Yours&Mine :: EP.12 [100%]“เขารู้หมดแหละ เพราะฉันบอกเอง และเขาก็อนุญาต”
“ฮะ?!” ผมกลับมาอ้าปากค้างอีกครั้ง มองแซ็คด้วยความตะลึง และรู้สึกตะลึงไปถึงผู้ชายคนนั้นของแซ็คด้วย
“เขาเป็นแฟนคุณ คุณเป็นแฟนเขาใช่มั้ยอะ” ผมถามเสียงเบา แต่ไม่หวิว ด้วยความสงสัย อีกความรู้สึกคือทึ่งปนแปลกใจจนระดับเสียงลดลงมาเอง เอาแบบนี้ดีกว่า กราฟความรู้สึกอยากเสือกพุ่งสูงมากตอนนี้
แซ็คยักไหล่สองข้างท่าทางสบายๆ “เรายังไม่ได้คบกันเป็นคู่แบบนายกับวิคเตอร์หรอก”
“อ้อ…” ผมรู้สึกโล่งใจ แต่แปบเดียวก็ขมวดคิ้ว “…แต่คุณบอกว่าคุณรักเขานี่นา แล้วทำไมถึง…”
“…ถึงมีอะไรกับคนอื่นน่ะเหรอ” ผมพยักหน้ารัวๆ แซ็คระบายยิ้มอ่อนบนใบหน้า
“ทำเซ็ทที่สามให้ครบก่อน” โอ้โห รีบเลย ผมยกมือขึ้นจับแฮนด์ของเครื่องออกกำลังกายส่วนอกอย่างไว พยายามเบรกความรีบร้อนในการทำให้เสร็จเร็วๆ ของตัวเอง เพราะไม่งั้นเดี๋ยวแซ็คให้เริ่มใหม่ เขายืนยิ้มขำที่เห็นผมรีบออกกำลังกายให้เสร็จเพราะอยากฟังเขาเล่าต่อ
“ครบแล้วครับ!” ผมบอกอย่างไว แซ็คกระดิกนิ้วให้ผมลุกขึ้นเดินตามไปที่เครื่องออกกำลังกายอันใหม่ ผมนั่งลงบนเบาะของเครื่องออกกำลังส่วนสะบักหลัง
“เขาอยู่กับฉันตั้งแต่สมัยที่ฉันยังทำงานในวงการหนังผู้ใหญ่ เขาเห็นฉันร่วมเพศกับผู้หญิงจนคุ้นเคย แต่กว่าจะคุ้นเคย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย…” โอ๊ะตายละ ยิ่งพูดยิ่งน่าสนใจใคร่รู้ชวนเอาใจใส่ต่อเรื่องราวของเขามาก
“…และนั่นมันเลยส่งผลมาจนถึงตอนนี้ ทำให้เราไม่ได้คบกันจริงจังสักที”
“แล้วคุณอยากคบกับเขามั้ย” แซ็คย่นจมูก แยกเขี้ยว ยักคิ้วหนึ่งที แล้วยักไหล่ แต่รวมๆ ผมแปลเอาเองว่ามันน่าจะแปลประมาณว่า แหงอยู่แล้ว ส่วนผมทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่รู้ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองแปลหรือไม่เข้าใจกับความสัมพันธ์ของแซ็ค
“ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ เริ่มต้น ดำเนิน และจบลงแตกต่างกันออกไป อย่างของฉันก็…” แซ็คปั่นมือขวาในอากาศ เหมือนกำลังนึกถึงประโยคของตัวเองที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วยิ้มขำน้อยๆ ก่อนจะส่ายหัวหน่อยๆ มันคงหาคำจัดความยากน่าดูสินะ
“…หมอนั่นเป็นคนมีความคิดแปลกๆ หน่อย อย่างเรื่องที่ฉันนอนกับผู้หญิงคนอื่นเขาจะเฉยๆ แต่เขาไม่ชอบให้ฉันยุ่งกับผู้ชายคนอื่น นอกจากเขาคนเดียว หมายถึงแบบที่ฉันยุ่งกับผู้หญิงน่ะ” เออ แปลกจริง เฮ่ย เป็นมุมมองที่เก๋…. เหรอวะ?
