ตอนที่ 1“อาาาา ทำไงดี ตอนนี้ อ้ะ อาาาา ติดธุระอยู่ซะด้วยสิ แต่คุยไปด้วยก็ได้”
น้ำเสียงติดทุ้มนิดๆ ของชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีกำลังสั่นเครือไปด้วยแรงอารมณ์ ขาขาวเนียนแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขากางออกเป็นมุมสวยเพื่อจะให้มีพื้นที่พอเป็นฐานรองรับน้ำหนักของใครสักคนได้ ใครสักคนที่จะทำให้เขาสุขสมราวกับได้ขึ้นสวรรค์... และเป็นใครสักคนที่กำลังทำให้เขามีปัญหากับคนที่อยู่ปลายสายในตอนนี้
“มึง...ไม่ได้ตายดีแน่! บอกมาว่าอยู่ที่ไหน! พาเมียกูไปที่ไหน ไอ้ชั่ว!”“อ้ะ! อื้ม.. อ้ะ นาย...นายคุยกับใคร อ้ะ...ไม่ อย่านะ!” เสียงหวานสั่นเครือเพราะถูกของใหญ่โตกลางลำตัวของเขากระทุ้งแรงติดๆ กันมานานหลายนาทีแล้ว แต่เจ้าหล่อนก็รับแรงกระแทกได้ดีแถมยังเด้งสะโพกสวนกลับมาอย่างถึงใจ แม้ปากจะร้องห้าม และมือบางจะปัดป้อง แต่ตรงกลางลำตัวของเธอไม่ได้ปฏิเสธตามไปด้วย กลับเต็มใจเปิดรับเขา
“ผมคุยกับแฟนของคุณอยู่ไงครับ...อาาาา เมียมึงนี่ตอดดีจริงๆ ว่ะ อื้มมม อยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนกูจะบอกให้มึงเอาบุญก็ได้นะ แต่หลังจากที่กูพาเมียมึงขึ้นสวรรค์ก่อน หึหึหึ”
“ไอ้สารเลว!”เขาไม่สนใจเสียงกร่นด่าและคำสาปแช่งที่ดังลอดมาตามสายโทรศัพท์ จัดการกระแทกตัวหญิงสาวที่ยังคงทำหน้าสุขสมระคนหวั่นวิตกให้ถึงฝั่ง เธอกรีดเสียงเมื่อเขาพาไปจนสุดปลายทาง ตอดรับแรงกระตุกของเขาสองสามทีก็หมดแรงซบใบหน้าลงกับบ่าของเขา
“ถึงใจยิ่งกว่าที่ผัวคุณทำใช่ไหมล่ะครับ” เขาถามพลางถอนแก่นกายออกจากตัวเธอ ผลักร่างบอบบางนั้นให้ห่างจากตัว ก่อนจะจ้องมองน้ำสีขาวขุ่นที่เริ่มไหลออกมาเปื้อนผ้าปูที่นอนสีดำสนิท
เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อย โคลงหัวไปมา แล้วลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น...คงหมดเวลาสนุกแล้วสำหรับคืนนี้
“นายจะไปแล้วเหรอ” เธอมองมาทางเขา ดวงตาใสมีแววตัดพ้อ
“ครับ...เดี๋ยวผมจะให้แฟนคุณมารับ ยังไงก็พูดคุยกันดีๆ นะครับ อย่าต้องทะเลาะกันเพราะผมเลย” เขาฉีกยิ้ม ตาคมสีดำเย็นชาแต่ก็ยังน่าหลงใหลมองสบกับดวงหน้างามตรงหน้า
“เราพร้อมจะทะเลาะกับเขาอยู่แล้ว...นายก็รู้นี่ว่าเราต้องการนาย เรายอมนอนกับนายทุกครั้งที่นายต้องการ...เราให้นายได้ทุกอย่าง เราทำเพื่อนายทุกอย่าง เราไม่ต้องการเขาแล้ว เพราะฉะนั้น...คืนนี้อยู่ที่นี่กับเรานะ นะเพี้ยน เราขอร้อง”
เขารู้ว่าเธอต้องการเขา รู้ว่าเธอยอมทรยศแฟนที่คบกันมาเกือบห้าปีเพื่อเขา เธอเป็นเพื่อนร่วมงานที่บริษัทแต่อยู่คนละแผนก เธอชอบเขาและพยายามสานสัมพันธ์มาตลอด เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบปฏิเสธใคร เขานอนกับเธอ มีเซ็กส์กับเธอมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่มันจะเกิดขึ้นจากความรัก...เพราะเขาก็แค่ต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างๆ เพื่อให้ผ่านในแต่ละคืนไปให้ได้ก็เท่านั้น
“กินยาครับ...ผมต้องกลับห้องแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า” ทุกครั้งเขาจะทำให้แน่ใจว่าคู่นอนที่เป็นผู้หญิงของเขาไม่ลืมที่จะกินยาคุมฉุกเฉิน แม้จะยุ่งยากและน่ารำคาญกว่าการนอนกับผู้ชายมาก แต่บางครั้งเขาก็อยากที่จะเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเหมือนกัน
“เราไม่กิน เราไม่ท้องหรอก นายไม่ต้องห่วง” เธอปัดมือเขา พร้อมมองใบหน้าดูดีนั้นอย่างน้อยใจ
“แต่เพื่อความสบายใจของผม กินนะครับคนดี” เขายิ้มเย็น บีบคางเธอแน่น แล้วยัดเม็ดยาเข้าไปในปากเธอ ก่อนจะกรอกน้ำตาม เธอสำลักน้ำออกมา ไอหน้าดำหน้าแดง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ถ้าหากเธอกลืนยาลงไปแล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วง
“นายมันใจร้าย”
เขาไม่สนใจจะโต้เถียงกับเธอ ส่งที่อยู่ม่านรูดให้แฟนของเธอทางข้อความเสร็จ ก็ขึ้นรถขับออกมา...
ครืดดดดด ครืดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ฮัลโหล ไอ้เพี้ยนนนนนนน”“ว่าไงยิว”
“มึงอยู่ไหน”“กูเพิ่งเสร็จธุระน่ะ กำลังจะกลับ” ผมตอบพลางเลี้ยวรถเข้าไปในซอย ไม่รู้ว่าดึกป่านนี้ทำไมไอ้ยิวถึงแวะมาหาผมได้
ไอ้ยิวเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยอนุบาลของผม เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมมี เพราะอยู่กับมันแล้วสนุกที่สุด มันไม่เรื่องมาก ไม่น่ารำคาญ ผมก็เลยไม่เบื่อ
“เออ ดีเลย รีบๆ กลับ กูรออยู่หน้าหอมึงเนี่ย แวะเอาของมาให้ แม่มึงฝากมา”“กลับบ้านมาเหรอ” มันเป็นคนจังหวัดเชียงราย ส่วนผมอยู่เชียงใหม่ แต่ไอ้ยิวมันมาอยู่กับยายของมันแล้วเข้าโรงเรียนที่จังหวัดเชียงใหม่ก็เลยได้เจอกับผม ตอนมัธยมพวกเราก็เรียนชายล้วนมาด้วยกัน มหาวิทยาลัยก็เข้าเรียนที่เดียวกัน แต่จบมาเราไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน ตอนนี้นานๆ ก็เลยได้เจอกันสักที
“อืม เข้าเชียงใหม่ด้วย ก็เลยไปเยี่ยมพ่อกับแม่มึงที่ไร่อ่ะ เขาเลยฝากของให้มึง แล้วก็บอกให้มึงกลับไปเยี่ยมบ้านด้วย”“โอเคๆ ใกล้ถึงแล้ว วางละ”
ไม่กี่นาทีก็มาถึงอพาร์ทเม้นที่ผมเช่าอยู่ในตอนนี้ ผมจอดรถในที่จอดรถ ก่อนจะเดินไปหาไอ้ยิวที่กำลังนั่งหน้ามู่ทู่อยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ตึก
“มึงไปเอาเมียชาวบ้านคนไหนอีกล่ะ แม่งกลับห้องซะดึกดื่น” ก็อย่างที่บอกว่ามันเป็นเพื่อนกับผมมานาน เลยรู้ว่าผมไปทำอะไรมา
“ไม่รู้เมียใคร แต่ผู้หญิงทำงานที่เดียวกับกู”
“เลือกกินหน่อยก็ได้นะมึง เดี๋ยวก็มีปัญหาหรอก”
“เออน่า แล้วแม่ฝากอะไรมา”
“พวกของกินแหละ และก็ผลไม้ที่ไร่ด้วย”
“อืม”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะปิดมือถือที่กำลังสั่น มินโทรมาไม่รู้กี่สิบสาย แต่คืนนี้สำหรับเธอมันหมดเวลาแล้ว ผมก็ไม่อยากรับสายอีก ขี้เกียจวุ่นวาย เธอมันน่ารำคาญมากเกินไป
“กลับบ้านบ้างเถอะ อย่างน้อยไปให้แม่เห็นหน้าก็ยังดี”
ไอ้ยิวพูดอย่างนี้มาตั้งแต่ที่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย แต่ผมก็ไม่ได้มีความคิดที่จะกลับไป ไม่ใช่ว่าผมเกลียดแม่ ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดถึง แต่ที่นั่น...ไม่ใช่ที่ของผม
ตั้งแต่แม่แต่งงานใหม่ผมก็ไม่เคยเรียกที่นั่นว่าบ้านอีกเลย ผมไม่ได้เกลียดพ่อเลี้ยง เขาก็เป็นคนดี แม้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงจะมองว่าพ่อเลี้ยงคิดจะมาเกาะแม่กินแต่แม่ก็ไม่ได้สนใจคำพูดของใคร แม่ตัดสินใจแต่งงานกับพ่อเลี้ยงหลังจากที่พ่อแท้ๆ ของผมเสียชีวิตได้หกปี ผมไม่ได้มีความเห็นใดๆ เรื่องการแต่งงานของแม่ แม่ดูแลไร่และกิจการทุกอย่างที่พ่อทิ้งไว้ให้เพียงลำพังมาตลอด ท่านคงจะเหนื่อยมากแล้ว มีคนมาช่วยแบ่งเบาบ้างก็ดี แต่ที่ผมต้องตัดสินใจมาอยู่ไกลจากบ้านก็เพราะ...ลูกติดของพ่อต่างหาก
มันคงตลกดีถ้าผมจะบอกว่าผมหลงรักลูกติดของพ่อ และคงตลกดีถ้าผมจะบอกว่าผมเคยขืนใจเธอ แต่ผมรู้...ว่าต่อให้หวนคิดกลับไป มีข้ออ้างว่าผมยังคงเป็นวัยรุ่นที่อายุแค่สิบเจ็ดปีและยังไม่มีหัวคิดมากนัก แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น มันเลวร้ายมากกับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป ผมทำเรื่องแย่ๆ กับคนที่ผมรัก แม่โกรธผมมาก แต่ท่านก็โกรธได้ไม่นาน พ่อเลี้ยงที่ใจดี...เขาแค่ต่อยหน้าผม แต่ก็ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวอะไรอีก...ถึงอย่างนั้น เรื่องที่ผมขืนใจเธอ ก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป หลายต่อหลายครั้งที่เธอถูกผมทำเรื่องแย่ๆ ใส่ เธอไม่เคยบอกใคร แม้กระทั่งเรื่องที่เธอท้อง เธอต้องลาออกจากโรงเรียน ถูกชาวบ้านนินทา ตราหน้าว่าเป็นเด็กใจแตก และหลังจากนั้นไม่นาน...เธอก็หาทางออกด้วยการหายไป...
เธอจากโลกนี้ไปด้วยอายุเพียงแค่ 19 ปี จากไปพร้อมกับลูกของผม
“เรื่องอะไรที่มันผ่านมาแล้ว...มันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ มึงรู้สึกผิดได้ จะโทษตัวเองไปจนตายก็ได้ แต่กลับบ้านเถอะ...แม่มึงเขาเป็นห่วง”
ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่ผมยังไม่พร้อมจะกลับไป ไม่พร้อมที่จะเจอแม่...และยังไม่พร้อมที่จะเจอกับผู้ชายที่ผมทำให้เขาต้องหัวใจสลาย ผมยังไม่มีคำพูดดีๆ ที่จะพูดกับเขามากไปกว่าคำว่าขอโทษที่ผมได้พูดต่อหน้าศพของเธอเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
“รู้แล้วน่า กลับไปหาผัวได้ละ มาถึงก็แจ้นมาที่นี่เลยสิท่า”
“ผัวบ้าผัวบออะไรกัน แค่คนคุยด้วยเฉยๆ เว้ย”
“แค่คุยด้วยจริงๆ น่ะเหรอ แล้วไอ้คนที่นอนถ่างขาให้เขาเอาเมื่อเดือนก่อนที่กูเห็นนั่นมันใคร”
“ไอ้เพี้ยน มึงนะมึง กูบอกให้ลืมเรื่องนี้ไปไง”
“โอเคๆ จะลืมก็ได้ แต่กูบอกตรงๆ มึงในวันนั้นโคตรเอ็กซ์เลยว่ะ ทำเอากูอยาก...” ผมมองหน้าไอ้ยิว ไล่สายตาตั้งแต่ใบหน้ามันไปจรดกลางลำตัวพลางแสยะยิ้ม
“ไอ้เพี้ยน ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้บ้า” แล้วมันก็วิ่งขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไปทันที
ผมยืนหัวเราะอยู่คนเดียวก่อนจะหิ้วของฝากจากแม่ขึ้นห้องมาด้วย อ่า...แต่คืนนี้ผมกลับเร็วเกินไปสินะ...แล้วจะทำอะไรในระหว่างเวลาอีกสี่ชั่วโมงที่ใกล้เช้าอย่างนี้ล่ะ...
ที่บริษัทในเช้าวันนี้ค่อนข้างวุ่นวาย ผมเข้าประชุมพร้อมกับหัวหน้าแผนกที่เป็นคู่นอนของผมมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เธอค่อนข้างจะทำตัวติดกับผมและแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแม้แต่ในที่ทำงาน ถึงผมจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก แต่ก็รำคาญอยู่ไม่น้อยเลย เรื่องในที่ประชุมก็ยังเป็นเรื่องเดิมๆ ความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างอะไรทำนองนั้น คุยแบบและโครงสร้างตึก บลาๆ แต่ผมก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะหัวหน้าแผนกเธอจัดการให้ทุกอย่าง ทำให้ทุกอย่างแล้วยกมาเป็นผลงานของผม
ผมทำงานอยู่ในบริษัทที่ทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ มีกิจการรีสอร์ทและโรงแรมในเครืออยู่หลายแห่ง รวมทั้งกิจการทางด้านรับเหมาก่อสร้าง ผมมีโอกาสได้เข้ามาเป็นสถาปนิกของที่นี่เพราะเส้นล้วนๆ ต้องบอกอย่างไม่อายเลยว่าเพราะผมนอนกับหัวหน้าแผนกถึงได้มีโอกาสเข้ามาทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ อย่างนี้ไงล่ะ แต่ผมไม่ได้แคร์อะไรเท่าไหร่หรอก แค่ได้ทำงานและมีเงินใช้จ่ายก็พอ เรื่องวิธีการที่จะได้มันมาอย่างไรนั้น ผมไม่ค่อยสนใจ
“น้องเพี้ยน เข้ามาหาพี่ในห้องด้วยค่ะ” เป็นอย่างนี้ทุกวันที่ผมจะโดนเรียกตัวเข้าพบ
ผมเดินสบายๆ ผ่านโต๊ะของเพื่อนร่วมงานหลายๆ คนที่มองมาอย่างรู้ทัน และก็แน่นอนว่าคงมีสายตาที่บอกว่ามันไม่เหมาะสมส่งมาให้ด้วย
ก๊อกๆๆ
ผมเคาะประตู รอจนกระทั่งหัวหน้าแผนกบอกอนุญาตให้เข้าไป
“เชิญค่ะ” น้ำเสียงค่อนข้างจะเข้มงวด ถ้าไม่เคยได้นอนกับเธอเลยสักครั้ง ผมก็คิดว่าเธอคงเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวคนหนึ่ง เพราะนอกจากจะทำงานเก่งจนสามารถขึ้นเป็นหัวหน้าของผู้ชายทั้งแผนกได้แล้ว เธอยังเจ้าระเบียบสุดๆ ด้วย แต่หลังจากที่ได้ขึ้นเตียง...ก็พบว่าเธอไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป เมื่อมีความต้องการ...ก็น่ารักขึ้นมาได้เหมือนกัน
ผมเปิดประตูเข้าไปก็ได้เห็นรอยยิ้มสวยๆ ของเธอที่มักจะส่งมาให้เสมอก่อนที่เราจะเริ่มทำเรื่องน่าอาย
“ล็อคประตูด้วยนะคะ”
ผมคงต้องทำตามที่เธอบอก เพราะยังไงวันนี้ก็ต้องตอบแทนเธอที่ทำผลงานให้ผมอยู่แล้ว จะว่าไปมันก็เหมือนกับธุรกิจน่ะครับ ยื่นหมูยื่นแมว
“เมื่อคืนไม่ว่างเหรอคะ พี่โทรไปก็ติดต่อไม่ได้เลย หรือนอนกับใครอยู่”
“ผมปิดเครื่องน่ะครับพี่กิ๊ฟ ไม่อยากให้ใครรบกวนตอนนอน”
ผมล็อคประตูแล้วเดินเข้าไปหาเธอ “ถ้ารู้ว่าพี่จะโทรมา ผมไม่ปิดหรอกครับ เมื่อคืนผมนอนคนเดียว”
“ก่อนหน้านั้นล่ะคะ...มีคนบอกพี่ว่าเพี้ยนออกไปกับมินฝ่ายบัญชี” พี่กิ๊ฟยังคงยิ้ม สองมือประสานรองคางตัวเองไว้แล้วมองมาที่ผม “ที่ม่านรูด”
“ครับ ก็แค่ไปคุยอะไรกันนิดหน่อย”
“ถ้าแค่คุย เช้านี้แม่นั่นคงไม่แก้มบวมมาทำงานหรอกค่ะ”
“อืม...เขาคงทะเลาะกับแฟนมั้งครับ”
“แล้วมันเพราะใครล่ะคะ ถ้าไม่ใช่ลูกแมวน้อยของพี่ตัวนี้”
ผมนั่งลงบนโต๊ะทำงานของเธอ แล้วก้มลงมองใบหน้าที่เครียดขรึมนิดๆ ของผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างใจเย็น “ผมเป็นลูกแมวเหรอครับ... เพิ่งรู้เลย”
“อย่าดื้อนักสิคะ เพี้ยนก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบกินของร่วมกับใคร”
“งั้น...จะทำโทษผมเหรอครับ” ผมมองหน้าพี่กิ๊ฟ พลางถอดเข็มขัดและรูดซิบกางเกงลง เธอส่งมือมาทักทายกับส่วนกลางลำตัวของผมที่กำลังนอนสงบอยู่ใต้เนื้อผ้า ก่อนจะงัดมันออกมาพร้อมกับละเลียดเข้าปาก
“จะดีเหรอครับ...ยังอยู่ในเวลางาน อาาา พี่ครับ...พี่...”
ผมชอบผู้หญิงที่แก่กว่า เพราะพวกเธอมักจะมีชั้นเชิงทำให้ติดใจได้เสมอ...และคงเพราะภาพที่ซ้อนอยู่ในตัวพวกเธอ มันจึงทำให้ผม...
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่รัว แต่ผมก็ไม่สนใจ แม้พี่กิ๊ฟจะขืนตัวออกแค่ไหน แต่ผมก็จับศีรษะของเธอไว้ไม่ให้ผละออก พลางดันตัวเข้าไปใกล้และบังคับให้เธอใช้ปากดูดกลืนสิ่งที่ผมกำลังจะปลดปล่อยออกไป
“อื้อออ อื้อออออออ แค่กๆๆ”
ผมก้มลงไปจูบเธอที่ผิวหน้าเป็นสีแดงก่ำ และในโพรงปากก็คาวไปด้วยน้ำใคร่
“เด็กบ้า”
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆ
“พี่ต้องไปเปิดประตู แต่งตัวให้เรียบร้อย เร็วๆ เข้า”
ผมแสยะยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้รีบร้อนแต่งตัวเท่าใดนัก ในขณะที่พี่กิ๊ฟเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่กระหน่ำเคาะเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ในห้องที่ล็อคกุญแจแบบนี้” เสียงเคร่งขรึมของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง
ผมหันไปมองก็เห็นพี่กิ๊ฟกำลังก้มหน้าลงต่ำ ตัวสั่นอยู่ไม่น้อย กวาดตามองขึ้นไปก็พบกับผู้ชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้านิ่งเฉย แต่นัยน์ตาดุๆ นั้นทำให้ผมต้องหุบยิ้ม เขามองมาที่ผมสลับกับพี่กิ๊ฟด้วยสายตารู้เท่าทัน
ทำเอา...แทบหยุดหายใจไปเหมือนกัน...ทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับตาคู่นั้นมากขนาดนี้ เหมือน...พี่...เหมือนมากเกินไป
รูปร่างของเขาน่ามอง การแต่งกายดูสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเกลี้ยงไร้หนวดเครา แต่บนสันจมูกโด่งนั้นกลับมีแว่นสายตากรอบดำวางบดบังนัยน์ตาดุคู่สวยอยู่ ผมไล่มองทีละน้อย ไหล่กว้าง แต่เอวกลับไม่ได้กว้างตาม ความดุดันที่แผ่ออกมาจากทุกส่วนของร่างกายก็ทำเอาทั้งเนื้อทั้งตัวรู้สึกร้อนขึ้นมาได้ไม่น้อยเลย
อ่า...หล่อเข้มและทรงอำนาจเหมือนราชา แต่ให้ความรู้สึกดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า
“ขอโทษค่ะท่าน กิ๊ฟแค่กำลังคุยแบบกับลูกน้องค่ะ เอ่อ...นี่น้องเพี้ยนค่ะ เพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อตอนต้นเดือน กิ๊ฟก็เลยต้องช่วยสอนงานน้องน่ะค่ะ”
“ครับ...คงสอนกันละเอียดน่าดู” สายตารู้ทันนั้นทำเอาผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา เขาคงมีตำแหน่งใหญ่เพราะมีไม่กี่คนที่จะทำให้พี่กิ๊ฟเธอก้มหัวให้ได้
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่นอบน้อมกับเขาไว้ก่อนคงดี ทว่าอีกฝ่ายแค่พยักหน้าตอบกลับมาด้วยท่าทางเก๊กๆ นิ่งๆ
“ผมต้องการแบบของโรงแรมที่เชียงราย ถ้าเทรนกันเสร็จแล้ว ก็ช่วยเอาไปให้ผมที่ห้องด้วย”
“ได้ค่ะท่าน”
แล้วเขาก็เดินเชิดๆ ออกไป พี่กิ๊ฟถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน
“พี่ นั่นใคร”
“รองประธานกรรมการ ลูกชายเจ้าของบริษัทน่ะ อย่าได้ไปมีเรื่องด้วยเชียว”
“อืม...หล่อดีนะครับ ผมเพิ่งเคยเจอ”
หล่อ...แต่ดูร้ายมาก ชักอยากทำความรู้จักแล้ว...
“ท่านเพิ่งกลับมาเมื่อเช้า ที่เห็นวุ่นวายกันก็เพราะอย่างนี้แหละ” อ๋อ...ถึงว่า เห็นพวกระดับหัวหน้านั่งไม่ติดเก้าอี้เลย
“เขาไปไหนมาเหรอครับ”
“เชียงรายน่ะ เรามีโครงการเปิดโรงแรมที่นั่น”
“อืม...ว่าแต่เขาชื่ออะไรเหรอพี่”
“ไร้พ่าย”
อ่า...เป็นชื่อที่ได้ยินแล้ว...ชักอยากเอาชนะขึ้นมาจริงๆ
ผลัวะ!
กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ดีๆ ก็ถูกใครสักคนฟาดเข้าที่หัวด้วยขวดเบียร์เปล่า แถมมันยังจงใจใช้ปากฉลามจากขวดที่แตกแทงเข้าที่ท้องผมด้วย ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาจนทำให้ต้องงอตัวแล้วทรุดลงกับพื้น
“เป็นไงล่ะมึง อยากมาลักกินขโมยกินของชาวบ้านดีนัก!” อ้อ...เสียงนี้ แฟนของมิน ผมจำได้
“มึงพอใจยัง ถ้าพอใจแล้วก็เรียกรถพยาบาลให้กู” ผมถามมันกลับไป ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรมันสักนิด
“ปะ...ปากดีไปเถอะ! คนอย่างมึงมันไม่สำนึก มึงแอบเป็นชู้กับเมียกู แค่นี้มันยังน้อยไป!” ไอ้นี่มันละเมออะไรอยู่ ผมไม่ได้แอบลักกินเมียมัน มีแต่เมียมันที่เสนอและเต็มใจให้ผมกินเอง และทุกครั้งผมก็ไม่เคยปิดบังมันด้วย ผมโทรไปบอกมันทุกครั้งว่าผมเอากับเมียมันอยู่ที่ไหน
“มึงนี่โง่นะ เอาอนาคตตัวเองมาแลกกับผู้หญิงที่เขานอกใจมึง นี่ถ้ากูแจ้งตำรวจมึงก็ติดคุก หรือถ้ากูตาย มึงก็จะโดนกูหลอกไปตลอดชีวิต มึงไม่กลัวรึไง”
“กะ...กูไม่เชื่อเรื่องผี”
“ลองไหมล่ะ หรือถ้าไม่ก็เรียกรถพยาบาล เร็วๆ ด้วย เลือดกูไหลจะหมดตัวแล้ว”
“มะ...มึงมันบ้า”
ถึงมันจะดูลนลาน แต่มันก็ยังโทรเรียกรถพยาบาลมาให้ เมื่อกี้คงบันดาลโทสะไปล่ะครับ เพราะผมเห็นแล้วว่ามันนั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ โต๊ะผมกับเมียมัน ก็แค่ออกมากินเหล้ากับมินที่ร้องห่มร้องไห้บอกว่าเลิกกับแฟนแล้ว ถูกฝ่ายชายตบจนแก้มบวม ผมก็เลยปลอบใจเธอซะหน่อย ไม่คิดว่าพอออกมายืนสูบบุหรี่ จะถูกแฟนมินตามเอาขวดมาฟาดหัว แถมยังแทงเข้าที่ท้องอีก แต่แผลไม่ลึกมากครับมันไม่ได้แทงเต็มแรง ถึงอย่างนั้นก็เจ็บอยู่เหมือนกัน
“รีบๆ ไปเถอะ กูไม่แจ้งตำรวจหรอก”
“หยะ...อย่าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วกูจะมองว่ามึงเป็นคนดีนะ! ยังไงมึงก็เป็นไอ้ชั่ว สารเลวแย่งแฟนชาวบ้านเขานั่นแหละ!”
ผมได้แต่ยิ้มเนือยๆ ให้ ก่อนที่มันจะวิ่งหนีไป อ่า...ลืมถามชื่อไว้เลยแฮะ
รู้สึกแขนขาเริ่มหมดแรง แต่ผมก็ไม่อยากจะนอนงอตัวอยู่อย่างนี้ ก็เลยพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วหาที่พิงหลัง อย่างน้อยถ้าตายท่านี้มันก็คงน่าจะเท่กว่าไอ้ท่างอตัวเหมือนกุ้งเมื่อกี้ละนะ
เฮ้อ...เอาจริงๆ ผมจะตายไหมวะ แผลนี่ก็เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ผมควรโทรไปสั่งเสียกับใครก่อนดี บอกไอ้ยิวให้เก็บผ้าที่ตากไว้ตรงระเบียงหลังให้ดีไหม หรือจะโทรไปหาแม่ให้เตรียมจัดงานศพให้ด้วย
ระหว่างกำลังพร่ำเพ้อในจินตนาการของตัวเอง ก็มีเสียงเหมือนคนกำลังเดินมาทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็อยากตายในสภาพที่ดีกว่านี้ หวังว่าคนที่กำลังเดินมาคงช่วยผมได้...
“คุณ...” ผมร้องเรียกเบาๆ ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านไป แม้เขาจะหันกลับมามอง แต่ดวงตาคมดุหลังแว่นตากรอบดำนั้นก็ไม่ได้ฉายแววอะไรออกมาเลย กลับมองมาแล้วมองเลยผ่านไป
ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก...ผู้ชายที่น่าสนใจคนนั้น ไม่คิดว่าจะมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้
“คุณครับ...ช่วยผมด้วย” ผมคลานเข้าไปใกล้เพราะไม่มีแรงแม้แต่จะยืน มือหนึ่งก็ต้องกดปากแผลไว้ ก็เลยทุลักทุเลมากในการเคลื่อนตัว ผมจับที่รองเท้าสีดำเงาวับของเขาไว้ได้ แต่เขาก็แค่ก้มมองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“สกปรก”
“ผมเจ็บ...ช่วยผมที”
“...”
“คุณไร้พ่าย...”
“...”
“ได้โปรด” ผมก้มหน้าอยู่แทบเท้าเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างอ้อนวอน เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่กลับช้อนตัวผมขึ้น
“ผมไม่ชอบช่วยใครฟรีๆ”
เขาพูดด้วยเสียงแข็งกร้าว แต่ ณ ตอนนั้น...ผมก็เริ่มที่จะไม่ได้ยินอะไรแล้ว รู้แต่เพียงว่า...ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ ช่างหนาวเย็นเหลือเกิน...
............................................................TBC......................................................................
สวัสดีค่ะ พบกันอีกแล้วค่ะ วันนี้พาผู้ชายคนใหม่มาให้รู้จัก ไม่ได้เจอกันนาน หวังว่าทุกคนยังคงสบายดีนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