▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓  (อ่าน 193564 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 11: จูบแรกที่ไม่ตั้งใจ


วันนี้คณะของต้นมีกิจกรรมพิเศษร่วมกับนักศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นจึงเลิกช้าเป็นพิเศษ แต่สนก็ตั้งใจว่าจะรอกลับพร้อมต้นและปั้นจั่นจึงมาเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ ที่ยังไม่กลับฆ่าเวลาไปพลางๆ ก่อน พอเริ่มมืด คนอื่นๆ ก็ค่อยทยอยกลับจนเหลือเพียงสนคนเดียว ขณะที่สนกำลังเล่นบาสเกตบอลคนเดียวเพลินๆ อยู่นั้น ต้นก็มาพอดี

“เล่นด้วยคนสิ”

สนหยุดเล่นแล้วหันมามองตามเสียง พอเห็นว่าเป็นต้นก็ยิ้มดีใจ “มาสิต้น แล้วสองคนนั้นล่ะ"

"ไม่รู้เหมือนกัน บอกว่าจะไปทำธุระอะไรไม่รู้ เดี๋ยวตามมา ท่าทางแปลกๆ ไม่รู้มีความลับอะไรหรือเปล่า"

ต้นพูดจบก็เอากระเป๋าไปวางไว้ข้างๆ สนามแล้วก็วิ่งลงไปเล่นบาสเกตบอลกับสนอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ สนเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาเขาจึงดูเล่นได้คล่องแคล่วกว่า แต่เวลาเล่นกับต้นสนดูจะออมแรงไปบ้างเล็กน้อย

เล่นไปสักพักก็เปลี่ยนมาเล่นเกมส์ดันลูกบอลด้วยหัว สนยกลูกบอลขึ้นมาไว้ตรงกลาง จากนั้นทั้งสองคนก็เอาหัวดันลูกบอลไว้คนละข้าง แล้วคอยประคองไม่ให้ลูกบอลตก ถ้าลูกบอลตกก็ต้องคอยระวังว่าหัวจะชนกันด้วย แต่พอลูกบอลตกทีไรก็จะหัวเราะกันสนุกสนาน แล้วก็เก็บมาเล่นใหม่อยู่หลายรอบจนพอใจ

พอเบื่อแล้วก็เปลี่ยนมาเล่นเกมส์ผลักกัน ต้นและสนยืนกางขาเล็กน้อย ประจันหน้ากัน ห่างกันประมาณสองก้าว วิธีเล่นก็คือ ยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นตั้งท่าเตรียมผลักกัน คอยดูท่าทีกันแล้วก็ผลักมือออกไป ฝ่ายที่รู้ว่าจะโดนผลักก็จะต้องเลื่อนมือออกด้านข้างเพื่อไม่ให้ถูกผลัก ต้องใช้เทคนิคหลอกล่อกันพอสมควร พอผลักโดนกัน คนที่โดนผลักก็อาจเซจนถึงล้ม บางทีคนที่ผลักออกไปเจอลมเพราะอีกคนหลบทันก็จะเซไปข้างหน้าเสียเอง ต้องคอยพยายามทรงตัวให้อยู่ บางทีผลักไปแล้วปะทะกันก็จะเซไปข้างหลังด้วยกันทั้งสองฝ่าย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเปื้อนไปทั้งใบหน้าของทั้งสองหนุ่มเพราะนานๆ ทีจะมีโอกาสได้เล่นกันแบบนี้บ้าง

มีอยู่จังหวะหนี่งที่สนเผลอผลักมือออกไปค่อนข้างแรง ต้นเลื่อนฝ่ามือออกข้างไม่ทัน ทำให้ต้นถูกผลักจนเซไปข้างหลังค่อนข้างแรง ด้วยความตกใจกลัวเพื่อนจะล้มลงบาดเจ็บ สนรีบกระโจนไปรวบตัวเพื่อนเอาไว้ด้วยแขนสองข้าง

"ต้น เราขอโทษ เมื่อกี้เล่นแรงไปหน่อย"

เมื่อต้นอยู่ในวงแขนของสนแล้วสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกันอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าการสัมผัสใกล้ชิดจะเป็นเรื่องปกติของต้นกับสน แต่คราวนี้ สนรู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างที่ต่างไป แววตาเศร้าๆ ของต้นมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้สนเองก็รู้สึกหวั่นไหวอย่างแปลกๆ ก่อนที่ต้นจะเริ่มรู้สึกเขินอาย เขาก็แก้เขินด้วยการยื่นมือไปบีบจมูกสนอย่างเอ็นดู

"คนอะไรจมูกไย้ใหญ่"

สนหัวเราะชอบใจ สักพักก็ปล่อยให้ต้นยืนตัวตรงเหมือนเดิม

"แล้วรู้ไหมว่าคนจมูกใหญ่แปลว่าอะไร" สนถามทีเล่นทีจริง

"อะไรเหรอ"

"ก็แปลว่า...ตรงนั้นก็อาจจะใหญ่ไปด้วยไง" สนหัวเราะร่วนกับมุกตลกของตัวเอง ต้นก็พลอยขำไปด้วย

"แหม...รักกันจริงๆ นะพวกมึงสองคน"

เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ต้นกับสนหันไปมองพร้อมกัน ไม่ใช่ใครที่ไหน นิกกับปั้นจั่นที่เดินตามมานั่นเอง เสียงที่พูดเมื่อกี้ก็คือเสียงของปั้นจั่น แต่ไม่ได้มากันแค่สองคนเท่านั้น มีพี่รหัสของต้นตามมาด้วย ถ้าเดาจากจังหวะเวลาแล้ว ทั้งสามคนนี้น่าจะมาทันตอนที่ต้นจะล้มแล้วสนช่วยคว้าไว้พอดีเป็นแน่ถึงได้พูดประชดแบบนั้น

สนกอดคอเพื่อนรักไว้แล้วก็ยิ้ม "ทำไมล่ะ อิจฉาเหรอ" ดูเหมือนคำถามนี้จะไม่ได้ถามนิกกับปั้นจั่น แต่ตั้งใจให้อีกคนรู้สึกอะไรบางอย่างมากกว่า

ทินมองดูสนกอดคนต้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หลายๆ ครั้งเขารู้สึกว่าสนแสดงอาการหวงต้นกับเขาบ่อยๆ จนบางครั้งก็ดูเหมือนหวงมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

"พี่ทินเขาจะพาไปกินข้าวในเมือง แล้วก็ไปเดินถนนคนเมืองกัน ห้ามปฏิเสธนะเว้ย พวกกูอยากไป มีร้านอร่อยที่จะพาพวกมึงไปกินด้วย รับรองว่าพวกมึงต้องชอบ" นิกบอก

ต้นยิ้มอย่างดีใจ เขาอยากไปเที่ยวถนนคนเมืองตั้งหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่ได้มีโอกาสเสียที

"ไปนะสน เราอยากไปซื้อของฝากให้พ่อกับแม่"

สนปล่อยมือลงจากต้นคอของเพื่อนแล้วก็พยักหน้า แม้ว่าจะไม่ชอบนักที่ทินไปด้วยแต่ถ้าต้นอยากไปสนก็ไม่อยากขัด "ก็ดีเหมือนกัน"

"โอเค งั้น...ต้นไปกับพี่ทิน สนมึงมากับพวกกูสองคน" ปั้นจั่นบอกด้วยสีหน้ามีเลศนัย

"อ้าว ทำไมยังงั้นล่ะ" สนถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก

"งั้นมึงไปกับพี่ทินไหมล่ะ"

"ไม่เอา" สนรีบบอกปัดปั้นจั่นไปทันที ดูเหมือนทินจะแอบหัวเราะเบาๆ ด้วย

"เออ งั้นก็ให้ต้นไปกับพี่ทินนั่นแหละ เขาเป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน เขาต้องดูแลกันอยู่แล้ว มึงมากับพวกกู" ปั้นจั่นบอกพลางยิ้มอย่างสะใจที่สามารถแกล้งสนได้

สนหันหน้าไปมองพี่ทินอย่างไม่สบอารมณ์นัก เหมือนกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่าห้ามทำอะไรต้นนะ แต่ก็ต้องจำยอมเพราะว่าเขาเองก็ไม่อยากนั่งกับทิน ถ้าจะให้ทินไปคนเดียวก็ดูเสียมารยาทมากเกินไปหน่อย ครั้งนี้ก็คงต้องยอมไปก่อน

"ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะดึก พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าอีก" นิกรีบตัดบท

 

ระหว่างทางสนนั่งเงียบไปในรถอยู่ข้างหลังคนเดียว นิกกับปั้นจั่นนั่งด้วยกันข้างหน้าสองคน มีนิกเป็นคนขับตามเดิม เพื่อนรักสองคนแอบยิ้มให้กันที่เห็นสนเป็นแบบนั้น นี่แหละคือแผนของพวกเขาสองคนล่ะ ไม่ใช่อะไร นิกกับปั้นจั่นเองก็สงสัยสนเหมือนกันว่าคิดอะไรกับต้นเกินเพื่อนไหม

ร้านอาหารที่ห้าหนุ่มมากินด้วยกันนั้นเป็นร้านข้าวมันไก่ชื่อดังอีกแห่งหนึ่งที่เพิ่งมาเปิดได้ไม่นานนัก เป็นคู่แข่งของอีกร้านที่เปิดมานานกว่า ดีที่ว่าร้านนั้นเปิดกลางวัน ร้านนี้เปิดกลางคืน ลูกค้าจะได้ไม่ต้องลำบากใจ บรรยากาศตอนเย็นๆ แบบนี้ที่ร้านหนาแน่นไปด้วยหนุ่มสาวที่เพิ่งเลิกงานหรือเลิกเรียนที่มานั่งกินข้าวด้วยกันอยู่หลายโต๊ะ ดูคึกคักมากทีเดียว

มาถึงนิกกับปั้นจั่นก็ดูเหมือนจะเจ้ากี้เจ้าการเรื่องที่นั่งอีกแล้ว ต้นถูกจัดให้นั่งข้างๆ ทิน ส่วนนิกกับปั้นจั่นอยู่ฝั่งตรงข้าม ขนาบข้างสนไว้ ทำให้สนเริ่มออกอาการหงุดหงิดพอสมควรที่ไม่ได้นั่งกับเพื่อนรัก

"เฮ้ย พวกมึงสองคนเป็นอะไรวะ เจ้ากี้เจ้าการจังเลยวันนี้" สนหันไปว่าเพื่อนสองคนแม้ว่าจะไม่จริงจังนักแต่ก็รู้สึกได้ว่าไม่ค่อยพอใจ จริงๆ ก็ไม่สบอารมณ์ตั้งแต่เรื่องนั่งรถแล้วล่ะ ปกติเขากับต้นจะนั่งด้วยกันตลอด อยู่ดีๆ ก็ให้ต้นไปนั่งกับทินเสียอย่างนั้น

"เออน่า มึงอย่าเรื่องเยอะนักเลยไอ้สน ต้นเขามากับพี่ทินก็ให้เขานั่งด้วยกันมั่งก็ได้ มึงให้ต้นมันสนิทกับคนอื่นมั่งก็ดีนะเว้ย โลกนี้ไม่ได้มีแค่มึงที่เป็นเพื่อนมันคนเดียวซะหน่อย" นิกว่า

"พี่รู้สึกว่าสนหวงต้นมากเหมือนกันนะเนี่ย" ทินพูดแล้วก็แกล้งเขยิบให้ไหล่ชิดกับต้นมากขึ้น

"ก็ต้นเป็นเพื่อนผม ใครจะมาคบกับเพื่อนผม ผมก็ต้องคอยดูว่าเป็นคนดีหรือเปล่า ไม่ใช่ให้ไปคบกับใครก็ได้" สนบอกเสียงแข็ง

"อ้อ...เพื่อนเหรอ อืม...เป็นเพื่อนที่แปลกดีนะ พี่ไม่เห็นเคยเจอเพื่อนแบบนี้เลย อยากมีเพื่อนที่หวงพี่แบบสนจัง คงจะดีนะต้น ต้นโชคดีนะเนี่ย เพื่อนหวงขนาดนี้" ทินขำเบาๆ เขารู้สึกเอะใจที่เห็นเพื่อนผู้ชายหวงเพื่อนผู้ชายอีกคนมากขนาดนี้

"เอ่อ...สั่งอาหารก่อนดีกว่าครับ น้องเขารออยู่" ต้นรีบชวนเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี

ทุกคนจึงเปลี่ยนไปสั่งอาหารกับเด็กเสิร์ฟที่มายืนรออยู่ได้พักหนึ่งแล้วแทน ทำให้บรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดระหว่างสนกับทินสงบไปได้พักหนึ่ง แต่พออาหารมาเสิร์ฟ บรรยากาศมาคุก็กลับมาอีกครั้ง

"ต้น...พี่แบ่งไก่ให้ต้นนะ พี่กินไม่หมด ต้นเล่นกีฬามาเหนื่อยๆ กินโปรตีนเยอะๆ จะได้มีพลัง"

ต้นยังไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ ทินก็ตักไก่จากจานของเขาจำนวนหนึ่งไปให้ต้นเสียก่อนแล้ว

"ขอบคุณครับพี่" ต้นดูจะเกรงใจรุ่นพี่อยู่เหมือนกันที่คอยดูแลแบบนี้

"พี่รู้ว่าต้นชอบ เดี๋ยวไว้วันหลังพี่พาต้นมากินอีก ยังมีอีกร้านนึงนะ อร่อยมาก แต่ต้องไปกินตอนกลางวัน"

ต้นพยักหน้าตอบรับอย่างเกรงใจ พอหันไปเห็นสนนั่งเงียบแล้วต้นก็ชักจะทำตัวไม่ถูก เขามองหน้าสนแล้วก็ชำเลืองมองทินด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ต้นรู้สึกว่าสนไม่ค่อยชอบพี่รหัสของต้นแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมสนถึงไม่ชอบ

"ได้ข่าวว่าแฟนคนก่อนของพี่ทินหน้าตาคล้ายๆ ต้นเลย แสดงว่าสเป๊กของพี่ต้องแบบต้นเลยใช่ไหมครับ" นิกถามขึ้นหลังจากที่กินข้าวไปได้พักหนึ่ง

ทินหัวเราะชอบใจ "ก็ประมาณนี้แหละ พี่ชอบคนขาวๆ ตัวไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป หน้าหวานๆ หน่อย แต่ไม่ต้องเยอะ แบบต้นกำลังดีเลย"

"ว้าว...ว่าไงต้น อยากมีแฟนเป็นพี่รหัสไหม ดีนะเว้ย ดูแลทั้งเรื่องการเรียน ดูแลทั้งเรื่องหัวใจ สารพัดประโยชน์" ปั้นจั่นหันไปแซวต้นพร้อมกับแอบชำเลืองเพื่อนรักของต้นไปด้วย

"ถ้าต้นเขาโอเค พี่ก็โอเคนะ" ทินพูดทีเล่นทีจริง อดไม่ได้ที่จะลอบมองดูปฏิกิริยาของสนเช่นกัน

สนรีบหันไปมองหน้าต้นเหมือนกับจะบอกว่า "อย่าตกลงนะต้น" ต้นเหมือนจะรับรู้ความรู้สึกนั้นได้ก็เลยได้แต่ยิ้มๆ

"เฮ้ยต้น ไม่สนใจเหรอวะ" นิกรุกต่อ เขาไม่ยอมให้เรื่องนี้ตกไปง่ายๆ หรอกนะ ไหนๆ ก็วางแผนกันมาขนาดนี้แล้วต้องเล่นให้ถึงที่สุด

ต้นมองหน้าเพื่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งสามคน แล้วก็หันมามองทินที่นั่งอยู่ข้างๆ แม้ว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะรู้กันหมดแล้วว่าต้นเป็นแบบไหน แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจนักที่จะคุยเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะ

"เฮ้ย...พี่เขาไม่สนใจเด็กกะโปโลอย่างเราหรอก" ต้นบอกพลางขำเบาๆ แล้วก็หันไปสบตากับสนอีกครั้ง เริ่มรู้สึกอึดอัดใจที่บรรยากาศตึงเครียดอีกแล้ว

"พี่ทินเขารักเด็กนะเว้ย ใช่ไหมครับพี่ทิน" นิกหันไปแซวพี่รหัสของต้นบ้าง

"พอแล้วๆ ดูสิต้นหน้าซีดเลย ต้นกลัวพี่จะจีบเหรอ โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวๆ" ทินเอามือลูบศีรษะต้นอย่างเอ็นดู แม้จะเห็นสายตาของสนที่มองมาอย่างไม่พอใจก็ตาม

"ไม่ต้องกลัวเพราะพี่จีบอยู่แล้ว" นิกกับปั้นจั่นพูดพร้อมกันแล้วก็หัวเราะ ทินก็หัวเราะด้วย ส่วนต้นได้แต่ยิ้มๆ จะขำก็ไม่กล้าขำ โดยเฉพาะเมื่อสบตากับเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

"ตกลงที่พวกมึงชวนกูมากินข้าวด้วยเพราะจะมาคุยเรื่องนี้กันเหรอวะ ถ้าจะคุยแต่เรื่องนี้เดี๋ยวกูจะกลับบ้าน" หลังจากที่อดทนนั่งฟังมาสักพักสนก็เริ่มทนไม่ไหว

เสียงหัวเราะเงียบลงทันที

"เฮ้ย เปล่าๆ ไม่มีอะไร แซวกันเล่นสนุกๆ เฉยๆ เว้ย แล้วมึงเป็นไรของมึงเนี่ย ซีเรียสไปได้" ปั้นจั่นรีบแก้ตัว

"นั่นสิ หน้าเป็นตูดเลย กินข้าวๆ ไม่คุยเรื่องนี้ก็ได้" นิกว่าแล้วก็ตักข้าวกินเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาต้องยอมหยุดเพราะเดี๋ยวสนจะโมโหแล้วกลับบ้านไปเสียก่อน

 

เมื่อมาถึงถนนคนเมือง นิกกับปั้นจั่นก็เจ้ากี้เจ้าการอีก ให้ต้นไปเดินกับทิน ส่วนสนก็ให้มาเดินกับพวกเขาสองคนแทน แล้วก็นัดให้มาเจอกันตรงทางเข้าสามทุ่มตรง จะได้ไม่หลงกัน แต่พอเดินกันไปเดินกันมา สนก็ค่อยๆ แยกตัวออกมาเดินคนเดียว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน สนพยายามสอดส่ายสายตาว่าต้นกับพี่ทินอยู่ตรงไหน พอเจอแล้วสนก็ค่อยๆ เดินตามไป เหมือนกับสะกดรอยตามยังไงยังงั้น คอยมองดูอยู่ห่างๆ เห็นพี่ทินแตะเนื้อต้องตัวต้นอยู่บ่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ

สนเริ่มเซ็งเพราะเขาไม่มีเพื่อนเดินด้วยเลยสักคน นิกกับปั้นจั่นก็หายไปแล้ว ส่วนต้นก็เดินกับทินไม่สนใจเขาเลย ตอนนี้สนก็ขี้เกียจตามดูแล้วแม้ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงต้น แต่ทำไปนานๆ เข้าก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโรคจิตยังไงชอบกล เขายังไม่ได้ซื้อของฝากให้พ่อกับแม่เลย สนจึงตัดสินใจที่จะไม่เดินตามต้นและทินอีก

สนเดินมาถึงร้านๆ หนึ่ง เห็นเด็กสาวขายสินค้าที่เขากำลังมองหาอยู่พอดี มีเด็กผู้ชายอายุไล่เลี่ยกันนั่งขายอยู่ด้วย เข้าใจว่าน่าจะเป็นพี่น้องกันเพราะหน้าตาคล้ายๆ กัน

สนเดินเข้าไปเลือกๆ ดูเสื้อที่คิดว่าพ่อของเขาน่าจะชอบแล้วก็ถาม "ตัวนี้เท่าไหร่"

"สามร้อยค่ะ" เสียงใสๆ ตอบพลางยิ้ม

"ขยันนะ มาขายแบบนี้ทุกวันเหรอ" สนถามไปพลางเลือกดูเสื้อไปด้วย ที่ถามแบบนั้นเพราะดูจากอายุแล้วน่าจะยังเรียนมัธยมกันอยู่ สนชื่นชมเด็กที่ขยันแบบนี้เสมอ

"ก็ไม่ทุกวันหรอกค่ะ บางวันพ่อกับแม่ก็มาขาย ถ้าวันไหนไม่มีการบ้านหนูกับน้องก็จะมาขายเอง พี่มาจากกรุงเทพเหรอคะ"

"เปล่า...พี่เรียนอยู่ที่ มช. นี่เอง มาจากนครปฐม แต่เป็นคนน่าน" สนตอบพลางยิ้ม รู้สึกถูกชะตากับสาวน้อยคนนี้อย่างประหลาด

"อ๋อ...เหรอคะ ปีหน้าหนูก็จะสอบเข้าไปเรียนที่นั่นเหมือนกัน พี่ชื่ออะไรคะ เผื่อได้เจอกันในมหาลัย"

สนหยุดเลือกเสื้อผ้าแล้วหันไปมองสาวน้อยที่เหมือนจะคอยมองเขาอยู่ "ชื่อสนครับ แล้วน้องล่ะชื่ออะไร"

"ชื่อนินาค่ะ ส่วนนี่น้องชาย...ชื่อนินอย"

นินอยยิ้มให้กับชายแปลกหน้าที่มาซื้อของ เขาพอเดาออกว่าพี่สาวน่าจะชอบพี่ชายคนนี้เป็นแน่เลย

"แล้วจะเรียนคณะอะไรล่ะ" สนถามพลางหยิบเสื้อตัวที่เขาต้องการจะซื้อมาถือไว้

"ยังไม่รู้เลยค่ะ ตอนแรกพ่อบอกว่าจะให้เรียนคณะมนุษย์ อยากให้เรียนภาษา นินาก็ชอบภาษานะ แต่ก็อยากเรียนการตลาดด้วย นินาชอบขายของก็เลยอยากเรียนพวกบัญชี-การตลาด แต่ภาษาอังกฤษก็อยากเรียนเอาไว้สื่อสารกับลูกค้าต่างชาติ เนี่ย...จะเปิดเออีซีอยู่แล้วยังพูดไม่ค่อยได้เลย" นินาพูดพลางขำ

สนพยักหน้ายิ้มๆ "อ๋อ...ดีๆ ขยันฝึกบ่อยๆ นะ เดี๋ยวก็เก่ง อะ...พี่เอาตัวนี้ละกัน" สนบอกพลางส่งเสื้อที่เขาเลือกให้นินา เธอรีบกุลีกุจอพับใส่ถุงกระดาษอย่างพิถีพิถัน สนหยิบเงินให้แล้วก็รับของมา

"พี่ไปก่อนนะครับ"

"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ โชคดีค่ะ ไว้เจอกันปีหน้านะคะ" นินาบอกพลางยิ้มหวานให้ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก

"ครับ"

สนยิ้มกว้างตอบกลับไปอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือเปล่า แต่สนก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างทันที่ที่เจอกันตั้งแต่ครั้งแรก ถ้าไม่ใช่เพราะสนมีคนที่รักอยู่แล้วก็อาจจะเผลอคิดไปว่านี่คงเป็นบุพเพสันนิวาสเป็นแน่

 

กลับมาถึงบ้านแล้วสี่หนุ่มก็แยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมันเพื่ออาบน้ำนอน ก่อนจะแยกกันสนบอกต้นไปว่าเขาจะขอไปนอนด้วยคืนนี้ สนมีหลายเรื่องที่อยากจะคุยกับต้น นอกจากนี้ สนมีแผนจะทำบางสิ่งบางอย่างที่จะต้องทำกับต้นตอนกลางคืนด้วยสิ คิดแล้วก็ตื่นเต้นชะมัดเลย

อาบน้ำแล้วสนก็ไปหาเพื่อนที่ห้องพร้อมกับหมอนและหนังสือเล่มหนึ่ง เขาใส่กางเกงบ็อกเซอร์และเสื้อยืดเช่นเคย ต้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังกึ่งนั่นกึ่งนอนอยู่บนเตียงรอสนอยู่ อยู่ในชุดที่คล้ายๆ กันเพราะใส่สบายเวลานอน สนขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงกับเพื่อน เอาหมอนของตัวเองที่เตรียมมาหนุนหลังแล้วก็กางหนังสือเล่มหนึ่งให้ต้นดู

"นี่ต้น นายว่า...ถ้าเรามีร้านอาหาร นายว่าร้านแบบนี้ดีไหม เราชอบสไตล์มันนะ ออกไทยๆ แต่ก็ดูทันสมัยด้วย"

ต้นก้มลงมาดูตามที่เพื่อนชี้แล้วก็ยิ้ม

"นายจะเปิดร้านแล้วเหรอ"

"ยังหรอก แต่ว่าก็วางแผนไว้ว่าอยากเปิดน่ะ เพิ่งคุยกับพ่อเมื่อวาน พ่อบอกว่าเดี๋ยวช่วงปิดเทอมจะพาไปดูที่แถวๆ ศาลายา เราว่าก็ดีนะ ที่ศาลายาใกล้กรุงเทพ ลูกค้าน่าจะเยอะดี"

"โห...นายจบไปก็จะมีธุรกิจส่วนตัวเลยเหรอ ดีจังเลย"

"อืม...ใช่...เราไม่อยากเป็นลูกจ้างเท่าไหร่น่ะ เนี่ย...เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็จะเริ่มเก็บเงินให้เราแล้ว แล้วก็...ตอนนี้เราคิดว่า...ถ้ามีงานพิเศษทำเราก็จะไปทำเหมือนกันนะ จะได้เก็บเงินไว้เยอะๆ ไว้เปิดร้านของตัวเองไง นายว่าดีไหม"

"ดีเลยสน นายปรึกษากับนิกสิ ที่บ้านของนิกเขาทำธุรกิจกันทั้งบ้านเลย เผื่อว่านิกจะช่วยได้ นิกเขามีญาติเปิดร้านขายของที่ระลึกในเชียงใหม่ด้วยนะ เผื่อว่านายจะทำอะไรไปส่งขายที่นั่นได้ ฝีมือทำอาหารอย่างนายเขาอาจจะสนใจก็ได้นะ ทำตอนว่างๆ ก็ได้ เดี๋ยวเราช่วยทำ เราว่าหาอะไรทำก็ดีเหมือนกัน ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้ช่วยพ่อกับแม่ด้วย"

สนคิดตามแล้วก็พยักหน้า "อืม...เดี๋ยวเราจะคุยกับนิกดูละกัน"

"แล้วนายมีแบบอื่นไหม เราอยากดูเปรียบเทียบกัน"

สนจึงเปิดรูปแบบร้านอาหารหน้าอื่นๆ ให้ต้นดู ต้นก็ให้ความเห็นไปตามแบบที่เขาชอบ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปหรอกเพราะยังอีกนานกว่าสนจะได้เริ่มต้นลงมือทำจริงๆ

หลังจากที่ดูจนหมดแล้วสนก็เอาหนังสือเก็บไว้ที่ชั้นวางตรงหัวเตียง

"อืม...ต้น เราถามอะไรหน่อยสิ"

"อะไรเหรอ" ต้นเลิกคิ้ว

สนมองเพื่อนพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด "นาย...ชอบพี่ทินหรือเปล่า"

แม้ใจอยากจะบอกสนไปดังๆ เหลือเกินว่าคนที่ต้นชอบก็อยู่ตรงนี้แล้ว จะให้ไปชอบใครอีกล่ะ แต่ต้นก็ได้แค่คิด

"อืม...เราก็คิดๆ อยู่เหมือนกันนะ"

"หมายความว่าไงต้น นายคิดอะไร" สนรีบถามทันทีที่ได้ยิน

"ก็...บางที...เราก็คิดว่า...เราควรจะเปิดใจให้คนอื่นบ้าง รักคนที่เขารักเรา"

รักคนที่เขารักเรา...ประโยคนี้ช่างเสียดแทงใจดำของสนเสียจริงๆ แปลว่าที่ผ่านมาต้นไม่ได้คนที่เขารักต้นอย่างนั้นหรือเปล่า

"เราว่าก็ดีนะสน ถ้าเราตัดใจได้ ต่อไป...เรากับนาย...ก็จะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้อย่างสนิทใจไง ไม่ดีเหรอ"

สนใจหายวาบ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น วันหนึ่งเกิดต้นตัดใจไปจากเขาและเหลือแค่ความรู้สึกให้สนอย่างเพื่อนคนหนึ่ง มันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมสนรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่ได้คิดแบบนั้น

"ต้น...ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันได้สนิทใจแล้วไม่ใช่เหรอ เราไม่ได้คิดอะไรแล้วนะ นายจะเป็นอะไรเราก็โอเคทุกอย่าง"

ดูเหมือนสีหน้าของต้นดูเศร้าลงไปอีกอย่างเห็นได้ชัด

"ขอบคุณนะสนที่นาย...ยอมรับได้ ไม่รู้สิ บางทีเราก็คิดว่า...เราไม่เหมือนเดิม อืม...ก็ไม่เหมือนเดิมมาตั้งนานแล้วล่ะ เรากลัวนายลำบากใจน่ะสน ถ้าเราเลิกรักนายแบบนั้นได้ก็น่าจะดีกว่านะ เราว่ามันคงดีมากเลยล่ะ เราจะพยายามนะสน เราจะพยายาม...เลิกรักนายแบบนั้นให้ได้ ไม่รู้ว่าจะเป็นพี่ทินไหม แต่คง...เป็นใครสักคนนึงแหละ"

"ต้น" สนพูดได้แค่นั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ เขาก็ตกใจไม่น้อยที่ต้นพูดแบบนั้น สนควรจะรู้สึกยังไงกันแน่ ดีใจที่ต้นจะมีใครสักคนแล้วเหลือเพียงความเป็นเพื่อนให้กับสน มันก็ควรจะเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ ใช่...มันต้องดีสิ

"นายว่าไงล่ะสน นายว่าพี่ทินเขาเป็นคนดีไหม หรือว่านายไม่ชอบเขา ขอโทษนะที่ถามแบบนี้ แต่เรารู้สึกว่านายไม่ชอบพี่เขาจริงๆ"

สนถอนหายใจจนต้นอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมสนดูเหมือนหนักใจขนาดนั้น

"เอ่อ...ก็ไม่รู้สิ ก็แล้วแต่นาย แต่ว่า...นายจะบอกแม่เยาพ่อแอ๊ดยังไงล่ะต้น เรากลัว...เรากลัวว่านายจะมีปัญหากับที่บ้าน"

ต้นมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ จริงสินะ นี่ถ้าพ่อกับแม่ของต้นรู้เข้า ต้นจินตนาการไม่ออกเลยว่าท่านจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แม่อาจจะพอคุยง่ายหน่อย แต่พ่อนี่สิ หลังๆ มานี้พ่อมักจะถามต้นเรื่องมีแฟนอยู่บ่อยๆ ต้นก็ได้แต่บ่ายเบี่ยงไปว่าต้นยังไม่คิดเรื่องนี้ ตอนนี้คงพอตอบแบบนี้ไปก่อนได้ แต่ต้นจะตอบแบบนี้ไปได้อีกกี่ปีกันเชียว

สนเอื้อมมือไปจับมือต้นไว้แล้วบีบเบาๆ "ขอโทษที่พูดให้นายไม่สบายใจนะต้น แต่เราแค่อยากให้นายคิดแล้วก็เตรียมตัวไว้บ้าง วันหนึ่งนายก็ต้องบอกพ่อกับแม่ แต่ไม่ต้องกลัวนะต้น ไม่ว่าจะยังไง เราจะอยู่ข้างนายเสมอ เราเชื่อ...วันหนึ่งพ่อกับแม่นายจะเข้าใจ พ่อแอ๊ดกับแม่เยาเป็นคนใจดีนะต้น เขาไม่ใจร้ายกับนายหรอก นายเป็นลูก ยังไงเขาก็รักนายแหละ"

ต้นหันมายิ้มน้อยๆ ให้กับเพื่อน สักพักก็เริ่มมองไปที่มือของสนที่จับมือต้นไว้อยู่ ต้นก็รู้สึกดีนะ แต่ว่า...มันทำให้ต้นมีปัญหากับความรู้สึกของตัวเองว่าจะตีความสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่าอย่างไร นี่คือการกระทำของเพื่อนหรืออะไรกันแน่

สนค่อยๆ ปล่อยมือแล้วก็ยิ้มอย่างเขินๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าต้นมองอยู่ "นอนก่อนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า นายไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกช้าไปห้านาทีใช่ไหม"

"แหะๆ สงสัยจะใช่" ว่าแล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาตั้งเวลาใหม่ สนยิ้มและมองอย่างเอ็นดู อดที่จะเอามือยีศีรษะเพื่อนอีกไม่ได้ แต่แว่บนึงก็แอบโมโหที่นึกถึงภาพทินลูบผมต้นตอนอยู่ที่ร้านอาหาร บังอาจมากที่ทำแบบเดียวกับที่เขาทำ

ต้นนอนหลับไปแล้วแต่สนยังนอนไม่หลับเลย เขายังเหลือภารกิจอีกหนึ่งอย่างที่เขาอยากทำเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง สนลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืดสลัว แสงที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาพอทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้องได้พอรางๆ บ้าง แต่ใบหน้าของต้นกลับดูนวลใสอยู่ในความมืดสลัวนั้น

สนนั่งมองใบหน้าของเพื่อนที่นอนหลับใหลอย่างพินิจพิจารณา รอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าของต้นทำให้เขาต้องพลอยยิ้มตามไปด้วย เขารู้สึกอย่างไรกับต้นกันแน่นะ สนถามตัวเองอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน สนก็หวังว่าสิ่งที่สนทำต่อไปนี้น่าจะพอให้คำตอบอะไรได้บ้าง

ว่าแล้วสนก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าของเขาเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าของต้น ใกล้เข้าไปและใกล้เข้าไป จุดหมายของสนก็คือริมฝีปากอิ่มได้รูปนั้นนั่นเอง คิดแล้วสนก็อยากจะบ้าตาย นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ ถ้าใครรู้เข้าสนคงอายน่าดูเลย

อีกเพียงแค่นิ้วมือกั้นริมฝีปากของสนก็จะจูบลงไปบนริมฝีปากของต้นแล้ว สนใจเต้นไม่เป็นส่ำ คิดแล้วคิดอีกว่าเขาจะจูบเลยดีไหม ถ้าเขาจูบต้นได้โดยไม่รู้สึกต่อต้านก็น่าจะแปลว่าเขาก็คงคิดอะไรบางอย่างกับต้น แต่เอ...ทำไมสนจะต้องต่อต้านเพื่อนด้วยล่ะ หรือว่าการแอบจูบต้นแบบนี้ก็น่าจะบอกอะไรไม่ได้มากนัก

ในขณะที่สนกำลังสับสนกับความคิดของตัวเองอยู่นั้น ต้นก็เริ่มขยับตัวเป็นสัญญาณบอกว่าต้นเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ ต้นขยับใบหน้าทำให้ริมฝีฝากของต้นสัมผัสกับริมฝีปากของสนโดยบังเอิญ สนตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ด้วยความที่เขากลัวต้นจะตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าเขาแอบทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ สนจึงแกล้งฟุบหน้าลงนอนบนหมอนใบเดียวกับต้น เอาเถอะ อย่างน้อยต้นก็คงแค่เข้าใจว่าสนละเมอหรือนอนดิ้นแค่นั้น แต่เอ...กลิ่นกายของเพื่อนที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกนี่สิทำไมทำให้สนรู้สึกวาบหวามใจอย่างประหลาด

ต้นตื่นขึ้นมาเพราะเขายังหลับไม่สนิทนักและรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกระดุกกระดิกจนทำให้รู้สึกตัว แล้วก็ต้องแปลกใจที่สนมานอนหมอนใบเดียวกับเขาหายใจรดต้นคออยู่แบบนี้ ปกติสนก็ไม่เคยนอนดิ้นขนาดนี้นี่นา

ต้นลุกขึ้นแล้วก็ค่อยๆ พลิกตัวสนให้นอนหงายขึ้น ขยับตัวเพื่อนให้นอนในท่าที่สบาย เอามือช้อนศีรษะสนขึ้นแล้วก็เอาหมอนหนุนให้

"ตัวหนักเหมือนกันนะเนี่ย สงสัยจะกินเยอะไปแล้วนะสน" ต้นพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับมองใบหน้าเพื่อนด้วยความเอ็นดู แล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าผู้ชายคนนี้รักต้นเหมือนที่ต้นรัก ชีวิตของต้นคงมีความสุขมาก ไม่มีใครอีกแล้วที่ต้นจะรู้สึกอบอุ่นใจได้ขนาดนี้เวลาที่อยู่ใกล้

สนได้ยินที่ต้นบ่นแล้วก็แอบขำในใจ รู้สึกโล่งใจที่ไม่ถูกจับได้เสียก่อน ต่อไปเขาคงจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เกิดต้นจับได้ขึ้นมาเขาจะโดนข้อหา "ลักหลับ" เพื่อนแน่ๆ เลย แค่คิดก็อายจนไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะกล้ามองหน้าต้นไหม

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 18:47:34 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
แอบระแวง(คน)'นินา'เบาๆ ค่าา~ :laugh:

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
สรุปแล้ว สนได้รู้สึกอะไรไหมนั่น

รอตอนต่อไปจ้า :pig4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เอิ่ม นินาจะเข้ามาเพื่อซ้ำเติม
ความเจ็บปวดให้กับต้นซินะ
โปรดส่งใครมาซ้ำเติมความสับสน
ให่กับสนบ้างนะคะ นอกเหนือจากพี่ทิน

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
รู้ใจตัวเองเสียทีสิสน

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เหมือนจะรู้ใจตัวเองนะ รู้ว่ารัก แต่เหมือนยังไม่ยอมรับ หรือรับใจตัวเองไม่ได้เลย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เมื่อไรสนจะรู้ตัวรู้ใจตัวเองซะทีเนี่ย หรือต้องรอมือที่สามเข้ามาสร้างความร้าวฉานก่อนเหรอ

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
อ่านรวดเดียวตั้งแต่ตอนที่หนึ่งถึงตอนล่าสุด ชอบอะ ดี๊ดี เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 12: รักสี่เส้า


วันนี้ต้นกับปั้นจั่นไปทำงานกลุ่มที่บ้านของเต้ เพื่อนร่วมคณะของต้น กว่าจะกลับก็คงดึกพอสมควร ส่วนนิกอยู่อีกกลุ่มหนึ่งแต่ไม่ได้นัดทำงานด้วยกันวันนี้ ที่บ้านจึงเหลือแค่นิกกับสนที่กลับมาก่อนคนอื่น ด้วยความที่กลับมาเหนื่อยๆ และหิว มาถึงก็เลยกินข้าวเย็นเลย

ในขณะที่กินข้าวเย็นอยู่ที่โต๊ะชั้นล่าง สนจึงได้โอกาสปรึกษาเรื่องที่เขาอยากหางานพิเศษทำกับนิก

"เฮ้ยนิก เห็นต้นบอกว่าญาติมึงทำธุรกิจขายพวกของฝากในเชียงใหม่เหรอวะ"

"อืม...ป้ากูเอง เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อกู แต่ก็สนิทกันอยู่นะ ทำไมเหรอ จะไปซื้อของฝากเหรอ" นิกสงสัย

"อ๋อเปล่า...พอดีตอนนี้กูอยากหางานพิเศษทำเก็บเงินว่ะ พอเรียนจบแล้วกูอยากเปิดร้านอาหาร กำลังคุยกับพ่อกับแม่อยู่ เดี๋ยวปิดเทอมนี้กูว่าจะไปดูที่ที่จะทำร้านเอาไว้ซะหน่อย พ่อกับแม่กูเขาก็จะช่วยเก็บเงินให้ แต่กูก็อยากหาเงินเก็บไว้เองด้วยส่วนหนึ่ง ก็เลยจะถามมึงว่าถ้ากูจะทำพวกขนมของฝากแล้วเอาไปฝากขายที่ร้านป้ามึงจะได้ไหมวะ"

นิกทำท่าครุ่นคิด "อืม...ไม่แน่ใจว่ะ ต้องคุยกับป้ากูก่อน แต่มึงแน่ใจนะเว้ยว่ามึงทำไหว ช่วงโลว์ซีซั่นอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงไฮซีซั่นออเดอร์จะเยอะเลยนะเว้ย ถ้ามึงผลิตให้ป้ากูทัน คุณภาพดี แพ็กเกจดี เขาก็น่าจะสนใจนะ ว่าแต่มึงจะทำอะไรขายล่ะ"

"ยังคิดไม่ออกตอนนี้ว่ะ อืม...ถ้ากูจะขอไปคุยกับป้ามึงได้ไหมวะ อยากไปดูว่าเขาขายอะไรมั่ง อะไรขายดี หรือมีอะไรที่น่าจะทำมาขายอีกไหม หรือมึงคิดว่าไงวะ หรือจะให้กูทำขนมอะไรสักอย่างขึ้นมาก่อนแล้วเอาไปเสนอป้ามึงดี"

"อืม...เอางี้ไหมล่ะ เดี๋ยวกูพามึงไปดูที่ร้านป้ากูก่อนก็ได้ แล้วมึงอยากรู้ข้อมูลอะไรก็ค่อยถาม เผื่อมึงจะได้ไอเดียเอามาทำอะไรไปเสนอป้ากูอีกที แต่มึงยังไม่ต้องบอกหรอกว่ามึงอยากทำของไปฝากขาย ถ้ามึงได้ไอเดียแล้วค่อยทำไปเสนอป้ากูก็ได้ แล้วลองดูว่าจะทำส่งขายยังไง แต่มันต้องทำเยอะนะสน กูเตือนมึงไว้ก่อน ส่วนมากคนที่เขาทำส่งเขาก็จะทำเต็มเวลา ไม่ได้ทำพาร์ทไทม์แบบมึง"

เห็นสนตั้งใจแบบนี้ นิกก็รู้สึกชื่นชมเพื่อนไม่น้อยเลย ด้วยความที่เติบโตมากับครอบครัวคนจีนที่ขยัน นิกจึงชอบคนขยันและมักจะคบกับเพื่อนที่นิสัยคล้ายๆ กัน

จริงๆ ก็มีเรื่องที่สนกังวลอยู่บ้าง แต่ยังไงเขาก็ต้องเริ่มทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้ เพราะยังไงก็ไม่ได้เรียนทุกวัน วันหยุดก็มี ปิดเทอมก็มี หรือช่วงเย็นๆ ที่ไม่ได้เรียนก็น่าจะพอทำอะไรได้อยู่

"หรือจะลองแบบนี้ไหมล่ะ มึงอาจจะเริ่มจากขายในช่วงเทศกาลพิเศษก่อนก็ได้ จะได้ไม่ต้องกังวลว่ามึงจะทำส่งทันไหม อย่างช่วงปิดเทอมมึงก็มีเวลาเยอะ ทำช่วงนั้นก็ได้แล้วเอามาขาย ป้ากูเขาจะมีของที่มาขายตามเทศกาลอยู่นะ"

สนพยักหน้าพลางคิดตาม

"เออ...กูว่าแบบนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันว่ะ ยังไงมึงก็พากูไปคุยกับป้ามึงหน่อยนะเว้ย กูอยากทำจริงๆ"

"ได้ๆ เดี๋ยวกูนัดป้ากูก่อน แล้วจะบอกมึงอีกที"

"ขอบใจมากเพื่อน กูจะไม่ลืมบุญคุณมึงเลย"

"เฮ้ย บุญคุณอะไร ไม่ต้องคิดมาก กูชอบคนขยัน ถ้ามึงตั้งใจจะทำจริงๆ กูยินดีช่วย"

สนยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ จากนั้นต่างคนต่างก็กินข้าวต่อประทังความหิว

"เออ...ถามอะไรหน่อยดิ มึงกับต้นเป็นยังไงมั่งวะตอนนี้" นิกถามขึ้นหลังจากที่กินข้าวไปได้สักพัก

"ไม่เข้าใจคำถามว่ะ ก็สบายดีนี่หว่า หรือยังไงวะ" สนหยุดมองด้วยท่าทางสงสัย

"กูหมายถึง ตั้งแต่มึงรู้ว่าต้นเป็นเกย์ มึงโอเคไหมที่คบกับต้น...แบบเพื่อน ลำบากใจอะไรหรือเปล่า"

สนครุ่นคิดแล้วก็ยิ้ม "ไม่นี่หว่า ก็เหมือนเดิม"

"อืม..." นิกพยักหน้ารับรู้ "แล้วมึง...ไม่รู้สึกว่ามันแปลกใช่ไหมที่คบกับคนที่เขาชอบมึงเป็นเพื่อน"

"อืม...มันก็พูดยากเหมือนกันนะ แต่กูก็อยากให้ต้นเป็นเพื่อนกับกูต่อไป แล้วถ้าไม่ทำแบบนี้ กูกับต้นก็ต้องห่างกันไป อันนั้นล่ะที่ทำใจยากกว่า ก็คง...ต้องค่อยๆ ปรับตัวกันไปแหละ แต่ตอนนี้ก็โอเคนะ มึงถามทำไมเหรอ"

นิกพยักหน้าเข้าใจ "ไม่มีอะไรหรอก เป็นห่วงเฉยๆ เออ...ว่าแต่ทำไมช่วงนี้กูไม่ค่อยเห็นมึงหลีสาวเลยวะ หรือว่ายังไม่เจอคนถูกใจ"

สนยิ้มแล้วก็ขำ "ก็มีมองๆ อยู่บ้างนะเว้ย แต่กูยังไม่อยากมีแฟนตอนนี้ว่ะ กูยังไม่มีอะไรเลย เงินก็ขอพ่อแม่ใช้ มึงก็รู้นี่ว่ามีแฟนแล้วก็ต้องใช้เงินเยอะขึ้น ลำบากพ่อกับแม่อีก กูยังไม่พร้อมว่ะ แล้วอีกอย่าง...กูกลัว...กลัวต้นคิดมาก"

นิกมองสนอย่างแปลกใจ จริงๆ สนก็เป็นคนดีกว่าที่เขาคิดไว้มากทีเดียว ขยัน ตั้งใจ คิดถึงพ่อแม่ แถมเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนอีกต่างหาก

"อืม...แต่ถ้ามึง...เป็นผู้ชาย สุดท้ายมึงก็ต้องมีแฟนอยู่ดีแหละวะ ยังไงต้นมันก็คงไม่พ้นต้องเจ็บอยู่ดี แล้วมึงจะทำไงวะ"

"ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่...กูคิดว่าต้นจะเข้าใจนะถ้าถึงวันนั้น" แม้จะบอกอย่างนั้นแต่สีหน้าสนก็เป็นกังวล

"เข้าใจน่ะต้นมันคงเข้าใจอยู่หรอก แต่มันก็ต้องเจ็บแหละวะ" แล้วนิกก็ตัดสินใจถามสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด "ว่าแต่มึงเหอะ มึงคิดยังไงกับต้นกันแน่วะสน มึงรักต้นแค่เพื่อนหรือมากกว่านั้นวะ"

สนแอบสะดุ้งในใจ นั่นสินะ แม้ปากจะบอกไปว่ารักต้นแบบเพื่อน แต่เมื่อพิจารณาดีๆ สนก็ให้ความสำคัญกับต้นมากกว่าเพื่อนทั่วไป คอยดูแลห่วงใยมากเสียจนเขาก็ไม่รู้ว่ามันใช่สิ่งที่เพื่อนกันจะทำให้กันหรือเปล่า เหมือนมีความรู้สึกสองอย่างที่ซ้อนทับกันอยู่แล้วสนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนเป็นอันไหน หลายครั้งที่ความรู้สึกสองอย่างนี้ก็ทำงานพร้อมๆ กัน มันจึงไม่ง่ายนักที่สนจะจัดการความรู้สึกของตัวเอง

"เฮ้ยทำไมต้องลังเลวะสน ถ้าเป็นแค่เพื่อนมึงก็น่าจะตอบได้ง่ายๆ เลยไม่ใช่เหรอวะ ลังเลแบบนี้แสดงว่ามึงก็ไม่แน่ใจใช่ไหมวะ"

สนสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้น "เฮ้ย ไม่ใช่หรอก กูแค่สับสนอะไรบางอย่างเท่านั้นแหละ กูคิดว่า...กูไม่ได้รักต้นแบบนั้นว่ะ บางที...กูก็แค่สับสนว่ากูอาจจะสนิทกับต้นมากเกินไปหรือเปล่าก็เลยดูเหมือน...เหมือนไม่ใช่แค่เพื่อนกัน แต่กูก็ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นนะเว้ย"

"เหรอ" นิกยังไม่วายสงสัยอยู่ "ก็แล้วแต่มึงแหละ ยังไงมึงก็น่าจะรู้ใจตัวเองดีมากกว่ากู แต่กูถามมึงหน่อยว่า...ถ้าเกิดวันนึงมึงรู้ใจตัวเองว่ามึงชอบต้น แบบที่ต้นชอบมึง มึงจะทำไงวะ"

แต่ละคำถามของเพื่อนล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้สนลำบากใจที่จะตอบทั้งสิ้น เฮ้อ...ชีวิตไม่ง่ายเลย

"อืม...ถ้าชอบแบบนั้นเหรอ" สนครุ่นคิด แต่มันก็ยากที่จะจินตนาการเสียจริงๆ "ไม่รู้ว่ะ ถ้ารักก็รักแหละ แต่มันคงไม่ง่ายหรอก พ่อกับแม่ของกูกับต้นคงไม่ยอม มึงก็รู้ว่าพวกกูเป็นลูกชายคนเดียว ยังไงก็ต้องแต่งงานมีลูกมีหลานต่อไป กูกับต้นหมดสิทธิ์ที่จะรักกันแบบนี้ว่ะ เป็นไปไม่ได้หรอก"

นิกพยักหน้ารับรู้ แค่คิดก็หนักใจแทนแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ถ้าพ่อแม่มีลูกชายหลายคนอาจจะยังพอทำใจได้ แต่ถ้ามีคนเดียวแบบนี้ ต้นกับสนคงต้องเจอมรสุมชีวิตใหญ่เลยล่ะ

"กูก็ถามไปอย่างงั้นแหละ ถ้ามึงไม่ได้คิดกับต้นแบบนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าจะมีก็คงเป็นต้นนั่นแหละ เฮ้อ...คิดแล้วก็สงสารมัน" นิกถอนหายใจพลางทำหน้าเศร้า "เออ...แต่กูมีเรื่องจะสารภาพกับมึงตรงๆ เรื่องหนึ่งว่ะ"

สนหยุดมองอย่างสงสัย "อะไรวะ"

"กูกับปั้นจั่นอยากให้พี่ทินจีบต้นว่ะ มึงจะว่าอะไรไหมถ้าต้นมันจะเปลี่ยนใจไม่รักมึง มึงว่าดีไหม"

แค่ได้ยินสนก็ใจหายวาบ เขารู้สึกแบบนี้อีกแล้ว ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเวลาที่รู้ว่าต้นจะมีใครสักคนเป็นแฟน

"มึงคิดดูดีๆ นะสน มึงก็ไม่ได้รักต้นแบบนั้น ให้ต้นมันชอบมึงแบบนั้นต่อไปมันก็มีแต่เจ็บ มึงเองก็ไม่กล้าจะไปจีบใครเพราะมัวแต่กลัวต้นมันเสียใจ อึดอัดกันทั้งสองฝ่าย ถ้ามึงอยากช่วยเพื่อนมึง ถ้ามึงไม่เป็นแฟนกับต้นซะเอง มึงก็ต้องช่วยให้เพื่อนมึงตัดใจจากมึงให้ได้สิวะ"

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ "แล้วมึงคิดว่า...ต้นจะอยากตัดใจจากกูเหรอวะ" สนพูดแบบนี้เพราะเขารู้จักต้นดี ถ้าต้นจะตัดใจจากเขาก็คงทำไปนานแล้วล่ะ นี่ก็ผ่านมาเกือบจะแปดปีแล้ว ต้นก็ยังคงรักเขาอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

"อืม...ก็จริงของมึงว่ะ แต่กูว่า...ลองดูซักหน่อยดีไหม เผื่อต้นมันก็อาจจะคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน มันยิ่งชอบคิดถึงแต่ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเองด้วย กูว่าต้นมันคิดแหละว่าถ้ามันชอบมึงแบบนี้ต่อไป มันจะทำให้มึงลำบากใจ บางที...ถ้าต้นมันโอเคที่จะลองรักคนอื่นบ้าง มึงก็จะได้ไม่ต้องห่วงต้นมันอีกไง แต่ถ้ามันไม่โอเค ก็ปล่อยให้ต้นมันชอบมึงต่อไป ไม่ได้บังคับจิตใจมันนะเว้ย แค่ลองให้ต้นมันลองเปิดใจดู ใครจะไปรู้ล่ะ บางที...ต้นก็อาจจะรักใครสักคนที่ไม่ใช่มึงบ้างก็ได้ ไม่ลองก็ไม่รู้นะเว้ย"

สนพยักหน้าแต่ดูเหมือนสีหน้าของเขากลับดูเหมือนคิดอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ไหม อันที่จริง ต้นบอกเขาเรื่องนี้แล้วล่ะ ต้นก็เป็นแบบนี้ ห่วงคนอื่นแต่ไม่กล้วว่าตัวเองจะเจ็บเอาเสียเลย ต้นหนอต้น ทำไมนายต้องเป็นคนดีขนาดนี้ด้วยนะ


"เราชอบต้น"

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของเพื่อนสาวร่วมคณะ ต้นก็ได้แต่นิ่งและอึ้งไป แม้ว่าจะพอรู้มาบ้างว่าเพื่อนคนนี้มีความรู้สึกพิเศษให้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ต้นก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้ต้นคิดถึงสน วันนั้นที่สนรู้ว่าต้นคิดยังไงกับเขา สนก็คงจะรู้สึกเหมือนกับที่ต้นรู้สึกอยู่ในตอนนี้สินะ คนไม่รักก็คือไม่รัก ขนมที่ไม่ชอบกินยังพอทนฝืนกินได้ แต่ให้ลองรักคนที่ไม่รักมันไม่ง่ายเหมือนลองฝืนกินขนมที่ไม่ชอบเลย

"แต่ว่า...ถ้าต้นไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไรนะ เราแค่อยากบอกเฉยๆ ว่าเรา...ชอบต้น" หญิงสาวตรงหน้าบอกด้วยท่าทางเขินอาย แต่ดูเหมือนเธอก็คงเตรียมใจมาเหมือนกันว่าอาจจะต้องผิดหวังเพราะต้นยังคงไม่มีท่าทีใดๆ กับเธอ แม้กระทั่งว่ารู้ความในใจแล้วต้นก็ดูจะตกใจมากกว่าดีใจเสียอีก

"ถ้าต้นลำบากใจก็ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ เจนี่เข้าใจ" เจนี่บอกด้วยสีหน้าเศร้าๆ

"คือ..." ต้นไม่รู้จะเริ่มต้นพูดจากตรงไหนดี "เรา...ขอบคุณเจนี่มากนะ" ต้นไม่รู้ว่ามันเป็นคำพูดที่ดีไหม แต่คำขอบคุณน่าจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เจนี่ได้เห็นว่าต้นเห็นคุณค่าในสิ่งทีเจนี่มอบให้ ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ

"แต่ต้นไม่ได้ชอบเจนี่ใช่ไหมล่ะ เจนี่รู้แล้วล่ะ" เจนี่รีบพูดแทนเพราะเห็นต้นมัวแต่ลังเล ก็ถือว่าช่วยให้ชีวิตต้นง่ายขึ้นทีเดียว

"เราขอโทษนะเจนี่" จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้นจะต้องขอโทษที่ไม่ได้รักเจนี่ ต้นแค่คิดถึงความรู้สึกของเจนี่ที่รักต้นแล้วต้นไม่รักตอบมากกว่า

"ไม่เป็นไรหรอกต้น เจนี่เข้าใจ หัวใจคนเรามันบังคับกันไม่ได้นี่นา"

"เจนี่ไม่เป็นไรใช่ไหม" ต้นถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงเจนี่หรอก" เจนี่หันมายิ้มเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแม้ว่าจะรู้สึกเศร้าใจอยู่บ้างก็ตาม

ทั้งต้นและเจนี่เงียบไปทั้งคู่ แสงอาทิตย์ยามเย็นที่สะท้อนบนผืนน้ำที่อ่างแก้วดูเหมือนจะไม่ช่วยให้บรรยากาศตอนนี้มีความโรแมนติกใดๆ เลย แต่ยังไง เจนี่ก็เลือกที่จะชวนต้นมาที่นี่เพื่อบอกความในใจ แม้ว่ามันอาจจะไม่สมหวังก็ตาม

"แล้ว...ต้นชอบใครอยู่หรือเปล่า" จู่ๆ เจนี่ก็ถามขึ้นมา

"อ๋อ..." ต้นพยายามคิดหาคำตอบ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าชอบใคร แต่ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงต่างหาก

"หวังว่า...คงไม่ใช่พี่ทินนะ" เจนี่รีบดัก

"ไม่ใช่หรอก" ต้นรีบบอกพลางขำเบาๆ แต่ในใจก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะบอกบางสิ่งบางอย่างกับเจนี่ดีไหม

"ทำไมเจนี่สงสัยอย่างนั้นล่ะ หรือเจนี่คิดว่าเราเป็น..."

"เปล่า" เจนี่รีบแก้ตัว "เจนี่แค่เห็นว่าพี่ทินเขามาหาต้นบ่อยๆ เท่านั้นเอง เขาคงมาจีบต้นนั่นแหละ เจนี่ก็ไม่รู้ว่าต้นใจอ่อนกับพี่เขาหรือเปล่า"

"อ๋อ..." ต้นร้องอ๋อยาวแล้วก็สูดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าอีกครั้ง "ถ้าเรา...เกิดชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ เจนี่จะรับได้ไหม"

เจนี่รีบหันมามองอย่างตกใจ "อะไรนะต้น ต้นหมายความว่าไง ล้อเล่นเหรอ"

"ตอบคำถามเราก่อนสิ" ต้นย้ำ

เจนี่มองดูเพื่อนชายอย่างพิจารณาว่ามีตรงไหนบ้างไหมที่ทำให้ต้นแตกต่างจากผู้ชายทั่วไป แต่เจนี่ก็ไม่เห็นว่าต้นจะต่างจากผู้ชายทั่วไปตรงไหนเลย

"ก็...รับได้นะ สมัยนี้เจนี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วล่ะ เพื่อนสมัยมัธยมเจนี่ที่เป็นชายรักชายก็มีตั้งหลายคน ที่นี่ก็เห็นมีตั้งหลายคู่ ต้นกำลังจะบอกเจนี่หรือเปล่าว่าต้นเป็น..."

ต้นพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ตอนนี้ต้นคิดว่าเขาไม่ควรจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมากเกินไป ที่ผ่านมาต้นไม่มีความสุขเลยที่ต้องคอยปิดบังมัน อย่างน้อยคนที่ต้นพอไว้ใจได้ก็ควรจะรู้ได้แล้ว

"จริงเหรอต้น" เจนี่ยังคงมีสีหน้าประหลาดใจระคนตกใจอยู่ แต่สักพักก็ค่อยๆ ยิ้ม อย่างน้อยเธอก็รู้สึกดีที่ต้นไว้ใจและกล้าบอกเธอให้รู้เรื่องนี้ เธอมั่นใจว่าในคณะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่ๆ แต่อาจจะยกเว้นเพื่อนๆ ที่พักบ้านเดียวกับต้น

"ใช่" ต้นยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนไม่รังเกียจ "เราก็เลยรักเจนี่หรือรักผู้หญิงที่ไหนไม่ได้ไง ไม่ใช่เพราะว่าเจนี่ไม่ดีนะ ผู้หญิงน่ารักๆ อย่างเจนี่ ผู้ชายที่ไหนก็ชอบทั้งนั้นแหละ แต่เรา...เราคิดได้แค่เพื่อนน่ะ เจนี่คงไม่ว่าอะไรเรานะ"

เจนี่หัวเราะ นี่ถ้าต้นไม่บอกเธอคงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน และคงไม่ใช่เพราะว่าต้นเอาเรื่องนี้มาหลอกเธอเพราะไม่อยากรับรักเธออีกเช่นกัน

"ไม่ว่าหรอก เราเข้าใจ"

"แต่ว่าเจนี่...อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครนะ ที่เราบอกเจนี่...เพราะว่าเราไว้ใจเจนี่"

เจนี่พยักหน้า "เจนี่สัญญาจ้ะ แล้วใครรู้เรื่องนี้บ้างแล้วล่ะ นิก ปั้นจั่น สนรู้ไหม"

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ

"รวมเจนี่ด้วยก็มีแค่สี่คนเท่านั้นแหละที่รู้ ตอนนี้...เราแค่กลัวว่าเพื่อนๆ จะรับไม่ได้ แต่ถ้า...ผ่านไปซักพักแล้วไม่มีอะไร เราก็จะบอกให้ทุกคนรู้ เราอยากให้ทุกคนค่อยๆ รู้ เขาจะได้ไม่ตกใจกัน"

เจนี่พยักหน้าเห็นด้วย

"ก็ดีนะต้น เจนี่ยังตกใจเลย แต่ต้นก็ต้องระวังนะ มันก็ยังมีบางคนที่แอนตี้อยู่ แต่ก็อย่าไปสนใจเลย คนพวกนี้จิตใจคับแคบ ไม่จำเป็นต้องไปคบคนพวกนี้ให้ปวดหัวหรอก คนอื่นๆ ดีๆ มีให้คบเยอะแยะ"

ต้นกับเจนี่หัวเราะพร้อมกัน อย่างน้อยเจนี่ก็รู้จักมองโลกในด้านดีที่แนะนำต้นให้เลือกคบคนดีๆ และใจกว้าง แทนที่จะไปปวดหัวกับคนที่ไม่เข้าใจ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นคนในครอบครัว ต้นเลือกแบบนั้นไม่ได้หรอก

"เอ...ว่าแต่...ต้นไม่ได้ชอบใครอยู่จริงๆ เหรอ ต้นเคยชอบใครบ้างไหม" เจนี่วกกลับมาที่เรื่องเดิมที่เธอยังไม่ได้คำตอบจนได้

เห็นต้นเงียบแบบนี้ก็แสดงว่าต้นคงยอมรับในระดับหนึ่ง

"ต้นมีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม" เจนี่ขมวดคิ้วจ้องหน้าต้นเขม็ง

ต้นจึงต้องพยักหน้ายอมรับในที่สุด ดูเหมือนต้นจะทั้งเขินและดูเศร้าไปพร้อมๆ กัน

"แต่ว่า...เขาไม่ชอบเราแบบนั้นหรอก" ต้นบอกเสียงเศร้า

"ใครเหรอ บอกเจนี่ได้ไหม หรือว่า...สนหรือเปล่า"

พอเพื่อนจี้ถูกคนต้นก็ไม่รู้จะตอบรับหรือปฏิเสธยังไงดี แต่อาการแบบนี้ก็เท่ากับว่าต้นยอมรับว่าสิ่งที่เจนี่พูดเป็นจริงนั่นเอง

"จริงเหรอต้น แสดงว่าต้น...น่าจะรักสนมานานแล้วใช่ไหม เห็นว่า...คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลย" เจนี่ทำสีหน้าเศร้าไปด้วย รู้สึกเห็นใจที่ต้นมีความรักที่ไม่สมหวังแบบนี้

"แล้ว...สนเขารู้ไหมว่าต้น..."

ต้นพยักหน้า

"แล้วสนเขาโอเคไหมที่ต้นเป็น...เอ่อ...เป็นเกย์" เจนี่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดคำว่าเกย์ ไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่เป็นเพราะเพิ่งรู้ว่าต้นเป็นก็เลยยังไม่กล้าใช้คำนั้นกับต้นอย่างเต็มที่

ต้นพยักหน้าอีกครั้ง

"โห...สนเขาก็ดีนะที่รับได้ เป็นผู้ชายคนอื่นนะ มันคงเลิกคบต้นไปแล้ว เอ... แต่ดูสนก็เป็นห่วงต้นมากนะ วันนั้นเจนี่ก็เจอสนนะ เขามาที่คณะเรา ตอนแรกนึกว่าเขาจะมาหาต้น แต่ถามไปถามมาเห็นบอกว่าจะไปคุยกับพี่ทินเรื่องอะไรน้า...เจนี่นึกก่อน จำไม่ได้"

ต้นเอียงคอมองอย่างสงสัย นึกไม่ออกว่าสนจะไปคุยกับพี่ทินเรื่องอะไร

"อ๋อ...นึกออกละ เห็นสนบอกว่าเขาไม่อยากให้พี่ทินจีบต้นน่ะ อะไรประมาณนี้แหละ"

นั่นยิ่งทำให้ต้นแปลกใจเข้าไปใหญ่ ทำไมสนถึงไม่อยากให้ทินมาจีบเขาล่ะ สนกลัวทินจะมาหลอกเขาหรือเปล่า หรือสนจะหวงต้นอย่างที่พี่ทินแซวตอนกินข้าวเย็นด้วยกันวันนั้น ต้นก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเพื่อนที่สนิทกันมากๆ อาจจะแสดงอาการหวงกันได้ถ้าเกิดอีกฝ่ายจะไปมีแฟนหรือสนิทกับเพื่อนใหม่ ทำให้สูญเสียความสำคัญไป หรือว่าจะมีเหตุผลอื่นใดอีกที่ต้นนึกไม่ออก ต้นควรจะถามสนดีหรือเปล่านะ


ไม่ใช่แค่เจนี่เท่านั้นที่ตัดสินใจบอกรักต้น วันรุ่งขึ้น พี่รหัสของต้นก็ตัดสินใจที่จะบอกรักต้นด้วยเช่นกัน ทินนัดต้นมากินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารที่ค่อนข้างดูดีสักหน่อยในจังหวัดเชียงใหม่ ปกติต้นไม่เคยมาร้านแบบนี้เลยเพราะแพงไปหน่อย จริงๆ ก็อาจไม่ถึงขนาดซื้อกินไม่ได้ แต่ถ้ามากินที่ร้านแบบนี้บ่อยๆ เงินที่พ่อแม่ให้มาใช้แต่ละเดือนคงไม่พอ

"พี่มีอะไรสำคัญจะบอกต้น"

หลังจากที่สั่งอาหารไปแล้วทินก็เริ่มรุกทันที

"อะไรเหรอครับ" ต้นได้แต่หวังว่าคงจะไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่เจนี่บอกเขาเมื่อวาน การถูกคนอื่นรักบางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

"พี่ชอบต้น อยากให้ต้นมาเป็นแฟนกับพี่" ทินพูดเสียงดัง ฟังชัด แสดงว่ามั่นใจในสิ่งที่พูดมากทีเดียว

นั่นไงล่ะ ไม่ผิดไปจากที่ต้นสงสัยเลยแม้แต่น้อย เอาอีกแล้วสิ มีคนบอกรักต้นอีกแล้ว

"ต้นไม่รังเกียจพี่ใช่ไหม...ที่พี่เป็นแบบนี้"

ต้นส่ายศีรษะ เขาจะรังเกียจได้อย่างไรล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับต้นรังเกียจตัวเองด้วย

"งั้นเรามาเป็นแฟนกันนะต้น พี่ชอบต้นมากรู้ไหม พี่คิดทุกวันเลยว่าพี่จะบอกต้นดีไหม แต่พี่ก็ตัดสินใจแล้วว่ายังไงพี่ก็ต้องบอก ไม่งั้น...พี่ต้องอกแตกตายแน่ๆ เลย แต่พี่ก็กลัวเหมือนกันว่า...ต้นจะรังเกียจพี่ พี่ดีใจนะที่ต้นไม่..."

"พี่ทิน...ต้นจะรังเกียจพี่ได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อผมเองก็...ก็เป็นเหมือนพี่ทิน" ต้นตัดสินใจบอกไป

ดูเหมือนทินจะไม่ได้แปลกใจนัก อยู่กับต้นมาสักพักเขาก็พอสัมผัสได้แล้วล่ะว่าต้นไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป

"พี่ทินไม่แปลกใจใช่ไหม"

ทินส่ายศีรษะ "พี่ก็พอรู้" ว่าแล้วทินก็หัวเราะเบาๆ "ถ้าไม่รู้สิแปลก"

"อ้อ" ต้นหน้าเจื่อน เริ่มสงสัยว่าเขามีท่าทางอะไรหรือเปล่าที่ทำให้คนสงสัยว่าเขาเป็นเกย์ แสดงว่าใครๆ ก็ดูออกกันหมดแล้วสิ

"พี่ดูออกเลยเหรอครับ"

ทินหัวเราะชอบใจ รู้สึกเอ็นดูความเดียงสาของต้น "ออกสิ แต่ไม่ใช่เพราะว่าต้นมีท่าทางออกสาวหรอกนะ แต่นิสัยหลายๆ อย่างไม่เหมือนผู้ชายเท่านั้นเอง บางอย่างพี่ดูก็รู้แล้ว อย่างเวลาอยู่ใกล้ผู้หญิง ผู้ชายแท้ๆ มองผู้หญิงกับเกย์มองผู้หญิง สายตาไม่เหมือนกัน พี่ดูแป๊บเดียวก็รู้ ถ้าต่อไปต้นเจอคนเยอะๆ ต้นก็จะรู้เองแหละว่าดูยังไง"

ต้นพยักหน้าเข้าใจ

"กลับมาที่เรื่องของเราดีกว่า ต้น...โอเคใช่ไหม"

เอาล่ะ ถึงคราวที่ต้นต้องตัดสินใจแล้วล่ะ จริงๆ ต้นก็คิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ต้นควรจะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เปิดใจให้คนอื่นๆ บ้าง ถ้าต้นตัดใจจากสนได้ สนก็จะได้ไม่ต้องคอยห่วงต้นอีกต่อไป ไม่ต้องกลัวว่าถ้าวันหนึ่งสนมีแฟนหรือมีครอบครัวแล้วต้นจะเสียใจ ถ้าสนต้องทำให้เพื่อนที่รักเสียใจอย่างนั้นเขาก็คงไม่มีความสุขในชีวิตนักหรอก

"ก็..."

เห็นท่าทางลังเลของต้นแบบนั้น ทินก็เริ่มเอะใจ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความสนิทสนมกันของต้นและสน รวมทั้งอาการต่างๆ ที่สนแสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่า "หวง" จนทินรู้สึกได้

"บอกพี่มาตามตรงเลยนะต้น ไม่ต้องเกรงใจพี่ ถ้าต้นชอบใครอยู่แล้ว ต้นก็บอกพี่มาเลย พี่จะได้...เตรียมตัวเตรียมใจไว้"

ปัญหาความรักก็คงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ คนที่ชอบไม่รัก คนที่รักกลับไม่ชอบ แต่เพราะปัญหาเดิมๆ นี้นี่เองที่ทำให้คนทุกข์ทรมานเพราะความรักมานักต่อนักแล้ว บางคนถึงกับต้องยอมลาจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรเสียด้วยซ้ำ

พอเห็นพี่รหัสถามเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้ต้นยิ่งลังเลที่จะตอบมากยิ่งขึ้น เขากำลังจะตกลงอยู่แล้วเชียวแต่คำถามนั้นก็ทำให้ต้นต้องคิดอีกรอบ

"ต้นชอบสนใช่ไหม"

คงไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจอีกแล้ว ใครๆ ก็ดูกันออกว่าต้นชอบสน แล้วต้นจะปฏิเสธได้ยังไงว่าไม่เป็นความจริง

"ใช่ไหมต้น พี่คิดว่าพี่ดูไม่ผิด"

ทินถามย้ำ ใจเริ่มแป้วเพราะคิดว่ายังไงต้นก็คงไม่คิดที่จะเป็นแฟนกับเขาแน่ๆ ถ้าหากสิ่งที่ทินสงสัยเป็นจริง

ต้นพยักหน้า "ครับพี่"

สีหน้าที่ดูเศร้าของต้นทำให้ทินพอจะดูออกว่าต้นคงรักสนฝ่ายเดียว ความรักของเกย์ก็เป็นอย่างนี้แหละ ได้แต่แอบรัก ไม่กล้าบอกใคร ทินเกลียดที่จะต้องเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น หลังจากที่เขาเปิดตัวชัดเจนแล้ว ทินไม่เคยที่จะรีรอที่จะบอกใครว่าเขาชอบคนนั้น เขาจะไม่รอให้สายไปอีกแล้ว

"นานแล้วใช่ไหมต้น"

ต้นพยักหน้าอีกครั้ง ไม่มีอะไรจะปฏิเสธ ถ้าดูออกขนาดนี้ก็ไม่รู้จะปิดบังยังไงแล้วล่ะ

"แต่ว่า...สนเขาไม่ได้คิดกับผมแบบนั้นหรอกครับพี่"

ทินพยักหน้าเข้าใจ ใจหนึ่งก็เสียใจที่ต้นคงจะไม่ยอมเป็นแฟนด้วย แต่อีกใจก็สงสารต้นที่ต้องมีความรักที่เจ็บปวดเหมือนที่ทินเคยมีมาก่อนหน้านี้ ทินรู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน

"พี่เข้าใจต้นนะ พี่เอง...ก็เคยเป็นแบบต้นนั่นแหละ พี่เคยรักเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมัธยม รักเขามาก แต่ก็บอกไม่ได้ มันก็มีแฟนมีสาวๆ มาชอบเยอะแยะไปหมด พี่ก็ได้แต่แอบเสียใจอยู่คนเดียว ที่น่าเสียดายก็คือ...พี่ไม่เคยได้บอกเขาเลยว่าพี่ชอบเขา พอจบมอหกแล้วต่างคนก็ต่างไป พี่ก็เลยคิดว่า ต่อไปถ้าพี่รักใคร พี่จะบอกคนนั้น เขาจะชอบพี่ตอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่พี่ไม่อยากให้มันสายไปเหมือนที่พี่ไม่ได้มีโอกาสบอกเพื่อนคนนั้นอีกเลย" ทินรำพึงรำพัน

ต้นมองพี่รหัสพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เหมือนกับจะให้กำลังใจ ต่างฝ่ายต่างก็หัวอกเดียวกัน ถึงรักกันไม่ได้แต่ก็คงเข้าใจความรู้สึกของกันและกันได้มากทีเดียว

"เพราะฉะนั้น..วันนี้พี่ก็เลยบอกต้นว่าพี่ชอบต้น อยากเป็นแฟนกับต้น พี่จะไม่รอให้สายเกินไป แต่ถ้าต้นไม่ชอบพี่...พี่ก็เข้าใจนะ"

ไม่ว่าต้นจะรักทินตอบได้หรือไม่ แต่ต้นก็ชื่นชอบความกล้าและความใจกว้างของทินมากทีเดียว บางทีการได้คบกันทิน รู้จักกันมากขึ้น ทินก็อาจจะช่วยให้ต้นข้ามผ่านอุปสรรคที่จะยอมรับตัวเอง และทำให้คนอื่นรู้จักตัวตนที่แท้จริงของต้นได้มากขึ้นก็ได้ ไม่ใช่แค่ทำให้ต้นตัดใจจากสนได้เท่านั้น

"แล้วพี่จะว่าอะไรไหมครับ...ถ้าเกิดว่า...ผมอยากจะลองคบกับพี่ เป็นแฟนกัน พี่จะลองคบกับผมได้ไหมครับ"

ทินเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและสงสัย ทำไมต้นถึงต้องอยากคบกับเขาแบบนั้นด้วยล่ะ ในเมื่อ...

"ต้น...ต้นคิดดีแล้วใช่ไหมที่บอกพี่แบบนี้" ทินถามย้ำ

ต้นพยักหน้า แม้จะดูเหมือนไม่ค่อยมั่นใจนักแต่ก็เป็นสิ่งที่ต้นตัดสินใจไปแล้ว

"เอางี้..." ทินถอนหายใจยาว จะว่าดีใจก็ดีใจอยู่หรอกนะที่ต้นอยากจะลองคบเป็นแฟนกับเขา ถ้าเดาไม่ผิด ต้นคงอยากตัดใจจากสนนั่นเอง แปลว่าเขาจะเป็นตัวสำรอง แล้ววันหนึ่งก็อาจจะผิดหวังได้ถ้าสุดท้ายแล้วต้นก็ตัดใจจากสนไม่ได้ แต่เอาเถอะ เขาเข้าใจต้น รู้ว่าต้นไม่อยากทุกข์ทรมานกับความรักแบบนี้ ถ้าเขาช่วยได้ เขาก็จะช่วย

แต่บางที ที่ต้นตัดสินใจแบบนี้เป็นเพราะต้นไม่รู้อะไรบางอย่างที่ทินรู้หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นต้นก็ควรจะได้รู้ไว้เพื่อตัดสินใจอีกที ถ้าต้นยังเลือกเหมือนเดิม ทินก็ยินดี

"พี่อยากให้ต้นตัดสินใจอีกที พี่จะบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญกับต้น พี่คิดว่าต้นยังไม่รู้"

"อะไรเหรอครับ" ต้นถามอย่างสงสัย

"สนเขารักต้นนะ พี่คิดว่าไม่ใช่แค่เพื่อน พี่ดูออก"

!!!???

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 18:48:29 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โว้ว

พี่ทินงาบต้นไปเลยค่ะ อย่าไปเป็นคนดี

สนชอบทำร้ายจิตใจต้นทางอ้อมบ่อยจะตายยยยยย

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่ทินเป็นคนดีจังค่าา~ :heaven น่าเสียดายแทนแฟนเก่าของพี่ทินจังเลยนะคะ ที่ทิ้งคนแบบพี่ไปน่ะ เน้ออ~ ..

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
2 ตอนสุดท้ายยยยยย

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
ถ้าสนยังไม่รู้ใจตัวเองก็อยากจะให้ต้นเปิดใจคบกับพี่ทินดูบ้างนะ แต่ ก็ไม่อยากให้ต้นคบกับพี่ทินทั้งที่ยังตัดใจจากสนไม่ได้ เพราะถ้าสนรู้แล้วว่ารักต้นแบบไหน สนกลับมายังไงต้นก็ต้องเลือกสนอยู่แล้ว พี่ทินก็จะกลายเป็นคนน่าเห็นใจไปแทน  :mew6: แต่พี่ทินนี่ดีนะ ไม่ฉกฉวยโอกาสตอนนี้เพื่อให้ต้นมาคบด้วย ทั้งที่ต้นเป็นคนออกปากเอง พี่ทินคงผ่านเรื่องนี้มาก่อนเลยไม่อยากจะเจ็บปวดอีก พี่ทินคงจริงใจกับต้นจริงๆ เอ็นดูแบบน้องด้วยส่วนหนึ่ง พี่ทินเลยเปิดโอกาสให้ต้นถามใจตัวเองอีกครั้ง คราวนี้ก็อยู่ที่สนแล้วล่ะว่าจะคิดอะไรกับต้นจริงไหม ต้องดูกันไปถ้าสนไม่คิด ก็ขอให้ต้นตัดใจให้ได้ก่อนจะมาคบกับพี่ทิน และปล่อยให้สนมันเสียดายไปเลยเน๊าะต้นเน๊าะ  o18

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ลองคบพี่ทินไปเถอะ
เปิดโอกาสให้ตัวเอง
บ้าง :hao3:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มารอลุ้นดีกว่าว่าต้นจะรอวันที่สนรู้ใจ
หรือจะทำอะไรเพื่อกระตุ้นให้สนรู้ใจเร็วขึ้น
หรือเลือกที่จะตัดใจ อย่างน้อยก็ตอนนี้
พี่ทินดีนะ จริงใจกับต้น ไม่เห็นแก่ตัวด้วย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่ทินบอกต้นแบบนี้แล้วต้นจะยอมคบกับพี่เหรอบอกไปแบบนั้นนี่เสียโอกาสชัดๆเลยนะ แต่ยอมเลยค่ะพี่ทินนิสัยพี่นี่ใจพี่นี่โคตรหล่อมากๆเลยค่ะ ถ้าต้นไม่ชอบพี่นี่เดี๋ยวหนูช่วยหาคนใหม่ให้อย่าเศร้าไปนะคะ

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
คบกับพี่ทินดีกว่านะ ดูจะปัญหาน้อยกว่าคบกับสนเยอะ  :เฮ้อ:

 :pig4: รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
อ่านๆ มาก็รู้แล้วว่าสนรักต้นแบบคนรัก แต่ยังไม่รู้ตัวเท่าไร ประกอบกับกฏเกณฑ์ทางสังคม ครอบครัวและการเป็นลูกคนเดียว เฮ้ยๆ อยากจะบอกว่าผมก็เป็นลูกคนเดียวนะ และเป็นเกย์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 o13 พี่ทินเป็นคนที่แฟร์มากกล้าบอกเรื่องสนให้ต้นรู้

ออฟไลน์ fonqfeliqz

  • เฮียฟง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอบคุณที่แนบลิ้งนิยายเรื่องนี้มาให้
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะเข้ามาอ่าน เพราะอยู่ในช่วงหน่วงๆของชีวิต แต่คิดๆไปก็ไม่มีอะไรทำ เลยลองเข้ามาอ่าน
คือสนุกมว๊าก ฮาๆ คืดถูกจริงๆที่เข้ามาอ่าน

มาที่ส่วนของนิยาย คือเห็นในต้นมาก ในจุดนี้เคยเป็นแบบต้นมาก่อน ได้พูดไปแต่ก็จบ ต่างคนต่างไป นัดรวมกันทีก็เจอกันแบบเพื่อนปกติ ส่วนสนเนี่ย เป็นตัวละครที่จิตใตดูสับสนมาก แบบอยู่แต่ในกรอบเนอะ ตามพ่อแม่อะไรงี้ แต่รู้สึกชอบทินนะ ชอบใจและความคิด แบบว่าอดีตไม่เคยได้ทำ ปัจจุบันควรทำ ส่วนเพื่อนแบบนิกกับจั่นเนี่ยดีมากๆเลย

รอตอนต่อไปครับ :hao7:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 13: คืนพิเศษ


วันนี้พ่อของต้นโทรมาแต่เช้า ดีนะที่ต้นตื่นแล้ว ปกติพ่อไม่เคยโทรมาเช้าๆ วันเสาร์แบบนี้หรอกเพราะต้นบอกพ่อกับแม่ว่าวันหยุดขอนอนตื่นสายหน่อย พ่อกับแม่จึงมักจะโทรมาตอนสายๆ แทน แสดงว่าพ่อคงมีเรื่องสำคัญแน่เลย

"สวัสดีครับพ่อ คิดถึงพ่อจังเลยครับ พ่อสบายดีนะครับ" ต้นถามอย่างดีใจ รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้า

"สบายดีลูก ต้นล่ะลูก เป็นไง ช่วงนี้เรียนหนักไหมลูก" เสียงที่ตอบมาอีกฝั่งก็ฟังดูดีใจและมีความสุขเช่นกัน ก็แน่ล่ะ ลูกชายคนเดียว หัวแก้วหัวแหวน ต้นจึงเป็นความสุขและความหวังของพ่อกับแม่โดยไม่มีใครมาแบ่งไปได้เลย

"สบายดีครับพ่อ ช่วงนี้ก็เรียนหนักนิดหน่อยครับ ใกล้จะสอบแล้วด้วย ต้นก็เลยต้องอ่านหนังสือแทบทุกวันเลยครับ แม่ไม่อยู่เหรอครับพ่อ"

"ออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่เช้ากับแม่พลอยแล้วล่ะลูก พาเจ้าติวไปด้วย"

ถ้าเป็นวันหยุดและเป็นวันพระด้วย แม่ของต้นกับสนมักจะไปทำบุญด้วยกัน ส่วนติวที่พ่อพูดถึงก็คือลูกพี่ลูกน้องของต้นที่พ่อกับแม่พามาอยู่ด้วยนั่นเอง ปีนี้ติวอายุ 13 แล้ว พอช่วยทำงานได้หลายอย่าง แต่ก็มีแอบซนบ้างตามประสา

"แล้วติวมันดื้อไหมครับพ่อ วันนั้นต้นโทรหา ถามว่าอยู่ที่ไหน มันบอกอะไรของมันก็ไม่รู้ สงสัยแอบไปเล่นเกมส์ที่ร้านแน่ๆ เลย" ต้นบอกพลางหัวเราะเบาๆ

"ก็ดื้อนิดหน่อย ตามประสาเด็กวัยรุ่นแหละลูก แต่พ่อว่าติวมันก็ว่านอนสอนง่ายอยู่นะ ไม่ถึงกับดื้อมาก ช่วยทำงานบ้านได้หลายอย่าง น้าเขาก็ชมว่าตั้งแต่ติวมาอยู่ที่บ้านเรามันก็หายเกเรไปเยอะเลย"

"ครับพ่อ"

"พ่อโทรมาจะบอกต้นว่า ที่ดินที่ย่าแบ่งให้น่ะ ตอนนี้พ่อขายได้แล้วนะลูก พ่อว่าจะเก็บเงินนี้ไว้ให้ต้นไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก ตระกูลเรายังไม่มีใครได้ไปเรียนที่เมืองนอกกันเลย พ่อเลยอยากให้ต้นไป ต้นคิดว่ายังไงมั่งลูก"

"จริงเหรอครับพ่อ ต้นสนใจครับ เดี๋ยวต้นจะไปหาข้อมูลไว้ครับว่าต้นจะไปเรียนที่ไหนดี" ต้นบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"ดีแล้วลูก สมัยนี้คนจบปริญญาตรีเดินกันให้เกลื่อนถนน จบโทก็เริ่มเยอะ ถ้าต้นได้ปริญญาโทจากเมืองนอก ต้นก็น่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก"

"ครับพ่อ ต้นก็ว่าอย่างนั้น อ้อ พ่อรู้หรือยังครับว่าสนเขาอยากจะเปิดร้านอาหาร เรียนจบแล้วเขาจะทำธุรกิจร้านอาหารเลย ผมว่าก็ดีนะครับพ่อ สนเขาทำอาหารอร่อย ต้องมีลูกค้าเยอะแน่ๆ"

"อืม...เห็นพ่อแต้วเขามาเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกันลูก สนนี่เขาก็ขยันนะลูก ผู้หญิงคนไหนได้สนเป็นแฟนคงโชคดี อ้อ แล้วนี่สนอยู่ไหมล่ะลูก พ่ออยากคุยกับสนหน่อย"

ต้นหน้าเสียไปเล็กน้อยเมื่อพ่อพูดถึงแฟนของสน ยังไงก็คงไม่ใช่ต้นอยู่แล้วล่ะ

"ไม่อยู่ครับพ่อ ไปทำกิจกรรมที่กรุงเทพ แต่น่าจะกลับมาถึงวันนี้ตอนสายๆ ครับ"

"อ้อ ถ้าสนมายังไงฝากบอกให้เขาโทรหาพ่อกับแม่หน่อยนะต้น เห็นเงียบไปหลายวันเลย พ่ออยากคุยด้วย"

"ครับพ่อ ได้ครับ"

"อ้อ แล้วตอนนี้สนเขามีแฟนหรือยังล่ะลูก ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ยินข่าวเลย"

พ่อพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ต้นชักกลัวว่าพ่อจะถามมาถึงต้นด้วย

"ยังเลยครับพ่อ ช่วงนี้สนเขาพยายามหาอาชีพเสริมทำเวลาว่างๆ อยู่ครับพ่อ อ้อ...หรืออาจจะมีแล้วแต่ต้นไม่รู้ก็ได้" ต้นพยายามหัวเราะให้ดูเป็นปกติ

"เหรอลูก อืม...สนนี่ขยันจริงๆ ขยันเหมือนพ่อกับแม่เขาเลย อ้อต้น...ถ้าต้นจะมีแฟน พ่อก็ไม่ห้ามนะลูก พ่อไม่รู้ว่าต้นกลัวพ่อกับแม่ว่าหรือเปล่าถ้าต้นจะมีแฟน ไม่ต้องกลัวนะลูก พ่อกับแม่ไม่ว่าหรอก ขอแค่ไม่ทำอะไรเกินเลยก็พอแล้วลูก"

จนได้สินะ แต่ก็ดีที่คราวนี้พ่อไม่ถามว่าทำไมต้นยังไม่มีแฟนเหมือนคราวก่อนๆ

"ครับพ่อ ถ้าต้นเจอคนที่ถูกใจ ต้นจะลองจีบดูละกันครับ"

ผู้เป็นพ่อหัวเราะชอบใจ

"เอาเลยลูก ถ้ามีปัญหาอะไรก็ถามพ่อ หรือจะถามสนก็ได้นะลูก"

"ครับพ่อ"

"งั้นก็แค่นี้แหละลูก ยังไงต้นอย่าลืมหาข้อมูลเรื่องเรียนต่อเมืองนอกนะลูก"

"ครับพ่อ สวัสดีครับ"

ต้นวางสายไปแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ ขอบคุณพ่อกับแม่จริงๆ ที่มอบโอกาสดีๆ แบบนี้ให้กับต้น เขาจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังเลย แต่ก็คงมีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ต้นคงทำให้พ่อกับแม่ไม่ได้ ต้นกลัวพ่อกับแม่ผิดหวังจริงๆ ถ้าสักวันความลับนี้ถูกเปิดเผย


เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ พร้อมกับเสียงร้องเรียกชื่อของต้นซ้ำๆ ทำให้ต้นต้องรีบใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว กำลังชั่งใจว่าจะใส่เสื้อก่อนดีไหมแต่เสียงเคาะและเสียงเรียกที่ไม่ยอมหยุดนั้นทำให้ต้นตัดสินใจรีบเดินไปเปิดประตูก่อนที่จะจัดการตัวเองให้เรียบร้อย

"ต้น ต้น ต้น เรากลับมาแล้ว เปิดประตูให้หน่อย ต้น ต้น อยู่หรือเปล่า เปิดประตูให้เราหน่อย" สนร้องเรียกพร้อมกับเคาะประตูห้องของต้นไปด้วย ไม่ได้เคาะหรือเรียกเสียงดังมาก แต่น้ำเสียงก็ดูเร่งเร้าอยู่ไม่น้อย

พอต้นเปิดประตูออกมาเท่านั้น สนก็ยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ

"คิดถึงต้น...ไม่ได้เจอตั้งหลายวันเลย ขอกอดหน่อย" สนไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้าไปกอดต้นที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ ไม่ใช่อะไร ต้นยังไม่ได้ใส่เสื้อเลย เวลาสนมากอดเขาทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

พอสนกอดจนหนำใจแล้วต้นก็เลยถาม "ทำไมรีบมาล่ะ"

"ก็รีบมาหานายไง กลัวมาแล้วไม่เจอ พอลงจากรถทัวร์นะ เราก็รีบนั่งรถแดงมาเลย กลัวนายจะไปข้างนอกซะก่อน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ของก็ยังไม่ได้เอาไปเก็บเลยเห็นไหมเนี่ย" สนบอกพลางชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าที่เขาวางไว้ข้างประตูห้องของต้น

ต้นมองตามแล้วก็ขำ "ไปแค่ไม่ถึงอาทิตย์เอง คิดถึงขนาดนี้เลยเหรอ"

"ก็ใช่สิ...นายไม่คิดถึงเราหรือไง

ช่วงหลังๆ มานี้สนทำตัวแปลกๆ กับต้นมากขึ้น จนต้นอดสงสัยไม่ได้ว่าสนคิดอะไรกับเขากันแน่ บวกกับที่พี่ทินบอกวันนั้น สิ่งที่สนทำก็ยิ่งน่าสงสัย แต่ต้นก็ยังไม่กล้าถามสนไปตรงๆ หรอก เขาไม่อยากจะไปกดดันสนเรื่องนี้ เกิดสนไม่ได้คิดอะไรขึ้นมาจะกลายเป็นว่าต้นหาเรื่องคิดไปเอง ทำให้สนลำบากใจเปล่าๆ

"คิดถึงสิ" คนตอบยิ้มแก้มแทบปริเช่นกัน

"แล้วนี่นายกำลังจะออกไปแล้วเหรอ"

"อืม...นัดไว้สิบเอ็ดโมงน่ะ"

"เราไปด้วยได้ไหม" สนรีบถามกลับมาแทบจะทันทีที่ต้นพูดจบ

"อย่าเลย...นายเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เราไปนานนะ อาจจะทำงานจนดึกเลย นายพักก่อนดีกว่า เราว่านายคงไม่ได้นอนหรอกบนรถทัวร์ หลับยากจะตาย"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ไปดูแลนายไง เผื่อใครมารังแกนาย"

"โธ่...ไม่มีใครเขารังแกเราหรอก ในคณะเราไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเราอยู่แล้ว"

"นายเดินทางไปคนเดียวก็เหงาแย่สิ ไม่เป็นไรให้เราไปเป็นเพื่อนเถอะ...นะๆๆ" สนอ้อนอย่างไม่ลดละ

แม้ว่าจะเกรงใจสนที่เพิ่งจะกลับมาจากไปทำกิจกรรมที่กรุงเทพมา แต่พอเห็นสนตั้งใจแบบนี้ ต้นก็ชักจะไม่กล้าขัด เรื่องที่ต้นกังวลมีเรื่องเดียวคือสนไม่ค่อยสนิทกับกลุ่มเพื่อนๆ ของต้นเท่าไร ไม่รู้ว่าสนจะเบื่อหรือเปล่าที่ไม่รู้จักใคร แถมต้นยังต้องทำงานกับเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้มีเวลามาคุยกับสนอีก

ต้นพยักหน้าตกลง "ตามใจละกัน ถ้านายไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่เราบอกไว้ก่อนนะ...เราจะต้องทำงานกับเพื่อนๆ เราคงไม่ค่อยได้คุยกับนายหรอก เรากลัวนายจะเบื่อเสียก่อน"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็หาอะไรทำได้ เอางี้ เดี๋ยวทำอาหารเที่ยงให้กินด้วย ดีไหม"

ต้นพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ก็ดีเหมือนกัน เพื่อนๆ เขาที่ได้กินอาหารฝีมือสนต้องติดใจ ถ้าสนเปิดร้านจะได้มีลูกค้าเพิ่ม

"เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะแป๊บนึง นายรอเราด้วยนะ อ้อ...แล้วสองคนนั้นล่ะ ไปไหนซะล่ะวันนี้"

"อ๋อ...นิกเขาพาจั่นไปบ้านป้าน่ะ สงสัยจะไปคุยเรื่องที่นายอยากจะทำของไปขายนั่นแหละ" ต้นตอบไป

"อ๋อ..." สนยิ้มอย่างดีใจที่นิกไม่ลืมที่เคยสัญญากับเขาไว้วันนั้น "เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะ ไม่นาน ไม่ถึงสิบนาที"

สนบอกแล้วก็เดินมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของเขา ก่อนจะผลุนเข้าห้องตัวเองไป ต้นเห็นแล้วก็อดยิ้มตามและส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ชีวิตช่วงนี้ของเขากับสนก็ดูจะมีความสุขมากทีเดียว ยิ่งนับวันสนก็ยิ่งดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเพื่อน คอยดูแลเขาดีเป็นพิเศษจนต้นอดคิดไปไกลไม่ได้ สนกำลังเล่นอะไรของเขาอยู่นะ สนจะรู้ไหม แม้ว่าต้นจะมีความสุขมากแค่ไหน แต่มันก็มีความทุกข์มากด้วยเหมือนกัน


ต้นพาสนนั่งรถแดงไปลงแถวๆ บ้านของเต้ แล้วก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไปต่ออีกเล็กน้อย มาถึงบ้านเต้ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงเช้าพอดี มีคนอื่นๆ มารอกันอยู่ก่อนแล้วสามสี่คน ถามไปถามมาก็ได้ความว่าต้นมาถึงเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ยังมาทันเวลาที่นัดไว้พอดี เมื่อทุกคนเห็นว่าต้นมากับใครต่างก็ทำสีหน้าแปลกใจ จริงๆ หลายคนก็รู้จักสนอยู่บ้างแล้ว แม้จะไม่สนิทแต่ก็รู้ว่าสนเป็นเพื่อนที่สนิทมากของต้น

"อ๋อ...วันนี้สนเขาอยากมาด้วย เดี๋ยวตอนเที่ยงจะทำอะไรอร่อยๆ ให้กินด้วยนะเว้ย" ต้นบอกเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนๆ แต่ละคนที่มองมาด้วยความสงสัย เพื่อนๆ ของต้นร้องอ๋อ

"ดีเลยว่ะ เนี่ยกำลังว่าจะให้มอไซค์ไปซื้ออาหารตามสั่งพอดีเลย ว่าแต่...ทำแล้วกินได้นะเว้ย" เต้แซวพลางขำเบาๆ

"ฝีมืออย่างงี้เลย...ขอบอก" ต้นยกนิ้วโป้งไปด้วยเป็นการการันตีคุณภาพ

แต่ก่อนจะลงมือทำงานกัน เต้ก็พาต้นกับสนไปไหว้พ่อกับแม่ที่กำลังนั่งดูทีวีด้วยกันอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับขออนุญาตให้สนใช้ครัวทำอาหารให้เพื่อนๆ กินกันด้วย ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะทำสีหน้าแปลกใจปนทึ่งนิดๆ แต่ก็อนุญาตแต่โดยดี

จากนั้นต้นกับเพื่อนๆ จึงได้ลงมือกันทำงาน ส่วนสนก็วิ่งเข้าครัวไป สักพักแม่ของเต็ก็ตามเข้าไปดูด้วยเพราะอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มอย่างสนทำไมถึงสนใจทำอาหาร ลูกสาวของบ้านนี้เสียอีกที่สอนเท่าไรก็ยังไม่เห็นอยากทำเลย

ดีที่ว่าในตู้เย็นมีผัก เนื้อสัตว์ ไข่และอาหารสดๆ อื่นอีกจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว สนจึงไม่ต้องออกไปซื้ออะไรมาเพิ่ม เท่าที่มีอยู่ก็น่าจะพอทำอาหารได้หลายอย่างและพอกินกันทุกคน

แม่ของเต้เห็นสนทำอาหารอย่างคล่องแคล่วว่องไวก็เอ่ยปากชม ไม่เท่านั้นยังไปตามเต้ย น้องสาวของเต้ที่นอนดูทีวีอยู่ข้างบนลงมาช่วยเป็นลูกมือของสนด้วย เผื่อว่าเธอจะเกิดแรงบันดาลใจอยากหัดทำอาหารขึ้นมาบ้าง ตอนแรกเต้ยอิดออด แต่พอเห็นหนุ่มหล่ออย่างสนทำอาหารเป็น เต้ยก็ยอมลงมาเป็นลูกมือสนแต่โดยดี

"โห...พี่สนทำอาหารเก่งจังเลย เต้ยเสียอีก ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ขนาดทอดไข่ยังทำไม่เป็นเลย เนี่ย เต้ยอยากลองทอดไข่ดู พี่สนสอนเต้ยหน่อยได้ไหมคะ"

เสียงใสๆ ที่แสดงอาการตื่นเต้นนั้นทำให้สนอดยิ้มไม่ได้ เด็กสาววัยเพียง 17 ปีดูท่าจะขี้อ้อนพอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นลูกสาวคนเล็กด้วยนั่นเอง

"ได้เลยครับ เดี๋ยวพี่สอนให้ ให้พี่ผัดผักเสร็จก่อนนะ"

"ได้ค่ะ อ้อ...วันหลังถ้าพี่สนมาที่บ้านเต้ยอีก พี่สนสอนเต้ยทำอาหารอย่างอื่นด้วยนะคะ เต้ยอยากทำอาหารเก่งๆ แบบนี้ค่ะ"

"ได้เลย" สนยิ้มแล้วก็หันไปจัดการกับผัดผักที่สุกได้ที่แล้ว

ในช่วงกินข้าวกลางวัน เต้ยดูตื่นเต้นกับอาหารที่เธอช่วยสนทำมากเป็นพิเศษ เต้ยอวดเพื่อนๆ ของพี่ชายและพ่อกับแม่อย่างภาคภูมิใจ ใครๆ เห็นก็ต้องรู้ว่าเธอปลื้มสนมากแค่ไหน

"เนี่ยพี่เต้เห็นไหม เต้ยทำอาหารเป็นตั้งหลายอย่างแล้วนะ เต้ยทำไข่เจียวกับหมูทอดได้แล้ว พี่สนเก่งมากเลย สอนเก่งด้วย" เต้ยเล่าด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองสนอย่างชื่นชม

"อะไรยัยเต้ย เมื่อก่อนพี่ไม่เห็นเราชอบเข้าครัวเลย แม่สอนก็ไม่ยอมทำ พอมีหนุ่มๆ มาสอนกลับไม่บ่นสักคำเลยนะเรา"

"ก็แม่สอนไม่สนุกนี่" เต้ยตอบเสียงอ่อยๆ แล้วก็ยิ้มร่า "แต่ถ้าได้เรียนทำอาหารกับพี่สนบ่อยๆ นะ เต้ยต้องทำอาหารเก่งแน่ๆ เลย ต่อไปจะได้ทำให้ทุกคนในบ้านทานไง ดีไหมคะคุณแม่"

ทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหารพากันหัวเราะ

"อร่อยมากๆ เลยว่ะสน เปิดร้านเมื่อร้านบอกด้วยนะเว้ย จะแวะไปอุดหนุน" อาหารอร่อยขนาดนี้ เต้ไม่ชมไม่ได้แล้ว

"จริงค่ะ พี่สนทำอาหารอร่อยมาก ไม่ได้อวยเว่อร์นะคะ ฝีมือแบบนี้เปิดร้านอาหารรวยแน่ๆ ค่ะ พี่เต้ไปวันไหนให้เต้ยไปด้วยนะคะ เต้ยอยากไปร้านพี่สน"

เสียงใสๆ แถมขี้อ้อนแบบนี้ทำให้พี่ชายต้องมองและยิ้มอย่างเอ็นดู "จ้า "

เต้ยแสดงออกว่าปลื้มสนมากทีเดียว สนเองก็ยิ้มไม่หุบเช่นกันจนต้นเห็นแล้วก็ชักหวั่นใจ

"วันหลังพี่สนมาที่นี่อีกนะคะ เต้ยจะได้เรียนทำอาหารด้วย พี่สนสอนสนุกดีค่ะ ขนาดเต้ยไม่ชอบทำอาหารนะคะ วันนี้ยังทำได้ตั้งหลายอย่างแน่ะ" สาวน้อยหันไปคุยกับชายหนุ่มที่ตัวเองเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่น้ำเสียงฟังดูเหมือนสนิทสนมกันมาก

"ครับ ถ้ามีโอกาส" สนตอบแล้วก็แอบชำเลืองมองต้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าต้นจะคิดอะไรหรือเปล่า แต่ก็ดูเงียบๆ ไป คงจะคิดน้อยใจไปกันใหญ่แล้วแน่ๆ เลย

แน่ล่ะ ที่ต้นเคยเข้าใจว่าสนอาจจะคิดอะไรบางอย่างที่พิเศษกับเขา พอมาวันนี้ต้นก็ชักไม่มั่นใจอีกแล้ว ยังไงๆ สนก็คงเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขาก็คงต้องชอบสาวๆ อย่างน้องเต้ยมากกว่าต้นแน่นอน ฟุ้งซ่านอยู่ได้ตั้งนานนะต้น ก็คงต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที

"ต้น กินนี่สิ เรารู้ว่านายชอบ"

เสียงพูดของสนพร้อมกับอาหารที่ตักใส่ลงมาในจานทำให้ต้นค่อยๆ ตื่นจากความคิดดังกล่าว ต้นหันไปยิ้มกับเพื่อนแล้วก็หันมาตักอาหารที่สนตักมาให้เข้าปาก คงไม่มีอะไรหรอก สนก็คงแค่ดูแลเขาตามประสาที่เป็นเพื่อนกันมานั่นแหละ ไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่ต้นสงสัยแล้วล่ะ อย่าคิดเตลิดไปไกลแบบนั้นอีกเลยนะต้น เจียมตัวเจียมใจเสียบ้าง


ตกบ่าย ต้นกับเพื่อนๆ ก็ยังคงทำงานกันต่อ สนเดินเข้ามาคุยด้วยบ้าง ไปหาหนังสืออ่านเล่นบ้าง ดีที่ว่าเต้ยออกไปธุระกับเพื่อนที่เธอนัดไว้ข้างนอกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงต้องนั่งคุยกับเธอไม่เลิกเป็นแน่

"ทำไมไอ้สนมันเงียบๆ ไปวะต้น" เต้เอ่ยขึ้นในช่วงหนึ่งของการนั่งทำงาน

ต้นหันไปมองตรงโซฟาที่เห็นสนนั่งอ่านหนังสือเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่เห็นสนแล้ว

"เดี๋ยวเราไปดูเอง"

ต้นเดินไปดูตรงโซฟาที่สนนั่งอ่านหนังสืออยู่ แล้วก็ได้เห็นว่าเพื่อนที่แสนรักของเขานอนหลับไปแล้ว สนคงจะเหนื่อยนั่นเอง ตอนที่อยู่บนรถทัวร์สนนอนหลับๆ ตื่นๆ แถมตอนเช้าต้นบอกให้พักก็ยังไม่ยอมพัก ยังอุตส่าห์ตามมาเป็นเพื่อนต้นจนได้

ต้นแอบยิ้มอย่างเอ็นดู เหนื่อยขนาดนี้สนก็ยังอุตส่าห์จะตามมาคอยดูแล ตอนที่เดินทางมาสนก็ช่วยถือของให้ ต้นจะถือเองเขาก็ไม่ยอม จัดการเรียกรถให้เสร็จสรรพ ต้นแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แต่พอถึงตอนนี้ก็หมดแรงข้าวต้มเสียแล้ว

"หลับไปแล้ว" ต้นหันไปบอกเพื่อนๆ เขาค่อยๆ ก้มลงเก็บหนังสือที่ตกอยู่ข้างตัวสนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ แล้วก็กลับมานั่งทำงานกับเพื่อนตามเดิม

"ไอ้สนนี่ดูมันเป็นห่วงมึงมากเลยนะต้น" เพื่อนคนหนึ่งของต้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่ต้นกลับมานั่งทำงานต่อได้สักพัก

ต้นพยักหน้ายอมรับ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เขาจะปฏิเสธเรื่องนี้

"บางทีนะเว้ย พวกกูก็คิดว่ามึงกับไอ้สนเป็นคู่เกย์กันเสียอีกว่ะ" เพื่อนคนเดิมพูดพลางหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ จริงๆ ก็แค่พูดเล่นเท่านั้น แต่ก็ทำให้ต้นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะคุยเรื่องนี้พอสมควร ตอนนี้ในกลุ่มเพื่อนๆ ของต้นมีเพียงเจนี่ นิกและปั้นจั่นเท่านั้นที่รู้เรื่องที่ต้นเป็นเกย์ คนอื่นๆ ยังไม่มีใครรู้เลยเพราะต้นยังไม่มั่นใจที่จะเปิดเผย

"แล้วนี่มันมีแฟนหรือยังวะ" เพื่อนคนเดิมยังคงไม่หายสงสัย

"ตอนนี้น่าจะยังไม่มีนะ" ต้นคิดว่าเรื่องจะจบแล้วแต่เพื่อนของเขากลับยังสนุกกับเรื่องนี้ไม่เลิกรา

"พวกมึงสองคนนี่ชักยังไงๆ แล้วว่ะ มึงก็ไม่มีแฟน ไอ้สนก็ไม่มีแฟน เป็นอะไรกันหรือเปล่าวะ"

เต้เห็นต้นมีสีหน้าอึดอัดใจก็เลยรีบปราม

"พอแล้วพวกมึง ไอ้ต้นมันอุตส่าห์มาช่วยทำงานแล้วยังมาล้อมันอีก เดี๋ยวก็ให้ทำเองซะเลยนี่"

นั่นแหละจึงทำให้เพื่อนๆ ของต้นหยุดได้ เต้นับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทของต้นอีกคนหนึ่งในคณะ แต่จะว่าไปแล้ว เต้ก็สงสัยในความสัมพันธ์ของต้นกับสนเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม


ต้นย่อตัวลงข้างๆ โซฟาพลางยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักนอนหลับอย่างสบาย ใจจริงก็ยังไม่อยากปลุกสนให้ตื่นตอนนี้หรอก แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว

"สน ตื่นได้แล้ว กลับกันเถอะ"

เสียงเรียกพร้อมกับอะไรบางอย่างที่มาเขย่าแขน ทำให้สนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น พอเห็นว่าต้นมานั่งย่อเข่าอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มให้อย่างเขินๆ ก็แน่ล่ะ ปากบอกว่าจะมาอยู่ดูแลแต่ดันมานอนหลับเสียอย่างนั้น

"นายทำงานเสร็จแล้วเหรอ" สนถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย

"เสร็จตั้งนานแล้ว ไอ้ต้นมันไม่อยากปลุกมึง มันก็เลยนั่งคุยเล่นกับกูรอให้มึงตื่น แต่ดูท่าทางมึงจะไม่ตื่นง่ายๆ กูก็เลยให้ไอ้ต้นมาปลุกมึงซะเลย"

สนหันไปมองตามเสียง เต้นั่นเอง แล้วสนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วใช้มือจัดทรงผมให้เข้าที่ ดึงเสื้อให้คลายยับ

"กี่โมงแล้ว"

"หกโมง" ต้นบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน "พอดีเต้เขาจะต้องพาครอบครัวไปข้างนอกน่ะ เราก็เลยต้องมาปลุกนาย ขอโทษนะ"

"ขอโทษทำไม เราสิต้องขอโทษนาย ไม่ได้ดูแลนายเลย มัวแต่หลับ" สนรีบบอก

"พวกมึงสองคนนี่คุยกันเพราะเกินไปไหมเนี่ย คุยกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เลยหรือเปล่าวะ" เต้ถามด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นเพื่อนที่ไหนคุยกันแบบนี้มาก่อนเลย

"อือ กูกับต้นก็คุยกันแบบนี้แหละ เดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงก่อนนะ" สนเปลี่ยนเรื่องพูดพลางลุกขึ้นยืน

"เออๆ ตามสบาย ขอโทษด้วยนะเว้ยไม่ได้เลี้ยงข้าวเย็นพวกมึง พอดีต้องไปธุระว่ะ" เต้บอกอย่างเกรงใจ ต้นมาช่วยทำงาน สนมาทำอาหารให้กิน แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรตอบแทนน้ำใจของเพื่อนเลย เอาไว้คราวหลังแล้วกัน


หลังจากออกมาจากบ้านเต้ สนก็ชวนต้นไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ตลาดโต้รุ่งแห่งหนึ่งที่สนเคยมากินกับเพื่อนที่คณะสองสามครั้ง จากนั้นจึงพาต้นนั่งรถแดงกลับมาที่บ้าน ดีที่ว่ายังพอมีรถวิ่งอยู่บ้าง ไม่งั้นก็ลำบากแย่เลย

ระหว่างทาง ต้นหยิบโทรศัพท์ออกมา เสียบหูฟังแล้วก็ส่งหูฟังอีกข้างหนึ่งให้สน สนมองอย่างแปลกใจแต่ก็รับมาแต่โดยดี ตอนนี้บนรถมีเพียงแค่ต้นกับสนสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเท่านั้น

"เราชอบเพลงนี้" ดูเหมือนคนพูดจะประหม่าอยู่ไม่น้อย เพลงนี้คงมีอะไรสักอย่างที่พิเศษต้นถึงอยากให้สนฟัง

พอสนฟังไปได้หน่อยหนึ่งก็ขอหูฟังอีกข้างมาจากต้น

"ขอฟังแบบเต็มๆ หน่อยได้ไหม"

ต้นยิ้มเขินๆ พร้อมกับส่งหูฟังอีกข้างให้สน

https://www.youtube.com/v/7sv1wdULphw

เคยแอบมองเธออย่างนั้น
เคยเก็บไปฝันเดียวดาย
เคยโกรธดวงดาวแสนไกล
ที่ไม่ดลใจเธอเลยสักครั้ง

รู้ว่าเป็นเพียงแค่ฝัน
รู้ว่าตัวฉันเป็นใคร
ก็รู้แต่ไม่อาจห้ามใจ
ก็ยังฝันไกล หวังไปเลื่อนลอย

เผื่อจะมีซักคืน เผื่อจะมีซักวัน
ที่มีปาฏิหาริย์ช่วยทำให้ฝันจริงขึ้นมา
ได้เป็นคนรักเธอ ได้เป็นคนพิเศษ ในสายตา
แม้ตื่นมาทุกอย่างจะหาย และกลับไปเหมือนวันเก่า

ยอมหากจะต้องผิดหวัง
ยอมกลับไปเหงาดังเดิม
และยอมถูกความจริงซ้ำเติม
แลกกับคืนหนึ่งให้ใจนอนฝันดี


แสงไฟข้างถนนที่สาดส่องเข้ามาเป็นระยะจากทุกทิศทุกทางช่วยให้ใบหน้าของสนที่ดูยิ้มละไมมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไม่รู้ว่าสนฟังเพลงนี้แล้วจะรู้สึกยังไงบ้าง เห็นแต่นั่งยิ้มและมองต้นเหมือนกับคิดอะไรบางอย่าง ต้นดีใจที่ในที่สุดสนก็ได้ฟังเพลงนี้ สนคงไม่เคยรู้สินะว่าในทุกๆ ค่ำคืนต้นจะฝันถึงสนยังไงบ้าง คนที่แอบรักเพื่อนอย่างต้นก็มักจะมีโลกส่วนตัวที่สุข เศร้าและเหงาอย่างนี้แหละ เพ้อฝันลมๆ แล้งๆ แม้ความจริงจะไม่สมหวัง แต่ความรักที่สวยงามก็อยู่ในจินตนาการของต้นเสมอ

สายตาที่ส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนทำให้ต้นเขินจนต้องหลบและหันไปมองทางอื่น จนกระทั่งเพลงนั้นจบลง สนก็ส่งหูฟังคืนให้ต้น สีหน้ายังคงระบายด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ต้นเก็บหูฟังและโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายแล้วก็นั่งเงียบ ไม่กล้าสบตาเพื่อน

"เพลงเพราะดีนะ เราชอบ"

ต้นหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วก็หันกลับมาก้มดูมือของตัวเองเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

"เวลานายฝันถึงเรา นายฝันยังไงบ้างล่ะต้น ไม่ได้ฝัน...ว่าทำมิดีมิร้ายกับเราใช่ไหม"

คำถามนี้คงจะมาจากเนื้อเพลงนั่นเอง แต่สนก็ทำให้มันตลกในตอนท้ายเสียอย่างนั้น

"บ้า..."

"แล้วฝันอะไรบ้างล่ะ อยากรู้...บอกได้ไหม" สนถามพร้อมกับเขยิบเข้ามานั่งจนชิดตัวของต้น

"จำไม่ได้แล้ว..."

เห็นคนตอบเขินจนหน้าแดงสนก็เลยไม่อยากแกล้งให้เพื่อนเขินไปมากกว่านี้

"ไว้วันไหนจำได้บอกเราด้วยนะ"

ต้นพยักหน้าน้อยๆ

"เรื่องเต้ย ต้นอย่าคิดมากนะ เราไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาหรอก"

จู่ๆ สนก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้คนฟังหันไปมองอย่างสงสัย

"นายบอกเราทำไมเหรอ..."

"ก็...ไม่รู้สิ กลัวคนบางคนน้อยใจมั้ง" สนหัวเราะเบาๆ

"ไม่ต้องห่วงเราหรอก ถ้านายชอบใคร...นายก็ชอบไปเหอะ เราไม่เป็นไรหรอก"

"จริงเหรอ..." สนเลิกคิ้ว ทำหน้าทะเล้น

ต้นหน้าม่อยลงเล็กน้อย "จริงสิ เราจะไปห้ามหัวใจใครได้ล่ะ ถ้านายชอบใคร ก็ทำตามหัวใจของนาย ไม่ต้องห่วงเราหรอก เรารู้...ว่าเราเป็นใคร"

สนลูบผมเพื่อนอย่างเบามือ เขารู้ว่าต้นน้อยใจแต่ก็พยายามกลบเกลื่อน

"สน...นายรู้ตัวไหมว่านายน่ะ เป็นผู้ชายที่แปลกที่สุดในโลก ขนาดรู้ว่าเราเป็นอะไร คิดยังไงกับนาย นายก็ยังคบเป็นเพื่อนกับเราได้ เราไม่เคยเจอใครแบบนี้เลย"

ในระหว่างที่ต้นพูด สนหยุดฟังอย่างตั้งใจ พอต้นพูดจบสนก็หัวเราะเบาๆ ไม่รู้สิ ต้นรู้สึกว่าสนดูมีความสุข สายตาและรอยยิ้มของสนบ่งบอกว่าเขามีความสุขมาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามีความสุขเพราะอะไร

"ก็เจอแล้วนี่ไง ก็ดีไม่ใช่เหรอ"

ต้นกับสนประสานสายตากันและยิ้มอย่างมีความหมาย จากนั้นก็หันไปมองดูบรรยากาศรอบๆ ตัวแก้เขิน ปล่อยใจให้คิดไปตามสิ่งที่อยากจะคิด

"ต้น..."

"หืม..."

สองหนุ่มหันหน้ามามองกันอีกครั้ง ใจจดใจจ่อกับบทสนทนาต่อไปที่จะเกิดขึ้น

"นายคงจะรอคอยปาฏิหาริย์นี้มานานแล้วใช่ไหม"

แม้จะเป็นคำถามที่มาจากเนื้อเพลง แต่มันก็ทำให้ต้นอดใจเต้นรัวไม่ได้ว่าสนต้องการสื่ออะไรกันแน่ ต้นพยักหน้ายอมรับ ส่งรอยยิ้มให้คนที่นั่งข้างๆ อย่างมีความหวัง

"เหนื่อยจัง ขอนอนหน่อยนะ"

แล้วสนก็เอนตัวซบลงบนไหล่ของต้น ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น แล้วก็หลับไปจริงๆ เพราะความอ่อนเพลียจากการเดินทางตลอดทั้งคืน นี่คือปาฏิหาริย์ที่ต้นรอคอยหรือเปล่านะ?

แม้สนจะไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ต้นคิดเดาไปต่างๆ นาๆ แต่ต้นก็มีความสุขมากแล้ว ตอนนี้คนที่ต้นรักหมดหัวใจนอนซบอยู่ที่ไหล่ ช่างเหมือนกับที่เคยฝันไว้ ต้นใช้มือปัดเกลี่ยผมที่ปรกหน้าสนขึ้นอย่างเบามือ ความอบอุ่นจากคนที่นอนหลับไหลแผ่ซ่านซึมผ่านเข้ามาถึงหัวใจของต้น เสียงเพลงที่เพิ่งฟังไปเมื่อสักครู่นี้ดังขึ้นในใจอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้คงเป็นเพียงแค่ความฝัน ตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็หายไป ต้นจะขอยอมแลกความเจ็บปวดทั้งหมดกับช่วงเวลาสั้นๆ ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ชิดกับสนในบรรยากาศพิเศษแห่งค่ำคืนนี้

"เรารักนายนะสน หวังว่าวันนึงจะมีปาฏิหาริย์ ทำให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป"

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2015 16:21:24 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:hao5: ทำไมตอนต่อไปถึงกระชากอารมณ์กันแบบนี้ล่ะค้าา ฮึก~ ม่ายยย~ :serius2: ต้นไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นใช่ไหมคะ? พลีสส~ ..บรรยากาศช่างแตกต่างจากตอนนี้เหลือเกินค่ะ T^T

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ่านตอนนี้แล้วเศร้าจัง

สปอยนี่คือของจริงใช่ไหม
ต้นยอมมีอะไรๆกับคนที่ไม่รักจริงเหรอ
ไม่เคยรู้จักต้นในมุมนี้เลยนะ สนก็คงคิด

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
คำพูดของสนในสปอย ถ้าพิจารณาดีๆ ผมว่าเห็นแก่ตัวนะ เหมือนหมาหวงก้าง แต่ต้นมีอะไรกับคนอื่นก็ดีนะ สนจะได้ตื่นสักที

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
 เย้ย สปอยแบบนี้ ค้างงงงงกันเลยทีเดียวววว รีบมาต่อด่วนๆเลยครับผม

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ค้างงงงง มาก สปอยตอนต่อไปได้น่ากลัวมาก บอกเลย

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ไม่นะ ไม่ ถ้าทำแบบนั้นก็เจ็บปวดกันทั้งสองฝ่ายสิ ขอให้ที่สปอยเป็นแค่แผนที่เอาไว้หลอกให้สนรู้ใจตัวเองอย่างเดียวเถอะ สาธุ!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด