ตอนที่ 5“คิดถึงผมไหมครับพี่”
วันนี้ผมทำงานที่กรุงเทพเป็นวันสุดท้ายแล้ว ก่อนจะย้ายไปทำโปรเจ็คที่เชียงรายอย่างไม่มีกำหนดกลับมาประจำที่สำนักงานใหญ่ อาจจะหนึ่งปีหรือสองปี หรือผมจะโดนไล่ออกไปซะก่อนก็ไม่แน่ใจ พี่พ่ายก็กำลังเตรียมตัวไปคุมโปรเจ็คที่นั่นเหมือนกัน
“ยังไม่ตายอีกเหรอ” เขาหน้าบึ้ง ขว้างปากกามาใส่ผมสองสามด้าม แต่ผมก็เก็บกลับเอาไปคืนให้เขา
“โกรธเหรอครับที่ผมบอกจะมาหาแต่ก็ไม่ได้มา” ผมลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เก้าอี้ทำงานของเขา ก่อนจะแนบหน้าลงกับแขนแล้วมองเสี้ยวหน้าที่เครียดขรึม ความมีเสน่ห์บนใบหน้าของเขาทำให้ผมเผลอไล้นิ้วไปตามสันกรามเรื่อยขึ้นไปจนถึงขาแว่นตากรอบดำที่มีสิ่งที่ผมหลงใหลที่สุดบนตัวเขาอยู่ในนั้น พี่พ่ายจับนิ้วผมไว้ บีบแรงๆ แล้วทำท่าจะหักมันทิ้ง
“พี่พ่าย...ผมเจ็บครับพี่ ผมเจ็บนะ ปล่อยก่อน”
“นึกว่ามึงอยากนิ้วหัก ถึงได้กล้าทำแบบนี้”
“ผมก็แค่คิดถึงพี่ จนห้ามใจไม่ไหวต่างหาก”
“พูดแต่เรื่องเพ้อเจ้อนะมึง”
พี่พ่ายยอมปล่อย แล้วก็กลับไปอ่านเอกสารของเขาตามปกติ
“ผมเคลียร์งานกับพี่กิ๊ฟจนเย็นทุกวันเลย อยากมาหาพี่ใจจะขาด”
พี่กิ๊ฟนอกจากเรื่องงานแล้ว เธอก็ล็อคตัวผมไว้สำหรับเรื่องส่วนตัวด้วย ผมอยู่กับเธอทั้งวันทั้งคืน ทั้งดิวงานและเติมเต็มความต้องการให้เธอ ส่วนมินนั้นได้แค่ช่วงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะพี่กิ๊ฟไม่ยอมปล่อยผมให้ไปไหนนานๆ ไอ้ยิวถึงกับโวยวายใส่ มันอยากให้ผมกลับห้องไปหามัน แต่แน่นอนว่าผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมต้องให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่บันดาลทุกอย่างให้กับผมได้มากกว่าอยู่แล้ว
“พี่โกรธใช่ม้า”
“...”
“รอผมมาหาเหรอครับ”
“มึงไปเพ้อเจ้อไกลๆ ได้ไหม ไม่เห็นรึไงว่ากูทำงาน”
“งั้นผมจะรอจนพี่ทำงานเสร็จ แล้วเย็นนี้เราไปกินข้าวด้วยกันนะครับ”
“กูมีนัด”
“หลังจากนั้นก็ได้”
“กูไม่มีเวลาให้คนอย่างมึง ทำไมต้องให้บอกซ้ำซาก”
น้ำเสียงที่แสนเย็นชาของเขาทำให้ผมต้องยื่นมือไปลูบหลังมือของเขาเล่น
“ผมจะไปรอพี่ที่บ้าน พี่จะกลับบ้านวันนี้ใช่ไหมครับ ผมจะรอนะ”
“มึง...รู้จักบ้านกูได้ยังไง” เขาขมวดคิ้วมองมา พลางแทงปากกาลงหลังมือของผมที่กำลังลูบมือข้างหนึ่งของเขาเล่น ความเจ็บทำให้มือผมสั่นเล็กน้อย
“รู้สิครับ...เรื่องเกี่ยวกับพี่...ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้” ผมยิ้ม ดึงปากกาที่ปักอยู่หลังมือออก “ผมจะรอพี่กลับบ้านนะครับ”
เขาไม่ตอบรับ ปัดมือผมให้พ้นทางแล้วหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน
“พี่พ่าย”
“กลับไปทำงานได้แล้วไป”
“วันนี้พี่กิ๊ฟให้หยุดครับ ผมต้องแพ็คของไปเชียงรายกับพี่พ่ายพรุ่งนี้นี่นา”
“คุณกิ๊ฟนี่ดูจะเอาอกเอาใจมึงดีจริงๆ”
“ก็ผมเป็นเด็กดีนี่ครับ”
“อย่างมึงน่ะเด็กผี”
“ดีใจ พี่พ่ายรู้ใจผมด้วยว่าผมเป็นเด็กแมนยู”
“ไอ้เพี้ยน”
“อิอิ”
“ยังจะมายิ้มอีก! ออกไปซื้อกาแฟมาให้กูด้วย”
“ครับพี่ งั้นขอรางวัลก่อนไปได้ม้า”
จุ๊บ!
“กูยังไม่ได้บอกว่าจะให้”
พี่พ่ายหน้าบึ้ง คงอยากตบผมอีกสักที แต่หน้าที่มีรอยแผลของผมตอนนี้คงทำให้เขาตบไม่ลง ถึงได้กำหมัดแน่นแล้วมองมาด้วยความไม่พอใจ
“แค่จุ๊บปากเอง”
“เองบ้านมึงดิ”
“เป็นผู้ใหญ่ที่พูดไม่เพราะเลยอ่ะ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็โอเคนะ ชอบคนหยาบคาย”
“รีบๆ ไปไกลๆ ตีนกู แล้วก็ซื้อยาทำแผลมาด้วย”
“ซื้อมาทำไม พี่พ่ายมีแผลเหรอ เจ็บตรงไหนอ่ะครับ” ผมรีบสำรวจร่างกายเขาทันที แต่ก็ถูกเขาผลักออกห่าง
“กูไม่มี แต่หลังมือของมึงน่ะ จัดการซะ”
“อ่า...ห่วงผมด้วย ดีใจมากเลย”
“พอๆ รีบๆ ไปได้แล้ว”
พี่พ่ายทำหน้าเหนื่อยอกเหนื่อยใจ แล้วยื่นแบงค์พันมาให้ ผมรับมาก่อนจะออกไปหาซื้อกาแฟ กับชุดทำแผลตามที่เขาสั่ง
ที่จริง...ไร้พ่าย...ก็ใจดีเหมือนกันนะ
ผมไม่รู้จักบ้านของพี่พ่ายหรอก ก็บอกเขาไปอย่างนั้นแหละครับว่าจะไปรอ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะไปรอที่ไหน โทรถามพี่กิ๊ฟโดยอ้างว่ามีเอกสารสำคัญจะเอาไปให้ท่านรองประธานกรรมการ แต่พี่กิ๊ฟก็ไม่รู้จักบ้านของเขา ตอนนี้ผมก็เลยตัดสินใจสะกดรอยตาม
พี่พ่ายมีนัดทานข้าวเย็นกับใครก็ไม่รู้ ผมเห็นหน้าชัดนะครับแต่ผมไม่รู้จัก เขาก็ยังเป็นคนไม่ยิ้มแย้มเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้ชายมีอายุอีกคนออกจะสวยสดงดงามในชุดเดรสสีหวาน
ผมเข้ามานั่งในร้านอาหารร้านเดียวกับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้โต๊ะพวกเขาเลย จึงไม่ได้ยินบทสนทนาที่พวกเขาคุยกัน พี่พ่ายน่ะไม่พูดอะไรเลยเพราะเห็นเขานิ่งอย่างเดียว แต่ผู้หญิงคนนั้นพูดมากชะมัด แถมยังหัวเราะร่าเหมือนเสแสร้งอีกด้วย
“รับอะไรดีครับ” พนักงานรับออร์เดอร์มายืนบังทัศนวิสัยของผมซะได้ ผมก็เลยต้องทำหน้าเซ็งๆ สั่งอาหารไปสองสามอย่าง แต่แค่ละสายตาไปไม่กี่นาที พี่พ่ายก็ไม่อยู่ที่โต๊ะซะแล้ว เหลือแต่ผู้หญิงกับผู้ชายแก่ๆ นั่งกันอยู่สองคน
ผมหันมองซ้ายมองขวา ก่อนจะสะดุ้งนิดๆ เมื่อมีมือมาจับที่ไหล่ เหลือบตาขึ้นมองก็พบกับ...
“ตามมาทำไม”
“ว้า...จับได้แล้ว”
“กูถามว่าตามมาทำไม”
“ผมมากินข้าวต่างหาก ไม่ได้ตามพี่”
“กูไม่ได้โง่”
“โอเคๆ ยอมรับว่าตามพี่มา แล้วผู้หญิงนั่นใครอ่ะ”
“เกี่ยวไรกับมึง”
“อยากรู้ไง บอกหน่อย”
พี่พ่ายไม่ตอบ เขาลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงข้างๆ ผม
“ไม่กลับโต๊ะเหรอครับ”
“ไม่ กูรำคาญ”
“ผู้หญิงคนนั้นทำให้พี่รำคาญเหรอ”
“อืม”
“แย่จริงๆ เลย ให้ผมไปไล่ให้ไหม ผมด่าผู้หญิงเก่งนะ ยิ่งผู้หญิงที่มายุ่งกับพี่...สกิลการด่าของผมยิ่งสูง”
“หึ มึงนี่ชอบภูมิใจกับเรื่องแปลกๆ แล้วก็ไม่ต้องไปหาเรื่องใคร”
“คร้าบบบ”
ผมยิ้มออกมาแล้วหันหน้าไปมองเขา สีหน้ายุ่งยากใจนั่นก็น่ารักดี
“งั้นนั่งกินข้าวกับผมนะ”
“...”
“โต๊ะผมหลบมุมอยู่ตรงนี้ พวกเขาไม่เห็นพี่หรอก อยู่กินข้าวกับผมนะครับ”
“เออๆ อย่าพูดมาก รำคาญ”
ผมเอียงหัวไปซบกับไหล่ของเขา โดนสายตาดุๆ เหลือบมองมาเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้ผลักผมออก
“พี่เหนื่อยเหรอครับ ปกติต้องผลักผมอ่ะ”
“รู้แล้วก็ไม่ต้องถาม”
“ดีจัง”
ผมสอดแขนไปกอดแขนเขาไว้ เขาก็ไม่ผลักหนี กลับพิงหลังกับพนักเก้าอี้แล้วถอนหายใจ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเขาทำให้ผมอดห่วงไม่ได้เหมือนกัน
“พี่เหนื่อยมากเหรอ งั้นคืนนี้ผมไปนวดให้นะครับ”
“อืม มึงอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ”
“ขอบคุณครับ”
“อย่างมึงจะห้ามจะด่าก็เปลืองน้ำลาย แล้วสั่งอะไรมากิน”
“ไม่รู้อ่ะ ผมก็ชี้ๆ ไป อ่านไม่ออกสักอย่าง มีแต่ภาษาอังกฤษ”
“มึงโง่เหรอ” สีหน้าผ่อนคลายของเขาทำให้ผมอมยิ้มตามไปด้วย
“ผมเรียนไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้โง่นะครับ”
“เถียง”
“อื้อ ไม่เถียงแล้ว ผมโง่ก็ได้”
เขาดีดหน้าผากผมแรงๆ สองที จากนั้นก็ปล่อยให้ผมซุกไซ้หน้าลงกับท่อนแขนของเขาได้ตามใจ
พอพนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ ผมก็ปล่อยแขนเขาเป็นอิสระ แล้วจัดแจงตักกับข้าวให้เขา พี่พ่ายกินไปเงียบๆ ไม่ได้บ่นว่าอร่อยหรือไม่อร่อย แถมยังโชคดีที่อาหารไม่เผ็ดมากด้วย
“อิ่มแล้วเหรอครับ” เขาวางช้อน ผมเลยรีบยื่นแก้วน้ำให้ เขารับไปดื่มแล้วก็จัดการเรียกเช็คบิล
“พี่พ่าย ผมยังไม่ได้กินเลย” มัวแต่ตักอาหารให้เขาแล้วดูเขากิน ผมก็เลยยังไม่ได้มีอะไรลงท้องสักอย่าง
“เรื่องของมึง”
“โธ่”
เขาไม่ได้สนใจแววตัดพ้อที่ผมส่งไปให้ กลับลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทำให้ผมต้องรีบวิ่งตาม ผู้หญิงที่โต๊ะนั้นก็หายไปแล้วเหมือนกัน คงกลับกันไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นใครนะ ยังไงผมก็สมน้ำหน้าอ่ะ คงอยากมาอ่อยพี่พ่ายล่ะสิ แต่เขาก็ไม่สนใจ
“พี่พ่าย ผมไปด้วยนะ”
“รถมึงล่ะ”
“จอดไว้ที่นี่ก็ได้ ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยมาเอา”
เขาพยักหน้า ผมจึงรีบขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับของรถ Maserati สีดำคันสวยของเขา ไม่นานเขาก็ขึ้นมานั่งประจำที่นั่งคนขับแล้วก็เคลื่อนรถออกมา ผมมองตามข้างทางเพื่อจะจำให้ได้ว่าบ้านเขาไปทางไหน ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะต้องไปเชียงรายแล้ว แต่ยังไงสักวันหนึ่งก็ต้องได้มีโอกาสไปที่บ้านของเขาอยู่ดี แต่ทางไปที่บ้านของพี่พ่ายค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ได้อยู่ในแถบตัวเมืองอย่างที่ผมคิด รถเคลื่อนตัวผ่านที่รกร้าง สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไมยราพยักษ์และหญ้าคาที่ขึ้นสูง ไฟสองข้างถนนก็ไม่มีสักดวง ผมหันมองเสี้ยวหน้าที่เฉยชาของเขา แล้วก็มองทางข้างหน้า รู้สึกหวั่นใจชอบกล...
“ทางไปบ้านพี่...มืดจังเลยนะครับ”
“อืม”
“อีกไกลไหมครับ กว่าจะถึง”
เขาไม่ตอบ แต่กลับหยุดรถกะทันหัน ผมมองเขาอีกครั้ง รู้ได้เลยว่าเขากำลังจะทำอะไร
“ลงไป”
“ก็ว่าแล้วเชียว...ว่าทำไมพี่ถึงดูใจดีจัง”
“กูบอกให้ลงไป”
“ครับๆ ไม่ต้องทำเสียงดุอย่างนั้นหรอก”
ผมยังคงยิ้ม ก่อนจะต้องหุบยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเจอกับอาวุธอันตรายที่กำลังจ่อขมับ
“ลงไปไอ้เพี้ยน” น้ำเสียงเย็นชากับอาวุธปืนในมือเขาบอกผมได้ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่น
“โอเคครับ โอเค” ผมยกมือขึ้นยอมแพ้ ปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วปลดล็อคประตู
“ทิ้งมือถือกับกระเป๋าตังค์มึงไว้ที่นี่”
“อ่า...ใจร้ายจริงๆ เลยน้า”
“พรุ่งนี้กูจะมารับ”
ผมยิ้มให้กับความเย็นชาของเขาแล้วโค้งหัวให้เล็กน้อย “โอเคครับพี่ ถ้ามันเป็นสิ่งที่พี่ต้องการ ผมจะทำให้”
“...”
“ผมบอกแล้วว่าผมเป็นทาสของพี่ แล้วพรุ่งนี้ มารับผมนะครับ”
ผมหอมแก้มเขาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะลงจากรถมา อีกไม่กี่นาทีเขาก็ขับออกไป ไฟท้ายรถคงเป็นแสงสว่างสุดท้ายในที่แห่งนี้ แล้วมันก็หายไป
ความมืด...ไม่ใช่สิ่งที่ผมกลัวหรอก...สิ่งที่ผมเคยเจอ...มันน่ากลัวมากกว่านี้
"จะให้ผมไปเก็บมันเลยไหมครับนาย" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีคลาสสิคที่เปิดคลออยู่ภายในห้องนอนขนาดใหญ่
ท่ามกลางการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรา ...บนโซฟาไม่ไกลจากเตียงขนาดคิงไซส์มีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดนั่งด้วยท่าทางสบายๆ เขาดูผ่อนคลายไปกับไวน์รสเลิศ ครั้นได้ยินคำถามของลูกน้องคนสนิทก็พลันแสยะยิ้ม นัยน์ตาดุจ้องมองแก้วไวน์ในมือ ครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ไม่นาน ก็บีบมันจนแตก ของเหลวภายในกระเซ็นโดนใบหน้าที่แสนเย็นชา แต่เจ้าตัวกลับไม่มีทีท่าสนใจ
"ไม่ต้อง ผมยังอยากจะเล่นกับมันอีกสักหน่อย" น้ำเสียงเรียบนิ่งตอบกลับ ปล่อยเศษแก้วในมือทิ้ง พร้อมเช็ดใบหน้าด้วยผ้าขนหนูขาวสะอาดที่ลูกน้องยื่นมาให้
"แต่ไอ้เด็กนี่มันล้ำเส้นมากเกินไป มันกำลังทำให้นายรำคาญใจนะครับ"
"ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ยังไม่รู้จักโลกดีพอ จะไปถือสามันทำไม"
ก็แค่เด็กที่กำลังคิดว่าตัวเองไล่ต้อนเขาได้...เป็นแค่เด็กโง่ๆ คนหนึ่งที่ดับเครื่องเข้าชนใส่โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังชนอยู่กับอะไร ไม่สนแม้กระทั่งชีวิตที่อาจจะไม่เหลือรอดกลับไป
โง่เง่าเหมือนกับพี่สาวของมัน...
มันไม่รู้แม้กระทั่งว่ากำลังเสียเปรียบมากแค่ไหน ข้อมูลของไอ้เด็กนั่นทั้งหมดอยู่ในมือเขา ทั้งประวัติของมันและครอบครัว รวมไปถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แค่เอ่ยปากว่าอยากจะได้ ลูกน้องคนสนิทก็จัดการสืบหาเรื่องของมันมาให้ ถ้าอยากจะทำลายมัน มีหรือว่าคนอย่างเขาจะทำไม่ได้ แค่พวกริ้นไรที่ใช้เท้าเหยียบลงไปเต็มแรงก็คงตายโดยไม่ทันได้รู้ตัว แต่ถ้าทำอย่างนั้นมันจะไปสนุกอะไร มันต้องทรมาน ทุรนทุราย หมดเรี่ยวแรงและตายไปอย่างช้าๆ ...แบบนั้น...ถึงจะสนุก
"มันจะยิ่งได้ใจน่ะสิครับ ไอ้เด็กบ้านี่คงคิดว่ามันจะทำอะไรก็ได้ ผมถึงไม่ชอบใจเลยจริงๆ"
"มาวิน ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่า เวลาที่เหยื่อตายใจ ก็คือเวลาที่ชัยชนะจะเป็นของเรา" เขาเหยียดยิ้ม ไล้นิ้วไปตามด้ามปืน ก่อนจะยกมันขึ้น ปลดเซฟแล้วเล็งยิง
ปัง! เพล้ง!
ไวน์ราคาแพงบนชั้นวางแตกกระจาย มาวินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะขึ้นมาบ้าง
"คุณก็รู้ว่าถ้าผมไม่เอ่ยปากยกให้ ก็จะไม่มีใครได้อะไรไปจากผมทั้งนั้น แม้กระทั่งชีวิตของมันเอง" จะฆ่าให้ตายก็เสียดายที่จะไม่ได้เห็นชั้นเชิงและความสามารถของศัตรู "นักรบกับชัยชนะในศึก ก็ต้องพึ่งพากลยุทธ์และข้อมูล ผมมีทั้งสองอย่างอยู่ในมือแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะคนอย่างผม...คุณก็รู้มาวิน ผมไม่เคยแพ้"
ชื่อของเขาคือ 'ไร้พ่าย' เป็นชื่อที่เขาภูมิใจและไม่เคยมีวันไหนที่เขาทำให้เสียชื่อเลยสักครั้ง เขาไม่เคยแพ้ให้ใคร ทั้งระดับไอคิวและอำนาจเงินที่เขามี ทำให้สามารถบดขยี้คนที่คิดมาลองดีกับเขาได้ง่ายๆ
"นั่นสินะครับ ผมไม่ควรเป็นกังวลกับเรื่องนี้เลยจริงๆ ขอโทษครับนาย"
"คุณก็แค่ต้องจับตาดูมันไว้ ส่วนเกมที่มันคิดว่ากำลังถือไพ่เหนือกว่า ผมจะเป็นคนเล่นเอง"
"แต่นายต้องระวังตัวนะครับ ผมว่าไอ้เด็กนี่มันไม่กลัวตายแน่ๆ มันอาจจะยอมเสียมากกว่าที่เราคิด"
"ไม่ต้องห่วง ผมมีวิธี...ที่จะทำให้มันเสีย...จนไม่เหลืออะไร"
รอยยิ้มเย็นที่มุมปาก ทำให้มาวินคลี่ยิ้มตาม เขาควรมั่นใจในตัวผู้ชายที่เขาติดตามมาตั้งแต่เด็ก ผู้ชายที่เป็นเหมือนทั้งเพื่อนทั้งเจ้านาย ...ผู้ชายที่เลือดเย็นและทำได้ทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
"แล้วนายคิดว่า...พี่สาวของไอ้เด็กนั่น ใช่คนเดียวกับที่..." เขายกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้คู่สนทนาเงียบเสียงลง มาวินหุบปากฉับ พร้อมกับก้มหัว "ขอโทษครับนาย ผมไม่สมควรพูดเรื่องนี้"
"ไม่เป็นไร คุณกลับไปทำงานได้แล้ว ผมจะต้องนอนสักสามชั่วโมง ก่อนจะเริ่มเล่นเกมต่อ"
"ให้ผมไปรับมันเถอะครับ นายไม่ต้องลำบาก..."
"คุณยังต้องจับตาดูมัน ยังไม่ควรไปทำความรู้จักกับมันตอนนี้ เพราะฉะนั้น...ผมจะไปเอง"
"ครับนาย งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"
เขาพยักหน้า ก่อนจะพิงหลังกับโซฟา พลางเงยหน้าขึ้นจ้องมองเพดานห้อง ในหัวครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผิดพลาดเมื่อหลายปีก่อน ...ผิดพลาดครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตคนอย่างเขา
"ไม่ได้บอกน้องชายงี่เง่าของตัวเองรึไง ว่ายอมตายเพื่อมอบมันให้ผม..." ผมไม่ได้นอนทั้งคืน ทั้งมดทั้งยุงรุมกัดจนทำให้นอนไม่ได้ พื้นถนนก็แข็งจนแม้จะเปลี่ยนท่านั่งไปกี่ท่าก็ยังทำให้เจ็บระบมอยู่ดี ช่วงฟ้าสางอากาศที่นี่ดีจริงๆ ผมมองไปบริเวณรอบตัวที่เริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย เป็นความโชคดีที่นอกจากความมืดกับแมลงรบกวนใจแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้มีอันตรายอย่างอื่นอีก
ลำคอแห้งผากกับท้องที่ร้องโครกครากเพราะความหิวมันทำให้ลำบากขึ้นไปอีกหลายเท่า แต่ผมก็ไม่ได้มีความคิดจะเดินไปไหน...พี่พ่ายบอกจะมารับ และผมก็เชื่อว่าเขาต้องมา ผมจึงทำได้แค่รอเขาอยู่ที่เดิม แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววของรถคันสวย พระอาทิตย์ขึ้นจนสาดแสงร้อนแรงใส่ผมก็แล้ว...พี่พ่ายก็ยังไม่มา
ถ้าอย่างนั้น...ผมเดินกลับทางเดิมอาจจะเจอรถหรือใครสักคนที่พอจะช่วยผมกลับได้ ผมเดินมาตามทาง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เหงื่อก็ออกจนแผ่นหลังเปียกโชก รู้สึกปวดหัวและแขนขาก็อ่อนแรงจนต้องนั่งพักอีกสักครั้ง ใกล้ๆ หญ้าที่ขึ้นสูงก็ยังพอมีร่มให้หลบได้
สักพัก...ราวกับว่าหูผมแว่วไปเอง ได้ยินเสียงรถที่กำลังขับผ่านมา ผมคลานออกไปเพราะไม่มีแรงจะเดิน ฝ่ามือแสบร้อนเพราะความร้อนจากพื้นถนนและก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่กำลังตำผิวเนื้อ แต่ผมจะหยุดไม่ได้ ผมต้องการให้ใครสักคนช่วย ผมจะตายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ครอบครองสิ่งที่ต้องการไม่ได้...
รถคันหรูจอดอยู่ห่างจากผมไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เขาเดินมาใกล้ ใช้เท้าเขี่ยผมอยู่สองสามที
“ขึ้นรถ” น้ำเสียงห้วนสั้นดังมาจากผู้ชายที่สวมชุดสูทหรูหรา ดวงตาคมดุหลังแว่นตากรอบดำบนใบหน้าตาบึ้งตึงของเขาทำให้ผมยิ้มออกมา
“มารับผมแล้วเหรอครับพี่”
“สภาพน่าสมเพชยิ่งกว่าหมาข้างถนน”
“พูดจาใจร้ายจัง”
“รีบๆ ขึ้นรถก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”
“ผมเดินไม่ไหวแล้ว ผมหิวข้าว”
พี่พ่ายเข้ามาหิ้วปีกผม เขาเปิดประตูแล้วยัดผมเข้าไปในรถ ก่อนจะตามขึ้นมานั่งที่นั่งคนขับ แล้วยื่นถุงเซเว่นมาให้ ผมเปิดดูก็เห็นซาลาเปา ขนมจีบและสารพัดของกินอยู่ในนั้น
“ซื้อมาให้ผมเหรอครับ ดีใจจัง”
“รีบๆ กิน ไม่ต้องพูดมาก”
“ใจดีเหมือนกันน้า อิอิ”
พี่พ่ายผลักหน้าผากผม เขาปล่อยให้ผมกินในขณะที่เขาก็ทำหน้าที่ขับรถ ทุกอย่างที่เขาซื้อมาให้ อร่อยหมดเลย ต่างจากตอนที่ผมซื้อมากินเองชะมัด
“มึงชอบกูมากเหรอวะ” จู่ๆ พี่พ่ายก็ถามอะไรแปลกๆ กับผม แต่ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขาทำให้ผมต้องรีบกลืนซาลาเปาแล้วตอบคำถาม
“ชอบครับ”
“ทำไม”
“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”
“...”
“ผมทำให้พี่ได้ทุกอย่างเลยนะ แค่พี่ยอมให้ผมอยู่ข้างๆ ก็พอ แค่ได้มองพี่...ผมก็มีความสุขแล้ว”
“มึงมันบ้า”
“ผมยอมเป็นคนบ้า ถ้ามันจะทำให้ผมได้อยู่กับพี่”
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก นั่นทำให้เกิดความเงียบขึ้นตลอดระยะเวลาที่รถขับผ่านสถานที่ต่างๆ ผมได้แต่เหลือบมองเขาพลางยัดของกินลงท้องไปด้วย
“มองหน้าอยู่ได้”
“รู้ด้วยเหรอครับ”
“เวลามีคนมองก็ต้องรู้ดิวะ”
“ก็พี่หล่ออ่ะ”
“เออ กูรู้”
“งั้นอนุญาตให้ผมมองนะ”
“ไม่อนุญาต ถ้ามึงยังมองอีกกูจะควักลูกตามึงออกมา”
“ใจร้ายยย แต่ก็ชอบนะครับ อิอิ” เขาเหลือบมองหน้าผม ก่อนจะทำหน้าเหนื่อยใจใส่
“กูไม่รู้จะทำยังไงกับมึงดีแล้ว”
“ก็ยอมให้ผมอยู่ข้างๆ พี่สิครับ”
พี่พ่ายเงียบไป ซึ่งผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพูดอะไรอยู่แล้ว แต่...สิ่งที่ได้ยินหลังจากความเงียบที่ผมไม่ได้ใส่ใจนั้น กลับทำเอา...หัวใจเต้นรัวแรงจนกลัวว่ามันจะทะลุอกออกมา
“เออๆ จะทำไรก็ทำ เรื่องของมึง”
“เย้!!!”
ในที่สุด...ผมก็ก้าวเข้าไปใกล้พี่พ่ายอีกก้าวแล้ว
พี่พ่ายมาส่งผมที่อพาร์ทเม้นตามทางที่ผมบอก เขาตามมาที่ห้องด้วย ไม่ได้บอกเหตุผลว่าตามมาทำไม ผมก็ไม่ได้ถามเขาเหมือนกัน แค่ได้เดินข้างๆ เขาก็พอ
“เก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย”
“ทำไมอ่ะครับ”
“มึงต้องไปเชียงรายวันนี้ไม่ใช่เหรอ”
“อ๋อ เกือบลืมไปเลย พี่ให้ผมไปกับพี่ด้วยใช่ม้า”
“เออ เข้าใจแล้วก็รีบๆ เก็บของ” เขาเดินไปนั่งรอที่โซฟา ยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะกระจกแล้วเปิดทีวีดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ส่วนผมก็เดินไปหายาพารามากินสองเม็ดก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ของอย่างอื่นผมส่งไปกับรถของบริษัทเมื่อสองวันก่อนแล้วครับ
“เพี้ยน กูหิวน้ำ”
“ครับๆ เดี๋ยวผมเอาให้นะ”
พี่พ่ายใช้คนเก่งจัง ตั้งแต่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเสื้อผ้านี่ก็โดนเขาเรียกใช้นับครั้งไม่ถ้วน ก็เลยเก็บเสื้อผ้าไม่เสร็จสักที
“มานวดให้กูหน่อย”
“ได้ครับพี่ แต่ขอผมเก็บเสื้อผ้าเสร็จก่อนนะ”
“มาเดี๋ยวนี้”
ด้วยเหตุนั้นกว่าผมจะเก็บเสื้อผ้าเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยง แถมยังต้องทำเรื่องคืนห้องเช่ากับเจ้าของอพาร์ทเม้นด้วย ไหนจะต้องรอไอ้ยิวมาเอากุญแจรถของผมอีก มันบ่นชุดใหญ่เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมผมเอารถไปจอดทิ้งไว้ที่ร้านอาหารแล้วไม่ยอมเอาไปเชียงรายด้วย และยิ่งบ่นมากขึ้นไปอีกเมื่อผมบอกว่าผมจะไปกับพี่พ่ายแล้วให้มันเอารถตามขึ้นไปให้ผมทีหลัง ด้วยธุระที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ทำให้เวลาออกเดินทางไปเชียงรายของผมเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น แต่พี่พ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาอดทนรออย่างใจเย็น ไม่ได้เร่งให้ผมต้องรีบไป เป็นผมซะอีกที่เกรงใจเขา
“จัดการทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม”
“ครับพี่ ขอโทษนะครับที่ทำให้รอ”
“อืม”
เขาตอบสั้นๆ แล้วเดินนำไปขึ้นรถ ผมรีบเดินตามเขาขึ้นมาบนรถด้วย
“คนเมื่อกี้ใคร เพื่อน?”
“ครับ ชื่อยิว สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเหรอครับ”
“กูนึกว่าเมีย”
“ฮ่าๆ เพราะมันขี้บ่นใช่ม้า”
“เปล่า”
“แล้ว?”
แต่พี่พ่ายก็ไม่ได้ตอบคำถามผมอีก เขาขับรถไปเงียบๆ ในขณะที่ผมก็นั่งมองหน้าเขาไปด้วย
“ทำไมไม่ใส่แว่นอ่ะพี่” เขาถอดมันเก็บใส่กล่องวางไว้ตรงคอนโซลรถแล้ว ผมถึงได้แปลกใจ
“...”
“อย่าปล่อยให้ผมคุยคนเดียวสิ ตอบผมหน่อย”
“มันเป็นแว่นกรองแสง ใส่ตอนกลางคืนแล้วขับรถทางไกลมันอันตราย”
“ตาพี่แพ้แสงมากเหรอครับ”
“อืม”
“งั้น...ถ้าเป็นตอนกลางวัน ผมขับให้นะครับ หรือถ้าพี่ขับไม่ไหวตอนไหนก็บอกผมนะ”
เขาพยักหน้า และเพราะอย่างนั้นผมถึงได้ยิ้มแล้วยื่นมือไปจับมือเขาไว้
“พี่พ่ายเวลาไม่โมโห...ผมชอบที่สุดเลยนะครับ”
“งั้นก็อย่ามาทำให้โมโห”
“แต่เวลาพี่โมโห ผมรักเลยนี่นา”
“มึงนี่ท่าจะบ้า”
“ผมเป็นสาย M พี่ไม่รู้เหรอ”
“มันคืออะไร”
“มาโซคิสม์”
“แต่กูไม่ใช่ซาดิสม์”
“อยู่กับผมไปนานๆ อีกหน่อยพี่ก็เป็น”
“เพราะมึงทำตัวให้น่าฆ่าทิ้ง กูก็ไม่แปลกใจถ้ากูจะเป็นขึ้นมาจริงๆ”
“แสดงว่าเราเป็นเนื้อคู่ อิอิ”
“เพ้อเจ้อ”
ถ้าความเพ้อเจ้อของผม ทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น...มันก็ดีแล้วนี่ครับ หวังว่าตลอดการเดินทางหลายชั่วโมงนี้...ผมจะได้รู้จักพี่มากขึ้นนะ และผมก็จะทำให้พี่ รู้จักผมมากขึ้นด้วย...ให้มากกว่าตัวน่ารังเกียจที่พี่ขยะแขยงอยู่ตลอดเวลา ผมจะค่อยๆ ปีนขึ้นไป...เพื่อไปอยู่ข้างๆ พี่ให้ได้
ยืนอยู่ตรงนั้นนะครับพี่ อย่าหนีไปไหน...เพราะอีกไม่นานพี่ก็จะกลายเป็น...ของของผม
.............................................................................TBC..............................................................................
เพี้ยนเด็กน้อย รีบๆ เอาชนะใจผู้ชายของเจ้ก่อนที่เขาจะจัดการหนูนะลูก

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นเลยค่าาาา ต้องกลับบ้านประมาณสองถึงสามวัน เพราะฉะนั้น ตอนต่อไปช่วยรอก่อนนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นเลยค่า แหม ทีมไร้พ่ายเยอะอ่ะ ทีมเพี้ยนบ้างนะ เราขอออ