Part8 ชีวิตในเกมกับเด็กชายอาชวิน อาวุธวาดผ่านสายลม เสียงปะทะกันจากการต่อสู้เล็กๆ ภายในป่าใหญ่พร้อมสองร่างร่วมแรงร่วมใจกันถล่มมอนสเตอร์ตรงหน้าด้วยกรงเล็บและมีดสั้นที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังความมืด เพียงไม่นานกระรอกหน้าตาน่ารักขนาดเท่าเอวผู้ใหญ่ก็ล้มลงสิ้นท่าอย่างง่ายดาย
ผมลดมือลง มีดสั้นถูกสลายกลายเป็นพลังเวทสีดำกลับเข้ามาในร่าง หน้าที่ชำแหละเก็บเนื้อไว้กิน ถลกหนังไว้ในงานเป็นของชิน ส่วนผมคอยระวังโดยรอบเผื่อมีมอนสเตอร์หรือผู้เล่นโผล่มาจะได้รับมือทัน
ตั้งแต่เช้าตื่นมาจัดการตัวเองเสร็จ ผมกับชินตะลุยเก็บระดับ ฆ่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่เดินผ่าน เลือกเฉพาะตัวเลเวลเท่ากันหรือน้อยกว่า ตัวไหนเกินความสามารถจะเลี่ยงไปอีกทาง ระหว่างนั้นเราคอยสำรวจพื้นที่ไปด้วย ป่าส่วนที่พวกเราอยู่เป็นป่าที่พบเห็นได้ทั่วไป ต้นไม้สูงต่ำลดหลั่นกันไป มีแหล่งน้ำบางประปราย มอนสเตอร์ส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช เหมาะสำหรับพวกคนเล่นใหม่
“เสร็จแล้ว จะพักกินข้าวเลยมั้ย ตอนนี้พวกเราเลเวล 7 ถ้าลุยแบบนี้จนถึงเมืองคงได้สัก 15 พอดี”
อย่างที่เคยบอกไป เมืองไกลจากที่นี่พอสมควร ถึงงั้นก็ยังมีผู้เล่นให้เห็นเป็นระยะไม่ต้องกลัวเหงา พวกเราผู้สร้างไม่ใจร้ายกับผู้เล่นมือใหม่ขนาดนั้น แถบนี้ทั้งแถบ มอนสเตอร์ระดับไม่สูง ถ้าเดินดีๆ จะเจอเส้นทางนำไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ๆ หรือถามเอาพวกผู้เล่นคนอื่นก็ได้ บางคนอาจโชคดีหน่อย เจอคณะเดินทางของชาวบ้าน สามารถติดไปลงที่เมืองได้
“เอางั้นก็ได้ ฉันเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
ผมพยักหน้ารับช่วยกันเลือกที่เหมาะๆ เคลียร์ใบไม้บนพื้นแล้วทำหลุมก่อไฟย่างเนื้อสัตว์ที่หามาได้ พวกอุปกรณ์พื้นฐานอย่างกระเป๋า ของยังชีพจะแจกให้ผู้เล่นทุกคนตั้งแต่เริ่มเกม พอทานเสร็จใช้ดินกลบดับไฟเรียบร้อย ผมกับชินมุ่งหน้าต่อทันที เวลานี้อยากถึงเมืองใจจะขาด ร่างกายเล็กๆ ทำอะไรไม่สะดวกสักอย่าง
แม้ชินจะบอกว่าสามารถอุ้มได้ตลอดเวลา แต่ผมไม่เอาเด็ดขาด มาเล่นเกมทั้งทีมันต้องสนุกสิ ไม่ใช่เป็นเด็กให้คนตามดูแล
จิ้งจอกดำเป็นด่านหน้าชนกับพวกมอนสเตอร์ ผมเป็นหน่วงหลังใช้พลังสร้างมีดสั้นที่เริ่มพัฒนาความคมกับขนาดมากขึ้นตามระดับที่เพิ่มจากเดิม เราคอยหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บหนักๆ เพราะผมในเวลานี้ไม่สามารถรักษาแผลใหญ่ได้
สองร่างไม่คิดเสียเวลาชำแหละซากมอนเอาไปขายแบบช่วงเก็บระดับตอนแรก งานนี้ต้องเร่งฝีเท้าให้ถึงเมืองก่อนค่ำถ้ายังไม่อยากนอนในป่าเป็นวันที่สอง รู้สึกตงิดๆ เหมือนลืมอะไรสักอย่างตั้งแต่เมื่อคืน คิดยังไงก็คิดไม่ออก พอถามคนข้างตัว จิ้งจอกดำยักไหล่บอกว่าผมคิดมากไปเอง
ช่างมันแล้วกัน ถ้าเรื่องสำคัญเดียวผมก็นึกออกเองแหละ ไม่ใช่คนขี้ลืมขนาดนั้น ผมส่ายหัวขณะกางปีกบินตามหลังชิน ปล่อยให้สายลมเย็นชื้นของป่าพัดผ่านกายไป สูดลมหายใจลึกๆ เก็บเอาอากาศสดชื่นเข้าปอดเพราะโลกแห่งความจริง หาแหล่งธรรมชาติได้ยากเต็มที
การเดินทางของพวกเราราบรื่นไปด้วยดี จนกระทั่งพบกับด่านสุดท้ายก่อนถึงเมือง ท้องฟ้าถูกย้อมจนกลายเป็นสีส้ม พ้นแนวป่าคือกำแพงเมืองขนาดย่อมอีกเพียงนิดเดียวจะถึงเมืองอยู่แล้ว แต่ระดับพวกเราหยุดอยู่ที่ 14 ต้องหามอนสเตอร์ตีอีกหน่อยให้เลเวลอัพตามที่วางแผน
ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่ ร่อนลงยืนบนพื้นเก็บหุบปีกด้านหลัง ดวงตาจ้องเป๋งไปยังฝูงมอนสเตอร์เบื้องหน้า ทิศที่เรามาอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ส่วนที่มีมอนสเตอร์เลเวล13-14 เหมาะแก่การเก็บระดับอย่างยิ่ง แต่...
“จะมืดแล้ว รีบจัดการให้จบแล้วเข้าเมืองกันเถอะวิน”
เสียงทุ้มต่ำจากหมาป่าข้างกายดึงความสนใจจากผม จะให้ฆ่ามัน? ไม่มีทาง!!
“เราจะไม่ฆ่าพวกมัน ฉันจำได้ว่าทางที่พวกเราผ่านมามีตั๊กแตนเลเวล 12 อยู่ พวกเราไปจัดการทางนั้นดีกว่า” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้คนฟังขมวดคิ้วฉงน มองหน้าผมสลับกับเจ้าหน้าขนเบื้องหน้า พวงหางจิ้งจอกสะบัดส่ายไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“จะวกกลับไปทำไมให้เสียเวลาล่ะ เชือดๆ พวกมันไปซะก็จบ นายอยากเข้าเมืองไปล้างคำสาปไม่ใช่เหรอ” ชินพยายามกล่อมผม ก่อนจะชะงักไปเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก ใบหน้าคมคายหล่อเหลาก่ำกึ่งระหว่างขำกับอ่อนใจ “โธ่ วิน... มันเป็นแค่มอนสเตอร์น่า ตายไปแปบๆ ก็เกิดใหม่”
“ฉันยังยืนยันคำเดิม ไม่ฆ่าเด็ดขาด นายจะเชือดตัวไหนก็ได้ยกเว้นตัวนี้”
ชายผมทองตีหน้านิ่งกอดอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากอยู่ในร่างปกติ คงทำให้ผู้อื่นเกรงใจได้อยู่บ้าง แต่มันไม่ใช่กับเด็กน้อยวัยสิบขวบสวมเสื้อตัวหลวมโพรก ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งเหมือนเด็กเจอของที่ชอบ ใบหน้ากลมเกลี้ยงตามวัย คิ้วขมวดมุ่นเชิดรั้นเอาแต่ใจ
ชินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ภาพเทวดาปีกขาวเขาซาตานตรงหน้า มองยังไงก็หาความน่ากลัวไม่เจอ มีเพียงความแสบซนที่แผ่ออกมามากกว่า แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี ชินยังจำได้ดีถึงนิสัยของวินสมัยเด็ก เพียงแค่ไม่คิดเลยว่าต่อให้อายุปาไปเลขสอง พอต้องมาอยู่ในร่างเด็กน้อยแบบนี้ สิ่งที่แสดงออกมายังคงเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด
ดวงตาสีดำละจากวินมองมอนสเตอร์ตรงหน้า รูปร่างปราดเปรียว ดวงตากลมวาวราวกับลูกแก้ว นัยน์ตามีเส้นขีดสีดำสมเป็นสัตว์ป่า ตามตัวมีขนนุ่มปกคลุมสีน้ำตาลลายจุด หูสามเหลี่ยม หางยาวส่ายไปมา บนหน้ามีหนวดยาวสีขาวหลายเส้น ขนาดอยู่ห่างยังได้ยินเสียงครืดๆ ในคอ ต้นแบบมอนสเตอร์เบื้องหน้าคือ
สัตว์ป่าพันธุ์ Margay ลายเสือดาวสูงประมาณสะโพกซึ่งเป็นชนาดที่ใหญ่กว่าในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ มันเป็น แมว สิ่งมีชีวิตหน้าขนที่วินชื่นชอบที่สุด!!
ทำไมนะทำไม ตอนเข้าเกมมาระบบถึงไม่ทำให้เขาเป็นแมว จัดคำสาปจิ้งจอกเพื่ออะไร ชินคิดอย่างเซ็งๆ
“ไม่ฆ่าก็ได้ แต่นายต้องยอมให้ฉันอุ้ม รอนายบินกลับไปที่เดิมเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”
“ตกลง!”
จิ้งจอกหนุ่มรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้งัดสารพัดทั้งไม้อ่อนไม้แข็งมา วินไม่ยอมให้อุ้มเลยสักนิด พอมีเรื่องแมวเข้ามาเกี่ยวกลับยอมง่ายๆ ร่างสูงย่อตัวลงอุ้มเด็กชายเข้ามาในอ้อมแขน เทพบุตรซาตานสลายปีกเกาะคอจิ้งจอกกันตก จมูกโด่งเนียนหันหน้าเข้าหา เฉียดแก้มนุ่มแสร้งชวนคุย
“นายคิดว่าฆ่าตั๊กแตนกี่ตัว พวกเราถึงเลเวล 15”
คนถูกลวนลามมีหรือจะไม่รู้ตัว หัวทุยก้มลงขวิดด้วยเขาซาตานจนจิ้งจอกร้องโอดโอยขณะวิ่งย้อนกลับทางเก่า
“ถ้าทำได้แค่นี้อย่าทำอีกดีกว่า” น้ำเสียงเรียบนิ่ง วาจาร้ายกาจแทงใจจิ้งจอกดังฉึก หูลู่หางตกแทบจะร้องหงิงๆ หมดมาดเฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันสองคน “รีบๆ ฆ่าไปเดี๋ยวก็อัพ ไม่นานนักหรอก” ผมสั่งทับอีกที ชินพยักหน้ารับรู้หันไประบายกับพวกตั๊กแตน ปล่อยผมให้ยืนพิงต้นไม้ โบกมือสิ่งพลังด้านมืดสร้างมีดสั้นออกมาสองเล่ม ช่วยจัดการเจ้าพวกแมลงอีกทาง ดวงตาสีเทาฉายประกายขบขัน เฝ้ามองเงาดำวูบไหวของจิ้งจอกที่กางกรงเล็บไล่สับมอนสเตอร์ผู้น่าสงสาร
