◣♥◥ อาณาเขตรักที่6►►คำขอโทษและสรรพนามที่เปลี่ยนไป“รายการต่อไปเป็นข่าวภาคค่ำ....”
ปิ๊บ!
“โธ่เว้ย!!...”ปภิณวิทย์คว้ารีโมทก่อนจะปิดโทรทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรำคาญ...ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็ดูจะขัดตาไปหมดทุกอย่าง
“...2ทุ่ม...บ้าเอ้ย!!”ชายหนุ่มพึมพำเมื่อมองเวลาบนนาฬิกาเรือยนใหญ่ที่ตอดอยู่บนผนังห้องอย่างหัวเสีย
หลังจากเลิกงานผมก็ตรงดิ่งกลับบ้านและขังตัวเองอยู่ในห้องจนเวลาล่วงเลยมาจนถึง2ทุ่ม...ผมตัดสินใจจะไม่ไปตามที่ปิณชาน์นัด
ทำไมผมต้องไปด้วย?!
ผมบอกตอนไหนว่าตกลง?!
อีกฝ่ายเอาแต่พูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวทั้งนั้น!!
ผมก็เลยตัดสินใจอยู่บ้านมันเนี่ยแหละ!!
แต่ทำไมในใจผมมันถึงว้าววุ่นได้มาขนาดนี้นะ!...ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็รู้สึกหงุดหงิด!...ความรู้สึกบ้านี่มันคืออะไรกัน?!!
“...ป่านนี้คงจะกลับไปแล้ว”ผมพึมพำระหว่างที่เดินวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของตัวเอง
ใช่!...เลยเวลานัดมาตั้ง2ชั่วโมงใครรอก็โง่แล้ว!...แถมบ้าให้ด้วยเอ้า!!
เพราะงั้นเลิกคิดมากเรื่องบ้าบอได้แล้ว!!
แต่ถ้ายังรออยู่ล่ะ?
ความคิดนึงที่แล่นเข้ามาทำให้ความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า...
“โธ่เว้ย!!...เอาไงดี!!”ผมพูดออกมาเป็นหยาบอย่างหัวเสีย
ทำไมต้องมานั่งคิดมากเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย!
“ชิ!...แค่ไปก็จบใช่ไหม?...ไปดูว่าเด็กปิณชาน์นั่นมันกลับไปแล้วก็พอใช่ไหม?!!”ผมถามกับตัวเองก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งลงมาที่รถก่อนจะขับออกจากคอนโดไป...ร้านBonHerอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่
ใช้เวลาไม่ถึง10นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว
“ที่จอดหายากเป็นบ้า!”ผมพึมพำอย่างอารมณ์เสียเมื่อหาที่จอดรถไม่ได้...ดูท่าร้านนี้จะเป็นที่นิยมมากเหมือนกันคนถึงได้เยอะแบบนี้
ผมวนหาที่จอดรถสักพักก่อนจะวิ่งเข้าไปในร้าน...
“ยินดีตอนรับค่ะ...จองไว้ในชื่ออะไรค่ะ?”พนักงานต้อนรับที่อยู่ด้านหน้าถามขึ้นอย่างมีมารยาท
“แฮ่ก...ผมไม่ได้จองไว้ครับ...แค่มาหาคนรู้จักที่นัดไว้เท่านั้น”ผมหอบหายใจก่อนจะตอบพนักงานสาวตรงหน้าไปตามตรง
“แล้วชื่อของคนที่นัดละค่ะ...ร้านนี้ถ้าไม่จองก่อนก็เข้าไม่ได้หรอกคะ”พนักงานสาวบอกผมอีกครั้งนึงด้วยรอยยิ้ม
ต้องจองด้วย?
บ้าเอ้ย!...คิดว่าตัวเองรวยนักรึไง?
แล้วไอ้ความสำนึกผิดที่ปรากฏขึ้นมานี่มันคืออะไร?!!
“...นายปิณชาน์...มีไหมครับ?”ผมเอ่ยชื่อออกไปให้พนักงานก่อนที่เธอจะหยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วเปิดออกเพื่อไล่ดูรายชื่อที่อยู่ภายใน
“เจอแล้วค่ะ...คุณปิณชาน์จองห้องVIP3ไว้ค่ะ...คุณปภิณวิทย์ใช่ไหมค่ะ?..เดี๋ยวดิฉันจะนำทางไปค่ะ”พนักงานบอกผมก่อนจะเดนนำเข้าไปด้านใน
“เดี๋ยวครับ...เขายังรออยู่เหรอ?”ผมอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ใช่ค่ะ...บอกไว้ว่าคุณจะมาช้าสักหน่อยอย่าพึ่งนำอาหารมาเสริฟน่ะค่ะ”สิ้นคำอธิบายผมก็เม้มริมฝีปากแน่นอย่างข่มอารมณ์ที่เกิดขึ้น
“...ช่วยพาผมไปที่ห้องนั้นด้วยครับ”ผมบอกพนักงานเบาๆก่อนจะเดินตามไปจนถึงห้องส่วนตัวที่ดูแล้วคงจะกันเสียงแถมเท่าที่เดินผ่านอาหารที่นี่...คงไม่ใช่ถูกๆ
“เดี๋ยวผมเข้าไปเองครับ...ขอบคุณมาก”ผมบอกพนักงานที่กำลังจะเคาะประตู
“คะ....มีอะไรเรียกได้นะคะ”พนักงานสาวยิ้มหวานก่อนจะเดินกลับไป
“...ปิณชาน์”ผมพึมพำชื่อของคนที่อยู่ข้างในเบาๆ
ถ้าวันนี้ผมไม่ได้คำตอบ!
อย่าเรียกผมว่าเจ้าคุณ!!
ปัง!!
“ปิณชาน์!!!”ผมผลักประตูเข้าไปอย่างแรงก่อนจะเรียกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงกลางห้อง
โต๊ะหรูที่ตอนนี้ว่างเปล่ามีแค่น้ำแก้วนึงวางอยู่เท่านั้น...มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจผมเจ็บแปร๊บเลยจริงๆ
“...พี่คุณ”ปิณชาน์หันมามองทางผมก่อนจะเบิกตากว้างแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มในเวลาไม่นาน
ยิ้มเหรอ?
ถึงขนาดนี้แล้วยังยิ้มให้ผมแบบนั้นอีกเหรอ?
หมับ!
“ต้องการอะไร?!...นายต้องการอะไรกันแน่?!!...ทำแบบนี้ทำไม!?...ทำไมถึงยังรอทั้งที่ผ่านไปตั้ง2ชั่วโมงไม่รู้รึไงว่าไม่มาแล้วน่ะ!...คิดไม่เป็นเลยเหรอ!?...แล้วนี่อะไรข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กินใช่ไหม!?..ทำไมทำตัวแบบนี้ห๊ะ!?...ถ้าป่วยไปพ่อแม่จะเป็นห่วงขนาดไหนรู้บ้างไหม!?...จริงสิ!!...แล้วคิดบ้าอะไรอยู่ถึงกล้าออกเงินจองร้านอาหารแบบนี้คิดว่าตัวเองรวยนักรึไง!!?...จะดูถูกกันใช่ไหม!!?...เข้าใจมารยาทบ้างไหม!!?คนที่อายุมากกว่าเขาต้องเป็นคนเลี้ยงไม่ใช่เด็กแบบคุณ!!!”ผมคว้าคอเสื้อของปิณชาน์แน่นก่อนจะระบายทุกอย่างที่คิดไว้ออกมาจนหมด
ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไปบ้าง...รู้แค่ว่าผมโกรธคนตรงหน้าอย่างมากเหลือเกิน
ทั้งโกรธ โมโห ไม่เข้าใจและ...
‘ดีใจ’
ที่ปิณชาน์ยังรออยู่
“...พี่คุณ...ใจเย็นๆครับ”ปิณชาน์ชะงักเล็กน้อยเหมือนตกใจในสิ่งที่ผมพูดก่อนจะปรับทุกอย่างให้กลับมาเป็นปกติแล้วใช้มือข้างนึงแตะแก้มผมเบาๆ
เฮือก!!
“...ทะ...ทำอะไร!!?”ผมรีบสะบัดหน้าหนีทันทีแล้วไอ้หัวใจบ้านี่ถึงได้เต้นแรงขนาดนี้เล่า
“ให้พี่ใจเย็นไงครับ...หน้าบึ้งแบบนั้นเดี๋ยวหมดหล่อนะ”ปิณชาน์พูดติดตลก
“ทำไมถึงไม่โกรธล่ะ?”ผมอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
ผมสัมผัสไม่ได้เลยสักนิดว่าปิณชาน์โกรธ โมโหหรือแม้แต่หงุดหงิด
ความจริงคนที่ถูกเบี้ยวนัดตั้ง2ชั่วโมงแล้วยังมาทำหน้ายิ้มตอนเจอกันเนี่ย...มันมีที่ไหนเล่า!!
บ้าไปแล้ว!
“ครับ?”ยังมีหน้ามาเอียงคอถามแบบงงๆอีกแนะ
“ทำไมถึงไม่โมโห!!?...ทำไมไม่หงุดหงิด!!?...ทำไมไม่ต่อยผมสักหมัดล่ะ!!?”ผมถามรัวออกไปตามสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่
“เพราะสุดท้าย...พี่คุณก็มานี่ครับ...ผมดีใจที่พี่มาและยังเป็นห่วงผมมากขนาดนี้...ดีใจ...จริงๆครับ”ปิณชาน์บอกผมด้วยรอยยิ้มกว้าง
รอยยิ้มที่บงบอกถึงความดีใจอย่างปิดไม่มิด
ผมมองภาพของปิณชาน์ที่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในหัวใจ
เขายิ้มกว้างทั้งๆที่ผมมาสายไปตั้ง2ชั่วโมง
ความสำนึกผิดเข้ามาโจมตีผมอย่างรุนแรงจนรู้สึกอึดอัด
ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างกับความรู้สึกนี้ก่อนที่มันจะระเบิดออกมาจนผมได้ความดันขึ้นอีก
แต่ผมก็ไม่อยากจะพูดคำนั้นเลย...มันเหมือนกับทิฐิของตัวเองมันสูงจนไม่ยอมทำแต่ภายในจิตใจกลับเรียกร้องให้ทำมันซะ...
พูดมันออกไปเถอะ
คำพูดที่แสดงถึงความรู้สึกในตอนนี้น่ะ
“...พี่ขอโทษนะ”ผมเอ่ยเบาๆอย่างสำนึกผิด
ถ้าวันนี้ผมไม่พูดคำนั้นออกไปผมคงนอนไม่หลับแน่ๆ
ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายผิด
ทั้งๆที่เป็นฝ่ายผิดแต่กลับไม่โดนว่าเลยสักนิด...มันทำให้รู้สึกแย่มากกว่าเวลาทำผิดแต่โดยด่าว่าซะอีก
“...พี่คุณ?”ปิณชาน์สบตากับผมอย่างงงๆ
“...อะไร?”ผมถามเสียงแผ่ว
“ดีใจจัง...พี่คุณแทนตัวเองว่าพี่...ครั้งแรกเลย”ปิณชาน์บอกผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ความรู้สึกผิดที่สุมอยู่ในอกค่อยๆหายไปอย่างช้าๆจนผมรู้สึกโล่งๆ...
ค่อยยังชั่วหน่อย
ท่าทางแบบนั้นแปลว่าเขายกโทษให้ผม?
