คอมพิวเตอร์ถูกปิดเครื่องลงไปในตอนสาย กัณตินันท์เก็บสมุดจดเล่มประจำลงในลิ้นชัก หลังจดข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมจากการค้นหาทางอินเตอร์เน็ตได้ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ถูกปิดไว้ทั้งคืนมาถือไว้ในมือซักพักแล้วเปิดเครื่อง เวลาผ่านไปไม่นานเมื่อระบบทำงาน เจ้าของเครื่องรู้สึกเหงาหน่อยๆที่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆเกิดขึ้นบนหน้าจอเครื่อง ไม่มีข้อมูลการฝากเบอร์ของคนที่อาจโทรเข้ามา ไม่มีข้อความใดๆจากใครทั้งนั้น ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงที่เดิมแล้วนิ่งคิด การเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมากเกินไปมันทำให้เขากลายเป็นคนไร้เพื่อน ไร้คนคิดถึงไปเลยหรือไงนะ จริงอยู่ที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างจะอบอุ่น คนในบ้านปล่อยวางได้แล้วกับสิ่งที่เขาเป็น เขาจึงไม่ได้มีปัญหากับชีวิตในเรื่องนี้ แต่ก็นั่นแหละนะ ในมุมหนึ่งของการเกิดเป็นมนุษย์ เขาก็อยากจะมีคนสนิท คนรู้ใจเพื่อเอาไว้พูดคุยยามเหงาอยู่บ้างเหมือนกัน นึกถึงตอนนี้แล้วก็เศร้าพิลึกแฮะ ในตอนแรกก็คิดว่าเจอแล้วสำหรับคนๆนั้น แต่ไปๆมาๆ เขาคนนั้นดันมาบอกเลิกเอาจนได้ ซะนี่
.
.
.
.
แดดร้อนเปรี้ยงในตอนเที่ยงวัน เตชสิทธิ์นั่งมองภาพที่ศัลชัยคอยเอาอกเอาใจณิชาขณะเดินเคลียคลอกันมาทางที่ตนนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ สีหน้าและแววตาของคุณหนูนั่นดูจะมีความสุขกับการถูกเอาอกเอาใจก็จริง แต่ความรู้สึกของคนนั่งมองตอนนี้กลับเฉยๆขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เสียหมดเลยมึงไอ้ไต๋ ดูไอ้แซนด์มันควงคุณหนูของมึงสิ หน้างี้บานเชียว”เสียงเพื่อนในกลุ่มเอ่ยแซวขึ้น
“ช่างมันเถอะ พวกเขาเหมาะกันดีแล้ว”คนถูกแซวบอกปัด เด็กหนุ่มได้นึกชั่งใจในเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนก่อนหน้าที่จะเจอภาพนี้แล้ว สุดท้ายเขาก็หาข้อสรุปให้ตัวเองได้ว่าจะลองดำเนินชีวิตวัยเรียน ตามตารางที่อาจารย์สอนพิเศษคนก่อนขีดไว้ให้ดู
“อ้าว พูดแบบนี้ แสดงว่ามึงยอมแพ้ไอ้แซนด์เหรอวะไอ้ไต๋”เพื่อนๆโพล่งถามขึ้น เตชสิทธิ์ยักไหล่ส่ายหน้าแล้วบอก
“ก็ณิชาเขาชอบคนเก่งแล้วพวกมึงจะให้กูทำไงล่ะ กูมันก็แค่เด็กเกเรไม่เอาไหนคนหนึ่ง กูก็คงจะอยู่ของกูต่อไปแบบนี้แหละ”
“เฮ้ย ไอ้นี่เพื้ยนไปว่ะพวกเรา”เพื่อนๆที่ได้ยินเอ่ยตบท้าย ก่อนจะพากันหัวเราะ เฮฮา โห่ฮิ้วไปตามเรื่องตามราวของเด็กผู้ชาย
เสียงเอะอะเฮฮานั่นดังไปถึงหูคนสองคนที่กำลังเดินผ่านมาพอดี
“ดูพวกนั้นสิณิชา เอะอะ เสียงดัง ไม่นึกเกรงใจคนอื่นเขาบ้างเลย”ศัลชัยเอ่ยขึ้นก่อน ณิชาที่อยู่ข้างๆจึงหันไปมองทางต้นเสียงด้วยอีกคน จังหวะนั้นเด็กสาวได้ประสานสายตากับหัวโจกของกลุ่มเข้าพอดี ครู่ต่อมาหัวใจคุณหนูคนสวยก็เกิดชาวูบขึ้นมาอย่างประหลาด เมื่อเห็นคนที่ตนประสานสายตาด้วยมีท่าทีเมินเฉย และแปลกไปใส่ตน
