[เรื่องสั้น] ปลายทางคิดถึง (จบแล้ว) แจ้งข่าวรวมเล่ม (07-03-2561)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ปลายทางคิดถึง (จบแล้ว) แจ้งข่าวรวมเล่ม (07-03-2561)  (อ่าน 50227 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
คนแต่งบอกให้จิ้นเอง
งั้นก็มโนเอาว่าธามเป็นพระเอก น่านเป็นนายเอกนะ
แต่ที่จริง อยากอ่านแนวผลัดกันแหละ ฮี่ๆๆๆ
นี่คุณแม่รู้จักว่าที่ลูกสะใภ้แล้วใช่มั้ย
เค้ามีห่วงความรู้สึกคุณแม่ด้วยนะ
กลัวลูกชายแอบมาหาสะใภ้โดยไม่บอกแม่แหละ เออออ
คนอ่านมโนไกลมาก ต้องมีความสามารถในการมโนในขั้นสูงค่ะ
เพราะคนแต่งเขาให้เรามโนเอง กร๊ากกกก
อยากจิแฝงตัวเป็นตุ๊กแกไปเกาะฝาห้องคุณนักพฤกษศาสตร์ซะจริง

ขอบคุณสำหรับผลงานอีกเรื่องที่แต่งมาให้เราเสพ
หวังว่า ถธปทฟ จะได้มีโอกาสแต่งเรื่องดีๆน่ารักๆมาให้เราอ่านเรื่อยๆ
เป็นกำลังใจให้ และจะเฝ้ารออ่านผลงานต่อไปนะคะ (หวังว่าจะมาอีก เร็วๆ คริคริ)
 

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ฟินมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อ่านตอนจบแล้วเราคิดว่าเป็นนิยายแนวปรัชญาไปเลยค่ะ
เราเห็นความรัก ความเชื่อ ความปรารถนาดี ความพยายาม ความอดทน ความหวัง และปาฏิหารย์

ธามมีความมั่นใจมากที่จะคบหากับน่าน คงเชื่อในรักครั้งนี้มากๆ เป็นรักแรกพบของนายที่เจอกับน่านที่ร้านน้ารินใช่ไหมธาม
โลกของธามคงได้กำหนดไว้แล้วว่าธามกับน่านต้องคู่กัน

พี่น่านก็ได้ทำให้เกิดปาฏิหารย์กับธาม ก็พี่น่านเคยบอกไว้แล้วเนอะว่า"ก็เวลาของเราเดินช้ากว่าของคนอื่น" เป็นตัวตนของน่านจริงๆ
เวลาบ่ายสองโมงหรือสิบเอ็ดโมงห้าสิบห้านาที ไม่ว่าเวลาไหนกันแน่ที่ถูกต้อง แต่ความจริงที่ได้รู้คือ. น่านรักธาม

ขอบคุณโลกของน่านที่เลือกธามมาอยู่เคียงข้าง

ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ แม้เป็นเรื่องสั้นแต่ก็ยังให้อะไรมากมาย
ชอบบรรยากาศฤดูหนาวมากๆ สถานที่และต้นไม้ก็รีบไปค้นหารูปมาดูเลยได้
ถ้าได้ไปกิ่วแม่ปาน  แล้วเห็นหนุ่มหล่อสองคนเดินด้วยกัน คงได้จิ้นเป็นธามน่านเป็นแน่แท้555 :-[

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ. มีนิยายดีๆมาให้เราได้อ่าน. ชอบเรื่องนี้มากๆ ยิ้มทั้งเรื่องจริงๆ
มีความสุขที่ได้อ่านทุกเรื่องเลยค่ะ. รอคอยและติดตามผลงานของนักเขียนเสมอนะคะ :L2: :mew1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2015 08:58:25 โดย Lovetree »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นต์นะคะ เราอาจจะไม่ได้ตอบแต่ก็อ่านทุกคอมเม้นต์
หรือบางทีอ่านผ่านไปแล้วว่าง ๆ ก็เปิดเข้ามาย้อนอ่านใหม่ค่ะ
ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกันมาเรื่อย ๆ นะคะ

สำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้ก็อย่างที่หลาย ๆ คนรู้สึกได้ค่ะ
อยากนำเสนอเกี่ยวกับความเป็นเพื่อน ความหวังดี
แล้วก็การรอคอยที่จริง ๆ สุดท้ายอาจจะสมหวังหรือไม่สมหวังก็ได้
แต่ในเรื่องนี้เราเลือกที่จะให้สมหวัง อยากเสนอให้เห็นว่าชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง
มีบางอย่างเราก็ต้องใช้เวลาในการรอคอย วันนี้ไม่เห็นท้องฟ้าสวย ๆ แบบนี้ ครั้งหน้ากลับมาใหม่อาจจะเจอก็ได้
ส่วนในระหว่างทางที่เดินไปก็มีอะไรให้ได้เห็นได้เรียนรู้อีกมาก ไม่ต้องรีบร้อนเดิน

จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนให้รู้สึกว่าน่านเจ้าเล่ห์หรอกค่ะ
น่านก็เป็นคนธรรมดา ๆ มีความห่วงใยให้คนอื่น
ตั้งแต่ต้นทางที่บอกว่าไม่ต้องรีบร้อนเดินนอกจากจะห่วงเรื่องสภาพร่างกายแล้ว
ยังจะบอกธามเป็นนัย ๆ ว่าเรื่องคบกันไม่ต้องรีบนักก็ได้ ขนาดเดินป่าในเส้นทางนี้ให้ชำนาญยังต้องค่อย ๆ ทำความรู้จักต้นไม้ไปเรื่อย ๆ
แต่ไม่รู้ธามมันจะทันคิดไหม 555 มัวแต่จะเดินให้ทันเที่ยง
เรื่องที่หมุนเข็มนาฬิกา ส่วนหนึ่งก็ตอกย้ำว่าไม่รีบ แต่ก็เห็นถึงความตั้งใจนะ ยอมตกลงแล้วละ แต่จะให้พูดตรง ๆ มันก็ยาก เลยใช้วิธีนี้
สงสัยจะปรัชญาจริง ๆ :mew5:
คือทุกครั้งที่อ่านคอมเม้นต์ของทุกคนก็จะรู้สึกขอบคุณที่หลาย ๆ คนอดทนอ่านงานของเรา ที่อาจจะดูไม่ค่อยเป็นนิยายรักหวานแหวว วัยรุ่นกรุบกริบแบบนี้ค่ะ
ก็คนแก่เขียนนี่เนอะ 5555

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เราชอบผลงานของนักเขียนมากๆ  เมื่ออ่านแล้วมีความสุข ยิ้มไปกับตัวละครเลยค่ะ
ชอบภาษาที่อ่านง่าย  เนื้อเรื่องน่าติดตาม  ตัวละครที่มีเสน่ห์  มีข้อคิดและมุมมองดีๆให้เสมอเลยค่ะ

เรารู้สึกเสียดายแทนคนที่พลาดอ่านนิยายของนักเขียนจังค่ะ
คิดว่าใครที่ได้มาอ่านครั้งแรกก็ต้องชอบมากๆแน่นอนค่ะ
นักเขียนเขียนนิยายในแบบที่ผ่านมาดีมากๆเลยค่ะ o13
รอคอยผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
ขอบคุณนักเขียนที่น่ารักมากๆอีกครั้งค่ะ :pig4: :3123:

ปล. ธามน่านหลังเป็นแฟนกันแล้วจะมีกิจกรรมอะไรที่ทำร่วมกันอีกบ้างนะ ให้เราไปจินตนาการเองใช่ไหมค่ะ555 :-[

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อ่านจบแล้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้




"สวยงาม"



มากๆเลยค่ะ อ่านแล้วนั่งอมยิ้ม

ขอบคุณนะคะ  :hao3:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น่ารักกก โรแมนติกมากก

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น่ารักมากอะ ภาษาสวยมาก บรรยายได้ดีมาก คิดตามแล้วภาพลอยออกมาเลย มืออาชีพชัดๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆครับ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
โอ้ยยยยยยยย น่ารักมากกกกก ฮือวววววววววววววว
อ่านจบแล้วยิ้มตามแบบแก้มจะแตก  :hao5:

ธามน่ารักไม่ไหวแล้ว แงงงงงงงงงงง
พี่น่านขาา นี่ถ้ายังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนธาม เราก็จะเสนอตัวเองแล้วค่ะ

ชอบบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา สายลม สายหมอกแบบนี้มาก
อ่านแล้วรู้สึกมันนุ่ม ละมุน เบาสบาย
ชอบความช่างตื้อของธามจริงๆ นะคะ ฮืออออออ ธามน่ารักมากอ่ะ
ตอนขอแบบแฟนนี่แบบ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

อ่านเรื่องนี้จบแล้ว นอกจากจะทำให้เราอยากไปเที่ยวกิ่วแม่ปาน
ยังอยากทำให้เราชวนคนที่ชอบไปเที่ยวด้วยค่ะ ถ้าเราเดินออกมาก่อนเที่ยงเป็นแฟนกันนะแก แอร๊ยยยยยย


 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
โรแมนติกที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :-[ ละมุนมากก ชอบบ
อ่านแล้วรู้สึกว่าเวลาเดินช้าไปพร้อมๆกับน่านเลยค่ะ
คนแบบนี้น่ารักกก ธามก็น่ารัก ตอนแรกนึกว่าจะขรึมๆซะอีก
กลายเป็นเด็กน้อยไปซะงั้น ฮ่าๆ
บรรยายธรรมชาติได้สวยงามมากจนอยากไปเที่ยวชมบ้างเลยค่ะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนพิเศษ (1)


ถ้าโลกของผม เป็นโลกเบี้ยว ๆ ที่หลอมรวมขึ้นจากความเร่งรีบดิ้นรนไขว่คว้าแล้วละก็

โลกของเขาคงเป็นโลกที่เข็มวินาทีเดินช้าและท้องฟ้าก็อยู่ไม่ไกลเกินกว่ากำลังขาจะไปถึง

และถ้าหากภาพการต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนาเป็นภาพชินตาที่ผมเห็นทุกเช้า

ในโลกที่แสนเงียบสงบของเขา เขาและใคร ๆ กลับตื่นขึ้นมาเพื่อคิดว่าวันนี้จะทำอะไรให้คนอื่น

เป็นโลกคนละใบ…


แต่ถูกเชื่อมกันไว้ด้วยความคิดถึง


ที่ปลายทางความคิดถึงของผมคือเขา แล้วปลายทางความคิดถึงของเขาเป็นใครน่ะเหรอครับ...



...



มีเรื่องเยอะแยะอยากเล่าให้ฟัง
รีบมาไว ๆ ล่ะ



น่าน


   


ดวงตาคมยังคงทอดมองกระดาษแผ่นน้อยในมือ เป็นกระดาษวาดเขียนที่ครูขันคำใช้เป็นสื่อการสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการพิมพ์ภาพด้วยส่วนต่าง ๆ ของพืช เห็นว่าสวยดีจึงขอมาเขียนโปสการ์ดก่อนจะออกสำรวจป่าต้นน้ำร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เพราะไม่มีปากกาจึงต้องขอยืมดินสอของเด็ก ๆ เขียนแล้วหย่อนใส่ตู้ไปรษณีย์บนดอย กว่าจะเดินทางถึงคนที่ปลายทางก็ปาเข้าไปเกือบสองเดือน 


เหนือน่านยิ้มให้กับกระดาษใบเล็กในมือก่อนจะวางมันบนหัวเตียงเมื่อไฟภายในบ้านดับลง พื้นที่ขนาดพอให้นักพฤกษศาสตร์ผู้รักสันโดษอาศัยอยู่ได้สบาย ๆ ปกคลุมไปด้วยความมืด ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งใกล้เข้ามาก่อนจะหยุด จากนั้นที่นอนฝั่งที่ถูกเว้นว่างไว้ก็ยุบยวบลง         


“เขียนอะไรไว้ตรงนั้น” คนที่เพิ่งสอดตัวลงใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันเอ่ยขึ้นพร้อมกับวาดแขนแกร่งรัดรอบเอวรวบรั้งร่างที่นอนตะแคงหันหลังเข้ามาใกล้ก่อนจะกดจูบที่ซอกคอขาวแล้วค่อยผละออกรอฟังคำตอบ


“ตรงไหน”


“ยังจะถามอีกว่าตรงไหน” นึกถึงรอยหม่น ๆ เหนือชื่อคนส่งแล้วยังขัดใจไม่หาย “เห็นนะว่าลบออก”


“ไม่ได้ลบนี่”


“อย่ามาจุ๊หมาน้อยขึ้นดอย” จบประโยคของธาม เหนือน่านก็หัวเราะพรืด ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะอดคิดไม่ได้ว่าไอ้หมาน้อยตัวนี้จะรู้ไหมว่าที่พูดออกมานั่นหมายความว่าอะไร


“แปลว่าอะไรรู้เหรอ”


ธามมุ่นคิ้ว พอถูกถามแบบนี้ก็ชักไม่มั่นใจในตัวเองเสียแล้ว ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง ถือโอกาสสูดกลิ่นหอมจากคนในอ้อมกอดเสียให้สมกับที่คิดถึง


“พอน่า จั๊กจี้” ทำเสียงดุพร้อมกับพยายามกลั้นหัวเราะ 


“แปลว่าอะไรตอบมาก่อน”


“ไม่รู้แล้วพูดได้ยังไง”


“ก็พูดตามน้าริน”


คนฟังเลิกคิ้วพลางขยับหนีจากปลายจมูกอยู่ไม่สุขที่กำลังลากจากต้นคอมาหยุดยังข้างแก้มของตนเอง


“น้ารินบอกว่าให้ระวังน่านจะจุ๊หมาน้อยขึ้นดอย” พูดจบก็แตะปากลงกับเนื้อแก้มนิ่มก่อนเลื่อนมากระซิบที่ข้างหู “สรุปแปลว่าอะไร”


“อยากรู้จริงเหรอ”


“จริงสิ นะ บอกหน่อย”


“ถ้าอย่างนั้นไม่บอก ปล่อยให้อยากรู้ไปแบบนี้แหละ” เหนือน่านหัวเราะแต่ก็ได้เพียงไม่นานเมื่อคนได้เปรียบระดมมือทั้งสองข้างจี้ที่เอวไม่ยั้ง


“จะบอกหรือไม่บอก”


“ธาม! หยุด!” แม้จะร้องห้ามเสียงเข้ม แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าของชื่อจะยอมปฏิบัติตาม ไม่ช้าเสียงขรึมก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเมื่อปลายนิ้วทั้งสิบยังคงขยับเคลื่อนไหวไม่ห่างเอว


ร่างสูงพลิกตัวกลับหวังจะดิ้นให้หลุดแต่สุดท้ายก็พบว่ากยิ่งทำเช่นนั้นก็ยิ่งถูกกอดรัดแน่นจนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ จำต้องนอนนิ่ง ๆ ฝืนกลั้นหัวเราะอยู่ในอ้อมแขนแกร่งอย่างผู้ร้ายยอมจำนน


“บอกแล้ว บอกก็ได้” พูดพลางเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย แม้รอบตัวจะถูกโอบล้อมด้วยความมืดแต่แสงจันทร์วันเพ็ญที่สาดผ่านช่องหน้าต่างก็ยังช่วยให้พอจะมองเห็นหน้ากันอยู่บ้าง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่พักนี้เห็นทีไรก็มักจะทำให้หัวใจเต้นแรงทุกที


“เป็นเด็กดีอย่างนี้สิถึงจะน่ารัก” ธามกล่าวก่อนจะกดจูบลงบนปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากของคนในอ้อมกอด รู้ดีว่าเหนือน่านเป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งพอที่จะสามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่ในเวลาที่ได้อยู่กันตามลำพังเช่นนี้ ธามก็อยากจะปฏิบัติต่ออีกฝ่ายให้เหมือนกับที่คู่รักคู่อื่นเขาทำกันแม้จะถูกบ่นบ้างก็ตาม


“ลามปามใหญ่แล้ว” เหนือน่านถอนใจเฮือกเมื่ออีกฝ่ายยอมหยุดเสียที


“ไม่เอาสิ อย่าเพิ่งบ่น อธิบายมาก่อนว่า จุ๊หมาน้อยขึ้นดอยที่น้ารินว่าน่ะมันคืออะไร”


เมื่อสามารถปรับสายตาให้ชินต่อสภาพแสงน้อยได้ก็ยิ่งทำให้เห็นหน้าของคนพูดชัดเจนขึ้น ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่าหัวคิ้วเรียงเส้นหนาที่รับกันอย่างเหมาะเจาะกับดวงตาเฉียบคมนั้นขณะนี้ได้เคลื่อนเข้าหากันจนแทบจะขมวดเป็นปมอยู่แล้ว ภาพที่เห็นยิ่งทำให้เหนือน่านอดยิ้มไม่ได้ ธามในเวลานี้ก็ไม่ต่างอะไรกับน้องชายช่างสงสัยที่เฝ้าเซ้าซี้จะเอาคำตอบจากพี่ชายให้ได้ เจ้าของกลีบปากบางคลี่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นแทรกเรียวนิ้วลงบนเส้นผมของคนตรงหน้าจากนั้นก็เสยปัดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างอ่อนโยน


“ถ้าแปลตรง ๆ ก็คือหลอกลูกหมาตัวเล็ก ๆ ให้วิ่งขึ้นไปบนดอย ลูกหมาวิ่งจนเหนื่อยแต่พอขึ้นไปถึงยอดดอยก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร”


“แล้วยังไงต่อ”


“จบแล้ว”


“ต้องมีต่อสิ ทำไมน้ารินถึงบอกให้ธามระวังน่านจะจุ๊หมาน้อยขึ้นดอยล่ะ หืม? ว่ายังไง” พูดจบก็รั้งมืออีกฝ่ายมาแนบไว้ที่ข้างแก้มของตนเองนอนนิ่งรอฟังคำเฉลยที่จะหลุดออกจากริมฝีปากชวนมอง


“คนเหนือเขาเปรียบเทียบกับความรักน่ะ ว่ามาหลอกให้รักแล้วสุดท้ายก็ปล่อยให้อีกฝ่ายช้ำใจ”


“แล้วจริงหรือเปล่า”


“อะไรจริง”


“ก็อย่างที่น้ารินว่าไง พี่น่านจะจุ๊หมาธามตัวน้อย ๆ ขึ้นดอยจริงหรือเปล่าครับ”


“ไอ้เด็กเพี้ยนเอ๊ย” เหนือน่านทำหน้าหน่าย ๆ พร้อมกับดึงมือกลับ


“ธามรู้ว่าน่านไม่ทำอย่างนั้นหรอก”


“อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้น”


“ตอนแรกก็ไม่มั่นใจหรอก กลัวด้วยซ้ำว่าน่านจะไม่คิดเหมือนกัน จนกระทั่งตอนที่ออกจากกิ่วแม่ปานคราวนั้น ตอนที่น่านปรับเข็มนาฬิกานั่นไง เราถึงรู้ว่าน่านไม่มีทางจุ๊หมาน้อยขึ้นดอยแน่นอน เพราะว่า..."


"เพราะว่าอะไร"


"เพราะว่าน่านเป็นห่วงความรู้สึกเรา เราเข้าใจถูกหรือเปล่า”


เหนือน่านยังคงนอนนิ่ง นั่นไม่ใช่เพราะสิ่งที่ธามพูดมานั้นผิดเพี้ยน หากแต่มันตรงกับที่เขาคิดจนยากจะหาถ้อยคำมาโต้แย้งได้เลยต่างหาก คนถูกถามหลับตาลงเงี่ยหูฟังเสียงหัวใจสองดวงที่กำลังเต้นเป็นจังหวะสอดประสานกัน วินาทีนั้นก็รู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่แตะประคองข้างแก้มจากนั้นปลายนิ้วหัวแม่มือก็ลากผ่านกลีบปากอย่างเชื่องช้า 


“ทำไมเงียบล่ะ”


“ก็พูดแทนไปจนหมดแล้ว จะให้เราพูดอะไรอีก” เสียงอู้อี้ของคนที่กำลังหลับตาพริ้มทำเอาธามถึงกับฉีกยิ้มกว้าง 


“นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องขับรถอีกทั้งวัน” เหนือน่านกล่าวพร้อมกับรั้งมือแกร่งออกจากข้างแก้ม พลิกตัวกลับหันหลังให้อีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นธามที่ตามกอดไม่ยอมห่าง


“ถ้าอย่างนั้นตอบคำถามสุดท้ายของธามมาก่อน”


“อะไรอีก”


“ในโปสการ์ดนั่นไง ที่ลบออกไปน่ะเขียนว่าอะไร”


“อยากให้เขียนว่าอะไร” คนพูดปรือตาขึ้นอีกครั้ง แม้ภาพที่เห็นตรงหน้าจะเป็นความมืด แต่กลับรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากวงแขนที่โอบรัดแนบสนิทลงที่รอบเอวจนแทบไม่เหลือช่องว่าง แผงอกอุ่นชิดกับแผ่นหลัง ในขณะที่ลมหายใจร้อนยังคลอเคลียไม่ห่างจากซอกคอ


“แล้วแต่น่านสิ อยากเขียนอะไร”


“ด้วยความเคารพอย่างสูง”


สิ้นเสียงของคนในอ้อมกอด ธามก็แทบอยากจะฟัดเสียให้เข็ด กระนั้นก็ได้แต่เพียงสะกดใจเม้มปากแน่น คลายวงแขนออกขยับตะแคงหันหลังให้เอาเสียดื้อ ๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเวลาอยู่กับน่านแบบนี้เขาถึงได้กล้าที่จะแสดงอาการแบบเด็ก ๆ ออกมาทุกที ทั้งที่ตนเองก็เป็นลูกชายคนเดียวที่ต้องรับบทหนักในการเป็นผู้นำของครอบครัวยามเมื่อผู้เป็นพ่อเสียชีวิตลง อีกทั้งหน้าที่การงานก็ทำให้เขาต้องจริงจังในทุกสถานการณ์ ดังนั้นภาพของชายนุ่มผู้เคร่งขรึมจึงกลายเป็นภาพที่คนรอบข้างได้เห็น นอกจากแม่แล้วตอนนี้ก็คงจะมีน่านอีกคนที่ได้รู้จักอีกแง่มุมของเขาที่คนอื่นไม่ค่อยได้เห็นนักแม้กระทั่งเพื่อนรักอย่างเนติ       
         

“เป็นอะไร” เหนือน่านเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ชายหนุ่มพลิกตัวกลับจ้องมองแผ่นหลังว้างของอีกฝ่าย ได้ยินเพียงเสียงตอบกลับว่า “เปล่า” ที่แค่ฟังก็รู้ว่ามันไม่ได้มีความหมายตามที่ธามพูดเลยสักนิด


“อะไรกัน แค่นี้ต้องงอน?” คนอายุมากกว่ายังไม่วายกระเซ้า


ได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่กำลังคิด ธามถอนใจเฮือกก่อนจะพลิกตัวนอนหงายเอามือก่ายหน้าผาก “ไม่ได้งอนสักหน่อย ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว”


“แต่ที่ทำอยู่เนี่ย เราเรียกว่าเด็กนะ”


“น่านน่ะแหละ ทำเราเสียนิสัย เวลาอยู่กับน่าน น่านก็ชอบทำตัวเป็นพี่ชาย ชอบบ่น บางครั้งก็ไม่สนใจเราเลย”


“ก็เลยต้องเรียกร้องความสนใจว่างั้น?”


“เรียกร้องความรักต่างหาก เมื่อไรจะรักธามสักที”


เหนือน่านยิ้มจาง ๆ พลางรั้งแขนที่อีกฝ่ายวางพาดอยู่บนหน้าผากออกก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้ใช้อกแกร่งแทนหมอนหนุน “ทุกวันนี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเรารู้สึกยังไง” พูดจบก็ปิดเปลือกตาลงแนบหูฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะถี่ขึ้นใต้อกเสื้อ


“ไม่บอกให้รู้แล้วจะรู้ได้ยังไงกัน” มือหนาเลื่อนขึ้นวางบนศีรษะของคนที่กำลังหลับตาพริ้มก่อนจะแทรกปลายนิ้วลงบนกลุ่มผมหนานุ่มที่เคลียอยู่กับปลายคาง แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่วันนี้คนที่ปกติจะหนีตลอดจะเป็นฝ่ายขยับเข้าหาและกอดเขาเอาไว้เสียเอง (แสดงว่าไม้นี้ใช้ได้ผล?) 


“เราก็รู้สึกแบบที่เขียนลงในโปสการ์ดนั่นแหละ”


“เขียนว่าอะไรล่ะ บอกหน่อยสิธามอยากรู้” แค่นี้หัวใจพองโตขึ้นราวกับลูกโป่งที่ถูกสูบลมเข้าไปจนแน่นและพร้อมจะหลุดลอยไปไกลแสนได้ตลอดเวลาไกล


“ก็...” เหนือน่านปิดปากหาว “ง่วง นอนเถอะ เอาไว้คราวหน้าจะเอาปากกาเขียนให้ชัด ๆ ก็แล้วกัน คุณไปรษณีย์จะได้ไม่ทำมันจางอีก”


คนรอถอนหายใจเฮือกใหญ่ อุตส่าห์ลุ้น “จุ๊หมาน้อยขึ้นดอยนี่นา” ถึงกระนั้นก็ยังปรากฏรอยยิ้มขึ้นในความมืด แขนแกร่งโอบรัดร่างในอ้อมกอดเอาไว้อย่างทะนุถนอมเพื่อให้แน่ใจว่าอากาศหนาวเย็นในคืนนี้หรือแม้แต่ภยันตรายใด ๆ ก็ตามจะไม่สามารถกล้ำกลายผิวเนื้อนุ่มมือนี้ได้



จบจ้ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2015 13:43:58 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ง่อออ นอนกอดกันไปจีบกันไป สวีทแท้หนอ
มีคนนอนกอดอุ่น ๆ คงหลับฝันดีทุกคืน
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เด็กชายธามผู้ง้องแง๊งและเอาแต่ใจ ฮ่าๆๆๆ
โอ๊ยน่านซึนจริงๆ
ในที่สุดเด็กก็เต๊าะผู้ใหญ่สำเร็จฮาาา
ขอบคุณสำหรับตอนแถมน๊า^^

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เหนือน่านไม่ได้แค่ปากแข็งนะคะ เหนือน่านยังเป็นคนกวน(ตีน)ด้วย

"ด้วยความเคารพอย่างสูง" อ่านตรงนี้แล้วขำพรืดเลยค่ะ 55555
ถ้าเราเป็นธาม เราก็เงิบ ถึงจะรู้ว่าเหนือน่านแกล้งเล่นก็เถอะ 55555



มันเป็นความต่างที่แอบลงตัวได้ยังไงไม่รู้
แต่มันเป็นความรู้สึกดีๆ นุ่มๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าพรหมลิขิตได้มั้ยคะ

รอติดตามเรื่องต่อๆ ไปค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
น่ารักอีกแล้ว
น้องธามเหมือนหมาน้อยจริงๆน่ะแหละ
แล้วตกลงว่าจุ๊หมาน้อยขึ้นดอย มันหมายความว่าอะไร
ตอนอ่านมีแอบผวนคำเล็กน้อย เผื่อจะแปลออก 555

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หวานแท้ อิอิ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น่ารักจังเลยค่าา~ :m3: น่าสงสารอากาศหนาวเหมือนกันนะคะเนี่ย(?) ที่ไม่สามารถแทรกผ่านร่างกายของน่านกับธามได้ แหมนะ.. ก็ทั้งสองคนเล่นกอดกันกลมเสียขนาดนั้นเลยนี่นา~ >\\< อากาศหนาวๆ รอบด้านเลยพากันใจเสียหมดเลยค่ะ :laugh: ..

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1038
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
นอนคุยกัน จีบกัน น่ารักอบอุ่นมาก :m1:

 :mew1: :L2:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
พี่น่านจู๊หมาธามขึ้นดอย
คนเขียนก็จุ๊คนอ่านขึ้นดอย คือกัน
เอาตอนต่อมาเด๊วเน้~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
อ้างถึง
พี่น่านจะจุ๊หมาธามตัวน้อย ๆ ขึ้นดอยจริงหรือเปล่าครับ


โอยยย เอ็นดูหมาธาม
อ่านประโยคนี้แล้วรู้สึกก๊าวใจมาก ฮืออออวววฟฟฟฟ

 :hao5: :hao5: :hao5:

ชอบจังเลยค่ะ
นอนจีบกัน หวานๆ มุ้งมิ้งๆ แต่รู้สึกหมาธามจะเจ้าเล่ห์และได้กำไรจากพี่น่านไปเยอะนะคะ แอร๊ยยย

 :-[


ปล.รู้สึกชอบเป็นพิเศษเวลาธามเรียกน่านว่า "พี่น่าน" ก๊าวใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ อ่านแล้วใจสั่น เราแพ้ 555555

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
แนะนำให้ธามเอาดินสอไปแรเงาตรงตัวหนังสือที่จางไปค่ะ
มันต้องมีน้ำหนักมือตอนที่เขียนสิ เคล็ดลับนี้ได้มาจากเรื่อง "หน้ากากดอกไม้"ค่ะ

ออฟไลน์ pp_psj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
หูย..มันละมุนจริงๆนะเรื่องนี้
อ่านไป ยิ้มไป น่านน่ารัก ธามก็อ้อนเก่ง
น่านไปไหนไม่รอดแล้ว :hao7:

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มันกลมกล่อมมากๆๆ

ติดตามผลงานมานานแล้ว  ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ
เป็นนักเขียนในดวงใจผมเลยละ  ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า :L1:

ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ตอนนี้ฝนตก ไม่หนาว จินตนาการว่านอนอยู่กระท่อมมุงด้วยจากในคืนฝนตก แล้วสองคนมุ๊งมิ๊งกันละกันเนอะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
หมามันตามเจ้าของมาไกลขนาดนี้
ไม่รักไม่หลงก็ให้มันรู้ไปนะ

ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ๊ยยย น่ารักกกก หมาน้อยธาม  :o8:
มาถึงขั้นนี้พี่น่านเค้าไม่จุ๊แล้วค่ะ
สวี๊ทสวีทเนาะ นอนไปจีบกันไป มุ้งมิ้งจริงๆสองคนนี้

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จุ๊หมาน้อยขึ้นดอย 555น่ารักจัง. น้ารินพูดอย่างนี้แสดงว่า ที่ผ่านมามีคนมาจีบมาหลงรักพี่น่านเยอะแยะแน่ๆ
แต่พี่น่านก็ยังไม่ให้ใจใครไป(มโน)  แล้วก็มาหลงรักหมาน้อยธามจนได้ใช่ไหมพี่น่าน (อ๊ายฟิน น่ารัก)

เราประทับใจความรักของทั้งคู่จัง ถึงจะมีโลกที่ต่างกัน แต่ธามน่านก็เติมเต็มให้กัน รักกันได้
คิดถึงกันเมื่อไร. คนหนึ่งก็เขียนโปสการ์ดถึง  ส่วนอีกคนหนึ่งก็ขับรถไปหา
ต้องการแสดงให้รู้ว่า รักนะ  คนหนึ่งเลยต้องงอนให้รู้. ส่วนอีกคนหนึ่งเลยต้องง้อให้หาย

ซึ้งใจที่ธามน่านเลือกที่จะคบหากัน. แม้รู้ว่าคงไม่ได้อยู่ใกล้ชิดดูแลกันบ่อยๆ  เพราะด้วยสถานที่อยู่
ภาระการงาน และที่สำคัญธามต้องดูแลแม่ด้วย  ไกลกันแต่ไม่คิดว่าจะเป็นอุปสรรคเลย

ธามน่านเป็นคู่รักที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องด้วย  เรายิ่งเห็นว่าวันเวลาข้างหน้าธามน่านก็จะมีกันและกันแบบนี้ไปตลอดแน่ๆค่ะ :-[

แล้วพี่น่านเขียนคำว่าอะไรค่ะ รักและคิดถึง รักนะเด็กโง่ รักนะจุ๊บจุ๊บ รักจุงเบย 555
ขอเดาว่าพี่น่านเขียนคำว่า  รักและคิดถึง เพราะโลกพี่น่านเวลาเดินช้ากว่าของคนอื่น คงไม่คิดจะใช้คำสมัยใหม่เนอะ555

เราชอบงานเขียนนิยายของนักเขียนมากๆ เขียนได้ลึกซึ้ง คาดไม่ถึง คิดไม่ทัน(โดนนักเขียนจุ๊ตั้งแต่ตอนต้นเรื่องล่ะ555)
ขอบคุณมากๆค่ะ จะติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ :L2: :pig4:

ปล. สรุปแล้วธามน่าน   เขาสองคนแค่นอนคุยกันบนเตียง กอดกันเฉยๆหรือค่ะ  :mew2: (ไม่อยากจะเชื่อเลย555)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2015 08:26:45 โดย Lovetree »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่ารักมุ้งมิ้งมาก
หมาน้อยธาม หุหุ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนพิเศษ (2)




“ครึ้มมาอีกแล้ว ตกได้ตกดีแถมมาตรงเวลาทุกวันสิน่า ฝนหนอฝน”



ทันทีที่เปิดประตูเข้ามานั่งในรถวิศวกรตัวโตก็บ่นราวกับหมีกินผึ้ง จัดการโยนหมวกนิรภัยสีขาวไว้รวมกับพิมพ์เขียวที่เบาะหลังก่อนเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆสีเทาที่ลอยต่ำแบ่งท้องฟ้าเป็นชั้น เมื่อไม่ได้ยินถ้อยคำแสดงความคิดเห็นของเจ้าของรถ เนติจึงดึงสายตากลับมายังชายหนุ่มที่นั่งประจำที่คนขับ เลิกคิ้วมองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งที่ธรรมชาติกำลังจะมอบให้ ตาคมทอดมองไปยังเมฆฝนที่ตั้งเค้าอยู่เหนืออาคารสูงที่ยังสร้างไม่เสร็จ ใบหน้านั้นนิ่งขรึมตามประสาคนเอาจริงเอาจังกับทุกสิ่งที่ทำหากแต่มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ จนคนมองนึกสงสัย


“ยิ้มอะไรวะ”



นั่นสิ! ยิ้มอะไร?



ธามก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพราะหากเป็นหน้าฝนเมื่อปีที่แล้ว เขาคงจะรู้สึกหงุดหงิดตามเพื่อนไปด้วยที่ต้องออกไซด์งานในวันที่อากาศขมุกขมัวเช่นนี้ ชายหนุ่มละสายตาจากภาพตรงหน้า ติดเครื่องรถแล้วจึงหันมาพูดกับเพื่อนรักที่ยังคงนั่งกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิก


“ก็แล้วจะหงุดหงิดไปทำไมวะ ฝนตกก็ดีแล้วไง ชาวบ้านเขาจะได้มีน้ำไว้ใช้ทำการเกษตร ต้นไม้ใบหญ้าก็ชุ่มชื้น เราเองก็พลอยได้สดชื่นไปด้วย”


“สาธุ!” คนฟังยกมือประนมท่วมหัว


“ไอ้บ้านี่ พูดจริงจังทำมาสาธุ” ธามส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะออกรถ เมื่อออกจากไซด์งานมาได้ไม่ไกลเม็ดฝนก็โรยตัวลงมาราวกับม่านสีขาวพรางตาให้ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ชัดเจนนัก การจราจรเริ่มเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้า ๆ นั่นเพราะผู้ขับขี่ต้องใช้ความมัดระวังมากขึ้น กระทั่งเมื่อเข้าเขตเมืองรถจอดนิ่งติดยาวไปทั้งถนน


“แกจะกลับบ้านเลยไหม ฉันจะไปส่ง”


หนุ่มร่างใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารัวปลายนิ้วลงบนหน้าจอสัมผัสของโทรศัพท์มือถือส่ายหัวจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นตอบ “แกส่งฉันที่สถานนีรถไฟฟ้าก็แล้วกัน ฉันนัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปหาอะไรดื่มฉลองเงินเดือนออกสักหน่อยหรือว่าแกจะไปด้วยกันก็ได้นะ”


“ไม่ละ แกไปเถอะ” ธามตอบเสียงเรียบพลางทอดตามองไฟท้ายของรถคันหน้า


“อะไรกันวะ แค่ไปนั่งดื่มไม่กี่ชั่วโมงพี่น่านไม่ว่าหรอกน่า”


“ไม่ได้กลัวน่านว่า น่านไม่ว่าอยู่แล้ว”


“แล้วทำไมไม่ไปด้วยกันวะ หรือว่ากลัวไปแล้วไม่รู้จักใคร ถ้าเรื่องนี้ละก็ไม่ต้องห่วง พวกมันเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของฉัน รับรองว่าอัธยาศัยดีทุกคน”


“มีธุระต้องกลับไปทำน่ะ เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะ”


“เออ ตามใจ ๆ” เนติกล่าว เขารู้ดีว่าธามไม่ใช่คนที่จะมาเซ้าซี้กันให้มากความ ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่ก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจนั้น


อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาฟอร์จูนเนอร์สีดำก็แล่นฝ่าสายฝนเข้าจอดเทียบที่บาธวิถีใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ธามรอจนแน่ใจว่าเพื่อนของเขาได้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้วจึงออกรถ เม็ดฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายทำให้พุ่มไม้สองข้างทางกลับเขียวขจีอีกครั้งและนั่นก็ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา...


“น่าน จอดก่อน ๆ” ธามเอ่ยขึ้นเมื่อสายตาปะทะเข้ากับพื้นที่สีเขียวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยแมกไม้และเนินเขา


คนขับจอดรถก่อนจะลดกระจกลงจากนั้นจึงหันมาถามคนนั่งข้างกัน “อยากเข้าไปดูไหม”


ธามพยักหน้าหงึก ๆ ราวกับเด็กที่กำลังสนใจในสิ่งแปลกใหม่ รอกระทั่งเหนือน่านขับรถลงไปจอดที่ยังขอบทางด้านล่างจึงรีบเปิดประตูลงจากรถ


“ที่นี่เขาเรียกว่าบ้านทุ่งกลางหลวง” นักพฤกษศาสตร์หนุ่มกล่าวพลางยกกล้องคอมแพ็คในมือขึ้นบันทึกภาพผืนนาแสนกว้างใหญ่ที่ลดลั่นเป็นชั้น ๆ ฝนที่ตกต่อเนื่องกันมาหลายวันนอกจากจะทำให้พื้นที่แถบนี้กลับเขียวชอุ่มอีกครั้งยังทำให้ชาวนาได้พลอยชื่นใจไปด้วย “ชาวบ้านที่นี่ก็เป็นชาวปกากญอ มีวิถีชีวิตเรียบง่าย ถ้าไม่ทอผ้าก็เพาะปลูกโดยเฉพาะการปลูกข้าว”


“เขียวดีจังเลยเนอะ”


“ถ้ามาช่วงข้าวออกรวงสุกเหลืองแถวนี้ก็จะกลายเป็นนาข้าวสีทองเลยละ”


“ถึงตอนนั้นน่านโทร.ไปบอกธามด้วยนะ ธามอยากมาเห็น”


คนฟังพยักหน้ายิ้ม ๆ ขยับแว่นสายตาพลางก้มมองภาพที่ถ่ายได้จากหน้าจอแอลซีดีจากนั้นจึงเบนสายตาไปยังร่างสูงที่กำลังนั่งลงบนผืนหญ้า ท่าทางธามจะชอบที่นี่ ชายหนุ่มยังคงมองไปรอบ ๆ ราวกับจะเก็บรายลละเอียดของที่นี่เอาไว้ในความทรงจำ


“เราเคยคิดเอาไว้ว่าอยากจะซื้อที่สัก 5-6 ไร่ เอาไว้ทำการเกษตรแล้วพาแม่มาอยู่ด้วยกัน”


“ไม่อยากเป็นวิศวกรแล้วเหรอ”


“ไม่ได้คิดจะเป็นไปจนแก่หรอก อีกอย่างเดี๋ยวพอมีคลื่นรุ่นใหม่เข้ามา แก่ ๆ อย่างเราก็ต้องปลดระวางตัวเอง”


“ทำนาทำไร่น่ะเขาไม่ได้ทำกันง่าย ๆ ชีวิตเกษตรกรบางครั้งมันก็ไม่ได้สวยงามเหมือนที่เห็นในละครโทรทัศน์หรอกนะ จะทำไหวเหรอ” เหนือน่านกล่าวพร้อมกับกดชัตเตอร์ ไม่ได้สนใจคนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองมาที่ตนเอง


“ช่วยกันได้หรือเปล่าล่ะ”


เมื่อคนถูกถามลดกล้องลง ดวงตาสองคู่ก็สบประสานกันอีกครั้ง เหนือน่านไม่ได้ตอบแต่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ทอดตามองต้นข้าวที่เรียงตัวกันแน่นอยู่ในผืนนาเบื้องหน้า


“ว่ายังไงล่ะ จะช่วยกันได้ไหม”


“อยากให้ช่วยอะไรก็บอกแล้วกัน ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย แต่ถ้าช่วยไม่ได้เราจะถามเพื่อนที่เป็นนักวิชาการเกษตรให้”


ธามส่ายหัวดิกก่อนจะรั้งมือคนพูดมาวางบนตักแทรกนิ้วทั้งห้าเกาะเกี่ยวเรียวนิ้วของอีกฝ่าย “เราไม่ให้น่านต้องยุ่งยากแบบนั้นหรอก แค่ช่วยนั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นกำลังใจให้กันแบบนี้ก็พอ ได้หรือเปล่า”


แววตาเว้าวอนของธามทำให้เหนือน่านจำต้องเบนหน้าหนี สังเกตเห็นเมฆฝนเริ่มก่อนตัวเหนือปลายนาด้านหนึ่งก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าอีกไม่นานฝนก็คงจะตกลงมาอีกหน สำหรับคนในเมืองนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เพิ่มความยุ่งยากให้ชีวิต ทำให้การจราจรติดขัด แต่สำหรับบ้านแม่กลางหลวงแห่งนี้การที่ฝนตกนั่นแสดงว่าชาวบ้านจะมีน้ำเอาไว้ใช้สำหรับการเพาะปลูก ดังนั้นเมื่อปรากฏเค้าฝนบนท้องฟ้าสิ่งที่ตามมาก็คือรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่าเกษตรกร

“ฝนตกแล้วรีบไปกันเถอะ” พูดจบธามก็รั้งแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเหนือน่านจะไม่ยอมทำตามง่าย ๆ ชายหนุ่มยังคงนั่งอมยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจกับละอองน้ำเล็ก ๆ ที่กำลังโปรยปรายลงมากระทบผิวกายเลยสักนิด


“ลุกเร็วน่าน”


“อ้าว ก็บอกว่าให้นั่งอยู่อย่างนี้ไม่ใช่เหรอ”


คนอายุน้อยกว่ามุ่นคิ้วถอนใจเฮือก “ใช่เวลาพูดเล่นไหม เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”


เหนือน่านหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นเดินตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างไปที่รถ ไม่บ่อยนักที่จะได้มีโอกาสเห็นธามทำหน้าขึงขังจริงจังเช่นนี้ มันเป็นภาพที่คนอื่นมักได้เห็น แต่หากเลือกได้ตนเองก็เลือกที่จะเห็นอีกฝ่ายในมุมที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เห็น มุมแบบเด็ก ๆ ของเขา อยากจะเห็นแบบนั้นมากกว่า


ธามเปิดประตูฝั่งคนโดยสาร รอกระทั่งผู้ใหญ่จอมดื้อเข้าไปนั่งเรียบร้อยจึงปิดประตูเดินอ้อมมานั่งประจำที่ในตำแหน่งคนขับ ทันทีที่ประตูถูกดึงปิด สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาจนทุ่งนาขั้นบันไดที่เคยเห็นอยู่ตรงหน้าถูกบดบังด้วยม่านน้ำสีขาว


“เกือบไม่ทันแล้วเห็นไหม ตกหนักขนาดนี้จะไปต่อยังไง” ธามพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจทำให้เขาลืมคำถามสุดท้ายของตนเองไปเสียสนิท ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้เขาไม่ทันได้ใส่ใจคำพูดของเหนือน่านที่บอกเป็นนัย ๆ ว่าจะนั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้อีกด้วย


“รอฝนซากว่านี้หน่อยแล้วค่อยไปก็ได้ ร้านน้ารินไม่หนีไปไหนหรอก ทำใจให้เย็น ๆ เหมือนฝนหน่อยสิ”


คนฟังถอนใจพรืดก่อนจะเอนหลังพิงพนัก พยามยามมองออกไปนอกกระจกรถแต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย


“ถ้าอยากเป็นเกษตรกร อย่างแรกที่ต้องทำก็คือทำใจให้ชอบหน้าฝนก่อน”


“ทำไมล่ะ” ธามเอียงคอถาม อารมณ์หงุดหงิดที่จางลงทำให้เขาไม่ปล่อยโอกาสที่จะสำรวจใบหน้าคมสันของเหนือน่าน แผงคิ้วหนารับกับดวงตาที่ฉาบด้วยแววแห่งความอ่อนโยน ถ้าไม่มีกระจกแว่นขึ้นฝ้ามาบดบังก็คงจะดี แต่นั่นก็ยังไม่อาจเรียกความสนใจของเขาได้ดีเท่ากับกลีบปากชวนสัมผัสที่กำลังเอื้อนเอ่ยถ้อยคำน่าฟังนั้น


“เพราะฝนสำหรับชาวไร่ชาวนาเป็นสิ่งยืนยันว่าพวกเขาจะมีน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูก”


“ถ้าอย่างนั้นธามจะเริ่มชอบหน้าฝนตั้งแต่วันนี้ แต่ไม่ใช่เหตุผลตามที่น่านบอก”


“แล้วเพราะอะไร” คนอายุมากกว่าหันมามองด้วยความสงสัย


“เพราะว่าฝนทำให้ธามจูบน่านโดยที่ไม่ต้องกลัวใครเห็นไง” ธามกล่าวพร้อมกับขยับตัวเขามาใกล้ จัดการดึงแว่นสายตาแสนเกะกะออกเพื่อให้เห็นดวงตาคู่สวยได้ถนัด ไม่รอให้ถูกต่อว่ามือหนาก็จับเข้าที่ต้นคอขาวรั้งอีกฝ่ายเข้ามากดจูบเสียให้สมใจอยาก จากจุมพิตแสนนุ่มนวลกลับค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นจุมพิตที่ดุดันเมื่อกลีบปากบางตอบรับสัมผัสนั้นกลับคืนอย่างเร่าร้อนเช่นกัน และก่อนที่ความหวามไหวจะทำให้ไม่สามารถควบคุมสติของตนเองได้ ธามก็ตัดสินใจผละออกจากรสรักหวานหอม แต่ไม่วายแกล้งกันด้วยการขบเม้มเนื้อปากบางเบา ๆ เป็นการทิ้งท้าย   


“ทำใจให้เย็น ๆ เหมือนฝนหน่อยสิ นี่อยู่นอกสถานที่นะ”


“ไอ้เด็กเพี้ยน” เหนือน่านเม้มปากแน่นเบือนหน้ามองออกไปนอกกระจก พยายามซ่อนสองแก้มร้อนซ่านที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น แต่มันก็ทำได้ยากเสียเหลือเกิน


“เก็บหูด้วยสิ หูแดงหมดแล้ว” 


เสียงหัวเราะชอบใจกับลมหายใจอุ่น ๆ ที่ข้างหูทำเอาคนฟังอยากจะเปิดประตูลงจากรถเสียเดี๋ยวนี้ แต่ฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างไม่ขาดสายนั้นทำให้เหนือน่านทำได้ดีที่สุดแค่การขยับตัวชิดกระจกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



‘จะไม่ชอบหน้าฝนก็เพราะแบบนี้แหละ’




ธามหุบยิ้มทันทีที่เสียงเคาะกระจกดังขึ้น หน้าคมหันซ้ายหันขวาก่อนจะพบว่าเป็นแม่นั่นเอง ชายหนุ่มรีบดับเครื่องยนต์ก่อนจะเปิดประตูลงมายืนยิ้มเก้อ ๆ แปลกใจไม่น้อยที่เห็นผู้เป็นแม่อยู่ในชุดกันฝน


“ทำไมแม่แต่งตัวแบบนี้ล่ะครับ”


“แม่ออกมาดูต้นข้าวในกระบะของลูกน่ะ เห็นว่าฝนตกหนักกลัวจะทนแรงไม่ไหวหักตายไปเสียก่อน พอดีเห็นลูกเลี้ยวรถเข้ามาจอดในโรงรถตั้งนานแล้วแต่ไม่เข้าบ้านสักทีก็เลยเอาร่มมาให้” พูดจบผู้เป็นแม่ก็ส่งร่มคันยาวให้ลูกชาย “มาถึงก็เห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ไปมีความสุขอะไรมาจ๊ะ”


“ปละ...เปล่าครับแม่ สงสัยธามจะคิดอะไรเพลินไปหน่อย”


ผู้เป็นแม่พยักหน้าก่อนเดินนำลูกชายออกจากโรงรถไปยังหลังบ้าน หยุดมองนั่งร้านยกสูงจากพื้นเกือบครึ่งเมตรซึ่งเต็มไปด้วยกระบะไม้ที่วางลดหลั่นกันเป็นชั้น ในแต่ละกระบะแน่นไปด้วยต้นข้าวเล็ก ๆ ที่แทงยอดสีเขียวอ่อนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 3-4 วันก่อน ยิ่งได้น้ำฝนก็ยิ่งทำให้กล้าข้าวเจริญงอกงามได้ดี


“โชคดีจังที่ 2-3 วันนี้ฝนตก ไม่อย่างเจออากาศร้อน ๆ ของบ้านเราคงได้เฉาตายหมดแน่ ๆ” แม่กล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองลูชายที่เดินกางร่มมายืนข้าง ๆ “ฝนตกแบบนี้ชาวนาชาวไร่เขาคงจะดีใจนะลูก จะได้เริ่มเพาะปลูกันสักที เมื่อตอนบ่ายแม่คุยกับน่าน น่านถามด้วยนะว่าธามได้ลองเพาะกล้าข้าวหรือยัง พอแม่บอกว่างอกมาได้ 3-4 วันแล้วเท่านั้นละตื่นเต้นใหญ่”


ธามฟังยิ้ม ๆ พลางนึกถึงคนที่ส่งเมล็ดข้าวเปลือกพวกนี้มาให้ บอกแต่ว่า ‘เอาไว้ปลูกแก้คิดถึงแม่กลางหลวง’ แต่ไม่ยักบอกว่าถ้าคิดถึงคนที่ส่งมาให้จะต้องทำอย่างไร


“น่านโทร.มาหาแม่เหรอครับ”


“จ้ะ เห็นว่าวันนี้ตามหัวหน้ามาประชุมที่มหาวิทยาลัยในเมือง เสาร์อาทิตย์นี้คงจะนอนค้างที่บ้านน้าริน”


“ดีจัง พอลงจากดอยก็โทร.หาแม่เลย ไม่เห็นโทร.หาธามบ้าง”


ผู้เป็นแม่ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ “แม่บอกน่านว่าวันนี้ลูกไปออกไซด์งาน น่านคงกลัวว่าจะยุ่ง ๆ อยู่ก็เลยไม่ได้โทร.ไปคุยละมั้ง” พูดจบก็ยกมือขึ้นจับที่ต้นแขนแกร่ง “ทำงอนมาก ๆ ระวังพี่เขาจะเบื่อนะ”


“ไม่ได้งอนสักหน่อยแม่” ลูกชายรีบปฏิเสธทันควันก่อนจะโอบเอวร่างเล็ก ๆ อย่างประจบ “เข้าบ้านกันดีกว่า ธามหิวข้าวแล้ว” แล้วสองแม่ลูกก็เดินกอดกันกลมเข้าไปในบ้าน



...




ฝนที่ตกทั้งคืนสร้างความชุ่มชื่นให้แก่เช้าวันใหม่ที่อากาศค่อนข้างเย็น แม้นาฬิกาจะบอกเวลาเกือบสิบโมงเช้าแต่ดวงอาทิตย์ก็ยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเมฆสีเทา ภาพที่เห็นตรงหน้าจึงเป็นเหมือนภาพวาดสีหม่นพาหัวใจคนมองเศร้าซึมตามไปด้วย แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มผู้ที่กำลังนั่งทอดตามองต้นข้าวเล็ก ๆ ในกระบะจากหน้าต่างห้องทำงานเป็นแน่ เพราะนับตั้งแต่วันที่รากขาว ๆ งอกออกจากเมล็ดข้าว เขาก็เฝ้ารอด้วยความตื่นเต้นว่าเมื่อไรมันจะเจริญเติบโตเป็นต้นกล้าที่แข็งแรงสักที


ธามดึงสายตากลับมายังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างเอาไว้ซึ่งแสดงข้อมูลพันธุ์ข้าว การเพาะกล้าข้าว รวมถึงวิธีการทำนาในรูปแบบต่าง ๆ ข้อมูลเก่าที่เคยเก็บรวบรวมไว้นานแล้วถูกรื้อขึ้นมาทบทวนอีกครั้ง ประสบการณ์ของบรรดาคนหนุ่มสาวที่ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาทำสวนทำไร่ที่ถูกแบ่งปันไว้ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ถูกนำออกมาอ่านไม่รู้กี่รอบ การมีพื้นที่ทำการเกษตรเพื่อเตรียมไว้สำหรับเลี้ยงตัวเองในยามที่ต้องวางมือจากงานประจำคือความฝันของวิศวกรหนุ่ม แม้การปลูกผักเลี้ยงสัตว์ถือว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ธามก็ไม่คิดว่ามันไม่น่าจะยากเกินความพยายามของตนเองไปได้ ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองหลับตานึกภาพว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าหากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวขจี มีบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่บนเนิน มีธารน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน ได้ยินเสียงยอดหญ้าลู่ไหวไปตามลม เสียงวัวร้องและเสียงโทรศัพท์



ใช่! เสียงโทรศัพท์



เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ห่างตัวเรียกความคิดที่กำลังหลุดลอยออกไปให้กลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นภาพของใครคนหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอสัมผัสทำให้ธามไม่รั้งรอที่จะกดรับสาย


“ตื่นหรือยัง”


ชายหนุ่มทวนคำถามนั้นในใจ ที่แท้ก็ฝันไปหรือนี่...


“ตื่นตั้งนานแล้ว รอตั้งแต่เช้าก็ไม่เห็นมีใครโทร.มา”


“อ้าว แล้วที่พูดด้วยอยู่นี่นึกว่าหมาหรือไง” คนที่ปลายสายหัวเราะ


“น่าน!” ธามเม้มปากแน่น ถ้าหากอยู่ใกล้ ๆ กันจะจัดการเสียให้อยู่หมัด


เหนือน่านไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงขุ่น ๆ นั่นสักเท่าไร คนอารมณ์ดีกลับชวนเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อ ๆ “ทำอะไรอยู่”


“ถ้าบอกว่ากำลังคิดถึงจะเชื่อไหม”


“เชื่อ”


“เชื่อคนง่ายนะเราน่ะ”


“สรุปว่าไม่ได้คิดถึง?”


“คิดถึงสิ คิดถึงมากด้วย เราพูดจริงนะ”


“รู้น่า” เหนือน่านพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะพากันเงียบทั้งคู่ เกือบหนึ่งเดือนที่ไม่ได้พบหน้าทำให้ต่างฝ่ายต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน 


“คิดถึงนะ” ธามกล่าวขึ้น


นอกจากคำพูดนั้นจะทำลายความเงียบแล้วยังทำลายความอดทนที่เหนือน่านใช้เป็นประตูขังความฟุ้งซ่านภายในใจของตนเองเอาไว้ด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มผ่อนลมร้อนออกจากปลายจมูกก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


“อืม...เหมือนกัน”


“อะไรเหมือนกัน”


“เมื่อวันก่อนแวะไปหาครูขันคำมา...”


“น่าน ตอบมาก่อนว่าอะไรเหมือนกัน”


“เซ้าซี้จริง”


“ก็ตอบมาสิว่าอะไรเหมือนกัน แค่คิดถึงทำไมพูดยากนัก อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ ไม่ต้องเขินแล้ว” ธามขยี้หัวตัวเองอย่างขัดใจ


“อะ...ไอ้เด็กเพี้ยน ไม่ได้เขินโว้ย” คนอายุมากกว่าหัวเราะหึ “ถ้าอยากได้ยินก็มายืนต่อหน้าสิ แล้วจะพูดให้ฟัง”



ธามยิ้มน้อย ๆ ฟังแล้วแทบอยากเอารถออกมันเสียเดี๋ยวนี้...วันจันทร์ส่งใบลาพักร้อนยาว ๆ เลยดีกว่า
 


   


...จบ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2015 14:07:04 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด