[ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)  (อ่าน 200340 ครั้ง)

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สารบัญ


ตอนที่ 1ตอนที่ 2ตอนที่ 3ตอนที่ 4ตอนที่ 5ตอนที่ 6ตอนที่ 7ตอนที่ 8ตอนที่ 9ตอนที่ 10ตอนที่ 11ตอนที่ 12ตอนที่ 13ตอนที่ 14ตอนที่ 15ตอนที่ 16ตอนที่ 17ตอนที่ 18ตอนที่ 19ตอนที่ 20ตอนที่ 21ตอนที่ 22ตอนที่ 23ตอนที่ 24ตอนที่ 25 {end.}
ตอนพิเศษ


[ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ]
                                                                                           
G-bazo

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ไม่มีเจตนาอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ในขณที่กำลังอ่านโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ :)
                                                           

เพจของเราค่ะ GgbazoStory


Let's Enjoy


-บทนำ-


                 ภายในห้องประชุมของโรงพยาบาลใหญ่และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ เหล่าแพทย์ในแขนงอื่นๆที่บางท่านเป็นถึงอาจารย์ พร้อมใจกันเข้าประชุมตามคำเชิญของผู้อำนวยการโรงพยาบาลดีกรีดอกเตอร์จากต่างประเทศ รวมทั้งประธานคณะบริหารโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย


“ถ้าพร้อมกันแล้วดิฉันเริ่มเลยนะคะ” น้ำเสียงที่ราบเรียบของหญิงวัยกลางคนฟังดูแล้วมีอำนาจจนน่าขนลุก หากแต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่าเธอเป็นคนจริงจังกับงานไม่ได้เลวร้ายอะไร


“เอ่อ หมอซันยังไม่มาครับ” นายแพทย์คนหนึ่งในห้องประชุมพูดขึ้น หลังจากที่เห็นว่าคนที่เขาพูดถึงยังมาไม่ถึงห้องประชุมเสียที ผู้อำนวยการสาวปรายสายตามองคนพูด ก่อนจะกดรีโมทเปิดจอภาพขนาดใหญ่ทันที


“มาช้าก็ไม่จำเป็นต้องรอ ที่ดิฉัน ...”


“ขอโทษครับที่มาช้า” ประตูห้องประชุมเปิดออกพร้อมกับเสียงทุ้มของผู้มาใหม่เรียกให้ทุกคนในห้องประชุมหันไปมองนายแพทย์หนุ่มเป็นสายตาเดียว เขายกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายและขอโทษในคราวเดียวกัน


“ผม ศ.นพ.ภูตะวัน วิวรรธน์ภคไพบูลย์ รายงานตัวครับ” เขากล่าวรายงานตัว ยกยิ้มมุมปากให้กับผู้อำนวยการตามนิสัยเจ้าตัว ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างพร้อมรับฟังการประชุมในเช้าวันนี้


“ค่ะ ที่ดิฉันเชิญทุกคนมาเข้าประชุมในวันนี้ เพราะดิฉันอยากจะให้ทุกท่านได้แสดงความเห็นร่วมกันและศึกษาถึงปัญหาของผู้ป่วยรายนี้ค่ะ” ทุกคนมองไปที่จอโปรเทกเตอร์ด้านหน้าของห้องประชุมอย่างตั้งใจ เริ่มมีเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเคสนี้ขึ้นมาบ้าง จนกระทั่งจอที่กำลังฉายนั้นหยุดลง


“ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอย่างรุนแรงและมีอาการเจ็บหน้าอกที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา คุณหมอทุกท่านมีความเห็นกันอย่างไรคะ” เธอยืนกอดอกรอคำตอบ เพราะประสิทธิภาพของนายแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ถือว่าดี ซึ่งเธอเองก็คาดหวังเป็นธรรมดา


“ผมคิดว่าเราควรถ่างขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดเพื่อช่วยลดโอกาสที่หลอดเลือดจะตีบใหม่” นายแพทย์มีอายุคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากใช้เวลาคิดครู่หนึ่ง


“ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหมอชาญค่ะ การรักษาด้วยวิธีนี้จะเป็นการรุกล้ำร่างกายผู้ป่วยน้อยที่สุด” แพทย์หญิงเห็นด้วยกับวิธีการรักษาของนายแพทย์ใหญ่ ทำให้แพทย์อีกหลายท่านพยักหน้าเห็นด้วยกับการรักษาด้วยวิธีนี้ ต่างจากภูตะวันที่ได้แต่นั่งมองพวกแพทย์แสดงความเห็นกันด้วยท่าทางสบายๆ จนชายวัยกลางคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริหารโรงพยาบาลเห็นเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง


“หมอซันล่ะ ... คิดเห็นยังไงกับเคสนี้” คนถูกถามถอนหายใจก่อนจะลูบคางตัวเองไปมา


“ผมคิดว่าเราควรรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดบายพาส” พูดจบก็มีเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที เนื่องด้วยวิธีการรักษานี้เป็นวิธีการรักษาที่ยากและเสี่ยงอันตรายมาก แต่เขากลับตอบด้วยท่าทางสบายๆไม่ได้มีความวิตกกังวลใดๆ


“เพราะอะไรเราถึงต้องรักษาด้วยวิธีนี้คะ?” ผอ.โรงพยาบาลถามต่อ


“การผ่าตัดบายพาสสามารถตัดต่อหลอดเลือดได้มากกว่าและได้ทีละหลายเส้นนี่ครับ ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วยว่าอยากจะรักษาด้วยวิธีไหน”


“งั้นถ้าหากว่าผู้ป่วยมีความประสงค์ที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดบายพาส ศัลยแพทย์ท่านอื่นก็ไม่ขัดข้องถ้าหมอซันจะเป็นคนผ่าตัดใช่มั้ยคะ?” เธอถามความเห็นของทีมศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลส่วนหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมและรอให้พวกเขาปรึกษากันเล็กน้อย


“หมอซันเองก็เป็นถึงศาสตราจารย์ อีกทั้งยังเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางหัวใจและหลอดเลือดที่เก่ง ทางเราก็ไม่มีอะไรจะขัดข้องและพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ครับ” ภูตะวันเหลือบตามองคนพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่ค่อยชอบใจนักที่ถูกเยินยอ เพราะเขาเองยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเก่งขนาดนั้นเสียด้วยซ้ำ

      
              จนเมื่อการประชุมจบลงตรงที่รอผู้ป่วยรายนี้ให้คำตอบว่าต้องการรักษาด้วยวิธีใด หากเป็นวิธีการผ่าตัดบายพาสก็จะเป็นภูตะวันที่เป็นศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัด ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้มีปัญหาที่ต้องกังวล เขาไม่ได้เชื่อว่าตัวเองเก่งหากแต่เขาเชื่อในความคิดของตนเองมาเสมอว่าเขาต้องทำได้ ..


“ซัน ... อยู่คุยกับอาก่อน” ในขณะที่ขายาวกำลังจะก้าวออกจากห้องประชุม กลับต้องชะงักเพราะเสียงเรียกของชายวัยกลางคนอายุราว 50 ปีที่มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆของเขา


“ครับ?” หันมาตอบพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะยืนพิงประตูอย่างสบายๆพลางดูดกาแฟในแก้ว


“ทำไมมาสายล่ะเรา เมื่อคืนไปดื่มมาล่ะสิ” หมอซันหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรทั้งอาผู้ชายและอาผู้หญิงก็ดูจะเดาถูกไปเสียหมด


“นิดหน่อยครับ”


“โตจนจะแก่แล้วนะเราน่ะ สามสิบกว่าแล้ว อย่าทำให้อาเป็นห่วงกันนัก!” เสียงณิชชาอรหรืออาสะใภ้เพียงคนเดียวของเขาตำหนิขึ้นมาบ้าง ภูตะวันยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยกับคำตำหนิที่ไม่จริงจังนัก


“ผมไปก่อนนะครับ มีนัดสัมภาษณ์ Resident” พูดจบก็หันหลังเดินออกมาจากห้องประชุม ทิ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของหลานตัวเอง
 


      หมอซันหรือ ศ.นพ.ภูตะวัน วิวรรธน์ภคไพบูลย์ เป็นทายาทเพียงคนเดียวของ ศ.ดร.นพ.ประวิตร – ศ.ดร.พญ.นวินดา วิวรรธน์ภคไพบูลย์ ครอบครัวที่ก่อตั้งโรงพยาบาลวิวรรธน์มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า พ่อและแม่ของภูตะวันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในขณะที่เขากำลังเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สอง จากนั้นเขาก็ย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโดแทนเพราะไม่อยากอยู่ในที่ที่มีแต่ความทรงจำของพ่อและแม่ แต่เขาก็ได้รับการเลี้ยงดูจากอาที่เป็นน้องชายแท้ๆของพ่อ คือ ดร.ประสิทธิ์ วิวรรธน์ภคไพบูลย์ ประธานคณะบริหารโรงพยาบาลวิวรรธน์ในปัจจุบัน รวมถึงอาสะใภ้ ผอ.ดร.ณิชชาอร วิวรรธน์ภคไพบูลย์ ที่คอยดูแลและให้ความรักกับเขามาโดยตลอด เพราะเขาทั้งคู่เองก็ไม่มีทายาทให้สืบสกุลต่อ ...





      ขาเรียวพาเจ้าของมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ดวงตากลมเหลือบมองป้ายชื่อโรงพยาบาลวิวรรธน์ด้วยสายตามุ่งมั่น เขากำแฟ้มในมือแน่นก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องบางต่อสายตรงไปหามารดาของตนทันที


“แม่ฮะ พายถึงโรงพยาบาลวิวรรธน์แล้วนะ”


***************


Talk : สวัสดีค่ะ เป็นครั้งแรกที่จีตั้งกระทู้ ยังไงขอฝากเนื้อฝากตัว
ฝากนิยายเรืองนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ :)

- แพทย์ Resident คือ แพทย์ประจำบ้าน เป็นแพทย์ที่เข้ามาศึกษาต่อเฉพาะทางในสาขาที่สนใจ
 หลังจากที่เรียนจบแพทย์และใช้ทุนรัฐจบถึงเรียกว่าแพทย์ประจำบ้านค่ะ ^^
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2016 16:28:06 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] #บทนำ
«ตอบ #1 เมื่อ27-05-2015 00:18:47 »

มาติดตามค่ะ เรื่องเกี่ยวกับหมอมันใกล้ตัวค่ะ  ขอแชร์ประสบการณ์นะคะ ศ.นพ.ที่สอนนัทสึนี่แก่เลยค่ะ อาจารย์ปู่สอนวิชานิติวิทยาศาสตร์ค่ะ ตั้งแต่เรียนมาจนถึงตอนนี้ที่กำลังเรียน Ph.D. เรียนกับศ. แค่ 4 คนเองค่ะ ส่วนใหญ่อาจารย์หนุ่มจะเป็นอาจารย์ หรือไม่ก็ผ.ศ. ค่ะ  เพราะประเทศไทยเรากำหนดเงื่อนไขเวลาในการทำตำแหน่งวิชาการค่ะ อ่านหมอซันแล้วจิ้นเป็นหมอหนุ่มไม่ออกเลยค่ะ 5555.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2015 00:29:18 โดย natsikijang »

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
-1-


              ชายหนุ่มเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยความประหม่าเล็กน้อย เขาอยู่ในชุดที่เป็นทางการ สายตากวาดมองไปรอบๆเพื่อจดจำรายละเอียดของที่นี่
   
               Rrrrrrrr Rrrrrrrr!! สมาร์ทโฟนในมือแผดเสียงดังจนเจ้าของต้องยกขึ้นมาดูว่าใครที่เป็นฝ่ายโทรฯเข้ามา นิ้วเรียวสไลด์รับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นคนเขากำลังรอ


“ครับ”


(คุณหมอมาถึงหรือยังคะ ดิฉันรออยู่ตรงล็อบบี้) เสียงใสจากหญิงสาวเลขาผู้อำนวยการตอบกลับมา ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินอีกครั้งพลางมองหาในส่วนที่เป็นล็อบบี้ของทางโรงพยาบาล


“ผมเห็นแล้วครับ” เขากดวางสายเมื่อเห็นคนที่พูดสายด้วยเมื่อครู่ เลขาสาวรีบเดินเข้ามาหาและยกมือไหว้สวัสดี จนเขาเองก็แทบจะรับไหว้ไม่ทันเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว


“สวัสดีค่ะคุณหมอ พร้อมใช่ไหมคะวันนี้?” เธอกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร หมอหนุ่มเห็นแล้วจึงคลายความประหม่าลงได้ไปบ้างและทำเพียงยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น


“ถ้างั้นเดี๋ยวไปรอที่ห้องอาจารย์หมอกันดีกว่าค่ะ ท่านเพิ่งจะออกจากห้องประชุม ตอนนี้กำลังทานข้าว” หญิงสาวพูดให้เขาฟังในระหว่างที่กำลังพาเดินเข้าไปในตัวลิฟท์


      เธอพูดให้หมอหนุ่มฟังอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยเกี่ยวกับโรงพยาบาลและอาจารย์หมอที่เขากำลังจะต้องไปเจอว่าเป็นคนยังไง จะว่าไปเขาเองก็ไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับตัวอาจารย์หมอที่เขาต้องทำงานด้วยมากนัก รู้แค่ว่าเป็นใครหน้าตาเป็นอย่างไรก็เท่านั้น


“ถึงแล้วค่ะ คุณหมอตามสบายนะคะ อาจารย์หมอไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ ดิฉันจะไปรายงานว่าคุณหมอมาถึงแล้วนะคะ” เธอบอกกับเขาก่อนจะปลีกตัวออกไป ทิ้งให้คุณหมอหน้าใหม่อยู่ภายในห้องทำงานใหญ่เพียงลำพัง

                เขานั่งลงที่โซฟารับแขกภายในห้องทำงาน พลางไล่สายตามองไปทั่วห้อง หลังโต๊ะทำงานเป็นตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่มีโล่รางวัลมากมายที่เจ้าของห้องได้รับ อากาศภายในห้องเย็นจนเขาเผลอลูบแขนตัวเองไปมาเพื่อให้ความอบอุ่น ก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักโซฟาพลางหลับตาลงหวังจะพักสายตาระหว่างรอ เพราะรู้สึกเพลียจากการพักผ่อนน้อยและเหนื่อยกับการเดินทาง ...


       ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่เดินเข้ามา ชายหนุ่มร่างใหญ่เห็นคนที่ฝ่ายบริหารส่งมาให้ตนสัมภาษณ์กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนหลับตาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเข้ามายืนใกล้ๆโซฟาตัวนั้น เขาก้มมองพิจารณาคนตรงหน้าอย่างเงียบๆ ขนตายาวเรียงกันจนเป็นแพสวย จมูกโด่งเป็นสันที่ดูยังไงก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้าง ปากอีกคนที่กำลังหลับสบาย พลางถือวิสาสะหยิบแฟ้มของอีกฝ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่าน


“นายแพทย์พระพาย ภูวนัตถ์” เขาพูดตามสิ่งที่ได้อ่านออกมาเบาๆ แปลกใจกับชื่อที่ไม่เคยได้ยิน


      ภูตะวันเปิดแฟ้มประวัติของอีกคนอ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดที่จะปลุกตัวจริงขึ้นมาสัมภาษณ์อย่างที่ควรจะทำ เพียงเพราะอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวขึ้นมาเอง คงจะรู้สึกผิดมากกว่าที่เขาเป็นฝ่ายปลุก ลูกศิษย์ที่ปล่อยให้อาจารย์เป็นฝ่ายนั่งรอ ไม่เคยเจอ


                เสียงแกรกกรากของกระดาษเรียกให้คุณหมอหน้าหวานรู้สึกตัว ก่อนจะสะดุ้งอย่างนึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน พอๆกับที่อีกฝ่ายวางแฟ้มลงบนโต๊ะตามเดิมเพราะอ่านจบพอดี


“ผมอ่านประวัติคุณจบพอดี คุณหมอพระพาย” เขามองคนที่เพิ่งตื่นพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก เจ้าของชื่อเรียกรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษอย่างร้อนรน


“ขอโทษครับผมตั้งใจแค่จะพักสายตาเท่านั้น ไม่คิดว่า ...” คุณหมอตอบเสียงอ่อยในประโยคหลังเพราะรู้สึกผิดไม่น้อยที่เผลอหลับไปและปล่อยให้อาจารย์หมอตรงหน้าเป็นฝ่ายรอ


“เอาเถอะ ครั้งนี้ผมจะไม่ว่าเพราะเห็นว่าคุณเดินทางจากเชียงใหม่มาเมื่อเช้า คิดว่าคงจะเพลียน่าดู นั่งสิ” อาจารย์หมอผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลงตามเดิม ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับวาดขายาวของตัวเองขึ้นไขว่ห้างอย่างสบายๆ


“ขอบคุณครับ” พระพายยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่กว่าหลายปี ก่อนจะนั่งลงด้วยความประหม่าเล็กน้อย ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายเท่าไหร่นักด้วยยังรู้สึกผิดและคนตรงหน้าก็ดูน่าเกรงขาม


“ผมเรียกคุณว่าหมอพายได้ใช่ไหม?”


“ได้ครับ” เจ้าของชื่อรีบตอบออกไปทันที ก่อนจะหลุบตาต่ำลงมองแฟ้มบนโต๊ะแทน เพราะสายตานิ่งๆแต่ก็ดูน่ากลัวของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาขาดความมั่นใจและเกิดความประหม่าขึ้นมา


“ในประวัติบอกว่าเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง ผมคิดว่าไม่ใช่” เสียงทุ้มพูดจบพร้อมกับที่หมอพายเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่ อาจารย์หมอเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามว่าเขามีอะไรจะพูดหรือเปล่า อีกฝ่ายจึงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะขยับตัวเรียกความมั่นใจกลับคืน


“ผมยังยืนยันว่าเป็นคนมีความมั่นใจ แต่ที่ผมต้องหลบตาเป็นเพราะสายตาน่ากลัวของอาจารย์หมอและผมยังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้อาจารย์หมอเป็นฝ่ายรอผมต่างหากครับ” หมอพายตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน จนคนฟังยิ้มมุมปากอย่างเคยชิน


“ผมรับคุณเข้ามาร่วมทีมผมและยินดีที่จะให้ความรู้อย่างที่คุณต้องการ” หมอพายเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน


“ไม่สัมภาษณ์ผมก่อนเหรอครับ!?”


“ผมคิดว่าคำตอบอยู่ในประวัติของคุณหมดแล้ว” ภูตะวันลุกขึ้นและเดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน กดอินเตอร์โฟนไปยังหมายเลขที่ต้องการพร้อมบอกจุดประสงค์ทันทีว่าให้จัดห้องให้กับแพทย์ Resident พร้อมด้วยชุดแพทย์ให้เรียบร้อย โดยที่หมอพายไม่ทันได้แย้งอะไร


                เมื่อจัดการเสร็จแล้วอาจารย์หมอก็คว้าเสื้อกาวน์มาสวมก่อนจะบอกกับลูกศิษย์ว่ามีงานต้องทำแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป ปล่อยให้พระพายอึ้งค้างอยู่คนเดียวว่าทำไมทุกอย่างมันช่างง่ายดายและเป็นใจขนาดนี้ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรที่นี่ เพราะอาจารย์หมอก็ไม่ได้บอกอะไรกับเขา ถึงจะเรียนแพทย์มาหกปี ใช้ทุนด้วยการเป็นหมอในโรงพยาบาลชนบทมาอีกสามปี แต่ก็ไม่เคยทำอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆที่มีแพทย์หลากหลายสาขา เขารีบคว้าแฟ้มของตัวเองและวิ่งตามอาจารย์หมอที่เพิ่งจะออกไปทันที ..


“อาจารย์หมอครับ!”


“.............” คนถูกเรียกทำเพียงหยุดเดินและหันกลับมายังต้นเสียง


“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?”


“Resident ก็ต้องอยู่กับอาจารย์ที่ให้ความรู้คุณสิ ส่วนรายละเอียดอื่นๆส่วนกลางเขาจะจัดการให้” ภูตะวันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันหลังเดินจากไป เป็นคำตอบที่ทำให้พระพายต้องใช้เวลาคิดเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจว่าตัวเองต้องทำตัวติดกับอาจารย์หมอของตนเพื่อศึกษาและทำงานร่วมกัน หมอหน้าหวานเขกหัวตัวเองโทษฐานที่คิดช้าไปหนึ่งที ก่อนจะออกวิ่งตามอาจารย์ไปอีกครั้ง


“โอ้ะ! คุณหมอคะ เสื้อกาวน์ค่ะ!!” พยาบาลสาวที่รับหน้าที่จากเลขาคนก่อนให้เอาเสื้อกาวน์ของทางโรงพยาบาลมาให้เจอกับหมอพายที่ทางเดินพอดีจึงเรียกเอาไว้ทัน


“ขอบคุณมากครับ!” เขายกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะรับเสื้อกาวน์มาสวมอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะตามไปทำงานกับอาจารย์หมอของตัวเองไม่ทัน


                 หมอพายเดินตามอาจารย์หมอไปอย่างเงียบๆ ระหว่างทางมีทั้งหมอ พยาบาล ผู้ช่วยอื่นๆ หรือแม้กระทั่งญาติคนไข้บางส่วนก็ต่างพากันไหว้ทักทายภูตะวัน พระพายเองก็ไหว้กลับไปเช่นกันด้วยเป็นนิสัยนอบน้อมที่ติดมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต
      พวกเขาเดินมาจนถึงแผนกผู้ป่วยในที่ส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด หมอซันเดินนำไปยังเคาท์เตอร์ที่มีพยาบาลประจำอยู่ ก่อนจะคีย์ข้อมูลของตัวเองคล้ายกับการเซ็นเข้างานเหมือนราชการและดูชาร์จของคนไข้เพิ่มเติมจากในแฟ้ม


“ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจตรงนี้อยู่แล้วว่าการราววอร์ดคืออะไรและต้องทำยังไงบ้าง”


“ครับ ผมรู้” เขาตอบก่อนจะลองคีย์ข้อมูลของตนเองดูว่ามีชื่อขึ้นหรือยัง ปรากฏว่ามีแล้ว อดจะชื่นชมไม่ได้ที่ระบบการทำงานของที่นี่รวดเร็วเหลือเกิน พระพายไหว้ขอบคุณก่อนจะรับแฟ้มผู้ป่วยของแผนกนี้จากพยาบาลและเข้าตรวจเช็คอาการผู้ป่วยพร้อมกับอาจารย์หมอและพยาบาลอีกหนึ่งคน

                 ผู้ป่วยเป็นหญิงชราอายุราว 80 ปี ยกมือไหว้พวกเขาทุกคนจนแทบจะไหว้กลับไม่ทัน หมอพายเองรู้สึกไม่ดีนักที่ผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าจะต้องยกมือมาไหว้ตน จึงเดินเข้าไปจับแขนหญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้พร้อมกับบีบนวดเบาๆ


“คุณยายแก่กว่าไม่ต้องไหว้พวกผมก็ได้ครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หญิงชราก็อดจะเอ็นดูไม่ได้ก่อนจะหัวเราะแห้งๆตอบกลับมา


“ก็คุณหมอเป็นคนรักษายาย มีบุญคุณกับยาย” เสียงแหบแห้งตามวัยเรียกความใจหายและซาบซึ้งใจให้กับคนฟังอยู่ไม่น้อย ความจริงแล้วหน้าที่ของคนเป็นหมอก็มีหน้าที่รักษาคนไข้ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นบุญคุณเลยสักนิด


“วันนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ?” เสียงทุ้มของอาจารย์หมอถาม ก่อนจะพยักหน้าให้พยาบาลตรวจวัดความดัน หมอพายเป็นคนรับหน้าที่จดการตรวจรักษาลงในแฟ้ม ภูตะวันสั่งให้หมอพายตรวจฟังชีพจรของผู้ป่วยว่าปกติดี เขารับคำสั่งและฟังเสียงชีพจรอย่างตั้งใจ พลางเหลือบมองอาจารย์หมอที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ก่อนจะเอาหูฟังชีพจรออกพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน


“การเต้นของหัวใจคุณยายปกตินะครับ” คุณหมอหน้าหวานบอก หญิงชราพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ อาจารย์หมอที่เป็นคนช่างสังเกต เห็นว่าสีหน้าของลูกศิษย์ดูแปลกๆไปจึงเสียบหูฟังของตัวเองและฟังการเต้นของหัวใจผู้ป่วยอีกครั้ง


“เมื่อกี๊คงจะมีการฟังที่ผิดพลาด คุณยายมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วเกินไป มันอันตรายต่อโรคที่คุณยายเป็นตอนนี้มาก คุณยายต้องลดความเครียดลงบ้างนะครับแล้วเราจะได้ผ่าตัดกัน” หญิงชรามีอาการตกใจที่รู้ว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วกว่าปกติและเสี่ยงต่อชีวิต เธอมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาทันทีที่ฟังหมอพูดจบ หมอพายเมื่อได้ฟังก็มองอาจารย์หมอด้วยความไม่พอใจและไม่เข้าใจในคราวเดียวกัน


“คุณหมอช่วยรักษายายด้วยนะคะ ยายยังตายตอนนี้ไม่ได้ หลานชายคนเดียวของยายกำลังจะเรียนจบ” หญิงชราคว้าจับมือของภูตะวันและพระพายอย่างอ้อนวอน หมอพายรู้สึกเห็นใจ เขากระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอสองตา ก่อนจะยิ้มให้หญิงชราบนเตียงอย่างให้กำลังใจ


“คุณยายต้องหายและได้เห็นหลานชายรับปริญญาแน่นอนครับ” หมอพายบีบมือหญิงชราเบาๆ ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของอาจารย์หมอตลอดเวลาและไม่เข้าใจว่าทำไมพระพายต้องโกหกทั้งที่เรื่องจริงผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากแค่ไหน

                 จนเมื่อจบการตรวจผู้ป่วยในแล้ว อาจารย์หมอก็เตรียมตัวจะไปตรวจ OPD หรือการตรวจผู้ป่วยนอกที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลต่อ


“ทำไมอาจารย์ถึงพูดอะไรไม่ระวังกับคุณยายแบบนั้นครับ?” เสียงของลูกศิษย์ทำให้ภูตะวันชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินลง ก่อนจะหันมามองคนถามที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสายตาไม่พอใจ


“ผมเป็นหมอ ผมพูดในสิ่งที่เป็นความจริงเพื่อไม่ให้คนไข้หวังอะไรลมๆแล้งๆแบบคุณ” 


“ตอนผมเรียนเขาบอกว่าการที่จะเป็นหมอที่ดีต้องใส่ใจคนไข้รวมถึงญาติคนไข้ด้วย ไม่ว่าจะด้วยคำพูดการกระทำหรือการรักษา มันไม่ใช่การพูดเพื่อหวังอะไรลมๆแล้งๆ แต่มันเป็นการพูดเพื่อให้เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคนี้ต่อไปต่างหากครับ” เขาพูดในสิ่งที่ตนเองคิดและกระทำมาตลอดของการเป็นหมอ


“แต่ผมก็ทำของผมมาแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำหรือการรักษา” ภูตะวันพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้หมอพายได้แต่ยืนอึ้งกับคำตอบแสนใจร้ายของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์หมอ


                 ภูตะวันเดินเข้าลิฟท์เพื่อที่จะลงไปตรวจผู้ป่วยนอกที่ชั้นล่างด้วยความคุกรุ่นในใจ ตั้งแต่ที่เขาเป็นหมอมา ไม่เคยมีใครตำหนิหรือไม่พอใจเรื่องที่เขารักษาคนไข้เลยสักครั้ง แต่วันนี้หมอที่เขาเพิ่งจะรับเข้ามาให้มาเป็นแพทย์ Resident กลับเห็นไม่ตรงกันกับเขาและยืนตั้งคำถามเพื่อจะเอาชนะต่อหน้าพยาบาลประจำวอร์ด นับว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ดูไม่น่าประทับใจเสียเท่าไหร่นัก ...

      
***************
   


Talk : ตอบคุณนัทสึนะคะ ต้องเรียนยากมากแน่ๆเลย แต่เราก็สนใจเรื่องแพทย์นะคะ แต่สู้ไม่ไหวจริงๆ ฮ่าๆๆ
ยังไงก็ช่วยจินตนาการให้หมอซันยังดูหนุ่มเถอะค่ะ พลีสสส เป็นเรื่องสมมติเนาะ สมมติว่าหมอซันไม่ชราแล้วกัน อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2015 21:41:54 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
-2-


                  หมอพายเดินเข้ามาภายในห้องทำงานที่ถูกจัดเอาไว้ให้หลังจากราววอร์ดผู้ป่วยในช่วงเช้าเสร็จ กวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างละเอียด มีโต๊ะทำงานอีกสองตัวที่อยู่ถัดจากโต๊ะของเขาไป นั่นหมายความว่าห้องนี้ไม่ได้มีเพียงเขา ...


“ห้องนี้จะมีแพทย์ Resident อยู่อีกสองคนค่ะ” เลขาสาวคนเดิมบอก


“ที่นี่มีศัลยแพทย์ทั้งหมดกี่คนเหรอครับ?” เขาถามพลางเดินสำรวจไปรอบๆห้อง มือเรียวไล่ไปตามสันหนังสือที่วางเรียงกันอยู่บนตู้อย่างใจเย็น


“โดยรวมมีทั้งหมด 30 คนค่ะ ส่วนแพทย์ประจำบ้านที่เข้ามาศึกษาต่อด้านศัลยศาสตร์มี 3 คนที่จัดห้องนี้ไว้ให้ แต่ก็แยกกันไปตามอาจารย์หมอที่จะให้ความรู้ค่ะ” เธอตอบข้อมูลที่หมอคนใหม่อยากรู้อย่างฉะฉาน พระพายเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตอนนี้มีแค่เพียงอุปกรณ์เครื่องเขียนและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะวางอยู่เท่านั้น


“ส่วนการศึกษาต่อที่นี่ก็จะมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติค่ะ ในช่วงแรกคุณหมอจะต้องศึกษาหาความรู้จากวารสารและตำรา ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลมีห้องสมุดทางการแพทย์ไว้ให้ค่ะ และจะมีการจัดบรรยายเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆสำหรับแพทย์ประจำบ้าน ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ อาจารย์หมอจะบอกอีกครั้งค่ะ” เลขาสาวพูดรายละเอียดในการเข้ารับการฝึกอบรมศึกษาต่อของแพทย์ประจำบ้านอย่างเขาไว้โดยละเอียด


“ครับ ขอบคุณมากครับ” หมอพายไหว้ขอบคุณ เลขาสาวจึงรับไหว้และยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะขอตัวไปทำงานของเธอต่อ พระพายพรูลมหายใจออกมาหลังจากที่เลขาสาวออกจากห้องทำงานไป นั่งลงเก้าอี้ทำงานที่บุนวมอย่างดี พลางเอนหลังพิงเพื่อผ่อนคลาย


“จะไหวป่ะวะไอ้พาย” หมอหนุ่มหลับตาลง ปลายนิ้วเรียวสวยยกขึ้นนวดเหนือหน้าผากที่ปวดหนึบ เขาผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า พลางคิดถึงประโยคเมื่อครู่ของเลขาสาวที่บอกว่าอาจารย์หมอจะบอกรายละเอียดอื่นกับเขาอีกที จะเป็นไปได้หรือในเมื่อเขาเพิ่งจะต่อว่าอีกฝ่ายไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
   


                ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูไม้เนื้อดีดังขึ้นก่อนร่างระหงส์ของผู้มาใหม่จะปรากฏให้เห็น หมอพายลุกขึ้นยืนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ก่อนจะยกมือไหว้และกล่าวทักทาย


“สวัสดีค่ะ ดิฉันแพรดาวเรียกว่าหมอแพรก็ได้ แพทย์ประจำบ้านเหมือนกันค่ะ” เธอกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร หมอหนุ่มจึงคลายอาการเกร็งลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถือตัวอะไร


“ผมพายครับ พระพาย ยินดีที่ได้รู้จัก” หมอพายเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย คุณหมอคนสวยจึงยิ้มรับ ก่อนจะยื่นเอกสารบางอย่างให้


“หลักสูตรการศึกษาต่อเฉพาะทางแล้วก็ตารางปฏิบัติงานค่ะ ส่วนกลางฝากมาให้”


“อ่อ ขอบคุณครับ” คุณหมอคนสวยยิ้มก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง พระพายนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง เปิดอ่านเอกสารที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่อย่างตั้งใจว่าเขาต้องทำอะไรบ้างตลอด 4 ปีและดูเหมือนจะเป็นงานยากสำหรับเขาพอสมควร เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับแพทย์ที่จะให้ความรู้ดูไม่ประทับใจนัก ...



                   ภูตะวันนั่งทานข้าวอยู่ภายในศูนย์อาหารของทางโรงพยาบาลในช่วงพักกลางวัน สายตาคมเลื่อนอ่านข้อมูลทางการแพทย์ไปพลางๆ เขาคิดเสมอว่าแพทย์ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ เขาจึงชอบอ่านและศึกษาค้นคว้าในสิ่งที่เขายังไม่รู้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำเปล่าขวดหนึ่งถูกวางตรงหน้าเขาจึงไล่สายตาขึ้นมองไปจนเห็นกรอบหน้าหวานของแพทย์ประจำบ้านที่เพิ่งจะรับเข้ามา ก่อนจะสนใจหนังสือในมือเช่นเดิม

                   หมอพายขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก เขาเองก็รู้ว่าผิดที่ไปต่อว่าอาจารย์หมอเช่นนั้น แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาใส่ใจคนไข้ซึ่งควรเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เขาเข้ามาที่ศูนย์อาหารเพื่อหวังฝากท้องแต่บังเอิญเห็นว่าอาจารย์หมอกำลังนั่งทานข้าวอยู่ลำพัง ก็อยากจะแสดงน้ำใจและตั้งใจจะไปขอโทษเสียหน่อยก็เท่านั้น ทว่ากลับถูกเมินใส่อย่างกับว่าเขาเป็นธาตุอากาศไปเสียได้


“ผมซื้อน้ำมาให้แทนคำขอโทษเรื่องเมื่อเช้าครับ” หมอพายยอมเป็นฝ่ายพูดคำขอโทษ หากแต่อาจารย์หมอก็ดูจะไม่สนใจเขาเหมือนเดิม


“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าหากอาจารย์ไม่พอใจและไม่ยินดีที่จะให้ความรู้กับผม ผมก็จะลาออกจากที่นี่ครับ” หมอซันเมื่อได้ยินก็พรูลมหายใจออกมาก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองลูกศิษย์หมาดๆ มุมปากหยักยกยิ้มเล็กน้อย ความจริงเขาก็ไม่ติดใจเอาความหรือโกรธเคืองอะไร


“คิดว่าแค่น้ำเปล่าขวดเดียว มันจะพอไถ่โทษที่คุณมายืนตำหนิผมปาวๆได้หรือไง?” ภูตะวันเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของลูกศิษย์ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และหยิบน้ำเปล่าขวดนั้นมาถือเอาไว้ ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้พระพายหนึ่งทีแล้วหันหลังเดินจากไป


“อะไรของเขา...” พระพายพึมพำกับตัวเอง กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย หากว่าอาจารย์หมอจะเป็นอะไรก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาเองก็ได้ขอโทษอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างในใจอีก



      เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นหมอพายต้องราวน์วอร์ดในรอบเย็นกับแพทย์เรสสิเดนท์อีกสองคน คุณหมอหน้าหวานมาถึงเคาท์เตอร์แผนกผู้ป่วยศัลยกรรมก่อนใคร ก่อนจะคีย์ข้อมูลตัวเองเพื่อลงชื่อและเช็คข้อมูลของผู้ป่วย

                 เสียงฝีเท้าวิ่งตึกตักดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างของเจ้าของเสียงสองคน คนหนึ่งเป็นคุณหมอสาวที่เขาพายเพิ่งจะรู้จักไปเมื่อเช้า กับคุณหมออีกหนึ่งคนที่เป็นผู้ชายหน้าตี๋ สูง หล่อและขาว จนพยาบาลรวมถึงญาติคนไข้มองกันเป็นตาเดียว


“ขอโทษค่ะที่ช้า อ่านหนังสือเพลินไปหน่อย” แพรดาวพูดถึงสาเหตุที่ตัวเองมาถึงวอร์ดช้า คุณหมอหน้าหวานยิ้มบางไม่ได้มีท่าทีตำหนิหรืออะไร ก่อนจะเบนสายตามองหมอหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนยิ้มตาหยีส่งไปทั่ว จนหมอแพรต้องสะกิดเป็นเชิงให้เลิกสนใจอย่างอื่นก่อน


“อ้อ! สวัสดีครับ ผม นพ.อนุวัฒน์ เรียกว่าหมอเอิร์ธก็ได้ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับทุกคน” หนุ่มตี๋ที่เพิ่งจะเอ่ยแนะนำตัวยิ้มหล่อส่งให้กับทุกคนบริเวณแผนก ก่อนจะส่งยิ้มให้กับหมอพายเป็นคนสุดท้าย


“ผมหมอพาย ขอตัวไปตรวจคนไข้ก่อนนะครับ” เขาแนะนำตัวเองกับหมอเอิร์ธเสร็จก็พยักหน้าให้กับพยาบาลสาวที่จะต้องเป็นผู้ช่วยเขาในการราวน์วอร์ดครั้งนี้ ขาเรียวก้าวผ่านเข้าไปในเขตผู้ป่วยรวมที่มีเตียงคนไข้เรียงรายอยู่เกือบสามสิบเตียงภายในห้อง

                 
               พระพายเดินเข้าไปยืนชิดเตียงคนไข้ทางด้านซ้าย ในมือถือแฟ้มรายละเอียดของคนไข้รายนี้ เขายกมือไหว้ก่อนจะกล่าวทักทายคนไข้ที่เป็นหญิงอายุราวห้าสิบต้นๆ เขามีสีหน้าอ่อนโยนทุกครั้งเมื่อได้ตรวจคนไข้จนพยาบาลสาวอดไม่ได้ที่จะขวยเขินแทนคนไข้ซะเอง


“คุณหมอหน้าไม่คุ้นเลย เพิ่งเข้ามาใหม่เหรอคะ?” คุณป้าเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม พระพายยิ้มบางก่อนจะพยักหน้าให้ช้าๆเป็นคำตอบ พยาบาลสาววัดความดันของคนไข้รวมถึงเช็คน้ำเกลือในขวดและปรับระดับให้เหมาะสม


“เดี๋ยวผมขอเจาะเลือดหน่อยนะครับ” คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้า มือบางรับอุปกรณ์เจาะเลือดจากพยาบาลก่อนจะทำการเจาะเลือดที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างเบามือ


“คุณหมอมือเบาแถมยังใจดี”


“ชอบไหมล่ะครับ?” เสียงนุ่มพูดเป็นเชิงหยอกล้อ ชวนคุยเพื่อไม่ให้คนไข้สนใจการเจาะเลือดมากนัก อีกทั้งยังมีรอยยิ้มหวานให้คนไข้ตลอดระยะเวลาในการตรวจ


“หมอใจดีคนไข้ที่ไหนก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละจ้ะ เปรียบกับหมอซันคนไข้นี่กลัวกันหัวหดเลยนะคะ” คุณป้าพูดพลางยกมือที่เหี่ยวย่นขึ้นป้องปากราวกับกลัวว่าใครจะมาได้ยิน ทั้งที่เสียงพูดก็ไม่ได้เบาลงจากเดิม หมอพายระบายยิ้มก่อนจะค่อยๆดึงเข็มออกจากแขนของคนไข้อย่างระมัดระวัง


“เหมือนได้ยินใครบ่นถึงผมนะครับ คงคิดถึงกันน่าดู”


“หมอซัน!” คนไข้ร้องออกมาเสียงไม่เบาแต่ก็ไม่ได้ดังจนรบกวนคนไข้รายอื่นมากนัก ภูตะวันยกยิ้มที่มุมปากหยักก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา ถึงแม้ว่าจะดุแต่คนไข้ก็อดจะชื่นชมไม่ได้ว่าหมอซันเองก็ทั้งหล่อและทั้งเก่งไม่แพ้หมอคนอื่นๆในระดับเดียวกัน


“คุณหมอจะมาทำอะไรป้าอีกล่ะคะวันนี้” คุณป้าพูดอย่างระอา พระพายระบายยิ้มที่เห็ฯความสนิทสนมกันระหว่างหมอกับคนไข้ที่นี่


“ผมแค่มาดูการปฏิบัติงานของลูกศิษย์น่ะครับ จะได้ประเมินถูกว่าสมควรให้ผ่านหรือเปล่า” พูดเสียงเรียบก่อนจะผายมือให้ลูกศิษย์ตรวจคนไข้ต่อ หมอพายก้มหัวเล็กน้อยเป็นการตอบรับ หากอาจารย์หมอไม่เข้ามาเขาก็คงไม่ต้องเกร็งแบบที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ รู้สึกทำอะไรไม่สะดวกเท่าที่ควรเพราะสายตาคมกริบที่จับจ้องการกระทำเขาอยู่ตลอดเวลา



                   การราวน์วอร์ดในรอบเย็นดำเนินไปได้ด้วยดี ด้วยการปฏิบัติงานทั้งหมดของคุณหมอหน้าหวาน ภายใต้การดูแลและให้คำปรึกษาของอาจารย์หมออย่างภูตะวันที่ตามประกบไม่ห่าง จนพระพายไม่มีอาการเกร็งหลงเหลืออยู่ เขาคิดว่าอาจารย์หมอเองก็ดูไม่ได้ใจร้ายใจดำหรือน่ากลัวอย่างที่คนอื่นพูดมากนัก ส่วนตัวเขาก็ปล่อยวางเรื่องสายตาเฉียบคมที่คอยจ้องมองออกไป และจดจ่ออยู่กับการตรวจคนไข้ตรงหน้าให้เสร็จ



                  อันที่จริงก็คงไม่แปลกอะไรที่แพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและดูใจดีในสายตาของคนไข้หรือแม้กระทั่งแพทย์ด้วยกันเอง ทว่าสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ามันเกินกว่าภาพที่เขาเคยเห็นในชีวิตของการเป็นหมอ หมอซันใช้สายตามองทุกการกระทำของคนเป็นลูกศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ดูคล่องแคล่ว การตรวจวินิจฉัยโรคต่างๆพระพายก็ทำได้ดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องทึ่งคือรอยยิ้มหวานที่แฝงความอ่อนโยน อีกทั้งสายตายามมองคนไข้เต็มไปด้วยแววตาที่อบอุ่นเป็นประกาย ผ่านออกมาจากหัวใจของคนเป็นหมอจริงๆ นี่คือสิ่งที่คนเป็นหมออย่างเขาไม่เคยมีทั้งที่ก็เป็นอาชีพที่ตัวเองรัก ทว่าเขากลับไม่เคยมีแบบที่พระพายมีเลย ...



****************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2015 21:46:17 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ yupa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] #บทนำ
«ตอบ #4 เมื่อ29-05-2015 17:52:11 »

ขอบคุณคะ  แต่ช่วงหลังโพสซ้ำปะคะ :L2: :L2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พระพายคงจะเป็นคุณหมอขวัญใจคนใข้คนใหม่ ฮา

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน มาเป็นกำลังใจให้หมอพายจ้า
เป็นหมอไม่ได้ง่าย

ออฟไลน์ coolmaoil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หมอพายใจดี ถ้ามีหมอแบบหมอพายเยอะๆก็คงจะดี

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เรื่องน่าอ่าน เนื้อหาแน่นปึ้ก....55555
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ติดตามจ้า~  :katai2-1:

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

-3-

                       
                 ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลวิวรรธน์จะถูกจัดอันดับให้เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่และครบวงจรในอันดับต้นๆของประเทศ ทว่าในเวลากลางคืนและยิ่งดึกดื่นเช่นนี้ก็คงไม่ต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปมากนัก เสียงจอแจของผู้คนที่เคยมีก็หายไป ผู้คนก็บางตา รวมถึงหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เองก็ลดลงกว่าตอนกลางวันด้วยเช่นกัน

      ร่างสูงของใครบางคนวุ่นวายกับการเก็บของของตนลงกระเป๋า เขาสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไป ก่อนจะก้าวขาออกจากห้องทำงานอย่างเหนื่อยล้า ทว่ายังไม่ทันที่จะเดินพ้นหน้าห้องทำงานของตัวเอง สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงก็แผดเสียงดัง ถึงแม้จะสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของสายที่โทรฯเข้ามาในเวลาตีสามเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะล้วงมันขึ้นมาเพื่อกดรับ สายที่โทรฯเข้ามาเป็นเบอร์ของแผนก ER (Emergency Room = ห้องฉุกเฉิน) นิ้วเรียวสไลด์จึงรีบรับสายทันที


“ครับ”


“อาจารย์หมอคะ มีเคสด่วนค่ะ!” เสียงพยาบาลเวรฟังดูร้อนรน


“ครับ ผมกำลังลงไป” เขารีบเดินเข้าลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่างของโรงพยาบาลทันที ภูตะวันพรูลมหายใจออกมาเบาๆ หลับตาลงอย่างอ่อนล้า ถึงจะอยากพักผ่อนเท่าไหร่แต่ยังไงแล้วชีวิตของคนไข้ก็สำคัญกว่า เมื่อลิฟท์พามาถึงชั้นล่างขายาวก็รีบวิ่งตรงไปยังแผนก ER อย่างรีบร้อน


“คนไข้โดนเหล็กแทงที่หน้าอกค่ะคุณหมอตรวจดูแล้วและได้ปรึกษาคุณหมอศัลยแพทย์อุบัติเหตุซึ่งท่านเห็นว่าควรจะส่งต่อให้อาจารย์หมอค่ะ เพราะคนไข้มีเลือดออกที่ช่องเยื่อหุ้มหัวใจ” พยาบาลเวรประจำแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินรีบรายงานให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด สายตาคมมองไปยังร่างผู้ชายวัยรุ่นบนเตียง มีแผลใหญ่บนอกอย่างเห็นได้ชัด


ผ่าตัดด่วน ติดต่อห้องผ่าตัดให้ผมด้วย” พยาบาลรับคำ เขาบอกให้แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน (เป็นแพทย์ที่ทำงานในห้องฉุกเฉิน) ให้ไปพักส่วนที่เหลือเขาจะจัดการต่อเอง เสร็จแล้วจึงรีบเดินออกจากห้องฉุกเฉินเพื่อจะขึ้นไปยังห้องผ่าตัดที่คุ้นเคย หากแต่พยาบาลสาวก็รีบเรียกเขาเอาไว้และยื่นกระเป๋าส่งให้


“ห้องผ่าตัดพร้อมแล้ว เหลือแค่รอสครับเนิร์สกับเซอร์คูเลตมาถึงค่ะ” พยาบาลสาวรีบบอก ภูตะวันขมวดคิ้วอย่างตึงเครียด ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ หางตาก็เหลือบไปเห็นลูกศิษย์เดินหาววอดๆออกจากลิฟท์ เขาหรี่ตาลงก่อนจะหันไปบอกกับพยาบาลคนเดิมที่รอคำสั่งจากเขาอยู่


“ไม่มีเวลารอใครแล้ว ชีวิตของคนไข้รอได้อย่างนั้นเหรอ!?” เขาพูดเสียงเข้ม รีบสาวเท้าไปหาลูกศิษย์จนถึงตัวและดึงข้อมือเอาไว้ จนคนถูกจับสะดุ้งด้วยความตกใจ


“ไปกับผม!” พูดจบก็ลากคนที่ตัวเล็กกว่าให้เดินตามไปในทันที โดยไม่ฟังคำทัดทานจากอีกฝ่ายที่ได้แต่งุนงงและยื้อแขนตัวเองเอาไว้สุดชีวิต หากแต่เท้าก็ยังก้าวฉับๆตามด้วยสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว


“ไปไหนครับ ผมง่วง ผมจะกลับคอนโด” เขาพูดเสียงเหนื่อย ถูกลากเข้าลิฟท์ตัวเดิมที่เพิ่งจะออกมายังไม่ทันถึงสิบนาที ภูตะวันปล่อยข้อมือเล็กออกเพราะเห็นว่าอยู่ในลิฟท์แล้วอีกคนคงไม่หนีไปไหน ก่อนจะหันมาหาลูกศิษย์ เอนแผ่นหลังพิงกับผนังลิฟท์และเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างเคยชิน


“ง่วงแล้วทำไมเพิ่งจะกลับ เข้าเวร?”


“เปล่าครับ ผมเพิ่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเสร็จ ตกลงจะพาผมไปไหนครับ?” เขาพูดเสียงเนือย แต่ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายจับไว้อีกครั้งและดึงออกจากตัวลิฟท์ทันทีเมื่อถึงชั้นที่ต้องการ


“อาจารย์ครับ!”


“ไปห้องผ่าตัด คุณคงรู้จักเครื่องมือและการทำงานในห้องผ่าตัดใช่ไหม ผมไม่มีผู้ช่วย เคสด่วนและรอไม่ได้ คุณถึงต้องเข้าไปกับผม”


“ผมเนี่ยนะ ผมเป็นแพทย์ประจำบ้านปี 1 นะครับอาจารย์!” พระพายร้องเสียงหลง จริงอยู่ที่เขาพอจะรู้เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในห้องผ่าตัด เรื่องการทำงานของแต่ละหน้าที่อยู่บ้าง แต่เรื่องผ่าตัดเขาไม่เคยทำอย่างมากก็แค่อยู่ในห้องผ่าตัดดูการทำงานของศัลยแพทย์ท่านอื่นเท่านั้น


“คุณเข้าไปไม่ต้องรอปี 3 คุณจะได้ชั่วโมงปฏิบัติงานในห้องผ่าตัดล่วงหน้าจากผม คุณได้ความรู้ก่อนแพทย์ประจำบ้านคนอื่นๆ คุณได้บุญที่ได้ช่วยเหลือคน คุณมีแต่ได้กับได้ จะกลัวอะไรผมไม่ได้ให้คุณผ่า แค่ให้คุณเป็นผู้ช่วยผมเฉยๆ” ภูตะวันพูดอย่างรวดเร็วให้ลูกศิษย์เข้าใจ พระพายจึงคิดตามและไม่ขัดข้อง ก่อนจะถูกคนตัวสูงลากเข้าห้องผ่าตัดไป


                 ทั้งสองคนเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีเขียวฟ้าที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดี ใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวกคลุมผม รองเท้าทุกอย่างจะผ่านการซักรีดจนขั้นตอนของการฆ่าเชื้อก่อนนำมาไว้ยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ในส่วนแรก  (Protective area) ก่อนจะพากันเดินเข้าสู่ส่วนที่สองคือบริเวณที่สะอาด (Clean area) เขาล้างมือให้สะอาดเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดและสวมถุงมือยาง เสร็จแล้วจึงเดินเข้าสู่ส่วนที่สามคือส่วนที่ปลอดเชื้อหรือห้องผ่าตัด อากาศภายในเย็นเยียบและเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องมือการแพทย์ที่ดังเป็นระยะๆ


                ดวงตากลมโตทอดมองร่างเปลือยเปล่าที่มีผ้าคลุมปลอดเชื้อสีเขียวเหมือนกับชุดของเขาด้วยความเห็นใจ รอบกายมีสายเครื่องมือการแพทย์ระโยงระยาง มือบางแตะลงบนหลังมือคนไข้เบาๆ ส่งกำลังใจให้และหวังว่าคนที่นอนอยู่คงจะได้รับ ก่อนจะพุ่มมือไหว้คนไข้ที่จะต้องได้รับการผ่าตัดในอีกไม่กี่นาที เพราะเขาคิดเสมอว่าคนไข้ทุกคนคือครูอาจารย์ของเขา


                ภูตะวันกดด้ามมีดผ่าตัดลงที่กลางอกแล้วกรีดลงช้าๆอย่างเบามือ เลือดสีแดงสดผุดออกมาทันทีเมื่อกล้ามเนื้อแยกออก พระพายกระพริบตาปริบๆ หัวใจเต้นสั่นระรัว อดจะยอมรับไม่ได้ว่ากลัวกับภาพตรงหน้า ถึงแม้จะเป็นนายแพทย์มาแล้วทั้งหมด 9 ปี รู้ระบบภายในของมนุษย์ทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังไม่ชินกับมันสักที

                 เมื่อแผลเปิดแล้วหมอพายจึงหยิบเครื่องมือถ่างขอบแผล เพื่อเปิดปากแผลให้ถ่างออกสะดวกต่อการผ่าตัดอย่างรู้หน้าที่ อาจารย์หมอจ้องเข้าไปภายในด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตากลมของลูกศิษย์มองแผลสลับกับมองอาจารย์หมอว่าจะทำอย่างไรต่อ


“Clamp” (เครื่องมือใช้หนีบเพื่อห้ามเลือด) เสียงทุ้มบอกโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากจุดที่กำลังผ่า หมอพายหยิบเครื่องมือวางบนมือใหญ่ด้วยความคล่องแคล่ว ภูตะวันใช้คีมห้ามเลือดจับที่ปลายหลอดเลือดเพื่อห้ามเลือดแต่ก็ช่วยได้ไม่มากในเคสนี้ จึงขอเครื่องจี้ไฟฟ้าที่ใช้กระแสความถี่สูงเพื่อจี้ให้เลือดหยุดไหล

      การผ่าตัดไร้บทสนทนาของทั้งคู่ มีเพียงแค่เสียงสั่งจากอาจารย์หมอเท่านั้น อาจจะเพราะความเครียดหรืออาจจะเป็นเพราะความร้อนจากไฟผ่าตัดที่ทำให้มีเม็ดเหงื่อผุดพราวขึ้นบนหน้าผากของอาจารย์หมอ พระพายจึงดึงทิชชู่ขึ้นมาและเอื้อมซับเหงื่อให้กับอีกฝ่ายอย่างเบามือ ภูตะวันหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าที่ปิดขึ้นมาเกือบถึงขอบตาล่างขึ้นสีระเรื่อ


“ดูละครบ่อยใช่ไหม?” มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองคนตรงข้ามก่อนจะสนใจจุดผ่าตัดเช่นเคย พระพายอายไม่ใช่น้อยที่ถูกอีกฝ่ายพูดกับเขาแบบนั้น เขาอาจจะดูละครบ่อยก็จริงแต่ในห้องผ่าตัดมันก็เป็นหน้าที่ของสครับเนิร์สที่ทำกันเป็นเรื่องปกติก็ไม่เห็นจะถูกแซวเหมือนตน


“ถ้างั้นอาจารย์ก็ทำไปคนเดียวแล้วกันนะครับ” ไหล่เล็กไหวเล็กน้อย อาจารย์หมอซ่อนยิ้มมุมปากอีกครั้ง เหลือบมองใบหน้าหวานที่ถึงแม้จะมีผ้าปิดไปเกือบครึ่งหน้าก็ยังมีสีระเรื่อให้ได้เห็น


“เสร็จพอดี เย็บแผลสิ”


“มือผมจับทิชชู่แล้วครับ ไม่สะอาด” พระพายชูสองมือที่สวมถุงมือยางขึ้น ภูตะวันพยักหน้าก่อนจะสั่งให้ลูกศิษย์ออกไปบอกเจ้าหน้าที่ให้พาคนไข้ไปยังห้องพักฟื้น พอดีกับที่ห้องผ่าตัดถูกเปิดออกอีกครั้งหลังจากที่หมอพายออกไปได้ไม่นาน พยาบาลผู้ช่วยสี่ห้าคนรีบวิ่งกรูกันเข้ามา พร้อมกับขอโทษขอโพยอาจารย์หมอเป็นการใหญ่


“ผมผ่าเสร็จแล้ว พวกคุณช่วยเช็คเครื่องมือและเย็บปิดแผลแล้วกัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ก้มหน้ารับไหว้พยาบาลผู้ช่วยกลุ่มนั้นเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานชุดเดิมที่ใส่มาตั้งแต่เช้าจนจะครบ 24 ชั่วโมงในอีกกี่ไม่ชั่วโมงข้างหน้า เสร็จแล้วจึงออกมาหน้าห้องผ่าตัดเพื่อรอใครบางคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน จนเมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอพายเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนรออยู่


“คุณกลับยังไง เอารถมา?”


“แท็กซี่ครับ ผมไม่มีรถและขับรถไม่เป็นด้วย” เขาเดินทางมาที่โรงพยาบาลด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะระยะทางจากคอนโดและโรงพยาบาลไม่ไกลกันมากเท่าไหร่


“อยู่แถวไหนล่ะ ผมไปส่งแล้วกัน เพราะผมที่ทำให้คุณอยู่เกือบเช้า” คนตัวสูงพูดจบก็เดินนำไปโดยไม่รอฟังคำตอบอีกเช่นเคย ดวงตากลมกระพริบปริบๆ ยกมือเกาหัวแกรกๆให้กับความเผด็จการของหัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์คนนี้


“ความจริงอาจารย์ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ กลับไปพักผ่อนเถอะ ถึงในตอนนั้นอาจารย์จะไม่เรียกผมไว้ ยังไงผมก็ต้องกลับแท็กซี่อยู่ดีครับ” พระพายบอกในขณะที่เขาทั้งคู่เดินมาถึงหน้าโรงพยาบาล คนตัวสูงหยุดชะงักแล้วหันกลับมาด้วยสายตาเย็น ก่อนจะถือวิสาสะจับข้อมือเล็กนั่นเอาไว้และกึ่งลากกึ่งจูงเหมือนไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีผิด



      นายแพทย์พระพาย ภูวนัตถ์ จึงได้มานั่งหน้าบูดอยู่ใน Mercedes benz สีบลอนด์เงินคันหรูของอาจารย์หมออย่างเลี่ยงไม่ได้ รถเคลื่อนไปบนถนนในเมืองใหญ่อย่างไม่รีบร้อน มีเสียงเพลงบรรเลงเปิดคลอทำลายบรรยากาศอันเงียบที่น่าอึดอัด สองข้างทางยังคงมีไฟแสงสีเปิดสว่างสมกับเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล พอๆกับรถราที่วิ่งกันหนาตาแต่ก็ไม่เท่ากับช่วงกลางวัน


“อาจารย์รู้เหรอครับว่าผมพักอยู่ที่ไหนถึงได้ขับออกมา” เขาถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ถูกจับให้ขึ้นรถมาก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับอาจารย์หมอหน้าหล่อแต่เผด็จการเลยด้วยซ้ำ


“ไม่รู้...” คนตัวเล็กกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆไม่ให้เสียมารยาทมากนัก ก่อนจะบอกออกไปว่าอยู่คอนโดหนึ่งที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล คนฟังทำเพียงยกยิ้มมุมปากและขับรถต่อไปเงียบๆ

             จู่ๆ เสียงท้องร้องโครกครากของบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆก็เกิดดังขึ้นมาแทรกเสียงเพลงบรรเลงที่เปิดคลอเอาไว้เบาๆจนเจ้าตัวต้องรีบตะครุบท้องตัวเองเอาไว้อย่างน่าอาย เสียงหัวเราะในลำคอของภูตะวันที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นสารถีทำให้พระพายอายจนอยากจะมุดลงไปใต้คอนโซลรถอยู่มะรอมมะร่อ


“ก็มันเช้าแล้วนี่ครับ...” เขารีบแก้ตัวออกไปอย่างอายๆ รู้ตัวอีกทีรถหรูก็จอดเทียบที่ฟุตบาธข้างทาง เยื้องกับร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่เปิดไฟสว่างโร่ถึงแม้ว่าใกล้จะเช้าแล้วก็ยังไม่ปิด แถมยังมีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะอีกด้วย


“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ” มือหนาดันหลังคนตัวเล็กให้เดินนำเข้าร้านไป ถึงเขาอยากจะคัดค้านเท่าไหร่เพราะก็ง่วงเต็มที แต่ความหิวและความหอมของกับข้าวในตู้ก็เรียกให้น้ำย่อยพากันงานทำงานอย่างขยันขันแข็ง


“สั่งเลยผมเลี้ยง คิดซะว่าเลี้ยงต้อนรับลูกศิษย์”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ”


“... ถ้าเกรงใจครั้งหน้าก็ค่อยเลี้ยงผมคืนแล้วกัน” หมอซันยื่นข้อเสนอจนพระพายยอมรับข้อตกลง
ก่อนจะสั่งข้าวต้มกันคนละถ้วย กับข้าวอีกสองสามอย่างกับเด็กเสิร์ฟไป ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก ต่างคนต่างเงียบ

                 ภูตะวันเล่นสมาร์ทโฟนของตัวเองไป ส่วนพระพายก็นั่งดูดน้ำและมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนมาหยุดอยู่ที่คนตรงหน้า เขามองอย่างพิจารณา ใบหน้าหล่อ ขาวสะอาด คิ้วสีเข้ม ดวงตาทรงรีขนตาบาง จมูกที่เป็นสัน กับปากหยักสีชมพูที่ได้รูป ไม่น่าเชื่อว่าจะอายุสามสิบกว่าแล้ว


“ผมเคยเรียนวิชาจิตวิทยา อาจารย์บอกว่าถ้าเราก้มหน้านานๆ หากเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตากับใคร แสดงว่าคนนั้นกำลังมองเราอยู่ ... คุณกำลังมองผม” ภูตะวันยกยิ้มมุมปาก พลางดูดน้ำในแก้วด้วยท่าทางสบายๆ คนถูกกล่าวหาได้แต่อ้าปากค้างที่โดนจับได้ พยายามสรรหาข้ออ้างในการเอาตัวรอด


“กะ ... ก็มีอาจารย์กับผมสองคน เงยหน้ามาก็ต้องเจอผมสิครับ” โชคดีที่พอเขาพูดจบ อาหารก็ทยอยกันเอามาวางบนโต๊ะราวกับถูกปล่อยคิวมาอย่างดี พระพายก้มหน้าก้มตากินโดยที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเลย


“ผมเห็นคุณไหว้คนไข้ทุกครั้ง คิดอะไรอยู่ตอนนั้น” หมอหนุ่มชวนคุยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเกร็งเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ คนถูกถามจึงเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดูด


“.... คนไข้ก็เป็นเหมือนครูให้กับหมออย่างพวกเรานี่ครับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกาย ก่อนจะก้มลงสนใจกับข้าวต้มแสนอร่อยที่อยู่ตรงหน้า ภูตะวันมองคนตรงข้ามอย่างอึ้งๆ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นหมอเด็กรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขายกยิ้มมุมปากและรู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ได้พระพายเป็นลูกศิษย์


               

               รถเบ๊นซ์คันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดภายในคอนโดแห่งหนึ่งหลังจากที่กินข้าวต้มข้างทางเสร็จ ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมาเล็กน้อย แต่คนตัวเล็กที่เพิ่งจะกินอิ่มไปเมื่อครู่กลับนอนหลับคอพับคออ่อนด้วยความเหนื่อยอยู่บนเบาะหนังสีแดงราวกับเด็กน้อย


“หมอพาย ถึงแล้ว” สะกิดเรียวแขนเล็กอย่างเบามือ แต่คนขี้เซาก็ยังไม่รู้สึกตัว จึงเพิ่มแรงสะกิดอีกเล็กน้อยพร้อมกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นอีกจนอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมางัวเงีย


“ถึงแล้ว”


“... ขอบคุณครับที่มาส่ง อีกสามชั่วโมงเจอกันครับ” ถึงแม้จะงัวเงียแค่ไหน แต่ก็ไม่ลืมที่จะประนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ตามนิสัยที่ได้ถูกสั่งสอนมาอย่างดีจากครอบครัว ก่อนจะก้าวลงจากรถพร้อมปิดประตู จังหวะเดียวกับที่ประตูฝั่งคนขับก็ถูกปิดลงเช่นเดียวกัน


“ไม่ต้องขึ้นไปส่งก็ได้ครับ” อาจารย์หมอหัวเราะเบาๆและเดินนำไป พระพายถึงกับถอนหายใจที่ไม่สามารถขัดอะไรอีกคนได้เลย


“ชั้นอะไร?”


“8 ครับ” คนตัวสูงกดหมายเลขชั้นที่ลูกศิษย์บอกและชั้นถัดไปอีกสองชั้น หมอพายขมวดคิ้วและถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ออกไปทันที


“อาจารย์อยู่คอนโดนี้เหรอครับ!?”


“... ใช่” สิ้นคำตอบ มือบางตบเข้าที่หน้าผากตัวเองอย่างจัง ปล่อยไก่อีกตัวเบ้อเร่อ ทึกทักเอาเองว่าอาจารย์หมอสุดหล่อที่สาวๆหมายปองจะใจดีขึ้นมาส่งถึงหน้าห้อง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาพักอยู่ที่คอนโดเดียวกัน


“ตอนเช้าถ้าจะไปพร้อมกันก็ลงมารอผมที่ล็อบบี้เก้าโมง ส่วนหนังสือมาเอาของผมไปอ่านก็ได้ จะได้ไม่ต้องนั่งอ่านคนเดียวที่ห้องสมุดดึกๆ ... ออกไปได้แล้ว” เขาพยักเพยิดหน้าให้ลูกศิษย์ที่ได้แต่มองตาปริบๆออกจากลิฟท์กลับห้องของตัวเอง


“ขอบคุณครับ ความจริง ... อาจารย์ก็ใจดีนะฮะ ไม่เห็นจะดุเหมือนคนอื่นเขาว่าเลย ไปแล้วนะครับ ... ” คนตัวเล็กโบกมือลาก่อนจะก้าวขาออกจากลิฟท์และตรงไปห้องพักของตัวเองด้วยรอยยิ้มบางๆ




***************




Talk : ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีคนอ่าน แหะๆ -0-
เริ่มเรื่องจะค่อยเป็นค่อยไปหน่อยนะคะ จะเน้นวิชาการนิดหน่อยเท่าที่จะหาข้อมูลได้
อาจมีผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ เรื่องนี้ไม่รู้เรียกแนวอะไรดี (- -)
แต่ก็จะมีผ่าๆนี่แหละค่ะ ชีวิตรักหมอนักผ่านี่เนอะ อิอิ ยังไงก็ฝากติดตาม+คอมเม้นท์ด้วยนะคะ
อยากรู้ฟีดแบคว่าดีหรือไม่ดียังไง ขอบคุณค่าาา ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2016 23:18:15 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
มาติดตามค่ะ  มาอัพบ่อยๆ ดีจัง เนื้อเรื่องหาสนใจดีค่ะ หมอพะพายน่ารัก ปูเรื่องมาอ่านไม่สะดุดเลยค่ะ  ทำการบ้านมาดีมากเลยวิชาการแน่นปึก
เป็นกำลังใจให้นะคะ ช่วงแรกๆ คนอ่านยังไม่พุ่งเป็นธรรมดาของนักเขียนมือใหม่ค่ะ  ที่เล้าเรื่องสนุกเยอะ อ่านไม่ทันเลย ตัวนัทสึเองมาลงแรกๆ ก็ลุ้นๆเหมือนกันค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังลุ้นๆอยู่ 5555

PS, นัทสึไม่ได้เรียนหมอหรอกค่ะ  แต่เรียนกฎหมาย สาขาบริหารยุติธรรมและนิติวิทยาศาสตร์ที่เราต้องทำงานกับหมอเฉพาะทางนิติเวชค่ะ อาจารย์ที่สอนจะเป็นอาจารย์หมอกับอาจารย์ตำรวจค่ะ ก่อนสอนจะเล่าชีวิตการเรียนหมอและประสบการณ์ในอดีต  ระลึกอดีตไปครึ่งชั่วโมง 55555  ตอนเห็นชื่อเรื่องนี้ แอบสงสัย หมอนักผ่า นี่หมอผ่าศพหรือหมอศัลย์นะ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2015 07:52:04 โดย natsikijang »

ออฟไลน์ yupa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอบคุณคะ เป้นกำลังใจให้จ้า :L2: :L2: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
สนุกมากๆๆๆ
เนื้อหาเเน่นปึก หมอพายน่ารัก
ติดตามค่ะ
ชอบ อ.หมอจัง

ออฟไลน์ premierfour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านแล้วนึกถึงหมอพัคคคค  :-[
สนุกดีครัชชชช

ออฟไลน์ coolmaoil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หมอหมอพายเขาอยู่คอนโดเดียวกันด้วย คงได้ไปทำงานด้วยกันบ่อยๆ

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
แฟนนิยายหมออย่างเรามิพลาดค่า ชอบๆ อัพบ่อยๆ น๊า อย่าทิ้งเค๊ารอเก้อน๊า ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yupa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
-4-


                 ผ่านไปหลายวันกับการเป็นแพทย์ประจำบ้านที่นี่ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เพื่อนร่วมงาน รวมถึงคนไข้ พระพายยังคงใช้ชีวิตเหมือนวันแรกที่เข้ามาในอาณาจักรของโรงพยาบาลวิวรรธน์ ราวน์วอร์ด ตรวจคนไข้และฟังอภิปรายเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆจากอาจารย์หมอศัลยศาสตร์ท่านอื่น

                ทุกวันเขาเลือกที่จะอาศัยมอเตอร์ไซค์วินแทนที่จะรอไปพร้อมกับอาจารย์หมอของตัวเอง แค่เรื่องเลี้ยงข้าวต้มในคืนนั้นเขาเองก็เกรงใจแทบแย่ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากถามว่าทำไมถึงไม่ไปพร้อมกัน แต่เขาก็ยังยืนยันว่าไม่อยากจะรบกวน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่เกือบจะอึดอัดบนรถกันสองคน สุดท้ายแล้วก็เลือกวิธีที่ตัวเองจะสบายใจดีกว่า

      ทว่าความสัมพันธ์ของอาจารย์หมอและลูกศิษย์อย่างเขาก็ไม่ได้ดูแย่ แต่ก็ไม่ดีเท่าแพทย์ประจำบ้านคนอื่นที่ดูจะสนิทกับอาจารย์หมอของตนเองมากทีเดียว อาจารย์หมอให้หนังสือเกี่ยวกับการแพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์กับเขาเอาไว้ศึกษา ให้คำปรึกษาหากเขามีข้อสงสัย ไม่ได้คุยกันมากกว่าที่เคยหรือพูดจากวนประสาทกันเหมือนอาจารย์หมอและลูกศิษย์ท่านอื่น เพราะเขาเองก็รู้ว่าบุคลิกของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน


“เสร็จแล้วเหรอหมอพาย” เสียงใสร้องทักอย่างสนิทสนมเมื่อเขาผลักประตูห้องทำงานเข้ามาหลังจากตรวจคนไข้ที่หอผู้ป่วยในเสร็จ ด้วยระยะเวลาไม่นาน แต่ก็ได้เห็นกันทุกวัน อายุอานามก็ไล่กันมา ทำให้พวกเขาสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว


“เสร็จแล้ว เดี๋ยวมีฟังบรรยายวิชาการไม่ใช่เหรอ ไม่เตรียมตัวกันล่ะ?” เขามองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา หมอเอิร์ธหนุ่มตี๋นอนหลับเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน ส่วนหมอแพรกำลังก้มหน้าสนใจสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพียงครู่สั้นๆเธอก็วางมันลง ก่อนที่จะเงยหน้ามองเขา


“อีกตั้งครึ่งชั่วโมง ยังพอมีเวลาพัก ครั้งก่อนนะเราเบื่อจะแย่อาจารย์หมอพูดแบบน่าหลับมากกกก” แพรดาวพูดพลางทำหน้าขยาด พระพายคลี่ยิ้มบ้างกับท่าทางของเพื่อนร่วมอาชีพ ก่อนขาเรียวจะพาเจ้าของมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง


      จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาที่แพทย์ประจำบ้านอย่างพวกเขาต้องเข้ารับฟังบรรยายวิชาการเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆ ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมเล็กที่ใช้ในการบรรยายอย่างไม่รีบร้อน ด้วยเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง แต่ก็เป็นเวลาไม่นานพวกเขาก็เข้ามาถึงจุดหมาย เอกสารการเข้ารับฟังอยู่ตรงหน้า พร้อมกับจอโปรเทกเตอร์ขนาดกลางที่ฉายหัวข้อที่จะรับฟังวันนี้ ทว่าอาจารย์หมอที่รับหน้าที่บรรยายในครั้งนี้ยังไม่เข้ามา


“การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง” อนุวัฒน์หมอหนุ่มตี๋พูดขึ้น ก่อนจะพ่นลมออกจากปากบางเสียพรูใหญ่ราวกับว่าจะต้องเจอศึกหนักในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเสียอย่างนั้น


“ถ้างั้นก็ต้องเป็นอาจารย์หมอภูตะวันสิ!” หญิงสาวมีสีหน้าตระหนก ได้ยินกิตติศัพท์อาจารย์หมอคนนี้มาหนาหูว่าเขามีบุคลิกที่เคร่งขรึม เย็นชา ยิ้มยาก แถมยังเจ้าระเบียบ ทำให้หลายๆคนกลัวและไม่กล้าที่จะเข้าหา


“... คงงั้นมั้ง” พระพายตอบด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้มีความวิตกกังวลเหมือนกับหมอแพร อาจจะเพราะเขาคิดว่าอาจารย์หมอไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันก็เท่านั้น


                 จากนั้นไม่นานร่างสูงสมส่วนของอาจารย์หมอวัยสามสิบต้นๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองแพทย์ประจำบ้านทีละคนจนหยุดที่นายแพทย์พระพายเป็นคนสุดท้ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนละสายตาจากลูกศิษย์ ดึงไมค์ตั้งโต๊ะให้หันเข้าหาตัว


“พวกคุณคงรู้จักผมอยู่แล้ว ผมเริ่มบรรยายเลยแล้วกัน... ” เขาพูดเสียงเข้มพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกดเลื่อนสไลด์ที่จอคอมพิวเตอร์ไปยังบทบรรยายในวันนี้


“Surgery for Acquired Heart Disease หรือการผ่าตัดหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง อย่างที่พวกคุณรู้คือโรคหัวใจที่ทำการผ่าตัดรักษาได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง” อาจารย์หมอบรรยายเกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจอย่างชำนาญและเชี่ยวชาญ เป็นไปอย่างไม่รีบร้อน เพราะเขาอยากให้แพทย์ประจำบ้านได้เข้าใจเนื้อหาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความจำเยอะอยู่พอสมควร จนเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร เขาจึงเลือกที่จะตั้งคำถามเพื่อให้แพทย์ประจำบ้านได้มีส่วนร่วมในการเข้ารับฟังการบรรยายครั้งนี้


“ครั้งที่แล้วพวกคุณได้เข้าฟังการบรรยายเรื่อง Pre-operative workup (การเตรียมการก่อนผ่าตัด) กันใช่ไหม ผมขอถามหน่อยว่ามันมีขั้นตอนอะไรบ้าง” ภูตะวันย้ายตัวเองไปนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่หลังจากที่ยืนมาได้สักพัก เขาเอนหลังพิงพนักและวาดขายาวขึ้นไขว่ห้าง พลางไล้นิ้วมือเรียวที่กลีบปากของตนอย่างรอคำตอบ


“History, review of systems and physical exams , Blood count , Chemistry and typing , Urinalysis ครับ” อนุวัฒน์ชิงตอบก่อนและเหลือให้เพื่อนอีกสองคนได้ตอบบ้าง เป็นการไม่อวดรู้และไม่เป็นการหักหน้าเพื่อนร่วมอาชีพ


“CxR , 12 leads EKG , Coronary angiography , Exercise testing” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเป็นฝ่ายตอบบ้าง ก่อนทุกคนจะเบนสายตาไปยังแพทย์ประจำบ้านอีกคนที่ยังเหลืออย่างพระพาย


“Radionuclide myocardial imaging , PFT , ABG , Cardiac rehabilitation ,  Assessment of risk and benefit , Discussion ครับ” ภูตะวันยิ้มขรึมเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อบรรยายในส่วนที่ยังเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดบายพาส ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด การเลือกใช้กราฟสำหรับการผ่าตัดบายพาส การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดและผลของการผ่าตัด


