ตอนที่ 14 เรื่องเยอะ
เรา ไม่สิ!!ต้องบอกว่าผมคนเดียว ตื่นมาอีกทีก็ตอนหกโมงครึ่งครับ เสือบอกให้ผมรีบอาบน้ำเพราะวันนี้เราจะต้องถ่ายรูปบนเรือครับ ส่วนรายนั้นตื่นก่อนอาบก่อนแต่งตัวเสร็จรีบร้อนแล้ว สิงห์ก็เหมือนกันเสร็จตั้งแต่ที่ผมยังไม่ตื่น สรุปคือผมตื่นสายสุดในห้อง
พออาบน้ำเสร็จก็มาแต่งตัวครับ เสือให้ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองเข้มกับกางเกงสีดำเขาบอกถ้าจะเล่นน้ำไม่ให้ใส่เสื้อกับกางเกงที่มันเป็นผ้าสีอ่อนเพราะมันจะเห็นเอ่อ… อันนั้นแหละ อ้อ! มันเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าให้ผมด้วยครับ บอกให้เอาไปด้วยจะเล่นน้ำจริงๆจะได้เอาไปเปลี่ยน เพราะผมชอบเป็นหวัดนิดๆหน่อยๆประมาณว่าถูกน้ำเย็นแช่นานๆก็เป็นหวัดแล้วครับ ถ้าไม่เปลี่ยนชุดเสือบอกกลัวไข้ขึ้น
ผมไม่ได้ถามเรื่องที่ได้ยินเมื่อคืน ขี้เกียจคิดคิดไปก็ปวดสมองเปล่าๆ แถมเสือหรือสิงห์ก็ไม่ได้เล่าให้ฟังด้วยอยากให้เป็นความลับกันสองคนก็ได้ ธามไม่เสือกขี้เกียจเสือกด้วย
“ทาครีมกันแดดหรือยัง”
“ทาแล้ว”
“ยาแก้ไข้กับยากันเมาเรือ”
“ทานแล้ว”
“เอาของครบยัง”
“ครบแล้ว”
เสือพยักหน้าแล้วมองห่วงยางลายเป็ดที่ผมตั้งใจว่าจะถือไปด้วย “ไม่ได้เอาห่วงยางไปก็ได้มั้ง เขาคงจะมีเสื้อชูชีพให้”
ผมส่ายหน้าไม่มีเป็ดไม่ได้นะอุตส่าห์หอบมาจากกรุงเทพฯ
“ไม่เอาอ่ะ อยากเอาเป็ดไปด้วย”
“ครับ” เห็นว่าทักท้วงแล้วไม่ได้ผลเสือจึงยอมให้ผมเอาเป็ดไป หลังจากนั้นเราจึงออกจากห้องนอนพร้อมกันทั้งสามคน ลงมาทานอาหารเช้าที่หน้าโรงแรมดื่มด่ำกับบรรยากาศริมทะเลพร้อมกับเหล่าพี่ๆคนอื่นๆ กิ้งมันก็ลงมาพร้อมผม(เจอกันในลิฟต์)แต่กลับไม่มาทานกับผม ไม่ใช่อะไรมันบอกเจอรุ่นพี่คนหนึ่งหน้าตาตรงสเปคดีเลยอยากกะหรี่ขึ้นมา
เสือบอกให้ผมไปนั่งรอเขาจะไปตักอาหารมาให้ ผมจึงเลือกโต๊ะตรงบริเวณใต้ต้นมะพร้าวไกลจากคนอื่นนิดหน่อยแล้วเปิดโคนันดูรอ รอไม่นานนักถ้วยข้ามต้มทะเลร้อนๆก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้า ร่างสูงนั่งลงข้างผมแล้วหยิบโทรศัพท์ที่ผมกำลังเล่นอยู่ออกจากมือบังคับให้ทานก่อนค่อยเล่น “โคนันยังไม่จบแลยดูด้วยทานไปด้วยได้ไหม”
“รีบทานเดี๋ยวสาย”
“พี่เสือ” ผมทำเสียงเง้างอนแต่มันไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้ครับ ไม่หันมามองผมเลยด้วยซ้ำ “ใจร้าย”
“ตี้”
“ก็มันจริงไหม”
“รีบทาน”
“ขอดูโคนัน”
“ตี้”
ผมเบ้ปากเมื่อเสือเรียกชื่อแล้วทำหน้าโหดมาให้ ถึงโหดแต่ก็ยังหล่อว่ะ
พอทานเสร็จผมก็ลากเสือไปถ่ายรูปริมทะเลครับ ถึงคราวที่กล้องโปรที่อุดอู้อยู่ในกระเป๋ามานานจะถึงเวลาออกโรงซะที(กล้องโพรารี่หลบไป) ส่วนมากแล้วเสือจะเป็นคนถ่ายให้ผมซะมากกว่าเขาไม่ชอบถ่ายรูป
