แรง.ร้าย.รัก...คุณเมียภาคบังคับ ตอนที่7 
"คุยกันน่าสนุกจังเลยครับ ขอผมคุยด้วยคนได้ไหมครับคุณพัสคนสวย"
"เอ่อ....."
"ไอ้เชี่ยธารา/ไอ้เวรธารา"
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยทักทายผมขัดการพูดคุยของเราทั้งสามคนให้เงียบลง ตามมาด้วยร่างกำยำสูงใหญ่พอกับพี่ภาสและพี่คุณ
ที่จ้องมองผมด้วยสายตาหยาบโลน จนผมรู้สึกขยะแขยงสายตาคู่นี้ขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ
"ไอ้เชี่ยธารา/ไอ้เวรธารา" เสียงของพี่ภาสและพี่คุณทำให้ผมละสายตาที่เผลอจ้องมองคนมาใหม่อย่างเสียมารยาท
"อะไรกันณัฐภาส เจ้าคุณ ทำไมพูดทักทายเพื่อนเก่าอย่างฉันไม่ด้วยท่าทีเป็นมิตรแบบนี้เลยหล่ะ" คนที่มาใหม่แสร้งทำหน้าตกใจ
"กูจะพูดยังไงมันก็เรื่องของกู เกี่ยวอะไรกับมึงตรงไหน? มึงนั้นแหละไอ้ธาดามึงเข้ามาที่นี่ทำไม" พี่ภาสถามอย่างหาเรื่อง
"ก็ไม่เกี่ยวอะไรหรอก แค่อยากจะเตือนในฐานะเพื่อนเก่าด้วยความหวังดีว่าอย่าไปทักทายใครแบบนี้อีกเดี๋ยวเค้าจะเข้าใจผิด
คิดว่ามหาเศรษฐีอย่างเจ้าสัวชัชวาลย์ และคนใหญ่คนโตอย่างท่านนายผลเจ้าขุนจะมัวแต่ทำงานจนละเลยที่จะอบรมสั่งสอน
ลูกชายสุดที่รักไปนะสิ นี่ฉันเห็นว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันเลยนะเนี่ยถึงพูดเตือนนะ" คนมาใหม่พูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน
กวนอารมณ์ แต่ตรงข้ามกับทำหน้าตาที่ทำเหมือนหวังดีเข้าเสียเต็มประดา
"อ่อ! เหมือนกับพ่อมึงหน่ะหรอ?ที่มัวแต่หมกมุ่นระเริงกามอยู่กับอีหนู จนแม่มึงตรอมใจตายและลูกชายอย่างมึงก็กลายเป็น
เด็กมีมีปมเที่ยวสร้างปัญหาคอยแต่จะเห่าจะกัดคนเค้าไปทั่วไม่เลือกหน้าอย่างนี้ใช่ไหม" พี่ภาสตอบกลับแรงไม่แพ้กัน
แทนที่ทางฝ่ายนั้นจะโกรธหรือโมโหที่โดนพี่ภาสตอกกลับแบบนี้ แต่เปล่าเลยฝ่ายนั้นยังคงมีรอยยิ้ม และเป็นรอยยิ้มที่ผมมอง
ไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่ ผมเห็นมือทั้งสองข้างของเค้ากำแน่นเข้าหากันจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนขึ้นที่หลังมือและ
แขนทั้งสองข้างอย่างน่ากลัว
"หึๆ ฉันจะไม่ถือสาคำพูดของพวกลูกแหง่อย่างนาย และจะคิดซะว่าเป็นคำทักทายของเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานก็แล้วกัน
แต่ที่ฉันเข้ามาคุยด้วยวันนี้ก็เพราะอยากรู้จักกับหนุ่มน้อยคนสวยนี่ต่างหาก ว่ายังไงครับผมชื่อธาราแล้วคุณหล่ะคนสวย
ชื่ออะไรครับ ช่วยบอกผมได้รึเปล่า??" คนๆนั้นทำพูดปัดตัดบทกับพี่ภาสก่อนที่จะจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
และสาวเท้าก้าวเดินเข้ามา จนผมเผลอผวากอดแขนของพี่ภาสไว้แน่น
