▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 36: ครอบครัวที่แตกสลาย เมษายน 2560"อ้าวสน เสร็จงานแล้วเหรอลูก"
"ครับพ่อแอ๊ด พ่อแอ๊ดยังไม่นอนอีกเหรอครับ แล้วแม่เยาล่ะครับ"
"ยังหรอกลูก แม่เยาขึ้นห้องไปแล้วล่ะ แล้วนี่สนกินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะลูก"
"กินมาแล้วครับพ่อแอ๊ด"
"แล้วลูกชายเป็นไงบ้าง พ่อไม่ได้แวะไปดูซะหลายวันเลย"
"แข็งแรงดีครับ พูดเก่งมาก ติดปู่กับย่าซะยิ่งกว่าติดพ่ออีก ตอนนี้หลับปุ๋ยไปแล้ว" สนเล่าด้วยสีหน้ายิ้มมีความสุข แม้ว่าลูกชายของสนจะไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อกับแม่ แต่สนก็รักลูกชายของเขามากทีเดียว
"สนจะขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเลยหรือเปล่าลูก หรือว่า...สนพอจะมีเวลาคุยกับพ่อสักครึ่งชั่วโมงหน่อยได้ไหมลูก" พ่อของต้นถามอย่างเกรงใจ
"อ๋อ...เดี๋ยวค่อยอาบทีหลังก็ได้ครับ"
พ่อของต้นเดินนำเข้ามาในบ้านแล้วก็นั่งลงตรงโซฟาที่ใช้ทั้งรับแขกและนั่งเล่นในครอบครัว สนเดินตามมาแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม
"สน...ได้คุยกับต้นบ้างไหมลูก"
สนชะงักไปเล็กน้อย ผ่านมาสองปีกับอีกหนึ่งเดือนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อของต้นถามสนเรื่องนี้ สงสัยคงจะเก็บความคิดถึงลูกชายคนเดียวไว้ไม่ไหวแล้วเสียกระมัง ต้นไม่ยอมคุยกับพ่อ นานๆ ทีต้นจะโทรมาหาแม่บ้าง ทุกครั้งที่โทรมาต้นจะกำชับแม่เสมอว่าห้ามเล่าเรื่องของสนให้ต้นฟัง แม่ของต้นก็ได้แต่ทอดถอนใจ สงสารทั้งลูกชายและสนไปพร้อมๆ กัน
"ไม่ได้ติดต่อกันเลยครับพ่อแอ๊ด ผมกับต้น...ไม่ได้คุยกันตั้งแต่ต้นไปเรียนที่เมืองนอกแล้วล่ะครับ"
พ่อของต้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "ทำไมล่ะลูก สนมีปัญหาอะไรกับต้นหรือเปล่า"
สนทำสีหน้ายุ่งยากใจ สองปีที่ผ่านมานั้นสนพยายามทำแต่งาน โดยเฉพาะตอนที่เปิดร้าน "ต้นสน" ใหม่ๆ สนแทบจะไม่ได้หลับได้นอนเลย พยายามทำงานหนักเพื่อจะได้ไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน โดยเฉพาะเรื่องต้น กลับถึงบ้านก็หัวถึงหมอน หลับเป็นตาย ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว
สนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น "ไว้ให้ผมพร้อม ผมจะเล่าให้พ่อแอ๊ดฟังทีหลังได้ไหมครับ"
พ่อของต้นถอนหายใจ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ยังไม่อยากคาดคั้นสน "เอาอย่างงั้นก็ได้ลูก พ่อก็ไม่มีอะไรหรอก"
"พ่อแอ๊ดคิดถึงต้นเหรอครับ" สนถามไปตามตรง
พ่อของต้นพยักหน้า ไม่นานนักน้ำตาของคนเป็นพ่อก็ไหลลงมา "พ่อผิดเองล่ะลูก ต้นถึงมันไม่ยอมคุยกับพ่อเลย"
เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของพ่อของต้น สนก็พอเดาออกแล้วว่าอีกไม่นานนี้พ่อของต้นก็คงยอมรับในสิ่งที่ต้นเป็นได้ ระหว่างให้ลูกเป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากให้เป็นกับให้ลูกอยู่อย่างมีความสุข คราวนี้พ่อของต้นคงจะเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่าควรจะเลือกอะไร ก็เหลือแต่พ่อของสนเท่านั้น