“เฮ้ย เดี๋ยวกูขึ้นห้องก่อนนะโว้ย”เตชสิทธิ์เอ่ยบอกเพื่อน เมื่อรู้สึกว่า ณิชาจะจ้องตนนานเกินไปแล้ว เด็กหนุ่มจำใจที่จะเดินหนีสายตาเด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขาหลงใหลได้เพ้อจนเสียการเรียนมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หัวใจเจ้าตัวมาอย่างจริงๆจังๆ ก็ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นแค่คนเกเรและไม่เอาไหนในสายตาคุณหนูนั่นไปแล้ว เขาก็ควรจะอยู่ในมุมเกเรของเขาต่อไปจะดีกว่า
“ไต๋..”ณิชาเผลอเอ่ยชื่อคนที่เดินหนีสายตาตนไป เด็กสาวครุ่นคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆคนๆหนึ่งที่เคยตามเธอต้อยๆ จะมีท่าทีเมินเฉยใส่ตนได้แบบนี้ จริงอยู่ที่เธอไม่นึกปลื้มและไม่ชอบใจในความไม่เอาไหนของฝ่ายนั้นในเรื่องเรียน แต่ก็นะ ในมุมหนึ่งของเด็กสาววัยนี้ การได้เป็นสาวป๊อบในหมู่หนุ่มๆจนเรียกความอิจฉาเล็กๆจากสาวๆวัยเดียวกันได้ มันก็ดูเริดๆ เชิดๆ ได้ดีไม่น้อยนี่นา ว่าฉันน่ะสวยเลือกได้
“มองตามมันไม่วางตาเลยนะณิชา ไหนบอกไม่ชอบมันแล้วไง”ศัลชัยเอ่ยทักเมื่อเริ่มรู้สึกเคืองใจในท่าทีของเพื่อนหญิงที่มีต่อคู่อริ
“ก็คนเคยรู้จักกัน อยู่ๆเขามาเมินเฉยใส่ณิชาแบบนี้ ณิชาก็ต้องรู้สึกบ้างสิ แซนด์น่ะคิดมาก”ณิชาหันมาตอบ ปากคุณเธอบอกว่าเพื่อนหนุ่มคิดมาก แต่จริงๆแล้วตัวเธอเองน่ะแหละที่เป็นฝ่ายกำลังคิดอะไรต่างๆนาๆอยู่ตอนนี้ ไม่รู้สินะ มันรู้สึกเสียหน้าอยู่ลึกๆ ที่โดนคนที่เคยตามเอาใจเชิดใส่แบบนี้
.
.
.
.
.
ได้เวลาเลิกเรียน ณิชารีบไปยืนดักรอใครบางคนตรงทางที่คิดว่าเจ้าตัวต้องเดินผ่าน ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะเด็กสาวต้องการที่จะเช็คความรู้สึกฝ่ายนั้นนั่นเอง ว่ายังรู้สึกชื่นชอบและชื่นชมเธอเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า บอกตรงๆว่าเอาเข้าจริงๆเธอก็รับไม่ได้หรอกที่จะโดนเมินใส่ขนาดนี้
“อะไรนะคะคุณพ่อ วันนี้ไม่ต้องให้ณิชาไปรอที่ตึกเหรอคะ”เด็กสาวรีบหันหลังแล้วแกล้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดคุยทันที เมื่อหางตามองเห็นแล้วว่าคนที่ตนลงทุนมาดักรอกำลังเดินมาถึงใกล้พอจะได้ยินสิ่งที่เธอแกล้งพูดเมื่อครู่
เตชสิทธิ์ชะงักเท้าหยุดเดิน เมื่อสองหูได้ยินเสียงณิชาเอ่ยคุยโทรศัพท์อยู่ เด็กหนุ่มหยุดยืนฟังอยู่ชั่วขณะ
“อ๋อ ให้ณิชากลับเองก่อนได้เลยเหรอคะ ว้า แย่จังเลยคุณพ่อ”ณิชาแกล้งพูดกับลมไม้ใบหญ้าต่อไป เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังสนใจฟังตนอยู่ แน่ล่ะ คนๆนั้นก็คือคนที่เธอดักรอน่ะแหละ
“ค่ะๆ ได้ค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะ”เด็กสาวรีบกล่าวสรุปเออๆออๆเอาเอง เมื่อคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะได้ลองใจใครบางคน
“อ้าวไต๋ จะกลับแล้วเหรอ”คนคิดลองใจเอ่ยทักเหยื่อในเกม เมื่อหันกลับมาแล้วแสร้งทำทีเหมือนเพิ่งมองเห็นเจ้าตัว
“ครับ แล้วณิชาล่ะ”เตชสิทธิ์รับคำแล้วเอ่ยถามกลับ
“ก็ว่าจะไปรอคุณพ่อที่ตึกเหมือนเดิมแหละ แต่คราวนี้ติดปัญหาว่าคุณพ่อมีประชุมดึก เลยบอกให้ณิชากลับเองก่อนได้เลย”ณิชาเอ่ยตอบ ก่อนจะแสร้งตีสีหน้าเศร้าๆ
“อ้าวเหรอ แล้วเพื่อนๆหายไปไหนหมดล่ะ”เตชสิทธิ์เอ่ยบอกออกมา ทำเอาคนตีสีหน้าเศร้าแทบสะอึก อะไรกันนี่ เกริ่นนำทางขนาดนี้แล้วยังบื้อไม่คิดจะไปส่งอีก หรือว่านายหมดรักฉันแล้วจริงๆนายไต๋
“กลับกันหมดแล้วล่ะ”คนจับความรู้สึกอีกฝ่ายบอกห้วนๆ คล้ายๆจะแกล้งงอน
“แล้วไอ้แซนด์ล่ะ โทรให้มันไปส่งณิชาสิ ดีกว่ากลับคนเดียวนะ”เตชสิทธิ์เสนอออกไปตามประสาซื่อ ไม่ใช่ว่าจะแกล้งอะไรอีกฝ่ายหรอกนะ แต่ที่เด็กหนุ่มไม่แสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษเช่นเดิม ก็เพราะว่าเย็นนี้เขามีนัดกับพี่ชายคนใหม่ที่ชื่อภูมิแล้วต่างหาก
“จริงสินะ ณิชายังมีแซนด์อยู่นี่นา ขอบใจนะที่เตือน”คนได้ข้อเสนอเอ่ยบอกเสียงห้วนกว่าเดิม เมื่อรู้สึกขัดใจขึ้นมากะทันหัน เด็กสาวพูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปอย่างไร้มาดคุณหนูที่เคยมี ปล่อยให้คนอยู่ข้างหลังยืนเกาหัวตนเองมองตามอย่างงงๆ
ที่ร้านหนังสือในห้างดัง ภูมิยืนกอดอกมองนอกชายน้องไส้อย่านึกเซ็งขึ้นมาหน่อยๆ ที่เขานัดเจอเด็กนี่ก็หวังที่จะได้อยู่กับเจ้าตัวในที่ลับตาคนมากว่านี้ จะไปดูหนัง ฟังเพลง หรือร้องคาราโอเกะบ้าบอที่ไหนก็ว่ากันไป ที่พอจะทำให้สถานที่และบรรยากาศมันดูสลัวๆกว่านี้หน่อยซักนิดนึง
เตชสิทธิ์เอ่ยปากชวนเขามาที่ร้านหนังสือนี้ทันทีที่ได้เจอหน้ากัน เจ้าตัวอ้างว่ากำลังหาซื้อหนังสือเตรียมสอบ และคู่มือต่างๆหลายเล่ม ไอ้ครั้นเขาจะปฎิเสธก็กระไรอยู่ เพราะสถานะพี่ชายที่คอยให้คำปรึกษาต่างๆนั่นแท้ๆเชียวที่มันค้ำคออยู่จนไม่อาจทำอะไรที่ส่อให้ภาพการเป็นคนดีที่สร้างไว้มันมีรอยเปื้อน
“ไต๋ พี่ขอเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ นายเลือกหนังสือรอพี่ที่นี่ละกัน”ชายหนุ่มเอ่ยบอกในที่สุด เมื่อไม่อาจทนยืนมองร่างสูงของเด็กที่ตนหลงใหลอยู่แล้วทำอะไรกับเจ้าตัวไม่ได้
เตชสิทธิ์หันไปรับคำคนพาตนมายิ้มๆ ก่อนจะหันมาสนใจการเลือกหนังสือต่อ เมื่อฝ่ายนั้นเดินจากไปแล้ว
ในอีกมุมหนึ่งของร้านเดียวกัน กัณตินันท์ถึงกับต้องชะงักเท้าโดยพลันขณะที่กำลังจะหอบหนังสือสองสามเล่มมาชำระเงินที่เคาท์เตอร์
“นายไต๋ ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้นะ”ชายหนุ่มเผลอพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบแทรกตัวเองกลับเข้าไปหลบตามชั้นหนังสือ เพราะกลัวว่าสายตาของเตชสิทธิ์จะมองเห็นตนซะก่อน ยังไม่อยากจะเจอกับเด็กนั่นตอนนี้เลยให้ตายสิ
“เอาไงดีวะ หนังสือพวกนี้มีร้านนี้ร้านเดียวซะด้วย”คนทำตัวเป็นนินจาเอ่ยอย่างวิตก ด้วยเพราะจุดชำระเงินดันไปอยู่ทางด้านหลังเด็กคนนั้น ถ้าเขาเดินออกไปชำระค่าหนังสือตอนนี้นะ รับรองได้ว่าคงได้จ๊ะเอ๋กับเด็กนั่นแน่ๆ ซึ่งชายหนุ่มก็เกินจะคาดเดาเหลือเกินว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรกับชีวิตตนอีก หากว่าได้พาตัวเองไปอยู่ในรัศมีสายตาคนๆนั้น
.
.
.
“เอ หนังสือชื่ออะไรนะ”เตชสิทธิ์ เอ่ยขึ้นมาลอยๆ เมื่อนึกชื่อหนังสือที่ตนตั้งใจมาซื้อไม่ออกอยู่หนึ่งเล่ม เด็กหนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋านักเรียนแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาคลี่ดู แน่นอนที่สุดว่าทุกกริยาของเขาตอนนี้มีสายตาของกัณตินันท์กำลังจดจ้องอยู่
“แล้วมันอยู่มุมไหนกันล่ะเนี่ย”คนเปิดดูกระดาษเอ่ยขึ้นมาอีก เมื่ออ่านรายชื่อหนังสือเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มเงยหน้ามองหาไปทั่วว่าชั้นวางหนังสือฝั่งไหนน่าจะเป็นที่วางหนังสือที่ต้องการซื้อ
กัณตินันท์หลบวูบทันควันเมื่อเห็นคนที่ตนจ้องดูความเคลื่อนไหวอยู่ หันหน้าหันหลัง ชายหนุ่ม ย่อตัวนั่งลงแทบพื้นแล้วรีบเดินค่อมๆ เพื่อหาที่หลบมุมใหม่ เมื่อเห็นคนหันหน้าหันหลังตัดสินใจเดินมาทางที่ตนหลบอยู่
“พี่ครับ”เสียงทุ้มของคนเดินเข้ามาดังขึ้น ทำเอาคนเดินย่อตัวชะงักเท้าทันควัน หัวใจชายหนุ่มหล่นไปที่ปลายเท้า เมื่อคิดไปว่าเจ้าของเสียงคงเห็นตนแล้ว และคงส่งเสียงเรียกไว้เมื่อครู่
ชายหนุ่มค่อยๆลุกยืนแล้วหันกลับมามองทางต้นเสียง ในใจนึกจินตนาการไปแล้วว่าคงจะได้เจอรูปร่างสูงโปร่ง และใบหน้าของเจ้าของเสียงเมื่อครู่เป็นแน่แท้ แต่…
“พี่ครับ หนังสือเล่มนี้อยู่ชั้นไหนครับ”นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มมองเห็นและได้ยิน เตชสิทธิ์กำลังยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้พนักงานร้านหนังสือและเอ่ยถามคำถามเมื่อครู่นั่นเอง
“นึกว่าแกจะซวยซ้ำซ้อนซะแล้วตฤณ”คนเกือบซวยบอกกับตัวเอง ก่อนจะรีบหาที่หลบมุมใหม่ แต่ก็ไม่วายที่จะจดๆจ้องๆความเคลื่อนไหวของคนที่ตนไม่อยากเจอตอนนี้อยู่อย่างไม่อยากให้คลาดสายตา เพราะถ้าฝ่ายนั้นหลุดหายไปจากรัศมีการมองเห็น เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปหลบมุมไหนถึงจะไม่เจอกันจังๆ
“หนังสือเล่มนี้หมดสต๊อคไปแล้วครับ ตอนนี้ขายดีมากๆ หมดเกลี้ยงเกือบทุกสาขา ทุกร้านเลย”เสียงพนักงานเอ่ยบอก คนยืนสังเกตการณ์แอบมองเห็นว่าอีกคนมีสีหน้าผิดหวัง
“จะซื้อหนังสืออะไรนะเตชสิทธิ์”ชายหนุ่มเปรยออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบนั่งลงหลบซ่อนตัวใหม่ เมื่อเห็นคนที่ตนอยากรู้ความต้องการเงยหน้าขึ้นหันมองรอบๆร้านอีกครา
“กระดาษนั่นมันคุ้นๆแฮะ”คนหมอบตัวอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาอีก ก่อนจะค่อยๆใช้สายตาชำเลืองออกไปมองสถานการณ์ข้างนอก นั่น เตชสิทธิ์กำลังจะเก็บกระดาษแผ่นนั้นลงในกระเป๋ากางเกงดังเดิมแล้ว อีกซักพักเด็กนั่นก็คงจะออกจากร้านนี้ไปล่ะมั้ง เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย แต่..
“อ้าวเฮ้ย!!”เสียงคนเก็บกระดาษเอ่ยร้องขึ้นอย่างตกใจ ทำให้คนผ่อนลมหายใจต้องหันไปมองใหม่ ตายล่ะ เด็กนั่นทำกระดาษหล่น แย่แล้วเรา กระดาษนั่นมันจะปลิวมาทางนี้ทำไม โอ้ย!! อยากจะบ้า
กัณตินันท์หลับตาปี๋เมือลุกหนีไปไม่ทันตอนที่กระดาษแผ่นที่ตนจ้องมองอยู่ปลิวว่อนมาตกอยู่ตรงหน้าตัวเอง ชายหนุ่มหัวใจจะวายตายเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าของวิ่งตามสิ่งที่ปลิวมาทางตน ร่างที่นั่งอยู่จึงเตรียมลุกวิ่งหนีหวังจะให้ทัน แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักงันเมื่อสายตาเหลือบมองเห็นกระดาษนั่นแล้วคุ้นตาเหลือเกิน ใช่แล้ว นี่มันเป็นกระดาษงานของเขานี่ แล้วนี่ รายชื่อหนังสือต่างๆที่อยู่ในแผ่นกระดาษนั้น เป็นรายชื่อหนังสือที่เขารวบรวมเอาไว้เตรียมชี้แนะให้อดีตลูกศิษย์ไปหาอ่านนี่ นี่แสดงว่าเตชสิทธิ์กำลังเดินตามหาซื้อหนังสือที่เขาอยากให้อ่านงั้นเหรอ
ในขณะที่นิ่งคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ คนคิดเพลินสะบัดทุกสิ่งทุกอย่างในห้วงสติทิ้งไปทันควัน ชายหนุ่มรีบพาตัวเองหลบแวบไปได้ทันจังหวะที่คนวิ่งตามกระดาษเดินมาก้มหยิบของสิ่งนั่นได้ทันพอดี
กัณตินันท์ยืนแอบชิดชั้นหนังสือแล้วสูดลมหายใจให้เข้าทั่วปอดเพราะลุ้นเหลือเกินว่าตัวเองจะรอดพ้นสายตาเตชสิทธิ์ไปได้มั๊ย สุดท้ายก็รอดมาจนได้ นับว่าโชคยังเข้าข้างเขานะนี่ แต่แล้ว..
“มายืนหลบๆซ่อนๆอะไรที่นี่ตฤณ”เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ากลางศีรษะ เมื่อมีเสียงทักดังขึ้นขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะหาที่หลบหลีกไปให้ไกลกว่ารัศมีสายตาอดีตลูกศิษย์ให้มากกว่านี้ ภูมินั่นเองเป็นเจ้าของเสียง กัณตินันท์หันไปมองถึงกับยืนนิ่ง หมดเรี่ยวแรงที่จะขยับหนี ชายหนุ่มหันกลับไปมองทางที่ตนเพิ่งจะวิ่งหลบหนีมาเมื่อครู่แล้วเข่าแทบทรุด ที่ตรงนั้นขณะนี้ได้มีร่างสูงของคนที่ตนพยายามหลบหลีกสุดชีวิตกำลังยืนส่งสายตาดุๆมาให้ เด็กนั่นคงจะมองเห็นเขาตามเสียงทักของอดีตคนรักแน่ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิชีวิต!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ตัดตอนทิ้งเอาไว้ให้ลุ้นอีกเช่นเคย อิอิ ไม่ได้แกล้งนะ แต่มันหมดตอนแล้วจริงๆ หุๆๆๆ
รอติดตามกันต่อไป
ขอบคุณครับ
Boy