“แล้ว… แล้ว… แล้วคุณจะคบกับเขามั้ย แบบคุณเองก็อยากคบ แต่จะคบกับเขาจริงๆ ใช่มั้ยอะ” แซ็คสูดลมหายใจเขาปอดลึกๆ แล้วพ่นออกมายาวๆ
“มันต้องมีวันนั้นแหละแมท แค่ฉันไม่รู้ว่าจะวันไหน”
“เขาไม่เสียใจจริงๆ เหรอที่คุณทำแบบนั้น” แซ็คหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะแค่นยิ้ม คราวนี้เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่ขำขันหรือสนุสกนาน มันเป็นรอยยิ้มแห่งความเจ็บปวด
โห อีแมท มึงมองทะลุมาก มองอะไรได้ขาดขนาดนั้นอะ
“เพราะเขาเสียใจ วันนี้เขาเลยไม่เสียใจ และฉันกลัวว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเหลือเกิน” จากที่ขำๆ ขันๆ ตลกๆ ทำไมมันดาวน์ลงมาแบบนี้ไปได้ล่ะ ผมเห็นแววตาวิตกกังวลของแซ็คแล้วก็รู้สึกไม่ดี
“ก็… งั้นก็คุณก็ต้องทำให้เขามั่นใจสิว่าเขาจะเป็นคนเดียวของคุณ คุณต้องรีบกู้ความรู้สึกคืนมา อย่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป” แล้วแซ็คก็ยิ้ม คราวนี้เขายิ้มกริ่มจนผมขมวดคิ้วงง
“บอกตัวเองแบบนี้แบบที่บอกกับฉันด้วยนะ…” ผมคลายคิ้วออก กะพริบตาปริบๆ “…อย่าปล่อยให้มันเป็นแบบที่มันกำลังเป็นอยู่”
สาบบานจริงๆ นะว่าแซ็คไม่ได้รู้เรื่องสถานการณ์ของผมกับวิคเตอร์ตอนนี้เลย และเขาก็แค่พูดธรรมดาๆ ไม่ได้เปิดคลาสปรัชญาใดๆ ด้วย
“นายกับวิคเตอร์เป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้ฉันไม่ยอมแพ้ที่จะเอาหมอนั่นกลับมาหาฉัน…” แซ็คยิ้ม หยิบมือถือขึ้นมากดเปิดอะไรสักอย่างอยู่แปบนึงแล้วก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
“…พวกนายเป็นไอดอลฉัน ฉะนั้นไอดอลต้องเป็นแบบอย่างที่ดีรู้รึเปล่า” ผมยิ้มกว้างด้วยความตลกก่อนจะก้มลงมองภาพในมือถือ เป็นภาพของแซ็คกับผู้ชายเอเชียคนหนึ่ง ผิวขาวสว่างมาก ใบหน้าเรียวคมสมส่วน จะบอกว่าสวยก็ไม่ขนาดนั้น แต่หน้าก็ละมุนมากเลย ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อยืดสีขาว ด้านล่างเปลือยเปล่าเห็นก้นขาวงอนเด้ง ยืนอยู่ในอ้อมกอดแซ็คที่ท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์หุ่นล่ำที่ยังไม่บึ้กมากเท่าปัจจุบัน ท่อนล่างเป็นกางเกงว่ายน้ำสีเขียวทรงสามเหลี่ยมรัดติ้วสุดแซ่บ โอ้ว เอ่อ สติ ส่วนหน้าผากของผู้ชายคนนั้นซบกับสันกรามใบหน้าหล่อของแซ็ค ยิ้มกว้างให้กับกล้อง ฉากหลังของทั้งสองคนคือทะเล
“เป็นรูปแรกที่เราถ่ายคู่กัน ส่วนทุกวันนี้เราไม่มีรูปคู่กันเลย” แซ็คว่าขำๆ ไม่ได้ดูซีเรียสหรือดราม่า
“เขาน่ารักนะครับ” แซ็คกลอกตา หน้าเซ็ง ส่ายหัวเบาๆ
“ตอนนี้น่ารักกว่าเดิม ดึงดูดตัวผู้เข้าหาได้เยอะเชียวละ” เขายิ้มเยาะ แต่สีหน้ามีแววไม่พอใจ ผมยิ้มขำ
“เขาชื่ออะไรเหรอ”
“ไอติม” ผมยิ้มกว้างกับชื่อนั้น
“ชื่อก็น่ารัก”
“ใช่ ฉันชอบกินไอติมมากเลยละ” แซ็คยิ้มกรุ้มกริ่ม ยักคิ้วหนึ่งที ผมห่อไหล่ด้วยความเขิน ยิ้มกว้างด้วยความอาย ก่อนจะส่งเสียงกรี๊ดในลำคอเบาๆ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา
“เอาล่ะ ออกกำลังกายต่อ เดี๋ยววิคเตอร์จะหาว่าฉันเอาเวลามาจีบนายอีก” ผมหัวเราะเบาๆ พยักหน้าหงึกๆ แล้วเริ่มออกกำลังกายต่อจากที่ค้างเอาไว้
คุยกับแซ็คแล้วรีบอยากกลับไปคุยกับวิคเตอร์เลย เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมกับไอ้ยักษ์เงียบใส่กันนานขนาดนี้ สามวันแห่งความสงบ ไม่สนุกเท่าไหร่เลยแฮะ
ผมออกกำลังกายเสร็จก็เกือบบ่าย แซ็คเทรนให้ผมสองชั่วโมง เวลาที่เหลือผมก็ไปวิ่งแล้วก็เต้นซุมบ่า อโลฮ่ามาก สนุกมากคลาสนี้ ได้เต้นแล้วก็รู้สึกปลดปล่อยดี ปล่อยความคิดไปกับเสียงเพลงและท่าเต้นที่แสนจะริมทะเล ผมเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ออกมาเปลี่ยนชุดตรงโซนล็อคเกอร์ ไม่มีสายเรียกเข้าจากไอ้ยักษ์หรือออสติน หน็อย เงียบทั้งนายทั้งลูกน้องเลยนะ รวมหัวกันบอยค็อทผมล่ะสิ
“ไว้เจอกันนะครับแซ็ค” ผมโบกมือให้แซ็คตรงเค้าน์เตอร์รับลูกค้าที่เขากำลังยืนอยู่กับแม่สาวผมยาวสีทอง หน้าท้องเป็นกล้ามสวยงาม เธอยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แซ็คทำท่าตะเบ๊ะตอบกลับมา ผมเดินออกจากตึกฟิตเนสไปขึ้นอูเบอร์ที่เรียกไว้ก่อนหน้านี้ ได้รถสีดำทั้งขาไปขากลับเลยแฮะ
“Could you drop me at supermarket and wait me for a half an hour? (เดี๋ยวจอดรอผมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตซักครึ่งชั่วโมงได้มั้ยครับ)” คนขับที่เป็นผู้ชายผมขาว แต่หน้าตาไม่ได้ดูแก่เลยพยักหน้ารับ ไม่รับได้ไงล่ะ จอดรอก็ได้ตังค์เพิ่ม
ระหว่างทางผมนั่งอ่านแชทของเพื่อนๆ ในกลุ่มไลน์ แจ้งเตือนเป็นร้อยเฉพาะกลุ่มเดียว ผมไล่อ่านแบบคร่าวๆ ไอ้วอร์มส่งรูปอีแชมป์กับเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มคนนึงมาในกลุ่ม เป็นภาพที่ไอ้ตี๋ขาวกำลังกอดเอวเด็กคนนั้นในผับแล้วกำลังก้มคุยกับน้องเขา ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ยิ้มงงๆ นิดหน่อย
(อีแชมป์ไม่เห็นเล่าให้ฟังมั่งอะ)ผมพิมพ์ข้อความเข้าไปในกลุ่ม เงียบไปสักพัก อีแชมป์ที่ไม่ได้ตอบอะไรก่อนหน้านี้ โยนประเด็นมาให้ผมรับแทนทันที จากที่ตัวมันกำลังเป็นประเด็น มันเล่นผมแทนแล้ว
(มึงไม่ต้องเลย กูโทรไปไม่รับ บางทีรับก็รีบวางสาย ไอ้ห่า เวลามึงกับของกูเหมือนกันมั้ย ก็ไม่ ไลน์ก็ชอบดอง ในกลุ่มคุยกัน มีวันเนี้ยแหละที่มึงมาพิมพ์ตอบ ไหน บอกมาดิ๊ว่ามึงจะอยู่แต่กับผัวใช่มั้ย)(อ้าว อีห่า กูทำงานโว้ย ไม่ได้ติดผัวนะ)(เออ งั้นสมแล้วที่ผัวมึงจะโกรธ)(อะไร วิคเตอร์คุยกับมึงเหรอ)(ถ้าแอบเป็นชู้กับกูได้ มันคงทำไปละ กูโทรไปหาผัวมึงเพราะมึงไม่รับสาย เขาเลยระบายให้กูฟัง)ผมจิ๊ปาก ย่นคิ้วใส่หน้าจอโทรศัพท์ อะไรกันนี่ อะไรกันหนอ แต่ดูท่าจะมีแต่อีแชมป์ที่รู้เรื่อง เพราะคนอื่นๆ ถามกันมาใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าพวกมันไม่นอนกันเหรอ แต่พอนึกวันได้ก็เลยไม่แปลกใจ วันหยุดมัน จะนอนตีห้ามันก็ทำกันได้ ผมเห็นเพื่อนๆ รุมถาม รุมคุยเรื่องของผมแทนเรื่องไอ้แชมป์เยอะเกินเลยแกล้งทำมึนไม่ตอบ ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นความสำคัญของเพื่อน แต่ผมแค่คิดว่า เวลาเราดราม่า เราจะเล่าอะไรได้มากมายเพื่อเป็นการระบาย แต่พอเราดีกันแล้วล่ะ เรามักไม่ค่อยอัพเดตหรอก แต่ถ้าสักพักเราดราม่าอีก เราก็เล่าอีก พอดีกันเล่าก็ไม่เล่าอีก มันเป็นการซ้ำซ้อน ผมว่าวันนึงเพื่อนจะเบื่อและเริ่มรู้สึกว่า ปล่อยมัน มันก็เป็นแบบนี้
อูเบอร์จอดหน้าซูเปอร์มาร์เก็ต Morton Williams ที่อยู่ในแมนแฮตตัน ผมรีบเดินเข้าไปด้านใน พุ่งดิ่งไปตรงของสด ระหว่างทางผมลิสต์มาในหัวแล้วว่าอยากได้อะไรบ้าง เลยหยิบลงตะกร้าได้อย่างง่ายดาย ปกติจะต้องมีออสตินไม่ก็วิคเตอร์ในชุดปกติแบบที่ไม่กลัวปาปาราซซี่มาช่วยถือ มีภาพแอบถ่ายเราสองคนในซูเปอร์มาร์เก็ตไปสามเซ็ทแล้วมั้ง ผมไม่มีโอกาสได้พูดอยู่แล้ว แต่ครั้งนึงวิคเตอร์เคยตอบสื่อไปว่า พาน้องชายไปซื้อกับข้าวมันผิดด้วยเหรอ ทีตอนเขาออกไปกับน้องสาว (ไวโอล่า) ที่อังกฤษไม่เห็นมีคนถ่ายมาบ้าง
“Thank you.” ผมกล่าวขอบคุณพนักงานคิดเงินหลังจากจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อย ผมถือถุงพลาสติกกลับไปที่รถ ใช้เวลาไปแค่สิบห้านาทีน้อยกว่าที่บอกเขาไว้ คนขับรถออกรถไปตามเส้นทางในเมืองใหญ่ ตอนนี้บ่ายสามแล้ว วิคเตอร์น่าจะตื่นแล้วละมั้ง
แต่ครั้งนี้ไอ้ยักษ์มันเล่นงี้เลยเนอะ เงียบ เมิน ไม่ใส่ใจจริงจัง ไม่โทรจิก ไม่โทรตาม นี่ถ้าผมโดนไอ้ฌอนดักตีหัว กว่าจะรู้ตัวผมคงนอนอยู่โรงพยาบาลแล้วมั้ง ไอ้ยักษ์เวอร์ชั่นโกรธแบบสงครามเงียบแบบนี้เพิ่งเคยเจอเหมือนกัน
“Have a good day.” ผมบอกคนขับอูเบอร์ตอนที่เขามาจอดตรงหน้าบ้านและจัดการให้เขาตัดค่าโดยสารจากบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว ผมแบกของทุกอย่างลงจากรถ รถวิคเตอร์ไม่อยู่ไม่รู้ไปไหน ผมมองที่จอดรถอันว่างเปล่าด้วยความสงสัยแปบหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นบันไดหน้าบ้าน วางของลงข้างนึง ล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วไขประตูบ้านเข้าไป ด้านในเงียบสงบ ผมใช้เท้าปิดประตู เอาของไปวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน อาหารที่ผมทำให้ไว้เมื่อเช้าหายไป จานวางอยู่ในอ่างล้างจาน ผมกำลังจะเดินไปดูในห้องโถง แต่ไมเคิลก็เดินเตาะแตะๆ ออกมาหาผมก่อน
“เฮ้” เจ้าโกลเด้นท์ตัวจ้ำม่ำ โบกหางไปมา นั่งสองขาให้ผมลูบหัว ผมหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาวิคเตอร์ แต่เป็นครั้งที่สองของวันที่เขาไม่รับสาย ผมเลยโทรหาออสตินแทน สัญญาณดังแค่สองครั้งเขาก็กดรับสาย
[คุณเรย์มอนด์มาเตรียมตัวไปงานเลี้ยงครับ]
“โอ้ว เอ่อ ต้องไปตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ” ยังไม่ทันสี่โมงเย็นเลย พระอาทิตย์ยังไม่เริ่มตกเลยสักนิด
[ชุดออกงานวันนี้เป็นของสปอนเซอร์ เขาเลยต้องมาลองก่อน คุณเอมิลี่ก็มาครับ] ได้ยินชื่อเอมิลี่ผมก็เบาใจ แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจเรื่องอาหารเย็น
“ผมโทรไปแล้วเขาไม่รับ คุณถามเขาให้หน่อยแล้วกันว่าจะกินอะไรมั้ย หรืออยากจะอิ่มมากจากที่งานเลี้ยงเลย”
[เดี๋ยวถ้าเขาออกมาแล้ว ผมจะถามให้ครับ] ผมกล่าวขอบคุณสั้นๆ กับออสตินแล้ววางสายไป หันไปมองของสลับกับมองไมเคิลที่นั่งลิ้นห้อย
“ทำไว้ก่อนก็แล้วกันเนอะ” ผมไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นยังไง แต่ผมก็คิดว่าเตรียมไว้ก็แล้วกัน เหมือนที่แม่บอก จะโกรธ จะงอนกันยังไงแต่ไม่ควรละเลยมื้ออาหาร
‘เขาบอกว่าแล้วแต่คุณแมท’ นั่นคือข้อความที่ออสตินส่งมาบอกในระหว่างที่ผมกำลังทำอาหาร ตอนนั้นผมคิดว่าก็ไม่ศูนย์เปล่าแล้วละที่ทำไว้ กลับมาเขาคงกิน แต่ตั้งแต่บ่ายสามตอนนั้น จนตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว วิคเตอร์ยังไม่กลับบ้าน ผมเลยคิดว่าเขาคงไม่น่าจะหิว งานเลี้ยงคงมีอาหารเยอะแยะ (ซึ่งผมยังไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นงานเลี้ยงอะไร) เขาคงกินจนอิ่มแล้วละมั้ง ผมเลยได้แต่ยืนมองจานอาหารที่ซีนพลาสติกไว้ด้วยความเซ็ง ไว้อุ่นพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน
“ไปนอนกันเถอะไมเคิล” ผมปิดไฟในครัว เปิดไฟตรงมุมซุ้มทางเข้าห้องโถงไว้เพื่อไม่ให้บ้านมืดตอนที่สองคนนั้นกลับมา ผมอุ้มฟอกซ์ขึ้นไปบนห้องนอนด้วย ตอนที่เข้ามาถึงในห้องนอน เปิดแอร์ หรี่ไฟสลัวเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงเจ้ากระทิงดุมาตามถนน ผมวางฟอกซ์ไว้บนโซฟาปลายเตียง ไมเคิลนอนบนพรมด้านล่างหน้าโซฟา ผมเปิดประตูระเบียงออกไปดู ชะโงกหน้าไปด้านล่าง วิคเตอร์ในชุดสูทสีดำเรียบหรูใส่หูกระต่าย มัดผมจุดไว้บนหัวเดินออกจากรถมาพร้อมออสติน แล้วก็หายเข้าไปตรงบันไดหน้าบ้าน ผมยืนชั่งใจสักพักแล้วก็ตัดสินใจว่าไม่ลงไปดู อยู่ที่งานนานขนาดนั้น คงกินอะไรไปเยอะ อาหารผมก็เป็นหม้ายอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ
ลึกๆ ก็น้อยใจนะ แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้ เพราะเขาก็บอกแล้วว่าวันนี้เขามีงานเลี้ยง ผมดันสะเออะอยากทำอาหารง้อสามีผิดมื้อไปหน่อย เก็บไว้ใช้เป็นมื้อเช้าก็แล้วกัน
ผมปิดประตูระเบียงแล้วเดินไปที่เตียง สอดตัวเข้าผ้านวมแล้วนอนตะแคงลืมตาในความสลัวของไฟสีส้มนวลตา เปิดเอาไว้ให้วิคเตอร์ จะได้ไม่เข้ามาแบบมืดๆ ไม่รู้ว่าวันนี้จะขึ้นมานอนข้างบนหรือเปล่า ผมนอนคิดแบบเหงาๆ นอยด์ๆ พยายามหลับตาเพื่อให้หลับไปตามตาปิด แต่ความคิดที่วกวนในหัวก็เป็นตัวต่อต้านชั้นดีไม่ให้หลับง่ายๆ ผมพ่นลมหายใจ นอนมองไปข้างหน้าแบบไร้จุดหมายอย่างเหงาๆ
กริ๊ก~
เสียงเปิดประตูแบบเบาๆ ดังขึ้นในความเงียบ ผมหลับตา แกล้งทำเป็นนอนหลับไปแล้ว ได้ยินเสียงไมเคิลส่งเสียงแฮ่กๆ ตอบรับคนเข้ามาในห้อง ผมได้ยินเสียงเท้าเขาเดินแบบเบาๆ ไปทางห้องน้ำ แล้วสักพักไฟในห้องน้ำก็สว่างขึ้น ผมยกหัวขึ้นมอง เขาไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำเลยไดยินเสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นชัดเจน ผมทิ้งหัวลงนอนตามเดิม พ่นลมหายใจอีกทีและพยายามข่มตาหลับ แต่ความรู้สึกก็ไม่ได้หลับตามไปด้วย
ผ่านไปหลายนาทีซึ่งคิดว่าคงเป็นสิบนาทีกว่าแล้ว ผมก็เริ่มที่จะมีอาการเหวี่ยงวึบเหวี่ยงวึบแบบที่ว่าใกล้จะเข้าสู่ห้วงแห่งการนอนเต็มทีแล้ว แต่ความรู้สึกก็หลุดหายวับไปเมื่อตอนที่เตียงยุบยวบยาบและตามมาด้วยแรงรัดตรงช่วงท้องของท่อนแขนอันแข็งแกร่ง ผมลืมตาขึ้นง่วงๆ หันไปมองก็เจอใบหน้าหล่อผมยาวปกหน้าหนวดเคราดกครึ้มของวิคเตอร์กำลังมองผมด้วยสายตาเรียบนิ่งอยู่
“Thank you for shrimp omelet. (ขอบคุณสำหรับไข่เจียวกุ้ง)” เขาพูดเสียงทุ้มเบาๆ แต่ทำเอาผมรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งตัว
“ไม่ได้กินจากที่งานมาเหรอ” ผมพลิกตัวนอนตรง วิคเตอร์เอาแขนขวายันหัวตัวเองไว้ให้ตัวนอนตะแคงคุยกับผม
“กินแต่น้ำเปล่า รอมากินอาหารฝีมือนาย” ผมกะพริบตามองเขานิ่งๆ สักแปบก่อนจะเริ่มรู้สึกร้อนที่ใบหน้า ริมฝีปากทำท่าจะขยับเป็นรอยยิ้มเขิน แต่ผมก็เม้มปากกลั้นเอาไว้
