▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 15: หรือจะเป็นบุพเพสันนิวาส
บรรยากาศงานรับน้องขึ้นดอยปีนี้ยังคงคึกคักเหมือนกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา คนที่ตื่นเต้นมากกว่าใครก็เห็นจะไม่พ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางขึ้นดอยสุเทพด้วยการเดินเท้า หลายคนแม้จะเป็นคนเชียงใหม่แท้ๆ แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นคงไม่มีใครทำอย่างนั้นแน่นอน ระยะทางที่ไกลและเส้นทางที่คดเคี้ยวทำให้น้องใหม่หลายคนกลัวกันพอสมควร
ในระหว่างที่น้องๆ นักศึกษาใหม่กำลังจะเดินมาถึงดอยสุเทพอยู่อีกไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้า ก็เกิดเรื่องชุลมุนขึ้นเล็กน้อยเมื่อมีเสียงตะโกนดังขึ้นมาในกลุ่มน้องใหม่ที่กำลังเดินบ้างวิ่งบ้างอยู่
"ช่วยด้วยค่ะ มีคนเป็นลมค่ะ"
สนกับเพื่อนๆ ในคณะอีกสามสี่คนที่รับผิดชอบเรื่องสุขภาพอยู่แถวๆ นั้นพอดีจึงรีบวิ่งไปยังจุดที่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ละคนในทีมสุขภาพจะมีชุดปฐมพยาบาลอย่างง่ายในเป้เตรียมไว้ด้วย
"อย่ามุงนะครับ อย่ามุงนะครับ" สนรีบร้องบอกน้องใหม่ที่ทยอยเข้ามายืนมุงดูอย่างสนใจ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลนักเพราะมีไม่กี่คนที่ยอมถอยออกไป บางคนอย่างน้อยขอได้โผล่มาดูให้หายอยากรู้อยากเห็นสักหน่อยก็ยังดี
"สนๆ ส่งยาดมให้เราหน่อย" พัชชา เพื่อนสาวร่วมคณะของสนร้องบอก
สนรีบยื่นยาดมที่เตรียมไว้ส่งให้พัชชาทันที พอเห็นหน้าหญิงสาวที่นอนเป็นลมบนพื้นถนนอย่างชัดๆ สนก็อุทานด้วยความแปลกใจ
"อ้าว...นินานี่นา"
สนย่อตัวนั่งลงพร้อมกับเอาพัดที่เพื่อนคนหนึ่งส่งมาให้ช่วยพัดให้นินา ส่วนเพื่อนสาวของสนก็ช่วยเอายาดมให้นินาสูดดม
"สนรู้จักน้องเขาด้วยเหรอ" พัชชาถาม
"ใช่ๆ เคยเจอกันที่ถนนคนเดินปีที่แล้ว"
สนตอบสั้นๆ
"น้องๆ ครับ อย่ามุงเพื่อนครับ คนเป็นลมต้องการอากาศถ่ายเท รบกวนน้องๆ ถอยออกไปก่อนได้ไหมครับ"
เพื่อนชายร่วมคณะของสนร้องบอกอีกครั้ง ก็มีคนสนใจฟังบ้างไม่ฟังบ้างเช่นเคย นี่สินะที่เขาเรียกว่าไทยมุง
สักพักนินาก็เริ่มฟื้นพร้อมกับเสียงร้องดีใจของคนที่อยู่รอบๆ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วก็่ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ
"พี่สน"
สนยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้า รู้สึกแปลกใจที่พอฟื้นขึ้นมาเธอก็เรียกเขาเป็นคนแรก
"เจอกันเป็นครั้งที่สามแล้วนะคะพี่" นินาพลอยนึกถึงที่น้องชายเธอแซวเล่นวันนั้นว่าถ้าเธอกับสนเจอกันเป็นครั้งที่สาม ก็น่าจะเป็นเนื้อคู่กันแล้ว นั่นสินะ คนเราถ้าไม่มีเหตุให้ต้องเจอกันก็คงไม่น่าจะเจอกันถึงสามรอบอย่างนี้หรอก
สนยิ้มจางๆ ไม่ได้แสดงออกว่าดีใจหรือไม่ดีใจที่ได้เจอกัน
"นินาเดินไหวไหม อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วล่ะ"
"ไหวค่ะไหว" นินารีบตอบทันที ปกติเธอเป็นคนแข็งแรง หนักเอาเบาสู้ ไม่เคยเป็นลมแบบนี้มาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะวันนี้แดดแรงแถมยังต้องเดินทางไกลอีกต่างหาก
"เอางี้ สนเดินเป็นเพื่อนน้องหน่อยละกัน อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว จะได้ช่วยดูน้องเขาด้วย เดี๋ยวพวกเราจะช่วยคอยดูน้องๆ คนอื่นๆ ถ้ามีอะไรก็โทรมาเลยนะ" พัชชาบอก
"เอางั้นเหรอ ได้ๆ เดี๋ยวเราช่วยดูน้องเขาให้"
เมื่อเพื่อนๆ ไปกันแล้ว สนกับนินาจึงค่อยๆ เดินตามเพื่อนๆ คนอื่นๆ ไป
"ไหวแน่นะนินา ถ้าไม่ไหวจะนั่งพักก่อนก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ ปกตินินาแข็งแรงจะตาย แต่อากาศมันร้อนไปหน่อยก็เลยเป็นลม อีกนิดเดียวเอง นินาไหวค่ะ"
"ครับๆ อ้อ...นินาเรียนคณะเดียวกับพี่ด้วยเหรอ ภาควิชาอะไรล่ะ"
"บัญชีค่ะพี่ จำได้ไหมคะที่นินาบอกว่านินาชอบขายของก็เลยอยากเรียนพวกบัญชี การตลาด พี่สนอยู่ภาควิชาอะไรคะ"
"การตลาดครับ"
"ดีเลยค่ะ เผื่อมีอะไรที่เกี่ยวกับการตลาด นินาจะขอปรึกษาพี่หน่อยนะคะ"
"ยินดีครับ" สนยิ้มอย่างอบอุ่น รู้สึกแปลกใจที่เขารู้สึกถูกชะตากับน้องคนนี้มากทีเดียว
"แล้วนินายังไปขายของอยู่ที่ถนนคนเดินอยู่ไหม เสื้อที่พี่ซื้อไปวันนั้น พ่อพี่ชอบมากเลย"
"เหรอคะ..." นินายิ้มดีใจ "ยังขายอยู่ค่ะ พ่อบอกว่าให้นินาหาเงินเรียนเอง นินากับน้องก็เลยต้องขายเสื้อผ้าแทนพ่อกับแม่ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าพอเรียนมหาลัยแล้วจะมีเวลาไปขายไหม กลัวเรียนหนักจนไม่มีเวลาน่ะค่ะ"
"ขยันจังเลยนะ พี่ชอบคนขยัน พี่เองก็ทำขนมส่งขายร้านป้าของเพื่อนอยู่ครับ นินารู้จักร้านขายของฝากตรงถนนเส้นเชียงใหม่-ลำปางไหม พี่เอาไปฝากร้านนั้นแหละ ก็พอขายได้เหมือนกัน"
"จริงเหรอคะ พี่สนทำขนมเป็นด้วยเหรอคะ" นินาถามอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่าชายหนุ่มรูปหล่ออย่างสนจะทำขนมเป็นด้วย
"พอได้" สนยิ้มเขิน
"วันหลังสอนนินาทำบ้างสิคะ"
"เอาสิ เดี๋ยวว่างๆ พี่สอนให้"
"ขอบคุณค่ะ แล้วขายดีไหมคะ"
"ก็พอใช้ได้ แต่ก็เหนื่อยเหมือนกัน ตอนนี้พี่ก็คุยๆ กับทางเจ้าของร้านเขาอยู่ว่าต่อไปพี่อาจจะขายแค่สูตรขนมอย่างเดียว ไม่ผลิตเองแล้วล่ะ แล้วก็ให้ร้านเขาหาคนผลิตให้ เขามีคนช่วยผลิตหลายเจ้าอยู่ พี่จะได้มีเวลาให้กับการเรียนมากขึ้นด้วย เทอมที่แล้วพี่ก็หนักเลย ทั้งธุรกิจขนม ทั้งการเรียน"
"โห...พี่ขยันมากเลยนะคะ เอ...ถ้าพี่สนขายแต่สูตรอย่างเดียว จะได้เงินเยอะเหรอคะ พี่สนสนใจจะลองขายเสื้อผ้าดูไหมคะ เดี๋ยวนินาหาที่ที่ถนนคนเดินให้ ไม่แพงหรอกค่ะ อ้อ ที่ท่าแพก็น่าสนใจนะคะ ถ้าพี่สนสนใจ เดี๋ยวนินาพาไปดูที่ขายของแล้วก็พวกร้านขายส่งเสื้อผ้า นินารู้จักหลายร้านเลยค่ะ"
"อืม...น่าสนใจนะ ยังไงพี่จะถามนินาอีกทีละกัน"
"ค่ะได้ค่ะ"
นินายิ้มให้สนอย่างเขินๆ สนเป็นชายหนุ่มที่ดูดีตามสเปคของเธอเลยล่ะ เธอเฝ้านับวันรอคอยที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง รอลุ้นแทบแย่ว่าจะสอบเอนทรานซ์ติดที่นี่ไหม โชคดีมากเลยที่เธอสอบติด แถมยังได้มาเรียนในคณะเดียวกับสน เป็นรุ่นน้องของสนอีกต่างหาก หวังว่า...การเจอกันครั้งที่สามนี้จะเป็นดังบุพเพสันนิวาสให้เธอได้มาเจอกับคนที่ชอบ คนเราถ้าเป็นเนื้อคู่กันแล้ว ยังไงก็ต้องได้อยู่คู่กันจนได้ไม่ว่าอุปสรรคขวากหนามจะมากเพียงใดก็ตาม นินารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"นินาเหรอ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวพี่ออกไปข้างนอกแป๊บนึง"
สนลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าวแล้วก็เดินออกไปข้างนอกบ้านพร้อมกับโทรศัพท์ ปล่อยให้เพื่อนๆ ที่นั่งกินข้าวเย็นอยู่ด้วยกันมองตามอย่างสงสัย
"เฮ้ย...นินานี่ใครวะ เด็กใหม่ไอ้สนมันเหรอ" ปั้นจั่นถามอย่างสงสัย
"น่าจะอย่างงั้นมั้ง เห็นเขาว่าเป็นน้องใหม่คณะเดียวกับมันนั่นแหละ" นิกตอบพลางมองตามเพื่อนที่เดินออกไป
ปั้นจั่นพยักหน้า "สงสัยคนนี้จะของจริง กลับบ้านทีไรก็เห็นมันคุยกับคนที่ชื่อนินาทุกคืนเลย"
"พอแล้วไอ้จั่น พูดอะไรก็นึกถึงต้นมันมั่งสิวะ" นิกรีบปรามเพื่อนเมื่อหันไปเห็นต้นมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
สนคุยโทรศัพท์อยู่นานทีเดียว เพื่อนๆ กินข้าวกันเสร็จหมดแล้วสนก็ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ วันนี้เวรต้นเป็นคนล้างจานและทำความสะอาดบ้าน ต้นเก็บจานชามมาหมดแล้ว เหลือเพียงจานข้าวของสนคนเดียวเท่านั้นที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ รอให้เจ้าของมากินให้หมด
เหตุการณ์แบบนี้ย้อนกลับมาอีกแล้วสินะ เหมือนกับวิดีโอที่ย้อนกลับไปฉายตอนเดิมๆ ต้นรู้ดีว่าอีกไม่นานสนกับนินาก็คงจะคบกันเป็นแฟน ตามขั้นตอนทั่วไปของหนุ่มๆ สาวๆ แต่ก็อย่างว่า สนคงเหงาที่ไม่มีแฟนเลยมาเป็นปีๆ ต้นเองก็คงไม่สามารถไปทดแทนสิ่งที่สนต้องการตามธรรชาติของเขาได้ ก็คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการยอมรับความจริง
ต้นล้างจานเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องครัวเตรียมตัวจะขึ้นไปอาบน้ำข้างบน สนโทรศัพท์เสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในบ้านพอดี
"กินข้าวกันหมดแล้วเหรอ"
ต้นพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็เดินขึ้นบันไดไป
"ต้นอย่าลืมนะ เย็นวันศุกร์นี้เราจะไปงานแต่งงานอาจารย์บอสกัน"
ต้นหยุดยืน หันมามองเพื่อนแล้วก็พยักหน้า อาจารย์บอสที่สนพูดถึงนั้นเป็นอาจารย์ที่คณะของสนเอง ต้นบังเอิญรู้จักไปด้วยก็เลยได้รับเชิญให้ไปงานแต่งงานของอาจารย์ด้วยอีกคน
ต้นก็ไม่อยากน้อยใจสนหรอกนะ แต่ก็ห้ามความรู้สึกนั้นไม่อยู่ คงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักพักนั่นแหละถึงจะชินกับชีวิตที่ต้องทนเห็นเพื่อนมีแฟนอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานเป็นปี สนไม่รู้เลยหรือว่าต้นน้อยใจ ก็คงไม่เคยรู้เลยสินะ กลับบ้านมาก็เอาแต่คุยโทรศัพท์กับน้องที่ชื่อนินา ต้นพอจะนึกออกแล้วล่ะว่าผู้หญิงคนนี้คือคนเดียวกับที่สนเคยเจอที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเมื่อปีที่แล้ว ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้นคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้
ต้นเดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับสายตาของสนที่มองดูเพื่อนอย่างแปลกใจที่เห็นต้นเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอย่างเคย
ต้นมองดูคนตรงหน้าที่อยู่ในชุดสูทแปลกตาด้วยความชื่นชม สนไม่เคยแต่งตัวแบบนี้เลย พอรู้ว่าจะต้องไปงานแต่งงาน สนก็ชวนต้นไปเลือกซื้อชุดที่จะใส่ไปงานด้วยอาการตื่นเต้น แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ชุดที่แพงมากนัก แต่ฝีมือเลือกของต้นก็ทำให้สนได้ชุดสูทแบบวัยรุ่นที่ดูดีมากทีเดียว
"รู้ไหมว่านายหล่อมากเลยวันนี้"
สนยิ้มเขิน ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี ต้นไม่เคยชมเขาแบบนี้เลย
"นายก็หล่อเหมือนกัน มานี่ เราจัดเนคไทให้ มันเบี้ยวเห็นไหม"
พูดจบสนก็เดินเข้าไปจัดเนคไทให้ต้น ถือว่าแก้เขินไปในตัวด้วย ต้นพินิจดูใบหน้าของเพื่อนที่อยู่ห่างไปเพียงคืบ ผิวหน้าของสนขาวใสอย่างคนเหนือ ไม่มีรอยสิวเลยเพราะสนเป็นคนรักสะอาด ต้นหลงใหลใบหน้าแบบนี้มาเป็นสิบปีแล้วสินะ แต่ก็ไม่เคยได้ทำอะไรมากกว่าแค่มองดู ต้นคงไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมากกว่านี้หรอก เขารู้ดี
สนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน เมื่อสายตาประสานกันความรู้สึกหวั่นไหวก็เกิดขึ้น สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด แววตาเศร้าของต้นเหมือนมีพลังดึงดูดบางอย่าง ท่าทางที่ประหม่าและหวั่นไหวนั้นยิ่งทำให้สนรู้สึกหวั่นไหวตามไปด้วย สนค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาต้น เขาจำจูบแรกที่ไม่ได้ตั้งใจได้เป็นอย่างดี แต่ครั้งนี้ สนไม่ต้องทำตอนที่ต้นนอนหลับอีกแล้ว เพราะจูบแรกที่ตั้งใจกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้
แต่เจ้ากรรม เสียงโทรศัพท์ของสนกลับดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน นินานั่นเอง ทำไมเธอจะต้องโทรมาตอนนี้ด้วยนะ
"ครับนินา"
"พี่สนออกมาหรือยังคะ นินามาถึงที่งานแล้วนะคะ"
"อ้อ..." สนทำสีหน้าแปลกใจ "นินาไปงานด้วยเหรอครับ"
"ค่ะพี่ เมื่อวานนินาเจออาจารย์บอส เขาเหลือการ์ดอยู่ใบหนึ่งก็เลยชวนนินามาค่ะ"
"อ๋อ...ครับ เดี๋ยวพี่กำลังจะออกไปแล้วครับ พี่จะไปกับต้นนะ"
"อ้อ...เพื่อนพี่สนคนนั้นเหรอคะ นินาจำได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะพี่"
"ครับ"
สนเก็บโทรศัพท์แล้วก็หันมามองต้น รู้สึกเสียดายนิดๆ ที่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน เห็นสีหน้าต้นเศร้าๆ อย่างนั้น สนก็รู้ว่าต้นน้อยใจจึงใช้มือตบที่ไหล่ต้นเบาๆ
"อย่าคิดมากนะต้น นายสำคัญที่สุดสำหรับเรารู้ไหม"
ไม่รู้ว่าที่สนพูดมานั้นคือการบอกรักหรืออะไรกันแน่ แต่เมื่อไม่ได้พูดให้ชัดเจน ต้นก็คงไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ได้เองหรอก อีกอย่าง จะมีประโยชน์อะไรที่ต้นจะต้องไปคาดเดา เกิดไม่ใช่ขึ้นมาต้นก็มีแต่จะผิดหวังเท่านั้น
"สน...ถ้านายจะมีแฟน เราก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ เราพูดจริงๆ นายไม่ต้องห่วงเราหรอก อย่าให้เราเป็นคนถ่วงชีวิตนายเลย ยังไงๆ วันหนึ่งนายก็ต้องมีใครสักคน"
สนเม้มริมฝีปาก มีอะไรหลายอย่างเหลือเกินที่เขาอยากจะบอกต้น จะว่าไปแล้วสนก็เกือบพลั้งปากบอกไปหลายครั้งแล้วล่ะ เพราะสนคิดว่าเขารู้แล้วว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคนที่ยืนหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้าตอนนี้ แต่ก็มีหลายๆ เหตุผลที่ทำให้สนต้องระมัดระวังกับสิ่งที่เขากำลังรู้สึก มันเป็นเหตุผลที่สำคัญมากที่สนจะต้องคิดให้รอบคอบอย่างที่สุด รออีกหน่อยก็แล้วกันนะต้น
"แล้ววันหนึ่งนายจะรู้เองแหละต้น ว่าใครสักคนหนึ่งของเรา...เป็นใคร"
สนใช้มือลูบผมเพื่อนอย่างอ่อนโยน เขาทำอย่างนี้เสมอเมื่อต้องการแสดงความห่วงใย บวกกับแสดงความเป็นเจ้าของกลายๆ ไปในตัวด้วย สนไม่เคยทำอย่างนี้กับใครเลย ไม่แม้แต่จะทำกับผู้หญิงคนไหน มีแต่คนที่พิเศษจริงๆ เท่านั้นที่สนจะทำอย่างนี้ให้
"ไปกันดีกว่าต้น เดี๋ยวจะไม่ทันงาน"
สนกับต้นมาถึงงานแต่งงานของอาจารย์บอสที่โรงแรมแห่งหนึ่งประมาณทุ่มเศษๆ หลังจากใส่ซองและรับของชำร่วยงานแต่งงานแล้วสองหนุ่มก็เดินเข้ามาในงานทันที สนเห็นเพื่อนๆ ของเขานั่งรวมกันอยู่โต๊ะหนึ่งก็รีบพาต้นไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ ของเขาด้วย ต้นรู้จักเพื่อนๆ ของสนอยู่บ้างเลยไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่พูดคุยทักทายบรรดาเพื่อนชายหญิงทั้งหลายอยู่สักพัก สนก็ชวนต้นไปเลือกอาหารที่จัดเป็นลักษณะของค็อกเทลง่ายๆ มีให้เลือกกินมากมายหลายอย่างทีเดียว
"อ้าว...พี่สน มาถึงแล้วเหรอคะ"
สนดูจะตกใจเล็กน้อยที่เจอกับนินาที่กำลังยืนเลือกอาหารอยู่ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าอาจจะต้องเจอกันก็ตาม
"นี่พี่ต้นใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะ โห...หล่อทั้งคู่เลย"
นินายิ้มอย่างชื่นชม
"ขอบคุณครับ วันนี้นินาก็แต่งตัวสวยนะ" สนชมพลางยิ้ม คนถูกชมก็ดูจะเขินพอประมาณ
"ปกตินินาก็ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้หรอกค่ะ แทบไม่กล้าออกจากบ้านเลย กลัวคนแถวบ้านจำไม่ได้" นินาพูดพลางหัวเราะกิ๊ก
"แล้วนินามากับใครครับ"
"พ่อขับรถมาส่งค่ะ เดี๋ยวตอนกลับพ่อจะแวะมารับอีกที"
สนพยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็หันมาสนใจกับการเลือกอาหารของตัวเอง ส่วนต้นก็ได้แต่เลือกอาหารเงียบๆ ของเขาไป
"พี่สนนั่งอยู่ตรงไหนคะ"
"กับเพื่อนๆ ปีสองตรงนั้นครับ" สนพยักเพยิดไปทางที่เพื่อนๆ เขานั่งอยู่
"หยิบไม่ถึงเหรอ เดี๋ยวพี่ช่วย"
"ขอบคุณค่ะพี่"
ต้นแอบชำเลืองมองสนหยิบอาหารให้นินาแว่บหนึ่ง รู้สึกอึดอัดเหมือนกันที่เขาแทบจะกลายเป็นอากาศที่ไร้ตัวตันอยู่ตรงนี้
"ขอบคุณนะคะ" นินารับอาหารจากสนมาแล้วก็ใช้ช้อนเล็กๆ ตักกิน
"ไม่เป็นไรครับ" สนยิ้ม แล้วก็หันมาหาต้น
"ถ้านายหยิบอะไรไม่ถึงบอกเรานะต้น"
ต้นพยักหน้าแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่เขาเลือกมา
หลังจากผ่านช่วงพิธีการไปแล้ว คนในงานก็เดินไปพูดคุยทักทายกันตามโต๊ะต่างๆ มากขึ้น ดูเหมือนนินาเองก็รอจังหวะนี้ที่จะได้คุยกับสนอีกครั้ง เธอจึงไม่รอช้าที่จะเดินไปตรงที่สนกำลังยืนกินอาหารกับต้นและเพื่อนๆ คณะเดียวกันอีกสามสี่คน
"เราไปห้องน้ำนะ" ต้นรีบบอกเมื่อเห็นนินามาถึง
สนพยักหน้าแล้วก็หันมาคุยกับนินา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้นมัวแต่เหม่อลอยหรือเปล่า พอเสร็จธุระจากห้องน้ำและเดินกลับเข้ามาในห้องจัดงาน ต้นก็ชนเข้าอย่างจังเข้ากับใครบางคนที่อยู่ๆ ก็เดินโผล่พรวดตัดหน้าต้นมาจากมุมขวาของประตู
"ขอโทษครับพี่"
ต้นหน้าเสียเมื่อรู้ว่าคนที่ต้นชนเป็นช่างถ่ายภาพประจำงานนี้นั่นเอง ดีนะที่กล้องที่เขาถืออยู่ไม่ตกแตก ไม่งั้นต้นแย่แน่ๆ เลย กล้องแบบนี้คงแพงน่าดู เสียหายขึ้นมาก็คงต้องลำบากพ่อแม่
"ไม่เป็นไรครับน้อง เอ...ว่าแต่น้องอยู่คณะนี้ด้วยเหรอ พี่ไม่เคยเห็นเลย" พี่ช่างภาพเอียงคออย่างสงสัย
"อ๋อ...เปล่าครับ พอดีผมมีเพื่อนอยู่ที่คณะนี้ แล้วก็รู้จักกับอาจารย์บอสด้วยครับ"
"อ๋อครับ...พี่ชื่อสรกฤษณ์นะ เรียกกริดก็ได้ พี่เป็นศิษย์เก่าคณะนี้แหละ พอดีเขาให้พี่มาช่วยถ่ายภาพในงานนี้ พี่ก็เลยมาช่วยอาจารย์เขาหน่อย"
"ครับ"
"แล้วน้องชื่ออะไรครับ"
"ชื่อต้นครับ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องต้น แล้วต้นอยู่คณะอะไรครับ"
"มนุษย์ศาสตร์ครับ ปีสอง"
แล้วพี่สรกฤษณ์ก็ชวนต้นคุยอีกเยอะเลย แถมขอเบอร์ต้นไว้อีกต่างหาก ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ ต้นเห็นสนมองมาที่เขาบ่อยมาก แม้ว่าจะคุยอยู่กับนินาแต่ก็มักจะแอบมองมาทางต้นเป็นระยะๆ
ไม่นานนักสนก็เดินมาทางที่ต้นยืนอยู่พร้อมกวักมือเรียก
"พี่กริดครับ พอดีเพื่อนเรียก ผมขอตัวก่อนนะครับพี่" ต้นบอกอย่างเกรงใจ
"อ้อ ครับๆ เชิญตามสบายเลยครับต้น พี่เองก็คุยเพลิน ลืมไปเลยว่าต้องถ่ายรูป" สรกฤษณ์ยิ้มเขินๆ
ต้นเดินกลับมาหาสนแล้วก็ถูกถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนดุนิดๆ ห่วงหน่อยๆ
"คุยกับใครอยู่น่ะต้น นายเพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะ รีบกินก่อนเดี๋ยวอาหารจะหมด"
"อ๋อ...พี่เขาเป็นศิษย์เก่าคณะเดียวกับนายนั่นแหละ พอดีเขามาช่วยถ่ายรูป"
"นายรู้จักพี่เขาด้วยเหรอ"
ต้นส่ายหน้า "เปล่า...ก็เพิ่งรู้จักเมื่อกี้นี่แหละ มีอะไรหรือเปล่า" ต้นสงสัย
"อ๋อ...เปล่าหรอก เราแค่เป็นห่วงเฉยๆ เห็นนายกินไปนิดเดียวเอง จะว่าไปเราก็ไม่ชอบค็อกเทลเลย กินไม่สะใจ" สนพูดพลางขำ
"แล้วนินาไปไหนล่ะ"
"ไปห้องน้ำ เดี๋ยวเราไปกินตรงโน้นกันดีกว่าต้น มีอะไรน่ากินเยอะเลย"
ว่าแล้วสนก็พาต้นเดินไปอีกมุมของห้อง นินากลับมาจะได้หาไม่เจอนั่นเอง จะว่าไปสนก็ทำอะไรแปลกๆ บางครั้งก็ดูเหมือนจะสนใจนินามากกว่าต้น บางครั้งก็สนใจต้นมากกว่านินา สนกำลังทำอะไรอยู่นะ
"เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็มาถึงช่วงสำคัญแล้วนะครับ ปกติบ่าวสาวจะโยนช่อดอกไม้ ใครรับได้คนนั้นก็จะได้มีโอกาสแต่งงานใช่ไหมครับ อันนั้นเชยไปแล้ว คู่บ่าวสาวของเรามีไอเดียใหม่ ต้องบอกว่าไอเดียบรรเจิดเลยทีเดียวครับ เพราะเราจะมาดูกันว่าในห้องนี้ใครเป็นเนื้อคู่กันบ้าง รบกวนทุกท่านช่วยเปิดดูในถุงของชำร่วยที่ท่านได้รับตอนเข้ามาในงานด้วยครับ ถ้าใครเห็นตลับรูปหัวใจอยู่ในถุงของชำร่วย รบกวนเดินออกมายืนด้านหน้าเวทีเลยครับ อย่าเพิ่งเปิดดูนะครับ รบกวนคนที่มีตลับรูปหัวใจออกมายืนด้านหน้าเลยครับ"
พิธีกรงานแต่งงานหนุ่มหล่อบนเวทีพูดกระตุ้นอย่างเร้าใจ แม้ว่าจะเป็นเพียงนักศึกษาที่เพิ่งมารับงานพิธีกรครั้งแรกแต่ก็ทำได้ดีทีเดียว
ไม่น่าเชื่อว่า ต้น สนและนินาก็คือหนึ่งในจำนวนคนที่มีตลับรูปหัวใจอยู่ในถุงของชำร่วยด้วย มีคนออกไปยืนอยู่หน้าเวทีแล้วประมาณ 7-8 คน ต้น สนและนินาจึงออกไปยืนรวมกลุ่มกับคนเหล่านั้นด้วย ดูท่าทางแต่ละคนลุ้นน่าดู
"เราได้ผู้โชคดีที่จะมาร่วมค้นหาคู่ชีวิตกันแล้วนะครับ มีทั้งหมด 11 คนด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมขอลงไปข้างล่างเวทีก่อน"
พิธีกรพูดแล้วก็เดินลงมาจากเวที ส่วนคู่บ่าวสาวก็ยืนรอลุ้นอยู่บนเวทีอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
"ถ้าดูจากหน้าตา เข้าใจว่าหลายท่านอาจจะแต่งงานไปแล้วนะครับ แต่ไม่เป็นไร บางทีท่านอาจจะได้พบเนื้อคู่คนใหม่วันนี้ก็ได้ 555 คนที่จะเป็นเนื้อคู่หรือคู่ชีวิตกันในงานนี้นะครับ ถ้าเปิดตลับรูปหัวใจแล้วเจอหัวใจสีแดงข้างใน อย่าเพิ่งเปิดนะครับ อย่าเพิ่งเปิดนะครับ รอแป๊บนึงครับ ตลับที่มีหัวใจสีแดงข้างในจะมีเพียง 2 ตลับเท่านั้น ใครที่ได้ตลับหัวใจสีแดงเหมือนกัน เราก็จะถือว่าท่านเป็นคู่ชีวิตหรือเนื้อคู่กัน เอ้า เริ่มจากพี่ท่านนี้ก่อน เปิดเลยครับ ได้หัวใจสีอะไรครับ โอ้...เป็นสีขาวครับ ไม่มีเนื้อคู่แล้วครับ เชิญนั่งประจำที่ได้เลยครับ"
พิธีกรหนุ่มหล่อเดินไล่มาทีละคนที่ยืนเรียงแถวอยู่ด้านหน้า แต่ก็ยังไม่เจอใครที่มีหัวใจสีแดงเลย จนเหลือต้น สนและนินาสามคนสุดท้าย
"เอาล่ะครับทุกท่าน ตอนนี้เราก็เหลือ หนึ่งหญิง สองชาย ในสามคนนี้ จะต้องมีอย่างน้อยสองในสามนี่แหละครับที่จะเป็นเนื้อคู่กัน มาลุ้นกันนะครับว่าเราจะได้เนื้อคู่ชาย-หญิงหรือว่าชาย-ชายกันนะครับ"
พูดมาถึงตรงนี้ เสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นก็ดังยิ่งกว่าเดิม
"ถามก่อนครับ น้องสามคนนี้รู้จักกันหรือเปล่าครับ"
ทั้งสามคนพยักหน้า
"น้องสามคนรู้จักกันด้วยนะครับ ไม่ธรรมดาเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือบุพเพสันนิวาสที่วันนี้เราเหลือสามคนสุดท้ายที่รู้จักกันเสียด้วย เอาล่ะ ให้ใครเปิดก่อนดี ให้น้องคนกลางเปิดก่อนดีกว่า น้องเปิดเลยครับ"
เมื่อสนแน่ใจว่าพิธีกรรุ่นพี่คนนั้นหมายถึงตัวเขาเอง สนก็ค่อยๆ แกะตลับรูปหัวใจออก แล้วก็พบว่ามีหัวใจสีแดงอยู่ข้างในเสียด้วยสิ เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งห้องได้เป็นอย่างดี
"เอาล่ะครับๆ เดี๋ยวเรามาลุ้นกันนะครับว่าวันนี้เราจะได้เนื้อคู่ชาย-หญิง หรือว่าเนื้อคู่ชาย-ชายกันนะครับ เอ้า...น้องที่เหลืออีกสองคนเปิดตลับพร้อมกับเลยครับ หนึ่ง สอง สาม เปิด"
แล้วก็ปรากฎว่า คนที่ได้ตลับที่มีรูปหัวใจสีแดงอยู่ข้างในก็คือต้น เสียงกรี๊ด เสียงโห่ดังระงมไปทั้งงาน
"โอ้โห...เราได้เนื้อคู่คนใหม่แล้วนะครับ ไม่ธรรมดาซะด้วย ก่อนอื่น...เชิญน้องผู้หญิงนั่งที่ก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะมาสัมภาษณ์เนื้อคู่หรือว่าคู่ชีวิตคนใหม่ในงานของเรากันดีกว่า"
สิ้นเสียงพิธีกร นินาก็เดินกลับที่นั่งของตัวเองด้วยความผิดหวัง ตั้งแต่ที่น้องชายเธอแซวเล่นคราวนั้น เธอก็ภาวนามาตลอดว่าขอให้มีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้เธอได้เจอกับสนเป็นครั้งที่สาม ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง ก็ขอให้เธอกับเขาเป็นเนื้อคู่กัน แต่เกมส์ในงานนี้ก็ทำให้เธอถึงกับหมดความมั่นใจไปเยอะเลยทีเดียว นับว่าผิดคาดจริงๆ แต่มันก็คงเป็นแค่เกมส์สนุกๆ เฉยๆ มากกว่า จะเป็นไปได้ไงที่ต้นกับสนจะเป็นเนื้อคู่กัน
"ถามตรงๆ เลยนะครับ เมื่อกี้น้องสองคนบอกว่ารู้จักกันอยู่แล้ว ถ้าอย่างงั้น...น้องสองคน...รักกันจริงๆ หรือเปล่าครับ"
พิธีกรหนุ่มพูดจบแล้วก็ส่งไมค์ไปจ่อที่ปากสนทันที
สนเอามือกอดคอต้นไว้ รู้สึกตื่นเต้นและใจสั่นมากทีเดียวที่ต้องพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนจำนวนมาก แต่สนก็ตัดสินใจพูดกรอกใส่ไมค์ไปว่า
"รักกันจริงๆ ครับ"
สนเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อจากนั้น แต่ก็ไม่มีใครได้ยินแล้วเพราะเสียงโห่ร้องดังมากจนกลบเสียงที่เขาพูดไปจนหมด ต้นหันไปมองเพื่อนด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าสนจะพูดอย่างนั้นจริงๆ
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดให้กำลังใจ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอน