อิอิ.... ไปอ่านต่อกานเลยนะคับ โทษด้วยมาต่อซะบ่ายเลย
คือว่า แบบ เมื่อคืนเมา เพิ่งฟื้นอ่า
###############################################
กัณตินันท์หน้าชาวูบไปชั่วขณะเมื่อตอนโดนฝ่ามือคนพาลฟาดเข้าที่แก้ม ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองเจ้าของฝ่ามือด้วยแววตาวาวโรจน์
“มองทำไม มีปัญหารึ”ฝ่ายนั้นตวาดกลับมา
“พี่ตฤณ อย่าไปยอมพวกมันนะ”เสียงเตชสิทธิ์เอ่ยสั่งมา ตอนที่เจ้าตัวกำลังจะถูกยัดร่างเข้าไปในรถ
กัณตินันท์หันไปมองเจ้าของเสียง พอเห็นฝ่ายนั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้วก็รู้สึกเหลือทนว่าทำไมวิถีชีวิตของเจ้าตัวจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
“บอกเพื่อนพวกนายปล่อยลูกศิษย์ฉันเดี๋ยวนี้นะ”ชายหนุ่มหันกลับมาบอกกลุ่มคนที่ียืนคุมเชิงตนอยู่ ก่อนจะใช้สายตาสำรวจไปรอบๆตัวเพื่อหาสิ่งของที่พอจะหยิบฉวยขึ้นมาทำอะไรได้บ้างหากมันจำเป็น
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะย่ะค่อยสะเออะไปห่วงคนอื่นน่ะ โอ้ย เห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ ขอตบอีกซักทีเถอะ ”หนึ่งในกลุ่มเอ่ยว่า พลางทำท่าจะเงื้อมือตบชายหนุ่มอีก คราวนี้ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างนั้น เมื่อคนกำลังจะโดนตบได้ตั้งรับสถานการณ์เอาไว้แล้ว
กันตินันท์ยกมือจับแขนคนที่เงื้อมือจะตบตนเองเอาไว้ แล้วออกแรงบีบแน่น จนฝ่ายนั้นร้องโอ้ยเสียงหลง ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าการทำแบบนี้จะต้องโดนรุมแน่ๆจากคนอีกสองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ และพอทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่คาด แผนการณ์ที่เตรียมเอาไว้ในใจเลยถูกงัดออกมาใช้
เสียงร้องโอดโอยดังประสานลั่นทำให้คนกลุ่มที่กำลังลากตัวเตชสิทธิ์อยู่หยุดชะงักหันมามองที่มาของเสียง ภาพที่พวกเขามองเห็นก็คือ กลุ่มเพื่อนที่ส่งให้ไปจัดการกับกัณตินันท์ต่างก็ยกเท้าขึ้นดิ้นเร่าๆ ต่างจากคนที่ต้องการให้จัดการ ที่กำลังยืนนิ่งดูคนกลุ่มนั้นเหมือนคนกำลังสาแก่ใจ
“อีนี่มันกระทืบตีนพวกกู มึงพาเด็กของมึงไปก่อนอีเอส เดี๋ยวทางนี้พวกกูจัดการเอง บังอาจทำพวกกูเจ็บ มันเลี้ยงไม่โตแน่”หนึ่งในกลุ่มที่กำลังสะบัดเท้าเร่าๆร้องบอกพวกที่หยุดมองเหตุการณ์
ในจังหวะที่กลุ่มคนที่ตนจัดการตัดกำลังในเบื้องต้นหันไปสนทนากันเอง กัณตินันท์รีบชิ่งหลบไปหยิบเอาท่อนไม้ข้างทางที่เล็งเห็นตั้งแต่ตนมาถือไว้แล้วเอ่ยขู่อย่างคนเหลืออดแล้วว่า
“ใครกันแน่ที่จะเลี้ยงไม่โต เข้ามาสิ ฉันฟาดไม่เลี้ยงแน่ เกิดมาฉันไม่เคยทำร้ายใคร ลองซักตั้งหน่อยมันก็น่าจะมันส์”
กลุ่มคนทั้งหมดอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะเจอของแข็งเข้าให้ ไม่ต่างจากเตชสิทธิ์ที่อึ้งไปเหมือนกันกับท่าทีสู้คนของครูสอนพิเศษตัวเอง
“เอาเลยพี่ตฤณ ฟาดพวกมันไปเลย”เด็กหนุ่มเอ่ยยุเมื่อตั้งสติได้ กฤตภาษเดือดดาลที่เห็นเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ในที่สุดความเห็นแก่ตัวก็เริ่มสำแดงฤทธิ์ออกมา ชายหนุ่มหันไปบอกกับสองคนที่ล็อคตัวเตชสิทธิ์อยู่ให้ช่วยยัดเจ้าตัวให้เข้าไปในรถเร็ว โดยบอกไม่ต้องสนใจพวกข้างหลัง มีตั้งสามคนถ้าจัดการเหยื่อคนเดียวไม่ได้ก็สมควรโดนฟาดให้ตายแล้วไปเกิดใหม่ซะ
“อ้าวอีเอส แม่งจะชิ่งหนีพวกกูเหรอวะ”หนึ่งในกลุ่มที่โดนไม้จากมือกัณตินันท์ชี้หน้าขู่อยู่โพล่งขึ้นเมื่อหันไปเห็นคนที่เป็นคนออกคำสั่งทุกอย่างวิ่งขึ้นไปบนรถแล้ว เมื่อตอนที่เพื่อนอีกสองคนจับเตชสิทธิ์ยัดเข้าไปข้างในได้สำเร็จ
กัณตินันท์หันมองตามสายตาของกลุ่มคนข้างหน้าที่ตนกำลังถือแต้มต่ออยู่ ชายหนุ่มรู้สึกใจหายนิดๆเมื่อเห็นว่าร่างลูกศิษย์หายเข้าไปในรถคันนั้นแล้ว พร้อมๆกับที่เจ้าของรถสตาร์ทเครื่องเตรียมที่จะวิ่งออกสู่ถนนใหญ่ เร็วเท่าความคิด ชายหนุ่มวิ่งไปยืนดักทางรถคันที่กำลังจะเลี้ยวออกสู่ถนน เป็นไงเป็น
กัน กล้าชนเขาก็เอาสิ
แสงไฟจากหน้ารถสาดเข้าที่ร่างคนยืนถือไม้จังก้าอยู่ แสงนั่นส่องให้เห็นสีหน้าและแววตาท้าทายของเจ้าตัวชัดเจน คนที่ถูกจับล็อคตัวอยู่ในรถครางชื่อฝ่ายนั้นออกมาเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าตัวจะห่วงตนได้ขนาดนี้ นี่มันกี่ครั้งกันแล้วที่คนๆนี้ทำสิ่งที่เหนือคาดเพื่อเขา
“ชนคนตายพี่ติดคุกหัวโตแน่พี่เอส ปล่อยผมลงจากรถซะ แล้วพี่ก็พาพวกพี่ไปตามทางของพวกพี่ แล้วทุกอย่างจะจบ”เด็กหนุ่มรีบเอ่ยออกมาเมื่อนึกหวาดระแวงกับอารมณ์ร้ายๆของคนที่เป็นเจ้าของรถ คนๆนี้นึกคาดโทษ และไม่ชอบหน้าคนที่ยืนอยู่หน้ารถเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การที่ฝ่ายนั้นมายืนหน้ารถแบบนี้ก็เท่ากับมาเป็นเป้านิ่งให้เจ้าตัวระบายแค้นดีๆนี่เอง
“ถ้ามันอยากตายนัก ฉันก็จะสนองให้”กฤตภาษเอ่ยออกมาอย่างคนขาดสติ ปัญหาชีวิตข้างหน้าจะแก้ไขยังไงก็ว่ากันไป แต่ว่าตอนนี้ขอระบายแค้นใส่แม่คุณครูเทวดานี่ก่อนเถอะ จะชนให้ร่างกระเด็นเลยคอยดู ซ่าดีนัก
เสียงเครื่องยนต์กระหึ่งก้อง กัณตินันท์ใจสั่น แต่จะให้ถอยหลบออกไป ก็ไม่อาจที่จะทำได้ เพราะความรู้สึกห่วงคนที่ถูกจับตัวไปมันมากมายล้นเหลือ
ชายหนุ่มยืนนิ่งมองรถคันที่พุ่งตรงมาทางตนเอง พลางคิดหาวิธีที่จะหยุดมันให้ได้ ไม้ในมือถูกกำแน่นยิ่งขึ้น เมื่อความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวสมอง
“พี่เอส หยุดรถเดี๋ยวนี้นะ พี่จะพาผมไปไหน ผมยอมแล้ว”เตชสิทธิ์เหงื่อตกเอ่ยขึ้นเสียงดัง เด็กหนุ่มหัวใจจะวายตายซะให้ได้ เมื่อเห็นครูของตัวเองไม่ยอมไหวติงร่างกายเพื่อหลบหลีกรถคันที่ตนนั่งอยู่เลย
“ถึงยังไง นายก็หนีไม่รอดอยู่ดี จับตาดูร่างอาจารย์สุดที่รักของนายแหลกเละจะดีกว่า”กฤตภาษเอ่ยตอบกลับมา ก่อนจะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่าจะต้องชนร่างคนที่ตนนึกหมั่นไส้ให้ได้ภายในวินาทีนี้
“ตายซะเถอะมึง”ชายหนุ่มเอ่ยอกมาอย่างเคียดแค้น ก่อนจะเร่งความเร็วของรถ
“อย่านะพี่เอส”เตชสิทธิ์ตะคอกลั่น พลางดิ้นเพื่อให้หลุดจากการถูกล็อคตัว
กัณตินันท์กำไม้ในมือแน่นขึ้น สายตาชายหนุ่มแน่วแน่ไปที่คนที่เป็นเจ้าของรถ ฝ่ายนั้นกล้าที่จะชนเขาให้ตาย เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่กล้าทำอะไรบ้าบิ่นเช่นกัน
รถพุ่งมาใกล้ตัวทุกขณะ ในนาทีสุดท้ายที่กำลังจะถึงตัว คนยืนเป็นเป้านิ่งตั้งแต่ต้นสูดกลั้นหายใจเอียงตัวหลบไปทางฝั่งคนขับจนพ้นวิถีอันตรายได้อย่างฉิวเฉียด แล้วสิ่งที่หลายสายตาไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ไม้ในมือของคนเบี่ยงตัวหลบถูกยกฟาดลงบนกระจกฝั่งประตูคนขับจนแตกร้าวเสียงกึกก้องกัมปนาท
กฤตภาษตาค้างเหลือกลาน เมื่อปลายไม้ที่ทะลุกระจกรถที่แตกวืดฉิวเข้ามาที่แค่ปลายจมูกตน ชายหนุ่มตั้งสติเหยียบเบรกรถตัวโก่ง จนพวกอยู่ข้างหลังร่างกระเด็นไปกันคนละทาง นั่นหมายถึงว่าคนที่โดนจับกุมได้เป็นอิสระในทันที
เตชสิทธิ์รีบพาตัวเองลงจากรถโดยเร็ว แล้ววิ่งอ้อมไปหาคนที่ยืนตัวซีดสั่นอยู่
“พี่ตฤณ หายใจลึกๆนะ พี่ไม่เป็นไรแล้ว พี่ไม่เป็นไรแล้ว”เด็กหนุ่มเอ่ยปลอบคนที่ทำให้เหตุการณ์เหนือความคาดหมาย เมื่อเห็นฝ่ายนั้นหน้าซีดตัวสั่น เพราะคงจะขวัญเสียอยู่ไม่น้อยเช่นกันที่ทำอะไรบ้าบิ่นลงไปขนาดนั้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” คนที่อยู่ในรถพอหายจากช็อคและตกใจเอ่ยตะคอกออกมา เมื่อเห็นตัวเองพ่ายแพ้ในเกมนี้ไปอย่างยับเยิน เตชสิทธิ์เดินเข้าไปเพื่อที่จะจัดการให้สงบปากสงบคำ แต่ก้าวเท้าได้เพียงก้าวเดียว รถคันที่ไม่สมประกอบนั่นก็พุ่งหนีหายออกไปสู่ถนนใหญ่
“เก่งจริงอย่าหนีสิวะ”เด็กหนุ่มร้องเรียกตาม ก่อนจะมองกลับไปยังจุดเริ่มต้นเหตุการณ์เมื่อจำได้ว่า มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่โดยลอยแพเอาไว้อยู่ เด็กหนุ่มแค่หันไปมองเท่านั้น ยังไม่ได้คิดทำอะไร คนกลุ่มนั้นต่างก็ออกตัววิ่งหนีกันไปอย่างไม่คิดชีวิต
“พี่ทำอะไรลงไปไต๋ พี่ทำอะไรลงไป”คนตัวสั่นเอ่ยละล่ำละลักออกมาในนาทีที่คนข้างตัวหันกลับมามอง
“พี่ไม่เป็นไรแล้วไงครับ ไม่ต้องกลัวนะ มันจบแล้ว มันจบแล้ว”เตชสิทธิ์เอ่ยขึ้นอย่างปลอบใจ นึกสงสารคนที่ทำอะไรเพื่อตนขึ้นมาอย่างจับจิตจนอยากจะดึงเจ้าตัวมากอดซะให้ได้ แต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้เมื่อตอนนี้เริ่มมีหลายสายตามายืนจับจ้องสถานการณ์อยู่
“ผมไม่ให้พี่กลับบ้านแล้ว ไปค้างกับผมนะ”เด็กหนุ่มเอ่ยบอกคนที่ตนนึกสงสารแล้วพาเจ้าตัวเดินกลับไปยังรถตัวเองอย่างง่ายดาย
.
.
.
.
.
.
.
ช่วงนี้ต้องรีบปั่นต้นฉบับ เพราะจะได้ลุยงานหนังสือต่อ(แบบจริงๆจังๆ)
ยังไงถ้าชื่นชอบกัน ก็อย่าลืมอุดหนุนกันบ้างน๊า แหะๆ
ขอบคุณครับ
Boy
ปล. ไงก็อย่าลืมอุดหนุนหนังสือพี่บอยกันด้วยนะคับ