“โกหกรึเปล่า” วิคเตอร์ส่ายหน้าสองที
“ฉันกินหมดไปแล้วก่อนขึ้นมา จับพุงฉันสิ” ผมมองใบหน้านิ่งไร้แววล้อเล่นของเขาแล้วก็คลี่ยิ้มอ่อน
“ถ้าเกิดผมไม่ได้ทำไว้ให้ คุณไม่อดตายหรอกเหรอ”
“เพราะฉันรู้ว่านายจะทำไว้ให้” ผมขยับยิ้มกว้าง เขาอาจจะเห็นจากเมื่อเช้าที่ผมทำไว้ให้ เลยคิดว่ายังไงตอนเย็นผมก็ต้องทำให้อีก
“วิคเตอร์ ผมขอโทษ…” ผมยกมือขวาขึ้นจับกรอบหน้าเขาเบาๆ “…ผมอยากคุยให้เราเข้าใจกัน”
วิคเตอร์ถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าเขาออกอาการเซ็งนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดหรือทำท่าจะโมโหใหญ่โต ผมลดมือลงวางบนอกตัวเอง
“อีกเดือนนิดๆ ผมก็จะจบงานแล้ว ผมขอทำต่อได้มั้ย แล้ว…” ผมเม้มปาก ก่อนจะตั้งจิตให้มั่นแล้วพูดออกไป
“…เสาร์อาทิตย์ผมจะไม่เอางานขึ้นมาทำอีก” วิคเตอร์เงียบ เขามองหน้าผมด้วยสายตาสงบ ผมยกมือขวาจับท้ายทอยเขาให้ลงมารับจูบริมฝีปากของผมหนึ่งทีแล้วปล่อย
“นะ ผมจะแบ่งเวลาให้ดีกว่านี้ จะไม่เข้าไปยุ่งหน้าที่คนอื่นอีก”
“ฉันไม่อยากให้นายทำ ฉันยังยืนความคิดเดิม” ผมทำหน้าอ้อน และรู้ว่าเขานอนในสภาพเปลือย ผมเลยเลื่อนมือขวาเข้าไปในผ้านวม จับลูกชายของเขาที่นอนห้อยหัวสงบ แล้วลูบเบาๆ
“ขอผมทำเถอะนะ แต่ผมจะไม่ทำงานแบบเดิม โอเคมั้ย ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วง ผมขอโทษที่มองข้ามมันไป” ผมบีบๆ กำๆ ตรงส่วนนั้นของวิคเตอร์เบาๆ รับรู้ได้ถึงการขยายตัวของยักษ์น้อยทีละนิด
วิคเตอร์มองผมนิ่ง ผมเอียงคอมองเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ แววตาสีน้ำผึ้งข้นเปลี่ยนเป็นวาววับ มือขวาผมที่จับลูกชายเขาอยู่ก็ยังบีบสลับกับลูบไล้อย่างเอาใจ
“ถอดกางเกง” เขาบอกเสียงแหบพร่า ผมปล่อยมือออกจากกลางลำตัวของเขา ใช้สองมือดึงกางเกงนอนขายาวของตัวเองออก ทิ้งลงไปกองบนพื้น วิคเตอร์ดึงผ้านวมออกจากตัวเราสองคน เขาเอื้อมแขนไปหยิบเจลหล่อลื่นตรงลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงฝั่งผมนอน ผมอ้าขาตั้งฉากให้อย่างเคยคุ้น วิคเตอร์ดันตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่า อาวุธของเขาพุ่งตรงพร้อมรบ เขาบีบเจลใส่ปลายนิ้ว แล้วเอามาทาตรงบริเวณกลีบเนื้อด้านหลังของผม ก่อนจะใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางมือซ้ายดันเข้าไปด้านในเพื่อเปิดทาง เขาวางหลอดเจลไว้บนเตียงฝั่งตัวเอง ใช้มือขวาวางค้ำร่างตัวเองไว้ข้างเอวผมและก้มลงมาจูบ ผมแลบลิ้นเลียกับลิ้นเขาเบาๆ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันตอนที่วิคเตอร์กระทุ้งนิ้วขึ้นลงด้านในโดนจุดเสียววาบ วิคเตอร์ดึงนิ้วออก ถอนจูบออกไป จับอาวุธของตัวเองแทงเข้ามาด้านในตัวผมแบบเชื่องช้า ผมเผยอริมฝีปากขึ้น เปลือกตาหรี่ปรือ
