าทางเหมือนปลาทองถูกช้อนขึ้นจากอ่างพยามดีดตัวดิ้นรนลงน้ำของคนตรงหน้าจุดความรู้สึกบางอย่างขึ้น



คฑาถือถุงยาและเดินกลับมาหาเด็กทำอะไรไม่ถูกก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่คิดดีแล้วออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น



“เจ้าหนู ...”เสียงทุ้มเรียกสติ รินเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย



“...แทนคำขอบคุณ จนกว่าปัญหาของฟาร์มและปัญหาของฉันจะจบลง ฉันจะอยู่ช่วยอีกแรง”



ราวกับมีหยดน้ำกระทบผืนทรายกลางซาฮาร่า เสียงทุ้มก้องกังวานซ้ำไปซ้ำมาในหูของริน เนตรกลมฉายประกายระยิบระยับเงยขึ้นมองชายหนุ่มราวกับเห็นพระโพธิสัตว์มาโปรด



ทว่าภาพฝันอันสวยงามก็ดับวูบด้วยพาดหัวข่าวปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์และแก๊งค์ต้มตุ๋น



แล้วเราจะทำยังไงถ้าหากพี่ชายคนนี้เป็นพวกมิจฉาชีพ!?



รินผู้มีไหวพริบ(?)มีสัญชาติญาณระวังภัยในระดับหนึ่ง เขาขอตัวร่างสูงก่อนเดินแยกออกมาเพื่อติดต่อหาพ่อ รอสักพักปลายสายก็รับ เสียงของบิดาซึ่งไม่ได้ยินเกือบปีดังขึ้น



“ริน เป็นบ้างลูก มีอะไรให้พ่อช่วยไหม”เนื่องจากป้าพรโทรไปรายงานแล้วเจ้าของฟาร์มกานต์จึงถามไถ่ลูกชายซึ่งโทรมาในยามวิกาลแบบนี้



“คือ...มีพี่ชายคนนึง เขาบาดเจ็บผมเลยพาเขามาหาหมอแล้วเขาก็บอกว่าอยากตอบแทนด้วยการอยู่ช่วยเรา ผมควรให้รับเขาไว้ดีไหมแล้วจะปลอดภัยป่าว?”



“อืม...เขาถูกทำร้ายใช่ไหม งั้นพาเขาไปแจ้งความเพื่อยืนยันตัวตนกับตำรวจหรือไม่ก็ยึดบัตรประชาชนเขาเอาไว้สิ”



จากนั้นพ่อลูกก็คุยกันอีกสองสามประโยคก่อนแยกย้ายกันไป รินเดินมาพูดกับคฑาตามที่พ่อสอนไว้




”ผมให้พี่ช่วยก็ได้แต่เพื่อความแน่ใจพี่ต้องยืนยันความบริสุทธิ์ใจด้วยการไปแจ้งความหรือไม่ก็เอาบัตรประชาชนมาไว้ที่ผม”เด็กหนุ่มเก๊กเสียงเข้มตีหน้าจริงจังสุดชีวิต



...อยากหัวเราะหน้าตัวเองตอนนี้มากแต่ก็ต้องกลั้นไว้...อึ๊บเดียวนะรินนะ...



มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนยื่นสิ่งที่รินต้องการให้อย่างว่างายก่อนกำชับว่า



”อย่าทำหายล่ะ อ่อ แล้วก็ พี่คงไปแจ้งความไม่ได้เพราะพี่ไม่อยากเอาเรื่องคู่กรณี”



 “เย้!!”รินรับบัตรมาก่อนแย้มยิ้มยินดี



.



.



อุณหภูมิต่ำกว่าปกติจากความเย็นของเครื่องปรับอากาศไม่ได้ทำให้อุณหภูมิภายในจิตใจของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์อย่างรินลดลงแม้แต่น้อย ภายในห้องทานอาหารที่ไม่ทราบว่าจะติดแอร์ไปทำไมนั้นปรากฏร่างของบุคคลสองคนนั่งอยู่ 



“ก่อนอื่นเลย เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน...”คฑายกมือขึ้นเท้าคางอย่างครุ่นคิด นัยน์ตาฉายแววมุ่งมั่น ชายหนุ่มจดจ้องกระดาษในมีด้วยท่าทีตึงเครียด



นานน้อยตัวจริงของฟาร์มนั่งมองลูกจ้างชั่วคราวตาปริบๆบนเก้าอีกด้านตรงข้าม โต๊ะทานอาหารถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ประชุมวางแผนรับมือวิกฤต หลังจากกลับถึงบ้านรินก็ชี้แจงเรื่องราวและเล่ารายละเอียดคร่าวๆเรื่องการซื้อขายนมให้ลูกจ้างชั่วคราวฟัง



แสงแดดอ่อนๆสัญญาณบ่งบอกเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งเปิดม่านไว้ ความสดชื่นของธรรมชาติอันสุดลูกหูลูกตาเป็นจุดเด่นของฟาร์มแห่งนี้ ทั้งพ่อและพี่ชื่นชอบมันมาก เนื้อที่ของฟาร์มแห่งนี้จึงกินไปถึงตีนเขาด้านหลัง



ครั้งหนึ่งตอนปิดเทอมเด็กหนุ่มได้ไปเที่ยวเล่นในป่าด้านหลังกับพี่ชาย ความสนุกในวัยเยาว์นั้นเขาไม่เคยลืมเลือน...



ไม่มีวันลืมเด็ดขาด!!ว่าไอ้ป่านั่นมันกว้างขนาดไหน เดินวนขาลากอยู่นานสองนานหาทางออกไม่ได้ดีที่ลุงชัยไปช่วยไว้...



เนื้อที่สุดลูกหูลูกตาของฟาร์มกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ไปแล้ว ที่ดินหลายสิบไร่กับวัวอีกร้อยตัว ชาติไหนจะต้อนเสร็จ  ล่าสุดเขาออกคำสั่งให้ลุงกับป้าไปนอนพักเพราะกลัวจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน



มือเรียวยกขึ้นทัดผมที่ใบหู ใบหน้าของรินตอนนี้ดูอิดโรยจากการขาดนอน ใจดวงน้อยร้องหาเตียงนุ่มอย่างโอดครวญ




“พรุ่งนี้...ไม่สิ วันนี้ต้องเอานมไปส่งให้คนรับซื้อตอนบ่ายสาม...จำนวน 2,000กิโลกรัมและการจะหานมได้ตามยอดนี้จำเป็นต้องมีแม่วัวไม่น้อยกว่าร้อยตัว...”คฑารำพึงกับตัวเองเบาๆ เหลือบตามองร่างโปร่งซึ่งนั่งเงียบมาสักพักแล้ว ใบหน้าหวานประดับด้วยตาหมีแพนด้าแลดูน่าสงสาร   



แม่วัวในฟาร์มกานต์แห่งนี้มีทั้งสิ้น 350ตัวแบ่งออกเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยสาวซึ่งมีแค่วัยสาวเท่านั้นที่ให้นมได้ จากรายงานของลุงชัยเห็นว่าต้อนวัยสาวกลับมาได้ประมาณหกสิบตัวซึ่งหนีไปไม่ไกล...



“ปัญหาของเราตอนนี้ก็คือน้ำนมจำนวน 1,000กิโลกรัมที่จะไม่มีส่งในวันพรุ่งนี้”ชายหนุ่มพลิกหารายชื่อฟาร์มรอบๆและฟาร์มซึ่งอยู่ในเครือข่ายสหกรณ์เดียวกันกับฟาร์มกานต์ก่อนเสนอหนทางที่ดีที่สุดในยามนี้แก่ผู้รักษาการตำแหน่งเจ้าของฟาร์ม



“เราคงต้องไปก้มหัวขอซื้อน้ำนมจากฟาร์มละแวกนี้ทุกวัน อย่างน้อยก็จนกว่าจะพาวัวกลับมาครบ อย่างมากก็จนกว่าจะรักษาสุขภาพวัวที่เตลิดออกไปให้สมบูรณ์แข็งแรงพอสำหรับการรีดนม”



ฉับพลันร่างโปร่งซึ่งฟุบลงกับโต๊ะเพื่องีบหลับก็สะดุ้งตัวลุกขึ้นอย่างตกใจเนื่องจากมือแกร่งที่เอื้อมไปบีบไหล่บางเบาๆ



“เปล่านะ! ผมไม่ได้หลับนะ!”คนแอบงีบสะบัดใบหน้าสองสามทีก่อนจะยกมือขึ้นมาเป็นปางห้ามญาติสีหน้าแววตาพิรุธมากชนิดที่คนไม่เห็นเหตุการณ์ยังมองออกว่าไอ้เด็กนี่กำลังโกหก



ท่าทางเหมือนเด็กประถมถูกครูจับได้ว่าหลับในคาบเรียนเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนอายุมากกว่าได้อย่างดี 



 “เมื่อกี้พี่ชายว่าอะไรนะ”



“ไหนบอกไม่ได้หลับไง”โดนดักคอเข้าอย่างจัง รินจึงยิ้มเผล่แลบลิ้นตาหยีกลับไปอย่างที่ชอบทำเมื่อเถียงไม่ออกพลางย้ายตำแหน่งไปนั่งเก้าอี้ด้านข้างร่างสูงเกาะโต๊ะรอฟังคำตอบตาใส และดูเหมือนจะได้ผล



ร่างสูงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนลงเขาบอกกับเด็กหนุ่มซ้ำอีกครั้ง 



“อืม...ถ้าฟาร์มพี่ฟ้าหละก็เขาน่าจะช่วยเรานะ เรื่องแบบนี้ถ้าให้พ่อหรือพี่รันช่วยพูดให้น่าจะได้ผลดีกว่า ขอบคุณนะฮะ”รินกล่าวก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาพี่ชายแท้ๆ คุยกันได้สักพักพี่ก็บอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ ไม่ต้องห่วง



ฟังจากน้ำเสียงแล้วพี่รันสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าตอนโทรไปเมื่อวานเยอะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันล่ะแกไม่ได้ดีใจที่น้องโทรไปหรือหาทางรอดให้ฟาร์มได้ แต่ไอ้คุณพี่รันแกดีใจจนเนื้อเต้นเพราะจะได้คุยกับพี่ฟ้า ลูกสาวเจ้าของฟาร์มข้างๆซึ่งพี่แกตามจีบจนขี่รถแหกโค้งมานั่นเอง



เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วคุณครูจึงปล่อยตัวเด็กประถมให้เข้านอน ก่อนจะขึ้นบันไดไปเจ้าของบ้านที่ดีก็จัดแจงชี้ประตูห้องพี่ชายตัวเองเป็นการสื่อความว่าให้คฑาเข้าไปนอนในนั้น 



ค่ำคืนที่สองหลังกลับบ้านคราวนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวประหลาดซึ่งไม่เคยพบเจอมาก่อน



อา...จะเรียกว่าค่ำคืนคงไม่ได้...



เช้าวันที่สองกลางปิดเทอมใหญ่เดือนพฤษภาคม หวังว่าลืมตาขึ้นอีกครั้งจะพบเจอแต่เรื่องดีดี ขอให้พี่ชายหายเร็วๆ ขอให้พ่อเดินทางปลอดภัย และขอให้ตัวเองปกป้องที่แห่งนี้ไว้จนกว่าพวกเขาจะกลับมา...



หกโมงเช้าของวันนี้กับหกโมงเช้าของเมื่อวานช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเดิมก็เห็นจะเป็นเสียงนกร้องที่คลอเคลียอยู่นอกหน้าต่างเจื้อยแจ้วราวกับดังอยู่ข้างใบหู...ความไพเราะของธรรมชาติช่วยกล่อมเด็กหนุ่มให้เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเป็นสุข...



.............................................................................

เรื่องนี้แต่ง(เหมือนจะ)จบแล้ว ฉะนั้นคนแต่งจะลงสัปดาห์ละ 2ครั้ง

คือวันพุธและวันเสาร์นะคะ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [15/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 15-07-2015 17:09:21
จิ้มมม
ขำรินอ่ะ 55555 :laugh:
คฑานี่ลึกลับจัง ตกลงเป็นใครมาจากไหนกันแน่ล่ะเนี่ย -_-? ดูจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีทีเดียว น่าสงสัย -_-+
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [15/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-07-2015 18:41:12
รินเหมือนเด็กน้อยเลย
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [15/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2
เริ่มหัวข้อโดย: MiddaySuN ที่ 15-07-2015 20:10:12
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [15/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 17-07-2015 06:49:49
รินควรหาใครมาดูแล น่ารักจริงๆ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [15/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 17-07-2015 09:32:40
มันแปลกๆยังไงไม่รู้ อ่านแล้วมันให้ความรู้สึกแปลกๆอ่ะ ทำไหมมันมีปัญหาเยอะจัง แถมมีปัญหาหนักๆเข้ามาตลอด แถมไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีเหตุผลสนับสนุนอีก รู้สึกว่าจะมีปัญหาเข้ามาทุกวันเหมือนจงใจมาก ซึ่งรินก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับฟาร์มนี้สักนิด พอเรียนจบจะได้กลับมาที่นี้อีกรึเปล่ายังไม่รู้เลย อ่านไปเหมือนมันวนไปวนมาอยู่ที่เดิม เหมือนสะสมปัญหาแบบไม่มีทางแก้ไขได้อ่ะ เหมือนต้องพึ่งแต่คนอื่นเสมอ แบบนี้ดูเหมือนสนุกก็คงไม่ใช่มันน่าอึดอัดมากกว่าเป็นไหน ถึงจะมีคนมาช่วยแต่ยังไม่รู้อะไรกับคนๆนี้เลย แถมดูเหมือนจะรู้รายละเอียดของฟาร์มแถบนี้ดีทุกอย่างด้วย
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [15/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 17-07-2015 13:14:20
น้องรินน่ารักที่สุด~ :man1: เป็นเพราะถูกลุงชัยเคี่ยวเข็ญให้ทำบัญชีจนดึกดื่นใช่ไหมคะเนี่ย ตอนแอบงีบถึงได้ลนลานขนาดนั้น.. :laugh:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [18/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2 part2
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 18-07-2015 17:23:54



บทที่2 อัศวินขี่ม้าขาว part2



“ฮ้าว...”ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดสีเหลืองลายเป็ดกับกางเกงบอลขาสั้นหาวปากกว้างกลางโต๊ะอาหาร



ข้าวเช้าควบข้าวกลางวันกำลังจัดเตรียมโดยฝีมือของหญิงกลางคนซึ่งตื่นมาอย่างแข็งขันผิดกับสามีที่นอนหลับไม่เลิกรากับนายจ้างผู้นั่งสัปหงกอย่างไม่สำรวมแม้จะมีคนนอกอยู่ด้วย



คฑาลุกขึ้นช่วยป้าพรจัดอาหาร ชายหนุ่มคดข้าวในหม้อก่อนตักใส่จานในปริมาณที่ตนกิน



อาหารมื้อนี้สำหรับเขาและเจ้าหนูเท่านั้น เนตรคมส่งสายตาถามแม่บ้านของฟาร์มกานต์อย่างต้องการรู้ว่าข้าวเพียงเท่านี้เพียงพอต่อนายน้อยของหล่อนหรือไม่...



“จานนี้ให้คุณน้องเหรอคะ เยอะไปค่ะเยอะไป เอาออกไปสองช้อนเลยค่ะ รายนี้เขากินน้อยยังกับแมวดมตัวถึงได้นิดเดียว ผิดกับคุณรัน กินอย่างกับมีหลุมดำในกระเพาะตัวถึงได้สูงเอาสูงเอา”



“ผมว่าเขาสูงเพราะกินนมสดๆทุกวันมากกว่านะครับ”ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วกินคาร์โบไฮเดรตเข้าไปมีแต่จะกางออกมากกว่ายาวขึ้น



ป้าพรหัวเราะคิดคักเมื่อถูกขัด เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับลูกจ้างคนใหม่ เธอหันไปเคี่ยวต้มจืดในหม้อสักพักก็ตักใส่จาน กลิ่นหอมฉุยของอาหารเช้าควบกลางวันลอยมาเตะจมูก เจ้าตัวแสบที่หลับใหลก็ลืมตาใสแจ๋วหูตั้งหางกระดิกดีที่ไม่มีน้ำลายสอด้วย...



“ตกลงเรื่องเมื่อคืนคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ”ดูเหมือนประชากรในฟาร์มแห่งนี้จะมีเพียงผู้เดียวที่เอาการเอางาน คฑาเอ่ยถามผู้อาวุโสไปพลางตักข้าวกินไปพลาง มันอาจดูเสียมารยาทที่กินไปคุยไปแต่เรื่องปากท้องย่อมสำคัญกว่า



“เมื่อเช้าคุณท่านโทรไปหากลุ่มสหกรณ์แล้ว เขาบอกว่าจะแบ่งขายให้ค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักจะไล่ให้ชัยไปรับมา”



“แล้วเรื่องวัวที่เหลือหละฮะ”รินถามขึ้น



“นั่นสิ...วันนี้ป้าต้องอยู่รีดนม ทำคนเดียวกว่าจะเสร็จก็คงเวลานัดลูกค้านู่น ส่วนชัยก็ต้องเทียวไปเทียวมาหลายที่...จะผลัดไว้หาพรุ่งนี้ป้าก็ห่วงว่าวัวจะล้ม”หญิงมีอายุพูดหน้าเครียด แววตาสีดำหม่นฉายแววลำบากใจ



“งั้นให้ผมไปต้อนให้ไหมครับ!!”รินวางช้อนแล้วก็ลุกขึ้นเสนอความคิดเห็นด้วยสีหน้านึกสนุก



“จะไหวเหรอคะ”



“ไหวสิไหว พี่ชายก็จะไปกับผมด้วยใช่ปะ”เสียงใสเอ่ยอย่างกระตือรือร้น มือบางเอื้อมจับแขนเสื้อของชายหนุ่มแถมด้วยการเขย่าเบาๆ



“อืม...”คนถูกถามตอบตกลงอย่างปฏิเสธเสียไม่ได้



“แล้วงานบัญชีหละคะ”รอยยิ้มบนใบหน้าหวานถูกทำลายด้วยน้ำมือของพรผู้ไม่ได้เจตนาร้าย เธอแค่ถามเพราะเห็นว่ามันเหลืออีกเยอะเท่านั้น



“เอ้อ...เอาไว้ทำตอนเย็น...”



“จะทันเหรอคะ?”



“ทันครับ”คนที่ตอบไม่ใช่ริน เสียงทุ้มเรียกรวมสายตาของคนในห้อง”เดี๋ยวผมช่วย”



“ก็มีพี่คฑานี่แหละ”ดีใจเหมือนถูกหวน รินกระโดดผล็อยมาตบไหลแกร่งป้าบๆ



ป้าพรมองร่างสูงซึ่งรวบรวมจานไปล้างอย่างประหลาดใจ เมื่อเช้าตอนเธอเข้ามายังเรือนใหญ่ก็พบเขานั่งเล่นอยู่ในห้องทีวี ตอนแรกก็คิดว่าแค่มาอาศัยแค่คืนเดียวแต่ซักไปซักมากลับกลายเป็นคนอาสาช่วยฟาร์มแถมยังทำตัวอ่อนโยนกับคุณน้องผิดกับบรรยากาศตึงๆรอบตัว



...แปลก...



.



.



ณ คอกม้า ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวบ้าน



รินเดินนำแขกผู้มาเยือนด้วยความเร็วกึ่งวิ่งกึ่งเดิน แม้จะเห็นแค่ด้านหลังก็สัมผัสได้ถึงความระริกระรี้ เส้นผมสีดำสนิทยาวคลอเคลียต้นคอขาวนวล สิ่งที่สะท้อนในนัยน์ตาของชายหนุ่มก่อความรู้สึกประหลาดขึ้นในใจ



...ประหลาดใจ...



คือว่า...เจ้าหนูเดินมาคอกม้าเพื่ออะไร?



ม้าสีขาวตัวใหญ่ถูกลากออกจากคอกด้วยแรงอันน้อยนิดของผู้รักษาการแห่งฟาร์มกานต์ รินจูงม้าแก่ออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นผิดกับคนนอกอย่างคฑาซึ่งได้แต่มองอย่างงๆ



อาชาสีขาวสะอาดเคลื่อนกายมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม ป้าพรนำอานนั่งและบังเหียนสีน้ำตาลเข้มมาสวมให้มันอย่างรู้งาน พร้อมยื่นถังใส่กองหญ้าสดให้แก่คุณน้องของเธอ



รินรับมาพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันมาเอ่ยกับคนที่ยังยืนงงอยู่ว่า”พี่ชายๆ ขึ้นมาเร็ว”จากนั้นเจ้าตัวแสบก็ปีนขึ้นขี่พาหนะสี่ขาอย่างกระฉับกระเฉง



“...”



“นี่ครับ”รินยื่นแขนออกมาเพื่อให้คนไม่เคยขี่ปีนขึ้นนั่งสะดวกขึ้น คฑาหันมองป้าพรอย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู หล่อนส่งรอยยิ้มแห้งๆกลับมาราวกับจะสื่อว่า ไปที่ชอบที่ชอบนะคะ ชายหนุ่มจึงจำยอมคว้าข้อมือบางแล้วพาตัวเองขึ้นหลังม้าด้วยสีหน้าปุเลี่ยน



“มันไม่หนักเหรอ”คนไม่คุ้นถามอย่างกังวล เกรงว่าขามันจะหักกลางทางเอา



“ไม่เป็นไร ม้าตัวนี้เป็นสายพันธุ์ลากเลื่อน เมื่อก่อนถูกใช้งานหนักกว่านี้อีก ป้าพร ผมไปนะฮะ!”หันไปชี้แจงเรียบร้อยก็ล่ำลากับคนงานเก่าแก่ 



“ระวังตัวด้วยนะคะคุณน้อง”



โบกมือบ้ายบายสองสามทีอาชาสีขาวก็ย่างกรายเข้าสู่ทุ่งหญ้าเขียวขจี ก่อนข้อมือของคฑาจะถูกดึงให้อยู่ในตำแหน่งเอวของคนข้างหน้าด้วยเหตุผลว่ากลัวเขาจะตกหายกลางทาง



ใช้เวลาชั่วอึดใจพวกเขาก็ออกห่างจากตัวบ้านจนมองเห็นเป็นหลังเล็กๆ



”วันนี้เราจะไปดูตามแนวป่ากันก่อน...เอ ไม่ใช่นะสีหมอก ไม่ใช่ทางนั้น”รินดึงบังเหียนเมื่อเห็นว่าเจ้าม้าไปผิดทาง



“ขี่ม้าเป็นด้วยเหรอเรา”ลูกจ้างชั่วคราวมองนายน้อยของฟาร์มอย่างทึ่งในความสามารถ



...เด็กคนนี้ล้นเหลือด้วยทักษะไม่จำเป็นทั้งนั้น...



“พี่เรย์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนม.สี่...”



เพราะลมมันแรงหากหันคนละด้านจะไม่ได้ยินสิ่งที่พูดร่างโปร่งจึงหันหน้ามาตอบคำถามชายหนุ่มอย่างลืมตัว ระยะห่างสำหรับการใช้แขนจับเอวคนบังคับม้าในอานแคบๆนั้นแสนสั้น แก้มขาวนวลของคนไม่ระวังตัวจึงสัมผัสเข้ากับจมูกของคนที่ก้มหน้าลงมาเพื่อรอรับฟัง



สัมผัสแผ่วเบาในชั่วพริบตานั้นเรียกความเห่อร้อนบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม สภาพเหมือนโอบกันไว้แบบหลวมๆยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรง



“อะ...ท โทษที”เสียงแผ่วเบาดังเล็ดลอดจากกลีบปากบาง รินรีบหันหน้ากลับอย่างรวดเร็วเพื่อซ่อนอาการแปลกๆซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเพศเดียวกัน



“อ๊ะ...เห้ย สีหมอก”จังหวะนั้นนั้นเองเจ้าม้าสีขาวซึ่งไม่มีคนบังคับอยู่ก็เกิดพยศขึ้นมา



เจ้าสีหมอกร้องเสียงดังพร้อมยกขาหน้าขึ้นอย่างก้าวร้าว มันถูกขังอยู่ในคอกมานาน การได้ออกสู่โลกกว้างครั้งนี้ทำให้มันตื่นตัว ร่างของคนสองคนซึ่งไม่ทันตั้งตัวเสียหลักตกลงจากม้าขาว



“แอ่ก!!”



“โอ๊ยยย เจ็บๆๆๆ”หลังจากร่วงลงมาคนละทิศคนละทางแล้วรินก็ยกมือขึ้นลูบก้นตัวเองป้อยๆ เขารีบวิ่งอ้อมมาอีกฝั่งของม้าเพื่อดูอาการของคนบาดเจ็บแถมยังตกจากที่สูงซ้ำเข้าไปอีก



”เป็นอะไรมั้ยพี่!! ผมขอโทษ”



“ไม่เป็นไร”คฑาหยัดกายขึ้นยืนด้วยสภาพปกติ เพราะตอนตกเขามีสติดีกว่าเด็กหนุ่ม



“พี่ว่าสองคนคงหนักเกินไป เราแยกย้ายกันดีไหม”คฑาเสนอความเห็น รินเหลือบมองม้ามีอายุอย่างชั่งใจก่อนตัดสินใจเห็นด้วย



“ก็ได้ครับ งั้นพี่กลับไปเอามอไซค์พี่รันที่บ้านนะ กุญแจผมวางไว้บนโต๊ะกินข้าว”เด็กหนุ่มว่า”แล้วก็เอาหญ้าใส่ถังมาแบบนี้มาด้วยนะ ขอจากป้าพรก็ได้”รินชูถังตัวอย่างขึ้นมา



ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ”งั้นบ่ายสามเราเจอกันที่บ้านเลยนะ”



“ครับ”



...


ก่อนอื่นต้องบอกนักอ่านก่อนเลยว่านิยายเรื่องนิหาแก่นสารอะไรไม่ได้เลย(แหะๆ :o8:)

ยังไงก็ตาม ฟาร์มนี้ก็คือฟาร์มของพ่อ น้องรินของเราก็ต้องช่วยอยู่แล้ว

ส่วนใครเป็นคนปล่อยวัวออกไปและคฑาเป็นใครมาจากไหนนั้นจะค่อยๆเฉลยปมมาในเนื้อเรื่องตามลำดับค่ะ TvT

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และทุกคำแนะนำนะคะ  :pig4:

ปล.เพิ่งเห็นว่าพาร์ทนี้มันสั้นมาก ฮ่าๆๆๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [18/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2 part2
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 18-07-2015 17:31:13
แอบสวีทนะคู่นี้ คึๆ >_<
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [18/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2 part2
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-07-2015 17:44:59
เด็กน้อยแก้มแดงงง~ :-[ น้องรินแอบลวนลามพี่คฑานี่นา.. >\\< แต่ตอนนี้เราชักเริ่มเป็นห่วงน้องแล้วสิคะ ว่าถ้าแยกกันตามหาวัวจริงๆ น้องรินจะไม่หลงเข้าไปในป่าหรอกใช่ไหมคะเนี่ย? :try2:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [18/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2 part2
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 18-07-2015 20:25:08
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [18/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่2 part2
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 18-07-2015 21:18:54
ก็เข้าใจอะนะ แต่น้องมันยังทำตัวเป็นเด็กๆอยู่เลย ปัญหาที่เจอมันจะรับไหวหรอ มิน่าถึงส่งคฑามาช่วย แต่คนที่มาช่วยนี้มีจุดประสงค์แอบแฝงรึเปล่า รอต่อไป
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [24/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 24-07-2015 16:55:43




บทที่ 3 อัศวินหลงทาง




เสียงเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีชมพูหวานแหววดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของทุ่งหญ้า ร่างสูงผู้ประดับด้วยไอเย็นรอบๆตัวเสมอจนเพื่อนร่วมงานไม่กล้าสุงสิงกำลังควบเจ้าพาหนะสองล้อสีสันมุ้งมิ้งไปตามทาง



สภาพเช่นนี้...



หากคนรู้จักมาเจอเข้าได้รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นแน่



มือซ้ายถือถังใส่หญ้าสีเขียวสดยื่นออกไปด้านหลังเพื่อล่อให้เจ้าสัตว์สี่ขาตัวเบ้อเริ่มเดินตามอาหารกลับคอกอย่างสงบ ใบหน้าที่ไม่เคยฉายแววความรู้สึกออกมาบ่อยครั้งนาทีนี้มันเต็มไปด้วยความละเหี่ยใจ เนตรคมเหลือบมองเจ้าตัวโตซึ่งเดินตามความเร็วรถอย่างแข็งขัน ลมหายใจเหม็นพ่นออกจากรูจมูกดังพรืดตลอดเวลา



"ทำไมตัวนี้ถึงใหญ่กว่าตัวอื่น..."ตลอดวันเขาเทียวไปเทียวมาระหว่างคอกวัวกับด้านหลังของฟาร์มเพื่อทำภารกิจต้อนวัว ประสบการณ์เป็นตัวขัดเกลาฝีมือทำให้ยอดวัวที่เขาต้อนได้มีกว่าสิบตัวแล้ว ทว่า...เจ้าตัวนี้มันขนาดคนละไซส์กับที่ผ่านมา



 "เจ้าหนูนั่นบอกว่าไม่เลี้ยงโคเนื้อ งั้นไอ้นี่หละ?"บางคำถามก็ไม่มีคำตอบ ตัวเขาซึ่งเป็นคนนอกได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนในฟาร์มนี้...



การช่วยเหลือคนแปลกหน้าขณะบ้านตัวเองเกิดไฟไหม้เป็นน้ำใจในแบบที่ชายหนุ่มไม่เคยได้รับมาก่อน



"เมื่อครู่คุณน้องโทรมาบอกว่าให้คุณพักผ่อนก่อน เดี๋ยวเขาจะเข้าไปหาในป่าด้านหลังก่อนมืดค่ะ" พรละมือจากการรีดนมมารับช่วงต่อพาเจ้าวัวตัวใหญ่หายลับไป เธอไม่มีเวลาโอ้เอ้นัก แม้จะมีเครื่องรีดนมแต่ทำคนเดียวยังไงก็ต้องเร่ง...



คฑาทำท่าจะอ้าปากถามอะไรบางอย่างจากเธอ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เห็นดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำงานต่อ...เด็กแสบกับคนแก่ยังไม่หยุดมือแล้วจะให้เขาพักผ่อนได้อย่างไร



ทิศทางซึ่งฟีโน่สีชมพูมุ่งตรงไปก็คือป่าด้านหลัง...



.


.



จะเรียกว่าโชคไม่เข้าข้างหรือโง่เองดีหละ ชายหนุ่มผู้สมัครใจทำงานอย่างแข็งขันนั่งบนพื้นหญ้าเอนกายพิงรถจักรยานยนต์ด้วยสีหน้าเหม่อลอย พลางนึกด่าความสะเพร่าของตัวเองในใจ



น้ำมันหมด...



ปัญหาใหญ่ในการเดินทางอันดับสองรองจากการหลงก็คือเจ้าเชื้อเพลิงราคาแพงหมดลงกลางทาง เขามองไปทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวบ้าน แต่สิ่งที่สะท้อนในดวงตากลับมีเพียงความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น...



ขืนเดินไปจูงรถไปด้วยกว่าจะถึงคงพรุ่งนี้เช้า



“อึก”ขณะลุกขึ้นความเจ็บปราบบนศีรษะก็แล่นปราดเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว คฑาโซเซจนยืนไม่อยู่ ตามสัญชาติญาณของมนุษย์มือข้างที่ว่างจากการกุมหัวเอื้อมออกไปเพื่อคว้าหลักยึด แต่โชคร้ายที่สิ่งที่คว้าได้กลับเป็นก้อนหินบนพื้น



“โอ๊ย!”คฑาชักมือขึ้นมองอย่างตกใจ แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อพบเลือดสีแดงสดไหลโชกมือ



...โดนหินบาด...



“อะไรกันนักกันหนาเนี่ย โธ่เว้ย!”เขาสบถอย่างหัวเสีย ทำไมช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้ถึงมีแต่เรื่องแย่ๆ?



“พี่คฑา!! พี่คฑาฮะ!!”ก่อนจะโทษโชคชะตาเสียงใสของใครบางคนซึ่งได้ยินแค่ไม่กี่ครั้งกลับจำได้ดี หัวใจของเขากลับมาพองโตอีกครั้งเมื่อเห็นร่างของเจ้าหนูตัวปัญหาควบม้ามาทางตนหน้าตาตื่น



อา...เห็นทีตัวปัญหาจะเป็นเขาเสียมากกว่า



“ผมกลับไปบ้านแล้วไม่เห็นพี่เลยออกตามหา เห้ย! พี่บาดเจ็บนี่”รินรีบกระโดดลงจากม้าคว้ามือข้างที่มีแผลไปดูอย่างตกใจ ก่อนจะพยุงเขาขึ้นแล้วเอ่ยว่า”เดี๋ยวผมพากลับไปทำแผลที่บ้านนะ”



ร่างโปร่งประคองคนเจ็บให้ยืนขึ้น กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายกลิ่นน้ำนมลอยมาเตะจมูกเรียกให้เนตรคมเหลือบมองคนข้างตัวอย่างเผลอไผล ตอนนี้รินอยู่ในชุดนอนสีขาวครีมคิดว่าเจ้าตัวคงกลับไปอาบน้ำและนั่งรอเขาที่บ้านแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่กลับมาเสียทีจึงรีบรุดออกตามหา



และคงรีบมากจนติดกระดุมสลับเม็ดเลยทีเดียว



โดยไม่รู้ตัวชายหนุ่มเผลอตัวจ้องมองเสื้อสีขาวแขนสั้นซึ่งผู้สวมใสรีบร้อนจนกลัดกระดุมเม็ดบนผิดจนเผยให้เห็นต้นคอขาวละเอียดดูนุ่มนวลน่าสัมผัสประดับด้วยกระดูกไหปลาร้าทอดยาวลงไปจนเกือบจะเห็น...หน้าอก...



“หืม? มีอะไรเหรอฮะ?”คนถูกมองหันมาถามอย่างสงสัย คนแอบมองจึงหลุดออกจากภวังค์รีบเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างร้อนรน



“แล้วรถหละ”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงถามคำถามโง่ๆแบบนี้ออกไป ต่อให้น้ำมันไม่หมดแต่สภาพมือกับหัวแบบนี้คงขับกลับไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่จะปล่อยให้เงียบไปทั้งอย่างนี้ก็กลัวว่าคนข้างกายจะได้ยินเสียงตึกๆตักๆ



 เสียงหัวใจซึ่งเต้นรัวในอกซ้ายอย่างไม่ทราบสาเหตุ



“เอาไว้พรุ่งนี้ให้ลุงชัยเอารถกระบะมาขนก็ได้ฮะ”นายน้อยแห่งฟาร์มจัดแจงพาคฑาขึ้นซ้อนเจ้าสีหมอก



รินพาคนเจ็บซ้ำซ้อนกลับมายังตัวบ้าน เวลานี้พระอาทิตย์ตกดินและป้าพรกับลุงชัยซึ่งทำงานหนักมาทั้งวันขอตัวกลับบ้านไปหมดแล้ว เขาพาร่างสูงมานั่งบนโซฟาก่อนหายตัวไปเพื่อหากล่องยา



“ไปทำอีท่าไหนถึงนั่งกองอยู่แถวนั้นได้หละฮะ”เด็กแสบกลับมาพร้อมของในมือแถมด้วยการถามคำถามย้ำปมชายหนุ่ม



“ก็แค่หน้ามืดนิดหน่อย”



“พี่ชายนี่บอบบางกว่าหน้าตาเนอะ ฮ่าๆๆ”ตบท้ายด้วยการหัวเราะเยาะหน้าระรื่นทำเอาคนมาดนิ่งอย่างคฑามาดหลุดไม่มีชิ้นดี
ชายหนุ่มมองเด็กบ้าตรงหน้าตาขวางก่อนจะแถสดว่า



”ปกติฉันไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ ที่เห็นนี่คงเป็นผลของเบญจเพศ”คฑายกขาไขว่ห้างด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเหตุผลของตนนั้นถูกต้องตามหลักตรรกศาสตร์



“อุ๊บ ฮ่ะๆๆๆ แถมยังเป็นคนฮาๆอีก โอ๊ย ขำ”รินหัวเราะร่วน ใบหน้าสดใสเลื่อนมืดพยามปิดปากกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าขุ่นมัวของคนโดนเยาะเย้ย



บรรยากาศรอบตัวเริ่มเย็นจนขนลุก แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่าจิตสังหาร



“ไม่ล้อก็ได้ แต่ตอบมาก่อน ไปนั่งทำอะไรตรงนั้น เห้ย อย่าถีบนะ นี่ถามจริงจัง!”รินรีบลุกหนีเมื่อคฑาขยับขาข้างที่ไขว่ห้างอยู่



“อะไร ขวัญอ่อนนะเรา แค่เปลี่ยนท่านั่ง”เสียงทุ้มตอบกลับเรียบๆ จับจากโทนเสียงซึ่งคงความจริงจังไว้ไม่ได้เลยว่ากำลังแกล้ง ถ้าไม่นับสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์นั่นหละก็นะ



“โหย พี่คฑาแกล้งน้องอ่ะ”



“ก็น้องไม่ยอมทำแผลให้พี่สักทีน่ะสิ”



“อ๊ะ โทษทีครับ”เผลอลืมวัตถุประสงค์ตอนแรกเสียสนิท รินรีบหยิบยาฆ่าเชื้อออกมาจากกล่องก่อนเทใส่สำลีและทาบนบาดแผล
เบาๆ



”เอ...พอพี่เป็นคนเรียกแล้วไม่ชินเลยแฮะ”เสียงนุ่มเปรยเบาๆ เพราะก้มหน้าอยู่เขาจึงมองไม่ออกว่าเด็กเข้าใจยากตรงหน้าสื่อถึงอะไร



“หืม?”คฑาเลิกคิ้วมองเด็กซึ่งนั่งทำแผลอยู่ข้างๆอย่างสงสัย



“ที่เรียกผมว่าน้องไง มันฟังดูแหม่งๆ”



“เราแทนตัวเองว่าอย่างนั้นก่อนไม่ใช่รึไง”รอยยิ้มบางประดับบนมุมปาก



ช่วงเวลาผ่อนคลายหลังทำงานหนักบวกกับบรรยากาศพาไปชายหนุ่มมองกระดุมเสื้อไม่เรียบร้อนนั่นอย่างเผลอไผลก่อนเอื้อมมืออีกข้างขึ้นไปปลดกระดุมเม็ดแรกบนเสื้อนอนสีขาวของเด็กหนุ่มและติดมันให้ถูกต้องท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนถูกกระทำและคนถือวิสาสะเอง!



“อ๊ะ เอ่อ ขอบคุณ”เสียงใสตะกุกตะกัก ใบหน้ามนอาบแสงตะวันยามเย็นจนขึ้นสีแดงพอเหมาะกับสถานการณ์



“ก็เอ่อ...เมื่อกี้เราพูดอะไรกันนะ อ้อ ก็มันชินหนิ ผมเป็นน้องคนเล็กลุงชัยเลยเรียกผมว่าคุณน้องแล้วคนงานสมัยนั้นก็เรียกตาม แต่ตอนนี้เหลือแค่ลุงกับป้าเท่านั้นแหละที่เรียกแบบนี้”



“อืม อย่างงั้นเหรอ แสดงว่าคนอื่นเรียกไม่ได้สินะ”คฑาพูดเบาๆกับตัวเองแต่เพราะอยู่ใกล้กันทำให้คุณพยาบาลจำเป็นได้ยินเข้าเต็มๆ



รินผู้กำลังเอาผ้ามาปิดแผลให้เงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้มละมุนที่มุมปากว่า



”คนอื่นเขาไม่เรียกกัน แต่พี่เรียกผมอย่างงั้นก็ดีนะ เราจะได้ไม่กลายเป็นคนอื่น”



ลมหายใจของคนพูดสะดุดลงชั่วขณะ เด็กหนุ่มประหลาดใจในคำพูดราวกับหยอดสาวของตนเมื่อครู่



ด้านคนฟังเอง เสียงหวานดังแผ่วเบาตรงหน้า ดวงตาสีดำขลับวูบไหวมองใบหน้าสวยประดับด้วยแสงตะวันยามเย็นพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อร่างพล่ามัวในใจ



“เรียบร้อย! พี่ไปอาบน้ำก่อนสิ ระหว่างนั้นผมจะทำอาหารเย็นให้ แต่มันไม่อร่อยเหมือนป้าพรหรอกนะบอกไว้ก่อน”พูดเสร็จก็หัวเราะคิดคักหยิบกล่องพยาบาลเดินออกจากห้องไป



...จะไปทั้งอย่างนี้เหรอ กลับมารับผิดชอบคำพูดของตัวเองก่อนสิ...



คฑามองตามแผ่นหลังบางจนลับตาก่อนจะเอนกายพิงพนักอย่างสับสน มือข้างปกติยกขึ้นทาบทับอกซ้ายซึ่งบรรจุอวัยวะภายในซึ่งกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับจะหลุดลอยออกมาข้างนอก เจ้าตัวพยามระบายความรู้สึกประหลาดด้วยการสูดลมหายใจลึก



...ใบหน้าเมื่อครู่ของอีกฝ่ายลอยเข้ามาในหัว กลิ่นหอมจางๆกับผ่ามือขาวนุ่มที่ได้สัมผัส...



“อะไรอีกหละทีนี้...”คฑาแค่นหัวเราะใส่ตัวเอง



ก็แค่น่ารักท่องไว้สิ ยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง



 ท่องไว้...ไม่ใช่ผู้หญิง



 คิดได้ดังนั้นก็รีบลุกไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำอาบท่าตามคำแนะนำ เผื่อใจจะสงบลงบ้าง



หลังจากนั้นไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพอดีตัว ช่วงวันสองวันมานี้เขาต้องหยิบยืมเสื้อผ้าของคุณพี่ชายผู้บาดเจ็บนามรันซึ่งเขาเองก็ไม่เคยพบหน้า ครั้นจะยืมของชาวบ้านเขาใช้ตลอดไปคงไม่ได้ ไว้หาวันว่างไปเดินซื้อข้าวของในเมืองดีกว่า



คฑาจัดตารางชีวิตในใจ ความจริงจะกลับไปเอากระเป๋าเดินทางที่ห้องพักก็ได้อยู่หรอกแต่กลัวจะไปเจอเจ้าหมอนั่นเข้า...



“พี่คับพี่ อย่ามัวแต่ยืนเล่มเอ็มวี เดี๋ยวข้าวก็เย็นหมดหรอก”



ขณะยืนคิดอะไรเพลินๆก็เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยแซว ชายหนุ่มเดินเข้ามาเขกกะโหลกไอ้เด็กที่เจอกันแค่วันสองวันก็ทำตัวสนิทสนมจนแทบจะปีนขึ้นมานั่งเล่นบนหัวผู้ใหญ่อย่างหมั่นไส้



“นั่งๆๆ”รินรีบเลื่อนเก้าอี้ให้คนชอบดุอย่างเอาใจก่อนทำไม้ทำมือนำเสนออาหารค่ำมื้อหรู(?)



“อาหารเย็นของคุณชายวันนี้คือแกงจืดเต้าหูหมูสับกับข้าวไข่เจียวขอรับ ขอให้มีความสุขกับการรับประทาน”เชฟแห่งฟาร์มกานต์รีบนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคฑา



ปกติต้องนั่งด้านตรงข้ามไม่ใช่หรือไง?



“กินสิๆๆ”เจ้าหนูเร่งรัดให้เขากินด้วยสีหน้าคาดหวัง



ดีที่มือข้างที่เจ็บเป็นข้างซ้ายโมเมนต์ในตำนานอย่างการป้อนข้าวใต้แสงดาวจึงไม่เกิดขึ้น ชายหนุ่มหยิบช้อนขึ้นตักน้ำซุบขึ้นมาซดด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจ ถึงหน้าตามันจะไม่ผิดปกติอะไรก็เถอะแต่มันเป็นอาหารที่รินทำ ควรปลอดภัยไว้ก่อน



เมื่อปลายลิ้นสัมผัสกับน้ำแกงสีหน้าหวาดระแวงของเขาก็เปลี่ยนไป



”ธรรมดา”คำชมเหมือนไม่ใช่คำชมสร้างความดีใจให้คนทำเป็นอย่างมาก



“เย้!! ธรรมดาจริงหรอ มันธรรมดาใช่มั้ยฮะ”รินคว้าแขนเสื้อให้ใบหน้าคมสบตาตัวเองชัดๆตอนพูด คฑาตกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองนี้



“อืม ธรรมดา”



เป็นอีกเรื่องที่เขาต้องแปลกใจ คนปกติเขาดีใจขนาดนี้เลยเหรอเวลามีคนชมว่าอาหารที่ทำมันธรรมดา?



ปกติต้องชมว่าอร่อยสิ...



เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์ทำนองนี้ในอดีตแต่ผลลัพธ์กลับต่างกัน



“เป็นไงคะ”เสียงหวานแสนคุ้นหูดังขึ้นในห้วงความคิด



“ธรรมดาดีครับ” ตัวเขาวางช้อนก่อนเงยหน้าขึ้นตอบเธออย่างจริงใจ อาหารเย็นมื้อแรกที่เธอทำให้เขาทานนั้นไม่ได้อร่อยเลิศหรูระดับภัตตาคารแต่ก็ไม่ห่วยแตกอย่างร้านข้าวแกงถุงละสิบห้าบาท ดังนั้นคำว่าธรรมดาจึงเหมาะสมที่สุด



“เดี๋ยวสิ! ธรรมดาได้ยังไง คุณรู้ไหมว่าฉันตั้งใจทำขนาดไหน คุณรู้บ้างไหมว่าฉันทำด้วยความรู้สึกยังไง ดูผักนี่สิ ฉันหั่นเป็นรูปหัวใจด้วยนะ เห็นไหม!?”นิ้วเรียวชี้ไปยังจานผัดผัก ชายหนุ่มหรี่ตามองแครอทรูปทรงประหลาดอย่างชั่งใจ



เขาควรจะชื่นชมเจ้าก้อนนี้ว่าเป็นหัวใจที่งดงามเพื่อแก้สถานการณ์ดีไหม?



“ใช่สิ!! คุณไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วนิ ช่างเถอะ! จากนี้ฉันก็จะไม่สนใจคุณเหมือนกัน!!”



“เห่นโหลว ยังอยู่ไหมคร้าบ!?”มือเรียวยกโบกไปมาหน้าคนที่สติหลุดติดต่อยานแม่ด้วยความกลัวว่าสาเหตุมาจากกินอาหารของตนเข้าไป



“อ่า...โทษที พอดีคิดอะไรเพลินๆ”



“มันไม่ได้แย่ใช่ปะ”



“อืม มันธรรมดาดี”



“เย้ ขอบคุณครับ”เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มยิ้มตามใบหน้ามีความสุขของคนข้างกาย...เห็นที คุยกับเพศเดียวกันจะเข้าใจกันมากกว่าสินะ...



คฑาฝึกมองโลกในแง่ดีจากการเข้าใจไปว่าตัวเองนั้นรู้สึกดีกับธรรมชาติและความสดใสของคนตรงหน้าเหมือนได้มีน้องชายเพิ่มอีกคน



...จนกว่าปัญหาของฟาร์มจะคลีคลายและวันที่จะได้เห็นเด็กคนนี้ยิ้มโดยไม่มีห่วงเขาจะคอยอยู่เป็นกำลังให้เคียงข้าง...




.......................................................................................

พระเอกของเราไม่ใช่ผู้ชายใสๆ 5555555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [24/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-07-2015 17:13:49
พระเอกไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยนะคะ แต่ที่ช่วยเหลือฟาร์มของน้องรินก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เหมือนจะไม่มีอะไรแอบแฝง (ขอระแวงนิดหนึ่งพอค่ะ ^^) เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องอื่นๆ (ที่อาจจะไม่ดี) เราขอยกยอดไปเคลียร์กับพี่คฑาในอนาคตก็แล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [24/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 24-07-2015 19:53:46
อืม เขาก็ไม่ธรมดาจริงๆนั้นแหละ รอดูต่อไปว่าความรักครั้งนี้จะรู้สึกดีหรือทราบซึ้งแค่ไหน กัน
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [24/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 24-07-2015 21:01:31
แสดงว่าปกติน้องทำอาหารห่วยแตกมากใช่มั้ย?
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [24/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-07-2015 11:07:16
พี่คฑาเรามีเมียแล้วเรอะ!??
ยังไงล่ะนี่...
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [24/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 26-07-2015 10:55:35
โมเมนต์ตอนเรียกน้องเรียกพี่นี่มันฟินจริงๆนะ น่ารักกกกกก >///<  :-[
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [24/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่3
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 28-07-2015 17:25:24
น่ารัก ><
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [29/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 29-07-2015 17:37:04




บทที่ 4 อัศวินเปลี่ยนเกราะ




เช้าอันสดใส บนระกระบะสีขาวลายวัวเคลื่อนตัวออกจากฟาร์มกานต์ไปสู่ตัวเมืองด้วยการขับของลุงชัย หลังเหตุการณ์วุ่นวายวันนี้ลุงชัยผู้ทำงานหนักเกินตัวมาหลายวันเริ่มทนไม่ไหวอาสาไปเกณฑ์คนในเมืองมาช่วยทำงานชั่วคราว คฑาจึงเห็นโอกาสเหมาะขอติดรถไปซื้อเครื่องใช้ส่วนตัวในเมืองด้วย



“ตอนเด็กผมชอบนั่งกระบะแบบนี้มากเลยรู้ไหม มันรู้สึกเยี่ยมกว่ารถเปิดประทุนอีก ถึงจะไม่เคยนั่งก็เถอะ ฮ่ะๆๆ”นายน้อยแห่งฟาร์มผู้ไม่มีเหตุจำเป็นใดใดในการเดินทางครั้งนี้โผล่เข้ามาในฉากด้วยใบหน้าแจ่มใส



ร่างโปร่งหันไปพูดเจื้อยแจ้วกับชายหนุ่มผู้นั่งสีหน้าเรียบเฉยไม่มีแววสนุกแม้แต่น้อย



เนื่องจากรถคันนี้เป็นแบบสองประตูและไม่มีแค็ปการบรรจุคนสามคนเข้าไปจึงเป็นไปไม่ได้ รินจึงปล่อยให้ลุงชัยขับรถและโดดมานั่งหลังพร้อมบุคคลแปลกหน้า



หลังพวงมาลัยคนขับ ลุงชัยผู้รักและหวงแหนคุณน้องกัดฟันอย่างปวดร้าวเมื่อถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ตาซึ่งควรจะมองทางกลับจ้องเขม็งไปยังกระจกมองหลังอย่างเคียดแค้น ภาพสะท้อนคุณน้องผู้น่ารักหยิบหมวกคาวบอยไปสวมให้ไอ้หนุ่มหน้านิ่งยิ่งสุมกองไฟเข้าในอก



ไอ้หนุ่มนี่เป็นใครมาจากไหน!?



ลุงชัยผู้เทียวไปเทียวมาหลายที่เพิ่งมีโอกาสรับรู้ว่าคฑายังวนเวียนอยู่ในฟาร์มแถมได้ใกล้ชิดกับคุณน้องยิ่งกว่าตน



รู้สึกคับแค้นเมียตัวเองที่ยอมปล่อยให้คุณน้องอยู่กับชายแปลกหน้าใต้ชายคาเดียวกันสองต่อสอง



“ลุงๆ จอดครับจอด เลยแล้ว!”รินรีบตะโกนเตือนโชเฟอร์ขี้อิจฉาอย่างตกใจ รถลายวัวเกือบแล่นเลยย่านการค้าหวุดหวิด เสียงเบรกดังสนั่นเรียกเสียงวี๊ดว๊ายจากหญิงชาย(?)แถบนั้น



“โป๊ก!!”



หัวทุยๆของเด็กโง่ผู้ไม่ระวังตัวโขกเข้ากับหน้าต่างหลังรถเต็มๆ รินยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆท่ามกลางสีหน้าเยาะเย้ยจากคฑาและสีหน้าเป็นห่วงของลุงชัย



ก่อนนายชัยจะลงจากรถเพื่อไปดูอาการ ร่างโปร่งก็โดดลงจากกระบะวิ่งไปหาคนงานเก่าแก่ก่อนกำชับลุงว่า”ขากลับเดี๋ยวพวกน้องโบกรถกลับเอง ลุงไปทำงานให้เต็มที่เลยนะฮะ ไม่ต้องเป็นห่วง”จากนั้นก็เดินกลับมาหาร่างสูงซึ่งยืนมองเงียบๆ



นายชัยกัดฟันขณะออกรถด้วยเปลวเพลิงในดวงใจ...



สถานที่ที่รินพาคือแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อของอำเภอทำให้มีร้านรวงมากมายตั้งแต่ร้านอาหาร ร้านของฝาก ไปจนถึงร้านเสื้อผ้า
เจ้าถิ่นจำเป็นเดินนำลูกจ้างชั่วคราวเข้ามาในโซนช็อปปิ้ง



ภายในแหล่งท่องเที่ยว ร่างทั้งสองเดินเคียงคู่กันเรียกสายตาจากสาวๆแถวนั้นได้ไม่น้อย โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดนักท่องเที่ยวจึงไม่หนาแน่นนัก ทิวทัศน์รอบๆคือบ้านสไตล์อเมริกันคาวบอยสีอิฐกับกองฟางตกแต่งทั่วบริเวณ บางร้านก็มีรูปปั้นวัวขนาดเล็กประดับตกแต่ง สมกับเป็นเมืองแห่งโคนม



“ที่นี่เพิ่งเปิดใหม่ เมื่อปีที่แล้วพี่รันเพิ่งพาผมมางานฉลองเปิดตัวอยู่เลย เพราะชาวบ้านอำเภอนี้มีอาชีพทำฟาร์มเป็นส่วนใหญ่เลยไม่มีอะไรไปดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ตาแม้แกก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แบ่งที่ดินออกมาเปิดหมู่บ้านคาวบอยซะเลย”รินอธิบายเสริม



“ตาแม้?”คนต่างถิ่นติดใจสงสัยชื่อดังกล่าวราวกับเคยได้ยินจากไหนสักแห่ง



“แกรวยสุดในอำเภอแล้ว ฟาร์มแกกินที่สุดลูกหูลูกตาเลย!”รินกางมือออกสุดแขนเพื่อให้เห็นภาพจนเกือบปัดไปโดนคนอื่นเข้าดีที่คฑาคว้าเอาไว้ได้ทันท่วงที เด็กหนุ่มยิ้มแหยกับความเลินเล่อก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นบางสิ่งซึ่งสร้างประกายวิบวับในดวงตาได้ในพริบตา



“ทางนี้ฮะ ทางนี้”คุณน้องเล็กโบกมือเรียกพี่ชายคนใหม่ของตัวเองให้ตามเข้ามาในร้านแห่งหนึ่ง เสียงกระดิ่งประตูดังกรุ้งกริ้งให้ความรู้สึกคลาสสิกดี



“นี่เป็นร้านไอศกรีมนมสดของฟาร์มพี่ฟ้า พี่สาวฟาร์มข้างๆที่พี่รันตามจีบอยู่”แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ลุงชัยก็โทรมานินทาบ่อยๆว่าพี่เอาแต่หนีหายไปฟาร์มข้างๆเขาเลยรู้ทันทีเลยว่าต้องหายไปอยู่บ้านพี่ฟ้าชัวร์...



ก็เพราะฟาร์มอีกฝั่งหนึ่งเขามีแต่ลูกชายนี่นา



“รับรสอะไรดีคะ”พนักงานสาวหน้าเหลี่ยมถามขึ้น



“เอารถเบนซ์แล้วกันฮะ”เธอเงิบเล็กน้อยเมื่อถูกลูกค้ากวนตีน แต่ก็ปรับสีหน้ากลับมาได้อย่างรวดเร็ว



“ไปแกล้งพี่เขา”เด็กแสบโดนผู้ปกครองที่พามาด้วยดุเข้าให้ รินยักไหล่อย่าไม่ยี่หระก่อนจะตาเป็นประกายชี้นิ้วเมนูใหม่ล่อตาล่อใจ ภาพในไวนิลข้างเคาเตอร์คือไอศกรีมห้าลูกพร้อมท็อปปิ้งสุดอลังการในหนึ่งชาม รินหันมามองคนข้างตัวตาใสทันที



แม้จะไม่มีเสียง แต่ตากลมแจ๋วนั้นก็สื่อความชัดเจน



...อยากกินอันนี้ พี่ชายกินด้วยกันะฮะ นะๆๆๆ...



“...”



คฑาผู้พ่ายแพ้หันไปพูดกลับพนักงานอย่างจำยอม



”เอาเซ็ตนั้นเซ็ตนึงครับ เอารสอะไรล่ะเรา”ก่อนหันมาถามเจ้าตัวแสบขณะยกมือจับหัวกระเซอะกระเซิงเพราะถูกลมตีให้เข้าที่เข้าทาง



“ผมเอานมสด สตรอเบอรี่ ชาเขียว อีกสองรสให้พี่ชายเลือกฮะ!!”


“แล้วก็กาแฟกับเอ่อ...”ปกติไม่ชอบกินของหวาน ไอศกรีมรสเดียวที่กินได้ก็คือกาแฟแต่ยังต้องเลือกอีกรสนึงนี่สิ...ชายหนุ่มทำท่าอึกอักก่อนเนตรคมจะเหลือบไปเห็นบางอย่าง



“ข้าวโพดครับ”



“เห!? มีรสนี้ด้วยเหรอ เพิ่งเห็นอ่ะ เปลี่ยนชาเขียวเป็นข้าวโพดด้วยได้ไหม”เด็กประถมข้างตัวร้องเสียงหลง ทำหน้าเสียดายรสข้าวโพดเสียเหลือเกิน



“เดี๋ยวกินด้วยกันก็ได้ พี่กินไม่เยอะหรอก”พี่เลี้ยงเด็กจึงลูบหัวทุยๆอย่างเอ็นดู



ทั้งสองคนพากันไปนั่งโต๊ะในสุดเหตุผลคือมันมีโซฟา รินรีบวิ่งไปแย่งเก้าอี้นวมสีน้ำตาลท่าทางนุ่มนิ่มอย่างกลัวว่าคนที่พามาด้วยจะแย่งเอา...



คฑาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนั่งรออย่างสงบ”นั่นแผนที่อะไรเหรอ”ด้านหลังของรินคือภาพแขวนลายแผนที่ขนาดใหญ่ชายหนุ่มจึงถามขึ้นอย่างสงสัย



“อ๋ออ แผนที่อำเภอนี้ฮะ”



“แล้วที่มีสีแดงๆหละ”



รินมองอย่างพิจารณา ร่างโปร่งนั่งชันเข่าขึ้นขณะเอื้อมมือไปชี้บริเวณสีแดงริมซ้ายสุด “ตรงนี้เป็นฟาร์มบ้านพี่ฟ้า ถัดมาคือฟาร์มกานต์บ้านผมเอง”มือเรียวไล่ตามจุดไปเรื่อยๆ”สีแดงใหญ่สุดนี่คือฟาร์มลุงแม้ที่สร้างที่นี่ขึ้นมา ส่วนที่อยู่ติดกับบ้านผมอีกฝั่งคือฟาร์มของพ่อไอ้ปูน”



“ทั้งสี่ฟาร์มคือฟาร์มที่กุมอำนาจของสหกรณ์เอาไว้เพราะยิ่งใหญ่ที่สุด มีคนตั้งชื่อเท่ห์ๆให้ด้วยนะ ว่าสี่จตุรเทพ”



“อ๊ะ พี่ชายว่า...”ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว ความเป็นไปได้สูงสุดเท่าที่คิดได้”เรื่องวุ่นวายทั้งหมด...จะมาจากฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งในนี้รึป่าว?”



พนักงานเดินเอาของหวานมาเสริฟผิดเวลา เธอวางถ้วยไอศกรีมหลากสีลงบนโต๊ะแล้วเดินจากไป



“กินก่อนเถอะ เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดทีหลัง”เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงขัดบรรยากาศดราม่าด้วยการหยิบช้อนขึ้นมาตักของหวานเข้าปาก



“ฮะ”รินพยักหน้า มือเรียวหยิบช้อนขึ้นตักรสนมอันเป็นรสพื้นฐานกินก่อนอันดับแรก “อืมห์ อร่อย!!”



ปรับอารมณ์เร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ยกมือขึ้นจับแก้มสีหน้าฟินสุดติ่งกระดิ่งแมว



“ชิมสิฮะ รสนม”เห็นว่าคนหน้าเครียดกินแต่รสกาแฟ ช้อนจากมือขาวนุ่มจึงยื่นไปจ่อริมฝีปากแกมบังคับ



ไม่ถึงสิบนาทีเจ้าหนูตัวเล็กก็จัดการกับของหวานเรียบแปล้ท่ามกลางสายตาทึ่งๆของคฑา ตัวเท่านั้นกินแล้วไปเก็บไว้ตรงไหนหมดนะ ทำไมไม่อ้วน? หรือว่าเอาไปเพิ่มส่วนสูงแทน?ไม่น่าใช่นะ เจ้าหนูสูงสักร้อยเจ็ดสิบกลางๆเอง เอ...หรือเอาไปบำรุงสมอง



...ไม่มีทาง...



“เห้อ อิ่มจัง”รินแผ่หลากับโซฟาแบบไม่อายสายตาประชาชี จะอายไปทำไม ในร้านตอนนี้มีลูกค้าแค่สองสามโต๊ะเอง


“ไปไหนต่อ”เมื่อเติมเสบียงเรียบร้อย แม่ทัพก็เรียกพลทหารจอมอู้งานให้ทำภารกิจนำทางต่อ



“ร้านเสื้อมุมในสุด!!”รินรีบเด้งตัวขึ้นมาตีหน้าแข็งขันเดินทำออกจากร้านไป วันนี้จะเที่ยวเล่นให้หนำใจให้สมกับเป็นปิดเทอมเลยคอยดู!!


.


.
...

ตอนหน้าเจอกันวันเสาร์นะคะ >_</
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [29/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 29-07-2015 17:46:01
คู่นี้มุ้งมิ้งอีกแล้ว ><//
รินนี่มันทำตัวเด็กจริงๆ เลย ถึงต้องคอยมีคฑาดูแลไง
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [29/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 29-07-2015 21:01:10
พี่คฑามาจากไหน มาทำไม มีจุดประสงค์เดิมคืออะไร?

คือเขามุ้งมิ้งกันดีอยู่หรอกนะ แต่แบบ สงสัยอ้ะะะ 5555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [29/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 31-07-2015 19:10:16
 :pig4: ตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [29/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-08-2015 17:15:17
ชอบน้องรินตอนทำหน้าฟินสุดติ่งกระดิ่งแมวมากๆ เลยค่ะ น่าร๊ากกกกกก :m3: ขนาดพี่คฑามาดนิ่งยังแพ้ให้แก่ลูกอ้อนของน้องเลยเน้ออ..
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [29/7/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 01-08-2015 17:39:08
น้องรินกวนจัง น่ารักใสๆ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4.2
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 02-08-2015 16:43:25




บทที่4 อัศวินเปลี่ยนเกราะ part2





“เสร็จแล้ว? เร็วจัง”



อะไรกัน อะไรกัน อะไรกัน อุตส่าห์คิดว่าจะเที่ยวเล่นให้สนุกแท้ๆ ต้องกลับฟาร์มแล้วเหรอ ทำไมพี่คฑาเลือกของเร็วจัง มาช็อปปิ้งก็ต้องลีลาเป็นชั่วโมงๆสิ!! รินนึกในใจอย่างเสียดาย ความจริงยังมีงานบัญชีคั่งค้างอยู่แต่ด้วยสกิลผลัดวันประกันพรุ่งเด็กหนุ่มจึงเที่ยวเล่นเหมือนไม่มีภาระอะไร



“ยังไม่อยากกลับอ่ะ”สุดท้ายก็พูดออกไปตรงๆนี่แหละ สองมือคว้าแขนขวาของชายหนุ่มซึ่งไม่มีบาดแผลแต่มีถุงใส่เสื้อผ้าหอบอยู่เต็มหมายจะยื้อไว้เพื่อถ่วงเวลา



คนเจ็บแต่กลับต้องแบกของมองคนสบายในมือไม่มีอะไรแถมทำท่างอแงด้วยความเอือมระอา แต่ก็โดนสายตาวิงวอนโจมตีเข้าเต็มๆ



“งั้นเราไปสำรวจสามในสี่ของจตุรเทพกันไหม?”คนถูกอ้อนจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจ



“ยังไงอ่ะ”



“ก็อย่างไปทักทายเจ้าของฟาร์มแล้วก็สำรวจท่าที”คฑาเสนอ



“อื้ม ไปสิไป เราไปเช่าม้าตรงนู้นไปมั้ย ผมไม่ชอบนั่งรถ”พูดจบก็วิ่งปรู๊ดไปยังลานกว้างซึ่งมีม้าให้นักท่องเที่ยวเช่ายืมชมบริเวณรอบๆ



“ลุงฮะ เช่าม้าตัวนึงฮะ”เด็กหนุ่มเข้าไปติดต่อลุงคนหนึ่งซึ่งยืนเตอะฝุ่นรอลูกค้าอยู่



“ได้ลูก จะไปไหนหละหึ?”ลุงก็รีบจูงม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ออกมาให้เมื่อสังเกตเห็นว่าลูกค้ามาสองคนแต่เช่าแค่ตัวเดียว



“ไปฟาร์มพี่ฟ้ากับฟาร์มไอ้ปูนฮะ”ลุงได้ยินดังนั้นถึงกับร้องโหย



“ไกลขนาดนั้นลุงจูงไปไม่ไหวหรอกไอ้หนู ถ้าอยากดูฟาร์มก็ดูของตาแม้สิเนี่ย เดี๋ยวลุงพาชม”



“ลุงก็ไม่ต้องไปด้วยก็ได้หนิ...”เด็กมั่วนิ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าตั้งท่าจะเถียงกับผู้อาวุโส คฑาผู้สังเกตการณ์อยู่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย



“คือพวกเราขี่ม้าเป็นคุณไม่ต้องคุมไปด้วยก็ได้ เราแค่อยากจะเช่าม้าของคุณเพื่อไปติดต่อธุระกับฟาร์มพวกนั้นสักหน่อย ได้ไหมครับ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ไม่อยากต่อรองมากนักเพราะลุงคนนี้ดูเคี่ยวไม่น้อย



“อืม...ระยะทางมันก็ไกลเอาเรื่อง แถมยังซ้อนสองอีก ม้าลุงคงเหนื่อยแย่ ร้านลุงแค่ให้เช่าดูรอบๆนี้ไม่กี่รอบแถมยังมีคนตามคุมอีก นี่ปล่อยไปเองไม่รู้จะได้กลับมาไหม...”ลุงหนวดลากเสียงยาวทำหน้าคิดแต่คนมากประสบการณ์การค้าอย่างคฑามองออกชัดเจน



เล่นตัวโก่งราคาชัดๆ!!



“สามร้อย”ชายหนุ่มรีบเสนอราคาตัดหน้า ป้ายหน้าร้านบอกว่าเช่าหนึ่งรอบราคา 80บาท ฉะนั้นราคานี้ไม่มากหรือน้อยไปแถมยังเป็นราคารอรับการต่อรองอีกด้วย



“น้อยไปๆ สักสี่ร้อยได้ไหมหละ”ลุงแก่หน้าเงินเรียกราคาห้าเท่า ตามปกติเขาคงบอกลาแล้วหนีไปขึ้นรถกะป๊อแล้วแต่พอสบเจ้าตาใสๆมองละห้อยมาไม่หยุดนั่นแล้วก็เผลอตัวหยิบกระเป๋าตังค์ควักเงินออกมาจนได้



“เย้!!”รินชูมืออย่างดีใจ...



ดีนะที่ที่นี่มีตู้กดเงิน คฑาผู้เสียเงินโดยใช่เหตุนึกอยากกัดลิ้นตัวเองตาย...



ทำไมเขาต้องไปตามใจไอ้เด็กนี่ทุกที!?



พวกเราตัดสินใจมุ่งหน้าไปหาลุงแม้ก่อนเพราะสำนักงานของแกอยู่ติดกับแหล่งท่องเที่ยวพอดี ใช้เวลาไม่นานรินผู้รับหน้าที่สารถีก็ควบม้ามาถึงที่หมาย ทั้งคู่โดดลงจากม้าก่อนเข้าไปติดต่อเลขาของฟาร์มอย่างสุภาพ



เมื่อครู่รินเพิ่งโทรบอกให้พี่ชายให้ติดต่อมานัดพบก่อนแล้วจึงไม่มีปัญหาขัดข้องอะไร



เลขาสาวหน้าสวยไม่เหมาะกับการทำงานกลางไร่กลางนาเชิญแขกให้นั่งรอในห้องนั่งเล่นก่อนเธอจะเดินกลับมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด



“ต้องขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ วันนี้คุณท่านอาการไม่สู้ดี ถ้ามีธุระอะไรช่วยติดต่อกลับมาทีหลังได้ไหมคะ”



“อ่อ ไม่เป็นไรครับ เราแค่จะเอาข่าวมาบอกเตือนฟาร์มของคุณ”เสียงทุ้มเอ่ย



“อะไรหรือคะ”



“พอดีทางฟาร์มผมเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นด้วยฝีมือคนนอกเลยอยากแวะเข้ามาเตือนว่าอำเภอเรามีผู้ไม่หวังดีอยู่”ชายหนุ่มผู้เป็นคนนอกเอ่ยกับหญิงสาวว่ามีคนนอกเข้ามาสร้างปัญหา



เธอมีท่าทางตกใจไม่น้อยก่อนปรับสีหน้าและพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ



“ขอบคุณมากค่ะที่มาเตือน ช่วยได้มากเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแหล่งท่องเที่ยวเห็นจะแย่เหมือนกัน ทางฟาร์มกานต์เองหากมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ”หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ



 รินและคฑาพูดคุยกับเธออีกสักพักก่อนขอตัวออกมา



ด้านหน้าสำนักงาน เดินก้นยังไม่ทันพ้นสายตารินก็หันมานินทาลับหลังเสียแล้ว”ผมว่าคงไม่ใช่ฟาร์มตาแม้หรอก แค่นี้แกก็รวยจนไม่รู้จะรวยยังไงแล้ว จะมากลั่นแกล้งฟาร์มเราทำไม”เด็กหนุ่มวิเคราะห์ตามความรู้สึก



“อืม ท่าทีของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย...แถมยังมีน้ำใจช่วยเหลือเราอีก พี่ก็คิดว่าไม่ใช่หรอก”ชายหนุ่มวิเคราะห์ตามหลักเหตุผล



“ฟาร์มพี่ฟ้าไม่ต้องไปหรอกผมว่า เพราะลุงชัยกับพี่รันติดต่อไปขอความช่วยเหลือเขาก็แบ่งขายนมให้เราอย่างดี”เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบคางอย่างครุ่นคิด



หรือว่าลางสังหรณ์ของเราจะผิดพลาด? ไม่น่านะ ปกติมั่วข้อสอบก็ถูกเกือบหมด



“งืม...ยากจัง คิดไม่ออกแล้วเนี่ย ทำไงดีฮะ”รินหันไปขอความเห็น



“เราลองไปที่สุดท้ายกันก่อนค่อยว่ากันอีกที เดี๋ยวมืดค่ำแล้วจะเดินทางลำบาก”ตอนนี้ก็บ่ายสองแล้ว คฑาเลยพูดอย่างเป็นห่วง เมื่อตกลงกันได้คณะเดินทางค้นหาความจริงก็ออกเดินทางทันที เจ้ามาตัวใหญ่สีน้ำตาลห้อตะบึงไปตามเส้นทางสู่ฟาร์มจักรพรรดิแห่งสุดท้าย



ซุ้มป้ายสีเหลืองสดใหม่เขียนว่ายินดีต้อนรับปรากฏสู่สายตา กว่าจะเดินทางมาถึงก็กินเวลาไปพอสมควรเพราะคนขี่อย่างรินดันจำทางไม่ได้เดือดร้อนคนนั่งต้องคอยถามทางคนแถวนั้นเสียนี่...



ผมไม่ผิดนะ!



ก็คนเคยมาแค่ครั้งสองครั้งจะไปจำทางได้ยังไงเล่า!...



“แล้ว...ไปทางไหนต่อหละเนี่ย?”ข้างหน้าคือความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น เนตรกลมโตมองลอกแลกตามประสาคนขี้ตื่น “พี่ชายฮะ ทางไหนอ่ะ”



คนถูกถามตีสีหน้าไม่ถูกในใจเถียงกลับว่า แล้วกูจะไปรู้ไหม?



“ลองขี่ตามทางไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอคนเองแหละ”คำตอบแบบไร้ความรับผิดชอบเรียกเสียงโห่จากเด็กผู้คาดหวังคำตอบที่เจ๋งกว่านี้



“โห่ยยยย โห่ยยยย อะไรแว้ โอ๊ย อย่าหยิกสิ!”เลยถูกมันเขี้ยวหยิกหลังเข้าให้ ของที่ซื้อมาถูกวางคั่นกลางระหว่างสองคน แม้จะมีการเกาะเอวหรือพูดคุยกันก็ไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์กุ๊กกิ๊กเช่นเมื่อวาน



แว๊นนน!!



ฉับพลันเสียงปริศนาก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้า ทิศทางของถนนทอดยาวยังไม่ปรากฏแหล่งกำเนิดเสียง ทั้งสองคนจึงหยุดทะเลาะกันแล้วเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างสงสัย



“เสียงอะไรอ่ะพี่?”



“มอเตอร์ไซค์หละมั้ง”



“ใครมาขี่เล่นแถวนี้กัน?”



“ริน...พี่ก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องหรอกนะ”



แว๊นนนนนนนน!!!เหมือนเสียงจะใกล้เข้ามา แต่ก็ยังไม่เห็นแหล่งกำเนิดเสียงซึ่งเดาว่าเป็นรถของเด็กแว๊นซ์แต่อย่างใด



“ไอ้ปูน ไอ้ลูกทรยศ!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”เสียงปริศนาที่สองดังขึ้น ก่อนจะมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันสีแดงใหญ่จะโผล่เข้ามาในจอภาพ ตามมาติดๆด้วยบิ๊กไบค์สีน้ำเงิน คนนอกสองคนมองเด็กมัธยมปลายรูปร่างผอมโปร่งกับลุงวัยห้าสิบอ้วนท้วมขี่รถไล่กันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...



เรื่อยๆ...



จนกระทั่ง...



“เห้ย!!! หลบๆๆๆๆๆๆ”



เอี๊ยดดดดดด



เสียงเบรครถดังสนั่น ในบทบรรยายอาจคิดว่าเหตุการณ์ข้างตนมันกินเวลานานแต่ในความเป็นจริงเรื่องทั้งหมดเกิดในเวลาไม่ถึงห้าวินาที!! รินผู้กำบังเหียนม้าค้างเติ่งเบิกตามองรถจักรยานยนต์คันใหญ่สีแดงสดซึ่งหยุดห่างจากขาม้าไม่ถึงสิบเซ็นต์!!



“อะ...”



“ไอ้ปูน!! เป็นไงหละ กรรมตามสนอง บอกแล้วใช่ไหมว่ายังไงก็หนีพ่อไม่พ้น!!”เด็กหนุ่มย้อมผมสีน้ำตาลไหม้ ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนหน้าตาหล่อไม่เบาเดินลงจากรถของตนอย่างหัวเสีย คนที่คาดว่าจะเป็นบิดาเคลื่อนรถมาจอดแนบด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม



“ไม่กลับ!! ยังไงผมก็ไม่กลับบ้าน!! ปิดเทอมนี้ผมจะไปทำงานบ้านพี่ริน”คำกล่าวนั้นสร้างความตกใจแก่เจ้าของชื่อผู้นั่งหัวโด่ประกอบฉากอยู่บนอานม้าไม่น้อย



“ใคร?”คฑากระซิบถาม สายตามองพ่อลูกทะเลาะกันอย่างสงสัย



เมื่อได้ยินคำถามนั้นรินก็เริ่มพิจารณาเด็กตรงหน้า ตาโตๆ ชื่อปูนแถมอยู่ในฟาร์มบ้านไอ้ปูน...



“เห้ย!! นั่นมันไอ้ปูน!?”พ่อลูกที่กำลังทะเลาะกันแบบไม่สนโลกหยุดชะงัก เจ้าเด็กป่วนคนใหม่เงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียกชื่อตน



“เห้ย!! พี่ริน!?”เด็กปูนชี้หน้าตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ



รินและเด็กคนนี้เคยเจอกันไม่กี่ครั้งเมื่อตอนยังเด็กทั้งคู่ ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอปูนก็ตอนไอ้เด็กนั่นเรียนป.หกใส่ชุดกะลาสีสีน้ำเงินตัวขาวจั๊วะตาใสแจ๋วอยู่เลย ไหงเผลอแป๊ปเดียวถึงกลายเป็นเด็กแว๊นซ์ไปได้?



“ดีเลยๆ พ่อ เห็นมั้ย พี่รินมารับแล้ว งั้นผมไปล่ะ เจอกันเปิดเทอมเน้อ!!”ปูนหันไปพูดกับพ่อก่อนอาศัยจังหวะบุพการีเผลอยันโครมรถของพ่อให้ล้มกองกับพื้นแล้วรีบขึ้นคร่อมรถตัวเอง และหันมาพูดกับเจ้านายใหม่ผู้ปะติดปะต่อเรื่องราวไม่เสร็จว่า



”เจอกันที่บ้านนะพี่!!”ว่าแล้วก็ออกรถไปแบบไม่ใยดี



รินทำอะไรไม่ถูกหันไปหาชายหนุ่มต้องการคำสั่งถัดไป



“กลับ”



สั้นๆคำเดียวนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ก็รีบควบม้าออกมาจากฟาร์มข้างเคียง ทิ้งให้คุณลุงเจ้าของฟาร์มพยามออกแรงยกบิ๊กไบค์คันใหญ่อย่างทุลักทุเล ด้วยเรี่ยวแรงของคนแก่เป็นเบาหวานทำให้เขาล้มเหลว



“ไอ้ลูกเวร!! กลับมาล่ะน่าดู!!”



.



.



“เอาหละ อธิบายมาซิ”ภายในห้องนั่งเล่นของฟาร์มกานต์นายน้อยผู้กุมกองบัญชีสูงท่วมหัวกอดอกมองเด็กป่วนผู้นั่งคุกเข่าอยู่กับ
พื้นตาเขม็ง หลังจากเอาม้าไปคืนเจ้าของแล้วก็ต่อรถกะป๊อกลับเข้าบ้านก็เจอไอ้หนูนี่เปิดทีวีเปิดแอร์เปิดตู้เย็นหยิบขนมมานอนกินบนโซฟาหน้าชื่นตาบาน



“ก็เมื่อเช้าลุงชัยมาขอความช่วยเหลือ แกบอกว่าที่นี่ขาดคน...”



“แล้วไง”รินถามเสียงแข็งตีหน้าดุ มาดเหนือกว่าราวดับเป็นคนละคนกับตอนอยู่ต่อหน้าคฑา
เรื่องได้ทีขี่แพะไล่ล่ะถนัดนัก



คฑาผู้นั่งชมการไต่สวนอยู่ข้างกายร่างโปร่งถึงกับส่ายหัวไปมาอย่างรับไม่ได้ คนนึงบรรลุนิติภาวะแล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็ก ส่วนอีกคนยังเป็นเยาว์ชนอยู่ก็นิสัยเด็กไม่แพ้กัน



ปูนผู้หนีออกจากบ้านหน้างอทันทีที่ถูกพี่รินผู้น่ารักดุ



“พี่รินอ่ะ ดุผมทำไม!! ผมไม่มีที่ไปอยู่นะ พี่ก็เห็นว่าผมทะเลาะกับพ่อ ผมหนีออกจากบ้าน พี่รินผู้ใจดีของผมคนนั้นต้องเดินเข้ามาจับไหล่ ออกแรงบีบน้อยๆอย่างให้กำลังใจ แม้ว่าจะไม่มีคำพูดระหว่างเราแต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านทางแววตาผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าพี่ยอมให้ผมอยู่ด้วย...แอ่ก”



“พรรณนาโวหารเก่งนักนะ คิดว่าเขียนเรียงความอยู่รึไง ไอ้เด็กแสบ หนอยๆๆๆ”พี่รินผู้โอบอ้อมจับหมอนอิงปุหน้าไอ้ปูนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะพาตัวเองลงไปจี๋เอวไอ้เด็กดื้ออย่างเมามัน



“ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ โอ๊ยย ฮ่าๆๆๆ พี่ริน อย่างแกล้ง! ฮ่าๆๆ”ร่างโปร่งชักดิ้นชักงอหงายหลังอยู่บนพรม พยามยื้อยุดมือปลาหมึกของรินสุดชีวิต



“อย่าคิดว่าผมจะยอมนะ นี่แหนะ!!”ในที่สุดปูนก็คว้าข้อมือขาวเอาไว้ได้ก่อนจะรวบทั้งแขนซ้ายและแขนขวารินเอาไว้ด้วยกันแล้วออกแรงบีบไว้ด้วยมือข้างเดียว เด็กเมืองหลวงหรือจะสู้แรงเด็กฟาร์มโคนมได้



สถานการณ์พลิก!!



“เฮ้ย!! ขี้โกงหนิ โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ จั๊กจี๋ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ อุ๊บ ฮ่ะๆๆๆ เดี๋ยวก็ไล่ออกซะเลย!!”



จริงจังอยู่ดีดีกลับกลายเป็นเล่นซะอย่างงั้น นายคฑาถึงกับยืนขึ้นอย่างไม่เข้าใจภาพเด็กแสบสองคนนอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นไม้ปาเก้ โดยเฉพาะริน จากฝ่ายได้เปรียบกลั่นแกล้งเขาอยู่อีท่าไหนถึงได้นอนเกลือกกลิ้งหน้าแดงหอบหายใจใต้ร่างของปูนไปได้



“!!”



เนตรคมเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อร่างโปร่งของปูนขยับขึ้นมานั่งทับหน้าท้องขาวๆของรินซึ่งดิ้นแรงจัดจนเสื้อเลิกขึ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ข้อมือเรียวซึ่งถูกกอบกุมเอาไว้ทั้งสองข้างถูกยกขึ้นเหนือหัว ช่วงเวลาที่ปูนหยุดมือรินจึงหอบให้ใจอย่างคนขาดอากาศ



“พอ...พอเถอะ...แฮ่กๆ อื้อ พี่ไม่ไหวแล้ว อย่านะปูน”ใบหน้าแดงระเรื่อปรือตามองร่างด้านบนอย่างอ่อนระทวย



“...!!...”



นายคฑาผู้เคร่งขรึมยืนตะลึงงันมองการละเล่นตรงหน้าอย่างเข้าไม่ถึง ชายหนุ่มยกมือขึ้นทุบหัวบริเวณที่ไม่มีแผลเพื่อเรียกสติซึ่งฉายมโนภาพบางอย่างซึ่งออกสื่อไม่ได้ไปไกล



“พี่คฑา งื้อออ ฮ่าๆๆๆ ช่วยด้วย!! ช่วยน้องด้วย”ขณะนั้นเองเสียงสัญญาณ SOSจากริมฝีปากบางก็ดังเรียกสติ ชายหนุ่มขี้มโนเบือนหน้ากลับมาโดยไม่ลืมปรับให้มันเคร่งขรึมอย่างเก่าแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า



“เลิกเล่นได้แล้ว”



“โหย พี่ชายก็ แกล้งพี่รินสนุกออกจะตาย ห้ามทำไม มาแกล้งด้วยกันไหม ดูจากสีหน้าแล้วผมว่าพี่ชายก็อยากเล่นด้วยนะ”เหมือนมีลูกศรปักเข้ากลางอก แทงทะลุใจดำ คฑาเสียหลักจากการโจมตีทางคำพูด เป็นความจริงที่เขาเห็นแล้วนึกอยากเล่น
ด้วย...ในอีกความหมายหนึ่ง



แต่ด้วยภาพพจน์ทั้งหมดที่มีเขาจึงกระแอมไออย่างตั้งสติก่อนเอ็ดเสียงเข้ม



”ไม่ได้ บอกให้พอก็พอ ดึกแล้ว กินข้าวเย็นกันเถอะ”



และแล้วมื้ออาหารธรรมดาก็ดำเนินไปท่ามกลางความวุ่นวาย เด็กแสบคนใหม่เข้ายึดครองพื้นที่ ดูเหมือนคฑาผู้เก่งกาจเองก็แพ้ภัยเจ้าหนูคนนี้ไม่น้อย จึงไม่มีผู้ใดช่วยนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ให้รอดพ้นเงื้อมมือมารเด็กแม้แต่คนเดียว...



...

พี่คฑาคะ หลุดค่ะหลุด รั่วหมดแล้ว ถถถถถถถถ :laugh:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4.2
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-08-2015 16:46:41
รึว่าจะเป็นคนนอกหว่า?
แต่เลขาตาแม้อ่ะน่าสงสัย...
พวกนี้มันป่วนกันจริงๆ เลย
คฑาอยากเล่นอะไรกะน้องรินล่ะจ๊ะ หึหึ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4.2
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 02-08-2015 17:42:05
ตลกแดกละครับ สุดท้ายก็แพ้เด็กจอมซนสองคนนี้จนได้นะคฑา แล้วตะเป็นฟาร์มใครละทีนี้นะ มันก็น่าสงสัยหมดเลย ต่อน่าอาจจะแก้งเป็นทำดีก็ได้นะเนี้ย
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4.2
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-08-2015 17:55:10
 o18 พี่คฑาคิดไรเนี่ยอยากเล่นด้วยละซิ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4.2
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 02-08-2015 19:48:48
งานนี้คฑาคงต้องกลายร่างเป็นพี่เลี้ยงเด็กซนถึงสองคนแล้วล่ะค่าา :laugh:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [2/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่4.2
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 03-08-2015 07:11:08
พี่คฑาเป็นคนตลก 555555 รั่วจริงๆ คุณน้องน่ารักกกก >///<
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [5/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 05-08-2015 17:44:44




บทที่5 อัศวินขี้อ่อย




เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วรินก็นั่งเป่าผมเงียบๆอยู่ในห้องคนเดียว มือเรียวสางผมสองสามครั้งเมื่อเห็นว่าแห้งแล้วก็ตีสีหน้าพึงพอใจก่อนนำอุปกรณ์เป่าผมไปเก็บเข้าที่ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์นอนเล่นมือถือบนเตียงอย่างมีความสุข



การได้ตากแอร์เย็นๆหลังวิ่งไปวิ่งมาทั้งวันคือการพักผ่อนอันล้ำค่า



เด็กหนุ่มสวมหูฟังก่อนหายเข้าไปในโลกตัว



แต่แล้ว...ความสุขนั้นก็หายไป



“พี่รินค้าบ!! เขยิบหน่อยสิ ให้ผมนอนด้วย!!”เสียงมารผจญดังขึ้นข้างหู ไอ้เด็กข้างบ้านซึ่งไม่รู้ว่าโผล่เข้ามาตอนไหนตะโกนเสียงดัง



รินเหลือบมองอย่างตกใจ เขาดึงสายหูฟังออกก่อนถลึงตาใส่ตัวป่วน



“เข้ามาทำไม!?”เพราะเมื่อกี้เปิดเพลงเสียงดังรินจึงยังไม่ได้ยิน



“ผม-บอก-ว่า-จะ-นอน-กับ-พี่!!”ปูนเน้นทีละพยางค์อย่างกวนบาทา หน้าตาทะเล้นตึงตังเชิญชวนให้ถีบสักเปรี้ยง รินนวดขมับเบาๆตามประสาคนไมเกรนขึ้น



“ไม่ได้ นี่ห้องพี่ ถ้าจะนอนก็ไปนอนที่อื่นไป๊”



“พี่ก็รู้ว่าผมหนีออกจากบ้าน ไม่มีเงินติดตัว แถมไม่ที่ให้พักพิงยังจะไล่ได้ลงคอ”เสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียว คุณน้องแห่งฟาร์ม
กานต์ผู้ถูกปฏิบัติอย่างดีอย่างลูกคนสุดท้องกัดฟันมองไอ้เด็กลูกคนเดียวที่นั่งยองๆเกาะขอบเตียงทำตาละห้อยน่าสงสาร



“ไม่ได้ไล่ขนาดนั้น แค่บอกให้ไปนอนห้องอื่น ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว อะไรก็มีเยอะแยะ”



“คนนะไม่ใช่ผักชี จะได้นอนในห้องครัว”คนถูกไล่ไปนอนห้องทำกับข้าวเบ้ปากงอแง



“ไม่เป็นผักชีนอนในห้องครัว ก็จงเป็นขี้นอนในส้วมซะ ถ้าไม่พอใจ จะเป็นทีวีนอนในห้องนั่งเล่นก็ได้นะ”รินยังไม่ลดละความพยาม ไล่สุดใจขาดดิ้น



“พี่รินใจร้าย”



“ไปนอนห้องพ่อพี่ก่อนก็ได้อะ”



“ไม่เอาอ่ะ ห้องลุงมีแต่กลิ่นคนแก่”



“งั้นนอนห้องพี่รัน”



“ไม่เอาอ่ะ ห้องนั้นพี่หน้าดุจองแล้ว”



“ไปนอนในคอกไป ที่ยังว่างอยู่”



“พี่ริน!!”



“ไอ้ปูน!!”



เกิดกระแสไฟฟ้าสถิตแล่นปราดจากดวงตาของเด็กเอาแต่ใจสองคน ปูนยืนขึ้นเต็มความสูงเพื่อข่ม จ้องกันไปมาสักพักก็ไม่มีความคืบหน้าลูกจ้างคนใหม่จึงกระโดดผล็อยยัดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มอย่างถือสิทธิ์



“ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”ร่างโปร่งทั้งผลักทั้งถีบแต่เจ้าปูนกลับไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย



“แบร่ พี่รินปวกเปียกทำอะไรเปียกปูนไม่ได้หรอก อิอิ”



รินมองเด็กที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ตนตาเหลือกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้



“เออ ยอมให้นอนด้วยก็ได้”ก่อนจะพ่ายแพ้ ก็ฝากคำทิ้งท้ายตามแบบฉบับไว้ว่า ฝากไว้ก่อนเถอะ ร่างโปร่งของคุณน้องผู้ยกธง
ขาวเดินกระแทกส้นเท้าตึงตังไปปิดไฟก่อนจะล้มตัวลงนอนเสียงจากเด็กเวรก็ดังขึ้น



“ปิดแอร์ด้วย”



“ห๊า!? อะไรนะ”



“ปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างเอา ทำตัวแบบพี่รินโลกถึงได้ร้อน”ปูนเลิกผ้าห่มขึ้นมาพลางยันตัวลุกนั่งเปิดหน้าต่างราวกับเป็นห้องของตัวเอง



“ปูน!! ปิดหน้าต่างเดี๋ยวนี้นะ ยุงเข้าหมดแล้ว!!”รินว่าเสียงแข็ง



“แมลงแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกคับคุณหนู”



“มันจะมากไปแล้วนะ!!”เส้นความอดทนอันบอบบางของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ขาดผึง รินหยุดการทำงานของเครื่องปรับอากาศอย่างหัวเสีย ร่างโปร่งปิดประตูเสียงดังเดินปึงปังออกจากห้องนอนตัวเองด้วยความโมโหอัดแน่นเต็มอก



ปูนตกใจไม่น้อยกับอาการของพี่ชายผู้ไม่ค่อยได้พบกันของตน



เท่าที่จำได้ในความทรงจำพี่รินคือพี่ชายผู้น่ารัก ใจดี ยิ้มง่าย...แล้วนี่หละ?



ช่างเถอะ...เลิกให้ความสนใจอย่างง่ายดาย



เด็กปูนผู้หนีออกจากบ้านล้มตัวลงนอนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


.



.



อีกด้านหนึ่งนายคฑาสถานะลูกจ้างชั่วคราวเช่นกันกำลังจัดของที่เพิ่งซื้อมาวันนี้เข้าที่เข้าทาง เนื่องจากเป็นคนมีมารยาทชายหนุ่มจึงเหมาซื้อข้าวของเครื่องใช้แทบทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ครีมโกนหนวด รองเท้า เสื้อผ้า หรือแม้แต่ผ้าห่มเขาก็ซื้อมา...



มือหนาแขวนผ้าขนหนูเอาไว้ที่ระเบียง ความจริงถ้าบ้าพอเขาคงซื้อลิ้นชักหรือตู้มาด้วย เพราะว่าห้องของคุณรันคนนี้เต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ ตู้เสื้อผ้ามีเสื้ออยู่ไม่กี่ชุดนอกนั้นก็เป็นกองหนังสือโป๊กับนิตยสาร FHM



ร่างสูงหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างสนใจ พลางนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้เสพของพวกนี้...



ตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานจนไม่มีเวลาหาความสุขให้ตัวเอง แฟนคนสุดท้ายก็เลิกรากันไปสามปีแล้ว เรื่องอย่างว่าก็อาศัยมือทำส่งๆไปเป็นการระบาย



ช่วงสามวันที่ได้พักผ่อนทำให้คฑาเริ่มหันมารักษาสภาพจิตใจของตัวเองมากขึ้น ชายหนุ่มพลิกหน้าปกเพื่อดูชื่อเล่มอย่างสนใจหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยบนหน้าปก



...เอาไว้กลับกรุงเทพแล้วหาซื้อสักเล่มสองเล่มก็ดีเหมือนกัน...



ก๊อกๆ



ขณะความคิดอกุศลกำลังโลดแล่นปรู๊ดปร๊าดในหัวที่มีแต่เรื่องงานนั้นเอง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น คฑาวางหนังสือไว้บนเตียงก่อนเดินไปเปิดประตู



“พี่คฑา...”สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าหมาหงอยของไอ้ตัวแสบที่หนีงานบัญชีอาบน้ำนอนตั้งแต่สองทุ่ม



เขาเลิกคิ้วอย่างฉงน เหตุใดเจ้าหนูถึงมาหาเขาในยามวิกาลด้วยใบหน้าแบบนี้?



“จะนอนรึยัง”รินถามเสียงอ่อย



“อีกสักพัก มีอะไรเหรอ?”



“พี่เปิดแอร์นอนไหม?”



“เปิดสิ ไม่ได้เหรอ มันเปลืองใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะปิดให้...”ร่างสูงทำท่าจะเดินไปปิดเครื่องทำความเย็นตัวกินไฟแต่ก็โดนมือเรียวคว้าหมับไว้ก่อน คฑาหันมามองร่างโปร่งอย่างไม่เข้าใจ




“ผมโดนแกล้ง ฮือๆ ไอ้ปูน ไอ้เด็กเวร คืนนี้ขอผมนอนด้วยนะ”รินยังเกาะแขนแกร่งไว้แน่น สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อไม่มากไปจนเป็นกล้ามปูแต่ก็ไม่ได้ผอมกะหร่อง



 และเด็กหนุ่มผู้กำลังอ้อนวอนชาวบ้านก็ได้ทำให้คฑาเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน



มือนุ่มค่อยลูบแขนของเขาอย่างแผ่วเบา ลากไล้ขึ้นลงขณะมองด้วยสายตาหลงใหล รินลากนิ้วไปตามแนวกล้าม ลากไล้ไปจนถึงต้นแขน ด้านในของเสื้อแขนสั้นก่อนจะรำพึงกับตัวเองเบาๆว่า



”สุดยอดเลย ชอบจัง”



“!!!”



“พี่เล่นยิมหรือเล่นกีฬาอ่ะ ทำไมมีกล้าม”



“เล่นเทควันโด”



“อ่อ มิน่า”



“อ๊ะ ขอโทษฮะ แหะๆ”รินสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่าจับนานเกินไป



เพิ่งรู้สึกเหรอไอ้เด็กบ้า คฑาผู้ถูกสตาฟยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนจะได้สติร่างบางก็แทรกตัวเข้ามาในห้องก่อนปิดประตูเสร็จสรรพ ท่ามกลางแสงไฟนีออนบนเพดานห้องชายหนุ่มจึงมองเห็นใบหูแดงระเรื่อจากด้านหลังของเด็กขี้ลวนลามได้



ก่อนเนตรคมจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนเตียงเข้า...อะไรบางอย่างที่เปิดดูก่อนจะเปิดประตู



นิตยาสารผู้หญิงเปลือย!!



“อะ...ไอ้หนู แล้วทำไมเราไม่ไปนอนห้องพ่อเราล่ะหืม?”รวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว คราวนี้คฑาเป็นฝ่ายคว้าข้อมือบางเอาไว้บ้าง เขาไม่ได้ไล่ เขาแค่ดึงความสนใจของรินเพื่อยืดเวลาขจัดหนังสือเล่มนั้นให้ไปพ้นๆ



การให้คนเพิ่งรู้จักกันรับรู้ว่าแอบอ่านหนังสือโป๊คงน่าอายมิใช่น้อย ถึงมันจะเป็นหนังสือของพี่ชายเจ้าตัวก็เถอะ



 คนถูกคว้าหันมามองอย่างสงสัย ใจนึกไปแล้วว่าชายหนุ่มไม่พอใจ



“ผมขอโทษ รบกวนเหรอ แต่ห้องพ่อไม่ติดแอร์อ่ะ พี่ชายทนนอนกับผมสักคืนเถอะนะ นะๆๆๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไม่ยอมไอ้ปูนมันแล้ว”



“เอ่อ เปล่า นอนได้ๆ...”



“อ๊ะ นั่น!?”รินเบิกตากว้างแล้วก็เพ่งสายตามองรอบห้อง



“อะไร!?”คนแอบซุกของเอาไว้สะดุ้งโหยง



“จะว่าไป ทำไมห้องพี่รันสะอาดขึ้นเยอะเลย ปิดเทอมที่แล้วยังรกถึงขนาดมีแมลงสาปมาวิ่งเล่น พี่ชายช่วยทำความสะอาดให้ใช่ไหมเนี่ย”รินผละตัวออกมา เขาเดินวนไปวนมารอบๆห้อง เป็นโอกาสอันดีงามสำหรับการซ่อนวัตถุอันตราย



คฑารีบอาศัยจังหวะที่ร่างโปร่งหันหลังหยิบนิตยสารลงไปซ่อนใต้เตียง แล้วยืนตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจังหวะพอดีกับใบหน้าหวานที่หันมาพอดี



“ปิดไฟเลยไหม?”ชายหนุ่มถาม รินพยักหน้าเห็นด้วยก่อนเดินไปปิดไฟเพราะอยู่ใกล้สุด นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์หมุนตัวกลับมาก็พบกับปัญหาใหม่



...เตียงเดี่ยว...



“ผมนอนพื้นก็ได้นะ”รินอาสา



“ไม่เป็นไร เรานอนบนเตียงไปเถอะ เดี๋ยวพี่นอนพื้นให้เอง”



“แต่พี่เป็นคนเจ็บ”



“แผลใกล้หายแล้ว เรานอนเตียงไปเถอะ เราเป็นเจ้าบ้านนะ”ชายหนุ่มเดินมาดันหลังรินผู้พยายามขืนตัวไว้สุดฤทธิ์ไปยังเตียง



รินสะบัดตัวไม่แรงนักจากนั้นก็หันมาเผชิญหน้ากับคฑาอย่างไม่เห็นด้วย”ถ้าพี่ไม่ยอม ก็นอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ!”น้ำเสียงติดจะแข็งเล็กน้อย เป็นเอฟเฟ็คจากเด็กปูนทำให้เจ้าตัวขาดสติพูดอะไรพล่อยๆออกมา



คฑาได้ยินดังนั้นก็ยื่นนิ่งตัดสินใจ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างยอมแพ้



“ก็ได้ งั้นเรานอนติดผนังนะ จะได้ไม่ตกเตียง”สิ้นคำรอยยิ้มดีใจก็ฉายชัดบนใบหน้าหวาน รินพยักหน้าแล้วก็ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกจากผนัง มือซ้ายทุบเตียง แปะๆ เรียกให้อีกฝ่ายมานอนด้วยกัน



“...”



เตียงเดี่ยวซึ่งบรรจุร่างสูงๆของผู้ชายได้แค่คนเดียวก็พอเหมาะแล้ววันนี้กลับมีร่างบางๆของใครบางคนเพิ่มเข้ามา ชั่วขณะที่คฑาขยับตัวหันหน้าไปหารินหมายจะคุยเล่น ระยะระหว่างกันมันน้อยนิดเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้



นัยน์ตาของทั้งคู่สบมองกันในระยะประชิด



“มือพี่เป็นยังไงบ้าง”รินถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มละไม



เหมือนจะมีคนตื่นเต้นเพียงฝ่ายเดียว...



แสงจันทร์ซึ่งลอดผ่านม่านสีฟ้าครามเข้ามาทำให้ทั้งคู่มองเห็นกันและกันลางๆ รินเอื้อมมือไปแตะมือซ้ายของชายหนุ่มแผ่วเบาเพราะกลัวจะไปกระทบกระเทือนบาดแผลเข้า



“หายแล้ว”



 “โกหก ยังมีเลือดแห้งอยู่เลย”รินแสร้งตีเสียงเข้ม นิ้วเรียวสัมผัสบาดแผลซึ่งแห้งสนิทแล้วเล่น



 “แล้วที่หัวกับที่สีข้างหละฮะ”



“ตรงหัวก็ใกล้หายแล้ว เหลือสีข้างนี่แหละรักษายังไงก็ไม่หาย ถลอกตลอด”ผู้ชายแถหน้าหนึ่งเอ่ยกลั้วหัวเราะ บาดแผลบนศีรษะเกิดจากการโดนตีหัวส่วนที่สีข้างโดนถีบเข้าเต็มๆแต่หนักกว่าการถีบคือการแถ



“ฮ่ะๆ พี่คฑาบ้า เอ้อ..แล้วได้สระผมบ้างป่ะเนี่ย?”รินหัวเราะคิกคัก



“สระสิ ตากแดดขนาดนั้น ขืนทิ้งไว้หัวเน่ากันพอดี”



“เห้ย...แล้วมันไม่โดนแผลเหรอ?”



“วันแรกก็ลำบากนิดหน่อยต้องคอยสระแบบระวังๆ แหงนคอแทบแย่ แต่วันนี้แผลเริ่มดีขึ้นถอดผ้าออกได้แล้วแถมยังซื้อแชมพูเด็กมาด้วย สะดวกดีไม่แสบแต่ข้อเสียคือไม่หอม”



“อ๋อ ก็ว่าอยู่ว่าเข้ามินิมาร์ทไปทำไมตั้งนานสองนานแถมไม่ยอมให้ผมตามเข้าไปด้วยนะ ที่แท้แอบซื้อแชมพูเด็กนี่เอง โอ๋ๆ เด็กโง่ ฮ่าๆๆๆ”



“ให้มันน้อยๆหน่อย”คนโดนล้อใช้มือข้างที่เจ็บนั่นแหละดีดหน้าผากเด็กแสบดังเป๊าะ



“โอยย งื้อ แซวนิดแซวหน่อยก็ไม่ได้ เชอะ เห หรือว่าอิจฉา?”



คฑามองสายตาเจ้าเล่ห์ของเด็กไม่รู้จักโตแบบงงๆ เขาไปอิจฉาอะไรใครตอนไหน



“ผมเค้าหอมอ่ะดิ ตัวเองใช้แชมพูเด็กน้อยแล้วก็มางอแงใส่ ผมเค้าหอมใช่มั้ย หอมๆๆๆๆๆ”รินขยับตัวยื่นหัวไปถูไถกับใบหน้าหล่อเข้มของชายหนุ่ม เส้นผมนุ่มสลวยละไปมาบนใบหน้าชวนจักจี๋ เดือดร้อนมือข้างเจ็บที่ต้องยกขึ้นมาหยุดการเคลื่อนไหวไร้สาระนั่น



“หอมมั้ย?”รินเงยขึ้นมาถามขณะถูกกดหัวเอาไว้กับหมอน



“ยุกยิกขนาดนั้นจะไปได้กลิ่นอะไร”



“อ่ะ งั้นให้ดมใหม่”สิ้นคำเจ้าเด็กขี้อ่อยก็ยื่นหัวมาอีกครั้งเล่นเอาชายหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน(อีกแล้ว)สะดุ้งถอยหลังอย่างตกใจราวกับโดนของร้อน



“เง้อ รังเกียจน้องเหรอ?”เห็นท่าทางแบบนั้นเล่นเอาหน้าเสีย



“ปะ เปล่า แค่ตกใจ”เห็นสีหน้าแบบนั้นก็ใจชายหนุ่มหล่นไปถึงตาตุ่มเช่นกัน



คฑารีบก้มหน้าลงมาสัมผัสกลุ่มผมนุ่ม กดปลายจมูกหนักๆหนึ่งทีรู้สึกถึงกลิ่นน้ำนมหอมหวานก่อนถอนตัวออกไปนอนที่เดิม การกระทำซึ่งเหมือนการหอมมากกว่าการดมนั้นเล่นเอาเจ้าตัวแปลกใจตัวเองไม่น้อย แต่ก็ตอบคำถามซึ่งเจ้าของเส้นไหมแสนหวานเมื่อครู่ถามตามจริง



“ก็...หอมดี”




ได้ยินดังนั้นรินก็พยักหน้าอย่างพอใจ”ใช่ไหมหละ แชมพูนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมฟาร์มเราเลยนะ”เด็กหนุ่มยิ้มอวดอย่างภาคภูมิใจ



“ทำเองเหรอ?”



“ป่าวๆ มีบริษัทเล็กๆในเมืองเขามาซื้อไปทำเป็น OTOPของเขาเองหน่ะ นี่ผมซื้อมาตั้งแต่ปิดเทอมครั้งก่อนละ เดี๋ยวมีงานวัดประจำอำเภอว่าจะไปซื้อเหมาไปใช้ในกรุงเทพด้วย”มือเรียวเกี่ยวปอยผมตัวเองมาดมฟุดฟิดด้วยใบหน้าปลาบปลื้ม ท่าทางชอบนักชอบหนา



การสนทนาทั้งหมดหยุดลงเมื่อต่างฝ่ายต่างหันหน้าออกจากกันแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา ความเงียบโรยตัวโอบล้อมห้องสี่เหลี่ยมรกๆของพี่ชายผู้บาดเจ็บ ทิ้งไว้เพียงความสงสัยของใครบางคนต่อเหตุการณ์เมื่อครู่ และความตื่นตระหนกจากคนที่หันหน้าเข้าหากำแพง








ไอ้ริน ไอ้บ้า เมื่อกี้แกทำอะไรลงไป แกทำอะไรลงไป แกทำอะไรลงไป!!?



ใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเมื่อนึกย้อนทวนการกระทำอุกอาจของตัวเองเมื่อครู่



......................................................................

เด็กอะไรขี้อ่อย ><
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [5/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 05-08-2015 17:57:56
อ่อยเรื่อยๆ เลยจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [5/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-08-2015 18:45:02
พี่คฑาอย่าเพิ่งน้อยใจไปค่ะ เพราะตอนนี้พี่มีน้องรินตื่นเต้นเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งแล้ว :laugh: และน้องรินมั่นใจแล้วใช่ไหมคะว่าหนูสามารถต่อกรกับเด็กปูนได้จริงๆ น่ะค่ะ >< เราว่างานนี้คงได้เห็นเด็กขี้แยวิ่งมาขอนอนกับพี่คฑาอีกคืนแน่เลยเน้ออ >\\<

ปล. งื้อออ~ น้องรินตอนเผลอชอบทำกิริยาน่ารักๆ ใส่พี่คฑาอยู่เรื่อยเลยน้าา :-[
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [5/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 07-08-2015 16:20:03
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [5/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: AllTheWay ที่ 08-08-2015 20:58:58
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [8/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 08-08-2015 21:03:20



บทที่5 อัศวินขี้อ่อย part2




ยามเช้าของฟาร์มกานต์ในห้องอาหารซึ่งมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น รินเท้าคางมองคฑาพูดคุยกับลุงชัยเงียบๆ



ตั้งแต่เขาตื่นแล้วก็เดินลงมาก็พบว่าลุงชัยกำลังโต้เถียงเรื่องบางอย่างกับชายหนุ่มอยู่ รินเดินเลี่ยงเข้าไปนั่งประจำที่พลางนั่งฟังบทสนทนาเงียบๆ



“ผมว่าคุณควรไปขอยืมคนงานจากฟาร์มอื่นนะครับ”




“เอ๊ะ ไอ้หนุ่มนี่พูดไม่รู้เรื่อง ก็เมื่อวานข้าก็ตระเวนไปตามบ้านพวกคนงานแล้วก็ขอให้เขามาช่วยแล้ว แต่ก็มีแค่ไอ้ปูนที่มา”ลุงชัยชี้ไม้ชี้มืออย่างออกรสใบหน้าฉายแววจริงจังและใส่อารมณ์



เมื่อครู่บอกว่าโต้เถียงกันเห็นทีต้องแก้ใหม่เป็นพี่คฑาพูดอย่างสุภาพอดทนส่วนลุงจะเถียงไม่ดูตาม้าตาเรือ



“ก็ผมถึงบอกให้คุณไปขอยืมจากเจ้าของฟาร์มเขาโดยตรงไงครับ คนงานเขามีงานของเขาอยู่แล้วเราเดินดุ่มๆไปขอความช่วยเหลือถึงอยากมาช่วยเขาก็มาไม่ได้เพราะติดเจ้านายครับ”



“ไปขอแล้วเขาจะให้ง่ายๆเรอะไง!?”ลุงชัยยังไม่ยอมฟังท่าเดียว



นายคฑาผู้ลงเรียนวิชาวาทศิลป์ได้เกรดAสมัยมหายังต้องยกธงขาวยอมแพ้ ชายหนุ่มยกมือขึ้นสางผมด้วยท่าทีเริ่มหงุดหงิด



“น้องว่าลุงทำแบบที่พี่คฑาบอกเถอะครับ”เห็นท่าไม่ดีนายน้อยเลยรีบห้ามทัพ แต่ดูเหมือนจะราดน้ำมันเข้ากองไฟเสียมากกว่า



“คุณน้องจะเชื่อคนแปลกหน้ามากไปแล้วนะครับ!!”นายชัยผู้หวงแหนคุณน้องเผยธาตุแท้ออกมาจนได้ แม้จะมีอายุมากแล้วแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของฟาร์มกานต์ย่อมมีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กเป็นเรื่องธรรมดา



ราวกับเด็กประถมไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนที่ย้ายเข้ามาใหม่ นายชัยตบเข่าดังฉาดอย่างไม่ยอมแพ้



“แล้วลุงจะต้อนวัว รีดนม ให้อาหาร เอาของไปส่งคนเดียวเลยรึไง น้องมีงานบัญชีต้องทำไปช่วยไม่ได้นะ!!”ทีอย่างงี้หละนึกถึงงานบัญชีขึ้นมาเชียว คฑามองสองคนของฟาร์มด้วยสีหน้าจนปัญญา



“นั่นก็...ให้พรช่วย...”



“ช่วยกระทืบแกหน่ะสิ เขาให้ทำอะไรก็ทำตามเขาไปเถอะ ปล่อยไว้ตั้งสองวันแล้วไม่เห็นจะได้เรื่องอะไร”ป้าพรยังยืนอยู่ข้างเดียวกับคนนอก รวมหัวกันโจมตีลุงชัย



“ถ้ายังไง เดี๋ยวผมโทรติดต่อกับฟาร์มคุณแม้กับคุณฟ้าโดยตรงเองก็ได้ครับ”ชายหนุ่มตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอาสาจัดการเรื่องคนงานเอง แม้เขาจะไม่รู้จักคนและไม่รู้ว่างานในฟาร์มมีอะไรบ้างก็ตามแต่ดูท่าปล่อยให้คนของฟาร์มจัดการกันเองจะยิ่งแย่กว่าเดิม



“จะไหวเร้อ...อย่างเอ็งนะ”ชายวัยขึ้นเลขหกทำหน้ากวนใส่



“อย่าไปสนเลยค่ะคุณน้อง คุณคฑา กินข้าวเช้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเย็นหมด”ป้าพรเอาชามข้าวต้มมาวาง จากนั้นก็จิกหูลากลุงชัยออกจากโต๊ะ”อ่อ ถ้าหนูปูนตื่นแล้วให้เขาตักในหม้อเอานะคะ ป้าไปทำงานหละ”



รินเบ้หน้าใส่ชื่อแสลงหู ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงแล้วไอ้เด็กลูกจ้างกิติมาศักย์ยังไม่โงหัวขึ้นจากเตียง อีท่านี้สมควรจับส่งพ่อไหม!? โตมากับฟาร์มแท้ๆพ่อแม่ไม่เคยใช้งานแต่เช้ารึไง แล้วทำไมเราถึงโดนลุงชัยใช้งานอยู่คนเดียวหละ!?



“เชอะ ไอ้เด็กบ้า”



“ว่าใคร?”ตายยากเว่อร์ นินทานิดเดียวก็โผล่มายืนสิงอยู่ด้านหลังหน้าตางัวเงีย



“นอนไม่หลับเหรอ”คฑาทัก



“ครับ คงต่างที่”ปูนเดินไปตักข้าวต้มในหม้ออย่างรู้งาน เหตุผลของการตื่นสายคือนอนไม่หลับ



...ปกติผมถูกพ่อเรียกตั้งแต่ตีห้า ฉะนั้นเรื่องที่พี่รินด่าผมข้างต้นนั้นเป็นโมฆะนะฮะ...



 กริ๊งงงง ๆ ๆ ๆ



ขณะใช้ไอ้ปูนไปล้างจานก็มีเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น รินผู้เป็นเจ้าของบ้านลุกจากโซฟาไปรับอย่างอิดออก”ฮัลโหล”กรอกเสียงเหนื่อยหน่าย ใครมันช่างกล้ามาขัดเวลาอู้ก่อนทำงานบัญชีได้นะ



“ชัยเหรอ ยังไม่ออกจากบ้านอีกรึไง วันก่อนก็บอกไปแล้วนะว่าผมออกจากโรงบาลตอนเก้าโมง!!”รินยกหูโทรศัพท์หนีเพราะความดัง แต่เดี๋ยวนะ เสียงแบบนี้มัน...



“พี่รันเหรอครับ?”



“อ้าว...รินเหรอ ชัยไปไหน ออกจากบ้านมารึยัง พี่รออยู่หน้าสุดเลยนะ”พี่รันผู้บาดเจ็บขาหักแขนเจ็บเดินทางเองไม่ได้จึงนัดให้ลุงชัยไปรับ แต่กลับถูกลืมสนิท รินยิ้มแห้งๆให้เครื่องมือสื่อสาร



ร่างโปร่งหันมาใช้งานคนที่เหมาะสมสุด



“ปูน เดี๋ยวขี่รถไปรับพี่รันให้หน่อยสิ ที่โรงพยาบาล”คนถูกเรียกหันขวับตาขวาง ชูชามในมือเชิงว่า ผมล้างจานอยู่ ไม่ว่าง!



“นะๆ ช่วยพี่รินหน่อยนะ”



“ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ชอบขี้หน้าพี่รัน ให้เขานอนต่อจนกว่าจะหายไม่ได้เหรอ มาเป็นภาระเปล่าๆ”ปูนบ่นอุบอิบ



“พี่รันเขาเป็นห่วงพี่เลยกลับมาช่วยไง เดี๋ยวพี่ยกโทษเรื่องเมื่อคืนให้เลยเอ้า!”รินพยามโน้มน้าว ปูนหูกระดิก(?)นิดหนึ่งเป็น
สัญญาณว่าเริ่มคล้อยตาม รินจึงกล่าวสมทบ



“ล้างเสร็จแล้วค่อยไป เราเป็นคนเดียวที่รู้ทางนะ ช่วยพี่หน่อย เดี๋ยวคืนนี้ให้นอนด้วยเลย”สุดท้ายก็ต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อพี่ชาย



“รับทรายครับท่านหัวหน้า!!”ปูนขานรับอย่างแข็งขันหันไปล้างจานเสร็จในพริบตา



ตอนนี้รินกำลังทำงานเอกสารอยู่ในห้องทำงานส่วนคฑาซึ่งออกจากบ้านมุ่งไปยังคอกวัวหมายช่วยป้าพรรีดนมก็ถูกไล่ตะเพิดออกมาเพราะเขามีแผลที่มือ เกรงว่าจะติดเชื้อเอา ร่างสูงจึงผันตัวมาเป็นเลขาส่วนตัวให้นายน้อยแห่งฟาร์ม



หรือพูดให้ถูกคือ...ผันตัวมาเป็นผู้บริหารแทน...



แม้รินจะเรียนคณะด้านนี้แต่ทักษะประสบการณ์ช่างอ่อนด้อยจนคนมองอดรนทนไม่ได้ไล่ที่แล้วลงมือทำเอง รินลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งจ๋องมองร่างสูงตาปริบๆ มองคนมีอายุกว่าทำงานอย่างเชี่ยวชาญ



“พี่ชายอายุเท่าไหร่เหรอฮะ”เพราะดูเป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้เลยเดาเล่นๆว่าอายุสามสิบ แต่พอมองใบหน้าหล่อเหลาคมๆที่มักคิ้วขมวดอยู่เสมอนานเข้าเลยคิดว่าเด็กกว่านั้นสักยี่สิบปลายๆหละมั้ง



“25 ไง เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเบญจเพส”



“อ่าว ก็นึกว่ามุก”แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ความจริงแล้วลืม ก็บรรยากาศตอนนั้นหน่ะมัน...



“แล้วพี่ชายทำงานอะไรเหรอฮะ”



“ทำงานทั่วๆไป”



“ตอบสั้นไปนะ ไม่คุยด้วยก็ได้ เชอะ”ร่างโปร่งสะบัดหน้างอน รินซึ่งถูกเพิกเฉยต่อคำถามก้มหน้าขีดๆเขียนๆงานบัญชีเงียบๆ
เดือดร้อนคนเย็นชาต้องวางปากกาแล้วเอื้อมมือไปหมายจะแตะตัวเพื่อง้อแต่กลับถูกสะบัดออกแบบไม่ใยดี



“อย่างอนพี่สิ”



“...”



เงียบ



“ดีกันนะ”คฑาแทบจะกัดลิ้นตัวเอง นี่เขากำลังทำตัวมุ้งมิ้งอยู่ใช่ไหม!? ลงทุนขนาดนี้แล้วไอ้หนูนี่ยังไม่หายงอนเลยนะ!!



“ดีกับพี่นะครับ น้องริน”เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เอียงคอนิดๆเพื่อให้มองเห็นหน้าของคนที่หันหนีไปอีกด้าน และคราวนี้เองชายหนุ่มแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะ



 พูดอะไรอกไป!! ทำอะไรลงไป!! มันไม่เข้ากับหน้าเขาสักนิด



“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย กลั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆ พี่ชายน่ารักจัง”รินหลุดขำยกใหญ่โดยไม่เกรงใจคนตรงข้ามสักเศษหนึ่งส่วนล้าน ขำเต็มมาก เต็มจนคนสุขุมอย่างคฑาถึงกับยกเท้าถีบเก้าอี้ล้อเลื่อนของร่างโปร่งให้ไถลไปติดข้างฝา แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่
ยอมหยุดหัวเราะ!!



“เมื่อกี้แกล้งพี่เหรอ!?”



“อื้ม”รินยิ้มหน้าบานกระดึ๊บเก้าอี้กลับมานั่งทำงานต่อไม่รู้ไม่ชี้ แลบลิ้นนิดหน่อยตามประสา



“แล้วเจ้านายไม่ว่าเหรอ โดดมาอยู่บ้านนอกแบบนี้”ผ่านไปชั่วครู่เจ้าตัวแสบก็กลับมาชวนคุยอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำขลับมองคนข้างหน้าฉายแววกังวลอยู่ลึกๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทุกครั้งที่คิดว่าสักวันคนคนนี้จะหายก็รู้สึกใจหาย



“เจ้านายไม่ว่าหรอกเพราะพี่นี่แหละเจ้านายตัวเอง”คฑาเอื้อมมือไปลูบผมคนฝั่งตรงข้ามอย่างเบามือ คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่ายสบายใจ



คำตอบนั้นสร้างความคาใจแก่ผู้ถาม”ตกลง พี่ทำงานอะไรเหรอ”ดูจากบุคลิกคงไม่ใช่เปิดร้านขายข้าวมันไก่หรือร้านซักรีดแน่นอน แล้วอะไรหละ? “อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้าน!?”



โป๊ก!



ตะโกนหน้าตาตื่นกับความเป็นได้ที่คิดเอาเอง ร่างโปร่งจึงถูกเขกมะเหงกเข้ากลางหน้าผาก



“จะบ้าเหรอ”ชายหนุ่มสายหายใจหน่ายๆ“พี่เป็นทนาย!”



“อ่าว แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่อ่ะ”เป็นทนายก็ต้องว่าความในศาลไม่ใช่หรือไง รินเอียงคอถามอย่างสงสัย



“ก็มานัดคุยกับลูกค้าซึ่งทำไร่ข้าวโพดใกล้ๆหนะสิ อย่าบอกนะว่าคิดเองเออเองว่าทนายต้องตัดสินคดีในศาล!?”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์พยักหน้าหงึกหงัก ท่าทางของคนไม่รู้เรื่องจริงๆเล่นงานชายหนุ่มจนปวดขมับ



“คนที่ทำอย่างงั้นได้คือผู้พิพากษา ส่วนทนายอย่างพี่จะขึ้นศาลก็ต่อเมื่อลูกความถูกเรียกตัวขึ้นศาลแล้วก็โต้ความกับทนายของอีกฝ่ายส่วนผู้พิพากษาจะเป็นคนตัดสินโดยดูจากน้ำหนังของข้อมูล หลักฐาน “ชายหนุ่มสาธยายอาชีพการงานให้เด็กหนุ่มฟังคร่าวๆ



“อ๋อ อืม...แล้วพวกคดีฆาตกรรมหละฮะ แบบในการ์ตูนนักสืบ?”เด็กหนุ่มติดอนิเมชั่นนึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งซึ่งตัวเอกเป็นเด็กแว่นไปที่ไหนมีคนตายที่นั่นจนพาลนึกถึงพวกคนร้ายว่าถูกโคโค่นัทนิทราเปิดโปงแล้วจากนั้นจะถูกไปทำอะไรต่อ



“เรื่องเด็กแว่นสินะ...เคยได้ยินคำว่าหลักฐานไม่เพียงพอเลยได้รับการปล่อยตัวออกมารึป่าว?”ชายหนุ่มกล่าวเว้นระยะให้คนฟังนึกตาม รินกลอกตาลำดับความคิดก่อนจะทำหน้าอ๋อ คฑาเลยขยายความ



“พอคนร้ายถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหามีสิทธิ์จ้างทนายส่วนตัวเพื่อหาหลักฐานให้ตนพ้นผิดในกรณีที่เขาบริสุทธิ์หรือเชื่อว่าจะสู้ความชนะ ส่วนทางตำรวจก็จะมีทนายของฝ่ายตำรวจนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาสู้ความในศาล หากหลักฐานแน่นหนาหรือผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ทนายส่วนตัวจะยื่นขอลดหย่อนโทษ ประมาณนั้น”



“โหว! น่าสนุกดีจัง!! เท่ห์อ่ะ พี่คฑา พี่เคยทำแบบนั้นไหมฮะ”ร่างโปร่งถึงกับยืนขึ้นเลย ตาโตใสแจ๋วระยิบระยับ รินอ้อมโต๊ะเดินไปเกาะไหลแกร่งเขย่าไปมาตื่นเต้นสุดขีด ส่วนคนถูกอ้อนหัวสั่นหัวคลอนรีบตอบแทบไม่ทัน



“เคยสิ”



“ชนะมั้ย!?”



“ชนะ”



“ทุกครั้งเลยเหรอ”



“อืม”



“พี่คฑา สุดยอด!!! คราวหน้าพาผมไปดูด้วยสิ นะๆๆๆๆ ผมอยากดูพี่ว่าความ ตอนชนะคดีต้องเท่มากแน่ๆเลย!”รินยิ้มแก้มปริด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกจ้างชั่วคราวของตน มือขาวคว้าแขนคุณทนายเขย่าไปมาอีกรอบ



“ได้สิ”เสียงทุ้มรับคำ



“เย้ รักพี่คฑาที่สุดในสามโลกเลย!”เจ้าตัวแสบโผตัวเข้าใส่คุณทนายคนเก่งอย่างลืมตัว ด้วยความดีใจ(เกินเหตุ)ร่างโปร่งจึงสวมกอดรอบคอชายหนุ่มขณะทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบนตัก ทันใดนั้นเองประตูห้องก็เปิดผลัวะ








“รินน้องรักพี่กลับมาแล้ว!!”



ผู้มาใหม่ยืนตลึงค้างอยู่หน้าห้อง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มผิดกับน้องชายผู้จากบ้านไปอยู่เมืองกรุง ชายหนุ่มนามรันทำงานคลุกคลีอยู่กับดินหญ้าจึงมีร่างสูง กล้ามเนื้อพอเหมาะอย่างคนทำงานหนักและผิวสีแทนมีเสน่ห์ ติดตรงผ้าพันแผลบนเส้นผมสีน้ำตาลแดงและเฝือกที่ขาและแขนขวา หนุบไม้เท้าไว้ตรงแขนซ้าย



การันต์ผู้ฝืนออกจากโรงพยาบาลเพราะเป็นห่วงน้องชายสุดที่รักอ้าปากรอแมลงวันบินเข้า มองภาพตรงหน้าตาถลน



กำลังกอดกัน!!



รินกำลังกอดกันกลมกับผู้ชายแปลกหน้าด้วยสีหน้าแสนสุขีเปรมปรีกับผู้ชายจากไหนก็ไม่รู้ในห้องทำงานสองต่อสอง!!
แถมก่อนเปิดประตูเข้ามาเขาได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้งรูหูเลยว่ารินบอกว่ารักผู้ชายคนนั้นที่สุดในสามโลก!!นั่นก็หมายความว่ารักมากกว่าเขาซึ่งเป็นพี่ชาย



“ใคร!!”เสียงทุ้มเอ่ยรอดไรฟัง ใบหน้าหล่อประดับด้วยแผลถลอกถามปูนซึ่งเดินอิดออดตามมาห่างๆ




“ไอ้หน้านิ่งนั่นใคร!!”




หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [8/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-08-2015 22:06:36
พี่คฑาถูกเขม่นแบบเต็มรูปแบบเข้าแล้วล่ะค่ะ เพราะน้องรินสุดที่รักของฟาร์มกานต์ทุ่มความสนใจทั้งหมดไปให้พี่ไม่พอ ยังอาจหาญบอกรักพี่ต่อหน้าต่อตาพี่ชายสุดหวงอย่างพี่รันเข้าไปอีก มีหวังหลังจากวันนี้พี่รันกับลุงชัยคงร่วมมือกันคิดแผนการมาป่วนพี่แน่ๆ เลยนะค้าา~ :laugh:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [8/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่5
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-08-2015 11:46:15
ดูท่าคฑาจะเจอก้างชิ้นใหญ่ซะแล้วมั้งเนี่ย
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [14/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่6
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 14-08-2015 17:31:06




บทที่6 อัศวินเปียกปูน




“ลุงชัย!!”เสียงกัมปนาทดังขึ้นลั่นคอกวัว นายชัยผละมือจากสายยางเงยหน้ามองหาต้นเสียงอันคุ้นเคย



“คุณรัน ออกจากโรงบาลแล้วเหรอครับ”ชายแก่พูดคำพูดน่าโดนไล่ออกโดยไม่รู้ตัวแต่ร่างสูงซึ่งเดินดุ่มๆเข้ามาด้วยความหงุดหงิดไม่มีเวลาสนใจจุดนั้น



หลังจากทักทายรินน้องรักสองสามประโยคเขาก็รีบขอตัวออกมาเพื่อสอบถามที่มาที่ไปของชายแปลกหน้าคนนั้นจากปากนายชัยก่อน



อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนของรินซึ่งพามาเปิดตัว!!?



คิดไปไกลมากจนไม่กล้าฟังคำแนะนำตัวของชายปริศนาคนนั้น...



“ผู้ชายคนที่อยู่กับรินคือใครครับ!? แฟนรินเหรอ?”เสียงห้าวถาม



“อ่อไม่ใช่ครับ ไม่ใช่...ไอ้หนุ่มน่าโมโหนั่น เขาบาดเจ็บในฟาร์มเรานายน้อยเลยให้เขามาพักรักษาตัวในบ้าน...”



“แล้วลุงก็ปล่อยให้น้องผมนอนกับผู้ชายไม่รู้หัวนอนปลายเท้าหน้าตาเฉยงั้นเหรอ!?”คุณพี่ชายทะลุขึ้นกลางปล้อง



“ก็ผมก็งานยุ่ง”นายชัยพูดเสียงอ่อน ตอนคุณรันโมโหมีแต่คุณน้องเท่านั้นที่หยุดได้



“ให้ตายสิ คนนั้นคนนี้ก็ไม่ได้เรื่อง ผมไม่อยู่แป๊ปเดียวทำไมฟาร์มมันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้ ไหนจะไอ้เปียกอีก!”



“เรียกใครไอ้เปียก”ฉับพลันเสียงบุคคลที่สามก็ดังขึ้นหน้าทางเข้าคอก ร่างสูงสะดุ้งโหยงหันมองทางต้นเสียงอย่างตกใจเพราะคิดว่าน้องชายสุดที่รักจะมาได้ยินตัวเองกำลังสาดเสียเทเสียไอ้หน้านิ่งนั่น



“ไอ้เปียก”โชคดีที่ร่างโปร่งซึ่งยืนหน้างออยู่หน้าประตูคือเจ้าเด็กเวรลูกชายฟาร์มข้างๆ



“ชื่อปูนไม่ได้ชื่อเปียก แค่นี้ก็เรียกผิด! สมควรแล้วที่พี่ฟ้าไม่เอา!!”ปูนเยาะเย้ยอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า



“ที่สำคัญยังขี้มโนอีก ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนที่พี่รินพามาเปิดตัว คิดไปได้เนอะ ฮ่าๆๆๆ ดูสิพี่ริน พี่คฑา พี่รันเขาขี่รถแหกโค้งจนเลอะเลือนไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ”ในขณะที่รันเพิ่งโล่งใจที่น้องรักไม่มาได้ยินเรื่องบ้าๆนั่นเอง รินและคฑาก็เดินเข้ามาด้านในด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก



“อ่า...”รันอ้าปากเตรียมแก้ตัว



“พี่คฑา เราไปกันเถอะ”ทว่าใบหน้าหวานซึ่งขึ้นสีแดงอ่อนก็หันหลังให้ก่อนคว้าแขนชายหนุ่มเบาๆแล้วเดินออกไปด้วยกัน ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนเป็นพี่!!



จะวิ่งตามไปก็ไม่ได้ ลำพังยืนให้อยู่ก็แย่แล้ว การันต์ผู้บาดเจ็บหันไปมองหน้าไอ้เปียกปูนของตนอย่างคับแค้น



“หนอย!! ไอ้เด็กพาซวย เพราะแก รินเลยโกรธเลยเห็นไหม!!”ตาคมๆจ้องอย่างเอาเรื่องแต่คนถูกมองกลับกอดอกฮัมเพลงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ซะอย่างงั้น



“พี่รันตาบอดรึไงถึงเห็นว่าเมื่อกี้พี่รินเขาโกรธ”ปูนถามด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงจัง รันจึงหยุดโกรธแล้วคิดตาม



“ก็รินหน้าแดง...ถ้าไม่โกรธแล้วจะอะไร”






“เขินไง”




“!!”



อีกด้านหนึ่งเจ้าของประเด็นหลักในตอนนี้จูงแขนคฑาเดินย่ำออกมาจากโซนคอกวัวอย่างไร้จุดหมาย รินไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดมากเรื่องพี่รัน เพราะสมัยเด็กๆตอนมาเที่ยวบ้านเขามักจะถูกเด็กผู้ชายในตลาดหรือลูกคนงานตามจีบเพราะน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง



คิดว่าเรื่องพวกนั้นมันคงฝังใจพี่ชายขี้หวงอยู่เสมอมาทำให้เขาพูดอะไรแบบนั้นออกมา ขืนปล่อยให้พี่ชายได้คุยกับพี่คฑาเดี๋ยวนั้นเลยได้มีวางมวยกันแน่เพราะพี่รันเป็นคนใจร้อน



แล้วเราจะเขินทำไมหละ?!



แปะๆ



มือเรียวข้างที่ว่างยกขึ้นตบหน้าตัวเองเสียงดัง คนถูกจูงอยู่หันมามองอย่างตกใจ”เป็นอะไรเหรอ?”



“อะ...เอ่อ เปล๊าๆ ไม่มีอะไรฮะ”



“เสียงสูง”



“เปล่าไม่มีอะไร”รินแสร้งทำเสียงต่ำหล่อแบบพระเอกหนังทีมพากย์เสียงไทยก่อนหัวเราะคิกคักชอบใจ



“ไม่สบายใจเพราะพี่รึป่าว?”เสียงทุ้มซักต่อ เขาเชื่อว่าคำพูดเมื่อครู่ของรันต้องสร้างผลกระทบบางอย่างแก่เด็กคนนี้ไม่น้อยเลย ดูจากความเร็วในการก้าวเท้าและทิศทางเดินสะเปะสะปะนี่



“ผม...ใช่ ผมไม่สบายใจ”ร่างโปร่งหันกลับมาเผชิญหน้ากับคฑา นัยน์ตาสีดำสวยสั่นไหวอย่างสับสน คฑาเลื่อนมือตัวเองมากุมมือข้างที่จับแขนตัวเองไว้แล้วนำมากอบกุมเบาๆ



นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์พยามลำดับความคิดยุ่งเหยิงในหัว เมื่อกี้พี่รันบอกว่าเรากับพี่คฑาเป็นแฟนกัน แล้วเราก็เดินหนีออกมาเพราะว่าเราเขิน เรา...เรากับพี่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่ว่า...ทำไม...



“ผมกลัวว่าพี่รันจะเข้าใจผิดเอา เพราะตอนเด็กๆผมโดนผู้ชายจีบเยอะ”สุดท้ายก็ตอบออกไปส่งๆ



“แล้วเดี๋ยวนี้ไม่มีเหรอ?”ชายหนุ่มถามล้อๆ



“ไม่มีหรอกเพราะผมไม่ค่อยเข้าเรียน แถมที่คณะยังมีแต่ผู้หญิงอีก โดนอ่อยจนเบื่อเลย ฮ่าๆๆ”รินแย้มแฉ่งตอบคำถามด้วยความภาคภูมิใจ ตอนปีหนึ่งปีสองก็ตั้งใจเรียนอยู่หรอกแต่พอขึ้นปีสามเท่านั้นแหละ...เละ!!



ฉับพลันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น รินรีบหยิบขึ้นมาเพื่อเช็คหมายเลข เป็นดังคาด เบอร์จากเลขาฟาร์มลุงแม้ มือเรียวกดรับด้วยความรู้สึกตื่นเต้น”ครับ”




“คุณรินเหรอคะ ตอนนี้คนงานของเราใกล้ถึงแล้วนะคะ”เลขาสาวกล่าว



“โอเคครับ ขอบคุณมากเลยครับ เดี๋ยวผมให้คนออกไปรับที่ปากทางนะครับ”นายน้อยแห่งฟาร์มขานรับอย่างสุภาพ ช่วงสายคฑาโทรไปติดต่อหล่อนอย่างที่บอกลุงชัยเอาไว้และมันก็ได้ผล เธอจัดแจงคนงานมาให้หกคนโดยมีข้อแม้ว่าเราต้องจ่ายค่าจ้างและค่ารถให้พวกเขา



“สำเร็จแล้วพี่ เท่านี้พวกเราก็จะว่างงานแล้ว!!”รินชูมือขึ้นฟ้าอย่างดีอกดีใจ



“ไปตามลุงชัยกันเถอะ”แต่ความยินดีก็ถูกขัดด้วยน้ำมือของคนจริงจัง ทนายหนุ่มผู้เอาการเอางานออกคำสั่งให้รินวกกลับไปหาลุงชัยอีกรอบ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์แสดงสีหน้าห่อเหี่ยวพยักหน้ารับรู้หงอยๆ



กลับไปก็เจอพี่รันขี้โวยวาย ลุงชัยหัวแข็ง ไอ้เด็กปูนขี้แกล้งหนะสิ!!



โอ๊ย! ให้ตาย ทำไมคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์มถึงได้นิสัยเสียกันทุกคนเลยนะ!!



“ลุงชัย คนงานมาแล้ว ออกไปรับที่หน้าทางเข้าเร็วครับ”รินค่อยๆย่องเข้ามาในฟาร์มซึ่งมีบุคคลสามหน่อตามรายชื่อข้างต้นครบถ้วน คนถูกเรียกหันมามองแบบงงๆก่อนนึกได้ว่าคุณน้องหมายถึงอะไรก็รีบกุลีกุจอออกไปด้วยสีหน้ามีชีวิตชีวา



มีคนมาช่วยงานหละสิถึงได้ดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้น เก็บอาการหน่อยก็ได้นะลุง...



“ริน...”เสียงทุ้มของพี่ชายเอ่ยอย่างกล้าๆกลัว แน่นอนว่าไม่ได้รับการสนใจ ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาปูนซึ่งใช้แปลงขัดคอกวัวอย่างขยันขันแข็งอยู่



“ปูน ไม่ต้องทำแล้ว งานพวกนี้เดี๋ยวให้คนงานเขาทำ พี่มีงานอื่นให้เรา”



“อะไรเหรอ!?”ลูกชายฟาร์มข้างๆหันมาถามนายจ้างของตนหางตั้งหูกระดิก ขอให้เป็นงานสบายๆนะครับพี่รินที่น่ารัก ถึงจะทำอะไรพวกนี้จนชินแล้วก็เถอะ แต่ปิดเทอมที่ไม่ต้องอยู่บ้านแบบนี้ก็ของานสบายๆบ้างอะไรบ้าง



“ดูแลพี่รัน”



สิ้นคำเหมือนมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางคอก พี่รันผู้ยืนคุมเชิงนายคฑา(เพื่ออะไร)อยู่หน้าประตูแทบจะทำไม้เท้าหลุดมือ ไอ้ปูนปล่อยแปลงขัดตกพื้นเสียงดัง ทั้งสองคนหันหน้าขวับมาตวาดเสียงดังพร้อมกันว่า



“อะไรนะ!!”



“จะบ้าเหรอ!!”



“ให้อยู่กับไอ้นี่ทั้งวันเนี่ยนะ!!”



“จะพูดตามผม/ฉันทำไม!!”



สองคนซึ่งสามัคคีกันผิดเวลาแยกเขี้ยวยิงฟันใส่กันจนคนไม่ค่อยอยู่บ้านตามไม่ทัน ตอนแรกแค่จะกำจัดตัวน่ารำคานสองคนให้กองรวมๆกันไว้ที่เดียวแต่ดูเหมือนเจ้าสองคนนี่จะไม่ถูกกันซะอย่างงั้น...ผิดแผนนะสิ ไม่ได้ๆ ยังไงก็ต้องมัดรวมกันเอาไว้จะได้ไม่มาเกะกะ



“ทำไมทั้งคู่ถึงไม่ถูกกันหละ?”รินเอ่ยถาม



“ก็พี่รันขี้โหวกเหวกหนวกหูไง!!”



“ไอ้เปียก แกไปตักน้ำใส่กะโหลกแล้วชะโงกดูเงาตัวเองบ้างนะ คิดว่าตัวเองไม่เอะอะน่าหนวกหูรึไง!?”ได้ยินดังนั้นปูนเลยเดินเข้าไปใกล้พี่รันที่บาดเจ็บอยู่ทำท่าจะดึงไม้เท้าออก



“เห้ย! ทำอะไร ไอ้เปียก!!”



“พี่รันงี่เง่าก่อนเอง ผมอยู่ของผมดีดีก็ขี่รถมากวนตีนที่ฟาร์มตลอด เห็นไหมที่ผมแช่งไว้เมื่อเดือนก่อนว่าขอให้รถพลิกคว่ำให้มันรู้แล้วรู้รอดเป็นจริงด้วย!! สมน้ำหน้า”เด็กหนีออกจากบ้านกระชากไม้เท้าออกจากมือคนเจ็บสำเร็จ



ร่างสูงซึ่งยืนด้วยขาเดียวเสียการทรงตัว ปูนเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะความเคยชินที่มักจะเล่นแรงๆกับรันตลอดทำให้เขาลืมว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่ไปสนิท ร่างโปร่งเลยโยนไม้เท้าไปอีกทางก่อนถลาตัวเข้าไปประครองร่างของรันซึ่งกำลังจะล้มหน้าทิ่มพื้น



“พี่รัน!!”เปียกปูนตะโกนเสียงดัง ร่างสูงกำยำอยู่ในอ้อมแขนได้ทันเวลา แต่ขณะล้มลงเกิดแรงกระทบกระเทือนที่ขาข้างที่หักทำให้ใบหน้าหล่อเหลาบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มือแกร่งเอื้อมมาจับแผ่นหลังของเด็กเกเร ออกแรงขยำเสื้อเพื่อระบายความเจ็บที่แล่นปราบตรงปลายขา



“ผมขอโทษ!!”ปูนร้องเสียงหลง หน้าตาแตกตื่นตกใจมองหน้าริน



“ไมเป็นไร”เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหู คนเป็นพี่พยามยันตัวลุกขึ้นพอดีกับรินซึ่งยื่นไม้เท้ามาให้เขา รันหยัดกายขึ้นด้วยตัวเองก้มหน้ามองไอ้เด็กขี้โวยวายซึ่งนั่งชันเขาหน้าเสียอยู่บนพื้น รินเห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปดึงแขนให้น้องลุกขึ้น



รันมองใบหน้าสำนึกผิดด้วยแววตาอ่อนลง มือหนาเอื้อมไปลูบหัวทุยๆแทนคำว่าไม่เป็นไร



“หืม...ไม่ยักกะมีเขาแหะ”แต่ก็ยังไม่วายกวนตีน



“พี่รันแม่ง ปลาหมอ”ไม่รู้จะหาอะไรมาเปรียบเปรย



แปะๆๆๆ



เสียงปรบมือดังขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น รินทำหน้าปลื้มปิติกับเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับว่ามันเป็นบทกวีอันซาบซึ้งของนักเล่านิทานพเนจร



“ยอดเยี่ยมมาก!! มิตรภาพของทั้งคู่ช่างงดงามยิ่งกว่าภาพวาดของแวนโก๊ะ ถ้าเช่นนั้นกระผมขอตัว ให้เวลาทั้งสองได้ดูแลเอาใจใส่กันและกันตลอดปิดเทอมนี้นะครับ พี่คฑา!! เผ่น!!”



สิ้นคำก็ลากแขนผู้ชายแปลกหน้าติดเกียร์หมาทิ้งให้พี่ชายที่เคารพกับเด็กข้างบ้านยืนอ้าปากค้างกินแมลงอยู่ที่เดิม “ริน ไม่นะ!!อย่าทำกับพี่แบบนี้”รันร้องสุดเสียง ตะโกนจนคอหอยแทบแตกแต่มันไม่มีวันส่งไปถึงรินผู้หายไปจากที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้วได้เลย



สองคนหันมามองหน้าตาปริบๆก่อนรันจะได้สติความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในสมองเป็นดอกเห็ดเข็มทอง ...ถือเอาโอกาสนี้กลั่นแกล้งเด็กเวรซะเลย



บรรยากาศรอบตัวเย็นขึ้นมาซะอย่างงั้น เปียกปูนรู้สึกหนาวๆร้อนๆขยับตัวถอยห่างมัจจุราชบาดเจ็บอย่างหวาดๆ”เดี๋ยว!! ไม่นะพี่รัน ผมขอโทษไปแล้วไง!!”



.



.



ป๊อก...ป๊อก...ป๊อก...ๆๆๆๆๆ



เสียงค้อนตอกตะปูดังไม่ขาดสาย ลูกจ้างชั่วคราวนามปูนใบหน้างอง่ำออกแรงตอกไม้ให้เข้าที่เข้าทาง ใจนึกสาปแช่งไอ้เจ้ามารตัวขนขาพิการข้างล่าง ไอ้พี่รัน ไอ้เลว!!



“เอ้าๆ อย่าหยุดมือ ตอกเข้าไป ตอก ป๊อกๆ”เสียงทุ้มตะโกนเย้ยหยัน ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าพลาสติกสีน้ำเงินพบเห็นได้ทั่วไปตามงานวันหรืองานใดๆที่งบไม่สูงซึ่งป้าพรเอามาให้พร้อมกางร่มดื่มน้ำอัดลมออกคำสั่งสบายใจ ถ้าขาไม่เจ็บคงนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่นไปด้วย



“ไอ้พี่รัน จำไว้เลยนะ!!”ปูนตะโกนลงมาจากหลังคาเสียงดัง...ใช่แล้ว จากหลังคา



หลังจากแยกย้ายกับพี่รินผู้น่ารักเด็กหนุ่มก็ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส นายจ้างผู้ละเมิดกฎหมายเยาวชนออกคำสั่งให้ปูนปีนหลังคาเพื่อซ่อมแซมโรงเรือนซึ่งถูกไฟไหม้ส่วนที่พังไปเพราะวัวจะกลับมาครบในเร็วๆนี้



กลางแดดเหน่งๆของประเทศไทยแม้จะไม่ใช่ฤดูร้อนแต่ก็ร้อนทั้งปี ร่างโปร่งก้มๆเงยๆโทรมเหงื่อไปทั้งตัว ขณะกำลังจะหมดแรงเผลอ’บังเอิญ’ทำค้อนหลุดมือใส่หัวไอ้คนข้างล่างสักเปรี้ยงเอาให้ดับคาที่นั้นเอง เสียงทุ้มของรันก็เอ่ยเรียก



“ไอ้เปียก ลงมานี่ๆ”



“จะใช้อะไรอีกหละ!?”ถามอย่างไม่ใจ ไม่ใช่ว่าหลอกให้ลงไปแล้วก็ต้องปีนกลับขึ้นมาอีกนะ



“ลงมานั่งพักนี้ เดี๋ยวเป็นลมตกลงไปตายพอดี”ร่างสูงลุกขึ้นสละเก้าอี้ให้ เปียกปูนมองตาถลนเหมือนเห็นผีไม่อยากเชื่อหูว่าไอ้คุณพี่รันเป็นห่วงตนแต่ก็ยอมลงโดยดีเพราะเหนื่อยจัด



“น้ำ”รันยื่นน้ำที่ป้าพรเพิ่งเอามาให้แก่เด็ดเวร



“ขอบคุณ”



“ไม่ต้องมามองหน้า กินเสร็จแล้วก็ไปทำงานต่อ!”เจ้านายตีเสียงเข้มใส่ลูกน้องซึ่งแยกเขี้ยวใส่ตามประสาเด็กเก็บกดแต่ไม่มีที่ลง



“นั่งพักแปป ลุกดิ”เด็กมัธยมปลายโบกมือไล่ผู้ชายวัยยี่สิบต้นๆประหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน รันมองหน้าเด็กมันก่อนจำใจยันตัวลุกขึ้นหลบให้เด็กนั่งพร้อมกางร่มแถมให้เป็นกรณีพิเศษ



 “ทะเลาะอะไรกับพ่ออีกหละ”หลังยืนเมื่อยได้สักพักรันก็เป็นฝ่ายเปิดปากถามออกมาจนได้ ตั้งแต่เล็กจนโตไอ้หนูนี่ทะเลาะกับพ่อแทบทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ นอกจากลูกจะดื้อแล้วตัวพ่อยังไม่ใส่ใจอีก ปูนมันกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กแล้วทำให้ไม่ค่อยมีใครดูแลก็มีเขานี่แหละที่คอยแวะเวียนไปหา(ไปกวนตีน)บ่อย



นายการันต์ผู้หลงคิดไปว่าการกระทำของตนคือการหวังดีนึกชื่นชมความใจกว้างของตัวเองในใจ



“พ่อไม่ให้ไปเรียนมหาลัย”



“อ่อ แล้วติดคณะอะไร ที่ไหนหละ”



“วิศวะ ในกรุงเทพ”



เด็กหนุ่มขยี้หัวอย่างหงุดหงิดเหตุผลที่ปูนปิดเทอมพร้อมกับรินที่เป็นเด็กมหาลัยซึ่งเลื่อนปิดเทอมเป็นเดือนพฤษภาคมเพื่อรอรับ AEC ก็เพราะว่าเขากำลังจะขึ้นมหาลัย!!



“อุตส่าห์อ่านหนังสือแทบตาย พอติดแล้วไม่ให้ไปเรียนเฉยเลย! ไม่ยอมหรอก ถ้าพ่อไม่ให้ไปก็จะทำงานเก็บเงินตอนปิดเทอมนี่แหละเป็นค่าเทอม หนอยๆๆ ลุงอ้วนบ้า! ได้เรียนมหาลัยเดียวกับพี่รินแล้วแท้ๆ รู้ไหมว่าปีนี้เป็นปีเดียวที่เราจะได้อยู่ด้วยกันนะ!!”



ปูนเตะฝุ่นดีดดิ้นจนรันต้องเขยิบถอยกลัวโดนลูกหลง



ไอ้เด็กนี่ชอบรินมาแต่ไหนแต่ไรแล้วถึงเจ้ารินจะไม่รู้ตัวก็เถอะ ตอนรู้ว่ารินต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพนะร้องงอแงใหญ่เพราะกว่ามันจะกล้าออกจากมุมเสามาเล่นกับรินได้ก็รวบรวมความกล้าอยู่นานเป็นปีๆ



“พี่รัน!! พี่ห้ามไล่ผมออกเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะเตะขาพี่ให้หักเลย แล้วพี่ก็ต้องให้เงินเดือนผมเยอะๆด้วย เดือนละสองหมื่นเลย!!”



“น้อยๆหน่อย ข้าวปลาที่อยู่ก็ฟรีแล้วยังเรียกเงินขนาดนั้น เอาไปแค่สองร้อยพอ!!”



“พี่รัน!!”



“นี่ยังทะเลากันไม่เลิกอีกเหรอ?”ฉับพลัน ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้น เสียงใสของใครบางคนก็ดังขัดขึ้นก่อน สองหน่อรีบสามัคคีกอดคอฉีกยิ้มหันไปหาร่างโปร่งซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล



“ไปกินข้าวเย็นกันเถอะ”รินเอ่ยชวน



“ยังไม่มืดเลยนี่”รันท้วง



“กินๆไปเหอะ จะได้เลิกงานแล้วนอนๆสักที”พูดจบก็เดินนำกลับบ้านไม่สนคำใคร พวกที่เหลือเลยขัดไม่ได้ เพราะพี่รันแขนเจ็บจึงจับปากกาทำงานไม่ได้ภาระบัญชีทั้งหมดเลยอยู่ในการดูแลของรินเหมือนเดิม...อุตส่าห์คิดว่าจะสบายแล้วแท้ๆ...



ในห้องอาหารห้องเดิมหลังจากกินและอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้วมันก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นห้องประชุมคณะกรรมการฟาร์มกานต์อีกครั้ง นายน้อยแห่งฟาร์มวางเอกสารลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าเครียดเขม็งก่อนพยักหน้าให้เลขส่วนตัว(?)ชี้แจงรายละเอียดให้คนมาใหม่ทราบ



“ตอนนี้วัวทุกตัวถูกนำกลับมาเรียบร้อยแล้วถูกติดป้ายชื่อและเลี้ยงคละกันอยู่ในโรงเรือนที่ไม่เสียหาย ผมคิดว่าเราควรเรียกสัตวแพทย์มาดูแลพวกมันอย่างใกล้ชิด ระหว่างรอการซ่อมแซมคอกที่เสียหาย ซึ่งพรุ่งนี้ผมจะสั่งให้คนงานของลุงแม้ไปซ่อมให้”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ



รันพยักหน้าอย่างเข้าใจผิดกับปูนที่ตบโต๊ะโวยวาย”ถ้าอย่างงั้นวันนี้ผมจะซ่อมไปเพื่ออะไรอ่ะ!!”



“เอ่อ ก็...ถือว่าแบ่งเบาภาระคนงานไง ฮ่าๆๆๆๆ”รันหัวเราะเยาะดังลั่น รินเลยเตะขาข้างที่เจ็บเบาๆเป็นการสั่งให้หุบปากชั้นดี



“คนงานของลุงแม้ทำงานดีกว่าที่คิดเนอะ”รินเลิกตีหน้าขรึมแหงนหน้าขึ้นฟ้ามองหลอดไฟบนเพดาน เขาวิ่งรอกต้อนวัวแทบแย่ได้มาไม่ถึงครึ่งแต่ไหงพวกนี้มาวันเดียวถึงได้ครบแบบนี้...จะว่าไป



“แต่พวกเขาหาลูกแมวน้อยไม่เจอ”เสียงใสรำพึงกับตัวเองอย่างกังวล



“ลูกแมวน้อย...?”รันตีหน้าฉงน



“ก็ลูกวัวที่เพิ่งคลอดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมตั้งชื่อมันว่าลูกแมวน้อยหนะ”



“หาดีแล้วรึยัง”รันถามโดยพยามมองข้ามเรื่องชื่อไป



“ผมให้พวกเขาปูพรมหาตั้งแต่ขอบฟาร์มไล่มาทุกซอกทุกมุมแล้วครับ”พี่ชายคนกลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความไม่พอใจ คำพูดมันไม่ได้มีอะไรผิดแปลกแต่คนพูดนี่สิ



คฑาหันไปมองใบหน้าหวานอย่างต้องการคำปรึกษา รินจึงเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูชายหนุ่มว่า”อย่าสนใจเลย พี่รันบ้าๆบอๆอีกเดี๋ยวเขาก็เลิกเหม็นขี้หน้าพี่เองแหละ”ทั้งสองคนผละออกจากกันจากนั้นก็สบตาแล้วก็หัวเราะคิกคัก ภาพโลกส่วนตัวสีลูกกวาดกระแทกตาคุณพี่ชายหวงน้องจนหงายหลัง



“ถ้าอย่างงั้นมันอาจจะหลุดไปฟาร์มข้างเคียง”คฑารับน้ำจากป้าพร เธอว่างงานหลังจากมีคนมาช่วยจึงอยู่ร่วมประชุมด้วยปล่อยให้ชัยออกหน้าไปคุมคนงานคนเดียวโทษฐานชอบอู้งานบ่อยๆ



“อืม...ก็เป็นไปได้”แม้จะไม่ถูกชะตาเท่าไหร่นักแต่คนคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่รันจึงยอมรับฟัง



“แล้วเจ้าของฟาร์มเขาจะไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามีเกินมาตัวนึง”รินถามหน้าซื่อ



“ถ้าเป็นพ่อผมหละก็เก็บไว้เป็นของตัวเองแน่ๆ”ลูกชายคนเดียวของฟาร์มข้างๆว่าร้ายบิดาหน้าเครียด



บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารร้อนๆหนาวๆ พรซึ่งตั้งใจว่าจะยืนฟังเริ่มง่วงเลยแอบเดินจากไปนอนในเรือนเล็กเงียบๆปล่อยให้ผู้ชายสี่คนนั่งจมกับความคิดของตัวเองทั้งอย่างนั้น



“ผมว่านะ...เราแอบเข้าไปดูในคอกบ้านผมกันมั้ย”ความเห็นของเด็กฟาร์มข้างเคียงเรียกรวมสายตาของทุกคนในที่นั้น



“ก็ดีนะ”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์เห็นด้วย ผิดกับผู้ใหญ่อีกสองคน



“ทำไมเราไม่เข้าไปหาเขาตรงๆเลยหละ ลุงเปรมก็คงไม่ห้าม”รันแย้ง



“พ่อได้ล็อคคอผมกลับบ้านหนะสิ!!”คนเพียงคนเดียวที่จะเดือดร้อนกับการทำเช่นนั้นรีบร้อนห้ามก่อนหันไปหาที่พึ่งสุดท้าย”ใช่มั้ยพี่ริน”



“อืม...ผมว่า...”เด็กหนุ่มเว้นคำ”คืนนี้ดึกแล้วเราไปนอนกันก่อนดีกว่า”พูดจบก็ลุกขึ้นหน้าตาเฉย คนอื่นแทบจะตกเก้าอี้เพราะตกใจในคำพูดปัญญาอ่อนไม่มีที่มาที่ไปนั่น มีปูนที่ไหวตัวทันเป็นคนแรกรีบลุกตามประกบร่างโปร่งทันที



“เดี๋ยวสิพี่ริน รอผมด้วย”



คนถูกเรียกเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ส่วนพี่ชายของคนถูกเรียกโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจ”เห้ย ไอ้ปูน อย่าบอกนะว่าแกคิดจะนอนกับน้องข้า”รันถามเสียงกร้าว



“อื้ม!!”



“ไม่ได้!! ริน คืนนี้มานอนกับพี่!!”หันไปคว้ามื้อขาวเอาไว้ด้วยมือข้างที่เจ็บ ท่าทางจะหวงน้องเข้าขั้นลืมตายกันเลยที่เดียว



“แล้วผมหละ”ปูนรีบแย้งหน้าตาตื่นเมื่อเห็นโอกาสโดนเด้งของตน



“ไปนอนห้องพ่อโน่น!!”



“ไม่เอาอ่ะ เหม็นกลิ่นคนแก่!!”ปูนทำท่าไม่ยอม วิ่งมาคว้ามืออีกข้างของริน



“งั้นก็นอนห้องรินไป ส่วนริน เรามานอนห้องพี่”



“เสียใจด้วยนะพี่รัน ห้องพี่อ่ะ พี่รินให้พี่คฑานอนอยู่!!”เด็กเวรแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนมาทีหลัง รันได้ยินถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ รินปล่อยให้ไอ้หน้านิ่งมานอนห้องพี่งั้นเหรอ!!



“งั้นคุณ!! ไปนอนห้องพ่อ”สิ้นความคิดก็รีบไล่ชายหนุ่มออกจากห้องทันที



“ไม่ได้นะ พี่คฑาเขานอนห้องแอร์”คราวนี้คนท้วงคือริน คฑายืนมองสามทหารเสือยืนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่หน้าบันได เขาไม่รู้ว่าควรเสนอตัวไปนอนห้องไหนเพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด แต่ทว่ารินกลับแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยการเพิ่มปัญหาเข้าไป



“พอเลยๆเถียงกันอย่างนี้ คืนนี้ไม่ได้นอนแน่ ผมจะนอนกับพี่คฑาในห้องพี่รัน ส่วนปูน นอนห้องพี่เหมือนเดิม อยากเปิดหน้าต่างอะไรเต็มที่เลย ส่วนพี่รันก็ไปนอนห้องพ่อ โอเคตามนี้นะ”



“ไม่!!”สองเสียงประสานไม่ยอม แต่มีหรือที่คนที่เอาแต่ใจที่สุดในที่นี้อย่างรินจะยอมฟัง เด็กหนุ่มเดินมาคว้ามือคฑาพร้อมจูงมือขึ้นชั้นสองไปแบบไม่ใยดีสีหน้าเหมือนโลกจะแตกสลายของพี่ชายบังเกิดเกล้า



“ริน!! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!! ไอ้บ้านั่น อย่าไปหลงกลมันนะริน มันจ้องจะงาบเราอยู่ พี่ดูออก สายตามันหื่นมากเวลามันจ้องน้อง!! รินนนนน!!”




...

 :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [14/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่6
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 14-08-2015 18:06:10
พี่รันขี้โวยวายแต่ก็น่ารักมากมายเลยนะค้าา :m3: และจากที่ดูทรงแล้วไม่แคล้วคงได้คู่กับน้องเปียก เอ๊ย! น้องปูนแน่เลยนะคะเนี่ย >< แต่คนที่ไม่ธรรมดาที่สุดเห็นจะเป็นน้องรินเพราะไม่ว่าจะมีกี่อัศวินก็ต้องยอมศิโรราบให้กับน้องแต่เพียงผู้เดียวจริงๆ~ :laugh3:

ปล. ส่วนพี่คฑาอย่าน้อยใจไปเลยนะคะที่วันนี้ตัวเองมีบทน้อย :กอด1:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [19/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่7
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 19-08-2015 21:18:04




บทที่7อัศวินสืบสวน




"ผมว่างานนี้เราต้องสืบ"ระหว่างยืนคุมคนงานซึ่งมีมาเพิ่มเติมทั้งจากฟาร์มตาแม้และฟาร์มพี่ฟ้า รินก็หันไปพูดกับพี่ชายซึ่งยืนทะเลาะกับเด็กข้างบ้านไม่สนใจงานการ



เสียงใสไม่ได้รับการตอบรับนายการันต์ดีดหนังยางใส่ไอ้ปูนอย่างเมามัน เมื่อวานเขาไปถอดเฝือกที่โรงพยาบาลมาเพราะต้องต่อคิวทั้งวันโครงการต่างๆเลยต้องพับเก็บเอาไว้เพื่อรอชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าของฟาร์มกลับมา



"พี่รัน!!!"



"โอ๊ยย อยู่ใกล้แค่นี้จะตะโกนทำไม"คุณชายผู้ไม่รับรู้ถึงความผิดของตัวเองหยีตาแล้วเอามือข้างที่หายดีอแล้วลูบหูป้อยๆ



"ผมบอกว่าเราต้องสืบ!!"รินย้ำคำอีกครั้งแต่ดูเหมือนพี่ชายผู้ดีแต่ใช้กำลังของเขานั้นยังไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ ปูนซึ่งโดดหลบไปไกลเมื่อเห็นว่าคู่อริสงบลงก็เลยเดินกลับมาใกล้รินหมายใช้เป็นโล่ไปในตัว



"เรื่องลูกแมวน้อยหายตัวไป มันต้องหลุดไปฟาร์มข้างๆแน่เลย แล้วเจ้าของฟาร์มที่มีเจ้าวัวน้อยอยู่นั่นแหละคือคนร้าย"ลางสังหรณ์นักสืบของเขาไม่มีทางผิดพลาด เด็กหนุ่มลูบคางอย่างใช้ความคิด สมองน้อยๆมองไปไกลถึงขั้นหาวิธีลอบเข้าไปยังฟาร์มต้องสงสัย ทว่า



"เดี๋ยวๆๆ รินน้องรัก เรื่องนี้พี่ไม่เห็นด้วย"ปูนพยักหน้าสนับสนุนคำค้านของรัน นั่นก็เพราะ



"ฟาร์มข้างๆเรามันก็ฟาร์มของฟ้ากับของไอ้ปูนนะ!?”



"อืม...จะว่าไปฟาร์มไอ้ปูนผมก็ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจเลยแหะ"เพราะวันนั้นเกิดเรื่องเสียก่อนเลยต้องถอยทัพกลับ"แต่ฟาร์มพี่ฟ้าที่ให้ความช่วยเหลือเราดิบดีนี่ก็น่าสงสัย ในซีรี่ย์ส่วนใหญ่ตัวร้ายที่น่ากลัวที่สุดมักแฝงอยู่ในรูปมิตรภาพ"



"ฟ้า/พ่อไม่มีทางเป็นคนร้ายหรอก!!!!"สองเสียงสามัคคีดังขึ้นพร้อมกัน แม้จะมีพยางค์ที่ไม่พ้องกันแต่โดยรวมแล้วก็คล้ายกัน รินถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างคิดถึงร่างสูงซึ่งรับภาระคุมงานเอกสารอยู่ในห้องทำงาน



"งั้นเดี๋ยวผมไปปรึกษาพี่คฑาแทนแล้วกัน"ทิ้งคำพูดไว้ก่อนสะบัดตัวทำท่าจะเดินจากไปคนเป็นพี่ถึงกับคว้าแขนไว้หมับ



"เดี๋ยว! ได้ๆ พี่เชื่อเราก็ได้"รันยื้อน้องชายเอาไว้หน้าเหวอ



"ถึงพี่รันจะเชื่อก็เถอะแต่ก็หาข้อมูลหรือวิธีดีดีมาไม่ได้อยู่ดี ผมว่าไปปรึกษาพี่คฑาที่เป็นทนายน่าจะได้เรื่องกว่า"เหมือนสายฟ้าผ่าลงกลางใจ หัวอกคนเป็นพี่ถูกทำลายล้างด้วยคำว่าเชื่อใจคนแปลกหน้ามากกว่า เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ



"ไอ้หน้านิ่งนั่นเป็นทนายเหรอ!?"



"อื้ม"นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ยิ้มอย่างภูมิใจราวกับเป็นทนายเสียเอง



การันต์มีสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ราวกับกำลังปลงอะไรบางอย่าง



"เหรอ...เป็นทนายเหรอ"เสียงแผ่วเบาเหมือนเปรยกับตัวเองเรียกสายตาของเด็กแสบข้างบ้านให้เหลือบมองอย่างรู้ทัน
รินซึ่งห่างพี่ไปไกลแสนไกลค่อยดึงมือออกจากการกอบกุมก่อนหันหลังก้าวเท้าจากไป เนตรคมกริบมองภาพแผ่นหลังของน้อยชายด้วยสายตาว่างเปล่า อวัยวะภายนออกซ้ายสั่นไหวด้านชา



"ทำหน้าซึ้งเชียวเฮีย"บรรยากาศมันเงียบเกินปูนเลยชวนคุย



ความทรงจำสมัยม.1ย้อนเข้ามาในหัว จำได้ว่าวันก่อนเปิดเทอมวันหนึ่งซึ่งเด็กมัธยมรัฐบาลอย่างเขาต้องตัดผมสั้น พี่ชายข้างบ้านอุตส่าห์ขี่รถมาล้อถึงหน้าร้านตัดผม ใบหน้ากวนตีนน่าเอาเท้างามๆไปประทับสักป้าบนั้นดูยิ้มกว้างกว่าปกติ
รอยยิ้มของรันในวันนั้นมันต่างออกไปจากทุกที ชายหนุ่มเป็นคนร่าเริง ขี้แกล้งและมีพลังงานในการใช้ชีวิตล้นเหลือ แต่วันนั้นไหล่กว้างของผู้ชายคนนี้มันดูห่อเหี่ยวลงพิกล



ไม่รู้มันสังเกตได้ชัดเจนหรือเพราะรู้จักกันดียิ่งกว่าใคร ปูนเลยเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะรู้ความจริงว่าวันนี้รันเองก็ควรจะเปิดเทอมเช่นเดียวกันแต่เขากลับต้องลาออกเสียตั้งแต่วันนั้นเพราะแฟนพี่สาวไม่ต้องการสืบทอดกิจการฟาร์มต่อ ลูกชายคนรองอย่างรันจึงต้องแบกรับหน้าที่ดูแลฟาร์มตั้งแต่วันนั้น...



....วันที่ควรได้เข้าไปเรียนคณะนิติศาสตร์ในมหาลัยชื่อดัง...



"ความฝันโง่ๆของผู้ชายบ้านนอกคนนี้คือการได้ว่าความเพื่อปกป้องคนดี"เสียงห้าวระบายในลำคออย่างสั่นเครือ



"ก่อนหน้านั้นในฟาร์มเคยมีคนงานอยู่คนหนึ่ง มันเป็นคนขยัน รักพ่อแม่ ตั้งใจทำงาน แต่มันก็ถูกพวกมาเฟียในเมืองยัดยา"



"ความฝันชั่วชีวิตของพี่ก็คือการเป็นทนายเพื่อปกป้องคนพวกนี้ คนที่ไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเอง"



"เอาเข้าจริงแล้วโลกของทนายซับซ้อนกว่านั้นเยอะนะเฮีย เฮียไม่ต้องเสียใจไปหรอก"ปูนเดินมาตบไหล่เพื่อปลอบใจ เนตรคมเหลือบมองด้วยความเอ็นดู



"เรื่องแค่นี้รู้หรอกน่า อย่าสนใจเลย ก็แค่คนแก่บนกับตัวเอง หึหึ"พอเห็นคนโผงผางฝืนยิ้มมุมปากแบบนี้คู่อริตัวร้ายอย่างปูนถึงกับพูดอะไรไม่ออก



"เหตุผลที่เฮียไม่ส่งผมกลับบ้านก็เพราะอย่างงี้สินะ"



“อืม”



.



.



และแล้วคุณพี่ผู้อกหักจากการเป็นทนายก็กัดฟันลงนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ชายที่ไม่ถูกโฉลกกับตนตั้งแต่หน้าตายันหน้าที่การงานเมื่อเขาถูกรินน้องรักเรียกแกมบังคับให้ไปร่วมการประชุมไร้สาระด้วย



ไม่รู้ว่าการถูกเลี้ยงด้วยนมวัวสดตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจะมีผลต่อกระบวนความคิดหรือไม่ คฑามองเพื่อนรวมโต๊ะอันประกอบไปด้วยคุณการันต์ผู้ทำหน้ามุ่ยเท้าคางเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง เปียกปูนเด็กหนีออกจากบ้านซึ่งยอมมานั่งฟังแผนการบุกค้นบ้านพ่อตัวเองด้วยสีหน้านึกสนุก และริน รายนี้หนักสุดเลย ไม่รู้ว่าใช้ขี้เลื่อยส่วนไหนคิดแผนนี้ขึ้นมา



"อ่ะแฮ่ม ก่อนอื่นกระผมจะขอเท้าความวัตถุประสงค์ของเรากันก่อนนะครับ"



"ฟาร์มของเราถูกบุคคลปริศนาเผาคอกวัวและปล่อยวัวออกไป แต่ตอนนี้เราแก้ปัญหานั้นโดยการจับวัวทั้งหมดกลับมาและซ่อมแซมคอกทั้งหมดเรียบร้อยแล้วซึ่งมันกินเวลาไปกว่าหนึ่งเดือน แน่นอนว่าพี่คฑาผู้โดดงานมาช่วยพวกเราก็ต้องกลับไปทำมา
หากินของเขา..."เมื่อพูดถึงจุดนี้ปลายเสียงของรินดูจะแผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน อากัปกิริยาผิดแผกเพียงชั่วขณะของร่างโปร่งไม่อาจเล็ดลอดสายตาคมกริบของทนายอย่างคฑาไปได้



"เราควรจะหาตัวค้นร้ายให้พบ และผมขอเสนอวิธีง่ายๆเลยคือพุ่งเป้าไปที่ฟาร์มข้างเคียงและหาหลักฐานอย่างเจ้าแมวน้อยให้เจอ"



"ขอถามครับ!"ปูนยกมือขึ้นเหมือนเด็กนักเรียนถามอาจารย์ รินผายมือเชิงอนุญาต



"ถ้าฟาร์มที่จับลูกแมวน้อยของพี่รินไปเขาแค่เห็นว่ามันหลุดมาแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นของใครเลยเอามาเลี้ยงเองหละครับ!!"เป็นคำถามที่ดีทีเดียว เพราะตัวต้นคิดมันทำหน้าตกใจราวกับไม่คาดคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน ผู้ให้คำปรึกษาอย่างคฑาถึงกับยกมือกุมหน้า
ผาก



"คือเราแค่จะตีวงให้แคบลงหรือจะพูดให้ถูกคือหาเบาะแสให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งเวลามันผ่านมานานขนาดนี้แล้วจะไปหาพยานหรืออะไรก็คงไม่ทันการ"คุณทนายจึงเป็นผ่ายชี้แจงแทน



"ที่สำคัญ คุณรันครับ"คฑาเอ่ยถามคนที่นั่งเงียบไม่เสนอความเห็นใดใดด้วยท่าทางเกรงๆ เขารู้ดีว่าคนคนนี้ไม่ถูกกับตนเพราะอะไร



"ช่วงนี้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาติดต่อเพื่อเอาฟาร์มเข้าร่วมกับบริษัทหรืออะไรบ้างไหมครับ"รันขมวดคิ้วมุ่น มองคฑาด้วยสายตาวาววับราวกับว่ามันไปกระตุกต่อมซาดิสต์อะไรในตัวเขาเข้า ริมฝีปาดยิ้มอย่างพอใจ



"ถ้าช่วงก่อนผมเข้าโรงพยาบาลก็ไม่มีนะ แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้"



"แต่ถ้าไปตรวจสอบกับสหกรณ์ดูอาจจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง เพราะถ้าเป็นคนจากภายนอกเข้ามาติดต่อต้องผ่านสหกรณ์ก่อน"
นับเป็นความเห็นที่เข้าท่าที่สุดเท่าที่ฟังมา หากมีผู้ค้ารายใหญ่ต้องการทำสัญญาผูกขาดกับฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งแล้วหละก็ มีโอกาสเป็นไปได้ที่ฟาร์มกานต์จะถูกเล่นงานด้วยน้ำมือของฟาร์มที่มีระดับพอๆกัน



"แต่ผมว่าตัดตาแม้ออกไปได้นะ นี่พูดโดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมารวมด้วย ผมว่าตาแกรวยจนไม่รู้จะรวยยังไงแล้วก็มีบริษัทโยเกิร์ตที่ร่วมลงทุนกับแกอยู่แล้ว ผิดกับลุงเปรมพ่อไอ้ปูนแล้วก็ฟ้า"



"งั้นก่อนอื่นเราแอบเข้าไปดูในคอกต่างๆกันก่อนไหม"พูดเหมือนนึกสนุก โดยไม่ต้องหันไปคฑาก็รู้ได้ทันทีว่าใบหน้าของรินยามนี้จะเป็นเช่นไร



"ไปๆๆผมไปด้วย!!"สนับสนุนด้วยไอ้เปียกเด็กข้างบ้านผู้สนับสนุนให้บุกเข้าตรวจค้นบ้านตัวเองด้วยสีหน้าระรื่น



คฑาเหลือบมองซ้ายทีขวาทีก่อนหันไปเลิกคิ้วให้รันอย่างขอความเห็น ชายหนุ่มทอดถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก่อนจะจำใจพยักหน้าเห็นด้วย



"จะไปกันเมื่อไหร่หละ?"ดูเหมือนรันจะยกหน้าที่จัดการทุกอย่างมาให้เขาแบบมึนๆ ร่างสูงลุกขึ้นคว้าไม้เท้าที่ว่างพิงไว้ข้างโต๊ะและกล่าวทิ้งท้ายว่า



"เดี๋ยวผมจะลองตรวจสอบกับสหกรณ์ดูว่ามีบริษัทติดต่อมาหรือเปล่า ฝากคุณหาหลักฐานด้วยแล้วกัน"



แม้แขนจะถอดเฝือกออกแล้วแต่ขาก็ยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำจุนการไปบุกน้ำลุยไฟกับพวกรินจึงเป็นไปไม่ได้ ถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่แต่ก็ดีกว่าไปกันเองสองคน



คฑาพยักหน้ารับ เขาหันมามองหน้าตาชื่นมื่นของคนที่เหลือ เม็ดเหงื่อผุดพรายบนใบหน้าร่วมกับได้รับภาระอันยิ่งใหญ่...



"คืนนี้ห้าทุ่ม มาเจอกันตรงนี้ โอเคนะ"



.



.



เสียงใบไม้ถูกเหยียบดังกรอบแกรบตลอดทางที่จะเข้าสู่คอกวัวคอกแรกซึ่งเป็นคอกสำหรับอนุบาลลูกวัว คณะสำรวจพุ่งเป้ามาที่แห่งนี้ก่อนเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะพบลูกวัวน้อยมากที่สุด



"เดินเบาๆหน่อยสิ!"นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์แวดเสียงกระซิบใส่ปูนผู้รู้ลู่ทางในพื้นที่เป็นอย่างดีจึงอาสานำทาง



มือเรียวตีบ่าดัง เพี้ยะ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำไปยังประตูไม้เก่าๆสำหรับเข้าไปในโรงเลี้ยงวัว ความจริงการทำที่อยู่ให้วัวนั้นต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี ลมถ่ายเทสะดวก ชาวบ้านส่วนใหญ่เลยทำโรงเรือนแบบไม่มีผนัง แต่ฟาร์มที่มีเงินทุนสูงพอจะติดตั้งระบบระบายอากาศหรือสปริงเกอร์ฉีดน้ำก็จะทำโรงเรือนแบบปิดซึ่งสามารถกันฝนกันพายุได้ดีกว่า



บริเวณคอกวัวของฟาร์มเปรมไร้เงาคนงาน เนื่องจากเวลาใกล้จะห้าทุ่มแล้วใครที่ไหนมันจะมานั่งรีดนมวัวตอนนี้



เปียกปูนมองหน้าคนขี้บ่นแบบงงๆ ในนี้ก็มีแต่วัวกับหญ้าทำไมต้องย่อง



เด็กหนุ่มเดินยืดเต็มความสูงเดินเข้าไปในคอกแห่งแรกอย่างสง่าผ่าเผยราวกับอยู่ในบ้านของตัวเอง เอ่อ...ก็บ้านตัวเองอะนะ แต่ตอนนี้กำลังหนีออกจากบ้านอยู่ แอบๆหน่อยแล้วกัน



สภาพด้านในของคอกไม่ต่างจากของฟาร์มกานต์มากนัก เมื่อสะเดาะกลอนเข้าไปด้านในได้สำเร็จ ทั้งสองคนก็รีบเข้าไปสำรวจทันทีปล่อยให้คฑายืนเฝ้าดูต้นทาง



"เฮ้อ"ชายหนุ่มทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน บอกตามตรงว่าคดีนี้มืดแปดด้าน



ขนาดคนทำคดีมาหลายคดีอย่างเขายังไม่รู้เลยว่าจะระบุได้อย่างไรว่าใครจะเป็นคนร้าย



อย่างที่ปูนถาม...รู้ว่าเจ้าแมวน้อยอยู่ที่ไหนแล้วไงต่อ?



ดีไม่ดีจะหาตัวไม่เจอด้วยซ้ำ...เผลอๆมันอาจจะตกร่องตายอยู่กลางทุ่งที่ไหนสักแห่ง...



"เจอแล้ว!!"



นั่นไง บอกแล้วว่าไม่มีทางหาเจอ...หืม?



"พี่คฑาๆ เจอเจ้าแมวน้อยแล้วครับ"



เนตรคมเบิกกว้างด้วยสภาพเหลือเชื่อ เขาหันไปมองรินซึ่งพยามปีนรั้วเหล็กสูงประมาณเอวเข้าไปด้านใน ก่อนจะเดินตรงไปยังลูกวัวเพียงตัวเดียวในรั้วเหล็กนั้น สังเกตดูดีดีที่หางมันจะมีโบว์สีชมพูผูกติดไว้ตามคำบอกเล่า...



คฑาเดินเข้ามาพิจารณาสิ่งมีชีวิตสี่ขาอย่างชั่งใจ ด้วยความรอบคอบชายหนุ่มไม่ลืมปิดประตูเข้ามา



"เราจะพามันกลับไปยังไง"เพราะเขามาที่นี่ด้วยความเชื่อว่าไม่มีทางพบแน่นอน จึงขับรถกระบะคันที่ใช้ขนนมมา หากจะพาลูกวัวตัวนี้เดินไปที่รถที่จอดอยู่ห่างจากประตูฟาร์มออกไปอีกเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็นทีว่าต้องใช้กำลังมากพอดู



"ลูกพี่ครับ..."



ฉับพลันเสียงกระซิบก็ดังมาจากนอกคอก เล่นเอาสามทหารเสือด้านในมองหน้ากันตาเหลือก นอกจากหลังวัว ในนี้ก็ไม่มีที่ให้ซ่อนแล้วนะ



"เงียบๆสิวะไอ้เจ๋ง เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นเข้า!" อีกเสียงหนึ่งดังปราม ดูเหมือนว่าเสียงของเจ้าคนนี้จะดังมากกว่าด้วยซ้ำ



"แผนของเราไปถึงไหนแล้ว"เสียงของลูกพี่ดังขึ้นอีกครั้ง



คฑาสะกิดแขนของปูนพลางส่งสายตาเชิงถามไปว่า รู้จักเจ้าคนชื่อเจ๋งหรือไม่



"ไม่ครับ"เปียกปูนตอบเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ เอื้อมมือของตัวเองไปคว้าขอมือบางของรินเอาไว้ก่อนกระชับมั่น พวกมันเป็นใครเข้ามาทำอะไรในนี้ก็ไม่รู้ หากโดนจับได้ขึ้นมาจะเจอกับอะไรก็ไม่มีใครตอบได้



"พวกนั้นฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิด ใช้เวลาไม่ถึงเดือนฟาร์มก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วครับ"



"!!!"



แต่ละถ้อยคำจากน้ำเสียงแหบแห้งได้ยินติดๆขัดๆนอกโรงเรือน กลับชัดเจนไปถึงขั้วหัวใจ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์มั่นใจมากว่าเจ้าสองคนข้างนอกคือตัวการของเรื่องทั้งหมด มือเรียวกระชับมือของปูนเอาไว้แน่นก่อนส่งสายตาขอความเห็นจากคฑา



"อืม กลับเถอะ ข้าว่าแถวนี้ลางไม่ดี"



"ครับลูกพี่..."



เหมือนมีก้อนเมฆสีดำเข้าครอบงำบ้านสองชั้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่งแต้มด้วยสีขาวลายวัวของฟาร์มกานต์ดูมืดมนเสียยิ่งกว่าวันที่ถูกไฟไหม้



บุคคลทั้งสี่เข้านิ่งประจำที่โต๊ะประชุม(โต๊ะกินข้าว)นายการันต์ยกมือขึ้นประสานกันบนโต๊ะ ชายหนุ่มไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ในขณะที่เหลือบมองใบหน้าตกใจระคนผิดหวังของเจ้าเด็กแสบข้างบ้าน



"ตอนนั้นมันกะทันหัน ผมเลยไม่ได้อัดเสียง"เป็นคฑาที่ชี้แจงขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่วินาทีที่สองคนปริศนานั้นเดินจากไปความเงียบก็เข้าปกคลุมตัวแสบทั้งสอง เขาไม่รู้เลยว่าตลอดทางกลับบ้านซึ่งสองคนนี้นั่งจับมือกอดเข่ากันอยู่บนกระบะรถจะเกิดอะไรขึ้นในจิตใจบ้าง ตัวชายหนุ่มผู้ขับรถรีบร้อนมาเล่าให้การันต์ฟังจนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปอีกคน



ฟาร์มกานต์กับฟาร์มลุงเปรมมีสัมพันธ์อันดีต่อกันมาหลายสิบปี



"เมื่อเย็นผมโทรเช็คกับสหกรณ์มาแล้ว....เขาบอกว่ามีบริษัทผลิตนมและอาหารเสริมรายใหญ่ต้องการฟาร์มเข้าร่วมโครงการอำเภอละหนึ่งแห่ง และทางสหกรณ์ก็เสนอรายชื่อฟาร์มใหญ่ทั้งสี่ไปแต่ตาแม้ปฏิเสธเลยเหลือแค่สาม"รันไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงของตัวเองได้เลย มันสั่นแรงพอๆกับหัวใจของเขาตอนนี้



"พอเถอะ...เห็นๆอยู่ว่าพ่อเป็นคนร้าย..."



"เดี๋ยวสิปูน มันยังไม่แน่!!"



"มันแน่แล้วพี่ริน เป็นใครอื่นไม่ได้เลย"เปียกปูนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตอนนี้เจ้าเด็กแสบไม่หลงเหลือเค้าของความสดใสแม้แต่น้อย







"ช้าก่อน...ไอ้เปรมไม่ใช่คนแบบนั้น"






ทันใดนั้นเองเสียงของชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู เรียกให้ทุกสายตาเบนไปจับจ้องเจ้าของร่างท้วมลงพุงตามกาลเวลาหากแต่ใบหน้าแต่ประดับด้วยรอยเหี่ยวย่นเพียงเล็กน้อยนั้นยังคงเค้าความดูดีเอาไว้ได้เหมือนลูกชายคนรองของตน





"พ่อ!!"






นายเทียนเจ้าของฟาร์มกานที่แท้จริง หลังจากทอดทิ้งลูกชายคนเล็กให้แบกรับภาระหนักอึ้งส่วนตนหนีไปรับขวัญหลานสบายใจ ในที่สุดเขาก็กลับมา



รินผุดลุกจากโต๊ะก่อนโผตัวสวมกอดคนเป็นพ่อด้วยความคิดถึง ซุกไซ้ศีรษะไปมาตรงซอกคอของบิดาอย่างออดอ้อน ใบหน้าเปี่ยมสุขของเด็กหนุ่มเรียกบรรยากาศให้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย




"ที่ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น แสดงว่าเขาไม่ใช่คนร้ายหรอครับพ่อ"ลูกชายอีกคนหนึ่งถามขัดจังหวะพ่อลูกกอดกันกลม รินปล่อยมือออกจากเทียนอย่างอิดออด ใบหน้าแสนเสียดายที่ต้องกลับมานั่งแหมะบนเก้าอี้ตัวเดิม



นายเทียนเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองมานั่งก่อนเอ่ยเสียงเรียบ"อืม พ่อเชื่อแบบนั้น"



"แต่พวกเราเข้าไปได้ยินคนในฟาร์มนั้นคุยกันเรื่องของเรานะครับ"การันต์แย้ง แม้นไม่อยากจะเชื่อแต่หลักฐานมันคาหูอยู่จะๆ



"พ่อแค่เดา ไอ้เปรมก็เพื่อนพ่อมาแต่เด็ก มันเป็นคนเจ้าอารมณ์แต่ก็รักลูกมาก มันไม่ทำให้ลูกมันผิดหวังในตัวมันหรอก ใช่ไหม"
ประโยคแรกพูดกับทุกคนแต่คำสุดท้ายชายวัยกลางคนหันมาเลิกคิ้วถามลูกชายเพียงคนเดียวของฟาร์มข้างๆ



ตากลมใสทอดมองสีหน้าสับสนของน้องชายข้างบ้าน เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ตนควรทำอย่างไร มีเพียงฝ่ามือที่ยังคงกระชับเอาไว้ไม่ปล่อยตั้งแต่แรก



"งั้นพรุ่งนี้เราเข้าไปใหม่ เข้าไปถามตรงๆเลยไหม?"นายเทียนกล่าวชี้ทาง



"ก็ดีนะครับ"คฑาผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวของใดๆกับครอบครัวหรือฟาร์มนั่งเงียบมาสักพัก ไม่มีจังหวะให้เขาแทรกตัวเข้าไปได้จึงนั่งนิ่งๆรอจังหวะ



"แล้วคุณคิดว่าถ้าไอ้เปรมไม่ใช่คนร้ายแล้วใครหละ"พ่อของรินหันมาคุยกับคฑาด้วยแววตาจริงจัง



"มีความเป็นไปได้อีกอย่างคือลูกน้องกระทำโดยพลการครับ"ร่างสูงกล่าวจากการเอาประสบการณ์จริงเข้ามาผสม ใบหน้าของลูกน้องผู้บ้าคลั่งกล้าดีตีหัวเจ้านายยังแจ่มชัดในความทรงจำ



"อืม...เป็นไปได้ เป็นไปได้ แล้วอย่างงี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกจ้างคนไหนในฟาร์มเปรมเป็นคนทำ"



"ผมจำเสียงได้ครับ ถ้าได้ยินอีกครั้งต้องชี้ตัวได้แน่นอน"จากประสบการณ์เป็นทนายและความสุขุมที่มีอยู่เป็นทุนเดิม คฑากล่าวเสียงเรียบด้วยความมั่นใจ



"เยี่ยม!! คุณยอดเยี่ยมมากจริงๆ มีประโยชน์กว่าลูกชายผมเยอะเลย ฮ่าๆๆๆๆ ว่าแต่ว่า...



.



.



.



คุณเป็นใคร?"
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [19/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่7
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-08-2015 21:40:18
จิ้มจึกๆ
นั่นสิ... คฑาเป็นใคร -_-?
เริ่มใกล้ความจริงเข้าแล้วว (มั้ง)
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [19/8/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่7
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-08-2015 22:16:38
คุยกันมาตั้งนานคุณพ่อเทียนเพิ่งจะเอะใจหรอกเหรอคะเนี่ย :m20: พี่คฑาเป็นคุณทนายจากเมืองหลวงค่ะ ^^ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ
ว่าที่ลูกเขยคนเล็กของคุณพ่อนั่นเอง >< แอร๊ย~ :-[ 
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [06/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่8
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 06-09-2015 21:34:34




บทที่8 อัศวินบุก!



รอจนรุ่งสางคณะเดินทางก็เคลื่อนพลออกจากฟาร์มกานต์ตำแหน่งคนขับรถเป็นของคุณเทียนดำรงตำแหน่งเจ้าของฟาร์มและพ่อบังเกิดเกล้าของรินและรัน ที่นั่งด้านข้างคือนายรันผู้บาดเจ็บ และกระบะด้านหลังบรรจุคฑา รินและปูน



ไอ้สีหน้าเซื่องซึมของสองคนที่เหลือเล่นเอาชายหนุ่มไปไม่เป็น เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเข้าไปกอดปลอบร่างโปร่งนั้นเสียตอนนี้หรือรอไว้ลับตาคนก่อนดี



นึกแล้วก็อยากด่าตัวเอง เมื่อคืนเขามีเวลาเป็นสิบชั่วโมงร่วมกับรินสองต่อสองแต่คฑากลับทำแค่นอนกุมมือเรียวไว้และปล่อยให้ความเงียบโอบกอดอีกฝ่ายแทน



“ถึงแล้วเหรอ”เสียงของนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ไม่หลงเหลือความสดใสอยู่เลย เด็กหนุ่มหันไปมองใบหน้าของปูนผู้เข้าโหมดหดหูยิ่งกว่าตัวเองอย่างไม่รู้จะช่วยอะไรได้มากกว่าภาวนาให้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงภาพลวงตา



นายเทียนปิดประตูรถก่อนเดินนำทัพเข้าไปด้านในซึ่งเจ้าของบ้านเองก็เดินออกมาต้อนรับด้วยความงุนงง



“เทียน? ปูน? มาทำไมกัน?”ร่างท้วมของคุณเปรมเปิดประตูบ้านออกมามองแขกผู้มาเยือนด้วยแววตาฉงน



“เห็นว่าลูกชายหนีออกจากบ้าน วันนี้เลยมาสู่ขอ เอ๊ย! มาขออนุญาตคุณพ่ออีกที”เทียงหยอกล้อกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เปรมหัวเราะลั่นกับคำว่าสู่ขอของอีกฝ่าย
\


“แหม ไอ้รันมันตาแหลมนะ ลูกชายข้าน่ารักอย่าบอกใคร ออกเรือนไปแล้วก็ดูแลสามีดีดีหละ ฮ่าๆๆ”ดูเหมือนคนที่หัวเราะออกตอนนี้จะมีแค่คุณเปรมเท่านั้นแหละ



“พ่อบ้า!!”เด็กหนีออกจากบ้าใบหน้าติดสีจัดตะโกนว่าพ่อตัวเองด้วยคำด่าสุดเบสิค



“บ๊ะ!! มาว่าข้าบ้า เอ็งนั่นแหละบ้า”



“เออ...บ้าพอกันนั้นแหละ เชิญแขกเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นได้แล้วมั้ง”นายใหญ่แห่งฟาร์มกานต์ยอกย้อนเพื่อนเก่าแบบเจ็บแสบ เปรมทำหน้าขึงขังชี้นิ้วใส่อย่างคาดโทษ แน่นอนว่าเป็นแค่การหยอกกันเล่นของคนแก่



“ตกลงมาทำอะไรกันหละ หืม?”หลังพาแขกเข้าที่เข้าทางแล้วเปรมก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง




“เอ็ง ได้ส่งคนไปทำลายฟาร์มข้าหรือเปล่า?”




“หะ”นอกจากคุณเปรมจะตกใจแล้วคณะติดตามของพ่อเทียนก็พากันมองหน้าเลิ่กลั่กแตกตื่นไม่คิดว่าแม่ทัพจะปล่อยหมัดตรงกลางเป้าแบบนี้แต่แรก




“เดี๋ยวนะพ่อ ตรงไปไหม”รินเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูบิดา



“ไม่ ข้าไม่ได้ทำ”เปรมปฏิเสธ เขาใช้เวลาไม่นานในการค้นหาคำตอบ สบตากับเพื่อนเก่าไม่ไหวติง ผู้อาวุโสทั้งสองมองสบกันอยู่สักพักก็ผละออกจากกัน เทียนหันไปพูดกับปูนด้วยท่าทีผ่อนคลายเหยียดแขนยื่นขาเหมือนอยู่บ้านตัวเอง



“สบายใจได้แล้วนะไอ้หนู พ่อเอ็งไม่ได้ทำอะไร”



“หา!?”



“กลับกันเลยไหม”เทียนถาม นอกจากจะฟันธงจากคำพูดเพียงคนเดียวของผู้ต้องหาแล้วยังชวนกลับบ้านมือเปล่าอีกต่างหาก



“ไม่ได้ครับ”แต่กลับถูกเสียงทุ้มท้วงไว้ ดวงเนตรคมกริบอย่างคนผ่านโลกมาโชกโชนของนายใหญ่แห่งฟาร์มกานต์จ้องมองร่างสูงผู้คอยประกบลูกชายคนเล็กตนอย่างกับเงารอฟังคำต่อไปของเขา



“ถึงคุณจะบอกว่าคุณเปรมไม่ใช่คนร้าย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าลูกน้องของเขาไม่ได้เป็น เคสลูกน้องลงมือทำเองก็มีความเป็นไปได้”
เทียนพยักหน้ารับคำพลางกล่าวกับเพื่อนเก่าผู้ทำหน้างงมีแอบหันไปถามลูกชายด้วยนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะคนลูกหนีออก
จากบ้านอยู่(?)เลยสะบัดหน้าหนีไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น



“เดี๋ยวเดินไปเล่ารายละเอียดไปแล้วกัน ก่อนอื่นช่วยพาไปหาคนงานให้ครบทุกคนได้ไหม?”เทียนกล่าว



หลังจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดให้คุณเปรมฟังโดยคฑาผู้ถูกโยนงานให้ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยๆจริงๆว่าแค่เล่าแค่นี้ทำไมไม่ทำเอง สมกับเป็นพ่อลูกกันชะมัด!



.



.



“เขาเรียกกันว่าเจ๋งแล้วก็ลูกพี่ แต่ผมเดาว่าคนชื่อเจ๋งเป็นแค่คนที่ถูกจ้างมาอีกทีหนึ่งไม่น่ามีอยู่ในฟาร์มใช่ไหมครับ”



“อืมใช่ ฟาร์มเราไม่มีคนชื่อนี้”



“คุณเปรมครับ ผมตามคนมาครบหมดแล้วครับ”ผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง อายุประมาณยี่สิบต้นๆผิวสีขาวเหลืองตัวผอมแห้งใบหน้าออกตี๋สงสัยมีเชื้อจีนเดินเข้ามาหาเจ้านายของตนหลังจากถูกสั่งให้ไปรวบรวมคนงานทั้งมาอยู่หน้าบ้าน



“ขอบคุณมากไอ้เผือก พอเท่านี้แหละ ไปทำงานต่อเถอะ”



“เดี๋ยวครับ!!”ร่างผอมเกร็งทำท่าจะเดินจากไปกลับต้องหยุดชะงักเมื่อคฑาตะโกนห้ามเสียงดังลั่น ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนในที่นั้นชายหนุ่มก็เอ่ยคำถามชวนตลึงที่สุดออกมา



“คุณคือคนที่คุยกับคนชื่อเจ๋งเมื่อคืนใช่ไหม?”



“!!”



เผือกเบิกตากว้าจ้องมองชายแปลกหน้าคนนี้ด้วยสายตาตื่นตระหนก



“ทะ ทำไมคุณถึง...”



.



.



ปูนถอนหายใจอย่างโล่งอก เรื่องราวต่างๆผ่านพ้นไปด้วยดีราวปาฏิหาริย์ หลังจากพ่อบังคับถามไอ้เผือกจนมันหาทางแถต่อไปไม่ได้มันจึงสารภาพออกมาว่ามันเป็นคนบงการเรื่องราวทั้งหมดเอง โดยจ้างคนมาทำลายฟาร์มของพี่ริน ด้วยเจตนาหวังดีอยากให้ฟาร์มของพ่อได้เข้าร่วมโครงการ



ไอ้เผือกมันเป็นลูกชายของคนงานคนหนึ่งซึ่งติดเหล้าติดยาจนถูกตามล่าหนีหนี้ไปถึงไหนต่อไหนทิ้งให้มันอยู่ที่นี่คนเดียว ก็มีพ่อที่รับมันมาเลี้ยงดู สำหรับเผือกแล้วพ่อของปูนคงเป็นยิ่งกว่าชีวิตของมัน



“ให้ตายเถอะ!! ทำอะไรไม่รู้จักคิด”คุณเปรมตบเข่าฉาดใหญ่ นัยน์ตาวาวโรจน์อย่างโมโหปนเปสงสาร ความปารถนาดีของมันเขายินดีจะรับไว้หากใช้ถูกวิธี



“ขอโทษครับคุณเปรม ผมขอโทษ ฮึกๆ ฮือๆ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ”น้ำเสียงสั่นเครือ ร่างผอมกะหร่องคลานเข้ามาคว้าชายกางเกงของเจ้านายไว้ด้วยความหวาดกลัว



“ผมขอโทษ ฮึก ฮือๆๆๆ”



สะเปะสะปะคลานเข่าไปหาคนนั้นทีคนนี้ที เรียวขาสวยกระตุกอย่างตกใจเมื่อไอ้เปรมถลาเข้ามาเกาะแน่น เนื่องจากวันนี้รินใส่กางเกงขาสั้นมา ส่วนของหน้าแข้งซึ่งถูกสวมกอดเอาไว้จึงสัมผัสกับใบหน้าสากๆจากไรหนวดของไอ้เปรมเต็มๆ



แก้มซึ่งเปรอะเปื้อนน้ำตาเปียกชื้นกระแซะสีขาเนียนไปมาอยู่นานสองนาน จนคนถูกกระทำเริ่มขนลุกซู่



ตอนแรกก็ว่าจะให้อภัยอยู่หรอก...



“ไอ้เผือก!!”รันตวาดเสียงกร้าว แทบจะโยนไม้เท้ามาฟาดกบาลไอ้คนร้ายไม่มีสำนึก ความหวงน้องชายช่างรุนแรงจนคนรอบข้างร้อนๆหนาวๆแต่นั่นก็ยังช้ากว่ามือแกร่งของใครบางคนที่เอื้อมมาคว้าแขนบางให้ซวนเซไปทางตน



ร่างโปร่งกระทบแผงอกแกร่งๆเบาๆ รินเงยหน้าขึ้นมองคฑาด้วยใบหน้าติดสีนิดๆหากมองไกลๆคงไม่เห็น แต่ชายหนุ่มมองมันในระยะประชิดขนาดนี้มีหรือจะหลุดรอดสายตาไปได้



“หัดระมัดระวังตัวบ้างสิ”เสียงทุ้มจงใจกระซิบข้างหู มุมปากประดับรอยยิ้มมากเล่ห์ จนคนถูกมองด้วยสายตาพราวระยับถึงกับทำอะไรไม่ถูกรีบถอยออกมาตั้งหลักก่อนจะไม่มีใครบางคนจับได้ถึงจังหวะหัวใจของเขาที่เต้นเร็วขึ้นกว่าเวลาปกติ



“แยกๆๆๆๆ แยกออกจากกันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”เสียงห้าวของรันดังโหวกเหวกเรียกสายตารำคานจากน้องชาย รินค้อนวงใหญ่ใส่การันต์ก่อนสะบัดหน้าเดินจูงมือพ่อกับพี่คฑาเดินหนีพี่ชายตัวเองกลับรถ



เมื่อไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็ขอโทษและล่ำลากันอยู่สักพักพ่อเทียนบอกว่าให้ยกโทษให้เด็กมันแต่คราวหลังก็สั่งสอนกันให้ดีจากนั้นก็เดินกลับมายังรถ ทว่าปูนซึ่งกำลังจะก้าวขาตามนายจ้างของตนไปนั้นกลับถูกมือของคนเป็นพ่อฉุดรั้งเอาไว้ก่อน



“ปูน”



ดวงตากลมโตสบกับแววตาเป็นห่วงของคนเป็นพ่อก่อนรอยยิ้มบางจะปรากฏที่มุมปาก ปูนใช้มือข้างที่ว่างดึงมือของพ่อออกก่อนพูดเสียงเรียบว่า



 “ขอโทษนะครับที่ผมโตมาเป็นแบบที่พ่อต้องการไม่ได้”พูดเพียงเท่านั้นก็หันหลังให้บิดา ปูนเดินตามทางมาเรื่อยๆตรงไปยังที่ที่จอดรถไว้สายตาทอดมองไปรอบตัวอย่างไร้จุดหมาย กวาดตามองรอบด้านราวกับกำลังเก็บบันทึกภาพของบ้านเอาไว้ในความ
ทรงจำ ก่อนจะถูกทักขึ้นอีกครั้ง



“พี่รัน?”คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ



"คิดดีแล้วเหรอ?”



“จะหนีออกจากบ้านอย่างงี้ตลอดไปรึไง"คำถามจากปากของชายหนุ่มดึงสติของปูนผู้กำลังลอยล่องอยู่ในห้วงคิดของตัวเอง เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเชิงถาม



"พอเก็บเงินไปเรียนมหาลัยจนจบแล้วไง? ทำงานเป็นวิศวกรอย่างมีความสุข ปล่อยพ่อไว้กับฟาร์ม?"คำถามนี้ปูนไม่อาจให้คำตอบได้จริงๆ ร่างโปร่งเก็บไปคิดในใจเงียบๆและในที่สุดก็กระหยิ่มยิ้มอย่างมั่นใจในคำตอบของตน ดวงตาคมโตส่องประกายวาบ



"ผมไม่รู้หรอกว่าอนาคตผมจะเลือกทางไหน แต่ถ้าผมจับเจ่าอยู่ที่นี่ชีวิตของผมก็จะมีเท่านี้ ความฝันของผมไม่ใช่การเรียนวิศวะ ผมไม่มีจิตวิญญาณมุ่งมั่นแบบพี่ ผมก็แค่อยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ ซึ่งอิสระของผมไม่ใช่การอยู่กับที่ แต่เป็นการก้าวไปข้างหน้า!!"



รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง รันหัวเราะสมเพชตัวเองเมื่อได้ฟังความรู้สึกของคนตรงหน้า



"ไอ้เปียกของพี่โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย"มือหนาลูบหัวทุยๆด้วยความเอ็นดู



"จะเดินไปข้างหน้าก็ได้ แต่ระวังหลงนะ ถ้าไม่รู้จะไผทางไหนก็กลับมาที่นี่ก็ได้ คนกันเอง"



เด็กหนุ่มยิ้มรับคำนั้นรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนซึ่งหาได้ยากยิ่งจากผู้ชายตรงหน้า จุดรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหลังจากซึมเศร้ามาตั้งแต่เมื่อวาน



บางครั้งบ้านนอกคอกวัวแห่งนี้ก็มีเรื่องราวดีดีเกิดขึ้นเสมอเพียงแค่เรารับรู้มันบ้างหรือปล่อยมันผ่านไปบ้างเป็นบางครั้ง พี่ชายข้างบ้านที่แสนกวนบาทาผู้ปรากฏตัวข้างเขาเสมอยามเกิดปัญหา น้ำใจที่รับรู้ได้ด้วยหัวใจดวงนี้แม้จะห่างกันก็จะไม่มีวันลืมเลย



“พี่รันก็พูดเรื่องดีๆกับเขาเป็นเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆ”



“หนอย!ไอ้เปียก คนเขาอุตส่าห์ซึ้งทำไมไม่เคลิ้ม!?”



หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [06/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่8
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-09-2015 22:17:32
จิ้มจึกๆ
รันจะคู่กะปูนมั้ยน้อ~ น่ารักดีอ่ะ
คฑาเดี๋ยวนี้แกอาการหนักนะ มีหึงด้วยอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [06/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่8
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-09-2015 16:20:13
พี่รันไม่น่าจะแค่ขู่เลยนะคะ เพราะเจ้าคนร้ายนั่นสมควรโดนสักตุ๊บสองตุ๊บเหมือนกัน โทษฐานที่มาลวนลามขาขาวๆ ของน้องริน (เกี่ยว?) :laugh:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [13/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่9
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 13-09-2015 21:30:19




บทที่ 9สัมผัส




หลังทานอาหารเสร็จรินก็รีบอาบน้ำเพื่อเข้านอนด้วยความเร็วแสง เขาพาตัวเองขึ้นไปกลิ้งตัวบนเตียงอย่างยินดี “ในที่สุดเรื่องราวทั้งหมดก็คลี่คลาย เย้!!! จบแล้ว ไม่มีงาน ไม่มีคดี ไม่มีคนร้าย ปิดเทอมที่เหลือมีแต่เที่ยวๆๆๆ”ร่างโปร่งกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนุ่มอย่างเริงร่า



“เดี๋ยวก็ตกหรอก”ชายหนุ่มที่เดินตามเข้ามาทีหลังมองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู



“พี่คฑา!! พรุ่งนี้เราไปเที่ยวไหนกันดี น้ำตกไหม?หรือภูเขา อ๊ะ วันอาทิตย์นี้จะมีงานวันนี่นา งั้นน้ำตกกับภูเขาเอาไว้อาทิตย์หน้าโน้นแล้วกันเนอะ”อย่างน้อยก็อยากเก็บเกี่ยวความสุขและอิสระแบบนี้เอาไว้ตราบนานเท่านาน...



“พี่...ต้องกลับไปทำงาน...”เสียงทุ้มติดขัด คฑาไม่อยากทำลายรอยยิ้มบนใบหน้าหวานด้วยถ้อยคำนี้เลย แต่มันเป็นความจริง



“...”



สุดท้ายก็เหลือเพียงเสียงแอร์ติดผนัง ไร้ซึ่งคำพูดใดๆหลุดลอดจากกลีบปากบางซึ่งเม้มเข้าหากันสนิท ความจริงที่รินพยามไม่นึกถึงมันมาโดยตลอด เวลาที่ต้องลาจากกันใกล้เข้ามาแล้ว



“เห้อ”ร่างโปร่งพลิกตัวคว่ำลงกับหมอน ฝังใบหน้าหมองๆเอาไว้กับปุยนุ่น สัมผัสได้ถึงเตียงที่ยุบลงจากน้ำหนักตัวของร่างสูงซึ่งทอดมองด้านหลังของเด็กหนุ่มด้วยแววตาอ่อนโยน...



“ริน”เสียงทุ้มดังขึ้นแผ่วเบา มือหนาเลื่อนไปลูบกลุ่มผมนุ่มเบามือ...



“อือออ...”เสียงครางงืมงำในลำคอ



“ริน เงยหน้าขึ้นมานี่ มาคุยกับพี่”



“ดะ เดี๋ยวอีก แปป นะ”ลมหายใจขาดช่วงจากร่างโปร่งเรียกความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายถาโถมเข้าสู่จิตใจของคฑา ชายหนุ่มพยามสอดมือเข้าไปใต้ร่างของคนที่นอนคว่ำอยู่เพื่อให้ขึ้นมาคุยกันดีๆ



“ร้องให้อยู่เหรอ?”



“ปะ...เปล่า ฮึก...”



“สะอื้นขนาดนี้ยังจะโกหกอีกนะ”



ชายหนุ่มรู้สึกเดือดร้อนกับท่าทางอมทุกข์ของเด็กหนุ่มไม่น้อย ใบหน้าที่มักประดับด้วยรอยยิ้มชวนหลงใหลเสมอเวลานี้...เวลาที่เขาต้องจากไปมันกลับแทนที่ด้วยความเสียใจแทน คฑาผู้ไม่อาจอ่านใจเด็กคนนี้ได้ทำได้เพียงลูบหัวอีกฝ่ายต่อไปอย่างปลอบ
ประโลม



ตั้งแต่ได้พบหน้ากันได้ผ่านอะไรหลายๆอย่าง ทั้งได้เรียนรู้การผ่อนคลายและการใส่ใจ



“สิ่งที่เรามอบให้พี่มันเหมือนกองไฟในหัวใจ มันทำให้รู้สึกร้อนรุ่มเกินไป แต่ก็ไม่กล้าดับมัน เพราะกลัวว่าตัวเองจะหนาวเย็นและมืดมิด”



“...!!...”ดวงเนตรใสชื้นน้ำตาเงยสบกับนัยน์ตาสีเดียวกับรัตติกาลซึ่งสั่นระริกราวกับไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินสิ่งที่ตนนั้นพูดออกมาเอง
ชายหนุ่มค้างมือไว้บนศีรษะของรินเพราะเขาไม่รู้จะเอาไปไว้ส่วนไหนดี...



ในยามที่ดวงตาถูกสะกดด้วยใบหน้าหวานอยู่ห่างไปไม่ถึงถึงฟุต ในยามที่กลิ่นหอมจากเส้นผมอันแสนคุ้นเคยกระทบปลายจมูกในยามตัวหัวใจถูกเปลวไฟโหมใส่จนแทบลุกไหม้...



แม้จะทำให้เงยหน้าขึ้นมาได้สำเร็จแต่ก็ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี



“เอ่อ...คือ...”คำพูดขาดตอนจากริมฝีปากของคุณทนายซึ่งไม่เคยหวั่นไหวแม้ต้องสู้ความต่อหน้าศาลในคดีที่ยากจะชนะจุดรอยยิ้มบนกลีบปากบางของคนบนเตียง มือเรียวค่อยๆปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตัวเองก่อนยันตัวลุกนั่งและเอ่ยปากชวนชายหนุ่มเสียงนุ่ม



“ออกไปเดินเล่นกันไหม”



โดยไม่รอฟังคำตอบเรียวขาสวยก็ก้าวลงจากเตียงเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อคลุมของพี่ชายมาสวมทับและเผื่อแผ่อีกตัวให้ร่างสูง รินในชุดนอนสีฟ้าใสจูงมือแกร่งให้เดินตามตนออกจากบ้านไปอย่างเงียบเชียบราวกับกลัวว่าจะมีคนเปิดประตูออกมาเจอแล้วก็ห้ามไว้



สายลมยามมืดพัดปะทะผิวกายร่างโปร่งยกมือลูบแขนด้วยความหนาว กลางความเงียบสุดลูกหูลูกตาของฟาร์มกานต์ “ดูท้องฟ้าสิ”เจ้าตัวยิ้มน้อยๆพลางเชิญชวนให้คนที่พามาด้วยเห็นในสิ่งที่ตนเห็น



ท้องฟ้ายามราตรีของต่างจังหวัด ที่ที่ห่างไกลจากแสงไฟ มีเพียงแสงเดือนและแสงดาวของธรรมชาติอันงดงาม สุกสกาวบนท้องฟ้า คฑามองสิ่งนั้นอยู่ครู่หนึ่งก็ถูกแรงดึงจากมือนุ่มที่ยังกอบกุมมือของตนเอาไว้



โดยไม่รู้ตัว ชายๆหนุ่มค่อยๆเลื่อนนิ้วของตัวเองสอดประสานกับเรียวนิ้วสวย



ทั้งสองคนเดินเคียงกันไปจนถึงใต้ต้นไม้ รินเป็นผ่ายหย่อนตัวลงนั่งก่อนจะลากคฑาให้ลงมานั่งข้างๆกัน



“ความโรแมนติกของบ้านนอกก็คือธรรมชาตินี่แหละเนอะ”รินว่าพลางปล่อยมือออกไปนั่งกอดเข่าของตัวเอง เจ้าชองมือซึ่งถูกทอดทิ้งมีสีหน้าเสียดายแบบไม่ปกปิด



 “ผมชอบที่นี่นะ ผมชอบพี่รัน ผมชอบลุงชัย ชอบป้าพร ชอบไอ้ปูน ชอบกลิ่นดิน ต้นหญ้า สายลม และคอกวัว มันเป็นอะไรที่ผมไม่อาจพบเจอได้เลยในเมืองหลวง...”เด็กหนุ่มเว้นจังหวะพูด”แล้วพี่หละ ชอบไหม?”



เนตรคอมเหม่อมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกชัดเจนในหัวใจ



แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ว่า...



“ชอบสิ ชอบมากๆเลย”เสียงทุ้มเอ่ย ตัวเขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าคำพูดของตนนั้นมีขึ้นเพื่อตอบคำถามของริน...หรือตอบคำถามของตัวเขาเอง



“ผมก็ชอบพี่นะ”



“!?”



“ชอบจนกลัวเลยว่าถ้าพี่กลับไปทำงานของพี่เมื่อไหร่ ผมจะเหงาขนาดไหน”



สิ่งเดียวที่เชื่อมเราเอาไว้คือปัญหาของฟาร์มนี้ คือน้ำใจที่ชายหนุ่มหยิบยื่นมาให้เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือเมื่อวันนั้น ความสัมพันธ์อันแสนเปราะบางของพวกเราจะสิ้นสุดลงในวินาทีที่ทุกอย่างคลี่คลาย...ซึ่งลางสังหรณ์มันร้องเตือนบอกว่าช่วงเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว...




“สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นแค่คนอื่น พอพ่อกลับมาผมถึงเข้าใจ พวกเรามันแค่คนอื่นที่พร้อมหายไปจากชีวิตของกันและกันทุกเมื่อ...”มือเรียวคว้าชายเสื้อชายหนุ่มเอาไว้หลวมๆเหมือนอย่างทุกครั้งที่อยากได้หรืออยากทำอะไรเด็กคนนี้มักจะทำแบบนี้เสมอ



ครั้งนี้ก็เหมือนกัน...



และตัวเขาก็เหมือนทุกที ไม่เคยปฏิเสธคำวิงวอนจากรินได้เลยสักครั้ง



มือแกร่งเอื้อมไปคว้าไหล่บางก่อนกระชับเข้ามาหาตัว คนโดนโอบเงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร



“พี่จะหายไปไหนได้ยังไง ถึงจะหมดเรื่องแล้วแต่ถ้าเราอยากเจอพี่ก็อยากเจอได้ทุกเมื่อนั่นแหละ”คำพูดของคนข้างตัวทำให้รินเม้มปากเงียบ



“แล้วพี่ไม่อยากเจอน้องบ้างเหรอ”จงใจแทนตัวว่าน้องเพราะไม่ต้องการห่างเหิน...เพราะไม่อยากกลายเป็นคนอื่นไปจริงๆ



“อยากเจอสิ พี่อยากอยู่กับน้องอย่างงี้ตลอดไปเลย”



รู้สึกเหมือนกำลังปลอบเด็กแต่ แต่ละถ้อยคำที่พูดออกมานั้นไม่ได้ผ่านสมองเลยแม้แต่คำเดียว...ทั้งหมดมันมาจากใจ...



รินไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าถ้อยคำแสนหวานของอีกฝ่ายมีความหมายเช่นไร มันเป็นเพียงคำปลอบโยนของคนใจดีที่ไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่ลำพังหรือเปล่า แต่หลังจากสิ้นคำนั้นรินก็ค่อยปรือตาขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วก็พบกับดวงตาสีดำขลับพราวระยับเหมือน
ท้องฟ้ายามนี้ไม่มีผิด



พวกเรานั่งเงียบไม่พูดอะไรกันอยู่สักพักก่อนคฑาจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนกลับห้อง รินพยักหน้าอย่างอ้อยอิ่ง แม้เด็กหนุ่มจะยังไม่รู้ว่าความรู้สึกขมุกขมัวอัดแน่นในใจของตนตอนนี้คืออะไรก็ตาม



ตากลมโตทอดมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำด้วยความสับสน



"นอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงชัยก็มาปลุกแต่เช้าอีก"เสียงทุ้มไล่ให้เขานอนหลับ นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ค่อยๆทิ้งตัวลงบนเตียง เขยิบที่ให้อีกฝ่ายก่อนทอดมองทุกจังหวะของคฑาอย่างเหม่อลอย



"บอกให้นอนไง หืม...ลืมตาแป๋วเชียวนะ"ชายหนุ่มลูบปอยผมนุ่มไปมา มือเรียวจึงเลื่อนมาคว้ามันไว้ก่อนจะกุมเอาไว้ทั้งแบบนั้นแล้วก็ปรือตาหลับ



ลมหายใจสม่ำเสมอของร่างโปร่งบ่งบอกว่าเจ้าตัวเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เนตรคมของคนที่สั่งให้เขานอนหลับแต่กลับนอนไม่หลับเสียเองพินิจใบหน้ามนซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ



ชายหนุ่มวางมือลงบนใบหน้าของคนหลับอย่างเผลอไผล ไล่ปลายนิ้วไปตามผิวแก้มเนียนละเอียดของอีกฝ่าย แม้ว่ามันจะไม่ได้นุ่มละมุนเหมือนของผู้หญิงแต่สัมผัสนั้นก็ทำให้รู้สึกดีจนต้องจุดรอยยิ้มเพราะสีหน้าไร้เดียงสายามหลับใหลชวนมอง



 กลิ่นหอมแสนคุ้นจากเส้นผมของอีกฝ่ายนั้นกำลังเตะจมูกจนเขาเสียจนอยากจะเข้าสัมผัสเน้นๆอีกสักที



เขารักผู้ชายคนนี้...



ในยามที่พระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า คฑาก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้อีกต่อไป



ชายหนุ่มค่อยๆโน้มใบหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย สิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้คงไม่ต่างอะไรกับการลักหลับ



คฑาหลับตาของตัวเองลงเมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ริมฝีปาก มันไม่ได้ละลาบละล้วงหรือร้อนแรงอะไรเพราะเขาเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา หากแต่มันหอมหวานเหมือนสัมผัสจากขนมสายไหมในงานวัดที่แสนนุ่มละมุนลิ้น....



เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาชายหนุ่มก็ผละตัวออกห่างอย่างอ้อยอิ่ง



"อย่างที่พี่รันบอกเลย...พี่คฑาหื่น"



ดวงตาพราวระยับของคนที่ควรจะจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราจับจ้องกลับมาชวนตกใจ ชายหนุ่มผงะตัวขึ้นนั่งด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
"!!!"



“พี่คฑา...”เจ้าของเสียงใสหยัดกายลุกขึ้นนั่ง รินเอื้อมมือไปแตะกับมือแกร่งแผ่วเบา”กอดหน่อย”ใบหน้าหวานขึ้นสีชมพูระเรื่อ ดวงตาทั้งสองมองสบกันอย่างสื่อความหมายราวกับมีแรงดึงดูด ใบหน้าของทั้งสองคนเคลื่อนเข้าชิดกันอีกครั้ง



ณ ยามนี้ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงของหัวใจที่เต้นรัว



พร้อมความร้อนชวนวูบไหว



“อือ...”เสียงหวานอื้ออึงในลำคอเมื่อเจ้าตัวเริ่มหายใจตามไม่ทัน คฑาจึงผละตัวออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก เสมองนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ซึ่งฉายแววไม่พอใจ



“เอาอีก...ได้ไหม”



อยากจะกัดลิ้นตัวเองหลังพูดเสร็จ รินสะอึกกับคำกล่าวของตน...ทำไมหละ!!? ทำไมเขาถึงอยากสัมผัสคนคนนี้ให้มากกว่านี้...
ร่างโปร่งถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในหัว แม้ในใจจะมีคำตอบรอพร้อมอยู่แล้วแต่กลับไม่กล้านำออกมาใช้



รัก



คำสั้นๆคำนี้เมื่อนำมาประกอบกับคนตรงหน้าแล้วมันให้ความรู้สึกประหลาด เหมือนมีผีเสื้อฝูงใหญ่บินฟุ้งอยู่ในท้อง



“ได้สิ”โดยไม่รอให้หาคำตอบได้ คฑาทาบทับริมฝีกปากของตนลงมาอีกครั้ง ร่างโปร่งบางสะดุ้งเฮือกเมื่อมือแกร่งเลื่อนเข้ามาสัมผัสแผ่นหลังภายใต้เสื้อนอนตัวบาง



สัมผัสร้อนลากไล้ไปทั่วแผ่นหลังอย่างแช่มช้าก่อนจะเคลื่อนมาด้านหน้า ปะป่ายไปตามหน้าท้องก่อนจะเคลื่อนคล้อยมาที่หน้าอก รินกำชายเสื้อของชายหนุ่มแน่นขณะกวัดเกี่ยวเรียวลิ้นหยอกล้อกับอีกฝ่าย



“อือ...พี่คฑา”ชายหนุ่มลูบศีรษะของเจ้าของเสียงคลอเคลียข้างใบหูอย่างอ่อนโยนกระชับกอดร่างโปร่งซึ่งฝังใบหน้ากับบ่าของตนด้วยความเขินอาย มือขาวยังคงกำเสื้อของเขาเสียแน่เรียกรอยยิ้มละมุนบนใบหน้าชายหนุ่ม



“ริน...พี่รักเรานะ”



ถ้อยคำไม่คาดฝันค่อยๆซึมซาบผ่านใจเด็กหนุ่มราวกับสายน้ำที่ไหลลงสู่ดินแดนอันแห่งเผือด นัยน์ตาในเป็นประกายด้วยความไม่คาดฝัน รินยันกายขึ้นนั่งหลังตรงจับจ้องใบหน้าของเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง



“จริงเหรอ...”



“จริงสิ จริง”แม้จะขวยเขินที่ต้องพูดเรื่องแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาแต่ทนายหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะเอื้อนเอ่ยมันให้ริน



“ผม ก็...รักพี่นะ”ยามพูดคำนี้ออกไปรินรู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรง ออกแรงเพียงเล็กน้อยร่างโปร่งก็นอนราบลงกับกับเตียง โน้มใบหน้าเข้าหาเพื่อคลอเคลียริมฝีปากของกันและกันอีกครั้ง



ดวงตากลมใสสั่นไหวด้วยแรงปารถนาในจิตใจช้อนมองร่างสูงผู้เล่นซนปลดเปลื้องกระดุมก่อนพรมสัมผัสไปทั่วผิวขาวละเอียดของตน มือเรียวยกขึ้นปิดกลั้นเสียงน่าอายไว้ ความรู้สึกประหลาดพุ่งพล่านเต็มตื้นไปหมด



รินปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบขบเม้มไปทั่วเรือนร่าง



“อื๊อ...”ร่างกายกระตุกเกร็งเมื่อเรียวนิ้วของอีกฝ่ายสอดเข้าไปใต้กางเกง มือเรียวจิกลงกับเตียงเพื่อระบายความรู้สึก



“ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัวนะ เจ็บก็บอกพี่”คฑาจุมพิตริมฝีปากแดงช้ำอีกหนึ่งครั้งหนักๆเพื่อปลอบประโลมเด็กหนุ่ม วงแขนแกร่งสอดใต้แผ่นหลังบางเพื่อกระชับกอดคนด้านล่าง



“อื้อ...”สองมือเรียวจิกไหล่ขยุ้มเสื้อนอนของร่างสูงไว้แน่น ความรู้สึกอึดอัดเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมแทรกสอดเข้ามาในร่างกาย ความรุ่มร้อนผสมปนเปกับความเจ็บปราบ คฑาพรมจูบทั่วใบหน้ามนเมื่อคลายความทรมาน



ไม่อยากให้ร้องไห้...ไม่อยากให้เจ็บ...



“พี่คฑา..อะ อา”เสียงหวานดังกระเส่า รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยได้รัยมาก่อนยามร่างสูงขยับตัว นัยน์ตาหวานฉ่ำปรือมองใบหน้าคมอย่างหลงใหล”อือ...แร ง อีก”



ชายหนุ่มกระตุกรอยยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดี ท่าทางเขินอายกลับเย้ายวนเสียจนเจ้าตัวไม่ต้องขอเขาก็ตั้งใจจะจัดให้อยู่แล้ว



“อ๊า...”บทเพลงรักเราร้อนและอ่อนหวานบรรเลงภายใต้แสงจันทร์ของค่ำคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เสียงหอบหายใจกับเสียงร้องครางดังประสานกันขับเคลื่อนอารมณ์พุ่งขึ้นสูงจนถึงขีดสุด อีกครั้งและอีก ยาวนานตราบเท่าที่บนฟ้ายังถักทอด้วยแสงดาว



.



.



เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นก่อนกระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงแดดซึ่งสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างโปร่งพลิกตัวหมายจะรู้ขึ้นแต่ความปวดหน่วงๆด้านหลังทำให้เรี่ยวแรงหายไปหมด รินนอนตะแคงมองกำแพงด้วยใบหน้าขึ้นสี ภาพเหตุการณ์เมื่อวานถูกนำมารีรันในหัว



“ตื่นแล้วเหรอ?”ขณะเดียวกับเสียงทุ้มที่ดังทักขึ้น รินพลิกตัวหันกลับไปมองตัวการของเรื่องซึ่งมองมาทางนี้และยิ้มให้อย่างอบอุ่น
รินเองก็ระบายยิ้มละไมกลับไปให้...เหมือนกับดีใจที่ตื่นข้นมาแล้วเจอกันและกันอยู่ข้างๆ



“อะ...รุณสวัสดิ์ฮะ วันนี้อากาศดีเนอะ”พูดจาเหมือนคนปัญญาอ่อน ห้องนอนนี้ปิดหน้าต่างเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเอาอะไรมาบอกว่าอากาศดี?



มือหนาเอื้อมมาลูบหัวคนอายุอ่อนกว่าก่อนจัดให้เขาทรง...สิ่งหนึ่งที่รินไม่รู้ก็คือผู้ชายคนนี้ชอบเล่นกับเส้นผมของเจ้าตัวขนาดไหนก่อนจะโน้มมาจูบหน้าผากมนอย่างเอ็นดู



“กี่โมงแล้วเหรอ”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ถามเปลี่ยนเรื่อง บรรยากาศหวานๆยามเช้าหลังจากผ่านพ้นค่ำคืนแบบนั้นมาไม่ค่อยเหมาะกับเขาเสียเท่าไหร่...ก็มันเขินนิ!



“สิบโมง”



คำตอบของคฑาสร้างความตื่นตะลึงให้แก่คนได้ยินไม่มากก็น้อย ร่างโปร่งลืมตัวผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจก่อนจะต้องตัวงอเพราะความเจ็บ”โอ๊ย เจ็บๆๆ แต่สายขนาดนี้แล้วยังไม่มีคนมาตามอีกเหรอ!?”เป็นไปไม่ได้ที่พี่รันคนนั้นจะไม่มาวอแวถามหาน้องชายสุดหวง



คฑานึกถึงใบหน้าคมคายของนายการันต์ผู้มาเคาะประตูห้องตั้งแต่หกโมง เจ็ดโมง และแปดโมง จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นไปเปิดประตูเพราะไม่อยากให้รินต้องตื่นมาเพราะเสียงน่ารำคานนั่น



“พี่บอกไปว่าเราป่วย”



ทาออกที่ดีที่สุดตอนนั้นไม่ใช่การพูดความจริงแต่เป็นการปัดไล่คนนอกออกไป ชายหนุ่มไม่สนเสียงโหวกเหวกของพี่เขย(?)ปิดประตูล็อคกลอนพร้อมกำชับว่าอย่าส่งเสียงดังเดี๋ยวรินตื่น เพียงเท่านี้คุณพี่ชายก็ยอมถอยทัพกลับไปแต่โดยดี



รินพยักหน้ารับคำอย่างโล่งใจและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง



“พี่ไม่ได้เจตนาจะโกหกนะ...พี่แค่คิดว่าเราควรเรียบเรียงเรื่องราวให้ดีกว่านี้ก่อนจะบอกคนอื่น”



ลองบอกว่าสิว่า...อ๋อ เมื่อคืนเรามีอะไรกัน หนักมากกว่าน้องคุณจะตื่นคงอีกนานครับ...เขาคงโดนจับถ่วงทะเลแม้แถวนี้จะไม่มีก็เถอะ



“อืม...ดีแล้วๆ พี่รันน่ารำคานจะตาย ไม่รู้แหละดีแล้ว”น้องตัวดีนินทาพี่ชายด้วยสีหน้าระรื่น หัวเราะคิกคักกับตัวเองเมื่อคิดได้ว่าไม่ควรบอกเรื่องนี้ให้พี่ชายรู้



ท่าทางน่ารักนั่นกระแทกตาคนมองอยู่เต็มๆ ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาฟัดแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยวอยู่นานสองนานพร้อมปิดท้ายด้วยการจุ๊บปากอีกหนึ่งที เมื่อพอใจแล้วก็ลุกขึ้นยืนหมายจะเดินออกจากห้องไป



“จะไปไหนเหรอ?”



“พี่ไม่ทิ้งเราเอาไว้อย่างงี้หรอกน่า เดี๋ยวไปหาอะไรให้กิน หิวแล้วไม่ใช่เหรอ”



ไม่นานเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง รินที่เกือบเข้าสู่ห้างนิทราไปอีกร้อยลืมตาขึ้นมาเมื่อจมูกได้กลิ่นหอมของข้าวต้มในมือของชายหนุ่ม



“ลุกไหวแล้วเหรอ หืม?”คฑานำถาดอาหารวางไว้ตรงหัวเตียง เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆรินผู้เห็นแก่กินจนลืมความเจ็บปวดทั้งมวล มือแกร่งเชยคางของร่างโปร่งขึ้นแล้วก็...จูบ



เมื่อแต่งแต้มสีดะระเรื่อบนใบหน้าหวานสำเร็จแล้วคฑาก็นำถาดอาหารมาวางไว้บนตัก”ข้าวต้มนี่ป้าพรเขาทำทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า อืดหมดแล้ว กินได้ไหม”รินพยักหน้าเป็นคำตอบ ยกมือขึ้นไปหมายจะหยิบช้อนแต่มันกลับถูกอีกขึ้นแย่งไปถือไว้



ทนายคนเก่งเป่าข้าวต้มร้อนๆป้อนมันให้ริน อากัปกิริยาแบบนั้นของเขาสร้างความเขินชั้นดี นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์งับข้าวต้มเข้าปาก ดวงสาเสมองผ้าปูที่นอนอย่างไม่กล้าสบตา



“พี่คฑาบ้า ดูแลมากไปป่ะ ไม่ได้เป็นคนป่วยสักหน่อย”เสียงอ้อมแอ้มในลำคอ แต่ก็งับข้าวต้มเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ย



“ไม่ได้เป็นคนป่วยแต่เป็นแฟนไง ก็ต้องดูแลสิ”



“!!!”



อ๊ากกกก รินจะไม่ทน



นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์คว้าหมอนข้างกายขึ้นมาแล้วก็ฝังหน้าตัวเองลงไปส่งเสียงอู้อี้อะไรก็ไม่ทราบ แต่พอเห็นใบหูแดงจัดนั่นแล้วก็พอจะเข้าใจ คฑาหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ



“พี่กินข้าวยัง”หลังควบคุมสติได้รินก็เอ่ยถาม



“ยัง”



“ไม่หิวเหรอ?”



“ถ้าตอบว่าอิ่มเอมใจจะโดนหาว่าเสี่ยวไหม”เสียงทุ้มถามล้อๆ เอาเข้าจริงเขาเองก็คิดว่าเช้าวันนี้ตัวเองจะทำตัวละมุนผิดวิสัยไปไม่ได้...คงเป็นเพราะคนตรงหน้านี้แหละ...



รินหัวเราะคิกคักกับคำตอบ เมื่อกินเสร็จเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็เก็บจาน”ลุกไปอาบน้ำไหวไหม ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน ค่อยๆเดินไปก็ได้”ร่างโปร่งพยักหน้ารับ หย่อนขาเปลือยเปล่าลงจากเตียงหมายจะลุกตามร่างสูงที่เปิดประตูรอออกไปแต่ก็ต้องร้องครางออกมา คราวนี้ไม่ใช่เพราะเจ็บ ความมันรู้สึกหวิวที่ท้องน้อยพิกล



เนตรคมเบือนออกจากผิวขาวเนียนซึ่งโผล่วับๆแวมๆออกมาจากผ้าห่ม เหตุผลเดียวที่เขาพารินไปเข้าห้องน้ำก็เพราะว่ามันจะไม่จบลงตรง ‘พาไป’หน่ะสิ



สุดท้ายคฑาก็ตัดใจเดินออกจากห้องไปก่อน รินที่รอให้เขาออกไปอย่างรู้งานก็เลิกผ้าห่มขึ้น ผ้าปูที่นอนสีอ่อนหลงเหลื่อร่องรอยจากเมื่อคืนเอาไว้เพียบ คราบสีขาวบนเตียงสร้างปัญหาใหม่ให้แก่เด็กหนุ่ม...จะแอบซักยังไงไม่ให้พี่รันรู้ดี?...



.



.



รินเดินกระย่องกระแย่งลงบันได้มาพบคฑากำลังพลิกอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขกก็เลยเดินเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง”พี่คฑา”



ร่างสูงหันตามเสียงเรียก เลิกคิ้วอย่างสงสัย



“เมื่อกี้มีคนโทรมา เขาบอกให้พี่รันเอาวัวไปให้เขาได้แล้ว...?”



ไม่รู้ว่าพี่รันไปคบค้าสมาคมกับไอ้คนเสียงยังกับโจรเรียกค่าไถ่อย่างนั้นได้อย่างไร รินหย่อนกายลงนังอย่างสงสัยพร้อมกับเสียงเปิดประตูบ้านดังปัง!! ร่างสูงของรันเดินอาดๆเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล



คนตายยากรีบกระโจนเข้าหาน้องชายบนโซฟ้าอย่างเป็นห่วง”ริน ไข้เป็นไงบ้าง!?”มือแกร่งแตะหน้าผาก



“เอ้อ...ก็ กินยาไปแล้วไข้เลยลด ตอนนี้เหลือแค่ปวดเมื่อยครับ”กรอกตาไปมาแบบมีพิรุธ แน่นอนว่ารันจับสังเกตไม่ได้ คฑาจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก



“เมื่อกี้มีคนโทรมาหาคุณครับ เห็นเขาบอกให้เอาวัวไปให้”เพื่อความปลอดภัยคฑาเลยเปลี่ยนประเด็น



 “หะ!? อ้อ ไอ้ขุน”



“ใครเหรอครับ?”รินถาม



“เพื่อนพี่เอง มันเป็นลูกเศรษฐีในเมือง รับหน้าที่จัดงานวัดปีนี้เพราะพ่อมันป่วยออดๆแอดๆ พอดีกับพี่อยากส่งวัวเข้าประกวดพอดีมันเลยใช้งานพี่รวบไปด้วย”



“ประกวดวัว?”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์เอียงคอสงสัย วัวเขามีส่งเข้าประกวดกันด้วยเหรอ? เทวีโคนมหรืออย่างไร?



“วัวกล้ามไง วัวกล้าม เขาเรียกว่าอะไรนะ เออ ช่างเหอะ เอาเป็นว่าพี่เลี้ยงวัวตัวผู้ไว้เป็นพ่อพันธุ์แล้วก็ฟิตหุ่นเอาไว้ประกวดวัวงาม ฮ่าๆๆ ไอ้ตัวนี้มันเจ๋งมากเลยนะรู้มั้ย วัวสาวๆกรี๊ดกร๊าดมันกันใหญ่ ปีนี้ต้องชนะแน่ๆ ฮ่าๆๆ”ตบเข่าดังฉาดภูมิอกภูมิใจกับสัตว์เลี้ยง
ประหลาดของตัวเองสุดๆ




รินสบตาคฑาปริบๆ เข้าไม่ถึงจริงจัง



ประกวดโคงาม!! โอ้จะบ้าตาย



หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [13/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... บทที่9
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 13-09-2015 22:17:19
พี่คฑากับน้องรินพัฒนาความสัมพันธ์กันได้รวดเร็วมากเลยนะค้าา :hao7:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 23-09-2015 21:29:43



บทที่10



และแล้วสุดสัปดาห์ก็มาถึง งานวัดยิ่งใหญ่ประจำอำเภอจัดขึ้นในวันนี้ พิธีเปิดมีตั้งแต่เที่ยงพี่รันผู้เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าภาพงานต้องไปช่วยคุมงานตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้วส่วนพ่อเทียนกับพ่อเปรมที่เป็นคนใหญ่คนโตก็ถูกเชิญไปร่วมพิธี ปูนซึ่งถูกรันบังคับให้ไปช่วยงานตอนแรกก็ดื้อหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมเพราะอยากเที่ยวงานวัดกับพี่รินก็ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุดเมื่อเขาเอ่ยปากไล่



ก็นะ...พี่คฑาบอกว่าหลังจากจบงานนี้แล้วเขาต้องไปสะสางงานของตัวเองให้เรียบร้อย ฉะนั้นวันนี้จะเป็นวันแรกและวันเดียวที่พวกเราได้เดทกัน...



แม้มันจะไม่ใช่การจากลาอย่างถาวรแต่ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้...



“อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ”คฑาเห็นบรรยากาศหม่นๆรอบตัวเขาเลยอดทักไม่ได้ รินหันไปยิ้มบางๆแทนคำว่าไม่เป็นไร



นาฬิกาข้อมือชี้บอกเวลาห้าโมงเย็น กว่าจะสะสางงานบัญชีจนเสร็จแล้วก็ขับรถฝ่าการจราจรอันติดขัดเหมือนอยู่ในกรุงเทพเข้ามาแล้วหาที่จอดรถได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ชายหนุ่มจอดรถกระบะสีขาวลายวัวจอดแนบข้างทางก่อนจะพากันลงมาจากรถ



พระอาทิตย์เริ่มลาแสง ทั้งสองคนเดินเข้าไปในทิศทางที่เสียงเพลงหมอลำอึกทึกครึกโครม โดยไม่ต้องถามทางใครเลย



ตัวงานจัดขึ้นที่ลานกว้าเอนกประสงค์แม้มันจะได้ชื่อว่างานวัดแต่ก็ไม่ได้จัดที่วัดแต่อย่างใด...



“คนเยอะจัง ผมชอบงานนี้มากเลยนะ ตอนเด็กๆไม่พลาดสักปี แต่พอย้ายตามแม่ออกไปแล้วก็ไม่ได้มาอีกเลย”เพราะเวลาปิดเทอมกับเวลาจัดงานมันไม่ตรงกัน การเลื่อนปิดมหาลัยตามAECจึงเป็นบุญคุณครั้งใหญ่ของสมาคมการค้าเสรีอาเชียน



“กินไหม?”คฑาเพยิดหน้าไปทางแผงน้ำแข็งไส



“เอาลูกชิดน้ำแดงครับ”แทบไม่ต้องคิด เด็กชอบของหวานตรงรี่เข้าไปสั่งป้าแม่ค้าทันที ป้าแกก็ไสน้ำแข็งยิ้มหวานให้คลาสสิกๆสุดๆ ในกรุงเทพไม่มีทางเจอร้านไหนเอาน้ำแข็งมาไสด้วยมือแบบนี้หรอกเห็นแต่พวกเอาเครื่องมือไม่ช่วย



จากนั้นป้าแกก็เติมลูกชิดเทน้ำแดงให้”เอานมข้นเยอะๆนะครับ”แถมราดนมให้หนำใจตามคำอีกขออีกต่างหาก มือเรียวรับมาก่อนคนที่มาด้วยกันจะจ่ายเงินให้อย่างรู้หน้าที่ พอตักคำแรกเข้าปากรสชาติของนมข้นหวานเต็มอัตราผสมกับน้ำแดงอย่างลงตัวสร้างความฟินสูงสุด



“อื้มมม อร่อยมากเลย อ่ะ”หันมาเผื่อแผ่คนข้างๆย่างมีน้ำใจ ป้อนกันไปมาระหว่างทางเดินเลยแผงลอยมาหลายร้าน ทำหน้ามีความสุขเหมือนเด็กลงสักสิบห้าปี



คฑาเกี่ยวข้อมือแล้วก็ลากเข้าไปในร้านขายโป้งเหน่ง ขนมแป้งกลมๆเสียบไม้ของโปรกของริน



“รู้ใจแฟนนะเนี่ย”กระซิบบอกข้างหูเหมือนกลัวลุงคนขายแอบได้ยิน



“มางานวัดทั้งทีพี่ก็ไม่คาดหวังให้เราไปไหว้พระสักการะเอาฤกษ์เอาชัยอะไรหรอก”คฑากล่าวล้อๆ ตรงกลางงานข้างๆเวทีมีพระพุทธรูปประจำวันเกิดและพระสงฆ์สวดมนต์อยู่ มีซุ้มให้ทำบุญบริจาค



“ว่าใคร กินเสร็จแล้วค่อยไปตะหาก”พูดไปทั้งที่น้ำแข็งยังเต็มปาก มือเรียวของคนตะกระเอื้อมไปหยิบโป้งเหน่งมาแบบไม่เจียม



“เต็มมือเลยนะ แล้วจะใช้อะไรตักน้ำแข็งไสหือ”พูดแล้วก็ทำหน้าที่แฟนที่ดีหยิบขนมโป้งเหน่งมาถือให้
เดินมาอีกสักพักก็เจอซุ้มโชว์นางเหงือก รินหยุดยืนมองป้ายหน้าซุ้มซึ่งเป็นผู้หญิงสวยขาวนมโตแล้วก็หลุดขำออกมา



“หัวเราะอะไร”



“ฮ่าๆๆ ก็นั่นไง นั่นหนะ ไม่เคยเห็นเขารีทวีตมากันเหรอ ที่ป้ายข้างหน้านางเงือกอย่างสวยแต่พอเข้าไปข้างในเจอแต่ป้าแก่ๆนอนอืดอยู่ในกะละมัง ฮ่าๆๆ”ดูเหมือนจะหัวเราะดังไปหน่อย เด็กเก็บตั๋วเลยหันมามองพวกเขาสองคนตาเขียวปั๊ด รินรีบตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน



ร่างโปร่งเลี่ยงๆออกไปอีกทาง ทิ้งถ้วยน้ำแข็งไสและไม้โป้งเหน่งลงถังขยะ



ถัดออกไปมีมอเตอร์ไซค์ไต่ถัง คนเบียดกันแน่นสุด รินพยามฝ่าคนเข้าไปดูอยู่พักหนึ่งก็ต้องเดินคอตกยกธงขางยอมแพ้ เสียงเพลงสตริงมันส์จากตรงนี้ดังตีกับเสียงเพลงลูกทุ่งบนเวทีตรงกลาง จากจุดนี้มองเห็นคนแก่รำเริงลืมฟันปลอมอยู่ชิดขอบเวที



เอ๊ะ...คนแก่คนนั้นหน้าคุ้นๆ



นั่นมันพ่อกับลุงเปรมนี่หว่า!!



“ผมว่าเราอย่าไปทางเวทีเลยเนอะ”รินคว้ามือคฑาไว้พร้อมออกแรงดึงให้เดินไปอีกทาง เป็นโอกาสดีของชายหนุ่มผู้รอให้มือเรียวว่างมานานแล้วอาศัยจังหวะนี้จูงมือกันเดิน



“ประกวดวัวงามจ้า ประกวดวัวงาม!!”



ฉับพลันเสียงโคตรจะคุ้นหูก็ดังกระแทกโสตประสาม รินหันมองหาต้นเสียง เจ้าปูนยืนบนเก้าอี้เม้าถือโทรโข่งอยู่หน้าคอกวัวขนาดใหญ่กว่าซุ้มมอเตอร์ไซค์ไต่ถังแถมคนที่มามุงยังเยอะที่สุดในบรรดาซุ้มทั้งหมด



“คนแถวนี้เขานิยมอะไรแบบนี้เหรอ”คฑาอดถามไม่ได้ เนตรคมมองเหล่าวัวตัวใหญ่ติดหมายเลขยืนเรียงกัน อีกด้านมีโต๊ะของกรรมการและโต๊ะรวมผลโหวตจากทางบ้านโดยวัดจากกองดอกกุหลาบ



วัวตัวไหนได้รับดอกกุหลาบเยอะสุดจะได้รางวัลขวัญใจมหาชนไป ส่วนกรรมการผู้ตัดสินตามหลักการจะเป็นคนเลือกรางวัลที่1 2และ3



แม้รางวัลที่1กับรางวัลขวัญใจมหาชนจะได้รับเงินพอๆกันแต่การได้ที่หนึ่งจากผู้รู้ย่อมดีกว่าที่หนึ่งของผู้ชม พี่รันผู้ได้ที่หนึ่งรางวัลขวัญใจมหาชนปีที่แล้วกล่าวอย่างเจ็บใจก่อนพาเจ้าสมันวัวหนุ่มกำยำขึ้นกระบะออกจากบ้านไปเมื่อวันก่อน



“วัวตัวนั้นมัน...”คฑามองเจ้าวัวตัวใหญ่ใบหน้าคุ้นเคย(?)ด้วยความเหลือเชื่อ...นั่นมันวัวตัวที่เขาขี่ฟีโน่สีชมพูล่อกลับคอกเมื่อตอนนั้นนี่!!



มิน่าถึงได้ตัวใหญ่กว่าวัวนมตัวอื่นๆ ที่แท้ก็ตัวผู้ฟิตกล้าม...



รินตั้งท่าจะเดินออกจากบริเวณนั้นเพราะกลัวไอ้ปูนจะเห็นเข้าแล้วติดร่างแหไปช่วยงานแต่คฑากลับจ้องเจ้าวัวตัวนั้นตาไม่กระพริบ



“เห้ย!! อย่าบอกนะว่าพี่ชอบแนวนี้”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ถามเสียงหลง



“เปล่าพี่ก็แค่อยากเชียร์วัวที่พี่ต้อนกลับโรงเรือนเองกับมือสักหน่อย”ชายหนุ่มให้เหตุผลฟังดูเข้าที



มือเรียวหลุดจากการกอบกุมคนเชียร์วัวเลยหันไปมองอย่างตกใจ”งอนเหรอ!?”



“เปล่า ผมแค่จะแวะไปซื้อน้ำอ้อยร้านนั้น พี่จะเอาไหม”เพราะคอแห้งเลยจะไปซื้อถามเฉยๆ



“พี่เอาด้วยแก้วหนึ่ง อ่ะ ร้อยหนึ่งพอไหม”รินมองแบงค์สีแดงในมือแกร่งด้วยสายตาหน่ายๆ



“ผมไม่ใช่ลูกชายพี่นะจะได้ให้เงินไปซื้อขนมแบบนี้”ว่าเสียงงอนๆสะบัดหน้าเดินหันหลังให้



“เดินดีๆระวังหลงนะ เจอคนแปลกหน้าเอาอมยิ้มมาล่อก็อย่าตามไป”โดนล้อไล่หลังเลยจัดค้อนวงใหญ่ให้สักรอบ เชอะ!



จะว่าไปเขาก็ตามคนแปลกหน้ามาจริงๆนี่เนอะ แถมยังชวนให้มาอยู่ด้วยกันอีก เห้ย!!นี่เรานอนกับคนแปลกหน้าเรอะ!!...นับเวลาอยู่ร่วมกันแล้วก็ไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ



อ๊ากกกก ไอ้ริน ไอ้บ้า เด็กแรด



ใบหน้าหวานขึ้นสีจัด สะบัดหน้าไปมาแรงๆทำเอายายขายน้ำมองงงๆ รินข่มความคิดอกุศลไว้แล้วสั่งน้ำกับยายแก่ที่ตักน้ำใส่แก้วมือสั่นงันงก คนเฒ่าคนแก่อย่างงี้ต้องมาทำงานขายของลูกหลานไปไหนกันหมดนะ



เสร็จแล้วก็ถือน้ำไปให้ชายหนุ่มผู้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกเดียวกับพี่รันเรียบร้อยแล้ว...



รินอยู่ว่างอยู่สักพักก็ขอตัวเดินมาซื้อน้ำตาลปั้น เดินฝ่าฝูงเด็กแก่นเข้ามาต่อคิว ลุงคนขายเห็นผมแล้วก็ยิ้มหน้าบานเชียว คงคิดว่าเด็กโข่งมาแล้วหละสิ เชอะ!



“ท่าทางไม่ใช่คนแถวนี้ มาเที่ยวเหรอไอ้หนุ่ม”เสียงหาบแห้งทักทายระหว่างรอ เพราะผมรินสั่งลายที่มันค่อนข้างอลังการลุงแกเลยต้องใช้เวลาในการประดิษฐ์ประดอย เห็นลูกค้านั่งยองๆอยู่หน้าหาบกลัวจะเหงาเลยชวนคุย



“หน้าผมมันไม่เหมือนคนแถวนี้ขนาดนั้นเลยเหรอ”ตอนพี่คฑาทักก็ทีนึงแล้ว “นี่ผมลูกฟาร์มแท้ๆเลยนะ!”



“บ๊ะ! ก็หน้าเอ็งมันเนียนใสซะขนาดนี้ ข้าก็คิดว่ามาจากกรุงเทพหน่ะสิ”ลุงกล่าว



“ก็มาจากกรุงเทพจริงๆนี่”



“อ้าว!! แล้วเมื่อกี้บอกว่าเป็นลูกฟาร์ม หลอกคนแก่เหรอ ฮึ”



“ก็เป็นลูกฟาร์มด้วยเหมือนกันฮะ”ยิ้มทะเล้นหลังแกล้งให้คนแก่งงอย่างมีความสุข ลุงแกเกาหัวแกรกๆแล้วก็เลิกให้ความสนใจเด็กติงต๊องปั้นน้ำตาลก้อนต่อ ไม่นานลุงแกก็ยื่นผลงานชิ้นเองมาให้เด็กหนุ่มที่มองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ



“อะไรอ่ะลุง”



“เอ้า ก็ที่เอ็งสั่งไง”นัยน์ตาสีนิลพราวระยับมองเจ้างูเขียวหางไหม้ซึ่งพันรอบไม้เสียบอย่างชั่งใจ



“ผมสั่งมังกร...”



“ก็นี่ไงเล่า! รับไปสิ”



“นี่มันงูเขียว”เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน



“ก็เอ็งอยากสั่งอะไรยากๆเอง”



“ก็มันมีในเมนูนี่!!”ก่อนจะมีเรื่องมีราวเสียงทุ้มก็ดังห้ามไว้ก่อน คฑารับน้ำตาลปั้นจากมือลุงมาพร้อมจ่ายเงินให้เสร็จสรรพจากนั้นก็พาเจ้าเด็กเรื่องมากออกจากร้านไป



“หายไปนานสองนานที่แท้ก็มานั่งทะเลาะกับคนขายน้ำตาลปั้น”เนตรคมมองเจ้าเด็กมีปัญหาด้วยแววตาขำๆ ความจริงเขามาตั้งแต่ตอนคุยเรื่องมาจากไหนกันแล้ว



ตอนนี้เริ่มมืดผู้คนเลยเริ่มเยอะ พ่อแม่พาลูกหลานมาเดินกันตรึม เพราะเบียดเสียดกลัวจะหลงก็เลยต้องจับมือกันไว้อย่างช่วยไม่ได้(เหรอ) รินแกะพลาสติกหุ้มออกก่อนเลียเจ้างูเขียวอย่างมีความสุข...อย่างแซวอยู่หรอกว่าถ้าอยากกินมังกรก็มาเลียของพี่ก็ได้แต่มันไม่เข้ากับคาแรคเตอร์ผู้ชายมาดนิ่งแต่แอบหื่นอย่างคฑาจึงเดินนิ่งๆต่อไป



“อ๊ะ ซุ้มเมียงู”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ชะงักฝีเท้า”ไม่เข้าไปนะ”ตีหน้าแหยงๆ เกลียดงูยิ่งกว่าจิ้งจก ตอนเห็นลุงปั้นมังกรเป็นงูถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเถียง



“ว่าแต่ เมื่อกี้พี่รันชนะรึป่าว?”



“ไม่รู้สิ พี่ออกมาก่อน”รินพยักหน้าหงึกๆ



‘หมับ’



“ลูกพี่!!”



ขณะเดินเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายกันอยู่นั่นเอง แขนแกร่งก็โดนมือปริศนาฉุดยื้อเอาไว้ เนตรคมตวัดทันทีที่นึกออกว่าเจ้าของเสียงดังกล่าวคือใคร ร่างท้วมหนาส่วนสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบปลายๆผิวขาวเหลืองตามประสาลูกคนจีนบวกกับตาตี่ๆมองมาอย่าง
ดีใจผสมตกใจ



“มีธุระอะไร”คฑาชักแขนกลับเอ่ยเสียงเย็นมองคนคนนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์



“ผม...ผมขอโทษพี่ พี่หายไปเลยผม สำนึกแล้ว พี่กลับมาเถอะนะ”นายอ้วนเสียงสั่นเสียงคลอนน้ำตาคลอยามถูกจ้องด้วยสายตาน่ากลัว



“ใครเหรอ”รินกระเถิบมากระซิบข้างหูร่างสูง



“ลูกน้องเก่า”



ดูเหมือนบทสนทนาดังกล่าวจะดังพอให้’ลูกน้องเก่า’ได้ยิน”พี่คฑา ให้โอกาสผมเถอะ จะให้ผมทำอะไรก็ยอม”



ลูกน้องเก่าคนนี้คือคนที่ทำร้ายพี่คฑาสินะ...รินนึกพลางพินิจใบหน้าซีดเผือกของร่างท้วมตรงหน้า พลันทนายหนุ่มก็เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า”ไปรอที่ลานจอดรถ ตรงนี้คนเยอะ”ชายหนุ่มเอ่ยปากไล่ เจ้าลูกน้องคนนั้นมีท่าทีอิดออดเพราะกลัวจะถูกหลอกให้รอเก้อแต่ก็โดนบรรยากาศกดดันจนต้องทำตามในที่สุด



คล้อยหลังอดีตลูกน้องคนนั้น มือแกร่งยกขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด สำหรับคฑาวันนี้ถือเป็นวันสำคัญมากๆวันหนึ่งเพราะเขาตั้งใจจะจากไปพรุ่งนี้



“แม้วันนี้จะไม่ใช่วันสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน แต่พี่ก็ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถพาเราเที่ยวจนจบงานได้”



รินเหลือบตามองแผ่นหลังกว้างอย่างใจหาย...เด็กหนุ่มเข้าใจคำพูดของเขาเป็นอย่างดี ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันอย่างอดกลั้นก่อนจะพยักหน้าลงด้วยความยากเย็น



”อืม”



“แต่ก่อนจะไป ช่วยบอกผมก่อนได้ไหมว่าเขากับพี่มีปัญหาอะไรกัน”ถ้ามันเป็นเรื่องร้ายแรงคงปล่อยให้ไปคนเดียวไม่ได้...
ใบหน้าของทนายหนุ่มฉายแววลำบากใจเมื่อถูกขอร้องให้เล่าถึงเจ้าลูกน้องตัวแสบ เสียงถอนหายใจดังยาวเหยียด”ลูกน้องพี่ มันชื่อกิต”



“มันทำงานเป็นเสมียนของพี่มาได้สามปีแล้วหรือก็คือตั้งแต่พี่เรียนจบนั่นแหละ”



“เมื่อเร็วๆนี้มีงานใหญ่ติดต่อเข้ามา มันเป็นเรื่องของฟาร์มข้าวโพดชื่อดังมีปัญหากับกลุ่มนายทุนท้องถิ่น เรียกอีกอย่างว่าเจ้าพ่อนั่นแหละ”



“ไม่รู้หรอกนะว่าโดนขู่หรือได้เงินใต้โต๊ะมา แต่ไอ้ขุนมันแอบขโมยหลักฐานกับเอกสารสำคัญของคดีไปให้ทนายของฝั่งโน้น พี่เริ่มเอะใจเลยลองสืบดูจนรู้วันเวลาและสถานที่นัดพบของพวกมัน พี่เลยแอบตามกิตไปเพื่อให้เห็นกับตา...”



“วันเวลาสถานที่ที่ว่าก็คือฟาร์มกานต์ในวันที่เราพบกัน?”รินย้อนถาม



“ใช่ พี่วู่วามเกินไปเลยถูกจับได้ ไอ้กิตกับลูกน้องของทนายฝ่ายนู้นตกใจมากจนขาดสติ วิ่งเข้ามาตีพี่ เฮ้อ...ถ้าตอนนั้นพูดกันดีดีก็จบไปแล้ว”ร่างสูงถอนหายใจพรืด



“ไปสิ ไปคุยกับเขา คราวนี้คุยกันให้ดีดีนะอย่าวู่วาม พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ค่อยกลับมาหาผม...”



“ไม่เป็นพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไร อีกกี่เดือนหรืออีกเป็นปีก็ได้...”



“ผมจะรอให้พี่กลับมาอย่างปลอดภัยเสมอ...รอให้คนที่ผมรักกลับมา”



คฑามองรอยยิ้มละไมบนใบหน้าหวานอย่างเจ็บปวด กำมือเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินคำว่าปลอดภัย...



ตัวเขารู้อยู่แก่ใจว่าอาชีพทนายไม่ใช่อาชีพที่เข้าใกล้คำว่าปลอดภัยแม้แต่น้อย ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับด้านมือขององค์กร รับรู้เรื่องการติดสินบน การยัดข้อหาและการจับแพะ...



ตลอดเส้นทางชีวิตทนายของเขาพยามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ข้องแวะกับเรื่องพวกนั้น



ความขาวสะอาดและความยุติธรรมย่อมแลกมากับความปลอดภัยที่น้อยลง...



“ได้สิ ได้ แล้วเจอกันนะ”ดูเหมือนชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายจะไม่มีความสำคัญต่อผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มทอดสายตาจับจ้องร่างโปร่งด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะโน้มตัวลงมาจุมพิตที่กลีบปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เนิบนาบและเนิ่นนาน ไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองมาอย่างตื่นตะลึง



หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 23-09-2015 21:37:14
จิ้ม
อ่านสองตอนรวด
จบแล้วจริงดิ?
รินเสร็จคฑาแล้ววว -.,-
หวานตลอดๆ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-09-2015 17:36:15
พี่คฑาต้องกลับมาหาน้องรินอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ :impress:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 26-09-2015 07:03:43
สนุกดีเหมือนอ่านการ์ตูน
ว่าแต่จบแล้วเหรอครับ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 26-09-2015 13:51:17
จบแบบแปลกๆเนอะ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-09-2015 22:01:51
 :pig4 :pig4:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-09-2015 23:01:35
จบจริง?
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: TrafalgarLAW ที่ 27-09-2015 17:13:30
 :katai5:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 27-09-2015 17:17:14



บทส่งท้าย



ชีวิตมหาลัยปีสี่ของคณะบริหารไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก ร่างโปร่งดีกรีอดีตเดือนคณะก้าวลงจากรถมินิคูเปอร์สีเหลืองสด เจ้าของใบหน้าหล่อปนหวานผู้ชนะผลการโหวตและครอบครองตำแหน่งผู้ชายที่หล่อที่สุดเมื่อตอนที่อยู่ปีหนึ่งเดินทอดน่องไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนที่ประจำใต้ต้นราชพฤษก์



นัยน์กลมใสมองเจ้าต้นไม่ซึ่งในฤดูร้อนจะออกดอกสีเหลืองสุดอันเป็นสีที่เขาชอบที่สุดแต่ในยามนี้มีเพียงใบสีเขียวๆด้วยสายต่อเหม่อลอย



“เหม่ออีกแล้ว!!”



พระเอกมิวสิควีดีโอถูกสมุดเล็คเชอร์ในมือเพื่อนสนิทตีเข้าดังป้าบ



“อยากเปลี่ยนคาแรคเตอร์รึไงมึง!?”



“อะไรวะไอ้มิว”นายน้อยแห่งฟาร์มกานต์ผู้กลับมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงมองเพื่อนสนิทนามมิวแบบงุนงง



“อ้าว ก็ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เดือนนึงนี่มึงเอาแต่นั่งเท้าคางชายตามองฟ้ามองดิน ยังกับคุณชายอมทุกข์”



หากพูดถึงริน อดีตเดือนคณะบริหารผู้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในนามของตัวแทนแห่งความสดใสและรอยยิ้มที่เปลี่ยนโลกของสาวน้อยสาวใหญ่สาวแท้สาวเทียมให้กลายเป็นสีชมพูดได้แล้วหละก็...ยามนี้คงมีแต่สีเทาหม่นๆไม่ก็สีฟ้าซีดๆหละมั้ง



“แล้วที่บ้านมึงเป็นไงบ้างวะ”



“ก็ที่ฟาร์มมีปัญหาไม่ใช่อ่อ”มิวหย่อนตัวลงนั่งพร้อมขยายความเมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเพื่อนสนิท



“อ่อ เรื่องนั้นคลี่คลายได้นานแล้ว”รินเพิ่งนึกออกว่าตนเคยโทรมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้เพื่อนรักฟังเมื่อตอนเหงาๆเพราะพี่คฑาไม่อยู่แล้ว...



แน่นอนว่าเรื่องที่ไม่มีเรื่องของทนายหนุ่มผู้ผ่านเข้ามาแล้วก็หายไปแบบไม่เหลือร่องรอยคนนั้น



“ฟาร์มกานต์ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย รับสมัครคนงานใหม่แถมเมื่อเร็วๆนี้ยังผ่านการคัดเลือกได้ทำงานร่วมกับบริษัทใหญ่อีก”นึกถึงคดีที่ไอ้เผือกก่อ ลุงเปรมเลยต้องแสดงความรับผิดชอบขอถอนตัวจากผู้สมัคร



“แล้วมึงเศร้าอะไรวะ?”



ในเมื่อทุกอย่างแฮปปี้เอนดิ้งแล้วทำไมเพื่อนรักถึงทำหน้าเหมือนคนอกหักอย่างนี้?



“เห้ย...หรือว่ามึง แอบชอบสาวฟาร์มข้างๆอยู่ พอเปิดเทอมไม่ได้เจอหน้าเขาเลยคิดถึงวะ”



สันนิษฐานได้ใกล้เคียง แต่เสียใจด้วยนะไม่ใช่สาวฟาร์มข้างๆหรอก



“เปล่า ก็แค่เป็นห่วงคนคนหนึ่งก็เท่านั้น”



“หา?”



“เขาเป็นทนายที่เข้าไปพัวพันคดียากๆของเจ้าพ่อในอำเภอบ้านกู เขาหายไปตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้วไม่ติดต่อมาเลย ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”พูดจบก็ถอนหายใจห่อเหี่ยว



“โดนเก็บไปแล้วมั้ง ดูท่า”มิวเพื่อนรักพูดให้กำลังใจ รินยกเท้าเตะหน้าแข่งคนนั่งข้างๆตาเขียวปัด



“พี่รินคร้าบ!!”ก่อนเสียงดังโหวกเหวกจะดังขึ้นแทรกสงครามมิตรภาพ มิวถึงกับเบือนหน้าหนีเพราะตลอดหนึ่งเดือนมานี้เจ้าเสียง
บ้าๆบวมๆดังหลอกหลอนเขาและรินไม่เว้นวัน ร่างโปร่งๆของปูนกระโดดล็อคคอนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์จากด้านหลัง



“โอ๊ยยย ไอ้ปูน ยืนดีๆ”



รินเลิกให้ความสนใจมิวแล้วหันไปตบตีกับเด็กแสบข้างบ้าน มิวหัวเราะหึหึกับภาพที่เห็น ก็มีเจ้าเด็กคนนี้แหละที่ทำให้โลกสีเทาหม่นของเพื่อนเขาพอมีสีสันขึ้นมาบ้าง



“คิดถึงพี่รินที่สุดในสามโลกเล้ย!!”



“ไม่ต้องเลย เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าไม่ใช่รึไง”รินดันหน้าเด็กเปียกที่เอามาถูๆสีๆแก้มตน



เรื่องบ้าๆที่ควบคุมไม่ได้อีกอย่างก็คือก่อนเปิดเทอมสามวันลุงเปรมมาที่บ้านพร้อมข้าวของกำนัลจำนวนมากยังกับจะไปเซ่นไหว้ศาลเจ้าไหน ซึ่งของทั้งหมดถูกกองแทบเท้ารินที่ยืนเงิบอยู่



ลุงเปรมแทบจะคุกเข่าขอร้องให้รินพาเจ้าปูนไปอาศัยที่คอนโดกับแม่ด้วยและช่วยดูแลมันระหว่างอยู่กรุงเทพ...



ผลสรุปก็คือตอนนี้คอนโดอันเงียบสงบของรินและแม่ได้มีเจ้าตัวป่วนเข้ามากวนประสาทเพิ่งหนึ่งหน่อ



“พี่รินกระดึ๊บๆ”



“กระดึ๊บ บ้าอะไร!? ไปไกลๆเลย”



“พี่รินไล่ผมเหรอ?”


“เออใช่ ไล่ ชิ่วๆ”



“ถ้าพี่รินรู้ว่าผมพาใครมาด้วยพี่รินจะปูพรมแดงต้อนรับผมอย่างดี”คำกล่าวของปูนเล่นเอามือเรียวซึ่งพยามงัดตัวป่วนออกจากชีวิตค้างเติ่ง



“ใคร?”เลิกคิ้วประหลาดใจ พ่อ? แม่? พี่รัน? พี่เรย์? ลุงชัย? ป้าพร? หรือว่า...ลูกแมวน้อย!!



รินมองเจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเคลือบแคลงใจ เขาลุกขึ้นเดินทอดน่องไปยังสถานที่ที่คนปริศนาคนนั้นรออยู่ด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นผิดจังหวะเมื่อความคาดหวังบางอย่างโลดแล่นเข้ามาในจิตใจ



เข็มนาฬิกาบอกเวลาเก้าโมงเช้า...



ใบหน้าหวานไม่ได้จากไปจากเมื่อครั้งปิดเทอมเท่าไหร่นักจะมีก็แต่สีผิวที่ขาวขึ้นหลังจากไม่ต้องทำงานออกแดด และทรงผมที่ถูกเล็มออกไปเพื่อความทะมัดทะแมง



ตึก ตึก ตึก



เสียงฝีเท้าผสานกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว



ณ ลานจอดรถของคณะวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก(เพราะคนส่วนใหญ่ในคณะนี้ไม่มีรถ)ใต้ต้นราชพฤกษ์สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสร้างร่มเงาให้แก่แขกผู้มาเยือน ชายหนุ่มรูบร่างสูงสมส่วนยืนหันหลังพิงต้นไม้ต้นนั้นอยู่



แค่เพียงแผ่นหลังก็จดจำได้



รอยยิ้มกว้างจุดระบายบนมุมปาก สองขารีบวิ่งไปหาคนคนั้นทันที



“พี่คฑา!!”



ร่างโปร่งในชุดนักศึกษาคว้าไหล่กว้างของเจ้าของชื่อด้วยสีหน้าซึ่งไม่ปกปิดความยินดีเอาไว้ รอยยิ้มกว้างกว่ายิ้มครั้งไหนๆที่ชายหนุ่มเคยพบเจอ กลิ่นหอมอ่อนๆจากแชมพูกลิ่นนมสดแสนคิดถึง



โดยไม่ได้นัดหมาย รินโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างโหยหาพร้อมกับที่คฑาอ้าแขนรอรับ กำชับกอดกันเสียแน่น



“พี่คฑางี่เง่า!!”ส่งเสียงอู้อี้ขณะใบหน้ายังซุกอยู่กับแผงอกเขา คนอยู่ดีดีก็โดนด่ารู้สึกมึนงง



“ว่าพี่ทำไม”



“หายไปเลย”



“ก็กลับมาแล้วนี่ไง”



“จะกลับเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกล่วงหน้าบ้างห๊า”



“ก็มันยุ่งๆ”



“จะเป็นจะตายที่ไหนก็ไม่ส่งข่าวมาเลย”



“ก็...คดีนี้ค่อนข้างซับซ้อน...”



“แค่ส่งข้อความมาว่าอยู่ดียังไม่โดนเก็บมันยากนักเหรอ”



“ก็...เอ่อ...พี่ขอโทษ”



“อะไรจะไม่มีเวลาขนาดนั้น ตอนนั่งขี้เนี่ย! ใครๆเขาก็เอามือถือเข้าไปนั่งเล่นทั้งนั้นแหละ”



“พี่ขอโทษ คือพี่...”



“คือพี่อะไร อย่าบอกนะว่าคือพี่ไม่ได้ขี้!?”



“หึหึ ฮ่ะๆๆ”



“หัวเราะอะไร”รินผละตัวออกจากอ้อมออด เงยหน้าขึ้นมามองคนหัวเราะไม่ถูกเวล่ำเวลาตาเขม็ง



“หัวเราะอะไรเนี่ย เวลาอย่างนี้เขาต้องซาบซึ้งไม่ใช่เหรอ ไม่ได้เจอหน้าคนรักตั้งนาน ต้องร้องไห้แล้วก็แลกจูบกันแบบดูดดื่มสิ อุ๊บส์!!”



ยังไม่ทันสิ้นคำคฑาก็จัดให้ตามคำขอ ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากบางก่อนแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกันอย่างกระหาย



“ชิส์ มาถึงก็จูบเลยนะ”



ไม่ได้ผลแหะ...คฑามองคนที่ยังงอนไม่เลิกอย่างจนปัญญา



“เป็นบอกเองไม่ใช่เหรอว่าต้องจูบหนะ หืม?”



“มันสายไปแล้ว เชอะ!!”



“เลิกงอนได้แล้วนะ?”ชายหนุ่มเอามือไปแตะแก้มคนขี้งอนให้หันมาสบตา แต่เจ้าตัวดีก็ไม่วายเสตามองไปทางอื่น



 “ม..ไม่ได้งอนนี่"ใบหน้าเริ่มขึ้นสี อา...อาการแบบนี้คือเขินสินะ



 “ยอมรึยัง?”



 “ยัง"



 “นี่พี่ง้อมานานแล้วนะเนี่ย"เสียงทุ้มกล่าวขำๆ แค่เห็นท่าทางก็รู้แล้วว่าออกไปทางอายมากกว่าโกรธ



 “ง้อต่อไปเลย  ห้ามหยุดด้วยนะ"รินหลุดยิ้มตอนพูด



“เด็กปากแข็งนี่ จะหลอกให้ง้อไปถึงเมื่อไหร่หา? ฮ่ะๆๆ”หัวเราะร่วนกับความสุขตรงหน้า ในที่สุดรินก็หลุดมาดแล้วก็หัวเราะตามไปด้วย



หัวเราะอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งคำพูดหรือการกระทำไม่มีอะไรชวนขำแม้แต่น้อย แต่คนสองตนใต้ต้นราชพฤกษ์ก็ยังกอดกันแน่นแล้วก็รอบยิ้มทั้งมุมปากและหัวใจ



รู้สึกพองโตเหมือนลูกโป่งที่สูบอากาศเข้าจนเต็มอีกครั้ง แต่มันไม่เปราะบางเหมือนกันหรอกรัก



รักนี้ของพวกเราไม่มีวันแตกสลายไปได้ง่ายๆ...



หมอกควันที่ลอยอยู่รายล้อมนายน้อยแห่งฟาร์มกานต์คลี่คลายออกไปพร้อมการกลับมาของใครบางคนที่เฝ้ารอ...



เรื่องของความรักอาจเริ่มต้นด้วยการพบเจอ ถูกเติมเต็มด้วยการอยู่ร่วมและ แต่มันไม่จำเป็นเลย...



ไม่จำเป็นเลยจริงๆ...



ที่จะจบลงด้วยการจากลา...




หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-09-2015 18:00:47
จิ้มจึกๆ
คู่นี้น่ารักกันจริงๆ เลย ^^
ขอบคุณค่ะ

ปล. อย่าลืมแก้วันที่นะคะ 555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 27-09-2015 18:21:29
น้องรินยังน่ารักได้เสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะ ^^ ปากบอกว่างอนพี่คฑาแต่ตัวนี่กอดพี่เขาเอาไว้แน่นไม่ปล่อยเลยเชียวล่ะ :-[

และแค่เพียงได้เจอ ได้รู้ ว่าพี่คฑาปลอดภัยกลับมาก็คือที่สุดของความรู้สึกทั้งหมดของน้องรินแล้วล่ะเน้อ~~ :heaven

ขอบคุณนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 02-11-2015 00:52:59
น้องรินน่ารักจัง อยากหยิกแก้มเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-11-2015 08:48:14
งุ้ยยยย อ่านรวดเดียวจบเลย
แต่ตกลงพี่รันลงเอยกับใครหว่า?
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 03-11-2015 02:57:33
แสดงว่าน้องปูนก็เป็นหนึ่งในผู้รู้เห็นเป็นใจ ถ้าโดนพี่รันสั่งเก็บคงโดนรวดล่ะสิ งานนี้ หรือพี่รันรู้อยู่แล้วนะ? 55555

น้องรินน่ารักมาก แต่ฟินสุดคือพี่คฑา 555555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 09-12-2015 22:40:52
 :-[
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 10-12-2015 00:58:47
 :o8:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-12-2015 03:52:54
น้องรินน่ารักดี ดูโก๊ะๆ สดใส ชอบที่บางทีน้องอ้อนพี่คฑา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 10-12-2015 18:49:43
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: archaeoloable ที่ 12-12-2015 12:19:19
 :-[ ]  ละมุนมากค่ะ ><
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 12-12-2015 14:10:42
แหมๆๆๆ หวานตลอด คู่นี้ อิอิ ขอคู่ให้น้องเปียกหน่อยสิ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 12-12-2015 18:48:53
อ่านรวดเดียวจบ สนุกๆๆๆมีเรื่องให้ติดตามลุ้นตลอด สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี เป็นอีกเรื่องนึงที่น่ารักและละมุน :กอด1: น่ารักๆๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 16-12-2015 16:18:08


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 19-12-2015 08:21:32
พี่อย่างงั้น น้องอย่างงี้ คนอ่านตาร้อนผ่าวๆ // น้องรินจ้ะ บอกพี่ที ใครเขาเล่นโทรศัพท์ตอนเข้าห้องน้ำบ้าง มัน..เอิ่ม..ยี้ ว้ากกก น้องรินอย่าเข้ามาใกล้พี่ เช็ดโทรศัพท์หรือยัง ออกไปนะ ชิ่วๆ 555
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 19-12-2015 22:47:37
 o13
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 15-02-2016 07:08:57
น้องรินแบ๊วๆดีนะ
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 28-03-2016 23:31:14
จบแบบหวานๆ อิอิ ฟินค่ะ   :-[
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 27-07-2016 09:15:48
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 27-07-2016 14:15:14
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 05-09-2016 00:04:42
น่าร๊ากกกก อ่านรวดเดียวเลย

ตามมาจาก38องศา จะตามอ่านให้ครบเยย
  :L2:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 27-02-2019 08:55:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (۶•̀ᴗ•́)۶ [23/09/15] อาณาจักรทุ่งหญ้า กับ เจ้าชายโคนม .... จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 27-02-2019 17:13:12
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: