[เรื่องสั้น] ปลายทางคิดถึง (จบแล้ว) แจ้งข่าวรวมเล่ม (07-03-2561)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ปลายทางคิดถึง (จบแล้ว) แจ้งข่าวรวมเล่ม (07-03-2561)  (อ่าน 50252 ครั้ง)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2018 21:45:24 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เข้ามารอจ้า..^^

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ปลายทางคิดถึง

เรื่องย่อ : ถ้าโลกของผมเป็นโลกเบี้ยว ๆ ที่หลอมรวมขึ้นจากความเร่งรีบดิ้นรนไขว่คว้าแล้วละก็ โลกของเขาคงเป็นโลกที่เข็มวินาทีเดินช้าและท้องฟ้าก็อยู่ไม่ไกลเกินกว่ากำลังขาจะไปถึง และถ้าหากภาพการต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนาเป็นภาพชินตาที่ผมเห็นทุกเช้า ในโลกที่แสนเงียบสงบของเขา เขาและใคร ๆ กลับตื่นขึ้นมาเพื่อคิดว่าวันนี้จะทำอะไรให้คนอื่น เป็นโลกคนละใบ…แต่ถูกเชื่อมกันไว้ด้วยความคิดถึง


เรื่องอื่น ๆ


สารบัญ

บทนำ
ความคิดถึงที่ไม่ได้รับการตอบกลับ
ส่งคืนเจ้าของ
ปัจฉิมลิขิต
ตอนจบ

ตอนพิเศษ


ตอนพิเศษ (1) 
ตอนพิเศษ (2) 
ตอนพิเศษ (3) 



บทนำ




คุณเคยยิ้มให้โปสการ์ดหนึ่งใบที่นอนเงียบ ๆ อยู่ในกล่องรับจดหมายหน้าบ้านบ้างไหมครับ?



ผมเคยคิดว่าคำถามนี้มันฟังดูเพ้อฝันพิลึก จนกระทั่ง...








“รับจดหมายด้วยครับ”



ชายหนุ่มซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านต้องเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง ภาพที่เห็นก็คือพนักงานไปรษณีย์กำลังยืนรออยู่ที่นอกรั้ว ร่างสูงจัดการวางหนังสือลงบนโต๊ะก่อนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูเซ็นรับเอกสารสำคัญและพัสดุจากนั้นจึงเดินกลับเข้ามา

ธามนั่งลงที่เดิมวางกล่องกระดาษใบย่อมลง แล้วจึงพลิกซองจดหมายในมือเพื่อดูว่ามันคือเอกสารอะไรบ้าง พลันตาคมก็สะดุดเข้ากับโปสการ์ดใบเล็ก ภาพบนโปสการ์ดคือภาพถ่ายตอนกลางคืนของสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคย มองเห็นเนินเขาสลับซับซ้อน ที่เห็นเป็นแนวยาวบนเนินนั่นก็คงจะเป็นโดมพลาสติกที่ใช้คลุมหน้าแปลงปลูกพืชหรือดอกไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง ภายในโดมเปิดไฟสีเหลืองนวลยาวตลอดแนว มองจากที่ไกล ๆ แล้วคล้ายกับดวงดาวบนผืนดินไม่มีผิด ชายหนุ่มยังคงจ้องกระดาษในมือไม่วางตาในขณะที่ลมหายใจร้อนถูกผ่อนผ่านปลายจมูกครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยหัวใจล่องลอยไปกับภาพที่เห็นจนไม่ทันได้ใส่ใจคนที่เดินถือตะกร้าผลไม้มาหยุดตรงหน้า


“ส่งมาอีกแล้วเหรอลูก” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นขณะนั่งลงยังฝั่งตรงข้าม


ธามเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำถามที่ดูว่าจะไม่ได้จริงจังกับคำตอบของเขานัก เห็นได้จากเมื่อถามแล้วอีกฝ่ายก็จัดการวางตะกร้าบนโต๊ะก่อนแยกจานและมีดที่ใส่ไว้ด้วยกันออกจากตะกร้า จากนั้นจึงเอื้อมหยิบมะม่วงลูกโตขึ้นมาปอกเงียบ ๆ 


“ครับแม่” ลูกชายตอบในขณะที่ผู้เป็นแม่แทบจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเลยด้วยซ้ำ ทำเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ กระนั้นธามก็ยังสังเกตเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ระบายอยู่บนใบหน้าของแม่ได้อย่างชัดเจน


...



ประตูห้องนอนถูกปิดลงก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนนุ่ม พลิกอ่านข้อความที่เขียนไว้ด้านหลังโปสการ์ด


หวัดดี แกสบายดีนะ ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เดือนหนึ่งแล้วละ อยากคุยกับแกว่ะ ติดต่อแกไม่ได้เลย

แต่ก็หวังว่าแกจะได้รับโปสการ์ดของฉันและชอบมันนะ แล้วจะเขียนมาอีก คิดถึงแกว่ะ

                                                                                                                    น่าน

ปล. โทร.หาฉันด้วยล่ะ




นัยน์ตาสีเข้มไล่อ่านจนกระทั่งถึงอักษรตัวสุดท้าย มือคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาพลางกดตัวเลขตามที่เจ้าของโปสการ์ดได้กำชับไว้ แต่แทนที่จะกดโทร.ออกกลับจ้องมองตัวเลขสิบตัวที่เรียงกันบนหน้าจอดิจิทัลอยู่อย่างนั้น คิ้วหนามุ่นเข้าหากันราวกับกำลังเจอโจทย์สมการที่ไม่สามารถแก้ได้ ในที่สุดธามก็วางมันลงที่ข้างตัวพร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปดึงลิ้นชักหยิบโปสการ์ด 4-5 ใบมาวางรวมกับใบที่เพิ่งได้มาใหม่ตรงหน้า ซึ่งทุกใบลงชื่อคนส่งคนเดิมและมีรอยประทับตราที่แสดงให้รู้ว่ามาจากต้นทางเดียวกัน...



...



สวัสดีค่ะ หายไปนานเลย วันนี้เราเรื่องสั้นมาฝากก่อน เพราะยังไม่มีเวลาเขียนเรื่องยาวค่ะ

มาคิดถึงไปพร้อม ๆ กันนะคะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการติดตามค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2016 09:23:55 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรือเปล่านะ มีบอกคิดถึงกันด้วย

ปอลอ... อ่านเนื้อความในโปสการ์ดแล้วมันเหมือน สาวน้อย ส่องให้เพื่อนหนุ่มเลยค่ะ เราชอบเรียกเพื่อนชายว่า 'แก'

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ธามกับน่าน ต้องมีความหลังอะไรกันซักอย่าง

มารอติดตามด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
รอติดตามค่า

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เหมือนกับธามงอนที่น่านต้องย้ายไปอยู่ไกลห่างกันเลยนะคะเนี่ย :z1:

ออฟไลน์ nooklepper

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
รอๆ จะสั้นก็รอ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
ไม่รู้ไปคุ้นชื่อธามมาจากไหน
นางเคยมีชื่อไปโผล่ในเรื่องก่อนๆมั้ยคะ
(ชอบรูปตรงลิ้งค์แต่ละเรื่อง น่ารักกกกก)
สงสารน่านนะ อุตส่าห์พยายามเรียกร้องความสนใจ
แต่โดน ignore ซะงั้น
รอติดตามตอนต่อไป อยากรู้เหตุผลของธาม
คุณแม่ก็รู้เห็นเป็นใจซะด้วยนะ มันต้องมีๆ
ปูเสื่อ~~~

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1038
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
ทำไมธามไม่ติดต่อกลับไปนะ
ทั้งที่ดูแล้วน่าจะคิดถึงน่านเหมือนกัน
รอติดตามนะคะ

 :mew1: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข้ามาปูเสื่อรอ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
มานั่งรอธามกับน่านด้วยใจจดจ่อเลยค่ะ
ทำไมแค่โปสการ์ดก็ทำให้รู้สึกถึงความละมุนแล้ว

ต้นทางของโปสการ์ดนั่นมาจากไหนกันน้า?
นี่ก็เริ่มรู้สึกว่าอยากแพ็คกระเป๋าตามไปแล้วล่ะค่ะ 555555

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้ำตาจะไหลเมื่อเฟสบุ๊คแจ้งเตือนเพจ ถธปทฟ
นี่มันเรื่อง love postcard รึเปล่าคะเนี่ย 5555
น่านส่งโปสการ์ดมาเต๊าะธาม อุอิ อุอิ
ลุ้นๆ อัพต่อน้าาา

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
คนหนึ่งก็มีแต่คิดถึง  มีแต่คิดถึง555
ส่วนอีกคนก็ใจร้าย รับรู้ถึงความคิดถึงอยู่ฝ่ายเดียวเนอะ555

รอเหตุผลว่าทำไมธามถึงทำแบบนี้ รอตอนต่อไปค่ะ

ชอบชื่อเรื่องจังค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ. จะเรื่องสั้นก็ทำให้หายคิดถึงผลงานของนักเขียนนะคะ :L2:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ความคิดถึงที่ไม่ได้รับการตอบกลับ


เชียงใหม่


บ้านไม้สองชั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในหลืบซอยของถนนสีหราชถูกปรับปรุงใหม่จนเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อปลายปีก่อน สีขาวสะอาดตาตัดกับสีเขียวของมวลหมู่แมกไม้ให้ความรู้สึกสงบร่มรื่นแก่บรรดานักท่องเที่ยวที่แวะเวียนกันเข้ามาหาเครื่องดื่มเย็น ๆ หรือหาของหวานรับประทานให้หนักท้อง เติมพลังสำหรับการเดินทางที่จะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า


หลายคนเลือกนั่งโต๊ะจัดไว้ที่ลานหน้าบ้านซึ่งปูด้วยอิฐสีน้ำตาลแดง ในขณะที่บางคนเลือกนั่งที่บริเวณใต้ถุนของเรือนไม้หลังใหญ่ที่ด้านหนึ่งเป็นเคาท์เตอร์สำหรับผสมเครื่องดื่มติดกันเป็นตู้สำหรับวางเค้กที่เจ้าของร้านลงมือทำด้วยตัวเอง ประตูและบานหน้าต่างกระจกที่รายล้อมรอบตัวบ้านถูกพับเก็บเปิดให้ลมเข้า ดังนั้นไม่ว่าใครจะเลือกนั่งตรงไหนให้ความรู้สึกเย็นสบายไม่ต่างกัน


วันนี้ลูกค้ามีจำนวนค่อนข้างหนาตาดังนั้น ‘เหนือน่าน’ หลานชายของ ‘อรินทร์’ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านจึงปักหลักยึดเอาโต๊ะญี่ปุ่นที่ริมระเบียงไม้ระแนงเป็นที่นั่งทำงานและอ่านหนังสือ ชายหนุ่มทอดตามองปลาคาร์ฟสีสดที่ว่ายเวียนอยู่ในสระน้ำซึ่งขั้นกลางแบ่งอาณาเขตระหว่างชายคาบ้านกับส่วนของสวนออกจากกัน ปล่อยใจคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกระทั่งมาสะดุ้งเมื่อเสียงโมบายแขวนหน้าต่างพร้อมใจกันดังขึ้นราวกับวงประสานเสียงยามต้องลมเย็นที่พัดผ่านมา


ไม่เท่านั้นกระแสลมยังทำให้หน้ากระดาษของหนังสือที่เปิดค้างไว้พลิกตีกันจนเกิดเสียงดังและเกือบจะทำให้โปสการ์ดทำมือ 2-3 ใบที่เสียบอยู่ระหว่างหน้ากระดาษปลิวไปตามแรงลม มือขาวรีบปิดหนังสือลงรอกระทั่งสายลมอ่อนกำลังจึงได้หยิบโปสการ์ดที่ตั้งใจเตรียมไว้เพื่อเขียนถึงใครบางคนออกมาวางตรงหน้าอีกครั้ง ชายหนุ่มจรดปลายปากกาแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตัวอักษร และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเขียนคำนี้เมื่อสุดพื้นที่ของกระดาษ       


คิดถึงแก

                                                           

เจ้าของโปสการ์ดวางปากกาลง ในใจได้แต่หวังว่าโปสการ์ดใบนี้จะนำพาเอาความคิดถึงของเขาส่งไปถึงคนที่ปลายทาง และในวันหนึ่งหากคนคนนั้นเกิดความรู้สึกที่คล้ายกัน เขาก็คงจะได้รับข่าวคราวหรือถ้อยคำแห่งความคิดถึงนั้นส่งคืนกลับมาบ้าง


“ทำอะไรจ๊ะหลานรัก” หม้ายสาวสี่สิบกะรัตเอ่ยขึ้นพลางถอดผ้ากันเปื้อนนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาสวยเฉี่ยวที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตาจ้องมองชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนข้อความลงในกระดาษสีขาวขนาดเท่ากับรูปถ่าย


“น่านเขียนโปสการ์ดถึงเพื่อนน่ะครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นตอบ


“เพื่อนหรือแฟนจ๊ะ”


“เพื่อนครับ เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนมัธยมที่กรุงเทพฯ แยกย้ายกันไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่นั้นน่านก็ไม่ได้ข่าวมันอีกเลย นี่เพิ่งมาค้นเจอหนังสือรุ่นในห้องเก็บของ ก็เลยเขียนโปสการ์ดไปหามันให้โทร.กลับ แต่ก็ยังไม่เห็นโทร.มาสักที เบอร์ที่เคยมีก็ติดต่อไม่ได้แล้ว”


“อืม...น้าว่าเขาอาจจะงานยุ่งก็ได้นะ ดูอย่างหลานชายคนนี้ของน้าสิ พอเข้าวัยทำงานก็ทำแต่งานเป็นบ้าเป็นหลัง วัยกำลังจะคิดสร้างครอบครัวก็แบบนี้แหละ”


“นี่น้ารินหลอกว่าน่านหรือเปล่าเนี่ย” ชายหนุ่มเกาหัวแกรกในขณะที่ผู้เป็นน้าได้แต่ยิ้ม แทนที่เธอจะสนใจตอบคำถามนั้นกลับเปลี่ยนมาสนใจภาพถ่ายในกล่องกระดาษแทน


“ไหน...ขอน้าดูซิ” พูดพลางคุณน้าคนสวยก็หยิบภาพดอกไม้ 2-3 ใบขึ้นมาพลิกดู “นี่มันภาพถ่ายนี่นา”


“ครับ น่านเอามาทำเป็นโปสการ์ด น้ารินว่าสวยไหม”


“น่ารักดีจ้ะ ว่าแต่รูปพวกนี้น่านไปเอามาจากไหน”


“น่านถ่ายไว้ตอนที่อยู่บนสถานีเกษตร บางรูปก็ถ่ายตอนที่ตามหัวหน้าเข้าไปในป่า ลงจากดอยทีก็เอาไปเข้าร้านอัดออกมาเป็นรูปที ติดกระดาษที่ด้านหลังแค่นี้ก็กลายเป็นโปสการ์ดแล้ว”


อรินทร์พยักหน้าอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่าหนุ่มนักวิจัยที่วัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าตำราและข้อมูลจะมีฝีไม้ลายมือในการถ่ายภาพกับเขาด้วย “เก่งเหมือนกันนะเรา ทำเยอะ ๆ สิ แล้วเอามาวางขายร้านน้า”


“จะดีเหรอน้า น่านว่าคงไม่มีใครซื้อหรอก” ชายหนุ่มกล่าวอย่างไม่แน่ใจนัก นั่นเพราะไม่คิดว่าโปสการ์ดภาพถ่ายฝีมือตากล้องมือสมัครเล่นจะโดดเด่นโดนใจจนทำให้ใครสามารถควักกระเป๋าจ่ายได้


“ดีสิ ลองดู ไม่ลองก็ไม่รู้ ทำสนุก ๆ อย่าไปคิดมาก เริ่มแรกเราก็ทำไม่ต้องมากนัก ถ้าขายไม่ได้ก็เอาไว้ส่งเป็น ส.ค.ส. ปีใหม่ เดี๋ยวน้าเหมาเอง เพื่อนน้าเยอะ ตกลงไหม”


เหนือน่านถอนใจยิ้ม ๆ เมื่อรู้ตัวว่าไม่อาจทนต่อคำรบเร้าของน้าแท้ ๆ ได้ ในที่สุดเขาก็ตอบตกลงรับขอเสนอของคนเจ้าความคิดอย่างน้ารินที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูราบรื่นง่ายดายไปเสียหมด ร้านกาแฟนี่ก็เหมือนกัน ทั้งที่เจ้าตัวบอกว่าทำเล่น ๆ เป็นงานอดิเรกแต่กิจการก็ไปได้ดีจนเกือบจะได้ทุนคืนทั้งที่เพิ่งเปิดมาไม่ถึงปี ลองดูสักตั้งอย่างที่น้ารินว่าจะเป็นไรไป


...



แก...


แกคงยุ่ง ๆ สินะถึงไม่ติดต่อกลับมาเลย แต่ไม่เป็นไร

เออนี่...เมื่อวันก่อนก่อนออกจากป่าลุงคนนำทางขอพรจากต้นไม้ต้นนี้ให้คณะของพวกเรา เป็นต้นใหม่ที่ใหญ่สุดในป่าแถบนี้

ลุงแกบอกว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ หน้าหนาวปีนี้แกมาเที่ยวเชียงใหม่สิฉันจะพาแกมาที่นี่

แล้วก็จะพาแกไปกินของอร่อย ๆ รับรองว่าจะขุนแกให้อ้วนเลย ฉันจะรอแกนะ


                                                                                            คิดถึงแก
                                                                                                           
                                                                                                น่าน



ธามเปิดสมุดบันทึกหยิบโปสการ์ดใบล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับเมื่อวันก่อนออกมาอ่าน มันเป็นโปสการ์ดที่ประทับตราต้นทางคือจังหวัดเชียงใหม่ ในพื้นที่เล็กเขียนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ปิดท้ายด้วยคำว่าคิดถึงและลงชื่อผู้ส่งคนเดิม


“น่าน” จู่ ๆ ริมฝีปากอิ่มก็เรียกชื่อนั้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว ตาคมยังคงไล่อ่านข้อความสั้น ๆ ในกระดาษใบน้อยซ้ำไปซ้ำมาราวกับมันประกอบขึ้นจากตัวอักษรเป็นล้าน ๆ ตัว ที่ใช้เวลานานเท่าไรก็อ่านไม่จบสักที


ธามพลิกอีกด้านหนึ่งขึ้นดู มันเป็นภาพที่เขารู้สึกชอบที่สุดตั้งแต่โปสการ์ดใบแรกถูกส่งมาเมื่อ 3 เดือนก่อน ภาพของต้นไม้ที่ยืนต้นเด่นตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขาอยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาพรรณ ลำต้นขนาดหลายคนโอบนั้นปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวสดเห็นแล้วชวนให้นึกถึงอากาศเย็น ๆ ยามสายลมพัดพาเอาเมฆฝนเคลื่อนหายไปจากท้องฟ้า   


“ไอ้ธาม แกเป็นอะไรวะ ฉันเห็นแกนั่งจ้องโปสการ์ดใบนี้นานแล้วนะ” พูดจบก็นั่งลงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววอยากรู้อยากเห็นยากจะซ่อนเร้นเสียเหลือเกิน “เขาเขียนอะไรมายืดยาวนักวะถึงอ่านไม่จบสักที”


คนถูกถามรีบสอบโปสการ์ดเจ้าปัญหาลงในสมุดบันทึกก่อนจะปรายตามองอีกฝ่ายในขณะที่มือสองข้างยังคงยึดสมุดบันทึกที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น “ก็ไม่ได้เขียนอะไรยืดยาวหรอก เวลาแกเขียนโปสการ์ดแกเขียนอะไรบ้าง เขาก็เขียนแบบนั้นแหละ” ธามพูดตัดรำคาญ


“เออ ๆ ไม่อยากรู้ก็ได้วะ เตรียมตัวไปประชุมดีกว่า” ชายหนุ่มร่างใหญ่กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะคว้าแฟ้มเอกสารเดินออกไปจากห้อง


ธามมองตามยักษ์ปักหลั่นอดีตนักรักบี้มหาวิทยาลัยตัวแทนคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เพิ่งเดินพ้นประตูออกไปพลางทอดถอนใจ มือที่เกาะสมุดบันทึกค่อย ๆ คลายออกก่อนจะเปิดไปยังหน้าที่ใช้ปากกาคั่นไว้ นัยน์สีดำสนิทจ้องเขม็งที่ตัวเลขสิบหลักที่เขียนด้วยลายมือบนบรรทัดแรกของหน้ากระดาษ มันคือเบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนที่ให้ไว้ในโปสการ์ดใบหนึ่ง


ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ไม่ไกลมือขึ้นมาจากนั้นจึงสัมผัสปลายนิ้วลงบนหน้าจอตามตัวเลขที่ปรากฏในกระดาษจนครบ ตัดสินใจกดโทร.ออกพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู นอกจากจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังโครมครามจนแทบจะหลุดออกจากอกแล้วยังได้ยินเสียง...


‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่...ท่า...น เรี...ยก’


ไม่ต้องรอฟังให้จบวิศวกรหนุ่มก็ตัดสายทิ้ง...


...



ขอบคุณสำหรับการติดตามแล้วพบกันในตอนต่อไปนะคะ  ^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2015 12:21:08 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอติดตามค่ะ ว่าแต่น่านอายุ สี่สิบกว่าแล้วเหรอคะ

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
ลงชื่อติดตามค่ะ ชอบนิยายคุณท้องฟ้า ฟิลลิ่งกู๊ดมากๆ :mew1:

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
ทำไมสั้นนนน กรี๊ดดดดดดดดด

ฟีลกู้ดมากกกกกกกกก
อ่านแล้วลุ้นตาม อยากให้ธามโทรหาน่านสักที
พอโทรจริงๆ แล้วก็ดันไม่ติดซะงั้น  :hao5:

เมื่อไหร่ความคิดถึงของน่านจะได้รับการตอบกลับบ้างน้าาา
นี่ขนาดไม่ใช่คนรอเองยังใจจะขาดแล้วค่ะ ฮาาาาาา

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
กรี๊ดดด~ ไม่ใช่ว่าน่านเขียนเบอร์โทรศัพท์ผิดมาให้นะค้าา อืม~ แต่ก็ไม่แน่ว่าตอนนี้น่านอาจจะกำลังเข้าไปในป่าแล้วอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณก็ได้เนอะ ธามอย่าเพิ่งถอดใจไปเสียก่อนน้าา :sad4:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
น่าน แกไปไหน เข้าป่าอีกแล้วใช่ไหม. ธามเขาโทรหาแกแล้วนะ
เลยไม่ได้รับการตอบกลับกันสักทีทั้งสองคนเลย   รู้ไหมคนอ่านลุ้นมาก555
เข้าป่าไปคราวนั้นน่านคงขอต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้ธามโทรมาหาตนแน่ๆ555
เข้าป่าคราวนี้ก็ไปขอต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขอให้ติดต่อหากันได้ด้วยนะ

ลุ้นตอนต่อไปค่ะ ว่าอดีตที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นถึงไม่ได้ติดต่อกัน
ขอบคุณมากๆนะคะ  :L2:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ส่งคืนเจ้าของ




“อะไรวะ ยังไม่ทันจะไปไหนก็ไม่มีสัญญาณเสียแล้ว”


เสียงบ่นงึมงำตามด้วยเสียงทอดถอนใจที่ดังมาจากกลุ่มนักศึกษาทำให้ชายหนุ่มในชุดเตรียมพร้อมสำหรับเดินป่าต้องหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาดูบ้างซึ่งสิ่งที่เห็นก็ไม่ได้ต่างกันเลย เหนือน่านเก็บโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ประโยชน์ของมันเหลือเพียงแค่เป็นนาฬิกาบอกเวลาลงในกระเป๋า จัดการเปิดเป้สะพายหลังควานหาเสื้อกันฝนออกมาแจกให้ทุกคน แม้ฝนที่ตกลงมาจะขาดเม็ดไปตั้งแต่เมื่อ 2-3 ชั่วโมงก่อน แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นป่าดิบเขาซึ่งมีความชื้นค่อนข้างสูงหากไม่ป้องกันเอาไว้บ้างกว่าจะกลับออกมาก็คงไม่พ้นเปียกม่อลอกม่อแลกเป็นลูกหมาตกน้ำไปตาม ๆ กันแน่


“ขอต้อนรับทุกคนสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อาจารย์สิทธิชัยท่านกรุณาให้ผมได้มีโอกาสมาพบกับพวกคุณทุกคน ผมชื่อปณิธิ เรียกพี่ธิก็ได้ ส่วนด้านหลังนั่นคงไม่ต้องแนะนำ น่าจะรู้จักกันแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาไปรับพวกคุณในเมือง” ผู้รั้งตำแหน่งหัวหน้านักวิจัยแห่งสถานีเกษตรกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางมองไปยังร่างสูงที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและรุ่นน้องร่วมสถาบันที่ยืนอยู่ด้านหลัง


“ทั้งผมและน่าน เราต่างก็เป็นลูกศิษย์อาจารย์สิทธิชัยเหมือนกับพวกคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรให้มากหรอก” ปณิธิรอกระทั่งนักศึกษาทุกคนสวมเสื้อกันฝนเรียบร้อยจึงกล่าวต่อ “สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานนั้นเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางเพียง 3 กิโลเมตร มีจุดศึกษาธรรมชาติทั้งหมด 21 จุด อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2000 เมตร มีเมฆปกคลุมเกือบทั้งปีจึงเรียกว่าป่าเมฆ การเดินในกิ่วแม่ปานนั้นเราจะต้องเดินช้า ๆ เพราะอากาศข้างบนนี้ค่อนข้างเบาบาง มันจะทำให้เราเหนื่อยง่าย เราจะหยุดพักกันเป็นระยะ ๆ และผู้ที่จะมาเป็นคนนำทางและเล่าเรื่องป่าให้เราฟังในวันนี้ก็คือลุงริงโก๊ะ”


หนุ่มฉกรรจ์ 4-5 คนพร้อมใจกันยกมือไหว้ชายชราที่กำลังยืนยิ้มฟันหลอ เส้นผมสีดอกเลาที่เหลืออยู่เพียงไม่มากบนศีรษะถูกบดบังด้วยหมอกตาข่าย ชุดสำหรับเดินป่าก็เป็นเพียงกางเกงยีนขาดสวมทับด้วยเสื้อวอร์มผ้าร่มสกรีนยี่ห้อเครื่องดื่มชูกำลัง รองเท้าผ้าใบที่สวมก็น่าจะเก่าพอ ๆ กับเป้สะพายหลัง เรียกได้ว่าน่าจะเก่าไปทั้งตัว ดูแล้วไม่เจริญตาเลยสักนิด


“จะไหวเหรอวะ ไม่รู้ว่าใครที่ต้องดูแลใครกันแน่” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มกล่าวพลางยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะมองไปยังคนนำทาง จากนั้นเสียงกระซิบกระซาบก็ดังระงมขึ้นทันที


“ไหวสิ” เหนือน่านตบลงเบา ๆ ที่บ่าของคนพูด “ลุงแกอาจจะให้ความรู้เชิงวิชาการไม่ได้เท่ากับตำราที่พวกนายเรียน แต่ถ้าเป็นเรื่องการใช้ชีวิตหรือเรื่องแนวความคิดที่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมีต่อป่าแล้วละก็รับรองว่ามีล้นเลยละ ป่าในความหมายของคุณลุงริงโก๊ะมันยิ่งใหญ่กว่าในตำรามาก พวกนายลองใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงนี้เรียนรู้ไปกับแกก็แล้วกัน” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนเดินไปช่วยผู้อาวุโสที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ เลือกไม้ค้ำยันอยู่ที่ปากทาง


เจ้าของใบหน้าหยาบกร้านคล้ามแดดยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาตามประสาคนคุ้นเคยกัน


“ไงน่าน เดือนนี้เดินกิ่วไปสองครั้งแล้วไม่ใช่รึ ไม่เบื่อบ้างหรือไง”


คนถูกถามส่ายหัวดิก “ก็ลุงนั่นแหละ ทำให้ผมหลงรักที่นี่”


“แล้วทำไมคราวนี้ไม่เป็นไกด์เสียเองล่ะ เดินจนทะลุหมดแล้วไม่ใช่รึ”


“ให้ลุงนำนั่นแหละดีแล้วครับ น้อง ๆ เขาจะได้เรียนรู้อะไรที่ในห้องเรียนไม่เคยสอน เผื่อจะหลงรักที่นี่เหมือนผม”


เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมจะออกเดินทางแล้ว ปณิธิจึงให้เหล่านักศึกษาเดินไปรับไม้ค้ำยันที่คุณลุงคนนำทางเตรียมไว้ให้ จากนั้นทั้งหมดก็พากันไปยืนออกันที่ปากทาง  รอกระทั่งตัวแทนกลุ่มลงชื่อในสมุดลงเวลาเข้าออกเรียบร้อย การเดินทางสำรวจป่าในเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดดอยสูงสุดบนเทือกเขาถนนธงชัยก็เริ่มต้นขึ้น


เหนือน่านที่เดินรั้งท้ายขบวนทอดตามองกลุ่มของนักศึกษาที่ต่างคนต่างก็กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแวดล้อมที่แปลกไปจากในเมืองที่พวกเขาจากมา เห็นแล้วให้นึกถึงตนเองเมื่อครั้งยังเรียนหนังสือ ความรู้สึกของการได้ออกภาคสนามเป็นครั้งแรกของนักศึกษาสาขาวิชาพฤกษศาสตร์ในตอนนั้นก็คงไม่ได้ต่างจากความรู้สึกของพวกเด็ก ๆ ในขณะนี้


ยิ่งระยะทางเพิ่มขึ้นมากเท่าไร ความหนาทึบของป่าไม้ก็มากขึ้นเท่านั้น ลุงริงโก๊ะเตือนให้ทุกคนระมัดระวังในทุกย่างก้าว เพราะฝนที่ตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืนนอกจากจะทำให้อากาศเย็นเฉียบแล้ว พื้นดินที่เดินไปก็ค่อนข้างเฉอะแฉะ ดังนั้นไม้ค้ำยันที่ดูเหมือนจะเป็นภาระในตอนแรกจึงกลายเป็นอาวุธคู่กายในยามยากไปโดยปริยาย ลุงริงโก๊ะพาเหล่านักสำรวจมือใหม่หยุดพักกันที่บริเวณน้ำตกเป็นจุดแรกก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของป่าใหญ่ให้คนหนุ่มได้ฟัง


“แถวนี้มีเสือไหมครับลุง” หนึ่งในกลุ่มนักศึกษาถามขึ้น


“ยังไม่มีใครเคยเจอนะ แต่ถ้าเป็นหมีละก็มี เพราะมีเจ้าหน้าที่เคยเจอรอยเท้าของมัน แต่นานแล้วละ อยู่บนต้นไม้โน่น” พูดจบก็ชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งปรากฏรอยเล็บขูดเป็นร่องลึกให้เห็นอย่างชัดเจน


“ม...หมีเลยเหรอลุง” คนเดิมมองซ้ายมองขวาทำท่าขนพองสยองเกล้าพาให้คนอื่น ๆ หวาดระแวงไปด้วย


“อย่ากลัวเลยหนุ่ม คนน่ากลัวกว่าหมีเยอะ เพราะคนกินป่าแถมยังฆ่าหมีได้” ผู้อาวุโสยิ้มก่อนจะเดินต่อ


ลุงริงโก๊ะเดินนำไปยังสะพานไม้ที่ทอดยาวข้ามธารน้ำ ชายชราหันมายิ้มโชว์ฟันก่อนจะเกาะเถาวัลย์หย่อนตัวลงไปตักน้ำในธารน้ำเล็ก ๆใต้สะพาน


“น้ำนี้ดื่มได้นะ ลุงดื่มประจำ เย็นชื่นใจนะ ไม่ต้องแช่ตู้เย็น” พูดแล้วแกก็ส่งขวดน้ำขึ้นมาให้ นักศึกษาคนที่อยู่ใกล้ที่สุดรับขวดน้ำนั้นไว้ก่อนจะส่งให้เพื่อนถือ หันไปยื่นมือให้ลุงจับระหว่างปีนกลับขึ้นมาข้างบนสะพานอีกครั้ง 


“แบ่ง ๆ กันนะ มาเดินป่าแบบนี้เราต้องแบ่งปันกันช่วยเหลือกัน ลุงไม่มีปริญญาแบบน้อง ๆ มีแต่ปริญญาจากป่า เวลาใครมาเดินป่ากับลุง ลุงก็จะสอนเขาแบบนี้ ถึงเราจะไม่สวยไม่หล่อแต่ถ้าเรารู้จักแบ่งปัน รู้จักยิ้ม รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ใคร ๆ ก็จะเอ็นดูเรา”
ฟังลุงริงโก๊ะพูดจบคนที่ดื่มน้ำเรียบร้อยก็ส่งต่อขวดน้ำให้เพื่อน ๆ ได้ดื่มจนครบ ทุกคนต่างยอมรับว่ามันเย็นอย่างที่คุณลุงว่าจริง ๆ เย็น...และชื่นใจแบบที่ตู้เย็นที่บ้านก็ยังทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะอุณภูมิในป่าหรือเพราะรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของคุณครูแห่งป่าใหญ่ผู้นี้กันแน่


หลังจากพักพอให้หายเหนื่อยคณะนักศึกษาก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดพักถัดไป คนนำทางพาพวกเขาเดินไต่ระดับความสูงไปตามทางลาดชัน บางช่วงเป็นขั้นบันไดสลับกับโขดหินปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำที่คอยจะบั่นทอนกำลังขา กระนั้นแต่ละคนก็ยังก้าวอย่างมั่นคงตามที่สติบัญชาการ มือแกร่งกำไม้ค้ำยันแน่นในขณะที่สายตาก็สอดส่ายสำรวจไปรอบ ๆ ตามลักษณะนิสัยของนักวิทยาศาสตร์ ชี้ชวนกันดูพืชพรรณแปลก ๆ ที่ก่อนหน้านี้เห็นแต่ในหนังสือเรียนเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นของจริงก็คราวนี้


“หนุ่มรู้ไหมว่าลูกไม้พวกนี้คือลูกอะไร” ชายชราเอ่ยขึ้นขณะก้มลงเก็บบางสิ่งที่ตกเกลื่อนอยู่บนพื้นดินในขณะที่บรรดานักศึกษาก็พากันล้อมวงเข้ามาจ้องมองลูกไม้เปลือกแข็งในมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยอย่างสนใจ บ้างก็เดาไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งใครคนหนึ่งอดรนทนไม่ไหวต้องร้องขอให้ช่วยเฉลย


“เขาเรียกว่าลูกอะรูมิไร้” พูดจบผู้อาวุโสก็ยิงฟันหลอ มองดูเด็ก ๆ ที่พากันยกสมุดขึ้นสเก็ตซ์ภาพของลูกไม้ชนิดดังกล่าว “หรืออีกชื่อก็คือลูกอะไรไม่รู้”


“อะรูมิไร้ อะ...ไร ไม่ รู้ มันอย่างนี้นี่เอง” นักพฤกษศาสตร์ในอนาคตถึงกับครางในลำคอเมื่อรู้ว่าถูกหลอกก็พากันหัวเราะเสียยกใหญ่


“โธ่ลุง ทำกันได้ ผมกำลังจะจดเลย” คนหนึ่งเกาหัวแก้เก้อ


“ถ้าจะจดต้องให้หัวหน้าอธิบาย” กล่าวพลางส่งลูกไม้ในมือให้ปณิธิเพื่อยกหน้าที่ในการให้ความรู้ทางวิชาการแก่เขา


“อันนี้ แล้วก็ที่หล่นกระจายอยู่ทั่วไปคือผลของไม้ก่อ เป็นไม้ยืนต้นในกลุ่มโอ๊ก ต้นก่อจัดว่าเป็นไม้เด่นที่ใช้บ่งชี้ความเป็นสังคมพืชป่าดิบเขา ในประเทศเรามีอยู่ 4 สกุล ซึ่งบริเวณกิ่วแม่ปานนี้ก็พบได้ทั้ง 4 สกุล”


ลุงริงโก๊ะรอกระทั่งเด็ก ๆ จดบันทึกและถ่ายภาพเสร็จเรียบร้อยจึงพาทุกคนออกเดินต่อ แวะพักตามจุดต่าง ๆ เป็นระยะ จนกระทั่งสังเกตเห็นว่าต้นไม้เริ่มเตี้ยลงและพอจะเห็นท้องฟ้าอยู่บ้าง จึงบอกให้เหล่านักศึกษาธรรมชาติรู้ว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้สวรรค์บนดินแล้ว และเมื่อเดินพ้นจากแนวป่า ภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็ยิ่งตอกย้ำว่าคำพูดลุงริงโก๊ะไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงเลย



มันคือสวรรค์บนดินจริง ๆ
 


โชคดีที่ฟ้าเปิดทุกคนจึงมีโอกาสได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดตัดกับสีเขียวของพันธุ์ไม้ในทุ่งหญ้าเมืองหนาว ซึ่งปณิธิอธิบายถึงลักษณะพืชพรรณที่พบในบริเวณนี้ว่าเป็นไม้ล้มลุกปะปนกับไม้พุ่ม โดยตามจริงแล้วจะพบได้ในเขตหนาวที่อยู่สูงจากน้ำทะลกว่า 4000 เมตร จะเรียกว่าทุ่งหญ้าอัลไพน์ แต่สำหรับบนดอยอินทนนท์นี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์พิเศษ เนื่องจากมีความหนาวเย็นเหมาะต่อการเจริญเติบโตของไม้ล้มลุกและไม้พุ่มเล็กแบบเดียวที่พบได้บนเทือกเขาหิมาลัย ทุ่งหญ้าบริเวณนี้จึงถูกเรียกว่าทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์


หลังจากหยุดให้ถ่ายรูปกันจนชุ่มปอดแล้ว ลุงริงโก๊ะก็ไล่ต้อนเหล่าลูกปูกลับเข้าแถวเพื่อเดินทางต่อ  ซึ่งถัดจากบริเวณทุ่งหญ้านี้ไปอีกไม่ไกลก็ถึงจุดชมวิวที่ทางอุทยานทำเป็นระเบียงไม้ไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมทัศนียภาพของเนินเขาสลับซับซ้อนซึ่งบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยทะเลหมอก เด็กหนุ่มนักศึกษาธรรมชาติจัดการวางสัมภาระก่อนวิ่งลงไปยังระเบียงไม้ที่อยู่ต่ำลงไปอีกชั้นหนึ่ง   ต่างคนต่างหยิบกทั้งกล้องและโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพเพื่อนำกลับอวดคนที่ยังไม่มีโอกาสได้มาเห็นภาพที่งดงามนี้


เหนือน่านถอดเสื้อกันฝนออกผึ่งก่อนจะเดินลงมายังจุดที่เด็ก ๆ กำลังเต๊ะท่าถ่ายรูปเป็นที่ระลึก  ขายาวก้าวเลี่ยงไปอีกทางกระทั่งมาหยุดที่ขอบระเบียงไม้ด้านที่สามารถมองเห็นเส้นทางบนสันเขาไกลออกไป ชายหนุ่มพลางทอดสายตามองทะเลหมอกแสนกว้างใหญ่เบื้องหน้า ปล่อยให้สายลมพัดกระทบกับผิวกายหอบเอาความเหนื่อยล้าออกไปจากร่างได้สักครู่จึงหยิบกล้องคอมแพคขนาดเหมาะมือขึ้นมาลั่นชัตเตอร์บันทึกภาพผืนเมฆที่แผ่คลุมไปสุดลูกหูลูกตา


“สวยสุด ๆ ไปเลยครับพี่น่าน” คนที่เดินเข้ามาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายภาพบ้าง 


“เป็นยังไง หายเหนื่อยเลยไหมล่ะ” 


“หายเป็นปลิดทิ้งเลยพี่ ไม่คิดว่าประเทศไทยจะมีป่าสวย ๆ แบบนี้ รู้สึกเหมือนยืนอยู่บนเมฆเลย”


คนฟังพยักหน้าพลางก้มลงดูภาพที่ถ่ายได้จากจอ LCD “ถ้าช่วงไหนไม่มีหมอก ก็จะมองเห็นอำเภอแม่แจ่มอยู่ด้านล่าง สวยไปอีกแบบ”


“พี่ขึ้นมาบนนี้บ่อยไหมครับ”


“ตั้งแต่ย้ายมาทำงานที่สถานีเกษตรก็มาหลายรอบแล้วนะ สงสัยจะหลงรักที่นี่เสียแล้วละ”


“ผมไม่แปลกใจเลยที่พี่จะรู้สึกแบบนั้น ที่นี่สวยจริง ๆ ผมต้องกลับมาอีกแน่ ๆ ถึงวันนั้นผมก็จะให้ลุงริงโก๊ะแกนำทางให้อีก”


“รีบ ๆ หน่อยล่ะ อีกไม่กี่ปีลุงแกก็จะปลดเกษียณตัวเองแล้ว”


“อืม...น่าเสียดายนะพี่”


“เป็นเรื่องปกติน่า ก็เหมือนป่าสองรุ่นที่ลุงริงโก๊ะชี้ให้ดูนั่นแหละ เมื่อต้นไม้ที่อยู่มานานเริ่มล้มตายก็จะมีกล้าไม้รุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนกัน มันเป็นวัฏจักร”


สองคนยืนคุยกันจนกระทั่งเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น


“ไอ้นุ้ย!  มาถ่ายรูปกัน”


เจ้าของชื่อหันไปโบกมือให้เพื่อนก่อนจะกล่าว “ผมไปถ่ายรูปกับเพื่อนก่อนนะพี่” พูดจบก็วิ่งเข้าไปสมทบกับพวกที่ยืนอยู่สุดปลายระเบียงฝั่งตรงข้าม รับโทรศัพท์มือถือจากอีกคนมาถือเอาไว้ก่อนจะนับแล้วกดบันทึกภาพ  หลังจากพักกันจนหายเหนื่อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง จากจุดชมวิวกลุ่มนักศึกษาก็เดินต่อไปตามสันเขาที่ด้านข้างเป็นหน้าผาลาดชันมีแนวรั้วกั้นเป็นระยะเพื่อความปลอดภัย   


“นี่แหละที่เขาเรียกว่ากิ่วแม่ปาน กิ่วก็คือลักษณะของสันเขาแคบ ๆ แบบที่เรากำลังเดินอยู่ตอนนี้” ปณิธิเอ่ยขึ้นพร้อมกับชะลอฝีเท้า “ถ้าพวกคุณมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาวก็จะได้เห็นกุหลาบพันปีซึ่งเป็นพรรณไม้แบบเดียวกับที่พบบนเทือกเขาหิมาลัย” พูดจบร่างสูงก็ชี้ไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งยืนต้นอยู่นอกแนวรั้วหนึ่งที่ตอนนี้มีเพียงใบสีเขียวให้เห็นเท่านั้น


เหล่านักสำรวจธรรมชาติเดินเลาะสันเขาก่อนจะกลับเข้ามาในเขตป่าอีกครั้ง เส้นทางขากลับก็คล้ายกลับขามา คือมีทั้งทางลาดชันสลับกับขั้นบันไดเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว จุดสุดท้ายที่คุณลุงคนนำทางพาทุกคนมาหยุดพักก็คือบริเวณของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เกือบถึงทางออก เพราะมันเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในป่าแถบนี้ลุงริงโก๊ะจึงมักจะมาหยุดขอพรให้ทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพ หวังอยู่ลึก ๆ ว่าหากมีโอกาสคงจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง


กว่าคณะนักศึกษาจะเดินออกจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติก็เป็นเวลาบ่ายคล้อย หลังจากลงเวลาออกในสมุดเรียบร้อยแล้วตัวแทนนักศึกษากล่าวขอบคุณและอำลาบรรดาผู้ใหญ่ใจดีก่อนจะพากันไปขึ้นรถสี่ล้อที่เหมาเอาไว้ซึ่งจอดรออยู่แล้วในบริเวณลานจอดรถจุดชมวิวกิโลเมตรที่ 42 หน้าที่ทำการเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เป้าหมายของพวกเขาก็คือการท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติในช่วงปิดเทอมตามแผนการที่ได้วางเอาไว้


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2015 00:51:49 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


ธามถอนหายใจเฮือกจ้องมองโทรศัพท์ในมือที่เพิ่งกดวางสาย ทั้งที่หมายเลขก็ถูกต้องตามที่เขียนอยู่ในโปสการ์ด แต่พอกดโทร.ออกทีไรก็ติดต่อไม่ได้สักที ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คิ้วหนาขมวดมุ่นในขณะที่ดวงตายังคงทอดมองกระดาษใบเล็กที่เสียบอยู่กับสมุดบันทึกจนไม่ทันได้สนใจร่างสูงใหญ่ที่ผลักประตูเข้ามา


“เป็นอะไรวะ ทำหน้ายังกับคนท้องผูก”


“เปล่า” คนถูกถามลากเสียงอย่างรำคาญเลื่อนสายตาขึ้นมองคนที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้าม


“ยังจะบอกว่าเปล่าอีก แล้วนี่อะไรวะ” พูดยังไม่ทันจบอดีต Winger ก็คว้าสมุดบันทึกตรงหน้าไปอย่างรวดเร็ว แม้คนตัวเล็กกว่าจะโผตามไปแย่งแต่ก็ไม่อาจสู้กับความไวของเจ้าของฉายายักษ์พริ้วได้


“เฮ้ย! ไอ้เน เอาคืนมาเลย” ธามโวยวายในขณะที่มือไม้ก็ยังคงตะเกือกตะกายไขว่คว้า


“อะไรวะกะอีแค่สมุดเล่มเดียว หวงอะไรนัหนา” เจ้าของริมฝีปากหนายกยิ้มยียวนก่อนจะเปิดสมุดหน้าที่ถูกขั้นด้วยโปสการ์ดออกดู “ฮั่นแน่ โปสการ์ดนี่หว่า ไหน ๆๆ ใครส่งมาให้ ไหนดูซิ”


“ไอ้เน”


เจ้าของชื่อทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจก่อนจะหยิบโปสการ์ดที่เสียบอยู่กับสมุดขึ้นมาอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้าย “คิดถึงแก...” ปากหนาพึมพำก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มล้อ “มีบอกคิดถงคิดถึงด้วยเว้ย ข้างล่างนี่ก็...แหม ๆๆๆ ไอ้ธาม นี่ใช่ไหมที่ทำให้แกกดโทรศัพท์ตั้งแต่เช้าน่ะ”


คนฟังถอนใจก่อนจะรีบดึงสมุดบันทึกและโปสการ์ดกลับคืนมาก่อนจะเก็บลงกระเป๋า นึกอยากจะผลักไอ้คนอยากรู้อยากเห็นที่กำลังทำคอยืดคอยาวข้ามโต๊ะมาถามว่า “ใครส่งมาวะ” เสียให้หน้าหงาย


“แฟน?”


“ไม่ใช่โว้ย อย่าเดาดีกว่า เดาให้ตายยังไงก็ไม่ถูก”


“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิวะ บอกหน่อยน่า ใครส่งมา นะ ๆ”


“ไม่รู้โว้ย!” คนถูกคาดคั้นตอบส่ง ๆ มองนาฬิกาข้อมือเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานมานานแล้วจึงลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเดินไปออกจากห้อง 


“อ้าวไอ้นี่ ไม่มีคิดจะรอกันเลย” เนติเกาหัวก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บของที่โต๊ะซึ่งอยู่ด้านหลังจากนั้นจึงเดินตามออกมา ชายหนุ่มร่างยักษ์ตะโกนโหวกเหวกเมื่อเห็นประตูลิฟต์กำลังจะปิด ทันทีที่แทรกตัวเข้ามาในตู้เหล็กแคบ ๆ เขาก็พบพนักงานออฟฟิศจำนวนมหาศาลยืนเบียดกันอยู่ด้านใน ความคิดที่จะซักไซ้ไล่เลียงเพื่อนเพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการจึงมลายสิ้น เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งเขาก็ชะเง้อคอมองหาเพื่อนที่คิดว่าน่าจะลงลิฟต์มาก่อนเพียงไม่นานแต่ก็ไม่พบเสียแล้ว
 

คืนนั้นธามยังคงทำในสิ่งที่เขามักจะทำทุกคืนก่อนนอน นั่นก็คือการหยิบโปสการ์ดที่ถูกส่งจากเชียงใหม่มานั่งอ่านซ้ำไปซ้ำมา เวลาผ่านไปหลายเดือนโปสการ์ดก็ยังถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยแล้วเดือนละ 2-3 ใบ มีบางช่วงที่ขาดหายไปนาน ๆ จนเขาคิดว่าคนที่ต้นทางคงจะเลิกส่งมาแล้ว แต่พอผ่านไปไม่กี่วัน เขาก็พบว่ามีโปสการ์ดนอนเงียบ ๆ อยู่ในตู้รับจดหาย ซึ่งทุก ๆ ใบก็เขียนลงท้ายเหมือนกันทุกครั้ง


                         อากาศที่นี่เริ่มหนาวแล้วละ ปีนี้คงหนาวกว่าปีก่อนแน่ ๆ
     
                            ถ้าแกวะมาอย่าลืมเตรียมเสื้อหนา ๆ มาด้วยล่ะ
 
                            น้ารินฝากชวนแกมากินขนมที่ร้านด้วยนะ
 
                            น้ารินทำขนมอร่อยแกต้องชอบแน่ ๆ     


                                                                      คิดถึงแก

                                                                          น่าน



ธามมองดูภาพร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ถูกนำมาทำเป็นโปสการ์ดอย่างพิจารณา เขาจำได้ว่าเคยเห็นร้านนี้มาก่อนในคอลัมน์แนะนำร้านน่านั่งของเมืองเชียงใหม่บนหน้านิตยสารแต่งบ้านที่แม่ซื้อมาอ่าน ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานในห้องนอนเดินลงมาที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะรื้อ ๆ ค้น ๆ กองนิตยสารมากมายของแม่จนในที่สุดเขาก็พบสิ่งที่ต้องการ ร่างสูงเดินไปนั่งลงที่โซฟาจากนั้นจึงพลิกกระดาษเคลือบมันไปทีละหน้าจนกระทั่งมาหยุดที่คอลัมน์หนึ่งซึ่งอยู่เกือบท้ายเล่ม 


“ร้านกาแฟในสวน... ถนนสีหราช... ชื่อร้าน...อิงดอย” 


...


ในที่สุดเดือนสุดท้ายของปีก็มาถึง ค็ออฟฟี่ช็อปด้านหลังบริษัทบัดนี้กลายเป็นที่พักพิงของเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่โหยหาวันหยุดพักผ่อนในฤดูแห่งการท่องเที่ยว ระหว่างรอเครื่องดื่มหลายคนต่างพูดคุยกันถึงกิจกรรมในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง บางคนที่มีงบประมาณมากหน่อยวางแผนท่องเที่ยวในต่างประเทศ ในขณะที่คนก็เลือกเก็บเกี่ยวความสุขจากสถานที่ท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยงบประมาณที่ต่ำกว่า หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้วธามก็หันหลังให้ความวุ่นวายออกมานั่งลงที่โต๊ะด้านนอก


ครู่หนึ่งพนักงานสาวก็ยกถ้วยกาแฟหอมกรุ่นมาเสิร์ฟ จู่ ๆ กลิ่นหอมอบอวลของกาแฟคั่วบด เสียงโมบายแขวนหน้าต่างและอากาศที่เริ่มเย็นลงก็ทำให้วิศวกรหนุ่มคิดถึงคำเชิญของใครบางคนขึ้นมา เจ้าของร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองโมบายแขวนหน้าต่างที่กำลังแกว่งไกวไปตามลม หลายสัปดาห์มาแล้วที่เขาไม่ได้รับโปสการ์ดจากเชียงใหม่ อดคิดไม่ได้ว่าป่านนี้คนที่เคยส่งมันมาให้จะเป็นอย่างไรบ้าง 


“คิดไรอยู่วะ กาแฟเย็นหมดแล้ว” คนที่เพิ่งมาถึงกล่าวก่อนจะนั่งลง


“คิดอะไรเพลิน ๆ ว่ะ” พูดพลางเลื่อนถ้วยกาแฟที่สั่งไว้เผื่อให้เพื่อน


เนติยกกาแฟขึ้นดื่มก่อนจะมองเข้าไปในร้านที่ยังคงเต็มไปด้วยบรรดาหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศที่ยังคงนั่งรอเครื่องดื่มอยู่ด้านใน
“เอ้อ ตะกี้ฉันเจอพี่กร พี่กรให้ฝากบอกแกด้วยว่าอาทิตย์หน้าจะให้ฉันกับแกขึ้นไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ที่บริษัทเราประมูลโครงการก่อสร้างสถานีวิจัยเกษตรที่สูงได้”


“ที่ไหนวะ” ธามถามอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตายังคงทอดมองควันสีขาวที่ลอยอยู่เหนือถ้วยกาแฟ


“เชียงใหม่ เตรียมตัวด้วยล่ะ คิดเสียว่าเปลี่ยนที่กินกาแฟ” ชายหนุ่มร่างยักษ์กล่าวยิ้ม ๆ ไม่รู้เลยว่าคำพูดติดตลกของตนเองกำลังทำให้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามต้องคิดหนัก


...
 


ปลายสัปดาห์ต่อมาสองวิศวกรหนุ่มก็พากันเดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ จุดหมายปลายทางของพวกเขาก็คือพื้นที่บนดอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ทั้งนี้ก็เพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลเบื้องต้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะดิน ทิศทางการไหลของน้ำ เพื่อนำมาวางแผนการก่อสร้างอาคารสถานีวิจัยเกษตรที่สูงต่อไป


หลังจากฝังตัวอยู่ในพื้นที่เกือบสองวันเต็ม ก็ได้เวลาเดินทางกลับของธามและเนติ สองหนุ่มขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงใหม่เพื่อหาที่พักสำหรับคืนสุดท้าย จัดการเก็บข้าวของไว้ที่โรงแรมก่อนจะถือโอกาสขับรถตะเวนเที่ยวภายในเมืองก่อนจะกลับกรุงเทพฯ ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น


“จะไปไหนวะ” เนติเอ่ยขึ้นเมื่อฟอร์จูนเนอร์สีดำเลี้ยวจากถนนรอบคูเมืองเข้าสู่ถนนสีหราชจนกระทั่งมาหยุดที่ท้ายจี๊ปแรงเลอร์สีส้มซึ่งจอดอยู่ริมกำแพงอิฐที่ปกคลุมด้วยต้นตีนตุ๊กแก


“พามากินกาแฟไง” พูดจบเจ้าของรถก็เอี้ยวตัวไปหยิบกล่องกระดาษลายสวยที่วางอยู่ด้านหลัง


“แล้วนี่เอาอะไรไปด้วยวะ”


“เออน่า ถามมากจริง เข้าไปข้างในก่อนเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”


เนติเปิดประตูลงจากรถด้วยความงุนงงก่อนจะเดินตามเพื่อนเข้าไปในบริเวณของร้านกาแฟบรรยากาศร่มรื่น รอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวครึ้ม มีโต๊ะให้เลือกนั่งทั้งด้านนอกและด้านในชายคา ขณะที่สองหนุ่มกำลังมองหาโต๊ะว่างอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นจากในบ้าน กว่าธามจะหันกลับไปมองให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นร่างของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งที่กำลังวิ่งสวนออกมาเสียแล้ว นั่นทำให้กล่องกระดาษที่ถืออยู่ในมือร่วงลงกับพื้น โชคดีที่ของที่ฝาไม่เปิดไม่เช่นนั้นของที่อยู่ข้างในคงกองกระจัดกระจายอยู่กับพื้นแน่


“อุ้ย! ขอโทษครับ” คนผิดเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มหยิบกล่องใบนั้นแล้วส่งคืนให้


“ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ” ธามรับมันมาถือเอาไว้ก่อนจะมองอีกฝ่ายให้ชัด เขาคือหนุ่มเหนือผิวขาวสวมแว่นสายตากรอบหนาเจ้าของผมสีเข้มที่ไม่ได้แต่งทรงยาวระต้นคอ ประมาณด้วยสายตาแล้วน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อ่อนแก่กว่าก็คงไม่กี่ปี


ชายหนุ่มแปลกหน้ากล่าวขอโทษขอโพยอีกครั้งก่อนจะสาวเท้าไปที่รถปลดเป้ใบโตแล้วโยนไว้ที่เบาะหลังจากนั้นจึงขึ้นนั่งประจำที่คนขับติดเครื่องแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว


“จะรีบไปไหนของเขาวะ” เนติบ่นก่อนจะหันหลังเดินนำเข้าไปด้านในแต่ก็ไม่วายต้องย้อนกลับมาสะกิดคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่


ทันทีที่สองคนก้าวเข้าไปภายใต้ชายคาของบ้านไม้สองชั้น พนักงานสาวสวยก็ออกมาต้อนรับขับสู้อย่างเป็นมิตร เธอเดินนำสองหนุ่มไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่ก่อนจะส่งเมนูให้


“เลือกตามสบายนะคะ อีกสักครู่จะกลับมารับรายการอาหารค่ะ” พูดจบเธอกับเดินหายเข้าไปที่หลังเคาน์เตอร์เพื่อปล่อยให้ลูกค้าได้มีเวลาเป็นส่วนตัว


เนติไล่ดูรายการอาหารและเครื่องดื่มก่อนสังเกตได้ว่าคนที่มาด้วยกันนั้นเงียบเชียบผิดปกติ ทันทีที่ละสายตาจากรายการอาหารก็เห็นธามกำลังชะเง้อคอมองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังค้นหาบางสิ่ง ด้วยความสงสัยหนุ่มร่างใหญ่จึงเอ่ยขึ้น “หาอะไรวะ หรือว่าแกนัดใครไว้”


“เปล่า ไม่ได้นัด” พูดจบธามก็ก้มหน้าก้มตาเลือกเครื่องดื่ม ครู่หนึ่งพนักงานคนเดิมก็เดินกับมารับรายการอาหาร ในขณะที่รอธามก็ยังคงแสดงท่าทางผิดปกติจนเห็นได้ชัด   


“ถามจริงเถอะ แกมีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่าวะที่มาที่นี่”


คนถูกถามนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ายอมรับ พร้อมกับดึงกล่องกระดาษที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาวางบนโต๊ะ “ฉันมาตามหาเจ้าของ”


เนติมุ่นคิ้วและเมื่อเขาเอื้อมมือดึงฝากล่องขึ้นก็พบว่าข้างในมีโปสการ์ดอยู่จำนวนหนึ่ง  “โปสการ์ดพวกนี้ของใครวะ”


“ไม่รู้เหมือนกัน มันถูกส่งมาตั้งแต่ฉันกับแม่ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้น” ธามกล่าว


“เพราะอย่างนี้ใช่ไหม แกถึงได้มาที่นี่” คนฝั่งตรงข้ามกล่าวพลางดึงโปสการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาจากกล่อง มันเป็นภาพของร้านนี้ไม่ผิดแน่ เขาจำต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้เกือบติดชายคาบ้านได้


“ฉันก็ว่ามันน่าจะใช่ เลยชวนแกมาที่นี่”


“มาแล้วจ้ะ” เสียงเจื้อยแจ้วทำให้สองหนุ่มต้องละสายจากกัน เธอไม่ใช่พนักงานคนเมื่อครู่หากแต่เป็นหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี ที่สำคัญเธอคนในภาพที่ตัดจากนิตสารแล้วเข้ากรอบอย่างดีซึ่งติดอยู่กับผนังด้านหนึ่งของร้าน เพียงเท่านั้นธามก็พอจะคาดเดาได้ว่าเธอคืออรินทร์ผู้เป็นเจ้าของร้านกาแฟบรรยากาศร่มรื่นแห่งนี้


“ขอบคุณครับ” เนติกล่าวเมื่อถ้วยกาแฟและขนมถูกวางลงตรงหน้า


“อ...เอ้อ...เดี๋ยวครับคุณน้า” ธามเอ่ยขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหลังกลับ


“รับอะไรเพิ่มเหรอคะ”


“ค...คือ...คุณน้า....เป็นคุณน้าของน่านใช่ไหมครับ”


“ใช่จ้ะ” คนถูกถามยิ้มกว้าง “พวกคุณเป็นเพื่อนของน่านเหรอ เอ...แล้วทำไมน่านไม่เห็นทักเลยหรือว่าจำไม่ได้”  อรินทร์ขมวดคิ้วสงสัย


“ไม่ทักเหรอครับ” ธามเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่คนอายุมากกว่าพูดจบลงไปเมื่อสักครู่


“ก็ที่เพิ่งเดินสวนออกไปเมื่อกี้ไงจ๊ะ”


“คนเมื่อกี้?” สิ้นเสียงของธาม ทั้งสามคนต่างก็มองหน้ากันไปมาเหมือนกำลังต้องการคำอธิบายจากใครคนใดคนหนึ่ง


...


“น่านน่ะเพิ่งจะขอย้ายขึ้นไปประจำที่สถานีวิจัยบนดอยจ้ะ” อรินทร์กล่าวหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากธามและจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขา


“ครับ เขาเล่าไว้ในโปสการ์ดหมดแล้ว”


“นี่ถ้ารู้ว่าส่งโปสการ์ดผิดไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”


“จริง ๆ ผมน่าจะบอกเขานานแล้วว่าเจ้าของบ้านคนเก่าย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะลูกสาวคนโตแต่งงานกับชาวต่างชาติแล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันกับสามีที่ต่างประเทศ ผมน่าจะพยายามติดต่อจากเบอร์ที่เขาทิ้งไว้ให้ให้มากกว่านี้”


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ อย่าไปคิดมากเลย น่านเองก็ไม่รู้จักหาข้อมูลให้ดีก่อน เพื่อนไม่เจอกันตั้งนานก็ใช่ว่าเขาจะอยู่ที่เดิมเสียเมื่อไร”


“แล้วนี่หลานชายคุณน้าเขาจะกลับลงมาอีกทีเมื่อไรครับ” เนติแทรกขึ้น


“อืม คงไปนานเลยละจ้ะ พักนี้บ่นว่างานข้างบนยุ่ง ๆ แถมยังต้องตามหัวหน้าออกไปเก็บข้อมูลตามต่างจังหวัดอยู่บ่อย ๆ”


ธามพยักหน้า นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงหลัง ๆ เขาจึงไม่ได้รับโปสการ์ดจากเชียงใหม่อีกเลย ในเมื่อไม่มีโอกาสได้เจอตัว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจฝากโปสการ์ดทั้งหมดไว้กับน้ารินทร์ก่อนจะขอตัวกลับ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่วันนี้ได้มีโอกาสสะสางข้อข้องใจให้หมดไปเสียที


ต่อไปนี้คงไม่มีโปสการ์ดที่ส่งจากเชียงใหม่อีกแล้ว...




....


ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2015 12:30:01 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
ไม่จบแค่นี้ใช่ไหมคะ ไม่น้า~~~~~
สงสารน่าน อกหักซำ้ซ้อนมาให้พี่ธามดามใจก่อน
ปล.อ่านแล้วอยากกลับไปชม.อีกสักร้อยรอบ

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไม่น๊าาาาาา
ส่งผิดหรอเนี่ย จิร้องไห้ ฮ่าๆๆๆ
รออีกตอนจ้า ลุ้นใจจะขาด><~

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ้าวววววว ผิดบ้าน ผิดคน ผิดคาด
งื้ออออออออออ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
T T ไม่นะ ถึงหนุ่มน่านไม่ส่งมา เราก็ส่งไปเองสิคะ

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โหยยย เรานึกว่าเขาจะมีเบื้องหลังกัน
ปรากฎว่าเป็นพรหมลิขิตนี่เอง

เฉียดกันนิดเดียวเองอ่ะ
ถ้าน่านรู้ น่านจะทำยังไงต่อไป...


ตื่นเต้นจังเลยค่ะ
ชอบเวลาคุณถ้าเทอเป็นท้องฟ้าเขียนเรื่องแนวท่องเที่ยว
เหมือนกับว่าเราได้ไปมองประเทศไทยในมุมใหม่
เพราะเราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเยอะด้วยหล่ะส่วนหนึ่ง

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ นะคะ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
กรี๊ดดดดดดด หักมุมมาก นึกว่าเค้ามีเบื้องหลังกันซะอีก
แต่ทำไมอ่านแล้วชอบแบบนี้จังเลยก็ไม่รู้ค่ะ แงงงงงง  :hao5:

อ่านนิยายของคุณถธปทฟ.แล้ว ตอนนี้เราเก็บกิ่วแม่ปานเข้าลิสต์
สถานที่ที่ต้องไป พอๆ กับสวนสนบ่อแก้วเลยค่ะ ชอบมากกกกกก
ทำไมถึงเขียนนิยายให้คนอ่านนึกอยากตามรอยได้ดีขนาดนี้ 5555555  :impress2:

เพราะอย่างนี้นี่เอง ความคิดถึงของน่านก็เลยไม่ได้รับการตอบกลับสักที
แต่ก็ไม่อยากให้มันหยุดอยู่แค่นี้นะ ธามอุตส่าห์ตามมาหาถึงที่
อยากให้เจอกันสักครั้งงงง >_< เอ๊ะ? ไม่สิ เจอกันแล้วแค่ไม่รู้จักกัน 5555

รออ่านตอนหน้านะคะ จะมีต่อใช่มั้ยคะ? ฮริ้งงงงงงงง

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
ปกติก็เข้าเล้าทุกวัน ยิ่งรู้ว่ามีเรื่องสั้นมาให้ติดตามยิ่งอยากอ่าน
แต่ 2-3 วันมานี้ งานราษฎร์งานหลวง รุมเร้าจนไม่ได้เข้ามาส่อง
มาอีกที เรื่องราวก็ผ่านไปหลายตอน
รู้เหตุผลที่ธามลังเลไม่ติดต่อกลับซะที
ทีแรกก็นึกว่าเป็นเพื่อนเก่าที่มีความหลังกัน
กลายเป็นว่าส่งผิดคน นี่เกือบจะได้เป็นจดหมายผิดซองแล้วเชียว ฮ่าๆๆๆ

เห็นจากในเพจว่าจะมีบทสรุปอีก
หวังว่าธามกับน่านจะได้เจอกันอีก
นี่ยังไม่รู้ ใครพระ ใครนายเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด