CHAPTER 31-1 ∞ วาเลนไทน์พิสูจน์รักแท้CHAPTER 31-2 ∞ วาเลนไทน์พิสูจน์รักแท้▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 31-1: วาเลนไทน์พิสูจน์รักแท้ เช้าวันหยุดอีกวันที่อากาศเย็นสบายๆ ในช่วงหน้าหนาว สายแล้วต้นหอบตะกร้าเสื้อผ้าลงมาซักในเครื่องซักผ้าด้านหลังบ้าน ใส่เสื้อผ้าสบายๆ สำหรับอยู่บ้านเช่นเคย วันนี้มีแค่ต้นกับปั้นจั่นเท่านั้นที่อยู่บ้าน ส่วนสนกับนิกไปธุระกับป้าของนิกข้างนอกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ก่อนที่สนจะกลับบ้าน ป้าของนิกอยากให้สนไปช่วยดูกลุ่มแม่บ้านที่ผลิตขนมให้ป้าของนิกเสียหน่อย เพราะยังผลิตไม่ได้รสชาติตามสูตรที่สนให้ไป
เรื่องการเรียนของต้นตอนนี้ก็ใกล้เรียบร้อยแล้ว รอแค่ใบทรานสคริปต์อย่างเดียวเท่านั้น มีบริษัทช่วยทำให้ก็ง่ายขึ้น ต้นเลือกไปเรียนที่อังกฤษที่เป็นต้นตำหรับสำเนียงบริทิชอิงลิชที่ต้นชอบ เนื่องจากปริญญาโทแต่ละใบใช้เวลาแค่ปีเดียว ต้นจึงเลือกเรียนสองปริญญา เมื่อรวมๆ เวลาที่ต้องไปอยู่ก่อนเพื่อปรับตัว ช่วงพักและเผื่อเวลาไว้จัดการเรื่องอื่นๆ ที่จำเป็น ก็เกือบสามปีพอดี
"ต้น นินามาแน่ะ"
ต้นกำลังจะเทน้ำยาปรับผ้านุ่มในช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มพอดี พอปั้นจั่นเดินมาบอกจึงหยุด
"มาทำไมเหรอ สนก็ไม่อยู่ซะหน่อย" ต้นทำหน้าแปลกใจ
"ไม่รู้ว่ะ แต่เขาบอกว่าจะมาหามึงแน่ะ" ปั้นจั่นบอก ท่าทางดูงัวเงียๆ เพราะเพิ่งตื่น
"เหรอ เออๆ เดี๋ยวกูไป แป๊บนึงนะ"
ปั้นจั่นเดินออกไปบอกนินาแล้วต้นก็หันมาจัดการกับน้ำยาปรับผ้านุ่มต่อ เรียบร้อยแล้วก็เช็ดไม้เช็ดมือให้แห้ง ก่อนที่จะเดินออกมาหานินาที่รออยู่หน้าบ้าน
นินานั่งรออยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นในสนามหน้าบ้าน รอยยิ้มหวาน บวกกับการแต่งกายและแต่งหน้าที่ไม่ดูจัดจ้านจนเกินไปทำให้เธอดูเป็นสาวน้อยน่ารัก แลดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอซ่อนเขี้ยวเล็บไว้
"หวัดดีค่ะพี่ต้น" นินายิ้มหวานอย่างเคย
ต้นยังไม่นั่งลงบนเก้าอี้ แต่รีบแจ้งให้คนที่มาถึงทราบเรื่องที่เธออาจจะยังไม่รู้
"สนไม่อยู่นะนินา เขาออกไปข้างนอกกับนิก กว่าจะกลับก็น่าจะดึกเลย"
นินายิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "นินาไม่ได้มาหาพี่สนหรอกค่ะ มาหาพี่ต้นนั่นแหละ"
ต้นชี้ที่ตัวเองพร้อมกับเลิกคิ้ว "พี่เหรอ"
"ค่ะ นั่งสิคะ จะได้คุยกันได้สะดวกหน่อย" ผู้มาถึงเป็นคนเชื้อเชิญเสียเอง
ต้นนั่งลงอย่างช้าๆ สายตามีคำถามตลอดเวลา
นินาอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันที่ต้นเป็นเกย์ ถ้าไม่บอกก็ไม่มีทางรู้เพราะต้นดูเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไปแทบทุกอย่าง สิ่งที่ต่างเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น นิสัยอ่อนโยน พอเล่นกีฬาที่ผู้ชายชอบเล่นกันได้บ้างแต่ก็ไม่ค่อยเล่น เล่นผาดโผนบ้างแต่ไม่มาก พูดจาสุภาพ เป็นต้น
"ตอนปีใหม่ ไปเที่ยวกับคู่หมั้นคนอื่นมาสนุกมากไหมคะ"
คำถามแรกก็ทำเอาต้นหน้าเหรอหรา ความจริงมันก็ผ่านมาเดือนเศษแล้วทำไมนินาถึงพูดถึงมันขึ้นมาอีก สีหน้าของเธอดูเหมือนไม่พอใจเสียด้วยสิ
"ก็ไม่มีอะไรนี่ นินามีอะไรหรือเปล่า" ต้นมองนินาด้วยสีหน้าหวาดระแวง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่พอใจหรือเปล่าที่เขากับสนหายไปด้วยกัน
"มีสิคะ" นินาเว้นจังหวะ รู้สึกหมั่นใส้ต้นนิดหน่อยที่ทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ "นินารู้มาว่า...พี่ต้น...เคยเป็นแฟนกับคนชื่อทินเหรอคะ"
ต้นขมวดคิ้ว ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วต้นก็พอจะรู้แล้วว่านินาไม่น่าจะมาดี
"นินาอยากรู้ไปทำไม" ความจริงต้นอยากจะพูดต่อว่าไม่ใช่เรื่องของนินาเสียหน่อยแต่ก็ยั้งปากไว้ก่อน
นินาทำท่าคล้ายๆ เบ้ปาก "ก็คนชื่อทินเขาเป็นเกย์ ถ้าพี่ต้นเป็นแฟนกับเกย์ก็แสดงว่า...พี่ต้นก็เป็นเกย์ใช่ไหมคะ"
แม้จะแปลกใจที่นินาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ต้นก็พยายามไม่แสดงอาการตกใจมากนัก "นินา...นินามีอะไรกับพี่หรือเปล่า บอกพี่มาตรงๆ เลยก็ได้ เดี๋ยวพี่จะต้องไปทำงานบ้านต่อแล้ว"
นินาหัวเราะขบขัน "เป็นแม่บ้านแม่เรือนด้วยเหรอคะ ไม่น่าเชื่อนะคะ ดูท่าทางก็ไม่เห็นเหมือนตุ๊ดตรงไหนเลย ทำไมถึงได้เป็นตุ๊ดไปซะได้"
ต้นชักสีหน้าไม่พอใจ เขาเกลียดคำนี้มากจนแทบจะอดทนฟังไม่ได้ "ถ้านินาจะมาพูดกับพี่เรื่องนี้ พี่ขอไม่คุยด้วยนะครับ"
ต้นทำท่าจะลุกเดินออกไป
"เดี๋ยวสิคะ นินามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่ต้นค่ะ" นินาเรียกดักไว้
ต้นค่อยๆ นั่งลงเหมือนเดิม ในใจยังคงรู้สึกโกรธกรุ่นกับคำดูถูกเหยียดหยามของสาวน้อยหน้าใสไม่หาย แต่ต้นก็ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ไว้
"พี่ต้นกำลังคิดจะทำอะไรกับพี่สนอยู่หรือเปล่าคะ อย่าให้นินารู้นะคะว่าพี่ต้นน่ะ แอบชอบพี่สนอยู่"
"พี่กับสนเป็นเพื่อนกัน ไม่เคยทำอะไรเกินเลย นินาสบายใจได้" ต้นตอบเสียงห้วน
นินาแค่นหัวเราะ "ให้มันจริงเถอะค่ะ อย่าให้นินารู้ละกัน จำไว้นะคะ นินากับพี่สนเป็นคู่หมั้นกัน จะแต่งงานกันอยู่แล้ว คนที่รู้ตัวว่าคิดไม่ซื่อก็ควรจะรู้ตัวด้วยนะคะว่าควรทำตัวยังไง"
"มันจะมากไปแล้วนะนินา" ต้นเริ่มเสียงดัง ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดเชิงเหยียดหยามนั้นต้นก็คงไม่แสดงอาการอย่างนี้หรอก
นินาชักสีหน้าและเสียงแข็งบ้าง
"ไม่มากหรอกค่ะ นินาจะบอกอะไรพี่ต้นให้นะคะ พี่สนน่ะ เขามีอะไรกับนินาบ่อยๆ เราสองคนมีความสุขกันมาก แล้วนินาก็รู้ดีค่ะว่าพี่สนไม่เคยสนใจพวกตุ๊ดแต๋วอะไรนั่นหรอก ของแบนๆ ราบๆ จะมาสู้ของนูนๆ เว้าๆ โค้งๆ ได้ยังไง พี่ต้นก็รู้ไม่ใช่เหรอคะ ไม่มีผู้ชายที่ไหนเขาสนใจของที่อยู่ข้างหลังมากกว่าของที่อยู่ข้างหน้าหรอกค่ะ เพียงแต่เขาจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นเอง และที่เขาไม่พูดก็เพราะเขาสมเพชคนวิปริตผิดเพศต่างหากล่ะ อย่ามโนนะคะว่าเขาชอบ ลับหลัง...อยากรู้ไหมคะว่าเขาด่าพวกนี้ว่ายังไง"
นินาหยุดเว้นจังหวะพร้อมกับมองหน้าต้นและเหยียดปาก "อ้อ...คิดว่าพี่ต้นคงรู้ พ่อของพี่สนเขาชอบนินามาก เขาอยากให้นินาแต่งงานกับพี่สน พอแต่งงานแล้วนินาก็จะมีลูกให้ครอบครัวพี่สนค่ะ พี่ต้นก็รู้ใช่ไหมคะว่าพ่อกับแม่พี่สนเขาอยากได้หลานมากขนาดไหน คนที่ไม่มีปัญญาทำเรื่องที่ชายจริงหญิงแท้เขาทำได้ก็ควรจะสำเหนียกตัวเองด้วยนะคะว่ายังมีประโยชน์กับโลกใบนี้อยู่หรือเปล่า" นินากระแทกเสียงในตอนท้าย
ต้นได้แต่นั่งตกตะลึงและตกใจ ท่าที่ที่รังเกียจเดียดฉันท์กันนั้นก็นับว่าแย่มากแล้ว แต่คำพูดที่เธอพูดมากลับโหดร้ายยิ่งกว่าอีก น้ำตาของต้นไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว จะว่าช็อกก็คงไม่ผิดนัก ความรู้สึกตอนนี้มันเกินคำว่าเสียใจจนต้นพูดไม่ออก
"อ้อ พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ นินานัดกับพี่สนไว้แล้วค่ะ คงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะคะว่าเราสองคนนัดไปทำอะไรกัน ใครที่รู้ตัวเองว่าเป็นคนอื่นก็อย่าสะเออะไปนัดกับพี่เขาล่ะ หน้าแหกมาแล้วจะหาว่าไม่เตือน จำไว้นะคะ เป็นตุ๊ดเป็นแต๋วก็ควรจะอยู่ในโลกของตัวเองไป อย่าทำให้โลกของชายจริงหญิงแท้เขาต้องวุ่นวายเลยนะคะพี่ต้น นินาของร้องล่ะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่"
นินาคาดโทษตอนท้าย มองต้นด้วยสายตาอาฆาต พอเห็นว่าต้นกำลังตกตะลึงด้วยความเสียใจก็สะบัดก้นเดินหนีไปด้วยความสะใจทันที เล่นกับใครไม่เล่น รู้จักนินาน้อยไปซะแล้ว เจอแบบนี้เข้าไปแล้วเป็นไงล่ะ ต่อไปจะได้สำเหนียกตัวเองบ้างว่าเป็นแค่ตุ๊ดแต๋ว ไม่มีผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนเขาอยากเอามาเป็นคู่ครองให้อับอายชาวบ้านเขาหรอก หวังว่าคงจะเข็ดไปอีกนานนะคราวนี้ ถ้ายังไม่เข็ดอีกล่ะก็ นินาจะด่าให้กลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว
ต้นเดินเข้าไปในบ้านราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ ปั้นจั่นกำลังจะยกตะกร้าเสื้อผ้าลงมาจากห้องของตัวเองพอดี ยังมีเครื่องซักผ้าอีกสองเครื่องที่ยังว่างอยู่ พอเห็นสีหน้าและอาการของต้นแล้วปั้นจั่นก็รีบเดินลงมาหาด้วยความสงสัย วางตะกร้าผ้าลงแล้วก็ถาม
"ต้น มึงเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ไอ้จั่น"
ต้นถลาเข้าไปกอดเพื่อนแล้วก็ร้องไห้อย่างหนักเหมือนกับอัดอั้นมานาน ตั้งแต่เกิดมาต้นไม่เคยถูกใครดูถูกเหยียดหยามเรื่องเพศสภาพได้รุนแรงเท่านี้มาก่อนเลย แม้ว่าจะเคยโดนล้อโดนแกล้งบ้าง แต่ก็ไม่มีใครด่าว่าต้นได้เจ็บปวดเท่านินาอีกแล้ว
"ต้นเป็นอะไรวะ ใครทำอะไรมึง เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นต้น บอกกูได้หรือเปล่า"
ปั้นจั่นถามอย่างตกใจและเป็นห่วง แต่ต้นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ใครไม่เจออย่างที่ต้นเจอเมื่อกี้ก็คงไม่รู้ ไม่นึกเลยว่าคู่หมั้นของสนจะร้ายกาจขนาดนี้ แล้วสนล่ะ สนเป็นอย่างที่นินาพูดหรือเปล่า สนมีอะไรกับนินาบ่อยๆ อย่างที่นินาบอกจริงหรือ แต่มันจะแปลกตรงไหนเพราะสองคนนั้นเป็นคู่หมั้นกัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว มีแต่ต้นเท่านั้นที่เป็นส่วนเกิน
เมื่อเห็นต้นไม่พูด ปั้นจั่นก็ได้แต่สงสัย เขาหยุดถามต้นเพราะรู้ว่าต้นคงไม่ตอบหรือไม่ก็คงเสียใจจนตอบไม่ได้ เมื่อกี้นินามาทำอะไรต้นหรือเปล่า ต้องเป็นเพราะนินาแน่ๆ ที่ทำให้ต้นเป็นแบบนี้
สนกับนิกกลับมาถึงบ้านเสียดึก เห็นมิสคอลจากปั้นจั่นนับสิบครั้งก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่ทั้งสนและนิกไม่ได้รับสายเพื่อนเลยทั้งคู่เพราะยุ่งมาก บ้านมืดหมดแล้วก็แสดงว่าปั้นจั่นกับต้นคงนอนไปแล้วล่ะ นิกกับสนแยกตัวเข้าห้องใครห้องมันเพราะต่างคนก็ต่างเหนื่อย พรุ่งนี้เช้าก็ต้องไปอีกแต่เช้าเพราะยังเหลืออีกหนึ่งกลุ่มแม่บ้านที่สนต้องไปช่วยดูให้ ดีที่ว่าบ่ายๆ ก็น่าจะเสร็จแล้ว ไม่ต้องใช้เวลาจนมืดค่ำเหมือนวันนี้เพราะมีหลายกลุ่ม
สนอาบน้ำอาบท่าแล้วก็นึกถึงต้น อยากไปหาก็กลัวรบกวนเวลานอน แต่สนก็คงต้องยอมรบกวนเวลานอนของต้นแล้วล่ะเพราะสนอยากเตือนให้รู้ว่าพรุ่งนี้นัดกันไว้ว่าจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วสนก็จะได้มอบดอกกุหลาบสีเหลืองให้กับต้นเหมือนอย่างเคย สนทำอย่างนี้มาสี่ปีแล้วตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมอหก
สนเดินมาเคาะประตูห้องต้น ไม่นานนักต้นก็เดินมาเปิดประตูพร้อมกับเปิดไฟ สนแปลกใจเล็กน้อยที่ต้นดูเหมือนยังไม่นอนเพราะสีหน้าดูไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นขึ้นมา
เข้ามาในห้องของต้นแล้วสนก็รีบเตือนนัดหมายทันที "ต้น พรุ่งนี้นายอย่าลืมนะ"
"อะไรเหรอ" ต้นถามราวกับว่าไม่เคยคุยกับสนเรื่องนี้ไว้เลย สีหน้าดูเรียบเฉยจนสนอดแปลกใจไม่ได้
"ก็...พรุ่งนี้ตอนเย็นเรามีนัดกันไง นายจำไม่ได้เหรอ นัดพิเศษของเรา นายอย่าลืมนะ"
"พรุ่งนี้เราไม่ว่างแล้วล่ะ" ต้นบอกแล้วหลบสายตา เดินมานั่งลงบนเตียงนอนด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ทำไมล่ะต้น ก็เรานัดกันแล้ว นายลืมเหรอ มันสำคัญหรือเปล่า ยกเลิกก่อนได้ไหม" สนแปลกใจมากทีเดียว ต้นไม่เคยลืมนัดนี้กับสนเลย เป็นไปได้ยังไงที่ครั้งนี้ต้นจะลืม
"เราไม่ว่างจริงๆ เรา...นัดกับพี่กริดไว้แล้ว" ต้นยังคงหลบตาสนอยู่
สนเดินมานั่งลงข้างๆ ต้น จับไหล่ของต้นไว้สองข้างเพื่อให้ต้นหันหน้ามาคุยด้วยดีๆ
"นายไปนัดกับพี่เขาทำไมล่ะต้น ก็เรานัดกับนายไว้แล้ว ทำไมนายถึงไปนัดคนอื่นอีกล่ะ" สนถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"แล้วทำไมนายไม่ไปกับคู่หมั้นของนายล่ะสน จะนัดกับเราทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย" ต้นเริ่มเสียงดัง ต้องคอยควบคุมอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่านมากกว่านี้
"ต้น นี่นายเป็นอะไรไป ทำไมพูดแบบนี้ล่ะต้น" สนจ้องตาต้นอย่างไม่วางตาจนต้นหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาไปเอง
"เราไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย เราก็แค่...อยากไปกับพี่กริดเท่านั้นแหละ ทำไมล่ะสน เราไปกับพี่กริดไม่ได้เหรอ เราไม่มีสิทธิ์เปิดใจให้คนอื่นบ้างเหรอ หรือนายคิดว่าเราต้องรักแต่นายคนเดียว ตอนนี้...เราคิดว่า...เราจะไม่รอนายแล้วล่ะ เรารอนายมานานเกินไปแล้วนะสน ไม่เห็นมีอะไรเลย สู้เปิดใจให้คนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ"
"ต้น..." สนเรียกเสียงดัง ปล่อยมือลงจากไหล่ สีหน้าบ่งบอกว่าผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
"นายเป็นอะไร บอกเรามานะต้น ทำไมอยู่ดีๆ นายก็เป็นแบบนี้ เราไม่เชื่อ เราไม่เชื่อว่านายจะไม่รอเราอีกแล้ว มีอะไรนายบอกเรามานะต้น บอกเรามาเดี๋ยวนี้เลย"
สนรู้จักต้นดี การผิดนัดแถมยังพูดจากลับกลอกอย่างนี้ไม่ใช่นิสัยของต้น ต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้นเป็นแบบนี้แน่นอน
"เราไม่มีอะไรจะบอกแล้ว ก็เราบอกนายแล้วไงว่าเราไม่อยากรอ นายไม่เข้าใจเหรอสน"
สนตกตะลึงกับน้ำเสียงและท่าทางไม่พอใจของต้นจนถึงกับพูดไม่ออก
"ได้เลยต้น ได้ ถ้านายต้องการอย่างนั้น พรุ่งนี้...เราจะไปกับนินา นายก็ไปกับพี่กริดละกัน"
สนลุกขึ้นแล้วก็รีบเดินออกไปจากห้องต้นทันทีก่อนที่จะห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้ อุตส่าห์เตรียมการไว้อย่างดี นัดกันไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ อยู่ดีๆ ต้นก็เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันเพราะอยากเปิดใจให้คนใหม่ ถ้าสนมีสติมากกว่านี้ก็ควรจะต้องหาคำตอบให้ได้เสียก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอต่างคนต่างสาดอารมณ์เข้าใส่กัน สติที่มีอยู่จึงไม่สามารถทำหน้าที่ได้เท่าที่ควร
ก็ดีเหมือนกัน สนเองก็อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงเผลอมีอะไรกับนินาไปแล้วถึงสองครั้งสองครา อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ว่าเขาไวต่อการกระตุ้นทางเพศขนาดที่ถูกสัมผัสนิดหน่อยแล้วก็ถึงกับกู่ไม่กลับ เป็นเพราะสนไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า พรุ่งนี้สนก็คงรู้คำตอบแล้ว
บรรยากาศในร้านอาหารตอนนี้เต็มไปด้วยคู่รักหนุ่มสาวมากมายที่ต่างก็ถือโอกาสพิเศษนี้มากินข้าวด้วยกัน บางคนก็มาเพื่อบอกรักกัน และมีไม่น้อยทีเดียวที่คงพากันไปต่อที่อื่นหลังจากนี้ แม้จะเป็นธรรมเนียมฝรั่งแต่คนไทยก็นำเอามาใช้เสียจนกลายเป็นของตัวเองไปแล้ว
อาหารเย็นใต้แสงเทียนของสนกับนินามื้อนี้ก็คงไม่ต่างจากหนุ่มสาวคู่อื่นๆ ดูเผินๆ ก็เหมือนชายหนุ่มหญิงสาวที่รักกันมาเดตด้วยกัน แล้วก็คงจะจบลงด้วยการหลับนอนด้วยกันอย่างหนุ่มสาวสมัยใหม่ทั่วไป ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกหรือเสียหายไปแล้วในสมัยนี้
นินาแต่งตัวและแต่งหน้าสวย เธอดูอ่อนหวานและน่าทะนุถนอมตามประสาสาววัยแรกแย้ม ถ้าไม่ติดว่าสนรักใครไปเสียก่อนแล้วก็คงจะภูมิใจไม่น้อยที่มีแฟนสาวที่สวยและน่ารักอย่างเธอ วันนี้เธอแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ สีหน้าแววตาดูเอียงอายตลอดเวลาที่นั่งอยู่กับสนในร้านอาหาร
"ดีใจจังเลยค่ะพี่สน นี่ถือว่า...เป็นวาเลนไทน์แรกของเราเลยนะคะที่นินากับพี่สนมากินข้าวด้วยกัน นินามีความสุขมากเลยค่ะ"
สนพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็ตักอาหารกิน ในใจกลับแอบคิดว่าตัวเองคิดดีแล้วหรือเปล่าถึงได้มากับเธอในวันนี้
"นินาอยากกินอันนั้นค่ะ" นินาใช้ส้อมชี้ไปที่อาหารที่อยู่ในจานใบหนึ่ง สนรู้ว่านินาอยากให้ตักให้ก็เลยตักให้อย่างที่เธอต้องการ
"นินา...นินารักพี่จริงๆ เหรอ" อยู่ๆ สนก็ถามขึ้นมา คนถูกถามทำหน้าเหรอหราเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มกลบเกลื่อน
"ทำไมพี่สนถามอย่างนั้นล่ะคะ ถ้านินาไม่รักพี่ นินาจะยอมเป็นของพี่เหรอคะ ถ้าไม่รักพี่สน นินาจะหมั้นกับพี่ทำไมล่ะคะ"
"ทำไมถึงรักล่ะ" แม้จะพยายามปรับน้ำเสียงแต่น้ำเสียงของสนก็ยังฟังดูเย็นชาจนพอรู้สึกได้
"ก็...นินาเคยบอกแล้วนี่คะ ก็เราเคยไปขายของด้วยกัน สนิทสนมกัน นินาก็เลยรักพี่ ก็...ไม่รู้ว่ารักไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว"
สนพยักหน้าเข้าใจ
"แล้วพี่สนล่ะคะ พี่สนรักนินาหรือเปล่า พี่สนไม่เคยบอกรักนินาเลยนะคะ"
ท่าทางที่น่าสงสารนั้นทำให้สนอดจะเห็นใจเธอบ้างไม่ได้ ความจริงนินาก็ไม่เห็นน่าจะต้องถามเลย สนบอกเธอไปไม่รู้กี่รอบแล้วว่าไม่ได้รัก
"มันยากเหรอคะที่พี่สน...จะรักนินา"
นินาทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว วันวาเลนไทน์อย่างนี้ไม่มีคู่รักที่ไหนร้องไห้และถามคำถามอย่างนี้กันหรอก
สนทำท่าครุ่นคิด นึกถึงตอนที่เขาทะเลาะกับต้นเมื่อคืนแล้วก็อดเสียใจไม่ได้ วันนี้สนนัดกับต้นไว้แท้ๆ กลับกลายเป็นว่าสนต้องมากับนินาแล้วต้นไปกับสรกฤษณ์ ป่านนี้ ต้นกับสรกฤษณ์จะทำอะไรถึงไหนกันบ้างก็ไม่รู้ ในเมื่อต้นอยากให้สนรักกับนินาขนาดนั้น ต้นก็อย่ามาเสียใจทีหลังละกัน
"พี่...ขอเวลาอีกสักหน่อยละกันนะนินา แต่อย่างน้อยนินาก็สบายใจได้ ถ้าพี่พาใครมากินข้าวในวันวาเลนไทน์แล้ว คนๆ นั้นก็ต้องมีความหมายบางอย่างกับพี่"
ได้ยินอย่างนั้นแล้วนินาก็ยิ้มอย่างพอใจ
"ขอบคุณค่ะพี่สน นินาจะรอพี่สนนะคะ นินารอมานานแล้ว จะรออีกหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ"
สนยิ้มบางๆ ให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น ถ้าต้นไม่รักสนแล้ว อยากลืมสนมากขนาดนั้น อยากเปิดใจให้คนอื่นมากขนาดนั้น สนก็คงต้องไปตามทางที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะไปล่ะนะ เสียดายวันเวลาดีๆ ที่เคยสร้างด้วยกันมาแท้ๆ ตอนไปบางแสนด้วยกันก็ยังดีๆ อยู่เลย มาถึงวันนี้ต้นกลับเปลี่ยนไปเสียแล้ว
และแล้วสนกับนินาก็เข้ามาอยู่ในห้องๆ หนึ่งของโรงแรมม่านรูดกลางเมืองเชียงใหม่ ก็คงจะเหมือนกับหนุ่มสาวคู่อื่นๆ ที่ต่างก็พากันมาปิดท้ายคืนวันวาเลนไทน์กันในสถานที่อย่างนี้
สนกับนินานั่งคู่กันอยู่บนเตียงนอน บรรยากาศในห้องดูสลัวๆ ราวกับต้องการจะกระตุ้นอารมณ์เปลี่ยวของคู่รักให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าสนจะอารมณ์เปลี่ยวเหมือนกับนินาหรือเปล่า แต่เขาก็ตัดสินใจมาแล้ว อีกไม่นานหลังจากนี้ อะไรๆ ที่หนุ่มสาวควรจะทำกันในวันนี้ก็คงเกิดขึ้น
"นินาพร้อมแล้วค่ะพี่สน" นินาพูดแล้วก็สวมกอดสนไว้จากทางด้านหลังอย่างรักใคร่ มือของเธอเริ่มอยู่ไม่สุข คอยลูบไล้ไปตามแขนและหน้าอกของสนเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ลุกกระพือขึ้น
สนหันหน้าไปเผชิญกับนินาตรงๆ นินายิ้มยั่วและส่งสายตาเชื้อเชิญ เธอทิ้งตัวลงไปนอนแล้วก็ดึงกึ่งกระชากตัวสนให้ตามลงมาทาบทับ ใบหน้าของสนกับนินาอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ เสียงหอบหายใจอย่างตื่นเต้นของนินาบ่งบอกว่าเธอพร้อมแล้วจริงๆ
นินาใช้มือโอบรอบคอของสนแล้วค่อยๆ กดใบหน้าของสนลงต่ำเพื่อสัมผัสกับรสจูบนั้น ความรู้สึกหลายอย่างของสนตีกันจนมั่วไปหมด แต่สนก็รู้สึกว่าแปลกมากที่เขาไม่ได้กระโจนใส่นินาเหมือนคราวที่ผ่านๆ มาอีก ทำไมสนถึงครุ่นคิดและระวังตัวกับเธอได้ล่ะ ไม่เห็นว่าตัวเองจะไวต่อการสัมผัสเหมือนสองครั้งนั้นเลย
ก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดไปไกลกว่านั้น สนบังเอิญเหลือบไปเห็นแจกันดอกไม้ที่ประดับไว้อยู่ข้างๆ เตียงนอนพอดี มีดอกกุหลาบสีเหลืองดอกหนึ่งปักอยู่ สนให้ดอกกุหลาบสีเหลืองกับต้นมาแล้วสี่ดอก ถ้าปีนี้ต้นมากับสนก็คงจะเป็นดอกที่ห้าพอดี ดอกกุหลาบสีเหลืองดอกที่ห้ากับปาฏิหาริย์ห้าครั้งของปั้นจั่นช่างตรงกันโดยบังเอิญแท้ๆ ไม่ได้การแล้ว ยังไงๆ สนก็ต้องเอาดอกกุหลาบสีเหลืองดอกที่ห้าไปให้ต้นให้ได้ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ให้อีกเลยเป็นเวลาสามปี
สนผลักนินาออก ลุกขึ้นมาคว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้องนี้อย่างรวดเร็ว เขาทรยศกับต้นไม่ได้ ต่อให้สนมีความต้องการมากขนาดไหน ความรักของสนก็มีค่ามากกว่า สนปล่อยให้นนานั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่ในห้องนั้นด้วยความไม่พอใจ จากนั้นเธอก็ร้องไห้ด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเอง แต่คนอย่างเธอไม่มีวันจะยอมแพ้ง่ายๆ หรอก คอยดูละกัน
สนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาต้น โทรติดแล้วแต่ก็ไม่มีคนรับ สนพยายามโทรใหม่อยู่หลายรอบ ภาวนาขอให้ต้นรับโทรศัพท์ของสนเสียที
ส่วนต้น สรกฤษณ์ก็พาต้นมาส่งท้ายคืนวันวาเลนไทน์ด้วยกันที่โรงแรมม่านรูดเช่นเดียวกัน สรกฤษณ์กำลังอาบน้ำอยู่ ตอนแรกจะขอให้ต้นไปอาบด้วยแต่ต้นไม่ยอมไป สรกฤษณ์จึงให้ต้นนั่งรอบนเตียงไปก่อน โทรศัพท์ของต้นดังขึ้นหลายรอบแล้วแต่ต้นก็ยังไม่รับ ความคิดในหัวสมองตีกันว่าจะอยู่ต่อหรือจะหนีไปดี จนกระทั่งสรกฤษณ์นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ต้นก็ตระหนักว่าถ้าต้นอยู่ต่อต้นคงไม่รอดแน่ๆ ความรู้สึกผิดที่จะต้องทรยศต่อหัวใจตัวเองก่อตัวรุนแรงขึ้น จนในที่สุดต้นก็ลุกขึ้นยืน คว้ากระเป่าแล้วก็วิ่งออกไปเช่นเดียวกันโดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกของสรกฤษณ์
"ต้น นายอยู่ไหน มาหาเราได้ไหม มาเดี๋ยวนี้เลย" สนล่ะล่ำละลักพูดเมื่อต้นรับโทรศัพท์แล้ว
"เราอยู่แถวๆ นิมมานน่ะสน นายอยู่ไหน" ต้นกรอกเสียงลงไปในขณะที่เดินแกมวิ่ง พร้อมกับคอยสอดส่ายสายตามองหาคนที่ต้นอยากเจอ
"เราก็อยู่แถวๆ นี้เหมือนกัน" แล้วสนก็บอกตำแหน่งที่แน่นอนไป รู้สึกโล่งใจและดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ที่สนไม่ได้ทรยศหัวใจตัวเอง ต้นก็คงไม่คิดจะทรยศต่อหัวใจของต้นเช่นเดียวกัน
สนพยายามเดินหาร้านดอกไม้ที่น่าจะยังเปิดอยู่ แต่หลายๆ ร้านก็ปิดไปแล้ว เดินไปเดินมาก็เจอร้านดอกไม้ร้านหนึ่งที่ไฟยังเปิดอยู่ สนรีบวิ่งเข้าไปที่ร้านนั้นทันที เจ้าของร้านกำลังจะปิดประตูร้านอยู่แล้วเชียวถ้าบังเอิญไม่เห็นสนวิ่งมาเสียก่อน
"มีดอกกุหลาบสีเหลืองไหมครับ" สนถามพลางสอดส่ายสายตามองหาสิ่งที่ต้องการ
"เอ...เดี๋ยวพี่ขอดูก่อนนะคะ เมื่อเช้ามีอยู่แต่ไม่เยอะเท่าไหร่"
สนยืนรออย่างใจจดใจจ่อ พอพี่เจ้าของร้านเดินออกมาหาก็รีบถาม
"มีไหมครับ"
"มี แต่ว่าเหลืออยู่ดอกเดียวนะ ไม่มีเป็นช่อ"
"ผมเอาดอกนี้เลยครับ" สนบอกอย่างดีใจ ดึงธนบัตรในกระเป๋าสตางค์ส่งให้คนขายมือไม้สั่นจนพี่เจ้าของร้านอดขำไม่ได้
"ขอบคุณนะครับพี่" สนบอกแล้วก็วิ่งผลุนตรงไปยังที่นัดหมายกับต้นไว้ว่าจะไปเจอกัน
ใช้เวลาไม่นานนักสนก็มาถึงที่ที่นัดหมายกับต้นไว้ อากาศเริ่มหนาวมากขึ้นจนรู้สึกได้ แต่อีกไม่นานมันก็จะอุ่นด้วยความรัก สนยืนถือดอกกุหลาบสีเหลืองพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาต้นอย่างร้อนรน แต่ก็ยังไม่เห็นแม้เงา หรือว่าต้นจะหลงทาง
คิดได้ดังนั้นสนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังจะกดโทรออกก็รู้สึกได้ว่ามีอ้อมแขนของใครมาบางคนมากอดสนไว้จากทางด้านหลัง สนฉีกยิ้มดีใจแล้วก็รีบหันไปหาคนที่กอดเขาไว้ทันที
"ต้น"
"สน"
สองหนุ่มยิ้มให้กันด้วยความดีใจ ดีใจจนบอกไม่ถูกเลยทีเดียวล่ะ
"ดอกกุหลายสีเหลืองของนาย"
สนบอกพลางยื่นดอกกุหลาบให้คนตรงหน้า น้ำตารื้นขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอีกคนรับไปพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ ถ้าไม่ใช่เพราะสนตามจีบจอยวันนั้น สนก็อาจจะไม่รู้เลยว่าใครบางคนรอคอยดอกกุหลาบในวันพิเศษวันนี้จากสนมานานแค่ไหน เมื่อสนได้รู้แล้ว สนก็ไม่เคยผิดซ้ำอีกเลย แม้ว่าวันนี้จะเกือบไปแล้วก็ตาม
สนดึงต้นมากอดไว้เบาๆ ไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองหรือคิดยังไง
"ดอกกุหลาบสีเหลืองดอกที่ห้าแล้วนะต้น นายจำได้ใช่ไหม"
สนปล่อยอ้อมแขนออก ต้นพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าจำได้ "เราไม่เคยลืมอยู่แล้ว นึกว่า...ปีนี้จะไม่ได้แล้วซะอีก"
สนเอื้อมมือไปลูบผมต้นเบาๆ "ก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน เราเชื่อแล้วล่ะว่าปาฏิหาริย์ครั้งที่ห้าของเราสองคนจะมีจริงอย่างแน่นอน"
ต้นหัวเราะเบาๆ แล้วก็พยักหน้า
"หนาวไหม" สนถาม ยังไม่ทันที่ต้นจะได้ตอบสนก็ถอดเสื้อกันหนาวแล้วก็เอามาคลุมไหล่ให้ต้น สงสัยต้นคงรีบจึงลืมหยิบเสื้อกันหนาวติดมาด้วย
"แล้วนายไม่หนาวเหรอ"
"ไม่หนาวหรอก หนาวกาย...แต่หัวใจไม่หนาวก็โอเคแล้ว" สนยิ้มกรุ้มกริ่ม ต้นเริ่มเห็นสนทำท่าอย่างนี้กับต้นบ่อยขึ้นจนแทบเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
สนเอื้อมมือมาจับมือต้นไว้ จากนั้นก็เดินจูงมือกันไปตลอดทาง จากตรงนี้ไปถึงที่พักก็หลายกิโลอยู่ แต่ด้วยอากาศที่เย็นสบายก็ช่วยให้ไม่รู้สึกเหนื่อย แถมยังมีคนรู้ใจเดินเป็นเพื่อนพูดคุยกันไปอย่างนี้ ให้เดินเป็นสิบกิโลก็ยังไหว
ดูเหมือนว่าตอนนี้ต้นกับสนแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนวานเคยทะเลาะกันหนักขนาดไหน เพราะสนก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าต้นคงทำไปเพราะความกดดันมากกว่าที่จะเป็นความรู้สึกที่แท้จริง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สนจะมาถามเรื่องนั้นให้ขุ่นเคืองใจกัน แถมยังจะเสียบรรยากาศของวันวาเลนไทน์ที่นานทีปีหนจะมีสักครั้งอีกด้วย
สนยังไม่บอกรักต้นในวันนี้หรอก สนรู้แล้วล่ะว่าเขาจะบอกรักต้นที่ไหนดี รออีกหน่อยแล้วกันนะต้น อีกไม่นานนี้แล้ว วันที่เราจะบอกรักนายจะเป็นวันที่พิเศษยิ่งกว่าวันไหนๆ และมันก็จะเป็นสถานที่ที่พิเศษที่สุดที่นายอยากไปด้วย
สนตัดสินใจแล้ว สองทางเลือกที่สนคิดไว้วันนี้สนก็ได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่าสนจะเลือกทางไหน แม้ว่ามันจะยากพอกัน แต่อย่างน้อยทางเลือกนี้ของสนก็ดีตรงที่สนไม่ต้องโกหกหัวใจตัวเองอีกต่อไป ที่สำคัญ สนก็จะได้ไม่ต้องทำร้ายให้เป็นบาปกรรมด้วย
TBC