Yours and Mine EP.3 :: Baby don't rush. You can look but don't touch. (อย่ารีบร้อนสิที่รัก ดูแต่ตามืออย่าต้อง) [35%]Baby don’t rush.
You can look but don’t touch...
Victor Raymond ผมกำลังแกว่งยามดมใต้จมูกของเอเลี่ยนน้อย ไอ้ตัวจ้อยนอนหลับตาพิงเบาะหน้าตาซีดเซียวอยู่บนรถตู้ที่เพื่อนแมทส่งมารับพวกเราที่ท่าเรือ เมื่อเช้าก่อนขึ้นเครื่องเขาไม่ได้กินอะไรมาเลย แล้วก็ไปกินเครื่องดื่มบำรุงสายตาชนิดหนึ่งเลยยิ่งทำให้พะอืดพะอม อาการแย่ตั้งแต่เครื่องออกจากสนามบินได้ครึ่งชั่วโมง ให้กินอะไรบนเครื่องก็อ้วกออกมาหมดจนนึกว่าตั้งท้อง ยิ่งพอต้องลงเรือข้ามเกาะ โดนแรงกระแทกของคลื่นเข้าไป ไอ้เอเลี่ยนอ้วกจนหมดพลัง ขึ้นรถตู้มาได้ก็หลับตาเอาแรง
“อีแมท ตายไม่ได้นะ ฟูลมูนรอเราอยู่นะนังผี” เพื่อนผู้หญิงของแมทคนหนึ่งชะโงกหน้ามาจากเบาะข้างคนขับด้านหน้า ผมฟังออกแค่ฟูลมูน
“ไม๊ตายหลอก… อ่อก…” แมทหลับตาตอบเสียงแผ่ว เพื่อนแมทหัวเราะเบาๆ และหันกลับไปมองถนน ขนาดผมใส่แว่นดำยังรู้เลยว่าหน้าตาแฟนตัวเองซีดขนาดไหน
ผมจะจับเขานอนตัก แต่แมทส่ายหัว ทำท่าบอกว่าจะอ้วก ผมเลยยื่นถุงพลาสติกให้ เขาดึงไปถือไว้เตรียมพร้อม แต่ก็ไม่มีอะไรออกมาแค่ตัวกระตุก คอโก่งเหมือนจะอ้วกเท่านั้น แมทวางถุงลงบนตัก เอนหัวกับเบาะตามเดิม ดึงยามดมไปดมเอง
“Water? (น้ำมั้ย)” แมทพยักหน้าเบาๆ ผมเปิดฝาขวดน้ำและยื่นให้เขา แมทหยิบไปกระดกไปเกือบครึ่งและส่งคืนให้ผม
“Thank you teacher.” ผมกระตุกยิ้มขำ สภาพย้ำแย่แต่ยังมีอารมณ์เล่นมุกแสดงว่ายังไม่ถึงกับต้องส่งโรงพยาบาล
“ก็ไกลจากท่าเรือเหมือนกันนะ” ไอ้ล่ามแชมป์บ่นอะไรสักอย่าง ผมนั่งมองทางข้างหน้าไปเรื่อย ไม่รู้ว่ารถวิ่งมานานเท่าไหร่แล้วและอีกเมื่อไหร่จะถึง
“Victor, chocolate please. (วิคเตอร์ ขอช็อคโกแล็ตหน่อยสิ)” ผมหยิบช็อคโกแล็ตที่แวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อก่อนขึ้นรถตู้ออกมาจากถุง แกะห่อกระดาษฟรอยสีเงิน หักเป็นคำแล้วส่งให้ แมทรับไปกิน คำแรกที่เคี้ยวเข้าไปเหมือนจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ไอ้ตัวจ้อยพ่นลมหายใจยาวๆ และอมยิ้มน้อยๆ
“One more or two more please. (ขอเพิ่มอีกหนึ่งหรือสองเลยครับ)” ผมหักแบ่งออกเป็นคำๆ อีกสามชิ้น วางไว้บนมือและยื่นส่งให้เขา แมทหยิบเข้าปากชิ้นที่สอง และตามด้วยสาม ก่อนตามด้วยสี่ เขาเขี้ยวหงับๆ แก้มอูมน้อยๆ พอเคี้ยวหมดคำก็กระดกน้ำเปล่าเข้าปาก ทุกอิริยาบถเขาไม่ยอมลืมตามขึ้นมาเลย
“ทำไมไม่ลืมตาเลย” ผมถามอย่างข้องใจ มันเป็นเทคนิคอะไรรึเปล่า
“ไม่เอาอะ พอเห็นภาพข้างทางผ่านแบบเร็วๆ แล้วคลื่นไส้” ผมทำหน้าว่าอ้อ มองไอ้ตัวแสบของผมหลับตาพริ้มแล้วยิ้มน้อยๆ ปกติแมทไม่ใช่คนเมารถ เมาเครื่องบิน หรือเมาเรือง่ายๆ อาจเพราะเมื่อเช้าระหว่างทางไปสนามบินเขารีบอัดข้าวเข้าท้องแน่นเกินไป กระเพาะคงจะย่อยไม่ทันเลยทำให้พืดพะอม และอ้วกออกมาจนท้องแห้ง
รถขับมาได้อีกหลายนาทีก็มาจอดหน้ารีสอร์ทขนาดใหญ่โตกว้างขวางแห่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งของพื้นที่ที่เหลือก็กำลังก่อสร้างเพิ่มเติม ผมลงรถไปก่อน แมทค่อยๆ หลับตาคลำทางตามลงมา ผมจับมือเขา พยุงเขาไว้เมื่อยืนบนพื้น เอเลี่ยนน้อยลืมตาขึ้นมองผมแบบเบลอๆ หน้าตาเขายังคงดูเหมือนพร้อมอ้วกตลอดเวลา สีบนหน้าไม่มีเลยเหลือแต่ความซีดเซียว
“Champ, Would you mind to take our bag? (แชมป์ ช่วยถือกระเป๋าไปให้เราหน่อยได้มั้ย)” ไอ้ล่ามทำหน้างง ผมเลยขยายความ
“I’m gonna carry him to the room. (ฉันจะอุ้มเขาไปที่ห้อง)” ไอ้ล่ามทำหน้าเก็ททันที แมทมองหน้าผมงงๆ มึนๆ
“ได้ๆ ไม่มีปัญหา ไปเถอะครับพ่อคนรักเมีย เดี๋ยวเบ๊คนนี้จัดการให้” ผมฟังออกว่าไม่มีปัญหากับรักเมียแล้วก็ยิ้ม พวกเพื่อนแมททำหน้าตาหมั่นไส้ ส่งเสียงว่าอะไรกันหลายอย่าง ถ้าให้เดาคงจิกกัดแมทกันอยู่ แต่ผมรู้ว่าพวกนั้นไม่ได้จริงจัง ผมย่อตัวลงแล้วใช้แขนซ้ายช้อนก้นเขาไว้ อุ้มเหมือนอุ้มเด็ก แมทเอาแขนขวาคล้องคอ ตามด้วยแขนซ้าย ซุกหน้าเข้ากับซอกคอผม ไม่มีท่าอิดออด สงสัยจะหมดแรงจริงๆ เลยตอบรับการอุ้มสบายๆ
“เดี๋ยวออสตินก็ถึง นายให้เขาช่วยก็ได้” ออสตินกับพวกไอ้เบนขึ้นอีกคันตามหลังกันมา แต่พวกนั้นแวะร้านสะดวกซื้อกันนานมาก คันผมเลยออกมาก่อน
เพื่อนแมทพยักหน้ารับ เอเลี่ยนเหมือนจะหลับไปแล้ว ผมกระชับตัวเขาขึ้นอีกนิด ใช้แขนขวาช่วยแขนซ้ายอุ้มตัวเขา ความรู้สึกเหมือนมีลูกลิงมาเกาะ ผมเดินไปตามทางที่ลูกศรชี้ เพื่อนแมทบอกชื่อห้องพักของเราสองคนไว้แล้ว
“อ้าว คุณเรย์มอนด์” อดีตบอดี้การ์ดของผม ปัจจุบันเป็นสามีของเพื่อนแมทเอ่ยทักตอนที่เราเดินสวนกัน
“คุณแมทเป็นอะไรเหรอครับ”
“เมาพาหะนะทุกอย่างที่นั่งมาวันนี้” ผมตอบ เคนยิ้มขำน้อยๆ
“งั้นไปพักผ่อนเลยครับ ห้องคุณอยู่ตรงผาริมทะเลตามที่ขอ มีอาหารว่างให้นะครับ ส่วนอาหารหลักเดี๋ยวมาทานด้วยกัน”
“ขอบใจมาก” ผมยิ้มขอบคุณเขาอีกทีและเดินลงเนินถนนที่เป็นเนินลงเล็กๆ ข้างทางฝั่งซ้ายมือมีบ้านตั้งเรียงรายเห็นวิวทะเล พวกไอ้เบนพักแถบนี้ใกล้กันกับผมนี่แหละ ฝั่งขวาเป็นผาชันเล็กๆ ที่มีบ้านพักตั้งลดหลั่นไต่ระดับลงไปจนติดหาดทราย เดินขึ้นเนินสูงที่ไม่ใช่สูงชันจนปวดน่องก็เจอบ้านไม้สีน้ำตาลแก่ทรงตัวแอลหันหน้าเข้าหาทะเล เป็นบ้านเดี่ยวที่แยกตัวออกมาจากหลังอื่น แต่ก็ไม่ได้ห่างจากหลังอื่นถึงขั้นว่าโดดเดี่ยว แค่มันอยู่ในจุดที่วิวสวยที่สุด เรียกได้ว่าเป็นหลังพิเศษของที่รีสอร์ทแห่งนี้เลยก็ว่าได้
ประตูบ้านบานใหญ่ด้านนอกเปิดรออยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปตามทางที่เทปูน มันเป็นอาณาจักรเล็กๆ ของบ้านหลังนี้ ซ้ายมือมีบาร์ทรงกลมสองชั้นมุงหลังคาจากตั้งอยู่ตรงมุมบ้านพอดี ใกล้กันเป็นที่อาบน้ำก่อนและลงสระว่ายน้ำ ถัดไปอีกจนติดสระว่ายน้ำและเกือบติดริมผาเป็นอ่างอาบน้ำสีขาวทรงสี่เหลี่ยมกลางแจ้งตั้งอยู่ในศาลาโปร่งเล็กๆ ด้านขวามือคือบ้านพักติดกระจกโปร่งใสทั่วด้านหน้าตัวบ้านเพื่อให้เห็นวิวท้องทะเลสีฟ้าได้ชัดเจน อันที่จริงพื้นที่ตรงนี้ทำเป็นบ้านพักที่สามารถพักได้หลายคน แต่เจ้าของเขาทำพิเศษเพื่อผมตามที่รีเควส
ผมถอดรองเท้าแตะของแมทออก โยนเบาๆ ไว้บนพื้น ตามด้วยถอดรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาวของตัวเองออก เลื่อนเปิดประตูกระจก เดินเข้าไปด้านในก็เจอโซนนั่งเล่นของบ้าน มีโซฟา มีทีวีพร้อม ขวามือเป็นครัวแบบฟูลออพชั่น เดินผ่านห้องนั่งเล่นไปก็เป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัว เลี้ยวซ้ายไปก็เจอห้องนอนติดกับสระว่ายน้ำ มีระเบียงไม้กั้นให้นั่งเล่นริมน้ำ ด้านข้างติดกับห้องนอนเป็นระเบียงเทปูนทอดตัวยาวไปสุดหน้าผา มีเตียงนอนอาบแดดวางอยู่สองอัน ผ้าม่านสีขาวปลิวไหวไปตามลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามา
“อือ…” ผมค่อยๆ วางแมทลงบนพื้น เขายืนหน้าตาสลึมสลือ มองไปทั่วห้องอย่างงงๆ ผมถลกผ้านวมสีขาวออก เตรียมเตียงให้เขานอน
“จะนอนหรือจะกินอะไรก่อนมั้ย” ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้ว
“ไม่เอา นอนก่อน มานอนด้วยกันสิ ไม่อยากนอนคนเดียวอ้ะ” ผมยิ้มกับอาการอ้อนของเอเลี่ยนน้อย ก้มลงจุ๊บเหม่งเขาหนึ่งที ยืดตัวขึ้นถอดแว่นออกจากหน้าแล้ววางไว้บนหัวเตียง
“ไปปิดประตูบ้านก่อน” แมทพยักหน้าหงึกๆ ผมดึงยางมัดผมออก ปล่อยผมสยาย ถอดเสื้อยืดสีขาวออกและถือไว้ในมือ เดินไปเลื่อนปิดประตูบ้าน บิดล็อคกลอน แต่ไม่ได้ปิดผ้าม่าน พอเดินกลับเข้าไปในห้องนอน แมทก็ล้มตัวลงนอนรออยู่ก่อนแล้ว
“เปิดแอร์มั้ย หรือจะเอาแอร์ธรรมชาติ” แมทหลับตาเหมือนกำลังวัดความเย็นจากลมด้านนอก
“เอาลมทะเลก็ได้” ผมพยักหน้า ถอดกางเกงขาสั้น โยนไว้บนพื้นกับเสื้อ เหลือแต่กางเกงในสีขาว ผมคุกเข่าลงบนเตียงดึงแมทให้ลุกขึ้นนั่ง
“ถอดเสื้อผ้า จะได้สบายตัว” แมทชูแขนขึ้นให้ผมดึงเสื้อยืดสีขาวแบรนเดียวกับผมออกจากตัว เขาปลดกระดุมกางเกงขาสั้นสีเดียวกับของผม ผมช่วยดึงกางเกงออก โยนลงไปกองที่เดียวกับเสื้อผ้าผม หันกลับมาล้มตัวลงนอนพร้อมกัน แมทเขยิบเข้ามาใกล้ ผมเอาสองมือประสานไว้ใต้ท้ายทอย แมทนอนซบอก มือขวาผลุบเข้าไปในกางเกงในของผมและจับยักษ์น้อยไว้
“จะนอนจับมันเหรอ”ผมถามขำๆ แมทแหงนหน้าขึ้นมองผมและพยักหน้าเบาๆ
“อือ อยากจับ” ผมยิ้มกว้าง เลื่อนมือซ้ายไปถอดกางเกงในจนหลุดออกจากขา โยนลงไปบนพื้นอย่างไม่สนใจ ผมยกมือขวาออกจากท้ายทอย โอบหลังเอเลี่ยนน้อยไว้ มือซ้ายวางไว้ข้างตัว หลับตาพริ้มกับความเสียววูบน้อยๆ ที่ลูกชายโดนมือเขาจับ แมทลูบตามตัวยักษ์น้อยเบาๆ ในขณะที่เขาค่อยๆ หายใจสม่ำเสมอเป็นการบอกว่าเข้าสู่ห้วงแห่งการนอนไปแล้ว ผมลืมตาขึ้นมองวิวอีกสักแปบก่อนที่จะหอมกลางกระหม่อมแมทหนึ่งทีและหลับตามเขาไป
มะรืนนี้ก็วาเลนไทน์ละ หึๆ
ติ๊งหน่อง!
