ขอโทษด้วยนะคับที่ให้รอกันนาน ขอโทษด้วยจิง ๆ คับ
“ท่าทางสนุกกันจังเลยนะ ขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยคนสิ”หนึ่งเสียงเอ่ยทักขึ้นขณะที่คนสองคนกำลังหยอกล้อกันอยู่อย่างเพลินใจ บรรยากาศสนุกนั้นชะงักไปพลัน เมื่อสองคนเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียงพร้อมกันแล้วเห็นว่าฝ่ายที่เข้ามาทักเป็นใคร
“ภูมิ”กัณตินันท์เอ่ยเรียกชื่อฝ่ายนั้นอย่างแปลกใจปนตกใจที่เห็นเจ้าตัวที่นี่
“ใช่ภูมิเอง ทำไมต้องทำหน้าอย่างกะเห็นผีอย่างนั้นด้วยล่ะ”เจ้าของชื่อเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ไร้แววมาดร้าย ชายหนุ่มเริ่มประเมินสถานการณ์ด้วยการลอบมองดูแววตาของหนุ่มน้อยที่กำลังจ้องตนเขม็ง คงกำลังนึกไม่ถึงล่ะสิว่าจะเจอเขาที่นี่
“มาทำอะไรแถวนี้ภูมิ ”กัณตินันท์รีบเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสองคนตรงหน้าจ้องหน้ากันเขม็ง ชายหนุ่มล่ะกลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเหตุราวีอะไรขึ้น
ระหว่างสองคนนั่น
“มาธุระนิดหน่อยน่ะ”ภูมิหันมาตอบ
“แล้วไม่ทำงานเหรอ”คนได้คำตอบถามต่อ
“บอกตฤณ ตฤณจะเชื่อมั๊ย”คนถูกถามเอ่ยเป็นปริศนา สองคนที่นั่งอยู่ก่อนจึงมองสบตากัน ด้วยต่างฝ่ายต่างก็กำลังคิดว่าวันนี้คนยืนค้ำหัวอยู่
จะมาไม้ไหน
“ภูมิได้ข่าว่าเค้กแถวนี้อร่อย เลยลางานมาเพื่อซื้อเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดตฤณน่ะ แต่ไม่คิดว่าตฤณจะฉลองกับลูกศิษย์สุดโปรดแล้ว”ภูมิเอ่ยต่อ เมื่อเห็นสองคนมองหน้ากันคล้ายปรึกษากันในใจว่าจะเอายังไง
“ไม่มีใครฉลองกับใครทั้งนั้นแหละภูมิ มันเป็นเรื่องบังเอิญ”เจ้าของวันเกิดเอ่ยบอกปัดเพราะไม่อยากให้คนเอ่ยคล้ายประชดเมื่อครู่ตั้งป้อมที่จะหึงหวงตัวลูกศิษย์ตนอีก ชายหนุ่มเดาเอาไปว่าที่คนรักเก่าเข้ามาทักทายตนแบบนี้คงเพราะไม่พอใจที่เห็นลูกศิษย์หน้าหล่อนั่งกุ๊กกิ๊กอยู่กับตนเป็นแน่ ชายหนุ่มยังนึกถึงว่าฝ่ายนั้นคงจะยังมีความหวังกับตัวลูกศิษย์ตนอยู่ แต่แล้วความคิดนั้นก็พลันสะดุดลง เมื่อฉุกคิดถึงประโยคก่อนหน้านี้ที่เอ่ยนำการประชด
“เมื่อกี้ภูมิบอกลางานมาเพื่อซื้อเค้กให้ตฤณเหรอ”ชายหนุ่มเอ่ยทวนประโยคที่ทำให้ความคิดสะดุดลง
“อืม ก็วันนี้วันเกิดตฤณนี่ ตฤณนึกว่าภูมิลืมเหรอ”คนที่เห็นแผนการเริ่มเข้าทางเอ่ยต่อยิ้มๆ ดีนะที่เป็นคนหัวไว หึๆ วันเกิดแกฉันคงลืมไปตั้งนานแล้วแหละ ถ้าฉันไม่เห็นซากเค้กที่ปักเทียนเอาไว้นี่ อ๋อ เรื่องลางานมาซื้อเค้กให้แก ฉันก็เพิ่งคิดคำตอหลดตอแหลตะกี้นี่เองแหละ ไม่ต้องมาทำสีหน้าแปลกใจปนสับสนหรอก แต่เอ๊ะ แกทำสีหน้าแบบนี้สิดี เพราะมันแสดงถึงว่าแกคงยังแคร์ฉันอยู่ โอ้ย อีโง่เอ้ย!! จะปั่นหัวให้สาใจเลยคอยดู
“ผมว่าเราไปจากที่นี่กันเถอะพี่ตฤณ ก่อนที่ผมจะหงุดหงิดมากกว่านี้”คนที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น เมื่อเริ่มเอือมระอากับสีหน้าแววตากวนส้นเท้าของคนที่ตนนึกไม่ชอบหน้า คนแบบนี้แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ทำมาเป็นพูดดีกับคนที่ตัวเองบังคับให้กราบเท้า หวังจะสร้างเรื่องอะไรล่ะมึง นึกเหรอว่ากูจะรู้ไม่ทัน!!
“จะรีบกลับกันไปไหนล่ะ พี่เพิ่งเขามาทักแป๊บเดียวเองนะ”คนนึกชะล่าใจในแผนการเอ่ยยิ้มๆ ชายหนุ่มแอบสาใจเล็กๆเมื่อนึกไปเองว่าอาการหงุดหงิดของหนุ่มน้อยหน้าหล่อที่ตนเห็นนั่นเกิดจากที่เจ้าตัวเริ่มจะจับต้นชนปลายเรื่อง
ราวว่าเขาจะเข้ามาทวงหน้าที่คนรักคืนกับอาจารย์สอนพิเศษของตน ดูสิ รีบชวนคนที่ทำเหมือนจะหวั่นไหวหนีกลับบ้านไปเลยเชียว โถเอ๋ย เด็กน้อย นี่เกมมันเพิ่งเริ่มต้นนะ เก็บอาการหึงหน่อยสิพ่อรูปหล่อ
“แล้วใครเชิญให้นายเข้ามาทักพวกเราล่ะ”เตชสิทธิ์เอ่ยขึ้นอย่างไม่นึกเคารพ ดูสีหน้าระรื่นของมันเหมือนนึกสมใจอะไรบางอย่างแล้วอยากตะบันหมัดเข้าใส่นัก
“จริงๆพวกเราก็คิดจะกลับกันแล้วและภูมิ ขอตัวก่อนนะ”กัณตินันท์รีบเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสองคนตรงหน้าเริ่มสู้สายตากันอีก ชายหนุ่มยังไม่รู้จุดประสงค์อะไรของคนรักเก่าหรอกที่มาพูดจาอะไรแปลกๆให้ได้ยิน แต่ที่ต้องรีบเอ่ยเข้าข้างลูกศิษย์เพราะมั่นใจว่าฝ่ายนั้นคงมีจุดประสงค์ไม่ดีแน่กับการเข้ามาแสดงตัวแบบนี้
“ไม่ได้นะตฤณ อุตส่าห์บังเอิญเจอกัน ตฤณจะรีบหลบหน้าภูมิเลยเหรอ”คนกำลังจะถูกเดินหนีรีบเอ่ยรั้งไว้ เริ่มขัดใจที่เห็นสองคนยังเข้ากันได้ดี
“เป็นหมา หมามันก็หลบโว้ย ถ้าเจอนายน่ะ ทำพฤติกรรมน่าเกลียดอะไรเอาไว้บ้างน่าจะสำนึกได้นะ”คนที่โพล่งปากตอบเป็นอีกคนที่ไม่ได้ถูกรั้งตัว
“ฉันไม่ได้พูดกับนายไอ้เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คนรักเขาจะเคลียร์กัน อย่าแส่ดีกว่าว่ะ”ภูมิหันไปเอ่ยด้วยอย่างเดือดดาล ไอ้เด็กเปรตนี่ ปากมันร้ายได้สม่ำเสมอจริงๆ
“คนรักเขาจะเคลียร์กัน อายปากมั๊ยนั่นน่ะที่พูดแบบนั้นน่ะ”เตชสิทิ์เอ่ยว่าเยาะๆ
“ทำไมกูจะต้องอายวะ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าพูดจาสามหาว”ภูมิขึ้นเสียงอย่างหยาบคาย ทำให้มีสายตาเริ่มมอง
“ค่อยๆพูดกันก็ได้ภูมิ ที่นี่มันอยู่ใกล้โรงเรียนไต๋อยู่นะ”กัณตินันท์เอ่ยห้าม เพราะกลัวจะมีคนรู้จักลูกศิษย์ตนรวมอยู่ด้วยกับกลุ่มไทยมุง
“ใกล้สิยิ่งดี คนเขาจะได้รู้ว่าไอ้เด็กนี่มัน....”กัณตินันท์รีบยกมือขึ้นปิดปากคนที่ทำท่าว่าจะใส่ไฟแฉอะไรลูกศิษย์ตน ชายหนุ่มส่งสายตาไล่ให้คนกำลังจะโดนแฉให้ออกไปที่อื่นก่อน ตอนแรกก็หนักใจว่าฝ่ายนั้นจะไม่ฟัง แต่แล้วก็โล่งอกที่เจ้าตัวยอมถอยฉากออกไปอย่างว่าง่ายในตอนท้าย
“เมื่อไหร่จะเลิกพาลเอากับเด็กหะภูมิ”คนโล่งอกยอมเปิดปากคนที่ตนปิดเอาไว้ แล้วเอ่ยต่อว่า
ภูมิไม่สนใจคำต่อว่าของอดีตคนรัก ชายหนุ่มร้องตามไล่หลังคนที่เดินหนีไปไม่ไกลนัก
“หนีไปไหนวะไอ้ลูกแหง แน่จริงกลับมาสิ พ่อจะแฉให้หมดเลยว่าแกน่ะมันเด็กมีปัญหาที่....อุ๊บ!!”เสียงนั่นขาดหายไปพร้อมกับเสียงร้องว้ายที่ดังลั่นร้าน กัณตินันท์นั่นเองเป็นคนหยุดเสียงพูดนั่นด้วยการยกถาดเค้กทั้งก้อนขึ้นโปะหน้าเจ้าของเสียง ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้มลงเก็บของแล้วรีบเดินแหวกผู้คนที่เริ่มจับกลุ่มหัวเราะกันคิกๆออกไป
ภายในร้าน ภูมิ ยืนช๊อคและอึ้งไปหลายวินาที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเก็บกั้นอาการตัวเองเองเอาไว้ไม่ไหวร้องกรี๊ดขึ้นมาอย่างสุดเสียงเพราะโกรธจัดที่โดนเค้กทั้งก้อนฟาดเข้าที่ใบหน้าจังๆ
ท่ามกลางไทยมุงแบบนี้
“อย่าให้เจอข้างนอกจังๆอีกนะอีพวกเลว กูจะไม่ไม้หน้าเลยคอยดู”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างเคียดแค้น เมื่อร้องกรี๊ดจนหนำใจแล้ว
“หัวเราะอะไรกัน ไม่เคยเห็นหรือไงคนโดนเค้กโปะหน้าเนี่ย อีพวกเวร เดี๋ยวเอาเทียนลนหม้...ซะนี่”ชายหนุ่มลืมตัวด่ากราดออกไปอีกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆคักๆดังอยู่ไม่ขาดสาย แผนการสร้างความร้าวฉานพังทลายลงราบคาบแบบนี้ หวังว่าแผนการสร้างความอับอายให้ชะนีเด็กอย่างอีณิชานั่นคงไม่พังไปด้วยหรอกนะ ขอให้สองคนนั่นจับมันมอมยาแล้วขยี้กามถ่ายคลิปมันเอาไว้ได้ทีเถอะ พ่อจะเอาไปแฉให้ว่อนเน็ตเลย
.
.
.
.
เตชสิทธิ์ยืนสงบสติอารมณ์ขณะที่ยืนรอคนที่ส่งสายตาสั่งให้ตนออกมาจากการโดนราวีจากผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี เด็กหนุ่มยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในร้านดำเนินไปถึงขั้นไหน จึงเคืองไปก่อนเลยว่าคนที่สั่งให้ตนออกมาจะยอมสนทนากับคนที่เข้ามาหาเรื่องจนลืมตนไป
กัณตินันท์ก้มหน้าก้มตาเดินตามหาลูกศิษย์ ขณะเดินอยู่นั้นก็ต้องตกใจเมื่อมีร่างหนึ่งวิ่งชนตนเข้า
“ขวางทางอยู่ได้ คนรีบรู้มั๊ย”คนวิ่งชนเอ่ยตวาดใส่ คนโดนชนกำลังจะเอ่ยขอโทษตามนิสัยที่ออกตัวรับผิดไว้ก่อน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ย ความรู้สึกฉงนใจก็เกิดขึ้นซะก่อน เมื่อเห็นร่างคนที่วิ่งเป็นร่างเปื้อนเลือดของอริวัยเรียนลูกศิษย์ตัวเอง
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป”ชายหนุ่มรีบเอ่ยร้องเรียกเมื่อเห็นฝ่ายนั้นทำท่าจะวิ่งไปที่ไหนซักแห่งต่อ ร่างนั้นหยุดวิ่งหันมามองแล้วเอ่ยลนลาน
“มีอะไร ผมรีบนะ แฟนผมถูกฉุดไป ผมจะรีบไปแจ้งอาจารย์ที่โรงเรียน”
“ณิชา”กัณตินันท์ครางชื่อคุณหนูที่ตนรู้จักออกมาเบาๆ ทำให้คนที่กำลังจะวิ่งต่อมองพินิจใบหน้าตนแล้วเอ่ย
“อ๋อ พี่เป็นครูสอนพิเศษไอ้ไต๋ใช่มั๊ย ถึงได้รู้จักณิชา”
“แล้วนายรู้จักฉันเหรอ”
“ณิชาเล่าให้ฟัง ก่อนหน้า ผมก็เคยเห็นพี่ยืนอยู่กับไอ้ไต๋ แล้วนี่ไอ้ไต๋ไปไหนครับ ณิชาถูกฉุดไป ผมจะบอกมัน”
“พี่ก็กำลังตามหาเขาเหมือนกัน นายรีบไปแจ้งที่โรงเรียนก่อนไป เดี๋ยวถ้าเจอไต๋ พี่จะบอกเขาเอง”คนถูกบอกพยักหน้ารับแล้ววิ่งต่อไปทางโรงเรียน คนอกจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อกดหาคนที่ตนกำลังตามหาตัวเพราะคิดว่าคงต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ให้เจ้าตัวรู้ จะได้หาทางช่วยเหลือคุณหนูนั่น
“จะโทรไปไหนอีเลว”หนึ่งเสียงเอ่ยขึ้นให้สะท้านตกใจ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะแย่งโทรศัพท์นั่นไปไว้ในมือ
“ภูมิ”กัณตินันท์เอ่ยตามอย่างตกใจที่เห็นคนที่ตนจัดการเอาเค้กปาหน้าเดินตามตนออกมาได้ทัน ฝ่ายนั้นล้างหน้าล้างตาออกมาแล้วลวกๆ ชายหนุ่มหนุ่มนึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างประหลาด เมื่อเห็นแววตาของคนเคยคุ้นเคยตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว
“ขอโทรศัพท์ตฤณคืนเถอะภูมิ”คนนึกกลัวเอ่ยอย่างใจเย็นด้วยเพราะข่มความรู้สึกเอาไว้
“จะโทรไปรายงานไอ้เด็กนั่นเหรอว่าแฟนมันโดนฉุด”คนน่ากลัวเอ่ยขึ้นอย่างเยาะๆ อีกคนที่ได้ฟังถึงกับตกใจเอ่ยถาม
“ภูมิรู้?”
“หูไม่ได้หนวกนี่ ฉันตามมาพอดีจนได้ยินสิ่งที่เด็กนั่นบอกแก”
“เขาชื่อแซนด์ เป็นแฟนใหม่ณิชา”
“หมายความว่าไง”
“ไต๋กับณิชาพวกเขาจบกันไปตั้งนานแล้ว”
“จริงดิ”
“ตฤณจะโกหกภูมิไปทำไม”
“งั้นแสดงว่านายไต๋นั่นกำลังจะคบแกอย่างเปิดเผยงั้นสิ”
“เราเป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์กัน”
“ตอแหล!! ฉันไม่เชื่อแกหรอกอย่ามาทำเป็นแอ็บ”
“ภูมิ นี่ภูมิเป็นอะไรไปแล้ว”
“เป็นคนที่กำลังจะเกลียดแกเข้ากระดูกดำไง มานื่ ไปกับฉัน ฉันไม่ยอมให้แกได้ไปเริงร่ากับลูกศิษย์สุดหล่อของแกหรอก”ภูมิออกแรงดึงอดีตคนรักที่ได้กลายเป็นอริหัวใจในปัจจุบัน ฝ่ายนั้นพยามขัดขืนไม่ยอมให้ร่างโดนฉุดดึงได้ง่ายๆ ชายหนุ่มจึงนึกโมโหหนักหันมาตะคอก
“นึกว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังไทยแล้วจะโดนผู้ร้ายลากไปข่มขืนหรือไง ทำเป็นขัดขืน เดี๋ยวโดนต่อยหรอกมึง”
“สงบสติอารมณ์ก่อนสิภูมิ นี่ภูมิกำลังคลั่งนะ”คนถูกลากพยายามพูดจาเตือนสติ
“ไม่ต้องสะเออะมาสอนฉัน ที่ฉันคลั่งแบบนี้ก็เพราะแกน่ะแหละ มีดีอะไรนักหนาหะ ไอ้เด็กนั่นถึงได้ยอมศิโรราบ”คนถูกเตือนตวาดแว้ดใส่
“ตฤณสอนหนังสือเด็กนั่น ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าการเป็นครูเป็นลูกศิษย์กันนะ ภูมิใจเย็นๆค่อยๆคิดตริตรองสิ อย่าให้ความหลงมาครอบงำตัวเองจนต้องคลั่งแบบนี้สิ”
“บอกแล้วไง ไม่ต้องสะเออะมาสอนฉัน แกแค่ตามฉันมาก็พอแล้ว เข้าใจหรือยัง!!”
“ภูมิจะพาตฤณไปไหน ตฤณต้องทำงานนะ”
“งานเหรอ งานสอนหนังสือนายไต๋ใช่มั๊ย บอกแล้วไง ว่าฉันไม่ยอมให้แกได้เข้าใกล้เด็กนั่นอีก”
“ภูมิจะบ้าเหรอ ตฤณต้องสอนหนังสือเขานะ”
“สอนได้ก็เลิกได้ อย่าพูดมาก ตามฉันมานี่”พูดจบ คนพูดก็ออกแรงดึงร่างคนขัดขืนไปขึ้นรถตนได้สำเร็จ
“จะพาตฤณไปไหนน่ะ”กัณตินันท์เอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อได้อยู่ในพื้นที่จำกัดกับคนที่กำลังมีท่าทีที่น่าหวาดกลัว
“พาแกไปทรมานเล่นไง จนกว่าแกจะรับปากว่าจะเลิกสอนหนังสือเด็กของฉัน”ฝ่ายนั้นหันมาตอบด้วยแววตาที่สื่อว่าไม่ได้แค่ขู่ คนที่เห็นพฤติกรรมจึงลนลานพูดเตือน
“ไม่ได้นะ ภูมิจะทำกับตฤณแบบนี้ไม่ได้นะ บ้านเมืองมีขื่อมีแปรนะ”
“กล้าแจ้งความเอาผิดฉันเหรอ ลืมแล้วหรือไงว่าเราเคยเป็นอะไรกัน”
“รู้แบบนี้แล้ว ภูมิยังจะกล้าทำร้ายตฤณหรือไง”
“ไม่แปลกหรอกที่ใครต่อใครจะรังแกแกน่ะ แต่มันจะแปลกมากกว่าถ้าแกฮึดขึ้นมาเอาเรื่องชาวบ้านเขานังหน้าโง่”
“ภูมิ ภูมิคลั่งไปแล้วจริงๆ”
“คลั่งสิ ทำไมฉันจะไม่คลั่งล่ะ ชีวิตฉันมันไม่เหลืออะไรแล้วนี่ งานก็โดนพัก เด็กที่ตัวเองรักก็ด่าทอยังกะหมูกะหมา แถมคนที่เป็นมารหัวใจยังเป็นคนใกล้ตัวอีก เป็นแก แกจะคลั่งมั๊ยห๊ะ”
“ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ส่วนหนึ่งเราก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองนะภูมิ ลองใช้สตินึกตรองให้ดีสิ ว่าปัญหาต่างๆมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แล้วค่อยๆแก้มันไปทีละจุดโดยอย่าใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน ตฤณว่าทุกอย่างมันมีทางออกที่ดีนะ”
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาสะเออะสอนกู ดีนะที่กูขับรถอยู่ ไม่งั้นนะ จะตบปากฉีกเลย แม่งพูดมากนักนะมึง”
“ที่ตฤณพูด ตฤณหวังดีกับภูมิ เชื่อตฤณนะ อย่าใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหาเลย”
“อีเหี๊...นี่ มึงจะสอนกูไปจนถึงเมื่อไหร่ห๊ะ กูไม่ใช่ลูกศิษย์มึงนะ รำคาญโว้ย”
“ก็บอกแล้วไงว่าตฤณหวังดี ตฤณถึงพูด...โอ้ย!!”กัณตินันท์หน้าหงายไปตามแรงตบจากหลังฝ่ามือของคนที่ทนฟังคำพร่ำสอนไม่ได้ ชายหนุ่มน้ำตาคลอด้วยเพราะเจ็บบริเวณริมฝีปากและเจ็บใจที่คนรักเก่ากล้าลงมือทำร้ายตนได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่สิ่งที่ตนพูดตนเอ่ย เป็นสิ่งที่หวังดีกับเจ้าตัวแทบทั้งนั้น
“เป็นไงล่ะ สอนกูอีกสิมึง คราวนี้ก็จะจอดรถแถวนี้อัดมึงให้น่วมแน่”ภูมิเอ่ยขึ้นอย่างสาแก่ใจที่เห็นผลงานตัวเองได้ผล แค่ออกแรงเหวี่ยงหลังฝ่ามือข้างที่ว่างฟาดเข้าที่ริมฝีปากแค่นี้ก็หยุดคำพูดมันได้แล้ว แล้วถ้าเขาจับมันไปรวมเอาไว้กับอีนังคุณหนูณิชาแล้วให้พวกเศษเดนมนุษย์ที่เขาว่าจ้างมาจัดการ มันคงจะยอมหยุดที่จะข้องแวะกับหนุ่มน้อยอย่างนายเตชสิทธิ์แน่ๆ
.
.
.
.
.
.
ทางฝ่ายเตชสิทธิ์ ชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจที่ไม่เห็นว่าครูสอนพิเศษของตนจะเดินตามตนออกมาซักที เด็กหนุ่มกำลังคิดที่จะโทรตาม แต่แล้วต้องชะงักเอาไว้ เมื่อเห็นร่างหอบเหนื่อยเปื้อนเลือดของคู่อริวิ่งมาทางตน
“มึงอยู่นี่เองเหรอไอ้ไต๋ ณิชาโดนฉุดไปโว้ย ครูสอนพิเศษมึงบอกมึงหรือยัง”ฝ่ายนั้นละล่ำละลักบอกหน้าตื่นเมื่อมาถึง ทำเอาเด็กหนุ่มตกใจตัวชาเอ่ยถาม
“ใครฉุดไปมึงรู้มั๊ย แล้วพี่ตฤณรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ มึงเจอเขาตอนไหน กูยืนรอเขาตรงนี้นานแล้วนะ”
“คนฉุดณิชาน่ะกูไม่รู้จักหรอก พวกมันมากันสองคน ต่อยกูเสร็จมันก็หิ้วณิชาไปเลย พอกูเดินได้วิ่งได้ กูก็แจ้นกลับมาบอกอาจารย์ที่โรงเรียน พวกเขากำลังประสานงานกับตำรวจอยู่ นี่กูนึกว่ามึงจะรู้จากปากครูของมึงแล้วนะ”
“กูยังไม่เจอพี่ตฤณเลย ว่าจะโทรตามอยู่เนี่ย”
“เออ งั้นก็ตามสบาย เห็นมึงยืนอยู่กูก็เลยแวะมาบอกมึงแค่นี่แหละ เดี๋ยวกูไปสมทบกับพวกอาจารย์เพื่อรอให้ปากคำกับตำรวจก่อน”
“เฮ้ย งั้นกูไปด้วยสิ”
“อ้าว แล้วครูมึงล่ะ”
“เอาไว้ก่อน เขาคงคุยติดลมอยู่กับเพื่อนเขามั้ง คงไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้คนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นณิชานะ”
.
.
.
.
.
ในห้องแคบเหม็นอับ ร่างบอบบางของคุณหนูที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงไปแล้วจากการจิกดึงร่นถอยหนีไปเพื่อหาทางเอาตัวรอดขณะนั่งแช่กับพื้น
จากการโดนเหวี่ยงร่างลงไปเมื่อครู่ น้ำหูน้ำตาสาวน้อยไหลอาบแก้มเป็นทาง พลางเกิดอาการสะอึกสะอื้นร้องขอความเห็นใจจากสองวายร้ายที่ตัวเองไม่รู้จัก
“ปล่อยฉันไปนะ พวกแกจับฉันมาต้องการอะไร เราไม่รู้จักกันนี่”
“ปล่อยนะปล่อยแน่สาวน้อย แต่หน้าตาผิวพรรณอย่างน้องเนี่ย ก่อนปล่อยตัวไป พวกพี่สองคนขอดอมดมให้หนำใจก่อนนะ น่าจะหอมดีพิลึก”หนึ่งในสองวายร้ายแสยะยิ้มเอ่ยขึ้น พลางค่อยๆเดินไปหาคนที่ร่นถอยหนีไปอย่างช้า ซึ่งสร้างความหวาดผวาของคนนั่งกับพื้นจนเผลอกรี๊ดเสียงดัง ก่อนจะอ้อนวอนขอความเห็นใจใหม่
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันไหว้ก็ได้ ปล่อยฉันไปเถอะ แล้วฉันจะไม่แจ้งตำรวจ”
“โถ น้องสาว คิดเหรอว่าตอนนี้ตำรวจจะไม่รู้เรื่อง ป่านนี้ไอ้เด็กหน้าหล่อที่มากับน้องมันแจ้นไปบอกใครต่อใครแล้วว่าน้องโดนพวกพี่ฉุดมา”
“ถ้างั้นก็รีบปล่อยฉันไปสิ รับรองฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นะๆๆๆ”
“ปล่อยพวกพี่ก็โง่น่ะสิจ๊ะคนสวย ถึงตอนนี้พวกมันจะพลิกแผ่นดินหาพวกพี่ พวกมันก็หาไม่เจอหรอก น้องสาวไม่ใช่เหยื่อรายแรกของพวกพี่นะจ๊ะที่จะได้เสพสวาทกับพวกพี่ในห้องนี้แล้วถ่ายคลิปส่งขายต่อในตลาดมืดน่ะ”
“กรี๊ดดด!! พวกแกจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ พ่อฉันเป็นคนกว้างขวาง รับรองว่าถ้าพวกแกโดนจับได้ พวกแกไม่รอดแน่”
“เฮ้อ ก็เห็นขู่กันแบบนี้ทุกราย แต่ก็ครางอ่อยๆกันทุกครั้งเวลาโดนลิ้นชอนไชหรือโดนฝังเข็ม”
“ฮือๆๆ ปล่อยฉันไปเถอะนะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
“มันเป็นงานของเราน้องเอ้ย ไม่ทำเราก็ไม่มีกิน น่านะ ยอมเป็นดาราหน้ากล้องของพวกพี่ดีๆเถอะ จะได้ไม่เจ็บตัว เห็นบอกว่าเป็นถึงคุณหนูนี่ พวกเราไม่อยากรุนแรงด้วยนักหรอกเดี๋ยวช้ำเปล่าๆ”
“ใครบอกพวกแกว่าฉันเป็นคุณหนู”
“ขอโทษทีนะคนสวย เราจำเป็นต้องปิดบังซ่อนเร้นนายจ้างของเรา”
“แสดงว่ามีคนว่าจ้างพวกแกให้มาจับฉันโดยตรงน่ะสิ”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยะที่น้องไม่ต้องโดนสุ่มเอาเหมือนหลายๆคนที่ผ่านมา แต่ก็นะ ไม่นึกเลยว่าคนที่จ้างเรา เขาจะว่าจ้างเราให้ได้งานชิ้นเอก คลิปคุณหนูไฮโซโดนขย่ม น่าจะขายดีพิลึก”
“ทำแบบนั้นออกไปเท่ากับเป็นหลักฐานมัดตัวพวกแกเลยนะ คิดอะไรตื้นๆไอ้พวกเลว”
“โอ๊ะโอ ปากกล้าขึ้นมาแล้ว คงหายกลัวแล้วสินะ แล้วจะบอกอะไรให้นะ พวกเราขายคลิปน้อง ไม่ใช่ขายคลิปพวกพี่ พวกเราจะโง่ถ่ายให้เห็นหน้าพวกเราทำไมกันล่ะจ๊ะ ถ่ายแค่หน้าตาสวยๆบิดเบี้ยวผสมเสียงครางสนั่นของน้องได้ พวกเราก็จบงานแล้ว ส่วนหลังจากนั่นจะเอายังไงกับน้องดี ค่อยมาคอยดูกันดีกว่า ตื่นเต้นดี”
“เลว เลวมาก ไอ้พวกสวะสังคม คอยดูนะหลุดไปได้ฉันจะแจ้งความจับกวาดล้างให้หมดเลยไอ้วงจรอุบาทเนี่ย”
“เอาเลยน้องสาว ถ้าคิดว่าหลุดออกไปได้”เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั้งห้องทันทีที่พวกมันเอ่ยจบ ณิชาปล่อยโฮออกมาพลางกรี๊ดลั่นสนั่นห้องเช่นกัน เมื่อร่างทั้งร่างโดนตะครุบจับไว้ได้
.
.
.
.
“จะทำอะไรน่ะ”
.
.
.
.
.
ทิ้งเอาไว้ให้ทายกันเล่นๆ ว่าประโยคนี้ ใครเป็นคนพูด แล้วจะมาเฉลยในตอนหน้านะ
.
.
.
.
ขอบคุณครับ
Boy