“ไหนขอดูบ้าง” ผมตะโกนบอกแล้ววิ่งเข้าไปหาอีกคนที่กำลังดูรูปอยู่ เสือพยักหน้าแล้วโอบเอวให้เข้ามาดูใกล้ๆ โหฝีมือมันโปรเฟสชันนอลมากครับ ภาพที่ออกมาสวยมากเลย “สวยอ่ะกูหล่อมาก”
“มึงน่ารัก”
“หล่อดิยังอยากหล่ออยู่นะ”
เขาไม่ตอบแต่ก้มลงจูบที่จมูกแล้วเลื่อนไปริมฝีปาก ผมโต้ตอบเบาๆแต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าเสือปล่อยมือจากกล้อง Nikon ให้มันห้อยโต่งเต่งเพราะมีสายพาดคออยู่ ผมเอื้อมมือไปขย้ำหัวอีกคนเล่นแล้วละออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงแสงแฟลตจากการกดชัตเตอร์มาจากใครสักคน พวกผมหันไปมองปรากฏว่าปลายทางมีพี่ๆมองเต็มเลยครับ ส่วนคนที่ถือกล้องอยู่เป็นพี่พล พี่แกตะโกนมาว่า
“ขอโทษทีน้องลืมปิดแฟลต”
อ่อ… แท้จริงตั้งใจแอบถ่ายกูสินะ
เสือจับผมจูบเบาๆที่ริมฝีปากอีกรอบก่อนโอบเอวเดินไปหาพวกพี่ๆเพราะอีกไม่นานเราก็ต้องขึ้นเรือยอร์ชกันแล้ว
การถ่ายภาพครั้งนี้เพื่อเป็นการถ่ายภาพลงหนังสือเพื่อขายเป็นเงินทุนให้กับกิจกรรมของมหา’ลัย แต่ผมกับรู้สึกว่างบประมาณในการถ่ายครั้งนี้เยอะชิบหาย! คิดดูครับจ่ายทั้งค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าเรือยอร์ชลำมหึมากับหลายต่อหลายอย่าง เอาเงินส่วนนี้ไปเป็นทุนไม่ดีกว่าหรือวะ
“เสือถอดเสื้อหน่อยได้ไหม” เสียงของพี่พลที่กำลังควบคุมการถ่ายทำให้ผมหลุดจากความคิดหันไปมองนายแบบและนางแบบที่กำลังสวมบิกินี่เหมือนเมื่อวานแต่เปลี่ยนเป็นสีแสดรับผิวขาวแทน ผมกระหย่อมยิ้มย่องในใจ มึงถอดสิ ถอดเสื้อออกเลยเสือ!! ถอดเลย!!
เสือพยักหน้าแล้วเริ่มปลดกระดุมเหมือนทุกคนเผลอกลั้นหายใจก่อนเสียงฮือฮาจะตามมาเมื่อร่างสูงถอดออกเผยซิกแพคน่าซบแต่คราวนี้มีคิสมาร์กเต็มตัวแถมมาด้วย ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วงุนงงก่อนมองมาทางผมแล้วยิ้มแบบหัวเราะหน่อยๆมาให้ ก็มันไม่รู้ว่าผมทำคิสมาร์กให้มันนี้หว่า…
“กรี๊ดดดดร้อนแรงอ่า รอยจูบเต็มตัวเลย”
“ดูดตรงอกด้วย สะโพกด้วย อื้อหือตรงท้องน้อยก็มี อิจฉาเมียเขาอ่ะ”
“น้องธามแม่งเมียหลวงจริงๆ กูได้ยินมาว่าคนที่เคยเป็นแค่คู่ควงน่ะ รอยจูบพี่แกยังไม่ให้ทำเลยนะเว้ย”
“หล่ออ่ะถึงมีเมียก็ยังหล่อ รอยจูบเต็มตัวแบบนี้จะร้อนแรงกันขนาดไหนอร๊ายย”
“งั้นมึงใส่เสื้อเหมือนเดิมเถอะ” พี่พลบอกพยายามหลบสายตาไม่มอง เสือร้องหึจ้องตามาทางผมแล้วหยิบเสื้อมาใส่เหมือนเดิม ผมมองการถ่ายทำอยู่สักพักมันตาก็เหมือนเดิมมีอ่อยบ้างแต่ตอนนี้ผมวางใจได้ระดับหนึ่งแล้ว อ่อยยังไงก็ไม่ได้ผลหรอกเจ้!!
“น้องธามกระโดดน้ำลงมาเล่นกันเร็ว” เสียงเรียกจากพี่ๆด้านล่างที่พากันกระโดดตู้มลงน้ำไปหลายคนแล้ว ผมพยักหน้าแล้วโดดน้ำลงเล่นตาม แกว่งขาไปมาในน้ำที่มองไม่เห็นพื้นผมเผลอนึกถึงปลาปิรันย่าขึ้นมาคิดภาพน้ำนองไปด้วยเลือดแล้วขนลุก จึงสะบัดความคิดออกแล้วว่ายไปเล่นกับคนอื่นเขา
แต่โชคร้ายดันไปว่ายเข้าใกล้แก็งมันตาแถมพอพวกเธอเห็นผมก็ต่างเข้ามารุมล้อมทันที
“ธามไปเล่นน้ำกันไหม” เสียงหว๊านหวานแต่สายตานี้ไม่หวานไปตามเสียงเลยนะ ผมปฏิเสธไม่ทันก็โดนฉุดให้ว่ายมาแถบห่างไกลผู้คน พอพ้นสายตาคนอื่นผู้หญิงสองคนในกลุ่มก็จัดการกดหน้าผมลงกับน้ำแบบไม่บอกไม่กล่าวทันที
“อื้อ!!!” ผมดิ้นไปมามือพยายามจับมือของสองคนนั้นออกจากหัว แต่กลับมีใครสักคนมารวบแขนยึดเอาไว้ทำให้ขยับไม่ได้
หายใจไม่ออก
“อย่าให้มันตาย” เสียงของใครสักคนดังขึ้นทันใดนั้นใบหน้าของผมก็ถูกจับขึ้นพ้นน้ำ ร่างบางกระเสือกกระสนไปมาพยายามสูดอากาศให้ได้มากที่สุดแต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกสองมือกดลงน้ำอีกรอบ ทรมานใจจะขาดผมดิ้นจนหมดแรงดิ้น ฟองอากาศเริ่มหมดคราวนี้พวกเธอจับกดนานกว่าเดิมด้วย
ซ่า!
ใบหน้าของผมถูกจับขึ้นอีกครั้งก่อนจะถูกกดลงไปอีก
เป็นแบบนี้ซ้ำๆหลายครั้ง
ผมหมดแรงหายใจไม่ออก พยายามดิ้นแต่ขยับตัวไม่ได้
ทรมานจนน้ำตาไหล หากเหนือหัวกลับได้ยินเสียงน้ำเราะสะใจดังมา
…เสือ
ช่วยกูด้วย
ตู้ม! ตู้ม!
ม่านน้ำแตกกระเซ็นเมื่อหนึ่งร่างสูงกระโดดลงมาจากเรือยอร์ช ตามด้วยร่างสูงอีกคนในเวลาติดๆกัน เสียงกรีดร้องดังระงมขึ้นความชลมุนวุ่นวายประดังเข้าใส่ราวพายุโทนาโด เสือโผล่หน้าขึ้นจากน้ำว่ายไปยังทิศทางที่มีร่างเล็กกำลังก้มหน้าลงน้ำแน่นิ่งอยู่ มือหนารีบคว้าเอวบางมาแนบอกจับใบหน้าอันคุ้นตาขึ้นสำรวจก่อนเบิกตากว้าง
มันซีด ซีดจนน่าใจหาย
"มึงทำเหี้ยอะไรกัน!!" เสือได้ยินเสียงน้องชายที่ปกติแล้วจะสุภาพยิ่งกว่าอะไรตวาดใส่กลุ่มผู้หญิงที่เหมือนจะเป็นต้นเหตุของเรื่อง ร่างสูงไม่สนใจรีบนำร่างเล็กขึ้นเรือโดยมีเพื่อนคณะแพทย์คอยรอรับอยู่แล้ว
พลสั่งให้ทุกคนขึ้นเรือด่วนเพื่อจะขับเข้าฝั่ง
"ชีพจรอ่อนมาก ใครก็ได้ปั้มหัวใจน้องหน่อย"
เพื่อนร่วมคณะที่อยู่ใกล้ๆรีบลงมาจัดการทันที ก่อนมันจะเบิกตากว้างแล้วหันหน้ามาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสั่น
"เสือ"
"..."
ร่างสูงแทบพยุงตัวเองไม่อยู่เมื่อได้ยินประโยคถัดมา
"น้องหัวใจหยุดเต้นว่ะ"
'ตื่นครับ'
'อื้อ เสือขออีกห้านาที'
‘เดี๋ยวสายตื่นมาดื่มนมก่อน’
‘ไม่เอาขออีกห้านาที สองนาทีก็ได้’
‘พูดยาวขนาดนี้แล้วตื่นเถอะ’
‘…’
‘ตื่นได้แล้ว’
ผมลืมตาขึ้น
แล้วก็เจอกับความมืดมีแสงไฟจากสลัวๆลอดมาจากม่านหน้าต่างบ่งว่าตอนนี้พระอาทิตย์คงจะตกลับขอบฟ้าและพระจันทร์ขึ้นมาแทนที่เรียบร้อยแล้ว
สายระโยงระยางทั้งเครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจบอกได้ดีว่าผม... ยังไม่ตาย
หากขยับตัวไม่ได้ ร่างกายประหนึ่งโดนง่อยแดก มันอ่อนแรงไปหมดทุกส่วน ผมกลืนน้ำลายรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาก นี้ผมหลับไปกี่วันกันว่าแต่หิวน้ำชะมัดที่นี้ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ
ผมเหล่ตาเห็นขวดน้ำพร้อมแก้ววางอยู่บนตัวเตียง
"อึก!"
"..."
"อื้อ!"
พยายามขยับตัวเพื่อเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำ แต่ผลก็เหมือนเดิมตัวไม่เคลื่อนสักนิดสงสัยจะเจอง่อยจริงๆแล้ว
"อึก!"
ขยับไปนิดละ
"อือ!"
อีกนิดเดียว
"อื้อ!"
จะถึงแล้ว...
ตุบ!
"โอ๊ย!!" ...กูเจ็บ
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
ปัง!!
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาทันทีเมื่อร่างผมตกจากเตียง เป็นผลให้สายน้ำเกลือที่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดหลุด แสบสะท้านแถมเครื่องช่วยหายใจยังตกไปที่คอ สายที่ติดอยู่ตรงหัวใจหลุดออกเป็นผลให้ตัวเครื่องส่งเสียงติ๊ดๆดังก้องไปทั่วห้อง แต่ร่างตกทีเดียวนี้อาการง่อยหายเป็นปลิดทิ้งเลย
"ตี้" ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นมอง อยู่ๆร่างตัวเองก็โดนอุ้มกลับไปที่เตียงอีกครั้ง ผมได้กลิ่นกายที่คุ้นเคยเลยกอดเขาเอาไว้แน่นแนบชิดใบหน้าเข้ากับอกของอีกฝ่ายแล้วขยุ้มเสื้อเขาจากทางด้านหลัง "เสือ"
ร่างสูงกอดผมกลับแล้วปล่อยให้เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจดังต่อไปจนกระทั่งคุณหมอกับพยาบาลวิ่งเข้ามาดู เสือจึงละออกจากอ้อมกอดผมไปปิดเครื่องก่อนจะไล่คุณหมอที่อุตส่าห์หวังดีออกไปจนหมด ผมจึงดึงเขามากอดอีกรอบแล้วให้ร่างสูงล้มตัวลงมานอนบนเตียงด้วยกัน
เพราะเสือคร่อมอยู่บนตัวผมจึงจับใบหน้าของเขาขึ้นมอง สำรวจโครงหน้าหล่อเหลาที่ไม่ว่ามองกี่ทีก็ชวนหลงใหล ผมหรี่ตาลงเม้มปากแน่นแต่แล้วจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกจากเบ้า
เกือบ เกือบไม่ได้เจอหน้าตลอดชีวิตแล้ว
"เสือ! เสือ! เสือ! ฮือ เสือ! เสือ! กู! อึก!" ผมร้องเรียกหามันเหมือนคนบ้า เสือกอดผมแน่นกว่า เดิมลูบหัวแล้วปลอบประโลมว่า
"ใจเย็นๆ"
"เสือ! เสือ! อึก กูเจ็บ..."
ผมร้องไห้น้ำตาไหลลงมาเหมือนน้ำตก หากยิ่งร้องก็ยิ่งเจ็บตรงหน้าอก เจ็นจนสะอื้นเหมือนโดนเข็มแทงที่หัวใจ ผมมองหน้ามัน เจ้าของนัยน์ตาสีครามเข้มกำลังเม้มปากแน่นเขาพยายามจับตัวผมที่ดิ้นเอาไว้
"เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ! เสือ! อ้ากกกก!!!" ผมแหกปากลั่นคุณหมอกับพยาบาลวิ่งกรูเข้ามากันอีกรอบ
"ไม่ต้องมา!!!" หากเสือตะโกนบอกเอาไว้ก่อน ผมร้องหนักกว่าเดิม ความเจ็บปวดที่หน้าอกประดังเข้าใส่จนทำได้เพียงอ้าปากพะงาบๆ ร่างสูงผละออกไปผมตาเบิกกว้างพยายามคว้าเขาเอาไว้แต่คว้าไม่ทัน เสือเดินออกไปหยิบอะไรบางอย่างที่ข้างเตียง ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมเข็มฉีดยาในมือ ผมรีบพลิกตัวหนีแต่เขากักเอาไว้ได้ น้ำตาไหลราวเขื่อนแตก หัวใจเจ็บสะท้านไปหมด
"ปล่อยกู อึก!อ้ากก"
"นิ่งๆ" มันบอกแต่ผมไม่ สองมือทุบตีอกแกร่งไปมือจนร่างสูงต้องจัดการรวบมือผมขึ้นเหนือหัวด้วยมือเดียว แต่ยังไม่สามารถบังคับร่างกายของผมให้อยู่นิ่งได้ "เข้ามาจับเอาไว้"
ไม่นะเสือ
ทันทีที่เขาสั่งพยาบาลที่ยืนรออยู่หน้าประตูทั้งหมดก็วิ่งเข้ามาจับตัวผมเอาไว้กดทุกส่วนของร่างกายให้นิ่งงันไร้แรงต่อต้าน ทำได้เพียงส่งสายตาขอความเห็นใจพร้อมกับส่ายหน้าให้กับอีกคนที่กำลังชูเข็มในมือขึ้นมา
ไม่นะเสือ ไม่!
มึงก็รู้ว่ากูกลัวเข็มขนาดไหน!!!
ผมร้องหนักกว่าเดิม แหกปากดังลั่นห้องจนกระทั่งมือหนาเลื่อนมาปิดปากผมเอาไว้ขณะเดียวกันที่ปลายเข็มแหลมถูกทิ่มลงที่ต้นแขน อาการเจ็บจี๊ดๆตามมาพร้อมบางอย่างที่ถูกฉีดเข้ากระแสเลือดแต่สามารถทำให้ผมสลบลงได้อย่างน่าประหลาด ทันทีที่เข็มถูกถอนออกไปทุกคนก็ปล่อยมือจากตัวผม ก่อนเสือจะไล่พวกเขาออกไป
ร่างสูงหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาอีกครั้ง ผมหวาดกลัวแต่กลับไม่หนี รวมถึงประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน
"หลับไปก่อนนะคนดี"
ก่อนที่มันจะทิ่มเข้าสู่ลำแขนผมอีกครา
หลับไปแล้ว...
ร่างสูงวางเข็มฉีดยาลงกับถาดอุปกรณ์ก่อนกำหมัดแน่น เขากะเอาไว้แล้วว่าต้องมีอาการตื่นตระหนักหลังจากพึ่งรอดชีวิต ร่างเล็กหัวใจหยุดเต้นไปรอบหนึ่งโชคดีที่ซีพีอาร์ทันไม่งั้นคงกู่ไม่กลับ ถึงกระนั้นอัตราการเต้นของหัวใจก็ยังไม่คงที่ มีโอกาสที่หัวใจจะกลับไปไม่เต้นอีกครั้ง เสือกดโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงรอจนปลายสายรับจึงบอกคำสั่ง "ปิดชั้นบนสุดทั้งหมด แล้วย้ายไปห้องใหญ่ ห้ามให้ใครขึ้นมา จัดหมอเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉันจะออกไปทำธุระระหว่างที่ไม่อยู่ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วเกิดอาการอีกให้ฉีดยาระงับเลย แต่อย่าให้หัวใจหยุดเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด"
ว่าจบก็วางสาย ก้มลงจูบที่หน้าผากมนอีกครั้งแล้วเดินออกจากห้องก่อนควาญหาโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋ากางเกง กดเบอร์ต่อสายแล้วกรอกเสียงเรียบใส่ด้วยอารมณ์เย็นยะเยือก
"ผู้หญิงพวกนั้น… จะทำอะไรก็ทำ”
คนที่มันทำอะไรเอาไว้ อย่าหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!!
มีต่อค่ะ