"อีกไม่ถึงปีต้นก็กลับจะกลับมาแล้วล่ะครับพ่อแอ๊ด ต้นเป็นคนดี เขาคงตั้งใจเรียนหนังสือ เอาปริญญาจากเมืองนอกมาฝากพ่อกับแม่ ต้นคงไม่ทำตัวเหลวไหลหรอกครับ" สนพยายามปลอบใจ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นพ่อก็ยังอดห่วงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวไม่ได้อยู่ดี
พ่อของต้นถอนหายใจอีกครั้งแล้วก็พยักหน้า พยายามข่มอารมณ์ให้เป็นปกติมากที่สุด
"แล้วสนล่ะลูก นี่ก็สองปีแล้ว สนจะเอายังไงกับชีวิตล่ะลูก"
คราวนี้สนเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง หลังจากแต่งงานแล้ว คืนแรกของวันแต่งงานสนก็มานอนที่บ้านต้นในห้องของต้น สนไม่เคยนอนห้องเดียวกับนินามาตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งนินาคลอดลูกได้สักพัก สนก็บอกให้นินากลับไปเรียนต่อให้จบหลังจากที่ดร็อปไว้เป็นปี ค่อยๆ ตัดสายสัมพันธ์ของแม่กับลูกไปให้ได้มากที่สุด ลูกชายของสนจึงติดปู่กับย่ามากกว่าติดแม่
แต่ดูเหมือนว่าที่สนทำมาทั้งหมดจะยังไม่มากพอที่จะทำให้นินาถอดใจ เธอยังคงทนอยู่แม้ว่าสนจะไม่ยกย่องในฐานะที่เป็นภรรยา ไม่เคยแนะนำใครว่านินาเป็นภรรยาของเขายกเว้นว่าจำเป็น ตอนที่นินาไปเรียนสนถึงจะกลับไปนอนที่บ้านของตัวเอง ตอนนี้นินาเรียนจบแล้วสนก็มานอนที่บ้านต้นเหมือนเดิม ตั้งใจทำตัวห่างเหินกับพ่อแม่ของตัวเองจนทุกวันนี้ครอบครัวของสนก็แทบจะไม่เป็นครอบครัวเสียแล้ว เวลาอยู่ที่บ้านสนจะยิ้มและหัวเราะบ้างเวลาเล่นกับลูก แต่กับนินาและพ่อกับแม่สนจะทำสีหน้าเฉยเมย เรียบเฉย เล่นกับลูกจนพอใจแล้วสนก็จะมานอนที่บ้านต้น ชีวิตของสนเป็นอย่างนี้มาสองปีแล้ว ชีวิตมีแต่ความทุกข์ พ่อกับแม่ก็ทุกข์ นินาก็ทุกข์ อีกไม่นานก็คงจะลามไปถึงลูกชายของสนด้วย
"อีกไม่นานหรอกครับพ่อแอ๊ด ผมก็ไม่อยากให้ปัญหามันยืดยาวต่อไปจนลูกผมโต ถ้าเขารู้เรื่องแล้วรู้ว่าครอบครัวเป็นแบบนี้เขาคงไม่มีความสุข ผมไม่อยากให้ลูกผมเป็นเด็กมีปัญหาครับ"
พ่อของต้นพยักหน้าเข้าใจ ทุกคนที่บ้านของต้นรู้ว่าสนไม่รักนินาและพยายามกดดันให้นินาถอดใจ แต่จนแล้วจนรอดนินาก็ยังทนอยู่ได้
"แล้วถ้าสนเลิกกับนินา สนจะทำยังไงล่ะลูก แต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่หรือว่า...อยู่เป็นโสดไปก่อน" พ่อแอ๊ดถามไปทั้งๆ ที่ใจหนึ่งก็ไม่ค่อยเห็นด้วย การพรากลูกพรากแม่เป็นบาปกรรมหนัก แต่เห็นสนไม่มีความสุขแล้วก็เลยต้องยอมเข้าใจ
"ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วครับพ่อแอ๊ด ผมรอเขาอยู่ แต่ผมก็ไม่รู้ว่า...คนๆ นั้นเขาจะรอผมด้วยหรือเปล่า"
"ใครล่ะลูก" พ่อแอ๊ดถามอย่างสงสัย ความจริงก็เริ่มตะหงิดๆ ใจสงสัยบางสิ่งบางอย่างมานานพอสมควรแล้วล่ะ รอแค่ให้สนยอมพูดความจริงออกมาเท่านั้นเอง คนเป็นพ่อ อยู่กับลูกของตัวเองมาตลอดชีวิต ถ้าจะดูไม่ออกว่าลูกชายของตัวเองรักใครก็คงจะเกินไปหน่อย