หรือบางทีปิณชาน์อาจไม่ได้โกรธผมอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้
“...แล้วไม่ดี?”ผมลองถามกลับ
“ดีสิครับ...ดีมากๆด้วย”ปิณชาน์ส่ายหน้าผับๆแล้วพูดด้วยสีหน้าที่มีความสุข
ฝุบ!
“...กินข้าวกันเถอะ”ผมบอกเบาๆพร้อมกับใช้มือขยี้หัวของปิณชาน์แรงๆทีนึงแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้
“พะ...พี่คุณ...อ่า~...ครับ...เดี๋ยวผมบอกให้เสิร์ฟอาหารเลยนะ!”ปิณชาน์ตอนนี้เหมือนหมาตัวใหญ่ที่หูตั้งหางกระดิกแล้ววิ่งไปที่มุมห้องก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแล้วบอกปลายสายว่าให้เอาอาหารมาได้แล้ว
“...ยิ้มมากไปแล้วนะ”ผมเอ่ยเบาๆ...ตั้งแต่ที่ปิณชาน์กลับมานั่งที่เก้าอี้จนถึงอาหารมาเสิร์ฟคนตรงหน้าก็ยิ้มไม่หุบจนรู้สึกหมันไส้นิดๆ
“ก็ผมมีความสุขนี่...จริงสิ...ผมจะตอบคำถามที่พี่ถามมาเมื่อกี๊ทั้งหมดแลกกับคำขอ1อย่างได้ไหมครับ?”ปิณชาน์ถามขึ้นด้วยแววตาที่เป็นประกายด้วยความหวัง
คำถามที่ผมถามไปงั้นเหรอ?
รู้สึกว่าจะเยอะพอดูนะ
แลกกับ1คำขอ
อืม...แบบนี้ค่อยคุ้มหน่อย
“เอาสิ”ผมตกลงหลังจากคิดทบทวนแล้ว
“ผมอยากให้พี่เรียกชื่อเล่นผม”ปิณชาน์บอกต่อทันทีที่ผมตกลง
“ชื่อเล่น?”
“ครับ...เรียกผมว่าบัตก็ได้...ชื่อเล่นจริงๆผมคือบัตเตอร์”ปิณชาน์บอกผมด้วยรอยยิ้ม
“บัตเตอร์...?”
“ครับ...ได้ไหมครับ?”ปิณชาน์ถามขึ้นอีกครั้ง
“...พี่ไม่ค่อยเรียกใครด้วยชื่อเล่น”ผมบอกออกไปตามตรง
ความจริงแค่เรียกตัวเองว่าพี่นี่ก็ถือว่ามากสำหรับผมแล้วนะ
“ผมรู้...ผมอยากเป็นคนพิเศษ...ให้ผมเป็นคนพิเศษของพี่ได้ไหมครับ?”ปิณชาน์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง...
ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนจีบ?
หรือผมจะคิดมากไป?
แล้วอยู่ๆมาของเป็นคนพิเศษเนี่ยนะ
มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?
“...ขอดูคำตอบที่ถามไปก่อน”ผมมองคนตรงหน้านิ่งแล้วบอกเบาๆก่อนจะก้มกินสปาเก็ตตี้คาโบนาล่าในชามของตัวเองต่อ
“ได้เลยครับ...รู้สึกว่าคำถามแรก ‘ต้องการอะไรกันแน่?’ผมแค่อยากอยู่ข้างๆพี่เท่านั้น... คำถามต่อไปก็‘ทำแบบนี้ทำไม?...ทำไมถึงยังรอทั้งที่ผ่านไปตั้ง2ชั่วโมงไม่รู้รึไงว่าไม่มาแล้วน่ะ...คิดไม่เป็นเลยเหรอ?’ ผมน่ะรู้ว่าพี่เป็นคนยังไงถึงพี่จะไม่ได้ตอบตกลงแต่ผมรู้ว่าพี่ต้องมาแน่ๆ...พี่ไม่มีทางปล่อยให้ผมนั่งรอทั้งคืนหรอก”คนตรงหน้าตอบผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะหยิบแก้วน้ำส้มปั่นขึ้นมาดื่มด้วยท่าทางสบายๆ
“คิดจะรอไปถึงเมื่อไหร่?”ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้
ถ้ากว่าผมจะมาปาไป4ทุ่มหรือเที่ยงคืนเขาจะยังรออยู่ไหม?
“ถ้าผมตอบคำถามนี้พี่ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนนะครับ”ปิณชาน์บอกผมด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“เด็กเจ้าเล่ห์!”ผมพูดขึ้นทันที
“ฮะฮะฮะ...ผมเปล่านะ...แต่แค่นี้ผมก็ขาดทุนจะแย่แล้วให้ผมได้กำไรหน่อยไม่ได้เหรอครับ?”ปิณชาน์ถามต่ออีกด้วยแววตาที่เป็นประกายอย่างนึกสนุก
“คนที่ขาดทุนน่ะพี่ต่างหาก”ผมพึมพำเบาๆก่อนจะคว้าแก้วน้ำส้มปั่นของตัวเองขึ้นมาจิบ
“ไม่หรอกครับ...พี่น่ะได้กำไรเต็มๆเลย”ปิณชาน์ว่าต่อ
“กำไร?...ยังไง?”ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
เพราะจากที่ดู...ผมยังไม่เห็นกำไรที่ได้เลยสักนิดนะ
“ก็พี่จะมีคนให้ระบายไงครับ...พี่ปล่อยมันกับผมได้นะ...ผมรู้ว่าพี่ค่อนข้างเครียดจากที่ทำงานถ้าไม่ปล่อยซะบ้างพี่จะเครียดนะครับเดี๋ยวก็ความดันขึ้นหรอก”สิ้นคำพูดของปิณชาน์ผมก็เงยหน้าขึ้นไปจ้องคนตรงหน้าเขม็งทันที
ทำไมถึงรู้ว่าผมเครียดมาก
ทำไมถึงรู้ว่าผมไม่มีที่ระบาย
ทำไมถึงรู้ว่าความดันผมขึ้นบ่อยๆ
“พี่จ้องแบบนี้ผมดีใจนะ...”ปิณชาน์บอกผมด้วยรอยยิ้ม
“...”ผมรีบผละสายตาออกมาทันที...รู้สึกว่าขนทั่วตัวกำลังลุกขึ้นอย่างพร้อมเพียงจนน่าตกใจ...หรือว่าผม...กำลังถูกหยอด?
เกิดมา30ปีก็พึ่งเคยเจอนี่แหละ
“คำตอบละครับ...ตกลงไหม?”ปิณชาน์ถามอีกครั้ง
เอาไงดีเนี่ย?
อยากรู้แต่ไม่อยากแลกเปลี่ยนเลยแฮะ
ฮึ้ย...
“ก็ได้...จะแลกกับอะไรล่ะ?”ผมถามปิณชาน์ด้วยน้ำเสียงเซ็งๆนี่ผมเอาชนะความอยากรู้ของตัวเองไม่ได้จริงๆ
“วันพรุ่งนี้กินข้าวเย็นด้วยกันนะครับ?”ปิณชาน์พูดขึ้นทันทีเหมือนกับว่าเขาได้คิดเอาไว้แล้วงั้นแหละ
นี่ผม...ตกหลุมที่ถูกวางไว้?
“นี่...คงไม่ได้วางแผนไว้ใช่ไหม?”ผมพูดขึ้น
“ถ้าผมตอบก็ต้องมีข้อ...”
“งั้นก็หุบปากแล้วกินต่อซะ!!”ผมตะโกนด้วยอารมณ์ที่เหลืออด
เอาเปรียบกันเกินไปแล้ว!
เด็กบ้า!!
“ฮะฮะฮะ...ผมล้อเล่นครับ...ผมไม่ได้วางแผนไว้หรอกนะ”ปิณชาน์ขำเบาๆก่อนจะตอบผม
“...ขอให้จริงเถอะ!”
“คำถามต่อไป ‘แล้วนี่อะไรข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กินใช่ไหม?..ทำไมทำตัวแบบนี้ห๊ะ?...ถ้าป่วยไปพ่อแม่จะเป็นห่วงขนาดไหนรู้บ้างไหม?’ผมขอรวบเลยละกัน...ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นแต่ตอนนี้กินแล้วผมแค่อยากรอกินพร้อมพี่นี่...แล้วก็...พ่อกับแม่คงไม่ห่วงหรอก...เพราะพวกท่านไม่อยู่แล้ว”ปิณชาน์บอกผมด้วยน้ำเสียงเศร้าก่อนจะลงมือกินต่อ
ไม่อยู่แล้ว?
ให้ตายสิ...นี่ผมพูดทำร้ายจิตใจเขาไปงั้นเหรอ?
แถมน่าเศร้าๆแบบนั้น
โอ้ย!...ทำหน้าหง๋อยๆแบบนั้นมันขี้โกงนิ!
แบบนี้ก็เหมือนผมเป็นฝ่ายผิดน่ะสิ!!
เออ!...ก็ผิดจริงๆนิ
“...ขอโทษ”ผมบอกปิณชาน์เบาๆ
“...ไม่เป็นไรครับ...ผมก็เริ่มจะทำใจได้แล้วแค่รู้สึกเหงาเท่านั้น”ปิณชาน์บอกผมด้วยเสียงเศร้าๆพร้อมกับยิ้มออกมา...รอยยิ้มนั้นมันไม่สดใสเหมือนเคย
“ถ้ามีอะไรจะระบาย...พี่ช่วยได้นะ”ผมบอกปิณชาน์ตรงๆ
อย่างน้อยถ้าทำให้รอยยิ้มที่ร่าเริงนั่นกลับมาได้...ผมว่ามันคุ้ม
“...พ่อกับแม่ชอบเรียกผมว่าบัตเตอร์...แต่พอพวกท่านไม่อยู่ก็ไม่มีใครเรียกอีกเพื่อนๆก็เรียกแต่บัตเพราะมันสั้นกว่า...ผมเองก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวให้เพื่อนมาเรียกชื่อเต็มเพราะคิดถึงพวกท่าน”คำพูดที่เหมือนระบายของปิณชาน์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผมเองก็ได้แต่นั่งฟังนิ่งๆแล้วทำความเข้าใจ...ที่อยากให้เรียกชื่อเล่นเพราะแบบนี้สินะ...อาจเป็นเพราะผมมีส่วนที่คล้ายกับพ่อเขาก็เลยอยากสนิทและชวนมากินข้าว
ไม่ใช่เด็กไม่ดี
แค่เหงาเท่านั้นสินะ
“...การที่ให้เรียกชื่อเล่นแบบเต็มๆมันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวหรอกนะ...บัตเตอร์”ผมเอ่ยออกไปเบาๆ
“....พี่คุณ...อ่า~...ขอโทษครับ...ทำไมถึงขี้แยแบบนี้นะ”ปิณชาน์...ไม่สิ...ต่อจากนี้ผมจะเรียกเขาว่าบัตเตอร์ถ้าไม่มีใครเรียกผมจะเรียกเอง
บัตเตอร์ปาดน้ำตาตัวเองลวกๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด
“เฮ่อ...”ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วลุกไปหาบัตเตอร์
ฝุบ!
“...จะร้องก็ได้...ถือว่าพี่เป็นพี่ชายของบัตเตอร์ละกัน”ผมลูบหัวบัตเตอร์เบาๆก่อนจะบอกออกไปเบาๆแต่ผมรู้ว่าคนตรงหน้าต้องได้ยินแน่นอน
“...พี่คุณ...ขอกอดหน่อย...ได้ไหมครับ?”บัตเตอร์เงยหน้าขึ้นมาถามผมด้วยน้ำเสียงหง๋อยๆ
กอดเลยเรอะ!!
มันจะก้าวกระโดดไปไหม?
แต่พอมองสายตาหง๋อยๆนั่นแล้วผมก็ต้องถอนหายใจอีกรอบนึง
“...เอาสิ”ผมอนุญาตเบาๆ
หมับ!
“อ๊ะ!...บัตเตอร์...กอดแน่นไปแล้ว”ผมบอกทันทีที่บัตเตอร์ลุกขึ้นแล้วคว้าตัวผมเข้าไปกอดก่อนจะซุกตัวลงกับไหล่ผมแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ
ทั้งๆที่สูงพอๆกันแต่ทำไมผมถึงถูกดึงเข้าไปได้ง่ายๆ
แล้วก็จะเต้นแรงไปไหนไอ้หน้าอกด้านซ้ายเนี่ย!
รู้อยู่แล้วน่าว่าเขินอยู่อย่ามาตอกย้ำได้ไหมเล่า!!
แค่นี้ก็อายจะตายอยู่แล้ว!
“...พี่คุณ...ผมไม่เหลือใคร...ผมเหลือแค่พี่”บัตเตอร์พึมพำเบาๆขณะที่ซุกตัวอยู่ที่ไหล่ผม...แม้เสียงของบัตเตอร์จะดูอู้อี้แต่ผมก็ฟังมันได้อย่างชัดเจน
เหลือแค่ผม?
หมายความว่ายังไง?
“บัตเตอร์...หมายความว่ายังไง?”ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย
“...ถ้าผมบอก...พี่จะทิ้งผมไหม?...จะเปลี่ยนไปรึเปล่า?...”บัตเตอร์ถามเสียงอู้อี้พร้อมกับกอดผมแน่นขึ้นจนผมเริ่มรู้สึกปวดๆแล้วแต่ผมรู้สึกว่าบัตเตอร์กำลังสั่นอยู่
แรงเยอะชะมัด...ผมสู้ไม่ได้เลย
“เฮ่อ...พี่ก็เป็นของพี่แบบนี้จะเปลี่ยนได้ยังไงล่ะ?...ถ้าทำตัวดี...พี่ก็ไม่ทิ้งหรอกนะ”ผมบอกเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสกับผมสีดำสนิทที่ซอยสั้นของบัตเตอร์อย่างเบามือ
ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง?...แต่สิ่งที่ผมรู้คือถ้าบัตเตอร์ยังเป็นแบบนี้ผมจะทิ้งเขาไว้ได้ยังไงล่ะ?
“...วันพรุ่งนี้ไปกินข้าวเย็นที่บ้านผมนะครับ...แล้วผมจะบอกความจริงทุกอย่างให้พี่รู้”
......................................................................
สวัสดีคะ
มาอัพตอนต่อไปแล้วคะ...เรื่องนี้มาเรทกว่าJurassic Heartเยอะเลยต้องขอโทษด้วยคะและขอบคุณที่ยังรอติดตามต่อนะคะ
เวลาเครียดๆแล้วแต่เรื่องนี้รู้สึกเหมือนได้ระบายเลยคะรู้สึกดีสุดๆ(55+)
หลังจากนี้จะมาอัพอาทิตย์ละตอนนะตอนนะคะอย่างที่เคยบอกไปว่าแต่งทีเดียว2เรื่องต้องใช้ท้งเวลาในการเขียนและต้องบิ้วอารมณ์ในการแต่งด้วยเพราะทั้งสองเรื่องมีแนวเรื่องที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ขอขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามเสมอนะคะ
ปล.แก้ชื่อตัวละครที่ผิดแล้วคะ(แต่งไปแต่งมาเริ่มงงล่ะคะ)
ขอบคุณ คุณMouse2UและคุณBlueCherriesมากนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าคะ

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