คุณเมียภาคบังคับตอนที่ 17
ช่วงเวลาเช้ามืดของวันใหม่ภายในห้องพักของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของจังหวัดที่สองสามีภรรยาอย่างณัฐภาสและ
พัสกรยังคงหลับใหลอยู่ในนิทราโดยมีร่างเล็กของพัสกรนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในชุดผู้ป่วยและมีณัฐภาสนั่งพลุบหลับอยู่
ข้างเตียงของภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ โดยที่มือของทั้งสองคนนั้นจับกุมกันไว้แน่นแม้ว่าจะเป็นเวลาที่หลับใหลอยู่ก็ตาม
เหมือนกับว่าร่างกายของทั้งคู่คงต้องการจะยืนยันว่าวันนี้ ตอนนี้และเวลานี้เขาทั้งสองคนยังคงมีกันและกัน
ดวงตากลมโตขยุกขยิกขยับไปมาภายใต้เปลือกตาสีน้ำนมอยู่นานก่อนที่จะค่อยปรือตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่
พัสกรเห็นคือความมืดที่โรยตัวอยู่รอบๆห้องเพราะยังไม่เช้าดีพระอาทิตย์ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะส่องแสงเลยมีแต่ความมืดครึ้ม
เท่านั้นที่คอยต้อนรับพัสกรอยู่ พอหันไปทางซ้ายของมือก็เห็นเสาน้ำเกลือห้อยระโยงระยางมาเจาะติดกับหลังมือข้างซ้าย
ของตัวเองและสิ่งนี้ก็ทำให้เขานั้นแน่ใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่โรงพยาลที่ไหนสักที่ พอเริ่มจะหายจากความง่วงงุนพัสกร
ก็รู้สึกถึงความชาและหนักบริเวณแขนข้างขวาของตัวเองขึ้นมาอีก พอหันไปมองดีๆแล้วก็รู้ได้ถึงสาเหตุ นั่นเป็นเพราะว่า
คุณสามีของเขานี่เองที่เป็นต้นเหตุในการปวดเมื่อยในครั้งนี้
"อื้มมม...พัส!! พัสตื่นแล้วหรอครับ!! เป็นไงบ้าง!! เจ็บตรงไหนบ้าง!! บอกพี่สิพัส!! พี่เรียกหมอสินะๆ" พอลืมตาตื่นขึ้นมา
แล้วเห็นดวงที่กลมโตเหมือนตากวางของภรรยา ณัฐภาสก็โหวกเหวกโวยวายอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่พัสกรได้แต่มองอย่างมึนๆ
แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไรณัฐภาสก็วิ่งหายออกไไปจากห้องพักเสียแล้ว สงสัยคงจะไปตามหมออย่างที่เจ้าตัวพูดนั่นแหละ
สงสัยณัฐภาสจะตกใจ ดีใจ หรืออะไรก็ตามแต่ ที่แน่ๆคือณัฐภาสคงจะลืมไปว่าไม่ต้องวิ่งออกไปตามขนาดนั้นหรอก แค่
กดเรียกในห้องนี่หมอและพยาบาลก็มาหาเองนั้นแหละ
"อืม...ร่างกายของคนไข้ดีขึ้นเยอะแล้วนะครับ มดลูกและแผลผ่าที่บริเวณท้องน้อยเองก็ไม่ได้ติดเชื้อแต่อย่างใด ยังไง
เดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลจัดยาให้แล้วก็กลับบ้านได้เลยนะครับ ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปหมออยากจะให้คนไข้
คุมกำเนิดเว้นระยะฟื้นฟูมดลูกให้แข็งแรงซักสามเดือนนะครับ แต่ระหว่างนี้พวกคุณก็มีเพศสัมพันธ์กันได้ปกตินะครับ
นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วแหละครับ ยังไงหมอก็ขอตัวเลยนะครับพอดีหมอมีผ่าตัดต่อนะครับ" พูดจบคุณหมอ
เจ้าของไข้ก็เดินออกไปพร้อมกับพยาบาลที่เข้ามาพร้อมกัน ห้องพักแห่งนี้จึงเหลือแค่สองสามีภรรยาอย่างณัฐภาสและพัสกร
เท่านั้น แต่ด้วยความที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยตั้งแต่หมอและพยาบาลออกไปบรรยากาศรอบๆตัวของทั้งสองคนตอนนี้
มันเลยดูวังเวง เคล้าความเศร้าและกดดันอย่างแปลกๆ
"ที่..คุณหมอพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงพี่ภาส มันหมายความว่ายังไง!! แท้งหรอ!! พัสแท้งหรอ!!" หลังจากที่เงียบ
กันอยู่นานพัสกรก็พูดถามออกมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลริน
"พัสเสียลูกไปแล้วหรอ!! ลูกไม่อยู่แล้วหรอพี่ภาส!! ลูกล่ะพี่ภาส!!! ลูกของเรา!! มันไม่จริงใช่มั้ยพี่ภาส!! มันไม่จริงใช่มั้ย!!!
ตอบสิ!! บอกพัสมาว่าลูกยังอยู่กลับพัส!!! ลูกยังไม่ได้ไปไหนน่ะ!! ฮืออออออออ...." พัสกรกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"ใจเย็นครับๆ ใจเย็นๆนะพัส เดี๋ยวลูกก็กลับมาหาเรานะ ไม่เป็นไรนะพัส ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวลูกก็กลับมานะครับ"
ณัฐภาสคว้าตัวภรรยามากอดแทบไม่ทันเมื่อพัสกรกรีดร้องออกมาอย่างกับคนเสียสติ ร้องไห้โวยวายดีดดิ้นไปมาอยู่ในออ้มกอด
ของณัฐภาสด้วยความเสียใจ
"ทำไมล่ะพี่ภาส พัสเพิ่งได้รับรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ฮึก!! ทำไมล่ะพี่ภาส ทำไม ฮึก!! พัสทำอะไรผิดหรอ
พี่ภาสทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นกับลูกเราล่ะ ฮือออออ...." พัสกรพูดไปร้องไห้ไปกับความสูญเสียความเสียใจที่ไม่สามารถวัด
ระดับได้ พรางนึกไปถึงตอนที่ได้รับรู้ถึงการมีตังตนของลูกในท้องตัวเอง ความสุขใจและความอบอุ่นที่ได้รับรู้จากลูกน้อย
ในครรภ์เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันทำให้เขามีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย แต่ทำไมล่ะ ทำไมฟ้าช่างใจร้ายกับเขาจัง
เขาทำอะไรผิดมากมายถึงขนาดที่จะต้องมาพรากลูกไปจากเขาเลยหรือ
"ฮึก! ลูกล่ะพี่ภาส ลูกจะเจ็บมากไหมที่โดนอย่างนั้น ฮึก!! พัสเป็นแม่ที่แย่มากเลยใช่มั้ย ฮึก! ที่ปกป้องลูกของเราไม่ได้
ลูกล่ะพี่ภาส ฮึก! ลูกของเราล่ะพี่ภาส ลูกของเราเขาหายไปไหนล่ะ ฮึก! ลูกแม่ ฮือออออออ....." พัสกรกอดซบร้องไห้กับอก
สามีร้องไปพูดไปเหมือนกับคนเพ้อ ดิ้นไปมาจนรอยเย็บที่แผลผ่าปริออกเลือดซึมเต็มท้องแล้วยังไม่รู้ตัวเพราะเหมือนกับว่า
ความเจ็บตรงนั้นมันยังไม่เท่ากับเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของความรู้สึกในหัวใจอันบอบช้ำของเขาเลยสักนิด
"ไม่ผิดหรอกครับ พัสไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ อย่าคิดมากสิครับ อย่าร้องไห้หรือเสียใจอีกเลยนะครับ อาจจะเป็นเพราะว่า
มันยังไม่ถึงเวลาของเรา ถ้าลูกรู้ว่าคุณแม่มาร้องไห้เสียใจเพราะเขาลูกก็จะต้องร้องไห้ตามคุณแม่แน่ๆเลย พัสอยากให้ลูกเสียใจ
หรอครับฮึ?" ณัฐภาสผละตัวออกพูดปลอบพร้อมกับปาดน้ำตาให้ภรรยาเบาๆ ยิ่งเห็นพัสกรมีอาการอย่างนี้เขายิ่งรู้สึกแย่ แต่ใน
เมื่อมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของลูกเขาก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามสมควร แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดที่เขาจะ
ต้องทำตอนนี้คือการดูแลเยียวยารักษาจิตใจของภรรยาตัวน้อยของเขาให้ดีได้ดังเดิมให้เร็วที่สุด
"ไม่"
"ถ้าพัสไม่อยากให้ลูกเสียใจ พัสก็ต้องหยุดร้องไห้ หยุดโทษตัวเอง และทำใจให้สบาย ใช้ชีวิตในวันนี้ พรุ่งนี้และวันต่อๆไป
อย่างมีความสุขเหมือนกับที่ผ่านๆมานะครับ ลูกจะได้กลับมาอยู่กับเราเร็วๆไงครับ ตอนพี่หลับนะพี่ฝันเห็นลูกด้วยล่ะ ลูกบอก
ว่าให้คุณป๋าดูแลคุณแม่ดีๆ ห้ามให้คุณแม่เสียใจ รักษาตัวเองให้หายไวๆ แล้วลูกจะรีบกลับมาหาเราเร็วๆเลย รู้มั้ยครับ"
ณัฐภาสโป้ปดหลอกล่อภรรยาใช้วิธีเหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็กไม่มีผิด ซึ่งถ้าเป็นพัสกรในเวลาปกติ สภาวะจิตใจและอารมณ์
ปกติคงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่ในเวลาที่บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจอ่อนแออย่างนี้ทำให้พัสกรแตกต่างไป
"จริงหรอฮะพี่ภาส ลูกบอกพี่ภาสอย่างนั้นจริงๆหรอ ฮึก!" พัสกรถามพรางสะอื้นเหมือนจะหลงเชื่อไปกับคำพูดหลอกเด็ก
ของสามีอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด
"จริงสิครับ! ลูกบอกว่ากลับมาอีกทีจะเอาน้องมาอยู่เป็นเพื่อนกันด้วยล่ะ เพราะฉะนั้นคุณแม่พัสคนสวยต้องรักษาตัว
รักษาใจให้แข็งแรงดีเร็วๆนะครับ เห้ย! ทำไมเลือดเต็มตัวเลยล่ะ ไหนๆพี่ดูสิ อ่า..แผลปริแล้ว เดี๋ยวพี่ตามพยาบาลมาดูก่อน
นะครับ" ณัฐภาสปลอบประเหลาะภรรยายังไม่ทันเสร็จก็ต้องตกใจจนโวยวายเมื่อเห็นลอยเลือดดวงใหญ่เปื้อนเสื้อตัวเอง
และชุดคนไข้ของพัสกรอยู่เต็มไปหมด
.
.
.
.
.
.
"คิดอะไรอยู่ครับที่รัก ถึงได้นั่งเหม่ออย่างนี้น่ะฮึ?" ณัฐภาสถามภรรยาคนสวยที่นั่งมองเหม่อออกไปอย่างไร้จุดหมาย
แต่ที่จริงไม่ต้องถามเขาก็พอจะรู้หรอกว่าพัสกรนั้นเป็นอะไรทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เพราะตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆวันนั้นมา
จนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปจะสามเดือนกว่าล่ะ แต่ดูเหมือนจิตใจของพัสกรจะไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะพยายาม
จะทำตัวร่าเริงให้คนอื่นเห็นว่าตนนั้นไม่เป็นไรแล้ว หลายๆคนอาจจะเชื่อในสิ่งที่พัสกรแสดงออกมาแต่ไม่ใช่กับเขาที่เป็น
คนอยู่ข้างๆกันกับเจ้าตัวตลอดเวลาอย่างแน่นอน เพราะว่าพัสกรนั้นชอบทำตัวร่าเริง สนุกสนานเหมือนไม่คิดอะไร แต่พอ
ปล่อยให้ได้อยู่คนเดียวทีไรเป็นต้องนั่งซึมทุกที
"อ่ะ!...เมื่อกี้พี่ภาสว่ายังไงนะฮะ พัสไม่ทันได้ฟัง" พัสกรสะดุ้งตกใจเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่อยู่บนบ่าตัวเอง แต่เมื่อหันกับไป
แล้วเห็นว่าเป็นมือของณัฐภาส พัสกรจริงรีบเปลี่ยนท่าที
"พี่ถามว่าคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมถึงได้นั่งเหม่ออย่างนี้ อ่อ! แต่พัสไม่ต้องตอบหรอกครับเพราะพี่พอจะรู้อยู่ว่าหนูพัสสุดที่รัก
ของพี่เป็นอะไรไป" ณัฐภาสทวนคำถามของตัวเองอีกครั้งและพูดแทรกดักขึ้นก่อนเมื่อเห็นว่าพัสกรกำลังจะอ้าปากคำถามของเขา เพราะรู้ดีว่าคำตอบที่ได้ก็จะเป็นคำโกหกอีกตามเคย พัสกรคงจะบอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ได้คิดอะไรเหมือนทุกทีนั่นแหละ
แต่ในขณะที่ความจริงแล้วเจ้าตัวกำลังคิดไปถึงลูกที่ได้สูญเสียไปอีกแล้ว
"......"
