Yours and Mine EP.1 [100%]“เฮ้!!!!” ผมยกขวด Smirnoff รสเลม่อนของโปรดขึ้นชนกับเหล้าเบียร์ของพวกเพื่อนๆ เสียงแก้ว เสียงขวดกระทบกันดังเกร๊งดังกริ๊ก และตามด้วยเสียงหัวเราะแข่งกับเสียงเพลงในร้าน
ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ร้านเหล้านั่งฟังเพลงสบายๆ (ในช่วงแรก ดึกๆ จะเป็นเพลงเต้น) แถวมหาวิทยาลัย เพราะว่าที่เจ้าสาวต้องการรำลึกความหลังเมื่อยังเป็นสาวนิสิตนักศึกษา แต่นางไม่คิดอำลาความเป็นวัยรุ่นความเปรี้ยวใดๆ ทั้งหลาย แค่อยากได้บรรยากาศเดิมๆ ในการเจอเพื่อนๆ
“แด่แคท สาวน้อยวัตถุไวไฟ คบไว ได้ไว แต่งไวโว้ยยย!!” ทุกคนหัวเราะดังลั่นกับประโยคของไอ้แชมป์ที่เอ่ยขึ้นหลังจากกระดกเบียร์ไปได้ครึ่งแก้ว
“อีแชมป์! หยาบคายค่ะ เขาเรียกผู้หญิงรู้จักรักษาสิทธิของตัวเอง!!”
“โอ๊ยยย!” เหมียวนำทัพในการโห่ใส่แคท เจ้าตัวนั่งหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ท่าทางโซพราวด์กับตัวเองไม่น้อย
“จนอีแคทแต่งงานแล้วอะ ฉันยังหาแฟนใหม่ไม่ได้สักที” เหมียวบ่นหน้างอง้ำ เพราะมันเลิกกับแฟนได้เกือบปีแล้ว เนื่องจากพอเข้าสู่วัยทำงาน เวลามันว่างไม่ตรงกัน ทำให้ความสัมพันธ์มันห่างเหินกันไป สุดท้ายก็เลิกกัน
“เดี๋ยวแกก็หาได้น่าอีเหมียว ไปยืนเยี่ยวข้างทางเดี๋ยวก็เจอ”
“ฮ่าๆๆๆ” พวกเพื่อนๆ หัวเราะกับมุกที่ผมแซวเหมียวกันยกใหญ่ เหมียวมันจิกตาใส่แล้วด่าผมด้วยคำด่าสุดฮิตอย่างดีออกกลับคำ
“จ้า แม่คนผัวรักผัวหลง” ผมทำท่าเชิดๆ ใส่ไอ้แชมป์ที่กัดด้วยความหมั่นไส้
“ก็สวยอะเนาะ ว่าไม่ได้”
“โฮ่ยยยยย!!!!” คราวนี้พวกมันโห่ดังยิ่งกว่าเดิม และโห่ด้วยอินเนอร์ที่แรงกล้า พร้อมกับฝ่ามือของไอ้สองมาร ไอ้แชมป์ไอ้วอร์มรุมตีที่หัวผมคนละป้าบ ผมมุ่ยหน้าใส่มันสองคนแล้วเอื้อมมือไปตบคืน ไอ้สองมารหัวเราะอย่างไม่สำนึก
“อีแคท แล้วกะจะมีน้องเลยมั้ย” เก้าถามพลางเทเบียร์ใส่แก้วของตัวเอง
“โนนะคะ ยอมรับนะว่าฉันคิดว่าลูกเป็นภาระ มันแล้วแต่คู่อะ แต่คู่ฉันยังไม่อยากหาภาระให้ตัวเอง ขอใช้ชีวิตทำงานเก็บเงินไปเที่ยวกันเองก่อน” แคทหยิบขนมขบเคี้ยวเข้าปาก ผมหยิบขนมปลาทาโร่ที่ซื้อมาจากข้างนอกขึ้นมากิน
“ดีแล้วแก ตักตวงความสุขให้ตัวเองก่อน ฉันก็ไม่แอนตี้การมีลูก แต่ฉันคิดว่าถ้าเรายังไม่พร้อมแล้วให้เขาเกิดมา มันเป็นการทรมานทั้งเขาและเรา” แบมบอกอย่างมีสาระ ยกกระดาษซับมันซับหน้าแผ่วเบา
“จริงมึง กูขอคอนเฟิร์ม ถ้าไม่พร้อมแม่งอย่างมี มันไม่สนุกอะ ของกูเขายังไม่เกิดมาก็จริง แต่ช่วงนั้นกูก็ทุกข์นะ เพราะกูรู้ตัวว่ายังอยากสนุกกับชีวิตก่อน” วอร์มผู้เคยผ่านประสบการณ์การเกือบมีลูกบอกอย่างรู้เช่นเห็นแจ้ง แม้ตอนนั้นมันจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นง่ายๆ แต่ในใจมันก็ไม่ได้พร้อมที่จะมีครอบครัวเต็มที่
“ฉันตกลงกับพี่เคนไว้ละว่าช่วงไหนที่จะปล่อยให้มี ตอนนี้ขอใช้ชีวิตกันสองคนก่อน” ผมนั่งเคี้ยวเส้นปลาทาโร่กวาดตามองเพื่อนตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่าความหลังในช่วงวัยเรียนย้อนกลับเข้ามาและไหลย้อนออกไปสลับกับปัจจุบันของพวกเรา
“ไม่น่าเชื่อเนอะ ว่าเรากำลังนั่งคุยกันเรื่องมีครอบครัว มีลูกอะ” ผมเอ่ยด้วยสองอารมณ์ทั้งนึกขำและนึกใจหวิวที่เราโตขึ้นไปอีกสเต็ป
“ชีวิตคนเราก็ผันเปลี่ยนสิคะเพื่อนหลาว เราโตขึ้น สเต็ปในชีวิตเราก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนมากเปลี่ยนน้อยก็แล้วแต่เรื่องราวที่แต่ละคนได้พบเจอ” ผมพยักหน้าเบาๆ ให้กับคำพูดของแบม
“ทำไม ไม่อยากแก่เหรอวะ กลัวหูรูดเสื่อมแล้วผัวเอาไม่มันส์เหรอ”
“แอร๊ยยยย อีแชมป์ อีเชี่ยมมมม!” ผมหยิบปลาทาโร่ขึ้นมาเต็มกำมือแล้วปาใส่หน้ามัน อีแชมป์หัวเราะอารมณ์ดี มีอีวอร์มคู่ซี้คู่แสบของมันคอยจับคอยดึงผมไว้ พวกนีทั้งหลายขำเฮฮาภาษาพลาซ่า
“อีแชมป์ ปากดีไปเถอะ ระวังเด็กแกหูรูดเสื่อมมั่ง”
“เอออ! เอาดิไอ้เฮี้ยแชมป์ มึงพลาดแล้วให้ไอ้เหมียวรู้เรื่องอะ ฮ่าๆๆๆ” ผมทำหน้างง มองคนนั้นทีคนนี้ที อีวอร์มหัวเราะสะใจมาก อีแคทยิ้มเย้ยสุดใจ อีเจ้าตัวเงียบกริ๊บ ชัทอัพเม้าท์ไปเลย
“อะไรกันอะ อะไรกันเหรอ” ผมถามด้วยความเผือกที่พุ่งพรวดขึ้นอย่างเร็ว นี่ผมพลาดอะไรไปใช่มั้ย
“นี่แกเปิดอ่านไลน์ให้มันหายแจ้งเตือนเฉยๆ ใช่มะ” เก้าหันมาถามด้วยท่าทีเหนื่อยใจนิดๆ ผมฉีกยิ้มแห้งแทนคำตอบ
“มีเด็กที่หอพักมันมาติดไอ้แชมป์ เฮียแชมป์อย่างงั้น เฮียแชมป์อย่างงี้ ตอนแรกเล่นตัว สุดท้ายกลายเป็นผัวเด็กมันเฉย ฮ่าๆๆๆ” พออีวอร์มเล่าจบ ผมก็อ้าปากกว้างตาโต หัวใจเต้นตุบๆ
“อีแชมป์ได้เมียแล้วเหรอ?!!!” ผมถามด้วยความตื่นเต้น
“เมียมันเหมือนมึงเลย แต่น้องเขาหน้าตาน่ารักกว่านะ” ผมที่กำลังทำหน้าตื่นเต้น เปลี่ยนเป็นเขม่นใส่ไอ้วอร์ม
“กูก็น่ารัก ไม่งั้นแฟนกูไม่รักกูหรอก”
“โอ๊ยยย อันนี้กูขอตบเองค่า!” เหมียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับโน้มตัวมาผลักหัวผมด้วยความหมั่นไส้ ผมหัวเราะเสียงดัง
“แล้วยังไงอะแชมป์ ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย” ปกติแชมป์มันชอบปรึกษาความรักกับผมนะ แต่ก็นานๆ ทีที่จะปรึกษา เพราะมันก็ไม่ใช่ว่ารักคนไปทั่ว คนไหนที่เป็นแค่คู่นอนมันก็ไม่ปรึกษาหรอก
“ไม่มีไรหรอกน่า ไอ้วอร์มก็พูดไปเรื่อย” ไอ้แชมป์ตัดบท ทำหน้ายุ่งนิดยุ่งหน่อย ยกเบียร์ขึ้นจิบ ท่าทางจะง้างปากยากซะละ
“โห่ มีไรไม่บอก อุตส่าห์อยากรู้นะเนี่ย”
“โอ๊ย ขอบคุณที่อยากรู้ ไอ้สาส”
“อุ๊ย หยาบคาย” ผมว่าแบบนั้นแต่ก็หัวเราะนะ ดูท่าไอ้แชมป์จะเขิน มันเลยกลบเกลื่อนด้วยการไม่พูดซะเลย ไม่รู้ว่าคนนี้จริงจังหรือเปล่า ไม่สิ ผมยังไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของมันกับเด็กคนนั้นไปถึงขั้นไหนแล้ว ไอ้วอร์มว่าได้เสียกันแล้ว แต่จริงรึเปล่าก็ไม่รู้
“สนใจเรื่องไอ้แชมป์ แล้วเรื่องมึงล่ะ คบกันมานานแล้ว หมั้นก็แล้ว ไม่แต่งเหรอ” ผมหันไปมองไอ้วอร์มหน้ามึนๆ
“เออ เชื่อละว่ามึงกับผัวตัวติดกันจริง แค่ทำหน้างงยังมึนเหมือนกัน” แล้วไอ้แชมป์ก็นำทัพในการหัวเราะ ผมจิ๊ปากถลึงตาใส่มัน อีนี่ครองปากหมาอวอร์ดได้ยาวนานจริงๆ แล้วทำเนียนเปลี่ยนเรื่องเลยนะ
“ตอนนี้งานยุ่งอะ แล้วก็รอวิคเตอร์ย้ายกลับไปอยู่อังกฤษให้เรียบร้อย เขาอยากจดทะเบียน จะจดที่อเมริกามันก็ไม่มีผลต่อชีวิตไง ต้องจดบ้านเขา”
“แกคบกันมากี่ปีแล้วนะ”
“ก็…” ผมกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของแคท แต่ก็สะดุดเพราะพอคิดดีๆ ผมไม่รู้ว่าจำนวนปีที่แน่นอนคือเท่าไหร่กันแน่
“แกเคยฉลองวันครบรอบ บอกแอนนิวาแซรี่กันมั่งมั้ย” ผมทำตาโต กะพริบตาปริบๆ กับคำถามต่อเนื่องของแคท ก่อนจะค่อยๆ ส่ายหน้าช้าๆ พวกน้องนีทำตาโต แต่สองมารแค่ทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อย
“อย่าบอกนะว่าแกจำวันครบรอบที่แกสองคนคบกันไม่ได้” ผมกลอกตาไปมาแล้วทำหน้านึก คบกันเหรอ ผมกับวิคเตอร์คบกันตอนไหนนะ ตอนไหนที่เราคบกัน
“ไม่ได้อะ คือ ไม่เคยจำเลยดีกว่า” ผมพยักหน้าน้อยๆ กับตัวเองเป็นการยืนยันว่าจำวันที่ผมกับเขาตกลงปลงใจคบกันไม่ได้จริงๆ
“เฮ้ย แล้วผัวแกเขาไม่ว่าอะไรเหรอ” แบมถาม สีหน้ามันทึ่งอึ้งตกใจ ผมขมวดคิ้วงงว่ามันตกใจอะไร
“ไม่นะ วิคเตอร์ก็ไม่เคยพูดถึง ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้อะ”
“จริงดิ แกสองคนคบกันไปแบบไม่รู้วันรู้คืนป่ะเนี่ย” ผมยังคงขมวดคิ้ว หยิบขนมเข้าปากเคี้ยวแจ๊บๆ และพูดทั้งที่ขนมยังเต็มปากอยู่
“มันแปลกเหรอที่จำวันครบรอบไม่ได้”
“ก็ไม่แปลกหรอก แต่กูเป็นผู้ชาย กูยังจำวันครบรอบเดือนของแฟนได้เลย”
“โอ๊ย อีวอร์ม!” เหมียวแว้ดใส่ไอ้หน้าเข้ม มันหัวเราะทะเล้น ผมทำหน้านึกต่อก่อนจะส่ายหัวอีกที
“เออ จำไม่ได้จริงๆ อะ ถ้าไปถามวิคเตอร์ก็จำไม่ได้หรอก ก็คบกันตามปกติ ไม่ได้โฟกัสวันนั้นเลย คือมันควรมีการฉลองใช่ป่ะ” อันนี้ผมถามด้วยความสงสัยจริงๆ เพราะผมกับวิคเตอร์ไม่เคยพูดเรื่องนี้ ไม่เคยมีวันนี้ในชีวิตของเราเลย และผมก็ไม่คิดว่ามันไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แต่วันเกิด วันวาเลนไทน์ก็มีตามปกติ วาเลนไทน์แรกของผมกับวิคเตอร์ผมตื่นเต้นมาก แต่สุดท้ายก็พัง
“สักนิดก็ยังดีแก ฉันกับพี่เคนครบสามวันที่คุยกันยังซื้อไปกินไอติมด้วยกันเลยค่ะ”
“อันเนี้ยก็ลายใหญ่ไปค่ะ” ผมหัวเราะเสียงดังการเบรกของเหมียว แล้วสายตาที่มันมองแคทคือเอือมระดับแรง แคทก็ทำแค่ยักไหล่ ยิ้มเล็กยิ้มน้อย
“ไม่รู้สิ วิคเตอร์ก็ชอบมีปาร์ตี้ตลอด จนรู้สึกว่าตัวเองก็ได้ฉลองอะไรเยอะแยะมาก”
“แต่กูว่า จำไม่ได้ก็ดีนะ บางทีมีแล้วพอใครคนนึงจำไม่ได้แม่งก็ทะเลาะกัน” ผมพยักหน้าเห็นด้วย หลายคู่ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เยอะนะ
แต่เอาจริงๆ พอคุยกับพวกเพื่อนๆ แล้วผมก็นึกสงสัยว่าวันครบรอบผมคือวันไหน แล้วผมคบกับวิคเตอร์มากี่ปีแล้ว ยังไม่ถึงสิบปีหรอก แต่วันที่บ่งบอกว่าเราคบกันมาเท่านี้ๆ ผมจำวันนั้นไม่ได้จริงๆ
หลังจากเต้นไปได้หกเพลงยังไม่ทันจบ สามีหน้ายักษ์ก็โทรมาบอกว่ารออยู่ด้านหน้าร้านแล้ว ผมมองเวลาบนจอมือถือแล้วก็รู้สึกดี (ประชด) ที่วิคเตอร์ใจดีเพิ่มเวลาให้ผมได้ปาร์ตี้ถึงห้าทุ่มจากตอนแรกที่บอกสี่ทุ่มครึ่ง นี่ยังดีนะต่อเวลาให้ก่อนร้านปิดหนึ่งชั่วโมง น้ำใจช่างเหลือล้น ผมบอกลาเพื่อนๆ พวกมันจะอยู่กันต่อจนร้านปิด และอาจจะไปหาอะไรกินกันต่อ ผมได้แต่เสียดายแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินออกไปนอกร้านและเดินไปขึ้นรถท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองผม แต่ไม่ได้มองเพราะจำผมได้ มองเพราะผมเดินไปขึ้นรถหรูต่างหาก
“ไม่หลงทางเลยเหรอ” ผมถามหลังจากปิดประตู ไอ้ยักษ์ที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งหันมายักคิ้วให้ที และหักพวงมาลัยออกไปตามถนน
“ที่บ้านเหลืออะไรกินบ้างอะ” ผมสะอึกไปอึกใหญ่ กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งออกมาจางๆ
“วันนี้กินข้าวกี่มื้อแล้ว”
“สามมื้อ!” ผมตอบเสียงใส ยกมือขึ้นเป็นเลขสามและยิ้มแป้น วิคเตอร์จะช่วยผมเรื่องอาหารการกินด้วย เรากินข้าวกันวันละห้ามื้อ แต่จะกำหนดว่าตักข้าวได้แค่สองทัพพีต่อมื้อเท่านั้น กับข้าวก็ต้องคำนวณแคลฯ ให้ดี
“งั้นกินได้” ผมหัวเราะฮิๆ วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันไปมองถนน
ผมนั่งมองถนนเบื้องหน้าสักพักแล้วก็นึกถึงสิ่งที่พูดกับเพื่อนๆ เรื่องวันครบรอบ ก็ไม่ถึงกับกวนใจเป็นจริงจัง แค่นึกสงสัยเฉยๆ ว่าผมกับวิคเตอร์คบกันวันไหน เดือนไหน คือก่อนหน้านี้เราไม่ได้สนใจประเด็นนี้กันจริงๆ นะ ผ่านไปหนึ่งปีเราก็แค่คิดว่า โอเค เปลี่ยน พ.ศ.ใหม่แล้วเท่านั้นเอง แต่พอได้พูดก็เลยว่า เออ คบกันตอนไหนวะ ตอนขอคบจำได้ว่าไม่ได้เอ่ยปากขอด้วยซ้ำ ทะเลาะกัน เอากัน รู้ตัวอีกทีเราก็เป็นแฟนกันแล้ว
“วิคเตอร์” ผมเรียกชื่อเขาอย่างลอยๆ สายตาเหม่อมองไปยังถนนเบื้องหน้าที่รถแล่นไปด้วยความเร็วสูง ปกติการเดินทางระหว่างบ้านผมกับมหาวิทยาลัยจะอยู่ที่ครึ่งชั่วโมง แต่นี่เพิ่งจะสิบนาทีกว่าๆ ก็ใกล้จะถึงบ้านละ วิคเตอร์เหยียบท้าทายกฎจราจรเมืองไทยมาก
“หือ?” วิคเตอร์ตอบรับแต่ก็ไม่ได้หันมา เขามองรถหลังเพื่อจะเข้าเลนขวาและจะได้กลับรถไปทางบ้านเรา
“เราคบกันวันไหนอะ คุณจำได้มั้ย”
“ฮะ?” เขาขมวดคิ้ว ตีไฟเลี้ยวแล้วเลี้ยวรถไปอีกเลน เสียงล้อบดถนนดังลั่น แต่เขาก็แค่เข้าเกียร์และเหยียบต่อไป
“วันที่เราคบกันอะ จำได้มั้ย” วิคเตอร์สั่นหัวหน้านิ่วคิ้วย่น เปิดไฟเลี้ยวอีกทีเพื่อเลี้ยวเข้าซอยบ้าน
“จำไม่ได้ ทำไม” เขาหันมามองและหันกลับไปมองถนน ก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าบ้านที่ประตูรั้วไม้เปิดรอไว้อยู่แล้ว
ผมไม่นึกแปลกใจหรือน้อยใจหรอก เพราะผมก็จำไม่ได้ เหมือนว่าวันนี้สำหรับเราสองคนมันหล่นหายไปในความสัมพันธ์ ซึ่งปกติเราควรมีวันครบรอบใช่มั้ย เพื่อเป็นการบอกว่าเราคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว
“อยู่ๆ ทำไมถึงถาม” วิคเตอร์ถามแล้วเดินไปปิดประตูรั้วไม้อันใหญ่ ส่วนผมเดินไปไขกุญแจประตูเหล็กบานใหญ่และดันขึ้น เรามุดเข้าไปในบ้าน วิคเตอร์ดันประตูเหล็กปิดลงและล็อคกุญแจ
“ก็วันนี้เพื่อนถาม แต่ผมตอบไม่ได้ เลยมาถามคุณ เผื่อคุณจำได้” วิคเตอร์หรี่ตามองกลับมา ผมเดินไปเปิดไฟในครัว เปิดตู้กับข้าว และยกอาหารในนั้นมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว วิคเตอร์ตักข้าวมาให้ผมสองทัพพีตามปริมาณที่กำหนด
“ฉันต้องเค้นความจำมั้ยเนี่ย” วิคเตอร์ถามสีหน้าเคร่งเครียดปนขยาดเล็กๆ ยังดีที่ไม่ขากถุยออกมาด้วย
“ไม่ต้องซีเรียสนะ ผมแค่ถามเฉยๆ อะ ไม่ได้กะว่าต้องจำได้หรอก เพราะผมก็จำไม่ได้ไง” ผมตอบเขาแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่ไข่เจียวกุ้งของโปรดวิคเตอร์ ตักใส่จานตัวเองและตักซอสพริกราดแล้วก็ตักเข้าปาก
“ถ้างั้นก็ปล่อยมันไปแล้วกัน อยู่มาขนาดนี้ วันครบรอบไม่จำเป็นแล้ว” เขาว่าสบายๆ เทน้ำใส่แก้วและกระดกอึกๆ ผมพยักหน้า และตักไข่เจียวเข้าปากอีก
ผมนั่งกินข้าวไม่นานก็หมด เพราะมีโควตากินได้แค่สองทัพพีทั้งที่จริงอยากกินต่ออีก แต่ก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ผมกลับมาอวบขึ้นเพราะตามใจปากมากไป แซ็คเลยให้ตารางการกินอาหารมากับวิคเตอร์ เพราะออกกำลังกายอย่างเดียวไม่พอ ต้องลดอาหารลงด้วย
“อาบน้ำเองได้ใช่มั้ย” ผมมองค้อนไอ้ยักษ์ที่ถอดเสื้อ ถอดกางเกงออกจนตัวเปลือยเปล่า
“อาบได้น่า” วิคเตอร์ยิ้มขำ ถลกผ้านวมขึ้น ล้มตัวลงนอนและดึงผ้านวมขึ้นห่มปิดส่วนล่างไว้ ผมถือแค่ผ้าเช็ดตัวไป เข้าห้องน้ำได้ก็ชำระล้างร่างกายจนสะอาดสะอ้าน ล้างทุกซอกทุกมุม ตัวกลับมาหอมสดชื่นด้วยกลิ่นน้ำนมอันคุ้นเคย พอเช็ดตัวจนแห้งก็พันผ้าขนหนูตรงอกเป็นกระโปรงสั้นแล้วเดินกลับห้องนอน วิคเตอร์ยังคงลืมตานอนรอผมอยู่บนเตียง ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมานั่งเช็ดหัวตรงปลายเตียง
“Hey, you want to have the anniversary day? (นี่ แล้วนายอยากมีรึเปล่าวันครบรอบน่ะ)” ผมหันไปมองเขาด้วยความสงสัยปนงงกับคำถาม แต่พอเรียบเรียงได้ว่าเขาถามอะไรก็เลยสั่นหัวกลับไป
“We can live without that day. (ไม่มีเราก็อยู่กันได้นี่)” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ทำปากยื่นหน่อยๆ
“Good. Because birthday and valentine, these two day is a hard day for me. I have to think about the special thing on that day. (งั้นก็ดีแล้ว แค่วันเกิดกับวาเลนไทน์ฉันก็ขี้เกียจคิดละว่าจะต้องทำอะไรให้มันพิเศษบ้าง…)” ผมยิ้มขำ นึกว่ากำลังนั่งกำหนดวันครบรอบให้เราสองคนซะอีก
ผมเช็ดหัวจนแห้งหมาดๆ ถอดผ้าขนหนูที่พันตัวออกแล้วโยนใส่ตะกร้าพร้อมผ้าผืนเล็ก เดินเปลือยไปปิดไฟดวงใหญ่ในห้อง เหลือไฟบนหัวเตียง วิคเตอร์สะบัดผ้านวมออกให้ผมขึ้นนั่งคร่อมเขาไว้ ไอ้ยักษ์ยื่นสองมือมาจับเอวผม
“Just having you with me in every day. That’s fine for me. (…มีนายอยู่ด้วยทุกวันก็พอแล้ว)” ผมยิ้มเขิน ยื่นมือไปหยิกแก้มเขาเบาๆ
“Sweet talker again. (ปากหวานอีกละ)”
“I have another sweet thing. You know that. (อย่างอื่นก็หวาน นายรู้ดีนี่)” วิคเตอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ สองมือบีบเอวผมเบาๆ ผมกัดปากล่างแล้วยิ้มเขิน ยื่นมือไปจิ้มรอยสักบนอกของเขาเล่น
“And you? Do you want to have anniversary day? (แล้วคุณล่ะ อยากมีมั่งมั้ยวันครบรอบ)” ผมมึนเหล้าหรือมองโลกสวยเกินไปเนี่ยถึงได้ถามคำถามนี้ เพราะไอ้ยักษ์สั่นหน้าทันที
“No. I’m lazy to remember that. If I forget you gonna angry me. (ไม่เอาอะ ขี้เกียจจำ เดี๋ยวลืมก็โกรธกันอีก)”
“Let’s try this. Do you know how long we are in relationship? (เอางี้ คุณจำได้มั้ยว่าเราคบกันกี่ปีแล้ว)”
“And you? (แล้วนายล่ะจำได้มั้ย)” ผมสั่นหัว วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ผมเลยยิ้มกว้างตาม
ไม่ใช่ว่าลืม หรือจำไม่ได้เลย คือมันก็นับได้นั่นแหละว่ากี่ปีแล้วที่อยู่ด้วยกันมา แต่เหมือนเราไม่รู้วันเริ่มต้นที่เราคบกันเท่านั้นเอง
“I don’t care because you can’t leave from me. (กี่ปีก็ช่าง เพราะฉันไม่ให้นายไปไหนหรอก)” เขาจับผมพลิกลงไปอยู่ข้างล่าง ผมหัวเราะคิกคัก ยกสองขาเกี่ยวเอวของเขา สองมือรวบผมยาวหยิกน้อยๆ ขึ้นเพื่อโชว์หน้าหนวดหล่อๆ
“And you can’t leave from me. (ผมก็ไม่ให้คุณไปไหน…)” ผมหรี่ตาลงมองหน้าเขา ไอ้ยักษ์ยิ้มกริ่ม ผมใช้สองมือทัดเส้นผมยาวของเขาไว้ที่หลังหูทั้งสองข้าง
“Don’t leaving, right? Tell me, Giant. You won’t dump me, huh? (…ไม่ไปใช่มั้ย ฮะ? บอกซิไอ้ยักษ์ จะไปไหนมั้ย)” วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ยิ้มแบบที่ผมชอบ แม้ตอนนี้หนวดเคราจะดกครึ้มเหมือนป่าดงดิบ (วิคเตอร์รักหน้าตัวเองตอนนี้มาก) แต่ก็ยังน่ารักน่าหยิกเวลายิ้มแบบนี้
“หมั่ยไป๊ หร่ากเมียจ๋าโคนเดี๊ยว” ผมหัวเราะคิกคัก ยังรู้สึกขนลุกด้วยความตื้นตันใจทุกครั้งที่วิคเตอร์เรียกแบบนี้ ครั้งแรกที่เขาครางเรียกผมแบนี้ จำได้ว่าอ่อนระทวยไปทั้งร่าง อยากจะสิโรราบให้เขาคนเดียว
“เมียจ๋าก็รักเตอร์จ๋า” ผมพูดชัดๆ เน้นทีละคำให้เขาเข้าใจ ซึ่งคำประมาณนี้ หรือออกแนวทะลึ่งวิคเตอร์จะเข้าใจอย่างดีมาก เพราะได้ครูดีแบบไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มเป็นคนสอน
วิคเตอร์ยิ้ม ก้มลงจุ๊บหน้าผาก แก้มสองข้าง ปิดท้ายด้วยริมฝีปาก และล้มตัวลงนอนซ้อนหลังผม ดึงผ้านวมขึ้นมาห่มร่างเราสองคน กระชับอ้อมแขนตรงหน้าท้องผมแน่นขึ้น ดึงให้แผ่นหลังผมไปชิดด้านหน้าของเขา
“แน่ะ แข็งเหรอเตอร์” ผมถามเป็นภาษาไทย
“อื้อ หยั่กม๊าก” ผมหัวเราะ หันไปมองเขา ไอ้ยักษ์มองตาแป๋ว
“มั่ยหั้ยทำหรอก” เขาทำหน้าบูดใส่ผมทันที ผมยิ้มกว้าง พลิกตัวเข้าหาเขา หนุนหัวบนต้นแขนซ้ายล่ำๆ ยื่นมือซ้ายไปจับยักษ์น้อยที่ตื่นตัวเต็มที่ จับๆ บีบๆ และใช้นิ้วโป้งลูบหัวลูกชายเขาเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบ มือซ้ายวิคเตอร์ลูบหัวผมเบาๆ เปลือกตาเขาขยับเชื่องช้า ลมหายใจติดขัดเป็นระยะ
“นิไสเล้ว” ผมหัวเราะ ทำหน้าระรื่นใส่ไอ้ยักษ์ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งเคืองและเสียวปนกันสิท่า
“เล้วแล้วรักมั้ย” ไอ้ยักษ์พยักหน้าทั้งที่คิ้วยังขมวด หน้าท้องก็หดเกร็ง
“หรั่กมาก” ผมหัวเราะฮิๆ ในลำคอ ยื่นหน้าไปจูบสันกรามที่เครากินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหน้า ปล่อยมือออกจากลูกยักษ์น้อย ยกขาซ้ายก่ายเขาไว้ กอดเขาไว้แน่น วิคเตอร์โอบสองแขนกอดร่างผม ก้มจูบหน้าผากผมไปหนึ่งฟอด และเราก็นอนซุกกันจนหลับไป ทิ้งให้ยักษ์น้อยค่อยๆ สงบลง

มาอัพต่อแล้วววว ติดงานหนักมากค่า อาทิตย์นี้ทำงานเที่ยงวันยันเที่ยงคืน เวลาที่เหลือสลบ พองานเบาลงเลยรีบเอามาแปะไว้ก่อน
แต่อย่างที่เคยแจ้งไว้นะคะว่าพาร์ทสาม ตอมจะไม่ได้มาอัพถี่ๆ รัวๆ มากเท่าไหร่ เนื่องจากมีงานต้องทำ และแบ่งเวลาไปเขียนเรื่องอื่นด้วย เรื่องนี้ก็จะเขียนสดอัพสดแบบแรกๆ ที่เขียนนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ แต่สัญญาว่าจะไม่หายต๋อม ไม่ดองน้อออ เพราะบางทีทำงานอยู่ก็คิดถึงนิยายตัวเองเหลือเกินนน
สรุปสองผัวเมียคู่นี้เขาจำวันครบรอบตัวเองไม่ได้ แต่ไม่มีใครเครียด อยู่กันมาขนาดนี้ ไม่ต้องมีละม้างงง
ถ้าใครมีหนังสือพาร์ท Only You คงจำได้ว่าพี่ยักษเรียกแมทว่าเมียเป็นครั้งแรกในตอนพิเศษ ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ พี่ยักษ์ไม่เคยเรียกแมทแบบนี้ จนกระทั่งในตอนพิเศษพาร์ทสองนี่แหละเจ้าาา ขนลุกด้วยความสยิวแทนน้องแมทเลยค่ะตอนเขียน 555555
เจอกันตอนหน้านะคะ ถ้ามาช้าก็ต้องขออภัยไว้ก่อนนน
สำหรับใครที่สนใจหนังสือพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน พาร์ทสอง หรือ Only You ตอนนี้ตอมเปิดรีปริ้นรอบแรกแล้วค่ะ เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ >
พรีออเดอร์รีปริ้น Only You เนื้อหาจะเชื่อมต่อจากตอนพิเศษในหนังสือพาร์ท Only You เบาๆ ค่ะ ใครไม่ได้ซื้อ ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่งงแน่นอน ยังไงตอมก็เล่าเนื้อหาตามปกติ ไม่หาย ไม่หล่น แต่บางอย่างที่อยู่ในตอนพิเศษก็ขอเก็บไว้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับคนซื้อหนังสือจริงๆ แต่เส้นเรื่องหลักยังไงตอมก็เล่าอยู่แล้วค่า
ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