“อะ… อ้า… อื้ม” วิคเตอร์ก้มลงมาประกบปากกับผมอีกรอบและใช้ลิ้นกวาดในโพรงปากผมอย่างช้าๆ แต่ว่าเน้นๆ มันทำให้ผมลืมโฟกัสความเสียวตรงจุดนั้นไปชั่วขณะ ผมยกสองมือลูบแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา วิคเตอร์ถอนจูบ ยังคงแช่อาวุธไว้ด้านในตัวผมแต่ก็ไม่ยอมขยับ เขาซุกไซ้คอผมด้วยความกระหาย จูบเน้นตรงเนื้อคอบางจุดเพื่อทิ้งร่องรอยไว้
“อา… เตอร์…” ผมครางด้วยความรู้สึกหวิวโหวงไปทั้งตัว ตรงท้องน้อยเสียววูบวาบทั้งจากการไซ้ของเขาและการที่เขายังคาความใหญ่ยาวของเขาเอาไว้อยู่
“ทำกองนี้เสร็จ ไม่ต้องทำอีกแล้ว โอเคมั้ย” วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นจากซอกคอ มองหน้าผมด้วยแววตาเหมือนเด็ก ผมคลี่ยิ้มเอ็นดู แกล้งหยอกเขาด้วยการขมิบก้นรัดความเป็นชายเขาสามสี่ที่ วิคเตอร์สูดลมเข้าปากพลางขมวดคิ้วอ่อนๆ
“กองนี้จบก่อนค่อยคุยกันอีกทีได้มั้ย” ผมทำปากยื่นอ้อนๆ มองเขาด้วยความเว้าวอน สองขายกขึ้นเกี่ยวเอวเขาและบังคับให้บั้นท้ายเขาขยับ วิคเตอร์กลอกตาหน้าเซ็งๆ ก้มลงจูบปากผมดังจุ๊บหนึ่งทีแล้วดันตัวขึ้นด้วยสองแขน ก่อนที่จะเริ่มขยับเอวให้ผมต้องตาปรือเชิดคางขึ้นด้วยความเสียวและจุก
“อะ! ฮ้า!” ผมบิดหน้าหันไปมองนาฬิกาบนตู้โชว์ เวลาบอกว่าเป็นเที่ยงคืน ผมกลืนน้ำลายลงคอ สองมือจิกหมอนแน่น วิคเตอร์ก้มลงหอมแก้มซ้ายผมหนึ่งทีแล้วเลียเบาๆ หนึ่งครั้ง
“อ่า…”
เงียบใส่กันมาสามวัน วันนี้คงได้ส่งเสียงใส่กันทั้งคืน…
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้

เขาดีกันล้าววววว ดีกันด้วยไข่เจียว 5555555 ชีวิตคู่ ถึงแม้จะแต่งงานกันไปแล้วก็ยังมีทะเลาะมีไม่เข้าใจกัน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อให้ใช้ชีวิตกันมานานนับยี่สิบสามปีก็ยังต้องเรียนรู้เรื่องความคิด และอารมณ์กันไปในตัว มันมีทั้งที่ทะเลาะกันแล้วยิ่งเข้าใจกัน กับทะเลาะกันแล้วสะสมกลายเป็นเหินห่างต่อกัน สำหรับแมทกับวิคเตอร์คงเป็นอย่างแรกมากกว่า คู่นี้เขาตบตีกันเพื่อให้รักกันดีกันมากขึ้น 55555
ส่วนเรื่องของพี่แซ็ค เดี๋ยวเจอกันค่ะ เปิดลิงก์ไว้เรียบร้อย อย่างที่บอกไปในเพจว่าถ้าจบตอนนี้ของพี่ยักษ์ ก็จะอัพเรื่องพี่แซ็คต่ออออ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ
แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries