-- ครึ่งหลัง --
“ เข้ามาเลย !! ” มารัสตะโกนเสียงดังลั่นแล้วกระโดดเข้าไปกลางวงอสูร
เกททินเบิกตากว้าง “ คิดว่าเก่งนักรึไง ไอ้งั่ง ถึงได้เข้าไปแบบนั้น !! ” กระโดดเข้าไปร่วมวงอีกคนเพราะรู้ดีว่า ถ้ามารัสเพียงคนเดียวคงไม่ไหวแน่ ถ้าถูกรุมล้อมไปด้วยอสูรมากมายขนาดนี้
“ เก่งไม่เก่ง ข้าฆ่าหมดนี้ได้แล้วกัน ฮะ ฮ่าๆๆ ” มารัสพูดพร้อมกับกระโจนใส่อสูรตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามา
โฮกกก
อสูรคำรามออกมามือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังพยายามคว้าตัวมารัสที่พุ่งเข้ามา
มารัสตวัดดาบฟันมือของอสูรทิ้งทันที “ เห็นไหม ต่อให้มากันทั้งบางข้าก็ไหว ”
เกททินย่นคิ้ว “ งั้นก็ตามสบาย ข้าขอขึ้นไปจิบชาแถวนี้ก่อนแล้วกัน ”
“ เดี๋ยวๆๆ ข้าไปด้วย ข้าอยากลองกินเหล้าองุ่นของที่นี้ดู ” ในขณะที่พูดก็หลบอสูรอีกตัวที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับอีกตัว จนอสูรทั้งสองชนกันเอง พวกมันส่ายหัวมึนๆ นัยน์สีเลือดเข้มขึ้นเรียกพลังเวทออกมา
“ เตี้ยไม่พอแล้วยังง่ปล่อยให้อสูรมันใช้เวทย์อีก !! ” เกททินโวยวายเสียงดังลั่นเปิดเสื้อตัวเองควักหายาอย่างลนลาน
พละกำลังของอสูรไม่ใช่ปัญหา
ที่มีปัญหาจริงๆ คือเวทย์มนตร์ของอสูรต่างหาก !
พวกมันสามารถเรียกพลังเวทออกมาได้โดยไม่ต้องร่าย ในบางครั้งเวทที่มันใช้อาจจะแลกด้วยชีวิตของมันเองซึ่งผลของเวทก็..
ตูมมมมมม
“ เฮ้ย ! ” มารัสกระโดดโหยงด้วยความตกใจและกลืนน้ำลายลงคอดังเอือก
ไอ้พื้นข้างที่เขายืนตอนนี้ได้กลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งถ้าเกิดหลบไม่ทันนี่คงไม่ได้ผุดได้เกิดไปอีกหลายชาติ
“ รอบที่แล้วที่เจ้าฆ่ามันได้สบายๆ เพราะเจ้าไม่เอาแต่เล่นจนปล่อยให้มันใช้เวทย์ไงล่ะ มารัส ” เกททินหยุดมือที่หายาและกล่าวตำหนิมารัส
“ เจ้าก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ยอมทำอะไรอสูร ”
“ ก็เจ้าบอกจะฆ่ามันไม่ใช่เหรอ ? แล้วทำไมข้าต้องเสียยาดีๆ ที่ข้าตั้งใจปรุงเพื่อช่วยเจ้าล่ะ ”
มารัสกลอกตา “ บอกข้าทีว่าเจ้ากับข้าเป็นคู่หูกัน ! ” และกระชับดาบในมือกระโจนเข้าไปหาอสูร ข้อมือของมารัสเกร็งจนเห็นเส้นเลือดได้ชัดเพราะการลงแรงในการฟันอสูร
“ เออสิ เจ้าโง่ ” เกททินถอนหายใจยอมหยิบยาออกมาจำนวนนึง “ เจ้าจะเอายังไง ระหว่างฆ่าเจ้าพวกนี้ต่อกับการไปคุยเล่น ”
“ คุยเล่นสิ ต้องนี้ข้าชักจะเบื่ออสูรแล้ว ”
หลังจากตกลงกันเสร็จเกททินก็ปายาที่ถือออกมาใส่พื้นทันที ส่วนมารัสที่รู้ดีว่าคู่หูตัวเองจะทำอะไรก็ชิงกระโดดออกมาก่อน
ตูม !
ยาของเกททินทำปฏิกิริยาอะไรบางอย่างจนเกิดการระเบิดลูกย่อมกับควันโขมงที่ทำให้ทรรศนียภาพรอบด้านไม่เหมาะสมแก่การต่อสู้อย่างยิ่ง
เกททินและมารัสรีบเผ่นออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว
“ เฮ้ยๆ เกททินเจ้าหินปราสาทนั่นไหม ”
“ เห็น ทำไมเจ้าจะไปยึดรึไง นี่มันดินแดนภูตนะไม่ใช่ดินแดนงี่เง่าที่แค่เตะราชาดินแดนนั้นแล้วจะยึดได้ ”
“ ด่าข้าอีกแล้ว ! ไอ้นักปรุงยานรกแตก ถ้าเจ้าหลับข้าจะเอายาของเจ้าไปทิ้งให้หมด ”
“ ถ้าเจ้าทำจริง ข้าคงต้องคู่หูคนใหม่ ! ”
“ คิดว่าทำได้งั้นเหรอ ยาพวกนั้นขอแค่ไม่โดนตัวไม่ได้กลิ่นก็ไม่มีปัญญาทำอะไรข้าได้แล้ว ”
ดวงตาของเกททินฉายแววความโกรธ “ จะลองไหมล่ะ ”
เช่นเดียวกับมารัสที่กัดฟันกรอด “ ก็ลองดู ! ”
ก่อนที่ทั้งมารัสกับเกททินจะปะทะกันก็มีเสียงร้องไห้ดังขัดขึ้นมาก่อน
“ ฮืออ ข้าต้องหามันไม่เจอแน่ๆ โรซาน ”
“ เจ้าจะร้องไห้ทำไม เอสเตอร์ ร้องไปมันก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นหรอกนะ กินเหล้าของข้าดีกว่า รสชาติอร่อยกว่าน้ำตาเจ้าเยอะ ”
“ ไม่ ! ท่านพ่อของข้าบอกว่าข้าคออ่อน กินไปมีแต่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ฮือๆ "
“ นี่มันไม่ใช่บ้านเจ้ากินๆ ไปเถอะ หรือจะให้ข้าเอามันยัดปากเจ้า ”
“ มันขม ! อย่าเอามาให้ข้ากินนะ ข้าไม่อยากกินน ฮือ คืนนี้ข้าจะไม่นอนกับเจ้า ”
“ เจ้าไม่นอนกับข้า ใครจะไปนอนกันเจ้ากัน ? ข้าว่าไม่มีคนปกติที่ไหนอยากนอนกับคนที่นอนไปร้องไห้ไปอย่างเจ้าหรอกนะ ”
“ ฮืออ ข้าขอโทษ โรซาน ข้านอนกับเจ้าก็ได้ ฮึก ”
เสียงคุยกันเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย
รวมถึงเสียงร้องไห้ด้วย
เกททินกับมารัสสบตากันอึ้งๆ หยุดการตีกันชั่วคราวค่อยๆ ย่องไปหาหาต้นกำเนิดเสียงที่ยังคงคุยกันอยู่
เป็นชายร่างโตผมยุ่งเหยิงสีน้ำตาลเข้มดวงตาสีเดียวกับสีผมในมือถือสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กที่เอาแต่ซุกอยู่กับอกของชายร่างโต
แล้วไอ้เสียงร้องไห้เมื่อกี้มันมากจากไหน ?
เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในหัวทั้งเกททินและมารัส
และเพียงไม่นานก็ปรากฎคำตอบ
“ ฮือๆๆ ข้าว่าข้าหามันไม่เจอแน่เลยย ”
“ เจ้าพูดไปแล้ว ! จะพูดซ้ำทำไมวะ ”
“ โรซานเจ้าตะคอกใส่ข้า เจ้ามันแย่ที่สุด ฮือ ”
“ เอ้า จะให้ข้าชมเจ้าเหรอว่า พูดซ้ำอีกสิ ข้าอยากฟังมาก ข้าหาไม่เจอแน่เลย ตลก ! ”
“ ฮืออ ข้าเกลียดเหล้า มันทำให้เจ้าเปลี่ยนไป โฮ ”
“ โอ้ยยย ร้องอยู่ได้ หุบปากกก ”
“ ข้าหุบไม่ได้ ฮืออ ข้าหายใจไม่ออก ข้าเป็นหวัด ”
“ ปัญหาเยอะจังเลยโว้ยยยยย ”
ก่อนที่ชายร่างโตจะทุ่มสุนัขจิ้งจอกลงพื้น
เกททินกับมารัสตัดสินใจเดินเข้าไปขัดจังหวะก่อน “ เอ่อ.. พวกท่านจะไปที่ไหนกันงั้นเหรอ ? ” เกททินเป็นฝ่ายถาม
ชายร่างโตขมวดคิ้ว “ เอสเตอร์ ”
สุนัขจิ้งจอกกระดิกหูตอบ “ อะไร ”
พูดพร้อมหันซ้ายหันขวา “ เจ้าได้ยินเสียงพูดเมื่อกี้นี้ไหม ”
“ ได้ยิน ”
เกททินถึงกับคิ้วกระตุก
ก็รู้อยู่หรอกนะว่าข้ามันเผ่าพันธุ์อะไร
“ ข้าอยู่นี่ ท่าน ”
ชายร่างโตหันขวับลงมาทันที “ อ้อ นี่ไง มีอะไรงั้นเหรอ ถ้าจะถามข้า ข้าตอบเลยละกันว่ากำลังเดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อหาของนิดหน่อยน่ะ ”
มารัสตาเป็นประกายเพราะได้กลิ่นเหล้าองุ่นคละคลุ้งมาจากอีกฝ่าย “ ท่านดื่มเหล้างั้นเหรอ ? แลกกันกับข้าไหม ข้ามีเหล้าแอปเปิ้ลล่ะ ”
“ เอาสิ ตอนนี้ข้ากำลังเก็บแต้มกินเหล้าครบทุกดินแดนอยู่ ” ชายร่างโตพยักหน้ารับโยนจิ้งจอกในมือทิ้งแล้วหยิบเหล้าจากกระเป๋าสะพายเก๋าๆ ของตัวเองออกมา
เอสเตอร์ที่ไม่ทันตั้งตัวกลิ้งคลุกฝุ่นและไถลไปตามพื้น ทำให้สีขนขาวสว่างกลายเป็นสีเทาแทน นัยน์ตาสีขาวพระจันทร์มีน้ำตาตลอ “ โรซาน เจ้าโยนข้าทิ้งเหรอ ฮือออ ข้ามีดีไม่สู้เหล้าแอปเปิ้ลงั้นเหรอ ”
โรซานแค่นเสียงหึ “ ใช่ ” และรับเหล้าแอปเปิ้ลจากมารัสมาใส่กระเป๋าสะพาย
เอสเตอร์หูลู่ลงอย่าเสียใจซุกตัวกับหางของตัวเองจนเหมือนลูกบอลลูกนึง
“ สรุปว่าพวกท่านกำลังหาของอยู่สินะ ส่วนพวกข้ากำลังเดินทางหาประสบการณ์อยู่ ” เกททินสรุปออกมาสั้นๆ “ แล้วพวกท่านรู้ไหม ว่าที่นี้เกิดอะไรขึ้น ”
คนที่ตอบย่อมไม่ใช่เอสเตอร์ที่เซื่องซึมไปแล้วอย่างแน่นอน “ รู้สิ ก็อสูรที่ถูกควบคุมโดยใครสักคนบุกไงล่ะ ” โรซานกระดกเหล้าองุ่นจนหมดขวดแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างครุ่นคิด “ อา รู้สึกว่าจะเป็นพวกภูตกันเองเนี่ยแหละ ”
“ แล้วท่านรู้ได้ไง ? ”
โรซานหัวเราะลั่น “ รู้สิ แค่เข้าไปนั่งในร้านเหล้าข้าก็ได้อะไรดีๆ กลับมาเยอะแยะแล้ว อยากรู้อะไรล่ะ ? ราชาปีศาจที่มีอีกาเป็นชายา อดีตราชาภูตที่ชอบเอาแต่บ่นเวลาที่อาบน้ำ หรืออะไรล่ะ ฮ่าๆ ”
เกททินไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อเห็นโรซานค่อยๆ หยุดหัวเราะแล้วมองไปที่จิ้งจอก
“ เอสเตอร์ ? ” โรซานร้องเรียก
ไม่มีเสียงตอบรับอะไรจากจิ้งจอกตัวเล็ก
โรซานขวดเหล้าองุ่นใส่กระเป๋าของตัวเองเดินเข้าไปหาเอสเตอร์และนั่งยองๆ ตรงหน้าฝ่าย “ อย่างเงียบสิ ไม่งั้นข้าจะจับเจ้ายัดขวดเหล้านะ ”
จิ้งจอกตัวเล็กตัวสั่นแต่ยังคงไม่ยอมพูดอะไร
โรซานคลี่ยิ้ม “ งั้นก็.. ” หยิบจิ้งจอกตัวเล็กขึ้นมาด้วยมือเดียวและขว้างขึ้นไปในอากาศทันที
จิ้งจอกขาวเบิกตากว้างกรีดร้องดังลั่น “ ว้ากกกก ” รีบเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ดังเดิมใช้เวทลมค่อยๆ ประคองตัวเองลงมาเหยียบพื้น
“ โรซาน ! ” เอสเตอร์ตะคอกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำตานองหน้า
ทั้งมารัสและเกททินถึงกับอึ้งไปกับร่างมนุษย์ข้างร่างตรงหน้า
เป็นชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าโรซานหนึ่งช่วงหัวมีใบหน้าหล่อเหลาบรรยากาศรอบตัวแผ่กลิ่นอายถึงความเป็นเชื้อพระวงศ์ นัยน์ตากับผมที่ตัดสั้นระตนคอเป็นสีขาวบริสุทธิ์แต่ตอนนี้ติดจะดูหม่นๆ เพราะดินที่เจ้าตัวเพิ่งไปคลุก อีกทั้งยังมีหูสีขาวกับหางพวกใหญ่ที่กำลังส่ายไปมาด้วยความไม่พอใจ ดูแล้วชวนรู้สึกให้อยากขยำหางอีกฝ่ายเล่น
“ เรียกข้าทำไม เอสเตอร์ ถ้าอยากกินเหล้าองุ่นก็หยิบจากกระเป๋าข้าได้เลย จุกไม้ธรรมดาเป็นของเมืองมนุษย์ ส่วนจุกไม้สีแหลืองอ่อนเป็นของแดนภูต ”
“ เจ้าอยากให้ข้าตายงั้นสิ ? ถึงได้โยนข้าไปแบบนั้น ฮือ เจ้ามันแย่ที่สุด ”
โรซานยักไหล่ “ เจ้านี่มันก็เป็นงี้แหละ ท่าน พวกท่านไปต่อเถอะ ข้ากับเอสเตอร์เป็นพวกเดินทางไปเรื่อยๆ น่ะ ”
“ เจ้าเมินข้าอีกแล้ว ฮือ ทำไมกันนะ ทำไมข้าถึงได้เลือกเจ้าเดินทางด้วย ”
ระหว่างที่เอสเตอร์กำลังคร่ำครวญกับตัวเองอยู่โรซานได้แอบหยิบเหล้าที่แรงที่สุดของตัวเองออกมาดึงฝาไม้สีแดงออกแอบไว้ข้างหลังตัวเอง “ มาหาข้าหน่อย ให้ข้าได้แสดงความขอโทษกับเจ้าบ้าง ”
เอสเตอร์เดินมาหาอย่างว่าง่าย “ เจ้ามีอะไรจะพูดงั้นเหรอ โรซาน ? ”
โรซานคว้าคอเอสเตอร์เอาไว้จับขวดยัดเยียดให้อีกฝ่ายดื่มทันที
เอสเตอร์เบิกตากว้างพยายามขัดขืนแต่ไม่เป็นผลจำต้องกลืนสิ่งที่อีกฝ่ายัดเยียดลงไปจนหมดขวด
โรซานยัดขวดที่ว่างเปล่าใส่กระเป๋าและผิวริมฝีปากอย่างอารมณ์ดี
ใบหน้าของเอสเตอร์ขึ้นสีแดงก่ำเนื่องจากแอลกอฮอล์ที่ได้รับ “ รู้อะไรไหม ! ข้าเกลียดที่สุดเลยเวลาที่มีใครสักคนร้องไห้ ที่ไม่ใช่ข้า ! ”
“ อืม แล้วไงล่ะ เอสเตอร์ ” โรซานพยักหน้ายิ้มๆ
“ มันทำให้ข้าหงุดหงิด เสียงพวกนั้นน่ารำคาญเป็นบ้า ” เอสเตอร์ส่ายหัว “ ตอนนี้ยิ่งมีอสูรบุกเข้าเมืองภูตอีก เสียงร้องไห้ดังระงม ข้าไม่ชอบมันเลย ยังดีที่มียังมีคนช่วยชาวภูตฆ่าอสูรบ้าง ไม่งั้นเสียงร้องไห้คงดังกว่านี้ ”
โรซานคลี่ยิ้มหยอกเย้าแววตาส่อถึงความเมามาย “ แล้วโรซานล่ะ เจ้าชอบโรซานไหม ”
เอสเตอร์คลี่ยิ้มและหัวเราะออกมา “ ชอบสิ ผมยุ่งเหยิงนั่นเหมือนกับใยแมงมุมแมงเลยล่ะ ฮ่าๆๆ ”
โรซานหน้าบึ้งทันใด “ เจ้าว่าใครหัวเป็นใยแมงมุม ”
“ เจ้าไง ฮ่าๆ ”
“ หุบปากไปซะ ” โรซานคำรามคว้าคออีกฝายเข้ามาประกบริมฝีปาก
เกททินและมารัสที่ยืนดูเงียบๆ ถึงกับสะดุ้ง “ เออ ข้าว่าเราไปกันต่อดีกว่าเนอะ เพื่อนยาก ” มารัสยิ้มแห้งๆ
“ ข้าก็ว่างั้น ไปปราสาทนั่นของเจ้าก็ได้ คงจะมีอะไรน่าสนุกอยู่แถวนั้นแหละ ปล่อยให้โรซานกับเอสเตอร์เขาปรับความเข้าใจกันเองดีกว่า ”
ว่าแล้วทั้งสองก็ออกไปจากที่แห่งนี้ทันที
เหลือไว้เพียงคนเมาทั้งสองที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะการตีกันในคืนนี้
----------------------
TBC. ตาหน้าเป็นเอลล์บรรยายค่ะ