สนกลืนน้ำลายอีกครั้ง มองหน้าพ่อของต้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด "พ่อแอ๊ดครับ ผมรักต้นครับ รักมาตั้งแต่สมัยที่ผมยังเรียนชั้นมัธยมด้วยกันกับต้นที่นี่ จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังรักยังรอเขาอยู่"
สนรู้สึกแปลกใจมากทีเดียวที่ไม่ได้เห็นสีหน้าแปลกใจหรือตกใจอย่างที่สนคาดคิดไว้ พ่อของต้นดูสงบนิ่งมากทีเดียว
"พ่อรู้มาตั้งนานแล้วล่ะสน"
ตอนนี้กลับกลายเป็นสนเสียเองที่ต้องแปลกใจ "จริงเหรอครับพ่อแอ๊ด"
พ่อของต้นพยักหน้าแล้วก็ถอนหายใจ "มันเป็นความผิดของพ่อเอง ถ้าตอนนั้นพ่อเข้าใจต้น ต้นกับสนก็คงไม่ต้องจากกันไปแบบนี้ พ่อขอโทษนะลูก พ่อทำให้ลูกของพ่อทั้งสองคนไม่มีความสุข ต้องทนทุกข์ทรมานกับการจากกันตั้งหลายปี พ่อก็ไม่รู้ว่าต้นมันเป็นยังไงบ้าง พ่อก็กลัวว่าต้นมันจะทรมานไม่ต่างจากที่สนเป็นอยู่ตอนนี้"
สนลุกขึ้นแล้วเดินไปกอดกับพ่อของต้น "พ่อแอ๊ดครับ ขอบคุณมากที่พ่อแอ๊ดเข้าใจผมกับต้นนะครับพ่อแอ๊ด ผมอยากให้พ่อของผมเข้าใจผมอย่างนี้บ้าง แต่พ่อก็ไม่เคยเข้าใจผมเลย"
พ่อของต้นร้องไห้แต่สนไม่มีแม้แต่หยดน้ำตาทั้งๆ ที่อยากจะร้องไห้ กลายเป็นคนเย็นชา เฉยเมย จนเหมือนคนไม่มีความรู้สึกใดๆ ไปแล้วตอนนี้
"อีกไม่นานหรอกลูก ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทนเห็นลูกตัวเองมีความทุกข์อย่างนี้ได้นานหรอกลูก สักวันพ่อแต้วเขาก็จะเข้าใจ" พ่อของต้นตบไหล่สนเบาๆ เป็นการปลอบใจแล้วก็ปล่อยให้สนเป็นอิสระ
"ทำไมสนไม่บอกแม่พลอยล่ะลูก แม่พลอยเขายังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม"
สนส่ายหน้า มันอาจจะดูเหมือนการประชดประชัน แต่สนก็จำเป็นต้องทำ สนไม่บอกแม่เพราะรู้ว่าแม่จะไปคุยกับพ่อ สนไม่อยากให้พ่อเข้าใจจากคำพูด ตอนนี้สนอยากให้พ่อเข้าใจจากความจริง ไม่อย่างนั้นแล้วก็ยากที่พ่อของสนจะเข้าใจได้ ก็อย่างที่พ่อของต้นพูดไว้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนทนเห็นลูกของตัวเองทนทุกข์ทรมานได้นานหรอก สนก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
"ยังหรอกครับพ่อแอ๊ด ผมมีเหตุผลบางอย่าง แต่ยังไงๆ ก่อนที่ต้นจะกลับมา ผมจะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย"
"แล้วถ้าต้นเขาไม่รอสนล่ะลูก"
สนนิ่งอึ้งไป เขารู้ความจริงข้อนี้ดี แต่จะทำอย่างไรได้ สนก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าถ้าสนเลือกแผนที่สอง สนก็ต้องยอมเสี่ยงกับเรื่องนี้ แม้ว่าสนจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้หมด ต้นก็อาจจะไม่รอสนแล้วก็ได้ ป่านนี้ ไม่รู้ว่าต้นมีแฟนใหม่ไปแล้วหรือยัง สนแทบไม่เคยรู้ข่าวคราวของต้น ได้ยินจากแม่เยาแค่เรื่องที่ต้นเรียนหนักเท่านั้นเอง ไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีกเลย
เห็นสนเงียบไปอย่างนั้นพ่อของต้นก็เลยไม่อยากปล่อยให้สนคิดมาก "ไปนอนเถอะลูก ดึกแล้ว พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานแต่เช้า"
สนพยักหน้า ภาพของเด็กๆ สองคนที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันด้วยหน้าตาที่สดใสหายไปนานแล้ว ตั้งแต่ต้นจากไป สนก็เก็บตัวเงียบ ทำแต่งาน ไม่สนใจใคร ดีที่สนไม่ใช่คนเกกมะเหรกเกเรเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ไม่อย่างนั้นก็คงหลงมัวเมาไปกับอบายมุขเพื่อลืมความเจ็บปวดในใจ ทั้งหมดนี้จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่พ่อกับแม่ที่รังแกลูกของตัวเองอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์
สนเข้ามาในห้องของต้น เดินไปหยิบรูปที่หัวเตียงขึ้นมาดู รูปของต้นกับสนที่ชายหาดบางแสนเมื่อหลายปีที่แล้ว สนเอารูปนี้มาจากบ้านที่หัวเตียงของสนเอง ตอนนี้ห้องนอนของสนกลายเป็นห้องของนินาไปแล้ว
"ทำไมนายถึงอยากลืมความรักของเรานักล่ะต้น เราไม่เคยเห็นอยากลืมเลย เราก็เจ็บปวดพอๆ กับนาย ทรมานพอๆ กับนาย ความรักของเรามันผิดตรงไหนนายถึงอยากทิ้งมันไป สามปีมันไม่นานพอที่จะทำให้เราลืมนายได้หรอกนะต้น นานกว่านี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่าจะลืมได้หรือเปล่า แล้วนายล่ะต้น นายลืมเราแล้วหรือยัง ลืมแล้วหรือยัง?"
สนรำพึงรำพันกับรูปนั้นเบาๆ ก่อนที่จะวางมันลงไป การที่สนมานอนที่ห้องต้นก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อย มันก็ทำให้สนไม่เคยคิดที่จะลืมคนที่สนรัก ทำให้สนจำได้ว่าเคยมีความทรงจำดีๆ กับต้นในห้องๆ นี้สมัยที่ยังเป็นเด็ก ก็เท่ากับว่าสนไม่เคยจากต้นไปไหนเลย
"นินาไม่ยอมหรอก ยังไงๆ นินาก็จะไล่มันออก!"
เสียงเกรี้ยวกราดดังลั่นไปทั่วบ้านตั้งแต่เช้า พ่อกับแม่ของสนต้องรีบอุ้มหลานเดินหนีเพราะไม่อยากให้ลูกชายของสนเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน พ่อกับแม่ของสนมองหน้ากันแล้วก็ส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ สองปีมาแล้วสนกับนินาก็ทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรมาทะเลาะกันนักหนา ทะเลาะกันจนพ่อกับแม่ของสนต้องเอาลูกของสนมานอนด้วย ไม่ให้อยู่กับสนหรือนินาเพราะกลัวจะทะเลาะกันให้ลูกเห็นอีก
"เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างนี้ในร้านของฉัน เธอพูดไม่รู้เรื่องหรือไงนินา ฉันคุยกับเด็กมันแล้ว เด็กเขาไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย แค่เขียนตัวเลขในบิลผิดนิดเดียวแค่นี้เธอจะอะไรนักหนาฮะ ทำไมไม่ให้โอกาสเด็กมันแก้ตัวบ้าง เขาทำงานดีมาตลอด เด็กมันก็ตั้งใจทำงานเธอไม่เห็นหรือไง" สนเถียงเสียงดังกลับไป
"มันก็เป็นร้านของนินาด้วยเหมือนกัน ไม่รู้ล่ะ นินาจะไล่มันออก คนแบบนี้จะไว้ใจได้ยังไง อย่างนี้เขาเรียกว่ามันตั้งใจโกงกันชัดๆ" นินาเสียงแข็งอย่างไม่ยอมลดละ
"เธอไม่มีสิทธิ์มาไล่คนในร้านฉันออกนะนินา คิดบ้างสิว่าเด็กมันจะทำยังไงถ้าเธอไล่เขาออกกะทันหันแบบนี้ เขาก็ต้องกินต้องใช้ ต้องเลี้ยงดูครอบครัว ไม่คิดจะเห็นใจคนอื่นบ้างเลยหรือไงฮะ!"
"ทำไมต้องเห็นใจมันด้วยล่ะ ไม่ใช่ญาติซะหน่อย หนอยแน่...แอบเขียนตัวเลขผิดไปกี่ครั้งแล้วล่ะ พี่อยากจะโดนโกงหรือไงถึงได้ปล่อยมันไว้!"
"เธอพูดรู้เรื่องไหมว่านี่มันร้านของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรทั้งนั้น!" สนตะคอกเสียงดัง
"ไปนอนกับมันมาแล้วสิถึงได้ปกป้องมันซะขนาดนี้ หนอยแน่...นินารู้นะว่ามันให้ท่าพี่ คงอยากมีผัวเป็นเจ้าของร้านหวังรวยทางลัดจนตัวสั่นล่ะสิ ไม่รู้ล่ะ ยังไงนินาก็จะไล่มันออก จะไล่มันออกวันนี้เลยด้วย"
สนแค่นหัวเราะอย่างสะใจ "อ๋อ...นี่เธอหึงฉันเหรอ หึงแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร นอกจากเธอจะไม่ได้ใจของฉัน เธอก็ไม่ได้ตัวของฉันด้วย ไอ้สองครั้งที่ฉันพลาดไปน่ะ ถือซะว่า...ทำบุญทำทานละกันนะ แต่อย่าหวังว่าเธอจะได้อะไรจากฉันไปอีก"
"อ๊าาาาาาาาาา!" นินากรีดร้องเสียงดังด้วยความโมโหเพราะทำอะไรสนไม่ได้
"ถึงฉันไม่ได้ คนอื่นมันก็ต้องไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ ฉันจะไปไล่มันออกวันนี้เลย แล้วถ้ามีอีผู้หญิงคนไหนมายุ่งกับพี่ ฉันก็จะจัดการมันทุกคน คอยดูสิ!"
"ก็ลองดู! ถ้าเธอไล่เขาออก ฉันก็จะไล่เธอออกจากร้านของฉันเหมือนกัน!"
"พี่สน! อ๊าาาาาาาาาา!"
เสียงกรีดร้องเงียบเสียงลงไปแล้ว ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงรถวิ่งออกไป สนกับนินาคงไปทำงานที่ร้านอาหารด้วยกันแล้ว เหลือแต่พ่อกับแม่ของสนที่อยู่บ้านเลี้ยงหลาน
ลูกชายของสนอายุหนึ่งปีกับอีกเจ็ดเดือนแล้ว เด็กคงจะพอสัมผัสได้แล้วว่าพ่อกับไม่ไม่รักกัน มีน้อยครั้งมากที่สนกับนินาจะอยู่พร้อมหน้ากันกับลูก สนก็เอาแต่ทำงาน แทบจะไม่เคยพาลูกเมียไปเที่ยวที่ไหนเลย ก็น่าแปลกที่นินาก็ยังทนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
"พ่อ...แม่จะไม่ไหวแล้วนะพ่อ สนกับนินามันทะเลาะกันทุกวันเลย อีกหน่อยพอเจ้าภูคาโตขึ้นมันต้องเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆ เลยพ่อ แม่สงสารหลาน สงสารสนมันด้วย สนมันไม่มีความสุขเลยตั้งแต่แต่งงานมา มีเมียก็แยกกันอยู่ มีบ้านก็ไม่ยอมมานอนที่บ้าน ทำตัวห่างเหินกับพ่อกับแม่ บ้านเราไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะพ่อ เราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะพ่อ แม่จะไม่ไหวแล้ว"
สองคนปู่ย่านั่งปรับทุกข์กันเมื่อลูกชายกับลูกสะใภ้ออกจากบ้านไปแล้ว
พ่อของสนถอนหายใจ รับหลานมาอุ้มไว้แล้วก็ทำหน้าเครียด พ่อของสนรู้ดีว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองปีแล้ว สนก็ยังคงไม่ลืมต้น แม้จะไม่พูด ไม่แสดงออก แต่หลายๆ อย่างก็ฟ้องว่าอย่างนั้น
"ให้สนกับนินามันหย่ากันดีไหมพ่อ" แม่ของสนเสนอขึ้นมาเมื่อเห็นพ่อแต้วเงียบไปนาน
"ไม่ได้หรอกแม่ เกิดทางนั้นเขาจะเอาลูกเขาไปเลี้ยง เจ้าภูคาก็จะไม่ได้อยู่กับเรานะแม่ นินาเขาเป็นแม่ แล้วทางนั้นเขาก็รักหลานของเขาพอๆ กัน เขาคงไม่ยอมให้เราเลี้ยงเจ้าภูคาฝ่ายเดียวแน่ๆ เลยแม่"
เลี้ยงหลานมากับมือเกือบสองปีแล้ว พ่อกับแม่ของสนจึงรักหลานมาก ถึงขนาดหยุดทำไร่ ปล่อยให้คนอื่นมาเช่าทำแทนเพื่อที่จะได้มีเวลาเลี้ยงหลานอย่างเต็มที่
แม่ของสนถอนหายใจ มันก็เป็นไปได้ที่นินากับครอบครัวทางนั้นจะเอาภูคาไปด้วยถ้าเกิดว่าสนกับนินาหย่ากัน
"แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะพ่อ แม่ไม่อยากให้ครอบครัวเราเป็นอย่างนี้อีกแล้ว แม่สงสารลูก สงสารหลานเหลือเกินพ่อเอ๊ย ถึงวันนี้แล้วแม่ก็ชักสงสัยว่าเราไปบังคับให้เขาแต่งงานกันหรือเปล่านะพ่อ แม่ก็เคยบอกพ่อแล้ว เด็กสมัยนี้เขาไม่เหมือนสมัยเรา อย่าไปหวังเลยว่าเขาจะอยู่ๆ กันไปแล้วก็รักกันไปเอง เขามีทางเลือกมากกว่าพวกเราเยอะ"
พ่อของสนครุ่นคิด "เอาอย่างงี้ละกันแม่ แม่ลองคุยกับสนมันหน่อยละกัน พ่อไม่อยากคุยกับมันแล้ว ดื้อด้านพูดอะไรก็ไม่ยอมฟัง บอกให้กลับมานอนบ้านก็ไม่ยอมมา สนมันต้องเห็นแก่ลูกแล้วนะแม่ ถึงมันจะรักหรือไม่รักนินา มันก็ต้องพยายาม ไม่งั้นแล้วเจ้าภูคาต้องเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆ เด็กมันดูออกนะแม่ว่าพ่อกับแม่มันไม่รักกัน"
"พ่อ...ในเมื่อพ่อก็รู้ว่าสนมันไม่รักนินา พ่อจะให้แม่ไปบอกสนยังงั้นได้ยังไงล่ะพ่อ ลูกมันจะได้ถอนหงอกเอาน่ะสิ"
"โธ่แม่...ถือว่าเห็นแก่หลานมันเถอะ พ่อไม่อยากให้หลานมันเกิดมาในครอบครัวที่แตกแยก พ่อไปทาง แม่ไปทาง นะแม่นะ ลองคุยกับสนมันหน่อย ตอนนี้สนมันฟังแม่มากกว่าพ่อ"
นั่นคงจะเป็นเพียงไม่กี่หนทางที่พ่อของสนพอจะคิดได้ แต่แน่นอน พ่อก็ไม่เคยถามความสมัครใจของสนเลย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก สนยินดีที่จะเอาตัวเองเข้าแลกทุกอย่าง จนกว่าพ่อกับแม่จะเห็นและเข้าใจไปเองนั่นแหละว่าทำกับลูกมากเกินไปแล้ว
มิถุนายน 2560"สนต้องเห็นแก่ลูกบ้างนะลูก เจ้าภูคามันเริ่มโตแล้ว เด็กมันรู้นะลูกว่าพ่อกับแม่มันไม่รักกัน สนจะทำเพื่อลูกของสนได้ไหมลูก"
สนนึกอยู่แล้วเชียวว่าพ่อจะต้องให้แม่มาคุยกับสนเรื่องนี้ แต่จะว่าไปสนก็กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
"พ่อกับแม่อยากให้สนทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอครับ" สนถามด้วยเสียงเย็นชา อุ้มลูกขึ้นมานั่งบนตักแล้วก็คอยหยอกเล่น
"วันนี้ภูคาดื้อหรือเปล่าครับ พ่อมีของเล่นมาฝากด้วยน้าาา..."
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มอายุยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าที่หน้าตายังหล่อเหลาราวกับวัยรุ่นจะมีลูกชายอายุเกือบสองขวบเสียแล้ว ถ้าสนไม่บอกใครว่ามีลูกแล้วใครๆ ก็คงนึกว่าสนยังเป็นแค่เด็กนักศึกษาอยู่เท่านั้น
"แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนแรกแม่ว่าจะให้สนหย่ากับนินาไปซะ จะได้จบๆ กัน แต่แม่ก็กลัวทางนั้นเขาเอาหลานไป พ่อกับแม่เลี้ยงหลานมาแต่อ้อนแต่ออก ก็ไม่อยากให้เขาไปอยู่ทางนั้น เกิดเขาเลี้ยงไม่ดีขึ้นมาแล้วเจ้าภูคาคงเสียคน"
ที่แม่สนพูดอย่างนั้นเพราะได้เห็นพฤติกรรมแย่ๆ หลายอย่างของนินาแล้ว ถ้าจะให้นินาเลี้ยงลูกคงไม่ดีแน่
"สน...ลูกลองคุยกับนินาดีๆ หน่อยนะลูก ยังไงน้องเขาก็เป็นเมียสน ยังไงเขาก็เป็นแม่ของเจ้าภูคามัน เขามาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไม่ได้อยู่สบายๆ กับพ่อกับแม่ สนยังมาทอดทิ้งน้องเขาอีก สงสารน้องเขาหน่อยเถอะลูก ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป แม่ก็อยากให้สนคุยกับนินาดีๆ เป็นผัวเมียกันแล้ว ลูกก็มีแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่พ่อกับแม่ก็เห็นแก่หลานเถอะนะลูก สงสารเจ้าภูคามัน แม่ว่าเจ้าภูคาก็เริ่มจะเป็นเด็กมีปัญหาแล้วล่ะ เขารู้นะลูกว่าพ่อแม่เขาไม่รักกัน สนลองดูอีกสักครั้งนะลูก ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ แม่ก็จะไม่ขอสนทำอีกแล้ว ก็คงต้องแล้วแต่เวรแต่กรรมกันไป"
สนถอนหายใจ มองหน้าลูกชายแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ สนก็รู้อยู่แล้วว่าวิธีการนี้จะส่งผลกระทบต่อเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย ต้นถึงได้เตือนสนไว้ว่าอย่าเอาลูกมาเป็นเหยื่อ สนเองพอมีลูกแล้วก็ต้องคิดอะไรมากขึ้น จะทำอะไรก็ต้องเห็นแก่ลูกมากขึ้น จะเอาความรักในอดีตเป็นที่ตั้งอีกไม่ได้เหมือนก่อนแล้ว
"ผมจะลองดูละกันนะครับแม่"
สนบอกด้วยสีหน้าหนักใจ แม่ของสนยิ้ม แต่ไม่ใช่ยิ้มดีใจ ดูเหมือนจะสงสารลูกเสียมากกว่าที่ต้องถูกบังคับให้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้อยากทำ ครอบครัวที่ชายเป็นใหญ่แบบนี้ เธอเองก็ไม่อยากมีปากมีเสียงกับสามีมากนัก พ่อกับแม่สอนมาให้ชายเป็นช้างเท้าหน้า หญิงเป็นช้างเท้าหลัง แม้ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปมากแล้วแต่คำสอนเก่าๆ นั้นก็ยังคงมีอิทธิพลกับแม่ของสนอยู่
สนเล่นกับลูกอยู่สักพักก็ตัดสินใจเดินขึ้นห้องของตัวเองไป ไม่ได้เข้ามาในห้องนี้หลายเดือนแล้วตั้งแต่นินามาอยู่ พอเข้ามาในห้อง นินาก็หันมามองอย่างแปลกใจราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะเห็นสนเข้ามาในห้องนี้
จะว่าไป สนก็อดสงสารนินาอยู่หน่อยๆ เหมือนกันไม่ได้ สนไม่ได้ถูกเลี้ยงมาให้มีจิตใจโหดเหี้ยมตั้งแต่เด็ก การที่สนไม่ยอมนอนห้องเดียวกับนินาเป็นเวลาสองปีกว่า ไม่ยกย่อง ไม่นับถือ ไม่เอ่ยถึงว่าเป็นภรรยาก็นับว่าสาหัสสากรรจ์สำหรับลูกผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว
ถ้าถามว่าสนสะใจหรือเปล่าที่ทำอย่างนั้น แน่นอน มันสะใจสนมากทีเดียว มันน่าสะใจแค่ไหนทีได้เห็นนินามีความทุกข์จากการเป็นภรรยาแต่ในนาม ไม่ได้ทั้งตัว ไม่ได้ทั้งหัวใจ สนหวังไปถึงขั้นที่ว่านินาจะทนไม่ไหวแล้วถอดใจไปเสียก่อน ถึงตอนนั้นสนจะขอเจรจาเอาลูกไว้ เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลอย่างที่สนตั้งใจ การที่สนไม่รักนินานั้นก็ดีแล้วเพราะจะได้ไม่ต้องทำใจมากเมื่อถึงเวลานั้น
สนรู้ว่าต่อให้สนถอนหมั้นกับนินาตอนนั้น พ่อก็คงให้สนหาผู้หญิงคนใหม่อยู่ดี ถ้าสนเจอผู้หญิงที่ดีๆ แผนที่สนวางไว้คงเป็นเรื่องยากมากทีเดียว เพราะสนอาจจะไม่ใจร้ายมากพอที่จะทำเช่นนั้นกับผู้หญิงดีๆ ได้ เผลอๆ สนก็อาจจะรักหรือผูกพันตามวิสัยผู้ชายคนหนึ่ง ถึงตอนนั้นแล้วสนก็คงต้องตัดใจจากต้นไปจริงๆ แล้วล่ะ นี่แหละคือเหตุผลที่ผู้หญิงที่สนจะใช้เป็นเครื่องมือถึงต้องเป็นนินา
แต่ตอนนี้ความสะใจของสนกำลังจะส่งผลถึงอีกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย แล้วคนๆ นั้นก็เป็นลูกชายของสน หัวอกคนเป็นพ่อ สนคงไม่อาจทนเห็นลูกชายกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะสนทำให้ครอบครัวของตัวเองแตกแยกได้หรอก
จะว่าไป นินาก็เป็นคนขยันขันแข็ง ช่วยสนทำงานในร้านอาหารที่แสนหนักมาได้ตั้งหลายปีโดยไม่เคยปริปากบ่น แม้ว่าตอนนี้ภาระงานจะลดลงไปได้หน่อยเพราะสนจ้างคนมาดูแลร้านแทน แต่ก็ยังคงมีภาระให้ต้องรับผิดชอบและปวดหัวมากมาย การเป็นเจ้าของกิจการนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ถ้าไม่ติดเรื่องที่ผ่านมา สนกับนินาก็น่าจะพอถือได้ว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่ขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงานช่วยกันจนธุรกิจไปได้ด้วยดี ผ่านพ้นอุปสรรคที่หนักหนาในช่วงเริ่มต้นร้านอาหารใหม่ๆ มาได้ ที่สนทำกับเธอก็ดูจะเกินไปอยู่ไม่น้อย
สนเดินลงไปนั่งบนเตียงข้างๆ นินาที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนในชุดนอนดูทีวีอยู่อย่างสบายอารมณ์ นินายังคงมองสามีของตัวเองอย่างแปลกใจอยู่ ยิ่งเห็นสนมานั่้งบนเตียงด้วยแล้วก็ยิ่งแปลกใจใหญ่ สนไม่เคยย่างกรายเข้ามาในห้องนี้เลยตั้งแต่ที่เธอเรียนจบแล้วกลับมาอยู่ที่นี่
"พี่สนมีอะไรเหรอคะ" นินาถามอย่างหวาดระแวง กลัวสนจะมาหาเรื่องเธออีก
สนครุ่นคิดและทำใจอย่างหนัก สายตาจับจ้องอยู่ที่จอทีวีที่กำลังฉายละครประโลมโลกเรื่องหนึ่งที่นินากำลังติดงอมแงม สนไม่ได้พูดอะไรกับนินา เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเหมือนกัน
ปาฏิหาริย์ครั้งที่สี่จะมีหรือเปล่านะ ผ่านมาสองปีกว่าแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
"ต้น เราคงจะหมดบุญวาสนาต่อกันแล้วล่ะคราวนี้ นายคงเข้าใจความจำเป็นของเรานะต้น"
สนพูดในใจด้วยความอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือไปจับมือนินาเอาไว้ สองสามีภรรยากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าประหม่า ตั้งแต่แต่งงานกันมาสนกับนินาแทบจะไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกันเลยด้วยซ้ำ นับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก
สนหันหน้ากลับไปทางจอทีวีที่นินาเปิดทิ้งไว้อีกครั้ง เพื่อทำใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตของสนไปตลอดกาล
เอาล่ะ สนตัดสินใจแล้ว หลังจากนี้ อะไรๆ ที่คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวพึงจะกระทำต่อกันในยามค่ำคืนก็คงดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน คราวนี้ นินาไม่ต้องใช้ยาแล้วล่ะ เพราะสนเต็มใจที่จะให้มันเกิดขึ้นเองเพื่อลูกของสนและเพื่อใครต่อใครอีกหลายคนที่ต้องการให้ชีวิตของสนเป็นอย่างนี้!
TBC