"พัสฟังพี่นะครับ พี่รู้ว่าพัสเสียใจมากกับการที่ต้องสูญเสียลูกคนแรกของเราไปเพราะพี่เองก็เสียใจไม่ต่างจากพัสหรอก
แต่ว่าชีวิตของคนเราน่ะนะ มันมีแต่ต้องเดินหน้าไปเรื่อยๆไม่มีวันถอยหลังกลับหรอกนะครับ ในเมื่อความจริงที่ว่าเราเสียลูก
ไปมันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขใหม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถมีลูกใหม่ได้นี่ครับ แทนที่พัสจะมานั่งเสียใจหรือ
รู้สึกผิดอย่างนี้ พี่ว่าพัสเลิกเถอะครับไม่ใช่ว่าเลิกคิดถึงลูกนะครับ คิดถึงลูกน่ะคิดถึงได้แต่เลิกซึมเศร้าเฝ้าโทษตัวเองเสียที
เพราะพัสไม่ได้ผิดเลย ไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิดเลยครับ เรื่องทุกอย่างมันเป็นไปตามทางของมัน คนร้ายที่มันทำกับลูกเรามันก็
คงจะได้รับผลกรรมของมันไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่พัสควรทำคือการปล่อยวางและทำใจให้สบายจะดีกว่านะ แล้วเราก็มาลองพยายามกันใหม่อีกสักครั้ง ดีไหมครับ เพราะพี่เชื่อว่ายังไงๆลูกของเราก็ยังคงรอที่จะมาเกิดเป็นลูกเราเหมือนเดิมนี่แหละครับ
เพราะคุณแม่เขาทั้งรักทั้งคิดถึงขนาดนี้ เชื่อฝีมือสามีคนนี้สิครับที่รัก พี่รับรองเลยว่าไม่เกินเดือนหน้าพี่เรียกลูกกลับมาหาพัส
ได้ใหม่แน่ๆ" ณัฐภาสนั่งคุกเข่าลงที่พื้นตรงหน้าพัสกรที่นั่งอยู่บนโซฟา พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเป็นผู้ใหญ่กว่าทุกทีที่มีแต่
คอยจะชอบทำตัวทะเล้นทะลึ่งเหมือนเด็กไม่ยอมโต พูดบอกอธิบายยึดอ้างหลักความเป็นจริงดึงมาปลอบภรรยา ก่อนที่จะไม่
วายทิ้งลอยทะเล้นทะลึ่งทิ้งท้ายอย่างเจ้าเล่ห์
"ฮึๆ พี่ก็!" พัสกรตีแขนสามีเบาๆเมื่อได้เห็นสีหน้ากรุ่มกริ่มในประโยคสุดท้าย ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่ามันหมายความว่า
ยังไง ในเมื่อเจ้าตัวแสดงออกมาเสียขนาดนั้น
"พัสขอโทษนะครับ ที่ผ่านมาพัสมัวแต่เสียใจเรื่องลูกจนลืมนึกถึงหลักความเป็นจริง จนลืมนึกถึงหน้าที่ภรรยา ลืมนึกถึง
ความรู้สึกของพี่ภาสและคนรอบข้าง พัสขอโทษนะครับ พัสสัญญาว่าต่อไปนี้พัสจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว" พัสกรน้อมตัว
กราบขอโทษลงที่อกของสามีช้าๆอย่างรู้สึกผิด ที่เขาปล่อยเนื้อปล่อยตัวปล่อยใจให้เสื่อมโทรมมานานจนถึงทุกวันนี้โดยที่
ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของคนรอบข้างของตัวเองเลยตั้งสามเดือนจนเกือบจะสี่เดือนแน่ะ
"ไม่เป็นไรครับผม เรื่องที่มันผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะเน๊าะ พี่ขอแค่อย่างเดียวเท่านั้น พี่ขอให้หนูพัสคนเดิม
ของพี่รีบๆกลับมาสักทีก็พอ พี่คิดถึงจะแย่ล่ะ" ณัฐภาสบอกพร้อมกับจูบเบาๆกลางศีรษะภรรยา
"ถ้าพี่ภาสอยากเจอหนูคนเดิม ก็.....ต้องรอคืนนี้นะครับ!! จุ๊บ!! เพราะตอนนี้น่ะพัสหิวจนปวดท้องล่ะ เราออกไปหา
อะไรอร่อยๆทานข้างนอกกันเถอะฮะ คริๆ" ในขณะที่พัสกรถอนตัวเองออกจากอกสามี พัสกรก็แวะกระซิบคำเชิญชวนที่
ข้างหูของสามีเบาๆไม่วายที่จะจุ๊บทิ้งท้ายอย่างยั่วยวนอีกทีก่อนที่จะชิ่งลุกหนีทิ้งให้ณัฐภาสนั่งอึ้งกับการเปลี่ยนแปลงของ
ภรรยาตัวเองอย่างงงๆอยู่คนเดียวที่เดิม
"ฮึ่ม!! เจ้าเล่ห์นักนะเมียจ๋า....คอยดูเถอะคืนนี้สามิสามีจะเสกลูกแฝดเข้าท้องเมียจ๋าเลยคอยดู คอยดู!!!" ณัฐภาสพูดไล่หลัง
พัสกรจนดังลั่นบ้าน ก่อนที่จะเดินผิวปากตามหลังภรรยาคนสวยไปอย่างอารมณ์ดี
.
.
.
.
.
{...........................................................................70%...........................................................................}
"อื้อ!!..ช้าๆ..อ๊ะ!..พี่ภาส!..อ๊ะ..อ๊ะ" พัสกรบอกด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น พรางให้มือดันหน้าท้องแกร่งของสามีที่กำลัง
สาวสะโพกส่งท่อนลำเข้าไปในช่องชางรักอย่างหนักหน่วง หวังที่จะให้เบาแรงลง โดยไม่รู้เลยว่ายิ่งทำอย่างนั้น น้ำเสียงและ
ท่าทางอย่างนั้นมันเหมือนกับยิ่งเหมือนโหมเติมเชื้อไฟรักเข้าไปเสียอีก
"อ่า..อีกนิดเดียวครับที่รัก..อีกนิดเดียว" ณัฐภาสบอกพร้อมกับเร่งความเร็วและควาแรงของตัวเองเข้าไปอีก ก็นะใครจะ
ทนอดใจไหวได้ เมื่อมีแม่กวางตัวนุ่มนิ่มๆ มาทำตาเยิ้มบิดตัวเร่าๆอยู่ใต้ร่างตัวเองอยู่อย่างนี้ ยิ่งเขาทั้งคู่ห่างหายจากเรื่องนี้ไป
นานตั้งสามเดือนเกือบจะสี่เดือนอย่างนี้ ขอเขาทบต้นทบดอกหน่อยก็แล้วกัน พ่อจะเสกลูกแฝดเลยคอยดู ฮึ่ม!!
.....อื้อออ...อีกนิดเดียว...มาสามรอบ..แล้วนะคุณสามี...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ.....