"อย่ามายุงกับเมียกู" พี่ภาสบอกด้วยเสียงกดต่ำ ก่อนที่จะใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบังให้ผม
"อะไรกันแค่เด็กคนเดียว แบ่งเพื่อนเก่าอย่างฉันไม่ได้หรอ? ทีนายหล่ะ!! นี่ก่อนออกจากบ้านมาเด็กในสต็อกของฉันยังบอกมา
เลยนะ!! ว่าเมื่อคืนไปสนุกสุดเหวี่ยงกับนายมาจนเกือบจะสว่าง ฉันยังไม่ถือเลยภาส แล้วนายจะหวงทำไม เรื่องแค่นี้เอง
มีของดีก็แบ่งๆกันสิ หรือว่าเด็กคนนี้เพิ่งได้มาใหม่เลยยังเห่ออยู่ ถ้าอย่างนั้นเอาไว้นายเบื่อแล้วส่งต่อมาให้ฉันก็แล้วกัน
ฉันสนใจน้องเค้าจริงๆ น้องครับถ้าเบื่อณัฐภาสเมื่อไหร่ไปอยู่กับพี่นะ" คนๆนั้นบอกและเอื้อมมือจะมาจับตัวผมแต่ผมไม่ได้
สนใจที่จะปัดป้องอีกแต่อย่างใด มันรู้สึกแย่มากๆ หน่วงจนแทบหายใจไม่ออก ร่างกายก็เหมือนกับไม่มีแรงไปเสียดื้อๆจน
ผมเผลอปล่อยมือออกจากแขนพี่ภาสตั้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นี่ซินะสาเหตุที่ผมได้กลิ่นน้ำหอมแปลกๆไม่ซ้ำกันทุกๆคืน แต่แค่ได้
กลิ่นก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงหรือไม่ก็พวกที่เป็นฝ่ายรับเพราะว่าไม่มีผู้ชายแท้ๆที่ไหนหรอกที่จะเลือกใช้
น้ำหอมกลิ่นหวานๆและดึงดูดเย้ายวนเสียขนาดนั้น
"ไอ้เวรธารา!!!! กูบอกว่าอย่ามายุ่งกับเมียกู!!!!!" เสียงตวาดของพี่ภาสทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง และมองดูเหตุการณ์ข้างหน้าอีกครั้ง ผมมองเห็นพี่ภาสปัดมือคนๆนั้นที่กำลังจะเอื้อมมาจับผมและผลักออกอย่างแรงงจนอีกฝ่ายเซถลา
ไปชนกับโต๊ะที่มีไว้ให้ลูกค้าไว้จับจองล้มกระจัดกระจายเกิดเสียงดังจนเหล่านักท่องราตรีที่กำลังสนุกสนาน เพลิดเพลินกับ
เสียงเพลงก็หยุดเต้นและหันมามองดูกันอย่างอยากรู้อยากเห็น
"อะไรกันณัฐภาส!! ที่นี่เค้าต้อนรับลูกค้ากันแบบนี้หรอ??" อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงดัง ทุกคนที่อยู่ในผับแห่งนี้คงจะได้ยินกันทุกคน
เพราะเสียงเพลงที่ดังอึกทึกคึกโครมในตอนแรกได้เงียบไปตั้งแต่นายธารานั่นเซไปชนโต๊ะแล้ว และก็เหมือนกับว่ายิ่งสนุก
เมื่อเห็นสีหน้าโกรธจัดของพี่ภาส
"ถ้ามึงจะมาหาเรื่องก็กลับไปซะไอ้ธารา ต่างคนต่างอยู่ไปซิ มึงจะมาหาเรื่องไอ้ภาสทำไม มึงอย่ามาอ้างนะว่าอยากรู้จักน้องน่ะ
ไอ้ภาสมันก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าน้องพัสเป็นเมียมันหน่ะไม่ใช่แค่เด็กหิ้วอย่างที่มึงคิดน่ะ หรือถ้ามึงจะบอกว่ายังไม่รู้กูก็
จะบอกให้ว่า มันแต่งงานจดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว ทีนี้มึงรู้แล้วก็กลับไปเถอะไอ้ธารา ก่อนที่ไอ้ภาสมันจะโมโหทนไม่ไหว
แล้วขาดสติจนยั้งกันไม่อยู่ ถึงเวลานั้นแล้วกูก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้หรอกนะ" เสียงพี่คุณพูดออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน
"แล้วใครจะขอให้ช่วย? คนอย่างนาย เมื่อก่อนเคยเป็นยังไง นี่ก็ผ่านมาเป็นสิบแล้วนายก็ยังเป็นอย่างนั้น นายก็เป็นได้แค่หมา
รับใช้ที่คอยแต่จะกระดิกหางรอคำสั่งและมีหน้าที่คอยตามหลังณัฐภาสอยู่อย่างนั้น!!" นายธาราพูดด้วยเสียงดูแคลน
"แมร่งเอ้ย!! มึงมัน!!" พี่คุณพูดก่อนที่จะกระชากชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเข้ามาหาตัว
"ฉันทำไมหรอ? หรือฉันพูดตรงเกินไป? นายว่าอย่างนั้นรึเปล่าณัฐภาส??" ทั้งๆที่อยู่ในเงื้อมือของพี่คุณแล้ว ยังไม่มีอาการ
เกรงกลัวซักนิด แถมยังหันหน้ามาถามพี่ภาสอย่างลอยหน้าลอยตาใบหน้าที่กวนอารมณ์
"ไอ้สัส!!! หมึงมันอ้อนตีนกูไง!! ไอ้เหี้ยธารา!!!" พี่ภาสบอกก่อนที่จะปล่อยดันผมหลบออกก่อนที่จะกระโดดถีบ
อกของนายธาราที่ยังโดนพี่คุณกระชากคอเสื้ออยู่อย่างนั้น จนกระเด็นหงายหลังทับโต๊ะที่เต็มไปด้วยขวดเครื่องดื่มที่ลูกค้า
เจ้าของโต๊ะสั่งไว้กระจัดกระจายเสียงขวดหล่นแตกดังระนาว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนอนอยู่อย่างนั้นพี่ภาสก็เข้าไปคล่อมทับ
ประเคนหมัดต่อยลงใบหน้าของนายธาราอย่างไม่ยั้ง นายธาราเมื่อเริ่มตั้งตัวได้ก็เริ่มปัดป้องหมัดของพี่ภาสและจนผลัดกันชก
ผลัดต่อยกันวุ่นวายชุลมุนจนมองแทบไม่เห็นเพราะลูกค้าเริ่มล้อมวงดู กว่าผมจะแซกเข้าไปได้ก็เห็นนายธาราถีบพี่ภาสออก
ให้ห่างและลุกขึ้นก่อนที่จะหยิบขวดเบียร์ที่ร่วงแตกจนเป็นปากฉลามที่พื้นแถวนั้นขึ้นมาจ้วงแทงเข้าเต็มท้องของพี่ภาสอย่าง
เต็มแรง แต่ด้วยความที่โมโหจนบ้าเลือดทำให้พี่ภาสเหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยที่โดนแทงเข้าไปเต็มแรงและลึกจนเลือด
ไหลอาบไปทั่วตัวอย่างนั้น พี่ภาสคว้าขวดเบียร์อันเดียวกันกับที่แทงตัวเองจากมือของอีกฝ่ายก่อนที่จะใช้มันฟาดและกรีด
เข้าเต็มๆที่ใบหน้าเป็นทางยาวแนวขวาง เลือดที่ค่อยๆไหลย้อยออกมาจากบาดแผลแหวะหวะบนใบหน้าของนายธาราทำให้
เหล่านักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
"ปิ๊ดๆ ปี๊ดๆ ปี๊ดดดดด.........ทุกคนหยุด!! อยู่ในความสงบ!! ยืนอยู่กับที่อย่าขยับไปไหนเด็ดขาด!! ทางเราได้รับแจ้งเหตุว่า
เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นที่นี่ เพราะฉะนั้นได้โปรดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย!!" เสียงนกหวีดังเข้ามาตามด้วย
ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบอีกหลายคน พี่คุณที่ตั้งสติได้ก็คว้าแขนผมจับไว้แน่น พาเดินเข้าไปหาพี่ภาส
ที่แทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่แต่ดี่ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยพยุงอีกแรง
"ผมขอพาคนเจ็บไปหาหมอก่อนได้ไหมครับ ถ้ากลัวหนีใจะห้ทางเจ้าหน้าที่ตามไปด้วยก็ได้ครับ" พี่คุณพูดเจรจากับ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่พักใหญ่จนอีกฝ่ายเห็นว่าพี่ภาสจะไม่ไหวแล้วจึงอนุญาติแต่ก็ให้พาพี่ภาสไปโรงพยาบาลได้
แต่จะให้เจ้าหน้าที่ตามไปควบคุมกันหนีและจะพานายธารานั่นไปทำแผลที่โรงพยาบาลด้วยอีกคน
"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับที่รัก พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย" พี่ภาสพูดขึ้นตอนที่เรานั่งอยู่บนรถของพี่ภาสที่กำลัง
มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลโดยมีพี่คุณเป็นคนขับและมีตำรวหนึ่งคนนั่งที่เบาะข้างคนขับคู่กับพี่คุณไปด้วยกันเพราะว่าจะมา
ควบคุมกันพวกเราหนี ส่วนนายธารานั่นไปรถตำรวจอีกคันนึงที่ขับตามหลังมา
"พี่ภาสไม่หน้าจะใจร้อนอย่างนั้นเลย" ผมบอกเสียงเบาเพราะยังรู้ตกใจกลัวกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่
"พี่ทนไม่ได้หรอกที่จะฟังใครพูดจาดูถูกเมียพี่กับเพื่อนพี่ได้หรอก แค่กๆ" พี่ภาสบอกก่อนที่จะไอออกมาด้วยหน้าเบ้
"เรื่องนี้เอาไว้คุยกันที่หลังเถอะครับ ถึงโรงพยาบาลแล้ว" ผมพูดตัดบทก่อนเมื่อเห็นว่ารถได้เลี้ยวเข้ามาในโรงพยาบาลแล้ว
ผมขอสารภาพเลยว่าผมยังรู้สึกกลัวไม่หายเมื่อเห็นบุรุษพยาบาลเข็นรถที่มีพี่ภาสนอนสลบลงไปเพราะเสียเลือดมากเข้าไป
ในห้องฉุกเฉิน บอกตรงๆเลยว่าตอนที่ผมเห็นนายธารานั่นใช้ปากฉลามนั่นแทงเข้าที่ท้องพี่ภาส เลือดสีสดที่ไหลออกมา
อย่างไม่ขาดสายเหมือนกับน้ำที่เปิดก๊อกทิ้งไว้นั้นมันทำให้ผมแทบหยุดหายใจ เรื่องที่รู้สึกโกรธเคืองพี่ภาสตอนที่นายธารา
พูดเรื่องที่พี่ภาสนอนกับผู้หญิงทั้งๆที่แต่งงานกับผมแล้วนั้นหายไปกลับพริบตา แทนด้วยความกลัวจับใจ กลัวจนแทบจะ
หยุดหายใจ ถ้าต้องเสียพี่ภาสไปผมจะทำยังไงดี สามอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกันมาพี่ภาสดีกับผมมาก ทั้งคำพูดทั้งการกระทำ ไม่ว่า
เป็นเรื่องอะไรหรือผมอยากได้อะไร ต้องการสิ่งไหน พี่ภาสก็จะไม่ขัด และตามใจผมมาตลอด พยามขอร้องให้ผมเปิดใจให้บ้าง
พี่ภาสเหมือนคนที่ช่วยเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปตั้งแต่ปู่กับย่าผมเสียใจ พี่ภาสให้ทำให้ผมรู้สึกดีเมื่ออยู่ใกล้ มอบความรัก
ความอบอุ่นให้ผมเสมอ และทำให้ผมได้สัมผัสคำว่าครอบครัวอีกครั้ง ผมอยากจะบอกพี่ภาสเหลือเกินว่าผมไม่ใช่แค่เปิดใจ
ให้พี่หรอกครับ แต่ผมคงจะรักพี่ให้เข้าแล้วสามีของผม

"มันเป็นยังไงบ้างหนูพัส" เจ้าสัวชัชวาลย์เอ่ยปากถามลูกสะใภ้เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองยังไม่ฟื้นคืนคติ หลังจากที่เค้าไป
จัดการเคลียร์ปัญหากับตำรวจและนายหัวรพี พ่อของธาราธรณ์คู่กรณี ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของลูกชายเค้าตั้งแต่สมัยเรียน
จนมาถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วแต่ทั้งสองคนนี้ก็ยังไม่ลงรอยกันสักที เค้าก็ไม่รู้หรอกว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกัน
นักหนา เวลาเจอกันถึงได้มีการลงไม้ลงมือให้ได้เลือดกันทุกที แต่เมื่อเห็นว่านั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของณัฐภาสและ
อีกอย่างเค้าเห็นว่าคือตอนนี้ลูกชายของเค้าโตมากแล้วไม่ใช่เด็กที่ทำผิดทีไรไม่ว่าอยู่ที่ไหนเค้าก็จะต้องวิ่งแจ้นมาดูลูกทุกที
เค้าก็ได้แต่หวังว่าปัญหาของเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้จะจบลงด้วยดีก่อนที่เรื่องราวจะร้ายแรงหรือศูนย์เสียอะไรไปมากกว่านี้
"หมอบอกว่าปลอดภัยแล้วครับ แต่ว่าที่ยังไม่ฟื้นก็เพราะพี่ภาสเสียเลือดไปมากเลยทำให้ร่างกายอ่อนเพลียน่ะครับคุณพ่อ"
พัสกรหันมาตอบเจ้าสัวชัชวาลย์ก่อนจะหันกลับไปจ้องมองใบหน้าของณัฐภาสที่สิ้นฤทธิ์หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
จากการอ่อนเพลียเพราะเสียเลือดมาก ทำให้ตอนนี้ณัฐภาสเหมือนกับเด็กน้อยที่น่าเอ็นดูคนนึง ไม่ใช่ไอ้หน้าหื่นเจ้าเลห์
ที่จ้องแต่จะกดหรือลวนลามเค้าอยู่ตลอดเวลา
"เฮ้อ!! ไอ้ลูกคนนี้นี่หน้า โตจนแต่งงานมีเมียมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้วยังจะใจร้อนวู่วามให้อารมณ์อยู่เหนือเตุผล
ขาดสติจนทำให้เกิดเรื่องเกิดราวใหญ่โตขึ้นมาแถมตัวเองยังต้องมาเจ็บตัวนอนเดี้ยงอยู่อย่างนี้อีก" เจ้าสัวชัชวาลย์
ถอนหายใจอีกครั้งด้วยความเหนื่อยใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวของณัฐภาสตั้งแต่โตขึ้นมา ช่วงเข้าสู่วัยรุ่นณัฐภาสก็เริ่มมีเรื่องชกต่อย
ไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะเรื่องพวกผู้หญิงที่เข้ามาตบตีกันถึงในบ้านของเค้าเพื่อแย่งณัฐภาส นี่เค้าผิดพลาดไปตั้งแต่ตอนไหน
ทำไมลูกชายตัวเล็กที่น่ารักของเค้า กลายเป็นหนุ่มเลือดร้อนบ้าคลั่งไปได้ถึงขนาดนี้
"ผมขอโทษครับคุณพ่อที่เป็นสาเหตุให้พี่ภาสต้องเจ็บตัวอย่างนี้" พัสกรหันมายกมือขึ้นไหว้เจ้าสัวชัชวาลย์ก้มหัวลงจนแทบ
จะติดพื้นเพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด
"ไม่ต้องหรอกหนูพัส มันไม่ใช่ความผิดของหนูเลยนะลูก ไอ้ภาสกับธาราธรณ์มันมีเรื่องมีราวตีรันฟันแทงกันตั้งแต่สมัยเรียน
แล้ว เพราะฉะนั้นหนูไม่จำเป็นต้องโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองหรอก ถึงไม่มีหนูเจ้าสองคนนี้มันก็หาเรื่องมาตีกันอีกจนได้
นั่นแหละ เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าครั้งอื่นเท่านั้นเอง อย่าคิดมาก" เจ้าสัวชัชวาลย์จับพัสกรไปนั่งที่เดิมข้างเตียงผู้ป่วย
ของพัสกรก่อนที่จะพูดบอกอเหตุผลให้พัสกรเลิกโทษตัวเองเสียก่อน
"แล้วนายธาราเป็นอย่างไรบ้างครับคุณพ่อ ทางนั้นเค้าจะเอาเรื่องพี่ภาสหรือเปล่าครับ" พัสกรถามอย่างเป็นห่วงกลัวว่าจะเป็น
เรื่องราวใหญ่โตจนทำให้ณัฐภาสเดือดร้อนถึงกับขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะว่าจากที่เห็นทางนั้นก็เจ็บอยู่ไม่น้อย
"ไม่มีอะไรแล้วแหละ ทางนั้นเอาเรื่องเราไม่ได้หรอกเพราะตำรวจเค้าสรุปคดีจากการฟังจากที่เจ้าคุณเพื่อนไอ้ภาสมันเล่าและ
ผลจากการสอบปากคำของพยานทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการทุกคนพูดตรงกันว่าธาราธรเข้ามาป่วนและหาเรื่องทางเราก่อนบวก
กับที่ไอ้ภาสมานอนเดี้ยงอยู่นี่อีก ทางฝ่ายนั้นก็เลยเอาเรื่องอะไรเราไม่ได้ ทางตำรวจเลยลงบันทึกประจำวันว่าทะเลาะวิวาท
และให้ทั้งสองฝ่ายเสียค่าปรับแล้วแยกย้ายกันไป แต่ทางนั้นแย่หน่อยก็ตรงที่ว่ารอยที่ไอ้ภาสมันฝากไว้ลึกและยาวอยู่ไม่น้อย
หมอเลยยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะสามารถศัลยกรรมตบแต่งให้หน้าเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า" เจ้าสัวชัชวาลย์
นั่งที่โซฟารับแขกในห้องพักของณัฐภาสก่อนที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เค้าไปจัดการออกมาให้พัสกรรับรู้ด้วยความเหนื่อยใจ
ทางคดีความมันจบหน่ะก็จริง แต่ทางนายหัวรพีพ่อฝ่ายนั้นยังดูอาฆาตมาดร้ายไม่อยากจะจบด้วยเลย แต่เรื่องนี้เค้าเอาไว้คุย
กับณัฐภาสลูกชายเค้าแค่สองคนดีกว่า เค้าไม่อยากจะให้พัสกรลูกสะใภ้คนโปรดของเค้าต้องมาพะวงเครียดกับเรื่องนี้อีกคน
จนทำให้หลานเค้าพลอยจะไม่ได้เกิดมาอีก
"อืมม........." เสียงแผ่วเบาในลำคอของณัฐภาสทำให้อีกสองคนที่เหลือในห้องต้องหยุดบทสนทนา แล้วหันมาสนใจกับ
คนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียง
"หนูพัส.....โอ้ย!!" เพราะพลิกตัวแรงไปทำให้กระเทือนที่แผลผ่าตัดจนทำให้ณัฐภาสเจ็บระบมจนต้องร้องออกมาเสียงดัง
ด้วยใบหน้าเหยเก
"ตายแล้ว!! พี่ภาส!! ขยับตัวเบาๆสิครับ แผลยังใหม่อยู่เดี๋ยวแผลก็ปริจนต้องเย็บใหม่หรอกครับ" พัสกรรีบขยับตัวลุกอย่าง
รวดเร็ว ช่วยประคองณัฐภาสลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนเอาหมอนลองหลังให้ โดยมีเจ้าสัวชัชวาลย์ช่วยปรับหัวเตียงขึ้นให้เล็กน้อย
พอที่จะไม่ทำให้แผลของณัฐภาสฉีกขาดหรือปริจนต้องเย็บใหม่อีกครั้ง
"หนูพัสเป็นอะไรรึเปล่า แค่กๆ แค่กๆ"
"ดื่มน้ำก่อนเถอะครับ แล้วค่อยคุยกันนะพี่ภาส" พัสกรเทน้ำใส่แก้วและจับหลอดให้ณัฐภาสดื่มแก้กระหายก่อน เมื่อเห็นว่า
ณัฐภาสไอออกมา
"หนูพัสไม่ได้เจ็บตรงไหนมั้ย!!!" เมื่อดื่มน้ำเสร็จณัฐภาสก็ถามขึ้นทันทีพลางจับแขนจับหน้าของพัสกรเป็นการสำรวจ
"ใจเย็นๆพี่ภาส พัสไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เจ็บตรงไหนเลยครับเห็นไหม" พัสกรบอกก่อนที่จะหมุนตัวให้ณัฐภาสดูว่าตนไม่
ได้เป็นอะไร อย่างที่อีกคนคิด
"ดีแล้วครับ!!! พี่เป็นห่วงหนูพัสแทบแย่ กลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย พี่ขอโทษนะที่ทำให้หนูพัสต้องเจอเรื่องแบบนั้น"
ณัฐภาสพูดบอกและจับมือข้างนึงของพัสกรลูบไปมาอย่างแผ่วเบาเหมือนว่าต้องการจะขอโทษ
"เรื่องมันผ่านมาแล้ว ก็ช่างมันเถอะครับ" พัสกรบอกก่อนที่จะเอามือที่ว่างอีกข้างนึงไปกุมทับมือของณัฐภาสที่ลูบมือของตน
เล่นและบีบเบาๆเพื่อยืนยันว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ นั่นทำให้ณัฐภาสหายกังวลยิ้มออกมาได้
"อะแฮ่มๆ น้อยๆหน่อยไอ้ภาส ฉันที่เป็นพ่อแกก็ยืนหัวโด่อยู่นี้ทั้งคน แต่แกกลับเห็นแค่หนูพัสคนเดียวเนี่ยนะ" เจ้าสัวชัชวาลย์
พูดขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งลูกชายและลูกสะใภ้หลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัวสีชมพูของสามีภรรยาเข้าไปแล้ว
"ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!! พ่อก็พูดเกินไป!! ผมก็แค่เป็นห่วงเป็นเมียผมก็เท่านั้นเอง" ณัฐภาสเถียง
"พึ่งจะมาห่วงอะไรหนูพัสตอนนี้ห๊ะไอ้ภาส!! ถ้าเมียแกเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆแกจะรู้เรื่องอะไรไหมไอ้ภาสในเมื่อแกก็แทบ
ปรางตายเหมือนกันหน่ะ แกโตแล้วนะไอ้ภาส แกโตจนแต่งงานมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วน่ะอีกหน่อยแกกับหนูพัสก็ต้องมีลูก
แกเป็นพ่อเป็นผัวนะ เป็นหัวหน้าครอบครัว แกมีหน้าที่ปกป้องดูแลให้ลูกให้เมียปลอดภัยและมีความสุข ไม่ใช่ดีแต่หาเรื่อง
หาราวเอาภัยอันตรายเข้าบ้าน ที่ฉันพูดทั้งหมดเนี่ยก็เพราะว่าฉันรักและหวังดีกับแกนะไอ้ภาส เพราะแกเป็นลูกชายคนเดียว
ของฉัน เป็นเหมือนชีวิตทั้งหมดของฉัน ตอนนี้แกอาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดก็ได้ แต่เมื่อไหร่ที่แกมีลูกเป็นของแกเอง
ฉันเชื่อว่าเมื่อถึงวันนั้นแกจะเข้าใจฉันเอง ปรับตัวซะใหม่เถอะภาส นิสัยมุทะลุดุดันของแกนะเลิกซะเถอะ แล้วไอ้นิสัยใจร้อน
วู่วามของแกนั่นอีกเลิกได้ก็เลิกซะภาสก่อนที่แกจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญในชีวิตของแกไป และเมื่อถึงวันนั้นแล้วแกจะไม่สามารถ
ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ทันเลย พักผ่อนซะณัฐภาส พ่อไปก่อนนะหนูพัส"
"พ่อครับ/คุณพ่อ" เสียงของณัฐภาสและพัสกรเอ่ยรั้งเรียก แต่เมื่อเจ้าสัวชัชวาลย์พูดสอนณัฐภาสจบก็ขอตัวกลับทันที
ไม่ฟังเสียงเรียกของณัฐภาสและพัสกรอีกเลย เจ้าสัวชัชวาลย์หยุดเดินมานั่งพักที่สวนหย่อมของโรงพยาลที่ตอนนี้
ทั้งเงียบและปลอดคนเพราะดึกมากแล้ว นึกคิดไปถึงเรื่องเก่าๆตอนที่เค้าได้สูญเสียภรรยาสุดที่รักที่ร่วมทุกร่วมสุขกันมา
ร่วมยี่สิบปีอย่างไม่มีทางหวนคืน เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นก็เพราะความมุทะลุ ความดื้อรั้นใจร้อนไม่ฟังใครของเค้า
ที่เหมือนกับณัฐภาสในตอนนี้ วันที่เกิดเรื่องนั้นเค้ามีการเจรจาค้าเพชรกับนักธุรกิจรัสเซียล็อตใหญ่ แต่อีกฝ่ายกลับส่งของ
ให้ไม่ครบกับจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ ทำให้เกิดมีปากเสียงและวิวาทกันขึ้นมาลูกน้องทั้งของเท้าและลูกน้องของอีกฝ่าย
กระโจนเข้าหากันเหมือนไฮยีน่าที่รุมทึ้งแย่งเหยื่อกันแต่แล้วอีกฝ่ายนึงก็ควักปืนเล็งขึ้นมาทางเค้า แต่เค้ากลับไม่เห็นมัน
เค้ามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยอนเสียงปืนและเห็นร่างไร้ลมหายใจของภรรยานอนจมกองเลือดอยู่แล้ว ส่วนคู่กรณีอีกฝ่าย
ก็หนีไปได้ กับอีแค่เรื่องที่เข้าใจคลาดเคลื่อนกันนิดเดียวถ้าเค้าใจเย็นและค่อยๆเจรจาป่านนี้ภรรยาสุดที่รักของเค้าก็คงจะ
ได้อยู่รอดูความสำเร็จและความสุขของลูกชายด้วยกัน ตอนนี้เค้าก็ได้แต่หวังว่าณัฐภาสจะไม่ก้าวพลาดอย่างเค้า
...
งื้อออ!!! ตอนนี้จะถูกใจกันรึป่าวก็ไม่รู้ มี่ไม่ถนัดฉาบู้เลย เอ็นซีก็แต่งไม่เป็น
จะหวานก็ไม่ได้ จะดราม่าก็ไม่สุด อื้ออออ....สรุปแล้วคือมี่ไม่ได้เรื่องสักอย่างเลย
ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องขอโทษด้วยน้าา...มีจะพยายามให้มากกว่านี้ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นทุกๆกำลังใจนะคะ
มันช่วยให้มีมีแรงฮึดสู้!! ได้มากเลย ใครที่หลงเข้ามาอ่านก็ขอบคุณด้วยนะคร้าาา
แอบบอก(กระซิบ)คุณผู้อ่าที่น่ารักไว้ก่อนว่ารอหลานกันอีกไม่นานหรอก!! ทนกันอีกนิดนึงนะคะ
แต่คุณผู้อ่านอย่าเอาไปบอกหนูพัสกับอีพี่ภาสก่อนนะคะเดี๋ยวไม่เจอร์ไปร์(เซอร์ไพร์) เย้ย!!! จีซองโพล่มาจากไหนเนี่ย