เสียงกริ่งใสดังขึ้นลั่นบ้าน ผมงัวเงียลืมตาตื่น แอบตกใจนิดหน่อยเมื่อท้องฟ้าที่ตอนมากระจ่างใสตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดงในบรรยากาศยามเย็น ในห้องมืดสนิทเพราะไม่ได้เปิดไฟไว้ ผมหันไปมองแมทก็เห็นเขานอนแผ่หลาอยู่ข้างตัว ผมลุกออกจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูสีขาวออกมาพันรอบเอว เดินตรงไปทางประตูบ้าน ระหว่างทางก็กดเปิดไฟให้ความสว่างในบ้านไปด้วย ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นร่างของคนที่กดกริ่งเมื่อครู่
“ไฮ วิคเตอร์” ผมเลิกคิ้วขึ้นตอนที่เปิดประตูและผู้ชายคนนั้นทัก ผมมองเขางงๆ ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายที่ผมไม่คุ้นหน้ามายืนตรงนี้ได้
“ผมเอง เนเพื่อนคุณสมัยเด็ก เราเจอกันที่งานแต่งเคนในกรุงเทพฯ ไง” ผมยังคงขมวดคิ้วแต่ก็น้อยกว่าเดิม มองหน้าผู้ชายคนนั้นและพยายามเค้นความทรงจำของตัวเอง จำได้ลางๆ แต่ก็ไม่แม่นนัก
“เฮ้… ว่าไง มาได้ไงเนี่ย” ทักไว้ก่อนแล้วกัน จำได้นิดหน่อย แต่จำไม่แม่นหรอก
“หมายถึงมาไหน…” ผู้ชายคนนั้นยิ้มขำน้อยๆ ผมยิ้มแบบมึนๆ งงๆ
“…ถ้ามางานนี้คือเราเป็นญาติของเจ้าบ่าวไง แต่ถ้ามาที่ห้องนี้ญาติเราให้มาตามไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงงปนประหลาดใจ เพิ่งตื่นนอนและยังจำหน้าคนนี้ไม่แม่นด้วยเลยเบลอไปหมด
“โอเค เดี๋ยวฉันปลุกแฟนแล้วตามไป”
“ได้ ที่บาร์ริมทะเลนะ” ผมพยักหน้าไปเรื่อย คิดว่าค่อยเดินตามลูกศรไปเดี๋ยวก็เจอ คนชื่อเนยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไปทางประตูรั้วใหญ่ของบ้าน ผมหมุนตัวจะกลับไปทางห้องนอน กะจะไปปลุกเอเลี่ยนขี้เซา แต่ก็สะดุ้งตกใจเมื่อเจอเขายืนดื่มน้ำตรงตู้เย็นในสภาพเปลือยเปล่า หน้าตายุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอน เดินออกมาตอนไหนวะ แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเห็นรึเปล่าน่ะ
“เพื่อนเก่าคุณคนนั้นเหรอ” แมทกระดกน้ำผลไม้เข้าปากอึกๆ ก้มลงไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นออกมาวางไว้บนโต๊ะไม้กลางห้องครัว หยิบมะม่วงขึ้นมากินเต็มปากเต็มคำ
“ฉันยังจำไม่ได้เลยว่าเพื่อนเก่าคนไหน ทำไมนายจำได้” ผมก้าวเท้าเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังเขา แมทหยิบแอปเปิ้ลป้อนผมหนึ่งชิ้น ผมรับเข้าปากแล้วเคี้ยว
“ผมจำได้เพราะเขาแปลกๆ อะ” แมทย่นคิ้ว หยิบแอปเปิ้ลเข้าปากตัวเองอีกชิ้นและหยิบให้ผมอีกชิ้นเช่นกัน แล้วเขาก็เปลี่ยนไปหยิบมะม่วงจิ้มพริกในถ้วยเล็กๆ ยัดเข้าปากเคี้ยวดังกรุบๆ
“แปลกยังไง” ผมถามหลังจากเคี้ยวแอปเปิ้ลจนหมดปาก แมทหันหน้านิ่วคิ้วย่นมามองผม ทำหน้าครุ่นคิดคิดมากแต่ปากไม่ยอมหยุดขยับ เคี้ยวจนแก้มป่องน่าหยิกแก้ม
“ก็แปลกๆ ไม่ค่อยน่าไว้ใจ” ผมเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกแปลกไปกับเขาด้วย ไม่รู้แปลกเพราะเพื่อนเก่าคนนั้นหรือแปลกเพราะแมทบอกว่ามันแปลก
“คิดมากอีกแล้วรึเปล่า” แมทย่นจมูก หยิบมะม่วงจิ้มพริกเข้าปากอีกชิ้น เคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางแบบนี้คงหายดีแล้ว ตื่นมาก็กินก่อนเป็นอย่างแรกตามนิสัย
“อาจจะมั้ง แรกๆ อาจแปลก แต่เดี๋ยวคงชิน…” แมทหันตัวมาหาผม ผมเลยยกตัวเขาขึ้นไปนั่งบนโต๊ะไม้ แขนขวาเขาคล้องคอผม ส่วนแขนซ้ายเอื้อมไปหยิบผลไม้มากินต่อ
“…คุณจะเป็นเพื่อนกับเขาต่อหรือเปล่า” ผมย่นคิ้ว ไม่ค่อยเก็ทกับคำถามเท่าไหร่ พยายามตีความให้ตัวเองเข้าใจง่ายที่สุด คงหมายถึงว่าจะเป็นเพื่อนกันเหมือนพวกไอ้เบนหรือเปล่าละมั้ง
“ก็คุยได้ แต่เดี๋ยวเราก็กลับนิวยอร์ก ไม่สนิทกันหรอก” ผมตอบสบายๆ ยกมือเขี่ยน้ำตาลตรงมุมปากออกให้เขา เอเลี่ยนตัวจ้อยมองหน้าผมอย่างขบคิดจนผมทำหน้างง
“ทำไม ไม่ชอบหมอนั่นเหรอ” แมทเอียงหน้าไปด้านขวาเล็กน้อย กลอกตาขึ้นบนแว้บหนึ่งและค่อยเลื่อนกลับมามองหน้าผมตามเดิม
“ยังไม่ถึงขั้นนั้น…” เขากระเถิบก้นลงจากโต๊ะ แหงนหน้ามองผม สองมือจับกรอบหน้าผมไว้ ดึงให้ลงไปประทับจูบแนบปากเขาพักหนึ่งแล้วปล่อยออก
“…อยากเล่นน้ำ” อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง ผมประหลาดใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่คิดจะพูดเรื่องคนอื่นให้เป็นสาระสำคัญหลักระหว่างเราสองคนอยู่แล้ว จำยังจำไม่แม่นเลย ผมเลิกคิ้วขึ้น หันไปมองสระว่ายน้ำด้านนอกที่ยังไม่ได้เปิดไฟในสระและหันกลับมายิ้มให้เขา เจ้าตัวจ้อยยิ้มแฉ่ง
“หายแพ้ท้องแล้วใช่มั้ย” แมทยิ้มย่นจมูก หัวเราะในลำคอเสียงเบา
“หายแล้ว ได้นอนจับยักษ์น้อยก็หายเลย คึๆ” แมทยิ้มน่ารัก ทำเหล่ลงมองตรงเป้าผม ผมหัวเราะเบาๆ ก้มลงหอมหน้าผากเขาหนึ่งที
“ไม่หิวข้าวรึไง”
“เดี๋ยวค่อยไปกินก็ได้ อยากเล่นน้ำ จะได้สดชื่น” เขาทำหน้าอ้อน เลื่อนมือลงไปปลดผ้าขนหนูผมออกและปล่อยลงกองกับพื้น ผมยิ้มตาวาว แมทยิ้มกรุ้มกริ่ม
“งั้นก็ไป” ผมย่อตัวลงอุ้มก้นเขาขึ้น แมทตวัดสองขาเกี่ยวเอวผมแน่น สองแขนคล้องคอผมหลวมๆ เขามองหน้าผมและยิ้มจิ้มลิ้มแก้มอิ่ม ผมอุ้มเขาไปทางประตูบ้าน แวะเปิดไฟด้านนอกบ้านกับสระว่ายน้ำเพื่อให้ความสว่าง แสงไฟสีส้มนวลตาสว่างไปรอบตัวบ้าน แสงไฟสีเหลืองใต้น้ำส่องสว่างตัดกับน้ำสีฟ้าในสระ เสียงคลื่นทะเลดังแว่วมาจากด้านล่างหน้าผา
“อาบน้ำก่อน” ผมพาเขาเดินเข้าไปห้องอาบน้ำฝักบัวก่อนและหลังลงสระว่ายน้ำ ไม่ถึงกับเป็นห้องมีประตูจริงจัง แค่ก่ออิฐขึ้นเป็นสี่เหลี่ยมทรงสูงที่มีทางเข้าเล็กๆ ด้านในมีฝักบัวอันเบ้อเริ่มอยู่บนหัว มีโต๊ะหินทรงสี่เหลี่ยมตั้งใกล้กับผนังด้านข้าง ผมจะวางแมทลงบนพื้น แต่เขาไม่เกี่ยวเอวผมแน่นไม่ยอมลงและยิ้มทะเล้น ผมยิ้มกว้าง บีบก้นเขาเต็มมือ พาเขาไปยืนใต้ฝักบัว เอื้อมมือขวาไปเปิดน้ำ
“ฮู้ววว ฮิๆ” แมทส่งเสียงเสียงเล็กเสียงน้อยตอนที่น้ำเย็นๆ รดโดนตัวเราสองคน เขาหลับตาแหงนรับน้ำจากฝักบัว ผมยื่นหน้าไปไซ้คอเขาอย่างหื่นกระหาย ดูดดึงเนื้อตรงคอเต็มปากเต็มคำ
“อ่ะ…” แมทครางเสียงแผ่ว ขยับคอคล้ายจะหนี แต่ก็หนีไม่พ้น
“เตอร์…” เขาครางเสียงสั่น ผมคำรามในลำคอ อารมณ์พุ่งพล่าน ดันหลังเขาติดกับผนังปูนเรียบด้านสีเทา ไซ้คอเขาหนักหน่วง สูดดมเนื้อที่คุ้นเคย ดูดลำคออย่างกระหาย สองมือแมทจิกผมด้านหลังผมแน่น
“…เตอร์จ๋า เล่นน้ำ” เขาครางเป็นภาษาไทย ผมกดจูบลงบนซอกคอฝั่งซ้ายของเขาและผละออก มองตาเขาด้วยอาการอยากฟัด แมทกัดปากล่างแล้วยิ้มยั่ว ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมไปที
“อีกสองวันนะเตอร์ คิๆ” ผมยิ้มเหี้ยม ร้ายนักนะไอ้เตี้ย เดี๋ยวถึงวันนั้นก่อนเถอะ ฮึ่ม!
“จะจับมัดมือมัดเท้าไม่ให้ลุกไปไหนเลยคอยดู” ผมว่าอย่างหงุดหงิด อยากจับเอเลี่ยนตีก้นให้เนื้อแตก ทั้งหมั่นไส้ ทั้งมันเขี้ยว อยากกัดเนื้อแน่นๆ ของเขาไปทั้งตัวเลย
แมทหัวเราะคิกคัก ผมคำรามเบาๆ บอกใจให้อดทนทั้งที่ลูกชายพุ่งตระหง่านพร้อมแทง เราอาบน้ำกันอีกสักพัก ผมก็อุ้มแมทออกมาตรงริมสระน้ำ ผมวางเขาลงบนพื้น
“เดี๋ยวนี้ยักษ์ใหญ่ใจดีกับเอเลี่ยนน้อยจังเลย น่ารักกก” แมทหัวเราะชอบอกชอบใจ แหงนหน้ามองผมแว้บหนึ่งก่อนจะยื่นหน้าไปจูบตรงรอยสัก มือขวาซุกซนด้วยการบีบยักษ์น้อยเต็มมือ
“ฉันก็ใจดีกับนายตลอด” แมทเอียงคอมองหน้าผมเหมือนเห็นของประหลาด มือขวารูดอาวุธกลางกายของผมเข้าออกเบาๆ
“กล้าพูด” ผมหัวเราะ แมทเดินนำผมไปตามขอบสระ มือขวาจับจูงลูกชายผมที่พุ่งตรงแข็งปัก ผมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เขาพาผมหมาหยุดอยู่ตรงริมผาของบ้านพักเรา
“วิวสวยเนอะ” วิวสวยน่ะเห็นด้วย แต่ยืนเฉยๆ ก็ได้ ยืนไปชักของผมไปแบบนี้เกิดเขื่อนแตกขึ้นมาพุ่งแหลมริมผาเลยนะ
“จะเล่นมั้ยน้ำน่ะ” แมทยิ้มตาหยี ปล่อยมือออกจากลูกผมและออกแรงผลักผมแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัวลงสระเสียงดังตู้ม น้ำกระจายเป็นวงกว้าง ผมมองไม่เห็นอะไรอยู่พักหนึ่งนอกจากน้ำลางๆ ก่อนจะดีดตัวโผล่ขึ้นจากน้ำแล้วลืมตาขึ้น สะบัดน้ำออกจากหน้ากับหัว มองไอ้เอเลี่ยนขี้ดื้อหัวเราะกิ๊กกั๊กอยู่บนฝั่ง ผมชี้หน้าเขา หน้าตาพร้อมลงโทษ แมทกระโดดตู้มตามลงมา ว่ายน้ำเหมือนท่าหมามาหาผม และใช้สองแขนเกาะคอผมไว้
“ฮึๆ” เขาหัวเราะสนุกสนาน ตีขาในน้ำแตกกระจาย ผมยืนเป็นเสาให้เขาเกาะ เดินวนในสระไปเรื่อยๆ
“ว่ายเหมือนหมายังไงก็ยังเหมือนหมาอย่างนั้น” แมททำปากยื่น ดีดขาในน้ำสนุกสนาน เขาเป็นคนว่ายน้ำไม่แข็ง คือว่ายได้ แต่ก็ว่ายแบบท่าหมาเมื่อกี้ ถ้าเกิดมีคนจมน้ำพร้อมเขา แมทจะสามารถเอาตัวรอดคนเดียวได้ แต่ไม่สามารถช่วยอีกคนนึงได้
“พูดถึงหมา ไมเคิลกับฟอกซ์เป็นไงมั่ง” เขาค่อยๆ ลดแรงดีดขา ผมกระเถิบถอยหลังไปยืนชิดขอบสระฝั่งติดหน้าผา ท้องฟ้าไม่เหลือแสงสีแดงสีส้มปนแล้ว กลายเป็นสีน้ำเงินเข้มที่มีดาววิบวับประดับอยู่บนนั้น
“สเตดูแลอย่างดี” แมทเม้มปาก หลบตาผมไปมองทางอื่นวูบหนึ่งแล้วก็กลับมามองต่อ ก่อนจะแค่นยิ้มน้อยๆ ผมย่นคิ้วหรี่ตามองอาการนั้น กำลังคิดอะไรไกลๆ อยู่แน่ๆ
“คิดถึงพวกมันเนอะ” ผมกระตุกยิ้ม ดึงเขาเข้ามาชิดติดกับตัว แมทยกสองมือขยุ้มเส้นผมยาวของผมเบาๆ
“เดี๋ยวก็ได้กลับไปหาพวกนั้นแล้ว” แมทยิ้มอ่อน ทำหน้านึกอะไรสักแปบก่อนเอ่ยถาม
“คุณได้ยินเสียงโทรศัพท์ผมบ้างมั้ย มันเงียบตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันตอนนี้เลยอะ” ผมตีหน้านิ่ง สองมือใต้น้ำลูบก้นเขาเบาๆ
“เปิดเครื่องให้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครโทรมาหรือส่งอะไรมานะ” ผมก้มลงจูบรอยแดงตรงคอเขาที่ผมทำให้ไว้ก่อนลงสระน้ำ แมทย่นคิ้วหน้าตาสงสัย