"อ๊ะ!!..ไม่ไหว..อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊ะ...อ๊างงงงงง" พัสกรหวีดร้องออกมาเมื่อถึงขีดสุดจนปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง แต่ไม่ต้อง
ถามหรอกนะว่าครั้งที่เท่าไหร่น่ะ เพราะเขาเองก็นัดไม่ทันเหมือนกัน แต่ที่จำได้แน่ๆ คือสามีเขาน่ะส่งลูกเขาเข้าไปในท้องเขา
สามรอบเข้าไปล่ะและที่กำลังจะมานี่ครั้งที่สี่ล่ะนะ พัสกรอยากจะบ้า!!
"อืมมม....อ่าาาาาา....เก่งมากครับที่รัก" ณัฐภาสขยับสะโพกอีกไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยลูกๆเข้าไปในช่องทางรักของพัสกร
ตามภรรยาตัวเองไปติดๆ โน้มตัวจูบหน้าผากพัสกรเบาๆ ด้วยความรักใคร่ ก่อนที่จะดึงตัวตนของตัวเองออกมาจากช่องทาง
ของพัสกรและผละเข้าห้องน้ำไป เมื่อเห็นว่าภรรยาสุดที่รักของตัวเองสลบเหมือดไปแล้ว สงสัยจะเพลียจัด
"รีบๆกลับมาหาป๋ากับคุณแม่นะครับลูกรัก.....จุ๊บ!" ณัฐภาสพูดเบาๆตรงหน้าท้องแบนราบของภรรยาพร้อมกับพรมจูบ
เข้าไปอีกที หลังจากที่เช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าให้พัสกรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันกับพัสกรโดยที่ไม่ลืมที่
จะคว้าตัวอีกคนเข้ามานอนกอดอย่างทุกๆคืน
จุ๊บบ!!
"ฝันดีครับที่รักคนดีของพี่" จูบหน้าผากส่งท้ายอีกที ก่อนที่จะเข้าสู่นิทราอันแสนหวานไปอีกคน
...
อีกด้านหนึ่ง / บ้านเล็กบนเกาะร้างแห่งหนึ่ง
"แค่กๆ โอ๊ย!!" เสียงไอและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดระคนกับเสียงกระทบของโลหะดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน
ของบ้านไม้หลังเล็กๆที่มีห้องเพียงห้องเดียวซึ่งมีเตียงแคร่ไม้ไผ่ขนาดใหญ่และแข็งแรงตั้งอยู่บริเวณกลางห้องเท่านั้นเอง
"ไงมึง! ยังไม่ตายห่าอีกหรอว่ะ? มึงนี่ทนมือทนตีนกูดีจังเลยน้า" เสียงทุ้มของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นในขณะที่เจ้าตัว
นอนตะแคลงหันข้างหันหน้าทางเดียวกันกับเจ้าของเสียงแรก
"มึงจับกูมาทำไม กูไปทำอะไรให้มึง!! แค่กๆ" ชายหนุ่มคนแรกถามตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
"ถ้ามึงทำกูมึงจะไม่มีสภาพเหมือนหมาขนาดนี้หรอก แต่คนที่มึงทำคือคนที่กูรักยิ่งกว่าชีวิตกูอีกมึงรู้มั้ย? พวกเขาที่เปรียบ
เหมือนพ่อกู แม่กู พี่กู และเจ้าชีวิตของกู มึงมันเลวไอ้หมาภู!! เลวยิ่งกว่าสัตว์!!! เพราะฉะนั้นถ้ามึงยังไม่ตายก็อย่าหวังว่ากู
จะปล่อยมึงไป หรือต่อให้มึงรีบตายกูก็จะตามไปกระทืบสั่งสอนมึงในนรกเอง!!!!" เจ้าของเสียงทุ้มที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่
ลุกขึ้นก้าวเดินช้าๆเข้ามาหานักโทษของตัวเองที่โดนเขาจับล่ามโซ่ทั้งที่คอและข้อมือทั้งสองข้างกับเสากลางบ้านด้วย
ปลอกเหล็กและโซ่ตวนขนาดใหญ่ไม่ต่างอะไรจากนักโทษ ไม่สิ! ต้องบอกว่ายิ่งกว่านักโทษในคุกมืดซะด้วยซ้ำ แต่แค่นี้
มันยังไม่พอ มันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำกับสิ่งที่มันทำ คนสารเลวใจคอโหดเหี้ยมอย่างมันที่ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กน้อยที่ยังไม่ทัน
ที่จะออกฤษธิ์แสดงให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ได้รับรู้การมีตัวตนของตัวเองอยู่เลย สาระเลวสิ้นดี!!!
"โอ้ยยยย....ไอ้เหี้ยยยย...ปล่อยกูนะ.....กูเจ็บ....โอ๊ยยยย" ภูผาร้องโหยหวนออกมาเมื่อโดนอีกคนใช้นิ้วกรีดกดเข้าไปใน
บาดแผลปริฉีกที่เป็นรอยแตกเกิดจากการซ้อมของอีกคนที่กระทำกับเขาอย่างป่าเถื่อน เรื่องมันเริ่มมาจากที่พ่อเขามาประกันตัว
เขาออกจากคุกหลังจากที่โดนจับเรื่องของพัสกรนั่นแหละ หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์เขาก็ใช้ชีวิตปกติโดยที่มีคำสั่งจากพ่อเขา
เองว่าห้ามเข้าไปยุ่งกับพวกพัสกรอีก แต่จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะในเมื่อเขารักของเขามาตั้งนานนี่ เขาก็เลยขัดคำสั่งนายหัวรพี
พ่อของตัวเองไปตามดูพัสกรที่ผับของณัฐภาสเหมือนกับทุกที แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เลยเพราะไอ้ภาสมันอยู่ด้วยตลอดเวลา ทำตัวติดกันยิ่งกว่าตังเม แต่พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มาโผล่อยู่นี่กับผู้ชายแปลกหน้าอีกคนนึงที่มีลักษณะภายนอกดูเฉยๆไม่โดดเด่น
ตัวสูงใหญ่ บึกบึนเหมือนกับพวกแรงงานแต่ก็ดูไม่น่ากลัวหรือมีพิษมีภัยสักเท่าไหร่ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะจับเขาล่ามและ
ซ้อมเขาทารุณเหมือนกับสัตว์ไม่มีผิดอย่างนี้
"หึๆ เจ็บหรอ? น่าสงสารเน๊าะ! เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูจะทำแผลให้ก็แล้วกัน" บอกพร้อมกับเดินหายออกไปจากบ้านอยู่พักนึง
ก็กลับเข้ามาพร้อมกับขันน้ำ? ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงคนที่บอกว่าจะทำแผลให้ภูผาก็ค่อยๆราดน้ำในขันที่อยู่ในมือลงบน
บาดแผลของภูผาทีละจุดจนทั่วตัวอย่างช้าๆไม่รีบร้อน
"อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!! พอแล้ว!! พอๆ แสบกู แสบ!!! อ๊ากกกกกก!!" ภูผาแหกปากร้องออกมาอย่างโหยหวน และ
พยายามขยับถดถอยร่างกายหนีน้ำเกลือที่อีกคนกำลังรดราดลงมาใส่ตัวเขาอย่างไร้ความปราณีด้วยสีหน้ามีความสุข
แสยะยิ้มออกมาอย่างหน้าขยะแขยงจนขนหัวลุก
"หึๆ ตื้นตันใจที่กูล้างแผลให้จนช็อกสลบไปเลยหรอมึง....แต่ไม่ต้องรีบตายหรอกนะ...เพราะกูยังสนุกไม่พอ!!!"
ชายหนุ่มนั่งยองลงมองร่างที่ไร้สติของภูพาด้วยความพอใจ ก่อนที่จะลุกเดินผละออกไปจากตรงนั้นโดยไม่เหลียวแล
หันกลับมามองภูผาที่นอนสลบตัวเปียกปอนกองอยู่ที่เดิมอีกเลย
...
ขอโทษทีจร้าที่บอกว่าจะมาต่อตั้งแต่เมื่อวาน แต่พอดีว่ามี่ปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ
ยังไงก็อย่าโกรธกันนะคะ และหวังว่าทุกคนจะพอใจกับตอนนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ
ทุกคอมเม้น ทุกคะแนนโหวต คือแรงผลักดันดันดีเยี่ยมเปรียบเสมือนยาชูกำลังของมี่เลยนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าคร้าาาาา....