16
คนที่รัก' วันนี้เราไปกินข้าวคณะพายได้รึเปล่า '
ผมส่งข้อความไปหาพาย สองสามวันมานี้รู้สึกรำคาญการกินข้าวคณะตัวเองเพราะไปไหนก็มีแต่คนมอง คนซุบซิบนินทา และผมก็ขี้เกียจไปคณะวิทย์ไอ้คิงด้วย มันกลับไปคุยกับภัทรอีกรอบ ไม่ค่อยกลับห้อง... ไปอยู่ไหนผมก็พอจะเดาได้
พายดูประหลาดใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร นัดให้ผมไปกินข้าวร้านอาหารแถวมหาลัยแทน ผมจึงบอกแซคว่ากลางวันนี้จะไปกินข้าวข้างนอก มันไม่ว่าอะไร
" กูไปด้วยมั้ย? " แซคถาม ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงผม เพราะมันมาบอกกับผมตรงๆ เหมือนกันว่าได้อ่านกระทู้แล้วและมันไม่เชื่อว่าเป็นผม
" ไม่เป็นไร กูไปกับพาย "
เพื่อนผมสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินชื่อพายออกมาจากปากผม มันยิ้มล้อเลียน
ผมเพิ่งรู้จากแซคว่าพายดังในมหาลัยพอสมควร ความจริงผมน่าจะรู้ก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่เห็นเฟสบุ๊กพาย ทุกครั้งที่เธอลงรูปตัวเองจะมีคนมาไลค์ประมาณ 300-400 ไลค์ มีคอมเม้นท์อีกเยอะแยะ ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
" คนนี้เอาจริงแน่ใช่มั้ย "
" เอาจริงอะไร? " ผมขำ " เพื่อนกัน ไม่ได้คิดอะไรโว้ย "
" เออ ให้แน่ อย่าให้กูเห็นขึ้น relationship นะ "
ผมขำหนักกว่าเดิม เออออไปกับมันแล้วค่อยเดินแยกไปที่รถมอเตอร์ไซค์ตัวเอง ขับไปรับพายหน้าคณะว่าจะพาไปด้วยกันแล้วก็แป้ก เพราะพายใส่กระโปรงทรงสอบ นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ไม่ได้...
พายหัวเราะล้อเลียนผมใหญ่แล้วก็ชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอและเพื่อนๆ ในคณะนิเทศศาสตร์
เพื่อนของพายเป็นกลุ่มผู้หญิงหกเจ็ดคนอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ ด้วย ทั้งโต๊ะมีแค่ผมคนเดียวที่เป็นผู้ชาย
" เราไปซื้อน้ำนะ เอาอะไรมั้ย? " พายถามเพื่อน แล้วก็หันมาถามผม " เชาอ่ะ น้ำเปล่าหรือโค้กมั้ย "
" ขอโค้ก ขอบใจมาก " ผมตอบพาย ให้เงินพายไปด้วย เธอพยักหน้าเดินไปกับเพื่อนอีกคน และเมื่อทั้งคู่เดินไปสักพักแล้ว ผมก็โดนเพื่อนของพายรุมตั้งคำถามใส่ทันที
กลายเป็นว่าผมมากินข้าวคราวนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยกับพายเท่าไหร่ เพื่อนพายชวนคุยตลอด พอกินข้าวเสร็จผมก็ต้องรีบกลับไปเรียนแลปบ่ายต่อ พายเดินมาส่งผมที่รถ
" เย็นเลิกกี่โมงเหรอเชา? "
" ไม่รู้สิ... ทุ่มนึงล่ะมั้ง " ผมหันไปตอบพาย ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วสวมหมวกกันน็อค " มีอะไรเหรอ "
" ไปกินข้าวเย็นกัน "
ผมเลิกคิ้วประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พายชวนผมก่อน
" เราเห็นสีหน้าไม่ค่อยโอเคมาหลายวันแล้ว " พายยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พายเกี่ยวผมทัดหูแล้วพูดต่อ เป็นประโยคที่กระแทกมากลางใจผมเต็มๆ
" เล่าให้เราฟังได้นะ เรายินดีฟัง... "นั่นสินะ... บางทีผมอาจจะต้องการแค่นี้ คนที่ตั้งใจฟังผมจริงๆ...
บ่ายนี้ผมคิดว่าอะไรๆ มันจะซาๆ ลงไป แต่เปล่า เพื่อนร่วมเซคร่วมห้องยังมองผมด้วยสายตาแปลกไปและยังซุบซิบ กล่าวถึงผมในบทสนทนาของพวกเขาอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่ผมเป็นตอแหลพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
ไอ้สัตว์...
ปึง!
" เป็นเหี้ยอะไรนักหนา! " ผมตวาดเสียงดัง ทั้งห้องเรียนเงียบกริบ ขนาดแซคที่นั่งอยู่ข้างผมยังอึ้ง ไม่มีใครทันคิดว่าผมจะระเบิดอารมณ์ลงกลางห้องแบบนี้เป็นครั้งที่สาม
" มึงมีอะไรก็มาถามกูตัวๆ นินทาหาพ่อมึงเหรอ คิดว่ากูไม่ได้ยินรึไง!!! "
" ถ้าพวกมึงไม่กล้าถามกูบอกให้ "
" กูไม่ได้ทำ เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของพวกมึงแล้วไอ้สัตว์!! "ผมถีบเก้าอี้ระบายอารมณ์ แล้วเดินออกจากห้องไปหาที่ดูดบุหรี่ เคาะออกมาจ่อเข้าปากจุดไฟ ผมดูดยาวๆ อมควันไว้แล้วปล่อยออกมาเฮือกเดียว
แม่งเอ๊ย.. หัวโล่งเลย..
ผมสะบัดหน้าสองสามครั้งแล้วจ่อบุหรี่เข้าปากอีก คราวนี้ดูดช้าลงพร้อมกับคิดอะไรไปด้วย
สักพักแซคก็เดินมาหาผม มันมาเพื่อนอีกสิบกว่าคน หนึ่งในนั้นคือเปิ้ล เพื่อนผู้หญิงในเซค เธอคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันกับน้องฟิว แต่ผมไม่ได้สนิทกับเปิ้ลขนาดนั้น แปลกใจเหมือนกัน พวกมันมาทำไม
" มีไร " ผมถามเสียงห้วน ดูดต่อไม่สนใจพวกแม่ง
" เชา... กูขอโทษว่ะ.. " เปิ้ลพูดคนแรก ท่าทางมันอึดอัดพอสมควร " กูไม่รู้คิดไปได้ไงว่าเป็นมึง... "
ผมเงียบ กลอกตา ไม่พูดอะไรเพราะกำลังหงุดหงิดอยู่ ไม่โมโหเท่าตอนอยู่ในห้องแล้ว แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าอารมณ์แย่ๆ นี้จะหายไปทั้งหมด
แล้วพวกมันก็รุมกันขอโทษผม บางคนเข้ามาตบไหล่ด้วย ผมอย่างงง พอเดินกลับกันไปหมดเหลือแค่ผมกับแซคแล้วผมก็ยิงคำถามใส่มัน
" เมื่อกี้คือเหี้ยอะไรวะ... " เหวอเลยดิผม
" พวกแม่งเพิ่งคิดได้ไง มันไม่ใช่มึงตั้งแต่แรกอยู่แล้วอ่ะเชา แค่มึงเป็นเกย์ก็ไม่ใช่แล้ว เชื่อกันไปได้ไงวะ " แซคแค่นหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลก
" มึงเคลียร์กับพวกแม่งให้กูเหรอ? " ผมถามแซค ที่ดูจะเป็นไปได้ที่สุดเพราะมันไม่ได้ตามผมออกมาในทันที และมันก็มาพร้อมกับคนอื่นๆ
แซคยิ้มยักคิ้วใส่ผมเหมือนจะบอกว่า เป็นไง กูเทพป่ะล่ะ อะไรแบบนั้น ผมเห็นแล้วอย่างฮา
" สัส หึหึๆ หน้ามึงตลกเหี้ยๆ "
" เนรคุณว่ะเชา กูอุตส่าห์ช่วยมึง "
" เออๆ ฮะๆๆ " ผมดับบุหรี่ กุมท้องหัวเราะแทน จนหายขำผมถึงยื่นมือไปตบบ่าแซคสามสี่ครั้งวางมือคล้องคอมัน " ขอบใจว่ะแซค " มันช่วยผม เชื่อใจผมทั้งตอนที่ผมต่อยกับขวัญและตอนนี้.. กูไม่ลืมแน่..
ผมเจอเปิ้ลด้วยขณะที่ผมกำลังเดินเล่นกับพายหลังจากที่เราเพิ่งกินราเมนมื้อเย็นอิ่มกันไป
" อ้าวเชา... " เปิ้ลประหลาดใจ มองผมแล้วหันมองพายแล้วอมยิ้มราวกับว่าต้องการจะแซวผมกับอีกฝ่าย
พายเห็นผมทักเปิ้ล เธอหันมามองแล้วก็ส่งยิ้มน่ารักให้เช่นกัน ก่อนที่เราสองคนจะเดินไปตรงอื่นต่อ
และหลังจากที่เจอเปิ้ลค่ำนั้น… กลับหอผมเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดเว็บบราวเซอร์ หน้านิวฟีดเฟสบุ๊ก และ ไทม์ไลน์ของผมเต็มไปด้วยสิ่งนี้…
#ทีมเชา
' เพื่อนกูไม่ได้เป็นเกย์ เลิกแชร์กระทู้เหี้ยนี่สักทีเหอะ #ทีมเชา '
' จขกทดอกมาก ใส่ความคนอื่น #ทีมเชา '
' มึงโอเคนะ กูอยู่ข้างมึง #ทีมเชา '
และข้อความอีกหลายข้อความที่ผมไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะเห็นอะไรแบบนี้…
ไอ้รอดน่ะมันก็โอเคอยู่ แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้เหมือนกันว่าสังคมแบบนี้แม่ง… ไร้สาระชิบหาย เมื่อมีคนเริ่มก็ย่อมมีคนตาม ไม่ว่าจะเป็นตอนที่คนเริ่มนินทา หรือใครก็ตามที่ริเริ่มแฮชแท็กทีมเชา
ผมหยิบมือถือขึ้นมา มันถูกเสียบชาร์ตแบตอยู่กับคอมพิวเตอร์นานพอที่จะกดเปิดเครื่องได้ ก่อนหน้านี้แบตหมดตอนอยู่กับพายพอดี ผมกดโทรออก ดังสองครั้งแซคก็รับสาย
" ฮัลโหลแซค "
" เออ ว่าไง "
" มึงเปิดเฟสบุ๊กอยู่ป่ะ "
" ยังว่ะ มีไรวะ "
" แม่งมีแฮชแท็กทีมเชาเต็มนิวฟีดกูเลยว่ะ "
" เฮ้ยจริงเหรอวะ! แบบนี้ก็ดีดิ "
" ใครเริ่มวะ " ผมอยากรู้
" กูว่าเปิ้ล "
" เออ เป็นไปได้ " หัวเราะขำออกมา " ขอบใจมึงมากนะเว้ยที่ช่วยกู "
คนอื่นทำไปเพราะด้วยกระแสหรือรู้สึกผิดกับผมอย่างไรผมไม่เก็บมาใส่ใจ แต่แซคที่ออกหน้าแทนผม ปกป้องผม เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเราทำให้ผมซึ้งน้ำใจมันมาก
" ขอบใจมึงจริงๆ ว่ะ "
" เฮ้ย! ไม่เป็นไรเลยเว้ย เพื่อนกัน " แซคตอบกลับมาเหมือนเป็นเรื่องเล็ก " แล้วมึงเป็นไง โอเคแล้วอ่ะดิ "
" เออ "
" แล้วพายว่าไง "
ผมแปลกใจ มันจะถามถึงพายทำไม
" ทำไมต้องว่าไง "
" อ้าว ก็วันนี้เพิ่งไปกินข้าวกับพายมาไม่ใช่ไง กูเพิ่งคุยกับเปิ้ลไปเอง "
อ่อ เปิ้ลนี่เองที่บอก ผมว่านอกจากเธอจะริเริ่มแฮชแท็กนั่นแล้ว เธอต้องเริ่มกระจายข่าวระหว่างผมกับพายแน่ๆ พายเองก็เป็นคนดังคณะนิเทศเหมือนกัน ดังแบบคนส่วนใหญ่รู้จักพาย แต่พายไม่รู้จักใคร
" หวานเลยนะ "
มันแซวผมไม่เลิกเว้ย
" หวานเหี้ยไร เพื่อนกัน "
" หรา "
พูดก็ไม่เชื่ออีก
" เออๆ แล้วแต่มึงเลยเพื่อน เอาที่มึงสบายใจ " ผมขี้เกียจเถียงละ ผมกับพายเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ แค่ในตอนนี้น่ะนะ 5555
เอาจริงพายโคตรน่ารัก ขาว หุ่นดี แถมยังนิสัยดี มีเหตุผลกว่าผู้หญิงหลายๆ คนที่ผมเคยคบด้วยอีก ที่ผมลองคบกับน้องฟิวก็เพราะว่าเบื่อนิสัยผู้หญิง แต่พอเอาเข้าจริง แม้แต่น้องฟิวที่เป็นผู้ชายก็นิสัยแบบนั้น จนผมคิดว่าช่างแม่งแล้วผมก็ได้รู้จักกับพาย
พายตอบโจทย์ผมมาก ติดอยู่ตรงที่ผมแค่สนใจ ยังไม่ได้ชอบพายขนาดต้องเริ่มจีบอย่างเอาเป็นเอาตาย และผมคิดว่าถ้าผมทำอย่างนั้น พายเองจะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างจากผมไปเองก็ได้ ในกรณีที่เธอไม่ได้มีใจให้น่ะนะ
" สรุปพายยังไม่ใช่อีกเหรอ "
" มึงนั่นแหละ ยังไม่เลิก "
" โห่... "
" เออ ไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะ เพื่อนกูชวนดอทแล้ว "
แซคไม่ลืมล้อผมกับพายส่งท้ายก่อนวางสาย ผมถอนหายใจปิดหน้าจอไอโฟนวางไว้เหมือนเดิม ปิดเฟส เตรียมเข้าเกม พอดีกับประตูห้องถูกเปิดออก คิงก้าวเข้ามาในห้องอยู่ในชุดกีฬาชุ่มเหงื่อ
" อ้าว "
" อะไร " คิงหันมาเลิกคิ้วใส่ผม ถอดรองเท้า ถอดถุงเท้า โยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วถอดเสื้ออันเป็นกิจวัตรประจำวันหลังวิ่งออกกำลังกายเสร็จ
" นึกว่าวันนี้มึงจะค้างคอนโดภัทร " น้ำเสียงผมประชดประชัน " คืนดีกันแล้วนี่ "
" เหี้ยไรของมึง " คิงพาดผ้าเช็ดตัวบนบ่า ขมวดคิ้วชักสีหน้ารำคาญใส่ผม " นอยด์เรื่องตัวเองแล้วอย่ามาพาลใส่กูดิ "
" กูไม่ได้นอยด์ "
" ... "
มันถอนหายใจยาวและแรง กลอกตาใส่ผมเหมือนจะบอกด้วยสายตาว่าผมนอยด์แทนการพูด
ผมไม่ได้นอยด์เรื่องตัวเองจริงๆ อารมณ์ตอนแรกผมปกติดีด้วยซ้ำ ผมก็แค่หงุดหงิด ที่เห็นคิงเข้ามาในห้องพร้อมกับรองเท้าวิ่ง
และชุดกีฬาที่ไม่ใช่ของมัน....
อยากถามว่ามันไปไหนมา แต่แค่ดูก็พอเดาได้ว่าถ้าถามแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คิงไม่มีทางตอบผม และผมไม่สามารถระงับอารมณ์ไม่ให้ทะเลาะกับมันอีกได้อย่างแน่นอน
" มึงใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกับกู " คิงพูดน้ำเสียงไม่พอใจแล้วปิดประตูห้องน้ำ มีเสียงฝักบัวตามมา มันเริ่มอาบน้ำ ขณะที่ผมถอนหายใจ มือลูบหน้าอีกหลายครั้ง อาการหงุดหงิดไม่พอใจครั้งนี้ก็ไม่ยอมลดลงไปง่ายๆ เช่นครั้งอื่น
ผมจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ยากทุกครั้งที่เป็นเรื่องของคิง
ทว่ามันกลับปัดเรื่องของผมออกไปจากหัวได้อย่างง่ายดาย...
แม่งโคตรไม่ยุติธรรม มันเหมือนผมโยนกรวดลงทะเลเพื่อหวังว่าจะถมจนกลายเป็นถนนได้สักวัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ... ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า
ติ๊ง!
โทรศัพท์ผมส่งเสียงเตือนข้อความเข้า ผมหยิบมาดูอีกรอบ เป็นข้อความจากน้องฟิว...
เฮ้อ!!!
แค่เห็นชื่อก็เหนื่อยแล้ว ผมอุตส่าห์โล่งใจ ไม่เจอเขาได้เป็นอาทิตย์ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่น้องฟิวโทรไปหาแซคทำให้ผมหมดความอดทนกับน้อง มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่เรื่องเล็กน้อยครั้งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของผมถึงขีดจำกัด ผมบล็อกเฟสน้องไปหนึ่งวันเต็มด้วยอารมณ์โมโหล้วนๆ พอมีสติมากขึ้นก็ปลดบล็อก เหลือแค่อันเฟรนด์แทน ผมไม่รู้น้องฟิวรู้หรือยัง
แต่ช่างแม่งเหอะ...
ผมไม่สนใจความรู้สึกน้องแล้ว
.
.
.
ผมหมดรักน้องฟิวแล้ว---------------------------------------------
กราบขอโทษงามๆ เลยค่ะ หายไปนานมากจริงคราวนี้....
พอดีว่าช่วงก่อนหน้านี้ติดโปรเจกต์มิดเทอม บวกปัญหาชีวิต ฯลฯ ทำให้คราวนี้ขาดช่วงไปยาวจริงอะไรจริง
อะเฮื้อ.. ดีใจ โดนจับได้ว่าใบ้เรื่องคิงกับแฟนไว้ตั้งแต่บทนำต้นเรื่อง
บทนี้คลายปมแล้วว่าตกลงเชาหมดรักฟิวแล้วจริงหรือไม่... (จริงๆ ก็พอเดาได้นานแล้วน่ะนะ
) แล้วก็เป็นเหตุผลที่ฟิวหายไปเลยเหมือนกันค่ะ เพราะเชาเป็นคนเล่าเรื่อง เมื่อคนเราเลิกสนใจใคร เราก็จะไม่มองหา ไม่ติดต่อ ไม่พยายามรับรู้เรื่องใดๆ ของเขาทั้งสิ้น ยิ่งอีกฝ่ายเป็นฟิวที่เชามีความรู้สึกลบไปเยอะแล้วด้วย การที่เชาจะเมิน/ทำเป็นไม่เห็น/จงใจไม่พูดถึง ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
อย่างไรก็ตาม มันมีเหตุการณ์ที่นำพาให้เชาเกิดความรู้สึกลบเหมือนกัน ฟิวสมควรโดนเกลียดเพราะเรื่องที่ทำมั้ย เราบอกเลยว่าไม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกันถ้าคนอย่างเชาจะเริ่มมีความรู้สึกลบต่อฟิวจนถึงขั้นรำคาญและหมดรักเพราะ ' เรื่องนี้ ' ซึ่งไม่เกี่ยวกับคิงด้วยค่ะ
ตอนถัดไป(ตอนที่17) น่าจะถึงเวลาเคลียร์กันสามคนสักที... ซึ่ง..ตอนหน้าก็คาดเดาไม่ได้อีกแล้วว่าเมื่อไหร่จะมาลง
สัญญาว่าจะแต่งให้จบ ไม่ดองแน่นอนค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามของทุกคนมากๆๆจริงๆนะคะ มันทำให้รู้สึกดีมากเลยที่มีคนอ่านเจ้าประจำมาคอมเม้นท์ทุกตอน(ถึงจะเป็นไปในทิศทางติเชากันหมดก็เถอะ5555) อดทนกับความเหี้ยของเชาและความเอาแต่ใจของเรา(ที่ดึงดันจะเขียนแบบนี้)อีกนิดนะคะ ใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์แล้ว...