สุดท้ายก็อัพเอาตอนค่ำจนได้ ดีที่จุดนี้ไม่ไกลจากเมืองนัก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ชินอุ้มผมพามาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ผมแหงนคอมองกำแพงสูงสีขาว มีทหารสองนายประจำการอยู่หน้าประตูเมืองคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นในบริเวณนั้น
สองเท้าก้าวผ่านประตู สิ่งที่ให้แสงสว่างกับเมืองแห่งนี้ไม่ใช่คบเพลิงแบบเดียวกับรอบนอกกำแพง แต่เป็นพลังเวททรงไข่มีปีกเล็กจิ๋วสีเหลืองนวลลอยเด่นตามจุดต่างๆ คล้ายกับหิงห้อยตัวใหญ่ ผมรู้สึกว่าเมืองแห่งนี้มีพลังเวทเข้มข้นมากแถมชาวบ้านใส่ชุดคลุมตัวยาวถือคทาอย่างพวกนักเวท ทำให้แยกได้อย่างง่ายดายว่าไหนผู้เล่น ไหนชาวบ้าน
ด้วยความที่ไม่ใช่เมืองการค้า บรรยากาศจึงเงียบสงบมีเพียงเสียงดนตรีจากร้านอาหารลอยมาตามลม ร้านค้าส่วนใหญ่ขายแต่ของเกี่ยวกับเวทมนต์ จำพวกเครื่องประดับฝังอัญมณีหลากสีตามธาตุ ไม้คทาลักษณะเหมือนไม้เท้า ร้านเสื้อผ้าเสริมความสามารถด้านเวทมนต์
หลังเอาเนื้อสัตว์ หนัง เขี้ยว หาง ทุกส่วนของร่างกายมอนสเตอร์ที่ขายได้ เอามาเทขายให้กับพ่อค้าได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ผมรีบเดินนำชินเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเป็นอันดับแรก! ไม่อยากเป็นจุดเด่นไปมากกว่านี้ ภาพชายร่างสูงใหญ่กับเด็กน้อยตัวเปี๊ยก ต่างคนต่างใส่ชุดนอน คนแรกชุดดูเล็กกว่าขนาดตัวหนึ่งไซส์ คนหลังชุดใหญ่กระโดดข้ามวัยมัดเอวด้วยเถาวัลย์เป็นที่น่าอนาถลูกตายิ่งนัก
ภายในร้านมีเสื้อผ้าระรานตาแขวนอยู่บนราวไม้ ผมเดินผ่านเสื้อผ้าเด็กไปหาชุดที่ย่อขยายตามขนาดตัวโดยมีชินเดินตามอยู่ด้านหลัง
“พวกเรางบน้อย เอาชุดง่ายๆ แล้วกัน”
ผมเลือกชุดคลุมสีเทาหม่นราคาย่อมเยา ไม่เพิ่มค่าสถานะอะไร แต่สามารถย่อขยายได้ตามขนาดตัว ผมจะได้ไม่ต้องมาซื้อเสื้อตัวใหม่หลังจากกลับคืนสู่อายุเดิม
“งั้นฉันเอาตัวนี้ ไว้ค่อยหาเงินไปซื้อแบบดีๆ มาใส่”
ชื่อ : เซตนักเวทฝึกหัด
Lv : 10
สถานะ : สามารถย่อขยายได้ตามขนาดตัว
ราคา 30 เหรียญเงิน
ชินพยักหน้ารับเห็นด้วยกับผม เขากวาดตามองรอบเดียวเลือกหยิบชุดสีน้ำตาลไร้ลวดลาย
ชื่อ : ชุดคนสวน
Lv : 14
สถานะ : เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพ 2%
ราคา 23 เหรียญเงิน 50 เหรียญทองแดง
สหายจิ้งจอกเป็นคนจ่ายเงิน ยืมสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ของผมเสื้อขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสีเดียวกัน กับตัวเสื้อคลุมสีเทาหม่นติดด้วยเข็มกลัดตรงอกมีฮู้ดสวมปิดเขา ร่างเด็กเขายังสั้น ร่างโตอย่าได้หวังว่าจะปิดได้ ทางชินเสื้อคอปกสีน้ำตาล กางเกงสีเทา รองเท้าสีเดียวกับเสื้อ โดยรวมชุดคนสวนสมชื่อ พอสวมอยู่บนร่างสูงใหญ่ของจิ้งจอกหนุ่ม ต่อให้เป็นผ้าดาษดื่นแค่ไหนก็ดูดีได้จนสาวพากันมองจนเหลียวหลัง หมั่นไส้ยกเท้าเตะไปที พอเห็นรอยเท้าเล็กๆ บนขากางเกงอีกฝ่ายค่อยสบายใจหน่อย
“เพิ่งรู้ว่านอกจากลดอายุแล้ว ยังลดความนึกคิดกลับเป็นวัยเด็กด้วย”
น้ำเสียงเรื่อยๆ เหมือนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ดวงตาสีดำสั่นระริกฉายแววขบขัน ผมแยกเขี้ยวใส่เล่นมันให้สมขนาดตัวซะเลย อายุสมองผมไม่ได้ลดลงแน่ เพียงแค่อยู่ในร่างแบบนี้มันไม่ต้องคอยระวังอะไร แสดงทุกสิ่งออกมาได้เต็มที่ เด็กๆ นี่ดีจังเลยนะ
จังหวะพวกเรากำลังเดินออกจากร้าน หางตาเห็นคนคุ้นเคยเดินผ่านหน้าไป เพียงเสี้ยววิ ชายคนนั้นถอยหลังกลับมาเหมือนกรอหนังกลับ ใบหน้าดุดันจ้องเขม็งอ้าปากพะงาบๆ ชี้มาที่เราสองคน ดวงตาผมเบิกกว้างทุบมือปุ ในที่สุดก็นึกออกสักทีว่าตัวเองลืมอะไร!
“ว๊ากกกกกก! พวกนายทิ้งฉันไว้แล้วมาช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าสบายใจเฉิบแบบนี้ได้ยังง๊ายยยย!!”
เสียงแหกปากโวยวายจากคนตัวใหญ่ ดึงดูดสายตาจากคนรอบข้างได้ชะงักทั้งชาวบ้านและผู้เล่นคนอื่น ผมหันไปส่งซิกให้ชิน จิ้งจอกเข้าใจสัญญากางแขนตวัดโอบคอลากเจ้าตัวมลพิษทางเสียงหลบไปข้างร้านไร้คนพลุกพล่าน
“ไงบัน”
ปีกสีขาวถูกกางออกพรึบ บินขึ้นอยู่ในระดับสายตาเพื่อสนทนา ไม่อยากแหงนหน้าคุยมันเมื่อยคอ
“ไงบ้าไงบออะไรเล่า พวกนายมุดหัวอยู่ที่ไหนมา แล้วนี่อะไร ทำไมชินหน้าแก่ วินกลายเป็นเด็กไปได้” หนุ่มร่างใหญ่บ่นอุบหน้านิ่วคิ้วขมวด ดวงตามองสำรวจสองเพื่อนเบื้องหน้า ทำไมไม่รู้สึกแปลกใจเลยนะ กับคำสาปที่ทั้งคู่โดน จิ้งจอกกับซาตานปีกขาว เหมาะซะไม่มี
“เดี๋ยวจิ้มตาแตก มองด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง พวกฉันก็เล่นเกมกันปกติ นายนั้นแหละหายหัวไป” หายจนผมลืมไปซะสนิทและไม่คิดจะหลุดปากพูดไปเด็ดขาด เดี๋ยวมันโวยวายอีกน่ารำคาญ เปลี่ยนเรื่องซะเลย “ช่างเถอะ เจอนายก็ดีแล้ว พอรู้มั้ยว่าที่นี้มีสถานที่แก้คำสาปรึเปล่า พวกเราโดนแฝดนรกยัดคำสาปลดกับเพิ่มอายุใส่”
บันทำหน้ากระจ่างกับสภาพของพวกเราสองคน
“แบบนี้นี่เอง แก้คำสาปเหรอ ดูท่าที่นี่จะไม่มีโบสถ์ให้แก้คำสาป คงต้องไปร้านรับทำยาแล้วล่ะ”
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ สถานที่รับแก้คำสาปทั่วไปไม่ใช่มีแค่โบสถ์เท่านั้น แต่ละเมืองจะต่างกันออกไป อย่างเช่นเมืองนี้เป็นเมืองของพวกนักเวท ร้านทำยาของพ่อมดแม่มดจึงเป็นทางออกสำหรับคนต้องการลบล้างคำสาป
ดีหน่อย คำสาปที่พวกเราได้รับเป็นแบบทั่วไป หากเป็นคำสาปที่ให้มาตั้งแต่ต้นเกม หรือคำสาปเฉพาะต้องวุ่นวายหาวิธีแก้อีก ในฐานะหนึ่งในผู้สร้างเกมนับว่าเป็นสีสันของเกมอย่างหนึ่งล่ะนะ เปลี่ยนทัศนะคติของคนที่มีต่อคำสาปด้วย แทนที่จะกังวล มานั่งคิดหาทางประยุกต์ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ดีกว่า การเรียนรู้ พบเจออะไรใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ดีนะ
“นายได้คำสาปอะไร”
ชินที่เงียบอยู่นานออกปากถามบ้าง หลังมองหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวบันหลายรอบ
“จุ๊ๆ เอาไว้ต่อสู้เมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ พวกนายอยากแก้คำสาปไม่ใช่ไง รีบไปร้านทำยาดีกว่า ฉันนำไปเอง”
ทำมามีลับลมคมใน คิดเหรอว่าถ้าผมอยากรู้แล้วจะรู้ไม่ได้น่ะ เอาเถอะ จะเป็นตัวอะไรก็ช่าง ผมไม่สนใจหรอก นี่ถ้าบันรู้ความคิดของผมกับชินคงจะลงไปร้องไห้กระซิกแล้วด่าว่าพวกผมมันไร้หัวใจ โหดเหี้ยมสารพัดแหง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการก่อกวนจากว่าที่เจ้านายในอนาคต ผมจะไม่พูดออกไปเด็ดขาด
บันเดินนำพวกเราไปทางทิศตะวันออกของเมือง ที่นั่นมีร้านขายยามากมาย รวมถึงร้านขายวัตถุดิบสำหรับการปรุงยา จากที่เดินผ่านๆ ด้านในจะมีกระบะไม้ใส่พืชเป็นสัดส่วน บางอย่างใส่ในโหลแก้ว มีกระทั่งเขี้ยว ลูกตา แมลง แบบที่ขอไม่รู้ส่วนผสมดีกว่าถ้ายังอยากจะดื่มยาดีๆ
ผมเป็นหนึ่งในผู้สร้างย่อมมองออก เมืองแห่งนี้มีคำสาปอาชีพอยู่สองอย่าง หนึ่งคือนักเวท สองคือนักปรุงยา วิธีได้คำสาปไม่ยากอะไร หาเอ็นพีซีแจกคำสาปให้เจอแล้วรับภารกิจมาทำให้สำเร็จ พูดเหมือนง่าย เอาเข้าจริงเจ้าพวกเอ็นพีซีพวกนี้มันก็คนดีๆ นี่เอง
คิดว่าพนักงานบริษัทที่ผมทำงานอยู่จะมีคนธรรมดาเหรอ หากไม่ถูกชะตาร้อยทั้งร้อยได้หัวปั่นเพราะคนแจกคำสาปแน่
บันพาเลี้ยวเข้าร้านหนึ่งถูกสร้างจากไม้เก่า ป้ายที่แขวนหน้าร้านเป็นรูปขวดยาทรงกลมมีควันออกมาจากปากขวด ผลักประตูไม้เข้าไปพบผู้เล่นชายหญิงอีกจำนวนหนึ่ง มองจากภายนอกร้านดูเล็กไม่น่าอัดคนหลายสิบคนเข้าไปได้ แต่ด้านในกลับกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ โล่งซะจนไม่คิดว่าเป็นร้านทำยา ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีขวดใส่ยา มีแค่เคาน์เตอร์ยาวที่มีคนประจำการเพียงคนเดียว
เราสามคนตกเป็นเป้าสายตา ผมอยู่ด้านหน้าสุดอารมณ์เหมือนคุณหนูผู้ร่ำรวยมีบอดี้การ์ดหน้าหล่อขนาบข้างซ้ายขวาคอยแหวกทางให้ ชินไม่อยากให้ใครมาชนผมจนปลิว บันคงกลัวคนอื่นตายด้วยฝีมือจิ้งจอกหากคนพวกนั้นทำผมเจ็บ
“ไม่ใช่ว่าที่นี่มีภารกิจให้คำสาปนักปรุงยาหรอกใช่มั้ย” บันถามด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสามคน ชินเป็นฝ่ายตอบ เข้าใจความหมายที่บันจะสื่อ
“ใช่ แต่เราไม่ได้ต้องการคำสาป เราต้องการยาเท่านั้น”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ภารกิจไม่ใช่แจกให้ทุกคนได้ ยังมีเงื่อนไขหลายอย่างจึงจะได้ภารกิจ ดูจากสายตาทุกคนที่มองเราราวกับเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ เงื่อนไขของคำสาปนักปรุงยาอยู่ที่จำนวนคนต่อวันแน่ แต่พวกนี้คงไม่รู้ว่า จำกัดจำนวนคนรับภารกิจก็จริง แต่ตราบใดที่ยังไม่มีผู้รับคำสาปครบเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่อวัน กลุ่มอื่นก็ยังสามารถรับภารกิจได้เรื่อยๆ แน่นอน ผมไม่คิดจะบอก ปล่อยให้ผู้เล่นงมกันเองนี่แหละดีที่สุด
พนักงานประจำตำแหน่งนี้เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมเคยเห็นเธอที่บริษัทแค่ครั้งสองครั้ง เพราะเวลาส่วนใหญ่ของผมจะขลุกอยู่ในแผนกโปรแกรมเมอร์มากกว่า
แวบแรกเธอตีสีหน้าเรียบเฉยให้สมบทบาท พอเห็นหน้าของเปรตสองตัวข้างผมชัดๆ ดวงตาพลันเบิกกว้างอ้าปากเป็นรูปตัวโอ รีบชะโงกหน้าผ่านเคาน์เตอร์เพื่อดูผมอย่างไว จากตกใจกลายเป็นอึ้งหนัก บันเข้าใจความรู้สึกของเธอ พนักงานตัวเล็กในบริษัทใหญ่ ดันเจอคนเบื้องบนอย่างพวกเรา บันถือว่าเป็นผู้สืบทอดบริษัทคนต่อไป ผมกับชินไม่ได้เป็นเพียงนักโปรแกรมเมอร์ธรรมดา บอกว่าเป็นกำลังหลักในการสร้างเกมนี้ก็ไม่ผิดนัก
ที่สำคัญ ฉายาเทพบุตรซาตานอย่างผม กลับตกต่ำอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบขวบ เลเวลต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สวมชุดถูกแสนถูกยืนแหงนคอบอกชาวบ้าน ขนาดตัวผมเองยังนึกทอดถอนใจเลย
“คุณพนักงานคนสวย เพื่อนฉันต้องการยาแก้คำสาปทุกชนิด ช่วยทำให้ได้รึเปล่า”
ว่าที่เจ้านายถามเรียกสติ พนักงานสาวสะดุ้งเกือบหลุดมาด หากไม่ได้ชินส่งสายตาเตือน
“ได้... แต่พวกคุณต้องหาวัตถุดิบมาเอง” มือเล็กของผู้หญิงเลื่อนกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ บนนั้นเขียนรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องใช้ บางอย่างสามารถหาซื้อได้ บางชนิดต้องออกไปล่าด้วยตัวเอง มีชินกับบันอยู่ด้วยผมไม่ห่วงเท่าไหร่ จนกระทั่งมีหน้าต่างปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเรา ข้อความบนนั้นกับดวงตาแฝงไปด้วยความหนักใจทำให้พวกเราขมวดคิ้วฉงน มันคือวิธีส่งข้อความระหว่างพนักงานด้วยกันภายในเกม ป้องกันไม่ให้ผู้เล่นรับรู้ เลือกส่งข้อความให้แบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง
‘ฉันรู้ว่ามันไม่ควร แต่ฉันมีเรื่องขอให้พวกคุณช่วย มีผู้เล่นบางส่วนที่มารับภารกิจไม่ทัน ขู่ว่าถ้าไม่ยอมมอบภารกิจให้จะก่อความวุ่นวายในเมือง ทำร้ายพนักงานแถมยังอ้างชื่อคุณอาชวินด้วยค่ะ ทีแรกพวกเราจะแจ้งไปทางเบื้องบน แต่เห็นพวกคุณมาพอดีก็เลย...’
ผมหรี่ตา เนื่องจากทำให้เกมสมจริงเกินไป บ้านเมือง สิ่งปลูกสร้างสามารถทำพังได้ และต้องลงมือซ่อมแซมด้วยตัวเอง อีกทั้งพนักงานไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้ทุกคน หากถูกผู้เล่นรบกวน เวลาเกิดปัญหาทีให้นั่งไล่แจ้งไปเบื้องบนมันเสียเวลา
ความจริงข้อบกพร่องพวกนี้มีพนักงานทดลองเล่นแจ้งมาที่แผนกผมแล้วล่ะ กำลังแก้ไขกันอยู่ คาดว่าเปิดเกมจริงเมื่อไหร่ปัญหาทุกอย่างจะหมดไป
พวกเราเลือกแก้วิธีด้วยการเพิ่มจำนวนผู้รักษาความสงบแต่ละเมืองมากขึ้น ปรับให้พนักงานทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาเล็กน้อยได้ทันทีแล้วส่งขอความถึงเบื้องบนเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ นั่นเป็นเรื่องในอนาคต เวลานี้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ผมส่งข้อความลับกลับไป
‘มอบภารกิจให้พวกเรากับเจ้านั่น เดี๋ยวพวกฉันจะคอยจับตาดูเอง อยากรู้เหมือนกันใครหน้าไหนมันอ้างชื่อฉัน’
มุมปากยกยิ้ม ขนาดที่แม้อยู่ในร่างเด็กยังรู้สึกถึงความน่ากลัวได้ ในเมื่อความสามารถและอำนาจที่อยู่ในมือมันคือของจริง
ภารกิจคำสาปนักปรุงยา
เงื่อนไข : สังหารดอกไม้กินคน และนำเกสรมาส่งจึงจะผ่านภารกิจ (1 คน ต่อ 1 ชิ้น)
รางวัล : คำสาปนักปรุงยา , เครื่องมือพื้นฐานสำหรับนักปรุงยา , คู่มือสมุนไพร
, สูตรยาเพิ่มเลือดขั้นแรก , เงินรางวัล 60 เหรียญเงิน
[ ตกลง ] [ ปฏิเสธ ]
ตกลง...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พวกพี่วินแลห่วยไม่ต้องตกใจ เพราะวัตมีกลเวลร้อยกว่าช่วยตั้งแต่แรกเลยชิวจนถึงทุกวันนี้ มีสามีเก่งมีชัยไปกว่าครึ่ง