“เหรอ แปลกจัง พีทไม่โทรมาจิก” ไม่แปลกหรอก ก็แค่ปิดเครื่องเขาตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันตอนนี้ พ่อกับแม่รู้ว่าอยู่กับผมก็ไม่โทรมากวนแล้ว ไอ้ที่โทรมากวนคือไอ้พวกกองถ่ายของแมทนั่นแหละ ถ้าเกิดเปิดโทรศัพท์ก็เท่ากับแมทต้องเปิดคอมด้วย และเขาก็จะนั่งจับเจ่าอยู่ตรงนั้นแทบไม่ลุกไปไหน
“งานก็คงผ่านแล้วนั่นแหละ” เขายังทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เดี๋ยวก่อนกินข้าวขอมือถือหน่อยนะ” ผมทำหน้าเซ็ง แมททำหน้าอ้อน
“ไม่นานหรอก จริงๆ” บอกไม่นานแบบนี้ตลอด แต่ก็นานตลอดทุกที
ผมทำหน้าระอา แมททำปากจู๋ ยื่นจมูกมาขยี้แก้มซ้ายผมเบาๆ เรามองหน้ากัน แมทยิ้มแฉ่ง ผมยังคงทำหน้าไร้อารมณ์ สักพักแมทก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ดำลงไปในน้ำ ผมคิดว่าเขาจะดำน้ำเล่น แต่แล้วท้องผมก็หดเกร็งเพราะเอเลี่ยนน้อยกำลังใช้ปากให้กับผมอยู่ใต้น้ำ ผมก้มลงมองหัวสีดำที่เห็นลางๆ ใต้น้ำผงกเข้าผงกออก เป็นความรู้สึกแปลกใหม่และแปลกใจที่แมททำแบบนี้ ผมหลับตาพริ้ม สองแขนวางบนขอบสระด้วยท่วงท่าที่สบาย
บุ๋ง~
“ฮิๆ เอาอีกมั้ย” แมทผุดขึ้นมาจากน้ำ ส่งยิ้มขำขันมาให้ สองมือลูบน้ำออกจากหน้า ผมยิ้มเมา พยักหน้าน้อยๆ
“เอาอีก เอาเยอะๆ เลย แตกเลยก็ได้” แมทลอยหน้าลอยตาและส่ายหัว
“ยังแตกไม่ได้” ว่าจบเขาก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และดำลงไปในน้ำอีกรอบ ผมซี๊ดปากเบาๆ กับความเสียววูบใต้น้ำ แหงนหน้าหลับตาพริ้ม กลืนน้ำลายลงคอเป็นระยะ
“ไอ้วิคเตอร์!” ผมเปิดเปลือกตาพรึบ มองไปทางต้นเสียงก็เห็นไอ้อันเดร ไอ้เบนและแฟนไอ้เบนเดินดาหน้าเข้ามาพร้อมกันสามทหารเสือ ผมหน้าเหวออ้าปากค้างน้อยๆ ก้มลงมองหัวทุยๆ ของเอเลี่ยนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ
“อะ… เออ ว่าไง” ไม่รู้แมทดำน้ำได้นานแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ใช้ปากให้ผมเสียวได้ที่เลย หน้าท้องเกร็งไปหมดแล้ว
“ไปกินข้าวกัน” ผมย่นคิ้วเพราะเสียววาบกับความรู้สึกคับแน่นของปากแมท
“เออ เดี๋ยวฉันตามไป พวกแกไปก่อนเลย” โอย เสียวหัวมาก ผมพยายามเก๊กหน้านิ่งไม่ให้มีพิรุธ แต่คนใต้น้ำก็ดูจะสนุกกับการอมของผมเหลือเกิน
“แล้วแมทไปไหน” คราวนี้ไอ้เบนถามบ้าง มันมองหาแมทไปรอบที่พัก ผมภาวนาว่าให้แฟนผมอดทนอีกนิดอย่าเพิ่งโผล่ขึ้นมา แต่คำภาวนาไม่เป็นผล เพราะคนที่ไอ้เบนกำลังมองหาอยู่ก็โผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำและหัวเราะสดใสอยู่คนเดียว
“เสียวมั้ย แปลกดีอะ แต่สนุกมาก อมจุ๊ดจู๋ในน้ำ” ผมอ้าปากพะงาบๆ อยากจะบอกให้ที่รักผมหยุดพูด แต่ก็ไม่ทันแล้ว ไอ้สามคนบนบกอ้าปากหวอกะพริบตาปริบๆ แมทเห็นผมทำหน้าค้างเลยหันไปมองข้างหลังอย่างชาญฉลาด แปบเดียวก็หันกลับมามองผมตาโต หน้าช็อคไปแล้ว
“ตายแล้ว” แมทอุทานเบาๆ และหลับตาปี๋ ไม่รู้จะทำหน้าทำตาแบบไหน ท่าทางเลิ่กลั่กสักแปบ และคงเพราะไม่รู้จะทำยังไงเขาเลยเข้ามากอดผม เอาหน้าซุกคอผมไว้ไม่ยอมหันไปมองสามคนนั้น ตอนแรกผมก็อึ้ง แต่ตอนนี้ผมขำไอ้ตัวจ้อยมาก นิ่งตัวแข็งทื่อไปเลย กอดคอผมแน่น หน้าซุกซอกคอผมนิ่ง
“แหม่ แมทกินมื้อเย็นก่อนใครเลยนี่หว่า” แฟนไอ้เบนพูดเป็นภาษาไทย ซึ่งน่าจะเป็นการแซวเพราะบาสอมยิ้มน้อยอมยิ้มใหญ่ ไอ้เบนอมยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นเกาจมูกเบาๆ ส่วนไอ้อันเดรอ้าปากหน้าค้างเติ่ง
“Ha! Now I see why you look horny oftentimes with him. He has many tricks for you. (โห มิน่า แกถึงหงี่กับแมทบ่อยๆ ลูกเล่นเยอะแบบนี้นี่เอง)” เบนกับบาสยิ้มขำ ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ยักคิ้วให้ไอ้อันเดรไปที แมทยืนกองผมตัวแข็งทื่อ ผมลูบหลังเขาเบาๆ
“How was it? Did you cum? (เป็นไงวะ เสร็จยัง)” ไอ้อันเดรถามต่อ ไอ้นี่ถามอย่างสอดรู้สอดเห็นด้วยนะ ไม่ได้แกล้งถาม
“เออน่า พวกแกไปกินข้าวก่อนไป เดี๋ยวตามไป จองที่ให้ด้วย”
“เออ…” เบนเนดิคท์รับคำ ก่อนเลื่อนสายตามองแมทยิ้มๆ “…อมจนท่วมปากแล้ว ก็ตามไปนะแมท!”
“ฮื้อออ” แมทครางเสียงดังจนไอ้พวกนั้นขำ เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ดันตัวเองชิดติดกับผมกว่าเดิม ผมหัวเราะไปกับพวกไอ้อันเดรด้วย
“ตามมาแล้วกัน เดี๋ยวเก็บอาหารไว้ให้” อันเดรบอกและนำทัพทุกคนเดินออกไปจากบ้านพร้อมเสียงหัวเราะเฮฮาและคำแซวเอเลี่ยนของผมมากมาย คนโดนแซวยังซุกคอผมนิ่ง ไม่รู้วิญญาณหลุดออกจากร่างรึยัง นิ่งเหลือเกิน ผมหัวเราะในลำคอและหอมแก้มเขาไปทีด้วยความมันเขี้ยว ทิ้งไว้สักแปบให้หายช็อคก่อนแล้วกัน

มาแล้ววววว มาแล้วจ้ะ หนูกลับมาแล้วววว
หายไปเพราะติดงานค่ะ จริงๆ งานเสร็จไปสักพักนึงละ แต่ว่าพอเสร็จงาน ตอมก็เริ่มตรวจต้นฉบับเรื่องแม่เรียวจันทร์ต่อเลย ประเด็นคือพรูพคนเดียว เลยช้ามาก รอบนี้ไม่มีคนช่วย เพื่อนที่เคยช่วยพรูพไม่ว่างเลยยย ตอมก็เลย เอาวะ ทำเอง 55555 เลยอาจจะหายไปนาน แต่จริงๆ ถ้าเป็นเรื่องพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน มันบวกกับที่ตอมเขียนสดอัพสดด้วย คือเขียนอีกวัน อัพอีกวัน ไม่มีต้นฉบับในสต็อก เขียนเสร็จก็อัพ อย่างที่เคยแจ้งไปตั้งแต่ต้น เรื่องนี้อาจจะไมไ่ด้อัพถี่ๆ รัวๆ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่หายแน่นอน เขียนต่อแล้ว ตอมต้องเขียนให้จบอยู่แล้ววว
ช่วงนี้ถ้าเป็นสุดสัปดาห์ ตอมจะติดละครมากกก ติดเพลงพระนางอย่างแรง เลยอาจทำให้สมรรถภาพในการเขียนนิยายช้าลง เพราะมัวแต่ด่าอีทิพย์! 555555
ตอนนี้นะคะ ถ้าเปิดเพลง Zoom ของแม่ทาทายังไปด้วยจะช่วยเพิ่มอรรถรสการอ่าน 55555 แต่หาฟังยากมากกก อันนี้ตอมนึกเนื้อเพลงได้เลยเอามาตั้งเป็นชื่อตอน เหมาะกับแมทและวิคเตอร์ตอนนี้เลย มองได้แต่ตาอย่าต้อง แต่สำหรับแสองผัวเมียก็จะเป็น ต้องได้แต่ห้ามแตก ว้ายยยย คริๆ
เจอกันส่วนต่อไปค่าาา ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยนะคะที่ยังรออ่านนิยายเรื่องนี้เสมอ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่สัญญาว่าจะไม่ดองแน่นอน ไม่ทิ้งคนอ่านแน่ๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พาร์ทแรกจนพาร์ทสุดท้ายละเนอะ ^__^
ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ
แท็ก #LoveNoBoundaries