                 จนกระทั่งให้แพทย์ประจำบ้านสรุปเนื้อหาการบรรยายทั้งหมดของวันนี้ว่าได้รับความรู้และมีความเข้าใจในเนื้อหามากน้อยเพียงใด และหมอพายที่ดูจะรู้เรื่องและตั้งใจมากที่สุดในสามคน ก็ถูกยัดเยียดให้เป็นคนสรุปทั้งหมด


“การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง มีหลักการรักษาเช่นเดียวกับการรักษาผ่าตัดโรคหัวใจอื่นๆครับ สิ่งสำคัญคือการเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด เข้าใจถึงแนวทางการรักษา ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัดและการดูแลรักษาหลังผ่าตัด นอกจากนี้ควรจะประเมินอัตราเสี่ยงของการผ่าตัดโรคหัวใจที่เกิดขึ้น เพื่อทำการผ่าตัดที่ถูกต้องแม่นยำและได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจครับ” เขาพูดด้วยความมั่นใจ สีหน้าจริงจัง เสียงปรบมือเบาๆดังขึ้นจากบุคคลที่นั่งข้างๆพร้อมกับนิ้วโป้งที่ยกขึ้นเป็นรางวัล หมอพายไหวไหล่ก่อนจะยักคิ้วให้เพื่อนทั้งสองของตน ทุกการกระทำของพวกเขาตกอยู่ในสายตาของภูตะวันทั้งหมด ต้องยอมรับว่าแท้จริงแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความฉลาดของลูกศิษย์คนนี้ มีดีหลายอย่างเกินไปแล้ว


“บ่ายวันนี้ผมและทีมศัลยแพทย์มีผ่าตัดใหญ่ ถ้าพวกคุณว่างก็ควรจะเข้าห้องอัฒจรรย์ อาจารย์หมอของแต่ละคนจะให้ชั่วโมงปฏิบัติงานในภาคปฏิบัติตามชั่วโมงที่ใช้ในการผ่าตัดทั้งหมด” เขาพูดจบก็ก้าวขายาวๆเดินจากไป ทิ้งให้แพทย์ประจำบ้านสามคนได้แต่มองตามกันคอตก พวกเขาต้องทำงานในภาคปฏิบัติอย่างน้อย 28 เดือนรวมราวๆสองปีกว่า อีกทั้งเมื่อหมดปีพวกเขาจะต้องสอบข้อเขียนในภาคทฤษฎีอีกด้วย


“ตกลงต้องไปใช่มั้ยเนี่ยยยย” คุณหมอหน้าตี๋บ่นกระปอดกระแปด ถึงแม้จะรักอาชีพหมอแต่หมอก็ยังคงต้องการเวลาพักแม้สักนิดหน่อยก็ยังดี แพรดาวตวัดสายตามองเพื่อน ก่อนจะพรูลมหายใจออกมา


“พูดขนาดนี้แล้วก็ต้องไปสิ ยังไงเราก็มีแต่ได้กับได้อยู่แล้ว ได้ชั่วโมงปฏิบัติงานแถมยังได้บันทึกลง e-log book อีกต่างหาก คิดจะเรียนต่อก็อย่าขี้เกียจไปหน่อยเลยคุณหมอเอิร์ธ” หมอแพรแกล้งพูดกระแทกให้อีกคนรู้สึกสำนึก หมอเอิร์ธได้แต่เกาหัวแกรกๆเพราะเถียงไม่ออก ทว่าจบลงด้วยประโยคกระเซ้าปิดท้ายจากพระพาย ที่ทำให้เอาเพื่อนสองคนที่เหลือถึงกับมีสีหน้าตกใจสุดขีด


“สองคนนี้เถียงกันบ่อยๆ ระวังเถอะสุดท้ายจะได้กัน” คนพูดคลี่ยิ้ม ทิ้งให้คุณหมอสองคนที่เหลือได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆพลางคิดในใจว่านั่นมันเหมือนรอยยิ้มของปีศาจต่างหาก ก่อนจะตวัดสายตามองกันอย่างขยาดๆ ยังไงเขาสองคนก็ไม่มีทางได้กันอย่างที่หมอพายว่าแน่ๆ


                 หลังจากบรรยายให้กับแพทย์ประจำบ้านเสร็จได้ไม่นาน ภูตะวันก็ลงมานั่งจิบกาแฟกับหมอบีหรือแพทย์หญิงสโรชา สูตินารีแพทย์คนสวยประจำโรงพยาบาลวิวรรธน์อย่างผ่อนคลาย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์และห่างกันไปหลังเรียนจบ เนื่องจากหมอบีบินไปเรียนต่อที่เมืองนอก ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นารีเวชที่โรงพยาบาลวิวรรธน์ธุรกิจครอบครัวของเพื่อนอย่างภูตะวัน
      
                  เขารู้มาตลอดว่าหมอบีรู้สึกยังไงเพราะเธอไม่เคยปิดบัง เธอมักจะบอกว่าชอบและถามเขาอยู่บ่อยๆว่าเมื่อไหร่จะยอมใจอ่อนและมาคบกับเธอสักที ทว่าเขากลับปฏิเสธเธอทุกครั้งและสบายใจที่จะให้เธอและเขาเป็นเพียงเพื่อนกันเหมือนที่เคยเป็นมากกว่า


“ทำงานที่เดียวกันแต่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะศัลยแพทย์มือหนึ่ง” เธอทักขึ้นมากวนๆ หากแต่หมอซันกลับคิดว่ามันคือประโยคแขวะเขาเสียมากกว่า ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะแขวะเธอกลับเช่นกัน


“ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นารีเวชอย่างแพทย์หญิงสโรชาก็ดูจะไม่ค่อยว่างเหมือนกันนะครับ วันๆคงได้แต่ล้วงๆควักๆคนไข้จนมือเปื่อย”


“ไอ้หมอลามก!” เธอแหวใส่เขาอย่างไม่จริงจังมากนัก ซึ่งคนถูกด่ากลับหัวเราะในลำคอเบาๆพลางจับหลอดในแก้วกาแฟเย็นยี่ห้อดังขึ้นดูดอย่างสบายอารมณ์


“ช่วงนี้มีอบรมเรสสิเดนท์ใช่ไหม เป็นไงบ้าง มีหมอสาวๆมายุ่งกับแกไหมเนี่ย แกก็อย่าไปหลงกลเด็กมันเข้าล่ะ เห็นใจฉันบ้างฉันเฝ้าแกมาตั้งหลายปี” หมอบีรัวคำถามใส่อีกฝ่ายไม่ยั้งก่อนจะปิดท้ายประโยคตัดพ้อทีเล่นทีจริง กระทั่งหมอหนุ่มแค่นหัวเราะเสียงเบา


“ก็ไปเฝ้าคนอื่นซะสิ เฝ้าฉันก็มีแต่เสียเวลา”


“แกเป็นเกย์ป่ะเนี่ย สวย เก่ง ดูดี มีชาติตระกูลอย่างฉันแกกล้าปฏิเสธเป็นสิบๆครั้งได้ยังไง” หญิงสาวทำหน้าฉงน ถึงแม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธมาหลายสิบครั้ง ทว่าเธอก็ยังแน่วแน่และหวังว่าหมอซันคงจะใจอ่อนและยอมรับรักเธอเข้าสักวัน จนกว่าที่นายแพทย์ภูตะวันคนนี้จะมีคนรักเป็นตัวตน วันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง


      ภูตะวันฟังแล้วกลอกตาไปมากับความหลงตัวเองของเพื่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เธอกล่าวมาเป็นเรื่องจริง หมอบีเป็นคนสวย ฉลาด เก่ง พื้นฐานครอบครัวดี เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายในการปฏิเสธเธอคนนี้ทุกครั้ง มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือคนบางคนเหมาะจะเป็นแค่เพื่อนมากกว่าคนรักเท่านั้นเอง


“แค่ปฏิเสธก็หาว่าเป็นเกย์ เพ้อเจ้อ” เขาพูดติดตลก คุณหมอคนสวยอมลมจนแก้มป่องอย่างงอนๆที่ถูกกล่าวหา ก่อนจะยกข้อมือขึ้นดูเวลา หน้าปัดนาฬิกาบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมผ่าตัด เขายกแก้วกาแฟพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


“มีผ่าตัดใหญ่ ไปละ ไว้เจอกัน” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะปิดท้ายประโยคที่ทำเอาหมอซันถึงกับส่ายหัวระอาพร้อมรอยยิ้มมุมปากให้กับความดื้อรั้นของคุณหมอคนสวย


“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก รู้ไว้ด้วย!” หมอบีตวัดสายตามองค้อนหมอหนุ่มพลางยักคิ้วหลิ่วตาอย่างเหนือกว่าใส่ จนอีกฝ่ายเดินลับตาไป
   


      เข็มนาฬิกาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนในหนึ่งวันจะผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน ท้องฟ้าภายนอกมีก้อนเมฆสีดำ
ทะมึน ส่อแววว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมา พระพายชอบมองท้องฟ้าแต่เหมือนวันนี้ท้องฟ้าจะไม่ค่อยอยากให้เขามองมากนัก ลมหายใจอุ่นร้อนถูกปล่อยออกมาที่ปลายจมูก อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะต้องเข้าห้องอัฒจรรย์เพื่อดูการผ่าตัดครั้งใหญ่ของทีมศัลยแพทย์ เขาละสายตาจากท้องฟ้านอกหน้าต่างมายังรูปใบเล็กที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างดี รูปที่มีเขากับบุคคลอันเป็นที่รัก ...




      ห้องอัฒจรรย์ขนาดปานกลาง บรรยากาศเย็นเยียบจนน่าขนลุกเพราะเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องมีบุคคลที่เป็นแพทย์ในตำแหน่งใหญ่ๆที่เขาไม่รู้จักอยู่สองสามคน หมอพายพุ่มมือไหว้ทำความเคารพตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงข้างเพื่อนแพทย์ประจำบ้านด้วยกันที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว


“มาช้า บอกว่าให้มาพร้อมกันก็ไม่มา” หมอแพรเอนตัวกระซิบ


“ก็ยังไม่เริ่มซะหน่อย” พระพายหันไปยิ้มตอบ ดวงตากลมโตทอดมองลงไปยังห้องผ่าตัดเบื้องล่าง ที่พยาบาลผู้ช่วยหลายชีวิตกำลังตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมรอแพทย์ผู้ผ่าตัดเข้ามา

               หญิงสาววัยกลางคนเป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด นอนไม่ได้สติจากฝีมือหมอดมยา สายเครื่องมือการแพทย์ระโยงระยางรอบตัว เขาเหลือบมองที่จอ LCD ขนาดใหญ่สองตัวด้านบนภายในห้องอัฒจรรย์ ตัวหนึ่งฉายให้เห็นภาพมุมกว้างที่เห็นห้องผ่าตัดทั้งหมด ส่วนอีกตัวเห็นเพียงแค่เพียงช่วงหน้าอกของผู้ป่วยเป็นจุดที่จะต้องผ่าตัด

                เพียงไม่นานทีมศัลยแพทย์ที่นำโดยหัวหน้าทีมอย่างภูตะวันก็เดินเข้ามาด้วยชุดปลอดเชื้อ เขาช้อนสายตาขึ้นมองด้านบนที่เป็นห้องอัฒจรรย์และสบตากับเจ้าของดวงตาคู่สวยอย่างพระพายเพียงชั่วครู่ ก่อนแพทย์ประจำบ้านสามคนจะรีบลุกขึ้นยืนพุ่มมือไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างรู้หน้าที่ หลังจากนั้นพยาบาลผู้ช่วยก็กรูกันเข้ามาช่วยใส่เสื้อคลุมสำหรับผ่าตัด สวมถุงมือยาง มัดผ้าปิดปากปิดจมูก รวมถึงผ้าคลุมศีรษะ เรียกได้ว่าทีมศัลยแพทย์ทำแค่ผ่าตัดอย่างเดียวก็ว่าได้


“ผู้ป่วยป่วยด้วยภาวะหัวใจวายหรือภาวะหัวใจล้มเหลวระยะสุดท้าย ก็คือความสามารถในการบีบตัวของหัวใจลดเหลือน้อยกว่า 25% ของภาวะปกติ เราถึงต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ” ภูตะวันเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บอกให้แพทย์ประจำบ้านรู้ถึงเคสที่กำลังจะผ่าตัด

               เขารับมีดผ่าตัดจากพยาบาลผู้ช่วย กดมีดลงที่กลางอกของผู้ป่วยช้าๆ ศัลยแพทย์มือสองก็ช่วยจับเนื้อของผู้ป่วยให้แยกออกจากกันจนเห็นอวัยวะภายในที่เป็นช่วงอกทั้งหมด พระพายรวมถึงแพทย์คนอื่นๆมองบนจอที่ฉายภาพการผ่าตัดอย่างชัดเจนสลับกับมองไปด้านล่างบ้างเป็นครั้งคราวอย่างตั้งใจใฝ่รู้


“อาจารย์หมอจะผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจแบบไหนครับ?”


“ตัดหัวใจออก เหลือบางส่วนของหัวใจห้องบนซ้าย” ภูตะวันตอบศัลยแพทย์ในทีมทั้งที่กำลังก้มหน้าก้มตาเริ่มตัดส่วนของหัวใจออกทีละนิดๆ จนเหลือห้องบนซ้ายอยู่บางส่วนที่ต้องการ


“หัวใจที่บริจาคล่ะ พร้อมหรือยัง?” เขาหันไปถามพยาบาลผู้ช่วย ก่อนจะได้รับคำตอบว่ากำลังเดินทางมาพร้อมกับศัลยแพทย์หลอดเลือดและปลูกถ่ายอวัยวะ เมื่อได้รับคำตอบเขาจึงพยักหน้าเข้าใจ

               เพียงไม่กี่นาทีห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกพร้อมด้วยร่างของศัลยแพทย์ที่ค่อนข้างมีอายุ ในมือของชายสูงวัยถือกล่องเหล็กที่ในนั้นมีหัวใจของผู้ป่วยที่ก้านสมองตายและญาติยินยอมบริจาคให้กับส่วนกลาง เขาเหลือบตามองขึ้นไปด้านอัฒจรรย์พร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างคนใจดี

                ทุกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นต่างพากันยกมือไหว้เคารพ ทว่ายังมีแพทย์ประจำบ้านอีกคนที่ยังคงนั่งค้างอยู่แบบนั้น แววตาสั่นระริกจับจ้องที่ศัลยแพทย์สูงวัยก่อนจะกลายเป็นแววตาที่แข็งกร้าวในเวลาไม่กี่นาที หัวใจเต้นระรัว เลือดในกายวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เขาขยำเสื้อกาวน์ของตัวเองแน่นจนยับคามือ หมอสูงวัยหน้าตาใจดีไม่ได้สนใจอะไรพวกเขานัก เขาย่างกรายเดินเข้าไปยังเตียงผ่าตัดที่หลากหลายชีวิตกำลังรุมล้อม การกระทำของพระพายตกอยู่ในสายตาคู่คมของภูตะวันอย่างนึกสงสัย ก่อนจะละสายตาจากด้านบนมายังศัลยแพทย์สูงวัยที่เขาให้ความเคารพเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง


“ว่าไงหมอซัน ฝีมือไม่ตกเลยนะ มือหนึ่งยังไงก็อย่างงั้น” เขาทักพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ว่าแต่อาหมอกลับมาจากอังกฤษเมื่อไหร่” ภูตะวันถามพลางประคองหัวใจของผู้บริจาคไว้อย่างเบามือ นายแพทย์พฤติพงศ์หรือหมอโจ จึงตอบอีกฝ่ายเพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อคืนนี้ หลังจากไปประชุมสัมมนาเพราะตัวแทนของศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะที่ประเทศอังกฤษ


               ทั้งที่ในห้องนี้อากาศเย็นเสียจนขนลุกขนชัน ทว่าร่างกายของพระพายกำลังร้อนดั่งถูกไฟเผา แววตาที่เคยสะท้อนประกายสวยกลับเป็นแววตาแข็งกร้าวดุดัน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากหมอซันที่เหลือบมองขึ้นมาเป็นระยะๆอย่างสงสัยว่าลูกศิษย์ของเขาเป็นอะไร ถึงได้แสดงท่าทางแบบนั้นออกมา
      
               ในขณะที่ภูตะวันกำลังเย็บต่อห้องหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของผู้บริจาคเข้ากับหลอดเลือดของผู้ป่วยอย่างตั้งใจอยู่นั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พระพายรู้สึกหูอื้อและตาลายขึ้นมายามเมื่อนึกถึงอดีต เขาโกรธจนอยากจะวิ่งลงไปห้องผ่าตัดและหยิบมีดผ่าตัดหรือเมโยกระซวกเข้าไปที่ชายโครงของชายแก่ที่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนจิตใจดีคนนั้นให้ล้มตายตรงหน้า หากแต่เขากลับทำไม่ได้ อาหารมื้อกลางวันแสนอร่อยกำลังทยอยตีขึ้นมาจนเขาอยากจะอาเจียนมันขึ้นมาเสียดื้อๆ


“อุ๊บ!” มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองทันที สีหน้าของเขาแดงจัดและมีน้ำตาเอ่อคลอที่ขอบตาทั้งสอง ก่อนจะลุกวิ่งออกจากห้องไปในทันที ภูตะวันเงยหน้าขึ้นมาจากจุดผ่าตัดและช้อนสายตาขึ้นมองไปยังคนด้านบน เขาหรี่ตามองตามคนที่วิ่งออกไปอย่างสงสัย แพรดาวและอนุวัฒน์เองก็ตกใจไม่แพ้กันจึงได้พากันวิ่งตามเพื่อนไปด้วยความเป็นห่วง


“แพทย์ประจำบ้านล่ะสิ สงสัยเห็นเลือดนานๆแล้วจะเป็นลม” ชายสูงวัยหัวเราะเสียงก้องไปทั่วห้องผ่าตัดถึงแม้ว่าจะมีผ้าปิดปากอยู่ก็ยังได้ยินเสียงนั้นชัดเจน ภูตะวันไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะตั้งใจผ่าตัดต่อให้เสร็จและให้มันผ่านไปได้ด้วยดี ทว่าเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในหัวของเขาตอนนี้กลับมีเรื่องของลูกศิษย์หัวรั้นที่เพิ่งจะวิ่งออกไปแทนที่จะเป็นผู้ป่วยที่นอนไม่ได้สติให้เขาผ่าตัดอยู่ตรงหน้า ...





      พระพายนั่งเก้าอี้ชิงช้าไม้ตัวใหญ่อยู่บริเวณสวนหย่อมชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ชิงช้าถูกแกว่งไกวเบาๆด้วยปลายเท้าทั้งสอง เขาทอดสายตามองไปที่ท้องฟ้าเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย หยาดฝนโปรยลงมาไม่ขาดสายหากแต่เขากลับไม่ได้สนใจมันสักนิด เพราะเห็นว่าไม่ได้ตกหนักจนทำให้ร่างกายเขาเปียกปอนได้

      เขาใช้เวลาหลังจากออกจากห้องอัฒจรรย์นั้นอาเจียนเอาสิ่งที่ตีขึ้นออกมาจนหมด ก่อนจะพาร่างตัวเองขึ้นมาบนชั้นสูงสุดของตึกนี้หวังให้ใจเย็นลงได้บ้าง เพราะหมอแก่คนนั้นที่ทำให้เขานึกถึงอดีต อดีตที่เลวร้ายของครอบครัว อยากจะต่อสายถึงมารดาและร้องบอกว่าเขาได้เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นแล้ว คนที่ทำให้เขาเลือกที่จะเรียนหมอมาทั้งชีวิต ทว่าเขากลับทำได้แค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น หากบอกมารดาของตนไปก็คงจะทำให้หญิงอันเป็นที่รักไม่สบายใจขึ้นมาก็ได้ จึงเลือกที่จะเก็บไว้คนเดียวคงจะดีกว่า


“... ซื้อมาคืน” เสียงทุ้มพร้อมด้วยน้ำเย็นหนึ่งขวดถูกแนบที่แก้มใสเบาๆ แต่เพราะความเย็นและตกใจก็ทำให้เขาสะดุ้งไม่น้อย พระพายช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ในมือชายคนนั้นถือร่มคันสีดำสนิททำให้เขาไม่โดนเม็ดฝนที่โปรยลงมา มือบางรับขวดน้ำเย็นมาถือไว้ ก่อนคนตัวสูงจะนั่งลงข้างๆและยังคงถือร่มไว้แบบนั้น


“ขอบคุณครับ” เสียงนุ่มเอ่ยขอบคุณ พลางเปิดฝาและยกมันขึ้นดื่มให้ฉ่ำปอด ภูตะวันมองลูกศิษย์ของตัวเองดื่มน้ำที่เขาซื้อมาให้
ไปเสียอึกใหญ่และยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่าพระพายเป็นอะไร ไวเท่าความคิดจึงเอ่ยถามในทันที


“เป็นอะไรถึงวิ่งออกจากห้องมาแบบนั้น” พูดจบก็เบนสายตามองไปยังท้องฟ้ามืดครึ้มเบื้องหน้าแทนที่จะมองคนข้างๆ เพียงต้องการเว้นที่ว่างให้อีกฝ่ายได้คิดและไม่ให้รู้สึกเหมือนว่าเขาละลาบละล้วงจนเกินไป


“... โรคเครียดกำเริบน่ะครับ ไม่มีอะไร” พระพายตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เขาเป็นโรคเครียดมาหลายปีตั้งแต่ที่พ่อของเขาจากไป รักษาไม่หายแค่เยียวยาได้ด้วยการกินยาเท่านั้น แต่ถ้าในวันไหนที่มีเรื่องให้เขาต้องคิดหรือรู้สึกมากอย่างเช่นวันนี้ อาการก็จะปรากฏขึ้นมาทันที ภูตะวันหันกลับมามองอีกคนพลางหรี่ตาลงคล้ายยังไม่หมดความสงสัย


“แค่นั้น?”


“... ครับ แค่นั้น” เขารู้ว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้มีแค่นั้นอย่างที่อีกฝ่ายตอบ แต่ก็เลือกที่จะไม่ซักถามหรือเค้นเอาความจนสร้างความกดดันหรือทำให้พระพายรู้สึกไม่ดีกับตัวเขา โดยปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่อยากรู้อะไรเรื่องของคนอื่นมากนัก ทว่าพอเป็นเรื่องของลูกศิษย์อย่างพระพาย เขากลับให้ความสนใจอย่างกับรู้จักกันมานานนม อาจจะเป็นเพราะความเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์หรือไม่ก็อาจจะเพราะแววตาน่าสงสารคู่นั้นที่ทำให้เขาไม่สนใจไม่ได้ ...


“กลับกันเถอะ!” อาจารย์หมอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ถึงอย่างนั้นร่มสีดำคันใหญ่ก็ยังไม่หลุดจากรัศมีที่พระพายนั่งอยู่แม้แต่น้อย เขามองอาจารย์ของตนเองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ อาจารย์หมอที่ใครๆก็มองว่าเย็นชาไร้ความรู้สึก กลับสนใจความรู้สึกลูกศิษย์ตัวเล็กๆอย่างเขา ทั้งที่จะมองข้ามมันไปแล้วทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจก็ยังได้ อาจารย์หมอของเขาไม่ใช่คนเย็นชาอย่างที่คนอื่นพูดจริงๆหรอก เพราะตอนนี้คนเย็นชาที่ใครๆว่ากลับทำให้เขาอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ...



**************************


Talk : ตอนนี้พิมพ์ไป 4 วัน ขอบคุณที่สนใจนิยายเรื่องนี้นะคะ
อยากบอกว่าตั้งใจมากจริงๆ ^^ ในตอนนี้ตัวละครสำคัญเริ่มปรากฏแล้วค่ะ
พร้อมๆกับปมของหมอพายที่ค่อยๆเกริ่นขึ้นมา หวังว่าเรื่องนี้จะถูกใจกันนะคะ
เนื้อเรื่องหลักส่วนใหญ่เกิดที่โรงพยาบาลค่ะ แหงล่ะ เพราะตัวเอกเป็นหมอนี่เนอะ ฮ่าๆๆๆ
ยังไงฝากไว้ด้วยแล้วกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ ขอบคุณค่ะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2015 22:00:17 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
สนุกมากเลยยยยยยยยยย
ชอบหมอพายกับหมอซัน รอดูวันที่รักกัน555555
ว่าแต่หมอโจคนนั้นต้องเป็นคนรักษาพ่อของหมอพายมั้ยอะ แบบว่ารักษาผิดพลาดไรเงี้ยยย ละพ่อหมอพายเลยเสียชีวิต หมอพายเลยเลือกเรียนหมอ
นั่งเดาสุดดดด 555555555

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
 :z13: เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
หมอซันน่ารักกกกกก
ไอ่หมอคนนั้นทำอะไรครอบครัวพาย
สู้ๆ นะคะ รออ่านต่อ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หมอโจคนนั้นทำอะไรไว้ ทำให้หมอพายเกิดอาการได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ yupa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
หมอซันมีแฟนแล้ว??? ได้ไง แล้วหมอพายล่ะ
อาจารย์หมอใส่ใจลูกศิษย์ดีมาก แต่ท่าทางลูกศิษย์จะดื้อมิใช่น้อย
หมอโจนี่เป็นผู้ร้ายรึ

ออฟไลน์ ม่วงระย้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-3
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไป

อ่านแล้วคิดถึง หมอคิตามิ เลย ฮ่า ๆ ๆ

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
รออ่านอยุ่น่ะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด