มาแระคับ เหนื่อยมากเลย ทำงานวันนี้ ไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า....
ไปอ่านกันต่อเรยค๊าบ....
ภูมิ กำลังจะกลับบ้านหลังเลิกงาน ชายหนุ่มชะงักเท้าเดินขณะกำลังจะออกจากตึกเมื่อสายตามองเห็นคุณหนูผู้คิดว่าตัวเองสวยตายเดินเซื่องซึมผ่านมา
“เจอกันอีกแล้วนะครับคุณณิชา”ร่างสูงแถตรงไปทักทายเมื่อนึกครึ้มอยากยั่วโมโหเด็กเล่น
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”คนถูกทักตวาดแว้ด เพราะอารมณ์เสียเป็นทุนเดิมมาอยู่แล้วกับการโดนสลัดทิ้งอย่างเป็นทางการ
“โถ อารมณ์ไม่ดีมาจากไหนครับเนี่ย แล้ววันนี้แฟนไม่มาส่งเหรอครับ”ภูมิยั่วต่ออย่างนึกสนุก แล้วแกล้งถามถึงเตชสิทธิ์
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”คุณหนูถลึงตาบอก พลางจะรีบเดินหนี จังหวะนั้นเจ้าตัวก็ต้องร้องกรี๊ดลั่นเสียงหลง เมื่อร่างเกิดสะดุดล้มขึ้นมาจากการถูกปลายเท้าใครบางคนยื่นมาขัดขาที่กำลังก้าวเดิน
“ฉันจะฟ้องพ่อฉัน นายต้องโดนไล่ออกจากตึกนี้แน่”คนล้มสะบัดหน้ามาตวาดแว้ดใส่คนที่ขัดขาตน นั่นก็คือคนที่แถเข้ามาทักเธอน่ะแหละ
ภูมิแสยะยิ้มให้อย่างไม่สะท้าน เมื่อมองรอบตัวเห็นแล้วว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีใครพลุกพล่านเท่าไหร่ ชายหนุ่มรีบเดินหนีก่อนที่ยัยคุณหนูนั่นจะแหกปากขู่ตนไปมากกว่านี้
“สมน้ำหน้า อยากเป็นคนที่นายไต๋สนใจดีนัก”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะเดินหนี เพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างฝ่ายที่ตนแกล้งกับคนที่ตนยังคงมีความหวังว่าจะได้สัมผัสเนื้อกายอยู่ ดำเนินไปจนถึงขั้นแตกหักแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
กฤตภาษนั่งคิดหาวิธีที่จะจัดการกับคนที่ทำตนหวิดเสียโฉมอยู่ในฟิตเนสคลับประจำ ชายหนุ่มหงุดหงิดอย่างเหลือล้นเมื่อนึกถึงนาทีที่รถคันสวยโดนฟาดจนกระจกเละ
“ร้ายกว่าที่คิดนะแก”คำพูดเข่นเขี้ยวหลุดออกมาจากปาก ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆเมื่อมีมือบางมือยื่นมาลูบไล้ที่ต้นแขน เจ้าของมือคือภูมินั่นเอง
“เอามือออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่เก๊กน้ำเสียงและท่าทางเหมือนอย่างเคย ก่อนจะปัดมือนุ่มนั่นออกจากร่างกายตัวเองพร้อมจะลุกหนี ไม่มีเหตุผลที่เขาจะมานั่งปั้นท่าทางตัวเองให้แมนเข้าไว้ในสายตาของคนที่กำลังมีเป้าหมายว่าจะสัมผัสกลิ่นกายและเนื้อตัวของหนุ่มน้อยคนเดียวกันกับเขา
“ของมันเคยๆ ทำเป็นเล่นตัว”ภูมิเอ่ยอย่างคนอารมณ์ดี แน่ล่ะ เพราะก่อนมานี่ได้แกล้งชะนีเด็กจนล้มหน้าเกือบฟาดพื้นมาได้นี่นา ตอนแรกชายหนุ่มก็คิดจะกลับที่พัก แต่พอนึกอีกที แวะมาออกกำลังกายหน่อยจะดีกว่า บังเอิญเหลือเกินที่ได้เจอคู่ขาเก่าตัวดีเข้าให้
“เคยแล้วไง ใช่ว่าฉันจะติดใจอะไรนักหนากับลีลาห่วยๆของสาวเสียบอย่างหล่อนนักหรอก”คนถูกทวนความจำเอ่ยประโยคชนิดตะคอกให้คนฟังหน้าหงายขึ้น
อย่างเสียงดังฟังชัด
“พูดดีๆนะ ใครสาวเสียบ”ภูมิเอ่ยขึ้นอย่างเสียหน้า เมื่อโดนคู่ขาดูถูกออกมาแบบนั้น
“โอ้ย เลิกเก๊กได้แล้วย่ะ เกย์แมนๆที่ไหนที่เขาคิดจะจับจ้องกินผู้ชายกัน ฉันนี่มันตาบอดแท้ๆที่หลงไปยกขาให้แกน่ะ”กฤตภาษยังคงเอ่ยต่ออย่างไม่สะท้าน เป็นไงก็เป็นกันเหอะ คนยิ่งกำลังหงุดหงิดกับการเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เกมราวีคู่ศิษย์รักกับอาจารย์เทวดานั่นอยู่
“ หนอย กล้าบอกนะว่าตัวเองตาบอด ฉันต่างหากล่ะที่ควรจะพูดคำนี้ เห็นภายนอกดูดีก็นึกว่าจะฟิต ที่ไหนได้ เท้าเด็กห้าขวบก็น่าจะยัดเข้าไปได้มั้งรูนั่นน่ะ”คนโดนว่าตอกกลับอย่างเจ็บแสบเช่นกัน สองคนจึงยืนสู้สายตากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ จนฝ่ายที่โดนว่าทีหลังต้องเอ่ยแฉขึ้นมาใหม่
“มาว่าคนอื่น ไม่คิดเจียมตัวเองบ้างเหรอว่าของตัวเองน่ะมันSize ไหน หนอยไอ้นิ้วก้อยเด็กเรียกพี่”
“นิ้วก้อยเด็กยังไงมันก็เคยยัดปากนายจนพูดไม่ออกมาแล้วล่ะ ทีตอนกินน่ะบอกอร่อยทีตอนนี้ทำมาพูดดี นี่แหละน่า นิสัยกะเทยร่านน่ะ”
“นี่แกด่าฉันเป็นกะเทยเหรอ อีแอบจิต”
“ก็เออสิ หรือไม่จริงล่ะ เวลาเต้นในคลาสน่ะหัดมองตัวเองในกระจกซะบ้าง จะได้เห็นว่าตัวตนจริงๆของตัวเองน่ะมันเป็นยังไง ไม่ใช่เต้นอยู่แต่สายตาแลหาแต่ผู้ชายกล้ามใหญ่จนเกือบถลนออกมานอกเบ้า”
“ไอ้ภูมิ ไอ้ ไอ้ ไอ้ทุเรศ ไอ้ โอ้ย!!”กฤตภาษแทบจะล้มตรงนั้นซะให้ได้ เมื่อทนกับคำด่าว่าที่แทงใจดำเหลือทนจากคนที่ตนเคยมีอะไรด้วยไม่ไหว ชายหนุ่มเดินสะบัดหนีไปอย่างคนยอมแพ้ว่าปากจัดไม่เท่าฝ่ายนั้นจริงๆ ไม่ได้การล่ะ ขอไปสะเดาะเคราะห์ให้บั้นท้ายก่อนซักเจ็ดวัด เก้าวันก่อน ตั้งแต่เสียตัวมาไม่เคยมีอีรุกหน้าไหนมันปากจัดขนาดมาชี้หน้าด่าได้เจ็บแสบยังกะแม่ค้าขนาดนี้ นี่ฉันโดนสาวเสียบจริงๆหรือนี่ กรี๊ดดด!!อยากจะบ้าตาย!!
.
.
.
.
.
.
.
กัณตินันท์แวะไปรับเตชสิทธิ์อย่างเคยที่โรงเรียนเจ้าตัว ตอนแรกที่เห็นฝ่ายนั้นเดินออกมาพร้อมเพื่อนกลุ่มใหญ่ เลยคิดที่จะเลี่ยงหลบ แต่นั่นก็ช้ากว่าสายตาของคนที่เดินออกมาที่มองเห็นซะก่อน
“พี่ตฤณ”เสียงลูกศิษย์ร้องเรียก ทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆเดินไปหา เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวกำลังโบกมือเรียกอยู่
พอไปถึงคนกลุ่มนั้น ชายหนุ่มเกิดอาการอึ้งไปหน่อยๆ ก่อนจะยกมือรับไหว้หลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทบไม่ทัน
“พวกผมขอโทษนะพี่ ที่เคยหลงเชื่อไอ้เหี๊...ไต๋แล้วรุมแกล้งพี่น่ะ”หนุ่มเป็นคนเอ่ยนำเพื่อนเมื่อยกมือไหว้ที่ที่เดินมาถึงกลุ่มเสร็จ
“เรียกชื่อกูเฉยๆก็ได้ไอ้หนุ่ม”เตชสิทธิ์หันไปบอกคนที่เอ่ยชื่อตนโดยมีคำนำหน้าที่ไม่น่าฟังนัก
“ก็มันจริงนี่ พี่ตฤณเขาเป็นครูมึงแท้ๆ ดันโกหกพวกกูว่าเขาเป็นพวกโรคจิตตามจีบมึง แล้วยืมมือพวกกูไปช่วยกันแกล้งพี่เขา มึงว่ามึงเหี้..มั๊ยล่ะ”ไอ้ต้อมผสมโรงขึ้น ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆให้คนเป็นครูของคนที่ตนว่า แล้วเอ่ยขึ้นอีก
“คือไอ้ไต๋มันบอกเรื่องพี่กับพวกผมหมดแล้วครับ ยังไงพวกผมก็ต้องขอโทษพี่อีกทีนะ ที่เชื่อไอ้เหี้..นี่แล้วรุมแกล้งพี่น่ะ”
“สามเหี้...แล้วนะพวกมึง ขอโทษแล้วก็ไปไหนก็ไปกันเลยไป ว่ากูอีกคำเดียว กูแตะส่งเลยนะบอกไว้ก่อน”
“ทำเก่งๆ ดูนิสัยมันนะพี่ นักเลงซะ แนะนำให้พี่เตรียมไม้เรียวไว้ซักโหลเลยนะ สอนไอ้นี่น่ะ”หนุ่มว่าคนขู่แล้วหันมาพูดกับคนที่ยืนยิ้มอยู่หน่อยๆ
“มึงไม่ต้องมาสะเออะไอ้หนุ่ม แค่หัวใจพี่เขาก็เอาอยู่หมัดแล้ว ไม้เรียวไม่ต้อง”เตชสิทธิ์เอ่ยออกมาตรงๆอย่างไม่แคร์อะไร ต่างจากคนที่ยืนฟัง จากรอยยิ้มหน่อยๆที่เจือบนใบหน้าตอนแรก เปลี่ยนเป็นตึงเรียบขึ้นมาพร้อมๆกับหันมองคนพูดประโยคเมื่อครู่ตาเขียว
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะไต๋”ชายหนุ่มเอ่ยว่าลูกศิษย์ ด้วยเพราะยังไม่รู้ว่าคนๆนี้ได้เปิดใจพูดเรื่องของเจ้าตัวกับตนให้เพื่อนๆฟังจนหมดแล้ว
“เอาล่ะเหวย ท่าทางไอ้ลูกศิษย์จะโดนไม้เรียวคุณครูแล้วโว้ย กูว่าพวกเรารีบไปที่อื่นเถอะว่ะ ก่อนจะโดนปลายไม้เรียวไปด้วย”หนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแซวๆ ก่อนจะนำเพื่อนทั้งกลุ่มยกมือไหว้ลาคนที่มองลูกศิษย์ตาเขียวอยู่ แล้วยกโขยงพากันเดินไปทางอื่น
“เมื่อกี้พูดอะไร นายนี่มันยังไงนะ อยากโดนเพื่อนล้อนักหรือไง”กัณตินันท์ต่อว่าคนพูดจาไม่คิด ทันทีที่ได้อยู่กันสองต่อสองแล้ว
“ใครจะล้อหรือใครจะว่าล่ะ ในเมื่อผมพูดความจริง อีกอย่างไอ้พวกนั้นก็รู้เรื่องผมกับพี่จนหมดแล้ว”คนถูกต่อว่าตอบหน้าตาย
“ความจริงอะไร แล้วพวกนั้นรู้อะไร พี่กับนายเป็นแค่ครูกับลูกศิษย์เท่านั้น จำไว้”
“คิดกับผมแค่นั้นจริงเหรอ”
“ก็มันคิดอย่างอื่นได้หรือไง”
“อยากคิดหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่”
“แน่ใจ”
“อืม”
“ไม่เชื่อหรอก อย่าปากแข็งนักเลยพี่ตฤณ ยอมรับมาเถอะว่ารักผมน่ะ ไม่งั้นพี่คงไม่ยอมทำอะไรเพื่อผมตั้งหลายครั้งหรอก”
“ก็ในฐานะครูทำให้ลูกศิษย์ไง”
“เฮ้อ บอกใคร ใครเขาจะเชื่อเนี่ย ว่าคนอย่างนายไต๋ โดนคนเป็นเกย์เล่นตัวใส่”
“น้อยๆหน่อยเถอะ นายมีดีอะไรนักหนา ถึงคิดว่าเกย์ทั้งประเทศจะต้องหลงใหลน่ะ”
“อยากลองดูหรือเปล่าล่ะ”
“ทะลึ่ง”
“อ่ะแน่ะ เขินล่ะสิ จริงๆก็อยากลองใช่มั๊ยล่ะ บอกได้นะครับ เผื่อผมอาจจะยอม”
“พูดมากจริงๆ กลับบ้านกันได้แล้วไป เดี๋ยวจะเสียเวลาเรียน”
“เปลี่ยนเรื่องซะงั้น กลับก็กลับ แต่จ่ายค่ารถให้ผมนะ วันนี้ตังค์หมดแล้ว”
“อะไรมันจะยากจนขนาดนั้น เดินกลับซะดีมั๊ย”
“เอาสิ ผมจะได้อยู่กับพี่นานๆ”
“ทำยังกะกลับไปถึงบ้านแล้วจะไม่ได้อยู่ด้วยกันงั้นล่ะ”
“ก็ในชั่วโมงนั้นมันต้องอยู่ในฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์นี่”
“แล้วมันต่างจากตอนนี้ยังไง”
“ต่างสิ ก็ตอนนี้อยู่ในฐานะ...”เด็กหนุ่มหุบปากลงกะทันหันเมื่อโดนคนยืนฟังคำตอบยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
“ในฐานะพี่กะน้องชายก็ได้อ่ะ”สุดท้ายคำตอบจึงถูกเบี่ยงประเด็นออกไป คนชี้หน้า จึงยอมลดมือลง แล้วเดินนำไปก่อน คนที่บอกตัวเองเป็นน้องจึงออกวิ่งตาม และก็ไม่วายที่จะแกล้งแหย่คนเดินนำไปก่อนไปตามเรื่องขณะเดินคู่กันไป
.
.
.
.
.
บนรถประจำทางปรับอากาศที่นั่งอยู่ คนเป็นลูกศิษย์หลับไปแล้ว คงเพราะเพลียจากการเรียนมาทั้งวัน คนเป็นอาจารย์นั่งเอาหลังเอนไปกับเบาะยกมือขึ้นกอดอก ถอนหายใจเบาๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่ตนเองได้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ถึงจุดแตกหักจากการถูกบอกเลิกจากคนรัก และการลาออกจากการเป็นอาจารย์สอนพิเศษเมื่อครานั้น
..“เรื่องของหัวใจ พี่อยากให้นายโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยคิดถึงมันเตชสิทธิ์”...ชายหนุ่มเอ่ยบอกคนที่นั่งหลับข้างๆในใจ แล้วหันไปมองเจ้าตัว ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆ เมื่อร่างนั้นล้มเอนมาพิงไหล่ตนในขณะที่เจ้าตัวกำลังหลับอยู่
ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างลูกศิษย์หลับซบไหล่ตนไปอย่างนั้นอย่างไม่คิดปลุกเจ้าตัวหรือคิดผลักใสออกไปทางไหน
ในบางครั้ง หัวใจก็เหนื่อยที่จะวิ่งหนีความจริง คุณว่าจริงไหม?
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ
Boy