แรง.ร้าย.รัก...คุณเมียภาคบังคับ ตอนที่ 9
http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/101200/36151418-member.jpg"มีความสุขจังนะหนูพัส!! หนีผัวออกมาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้น่ะห๊ะ!!!!!!!" เสียงคุ้นหูของพี่ภาสตะหวาดดังลั่นมาจาก
ข้างหลังของผมหลัง
"พี่ภาส!!!!" เมื่อหันหลังกลับไปมองผมก็เรียกพี่ภาสด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน แต่ที่ต้องเรียกเสียงดังอย่างนั้นไม่ใช่เพราะกลัวหรือ
ตกใจแต่อย่างใดหรอกครับ แต่เป็นเพราะพี่ภาสหนีบ 'ชะนีปิง' มาด้วยนะสิ มันฆ่าน่านัก!!!
"ทำไม? ตกใจมากเลยหรอ? ที่ผัวมาเจอตอนอยู่กับชู้น่ะ" ดู๊...ดู เวรหรือกรรมของผมที่มีจ้าชู้ กวนตีนแถมยังปากหมาอีก
"ปากหรอหน่ะห้ะ!! แหกตาดูซะบ้างสิ!! แล้วปากน้องชิเนี่ยมีไว้ทำไม? เคยถามพัสก่อนรึป่าวว่าเป็นอะไรกัน หรือมีเอาไว้เห่า
อย่างเดียว" ผมว่าจะไม่หลุดพูดหยาบกับพี่ภาสแล้วนะแต่พอเห็นชะนีปิงมันเกาะแข้งเกาะขาพี่ภาสแล้วมันปี๊ดอ๊ะ ผมหนีออกจาก
บ้านมาพี่ภาสยังมีอารมณ์มาเดินเล่นกับชะนีปิงได้อยู่เลย นี่ผมไม่สำคัญกับพี่ภาสบ้างเลยหรอ แล้วอีกอย่างผมกับพี่ภูมีตรงไหน
ที่บ่งบอกว่าเป็นชู้กันมั่งห้ะ! ถึงก่อนหน้านี้พี่ภูเค้าจะขยี้หัวผมแต่เราก็ยืนห่างกันเป็นโยดเลยนะ
"แล้วปากน้องชิ? คืออะไร พี่ไม่เข้าใจพัสว่าอะไรพี่" พี่ภาสทำหน้างง
"น้องชิ ก็ 'ชิสุ' ไงพี่ภาส พัสบอกแค่นี้คงจะรู้นะ"
"นี่ๆ นี่ พัสว่าพี่ปากหมาหรอ!!" ฮ่าๆ ผมอยากจะขำตอนที่เห็นหน้าพี่ภาสรู้ว่าปากน้องชิมันหมายความว่าอะไร
"แล้วแต่จะคิด...." ผมพูดแบบขอไปที
"ช่างมันเถอะพี่จะไม่ถือสาที่พัสพูดก็แล้วกัน แต่พัสบอกพี่มาหน่อยสิว่าหนีพี่ออกมาจากบ้านทำไม? แล้วไอ้หน้าปี๊บนี่ใคร?"
พี่ภาสชี้นิ้วไปที่พี่ภูแล้วถามขึ้น
"พี่ภาส!! ทำไมถึงเรียกพี่ภูเค้าอย่างนั้น" ดูปากคุณชายเค้าสิหล่ะ!!
"ทำไมจะเรียกไม่ได้ในเมื่อมันไม่ใช่บรรพบุรุษพี่ซักหน่อย ทำไมต้องแคร์" พี่ภาสบอกหน้าตาย
"แต่พี่ภูเค้าเป็นเพื่อนพัสนะ!! เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนเลยด้วย!! ให้เกียรติพี่ภูเค้าบ้าง"
"แล้วไง? คิดว่าพี่สน?" เอาเข้าไปคนเรา ไม่ขอโทษไม่พอยังมาทำท่ายักไหล่แบบกวนประสาทอีก ผมหล่ะเพลียจิต!!
"ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่พี่ภาสเถอะ!! แล้วเจอกันนะพี่ภู พัสไปกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ" ผมบอกอย่างเอือมๆในเมื่อพูดไปก็
เท่านั้นคนอย่างนี้ ก่อนที่จะไหว้และบอกลาพี่ภูอีกครั้ง พี่ภูก็พยักหน้ารับรู้และขับรถออกไปทันที ตอนนี้ก็เหลือแค่ผม พี่ภาส
และชะนีหอยจี่น้ำเยิ้มเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ ผมเหล่มองทั้งสองคนด้วยหางตาอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังให้คนทั้งคู่ก่อน
ที่จะกดปลดล็อครถและเตรียมที่จะก้าวขึ้นรถ แต่
"เดี๋ยว!! พัสจะไปไหน!!" ยังไม่ทันที่ผมจะได้เปิดประตูรถ พี่ภาสก็กระชากแขนผมซะหลังกระแทกกับอกแกร่งของพี่ภาสเลย
"จะไปไหนก็เรื่องของพัส!! ปล่อย!!" ผมบอกและพยามจะสะบัดแขนให้หลุดจากมือของพี่ภาส แต่ยิ่งสะบัดยิ่งเหมือนกับแน่น
ขึ้นทุกที ไม่รู้ว่าที่จับผมอยู่เนี่ยมันเป็นมือหรือคีมเหล็กกันแน่
"ไม่ปล่อย!! พัสจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น พัสต้องกลับบ้านไปกับพี่!!" พี่ภาสบอกก่อนที่จะเปลี่ยนจากจับแขนมาเป็นกอดรัดตัว
ของผมไว้แทน
"อ๊ายยย....ภาสคะ!! ภาสไปกอดไอ้ตุ๊ดนี่ทำไมคะ ปล่อยเลยนะ ปล่อยเลย ไม่อย่างนั้นจีจี้ไม่ยอมจริงๆด้วย!!" ชะนีปิงที่มากับพี่ภาส
มากรี๊ดกร๊าดแกปากแปดหลอดอยู่ข้างหูผม ดึงรั้งแขนไอ้พี่ภาสให้ออกจากตัวผมอีกต่างหาก แต่นั้นมันไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ
ประเด็นมันอยู่ที่ว่าอีชะนีหอยจี่น้ำเยิ้มนี่มันแอบหยิกใช้เล็บจิกผมแบบเนียนๆในช่วงชุลมุนขณะที่ดึงรั้งไอ้ผัวบ้าของผมนี่อยู่
น๊ะสิ!!! กล้านักนะอีชะนีน้ำเยิ้ม เห็นพัสเงียบๆก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมใครนะ อย่างนี้ต้องเจอกันหน่อยแล้วหล่ะ!!!
"ปล่อยผมนะจีจี้ อย่ามายุ่ง ผมจะคุยกับเมียผม" ปากก็ได้แต่พูดห้ามส่วนสองมือสองแขนก็กอดรั้งเอวของผมไว้แน่น แต่ทำไม
ไอ้พี่ภาสมันไม่แหกตาดูบ้างว่าเล็บอีชะนีนี่มันจิกผมจนเข้าเนื้อรู้สึกแสบไปหมดเลย ผมว่าเลือดต้องออกแล้วแน่เลย
"ไม่ค่ะ!! จีจี้เป็นเมียภาสนะ ไม่ใช่อีตุ๊ดหน้าขาวนั่น ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะภาส จีจี้บอกให้ปล่อยไงคะ" อีชะนีหอยจี่น้ำเยิ้มก็พยายาม
ที่จะทั้งดึงรั้งภี่ภาสและจิกแขนของผมอยู่นั้นแหละ
"หยุด!!! ฉันบอกให้หยุด!!! หยุดทั้งคู่นั้นแหละ!! ไอ้ผัวบ้าปล่อย!! แกด้วยอีชะนีหอยจี่น้ำเยิ้ม!!" ผมตวาดเสียงดังลั้นเพราะ
สุดจะทนปวดหัวปวดหูไปหมด แขนก็ทั้งเจ็บทั้งแสบ ให้ตายเถอะ!!
"หนูพัส..." ไอ้พี่ภาสทำหน้าเหวอที่เห็นผมปี๊ดแตกตะหวาดออกมาลั่นอย่างนี้ จนเผลอปล่อยมือออกจากเอวผม ผมก็สะบัดและ
ถอยออกห่างทันที
"แกมีสิทธิอะไรมาสั่งฉันอีตุ๊ด!!!" ชะนีปิงก็โผเข้ากอดแขนพี่ภาสทันทีก่อนที่จะแว้ดถามผมด้วยสายตาเหยียดๆ
"อยากรู้หรอ??" ผมถามเสียงเรียบและเดินหน้านิ่งๆก้าวเดินแบบช้าเข้าไปหาทั้งสองคน
"แกจะทำอะไรฉัน!!!" ทั้งๆที่เหมือนจะกลัวที่อยู่ดีๆผมทำหน้านิ่งแบบนี้แต่ปากของชะนีปิงก็ยังคงทำงานได้ดีอยู่
"ฉันไม่ทำอะไรแกหรอก แต่ฉันแค่สงสารที่ชะนีปิงอย่างแกยังคงเพ้อฝันติดอยู่ในโลกมโนของตัวแกเองอยู่นะสิ แกถามว่า
ฉันเป็นใครและมีสิทธิอะไรถึงสั่งแกใช่มั้ย? ฉันจะใจดีสงเคราะห์สมองตีบๆฝ่อๆของแกให้ก็ได้ ข้อหนึ่งคือ ฉันคนนี้หน่ะนะ
ชื่อพัสกร อัครจินดากรณ์ เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของไอ้ผู้ชายที่ยืนโง่อยู่ข้างๆแก ที่แกบอกกับฉันว่ามันเป็นผัวของแก
ยังไงหล่ะ" ผมหยุดยืนตรงหน้าอีชะนีปิงก่อนจะพูดบอกพร้อมกับจิ้มหัวฟูฟ่องของมัน แถมผมยังพูดเน้นมากๆตรงที่บอกนามสกุล
"ไม่จริง!!! แกนั่นแหละโกหกมโนไปเอง" ชะนีปิงแว้ดออกมาอย่างไม่เชื่อและปัดมือของผมออก
"นั่นก็เรื่องของแก...ส่วนข้อสองของฉันคือ..แกใช้เล็บสกปรกโสโครกสีเสร่อๆของแกข่วนและจิกแขนของฉันจนเป็นรอย
เข้าเนื้อ และเลือดซิบอย่างนี้" ผมพูดเสียงเย็นพร้อมกับโชว์แขนข้างที่อีชะนีมันจิกจนเลือดอาบไปหมดแล้วตอนนี้ให้มันและ
พี่ภาสดู ผมไม่ได้เวอร์นะที่บอกว่าเลือดอาบเพราะตอนนี้เลือดมันยังไม่หยุดไหลเลย มีแผลหลายรอยมากๆ เรียกได้ว่ารอบแขน
เลยเหอะอย่างเนี่ย สงสัยผิวหนังผมจะบางเกินมั้ง? หรืออีชะนีปิงมันแรงควาย?
"หนูพัส!!! เธอทำอะไรเมียฉันจีจี้!!!" ไอ้พี่ภาสตกใจตาโตทันทีที่เห็นแขนผม ก่อนที่จะหันไปมองหน้าอีชะนีปิงเหมือนกับจะ
กินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ แถมยังเขย่าตัวอีชะนีปิงจนหัวสั่นหัวคลอนอีกต่างหาก
"เปล่านะคะ!! จีจี้ไม่ได้ทำ!! ภาสอย่าไปเชื่อมันนะคะ อีตุ๊ดมันใส่ร้ายจีจี้ คุณต้องเชื่อจีจี้นะคะภาส!!!" หึ..หึ ดิ้นพล่านเชียว
แต่ผมว่าอีชนะนีปิงนี่น่านับถือนะครับแหลสดแสดงละครได้ขนาดนี้ หลักฐานคาตายังกล้าปฎิเสธ
"ปล่อย!! อย่ามาจับตัวผม" พี่ภาสบอกและสะบัดแขนชะนีปิงหลุดจนได้
"คุณอย่ามาทำอย่างนี้นะคะภาส จีจี้เป็นเมียคุณนะ!!!"
"ไม่ใช่!! ผมมีหนูพัสเป็นเมียคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่ใช่!!!"
"กรี๊ดดด....อีตุ๊ด!!! แก....เพราะแก ภาสถึงได้เบี่ยงเบนไปแบบนี้!! แกมันวิปริตคนเดียวไม่พอยังจะเอาผัวฉันไปวิปริตด้วย
อีตุ๊ด!! อีพวกชั้นต่ำ!! ทุเรศ!! แกมันทุเรศที่สุด!!!!" อีชะนีปิงเลิกแอ๊บสวยและอาราวาดกาดด่าผมแบบเสียๆหายอีทั้งพยายามที่
จะเข้ามาทำร้ายผมด้วยแต่ไอ้พี่ภาสมันขวางไว้
"หยุดนะจีจี้!! ถ้าไม่อยุดอย่าหาว่าผมไม่เตือน!!" พี่ภาสบอกและพยายามที่จะดันอีชะนีปิงออกห่าง
"ไม่หยุด!! จีจี้จะตบสั่งสอนมัน!!! ภาสนั้นแหละถอยไปนะ!!" ถ้าอยากลองของนักก็ได้เลยเดี๋ยวพัสกรคนนี้จะสนองให้
"พี่ภาสถอยออกไปก่อน" ผมจบแขนให้พี่ภาสหยุด
"แต่..."
"ถอยออกไปและยืนดูอยู่เฉยๆ ห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาด"
"พี่ว่าให้พี่จัด....." พี่ภาสแย้ง
"ออกไป อย่าลืมว่าพี่ก็ยังมีความผิดอยู่นะ อย่าต้องให้พัสโกธรไปมากว่านี้" ผมพูดเสียงแข็ง
"ก็ได้ๆ ก็ได้ครับ" พี่ภาสพยักหน้าตอบรับแบบไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยออกไปยืนอยู่ข้างๆรถผม
"อยากตบฉันมากเลยใช่มั้ย?? เข้ามาสิ!! เข้ามาๆ" ผมถาม และกระดิกนิ้วเรียกแบบกวนๆ
"แกท้าฉันหรออีตุ๊ด!!! วันนี้ฉันจะเอาเลือดหัวแกออกให้ได้!!" ชะนีปิงพูดจบก็เดินดุ่มๆเข้ามาหาผมเลย
เพี๊ยะ!!
"ฮ่าๆฮ่าๆ" พอมาถึงก็ลงมือตบเข้าเต็มๆแก้มซ้ายของผมก่อนเลย แถมยังหัวเราะเสียงดังที่ตบผมได้อีก
"ฮึ...ฮึ จะบอกอะไรให้นะอีชะนีหน้าโง่ ที่ฉันยอมให้แกตบก็เพราะว่าตรงนี้มี กล้อง.วง.จร.ปิด!! ถ้าฉันลงมือก่อนมันก็จะดูไม่ดี
ถึงแม้ฉันจะเป็นเกย์ ตุ๊ด แต๋ว อย่างที่แกบอก แต่ยังไงๆฉันก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ เดี๋ยวถ้าเกิดมีข่าวรั่วออกไปชาวบ้านเค้าจะหาว่า
ฉันลังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ แต่ถ้าให้แกตบฉันก่อน พอมีข่าวรั่วออกไป ฉันก็พูดได้ว่าฉันแค่ป้องกันตัวเองเพราะว่า
เมียเช่า คู่ขาเก่า ที่ผัวฉันเคยซื้อกินเมื่อก่อน มารังควานและทำร้ายฉัน จนฉันต้องสู้เพื่อป้องกันตัวเอง ฉันฉลาดเนอะ!! ว่ามั้ย?
แกชอบความคิดของฉันหรือป่าว?? คริ.คริ." ผมเอื้อมมือข้างนึงไปจิกผมทางท้ายทอยของอีชะนีปิงดึงรั้งไว้ ส่วนมืออีกข้างนึงผม
ก็จับแขนข้างที่มันกำลังเงื้อขึ้นจะตบผมซ้ำอีกครั้ง มันก็ได้แต่คิดนั้นแหละเพราะต่อไปนี้คือคิวของผม
เพี๊ยะ!!!
"ครั้งแรกนี้สำหรับที่แกด่าว่าฉันแบบเสียๆหายๆ" ผมตบหน้าอีชะนีเข้าเต็มแรงที่แก้มซีกซ้าย และผมก็ไม่ให้มันได้ทักท้วงอะไร
ได้ก็จัดครั้งต่อไปทันที
เพี๊ยะ!!!
"ครั้งนี้สำหรับที่แกเกาะแข้งเกาะขาแล้วมโนว่าผัวฉันเป็นของแก" อ่าา....ผมว่าผมเบามือแล้วนะทำไมอีชะนีปิงถึงหงายหลัง
ก้นจ้ำเบ้านอนที่พื้นอย่างนั้นหล่ะ แต่ใช่เรื่องที่ผมควรจะสนหรอ? เพื่อไม่ให้ขาดตอนผมก็ค่อมนั่งทับท้องอีชะนีปิงและจัดการ
ต่อทันที ส่วนสามีผมนะหรอ? ก็ยืนดูทำหน้าแหยงๆอยู่ที่เดิมนั่นแหละ
เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!!
"และนี่สำหรับที่แกทำฉันเจ็บ แล้วถ้าแขนฉันเป็นรอยเป็นแผลเป็นขึ้นมาฉันจะตามไปกรีดหน้าแกถึงบ้านเลยคอยดู"
เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!!
"อีตุ๊ด! วิปริต! ผิดเพศ! ชั้นต่ำ! ทุเรศ! ทั้งหมดนี่คือคำที่แกด่าฉัน!! ปากดีนักใช่มั้ย? อีชะนีปิงหอยจีน้ำเยิ้ม!!!!!"
"อ๊ายยยย!!!!! หยุดนะ!!! อย่าทำฉัน!! ภาสขา...ช่วยจีจี้ด้วยยยย....."
เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!!
"ยังๆยังไม่เลิกอ้อนผัวฉันอีก ว้อนท์นักนะ!! จะบอกให้เอาบุญนะอีแย้สตอหมามุ้ย! ถ้าแกยังเอาตัวเองวิ่งเร่ขายข้างทาง
อย่างนี้อยู่ก็อย่าเที่ยวไปด่าคนอื่นเค้าว่าชั้นต่ำอีก เพราะคำๆนั้นมันเหมาะสมกับแกมากกว่าใครๆ แล้วแกก็คือผู้หญิง'หน้าด้าน'
ที่อธิบายคำว่า 'ร่าน' ได้ดีที่สุด!! จำใส่สมองหนาๆกลวงๆของแกไว้!!!" รอบนี้ผมจัดให้อีชะนีปิงชุดใหญ่เลยถือว่าเป็นการทิ้งท้าย
พอผมผละลุกออกมาจากตัวอีชะนีปิง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอกภัยของห้างสองคนก็วิ่งกรูกันมาทันทีตามเสต็ป ส่วนพี่ภาส
ก็เดินเข้ามายืนข้างๆผมทันทีเหมือนกัน นี่ผมควรจะดีใจรึป่าว? ที่พี่ภาสแสดงออกมาเหมือนกับว่ายังห่วงผมบ้าง แต่เอ๊ะ!!
ผมพึ่งจะสังเกตุว่ามีคนมุงดูอยู่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย! ก็ดีข่าวจะได้กระจายๆไปอย่างทั่วถึง เพราะผมขี้เกียจมาตบตีกับใคร
เพราะเรื่องอย่างนี้อีกมันไม่ได้น่าภูมิใจตรงไหนเลย กลับกันมันน่าอายน่าขายหน้ามากซะด้วยซ้ำที่ต้องทำตัวเป็นเมียหลวง
คอยอาลาวาดไล่ตบตีกับพวกบรรดาเมียน้อย กิ๊ก คู่ขาหรืออีหนูอยู่อย่างนี้ เพราะนั่นเท่ากับว่าแสดงให้คนข้างนอกเห็นว่า
เราสองคนไม่ได้รักกันจริงๆและไม่ได้ให้เกียรติซึ่งกันและกันเลย
"มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าครับ!!" หึ! ประโยคคำถามคลาสสิคหลุดออกมาจากปากของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนึง
ส่วนอีกคนก็เข้าไปช่วยพยุงอีชะนีปิงนั่นให้ลุกขึ้น
"ทะเลาะวิวาทนะครับ เดี๋ยวพวกคุณช่วยพาผู้หญิงคนนี้ไปส่งที่สถานีตำรวจทีสิครับ เดี๋ยวผมจะไปรอให้เค้าแจ้งความดำเนินคดี
กับผมอยู่ที่นั่นด้วยตัวของผมเอง" ผมบอกเสร็จก็หันหลังเดินกลับไปทางที่ผมจอดรถไว้ ไม่รอฟังใครพูดอะไรอีก
"เดี๋ยวสิพัส!! หนูพัส!! หนูพัสรอพี่ก่อน" พี่ภาสเดินตามมารั้งแขนผมไว้
"มีอะไรครับ! ถ้าจะมาหาเรื่องทะเลาะอะไรกับผมอีกก็ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว" ผมพูดดักทางพี่ภาสไว้
"พี่ไม่ได้จะมาหาเรื่องทะเลาะอะไรกับหนูพัสหรอก พี่แค่จะชวนหนูพัสไปด้วยกัน ทิ้งรถไว้ที่นี่แหละเดี๋ยวพี่โทรให้ลูกน้องมา
ขับไปไว้ให้ที่บ้านเอง" พี่ภาสพูดบอกพร้อมกับเปลี่ยนจากจับแขนมาจับมือผมแทน แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับพี่ภาสหรอก
เพียงแค่พยักหน้าตอบตกลง และเดินตามแรงจูงของพี่ภาสไปก็เท่านั้น วันนี้ผมเหนื่อยมากๆเลยครับ แต่ไม่ได้เหนื่อยกาย
แต่อย่างใดหรอกครับ มันเหนื่อยใจมากกว่า ไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตร่วมกับพี่ภาสในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป ของผมจะต้องพบเจอ
และเผชิญปัญหากับเรื่องอะไรอีก...
http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/101200/198207644-member.jpg "พร้อมนะ!!" ผมถามหนูพัสเมื่อจอดรถเสร็จ เพราะว่าตอนนี้เราถึงสถานีตำรวจกันแล้ว และตลอดระยะทางจากห้างมาจนถึง
ที่นี่บรรยากาศระหว่างเราสองคนคือความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาซักคำเดียว หนูพัสเอาแต่นั่งหันหน้ามองออกไป
ข้างทางนอกหน้าต่างรถ นิ่งจนผมไม่กล้าที่ชวนคุย
"ครับ" หนูพัสตอบออกมาแค่นั้นและก้าวเดินตรงไปที่สถานีตำรวจทันที จนผมต้องรีบก้าวขายาวๆเพื่อที่จะเดินตามให้ทัน
และเอื้อมจับมือของหนูพัสไว้แน่น เพราะว่าข้างหน้าของเรานั้นคือกองทัพนักข่าว ผมก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะต้องมีนักข่าว
มาดักรออยู่อย่างนี้ในเมื่อหนูพัสพูดบอกกับ รปภ.ที่ห้างว่าจะมาสถานีตำรวจ พวกนักข่าวตาหูไวยิ่งกว่าสัปรด ยิ่งพวเราสองคน
เป็นลูกนักธุรกิจและเป็นคนดังทั้งคู่ที่พึ่งแต่งงานกันและก่อนหน้านี้ผมก็พึ่งจะมีข่าวที่ทะเลาะกับไอ้ธาราไปอย่างนั้น และวันนี้
หนูพัสยังจะมามีเรื่องกับจีจี้ในที่สาธาราณะอย่างนี้อีก ก็ยิ่งโดนจับตามอง แต่ที่ผมจับมือของหนูพัสผมไม่ได้อยากจะสร้างภาพ
ให้ดูดีต่อหน้านักข่าวหรอกครับ แต่ผมเพียงแค่อยากให้กำลังใจและทำให้หนูพัสได้รู้ว่าผมยังอยู่ข้างๆเค้าอยู่
"คุณภาส!! คุณพัส!! จริงรึป่าวครับ ที่ข่าวเค้าลือกันว่าคุณสองคนเตียงหัก ทั้งๆที่พึ่งจะแต่งงานกันไม่พ้นเดือนอย่างนี้ แล้วที่เค้า
ลือกันว่าที่คุณสองคนไม่ได้รักกัน แต่ที่ต้องแต่งงานกันก็เพราะโดนผู้ใหญ่บังคับนั้นจริงหรือเปล่าครับ!! ช่วยตอบด้วยครับ!!!"
เสียงตะโกนถามของนักข่าวดังอื้ออึงเต็มไปหมด แต่ผมจะไม่ใส่ใจหรือสนใจเลยครับถ้ามือของหนูพัสไม่สั่นจนผมรู้สึกได้
ขนาดนี้ หนูพัสคงจะรู้สึกไม่ดีมากๆที่ได้ยินนักข่าวถามแบบนั้นเพราะผมเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน
"ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณไปเอาไอ้ข่าวบ้าๆนี่มาจากไหนกัน!!!! แต่ผมจะบอกอะไรให้พวกคุณรู้กันไว้นะว่าผมรักภรรยามาก
และภรรยาคนเดียวของผมคนนี้ ผมก็เป็นคนเลือกเองและขอให้พ่อจับจอง หมั้นไว้ให้ตั้งแต่เด็ก อย่างนี้ยังจะเรียกว่าโดนบังคับ
ได้อยู่หรอ?? ถ้ารู้ไม่จริงก็อย่าเอามาพูดกันอีก!!!! ผมขอตัวก่อน!!" ผมพูดจบก็จูงหนูพัสเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่ที่ผมพูด
ออกไปทั้งหมดนั้นผมไม่ได้โกหกนะครับ ผมรู้ตัวและมั่นใจว่าผมรักหนูพัสให้เข้าแล้ว แต่ที่จริงผมก็พอรู้ตัวมาซักพักนึงแล้ว
แต่ผมยังไม่มั่นใจมากเท่ากับตอนที่ได้รู้ว่าหนูพัสหนีผมออกจากบ้านไป ตอนนั้นมันทำให้ผมได้รู้ว่าผมรักหนูพัสและชีวิตนี้
ผมคงจะขาดหนูพัสไม่ได้แล้วจริงๆ ผมยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นนั้น มันมาจากความเจ้าชู้ไม่รู้จักพอของผมคนเดียว
ถึงแม้วว่าผมจะแต่งงานกับหนูพัสแล้วผมก็ยังทำตัวเลวๆโดยที่ไปมีอะไรกับคนอื่น แล้วปล่อยให้เมียนอนเหงาอยู่บ้านคนเดียว
อย่างที่พ่อของผมบอก และอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้หนูพัสทนไม่ได้และตัดสินใจหนีผมออกจากบ้าน ผมนี่มันทั้งชั่ว
ทั้งเลวจริงๆเลย ที่ทำให้หนูพัสต้องเสียใจ เสียความรู้สึกมากขนาดนี้ ผมก็พอจะดูออกบ้างว่าช่วงหลังๆมานี่หนูพัสก็เริ่มเปิดใจ
ให้ผมมากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะช่วงหลังจากที่ผมมีเรื่องกับไอ้ธาราหนูพัสก็คอยเช็ดตัว ทำแผลและดูแลผมอย่างดีมาตลอด อีกทั้ง
หนูพัสปล่อยยอมให้ผมได้กอด จูบ และตอดเล็กตอดน้อยจนกว่าผมจะพอใจโดยที่ไม่ขัดหรือว่าอะไรผมเลย แต่ก็เป็นเพราะ
ความชั่ว ความเลว ความมักมากไม่รู้จักพอของผมเอง ที่ทำให้ทุกอย่างมันพังไม่เป็นท่าอย่างนี้ ตอนนี้ผมก็หวังแค่ว่าหนูพัส
ยังคงจะพอให้อภัยผู้ชายเลวๆคนนี้ได้มีโอกาสแก้ไขและปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่านี้บ้างไม่มากก็น้อย.......
...
เย้ย!! หายกันไปหลายวันเลยทีเดียว ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ เอ๊ะ!!ว่าแต่มีใครรอมี่อยู่รึป่าวนะ?
จะคิดกันไปล่วงหน้ายังไงก็ได้นะคะคุณผู้อ่านที่รัก แต่อย่าพึ่งตัดสินว่าใครผิดใครถูกเลยนะคะ
รอดูกันต่อไปดีกว่าค่ะ ส่วนใครที่ไม่ค่อยโดนใจกันซักเท่าไหร่มี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ
เพราะไอ้มี่คนนี้พึ่งจะหัดแต่งหน่ะค่ะ และไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย นึกอยากจะแต่งก็แต่ง
ก็อย่างที่บางคนบอกนั้นแหละค่ะมันไม่สุด มี่ก็คิว่าอย่างนั้นเหมือนกัน จะสุขก็ไม่สุด จะเศร้าก็ไม่ถึง
จะดาม่าก็ไม่ใช่แนว ที่สำคัญยังหวานไม่โดนอีกต่างหาก แต่มีก็จะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นนะค่ะ
สุดท้ายมี่ก็ขอขอบคุณทุกวิว ทุกคอมเม้นต์นะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ (^/\^)