▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓  (อ่าน 198343 ครั้ง)

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
T T

ปาดน้ำตา

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อ่อ เข้าใจผู้แต่งละคับ ชอบแนวโศกนาฎกรรมความรักนี่เอง มันก็จริงคับ มีพบก็ต้องมีพราก ดีใจก็ทุกข์ ความเสียใจ ไม่พอใจ ไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ ทรมานใจ รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปยังไงต่อ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ออกจะงงๆอ่ะครับคนแต่ง เหมือนตัดทิ้งรึเปล่ารึว่าไง ถึงคนเม้นจะเม้นแรง แต่ก็อ่านอยู่ดีอ่ะครับ ถึงมันจะเลวร้ายแค่ไหน ขอแค่คนแต่งทำอย่างสัญญาว่าจะจบแบบน่าจดจำก็พอ หรือยังไงก็บอกด้วยนะครับคนแต่ง รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
จากสปอยล์..เหมือนกับข้ามพาร์ทมาปัจจุบันเลยใช่ไหมคะเนี่ย? แต่สำหรับต้นเราว่าดีแล้วค่ะ ถึงแม้การบอกความจริงกับพ่อแม่ก่อนที่จะย้ายไปเรียนต่อเลย อาจจะดูเป็นวิธีการที่ใจร้ายไปสักหน่อย ก็ดีกว่าการที่ต้นไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลยนั่นล่ะนะคะ ^^ รอตอนต่อไปจ้าา..

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สปอย์แบบหน่วงๆ อ่ะ แต่ก็เข้าใจต้นน่ะ รักไม่สมหวังก็ต้องถอยออกมา
หารักที่ดีกว่าหาคนที่พร้อมจะยืนข้างเราพร้อมที่จะเดินไปพร้อมเรา
อย่ายึดติดกับอะไรที่ไม่มีทางเป็นของเราเลย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
รอนะคะ พี่กริดนี่คือแฟนคนที่เท่าไรของต้นนะ
แล้วสนจะมีลูกสักกี่คนกันนะ

ว่าแต่ชาตินี้ สนจะได้บอกรักต้นมั่ยน้อออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2015 15:37:46 โดย snowboxs »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 21: วันที่รักหมดหนทางไป


สนกลับมาถึงบ้านพักในตอนสายๆ ด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากคนไร้วิญญาณ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเพราะไปเรียนกันหมดแล้ว สนเอากระเป๋าและของขึ้นมาเก็บในห้องนอนของตัวเอง ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาควรจะไปเรียนไหมวันนี้เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย ก่อนจะได้ตัดสินใจสนก็พลันเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ แปะไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าของเขา จึงรีบเดินไปหยิบมาอ่านทันทีด้วยความอยากรู้

เมื่อคืนเรากลับมาไว เห็นนิกกับจั่นบอกว่านายออกไปขายของ
นายลืมล็อกห้อง เราเลยเอาชุดนักศึกษานายมารีดให้
รีดให้สองชุดก่อนนะ อยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้ว
ทำงานเยอะอย่าลืมพักพ่อนบ้าง เราเป็นห่วงนะ
ไว้พรุ่งนี้เราเจอกันที่อ่างแก้วตอนเย็นๆ นะสน :)
- ต้น -


สนเข่าอ่อนและทรุดลงนั่งพิงกับตู้เสื้อผ้าทันทีที่อ่านจบ น้ำตาหลั่งรินไหลมาราวกับทำนบเขื่อนที่พังทลาย ไม่มีสิ่งใดหยุดมันได้ ยิ่งรู้ว่าต้นดีกับเขามากเท่าไหร่ สนก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวจะทำลายความหวังทั้งหมดที่มีไปได้ขนาดนี้ ความรักของเขากับต้นคงหมดหนทางไปแล้วเพราะความไม่รู้จักระวังของเขาเอง

ตอนนี้พ่อกับแม่สนรู้เรื่องทั้งหมดแล้วเพราะพ่อกับแม่ของนินาบังคับให้สนโทรไปหาแม่ สุดท้ายผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันว่าจะให้นินากับสนหมั้นกันก่อน เรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน แต่สนก็กลัวว่าเขาอาจจะต้องแต่งงานกับนินาเร็วกว่านั้น เมื่อคืนเขาไม่ได้ป้องกันเลย ถ้าเกิดเธอท้องขึ้นมาเขาก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร เผลอๆ จะเรียนไม่จบด้วยกันทั้งคู่

"เราขอโทษนะต้น เราขอโทษ..."

สนรำพึงรำพันกับตัวเองเหมือนคนใจจะขาดรอนๆ เขาค่อยๆ ยันกายลุกขึ้น เดินไปที่เตียงนอนแล้วก็หยิบรูปถ่ายของเขากับต้นที่ถ่ายไว้ตอนไปบางแสนมาดู สนใช้มือลูบเบาๆ ตรงส่วนที่เป็นใบหน้าของต้น จากนั้นก็เอารูปมากอดแนบไว้กับอก

"เรารักนายนะต้น รักมากที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายจะเป็นที่หนึ่งในใจของเราตลอดไป"

คำว่ารักที่ไม่มีใครได้ยินจะมีประโยชน์อะไร ต่อให้พูดออกไปก็ไม่มีความหมายมากไปกว่าลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านไป วันนี้มันสายเกินไปแล้ว สนคงไม่กล้าบอกความรู้สึกของเขากับต้น อย่าผูกมัดต้นไว้กับความรักที่เป็นไปไม่ได้อีกเลย ต้นจะได้ไปเจอกับคนที่ดีๆ ที่จะดูแลต้นได้เสียที ที่ผ่านมาสนรั้งต้นไว้มาตลอด คงถึงเวลาที่จะต้องปล่อยต้นไป ต่อให้มีปาฏิหาริย์ ความรักครั้งนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้

พ่อกับแม่เองก็เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สนทำให้แม่ร้องไห้ แม้ว่าพ่อกับแม่จะอยากให้สนแต่งงานไวๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ สนก็ได้แต่หวังว่าอะไรๆ มันจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว เขาพยายามทำแต่สิ่งดีๆ มาตลอด แต่ทำไมชีวิตถึงต้องมาเจอวิบากกรรมที่โหดร้ายเช่นนี้


ต้นหาที่จอดจักรยานได้แล้วก็รีบเดินออกมาตามหาสนทันที รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนที่สนบอกว่ามารอที่อ่างแก้วแล้ว ต้นนึกว่าสนจะพาต้นปั่นจักรยานมาที่นี่ด้วยกันเสียอีก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่วันนี้ต้นกับสนได้เปิดใจพูดคุยกันก็พอแล้ว หวังว่าสิ่งที่สนจะบอกกับต้นวันนี้คงจะไม่ต่างกับสิ่งที่ต้นมองเห็นและสัมผัสได้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรอกนะ ก็อย่างที่สนเคยบอกต้นไว้วันนั้น ต่อให้สนไม่พูด ต้นก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่สนทำหมายถึงอะไร แต่ถ้าบอกกันมาตรงๆ ก็จะดีกว่านะสน แค่คิดต้นก็มีความสุขจนหัวใจพองโต

สนนั่งชันเข่ารออยู่ตรงริมอ่างน้ำพอดี ต้นเห็นแล้วก็ยิ้มดีใจ เขารีบเดินแกมวิ่งไปหาสนทันที

"สน เรามาแล้ว ขอโทษที มาช้าไปหน่อย"

สนหันมามองมาคนที่กำลังวิ่งมาหา เห็นต้นยิ้มแล้วสนก็ยิ่งสะท้อนใจ เขายังไม่รู้เลยว่าจะบอกต้นว่ายังไง ต้นคงกำลังดีใจเพราะคิดว่าสนกำลังจะบอกความในใจให้ฟัง แต่หารู้ไม่ว่าสนคงจะพูดความในใจอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว สนสงสารต้นเหลือเกินที่จะต้องผิดหวัง

สนพยายามฝืนยิ้มให้ต้น แต่ในใจก็สับสนว้าวุ่นไปหมด

"วันนี้นายเลิกเร็วเหรอถึงได้มาถึงก่อน" ต้นถามพลางนั่งชันเข่าลงข้างๆ วันนี้หน้าตาของต้นดูสดใสมากทีเดียว แต่สนกำลังจะทำให้คนที่กำลังยิ้มอยู่ตอนนี้ต้องเสียใจในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

"อืม" สนพยักหน้าช้าๆ รอยยิ้มเศร้าๆ นั้นทำให้ต้นเอะใจเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก

"เรามีเพลงจะให้นายฟังด้วยนะ เพิ่งออกมาใหม่ ฟังก่อนแล้วค่อยคุยกัน ความหมายดีมากเลย เราชอบมาก บางที...นายก็อาจจะคิดเหมือนเพลงนี้ก็ได้"

ต้นกุลีกุจอหยิบโทรศัพท์กับหูฟังออกมาจากกระเป๋าแล้วก็ส่งหูฟังให้สน สนรับหูฟังมาใส่ แม้สภาพจิตใจตอนนี้ไม่สู้ดีเลย แต่สนก็จะตั้งใจฟังเพลงนี้ที่ต้นอยากให้เขาฟัง

รักเธอคนเดียว (ณัฐ ศักดาทร)

https://www.youtube.com/v/U7vTpU59aUg

ถ้าฉันนี้เป็นคนธรรมดาทั่วไป
ไม่ใช่ภาพสวยงามอย่างที่เธอวาดไว้
ขอถามสักคำหนึ่ง จะมีสิทธิ์ไหมจะบอกคำนี้ไปกับเธอ

เพราะฉันไม่ใช่คนมีเวทมนตร์วิเศษ
เนรมิตดวงดาวให้เธอก็คงไม่ไหว
ที่ฉันพอทำได้คือเอ่ยคำนี้ที่เก็บไว้ข้างใน
นี่คือสัญญาที่มาจากหัวใจ
ก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนได้ดีกว่าสี่พยางค์
ที่ฉันจะขอพูดไป

รักเธอคนเดียว แค่เท่านี้ที่ใจของฉันมี
คือรักแท้ให้เธอทุกนาที ให้เธอช่วยรับมันไปได้ไหม
รักเธอคนเดียว แม้จะดูเป็นคำสั้นๆ คำหนึ่งเท่านั้น
แต่ว่ามันจะยาวนานแสนนาน ตราบที่มีลมหายใจ ขอให้เชื่อใจฉัน

ก็รู้ว่าเท่าที่มี ไม่ได้มีเหมือนใคร
รู้ว่าเท่าที่เป็น ไม่ได้เป็นเหมือนฝัน
ที่ฉันพอทำได้คือเอ่ยคำนี้ที่เก็บไว้ข้างใน
นี่คือสัญญาที่มาจากหัวใจ
ก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนได้ดีกว่าสี่พยางค์
ที่ฉันจะขอพูดไป


พอฟังถึงแค่ท่อนฮุกเท่านั้น น้ำตาสนก็ไหลมาเป็นทางอย่างไม่อาจห้ามได้ แม้ว่าจะพยายามสะกดจิตสะกดใจแค่ไหน สนก็ไม่สามารถหยุดได้ เขาดึงมือต้นมาจับไว้ มองหน้าต้นที่ตอนนี้ดูตกใจมากทีเดียวที่อยู่ดีๆ สนก็ร้องไห้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

"ยังไม่ต้องพูดอะไรต้น"

สนรีบบอกเมื่อเห็นต้นทำท่าจะถามว่าเขาเป็นอะไร แล้วก็ฟังเพลงไปร้องไห้ไปอย่างนั้น ประโยคแรกในท่อนฮุกช่างบาดใจสนเหลือเกิน หลายปีที่ผ่านมาสนก็บอกได้เหมือนกันว่าเขาก็รักต้นคนเดียว ไม่มีใครอื่นอีกเลย แต่อนิจจา...สนคงไม่ได้บอกต้นว่าเขารักต้นคนเดียวอีกแล้ว คำว่ารักของสนมีแต่จะกักขังต้นไว้ แล้วสนจะกักขังต้นไว้เพื่ออะไรในเมื่อสนเองก็ต้องจากไปมีครอบครัวของตัวเองในไม่ช้านี้ อย่าทรมานต้นอย่างนี้อีกเลย

สนฟังไปจนจบเพลงแล้วก็ส่งหูฟังคืนให้ต้น ดีที่ว่าไม่มีคนมาเดินป้วนเปี้ยนแถวนี้ ไม่งั้นคนอื่นๆ คงจะตกใจและสงสัยกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น

"นายเป็นอะไรน่ะสน ทำไมนายร้องไห้แบบนี้"

ต้นชักใจคอไม่ค่อยดี เขารับหูฟังกับโทรศัพท์มาเก็บใส่กระเป๋าไว้โดยไม่ยอมละสายตาจากคนข้างๆ เลย

"ต้น...ขอบคุณนายมากนะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆ ที่นายมีให้เรามาตลอด เรารู้สึกดีมาก เราโชคดีที่สุดแล้วที่เราได้มาเจอกับนาย ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรามีความสุขมากนะที่ได้อยู่กับนายมาตลอดสิบเอ็ดปีที่ผ่านมา เราไม่รู้ว่าต่อไปวันข้างหน้า เราสองคนจะไปเจออะไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบนี้อีกไหม แต่เราขอให้นายรู้ไว้นะต้น นายคือคนที่ดีที่สุด คือสิ่งที่ดีที่คนอย่างเราโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอกับนาย"

"นายกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะสน เราไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นเหรอ หรือว่า...พ่อกับแม่ของนายรู้เรื่องของเราแล้ว"

สนส่ายหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าร้องไห้อีกครั้ง

"ต้น...ลืมเราเถอะนะต้น อย่ารักเราเลยนะต้น เราไม่มีอะไรดีพอสำหรับนายเลย"

"ทำไมล่ะสน" ต้นอ้าปากค้างด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจอย่างที่สุด

สนหันมามองต้นผ่านม่านน้ำตาอีกครั้ง

"ต้น...เราจะหมั้นกับนินาอาทิตย์หน้านะ"

ไม่มีเสียงพูดใดๆ ออกมาจากปากของต้น ไม่มีน้ำตาสักหยด ทุกอย่างเงียบงัน มีเพียงสีหน้าของต้นที่แสดงให้เห็นว่าต้นกำลังช็อกกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้มากเพียงใด

"เราพลาดไปแล้วต้น"

สนก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีกเหมือนกัน ยิ่งพูดก็คงยิ่งทำร้ายต้นให้เจ็บมากเข้าไปอีก อย่าให้ต้นต้องเจ็บมากไปกว่านี้เลย ถ้าหากขอได้ สนอยากขอให้เขาสูญเสียการรับรู้ทุกอย่างไปในตอนนี้ เขาไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดของคนที่เขารัก แต่ในขณะเดียวกันเขากลับช่วยอะไรไม่ได้ ใครก็ได้ จะเอาปืนมายิงหรือจะทำให้หมดสติหรือทำให้เขาตายไปตอนนี้เลยก็ได้ สนไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดอย่างนี้อีกแล้ว

ต้นค่อยๆ หยิบกระเป๋ามาสะพายแล้วก็ลุกขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองสนอีกเลย ต้นเสียใจจนเกินกว่าจะรับรู้อะไรมากกว่านี้ได้อีกต่อไป

"ต้น เราขอโทษ..."

สนรำพึงรำพันตามคนที่เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว แม้จะสงสารต้นแค่ไหน เขาก็ไม่อยากรั้งต้นไว้ พอต้นหายลับตาไปแล้วสนจึงหันกลับมาที่เดิม เขานั่งอยู่อย่างนั้นอีกนานทีเดียว จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น แค่เห็นชื่อสนก็แทบอยากจะหายตัวไปจากโลกนี้แล้ว

"พี่สนคะ นินาขอโทษนะคะ นินาผิดเอง...ที่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"

สนปรับความรู้สึกไม่ถูกเลยว่าควรจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาก็เพิ่งจะสูญเสียสิ่งที่รักที่สุดในชีวิตไป แค่นั้นก็เสียใจมากพอแล้ว แล้วเขาควรจะต้องเสียใจกับการร้องไห้ของผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้ความฝันของเขาพังทลายลงด้วยหรือ

"ช่างมันเถอะนินา มันผ่านไปแล้ว" สนพยายามข่มน้ำเสียงให้เป็นปกติ

"พี่สนยกโทษให้นินานะคะ นินารักพี่สน นินาก็เลย...ไม่ได้ขัดขืนพี่ ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นินาไม่ดีเอง นินา...ไม่น่าปล่อยตัวปล่อยใจแบบนั้นเลย"

นินายังไม่วายพูดซ้ำเรื่องเดิมที่สนไม่อยากได้ยินอีกแล้ว เสียงร้องไห้ของเธอทำให้สนรู้สึกรำคาญมากกว่าสงสาร

"พอเถอะนินา พี่ก็บอกแล้วไงว่ามันผ่านไปแล้ว ถ้านินาผิด พี่ก็ผิดยิ่งกว่า"

"ก็นั่นแหละค่ะ นินาถึงอยากขอโทษพี่สนไงคะ"

"พอได้แล้วนินา ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว" สนบอกเสียงเข้ม ถ้าขืนนินาพูดเรื่องนี้อีกครั้งเขาคงหมดความอดทนที่จะฟัง

"ค่ะพี่สน แต่ว่า...ตอนนี้...นินากลัวค่ะพี่ นินากลัวว่านินาจะท้อง ถ้าเกิดนินาท้องขึ้นมา พ่อกับแม่คงเอานินาตายแน่ๆ เลยค่ะพี่สน ไหนจะเรียนไม่จบ ไหนจะท้องอีก"

สนถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกเครียด เขาเองก็กลัวเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่เขากลัวเลย

"เธอไม่ต้องห่วงหรอก ลูกของพี่ พี่เลี้ยงเขาได้ เธอหยุดร้องไห้ได้แล้ว"

"ค่ะ นินาจะไม่ร้องไห้นะคะ แต่ว่า...พี่สนอย่าทิ้งนินานะคะ นินากลัว...นินากลัวว่าพี่สนจะทิ้งนินาไป"

สนต้องพยายามข่มใจอย่างมากที่จะไม่ให้โมโห ถ้าเขาจะทิ้งความรับผิดชอบไป งานหมั้นมันจะเกิดขึ้นมาได้ยังไง

"นินาไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอก พี่เป็นลูกผู้ชายพอ ยังไงพี่ก็จะรับผิดชอบให้ นินากลัวว่าพี่จะทิ้งนินาไป แต่นินาเคยรู้ไหม...ว่าพี่ต้องสูญเสีย ต้องทิ้งอะไรไปบ้าง"

"พี่สนหมายความว่าไงคะ"

สนถอนหายใจยาวอีกครั้งอย่างอ่อนล้า "ช่างเถอะ เธออย่ารู้เลย เอาเป็นว่า...เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น"

"ค่ะพี่สน ถ้าพี่สนยืนยันแบบนี้ นินาก็ไม่กลัวค่ะ นินารักพี่สนนะคะ"

สนอยากจะหูหนวกขึ้นมาให้รู้แล้วรู้รอด คำว่ารักของนินาแทบจะทำให้เขาเป็นบ้าอยู่แล้ว อย่าพูดอีกเลย เขาไม่อยากได้ยินคำว่ารักจากใครทั้งนั้นในตอนนี้


งานหมั้นของสนกับนินาจัดขึ้นอย่างเงียบๆ มีเพียงพ่อกับแม่ของทั้งสองฝายเท่านั้นที่มาเป็นสักขีพยาน ต้นไม่ยอมแม้แต่จะเฉียดกรายมางานหมั้นของสนเลย ทำให้พ่อกับแม่ของสนดูเหมือนจะแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ต้นไม่ยอมมางานสำคัญของเพื่อน ส่วนนิกกับปั้นจั่นก็ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยเพราะติดธุระ ไม่สามารถยกเลิกได้ทันเพราะงานหมั้นของสนจัดขึ้นกะทันหันโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

สนพาพ่อกับแม่กลับมาถึงบ้านพักในตอนเย็นๆ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย เลิกเรียนแล้วต้นก็ยังไม่กลับบ้าน ช่วงที่ผ่านมาสนแทบไม่ได้คุยกับต้นเลย ต่างคนต่างหลบหน้ากัน ต้นเงียบและนิ่งเฉยกับเขามากเวลาที่เจอกัน ทำให้สนรู้สึกประหม่าไม่กล้าแม้แต่จะทักทาย

สมก้มลงกราบเท้าพ่อกับแม่แล้วก็ร้องไห้

"พ่อครับ แม่ครับ สนขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่เสียใจ"

อยู่ดีๆ สนก็หาเรื่องให้ท่านสองคนเดือดร้อนต้องขึ้นมาหาถึงที่นี่ แถมยังต้องเสียเงินเสียทองโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้อีก พ่อกับแม่อุตส่าห์ทำงานหนักและเหนื่อยเพื่อหาเงินให้สนเรียนหนังสือและทำร้านอาหาร เงินที่เก็บไว้บางส่วนกลับต้องเอามาจ่ายเป็นค่าสินสอดทองหมั้นเพราะพ่อกับแม่นินาไม่ยอมท่าเดียว ยังไงก็จะให้จัดงานหมั้นให้เร็วที่สุด ในฐานะผู้เสียหายก็ย่อมรู้สึกกลัวที่จะถูกหักหลัง การจัดงานหมั้นให้เร็วที่สุดนั่นแหละที่จะทำให้พ่อกับแม่ของนินามั่นใจได้

"ช่างมันเถอะลูก ลุกขึ้นๆ"

คนเป็นพ่อย่อตัวลงมาแตะไหล่ลูกชายเบาๆ

สนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แม้จะสบตากับพ่อกับแม่สนก็ยังไม่กล้านัก เขารู้สึกละอายใจที่ทำให้บุพการีต้องมาลำบากกับเขาถึงขนาดนี้ น้ำตาของสนเหือดแห้งไปแล้ว แต่ใจของเขายังคงร้องไห้ข้างในไม่หยุดหย่อน เขากลายเป็นผู้ชายขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

"สนรักน้องเขาหรือเปล่าล่ะลูก" แม่เป็นฝ่ายถามบ้าง สิ่งที่เธอห่วงก็คงเป็นเรื่องนี้ เรื่องนั้นผ่านไปแล้วก็ช่างมัน

"เอ่อ..."

"สนไม่ได้รักน้องเขาหรอกเหรอลูก" พ่อถามเมื่อเห็นสนลังเลใจ

"ยัง...ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ"

"แล้วสนจะอยู่กับน้องเขายังไงล่ะลูก ถ้ายังไม่ได้รักกันแบบนี้ ชีวิตคู่มันไม่ง่ายหรอกนะสน คนเราจะอยู่ด้วยกันได้มันต้องอาศัยอะไรหลายๆ อย่าง นี่รักกันก็ยังไม่รักเลย จะอยู่กันยังไง" แม่ของสนจ้องหน้าลูกชายที่ยังหลบหน้าหลบตาอยู่เหมือนกับพยายามจะหาคำตอบในแววตาของสน

"ช่างเถอะแม่ ก็ลูกชายเรามันไปทำให้เขาเสียหาย มันก็ต้องรับผิดชอบ รักหรือไม่รักมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เดี๋ยวอยู่ๆ กันไปเขาก็รักเองแหละ เหมือนพ่อกับแม่ไง ก่อนแต่งงานกันก็เจอกันไม่กี่ครั้งเอง ก็ยังรักกันได้เลย นี่สนมีเวลาตั้งเป็นปีสองปีกว่าจะแต่งงาน รู้จักกันมากขึ้นเดี๋ยวก็รักกันเองแหละแม่ ดีเสียอีกนะแม่ พ่อกับแม่จะได้มีหลานไวๆ ไม่ดีเหรอแม่" ฝ่ายพ่อรีบปรามเมื่อเห็นฝ่ายแม่กำลังซักไซร์ลูกชายอย่างนั้น พ่อรักสนมาก ค่อนข้างตามใจสนมากกว่าแม่

"มันก็ดีอยู่หรอกพ่อ แต่แม่ก็เป็นห่วงลูก กลัวว่าลูกจะไม่มีความสุข เกิดเขาแต่งงานกันไปแล้วก็มีปัญหากัน เด็กสมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยเรานะพ่อ รักกันง่าย เลิกกันง่าย"

"แต่ที่สนเล่าให้ฟัง พ่อว่าหนูนินาเขาก็เป็นเด็กดีนะแม่ ขยันขันแข็ง หาเงินเรียนหนังสือเองตั้งแต่เด็กๆ ถ้าแต่งงานกับสนก็จะได้มาช่วยกันดูแลร้านอาหาร พ่อว่ามีสะใภ้ขยันๆ แบบหนูนินานี่แหละดี ลูกสะใภัขยันๆ หาไม่ได้ง่ายๆ นะแม่" ดูเหมือนพ่อของสนจะอารมณ์ดีขึ้นหลังจากที่ได้เจอกับนินาในงานหมั้น ท่าทางพ่อจะชอบนินามากทีเดียวที่เห็นเธอเป็นคนขยันขันแข็ง รู้จักช่วยพ่อช่วยแม่ทำงานตั้งแต่เด็กๆ ต่างจากเด็กวัยรุ่นทั่วไป จะว่าไป ทั้งพ่อและแม่ของสนกลับดูผ่อนคลายลงมากกว่าที่สนกังวลเสียอีก ท่าทางจะชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้อยู่เหมือนกัน

"อ้อสน แล้วนี่ต้นเขามีธุระเหรอลูก ไม่เห็นมางานหมั้นสนเลย" พ่อของสนถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้

"นั่นสิลูก ทำไมวันนี้ต้นไม่เห็นมางานหมั้นสนเลยล่ะลูก แม่ว่ามันแปลกๆ สนไม่ได้ทะเลาะกับเพื่อนใช่ไหมลูก" แม่ของสนสงสัยอีกคน

"เปล่าครับแม่" สนรีบแย้ง "พอดี...ต้นเขามีงานน่ะครับแม่ งานหมั้นของผมก็จัดกะทันหันไปหน่อย ต้นเขายกเลิกงานเขาไม่ทันครับ" สนแก้ตัวแทนเพื่อน

"อ้อ อย่างนี้นี่เอง แม่ก็ว่าอยู่ว่าทำไมต้นไม่มา งานสำคัญของเพื่อนแบบนี้ต้นไม่น่าพลาด แล้วต้นเขาจะกลับกี่โมงล่ะลูก พ่อกับแม่จะได้เจอต้นหรือเปล่า นี่ก็เย็นแล้ว ต้นน่าจะกลับแล้วมั้งลูก"

สนหน้าเจื่อน ได้ยินชื่อต้นทีไรเขาก็อดสะท้อนใจไม่ได้ทุกที "ไม่น่าจะทันน่ะครับ แต่ว่า...ต้นเขาฝากของไว้ให้พ่อกับแม่ด้วยครับ อ้อ เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาของที่จะฝากไปให้พ่อแอ๊ดแม่เยาแป๊บนึงนะครับ"

สนบอกแล้วก็ขอตัวพ่อกับแม่ขึ้นไปเอาของที่ห้อง สักพักก็ลงมาพร้อมกับถุงกระดาษสองใบ ใบแรกเป็นของที่ต้นฝากไว้ให้กับพ่อกับแม่ของสน ส่วนอีกใบสนจะฝากพ่อกับแม่ให้เอาไปให้พ่อกับแม่ของต้น

"ต้นนี่เขาก็ดีเสมอต้นเสมอปลายนะแม่ แอ๊ดกับเยานี่เขาเลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ ว่าแต่...ต้นเขามีแฟนหรือยังล่ะลูก"

ผู้เป็นพ่อถามในขณะที่เปิดดูเสื้อที่ต้นฝากไว้ให้ เห็นแล้วก็ยิ้มด้วยความชอบใจเพราะต้นเลือกแบบที่พ่อกับแม่ของสนชอบมาให้นั่นเอง

"ยังหรอกครับ" สนตอบสีหน้าเจื่อน

"เออ...แปลกเหมือนกันนะแม่ ต้นนี่ก็อายุเท่าไหร่แล้วล่ะปีนี้ ยี่สิบเอ็ดเท่ากับสนใช่ไหมลูก เออ...ไม่ยักกะมีแฟนกับเขา สนไม่ลองหาแฟนสวยๆ ให้เพื่อนสักคนล่ะลูก ต้นจะไม่ได้เหงา เห็นแอ๊ดกับเยาเขาก็ชอบบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าต้นไม่ยอมมีแฟนซะที ก็แปลกนะแม่ บางบ้านนี่พ่อกับแม่ปวดหัวที่ลูกมีแฟนมั่วไปหมด แต่บ้านแอ๊ดกับเยากลับปวดหัวที่ลูกไม่ยอมมีแฟน คนเรานี่ไม่มีความพอดีเลย" พ่อของสนพูดติดตลกตอนท้ายพลางหัวเราะชอบใจ

"ผมว่าเรารีบไปสนามบินกันดีกว่าครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน"

สนรีบตัดบท เขาไม่สะดวกใจนักที่จะคุยเรื่องนี้ พ่อกับแม่จึงได้หยุดคุยกัน


ต้นกลับมาถึงบ้านก็เจอนิกกับปั้นจั่นที่เพิ่งมาถึงเช่นเดียวกัน คู่หูสองคนเห็นต้นเดินเข้ามาในบ้านก็รีบออกจากห้องครัวเดินมาหาต้นทันที

"ต้น...มึงเป็นไงมั่ง" นิกถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เป็นห่วง เขาเห็นต้นเงียบขรึมมาหลายวันแล้ว ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา กลับมาถึงบ้านก็อยู่แต่ในห้อง

"นิก...จั่น...กูไม่ไหวแล้วว่ะ กูขอตัวก่อนนะเว้ย เดี๋ยวค่อยคุยกัน"

"เออๆ มีอะไรก็บอกพวกกูนะเว้ย แล้วนี่มึงจะกินข้าวก่อนไหม กูซื้อมาเผื่อมึงด้วย" ปั้นจั่นถามพลางคอยสังเกตสีหน้าและแววตาของต้น ต้นดูเครียดและเศร้ามากทีเดียว

"เดี๋ยวก่อนละกัน ถ้ากูหิวเดี๋ยวกูจะลงมากินเอง ขอบใจพวกมึงมาก"

นิกกับปั้นจั่นพยักหน้าเข้าใจ ไม่อยากจะเซ้าซี้ต้นเพราะรู้ว่าต้นยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยตอนนี้

ต้นถอดรองเท้าวางเสร็จแล้วก็รีบเดินขึ้นห้องไป เพื่อนสองคนได้แต่มองตามตาปริบๆ อย่างเป็นห่วง

"ไอ้สนนะไอ้สน กูเคยเตือนมันแล้วมันไม่เชื่อกู ผู้หญิงคนนี้ดูธรรมดาเสียที่ไหน" นิกพูดขึ้นเมื่อแน่ใจว่าต้นไม่น่าจะได้ยินแล้ว

"มึงดูออกด้วยเหรอวะนิก" ปั้นจั่นสงสัย

"เออดิวะ มึงไม่เห็นหรือไง นินานี่เขาคอยตามสนตลอดเลยนะเว้ย ไอ้สนนี่ก็ไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้จักระวัง ไปไหนมาไหนกับเขาไปทั่ว กูไม่รู้จะช่วยยังไงว่ะ" นิกอดบ่นอีกไม่ได้

"เออๆ ช่างมันเถอะเว้ย มันพลาดไปแล้ว มันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก มึงก็อย่าว่ามันมากนักเลยไอ้นิก กูเห็นมึงบ่นมันให้กูฟังหลายรอบละ"

"ก็กูสงสารไอ้ต้นมันนี่หว่า เป็นซะแบบนี้ก็คงหมดหวังไปแล้วไอ้ต้นเอ๊ย ก็ต้องทำใจอย่างเดียวแหละวะ"

นิกกับจั่นกำลังจะกินข้าว คนที่ถูกพาดพิงอีกคนก็กลับมาถึงพอดี

"อ้าวสน เป็นไง พ่อกับแม่มึงกลับไปแล้วเหรอ" ปั้นจั่นร้องถามทันทีที่สนโผล่เข้ามาในบ้าน

"ขึ้นเครื่องไปแล้ว" สนถอดรองเท้าวางแล้วก็เดินเข้ามาที่โต๊ะที่นิกกับปั้นจั่นนั่งอยู่

"มึงขึ้นไปคุยกับต้นหน่อยดิ สงสารมันว่ะ พวกกูสองคนปลอบมันก็ไม่เหมือนที่มึงปลอบมันหรอก" นิกบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

"ต้นไม่ยอมคุยกับกูเลยนะเว้ย" สนรีบแย้ง

"มันก็รอมึงคนเดียวนั่นแหละ หรือมึงคิดว่าใครจะปลอบมันได้ดีกว่ามึงล่ะ"

นิกพูดมาอย่างนั้นสนก็ต้องคล้อยตามด้วย ใครล่ะจะปลอบใจต้นได้ถ้าไม่ใช่สน เพราะคนที่ต้นรักมากกว่าใครก็คือสนนั่นเอง

"ขึ้นไปคุยกับมันไป กูซื้อข้าวมาเผื่อมึงอยู่ ถ้าหิวค่อยลงมากินละกัน" ปั้นจั่นสำทับอีกคน

สนพยักหน้า แม้จะรู้สึกยุ่งยากใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้

"คุยกันดีๆ นะเว้ย ต้นมันเป็นคนมีเหตุผล สุดท้ายมันก็จะเข้าใจมึงแหละ" นิกเตือนก่อนที่สนจะเดินขึ้นบันไดไป "อ้อ ขอโทษด้วยนะเว้ยพี่พวกกูสองคนไม่ได้ไปงานหมั้นมึง"

"เออ...ไม่เป็นไร ขอบใจมากเพื่อน แค่นี้...พวกมึงก็ดีกับกูมากแล้ว ขอโทษนะเว้ยที่ทำให้พวกมึงมีแต่เรื่องไม่สบายใจ"

"เออๆ ไม่เป็นไร มึงรีบขึ้นไปหาต้นเถอะ" ปั้นจั่นรีบตัดบท

สนเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องต้น คิดอยู่สักพักจึงตัดสินใจเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับ สนลองขยับลูกบิดดูจึงรู้ว่าต้นไม่ได้ล็อกห้อง แล้วก็ถือวิสาสะเข้าไปในห้องต้นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

คนที่สนแสนจะรัก แสนจะคิดถึง แสนจะห่วงใยกึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยอาการเหม่อลอยอยู่บนเตียงทั้งที่อยู่ในชุดนักศึกษา ต้นแค่เหลือบหันมามองดูว่าใครเข้ามาแล้วก็หันกลับไปตามเดิม

สนค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปหาต้นอย่างช้าๆ เห็นต้นเศร้าแบบนั้นน้ำตาก็พาลจะไหลเสียให้ได้ สนกลายเป็นผู้ชายขี้แยไปแล้วในเวลานี้

"ต้น...คุยกับเราหน่อยได้ไหม" สนถามพลางนั่งลงบนเตียง

ต้นได้แต่ส่ายศีรษะ ไม่ยอมปริปากพูด

"ต้น...นายอย่าเป็นอย่างนี้สิต้น เราเป็นห่วงนายมากรู้ไหม"

สนกะพริบตาถี่ๆ เมื่อน้ำตาเจ้ากรรมไหลมาอีกแล้ว เมื่อเห็นว่าต้นยังคงนิ่งเงียบอยู่ สนก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ ผู้ชายคนนี้เมื่อหลายปีที่แล้วเคยอดกินขนมอยู่หลายเดือนเพียงเพราะจะเก็บเงินไว้จัดงานวันเกิดให้เพื่อนรัก ผู้ชายคนนี้เคยเจียดเงินค่าขนมมาซื้อน้ำไปให้สนตอนเย็นๆ เสมอเวลาสนเล่นฟุตบอล ผู้ชายคนนี้เคยยอมเจ็บปวดใจเพื่อที่จะเป็นพ่อสื่อให้สนได้จีบสาว ผู้ชายคนนี้ที่ยอมทิ้งชีวิตที่สดใสเพื่อมาเรียนเป็นเพื่อนกับสนที่เชียงใหม่ แทนที่จะเรียนที่อื่นเพื่อที่จะตัดใจจากสนไป ผู้ชายคนนี้ยอมนั่งทำขนมเป็นเพื่อนสนจนดึกๆ ดื่นๆ เพราะอยากช่วยให้เพื่อนมีเงินมาเปิดร้านอาหาร ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ใกล้ชิดดูแลกันและกันมาตลอดสิบเอ็ดปีไม่เคยจากไปไหน ไม่เคยมีวันไหนที่จะไม่นึกถึงกัน และอีกหลายเรื่องดีๆ ที่ผู้ชายคนนี้ได้ทำให้สนตลอดมา ทั้งหมดที่ผู้ชายคนนี้ทำก็เพราะ "ความรัก" ที่เขามีให้กับคนๆ หนึ่งนั่นเอง

สนจับไหล่สองข้างของต้นไว้ ประสานสายตากับต้นเพื่อที่จะสื่อสารหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่เขารู้สึกให้ต้นได้รับรู้ หลายวันมานี้ต่างคนต่างหลบหน้าหลบตา แต่วันนี้สนจะไม่หลบไปไหนอีก

"เราขอโทษนะต้น ขอโทษ..."

เห็นสนร้องไห้แล้วต้นก็ไม่สามารถจะทานทนความรู้สึกอ้างว้างและเจ็บช้ำในหัวใจได้อีกต่อไป ผู้ชายตรงหน้าคือคนที่ต้นรักมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นรักแรกของต้น เป็นความรักที่ต้นหวังเอาไว้ว่าจะเป็นความรักสุดท้าย แต่วันนี้ ความฝันนั้นพังทลายไปหมดแล้ว แม้จะเจ็บแค่ไหน อ้อมกอดที่อบอุ่นของสนคงจะพอเยียวยาต้นได้บ้าง คิดแล้วต้นก็โผเข้ากอดสนแน่นราวกับกลัวว่าสนจะจากไปไหนไกล

"เรารักของเรามาเป็นสิบๆ ปี ไม่มีความหมายอะไรเลย ฮือๆ"

นั่นเป็นเพียงคำพูดประโยคเดียวที่ต้นพูดออกมา จากนั้นต้นก็เอาแต่ร้องไห้ ไม่มีคำพูดใดๆ จากปากของต้นอีกนอกจากเสียงร้องไห้ราวกับจะขาดใจนั้น สนกอดเพื่อนแน่น น้ำตาไหล รู้สึกเหมือนจะขาดใจตามคนที่กำลังร้องไห้หนักอยู่ตอนนี้ไปด้วย

"เรารักนายนะต้น แต่เราขอโทษ เราขอโทษที่มันเป็นแบบนี้" สนได้แต่พูดในใจ คำว่ารักของเขาไม่มีความหมายอะไรอีกแล้วที่จะบอกต้นไป มันสายเกินไปเสียแล้วที่จะมาบอกเอาป่านนี้ สนใช้มือข้างหนึ่งลูบหลังต้น มืออีกข้างคอยลูบผมต้นเบาๆ เขารู้ว่าต้นเสียใจมากแค่ไหน แต่สนก็ไม่รู้จะปลอบคนที่เขารักให้ดีกว่านี้ได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดใดๆ ก็คงไม่ช่วยให้ต้นรู้สึกดีได้เลยในตอนนี้ เขาทำผิดไปแล้ว ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 19:01:31 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
เอาเป็นแบบนี้ก็แล้ว แล้วตัดทำไมอ่ะ เรากับเฉยๆนะ จะได้รู้สึกซะบ้าง ที่เราไม่เศร้าเพราะที่ผ่านมาสนยังไม่ได้ทำอะไรเท่าที่ต้นทำเลย ไม่รู้สิมันให้ความรู้สึกแบบว่าเอา เขาไปรักกันตอนไหน เขารักกันยังไงหรออะไรแบบนี้ ถ้าจะร้องไห้จริงคงจะร้องไห้ในตอนที่สองคนนี้ทำเพื่อกันแหละกัน ดูแลกัน ช่วยเหลือกันเพื่อความรักให้พ่อแม่และคนอื่นเข้าใจในความรักครั้งนี้มากมากมันจะสื่อถึงความรักที่แท้จริงและรักที่บริสุทธิ์มากกว่า แต่ที่เป็นอยู่นี้เป็นแค่การเริ่มต้นเอง แล้วเราก็ทำใจไว้นานแล้ว ถ้าจะเสียใจคงต้องบทคนที่ตัวเองรักมากแต่เขากับทำร้ายเราโดยการลอกลวงเราหักหลังเราทำให้เราเจ็บอันนี้คงเลิกอ่าน อันนี้ที่สนเจออยู่ยังพอรับได้ ถ้าต่อไปนินาไปมีคนใหม่ ทิ้งลูกไว้เราคงจะซ้ำเติมสนอ่ะ แต่ก็อย่างว่าสนยังคิดไม่ได้จะโทษสนมากก็ไม่ได้ ต่อไปก็ให้รอบครอบ แล้วคิดได้ไวๆหน่อยแล้วกัน

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
T T

สงสารต้นจริงๆ ที่สุดแล้ว


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:hao5: .. พูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ สงสารก็แต่ต้น~

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
ผมว่าคนแต่งก็แอบโรคจิตเล็กๆ นะ จะให้เจ็บอะไรกันหนักหนา เฮ้ย สงสารตัวเองที่อ่านที่ไรอินทุกที

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พูดไม่ออก สงสารต้นมากๆ เลย อ่านไปร้องไห้ไปเลยอ่ะ  :hao5:
แล้วแบบนี้จะมีวันสมหวังมั้ยเนี่ย หรือจะเหมือนชื่อเรื่องที่ต้องรอคอยต่อไปแบบไม่รู้จักเป็นวันไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2015 17:31:24 โดย Jibbubu »

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนได้บอกรักต้นในตอนที่มันสายไปแล้ว เศร้าใจกับความรักของ สน ต้น จริงๆเพราะนินามันใช้ยา ตอนนี้รักมันหมดหนทางไปสมชื่อตอนจริงๆคับ รอ รอ รอตอนใหม่ มาเร็วๆนะคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2015 18:17:42 โดย GuoJeng »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ้างถึง
"เรารักของเรามาเป็นสิบๆ ปี ไม่มีความหมายอะไรเลย ฮือๆ"
ประโยคนี้มันช่างบาดจิตบาดใจ
เป็นประโยคที่ยอมแพ้แล้วกับรักครั้งนี้

ตอนนี้นี่แหล่ะที่อยากให้ถึงสักที
เพราะมันจะได้เลิกหน่วง จะได้เศร้าได้เต็มที่สักที
เริ่มสงสารสนมากขึ้นแล้วล่ัะ มีคู่หมั้นโดยไม่ได้เลือก
ต่อไปนี้ต้นจะเจ็บแบบไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องทรมานอีก

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ให้อ่านสปอยล์ตอนสำคัญนี้พอเป็นกระษัยนะครับ ใครที่มาทีหลังก็อดอ่าน 555
แค่อยากให้รู้ว่าฉากที่รอคอยมีแน่นอน อิๆ
ใครที่ยังไม่ได้อ่านแล้วอยากอ่าน ขอหลังไมค์ได้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2015 23:48:19 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :z13:   ขอบคุณค่ะ. อ่านสปอล์ยแล้วก็ใจชื้นขึ้นมานิดนึง

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สปอยนี่คืออะไร ยังไง
สนมาถามต้นว่าอยากได้สนมั้ย
แต่ทำไมของสนมันตื่นก่อนล่ะ  :o8:
แล้วจะเกิดขึ้นก่อนต้นไปเรียนต่อหรือยังไง

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เราไม่เข้าใจสนค่ะว่าจะมาพูดกับต้นแบบนี้เพื่ออะไร? ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นอยู่รอมร่อแล้วน่ะ เอาจริงๆ นะคะเราว่าความรักของสนนี่ชักจะเข้าใจยากขึ้นไปทุกวันแล้วสิเนี่ย คือถ้าสนรักแล้วอยู่เฉยๆ ก็ไม่เท่าไร แต่นี่สนกลับคิดที่จะดึงต้นให้เข้ามาจมอยู่ในความรู้สึกเดิมๆ อีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตัวสนเองก็ไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกแล้ว

อีกอย่างเราว่าสนต้องเปลี่ยนรูปประโยคคำถามใหม่จาก 'ต้น...นายต้องการเราหรือเปล่า?' เป็น 'ต้น...เราต้องการนาย' เป็นการบอกความต้องการของตัวเองออกไปตรงๆ เลยจะเหมาะกว่านะคะสำหรับตัวสนที่อยู่ในอารมณ์นี้ เพราะถึงแม้คำตอบที่ได้จะออกมาเหมือนกัน แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเหมือนสนใช้ประโยคนำทางที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึกผิดมากเกินไปกว่าที่จะทำสิ่งๆ นี้ลงไปอย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ ดูเห็นแก่ตัวชอบกล

หรือเราจะคิดมากเกินไปคะเนี่ย..

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เห็นชื่อตอน ก็ทำใจอยู่สักพักก่อนอ่าน

สรุปไม่ช่วยอะไรเลย มันเศร้ามาก สงสารต้น
อ่านไปก็รู้สึกจุกในอก
พอเจอกับประโยคนี้
"เรารักของเรามาเป็นสิบๆ ปี ไม่มีความหมายอะไรเลย ฮือๆ"
น้ำตาซึมเลย มันยิ่งเข้าใจต้น เหมือนกับพอแล้วกับรักครั้งนี้

สนก็น่าสงสารไม่ได้รักกับนินาเลยแต่ก็ยอมเพราะการกระทำของสนเองหรือนินาก็ไม่รู้
แต่บางการกระทำมันก็สายเกินไป

ไม่รู้จะคอมเม้นไรแล้ว รู้สึกจุก เจอกันตอนหน้าครับ :(

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
นึกว่าจะไม่มีตอนนี้แล้วนะเนี่ย ฉบับนี้เปลี่ยนสถานที่จากคอนโดต้น มาเป็นในเต้นบนดอยอินทนนท์เลยทีเดียว ให้บรรยากาศเหมือนคู่รักมาปรับความเข้าใจ ขอคืนดีอะไรแบบนั้นเลย

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อยากอ่านตอนเต็มๆมากกว่าคับผู้แต่ง ไม่อยากอ่านสปอยเลย ๕๕๕ ตอนใหม่มาเร็วๆนะคับ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ไม่ได้เข้ามาอ่านนานเลย มัวแต่ติดนิยายเรื่องอื่นอยู่ 55555
เข้ามาอีกที ลืมไปบางส่วน ต้องอ่านเก็บรายละเอียดใหม่หมด

มันหน่วงดีแท้ แต่จะบอกว่าสะใจเล็กๆที่มันออกมาเป็นแบบนี้ :hao7:
สนจะได้รู้ใจตัวเองชัดๆสะที. ซึ่งในที่สุดก็สายไป
แต่นินานี่สุดๆอ่ะ นึกว่าใสๆ ที่ไหนได้

จะตามตลอดแล้วน้า เรื่องนี้มันบีบคั้นอารมณ์ดีจริง :sad4:
แต่อย่างน้อยที่สุดทั้งคู่ก็ต่างคนต่างรักกัน แล้วก็รับไม่ได้กะนินาด้วย
ด้งนั้น. ยังเชียร์ทั้งคู่อยู่นะ แต่ว่ามันคงจะอีกนานเลยดูแล้ว. สู้ๆๆนะต้นกะนังสน  o13

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
จุก เสียด หน่วง เม้นท์ไม่ออกเลย แน่นอก ไม่รู้จะยกออกยังไง ประดุจเป็น ต้น เอง  :เฮ้อ: คนเราผิดพลาดได้ แต่สนพลาดมาก พลาดโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเลย พลาดเพราะเป็นคนซื่อ มองคนในแง่ดี ไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างนินาที่ตัวเองเห็นจะทำเรื่องแบบนี้ คือ สนยังไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรกันแน่ ถึงได้โทษตัวเองมากกว่าจะโทษใคร ตอนนี้สงสารสนมากเลย มันเหมือนต้องเอาชีวิตไปผูกกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก แต่ต้องรับผิดชอบ พ่อสนก็ยังเห็นดีด้วยคงเพราะอย่างน้อยก็โล่งใจที่สนมีแฟนและดูท่าจะชอบว่าที่ลูกสะใภ้จอมสร้างภาพเหลือเกิน ได้แต่หวังให้ชะนีนินากลายพันธ์เร็วๆนะ จะได้หลุดจากบ่วงนางสักที  :m16: ต้น ก็คงไม่รู้จะทำยังไงได้เพราะมันเกิดขึ้นไปแล้ว ต้นเจ็บปวดไม่น้อยกว่าสน มารู้ว่าสนรักในวันที่แก้อะไรไม่ได้แล้วตอนนี้ สนก็เช่นกัน ทั้งคู่ทำได้แค่กอดกันไว้ก่อนทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ได้แต่รอวันหน้าว่าจะกลับมารักกันในแบบคนรักได้ไหม ถ้าความเป็นเพื่อนทั้งคู่ตัดกันไม่ได้อยู่แล้วล่ะ  :hao5: แต่ตอนสปอยนี่มันอัลไลลลลลลลลลลลลลล ต้นจะเปิดเผยกับใครอ่ะ  o22

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
คือ อยากจะบอกว่า ...สะใจค่ะ 5555
ก็สมใจพ่อแม่เน๊อะ อยากให้แต่งงานมีลูก ก็ได้ว่าที่สะใภ้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
สน ผู้ชายที่ใจดีเรี่ยราดไปทั่ว ไนซ์มากสุภาพบุรุษมาก แต่ดั๊นไม่ทันเล่ห์เลี่ยมมารยาหญิงที่อยากได้สามีจนตัวสั่น ตกม้าตายนะคะ เสียของรัก อิสรภาพ ความผิดหวังจากพ่อแม่อีก
ต้น ตาสว่างซักที รักคนที่เขารักเรา "และกล้าที่จะเปิดเผยกับทุกคน สู้เดินหน้าไปกับเรา" ไม่ใช่ปากว่ารู้สึกดี แต่ไม่ขยับตัวทำอะไร

ไม่รู้สึกสงสารสนเลย ส่วนต้นรักตัวเองให้มากๆได้แล้ว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
บาดเจ็บกันทุกคน

แต่ท่าทางนินาจะสะบักสะบอมที่สุดแน่ๆ เพราะสนคงไม่รัก
เท่าที่ดู สนคงจะดูแลในฐานะคู่หมั้น ยิ่งถ้าแต่งงานมาอยู่ใกล้ๆ กัน สนคงได้รู้เห็นนิสัยแท้จนรักไม่ลง

เข้มแข็งนะต้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 22: กลับคืนสู่ความเป็นเพื่อน


หลังจากหมดวิชาช่วงเช้าและกินข้าวกลางวันแล้วต้นก็ออกมารอรถกลับบ้าน ระหว่างที่รอก็ไล่ดูเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อหาเบอร์คนๆ หนึ่งอยู่หลายรอบ ต้นจำได้ว่าเซฟไว้แล้วแต่จำชื่อไม่ได้เนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน แถมยังเจอกันแค่ครั้งเดียว จำได้แค่ว่าเป็นช่างถ่ายรูปแค่นั้นเอง แต่ในที่สุดก็ไม่เกินความพยายามของต้น เมื่อเจอชื่อที่คิดว่าใช่แล้วต้นก็กดโทรออกไป

"สวัสดีครับพี่กริด จำต้นได้ไหมครับ" ต้นกรอกเสียงลงไปเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

"ต้น...อ้อ...ใช่คนที่เราเคยเจอกันตอนงานแต่งงานอาจารย์บอสหรือเปล่าครับ"

"ใช่ครับพี่ พี่กริดสบายดีนะครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย"

"สบายดีครับ แล้วต้นล่ะ"

"ก็...สบายดีครับพี่"

"อยู่ปีไหนแล้วปีนี้"

"ปีสามแล้วครับพี่"

"อีกปีเดียวก็จบแล้ว ไวมากเลย พี่เจอกับเรามื่อตอนอยู่ปีสอง ก็ปีกว่าๆ เองนะ ว่าแต่...วันนี้โทรหาพี่มีอะไรให้พี่รับใช้ครับ"

"โห...ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ ผมจะถามพี่ว่าปกติพี่ถ่ายภาพนิ่งอย่างเดียวหรือว่าถ่ายวิดีโอด้วยครับ"

"ได้สองอย่างเลย ต้นมีงานให้พี่ช่วยหรือเปล่า"

"ครับ พอดีว่าตอนนี้ต้นมาช่วยงานที่ชมรมเพื่อนผู้พิการกับอาจารย์อัศวิณีครับ พี่กริดรู้จักไหมครับ"

"อืม...เหมือนเคยได้ยินชื่อนะ"

"อาจารย์อยู่คณะวิจิตรศิลป์ครับพี่ พอดีอาจารย์อยากได้คนมาช่วยทำวิดีโอประชาสัมพันธ์กิจกรรมของชมรม ตอนนี้เรามีนักศึกษาพิการที่เป็นตัวอย่างหลายคนที่เราอยากจะถ่ายทำชีวิตมาเผยแพร่ครับ เผื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้คนพิการคนอื่นๆ ออกมาเรียนหนังสือกันมากขึ้น แล้วก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาทั่วๆ ไปด้วยครับพี่ แต่ว่าเน้นให้ดูสนุก มีชีวิตชีวา ไม่เศร้านะครับ ไม่รู้ว่าพี่จะสนใจไหม งบไม่เยอะเท่าไหร่นะครับพี่"

"สนใจครับ พี่สนใจมากเลย ว่าแต่...จะเริ่มทำเมื่อไหร่ครับต้น"

"ตอนนี้เพิ่งประชุมหารือกันอยู่ครับพี่ ว่าจะเริ่มทำสตอรี่บอร์ดก็คงประมาณเดือนหน้า พี่พอทำได้ไหมครับ"

"ได้ๆ ไม่ยากหรอก อืม...ว่าแต่...เรานัดคุยกันหน่อยดีไหม พี่อยากคุยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหน่อย เดี๋ยวอีกสักสองสามนาทีพี่ต้องออกไปทำธุระแล้ว"

"อ้อ ได้ครับพี่ พี่อยู่ที่ไหนครับ อยู่ที่เชียงใหม่หรือเปล่า"

"ครับ พี่อยู่เชียงใหม่นี่แหละครับ ก็รับจ๊อบงานถ่ายภาพถ่ายวิดีโอกับเพื่อนๆ ในกลุ่มนี่แหละครับ"

"อ้อ ดีเลยครับ ยังไงผมจะขอคุยกับอาจารย์อีกทีก่อนนะครับ เผื่อพี่จะได้มาคุยกับอาจารย์ด้วยกันเลย"

"ครับต้น ถ้าต้นได้วันแล้วบอกพี่นะ พี่จะได้จัดเวลาให้"

"ได้ครับพี่ ขอบคุณพี่มากครับ"

"ไม่เป็นไรครับต้น ยินดีครับ อ้อ...แล้วเนื้อคู่ต้นล่ะ เป็นไงบ้าง" สรกฤษณ์ถามปนขำ เขาจำเหตุการณ์นั้นได้ดีเลยเพราะเนื้อคู่ชาย-ชายของต้นกับสนนี่แหละ

"เนื้อคู่อะไรครับพี่" ต้นงง

"จำไม่ได้เหรอ พี่ยังจำได้เลย พี่ถ่ายรูปต้นกับเนื้อคู่ไว้ด้วยนะ เดี๋ยวเจอกันแล้วพี่จะเอาให้ดู"

"อ๋อ..." ต้นจำได้แล้ว ในงานแต่งงานวันนั้นสนกับต้นได้ของชำร่วยที่มีหัวใจสีแดงเหมือนกันก็เลยกลายเป็นเนื้อคู่กันในงานนั้น

"เขาสบายดีครับ แต่ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ เป็นเพื่อนกันครับ"

"เหรอ...แต่แปลกดีนะ อยู่ดีๆ ก็ได้หัวใจสีแดงเหมือนกัน"

"ครับ" ต้นพูดสั้นๆ แค่นั้น พูดถึงสนทีไรต้นก็ยากที่จะทำใจทุกที เมื่อคืนต้นร้องไห้หนักมาก ดีที่ว่าวันนี้ยังพาตัวเองมาเรียนได้

"แค่นี้ก่อนนะต้น พี่ต้องไปแล้ว เอาไว้เจอกันวันหลังครับ"

"ครับพี่กริด โชคดีครับพี่"



ต้นกลับมาถึงที่บ้านพักในตอนบ่ายเศษๆ เพราะวันนี้มีเรียนแค่ตอนเช้า รู้สึกแปลกใจที่เห็นรองเท้าของสนยังคงอยู่บนที่วางรองเท้าเหมือนเดิม สงสัยสนคงจะมีเรียนตอนบ่ายกระมัง แต่ว่าทำไมจนป่านนี้ยังไม่ออกไปอีกเพราะนี่ก็เลยบ่ายไปแล้ว

สนเป็นอะไรหรือเปล่านะถึงไม่ยอมไปเรียน แม้ว่าจะเพิ่งผ่านพ้นเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดมาหยกๆ ต้นก็คงไม่ถึงกับจะไม่ดูดำดูดีเพื่อนขนาดนั้นหรอก ใจจริงก็ยังเป็นห่วงอยู่เสมอ

ต้นมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องสน คิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจเคาะประตูห้อง ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเดินมาที่ประตูก่อนที่ประตูจะเปิดออก สนอยู่ในสภาพใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ไม่ใส่เสื้อ ผมเผ้าดูยุ่งๆ หน้าตาดูอิดโรยมากทีเดียว

พอเห็นว่าใครมาสนก็ดีใจจนอยากจะกอดคนตรงหน้าไว้ แต่ก็สงวนท่าทีไว้ด้วยการยิ้มเล็กน้อยเพราะต่างคนต่างก็บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่

"ไม่ไปเรียนเหรอวันนี้"

สนส่ายหน้า

"มีอะไรหรือเปล่า"

ดูเหมือนต่างคนต่างทำสีหน้าไม่ถูก ความบาดหมางที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้ต้นกับสนยังไม่สามารถพูดคุยกันได้สนิทใจเหมือนเดิม

สนเงียบ มองหน้าต้นด้วยแววตาเศร้าๆ เหมือนกับเด็กน้อย

"ไม่สบายเหรอ" ต้นถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นห่วง

สนพยักหน้า ต้นใช้มือแตะหน้าผากของสนก็พบว่าสนตัวร้อนพอสมควร สัมผัสที่แผ่วเบาและแฝงไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้สนอดน้ำตาซึมไม่ได้ เขานึกว่าต้นจะไม่ห่วงเขาเสียแล้ว สนนอนซมไม่สบายตั้งแต่เช้า ไม่มีใครมาดูแลเลย

"แล้วนายกินข้าว กินยาหรือยัง"

สนส่ายหน้า

"ในครัวไม่มีอะไรเหลือให้กินเลยเหรอ"

สนส่ายหน้าอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้นก็คงขำที่สนทำแบบนี้ ต้นรู้จักสนดี เวลาไม่สบายสนชอบเป็นคนขี้อ้อน ต้นจำได้ว่าครั้งหนึ่งสนเคยอ้อนต้นให้มานอนเป็นเพื่อนทั้งที่แค่เป็นหวัด สนขู่ว่าถ้าต้นไม่มาดูแล เกิดสนเป็นอะไรไปต้นจะไม่มีเพื่อนดีๆ อย่างสนอีกแล้วนะ ต้นจึงต้องมานอนเป็นเพื่อนจนติดหวัดไปด้วยกัน สนโดนพ่อกับแม่ดุใหญ่เลยที่ทำให้เพื่อนพลอยไม่สบายไปด้วย แต่ต้นก็ไม่เคยบ่นสักคำ

"ไม่มีใครดูแลเราเลย"

นึกแล้วเชียว ทำน้ำเสียงน่าสงสารอย่างนี้แสดงว่ากำลังจะอ้อนต้นอีกแน่ มันไม่ใช่เวลานี้นะสน จิตใจต้นยังไม่พร้อมที่จะเล่นกับสนเลย

"ไม่ให้คู่หมั้นมาดูแลล่ะ" ต้นอดจะเหน็บไปหน่อยไม่ได้

สนเงียบไปทันที แค่พูดถึงนินาขึ้นมาสนก็ปวดหัวแล้ว เมื่อกี้ก็โทรมาแต่สนไม่รับสาย

"เดี๋ยวเราออกไปซื้อข้าวกับยาให้นายก่อนละกัน รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเรามา"

สนพยักหน้า เหมือนอยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้ายิ้ม

ต้นออกไปไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อขึ้นชื่อที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้พอดี วันนี้เป็นวันธรรมดา ลูกค้าไม่ค่อยเยอะต้นจึงไม่ต้องรอนานมาก

สนเดินลงมาจากห้องในสภาพเดิมแล้วก็มานั่งรอกินข้าวอยู่ที่โต๊ะกลางบ้าน ต้นหยิบชาม ช้อนและตะเกียบออกมาจากครัวแล้วก็เอามาวางให้สน เห็นสนนั่งมองเฉยๆ ต้นก็พอรู้ว่าสนอยากให้แกะให้นั่นเอง ก็เลยต้องบริการเขาหน่อย นี่ถ้าต้นเป็นผู้หญิงใครๆ ก็คงคิดว่าต้นเป็นเมียสนแน่ๆ

"ปรุงเอาเองนะ"

ต้นบอกแล้วก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม มองดูสนแกะถุงเครื่องปรุงแล้วก็อดที่จะแอบยิ้มไม่ได้ เรื่องราวความผูกพันของเขากับสนมีหลายเรื่อง เอาแค่เรื่องที่สนไม่สบายแล้วต้นต้องมาคอยดูแลก็มีนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

"ทำไมไม่ใส่เสื้อล่ะ" ต้นถามเมื่อสนกินก๋วยเตี๋ยวไปได้สักพัก

"มันร้อน"

ต้นพยักหน้าเข้าใจ ท่าทางเหมือนเด็กทำให้ต้นแทบจะกลั้นยิ้มไม่ไหว แล้วสนก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ กินไปสักพักก็เงยหน้าขึ้นมาอีก

"เช็ดตัวให้ได้ไหม"

นั่นไง ทำตาปริบๆ ลูกอ้อนของสนค่อยๆ มาทีละลูกสองลูกแล้ว

ต้นพยักหน้าแต่ก็พยายามไม่ยิ้มมาก ความจริงสนก็ทำเองได้ แต่ก็เคยตัวเพราะมีต้นคอยทำให้ตลอด ถ้าต้นไม่อยู่สนก็จะนอนซมอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเช็ดเนื้อเช็ดตัว รอจนกว่าต้นจะกลับมานั่นแหละ บางวันแม่ของสนต้องไปตามต้นถึงที่บ้านให้มาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เพราะสนไม่ยอมท่าเดียว เพราะผูกพันกันมากอย่างนี้นี่เองถึงได้เผลอใจรักกันโดยไม่รู้ตัว

"กินข้าวก่อน แล้วก็กินยา เดี๋ยวเราจะเช็ดตัวให้"

สนยิ้มด้วยความพอใจ ถ้าต้นไม่คิดมากไป สนก็เป็นเพื่อนที่ดีและน่ารักมาตลอด บางทีการกลับคืนสู่ความเป็นเพื่อนกันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ต้นจะปั้นปึงหรือโกรธเพื่อนไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เผลอๆ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้นานไปก็อาจจะพลอยสูญเสียความเป็นเพื่อนไปด้วย ยังไงๆ ต้นกับสนก็เริ่มต้นมาด้วยความเป็นเพื่อนที่ดี มันคือจุดเริ่มต้นของคนสองคนที่ทำให้เกิดมิตรภาพที่สวยงามตลอดมา

ต้นให้เพื่อนกินยาแล้วก็เอาชามไปเก็บในครัวให้ ส่วนสนก็เดินขึ้นไปรอบนห้องนอนของตัวเอง ต้นหาชามพลาสติกใบใหญ่ใส่น้ำแล้วก็ตามขึ้นไป เด็กชายสนนั่งรออยู่ตรงขอบเตียงพอดี

"มีผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ไหม" ต้นถามพลางวางชามใส่น้ำลงบนโต๊ะทำงานของสน

"เราตากไว้หลังบ้านน่ะ"

"เดี๋ยวเราลงไปเอาแป๊บนึงนะ"

ต้นบอกแล้วก็เดินลิ่วลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนที่จะตรงไปหลังบ้าน หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตากไว้แล้วก็เดินกลับขึ้นมาที่ห้องสนอีกครั้ง

ต้นเอาผ้าขนหนูชุบน้ำที่อยู่ในชามบนโต๊ะทำงานของสน บิดหมาดๆ แล้วก็ยืนหันรีหันขวาง

"วางบนพื้นก็ได้ เราไม่ถือหรอก" สนรีบบอกเพราะรู้ว่าต้นกำลังมองหาที่วางชามใส่น้ำอยู่นั่นเอง

ต้นจึงยกชามใส่น้ำมาวางบนพื้นห้อง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ค่อยๆ เช็ดตัวให้สน เริ่มจากใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขนและหลัง คนที่ได้รับบริการนั่งยิ้มอยู่เงียบๆ คอยจ้องมองทุกกิริยาของคนให้บริการไม่วางตา บางทีสนก็อดคิดไม่ได้ว่าต้นกับสนจะมีความสุขมากแค่ไหนนะถ้าได้อยู่ดูแลกัน เป็นคู่ชีวิตกันไปแบบนี้ แต่ก็คงทำได้แค่คิด

สนไม่อยากจะเชื่อเลย แค่การผิดนัดกันครั้งเดียววันนั้นจะทำให้เกิดโชคชะตาที่พลิกผันขนาดนี้ ถ้าวันนั้นสนไม่น้อยใจเรื่องที่ต้นมีอะไรกับพี่ทิน ไม่น้อยใจที่ต้นไปหาพี่ทินในเย็นวันนั้น สนก็คงไม่ฟุ้งซ่านจนต้องออกไปขายของกับนินาจนเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด ไม่อย่างนั้นสิ่งที่วาดฝันไว้ก็คงเป็นจริงไปแล้ว แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะคิด เรื่องมันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขอีกไม่ได้

ต้นนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าสน เอาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอีกครั้ง บิดหมาดๆ แล้วก็ค่อยๆ เช็ดขาให้เพื่อนจนสะอาดหมดจดทั้งสองข้าง

"เมื่อกี้ไม่ได้แอบดูของเราใช่ไหม"

สนพูดพลางเอามือมาปิดไว้ตรงเป้ากางเกงเป็นเชิงล้อเล่น เขาอยากให้ต้นหัวเราะนั่นเอง แล้วก็ได้ผล ต้นหัวเราะเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้สนเห็นว่าความหมางเมินได้หายไปมากแล้ว

"จะยิ้มก็ยิ้มเยอะๆ สิ ยิ้มให้เราหน่อยสิต้น เราอยากเห็นนายยิ้ม เราอยากเห็นต้นคนเดิมที่เราเคยรู้จัก นายจะไม่ให้อภัยเราอีกแล้วเหรอต้น"

ปากบอกให้คนอื่นยิ้ม แต่ตัวเองกลับทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

"นายจะโกรธเราไปอีกนานแค่ไหนต้น"

ต้นเงยหน้ามองหน้าเพื่อน เห็นสนน้ำตาซึมๆ แล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้

"เรารู้นะว่าเราทำพลาดไป แต่เราไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น เราไม่ได้ตั้งใจนะต้น นายรู้ไหม...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะไม่ให้มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นเด็ดขาด เราไม่เข้าใจเลย เราไม่เคยทำอะไรไม่ดี เราตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานหาเงินช่วยพ่อแม่ ไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร แล้วทำไมมันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเราด้วย"

ต้นได้แต่รับฟัง ไม่ปริปากพูดคำใดออกไป ก็จริงอย่างที่สนพูด สนทำตัวดีมาตลอด ช่วยพ่อแม่ทำงาน เป็นลูกที่ดี เป็นเพื่อนที่ดีของต้นตลอดมา ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางไปไหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความต้องการของสนที่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอกหรือ ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอกนะ

"เรารู้ว่าเราทำให้นายเสียใจมาก แต่นายรู้ไหมต้น เราก็เสียใจมากไม่น้อยไปกว่านายเลย"

สนร้องไห้อีกแล้ว คิดถึงทีไรก็อดน้อยใจโชคชะตาชีวิตไม่ได้ ทำไมเขาถึงต้องสูญเสียคนที่รักไปทั้งๆ ที่เขาก็รักและทะนุถนอมมาเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา สนก็ได้แต่หวังว่าการที่โชคชะตาเล่นตลกกับเขาในคราวนี้ จะช่วยให้สนได้พบทางออกใหม่ของชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว สนก็คงจะไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าความยุติธรรมสำหรับคนที่ทำแต่สิ่งดีๆ อย่างเขาตลอดมาคืออะไร

ต้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พอได้ฟังก็พอเข้าใจล่ะแล้วว่าสนไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย มันคงมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในวันนั้นที่ต้นยังไม่รู้

"นายไม่ได้ทำเพราะนายรักนินาเหรอ"

สนหันหน้าหนีไปทางอื่น แค่ได้ยินชื่อนี้สนก็แสลงใจทุกครั้ง

"นายอยู่กับเรามาตั้งหลายปี นายก็น่าจะรู้จักเรานะต้น คนที่เรารักเป็นใครนายก็น่าจะรู้ แต่ช่างมันเถอะ มันพลาดไปแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนนาย...จะไม่ให้อภัยเราก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจว่าเราทำให้นายเสียใจมาก แต่เราก็แค่อยากให้นายรู้ว่าเราก็เสียใจมากพอๆ กับนาย"

สนล้มตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกรำคาญตัวเองที่ปล่อยให้จิตใจอ่อนแอแบบนี้มาหลายวันแล้ว อาการของคนป่วยที่อยากอ้อนให้ใครสักคนมาคอยดูแลหายไปดื้อๆ สนพยายามจะเล่น อยากทำให้ต้นยิ้มและหัวเราะ อยากทำให้ต้นคนเดิมกลับมา แต่อารมณ์สะเทือนใจเมื่อครู่นี้กลับปะทุขึ้นมาจนเสียบรรยากาศ

"นายนอนพักก่อนนะสน จะได้หายไวๆ เดี๋ยวเราอยู่เป็นเพื่อนนะ"

ได้ยินต้นพูดแค่นั้นสนก็รีบลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินมากอดต้นไว้ เขารู้ว่าต้นคงให้อภัยเขาแล้วถึงได้พูดคล้ายๆ เมื่อตอนเป็นเด็กเวลาที่สนไม่สบาย

"แค่ความเป็นเพื่อนก็ได้นะต้น แค่เพื่อนก็ได้ นายไม่ต้องรักเราแบบนั้น ให้อภัยเราเถอะนะต้น ขอแค่เราสองคนกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็พอ ชีวิตเรามีแค่นายคนเดียวมาตลอด ถ้านายไม่ให้อภัยเรา เราก็ไม่มีใครแล้วนะต้น"

ต้นกอดเพื่อนตอบ พยายามสูดหายใจลึกๆ เพื่อกลั้นน้ำตา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ได้แต่ปล่อยให้มันไหลลงมา

"เราอย่าซ้ำเติมกันเองอีกเลยนะต้น เรารู้ว่านายเจ็บ เราเองก็เจ็บไม่ต่างจากนาย ยังไงเราสองคนก็ผูกพันกัน ยังไงก็ต้องเจอกัน ตัดกันไม่ขาดหรอก"

ต้นพยักหน้าเห็นด้วย สนปล่อยต้นออกจากอ้อมแขนแล้วมองหน้ากัน

"เราก็ไม่รู้ว่าเราจะทำได้แค่ไหน แต่เราจะพยายามนะสน เราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เหมือนที่เราเคยเป็น เหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก"

"ขอบคุณมากต้น ขอบคุณที่นายให้อภัยเรา" สนพยายามยิ้มแม้ว่ามันจะยังยากอยู่ก็ตามที

"เราก็เหมือนนายแหละสน ชีวิตเราก็มีนายคนเดียวมาตลอด ถ้าไม่มีนาย...เราก็ไม่มีใคร"

ไม่ใช่ว่าต้นกับสนไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์จึงต้องคบกันอยู่แค่สองคน แต่เมื่อกลับบ้านหรือมีเวลาส่วนตัว ต้นกับสนก็มีความสนิทสนมกันมากพอที่จะให้อีกฝ่ายเข้ามาในเวลาและพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคน แล้วก็มีกันแค่สองคนแบบนี้ตลอดมา ว่ากันว่าใครก็ตามที่เรายอมให้เข้ามาในเวลาและชีวิตส่วนตัวของเราได้ คนนั้นแหละที่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิตของเรา

สนใช้มือลูบผมเพื่อนอย่างแผ่วเบาและรักใคร่ นึกว่าต้นจะโกรธจนสนคงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกแล้วเสียอีก

"ถ้างั้น...นายยิ้มให้เราหน่อยได้ไหม เราอยากเห็นนายยิ้ม ไม่อยากให้นายเศร้าแบบนี้"

"จะให้ยิ้มยังไงล่ะ ก็คนร้องไห้อยู่ ให้เราหยุดร้องไห้ก่อนสิ" ต้นต่อว่า สนก็เลยหัวเราะและยิ้มทั้งน้ำตาเช่นเดียวกัน

"นั่นไง ยิ้มแล้ว"

ใช่ ต้นยิ้มได้อย่างสนิทใจแล้ว แม้จะเป็นยิ้มทั้งน้ำตาแต่สนก็รับรู้ได้ว่าต้นที่เขาเคยรู้จักกลับมาแล้ว ถ้าความรักอย่างคนรักมันลำบากขนาดนั้น กลับมาเป็นเพื่อนกันตอนนี้ก็ยังทัน มิตรภาพอย่างเพื่อนนี่แหละที่ทำให้ต้นกับสนคบหากันมาได้ยาวนาน เมื่อเส้นทางความรักถึงทางตัน ต้นกับสนก็ยังโชคดีที่ยังเหลืออีกเส้นทางหนึ่งให้เลือกเดินไปด้วยกัน นั่นก็คือเส้นทางของความเป็นเพื่อน ทางสายเก่าที่ต้นและสนคุ้นเคยดี

"เรารู้ทันนะ ทีนี้คนป่วยก็จะแกล้งอ้อนเราใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ"

สนหัวเราะชอบใจที่ต้นรู้ทัน เห็นสนยิ้มและหัวเราะอย่างนี้ได้อีกครั้งต้นก็ดีใจ

"เดี๋ยวเย็นนี้ มาเช็ดตัวให้เราอีกนะ แล้วเราก็อยากกินโจ๊กหมูใส่ไข่ เรารู้ว่านายทำไม่เป็นหรอก ไปซื้อมาให้เราก็ได้ อ้อ...คืนนี้...ต้องมานอนเป็นเพื่อนเราด้วยนะ"

"แล้วถ้าเราติดหวัดจากนาย เราจะโทรไปฟ้องแม่นายเลยคอยดูสิ เดี๋ยวนายจะโดนแม่ด่า"

สนหัวเราะพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี

"เรา...โคตรรักนายเลยว่ะต้น" สนทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว

"อืม...เราก็โคตรรักนายเหมือนกัน พอเถอะ เดี๋ยวร้องไห้อีก ไปนอนได้แล้ว"

ต้นบอกพลางใช้มือพลิกไหล่สนให้หันหน้าไป จากนั้นก็ดันสนให้เดินกลับไปที่เตียงนอน

ความสัมพันธ์นี้ยากเกินจะตัดให้ขาด เพียงแค่ต้นกับสนยอมเปิดใจคุยกัน สุดท้ายมันก็กลับมาเหมือนเดิมได้ไม่ยาก แต่ในใจนี่สิใครจะรู้ ปากก็บอกว่าจะกลับมาเป็นเพื่อนกัน แต่ใจจริงๆ ของแต่ละคนจะทำได้อย่างนั้นหรือเปล่าก็ยังไม่มีใครแน่ใจเลยสักคน

แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะรักกันแบบไหนมันก็คือความรัก ขอแค่ให้มีพื้นที่ให้ความรักได้แสดงตัวตนบ้าง ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ยังดีกว่าไม่มีพื้นที่ให้ความรักอยู่เลย เราต้องเรียนรู้ที่จะพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันให้ดีกว่านี้ได้ จะนานแค่ไหนก็ขอให้ต้นกับสนอดทนไว้จนกว่าจะถึงวันนั้น

ก่อนจะนอนหลับไปในคืนนี้ ต้นเหลืออีกหนึ่งอย่างที่สำคัญที่เขาอยากจะบอกกับสนไว้ ต้นเอื้อมมือไปแตะตัวสนที่เหมือนกำลังจะหลับไปเพราะฤทธิ์ยาอย่างเบามือ สนพลิกตัวหันหน้ามาประจัญกับต้น แม้จะง่วง แม้ความมืดจะทำให้สนเห็นต้นได้ไม่ชัดนัก แต่สนก็จำสิ่งที่ต้นจะพูดต่อไปนี้ได้อย่างแม่นยำ

"สน...เราอยากให้นายจำเอาไว้อย่างหนึ่งนะ เราจะเก็บรักแรกของเราไว้ให้นาย มันจะไม่หายไปไหน วันไหนที่นายต้องการ นายกลับมาเอามันไปได้ตลอดเวลาเลยนะ"

สนพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความหมาย ถ้าหากว่าความดีงามทั้งหมดที่สนเคยทำมาจะพอช่วยอะไรสนได้บ้าง สนก็อยากขอให้เขาได้มีโอกาสกลับมาหารักแรกที่ต้นเก็บไว้ให้เขาอีกสักครั้ง ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน สนก็จะรอวันนั้น

"เราก็จะเก็บของเราไว้ให้นายเหมือนกันนะต้น เราเชื่อ...สักวันหนึ่งมันจะต้องมีปาฏิหาริย์"

จนถึงวันนี้ สนได้มองเห็นรักแท้ที่ต้นมีให้เขาเสมอมาอย่างชัดเจน ต้นได้พิสูจน์ความมั่นคงในรักแท้ผ่านวันเวลาและความยากลำบากมากมาย สนไม่มีความสงสัยใดๆ ในความรักของต้นอีกเลย ความดีและรักแท้ของต้นจึงผูกมัดสนไว้จนไม่อาจจะไปไหนได้ ต่อให้มีเหตุต้องไป วันหนึ่งสนก็จะต้องกลับมาสู่รักแท้ของเขาจนได้ แต่ ณ เวลานี้ ก็คงจะมีแต่ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะทำให้ความรักของต้นและสนเป็นจริง ในวันที่ปาฏิหาริย์ที่รอคอยยังไม่เกิดขึ้น ต้นกับสนก็เพียงแค่คืนกลับมาสู่ความเป็นเพื่อนกัน จนกว่าปาฏิหาริย์ที่รอคอยจะกลับมา



ถ้าถามใจตัวเองตรงๆ ว่าต้นยังรักสนอยู่ไหม ต้นก็คงตอบว่ารัก เจ็บแค่ไหนต้นก็ยังรักของต้นอยู่เหมือนเดิม ที่ผ่านมา ต้นเคยคิดว่าถ้าต้นทำดีกับใครสักคนหนึ่งมากพอ คนๆ นั้นที่ต้นรักก็น่าจะรักต้นได้ แต่ชีวิตไม่เหมือนกับหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง ปัจจัยและตัวแปรในชีวิตมีมากมายที่จะทำให้ผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้แตกต่างออกไป ต่อให้คนๆ นั้นรักตอบกลับมา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลงเอยด้วยการอยู่เคียงข้างกันเสมอไป

ไม่น่าเชื่อว่ารักแรกของต้นจะอยู่กับชีวิตของต้นมาได้ยาวนานขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่น เจ็บขนาดนี้คงทิ้งความรักไปแล้ว แต่ต้นก็ไม่เคยทิ้งไป และไม่เคยคิดว่าจะต้องทิ้งไป

ต้นมาคิดๆ ดูแล้ว แม้ว่าต้นจะเจ็บแค่ไหน ต้นก็เชื่อมั่นในรักแท้ และต้นก็มั่นใจว่ารักแรกของต้นคือรักแท้ที่ต้นได้ค้นพบแล้ว มันอาจจะดูเหมือนว่าต้นไม่รักตัวเองที่ปล่อยให้หัวใจเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนที่ตัวเองรัก แต่ถ้าต้นใจเสาะยอมแพ้ง่ายๆ ต้นก็คงจะไม่สามารถบอกใครได้เลยว่าความรักของต้นเป็นรักแท้ อย่างน้อยวันนี้ต้นก็พิสูจน์ให้สนได้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความรักของต้นยังเหมือนเดิมเสมอ

ถ้าใครสักคนถามสนว่าใครบ้างที่มีรักแท้ให้สน ต้นจะเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน จะว่าไปต้นก็เป็นเพียงหนึ่งเดียวด้วยซ้ำ ถ้าต้นไม่พิสูจน์เรื่องนี้ให้สนเห็น ต้นก็จะเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่เคยบอกว่ารักสน พอเจอปัญหานิดหน่อยก็จากไป ถึงตอนนี้จะมาอ้างว่ามีรักแท้ก็คงไม่มีใครเชื่อ ต้นขอบคุณตัวเองที่ไม่ถอดใจไปเสียก่อน วันนี้ต้นจึงกล้ายืดอกพูดได้อย่างเต็มปากว่าเขามีรักแท้ให้กับเพื่อนคนนี้

แม้ว่าจะดูเหมือนคนโง่ๆ คนหนึ่ง แต่ต้นก็ดีใจที่ได้พิสูจน์ความรักที่มั่นคงของตัวเองตลอดมา ต่อให้เดินมาถึงทางตัน แต่ความรักของต้นก็ยังคงมีทางไป รักแรก รักแท้และรักเดียวของต้นจะไม่จากต้นไปไหน ต้นจะเก็บมันไว้ เผื่อสักวันหนึ่งคนที่ต้นรักอาจจะต้องการมัน


"เป็นไงต้น ทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะ พี่ตามหาทั่วคณะเลย"

ทินพูดพลางนั่งลงข้างๆ คนที่นั่งถือหนังสือแล้วก็เหม่อลอยเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ในมุมเงียบๆ ในห้องสมุด

ต้นสะดุ้งเล็กน้อย แต่พอรู้ว่าใครมาหาก็ยิ้ม

"คิดอะไรอยู่เหรอ"

"อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ" ต้นวางหนังสือลงแก้เขินเมื่อรู้ว่าถือไว้นานแล้วแต่ไม่ได้อ่านเพราะมัวแต่เหม่อลอยอยู่

"แล้วนี่ต้นโอเคหรือยัง"

ต้นขมวดคิ้ว"โอเคเรื่องอะไรเหรอครับ"

"ก็...เรื่องที่สนมีคู่หมั้นแบบสายฟ้าแล่บไง"

ต้นพยักหน้ายิ้มๆ

"ผมว่า...อย่างน้อยผมกับสนก็ยังโชคดีนะครับพี่ทิน ถึงรักกันไม่ได้ แต่เราก็เป็นเพื่อนรักกันได้"

"ก็ดีแล้ว ความรักอย่างเพื่อนเป็นความรักที่บริสุทธิ์นะ ต้นโชคดีรู้ไหมที่มีเพื่อนดีๆ อย่างสน"

ต้นพยักหน้าเห็นด้วย แต่เมื่อแว่บคิดถึงเรื่องที่สนเข้าใจผิดว่าต้นมีอะไรกับทิน ต้นก็อดสงสัยผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ นี้ไม่ได้ ทินพูดอะไรกับสนหรือเปล่า ทำไมทินไม่บอกต้นเลย

"ครับพี่ทิน" ต้นหยุดเว้นจังหวะพร้อมกับครุ่นคิด "เอ่อ...พี่ทินครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามพี่ทินน่ะครับ"

"อะไรเหรอ"

ทินเขยิบเข้ามานั่งใกล้จนชิดกับต้น ต้นเอนตัวออกห่างเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

"อืม...จะพูดยังไงดีล่ะครับ"

"ก็พูดอย่างที่ต้นอยากพูดไง พี่ฟังได้หมดแหละ เราเป็นแฟนกันแล้วนะต้น ไม่เห็นต้องปิดบังกันเลย"

ทินยิ้มตาหยีดูน่าเอ็นดู

"ครับ" แม้จะบอกอย่างนั้นแต่ก็ยังลังเลอยู่ดี

"ว่ามาสิ จะถามอะไรพี่ก็ถามเลย ถ้าตอบได้พี่จะตอบ"

ต้นครุ่นคิดอยู่สักพัก ในเมื่อเกริ่นไปอย่างนั้นแล้ว ต้นก็คงต้องต่อให้จบ

"คือ...สนเขาเข้าใจผิดว่าผมกับพี่ทิน...มีอะไรกันแล้ว"

ทินทำหน้าตกใจ

"จริงเหรอ ทำไมเขาคิดอย่างงั้นล่ะ"

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ พี่ทิน...ได้คุยอะไรกับสนเรื่องนี้ไหมครับ" ต้นถามอย่างเกรงๆ เพราะกลัวจะทำให้ทินไม่พอใจ

วันนั้นต้นกลับมาจากทำงานที่คอนโดทินประมาณสองทุ่มกว่าๆ นิกกันปั้นจั่นบอกต้นว่าสนออกไปขายของแล้ว แต่ก่อนไปสนได้พูดกับนิกและปั้นจั่นว่า "พี่ทินของพวกมึงย่ำยีหัวใจกูรู้ไหม"

ต้นอดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องนี้หรือเปล่าที่เป็นสาเหตุให้สนน้อยใจต้นจนต้องออกไปจากบ้านในคืนนั้น คืนที่ทำให้ความรักของเขากับสนมีอันต้องหมดหนทางไป

ทำไมสนถึงได้พูดด้วยความมั่นใจอย่างนั้นว่าต้นมีอะไรกับพี่ทินไปแล้ว ต้นไม่รู้สึกว่าสนแค่สงสัย แต่สนคิดและเชื่อว่ามันเกิดขึ้นไปแล้วจริงๆ คงต้องมีใครสักคนบอกอะไรสนแน่นอน ถ้าทินเป็นคนพูด ทินจะพูดอย่างนั้นทำไม

สีหน้าของทินเปลี่ยนไปทันที ไม่ถึงกับอึกอักแต่ก็แสดงความประหม่าให้พอสังเกตเห็นได้ แต่อาการเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำให้ต้นเกิดความรู้สึกไม่ไว้เนื้อเชื่อใจคนตรงหน้าได้แล้ว

"อืม...พี่ก็พูดกับเขาตอนที่ต้นบอกให้พี่โทรไปบอกสนนั่นแหละว่า...ต้นจะทำงานที่คอนโดพี่ สนอาจจะคิดไปเองก็ได้ว่าต้นมาที่คอนโดพี่ ก็เลยกลัวว่าจะมีอะไรกัน"

ต้นก็พยายามจะคิดอย่างนั้น สนคงจะคิดไปเองว่าการที่ต้นมาค้างที่คอนโดของทินก็เลยอาจจะมีอะไรกับทินได้ แต่มันก็น่าแปลก ทำไมสนถึงพูดกับนิกและปั้นจั่นอย่างนั้น สนไม่น่าจะคิดไปเองถึงขนาดบอกว่าทินย่ำยีหัวใจของสน

"อืม...ก็คงจะอย่างงั้น สงสัยสนจะคิดไปเอง"

ไม่ใครก็ใครล่ะที่โกหกต้น แต่แน่นอน ต้นมั่นใจอย่างที่สุดว่าสนไม่โกหกต้น สนไม่เคยโกหกต้นแม้แต่เรื่องเดียวตั้งแต่รู้จักกันมา แล้วคนที่โกหกต้นจะเป็นใครล่ะ นิกกับปั้นจั่นหรือ หวังว่าคงจะไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้นหรอกนะ!?

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 19:02:37 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อ่านเรื่องนี้มาแบบยาวๆกันเลย ชอบมากๆครับอ่านแล้วติดอ่านแล้วไม่อยากหยุดเลย
ชอบการดำเนินเรื่องและหน่วงได้ใจ บางครั้งรู้สึกว่าตัวเอกโดนทำร้ายจิตใจมากไปมั้ยยยย
อยากให้มีโมเมนต์ผ่อนคลายให้คนอ่านได้ผ่อนคลายกันบ้างนะครับ  หัวใจผมทำงานหักเกินไป
หรือว่าเป็นตัวผมเองที่อินกับเนื้อเรื่องมากไปนะ ยังไงก็รอติดตามนะ  เข้ามาดูบ่อยมาก  รออ่านครับ
รอปาฏิหารสำหรับ ต้นและสนครับ :hao5:

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ง่อวววววววววว ..หลังจากทำให้เสียน้ำตามาหลายตอน

สุดท้ายต้น สน ก้อเป็น เพียงเพื่อน ที่รักกันสินะ


>3 ประโยคสุดท้ายเหมือนกันครับ :กอด1:

"สน...เราอยากให้นายจำเอาไว้อย่างหนึ่งนะ เราจะเก็บรักแรกของเราไว้ให้นาย มันจะไม่หายไปไหน วันไหนที่นายต้องการ นายกลับมาเอามันไปได้ตลอดเวลาเลยนะ"

สนพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความหมาย ถ้าหากว่าความดีงามทั้งหมดที่สนเคยทำมาจะพอช่วยอะไรสนได้บ้าง สนก็อยากขอให้เขาได้มีโอกาสกลับมาหารักแรกที่ต้นเก็บไว้ให้เขาอีกสักครั้ง ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน สนก็จะรอวันนั้น

"เราก็จะเก็บของเราไว้ให้นายเหมือนกันนะต้น เราเชื่อ...สักวันหนึ่งมันจะต้องมีปาฏิหาริย์"



 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

อยากบอกประโยคนั้น ให้คนแรกของผม บ้าง ..ว่ายังรัก และรอเขาอยู่เหมือนกัน..แม้ว่า"ปาฏิหาริย์"จะเป็นไปไม่ได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด