[END]>>>คุณเมียภาคบังคับ<<< (MPREG) Up.แจ้งข่าว (26/02/59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]>>>คุณเมียภาคบังคับ<<< (MPREG) Up.แจ้งข่าว (26/02/59)  (อ่าน 251420 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

คุณเมียภาคบังคับ ตอนที่ 24










       Tru...Tru...Tru...


       "ว่าไงครับพี่" ณัฐภาสที่กำลังนั่งทบทวนดูความถูกต้องของเอกสารที่จะใช้ต้องใช้ในการประชุมในวันพรุ่งนี้
ซึ่งเป็นแรกของการเริ่มต้นทำงานในสัปดาห์ใหม่หรือวันจันทร์นั่นเอง(จะยาวไปเเพื่อ?) กรอกเสียงรับสายไป
อย่างเป็นกันเองเพราะคนที่โทรมาเป็นคือรุ่นพี่คนสนิทที่เป็นตำรวจที่คุ้นเคยกันดีนั่นเอง


       // กูรู้แล้วนะโว้ยว่าไอ้สนน้องนอกไส้มึงมันหายไปไหนบ่อยๆ //


       "จริงหรอพี่!!" ณัฐภาสถามกลับไปด้วยความรวดเร็วอย่างไม่อยากจะเชื่อหู เพราะหลายปีที่ผ่านมาลูกน้อง
คนที่รุ่นพี่ของเขาให้ไปสะกดรอยตามดูสนก็มักจะแจ้งข่าวมาให้ฟังเสมอๆ ว่าสนเหมือนจะรู้ตัวก่อนที่จะถึงที่
หมายและขับรถวนไปวนมาหลอกตำรวจคนนั้นเสียทุกที(ก็เขาเคยบอกแล้วไงว่ามันเป็นคนฉลาด) พอถามไป
ตรงๆ ว่ามันมักจะหายไปไหนมาบ่อยๆ มันก็จะพูดบอก ตอบออกมาตรงๆ ว่า 'ผมขอไม่บอกได้ไหม' แล้วจะให้
เขาคนนี้ทำอะไรได้อีก นอกจากว่าต้องให้คนแอบสะกดรอยตามเหมือนกับไม่ไว้ใจมันอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ความจริง
แล้วเขาคนนี้ที่อยู่ในฐานะเจ้านายและพี่ชายนอกไส้ที่ทั้งรักและเป็นห่วงมันเกินกว่าที่จะปล่อยปละละเลยทำ
เป็นเหมือนกับไม่รู้ไม่ชี้ไปกับมันได้


       // เกาะร้าง XXX ที่ไอ้สนมันมักจะหายไปก่อนที่จะถึงเกาะนั้นเป็นประจำก็เพราะว่ามันมีทางลับที่ต้องเดิน
เท้าลุยป่าเข้าไปตั้งลึกไงลูกน้องกูถึงได้โดนมันหลอกอยู่ตั้งหลายปี และที่หามันเจอเนี่ยก็เพราะเหมือนกับว่า
มันกำลังรีบร้อนที่จะไปทำอะไรที่เกาะสักอย่างนึงนี่แหละ มันถึงไม่ระวังตัวและลืมหลอกลูกน้องกูอย่างทุกที
ว่าแต่มึงเถอะ รู้ที่อยู่มันแล้วคราวนี้มึงจะทำยังไงต่อไป...จะลุยหรือจะรอ //


       "รอไม่ได้หรอกพี่เพราะสายของผมที่อยู่ทางนั้นส่งข่าวมาแล้วเหมือนกันว่าถ้าเขาเจอมันแล้ว..เขาจะไม่
ปล่อยมันให้รอดแน่ๆ เพราะนั่นมันลูกรักของเขา...ผมขอเคลียร์ตัวเองก่อนพี่แล้วจะโทรบอกอีกที" ณัฐภาส
บอกเสียงเครียด ก่อนที่จะวางสายหลังจากที่ปลายสายตอบรับเรียบร้อยแล้ว


       "มีอะไรให้พัสหรือเปล่าครับพี่ภาส" พัสกรถามและวางมือบนไหล่สามีเบาๆ เมื่อบังเอิญเดินผ่านห้อง
ทำงานของณัฐภาสที่ประตูเปิดแง้มไว้ (ซึ่งอาจจะเกิดจากที่หนึ่งในแฝดสามที่กำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่ตอนนี้ลืม
ปิดเมื่อตอนที่เข้ามาหาคุณพ่อของเขา) และเห็นว่าสามีกำลังนั่งกุมขมับทำหน้าเครียดด้วยสีหน้าและท่าทาง
ไม่ดีอยู่ เขาจึงแวะเดินเข้ามาสอบถามอากการของสามีดูสักหน่อยด้วยความเป็นห่วง


       "เรื่องไอ้สนน่ะ พี่ยุธ(ชื่อรุ่นพี่ที่เป็นตำรวจอ่ะ) เขาโทรมาบอกว่าเจอที่ซ่อนไอ้สนแล้ว ส่วนสายทางโน้นของ
เรามันก็ส่งข่าวมาว่าทางนั้นเขาจะไม่ปล่อยมันไว้แน่ๆ ถ้าได้เจอตัวมัน พี่เลยกำลังคิดว่าพี่ควรจะทำยังไงต่อ
ไปดี เพราะคิดว่าในเมื่อตอนนี้เราเจอมันแล้ว ทางนั้นเขาก็จะต้องเจอมันเหมือนกันกับเราอย่างแน่นอน"
ณัฐภาสบอกกับภรรยาออกไปตรงๆ เพราะไม่อยากจะปิดบังอะไรอีก หลังจากที่โดนเมียงอนไปหลายวันที่ปิด
เรื่องหลานแม่บ้านที่เป็นนกต่อคอยส่งข่าวให้ไอ้ภูผารับหลังเราเมื่อก่อนนี้ ถึงได้คิดที่จะเปลี่ยนแม่บ้านชุดใหม่
ถึงแม้ว่าช่วงนี้ไอ้ภูผามันจะหายเงียบไปแล้วก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้เขามีลูกน้อยอีกสามคนจึงคิดที่จะตัดไฟตั้งแต่
ต้นลมกันไว้ดีกว่า ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นมาอีกจริงๆ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจที่หลังเหมือนเรื่องคราวนั้นกันอีก


       "พี่ภาสก็รีบไปคุยกับสนวันนี้เลยสิ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ภาสไม่สบายใจอยู่" พัสกรทิ้งตัวนั่งลงบน
เก้าอี้ว่างตรงหน้าโต๊ะทำงานของณัฐภาส จึงทำให้ตอนนี้ทั้งสองสามภรรยากำลังนั่งหันหน้าชนกันอยู่


      "เพราะตอนนี้มันเย็นมากแล้ว และที่ไอ้สนมันเป็นเกาะร้างที่มีทางเข้าซับซ้อนต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับ
อยู่หลายชั่วโมง อีกทั้งช่วงนี้อากาศบ้านเราก็ยิ่งแปรปรวนอยู่พัสก็รู้ดีพี่เลยไม่รู้ว่าจะใช้เวลาไปกับเรื่องนี้
ทั้งหมดกี่ชั่วโมงหรือนานเท่าไหร่ และที่สำคัญพรุ่งนี้พี่มีประชุมการเจรจาซื้อขายกับลูกค้าใหม่รายใหญ่ด้วย
พี่เลยกลัวกลับมาประชุมไม่ทัน แต่พี่ก็ปล่อยให้ไอ้สนมันตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นไม่ได้" ยิ่งคิดณัฐภาสก็ยิ่ง
เคลียดเพราะเป็นคนในครอบครัวที่สำคัญ แต่กำไรที่จะได้จากการเจรจาพรุ่งนี้(ถ้าสำเร็จ)มันก็สำคัญเพราะ
เดือนนี้และเดือนที่ผ่านมาทั้งเดินพนักงานฝ่ายต่างๆ ก็หัวหมุนและฝากความหวังไว้กับการเจรจาครั้งนี้กัน
ทุกคน


       "ให้พัสเข้าประชุมแทนพี่ภาสได้รึเปล่าครับ อย่าลืมสิว่าพัสก็จบบริหารมานะถึงแม้ว่ายังจะไม่เคยได้ใช้
วิชาความรู้มาทำมาหากินก็เถอะ แต่พัสก็คิดว่าถ้าพัสได้อ่านและทำความเข้าใจกับเอกสารที่ใช้ในการประชุม
พรุ่งนี้สักหน่อย...ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะพอไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเสร็จแล้วพัสก็ไม่มีธุระสำคัญอะไรอีกแล้ว"
พัสกรบอกออกมาในที่สุด หลังจากที่เขาทั้งคู่นั่งเงียบใส่กันอยู่พักใหญ่ ที่จริงพัสกรก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับ
งานที่บริษัทของสามีสักเท่าไหร่หรอกและเขาก็ไม่ได้ว่างอย่างที่บอกกับสามีอีกด้วยเพราะยังมีงานบ้านที่เป็น
งานที่ไม่มีวันเสร็จหรือสิ้นสุดรอเขาอยู่อีกกองเบ้อเริ่ม แต่มันก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าชีวิตของสนและความหวัง
ของพนักงานทั้งบริษัทหรอกเพราะเขาพอจะรู้มาอยู่หรอกว่าลูกค้ารายใหม่นี้ทุนสูง เงินหนา และไม่ค่อยยอม
ที่จะจับมือลงทุนกับใครง่ายๆ หรอก แต่สามีของเขาก็อุตส่าห์หลอกล่อมาจนได้ พวกพนักงานกับผู้ถือหุ้น
(ที่มีอยู่น้อยนิด) ในบริษัทถึงตั้งความหวังในครั้งนี้ไว้สูง และณัฐภาสสามีของเขาก็จะเป็นที่ยอมรับจริงๆสักที
ไม่ใช่แค่ยอมรับแต่ปากอย่างทุกวันนี้ ที่ต่อหน้าก็ทำเป็นดีพอรับหลังก็เอาไปนินทาสาดเสียเทเสียจนแทบจะ
ไม่เหลือความเป็นคนอยู่เลย ไม่รู้ว่าจะอะไรนักหนา และไอ้สามีของเขาก็ทนจริงๆ ทนมากจนเกินไป ที่ทำเป็น
ยิ้มแย้มหัวเราะได้อย่างมีความสุขทั้งๆ ที่ในใจนั้นแบกความทุกข์เอาไว้ตั้งมากมาย...งานนี้พัสกรขอทุ่มสุดตัว
สุดแรงสู้เพื่อคุณสามีสุดที่รักสักตั้งก็แล้วกัน!!


       "จริงหรอ? พัสจะเข้าประชุมแทนพี่จริงๆ ใช่มั้ย" ณัฐภาสถามอย่างมีความหวัง


       "จริงสิครับ..หรือพี่ภาสไม่ไว้ใจพัส?" พัสกรเลิกคิ้วถาม


       "เปล่าครับ...ก็พี่เห็นว่าพัสไม่ชอบเรื่องพวกนี้เลยกลัวว่าพัสจะลำบากใจ"


       "พัสไม่ได้ลำบากใจอะไรตรงไหนเลยครับพี่ภาสถึงจะไม่ชอบมากแค่ไหนก็ตามเถอะ ในเมื่อพี่ภาสเป็นสามี
ของพัส เป็นคู่ชีวิตที่จะต้องช่วยกันแชร์ในทุกๆ เรื่องในชีวิตของพัสไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ต่อให้ตกอับจนต้องไป
นอนกลางดินกินกลางทรายพัสก็ต้องทำ อยู่มากันจนป่านนี้ มีลูกก็สามคนเข้าไปแล้ว ถึงพัสจะอยากถอนตัว
ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วครับ" พัสกรพูดติดตลก ตอบกลับสามีด้วยประโยคแสบๆ คันๆ เพราะไม่อยากให้ณัฐภาส
เก็บเรื่องไร้สาระอะไรไปคิดให้รกสมองเจ้าตัวเพิ่มอีกแล้ว


       "ขอบคุณนะครับคนดีของพี่...ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พัสก็อ่านและทำความเข้าใจกับเอกสารในแฟ้มนี้ทั้งหมด
เลยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เอาแค่คุยกันรู้เรื่องและเข้าใจตรงกันก็พอเพราะก่อนหน้านี้พี่ได้คุย
กับเขานอกรอบมาแล้วรอบนึงก็ตกลงกันตามที่อยู่ในเอกสารนั่นแหละ เพียงแต่พรุ่งนี้แค่ต้องลงลายมือชื่อเซ็น
สัญญาเป็นหลักฐานก็เท่านั้นเอง ในส่วนนั้นพัสก็เซ็นชื่อพัสไปเลยนั่นแหละเดี๋ยวเลขาพี่เขาก็จัดการเอาเอง
และเดี๋ยวพี่จะโทรไปคุยกับเลขาให้ก่อนที่จะออกไปก็แล้วกัน" ณัฐภาสรวบสองมือของพัสกรเข้ามาบีบเบาๆ
เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะค่อยๆ อธิบายเกี่ยวกับเรื่องของการประชุมในวันพรุ่งนี้ที่จะให้พัสกรเข้าประชุม
แทนในแบบกระชับ เร่งรัด และด่วนที่สุด เพราะนี่ก็เย็นแล้วและเขาไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว
.
.
.
       ปริ๊นน...ปริ๊นนน


       "พี่ไปก่อนนะครับ อยู่กับลูกก็อย่าลืมล็อคประตูหน้าต่างให้ครบทุกบานด้วยล่ะ ส่วนประชุมพรุ่งนี้ก็ไม่ต้อง
ไปเครียดกับมันมาก ถ้าเขามีปัญหาหรือใครค้านอะไรก็ช่างแมร่งมันไม่ต้องไปสนใจ ถึงไม่ได้เจ้านี้บริษัทก็ไม่
เจ๊งหรอก พี่ยังมีเงินเหลือไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียอีกเยอะ...ไปก่อนนะครับดูแลตัวเองกับลูกๆ ดี ๆ ด้วย" ณัฐภาส
รีบพูดบอกแกมสั่งกับพัสกรอย่างรัวเร็วจนพัสกรแทบจะฟังไม่ทัน เรื่องอื่นน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้เรื่องที่ให้
ดูแลตัวเองกับดูแลลูกดีๆ เนี่ย มันมีความหมายแฝงเข้ามาในคำสั่งด้วยพวกคุณรู้หรือเปล่า เพราะหลังจากที่
บ้านว่างหลังข้างๆ มีเพื่อนบ้านย้ายเข้ามาอยู่ใหม่และเจ้าแสบโตกับเจ้าแสบเล็ก ภาค ภาม ที่เห็นผมคุยกับ
คุณกิจวันนั้นแค่ครั้งเดียว แต่กลับใส่ร้ายเขา เอาไปฟ้องคุณพ่อภาสของตัวเองว่า 'เขามาจีบคุณแม่ทุกวันเลย'
แหม!! ลูกใครหนอ? มันช่างน่าตีจริงๆ....พวกคุณคิดเหมือนกันกับผมหรือเปล่า?
.
.
.
.
.
อีกด้านนึง (กระท่อมเล็กกลางเกาะร้าง)

       "ลุกขึ้นมากินยาก่อน เดี๋ยวจะตายแล้วมาเป็นภาระกูอีก" สนช้อนศีรษะของภูผาที่นอนซมอยู่บนแคร่ไม้ไผ่
เพราะพิษไข้ป่ามาแล้วหลายวัน โดยไม่ลืมที่จะใช้คำพูดร้ายกาจช่างแตกต่างจากแววตาที่ฉายความเป็นห่วง
จากเจ้าตัวมากเสียเหลือเกิน

       "เรื่องของฉัน!! จะเป็นจะตายยังไงมันก็เรื่องของฉัน...แค่กๆ" ภูผาพูดบอกออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง พร้อม
กับปัดเม็ดยาที่อยู่ในมือของสนออกจากตรงหน้าตัวเอง จนตกลงไปเกลื่อนกระจายอยู่เต็มพื้น

       "เออ!! อวดเก่งดีนัก!! ก็ปล่อยแมร่งให้ตายห่าไปเลย!! แล้วอย่างมาสำออยให้กูเห็นอีกนะมึง!!!" สนปล่อย
มือจากตัวของภูผาให้ตกลงไปกระแทกกับแคร่ไม้ไผ่อย่างไม่สนใจใยดี ด้วยความหัวเสียกับความดื้อรั้นของ
อีกคน

       "โอ๊ย!! แค่กๆ แค่กๆ" ภูผาร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เมื่อรู้สึกเจ็บและปวดไปทั่วทั้งตัวจากการ
กระแทกแคร่ไม้ไผ่ที่เหมือนจะไปซ้ำรอยช้ำรอยแผลเดิมของตัวเองที่โดนอีกคนรังแกมาก่อนหน้านี้

       "โธ่โว้ย!!! จะตายอยู่แล้วยังจะเสียอวดเก่งอีกนะมึง!!...เอ้า!! แดกๆ เข้าไป ก่อนที่กูจะโมโหไปมากกว่านี้
แล้วจะเผลอหลุดกระทืบซ้ำมึงเข้าไปอีก" สนพูดบอกพร้อมกับจับยากรอกปากของภูผาโดยที่เจ้าตัวยังคงตั้งตัว
ไม่ทัน ด้วยความรุนแรง ก่อนที่จะเดินปึงปังออกไปข้างนอกปล่อยให้ภูผาได้นอนซมอยู่บนเตียงคนเดียวเหมือน
เดิมก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามา
.
.
.
       "โว้ยยยยยยย..." สนที่ออกมาตระโกนโวยวาย ต่อยลมเตะดินระบายความหงุดหงิดความสับสนที่อัดแน่น
อยู่ในอกของตัวเองอย่างหัวเสีย.....เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นบ้าอะไรอยู่เพราะความเกลียดชังภูผาที่
เคยมีก่อนหน้านี้มันเหมือนจะลดเลือนและจางหายออกไปทุกวันๆ จนแทบจะไม่มีเหลืออยู่อีกเลย และกลับกัน
ความเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่ควรจะมีให้คนที่ขึ้นชื่อว่าศัตรูของตัวเองกลับมีเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ จนเขากลัวว่ามัน
จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นมาระหว่างเขาทั้งสองคนมากที่สุดนั่นก็คือ.....'ความรัก'

       "แกลักพาตัวลูกชายฉันมาอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยสินะ" เสียงเข้มเอ่ยขัดขึ้นระหว่างที่สนยังคงชกดินชกฟ้าระบาย
อารมณ์ในความสับสนของตัวเอง จนสนต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะความตกใจที่เกาะร้างแห่งนี้ยังมีคนอื่น
นอกจากเขาและภูผาที่นอนอยู่ในบ้านอีกหรือ ทั้งๆ ที่สถานที่แห่งนี้มันควรที่จะเป็นความตลอดไป

       "คุณ!!...นายหัวรพีพ่อของไอ้เลวภูผานั่นเองสินะ...มาหาผมถึงนี่มีอะไรหรอครับ? หรือว่าจะมาขอบคุณที่
ผมรับอาสาเอาลูกชายสารเลวของคุณมาสั่งสอนให้?" จากความตกใจหน้าตาตื่นก็แปลเปลี่ยนไปเป็นสีหน้า
ของคนยียวนกวนอารมณ์เบื้องต่ำทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นนายหัวรพีพ่อบังเกิดเกล้าของไอ้คนที่เขาจับตัวมา
.
.
.
.
.
ทางด้านของณัฐภาสที่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง

   "ตั้งแต่ตรงนี้ไปเราต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณสิบกิโลนะ" ยุธรุ่นพี่ที่รับราชการตำรวจของณัฐภาสบอก
ในขณะที่รถที่ณัฐภาส ยุธ และเจ้าหน้าที่ตำรวจลูกน้องของยุธอีกสามนายอาศัยมาจอดหยุดอยู่กลางดงป่าที่
เป็นทางเข้าไปบนเกาะร้างที่สนอยู่

       "โอเคครับ...ผมว่าเราเร่งหน่อยก็ดีนะพี่ ผมรู้สึกแปลกๆ อย่างไงก็ไม่รู้ว่ะ" ณัฐภาสพูดบอกความรู้สึกของ
ตัวเองให้รุ่นพี่ได้รับรู้ออกมาตรงๆ เพื่อที่จะให้ชาวคณะของเขานั้นได้เร่งฝีเท้าในการเดินให้เร็วขึ้นอีกซักนิด
เพราะเหมือนกับว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่มันอัดแน่นอยู่ในใจของเขานั้นมันจะระเบิดออกมาอย่างไงอย่างงั้น
.
.
.
.
.
       "อย่ามัวแต่พร่าม!! แล้วบอกมาซักทีว่าตอนนี้ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหน!!" นายหัวรพีระเบิดอารมณ์ออกมา
ในที่สุด หลังจากที่โดนสนพูดกวนประสาทอยู่พักใหญ่และไม่ยอมอ้าปากพูดบอกออกมาสักทีว่าภูผาลูกชาย
ของเขานั้นอยู่ที่ไหน เพราะจากลานกว้างติดหน้าผาตรงนี้เขามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นทับ
ซ้อนกันไปมาจนบดบังสายตาไปหมดและหน้าผาสูงที่อยู่ข้างหน้าของตัวเอง

       "แล้วถ้าผมไม่บอกล๊ะ?" สนยังคงตั้งใจที่จะยียวนกวนประสาทนายหัวรพีต่อไป

       "ฉันก็จะฆ่าแกทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยไง!!" นายหัวรพีพูดพร้อมกับหยิบปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมาจ่อ
ปากกระบอกไปตรงบริเวณกลางหน้าผากของสน

       "เอาสิครับ ยิงผมเลยเพราะถ้าผมตายไปคุณก็ไม่มีทางได้เจอลูกชายสุดที่รักของคุณพอดี" แทนที่สนจะ
มีถ้าทีหวาดกลัวปืนในมือของนายหัวรพี แต่ก็เปล่าเลย เพราะสนยังคงที่จะโต้ตอบกับนายหัวรพีด้วยสีหน้า
ยียวนกวนอารมณ์อยู่ดี

       ปัง!!!

       "โอ๊ย!!!" สนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนนายหัวรพีลั่นไกลยิงปืนใส่แขนซ้ายตัวเอง จนแทบจะ
ทรุดไปกับพื้นเพราะทรงตัวไม่อยู่ เนื่องจากแรงดันของกระสุนปืนที่ถูกยิงออกมาระยะใกล้ๆ จนแทบจะชิดติด
กับตัวเองเลย ผลกระทบที่เกิดจากบาดแผลมันเลยมีมากกว่าที่ควร

       "ทีนี้ก็หยุดเล่นลิ้นกับฉันแล้วบอกออกมาสักทีว่าแกเอาลูกชายฉันไปเก็บไว้ที่ไหน!!!" นายหัวรพีถามทั้งๆ ที่
ยังไม่ยอมลดปืนลง ยังคงที่จะจ่อปากกระบอกปืนเข้าหาตัวของสนอยู่เหมือนเดิม

       "ผมไม่บอกคุณหรอก! ต่อให้ต้องตายผมก็จะไม่บอกคุณ เพราะตอนนี้สิทธิในตัวของภูผามันเป็นของผม
ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไปแล้ว" สนยังคงดึงดันต่อไป

       "แกพูดบ้าอะไรของแกห้ะ!!" นายหัวรพีตวาดถามอย่างหัวเสีย เพราะพอจะเข้าใจความหมายในสิ่งที่สน
ต้องการจะบอกออกมาอย่างกลายๆ อยู่หรอก แต่เขาไม่อยากที่จะยอมรับมัน

       "ก็พูดความจริงไงครับ ตอนนี้ไอ้ภูมันเป็นเมียผม มันก็ต้องเป็นของผม...ไม่ว่ามันจะเป็นจะตายมันก็เป็น
ของผมอยู่ดี สิทธิความเป็นพ่อของคุณในตัวมัน หมดไปตั้งแต่ตอนที่มันนอนครางอยู่ใต้ร่างของผมตั้งแต่วัน
แรกที่ผมเอาตัวมันมาแล้ว!!" สนยังคงพูดออกมาอย่างท้าทายไม่กลัวตาย ทั้งๆ ที่บาดแผลจากการโดนยิงมี
เลือดไหลออกมามากขึ้นทุกที

       "แก!!..ไอ้เลว!!! คนอยากแกมันสมควรตาย!!!" นายหัวรพีขบกรามแน่นด้วยความโมโห เส้นเลือดข้างขมับ
ปูดโปนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนโกรธที่ขึ้นสูงจนถึงขีดสุด นิ้วชี้แกร่งเข้าประจำที่เตรียมตัวที่จะลั่นไกลปิด
ชีวิตของเด็กหนุ่มรุ่นลูกที่อยู่ตรงหน้า...ไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่มันกล้าทำร้ายลูกชายสุดที่รักของเขา คนที่มันกล้า
หยามหน้าทำเรื่องบัดสีทำลายหัวใจคนเป็นพ่ออย่างเขา!!!

       "พ่อ!! อย่า!!!.....ปัง!!!" เสียงของลูกชายสุดที่รักคนสำคัญของเขา ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับเสียงลั่นไกลปืน
ครั้งที่สองของเขา ก่อนที่ร่างของภูผาลูกชายของเขาจะทรุดลงจมกองเลือดในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มคนนั้น

       "อะ..ไอ้ภู!! ภูผา!! ไอ้ภู!! อย่าหลับนะมึง!! อย่าหลับ!! มองหน้ากู!! ไอ้ภูกูสั่งให้มึงมองหน้ากู!!!" สน
พยายามที่จะตะโกนร้องเรียกสติของคนในอ้อมกอดของตัวเองอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ก่อนที่จะฉีกเสื้อของ
ตัวเองออกมากดปิดปากแผลจากการโดนยิ่งเข้าที่กลางหน้าอกแบบเต็มๆ

       "กะ..กู..จะ..ไม่..ฟัง..อึก! แค่กๆ คำ..สั่ง..ของมึง..อีกแล้ว...แค่กๆ" ภูผาบอกออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น
เพราะกระอักเลือดออกมาด้วย

       "ไม่ฟังก็ไม่ฟัง!! แต่อย่าตายนะมึง!! มึงห้ามตายนะไอ้ภู!! มึงต้องอยู่แก้แค้กูก่อนนะโว้ย!!" สนพูดบอกด้วย
เสียงสั่นๆ น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกมาให้คนนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูของตัวเองได้เห็นอย่างไม่รู้สึกอาย เรื่องราว
ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมา ย้อนกลับเข้ามาให้เห็นอย่างไม่ขาดสาย ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความ
แค้น ความเกลียดชัง ค่อยๆผันแปรเปลี่ยนไปเป็นความห่วงหา ความผูกพัน และจนกลายไปเป็นความรักใน
ที่สุด หลายปีที่ผ่านมาสนคงจะไม่กล้าพูดออกมาได้อย่างเต็มปากว่าเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรไปกับภูผาเลย
ในเมื่อความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ข้างในมันเรียกร้องและฟ้องออกมาเป็นการกระทำให้ภูผาได้เห็นหมดแล้ว และภูผา
เองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันกับเขา เพราะช่วงหลังมานี้ถึงแม้ว่าภูผาจะยังคงดื้อ ยังคงเถียงและยังคงที่จะพยศ
เขาอยู่ แต่ภูผาก็ไม่เคยคิดที่จะหนีออกจากเขาไปเลย ทั้งๆ ที่เขาเลิกมัดเลิกล่ามภูผาเหมือนสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่
ผ่านพ้นในช่วงปีแรกไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังคงเลือกที่จะอยู่กับเขาที่นี่ต่อ

       "หึๆ ขอ..ติดไว้...อึก!...ชาติหน้า..ก็แล้วกัน...แค่กๆ...พ่อครับ!..ผม..ขอ..โทษ..นะ!!" ภูผาบอกกับสนด้วย
รอยยิ้มซีดเซียว ก่อนที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองพูดบอกคำขอโทษนายหัวรพีพ่อบังเกิดของตัวเองที่
ยืนหน้าซีดตกตระลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตกตระลึงที่เป็นเขาเอง...ที่ลงมือฆ่าลูกชายตัวเอง
ขอโทษ...ภูผาอยากจะขอโทษนายหัวรพีผู้เป็นพ่อในทุกๆ เรื่อง ขอโทษที่เขาดื้อรั้นไม่ฟังคำเตือนของพ่อ
ขอโทษที่เขาเป็นลูกที่แย่ที่คอยแต่จะสร้างปัญหาให้พ่อเสมอมา ขอโทษที่เขาไม่สามารถอยู่ทดแทนบุญคุณ
ของพ่อได้อีกต่อไป...และขอโทษที่เขาไม่สามารถได้พูดบอกในสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเสมอมาว่า..'ผมรักพ่อครับ'

       "ม่ายยยยยยยยยย!!!! ตื่นซิโว้ย!! ตื่นขึ้นมา!! ไอ้ภู!! ไอ้เหี้ย!! กูบอกว่าห้ามมึงตายไง!!! ไอ้เลวเอ้ย!!!"

       "แก..แกฆ่าลูกฉัน!! ฉันจะฆ่าแก!! ตามไปชดใช้ให้ลูกฉันในนรกซะเถอะ!!!" ในขณะที่สนยังคงร่ำไห้กอด
ศพของภูผาที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองจนไม่สนใจนายหัวรพีที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ก่อนที่จะนั่งนิ่งหลับตาพริ้ม
สองแขนกระชับกอดร่างของภูผาให้แน่นกว่าเดิม เมื่อได้ยินคำพูดของนายหัวรพี

       "ไอ้สนนนนนนน / ปัง!!!" เสียงร้องตระโกนของณัฐภาสคงจะช้าเกินไป เพราะพอสิ้นสุดเสียงเรียกของเขา
แล้วร่างของสนที่นั่งอยู่ที่พื้นก็ฟุบตกลงไปทับกับร่างของภูผาที่เจ้าตัวกอดไวอยู่ก่อนหน้านี้ทันที เพราะครั้งนี้
นายหัวรพีไม่ได้ลั่นไกลปืนพลาดอีกแล้ว เมื่อกระสุนนัดสุดท้ายนี้เจาะเข้ากลางหน้าผากผ่าทะลุสมองของสน
ร่วงหล่นออกมาจากกระโหลกศีรษะด้านหลังของสนพอดี

       "นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กรุณาทิ้งปืนลงและยกมือขึ้นเหนือหัวด้วยครับนายหัวรพี" ยศพูดบอกนายหัวรพี
ก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้องของตัวเองเข้าไปจับกุมตัวนายหัวรพี เมื่อนายหัวรพีทำตามในสิ่งที่เขาสั่งหมดแล้ว

      "อะ..ไอ้สน...ไอ้สน! ไอ้เด็กเวรมึงฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!! ไอ้น้องเลว!! มึงยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณกูเลยนะ..
มึงจะมาตายอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย.. ตื่นขึ้นมา!! ตื่นขึ้นมาลองขับรถที่มึงอยากได้มันก่อน... มึงมันเป็นไอ้เด็กเลว
มึงไม่ยอมอยู่รับของขวัญวันเกิดจากพี่ชายอย่างกูเลย...กูเกลียดมึง...ไอ้เด็กอกตัญญู..." ณัฐภาสทั้งด่าทอ ทั้ง
ทุบตีร่างไร้ลมหายใจของสนด้วยน้ำตา ก่อนที่จะฟุบหน้าลงกอดร่างไร้ลมหายใจของน้องชายนอกไส้อย่างสุด
จะทนด้วยความเศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุด...เด็กชายกำพร้าร่างน้อยตัวแกร็นหัวฝูๆ ตามสไตล์เด็กใต้ทั่วไป
ที่ชอบเดินตามติดเขายิ่งกว่าเงาของตัวเขาเอง เด็กน้อยสุดเกรียนที่ชอบเคาะประตูยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องนอน
ของเขาทุกๆ ครั้งที่มีฝนตกฟ้าผ่าลงมาในตอนกลางดึกเพื่อที่จะขอมานอนคลุมโปงหลบเสียงฟ้าร้องด้วยกันกับ
เขา เด็กน้อยที่คอยเป็นเพื่อนเล่นในยามที่เขาต้องอยู่คนเดียว เด็กที่เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พ่อพาเดิน
เข้ามาในบ้านและบอกว่ามันจะมาเป็นน้องชายของเขา เด็กคนที่ทำให้เขาเปิดใจและรู้จักที่จะแบ่งปันความรัก
ความอบอุ่นให้ใครอีกคนนึง เด็กคนที่ทำให้เขารู้จักคำว่าครอบครัวจริงๆ มันเป็นยังไง.....





......สักวันเราจะได้เจอกันอีก.....รักเสมอ.....น้องชายคนดีของพี่.......


#




...
เหอๆ ไม่มีอะไรจะพูด นอกจาก...แกมันใจร้ายที่สุดไอ้มี่บ้า!!!
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!!  :sad4:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โถถถถถถถถ ชาติหน้ามีจริงก็เกิดมารักกันใหม่นะคะ
ขอให้พัสประชุมได้เฮงๆทีเท้อออออ

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
สน-ภูผา ทำไมมมมมมม เราแอบหวังคู่นี้เอาไว้ตั้งนาน ที่ไหนได้พอเปิดมาอีกที..ตายคู่ ฮืออออ
คนเขียนใจร้ายที่สุด  :sad4:
รอตอนต่อไปค่ะ//ตาขวาง มองแรงมาก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ตอนนี้เศร้าอ่ะ รอตอนหน้าจ้า

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
สนกับภูผา หมดทุกข์ไปแล้ว ลาก่อนค่ะ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ JanNi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนนี้มันช่างเศร้ามากจริงๆ :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จบปัญหาและเรื่องราวสักทีสำหรับคู่นี้ ตายเรียบอุตส่าห์อยู่มาได้ตั้งหลายปี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

คุณเมียภาคบังคับ (เจ้าคุณ&ธารา) ตอนที่ 13





       "ไปโรงพักกันเถอะธาร...ยายครับผมฝากดูเจ้านายด้วยนะครับ เผื่อตื่นมากลางดึก" เจ้าคุณพูดบอกพร้อม
กับลากธาราที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ให้ลุกขึ้นเดินตามแรงดึงของตัวเอง โดยที่จะไม่ลืมฝากให้คุณนายมณีช่วยดูแล
เจ้านายที่เข้าไปหนอนหลับอุตุอยู่ในห้องของเจ้าตัวไปแล้วให้ด้วยเผื่อว่าจะตื่นขึ้นมากลางดึกอีก

       "มีอะไรรึเปล่าคุณทำไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย" ธาราเอ่ยถามเจ้าคุณทันทีที่เจ้าคุณขึ้นมานั่งประจำที่
คนขับหลังจากที่จับเขามายัดใส่ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็วสูง

       "นายหัวรพีถูกตำรวจจับอยู่ที่โรงพัก...ข้อหาฆ่าคนตาย" เจ้าคุณบอกออกมาในที่สุด หลังจากที่คิดอยู่นาน
ว่าควรที่จะบอกธาราตอนนี้เลยหรือจะปล่อยให้ไปรู้ด้วยตัวเองดี

       "ฆะ...ฆ่าคนตายหรอ" ธาราพูดด้วยเสียงสั่นๆ

       "อืม...ไอ้สนน้องบุญธรรมไอ้ภาสกับ...ไอ้ภูผา" เจ้าคุณบอกพลางเหลือบมองหน้าของธาราไปด้วย

       "สะ..สองคนนั้นหรอ..ทำไม?" ธาราอยากจะตบปากและตีมือของตัวเองจริงๆ ที่มันสั่นแรงถึงขนาดนี้

       "ใจเย็นน้องธาร...ไม่เป็นไรนะ" เจ้าคุณรถความเร็วของรถก่อนที่จะเอื้อมมือไปบีบมือของธาราเบาๆ เพราะ
ต้องการให้กำลังใจและให้ธาราได้รู้ว่าเขายังคงอยู่ข้างๆ ของธาราเสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม
.
.
.
       "ไอ้ภาส! ไม่เป็นไรนะมึง" เจ้าคุณรีบปล่อยมือจากธาราและถลาเข้าหาณัฐภาสเพื่อนรักทันที เมื่อเข้ามา
ในสถานีตำรวจได้แล้ว เมื่อเห็นว่าณัฐภาสนั่งนิ่งหลบมุมอยู่คนเดียว นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นณัฐภาสมีสภาพ
แย่ๆ อย่างนี้ ไม่สิ! ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาเคยเห็นณัฐภาสในสภาพแบบคนหมดอะไรตายอยากอย่างนี้แค่ครั้ง
เดียวก็ตอนที่แม่ของณัฐภาสเสียชีวิตไปก็เท่านั้น หลังจากนั้นณัฐภาสก็กลายเป็นเพลย์บอยรักสนุกไปเลย
ก่อนที่จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนจริงๆ ก็ตอนที่ได้แต่งงานกับพัสกรนั่นแหละ และเขาไม่ชอบเลยจริงๆ ที่จะต้อง
มาเห็นณัฐภาสเพื่อนรักในสภาพโทรมๆ สีหน้าเศร้าๆ และตาบวมแดงที่เป็นร่องรอยจากการร้องไห้อย่างนี้เลย
มันไม่เหมาะกับคนอย่างณัฐภาสเลยจริงๆ

       "เออ..กูสบายดี" ณัฐภาสเหลือบตามองเจ้าคุณที่มายืนค้ำตัวตัวเองอยู่ก่อนที่จะตอบเสียงเบา

       "แต่กูว่ามึงไม่โอเคเลยว่ะเพื่อน แล้วนี่น้องพัสรู้เรื่องนี้แล้วรึยัง" เจ้าคุณทิ้งตัวนั่งเก้าอี้ว่างข้างๆ ณัฐภาส
ก่อนที่จะถามต่อ เพราะยังไม่เห็นพัสกรเลย

       "กำลังมาพร้อมกันกับพ่อกูนั่นแหละ เพราะต้องหาคนมาเฝ้าแฝดให้ก่อน" ณัฐภาสตอบ เพราะก่อนหน้านี้
เขาโทรไปบอกเจ้าสัวชัชวาลย์พ่อเขากับพัสกรแล้ว ทั้งคู่จึงตกลงว่าจะมาพร้อมกันเพราะต้องรอแม่บ้านจาก
บ้านใหญ่เข้าไปเฝ้าลูกชายฝาแฝดทั้งสามคนของเขาก่อน เผื่อจะตื่นขึ้นมากลางดึกอีก

       "มึง..." เจ้าคุณครางออกมาเบาๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไงเมื่อเห็นน้ำใสๆ ที่ไหลออกจากสองตาของเพื่อนรัก

       "กู...กูเห็นมันตายต่อหน้าต่อตากูเลยว่ะคุณ ถ้ากูไปถึงที่นั้นเร็วกว่านี้ไอ้สนมันก็คงจะไม่ต้องตาย ถ้าไม่เป็น
เพราะความชักช้าไม่เอาไหนของกู...ป่านนี้ไอ้สนมันคงจะลั้ลลา ยิ้มแป้น หน้าบานเพราะได้ลองขับบีเอ็มรุ่นที่
มันนั่งเพ้อเป็นวันๆ เพราะความอยากได้ ที่กูถอยออกมารอเซอร์ไพร์วันเกิดให้มันแล้วแหละ..ทั้งหมดมันเป็น
เพราะกูคนเดียว" ณัฐภาสพูดบอก พร้อมกับปล่อยให้น้ำตาลูกผู้ชายของตัวเองไหลออกมาอย่างเงียบๆ ไม่คิด
ที่จะเช็ดออกแต่อย่างใด

       "ไม่ใช่หรอกครับ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดพี่ภาสหรือความผิดของใครหรอกครับ เพราะ
ทุกอย่างมันมีเหตุและผลในตัวของมันเองและพัสเชื่อว่าพี่ภาส...ทำดีที่สุดแล้ว" ในขณะที่เจ้าคุณไม่รู้จะพูด
ปลอบเพื่อนยังไง พัสกรก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาทั้งสองคนและดึงรั้งณัฐภาสเข้าไปกอดซบหน้ากับ
หน้าท้องแบบราบของตัวเอง ก่อนที่จะพูดปลอบออกมาเบาๆ ด้วยโทนเสียงนิ่งๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นเข้าไป
ถึงข้างในหัวใจกันเลยทีเดียว

       "แต่..."

       "ไม่มีแต่หรอกครับ ถ้าขืนพี่ภาสยังเอาแต่โทษตัวเองอย่างนี้สนเขาจะไม่สามารถจากไปได้อย่างสบายใจ
หรอกนะครับ เขาคงจะรู้สึกผิดและไม่สบายใจมากด้วยที่ทำให้ลูกพี่สุดที่รักของเขาต้องมานั่งโทษตัวเองอยู่
อย่างนี้" พัสกรไม่ปล่อยโอกาสให้สามีได้พูดเถียงอะไรออกมาอีก เพราะยิ่งพูดออกมาก็คงจะมีแต่ณัฐภาสนั่น
แหละที่จะเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเอง ก่อนที่จะดันออกจากตัวเองและเช็ดน้ำตาให้เจ้าตัวเบาๆ ด้วยความ
รักและความเป็นห่วงที่มี....เขายอมรับเลยว่าแว๊บแรกที่เห็นคราบน้ำตาบนหน้าของสามีไกลๆ ตั้งแต่ตอนที่เดิน
เข้ามาในสถานีตำรวจแห่งนี้ พัสกรก็ต้องเสียน้ำตาออกมาเหมือนกันเพราะความสงสาร สงสารทั้งสนที่ตายไป
แล้วและสงสารทั้งสามีของตัวเองที่ต้องมานั่งร้องไห้เสียใจกับความรู้สึกหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นมาพร้อมกันที
เดียวอีกไม่ว่าจะเป็นความเสียใจที่ตัวเองต้องเสียน้องชายไป หรือความรู้สึกผิดที่ไปช่วยสนไม่ทันอีก ทั้งๆ ที่
ตัวเองรีบร้อนออกไปตั้งแต่รู้ข่าวแล้วแท้ๆ ไหนจะความผิดหวังที่จะได้เห็นสีหน้าดีใจของสนตอนที่ได้เห็นของ
ขวัญวันเกิดที่เจ้าตัวเตรียมไว้เซอร์ไพร์คนที่เปรียบเสมือนน้องชายแท้ๆ ของเจ้าตัวอีก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าตัว
หวังนั้นมันพังทลายลงมาพร้อมกันทีเดียวอย่างไม่ทันที่จะได้ให้ณัฐภาสสามีของเขาตั้งตัวเลยทีเดียว พัสกร
เลยไม่แปลกใจและไม่ผิดหวังอะไรเลยที่ได้เห็นมุมอ่อนแอของสามีอย่างนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน
วันนี้มันสาหัสเกินไปจริงๆ เขาจึงยืนเรียกสติตัวเองอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะก้าวเดินเข้ามาอยู่เคียงข้างกับสามี
ได้ในแบบที่มีสติครบท้วนอย่างนี้...เขาไม่ได้เก่งอะไร เพียงแต่เขาจะยอมให้สามีตกอยู่ในสภาพตายทั้งเป็น
อย่างนี้ไม่ได้ก็เท่านั้นเอง เพราะณัฐภาสคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขาและลูกแฝดอีกสามคนที่กำลังนอนรอให้
คุณพ่อของเขากลับไปกอดอยู่
.
.
.
.
.
       "คะ...คุณ...ไม่เป็นอะไรใช่ไหม" ธาราหยุดยืนอยู่ข้างหน้านายหัวรพีก่อนที่จะเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงเบา
หลังจากที่เจ้าคุณแยกออกไปดูณัฐภาสแล้วธาราก็ค่อยๆ ทำใจเดินก้าวเข้ามาหานายหัวรพีที่นั่งเหม่ออยู่ใน
ห้องขังนักโทษที่รอสอบสวนอีกที ก่อนที่จะตัดสินคดีหรือยืนฟ้องรอแจ้งข้อหา

       "น้องธารมาแล้วหรอลูก ทำไมมาช้าจัง ปล่อยให้พ่อรอตั้งนาน ที่พ่อโทรไปหาก่อนหน้านี้เจ้าคุณไม่ได้บอก
หรอ หรือเขาไม่ยอมพามา" นายหัวรพีมองหน้าลูกชายคนเล็กด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะพูดชวนธาราคุย
เหมือนกับว่าเหตุการณ์ตอนนี้ยังคงปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น และเจ้าตัวก็ไม่ได้ถูกกรงเหล็กขวางกั้น
ระหว่างตัวเองกับลูกชายอย่างตอนนี้ด้วย

       "บอก...แต่ผมไม่อยากพบเจอกับคุณอีก" ธาราบอกพลางเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าของตัวเอง เขาไม่
อยากเห็นรอยยิ้มที่เป็นเหมือนการยิ้มเยาะด้วยความสมเพชตัวเองจากผู้ชายคนนี้ เพราะมันไม่เหมาะสมที่จะ
มาอยู่บนหน้าของผู้ชายคนนี้ คนที่ชอบตั้งตัวเองเป็นใหญ่ คนที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนศูนย์กลางของโลก
ที่ใครๆ ก็ต้องทำตามคำสั่งของเจ้าตัวเสมอ คนๆ นี้ไม่เหมาะกับความอ่อนแออย่างนี้เลย

       "นั่นสิเนอะ! พ่อก็ลืมคิดไปเลยว่าน้องธารคงไม่อยากที่จะเห็นหน้าพ่ออีกแล้ว แต่ที่พ่ออยากเจอน้องธาร
พ่อแค่อยากจะขอโทษหนูเท่านั้นไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้เลย...พ่อขอโทษที่พ่อเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่
พ่อลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน ขอโทษที่พ่อทำให้หนูต้องเจ็บปวด ต้องทุกข์ทรมาณทั้งๆ ที่พ่อก็รู้มาตลอดว่าธาร
กับแม่นางฟ้าของหนูต้องโดนภูผากับแม่ของภูผารังด่าทอหรือรังแกมากมายสารพัดอย่าง แต่พ่อก็ยังเฉยทำ
เป็นมองไม่เห็นไป พ่อขอโทษจริงๆ นะน้องธาร พ่อไม่ได้เกลียดหนูอย่างที่หนูเข้าใจนะน้องธารเพียงแต่พ่อ...
ไม่สามารถรักหนูให้มากเท่ากับภูผาเท่านั้นเอง พ่อขอโทษจริงๆ นะน้องธาร....เอ้า! เจ้าคุณมาพอดีเลย ช่วย
พาน้องธารกลับบ้านไปที ฉันพูดในสิ่งที่อยากจะพูดกับเขาหมดแล้ว ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีกแล้ว ช่วย
พาเขาไปให้พ้นๆ หน้าฉันซะที" นายหัวรพีพูดบอกเมื่อเห็นว่าเจ้าคุณเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างธาราที่กำลัง
นั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่เงียบๆ หน้าลูกกรงห้องขังของเขา ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังเสียใจอย่างหนัก

       "ผะ..ผมเกลียดคุณ ฮึก!" ธาราบอกออกมาเบาๆ ด้วยเสียงซะอื้น ก่อนที่เจ้าคุณจะประคองตัวออกไป

       "แกทำอย่างนั้นทำไมรพี แกหรอกลูกชายของแกทำไม แกจะให้เจ้าธารมันต้องเจ็บช้ำเพราะแกไปถึง
เมื่อไหร่ห้ะไอ้เพื่อนเลว" เจ้าสัวชัชวาลย์เดินออกจากที่ซ่อนก่อนที่จะพูดถามออกมา หลังจากที่เจ้าคุณพาธารา
เดินออกไปจากบริเวรนี้แล้ว ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟังพ่อลูกเขาคุยกันหรอก แต่เป็นเพราะตอนที่เขา
กำลังจะเดินมาคุยกับเพื่อนเก่าอย่างนายหัวรพีคนนี้ ธาราที่เดินเข้ามาคนละทางกับเขาก็มาหยุดยืนอยู่ตรง
หน้าลูกกรงห้องขังของนายหัวรพีเสียก่อน

       "เพราะฉันต้องทำในสิ่งที่ฉันควรที่จะทำให้ลูกชายในฐานะของพ่อไงล่ะ ให้น้องธารมันเกลียดฉันเยอะๆ
เกลียดให้มากๆ เกลียดจนให้ลืมไปเลยว่าครั้งนึงได้มีพ่อเลวๆ อย่างฉัน"

       "แต่แกรักฟ้า แกรักแม่ของมัน รักเมียคนแรกของแกมากไม่ใช่หรือรพี"

       "อืม..แต่จะมีประโยชน์อะไรที่ฉันรักแม่ของมัน แต่ไม่ได้รักมันมากไปกว่าภูผาลูกชายของฉัน ดีเท่าไหร่แล้ว
ที่ฉันไม่ได้ฆ่ามันทิ้งตั้งแต่มันอยู่ในท้องของน้ำ ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันปล่อยให้มันมีโอกาสได้ออกมาลืมตาดูโลก
และมีชีวิตจนโตมาถึงทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ลูกของฉัน!!!...แกรู้อะไรไหมชัชว่าเหนือสิ่งอื่นใดคือฉันการที่
ฉันเกลียดตัวเองที่ดันเผลอไปหลงรักลูกของศัตรูอย่างมัน แกก็รู้ว่าฉันเกลียดพ่อแท้ๆ ของมันขนาดไหน แล้ว
ฉันยังมีหน้าไปบอกใครต่อใครอีกว่ามันเป็นลูกชายอีกคนของฉัน ทั้งๆ ที่ฉันจะต้องรู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้งที่
มองหน้ามันแล้วเห็นภาพทับซ้อนของพ่อมันอีกที......ฉันเจ็บ! แกรู้บ้างไหมชัชว่าฉันเจ็บ!! ฉันเจ็บตรงนี้!!
เจ็บตรงนี้มากที่สุดเลยชัชแกรู้ไหม!!!" นายหัวรพีพูดบอกทั้งน้ำตา อีกทั้งยังทุบหน้าอกข้างซ้ายตรงตำแหน่ง
หัวใจเพื่อบอกให้เจ้าสัวชัชวาลย์อดีตเพื่อนรักของตัวเองได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขารู้สึกเจ็บและทรมาณเข้าไปถึงขั้ว
หัวใจเลย.....น้ำฟ้า หรือ แม่นางฟ้าของธารา เป็นผู้หญิงที่สวยมากสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเคยเจอมาเลย
เจ้าสัวชัชวาลย์ น้ำฟ้า และตัวเขาเอง เป็นเพื่อนที่เรียนมหาลัยมารุ่นเดียวกัน...เขากับไอ้ชัชหรือเจ้าสัวชัชวาลย์
ในทุกวันนี้ได้สนิทกันและตกลงเป็นเพื่อนรักร่วมสาบานกันในที่สุดเพราะมีอะไรเหมือนๆ กันหลายอย่างไม่ว่า
จะเป็นความคิด ความอ่าน หรือไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตที่ออกแนวลุยๆ เพราะเป็นเด็กบ้านๆ ลูกคนจน ต่าง
จากน้ำฟ้าที่เป็นลูกคุณหนูที่มีพ่อเป็นตำรวจยศใหญ่มีแม่เป็นเจ้าของบริษัทไข่มุกที่กำลังได้รับความนิยม จึง
ได้เลือกคบอยู่แต่พวกคุณหนูคุณชายด้วยกัน และไม่เคยชายตาแลเขาเลยนอกจากเวลาที่มีกิจกรรมที่จะต้อง
ร่วมมือกันทั้งรุ่น คุณหนูน้ำฟ้ากับเขาถึงได้โคจรมาพบเจอและได้พูดคุยกันเสียทีนึง จนเวลาล่วงเลยไปถึงวันที่
พวกเขาทั้งสามคนจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้สารภาพรักกับดอกฟ้าอย่าง
คุณหนูน้ำฟ้าเสียที และหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็แยกกันไปคนละทิศทาง ชัชวาลย์ไปเดินเตะฝุ่นสมัคร
งานจนได้ทำงานกับบริษัทใหญ่โตบริษัทหนึ่งเพราะความสามารถของมัน คุณหนูน้ำฟ้าเธอก็กลับไปอยู่บ้าน
เกิดที่ภูเก็ตกับพ่อแม่ของเธอ ส่วนเขาหน่ะหรอ? ก็เป็นอันธพาลมีเรื่องต่อยตีจนได้จับพลัดจับผลูไปเป็นคุม
บ่อน คุมคาสิโนผิดกฏหมายสร้างเนื้อสร้างตัวจากความเดือดร้อนของคนอื่นมาเป็นนายหัวรพีอย่างทุกวันนี้
นี่ไง แถมยังโชคดีได้ที่ดินผืนสวยผืนใหญ่ที่ภูเก็ตบ้านเกิดของนางฟ้าในใจของเขามาตั้งต้นลงหลักปรักฐานอีก
และความฝันของเขาก็เป็นจริง เมื่อเขาได้เจอกับนางฟ้าของเขาอีกครั้งพร้อมกับเล่ยเจียงไอ้เจ๊กไร้สกุลคนนั้น
ที่มันเข้ามาเป็นคนรักคนรู้ใจกับนางฟ้าของเขา จนเขาต้องตัดสินใจทำสิ่งที่เลวร้ายอีกครั้งเมื่อเขาบังเอิญได้
ยินข่าวมาว่าทั้งสองคนกำลังจะแต่งงานกัน เขาจึงเลือกที่จะฉุดน้ำฟ้ามาเป็นของเขาและฆ่าไอ้เล่ยเจียงทิ้ง
ลงทะเลไป ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขาก็มีภูผาและแม่ของภูผาเป็นเมียอยู่แล้วทั้งคน แต่เขาขอยืนยันเลยว่าเขาไม่เคย
คิดรักแม่ของภูผาเลย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดทั้งนั้นรวมทั้งการเกิดมาของภูผาด้วย แต่ถึง
เขาจะไม่ได้รักแม่ของภูผา แต่เขาก็รักภูผามากเพราะภูผาคือลูกของเขา คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา และเขา
พึ่งจะมารู้ที่หลังว่าในท้องของน้ำฟ้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของเล่ยเจียงติดมาด้วย นั่นก็คือธารา ตอนนั้นเขาคิดที่
จะฆ่าธาราเหมือนกัน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะน้ำฟ้าขอเอาไว้ แรกกับการที่จะยอมอยู่กับเขาดีๆ โดยที่จะไม่คิดหนี
เพราะตอนนั้นไม่มีใครที่จะสามารถมาช่วยน้ำฟ้าได้หรอกเพราะพ่อของน้ำฟ้าที่เป็นตำรวจนั้นตายไปหลายปี
แล้ว อีกทั้งแม่ของน้ำฟ้าก็มีโรคประจำตัวเจ็บออดๆ แอดๆ แถมกฏหมายของประเทศเราเมื่อก่อนนี้ก็ยังไม่ได้
มีอำนาจมากไปกว่าเงินของเขา ทุกอย่างจึงดำเนินไปตามทางที่เขาต้องการ จนเจ้าหนูน้อยธาราที่ถอดแบบ
บล็อคหน้าเดียวกันกับพ่อมันเกิดขึ้นมาบนโลกนี้อีกคน เขาถึงได้คิดที่จะฆ่าธาราอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมี
น้ำฟ้าคอยขอร้องอ้อนวอนเขาอยู่ทุกๆ ครั้ง จนแล้วจนรอดพอน้ำฟ้าสิ้นใจตายไปด้วยโรคหัวใจที่กว่าจะตรวจ
เจอมันก็สายไปแล้ว ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ น้ำฟ้าจึงเจ็บออดๆ แอดๆ มาโดยตลอด อย่างที่ธาราเห็น
และคิดว่าเป็นเพราะน้ำฟ้าตรอมใจเพราะรู้ว่าเขามีภูผาและแม่ภูผาอีกสองคนเป็นครอบครัว ทั้งๆ ที่สองคน
นั้นมาก่อนน้ำฟ้าและธาราแท้ๆ เขาก็ยังฆ่าธาราไม่ลงอยู่ดีเพราะสายตากลมที่ถอดแบบคนเป็นแม่อย่างน้ำฟ้า
ผู้หญิงที่เขารักมันมองเขาด้วยสายตาเว้าวอนและพร่ำร้องเรียกเขาว่า 'พ่อจ๋าๆ' อยู่อย่างนั้น เขาถึงฆ่ามันไม่
ได้และเลี้ยงให้มันโตมาจนถึงทุกวันนี้ เหมือนกับลูกแท้ๆ ของตัวเอง ทั้งๆ ที่อีกมุมนึงมันก็เป็นเหมือนหนาม
หยอกอกที่คอยแต่จะทิ่มแทงให้เขาได้ตายเพราะความทรมาณไปอย่างช้าๆ

       "เกือบสามสิบปีที่ฉันต้องทนให้มันเป็นเหมือนเสี้ยนหนามที่คอยมาทิ้มแทงแหวกแผลในหัวใจช้ำเลือด
ช้ำหนองของฉันให้มันเหวอะกลายเป็นแผลใหญ่กว่าที่เคยเป็น...นั่นมันมากเกินพอแล้วชัช...ยังไงฉันก็ฝาก
แกช่วยดูแลมันต่อจากฉันที...ฉันไม่อยากที่จะทรมาณและเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว" นายหัวรพีพูดบอกออกมา
ทั้งรอยยิ้ม ที่คราวนี้เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆ ไม่ใช่รอยยิ้มในแบบฝืนๆของเจ้าตัวก่อนหน้านี้ แต่คำพูด
ที่เป็นเหมือนคำสั่งเสียของนายหัวรพีนี่สิที่มันสะกิดใจของเจ้าสัวชัชวาลย์เสียจริงๆ

       "แก...แกหมายความว่ายังไงน่ะรพี แกคิดที่จะทำอะไรชั่วๆ อีกแล้วใช่ไหม!! บอกฉันมานะไอ้รพี!!" เจ้าสัว
ชัชวาลย์สอดมือเข้าไปกระชายคอเสื้อเพื่อนรักผ่านทางลูกกรงเหล็กของห้องขังด้วยความรู้สึกไม่ได้

       "ช่วยปล่อยมือจากคอผู้ต้องหาด้วยครับท่าน" เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นเวรเฝ้าผู้ต้องขังที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำ
ตำแหน่งของตัวเองก็รีบมาช่วยปลดมือของเจ้าสัวชัชวาลย์ออกจากคอของนายหัวรพีก่อนที่นายหัวรพีจะขาด
ใจตายไปเสียก่อนเพราะโดนเสื้อของตัวเองรัดคอ

       "อย่าลืมนะชัช...ช่วยดูแลน้องธารมันแทนฉันที" พอจบประโยคคำพูดสุดท้ายของตัวเอง นายหัวรพีก็นอน
ล้มพลุบราบไปกับพื้นห้องขัง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไขประตูห้องขังเข้าไปดูในทันทีทันใดแต่ก็ไม่ทัน เพราะ
หัวใจของนายหัวรพีได้หยุดเต้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับพบจดหมายที่เจ้าตัวเขียนทิ้งใส่ในกระเป๋าเสื้อ
เป็นคำสารภาพไว้ก่อนตายว่าตัวเขาเองได้วางแผนในทุกๆ เรื่องไว้แล้วเป็นอย่างดี ตั้งแต่เรื่องที่ลงมือฆ่าสน
ที่เป็นคนลักพาตัวภูผาลูกชายของเขาไป และเรื่องที่วางยาเพื่อฆ่าตัวเองตายด้วย เพราะเขาคิดว่าภูผาลูกชาย
ของเขาได้โดนสนฆ่าตายไปแล้วก่อนหน้านี้จึงคิดที่จะฆ่าตัวตายตามลูกชายไป แต่ขอให้ได้มีเวลาได้ลงมือฆ่า
สนเพื่อล้างแค้นให้ภูผาลูกชายก่อนที่สารพิษที่เขากันเข้าไปจะออกฤทธิ์ในอีกประมาณสี่ ห้าชั่วโมงต่อมาหลัง
จากที่เขาได้ทำการล้างแค้นให้ภูผาลูกชายของเขาได้แล้ว และคนที่นายหัวรพีเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้
คือ....ธารา ภูวนนท์ลูกชายที่เขาทั้งรักทั้งเกลียดนั่นเอง
.
.
.
.
.
       "ยังโอเคอยู่ใช่มั้ยธาร....." เจ้าคุณถามขึ้นทันที หลังจากที่พาธาราขึ้นมานั่งอยู่บนรถของตัวเองที่จอดอยู่
หน้าสถานีตำรวจแล้ว แต่ยังไม่ได้ขับกลับบ้านเลยแต่อย่างใด ทำเพียงแค่สตาร์ทเครื่องเพื่อที่จะเปิดแอร์
เท่านั้น เพราะต้องการที่จะดูอาการของธาราก่อนว่าอยู่ในระดับไหน

       "ฮื่ออออออออ....." ธาราไม่ตอบ แต่กลับรีบหันคว้าตัวเจ้าคุณเข้ามากอดและซบออกเจ้าคุณร้องไห้อยู่
อย่างนั้น

       "ร้องออกมาเลยธาร ร้องออกมาให้หมด พี่ให้เวลาธารได้ร้องไห้แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น" เจ้าคุณบอกพร้อม
กับกระชับแขนกอดธาราแน่นขึ้นไปกว่าเดิมอีก

       "ฮื่ออออออออ........"

       "ธารไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ พี่เคยบอกแล้วไงว่าต่อให้คนทั้งโลกจะไม่รักธารจะเกลียดธารมากมายสัก
แค่ไหน...พี่ก็จะรักธารเหมือนเดิม...และจะอยู่ข้างๆธารตลอดไป ต่อให้ไล่หรือเอามีดไล่ฟันก็จะไม่ไปไหน จะ
เกาะติดหนึบ ยึดอยู่กับตัวของพี่ไปจนจะตายจากกันไปข้างนึงนั่นแหละ และถ้าธารชิงตายก่อนพี่ พี่ก็จะฆ่า
ตัวตายแล้วก็ออกตามล่าหาวิญญาณธารจับเอามาปล้ำทำเมียเหมือนเดิมอยู่ดี...ดีม๊ะ?" มันจะดี จะซึ้งอยู่แล้ว
ที่เจ้าคุณพูดเพราะและเรียกแทนตัวเองว่าพี่ทุกคำแถมยังบอกรักอย่างซึ้งๆ ในแบบคนปกติทั่วไปเขาทำกัน
แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่มันดันพูดเพ้อเจ้อพาอารมณ์ที่กำลังจะซาบซึ้งของธารากระเจิดกระเจิงไปกับที่มันจะ
ออกตามล่าหาวิญญาณธาราเอามาปล้ำทำเมียมันอีกเนี่ยแหละ!...ธาราคงจะหวังกับระดับความโรแมนติก
ของเจ้าคุณมากเกินไป...หึๆ

       "ฮึๆ ไอ้บ้าเจ้าคุณ!! คนกำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียว คิดจะห่ามอย่างนี้ไปตลอดจนถึงตอนเป็นวิญญาณเลย
รึไงกัน!...นี่คิดถูกเหลือคิดผิดเนี่ยที่ยอมให้ไอ้คนพรรค์นี้มาเป็นพ่อของลูกเนี่ย!! ฮ่าๆ" แต่ความห่าม ความบ้า
ของเจ้าคุณก็ดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เมื่อธาราหยุดร้องไห้และหัวเราะออกมาเพราะตลกในคำพูด
ของเจ้าคุณ

       "ก็ต้องคิดถูกซิครับคุณนายน้องธาร เพราะพี่เจ้าคุณคนนี้ ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยัง...ใหญ่อีกต่างหาก
เห็นม๊ะๆ กำไลชีวิตของคุณนายน้องธารทั้งน้านนน...ที่โดนพี่จับปล้ำบังคับให้มาเป็นเมียพี่หน่ะ..โฮ๊ะๆ " มีหรอ
ที่คนอย่างเจ้าคุณที่โดนเมียด่าเมียว่าแล้วจะสลด บอกเลยว่าไม่ เพราะยิ่งเห็นธารากลับมายิ้มมาหัวเราะได้
เจ้าคุณก็ยิ่งอยากจะแหย่ให้ธาราลืมในเรื่องไม่ดีที่ติดอยู่ในสมองอยู่ในหัวใจให้หลุดออกไปให้หมดสิ้น ไม่ต้อง
มีหลงเหลือให้เป็นเชื้อไฟในการทำร้ายความรู้สึกของเจ้าตัวอีกครั้งเมื่อมีใครเผลอไปสะกิดมันเข้า

       "พอเลยๆ ยิ่งคุยด้วยก็ยิ่งเลอะเทอะนะเจ้าคุณ...กลับบ้านกันดีกว่า...ธารอยากนอนกอดลูกแย่แล้ว" ธารา
พูดบอกกับเจ้าคุณ ก่อนจะถอนหายใจทิ้งแรงๆ อีกหนึ่งที เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา และพูดบอกกับตัวเอง
ในใจซ้ำๆ ว่า ชีวิตนี้มีแค่ เจ้าคุณ เจ้านาย และคุณยายมณีก็พอแล้ว....

       "คร้าบ...พี่คุณจะรีบขับรถกลับบ้านตามคำสั่วของคุณนายน้องธารเดี๋ยวนี้เลยครับ....คุณเมียสุดที่รัก"
เจ้าคุณพูดแหย่แบบหยอดๆ ธาราเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเข้าเกียร์ เหยียบคันเร่ง เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน
ตามคำสั่ง 'คุณนายน้องธารสุดที่รัก' ของตัวเองในทันที เพราะหวังว่าลูกชายสุดที่รักที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ที่
บ้านนั้นจะสามารถเป็นยาวิเศษรักษาบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจแม่ธารจ๋าของเจ้าตัวให้หายขาดได้ในที่สุด




...
เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา~ ไอ้มี่บ้าตาดำๆ ~ โฮ้...โฮ..
อย่าว่าแต่คนอ่านที่เสียน้ำตาเลยจร้าเมื่อตอนที่แล้วเพราะไอ้มี่บ้าที่เป็นคนแต่งเองก็
พิมพ์ไปปาดน้ำตาไปด้วยเหมือนกันจ้า รวมทั้งตอนนี้ด้วย โฮ๊ะๆ (ทำหน้าโรคจิตๆ)
นายหัวรพีน่าสงสารโน๊ะ...ถ้าเป็นมี่คงจะปาดคอธาราทิ้งไปตั้งแต่แม่ของเจ้าตัวตายแล้วล่ะจร้า
ไม่เก็บไว้ให้ตัวเองมาเจ็บในทุกๆ ครั้งที่เห็นหน้าธารามาตลอดระยะเวลาที่เกือบจะสามสิบปีขนาดนี้หรอก!!
แต่จะทำยังไงได้ล่ะเน๊าะ ที่ดันเผลอไปหลงรักและเฝ้าฝูมฟักเลี้ยงดูมันมากับมือตัวเองอย่างนี้
แล้วเจอกันตอนหน้าจร้า..................จุ๊บ!!(ปลอบใจตอนนี้ทันม๊ะ?)

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
เศร้าเกินบรรยายจ้า

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
งานหน้าใครจะตายอีกกกก
ตายไปแล้วสาม

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :hao5:ะ น่าสงสารอ่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
มาโอ๋น้องธารด้วยคน
ไม่ร้องเนาะลูกเนาะ  :กอด1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารักทั้งสองครอบครัวเลย
ป.ล.(แอบ)หวังว่าต่อไปจะไม่มีดราม่าหนัก นะครับ ... มันบีบหัวใจ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ตอนนี้ขอไว้อาลัยสน ภูผา และนายหัวรพี ดูเหตุการณ์จะเกิดเร็วจนงงๆไปหน่อยนะคะ เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็รู้ว่า ธาราไม่ใช่ลูกนายหัวรพี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ryu_Chise

  • You love me?
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เราก็มีแบบ โมเม้นต์ สน ภูผา นะ แล้วทำไมใจร้าย ทำร้ายจิตใจเราได้ลงคอออออออออออออ

ร้องไห้หนักมากกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

คุณเมียภาคบังคับ ตอนที่ 25






#


      "อุ๊ย! สวัสดีค่ะคุณพัสกร ไม่ทราบว่าคุณมาทำอะไรที่นี่คะ บอสยังไม่มาหรอกนะคะ แล้วนี่รู้หรือเปล่าคะ
เนี่ยว่าวันนี้บอสเขาไม่อนุญาติให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในตึกเพราะเราต้องเตรียมต้อนรับลูกค้ารายใหญ่มาก
ที่จะมาลงทุนกับเราน่ะค่ะ" ยังไม่ทันที่พัสกรจะก้าวพ้นธรณีประตูทางเข้าตัวตึกของบริษัทเลยก็มีเสียงหญิงสาว
ที่เต็มไปด้วยจริตเกินงามจีบปากจีบคอพูดทักขึ้นซะก่อน...แค่ได้ยินเสียง ไม่ต้องเห็นหน้าพัสกรก็รู้แล้วว่าเป็น
ใครที่ใจกล้าทำปากยื่นปากยาวใส่ภรรยาของประธานบริษัทอย่างนี้ เพราะมีคนเดียวนั่นแหละที่ทำตัวไร้
มารยาทอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่พัสกรถึงคราวจำเป็นที่จะต้องเอาเอกสารมาให้สามีหรือวันไหนที่แฝดสามเกิด
อ้อนตามคุณพ่อของเขาเข้ามาที่บริษัท ก็จะมีสาวประชาสัมพันธ์ที่ชื่อกิ๊ฟนี่แหละพูดจิกกัดเขาอยู่เสมอมา และ
ที่ผ่านมาพัสกรก็ปล่อยผ่านทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตลอดเพราะไม่อยากจะให้สามีลำบากใจเนื่องจากว่าสาวกิ๊ฟคนนี้
เธอเป็นหลานของบอร์ดบริหารที่เป็นญาติห่างๆ กับณัฐภาสอีกที...แต่วันนี้พัสกรจะไม่ปล่อยผ่านอย่างที่ผ่าน
มาแน่นอนเพราะวันนี้อารมณ์ของเขานั้นติดลบมากถึงมากที่สุด เพราะมันมีหลายเรื่องหลายราวที่ประเด
ประดังเข้ามาในครอบครัวของเขาพร้อมๆ กันจนแทบจะตั้งตัวไม่ทัน วันนี้เขาก็เลยพร้อมที่จะวีนแตกใส่ทุกคน
ไม่สนหรอกว่าจะหน้าอินทร์หรือหน้าพรหม!!!


      "แล้วไม่ทราบว่าคุณกิ๊ฟอยากจะเป็นคนนอกหรือเปล่าครับถึงได้ทักทายผู้บริหารอย่างไร้มารยาทอย่างนี้
ไม่ทราบว่าตอนที่คุณกิ๊บมาสมัครเป็นฝ่ายต้อนรับนี่ใครเป็นคนรับคุณเข้าทำงานหรือครับ...ผมจะได้เชิญออก
พร้อมกันทีเดียวเลย" พัสกรพูดถามกลับด้วยเสียงเรียบนิ่ง ยืนกอดอกจิกตาวางอำนาจดุจนางพญาอย่างที่ไม่
เคยทำที่ไหนมาก่อน และสายของเขาที่อยู่ในบริษัทนี้ก็มักจะส่งข่าวให้อยู่ตลอดเวลาว่า ถึงแม้ว่าณัฐภาสสามี
ของเขานั้นจะประกาศให้ทุกคนได้รู้ได้ทราบแล้วว่าเจ้าตัวไม่ใช่ชายโสด และพ่วงมาด้วยเมียหนึ่งลูกอีกสาม
แต่แม่กิ๊ฟคนนี้ก็ยังจะมาดี้ด๊าเสนอหน้าพรีเซ้นต์ทั้งเนื้อ นม หอย ของตัวเองกับสามีของเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
โดยที่ไม่มีใครกล้าที่จะว่าหรือตำหนิอะไรแม้แต่ณัฐภาสเองก็เถอะ เพราะมัวแต่เกรงใจญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง
อยู่นั่นแหละ!! แต่วันนี้นี่แหละนอกจากจะมาเป็นตัวแทนสามีใจการเซ็นหนังสือสัญญาแล้วเขาจะมาจัดการ
ไอ้พวกที่ไม่รู้จักขอบเขตนี่เสียให้หมด เพราะเขาก็ถือครองหุ้นในบริษัทนี้ร่วมกับสามีคนละครึ่งเหมือนกัน นั่น
หมายความว่าเขาเองก็มีสิทธิที่จะจัดการและตัดสินใจทุกๆเรื่องในบริษัทนี้เหมือนกัน เพียงแต่ที่ผ่านมาเขา
ไม่ชอบที่จะเข้ามาวุ่นวายในนี้สักเท่าไหร่เพราะต้องเลี้ยงลูกและมั่นใจในตัวสามีของตัวเองพอ


      "หมายความว่ายังไงกัน!!...คุณกำลังเพ้อฝันอะไรอยู่หรอคะคุณพัสกร" เธอหลุดแอ๊บใสซื่อเปลี่ยนเป็น
ตะหวาดแว๊ดถามพัสกรอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะหรี่เสียงมาเป็นปกติ เพราะเห็นสายตาของพนักงานในบริษัท
ที่อยู่แถวๆ นั้นจ้องมองตนเองและพัสกรอยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น


     "ใครเพ้อครับ? ผมน่ะหรอ? ไม่หรอกครับ คนอย่างพัสกร อัครจินดากรณ์คนนี้ไม่มีคำว่าเพ้อฝัน หรือทำได้
เพียงแค่มโนเพ้อพบหรอกนะครับถ้าไม่แน่จริง และเพื่อที่จะยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นมันเป็นความจริงมากน้อย
แค่ไหนก็เชิญคุณกิ๊ฟไปรับเงินชดเชยสามเดือนที่แผนกบุคคลได้เลยนะครับ...ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผมด้วยนะ
ครับคุณยุพา เดี๋ยวผมขอตัวไปทำสมาธิที่ห้องพี่ภาสก่อนสักพักนะครับ ถึงเวลาประชุมเมื่อไหร่ก็รบกวนคุณ
ยุพาช่วยให้ใครไปตามผมทีนะครับ" พัสกรบอกกับกิ๊ฟก่อนที่จะพูดบอกกกับสาวใหญ่รุ่นแม่ที่มีตำแหน่งเป็น
เลขาของณัฐภาสสามีที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่บริเวณใกล้ๆ กับที่พัสกรยืนอยู่ได้สักพักแล้ว ก่อนที่จะเดินตรงเข้า
ลิฟต์ของผู้บริหารโดยเฉพาะเพื่อที่จะไปนั่งทำสมาธิที่ห้องทำงานของสามีอย่างที่พูดออกไป...มันอาจจะดู
เกินไปหน่อยที่พัสกรทำตัววางท่าใหญ่และไล่กิ๊ฟออกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในฐานะผู้บริหาร(ชั่วคราว) ในวัน
แรกอย่างนี้ หรือใครอาจจะเอาไปพูดได้ว่าพัสกรไม่มีเหตุผล หรือเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน เพราะ
คนทั้งบริษัทไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิต แม่บ้าน จนถึงยามหน้าบริษัทต่างก็รู้ดีว่าพนักงานต้อนรับที่ชื่อกิ๊ฟ
หลานสาวของบอร์ดบริหารคนนี้ชอบให้ท่าและตั้งใจที่จะจับประธานบริษัทตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานแล้ว
เพียงแต่อ่อยไม่ขึ้นเท่านั้นเอง เพราะประธานมีเมียมีลูกแล้ว อีกทั้งยังมีรายงานหรือจดหมายร้องเรียนมาให้
พัสกรได้เห็นผ่านตามาตลอดว่าประชาสัมพันธ์หรือพนักงานต้อนรับที่ชื่อกิ๊ฟของบริษัทนี้แย่มาก นอกจากที่
จะไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการตอบคำถามสำหรับผู้ที่มาติดต่องานแล้ว ยังทำมารยาทแย่ๆ ใส่ลูกค้าอีกด้วย
ถ้าลูกค้าคนไหนแต่งตัวเรียบง่ายหรือดูไม่ค่อยมีราศีสักเท่าไหร่ นั่นยังไม่เท่ากับการที่ประชาสัมพันธ์กิ๊ฟคนนี้
เคยด่าว่าและไล่ลูกค้าออกจากบริษัทเพียงเพราะว่าลูกค้ารายนั้นมีลูกเล็กอายุเท่าๆ กับแฝดสามเข้ามาด้วย
และเด็กน้อยคนนั้นเพียงแค่ทำแก้วน้ำหวานหลุดมือหกเลอะพื้นเพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครเอาผิดได้เพราะติด
อยู่ที่เจ้าตัวมีลุงคอยหนุนหลังนี่เอง แต่เรื่องนี้ณัฐภาสไม่รู้เรื่องนะเพราะช่วงนั้นณัฐภาสไปดูงานที่ต่างประเทศ
อยู่เป็นเดือนๆ ซึ่งไอ้เรื่องเด็กถูกด่าถูกกิ๊ฟว่าเนี่ยลูกแฝดของเขาก็เคยโดนเหมือนกันเพียงแต่นอกจากจะไม่ร้อง
ไห้แล้ว ลูกแฝดสามแสบของเขายังแผงฤทธิ์เอาน้ำถูพื้นดำๆในถังน้ำของแม่บ้านที่เดินผ่านมาแถวนั้นพอดี
เลยช่วยกันยกสาดใส่กิ๊ฟจนเนื้อตัวเปียกปอนและเหม็นหึ่งไปหมด


      "เฮ้อ! ป่านนี้สี่คนพ่อลูกนั้นจะทำอะไรกันอยู่นะ" พัสกรถอนหายใจทิ้ง เรียกความมั่นใจให้ตัวเองหนึ่งครั้ง
ก่อนที่จะคว้าแฟ้มเอกสารที่หยิบติดมือมาจากบ้านอ่านทวนซ้ำอีกทีให้แน่ใจระหว่างรอเวลาที่จะสวมหัวโขน
เข้าไปนั่งว่างท่าอยู่ที่แท่นประธานบริษัทในห้องประชุมในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้านี้
.
.
.
.
.
      "คุณพ่อไม่สบายหรอครับ" พี่ภาคแฝดโตผู้เงียบขรึมมักจะเป็นคนแรกในบรรดาแฝดทั้งสามคนที่มักจะ
มองเห็นและรู้สึกถึงความผิดปกติของพ่อแม่และน้องๆแฝดของตัวเอง ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณพ่อของตัวเอง
นอนเหยียดยาวเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นในขณะที่แฝดกลางแฝดเล็กอีกสองคนกำลัง
นั่งเล่นต่อจิิ๊กซอว์กันอยู่ที่พื้นใกล้ๆ กัน


      "หืม..พี่ภาคพูดว่าอะไรนะครับ คุณพ่อไม่ทันได้ฟัง" ณัฐภาสถามทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขยับตัวเปลี่ยนท่านอน
แต่อย่างใด และถึงแม้ว่าจะจับประโยคที่ลูกพูดไม่ทันแต่ก็ยังดีที่ณัฐภาสยังทันได้ยินเสียงลูกแว่วๆ ว่าเป็น
เสียงใครที่พูดถามตัวเอง


      "คุณพ่อไม่สบายหรอครับ" คราวนี้พี่ภาคแฝดโตปีนขึ้นไปนั่งทับท้องของณัฐภาสพร้อมกับถามซ้ำอีกครั้ง


      "เปล่าครับ คุณพ่อแค่ง่วงนอนเฉยๆ" ณัฐภาสตอบออกมา แต่ก็ยังไม่ยอมยกแขนที่ใช้ก่ายหน้าผากปิดตา
ของตัวเองออกเพราะไม่อยากให้ลูกชายเห็นหน้าโทรมๆ ตาช้ำๆของตัวเอง


      "โกหก...คุณพ่อโกหก พี่ภาคจับแล้วคุณพ่อตัวร้อน ให้หมอพี่ภาคตรวจหน่อยนะครับ" พี่ภาคแฝดโตใช้
สองมือน้อยๆ แนบประกบแก้มของคุณพ่อตัวเองเบาๆ ทำเอาณัฐภาสถึงกลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยทีเดียว
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงในแววตา คำพูดและการกระทำอันไร้เดียงสาของลูกชายคนโต จึงได้แต่รีบ
คว้าตัวลูกเข้ามากอดนอนเกยทับตัวเองไว้เพราะไม่อยากให้ลูกได้เห็นน้ำตาของตัวเอง


     "โอ๊ะ!! คุณพ่กับพี่ภาคกอดกันหรอ! น้องภีมกอดด้วยนะครับ!!"


     "พี่ด้วยๆ พี่ขอกอดด้วย!! กอดกันๆ รักกันๆ"


     น้องภีมแฝดกลางที่กำลังนั่งเล่นต่อจิ๊กซอว์อยู่กลับน้องภามแฝดเล็กที่หันมาเห็นณัฐภาสนอนกอดอยู่กับ
แฝดโตอยู่บนโซฟาก็รีบวิ่งเข้าไปกอดณัฐภาสบ้าง ก่อนที่สุดแสบแฝดเล็กจะวิ่งไปสมทบกอดคุณพ่อและพี่ๆ
ของตัวเองด้วยท่าทางทะเล้นๆ ก่อนที่น้องภีมและน้องภามแฝดกลางแฝดเล็กจะพากันปีนขึ้นไปนอนพาดทับ
ณัฐภาสและน้องภาคแฝดโตทีละชั้นๆ ซะกลายเป็นเหมือนคอนโดคุณพ่อแฝดสามเลย



      .....คุณพ่อสัญญาครับว่าจะไม่ทำตัวอ่อนแอให้พวกหนูเป็นห่วงอย่างนี้อีกแล้วครับลูก.....
.
.
.
.
.
      "ทำไมจะไม่ได้ครับ!! ในเมื่อผมถือหุ้นและเป็นประธานร่วมกับพี่ภาส พี่ภาสมีสิทธิแค่ไหน ผมก็มีสิทธิ
เท่านั้นเหมือนกัน!! คุณมีเหตุผลอะไรถึงได้คัดค้านในการเซ็นสัญญาครั้งนี้หรือครับคุณประมาณ ทั้งที่
คุณไมเคิลที่เป็นลูกค้าเป็นเจ้าของเงินที่เป็นคนนอกไม่ใช่คนภายในบริษัทที่อยู่มานานอย่างคุณเขายังไว้ใจ
ที่จะเซ็นสัญญากับผม ไว้ใจที่จะทำการซื้อขายกับบริษัทของเราอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่กลัวความเสี่ยงใดๆ ที่
จะเกิดขึ้นเลยหากในการเซ็นสัญญาครั้งนี้มีการผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ คุณมีปัญหาอะไรครับคุณประมาณ
ช่วยหาเหตุผลดีๆที่น่าฟังออกมาให้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจที่จะยกเลิกการเซ็นสัญญาครั้งนี้ตามที่คุณ
คัดค้านออกมาในที่ประชุมหน่อยสิครับ" พัสกรพูดออกมาเป็นชุดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ อย่างไม่สบอารมณ์
หลังจากที่ขอพักเบรคการทำข้อตกลงในการเซ็นสัญญากับลูกค้าต่างชาติที่ทิ้งไว้ให้รออยู่ในห้องประชุมอย่าง
เสียมารยาท เพราะต้องอัญเชิญกรรมการบริหารชื่อประมาณที่เป็นญาติห่างห๊างห่างของณัฐภาสสามีตัวเอง
ออกมาคุยกันเป็นการส่วนตัว เพราะในขณะที่มิสเตอร์ไมเคิลลูกค้ารายใหญ่คนสำคัญกำลังจับปากกาจะลง
ลายมือชื่อในหนังสือสัญญาการซื้อขายอยู่นั้นนายประมาณคนนี้ก็ยกมือคัดค้านขึ้นมา พอถามหาเหตุผล
ก็ไม่ยอมพูดยอมตอบ พัสกรจึงต้องเรียกออกมาคุยเป็นการส่วนตัวข้างนอกห้องประชุมอย่างนี้เพราะไม่อยาก
จะอายไปมากกว่านี้ เพราะแค่การที่มีการคัดค้านจากบุคคลที่มีตำแหน่งสูงในบริษัทฉีกหน้าประธานบริษัท
(ถึงแม้จะแค่รักษาการก็เถอะ!) อย่างเขากลางที่ประชุมอย่างนั้น ทั้งที่ลูกค้ากำลังจะเซ็นสัญญาแล้วแท้ๆ
มันเป็นอะไรที่เขาคนนี้รับไม่ได้จริงๆ


      "ผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณจะมาลงชื่อในสัญญาซื้อขายที่มีมูลค่าสูงที่สุดของบริษัทอย่างนี้เพราะคุณ
ไม่ใช่ประธานบริษัทอย่างณัฐภาส ถึงแม้จะเป็นภรรยาของเขาก็เถอะแต่ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอยู่ดี และ
ในฐานะที่ผมเป็นหุ้นส่วนในบริษัท เป็นกรรมการบริหารและเป็นลุงของณัฐภาสสามีของคุณ ผมจึงทนนั่งดูอยู่
เฉยๆ ไม่ได้เพราะมันไม่ถูกต้อง" นายประมาณตอบกลับพัสกรด้วยสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงที่ดูหยิ่งยโสอย่าง
คนถือตัว จนพัสกรอดไม่ได้ที่จะต้องเบ้ปากออกมาด้วยความหมั่นไส้อย่างไม่ชอบใจ


      "สิ่งที่ไม่ถูกต้องที่คุณพูดมันคืออะไรหรือครับคุณประมาณ ในเมื่อบริษัทนี้มันก็เป็นของผมเหมือนกัน" พัสกร
ยังคงยืนยันคำเดิมด้วยเหตุผลเดิมอย่างหนักแน่น

      "คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าครับคุณพัสกร บริษัทนี้มันไม่ได้เป็นแค่ของคุณกับณัฐภาสสามีของคุณหรอก
นะเพราะยังมีผมอีกคนที่เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งมีสิทธในบริษัทนี้เหมือนกัน"

      "คุณคิดว่าอีแค่หุ้นสิบเปอร์เซ็นที่คุณมีอยู่ในมือนั้นมันมีอำนาจมาค้านการตัดสินใจของผมและพี่ภาสที่มี
ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นได้เลยหรอครับ...ถ้ามันมีปัญหามากนักคุณจะขายคืนไอ้หุ้นหยิบมือนั่นคืนให้ผมได้ไหมละ
ครับ ผมพร้อมที่จะซื้อตอนนี้และเดี๋ยวนี้เลย มันจะได้กลับมาเป็นธุรกิจครอบครัวจริงๆ สักที และการตกลงซื้อ
ขายใหม่ในภายภาคหน้าจะได้ไม่มีปัญหาต้องมารอนั่นรอนี่ให้เสียเวลา เสียความรู้สึก และอาจจะต้องเสีย
ลูกค้าไปในที่สุด เพราะว่ามัวแต่มานั่งค้านนั่งเถียงกันอย่างนี้ มันน่าอับอายขายขี้หน้าที่สุดเลย คุณว่ามั้ยครับ"

       "นี่!! พูดแบบนี้มันจะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะพัสกร!!!!"

       "ไม่เลยครับ ผมไม่เคยต้องการที่จะดูถูกอะไรคุณเลย เพียงแต่ผมแค่เสนอทางเลือกใหม่ๆให้คุณได้ลอง
คิดพิจารณาดูบ้างก็เท่านั้น ถ้าคุณคิดว่าเป็นการดูถูกกันผมก็ต้องขอโทษด้วย และผมขอใช้สิทธิประธาน(ร่วม)
บริษัทขอถอดถอนคุณออกจากโปรเจคนี้ครับ" ไม่รอให้นายประมาณได้พูดได้ค้านอะไรอีกพัสกรก็รัวระเบิด
ใส่ฝ่ายตรงข้างเต็มที่อย่างไม่คิดจะหยุดหายใจ เพราะต่อให้เด็กอมมือนอนดูดนมมองดูก็รู้ว่านายประมาณคนนี้
ต้องการอะไร มีเหตุผลใดถึงได้ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองอย่างนี้ และเรื่องนี้ณัฐภาสสามีของเขาก็รู้ดีรู้มาตลอด
 แต่ติดเพียงแค่อย่างเดียวคือคำว่า ญาติ เพราะนายประมาณเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่ที่มีเหลืออยู่ไม่กี่คนของณัฐภาสเท่านั้น
....ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนเสียงด่าทอเสียงโวยวายของนายประมาณ
ที่ตระโกนว่าตามหลังเลย และไม่ลืมที่จะสั่งให้ลูกน้องของณัฐภาสที่ตามมาดูแลตนช่วย
เฝ้านายประมาณไว้ให้อยู่แต่ภายในห้องนี้จนกว่าการเซ็นสัญญาการซื้อขายในครั้งนี้จะเสร็จสิ้นลง
ตามที่ตนต้องการ



_______________________________________________________________TBC.

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เด็ดขาดมากๆๆ สุดยอดเลย

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เด็ดขาดมากๆ สองคนพ่อลูกคงจะต้องมาหาเรื่องอีกแน่ๆเลย

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เยี่ยมมากๆ เวลาคุณพ่ออ่อนแอ คุณแม่ก็จะเป็นเสาหลักแทนได้นะคะ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โห มาอ่านอีกที ดราม่าหนักขนาดนึงเลยนะนี่



แอบน้ำตาซึม T T

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จัดไปเลยพัส!!

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :angry2: :angry2: :angry2: ขุ่นแม่จัดการให้หมดเลย

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
คุณเมียภาคบังคับ ตอนที่ 26


 



#



       "ฉันขอโทษแทนเขาด้วยนะภาสที่ทำให้นายต้องเสียน้องไป" ธาราบอกกับณัฐภาสด้วยเสียงอ่อยๆ อย่าง

คนรู้สึกผิดทั้งที่ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เลยก็ตาม แต่ลึกๆ แล้วธาราก็อดรู้สึก
ผิดไม่ได้ในเมื่อต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้มันเกิดมาจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแท้ๆของตัวเอง


       "มันไม่ใช่ความผิดของนาย นายไม่จำเป็นต้องมาขอโทษอะไรฉันหรอกธาร มันผ่านมาแล้ว อย่าเก็บเอา
ไปคิดให้มันรกสมองเลย จะรู้สึกแย่เสียเปล่าๆ" ณัฐภาสพูดบอกกับธาราที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ในขณะที่สายตา
ก็เหม่อมองตามกลุ่มกลีบดอกไม้ที่ผสมกับเถ่าถ่านที่เหลือจากการเผาศพของสน ภูผา และนายหัวรพีที่ลอย
อยู่บนเหนือผิวน้ำทะเล พัดไปตามกระแสคลื่นลมอยู่ไกลๆ งานศพของสน ภูผาและนายหัวรพีจัดขึ้นที่วัดแห่ง
เดียวกันแต่ตั้งสวดศพคนละศาลา โดยที่ศพของสนนั้นณัฐภาสจัดขึ้นอย่างง่ายๆ ไม่บอกใคร มีแค่คนในครอบ
ครัวเท่านั้นที่อยู่ร่วมจนเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมดจนถึงการเก็บกระดูก ส่วนศพของนายหัวรพีและภูผานั้นเจ้าคุณ
และธาราเป็นหัวแรงใหญ่ในการจัดการ และเป็นเพราะทั้งนายหัวรพีและภูผาถือว่าเป็นคนมีชื่อเสียงพอ
สมควร เจ้าคุณและธาราจึงไม่อาจที่จะจัดงานอย่างสงบเงียบแบบที่ณัฐภาสทำได้ทั้งที่อยู่ศาลาติดกันและ
เป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ถือว่าเป็นการชดใช้บุญคุณของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อที่เลี้ยงดูมา ธาราจึง
จัดการทุกอย่างจนถึงเสร็จสิ้นพิธีการให้อย่างสมเกียรติสมศักศรีนายหัวรพีเจ้าพ่อคาสิโนผู้ยิ่งใหญ่


      "แล้วเจอกันนะฮะพี่คุณ พี่ธาร เดี๋ยวพัสต้องไปรับเจ้าสามแสบอีกป่านนี้คงจะป่วนคุณปู่แย่แล้ว" พัสกร
บอกลาเจ้าคุณกับธาราหลังจากที่เรือเทียบท่าแล้วเห็นว่าณัฐภาสชิ่งเดินขึ้นฝั่งไป ก่อนที่จะรีบจ้ำเดินตาม
สามีไปติดๆ


      "อะๆ ส่งกุญแจรถมาให้พัส แล้วขึ้นไปนั่งฝั่งโน้นเลยครับสามี รอบนี้พัสขอขับรถเองนะครับ" พัสกรดึงกุญแจ
รถจากมือณัฐภาสและแทรกตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ก่อนที่จะบอกให้ณัฐภาสไปขึ้นอีกฝั่งนึง ซึ่งณัฐภาสเอง
ก็ทำตามคำพูดของภรรยาอย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ


       "มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนิ พัสจะไปไหนต่ออีกหรอ" ณัฐภาสเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าพัสกรหักพวงมาลัยเลี้ยว
รถไปคนละทางกับทางกลับบ้าน


       "หนีเที่ยว" พัสกรบอกพร้อมยิ้มแฉ่ง


       "เที่ยวไหนครับ แล้วลูกๆ ล่ะ" ณัฐภาสขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย


      "ความลับ...ส่วนลูกๆ ก็ต้องไปด้วยกันสิครับ พัสไม่ทิ้งลูกหรอกน่า" พัสกรบอกอย่างอ้อล้อ หน้าบานยิ้มแป้น
เมื่อนึกไปถึงแผนการเที่ยวล่วงหน้าที่ตัวเองได้เตรียมไว้


      "หืม..ไปไหนครับเนี่ย ทำไมต้องมาสนามบินด้วย...ต่างประเทศหรอ?" ความสงสัยของณัฐภาสยังคงไม่
หมดไปเมื่อพัสกรเลี้ยวรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของสนามบิน


      "โนววว...ยุคนี้ยุคประหยัด กินของไทย ใช้ของไทยและท่องเที่ยวไทยครับคุณสามี" พัสกรส่ายนิ้วชี้ไปมา
ตรงหน้าณัฐภาส แบบประมาณว่า 'มันไม่ใช่' อะไรประมาณนั้น


      "แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนพี่เพิ่งเห็นพัสไปถอยหลุยส์ วิตตอง คอลเลคชั่นล่าสุดมาเองนะ แถมยังจิ๊กบัตรเครดิต
ของพี่ไปจ่ายอีกต่างหาก" ณัฐภาสแกล้งพูดแซะ แหย่พัสกรเล่นเมื่อเห็นว่าภรรยาดูจะอารมณ์ดีเกินไป


      "จิ๊!! พี่ภาสอ่ะ! เออออไปกับพัสหน่อยก็ไม่ได้ ชิส์!!...ล็อครถด้วยเลย!!" พัสกรจิ๊ปาก หน้าเบ้อย่างขัดใจ
เมื่อโดนณัฐภาสพูดแทงใจดำเข้าให้ ทั้งๆ ที่ตนอุตส่านิ่งเงียบทำเป็นลืมเรื่องนั้นไปอย่างเนียนๆ แล้วเชียว
ไหงกลับเอามาพูดเบรคจี้ใจดำกันซะได้


       "ฮึๆ" ณัฐภาสจัดการล็อครถตามคำสั่งภรรยาเสร็จเรียบร้อยก็เดินตาพัสกรเข้าไปในอาคารสนามบินอย่าง
ขำๆ เมื่อเห็นว่าพัสกรท่าทางจะหัวเสียหน้าดู.....เรื่องของเรื่องคือก่อนหน้านี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อยู่ดีๆ พัสกร
ก็ลุกขึ้นมาดูแลมาเอาใจเขาตั้งแต่เช้ายันเข้านอน ถึงขั้นยอมลงทุนบีบนวดพร้อมกับอาบน้ำให้เขาไม่ต่างจาก
ลูกๆ เลยทีเดียว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผิดปกติเอามากๆ เพราะปกติแล้วการที่จะให้พัสกรภรรยาของเขามาอาบน้ำ
ให้เขาหรือมาลงอ่างอาบน้ำด้วยกันนั้นเขาจะต้องให้ทั้งลูกขู่ลูกอ้อนไปจนถึงกลับการที่ปล้ำเมียตัวเองเลยเถอะ
แต่นี่เจ้าตัวกลับมาเสนอตัวทำให้โดยที่ไม่ต้องร้องขอเลย เขาจึงสงสัยและถามออกไปว่ามีปัญหาอะไรหรือ
อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าถึงได้ลุกขึ้นมาอ้อนเขาอย่างนี้ แต่คนปากหนักก็ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มี
อะไรแค่อยากเอาใจสามีเฉยๆ แต่พอตื่นเช้าขึ้นมา แบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงินของเขาก็หายไป พร้อมกับมี
กระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ เสียบในกระเป๋าสตางค์แทน ด้วยคำว่า 'ขอค่าจ้างนวดหน่อยนะครับ' พอตกบ่ายก็มี
ข้อความส่งเข้าในโทรศัพท์มือถือของเขา ซึ่งก็คือยอดแจ้งการใช้งานบัตรเครดิตใบนั้น ไอ้ติ๊ดแลกก็ไม่เท่าไหร่
หรอก แค่ 13,xxx แล้วข้อความที่สองก็ตามมาติดๆ 82,xxx เบาๆ ข้อความที่สาม 650,xxx ก็ยังพอได้อยู่
จนมาถึงข้อความที่เก้าเป็นข้อความสุดท้าย 1,330,xxx อื้อหื้อ!! จากที่นั่งประชุมง่วงๆ อยู่ ถึงกลับตาแจ้งอ่ะ
สรุปแล้ววันนั้นคุณเขาก็ได้กระเป๋าถือมาสี่ใบ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าใบเล็กๆ อีกสาม รวมเป็นเจ็ดใบ อีกทั้ง
ยังมีเสื้อผ้า รองเท้าทั้งของตัวเอง ของลูกๆ และของผม เล่นซะเงินในบัญชีผมยุบวาบหายไปกลับตาเลย และ
ดีนะที่เจ้าตัวไม่ได้ช็อปแหลกอย่างนี้ทุกเดือนๆ เพราะปกติคุณเขาจะงกถึงงกมากที่สุด จะจ่ายจะใช้อะไรแต่
ละทีนี่คิดแล้วคิดอีก(ตั้งแต่มีลูก) ผมเลยไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่เพราะเขาจะรวบยอดทีเดียวตอนสิ้นปีอย่าง
นี้ทีเดียวเลยไงครับ แต่ถ้าระหว่างปีนั้นจำเป็นต้องจ่ายอะไรหนักๆ หน่อยก็จะโบ้ยมาให้เขาจ่ายแทน เงินตัวเอง
ที่เขาใส่บัญชีแยกกับค่าใช้จ่ายของลูกและค่าใช้จ่ายอื่นๆให้ต่างหากทุกเดือนๆ มีก็ไม่ใช้หรอก เก็บไว้ในบัญชี
เฉยๆอย่างนั้นนั่นแหละ ไหนจะที่ได้เงินกำไรจากส่วนแบ่งบริษัท ส่วนแบ่งเครือโรงแรมที่หารสองกับเขานั่นอีก
งานนี้ถ้าคุณเมียสุดที่รักของเขาไม่รวยก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วแหละ ดีนะที่เขายังมีหุ้นนอกอยู่อีกเยอะอ่ะ ไม่อย่าง
นั้นสู้เมียไม่ได้แน่ๆ อ่อ! แล้วตกเย็นวันเดียวกันกับวันที่พัสกรช็อปแหลกแหวกกระจาย เขาก็ถามเหตุผลอยู่นะ
ว่าทำไมพัสกรถึงไม่พูดขอเขาเลยเพราะมันง่ายกว่าที่จะต้องมานั่งเอาใจเขาอีก เพราะยังไงเขาก็ให้อยู่แล้ว
เพราะก็อย่างที่บอกว่าปกติพัสกรเป็นคนที่รู้จักใช้เงินและพยายามประหยัดเพื่อช่วยเขาลดค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว
นานเป็นปีๆ ถึงจะหลุดช็อปของพวกนี้ออกมาสักที แค่นี้ทำไมเขาถึงจะให้ไม่ได้ พัสกรก็ตอบว่าก่อนหน้านี้เขา
ได้เสียเงินถอยรถคันใหม่ออกมาให้เจ้าตัวไปแล้วก็เลยเกรงใจ จึงเลือกที่จะทำงาน(นวด?) แลกกับค่าแรงดีกว่า
จะได้เป็นการไม่เอาเปรียบเขาจนเกินไป หึๆ นี่ขนาดคุณแม่เขาเกรงใจนะเนี่ย เขาหมดไปตั้งเกือบหกเจ็ดล้าน
เป็นยังไงล่ะ? คุณแม่พัสของเขา...แสบดีมั้ยล่ะ?
.
.
.
.
.
       ฮึ่ย!!...คนอุตส่าแกล้งทำเป็นลืมๆเรื่องนั้นไปแล้วแท้ๆ พี่ภาสยังจะพูดขึ้นมาอีก ถึงจะแค่แหย่เล่นก็เถอะ
เห็นผมใจกล้าหน้าด้านอย่างนี้ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ ยิ่งนึกย้อนไปถึงวันนั้นผมก็ยิ่งอาย แทบอยากจะ
เอาหน้ามุดดินหนีสามีเลยทีเดียว เพราะความอยากได้บวกกับแรงยุแรงแซะของไอ้ครีมเพื่อนสนิทผมที่อยู่
กรุงเทพฯๆ ที่มันชอบส่งรูปกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่มาโชว์ผมบ่อยๆ เพราะมันทำงานเป็นผู้จัดการร้านกระเป๋า
แบรนด์นี้อยู่ที่ช็อปสาขาในกรุงเทพฯ เฮ้อ!..ไอ้ผมมันก็ชอบกระเป๋าแบรนด์นี้เป็นพิเศษอยู่แล้วไง บวกกับตั้งแต่
ตั้งท้องแฝดสามจนลูกโตมาสี่ห้าขวบอย่างนี้แล้วเนี่ย ผมก็ไม่เคยซื้อของพวกนี้ที่เป็นส่วนของตัวเองเลย เพราะ
จะซื้อทีไรก็นึกเสียดายเงิน ถึงสามีผมจะไม่ว่าและมีให้ใช้จ่ายไม่ขาดมือก็เถอะ แต่พอนึกถึงหน้าลูกอีกสามคน
ขึ้นมาก็ถอดใจทุกที เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างผมจึงต้องประหยัดไว้ก่อน อะไรไม่จำเป็น
ก็ไม่ต้องไปซื้อมันเพราะลูกๆ อีกสามคนของผมกว่าจะโตกันจนสามารถหาเลี้ยงตัวเองรอดก็อีกตั้งสิบยี่สิบปี
เพราะฉะนั้นจะทำอะไรจะใช้จ่ายยังไงผมจึงต้องคิดหน้าคิดหลังอย่างนี้เสมอไง จนพักหลังมานี่พี่ภาสเขาก็จะ
แซะผมอยู่ตลอดๆ ว่าขี้งกบ้าง ขี้ตืดบ้าง เจ้าแม่นาเกลือบ้าง สารพัดสารเพที่ท่านเขาจะสรรหามาพูด ไอ้เรื่อง
แซะเมียเนี่ยขอให้บอก เพราะท่านณัฐภาสเขาเป็นปรมาจารย์ชำนาญการเรื่องนี้โดยเฉพาะ.....

      "คุณแม่!!!~~~" แฝดสาม ภาค ภีม ภาม ที่ยืนอยู่กับคุณปู่ชัชวาลย์และแม่บ้านที่เป็นพี่เลี้ยงจำเป็นอีกหนึ่ง
คน ก็ประสานเสียงร้องเรียกคุณแม่ของตัวเองเสียงดังขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าพัสกรกำลังเดินเข้ามาทางที่พวก
ตัวเองยืนอยู่
 
       "ว่างยังไงครับ อยู่กับคุณปู่ น้องภาค น้องภีม น้องภาม ดื้อกันรึเปล่าเอ่ย?" พัสกรนั่งยองอ้าแขนรอรับ
ลูกชายฝาแฝดที่พากันวิ่งเข้ามาโถมกอดตัวเองพร้อมๆ กัน

      "ไม่ดื้อฮะ! พี่ภาคทำตามที่คุณแม่บอก ห้ามดื้อ" พี่ภาคแฝดโตบอก

      "น้องภีมก็ไม่ดื้อครับ น้องภีมน่ารัก" น้องภีมแฝดกลางบอก

       "ดื้อฮะ! น้องภามหล่อ เลยดื้อได้" และสุดท้ายเจ้าภามแฝดเล็กบอกด้วยความมั่นใจ

       "ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ้ตัวแสบ หล่อสู้พ่อให้ได้ก่อนเถอะค่อยมาคุย" ณัฐภาสที่เดินตามหลังพัสกรเข้ามา
ได้ยินประโยคสุดมั่นใจของน้องภามแฝดเล็กพอดีก็อดไม่ได้ที่จะพูดแหย่พร้อมกับผลักหัวกลมๆของลูกชาย
คนเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของพัสกรเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

       "คุณพ่อ!!!~~~" แฝดสามร้องเรียกณัฐภาสพร้อมกันอีกครั้งเหมือนกับที่เรียกพัสกร แต่ดูเหมือนว่าจะมี
ความตื่นเต้นและดีใจแฝงอยู่มากกว่าตอนเรียกพัสกรอยู่นิดหน่อย เพราะตลอดสามสี่วันที่ผ่านมาณัฐภาส
ไม่ค่อยได้อยู่บ้านให้ลูกๆ เห็นหน้าสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องของสน

       "ครับ...ว่ายังไงครับแฝดแสบ" ณัฐภาสยืนอยู่ข้างกันกับพัสกรที่นั่งกอดลูกอยู่

       "ภาคคิดถึงคุณพ่อ" น้องภาคแฝดโตบอกพร้อมกับดิ้นออกจากอ้อมแขนของพัสกรเพื่อที่จะเดินมากอดขา
ของณัฐภาสแทน

      "คุณพ่อก็คิดถึงพี่ภาคเหมือนกันครับ ฟอดดด..." ณัฐภาสบอกพร้อมกับย่อตัวอุ้มพี่ภาคแฝดโตขึ้นมาอุ้ม
และหอมแก้มยุ้ยๆของลูกชายไปฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง

      "น้องภีมก็คิดถึงคุณพ่อครับ คิดถึงที่สู้ดดดด...." น้องภีมแฝดกลางก็วิ่งตามมาติดๆ เมื่อเห็นว่าแฝดพี่ของ
ตัวเองโดนคุณพ่อสุดที่รักหอมแก้มเข้า

      "ว้าว..จริงหรอครับ คุณพ่อก็คิดถึงน้องภีมที่สู้ดดดเหมือนกันครับ จุ๊บบบ..." ณัฐภาสย่อตัวลงมาอุ้มน้องภีม
แฝดกลางขึ้นอีกคนพร้อมกับกดจูบปากเล็กๆ ช่างพูดนั่นอีกทีด้วยความมันเขี้ยว เลยทำให้ทั้งสองแขนของ
ณัฐภาสนั้นไม่ว่างแล้วเพราะมีแฝดกลางหับแฝดเล็็กนั่งอยู่คนละข้าง

      "แล้วเราล่ะไอ้แสบ มีอะไรจะบอกกับพ่อรึเปล่าฮึ?" ณัฐภาสเอ่ยถามน้องภามแฝดเล็กที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ใน
อ้อมกอดของพัสกรอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งมาหาเขาอย่างพี่ๆ ของตัวเองเลย

       "ฮึ! พี่ไม่บอกหรอก พี่โตแล้ว พี่ไม่อ้อนคุณพ่อหรอก...สองคนนั้นเป็นเด็กน้อยเพราะชอบอ้อนคุณพ่อ"
เจ้าภามแฝดเล็กตัวแสบประจำบ้านเชิดหน้าพูดบอกอย่างฉะฉานชัดถ้อยชัดคำ ประหนึ่งว่าตัวเองนั้นเก่ง
และโตกว่าพี่ๆ ของตัวเองอย่างที่บอกจริงๆ ทั้งๆ ที่ยังยืนกอดคอดพัสกรอยู่แน่น

      "หึๆ ครับๆ พี่ภามโตแล้ว โตเหลือเกิน โตมากกกกก....เอ๊ะ! เมื่อคืนใครร้องงองแงจะกินนมคุณแม่กันนะ
น้องภาคน้องภีมคุณพ่อจำไม่ได้ซะแล้ว เอ..ใครกันน้าาา.." ณัฐภาสแกล้งพูดแหย่ลูกชายคนเล็กของตนด้วย
การแกล้งทำเป็นถามเรื่องก่อนนอนของแฝดสามเมื่อคืนนี้ เพราะในขณะที่แฝดโตและแฝดกลางอย่างน้องภาค
และน้องภีมนอนดูดขวดนมของตัวเองกินนมก่อนอย่างปกติทุกวันอยู่นั้น เจ้าภามแฝดเล็กก็ร้องงองแง โยน
ขวดนมของตัวเองทิ้งเพราะเกิดอยากจะกินนมจากเต้าของคุณแม่พัสขึ้นมา พัสกรทั้งดุก็แล้วปลอบก็แล้ว
เจ้าตัวแสบก็ไม่ยอมหยุดร้องให้ ยังคงงองแงอยู่อย่างนั้น จนพัสกรต้องต้องยอมเปิดเสื้อให้เจ้าตัวดูดนมจาก
เต้าของตัวเองจนได้ทั้งๆ ที่มันไม่มีน้ำนมไหลออกมาให้กินแล้ว จนเจ้าตัวแสบหลับคาอกแม่ไปในที่สุดนั่น
แหละ และดีนะที่แฝดโตและแฝดกลางอย่างน้องภาคน้องภีมแค่พูดบอกก็เข้าใจ และไม่ได้อิจฉาน้อง หรือ
ร้องขอที่จะกินนมคุณแม่บ้าง ไม่อย่างนั้นพัสกรต้องระบมแน่เพราะแฝดแสบมีฟันเต็มปากกันซะขนาดนั้น
แค่เจ้าภามคนเดียวหน้าอกของพัสกรก็ช้ำไปหมดแล้ว เพราะเจ้าตัวเปิดให้เขาดูอยู่เมื่อคืน

       "เชอะ! พี่จะไม่รักคุณพ่อแล้ว...แบร่~" เจ้าภามแฝดเล็กบอกพร้อมกับแลบลิ้นใส่ณัฐภาสอย่างงอนๆ เมื่อ
โดนณัฐภาสพูดล้อเรื่องเมื่อคืน.....ถึงพี่จะโตแล้ว พี่ก็ยังคิดถึงหน่มน๊มของคุณแม่เหมือนกันนะ!!

       "ฮ่าๆ ไปๆ ไปกันได้แล้ว เขาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว ยังไงไปถึงโน่นก็โทรมาบอกพ่อด้วยนะเจ้าภาส หนูพัส
เที่ยวให้สนุกๆ เที่ยวเผื่อปู่ด้วยนะน้องภาค น้องภีม น้องภาม ปู่กลับบ้านก่อนนะ โชคดีๆ" เจ้าสัวชัชวาลย์
ที่ยืนดูลูกๆ หลานๆ แหย่กันไปมาอย่างมีความสุข ก็พูดขัดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเที่ยวบินที่ครอบครัว
แฝดสามจะไป ก่อนที่จะบอกลาพร้อมกับอวยพรกันอีกนิดหน่อยจึงแยกย้ายกันไป เจ้าสัวชัชวาลย์กลับบ้าน
ส่วนครอบครัวแฝดสามก็ไปเตรียมตัวขึ้นเครื่อง เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางในทริปพักผ่อนที่คุณแม่พัสเขา
จัดขึ้นเพื่อครอบครัวในครั้งนี้




_____________________________________________________________TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2016 18:16:02 โดย Mimzmie »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด