พิมพ์หน้านี้ - Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Silver Fish ที่ 24-03-2015 04:23:53

หัวข้อ: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-03-2015 04:23:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


thaiboyslove.com.......................................                                                           


****************************************************************************************

เรื่อย่อ

ชีวิตยุคใหม่ เด็กมหาลัยปีสามอย่างผม มีงานเยอะจนอยากผ่อนคลายบ้าง เกมที่ผ่านๆมาล้วนน่าเบื่อเสียจริง ผมกับเพื่อนเลยชวนกันไปลองเล่นเกมที่ขึ้นชื่อได้ว่าธรรมดาที่สุด แต่มีคนนิยมสูงสุดอย่างน่าตะลึง พบเจอเพื่อนใหม่ในเกม ผจญภัยไปกับโลกเกมที่ไม่เคยรู้จัก ไอบ้าเอ๊ย ใครใช้ให้แปะคำสาปใส่คนเล่นก่อนเข้าเกมด้วยล่ะโว้ยยยยย


สารบัญ

Lv.1 Charm Online (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3001005#msg3001005)
Lv.1 Charm Online(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3001245#msg3001245)
Lv.2 I believe I can fly (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3001278#msg3001278)
Lv.2 I believe I can fly(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3001283#msg3001283)
Lv.3 อาวุธชิ้นแรก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3010354#msg3010354)
Lv.3 อาวุธชิ้นแรก(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3012017#msg3012017)
Lv.4 เจอจนได้ ง่ายไปไหม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3016457#msg3016457)
Lv.5 ตายซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3016906#msg3016906)
Lv.6 ยอดชายนายหมาป่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3019006#msg3019006)
Lv.7 บริษัทพี่ชาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3022378#msg3022378)
Lv.8 ลุยแหลก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3024550#msg3024550)
Lv.9 กลุ่มคนน่าสงสัย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3025702#msg3025702)
Lv.10 Game Master (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3025924#msg3025924)
Lv.11 เกมของฉัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3032637#msg3032637)
Lv.12 กล่องปริศนา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3034861#msg3034861)
Lv.13 ค้างคาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3039044#msg3039044)
Lv.13 ค้างคาว(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3039046#msg3039046)
Lv.14 ข้อตกลง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3045627#msg3045627)
Lv.15 ท่านซาตาน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3045629#msg3045629)
Lv.15 ท่านซาตาน(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3051022#msg3051022)
Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3051023#msg3051023)
Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3059382#msg3059382)
Lv.17 เมืองหลวงที่รัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3059383#msg3059383)
Lv.17 เมืองหลวงที่รัก(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3066528#msg3066528)
Lv.18 รับน้อง สยองหลัง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3066530#msg3066530)
Lv.19 รับน้อง สยองหลังII (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3071947#msg3071947)
Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3075244#msg3075244)
Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3075266#msg3075266)
Lv.21 หมาป่าขี้หวง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3084003#msg3084003)
Lv.21 หมาป่าขี้หวง(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3084004#msg3084004)
Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3084191#msg3084191)
Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3086539#msg3086539)
Lv.24 มอนสเตอร์ที่แสนน่ากลัว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3086540#msg3086540)
Lv.25 ทัวร์ปราสาท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3099361#msg3099361)
Lv.25 ทัวร์ปราสาท(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3102636#msg3102636)
Lv.26 ราชาแวมไพร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3113563#msg3113563)
Lv.26 ราชาแวมไพร์(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3113564#msg3113564)
Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3125776#msg3125776)
Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3125777#msg3125777)
Lv.28 งานบู้ต้องมา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3126323#msg3126323)
Lv.29 แรนดอม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3133778#msg3133778)
Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3133779#msg3133779)
Lv.31 ผู้มาเยือน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3140370#msg3140370)
Lv.31 ผู้มาเยือน(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3140371#msg3140371)
Lv.32 เป็นห่วง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3150338#msg3150338)
Lv.33 สาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3156423#msg3156423)
Lv.34 ข้อความ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3165456#msg3165456)
Lv.34 ข้อความ(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3165458#msg3165458)
Lv.35 กลับมา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3181100#msg3181100)
Lv.36 พลาดอย่างแรง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3184931#msg3184931)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3188138#msg3188138)

Lv.พิเศษสงกรานต์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3023491#msg3023491)
Lv.พิเศษความรักของอินทรี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3066567#msg3066567)
Lv.พิเศษไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3077105#msg3077105)
Lv.พิเศษลินสวยและแมนมาก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3077796#msg3077796)
Lv.พิเศษขุนพลครับผม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3147460#msg3147460)
Lv.พิเศษคอนโดแมวฉบับแฮนเมค (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3181590#msg3181590)
Lv.พิเศษ สองต่อสอง ชิน-วิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3196440#msg3196440)
Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3213947#msg3213947)
Lv.พิเศษ ใจผมหล่อมาก ลิน-ไวไว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3223330#msg3223330)
Lv.พิเศษ พิเศษคุณพ่อเองจ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3358848#msg3358848)
Lv.พิเศษ So Hot ชิน-วิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3462147#msg3462147)
Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3571560#msg3571560)
Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3577115#msg3577115)
Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3776834#msg3776834)

++กำเนิดซาตานวิน (วัยเด็กของพี่วิน)++
Part1 ลูกชาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3201055#msg3201055)
Part2 น้องชาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3221715#msg3221715)
Part3 พ่อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3248307#msg3248307)
Part4 เปลี่ยน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3255820#msg3255820)
Part5 แยก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3271109#msg3271109)
Part6 เริ่มต้นสร้างเกม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3299971#msg3299971)
Part6 เริ่มต้นสร้างเกม(ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3299972#msg3299972)
Part7 เข้าเกมครั้งแรก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3301794#msg3301794)
Part8 ชีวิตในเกมกับเด็กชายอาชวิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3328760#msg3328760)
Part9 ดอกไม้กินคน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3369619#msg3369619)
Part10 Sweet (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3374605#msg3374605)
Part11 ไออุ่น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3384283#msg3384283)
Part12 นายท่าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3391016#msg3391016)
Part13 Come Back(จบพาทวิน) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.msg3391017#msg3391017)

แนวแฟนซีอีกเรื่อง
มิติมายา ผมกลายเป็นเงือก (http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1515406) แฟนตาซีโลกเวทมนต์สลับโลกไฮเทค

ซีรีย์มหาลัย
หนุ่มวายยกกำลังสอง (เฟย์xปอนด์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3098237#msg3098237) [แนวโชตะ : จบแล้ว]
เป็นเกย์กันมั้ย? (ซันxโป้) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3298900#msg3298900) [ฮาร์ดคอ : จบแล้ว]
Contract มาเฟีย (ป๋าxมิท) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54115.msg3391025#msg3391025) [ป๋าอิหนู: จบแล้ว]
??? (ริวxธัน) (http://) [coming soon]
??? (วาxเล่) (http://) [coming soon]

เรื่องสั้น
Yuki Hana โนบุยูกิxนาคาอิ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54310.msg3399635#msg3399635)
ข้าวโพดสื่อรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55283.msg3450873#msg3450873)
บทบาทพระรอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55794.msg3477847#msg3477847)

ติดต่อตบตีได้ที่
https://www.facebook.com/pages/Silver-Fish/1539533922963776
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! by Silver Fish
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-03-2015 04:24:45
Lv.1 Charm Online

   โลกความจริงในปัจจุบันมันโหดร้ายครับ ไม่ว่าจะเรื่องเรียนเรื่องครอบครัวเรื่องเพื่อน เงิน แฟน จะอะไรก็แล้วแต่ แม่งโหดร้ายหมดทุกอย่าง ดังนั้นชีวิตคนเราเลยต้องมีสิ่งบันเทิงมาเพิ่มความสุข ระบายความเครียด

   ยกตัวอย่างเช่น วาดรูป ดนตรี กีฬา การอ่านหนังสือ ไล่ไปจนถึงหนัง ละคร ซีรี่ย์ การ์ตูน เกม ไอ้อันสุดท้ายนี้แหละประเด็นสำคัญ

   วิทยาการในตอนนี้ทุกอย่างก้าวหน้าถึงขีดสุด บ้านเมืองมีแต่ตึก พวกควันพิษอะไรในอดีตถูกขจัดออกหมด กระทั่งต้นไม้ยังไม่รอด กลายเป็นต้นไม้พลาสติกเพื่ออนุรักษ์ ส่วนต้นไม้จริงน่ะเหรอ นู่น... อยู่พิพิธภัณฑ์

   ทุกอย่างไฮเทคขึ้น สะดวกสบายแบบวันๆ แค่นอนเกาพุงอยู่บนเตียงเฉยๆ ก็สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเกมเลย วงการนี้มีการพัฒนาสูงสุด ปัจจุบัน พวกเกมเล่นในตอนหลับออกมามากมายจนเล่นไม่หวาดไม่ไหว

   ผมเองก็ลองไปเล่นกับเพื่อนอยู่หลายเกมนะ เสียแต่เล่นไม่นานก็เลิก ทำไงได้ คนมันเทพ แค่มองลู่ทางออกนิดหน่อย ไม่นานก็กลายเป็นระดับสูง ความตื่นเต้น ความท้าทายมันก็เลยหมดตามไป เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งจะเลิกเล่นเกมนึงไป กำลังมองหาเกมใหม่ๆ กับสหายอยู่

   “ไอ้วัตจะชนต้นไม้แล้ว อย่ามัวเดินเก๊กหล่อ!”
   
   ปึก!

   “ตูว่าแล้ว มัวละเมออะไรอยู่เพื่อน”

   ไวภพหรือน้องไวๆ ชื่อแลน่ารัก แต่ตัวมันสูงโฮก ผมไม่อิจฉามันหรอก พวกเราตัวสูงไล่ๆ กัน มันเดินมาตบหัวผมไปกระแทกต้นไม้อีกรอบ ได้รอยแดงประดับหน้าผาก
   
   “ไวไว นี่ตกลงเป็นห่วงหรือจงใจแกล้งกันแน่” ผมหันไปจ้องเขม็งใส่มันอย่างเอาเรื่อง

   “ตบเยอะๆ เผื่อขี้เลื่อยจะออกจากหัวบ้างไงเพื่อน” ยกขาไล่ถีบไปตลอดทางกลับบ้าน

   พวกเราเรียนอยู่ปีสามครับ เพิ่งเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ มันไปส่งงานอาจารย์ ผมเลยมารอมันที่หน้ามหาลัยแทน วันนี้พวกผมมีนัดเล่นเกมใหม่กัน เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานเลย

   เอ้อ ผมลืมบอกไป ไอที่ผมบ่นข้างต้นอะ ล้อเล่นนะ ต้นไม้ยังยืนต้นให้ร่มเงาอยู่เหมือนเดิม ตึกอะไรก็ไม่เยอะแยะขนาดนั้นสำหรับคนที่อยู่นอกเมืองแบบพวกผม ส่วนเรื่องเกมพัฒนาอันนั้นเรื่องจริง

   ตอนนี้เกมออกมาหลากหลายเยอะแยะมากมาย หลักๆ ก็จะเป็นพวกเกมตีมอนสเตอร์เก็บระดับอิงพวกฉากแฟนตาซี สัตว์ในเทพนิยายมั่ง จิตนาการมั่ง บางเกมก็อิงจากสมัยสงคราม ว่ากันไปตามสไตล์เกม เกมไหนที่ไร้ความดึงดูด เกมนั้นเปิดตัวไม่นานก็จะปิดตัวลงพร้อมการขาดทุนย่อยยับ ผมเห็นมาหลายเกมแล้ว
   
   จะยกเว้นก็แต่ เกม Charm Online นี่แหละครับ จากข้อมูลที่ผมกับไวไวสืบเสาะหามาธรรมดาสมชื่อเลย ในเกมไม่มีอะไรมาก เหมือนเกมทั่วไปที่คนใช้ช่วงเวลาตอนนอนเล่นเข้าสู่โลกของเกม ทั้งๆ ที่มันควรจะเจ๊งไปตั้งแต่เปิดตัวมาไม่ถึงเดือนแท้ๆ กลับฮอตฮิตจนถึงปัจจุบัน และยังมียอดผู้เล่นเพิ่มจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ไอ้คนบ้าเกมอย่างผมกับไวไวเลยจะเข้าไปลองกันบ้าง

   วันนี้มันมาค้างบ้านผม จะถามถึงพ่อแม่ผมเหรอ นู่น พวกท่านอยู่บ้านเรือนไทยที่ต่างจังหวัด ทีแรกก็อยู่กรุงเทพด้วยกันนี่แหละ จนผมเข้าม.ปลาย ตากับยายนึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปอยู่เชียงใหม่ พ่อแม่ผมเลยต้องกลับไปอยู่บ้านกันปลวกกิน ทิ้งให้ผมกับพี่ชายตาเทาๆ อยู่บ้านที่กรุงเทพ ด้วยความที่ผมยังเรียนอยู่ที่นี่ และพี่ชายผมทำงานอยู่ในเมือง

   พี่ชายผมชื่ออาชวิน หรือพี่วิน ขานี้บ้างาน นานๆ ทีจะกลับมาบ้านที เป็นผู้ควบคุมรายจ่ายของผมทั้งหมด พ่อแม่ส่งมาเท่าไหร่จะใช้ทำอะไรต้องผ่านพี่ ยังดีอย่าง เพราะผมได้ค่าขนมเพิ่มจากพี่ต่างหากด้วย

   “เดี๋ยวโทรสั่งข้าวเย็นจากป้าปากหวานที่อยู่หน้าปากซอยมากินแล้วกัน”
   
   ผมหันไปบอกไวไวที่เดินตามหลังมาระหว่างหยิบกุญแจไขประตูบ้าน ประตูเปิดออกไม่ทันไร เจ้าขนฟูตัวสีขาวก็กระโจนพุ่งใส่มาเกาะหน้าผมจนไม่เห็นทาง ผมเลยใช้มือคีบหลังคอออก จ้องเจ้าก้อนขนที่ดูอารมณ์เสียไม่น้อย ถึงได้ใช้พวงหางงามๆ ตบแขนผมปุๆ

   “นายท่านอย่ากระโจนใส่กันแบบนี้สิ โมโหอะไรอีกฮะ ข้าวก็เทให้แล้ว น้ำก็เปลี่ยนให้แล้วไม่ใช่เหรอ” เปลี่ยนท่ามาอุ้มเจ้าก้อนขนตัวสีขาวนวลดีๆ

   “เฮ้ยไวไว โทรสั่งข้าวเลย ฉันเอาคะน้าหมูกรอบไข่ดาว เดี๋ยวขอตัวไปดูนายท่านแปบ” มันโบกมือไล่ผมระหว่างสลัดรองเท้าถุงเท้าไปคนละทิศละทาง

   “เออ เดี๋ยวสั่งเผื่อ ไปดูแลนายท่านได้แล้วไอทาสแมว”

   ผมชูนิ้วกลางใส่มัน อย่าคิดมาก วัยนี้มันก็แอบมีหยาบคายกันบ้างแหละครับ เพื่อรสชาติของชีวิต ผมอุ้มนายท่านเข้ามาด้านใน มองแล้วอาหารก็โอเค น้ำไม่มีปัญหา เดินเข้าไปในครัว เล็บแหลมๆ จากอุ้งเท้าน่ารักจิกเข้าเสื้อนักศึกษาผมทันทีจนผมสะดุ้ง ถอยหลังเหยียบอะไรบางอย่างดังกร๊อบ

   พอก้มลงมอง อยากหัวเราะให้ฟันร่วง เจ้าแมลงติดเกราะแบนติดพื้นด้วยฝ่าเท้าผม มิน่าล่ะนายท่านถึงดูอารมณ์ไม่ดี ผมลืมปิดท่อระบายน้ำก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้า พี่แมลงสาบแมนเลยขึ้นมาลัลล้าให้นายท่านขุ่นเคืองใจนี่เอง

   ผมจัดการเก็บซากทิ้งลงชักโครก ทำความสะอาดนิดหน่อยพอเป็นพิธี ล้างมือล้างเท้าให้เรียบร้อย นายท่านตัวกลมเลยยอมเดินเชิดจากไปแต่โดยดี เห็นเชิดๆ แบบนี้ตัวผู้นะครับ

   ไม่นาน เสียงออดหน้าบ้านก็ดัง ผมใช้เท้าเขี่ยไอ้ไวไวที่นอนเล่นเกมจ้องตากับนายท่านบนพื้นบ้าน

   “ออกไปเอาข้าวดิ”

   “ไม่เห็นเหรอ ไม่ว่าง จ้องตากับนายท่านอยู่ ตานายท่านเหลืองข้างฟ้าข้างสวยจริงๆ แฮะ”

   เท้ายาวๆ ของผมเขี่ยมันไปอีกรอบ จนเหมือนจะเหยียบอยู่แล้ว

   “ขอล่ะไวไว ออกไปเอาให้ที ฉันไม่อยากออกไปวะ” ไอ้เพื่อนใจแคบมันปัดเท้าผมออกแล้วกอดขาโต๊ะหน้าทีวีบ่งบอกว่าให้ตายยังไงก็ไม่ออกไปแน่ๆ ออดหน้าบ้านก็ดังจริง แม่งจะกดให้พังเลยหรือไงวะ

   “จำไว้เลยนะ วันหลังมีอะไรอย่ามาขอให้ช่วยแล้วกัน” ผมชี้หน้าคาดโทษใส่ไวไวผู้ไม่ให้ความร่วมมือ จำใจหยิบเงินเดินออกไปนอกบ้าน ทำใจสักสามวิค่อยเปิดประตูออกไปเห็นหน้าระรื่นของเด็กคนหนึ่ง

   ตูว่าละมันต้องมา ยิ่งรู้ว่าเป็นบ้านผมสั่งข้าวยิ่งเสนอหน้ามาแหงๆ เด็กน้อยนี่มันเป็นหลานของป้าแกครับ เลิกเรียนจะมาช่วยงานย่า ส่วนพ่อแม่ไปทำงานหมด รู้เรื่องมานี้ผมไม่ได้พิศวาสอะไรมันนะ ติดแต่เวลาผมไปนั่งกินข้าวทีไร ตามประสาแม่ค้าชอบเม้าท์เล่าให้ฟังจนผมรู้ไปถึงเครือญาติทั้งผมของแก เผื่อแผ่ไปยังเครือญาติของร้านข้างๆ แหล่งข่าวใด ไม่น่ากลัวเท่าเหล่าแม่ค้าจริงๆ...

   “พี่วัต ออกมาเอาช้าจัง ผมเกือบปีนเข้าไปหาแล้วนะ หรืออาบน้ำอยู่ ว้า รู้งี้รีบปีนเข้าไปช่วยขัดหลังดีกว่า”

   ผมผลักหัวไอ้เด็กแก่แดด ไม่คิดเปิดประตูบ้านให้มัน ยื่นตังให้หยิบถุงข้าวมาแล้วไล่มันไป

   “อย่ามาลามปาม ไสหัวกลับไปได้แล้ว เวลานี้ที่ร้านคนเยอะไม่ใช่รึไง ป้าเขาทำคนเดียวไม่ไหวหรอก”

   “ผมอยากเห็นหน้าพี่นี่นา ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน คิดถึ๊งคิดถึง”

   “คิดถึงหรือจะใช้งานเป็นพ่อสื่อกันแน่วะ อยากจีบสาวก็ไปจีบเองสิ ใช้คนหล่อเข้าหาโคตรไม่แมน”

   มันถลามาปิดปากผมทันที มองซ้ายมองขวาเลิกลัก ไอ้เด็กนี้อยู่ม.หกครับ เข้ามหาลัยปีหน้า แอบชอบสาวข้างบ้านผมมานานระ แต่ไม่มีปัญญาจีบเลยมาพึ่งผมอยู่เรื่อย

   “ชู่ๆ ความลับทางราชการอย่าเปิดเผยดิ ชิ ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย ขอให้พี่ไม่ได้แฟนสาวไปได้แฟนหนุ่มแทนเลย แบร่”

   มันแลบลิ้นทะเล้นใส่ หลบฝ่าเท้าผมกระโดดขึ้นจักรยานแล้วปั่นหนี โคตรไวอะบอกตรงๆ ผมส่ายหัวเอือมๆมัน เฮอะ ถ้าไม่ได้แฟนสาว ยังไงก็ได้แฟนหนุ่ม ไม่ขึ้นคานแน่ พลาดแล้วไอ้น้องเอ๋ย แต่ถ้าได้จริง ผมขอหล่อๆนะ หน้าตาขี้เหร่ไม่เอา อวดใครไม่ได้

   “เอาข้าวแค่นี้นานแท้ นึกว่าไปตัดต้นไม้ผลิตเงินมาจ่ายค่าข้าวแล้ว”

   “เลิกบ่นแล้วกินไป จะได้อาบน้ำเล่นเกม”

   ผมส่งถุงข้าวให้มันรับไปแกะเลือกเอากล่องของมันเอง พวกเรากินข้าวกันไว ไม่ถึงห้านาทีหมดเรียบ แทบจะวิ่งสี่คูณร้อยแย่งกันเข้าไปอาบน้ำ กินข้าวเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ควรอาบน้ำนะครับ อย่าเอาพวกผมเป็นเยี่ยงอย่าง

   เสียเวลาไปอีกสิบนาที สำหรับการอาบน้ำของพวกผมทั้งสอง เครื่องเล่นเกมรูปร่างคล้ายหูฟังเหมือนเกมอื่นๆ แต่ผมลองใส่ดูแล้ว สบายกว่าเยอะ แถมเลือกสีได้ตามใจชอบด้วย ของผมสีแดง ไวไวสีขาว ตรงข้างหูฟังมีให้ตั้งค่าว่าจะเล่นกี่ชั่วโมง มากสุดคือ 8 ชั่วโมง พอถึงเวลาตัวเครื่องจะปลุกเราให้ตื่น หรือการออฟไลน์ออกจากเกมนั่นเอง ระดับอย่างผมเลือก 8 ชั่วโมงโลด

   ผมนอนสวมเครื่องเล่นอยู่บนเตียง ส่วนไวไวปูที่นอนอยู่พื้นข้างเตียง เป็นตำแหน่งวีไอพีเวลามันมานอนเล่นบ้านผม ผมยกนิ้วโป้งให้มัน

   “เจอกันในเกมพวก”

   “เออ อย่าโดนมอนคาบไปแดกนะ” อยากจะยื่นขาไปเหยียบมันอยู่หรอก แต่ผมดันเปิดเครื่องเล่นเกมแล้ว สติถูกดึงเข้าสู่ห้วงนิทรา

   พอผมลืมตาขึ้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังบินอยู่บนฟ้า สายลมผ่านปะทะหน้า กลิ่นอายของผืนดินและผืนป่า ภาพที่ผมเห็นช่างน่าอัศจรรย์ ผมกำลังลอยอยู่เหนือเมฆ และถูกพาลงมาด้านล่าง เห็นผืนดินจรดผืนฟ้า สุดขอบนั้นมีทะเลสีฟ้าคราม

   สายลมนำพาให้ผมร่อนเข้าไปในป่า พบเจอต้นไม้นานาพันธุ์ทั้งที่เคยเห็นในโลกความจริง และแบบที่ไม่เคยเห็น มีสัตว์จำพวกมอนสเตอร์มากมาย พวกมันเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับมีวิถีชีวิตของตัวเอง สุดเขตป่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ ดีไซน์แบบย้อนยุค เห็นผู้คนมากมายเดินสวนทางกัน บางคนดูปกติธรรมดา บางคนมีหูหางเพิ่มขึ้น ชาวเมืองใช้เวทมนต์ในการยกสิ่งของ ในตลาดมีมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายวัวขนผลไม้เต็มเกวียน

   พ้นจากเมืองแสนคึกคัก ใต้ล่างผมคือผืนน้ำ มีปลาสวยงามว่ายวนเวียนอวดโฉม ตัวที่เหมือนโลมากระโดดเป็นเส้นโค้งว่ายไปพร้อมกับผม มีนกขนสีรุ้งบินเคียงคู่ ผมผ่านเรือลำใหญ่ ผู้คนบนนั้นกำลังพยายามกางใบเรืออย่างขะมักเขม้นดูมีชีวิตชีวา บางคนมีครีบหูด้วย ผมตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นสุดๆ ก่อนที่แสงจะสว่างขึ้น เมื่อผมลืมตาอีกครั้ง ตัวเองมายืนอยู่ในห้องสีขาว

   ให้ตาย! เมื่อกี้มันโปรโมทเกมใช่มั้ย ยิ่งเห็นยิ่งอยากเล่น


   ‘สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกม Charm Online หวังว่าคุณจะพอใจกับภาพที่เห็นเมื่อสักครู่นะคะ ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงภายในเกมค่ะ’

   เสียงหวานของผู้หญิงเริ่มต้นทักทายและแนะนำระบบเกมให้ผมฟัง ส่วนใหญ่เหมือนกับเกมอื่นๆ ผมบอกได้เลยว่า หลังจากพูดจบต้องให้ผมสร้างตัวละคร เปลี่ยนทรงผมหน้าตา ไม่ก็เลือกเผ่าพันธุ์ อาชีพที่จะเล่นในเกม

   ‘เนื่องจาก เกมของเราพิเศษกว่าเกมอื่น ดังนั้นจะไม่มีระบบสร้างตัวละครค่ะ’

   “ฮะ! ล้อเล่นน่า”

   ‘ระบบไม่ได้ล้อเล่นค่ะ เนื่องจากเกมนี้มีความสมจริง ดิฉันขอแนะนำให้คุณอาบน้ำ ทานอาหาร และพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เช่นนั้นคุณจะป่วยและเสียชีวิตได้ในภายหลัง โปรดระมัดระวังด้วย’

   ผมพยักหน้ารับ เฝ้าหวังว่ามันคงไม่มีอะไรแปลกมากไปกว่านี้ เขาคงแค่ปรับเปลี่ยนอะไรนิดหน่อยเพื่อความแตกต่าง ไว้ตอนเข้าเกมผมค่อยหาทางเปลี่ยนอาชีพเอาก็ได้

   ‘เพื่อเป็นการขอบคุณผู้เล่นที่ไว้วางใจเรา ทางบริษัทเกมจะมอบของขวัญให้หนึ่งอย่าง’

   แหม่ มาถึงประโยคนี้ ผมยิ้มเลยครับ ยกมือถูๆ หวังว่าจะได้ของดี เกมมันเน้นฝีมือก็จริง แต่ถ้ามีของดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

   ‘คำสาปจะติดตัวผู้เล่นไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย หากต้องการลบคำสาปออก ภายในเกมจะมีสถานที่ให้ลบตามชนิดของคำสาป ขอให้สนุกกับการเล่นเกมนะคะ’

   “เฮ้ย! นี่มันของสมน้ำหน้าคุณแล้ว ว้ากกกก ผมไม่อยากด๊ายยย”

   ระบบไม่ฟังเสียงโวยวายของผมเลย ผมถูกส่งเข้าสู่เกมทันที สภาพห้องสีขาวเปลี่ยนไปกลายเป็นป่า มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้และใบหญ้า ในมือผมไม่รู้มีดาบไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมยกมันขึ้นดู ข้อมูลของมันปรากฎเป็นหน้าต่างขึ้นด้านข้าง

   ชื่อ : ดาบไม้
   พลังโจมตี : 10
   พลังป้องกัน : ไม่มี

   ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ของกากตอนเริ่มเกม ไม่ว่าจะเกมไหนก็เหมือนกันหมดสิหน่า เอาล่ะ ต่อไปผมต้องหามอนสเตอร์มาทดลองอาวุธดู ความจริงควรเข้าเมืองก่อนเพื่อไปเจอกับไวไว แต่ผมไม่รีบ รอบข้างอากาศดี ฟ้ายังสว่าง ขอเดินเล่นหน่อยระกัน เชื่อเลยว่าไวไวมันเองไม่ต่างจากผม ป่านนี้กระโดดสกายคิกมอนสเตอร์ไปแล้วมั้ง

   พุ่มหญ้าไหวอยู่ไม่ไกล ผมยิ้มค่อยๆ ย่องเข้าหาสิ่งนั้น พื้นฐานเกม หากไม่ใช่พวกหนอนอ่อนแอ ต้องเป็นกระต่ายบอบบาง ไม่ก็สไลม์เยลลี่ พวกมอนสเตอร์เลเวล 1 ให้พวกเด็กใหม่อย่างผมเก็บระดับ

   “มามะ เหยื่อตัวแรกของข้า”

   ดาบไม้ในมือถูกเงี้ยมสูง หน้าตาผมตอนนี้คงเหมือนฆ่าตกรโรคจิต ค่อยๆ ใช้มือแหวกพุ่มไม้เห็นเหยื่อชัดๆ สัตว์ส่าตัวอ้วนกลม มีเขี้ยวตรงมุมปาก จมูกบานๆ ส่งเสียงร้องอู้ด

   หมูป่า! ที่สำคัญ เลเวลที่ขึ้นอยู่เหนือหัวนั่น!!

   หมูป่าหนุ่ม เลเวล45

   มองตัวเอง เลเวล 1 เพิ่งเข้าเกมไม่ถึงห้านาที อาวุธที่มีคือดาบไม้ผุๆ เด็กสามขวบยังรู้เลย สู้ไปตายแหงๆ ถอยสิครับ รออะไร

   ผมกลืนน้ำลาย ค่อยๆ ถอยหลังอย่างเชื่องช้า ลางสังหรณ์บางอย่างมันบอกผม ผมรีบหันขวับไปด้านหลัง เจอเศษกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง เหอะ ไม่ได้แดกตูหรอก มุกเหยียบกิ่งไห้ดังจนศัตรูรู้ตัวมันเก่าไปแล้วพวกเอ๊ย

   โชคดี มันมัวแต่กินเลยไม่สนใจผม แขนยกปาดเหงื่อถอนหายใจโล่งอก คิดทบทวนอีกที สงสัยตะกี้ผมคงเดินผิดทิศ แบบ ทิศหนึ่งมอนสเตอร์เลเวลน้อยนิด อีกทิศคือพวกตัวโหดๆ ผมหมุนตัวเดินไปด้านตรงข้าม ไม่แหวกพุ่มหญ้าสุ่มสี่สุ่มห้า หางตาเหลือบเห็นเยลลี่กระโดดดึ๋งๆ ตรงทิศสองนาฬิกา

   เสร็จตู

   “ย๊ากกก ตายซะเถอะเจ้าเจลลี่”

   เยลลี่น้อยตาแบ๊วตัวกลมผู้น่าสงสาร ไม่อาจหลบการโจมตีสายฟ้าแลบของผมได้ทัน ดาบไม้ปักเข้ากลางตัว แถมแทงซ้ำๆ เพื่อความชัวร์ เศษเยลลี่กระจายเลอะเต็มหน้า ลิ้นแลบเลียริมฝีปาก รสชาติเยลลี่ไม่เลวเลย

   คุณฆ่าสไลม์มุ้งมิ้งได้ 1 ตัว
   ดรอปเยลลี่ 1 ชิ้น
   ค่าประสบการณ์ 50

   เสียงระบบจบไป มอนสเตอร์สไลม์เหลือแต่ซาก พื้นที่มันเคยอยู่ มีเยลลี่หนึ่งชิ้น ขนาดเท่าลูกปิงปอง ผมหยิบขึ้นมาสำรวจน้ำลายอืด อ่า ได้ของกินแล้ว

   ชื่อ : เยลลี่ตกพื้น
   สถานะ : เพิ่มความอิ่มนิสนุง

   ไม่เป็นไร ตกแปบเดียว เชื้อโรคยังไม่เข้า เช็ดๆ เสื้อก็กินได้แล้ว ผมหม่ำเจ้าเยลลี่ชิ้นแรก รู้สึกอิ่มขึ้นมาหน่อย เห็นทีผมต้องหาเสบียงก่อนถึงหมู่บ้าน ที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ห่างจากจุดนี้แค่ไหน ส่วนทางไป ตอนที่ผมสอดส่องสายตาหามอนสเตอร์ เห็นทางเดินอยู่ หากเดินไปตามทางคิดว่าคงถึงหมู่บ้านได้ไม่ยาก

   และแล้วการล้างบางเยลลี่ก็เริ่มต้นขึ้น ผมใช้เสื้อตัวเองหอบเยลลี่ระหว่างฟันตัวอื่น ทำให้เห็นว่าตัวเองยังใส่ชุดนอนอยู่เลย เกมก็โหดร้ายเกินไป ดีนะผมใส่ชุดนอนตัวเก่งลายแกะ นึกภาพไวไว ตอนนอนใส่บ๊อกเซอร์แค่ตัวเดียว อืม ป่านนี้คงจะเป็นที่อุจาดตาโดยทั่วกัน ก๊ากกก

   หลังได้เยลลี่พอสมควร หรืออีกความหมายคือหอบต่อไปไม่ไหว ผมถึงยอมละจากดงเยลลี่ เดินไปตามทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน ระหว่างทางฮัมเพลงกินเยลลี่ไปช่างมีความสุข แต่ละตัวหลากสี หลากรสกินไม่เบื่อ

   ระหว่างกำลังเพลิดเพลิน สิ่งมีชีวิตหลายขายืนจังก้าขวางทางอยู่ ผมชะงักเท้ามองเจ้าตัวนั้น

   มดตะนอย เลเวล7

   จากที่ผมตบเยลลี่ไป ตอนนี้เลเวลขึ้นเป็น 6 ห่างกันแค่ระดับเดียว น่าจะฟัดกันได้อยู่ ผมกระชับดาบไม้ในมือแน่น เจ้ามดตัวใหญ่ขยับหนวดไปมา หันขวับมาทางผม มาสิเจ้ามดตัวน้อยตัวนิด จะเจอวัตมีฤทธ์น่าดูยู้ฮู

   ฟุ่บๆ

   เสียงฝีเท้าหลายข้างดังจากรอบทิศ มดหนึ่งตัว มดสองตัว มดสามตัว มดเต็มไปหมดเลย กรี๊ดดดดดด ผมลืมไปได้ไง มดมันออกหาอาหารเป็นฝูง ชิบหาย ตัวผมมีแต่เยลลี่

   ผมโยนเยลลี่ทิ้งไปอีกทางล่อมดพวกนั้นขณะซอยเท้าวิ่งหนี ใส่เกียร์หมา วิ่งได้สักแปบ เยลลี่เสือกหมด มดทุกหัวหันมองผมเป็นตาเดียว ภาพสะท้อนในตาพวกมันคงเหมือนเยลลี่มีขาขนาดใหญ่ ผมวิ่งไม่คิดชีวิต ไม่รู้ว่าออกจากเส้นทางหลักมาไกลขนาดไหน ผมกระโดดข้ามพุ่มไม้ พบกับความว่างเปล่า เบื้องล่างเป็นหน้าผา

   แขนสองข้างกางออก พร้อมตะโกนคำว่า...

   “สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนนนน!”

   ตุบ

   ผมร่วงลงมาใส่อะไรบางอย่าง แอบจุกเบาๆ ดีที่มันไม่สูงมาก แถมมีบางอย่างรองไว้ ไม่งั้นผมคงเป็นเขียดแบนติดพื้น พอหันกลับไปมองด้านบน มดพวกนั้นไม่ตามลงมาอีก ผมค่อยถอดหายใจโล่งอก รอดแล้วเรา กำลังจะหันกลับมาดูสิ่งที่ผมนั่งทับ กรงเล็บเงาวับพุ่งลงมา ผมกลิ้งหนีไปตามสัญชาตญาณ ดูท่าในเกมผมจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่านอกเกม ไม่งั้นคงกลายเป็นเศษเนื้อใต้กงเล็บ

   ดวงตามองคนที่เจ้าของอาวุธ รีบตะโกนออกไป เพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ

   “เดี๋ยว! ฉันเป็นคน อย่าทำอะไรฉันเลย”

   กรงเล็บที่กำลังจะฟาดลงมาอีกรอบชะงักกลางอากาศ ห่างจากหน้าผมแค่ไม่กี่เซ็น
   
   “นาย”

   ขอบคุณสวรรค์ที่เขาหยุดมือทัน ผมหมดแรงเกินกว่าจะหลบรอบสองแล้ว

   “ไม่ใช่มอนสเตอร์?”

   อุบ๊ะ! มอนสเตอร์อะไรจะหล่อขนาดนี้ ผมจ้องเขม็งใส่ ลุกขึ้นจากพื้นหญ้า เขาเห็นผมทุลักทุเลเต็มกำลัง เพราะยังจุกจากการร่วงลงมา เลยยื่นมือมาช่วยดึงผมให้ยืนขึ้น

   “คนไม่ใช่มอนสเตอร์”

   ถึงเวลาที่ผมจะได้สำรวจสิ่งที่รอง และคนตรงหน้าดีๆ สักที เจ้าสิ่งที่ผมร่วงลงมาใส่คือซากหมูป่าเลเวล 45 ส่วนชายคนนี้รูปร่างสูงสมส่วน สวมชุดสีเข้ม ที่คอกับเอวมีขนสัตว์สีเดียวกับผมและดวงตา มันเป็นสีน้ำเงินเข้มจัดจนเกือบดำ รวมกับผิวแทน เขาสวมหมวกสีน้ำตาล ภาพรวมมันควรจะดูมืด ผมกลับรู้สึกว่าเข้ากับอีกฝ่าย ผู้ชายหล่อเข้มสินะ เว้นหมวก ขัดๆ ยังไงชอบกล อย่างกับไม่ใช่ชุดของเขาตั้งแต่แรก

   เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางเก็บกรงเล็บคล้องตัวโซ่เหน็บไว้ข้างเอว

   “นาย... เลอะมาก เพิ่งเล่นเกม?”

   สงสัยจะเป็นคนไม่ค่อยพูด ประหยัดคำเหลือเกินพ่อคุณ

   “ใช่ หนีพวกมดจนร่วงลงมาทับหมูนาย โทษทีนะ ฉันชื่อวัต นายชื่ออะไร”

   ถือโอกาสนี้แนะนำตัวซะเลย เขาพยักหน้ารับเนิบๆ พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

   “ฉันชื่อกล”

   อีกฝ่ายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ผมเจอ แถมดูจะเลเวลสูงซะด้วย ไม่งั้นคงจัดการหมูป่าโดยไม่มีรอยขีดข่วนไม่ได้หรอก ว่าจะถามข้อมูลในเกมสักหน่อย เขาดันพูดขึ้นมาก่อน

   “ป่าแถวนี้อันตรายสำหรับมือใหม่ ตอนนี้ใกล้มืดแล้ว นายไปกับฉันก่อน เดี๋ยวไปส่งที่หมู่บ้านให้นายตั้งตัว ลุยทั้งสภาพนี้มีแต่ตายกับตาย”

   คำเตือนบวกกับคำแช่ง ผมไม่นึกโกรธแฮะ ถ้าเขานิสัยไม่ดีจริง คงฆ่าผม ไม่ก็ทิ้งไว้กลางป่า

   “ดีเหมือนกัน แต่เพื่อนฉันน่าจะกำลังเข้าเกมตามมา กลัวว่าไปแล้วจะคลาดกัน นายพอมีวิธีอะไรมั้ย” ผมตอบไป ตอนนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย หายจุก กับแผลเล็กแผลน้อยเต็มตัว สงสัยจะโดนกิ่งไม้ขูดเอาตอนวิ่งหนี
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! by Silver Fish
เริ่มหัวข้อโดย: lazymonkey ที่ 24-03-2015 06:18:33
ชอบบบบ~ สนุกดีจัง...คำสาปแต่ละคนดูมีประโยชน์ดีนะ555 //แล้วเพื่อนฮิมจะไปเกิดที่ไหนกันละนี่...
ปล.ลุ้นต่อไปใครเป็นตัวจริง 555
 :katai2-1: :katai2-1: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.2]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-03-2015 11:59:00
Lv.1 Charm Online (ต่อ)

   “เพื่อนนายเหรอ ฉันว่าคงไม่ได้เกิดใกล้ๆ นายหรอก เกมนี้สุ่มเกิด โอกาสจะเกิดที่เดียวกันมีน้อยมาก นายจะรอรึเปล่า”

   ถูกพูดมาแบบนี้ผมคง...

   “นายนำทางไปเลยแล้วกัน” โทษทีว่ะเพื่อนไวไว ขืนให้ข้ารอเอ็ง ไม่รู้ชาติไหนจะเสด็จมาหากมันสุ่มเกิดจริงๆ ตอนนี้ขอเก็บข้อมูลตามคนเทพไปก่อนแล้วกัน ตัวใครตัวมันนะเพื่อนเอ๊ย สาธุ

   ก่อนไป กลจัดการหมูป่าแล่เอาเฉพาะส่วนเนื้อที่จะกิน กับส่วนที่มีประโยชน์เก็บใส่กระเป๋า เขาบอกว่าลากไปทั้งตัวมันลำบาก เสี่ยงตกเป็นเป้า กลิ่นเลือดมันคลุ้งพวกสัตว์ล่าเนื้อมันจมูกไว

   ผมเดินตามจนมาถึงแหล่งน้ำ ตอนแรกผมก็สงสัย ทำไมพามาแถวนี้ อยู่ใกล้แหล่งน้ำมันเสี่ยงกับพวกสัตว์ป่าที่ผ่านมากินน้ำไม่ใช่เหรอ จนกลชี้ให้ดูสภาพผม เพิ่งนึกขึ้นได้ ตัวผมเป็นมนุษย์เยลลี่ที่เกือบโดนคนตรงหน้าเชือดเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นมอนสเตอร์ อนาถมั้ยล่ะ

   เห็นผมยืนเอ๋อ ไม่ยอมไปล้างตัวสักที กลเลยยื่นเสื้อผ้ามาให้ผมใช้สำหรับเปลี่ยน เพราะผมเพิ่งเข้าเกมมาโผล่อยู่กลางป่าอุดมไปด้วยสัตว์ ไม่มีอะไรติดตัวสักอย่างนอกจากตัวหัวใจและดาบไม้ที่ไม่รู้ว่ามันหล่นหายไปไหน

   ผมขอบคุณ ถอดเสื้อผ้ามาขยี้ในน้ำระหว่างอาบน้ำล้างตัวไปด้วย น้ำที่นี่เย็นชวนให้รู้สึกสดชื่นดีจริงๆ พอผมอาบเสร็จก็เปลี่ยนมาเป็นเสื้อยืดสีขาวคอวีแขนยาวถึงศอก กับกางเกงสีดำขายาว แถมรองเท้าดำอีกคู่ เรียกได้ว่ากลยอมสละให้แบบครบเซ็ต ผมไม่ต้องอนาถเดินเท้าเปล่าอีกต่อไป

   “เสร็จแล้ว”

   ผมเรียกคนที่กำลังจัดการกับเนื้อหมูที่ได้มา พอเขาเงยขึ้นมามอง ชะงักไปชั่วครู่ ผมเอียงคอมองอย่างแปลกใจ ดวงตาคมกระพริบปริบๆ คล้ายเรียกสติตัวเอง เห็นมุมปากยกยิ้มนิดๆ คล้ายกับเจอของถูกใจ

   “อืม”

   เขารับสำรวจความเรียบร้อย แล้วพยักหน้านำทางต่อเข้าไปในส่วนที่ห่างจากแม่น้ำเพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์ป่า กลกางเต็นท์อย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาไม่นาน เต็นท์ขนาดคนนอนสองคนปรากฎสู่สายตา ผมช่วยได้แค่ก่อกองไฟง่ายๆ เหลาไม้เสียบเนื้อหมูป่าย่าง พอมีสกิลติดตัวมาบ้าง จากการเข้าค่ายตั้งแต่เล็กจนโต

   “ระหว่างรอหมูสุก นายอยากถามอะไรฉันรึเปล่า”

   สงสัยคนตรงหน้าคงมีเรดาร์ตรวจจับความรู้สึกคนรอบข้างได้ ถึงเดาใจผมถูกเผง หารู้ไม่ เพราะผมจ้องเขาอย่างร้อนแรงเกินไป จนอีกฝ่ายต้องออกปากถามจะได้จบเรื่อง

   ก็นะ ในเมื่อเจ้าตัวเสนอมา ผมขอถามแบบไม่เกรงใจล่ะ ผู้ชาย ใจๆ อยู่แล้ว คิดไรมาก

   “เรื่องอื่นๆ พอจะรู้บ้างแล้ว ฉันข้องใจเรื่องคำสาป ทุกคนต้องโดนก่อนเข้าเกมสินะ นายโดนคำสาปอะไรล่ะ”

   “หมาป่า”

   “ฮะ?” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คำสาปหมาป่า มันเป็นยังไง หรือจะหอนตอนเห็นผี?

   “ฉันสามารถกลายร่างเป็นหมาป่าได้ มีหูหาง มีประสาทสัมผัสไว มีพละกำลังมากกว่าคนทั่วไป”

   เจ้าตัวดึงหมวกออก ทำให้เห็นหูสามเหลี่ยมสีเดียวกับผมกระดิกไปมาเหมือนกำลังคอยฟังเสียงจากรอบด้าน ข้างหลังมีหางกวัดแกว่งที่ตอนแรกผมนึกว่าพวงกุญแจหางจิ้งจอกที่เค้าฮิตกันช่วงนึงซะอีก ผมตื่นตาตื่นใจทันที ถึงจะบอกว่าคำสาปแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายแฮะ ออกจะมีประโยชน์ด้วยซ้ำ

   “น่าอิจฉาชะมัด ดูเป็นความสามารถที่ดีออก”

   “ไม่เลย จมูกดีเกินไปเวลาเจอกลิ่นแรงๆ จะมีปัญหา หูได้ยินมากๆ เข้าก็นอนไม่หลับ พละกำลังมากเกินไปกะลำบาก พอเปลี่ยนเป็นหมาป่า มีคนเข้าใจผิด เข้ามาโจมตีเพราะคิดว่าเป็นมอนสเตอร์ก็มี”

   “นายคงจะลำบากมามากเลยสินะเพื่อน” เห็นหูตกๆ แล้วผมเกือบหลุดขำ แต่กลั้นไว้ก่อน ย้ายที่นั่งมาตบบ่าอีกฝ่ายให้กำลังใจ อีกฝ่ายยอมพูดกับผมเยอะขึ้น แสดงว่าเริ่มเชื่อใจในระดับหนึ่ง ไม่ก็คิดว่าผมแสนกาก ทำอะไรเขาไม่ได้ เหอะๆ ขอให้เป็นอย่างแรกดีกว่า

   “แล้วนายล่ะวัต นายโดนคำสาปอะไร” ถูกถามกลับมาบ้าง เล่นเอาผมไปไม่เป็น เออนั่นดิ ผมโดนคำสาปอะไรวะเนี่ย

   “ไม่รู้เหมือนกัน ตัวฉันมันก็ไม่มีอะไรงอกออกมา ร่างกายไม่รู้สึกผิดปกติอะไร”

   “นายควรจะรู้ไว้ จะได้รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง” กลเตือน ผมเริ่มเครียด

   “กล นายเล่นเกมมานานกว่าฉัน ช่วยดูให้หน่อย ฉันโดนคำสาปอะไร”

   ผมใช้ตาสีเทาจ้องเขาอย่างจริงจัง กลเองบ้าจี้ทำท่าเครียดตามไปกับผมด้วย ช่วยเพ่งมองยกใหญ่ เห็นท่าทางเหมือนหมากลุ้มความกังวลของผมตอนแรกหายไปเป็นปลิดทิ้งเลย เกือบๆ จะชอบอยู่ละ ถ้าเขาไม่จับปากผมแล้วส่องฟัน

   ไอ้หมาบ้าเจ็บนะโว้ย! ผมลูบปากตัวเอง แหวะเค็ม

   “จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีนะ อืม แต่เหมือนจะโชคร้ายมากกว่า” กลทำหน้าหนักใจ พาผมขมวดคิ้วตาม

   “นายรู้แล้วเหรอว่าฉันถูกคำสาปอะไร”

   “แวมไพร์... “ โอเคทุกคน ผมช็อคค้างไปแล้ว

   “ฉันเคยเจอคนที่โดนคำสาปนี้อยู่เหมือนกัน เขามีพละกำลังมากในตอนกลางคืน ส่งสัญญาณความถี่หาเพื่อนคนอื่นๆ ได้ เล็บแหลมคม คล่องแคล่วว่องไว มีปีกค้างคาว แต่ดูเหมือนจะแปลงร่างเป็นค้างคาวไม่ได้นะ”

   “ฟังเหมือนจะดูดี แล้วตอนกลางวันล่ะ” ถามความด้วยหวาดหวั่นในใจ ตำนานแวมไพร์ผมเองก็รู้มาเหมือนกัน หลักๆ ประมาณที่อีกฝ่ายบอก ติดแต่จุดอ่อนอันใหญ่หลวง...

   “โดนแสงมากไม่ได้ ช่วงกลางวันกำลังจะน้อยกว่ากลางคืน แพ้พวกพลังสว่างหรือพลังศักดิ์สิทธิ์ รักษาตัวด้วยการดื่มเลือดอย่างเดียว” เขาคงเห็นผมห่อเหี่ยวจนกู่ไม่กลับเลยพยายามปลอบใจ

   “อย่าห่วงเลย ดูเหมือนจะไม่เหมือนพวกในหนังหรอก เห็นยังเดินเหินอยู่กลางแดดได้สบายๆ กินอาหารปกติได้ ดื่มเลือดแค่เวลาจำเป็นเท่านั้น” มิน่า ผมถึงกินเยลลี่ได้อร่อยนัก

   ผมถอนหายใจ ทีนี้อธิบายได้แล้วว่าทำไมผิวผมถึงซีดกว่าในโลกจริง แล้วยังรู้สึกสดชื่นตอนพระอาทิตย์ตกดิน ที่สำคัญ ตาผมสามารถมองทุกอย่างได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งแสงไฟ คิดเรื่องจุดอ่อนไปก็ไม่ได้อะไร มองข้อดีน่าสนใจกว่าเยอะ

   “ฉันจะกางปีกออกมาได้ยังไง ส่งคลื่นความถี่อะไรนั่นด้วย กินเลือดอีก” หมาป่าโคลงหัวดึงไม้ย่างเนื้อหมูป่าออกห่างจากไฟเป็นการอุ่นแทน เพราะมันสุกแล้ว คงจะกินหลังจากคุยเสร็จ ดีเหมือนกัน กินไปคุยเรื่องจริงจังไปเดี๋ยวฟังไม่รู้เรื่อง

    “หูหางของฉันเก็บไม่ได้ ส่วนตอนเป็นร่างหมาป่า ฉันแค่คิด มันก็เป็นให้เอง โทษทีนะช่วยได้แค่นี้ ฉันรู้จักเขาก็จริง เคยทำภารกิจด้วยกันมา แต่ไม่ได้สนิทอะไรมากจนรู้รายละเอียดปลีกย่อย”

   ผมส่ายหัว “ไม่เป็นไร แค่นี้นายก็ช่วยได้มากแล้ว อืมมม คิดให้ปีกมันออกมาสินะ”

   ดวงตาสีเทาปิดลง สมองจินตนาการถึงปีกค้างคาวผ่านไปหลายนาทียังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเริ่มหงุดหงิดโวยวายในใจว่าอยากบินโว้ย ทันใดนั้น แผ่นหลังรู้สึกเหมือนจะมีอะไรทะลุออกมา ได้ยินเสียงตบมือแปะๆ ผมเลยลืมตา

   “เรียนรู้ไวดีนี่”

   ผมลองขยับปีกด้านหลังดู มันเป็นปีกค้างคาวสีดำขนาดพอดีตัว ด้วยความที่ว่าเห่อของใหม่ ผมเลยถอยห่างจากกองไฟ กระโดดขึ้นบินได้นิดหน่อยก็ร่วงลงมาจูบพื้น หลังจากนี้ผมต้องหัดบินแล้วล่ะ ส่วนความสามารถอื่น ช่างมันก่อนแล้วกัน

   “นายใจร้อนเกินไป ไว้เดี๋ยวฉันพาไปที่กว้างๆ ให้นายลองบิน” ผมพยักหน้ารับ ทำไงได้ ต้องตามนั้นแหละ

   กลนิ่งไปสักพัก ก่อนหันมาสบตาผม เวลาเขาขยับปากพูดเห็นเขี้ยวหมาป่าด้วย สาวๆ เจอคงกรี๊ด ผู้ชายมีเขี้ยว เดี๋ยวนะ ผมก็มีเขี้ยวนี่หว่า

   “จะลองดื่มเลือดดูมั้ย”

   อ่า... กล นายช่างเป็นคนที่พึ่งพาได้จริงๆ หัวผมมีความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมา เกาะติดเลยดีมั้ยนะ จะได้มีเพื่อนเล่นเกมระหว่างหาเจ้าไวไวด้วย

   “ดีเหมือนกัน นายมีเลือดหมูป่ารึเปล่า ถึงมันจะโคตรคาว แต่จะลองดู” ลองไว้ให้รู้ อนาคตจะได้ไม่ลำบากเวลาจวนตัว

   “ฉันไม่ได้เก็บไว้เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เอาเลือดฉันแทนก่อน”

   “เฮ้ย! จะดีเหรอ แบบนั้นนายก็บาดเจ็บสิ” ความคิดจะเกาะติดเพิ่มขึ้นเป็น 70% นายกำลังจะทำให้ฉันอยากตามติดนายนะกล

   “ไม่เป็นไร เอาสิ ฉันจะได้กินหมูย่างสักที หิวแล้ว”

   เขายื่นแขนมา ผมกลืนน้ำลายอึก เหมือนรู้สึกถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ อยู่ตรงข้อมือนั่น ชั่งใจอยู่สักพัก กลมองดุๆเร่งผมให้ทำสักทีก่อนที่เขาจะโมโหหิวเป็นหมาบ้า ผมเลยประกบมือตรงหน้าเขา เอาวะ ทำตามสัญชาตญาณ

   “ทานเลยนะครับ!”

   เจ้าหมาหลุดขำ นั่งนิ่งรอผมจัดการ ผมเลยพุ่งเข้าไปหา คมเขี้ยวฝังเข้าบนเนื้อ รู้สึกว่าอีกฝ่ายสะดุ้งนิดๆ ความหอมหวานจากของเหลวที่ล้นทะลักออกมาจามรอยกัดทำให้ผมเหมือนจะวูบๆ กลิ่นเลือดไม่คาวเหมือนเลือดหมูป่า มันหอมอร่อยสำหรับผมจริงๆ

   ผมกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัว...

   คนบริจาคเลือดขยับท่านั่งดีๆ ฟังเสียงหายใจตรงหว่างขา กลนั่งบนก้อนหินระดับเลยแตกต่าง คุกเข่าแบบนี้เลยพอดีกับคอเป๊ะ

   ในความคิดกลกำลังคำนวนอะไรบางอย่าง จากน้ำหนักที่ทิ้งตัวเข้าหา คาดคะเนแล้วไม่ใช่เล่นเหมือนกัน สมเป็นผู้ชาย แต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ถ้าเกิดอีกฝ่ายเป็นลมกลางแดด คิดว่าแบกเข้าร่มไหวอยู่

   ดูเหมือนใครบางคนจะเพลินกับอาหารมื้อค่ำจนเกินไป ลมหายใจเป่ารดคอจนขนลุก เลยถูกมือหนาดันหัวออก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองสำรวจแผลถลอกบนแขนอีกฝ่าย หายสนิทไปแล้ว

   “โทษที ครั้งแรก กะไม่ถูก เลือดนายอร่อยมาก”

   คนผิดยิ้มแห้งๆ ใส่ กลโบกมือไม่ถือเอาความอะไร ใช้ผ้าเช็ดเลือดบนคอตัวเองออก ก่อนเอาน้ำลายตัวเองป้ายไม่นานเดี๋ยวก็กลับมาเรียบสนิทตามเดิม มือแจกจ่ายเนื้อหมูย่าง ตอนแรกหมาป่าหนุ่มลังเล คิดว่าเจ้าค้างคาวอิ่มแล้ว เปล่าเลย คว้าหมับไปก่อนที่จะยื่นส่งให้อีก เลือดส่วนเลือด อาหารส่วนอาหาร เหมือนผู้หญิงมีสองกระเพาะไงครับ อะไร ผมไม่ได้แถ แค่อธิบายให้ฟัง

   “กล น้ำลายนายรักษาแผลได้ด้วย?” ผมถามอย่างสงสัย หลังเห็นเขาป้ายแล้วแผลหาย

   “ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ถ้าแผลลึกหรือแผลใหญ่เองก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

   ผมถามกลอีกหลายอย่าง หมาป่าหนุ่มเดาว่า ผมเล่นเกมเก่งพอสมควร ถึงได้เรียนรู้ไว จนจำได้เร็ว เข้าใจอะไรง่ายๆ มนุษย์สัมพันธ์ดี ไม่แน่ว่าบางที อาจจะได้เดินทางร่วมกัน คนได้รับคำชมอย่างผม ยิ้มหน้าบานสิครับ จานดาวเทียมเรียกพ่อ

   กลบอกตอนแรกเขาจะให้กัดที่ข้อมือ ผมดันพุ่งกัดที่คอ จะห้ามก็ไม่ทัน ถึงได้ปล่อยเลยตามเลยไป ผมขอโทษเขาเบาๆ ช่วยไม่ได้ แวมไพร์ที่เห็นส่วนใหญ่กัดที่คอ อีกอย่าง ไม่รู้ทำไม มีบางอย่างในตัวผมบอกว่าตรงจุดนั้นอร่อยสุด
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.3]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-03-2015 12:48:03
Lv.2 I believe I can fly

   ผมพลิกตัวไปมาอยู่ในเต็นท์ รู้สึกร้อนเหมือนถูกอบอยู่ในเตาจนผมนอนไม่ได้ ต้องฝืนถ่างตาตื่นขึ้นมา มองไปข้างๆ ไม่มีคนอยู่แล้ว แวบแรกผมใจหายวูบ นึกว่ากลปล่อยผมทิ้งไว้แล้วไปตามทางหมาซะอีก เอาเถอะ เต็นท์ยังดี ถ้าเขาไม่กลับมาเอา ผมขอยึดไปใช้เลยแล้วกัน
   
   มือขยี้ตาอ้าปากหาวเกาพุงออกมาด้านนอก แสงแดดส่องกระทบผมเต็มๆ ไม่ต่างจากปกติสักเท่าไหร่ แค่มันร้อนกว่าเดิมและน่ารำคาญเท่านั้น

   “หิวแฮะ เกมนี้มันต้องกินจริงๆ ด้วยสินะ”

   ผมพึมพำพลางเดินมาหยุดหน้ากองไฟ อะไรนะ จะหาว่าพวกผมบ้ามาจุดกองไฟเอาตอนสว่างโร่น่ะเรอะ ป่าวเลย จุดไฟเพื่อทำอาหารต่างหาก โลกของเกมเป็นแนวย้อนยุค ไม่มีของทันสมัยจำพวกเตาแก๊สหรืออะไรหรอก

   เหนือกองไฟคือความว่างเปล่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผมควรทำมื้อเช้าให้ตัวเองและเพื่อนร่วมทาง ประเด็นคือ มันไม่มีอุปกรณ์ อะไรเลยนอกจากกองไฟและเต็นท์นี่สิ โชคดี ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นกลเดินกลับมา ผมเปียกนิดหน่อย แสดงว่าเขาไปอาบน้ำมาแน่

   “กลนายทำอาหารเป็นรึเปล่า”

   เขามองหน้าผมงงๆ แล้วส่ายหัว

   “ไม่เป็น ไปอาบน้ำ เราจะได้เดินทางต่อ เรื่องอาหารฉันมีพวกขนมปัง”

   ผมครุ่นคิด

   “เอางี้ ฉันทำอาหารเป็น เดี๋ยวจะลองทำดู นายช่วยเตรียมวัตถุดิบทีนะ พวกเนื้อกับผัก ส่วนน้ำเดี๋ยวฉันไปตักมาเอง นายมีหม้อมั้ย”

   เขาไม่ตอบ แต่เรียกหม้อออกมา เพิ่งเห็นชัดๆ ตอนนี้นี่แหละ ว่ากลเอาของทุกอย่างออกมาจากสร้อยหนังร้อยด้วยเขี้ยวที่คอเจ้าตัว กลเปิดหน้าต่างไอเท็มขึ้นมา พอเลือกของจะเกิดแสงเล็กๆ พุ่งออกมาจากสร้อยกลายเป็นของบนมือ ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นเพียงไม่พี่วิ ถ้าโลกจริงมีงี้คงสดวกสบายน่าดู

   ผมรับหม้อมา เดินไปที่แหล่งน้ำเดียวกับเมื่อวาน อาบน้ำด้วยความเร็ว ตักน้ำกลับมาที่เต็นท์มีของที่ผมต้องการครบถ้วน เลยเริ่มลงมือทำอาหารทันที เป็นซุปสูตรง่าย มีเนื้อมีผัก น่าเสียดาย ไม่มีเครื่องปรุง ไม่งั้นรสชาติคงดีกว่านี้ กลทำหน้าเหมือนค้นพบอะไรบางอย่างหลังทานซุปเสร็จ คงจะให้ผมรับหน้าที่เป็นคนทำอาหารล่ะสิ ไม่มีปัญหานะ ทุกวันถ้ามีเวลาผมทำกับข้าวกินเองอยู่แล้ว

   ระหว่างเก็บข้าวของ ผมทบทวนทุกอย่างตั้งแต่เข้าเกมมาเผื่อวางแผนในขั้นต่อไป

   ปกติคนส่วนใหญ่ มาถึงคงจะหาหมู่บ้าน NPC พวกชาวบ้านในเกมเป็นตัวละครจำลองเพื่อเพิ่มความสนุกในการเล่นเกม รับเควสภารกิจต่างๆ ปานผู้กล้าหูเบาช่วยเหลือชาวบ้านทุกอย่าง ซึ่งอันที่จริงแล้วเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่า

   ผมเองก็ใช่ว่าจะไม่ชอบทำแบบนั้นนะ แต่ถ้าไปโต้งๆ แบบนั้นมันดูไร้แบบแผนเกินไป เกมนี้ยิ่งแปลกๆ อยู่ เกิดมาเพิ่งเคยเจอ แจกคำสาปให้ทุกคนที่เข้าเล่นเกมแล้วให้ไปหาวิธีแก้เอาเองในเกม ดังนั้นการทำอะไรธรรมดาเสี่ยงงานงอกซะเปล่าๆ

   อันดับแรก ผมเข้าเกมมา สำรวจรอบตัว เหมือนไม่มีของติดตัวสักอย่างนอกจากเสื้อผ้าที่ใส่ก่อนจะเล่นเกม ตรวจสถานะชุดที่กลให้มา

   ชื่อ : เซตชุดสุดเฟี้ยวหล่อกระชากตับไต
   รายละเอียด : มีเสื้อกับกางเกง หากใส่แล้วสาวรักสาวหลง มอนรุมตอม
   สถานะ : เพิ่มเลือด 100
      เพิ่มพลังป้องกัน 20
      เพิ่มพลังโจมตี 10
      เพิ่มช่องเก็บของ 5 ช่อง

   แค่ชื่อชุดผมก็รู้สึกคิ้วกระตุก แม้ว่ามันจะเท่จริงๆก็เถอะ รายละเอียดยิ่งน่าหนักใจ สาวหลงผมชอบอยู่ แต่มอนรุมตอมท่าจะไม่ไหว ผมเพิ่งเข้าเกมมา เลเวลยังน้อยนิด มอนรุมงั้นได้ตายพอดี

   ส่วนค่าสถานะไม่เลวเลย ถึงจะเพิ่มแค่เล็กน้อย ยังดีกว่าไม่มีใส่ นึกภาพตัวเองใส่ชุดนอนลายแกะเลอะเยลลี่ไปเดินในเมืองหรือตะลุยป่าแล้วอนาถจิต

   ต่อไป อาวุธประจำตัวไม่มีสักอย่าง ผมคงต้องใช้เล็บตัวเองในการต่อสู้แล้ว เงินยิ่งไม่ต้องพูดถึง ง่ายๆ เลยว่าตอนนี้ผมมีแค่ตัวกับหัวใจ รอให้คนมาจับจอง

   สิ่งแรกที่ผมจะต้องไปหาก่อนจะออกตามหาไวไวในเกมคืออาวุธสักชิ้น เงินทองติดตัว ซื้อข้าวของเพิ่ม ช่องเก็บ 5ช่องไม่พอแน่ พวกของใช้จิปาถะอีก เดี๋ยวให้กลพาไปส่งที่หมู่บ้านใกล้ๆ ดีกว่า ระหว่างทางก็เก็บของฆ่ามอสเตอร์ระดับน้อย ไปพลางๆ

   พอถึงที่หมายค่อยหาข้อมูลในเกมเพิ่มเติม ไม่แน่ถ้าโชคดีอาจเจอไวไวมันอยู่ในหมู่บ้านนั้นด้วยก็ได้ ยังไงซะพวกคนที่เริ่มเล่นใหม่ต้องหาหมู่บ้านคนเป็นที่แรกอยู่แล้ว ต่อให้ตอนเข้าเกมอยู่คนละทิศก็ตาม

   “เดินทางต่อเถอะ”

   ผมหลุดออกจากภวังค์ หันมาอีกที รอบตัวไม่มีของเหลือแล้วสักชิ้น ถ้าไม่มีกองไฟหนิผมคงคิดว่าตัวเองฝัน เมื่อคืนไม่ได้นอนอยู่ที่นี่   

   “พวกเรากำลังจะไปที่ไหน” ผมถามด้วยความสงสัย ดูไปดูมาเหมือนพวกเราเป็นเพื่อนเล่นเกมเดินทางด้วยกันไปแล้ว

   “พานายไปหมู่บ้าน” กลตอบนิ่งๆ

   “ดีเหมือนกัน ว่าจะขอให้นายพาไปหมู่บ้านอยู่ คิดว่าจะเตรียมตัวให้พร้อมแล้วตามหาเพื่อนสักที ไม่รู้ป่านี้ไปหลุดอยู่แถวไหน”

   “นายจะตามหาเพื่อน?” กลชะงักฝีเท้า หันมามองผมที่เดินตามหลัง เห็นเขาถามย้ำ ผมก็ไม่ขัดศรัทธาที่จะตอบ

   “ใช่ บอกนายไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วนี่ ฉันเข้าเกมมาพร้อมกับเพื่อน ว่าจะเล่นด้วยกัน เกมนี้มันดันพิลึก ให้คนเกิดแบบสุ่ม ถ้าเหมือนเกมอื่นๆเกิดในเมืองคงสบายไปแล้ว”

   เจ้าตัวไม่พูดอะไรแค่พยักหน้า แล้วระบบก็แจ้งเตือนขึ้น

   หมาป่าสุดหล่อต้องการเพิ่มชื่อคุณเข้าไปในรายชื่อเพื่อน

   ผมหันขวับไปมองทันทีระหว่างที่ตอบตกลงรับแอดไปด้วย เห็นเจ้าหมาป่าหลบสายตา บนใบหน้าคมคายขึ้นสีเรื่อ ผมกำลังจะอ้าปากแซวก็ถูกขัด

   “แอดชื่อไว้ เวลามีอะไรจะได้ติดต่อกันได้ ตอนเข้าเกมไม่มีให้เปลี่ยนชื่อก็จริง แต่ถ้านายไปถึงพวกเมืองใหญ่ๆ จะมีอาคารประชาสัมพันธ์ของเกม นายสามารถไปเปลี่ยนชื่อได้ที่นั่น”

   โอะโอ นอกจากจะชิงตัดหน้าพูดก่อนไม่พอ ยังมีอธิบายเสริมอีกต่างหาก ผมหัวเราะแล้วพยักหน้ารับฟังไป

   “ไว้มีโอกาสฉันจะไปเปลี่ยนชื่อแนวๆ บ้าง จะไม่ให้น้อยหน้านายเลย ท่านหมาป่าสุดหล่อ”

   คนฟังหันมาจ้องผมทันที เหมือนจะแอบเคืองปนเขินที่ผมหาช่องแซวจนได้

   “ฉันไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อ” กลบอกแก้ตัว ผมก็ไม่คิดหรอกว่าเขาจะตั้งเองจริง คงโดนเพื่อนแกล้งมากกว่า

   “แต่ฉันคิดว่าเหมาะกับนายดีนะ ไหนๆ ก็แอดชื่อเพื่อนแล้ว ตั้งปาร์ตี้เลยสิ ระหว่างทางไปเมืองถ้านายฆ่ามอนฉันจะได้เก็บระดับไปด้วย ถือว่าช่วยผู้เล่นใหม่เถอะนะ”

   เอาวะ ลองงัดลูกไม้ที่ใช้กับพี่ชายดูหน่อย อ้อนร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งเลยนะขอบอก ผู้ชายตัวโต ถึกๆ สองคนมาอ้อนกันกลางป่า ถ้ามอนเตอร์ตัวไหนเห็นแล้วอุจาดตาจนตายก็ดี ผมจะได้ค่าประสบการณ์ มาเพิ่มระดับตัวเอง

   กลยอมเปิดปาร์ตี้ชวนผมร่วมด้วย ผมรับโดยไม่ลังเล การตั้งปาร์ตี้คือการรวมกลุ่มคน ไปลุยสถานที่เดียวกัน ช่วยประหยัดแรง กับลดความเสี่ยงที่จะโดนมอนสเตอร์ฆ่าตาย เพราะมีเพื่อนร่วมทีมคนอื่นคอยช่วย แลกกับของและค่าประสบการณ์ ที่จะแชร์เท่าๆ กัน ตรงข้ามกับเวลาไปลุยคนเดียว ความเสี่ยงมากกว่า แต่ได้เยอะทั้งหมดไม่ต้องแบ่งใคร ณ เวลานี้ ผมยังอ่อนหัด ไอเรื่องซ่าไปลุยคนเดียวหนิไม่ไหวแน่

   “นายเก็บของจากมอสเตอร์ระหว่างทางไปขายทำทุนด้วย ของที่พอขายได้ราคาดีคือ ส่วนเขี้ยวกับหนัง กระเป๋าใบนี้ฉันทำเอง มีดอันนี้ใช้แล่สัตว์นายเอาไปใช้เถอะ” กลแนะนำพร้อมยื่นของสองสิ่งมาให้ ผมรับมาด้วยความตื้นตัน นายช่างเป็นคนดีจริงๆ

   ชื่อ : กระเป๋าหนังหมูป่า
   ผู้สร้าง : หมาป่าสุดหล่อ
   สถานะ : สามารถเก็บของได้ 100 ช่อง

   ชื่อ : มีดกิ๊กก๊อก
   สถานะ : ใช้สำหรับแล่สัตว์
   พลังโจมตี : 100

   กระเป๋าหนังสีน้ำตาลเป็นขนหมูป่า เท่ไปอีกแบบ ใช้สำหรับรัดตรงเอวเหมือนเข็มขัด ไม่เทอะทะ แถมยังคล่องแคล่วไม่เลว ส่วนมีด จะใช้เป็นอาวุธ หรือโจมตีมอนเสอต์ก็ได้

   ระหว่างทางมีมอสเตอร์โผล่มาเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมอสเตอร์หมู่ป่า ระดับไม่ค่อยสูงมาก ถ้าเทียบกับกลที่ฆ่าตายในทีเดียว ส่วนผม นั่นอีกเรื่องนะ

   กลจัดการหมูป่าตัวแรก เขาสอนผมแล่จนได้ทักษะการแล่เนื้อมา โชคดีที่ผมเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายเลยไม่ถ่วงแข้งถ่วงขากลเท่าไหร่นัก

   บางทีหมูป่ามาหลายตัว กลจัดการทีเดียวไม่หมด ผมก็จะใช้เล็บบางๆ ของผมจัดการซ้ำ ถือเป็นการลองเล็บตัวเองดูบ้าง เห็นกลจ้วงเอาๆ ความแรงในการจอมตีอาจไม่มากเท่าไหร่ แต่ผมเพิ่งค้นพบว่า มันทำให้ติดสถานะเลือดไหลตลอดเวลา จนหมูป่าตายในที่สุด

   ผมได้ค่าประสบการณ์ ระดับขึ้นรัวๆ จนถึงเลเวลสิบห้า เสียงแจ้งเตือนของระบบถึงเงียบไป การเก็บระดับภายในเกม หากโจมตีมอนเตอร์ระดับพอๆ กันหรือสูงกว่าจะทำให้เลเวลอัพเร็วขึ้น หมูป่าพวกนี้มีเลเวลถึงแค่สิบสาม พอตีไปสักระยะเลยได้ค่าประสบการณ์น้อยลงจนไม่เพิ่มในที่สุด

   ซึ่งเรื่องพวกนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือผมกำลังเก็บของเมามัน ตามทางมีแต่ซากหมูป่า เหมือนปีศาจร้ายเดินผ่าน ทักษะการแล่เนื้อของผมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเพิ่มสูงเท่าไหร่ ผมก็แล่ได้สวยและเร็วขึ้นเท่านั้น

   ไม่รู้ว่าเป็นเพราผมมีคำสาปแวมไพร์ติดตัวรึเปล่า เลยไม่รู้สึกว่าเลือดพวกนี้คาวอะไร ออกจะเฉยๆ ด้วยซ้ำ ผิดจากเลือดของผู้บริจาคเมื่อวาน ความหอมหวานยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น เผลอเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ผมรีบหันไปมองกล โชคดีที่เจ้าตัวไม่เห็น

   เลยเนียนเก็บของชมนกชมไม้ต่อไป ป่าที่พวกผมอยู่เป็นป่าทึบ แสงแดดไม่ค่อยส่องลงมาเท่าไหร่ สบายผมเลย เว้นแต่จุดที่ต้นไม้บางตาเหมือนตอนพวกเราตั้งแค้มป์ พวกเราลุยทางมาไม่มีทางให้คนเดิน เลยต้องปีนป่าย ตัดไม้ทำลายป่ากันสักหน่อย

   ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจ้องพวกเราอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง เลยหยุดเดินพยายามเพ่งมองด้วยความสงสัย มือคว้าเอาคอเสื้อคนที่กำลังซัดหมูป่ามันมาใกล้ๆ เจ้าตัวหันมาเลิกคิ้วมองผมนิ่งๆ ราวกับจะถามว่ามีอะไร ให้ตาย มันทำสีหน้าหมางงก็ยังดูดีวุ้ย อิจฉา!

   “เหมือนจะเห็นอะไรอยู่ตรงต้นไม้ จ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้ว่าคนหรือมอนสเตอร์”

   หูสามเหลี่ยมบนหูอีกฝ่ายกระดิกทันทีที่ผมบอก ดวงตาคมจ้องมองไปยังจุดเดียวกับผม พวกเราตัดสินใจเดินทางต่อ คอยระวังรอบข้างไว้ไม่ทำเหมือนมาเดินชมสวนแบบตอนแรก

   ทุกย่างก้าว เหมือนจำนวนเจ้าสิ่งปริศนาจะเพิ่มมากขึ้น และเข้ามาใกล้เรื่อยๆ กระโดดข้ามก้อนหินมาเท่านั้นแหละ ร่างใหญ่โตพุ่งออกมาจากด้านข้าง ผมถูกกลจับแขนเหวี่ยงไปด้านหลังเพื่อหลบการโจมตี เสียแต่เขาแม่นเกินไป หลบได้จริง แลกกับผมแทบจูบมอนสเตอร์ที่มาจากอีกด้าน

   มันเป็นแมงมุมตัวใหญ่ ขนยุบยับ ดวงตาทั้งสามคู่ใสแจ๋วจ้องมาทางผม เขี้ยวยาวมีพิษหยดติ่งๆ ขาข้างหนึ่งฟาดมาทางผม แล้วตัวผมก็โดนจับเหวี่ยงอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้ถลาไปจูบแมงมุมอีก แต่ลอยจากพื้นเลย

   “เฮ้ย!! นายอุ้มฉันทำไมเนี่ย” ผมโวยวาย ถูกผู้ชายแบกขึ้นบ่ามันไม่น่าอภิรมย์นักหรอก

   “จะได้ปลอดภัย มันมาเยอะ แบบนี้คล่องตัวกว่า”

   บอกเสร็จเขางัดกรงเล็บมาฟันขาแมงมุมขาด สกิลความสามารถถูกงัดออกมาใช้ แสงสีแดงรัศมีจากการฟันสับแมงมุมขาดเป็นสามท่อน ก่อนหันไปจัดการตัวอื่นที่พุ่งเข้ามา สลับกระโดดหลบไปใยกับพิษไปด้วย

   คุณได้รับค่าประสบการณ์ 3000
   คุณได้รับค่าประสบการณ์ 3000
   คุณได้รับค่าประสบการณ์ 3000
   เลเวลอัพเป็น 16

   เสียงแจ้งเตือนระบบดังขึ้นอีกรอบ แมงมุมพวกนี้เลเวล 35 ผมเลยได้ค่าประสบการณ์เยอะ เลเวลอัพรัวๆ แลกกับซากแมงมุมกองเกลื่อน ไอพวกตัวขนมันโผล่มาไม่จบไม่สิ้น ถึงแม้กลจะเลเวลสูงแค่ไหน มาเจอแมงมุมหมู่ มีผมเป็นตัวถ่วงเพิ่มยังไงก็จัดการทั้งหมดไม่ไหวแน่ ถ้าไหวคงสะปักสบอมพอสมควร

   ซึ่งสภาพตอนนี้ไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ กลเริ่มมีแผลบางส่วน ผมเองก็โดนลูกหลงเป็นระยะ

   “หนีกันดีกว่า อย่าฝืนสู้เลยกล!”

   ผมแหกปากแข่งเสียงแมงมุม คนฟังพยักหน้ารับ ถีบแมงมุมตัวนึงไปกระแทกกับตัวอื่นๆ อาศัยจังหวะพวกมันกำลังมึน วางผมลงบนพื้น แล้วก้มตัวลง ร่างกลายเริ่มเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นหมาป่าตัวโตขนสีน้ำเงินเข้มจัดเหมือนสีผมเจ้าตัว

   ไม่ต้องรอให้บอก ผมกระโดดขึ้นหลังหมาป่าเบื้องหน้าทันที

   “กรร กอดคอไว้ จะเร่งความเร็วเต็มกำลังแล้ว”
   
   เสียงกลในร่างหมาป่าดูทุ้มแหบกว่าเดิมนิดหน่อยเจือเสียงขู่แยกเขี้ยวใส่แมงมุมที่เข้ามาใกล้ตัว ผมกอดรอบคอหมาป่า แนบลำตัวไปกับขนนุ่ม กลกระโจนเหยียบหัวแมงมุม แล้วพุ่งเข้าไปอีกด้านของป่าทันที ด้านหลังมีฝูงแมงมุมตามคอยพ่นใยกับพิษใส่

   “โอ๊ย! เชี่ยมมมม แม่งพ่นพิษใส่” มีพิษเฉียดหลังผมไป รู้สึกร้อนฉ่าทันที กลชะงักฝีเท้าหันมามอง จังหวะนั้นใบสียาวเหนียวเหนอะพ่นติดขาด้านหลังจนพวกเราล้มกลิ้งไปทั้งคู่ ผมกลิ้งเป็นลูกขนุน เปื้อนดินเปื้อนทราย ปิดท้ายด้วยการชนต้นไม้เล่นเอาจุกอัค

   ผงกหัวขึ้นมาเห็นกลที่หลุดจากใยแล้วกำลังกระโดดซัดกับพวกแมงมุมนัวเนีย เล่นเอาผมแทบอยากพุ่งเข้าไปนับเวลาแบบกรรมการมวยปล้ำที่ชอบดู

   หมาป่าตัวโตทั้งข่วน ตะปบ กัด ฉีกกระชากน่ากลัวหลายๆ

   อู๊ดดดดดดดด!!

   เสียงร้องของหมูป่า พร้อมตัวที่เพิ่งมาจะขวิดผมที่นอนชมเวทีมวยอยู่บนพื้น จนผมต้องรีบกลิ้งหลบกลับไปอยู่ข้างๆ กลแทน เอาล่ะสิทีนี้ ทั้งแมงมุม ทั้งหมูป่า มั่วไปหมด

   ผมมองซ้ายขวาหาทางหนี ยังไม่อยากตายตั้งแต่เริ่มเกมแค่ไม่กี่วัน พอดีกับต้นไม้ต้นนึงถูกลูกหลงจากสามสปีชี่ส์จนหักโค่น เปิดทางโล่งด้านบน ความคิดแวบเข้ามาในหัว

   ปีกค้างคาวถูกกางออกมา เหมือนกลจะรู้ทันความคิดผม เขาย่อขนาดตัวลงเหลือไซส์หมาป่าทั่วไป ผมวิ่งไปคว้าเขามาอุ้มจะขอบคุณคำสาปแวมไพร์ก็ตอนนี้ ทำให้ผมมีปีกและมีพละกำลังมากกว่ามนุษย์ธรรมดา

   ฝึกบงฝึกบินไม่ต้องแล้วครับ เวลานี้ สัญชาตญาณล้วนๆ ผมขยับปีกบินขึ้นฟ้าทันที ทิ้งพวกแมงมุมกับหมูป่าเหมือนก่อม๊อบประท้วงกันอยู่ด้านล่าง

   “วัต นายบินไปทางด้านขวา จะมีทะเลสาบอยู่ พวกเราไปหยุดพักที่นั่นเถอะ”

   “ทำไมล่ะ บินไปที่หมู่บ้านเลยก็ได้นี่” ไหนๆ ก็ไหนๆ บินยาวไปเลยสะดวกกว่าลุยป่าด้านล่างเยอะ ของขายผมได้เยอะแล้ว เลเวลก็เพิ่มไปโข เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ

   “นายไม่ไหวแน่ จากจุดนี้กับหมู่บ้านยังอีกไกล เดินเท้าใช้เวลาหนึ่งวัน แบบนั้นนายคิดว่าจะบินไปโดยอุ้มฉันไปด้วยไหวหรือไง” เจ้าขนนุ่มในอ้อมแขนพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียด โอเค ผมเปลี่ยนใจทันที ชิ เพราะผมวิ่งหนีมดร่วงลงไปจุดที่กลอยู่แท้ๆ ดูเหมือนจุดนั้นจะต้องอ้อมไกลกว่าจะถึงหมู่บ้าน เอาเถอะ ถ้าผมไม่โดนมดไล่ คงไม่เจอกล ขอบคุณเหล่ามดทั้งหลาย

   “นายคอยบอกทางแล้วกัน ฉันจะบินตามที่นายบอกเอง”

หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-03-2015 12:59:32
Lv.2 I believe I can fly (ต่อ)

   ผมเป็นค้างคาวให้หมาป่านำทางอย่างว่าง่าย บินจนปีกแทบหลุดพวกเราก็โผล่มายังที่หมาย เห็นทะเลสาบกว้างสีฟ้าใส สะท้อนแสงอาทิตย์สวยงาม แสบตาจนผมแทบร่วงลงพื้น ใจผมมโนไปไกล จะลงจอดบนพื้นอย่างสวยงามให้ได้

   ความจริงมันโหดร้ายครับ พื้นหญ้านุ่มๆ ที่ผมเล็งไว้ กลายร่างเป็นน้ำใสเห็นปูปลา ถลาลงน้ำดังตูม ความเย็นของน้ำช่วยลดความร้อนของแดดได้เป็นอย่างดี ผมชักไม่อยากขึ้นแล้วสิ...

   “เมื่อกี้ฉันเห็นบ้านคนลิบๆ พวกเราแวะไปที่นั้นดีกว่า”

   ผมหันไปมองกลในร่างหมาป่า ว่ายถ้าหมาตกน้ำกลับเข้าฝั่ง แล้วไปสะบัดขนไล่น้ำ แถมมีเหยียดแข้งเหยียดขาอีกต่างหาก แสดงว่าเปลี่ยนร่างนี้บ่อย ดูชินซะเหลือเกิน

   อยากเนียนเล่นน้ำต่ออีกหน่อย แต่กลัวหมากระโดดงับคอ ผมเลยว่ายขึ้นฝั่งบ้าง บิดเสื้อไปตามประสา

   “อ้าว ทำไมนายไม่กลับร่างคนล่ะ หรือชอบอยู่ร่างนี้”

   ได้ทีผมเลิกคิ้วมองแบบเท่ๆ บ้าง ตะกี้ได้ยินเหมือนเสียงหมาถอนหายใจ กลเดินนำผมอีกเช่นเคย เขาบอกว่าเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด แล้วถ้าเดินตามหมาหนิ มอนจะกัดผมมั้ยครับ

   “ไม่ได้ชอบ และไม่ได้เกลียด เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่ามีระยะเวลากำหนด ต้องรอเวลาถึงจะกลับเป็นแบบเดิมได้”

   ผมพยักหน้ารับอือออไป ระหว่างทางเจ้าตัวบอกว่าเขาเปลี่ยนเป็นหมาป่าได้ทุกเวลาที่ต้องการ แลกกับการรอเวลาหมดแล้วกลับเป็นคนเหมือนเดิม สามารถเปลี่ยนร่างได้แค่สองไซส์ ขนาดหมาป่าธรรมดาทั่วไป กับขนาดใหญ่ไว้ฟัดกับมอน ผมแอบเติมในใจ เป็นพาหนะของผมด้วย

   แถวบริเวณนี้หญ้าไม่รก ต้นไม้ขึ้นไม่หนาเท่ากับทางที่พวกผมผ่านมา เราเดินเลอะตามริบทะเลสาบไป จนเห็นบ้านไม้หลังหนึ่ง ผมเลยลองเข้าไปเคาะดู

   “สวัสดีครับ มีใครอยู่มั้ยครับ” ไม่นานประตูไม้ก็เปิดออก เผยให้เห็นเจ้าของบ้าน

   “พวกนักเดินทางเรอะ มีธุระอะไร”

   ชายวัยกลางคนจ้องเขม็งมาทางพวกผม เขาเป็นชายตัวสูงใหญ่ มีผ้าพันตรงหัว หนวดปิดไปครึ่งหน้า ในมือถือเครื่องมือช่างไม้เอาไว้ด้วย ผมพอรู้อาชีพเขาแล้วล่ะ มิน่า ระหว่างทางเดินมาถึงได้เห็นตอไม้ประปราย

   “พวกผมหนีมอนสเตอร์มา เลยอยากจะขอพักชั่วคราวสักหน่อย”

   “พวกผม? ไหน ข้าเห็นแค่เอ็งคนเดียว ไอ้หมาป่านี้สัตว์เลี้ยงเอ็งสินะ” เขาหรี่ตามองกลเหมือนไม่ค่อยวางใจ ผมเลยหันไปมองให้กลพูด เจ้าตัวส่ายหัวแล้วบอกผมว่า

   “คนที่ฟังฉันออก มีแค่คนที่อยู่ปาร์ตี้เดียวกันเท่านั้น”

   ผมไม่สงสัยแล้วสิ ทำไมก่อนหน้านี้กลถึงบอกว่าตัวเองโดนเข้าใจผิดจนโดนคนอื่นไล่ฆ่า

   “อ่า...จะว่างั้นคงไม่ใช่ มันเป็นเพื่อนผมครับ รับรองว่าเชื่อง รู้ความ ปลอดภัย ไม่ก่ออันตรายใดๆ แน่นอน เดี๋ยวผมแสดงให้ดู กลขอมือ”

   ผมแบมือไปด้านหน้า กลท่าทางลังเล มองผมสลับกับช่างไม้ที่ดูเหมือนยังไม่วางใจ สุดท้าย อุ้งเท้าหมาป่า เลยวางแปะบนมือผม ชักเริ่มสนุกเลยสั่งต่อ

   “กลหมอบ” เจ้าตัวก็ทำตาม

   “กลนอน” หมาป่าลงไปนอนเป็นพรมขนสัตว์คลุกดิน

   “กลเต้น Ma Boy” ทีนี้ล่ะครับ งานงอกเลย หมาป่าแสนองอาจ ถึงกับหูลู่หางตก ส่ายหัวดิกๆ ลูกเดียว จ้องเขม็งใส่ผมอีก อะไรฟะ เห็นสาวๆ เด็กออกจะแจ่ม อยากเห็นหมาป่าเต้นบ้างอะ ไม่ใจเลยกล

   ช่างไม้คงจะสงสารกล จ้องเหมือนผมเป็นคนรังแกสัตว์ แล้วถอยหลบให้พวกผมเข้าไปในบ้าน

   “พอ ข้าเชื่อแล้ว แต่มันต้องพิสูจน์อีกหน่อย ไปตัดฟืนให้ข้า ถ้าตัดได้หมดก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ข้าถึงจะให้พวกเอ็งเข้ามาพักในบ้าน” นายช่างชี้ไปข้างบ้านที่มีท่อนไม้กองสุ่มเป็นกองบะเร่ออยู่ ผมกลืนน้ำลายอึก นายช่างมองดูถูก คงคิดว่าผมตัวซีดดูสบายคงทำไม่ได้แน่ๆ

   งานนี้ผมไม่ยอมให้โดนดูถูกหรอก มาดูซะมั้งว่าระดับค้างคาวแรงเย่ออย่างผมจะจัดการท่อนไม้พวกนี้เสร็จตอนไหน พอหันมามองข้างตัวเห็นกลกำลังแยกเขี้ยวขู่ใส่ ผมสะดุ้งถอยหลังทันที

   “นายคิดยังไงให้ฉันเต้นบ้าๆ ห๊ะ” อุ๊ย พ่อหมาป่าสุดหล่อเคืองซะแล้ว

   “ก็...กลัวว่านายช่างจะไม่เชื่อไง ฮ่าๆ ไม่เอาหน่า เดี๋ยวชดใช้ให้ด้วยการช่วยอาบน้ำเลย ร่างนี้คงอาบไม่สะดวกเท่าไหร่หรอกมั้ง”

   เหมือนข้อเสนอผมจะเป็นที่พอใจหมาป่า เลยยอมหยุดขู่เดินตามมานั่งให้กำลังใจผมตัดฟืน มือคว้าหยิบขวานที่ปักบนตอไม้มาขยับนิดหน่อยให้ชินมือ แล้วเริ่มผ่าฟืน โดยมีหมาป่าคลุกดินอ้าปากหาวเป็นแบล็คกราว

   นายช่างละมือจากการไม้ตรงหน้า หันไปมองทางหน้าต่าง เห็นตะวันกำลังล้าลับขอบฟ้า ยกมุมปากยิ้มเยาะคิดว่าไอหนุ่มละอ่อนที่โผล่มาคงทำไม่ได้แน่ เขาเดินออกมาดู เห็นไอหนุ่มกับหมาป่าเดินออกมาจากป่าพอดี ในมือกับบนหลังหมาป่ามีผลไม้เต็มไปหมด

   ของพวกนี้ใช่ว่าจะหายากอะไร แต่จำนวนขนาดนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อยแน่

   “ไอหนุ่ม ตัดฟืนให้ข้าเสร็จแล้วเหรอไง ถึงได้ไปเดินเล่นในป่าหาผลไม้แบบนี้” เขาพูดอย่างหัวเสีย เด็กสมัยนี้ไร้ความอดทนจริงๆ

   “ตัดเสร็จแล้วดิลุง อะ ผมแบ่งผลไม้ให้”

   ผมเห็นลุงโกรธจนหนวดกระดิก เลยส่งผลไม้สุกหอมไปให้หลายลูก เจ้าตัวฮึดฮัดแต่ก็รับไป แล้วจ้ำอ้าวไปดูที่เก็บฟืน เห็นฟืนทั้งหมดเรียงเก็บไว้เรียบร้อยเลยมีท่าทีอ่อนลง คงพอใจไม่น้อย

   “ใช้ได้หนิ พวกเอ็งเข้ามานอนในบ้านข้าได้ ไปอาบน้ำซะให้เรียบร้อยไป”

   มือหยาบโบกไล่ ผมรับคำเสียงระรื่นเลยโดนเขกหัวไปที เล่นเอาเจ็บจนน้ำตาเล็ด พวกเราไปที่ทะเลสาบ ล้างผลไม้ที่เก็บมาด้วย

   ผมลากกลลงน้ำ ใช้มือช่วยลูบเกาทำความสะอาดให้อย่างดี รับประกันฝีมือด้วยนายท่านที่ถูกผมจับอาบน้ำจนเคลิ้มได้

   หมาป่าหลับตาพริ้ม พออาบเสร็จก็ตาผมอาบต่อ กลเรียกผ้าขนหนูออกมาจากช่องเก็บในสร้อยคอเขี้ยวหมาป่า เขาบอกว่าใช้เป็นกระเป๋าไม่สะดวกเวลาอยู่ในร่างหมาป่าเท่าไหร่ เลยใส่เป็นที่เก็บของอย่างเครื่องประดับพวกสร้อยคอแทน เห็นเท่ๆ แบบนี้ ผมว่าราคามหาโหดแหงๆ

   “มาเดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้”

   ผมหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาเช็ดตัวให้หมาป่ากลจนเรียบร้อย พวกเราถึงเดินเข้าบ้านนายช่างกัน พระอาทิตย์ตกดินพอดี

   พอเข้ามาด้านใน ดูน่าอยู่กว่าด้านนอกซะอีก ทุกอย่างทำด้วยไม้ทั้งหมด ขนาดข้าวของเครื่องใช้บางอย่างยังทำจากไม้ เห็นเจ้าของบ้าน ก้มๆ เงยๆ อยู่ใกล้เตาผิง กำลังโยนฟืนเข้าไปเพิ่มความอบอุ่นภายในบ้าน

   “หาที่นอนกันเอง บ้านข้าไม่หรูแบบโรงแรม ไม่มีบริการอะไรให้ทั้งนั้น”

   ความหวังว่าจะมีของกินอร่อยๆหลังจากทำงานจนเหนื่อยหายลับไปในพริบตา ผมเดินคอตกเลือกมุมห้องรับแขกที่พอจะนอนได้ กลเอาผ้าปูผ้าห่มกับหมอนออกมาให้ พวกเรานั่งจ๋องแทะผลไม้กันไปพลางๆ ถึงมันจะอร่อยแต่ไม่อยู่ท้อง

   ผมลูบท้องแห้งๆ ของตัวเอง ได้ยินเสียงโครกครากเป็นดนตรีประกอบ กระเป๋าพวกเราไม่มีของที่กินได้เลยซะด้วย กลที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ เอาหัวมาเกยตักผม กลดูวางใจผมมากกว่าตอนแรก ถือเป็นการเริ่มต้นของมิตรภาพที่ดี

   “ออกไปล่าสัตว์มาทำกินมั้ย”

   “ไม่เป็นไร ฉันพอทนได้ กินผลไม้ประทังชีวิตไปแล้วกัน” ผมใช้น้ำเสียงที่ดูหงอยน่าสงสารที่สุด หางตาแอบเหลือบมองหลังนายช่างที่กระตุกเป็นระยะ ใครบอกว่ามีแต่ผู้หญิงที่มารยาเก่ง ลองเจอมารยาผู้ชายมั้งแล้วจะหนาว

   หมาป่าบางตัวดันรู้ทันผม แลบลิ้นเลียแก้มแกล้ง จั๊กจี้เกือบหลุดขำ ถ้าแผนแตกฉันจับนายมาทำสเต็กหมาแน่กล

   “เอาไปกิน ข้ารำคาญเสียงท้องร้องเอ็งหรอกนะถึงได้ให้ กินๆ แล้วก็นอนไปซะ ห้ามมารบกวนข้าทำงาน” เนื้อตากแห้งพร้อมขนมปังถูกส่งมาให้ผม

   “ขอบคุณมากเลยฮะลุง นอกจากจะหล่อแล้วยังใจดีอีกต่างหาก”

   ได้ทีต้องชมเข้าไป คนแบบนี้เป็นพวกบ้ายอ ด้วยเหตุนี้ผมเลยได้แยมผลไม้มาทาขนมปังเพิ่มอีก พวกผมแบ่งกันกินจนอิ่มแปล้ ปิดท้ายด้วยน้ำเย็นจากธรรมชาติ ชื่นใจสุดๆ

   หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ผมเอนตัวลงนอน ใช้ตัวกลเป็นหมอนข้างให้ความอบอุ่น

   “ราตรีสวัสดิ์กล ฝันดีนะลุง” บอกลาเสร็จ ผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราแสนสบาย กลราตรีสวัสดิ์ผมกลับ ส่วนลุงแกแค่บอกเออ ผมถูแก้มกับขนหมาป่า ทั้งหนาและนุ่ม หลับฝันดี

   หลังจากค้างคาวจอมมารยาหลับไปได้ไม่นาน ร่างของใครบางคนก็เริ่มเปลี่ยนไป จากหมาป่ากลับมาเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาตามเดิม

   นายช่างเห็นความผิดปกติเลยแวะเดินมาดู  เห็นหมาป่าหนุ่มทำหน้าเหมือนถูกผีอำ เพราะมีเจ้าตัวกวนยกขาก่ายแทนหมอนข้าง เขามองภาพพวกนั้นด้วยความเอ็นดู วันนี้ยอมไม่ทำงานตอนกลางคืนสักวันก็แล้วกัน เด็กทั้งสองจะได้หลับแบบไม่มีเสียงรบกวน

   เจ้าของบ้านเดินออกไปด้านนอก แหงนหน้ามองพระจันทร์ลอยเด่น ยกมือโบกไปมาบนอากาศ เรียกหน้าจอขึ้นมาติดต่อไปหาอีกคน เจ้าหนูนั้นคงยังไม่รู้ว่าเกมนี้เอ็นพีซีที่เป็นชาวบ้าน ไม่ได้ถูกสร้างมาด้วยระบบ แต่เป็นคนจริงๆ มาแสดง เพื่อการตอบโต้ที่หลากหลายสมจริง พร้อมสอดส่องความเป็นไปของผู้เล่นด้วย โดยคนพวกนั้นถือว่าเป็นพนักงานของบริษัทสร้างเกม

   “ฉันเจอแล้ว นิสัยเหมือนเดิมไม่มีผิด ขนาดไม่ได้เจอตั้งหลายปี” น้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิม เป็นเสียงทุ้มนุ่มดั่งเดิมไร้การปรุงแต่ง

   “อืม รู้แล้ว ขอบใจที่ช่วยดูให้ เขาเป็นไงบ้างล่ะ”

   “ก็ปกติ ดูสนุกกับเกมดี นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เจ้าตัวมีคนน่าสนใจอยู่ด้วย ท่าทางจะร้ายลึกไม่ใช่เล่น”

   “หมายความว่าไง?”

   “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร ดำเนินตามแผนการเดิม เตรียมตัวพร้อมไว้ดีๆ”

   “หึหึ แน่นอน งานนี้ฉันไม่พลาดแน่”
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: lazymonkey ที่ 24-03-2015 13:10:56
 :katai2-1: :katai2-1: อัพรวดเลย!~~ ฮิ้วววว มาจิ้มไว้ก่อนค่ะแล้วค่อยไปตามอ่าน555
ปล.สารภาพ...ตอนแรกอ่านเป็นติดคำสาปหมูป่า!! Q[    ]Q
ปลล......อันนี้สงสัยส่วนตัวค่ะ ตรงแมงมุมที่บอกว่ามันมีตาหกคู่นี่คือสิบสองตาเลยหรือเปล่า =.= //หรือพิเศษเฉพาะในเกมหว่า..เพราะปกติมันมีสี่คู่แปดตา...ถ้าเข้าใจผิดก็ขอโทษนะคะ _ _'
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: lazymonkey ที่ 24-03-2015 13:49:27
เพิ่มๆ...คำผิดค่ะ(เท่าที่เห็นน้าาา)  มีคำว่าใบจริงๆแล้วต้องเขียนใยใช่ไหมค่ะ แล้วก็หลรก>>หลีก / เจริน>>เจริญ
ขอบคุณที่มาอัพเยอะๆนะค้าาาา ฮิ้วววว~~
ปล.ขอคู่คุณพี่ชายกับเพื่อนวัตด้วย!! OwO please~~~
 :-[ :-[ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 24-03-2015 21:12:19
ปูเสื่อจองก่อน อัพเยอะดี เดี๋ยวค่อยๆตามอ่าน
ขอตินิดนึงนะคะ ส่วนตัวไม่ใช่คนที่ทุกตัวอักษรต้องดีหรอก แต่ว่าจะอคติกับนิยายที่ใช้ คะ ค่ะผิดมาก แต่ไม่เป็นไร พล็อตน่าสนใจจะพยายามอ่านต่อ
ยังไงก็แก้หน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-03-2015 02:07:02
อิอิ ว่าแต่คุณหมาเป็นใครกันน๊า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 25-03-2015 14:55:52
เพิ่งอ่านจบค่ะ สนุกจังเลย รอตอนต่อไปนะคะ จะถล่มรังหนูได้มั๊ยนี่ และยัยเจ้นมโตนั่นเป็นอะไรมากป่ะ o18
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 25-03-2015 19:18:07
อุ้ยๆๆ น่าสนใจมากเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 25-03-2015 20:03:48
 :3123: ชอบๆๆๆ   สนุกดี o13
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.1-4]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 02-04-2015 01:52:03
Lv.3 อาวุธชิ้นแรก

   วันรุ่งขึ้นกลก็กลับมาเป็นคนเหมือนเดิมแล้วครับ แอบเสียดายนิดหน่อย ร่างหมาสะดวกดีผมไม่ต้องเดิน แถมขนนุ่มเหมาะจะใช้เป็นหมอนข้างเวลานอนยิ่งนัก

   นายช่างเริ่มโขกไม้โป๊กๆ ตั้งแต่เช้า แกะสลักงานฝีมือขะมักเขม้น มีเหล่มามองพวกผมเป็นระยะ ขณะผมกำลังเก็บข้าวของส่งให้กลเก็บใส่สร้อยตามเดิม

   “พวกเอ็งจะไปกันแล้วใช่มั้ย”

   ยัดผลไม้ใส่กระเป๋าเสร็จ เจ้าของบ้านละจากงานเดินเข้ามาหาพวกผมด้วยสีหน้าอึมครึมแบบเดิม ผมเลยพยักหน้าตอบกลับไปตามมารยาท

   “ใช่แล้วลุง ขอบคุณที่ให้พักนะ”

   ดวงตาสีหมึกของหมาข้างตัวมองเร่งให้ผมรีบตามไปจะได้ออกเดินทางเสียที ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเกิดเหตุวุ่นวายอะไรอีกจะไม่ได้ไปหมู่บ้านพอดี

   ลุงแกท่าทางจะไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ มือหยาบจากการทำงานจับบ่าผมหมับแล้วยัดบางอย่างใส่มือผม พอก้มมองเห็นเป็นจดหมายฉบับนึง คือ มันจะไม่มีปัญหาเลยจริงๆ นะ ถ้าไอ้จดหมายนี้มันเหมือนปกติธรรมดาทั่วไป

   ซองจดหมายสีชมพูสวยมีกลิ่นหอม บอกได้เลยว่ากระดาษที่ใช้เขียนด้านในต้องเป็นกระดาษหอมแบบเดียวกันแน่ๆ คนหยาบๆ แบบนายช่าง ดูละเอียดอ่อนเอาใจใส่อย่างงี้ จะเป็นจดหมายอะไรไม่ได้นอกจาก...

   “จดหมายรัก?”

   “เออ! ข้าฝากเอ็งเอาไปให้คนชื่อนิคในเมืองที่พวกเอ็งกำลังจะไปหน่อย”

   เจ้าของบ้านทำเสียงดังใส่หันหน้าหนีสายตาล้อๆ ของผม แหม่ ก็อย่างว่า ชายโสดกลางป่าใหญ่ หันไปทางไหนก็เจอแต่ไม้ จะมีความรักกุ๊กกิ๊กกับสาวในหมู่บ้านก็ไม่แปลก นี้มันเหมือนพล็อตในนิยายชะมัด

   “จุ๊ๆ ลุง ไอ้เอาไปให้ก็ทำได้อยู่ แต่ไม่รู้ว่าจดหมายมันจะถึงมือรึเปล่านะ พวกผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร ร่ำๆ ว่าจดหมายอาจจะหายระหว่างทางถ้าพวกผมไม่มีกำลังใจ”

   ลองหยอดสักหน่อย ตัวละครในเกมหรือเอ็นพีซีวานให้ทำอะไรแบบนี้ จะเป็นอะไรไปได้ นอกจากภารกิจ แถมดูเหมือนจะเป็นภารกิจลับซะด้วย จะถามว่าทำไมผมถึงคิดว่าเป็นภารกิจลับน่ะเหรอ

   คุณลองคิดเอาแล้วกัน ที่ไหนมีภารกิจแล้วให้ของดีๆ ที่นั่นต้องมีคนไปป้วนเปี้ยนเยอะๆ สิ แถวนี้มีใครที่ไหน จะหันซ้ายหันขวาหันหลังก็มีแต่ป่า หันหน้าก็เจอแค่ทะเลสาบ ทางโล่งไร้คนแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นภารกิจที่ไม่มีใครรู้มาก่อน หรือถึงจะรู้ก็ไม่แพร่หลายแน่ๆ

   ซึ่งไอ้พวกภารกิจแบบเนี้ยมักจะได้ของดี ไอ้วัตคนนี้ไม่คิดจะปฏิเสธหรอก ขอเล่นตัวนิดหน่อย เผื่อจะได้ของเพิ่ม

   “เฮอะ! ถ้าพวกเอ็งทำสำเร็จ ข้าจะให้รางวัลแล้วกัน รีบไปได้แล้ว รับจดหมายกลับมาให้ข้าด้วย!”

   “คร้าบๆ ผมจะดูแลรักษาปกป้องจดหมายรักของลุงอย่างดีเลย ยังไม่อยากทำบาปให้คนแก่ขึ้นคาน” พูดพลางเหล่มองคนแก่ที่ถูกกล่าวหา เหมือนหนวดกระดิก เสริมเอฟเฟคควันออกหู ไล่ตะเพิดพวกผมออกจากบ้านอย่างด่วน

   “รีบไสหัวไปเลยไอ้พวกเด็กบ้า!!”

   “แล้วจะรีบกลับมาหานะลุงงงง”

   ผมโบกมือลาแสนอารมณ์ดี กลทำหน้าเหมือนคนกำลังคิดหนัก ได้ยินพึมพำว่าเจ้าตัวไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย หึหึ นายมากับฉันจงยอมรับผลกรรมถูกเหมารวมไปซะเถอะเพื่อนเอ๋ย

   “ขอดูรายละเอียดภารกิจหน่อย”

   กลกลับเข้าเรื่อง เขาหันมาแบมือขอดูซองจดหมาย ผมเองไม่หวง ยังไงก็ทำเควสร่วมกัน ปาร์ตี้เดียวกันนี่นา เลยยื่นส่งให้เขาไป รายละเอียดก็ไม่มีอะไรมาก

   ชื่อ : จดหมายรักแทนใจนายช่างจอมซึนกับคุณชายง้องแง้ง
   เงื่อนไข : ต้องมีปาร์ตี้สองคน ทั้งคู่ต้องเป็นผู้ชาย และมานอนค้างคืนที่บ้านของนายช่าง
   รายละเอียดภารกิจ : จดหมายรักจากนายช่างส่งให้คนที่แอบชอบมานาน หากได้จดหมายตอบกลับมาจะเพิ่มโอกาสได้ของรางวัลระดับแรร์

   พวกผมมองหน้ากันทันที รู้สึกชื่อกับเงื่อนไขมันแหม่งๆ อยู่นะ เอาเถอะผมเป็นพวกไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้ในหัวมีแต่จะทำยังไงให้คนรับจดหมายส่งจดหมายกลับมาดี ผมอยากได้ของแรร์ พวกของแรร์คือของหายาก ที่ไม่สามารถหาได้ทั่วไป มักจะมีคุณสมบัติพิเศษติดมาด้วย แบบนี้จะพลาดได้ไง

   “อย่าไปสนใจรายละเอียดเลย เรารีบไปหมู่บ้านนั้นกันเถอะ อีกไกลรึเปล่ากล”

   ไม่ต้องคาดคะเนระยะทางให้เสียเวลา ในเมื่อผมมีเครื่องนำทางหน้าหล่ออยู่ข้างตัวแล้ว หากหลงกันยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง เรามีบริการหมาป่าจมูกไวตามหา ต่อให้ผมเดินหายไปไหน เชื่อเถอะว่ากลต้องหาผมเจอแน่ๆ

   “อืม เดินทางเท้าวันนึง ถ้าเราเจอคาราวานพ่อค้าคงถึงเร็วขึ้น สักประมาณครึ่งวัน”

   “ไอ้คาราวานพ่อค้าที่นายบอก ทางข้างหน้านั่นใช่ปะ”

   ผมชี้ไปทางป่า เพราะพวกเราได้คำสาปเอื้อประโยชน์ ระยะไกลขนาดนี้ก็ยังเห็นถนนดินกับคาราวานที่กำลังเคลื่อนผ่านไปด้วย ตอนนี้พวกเรายังเดินเลาะแถวริมทะเลสาบ คนพวกนั้นยังไม่เห็นเรา

   “ไม่มั่นใจ นอกจากคาราวานพ่อค้า ยังมีพวกขบวนอื่นๆ ด้วย”

   “ขบวนอื่นๆ ที่ว่ามันเป็นยังไง” หันไปถามพลางเดินแหวกพุ่มไม้กิ่งไม้เพื่อเข้าไปดูใกล้ๆ บอกแล้วครับ เกมนี้ถูกสร้างขึ้นมาเสมือนจริง ไอ้คาราวานข้างหน้าไม่รู้จะเป็นของแท้หรือของเก๊

   “แง่ดีคือชาวบ้าน พ่อค้าหรือคณะละครสัตว์ที่กำลังเดินทาง แง่ร้ายอาจเป็นพวกโจร”

   กลลดเสียงเบาลง พวกเราเริ่มเข้ามาใกล้เป้าหมายแล้ว เหมือนเป็นขบวนผสมระหว่างคณะแสดงกับพวกพ่อค้า เพราะมีทั้งเกวียนสวยๆ กับพวกเกวียนใส่ของ

   “โอ๊ะโอ เรามาเจอของดีกันรึเปล่า” ผมผิวปากชอบใจ ความจริงแล้วกลอาจจะเป็นตัวนำโชคสำหรับผมก็ได้ ได้ทั้งภารกิจลับแล้วยังเจอคณะเดินทางน่าสนใจ

   โดยปกติขบวนพ่อค้ากับคณะนักแสดงมักเดินทางใครทางมัน เพราะจุดมุ่งหมายต่างกัน แต่นี่มาเดินทางด้วยกันแสดงว่าต้องมีอะไรพิเศษแน่ คนข้างตัวหยิบหมวกขึ้นมาสวมปิดหู ดึงผ้าขนสัตว์สีเดียวกับขนเจ้าตัวมาพันเอวปิดหาง กลายเป็นชุดกึ่งขนสัตว์สุดเท่ไปแล้ว

   ปลอมตัวเหมือนตอนที่เจอผมร่วงลงมาใส่หัวหมูครั้งแรก ดูๆ ไปกลรสนิยมดีไม่เลวเหมือนกัน ยังไงก็ดีกว่าเจ้าเพื่อนไวไวของผมที่ตอนนี้ไม่รู้ไปโชว์บ็อกเซอร์กับขนขายุบหยับอยู่ที่ไหน

   “ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วยล่ะ จะว่าไป หมวกก็ไม่ค่อยเข้ากับชุดสักเท่าไหร่นะ”

   เจ้าตัวหันมามองหน้าผมนิ่งๆ

   “ถ้าพวกนั้นรู้ว่าฉันเป็นเผ่าหมาป่าจะระวังตัวกว่าเดิม”

   กระจ่าง ดีที่ผมเหมือนชาวบ้านปกติแค่ผิวซีดกว่าคนทั่วไป หูแหลมยังพอเนียนได้อยู่เพราะผมปิด เขี้ยวนี้ก็ไม่ได้ยาวจนเด่นขนาดนั้น ถ้าพูดถึงตอนผมดื่มเลือดแล้วกัน มันงอกยาวเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าแหนะ ด้วยเหตุนี้ผมเลยไม่ต้องปลอมตัวอะไร พวกเราหันมาพยักหน้าให้กันแล้วเดินเนียนเข้าไปหา

   “สวัสดีครับ พวกคุณกำลังจะไปที่หมู่บ้านใกล้ๆ นี้รึเปล่า”

   ผมออกหน้ายิ้มแบบเป็นมิตรที่สุด แถมชุดที่พวกเราใส่ยังเป็นชุดสบายๆไม่มีเกราะหรือถืออาวุธน่ากลัวอะไร พ่อค้าตรงหน้าเลยเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ

   “ใช่ เรากำลังจะไปที่หมู่บ้าน คงจะมาคุ้มครองขบวนข้าล่ะสิ นู่น ไปนู่นเลยอยู่ท้ายแถว”

   หัวหน้าพ่อค้าพยักหน้าไปทางด้านหลังขบวนที่มีพวกชายสามคนกับผู้หญิงหนึ่งคนอยู่ ดูท่าจะเป็นผู้เล่นเหมือนกับพวกผม มาตอมกันชุกชุมขนาดนี้แสดงว่าขบวนพ่อค้ามีภารกิจได้ของล่ะสิ จ้องผมกับกลใหญ่เชียว คงคิดว่าจะมาแย่งภารกิจมั้ง

   กลละสายตาไม่สนใจ ผมยักไหล่ เป้าหมายเดิมของพวกผมแค่อยากจะเกาะติดไปด้วยเพื่อลดระยะเวลาในการเดินทางเท่านั้นเอง เลี่ยงความวุ่นวายที่จะทำให้งานงอกเพิ่มได้ ก็จงเลี่ยงเถอะนะ เพื่อชีวิตอันสดใส และราบรื่นต่อไป

   “ไม่ใช่ๆ พวกเราแค่อยากจะติดขบวนของท่านไปในหมู่บ้านเท่านั้นเอง”

   “ขบวนเราไม่ใช่การกุศลหากพวกเจ้าอยากจะขึ้นต้องจ่ายเงินมาก่อน”

   โป๊ะเช๊ะ ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่ พวกพ่อค้ามักหน้าเลือดเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ผมหันไปสะกิดตู้เงินเคลื่อนที่ของผม กลแค่มองนิ่งๆ แล้วถอนหายใจ คงปลงว่าตลอดการเดินทาง เขาต้องเป็นคนออกเงิน งัดข้าวของมาใช้ทุกอย่าง

   แหงล่ะ ผมเพิ่งมาเล่น เข้าเมืองก็ยังไม่เข้า ของติดตัวมีแต่ของฟรีได้จากกล กับหนังกับเขี้ยวของหมูป่าที่จะเอาไปขาย อ่อ มีต่อมพิษแมงมุมด้วย แอบฉวยมาได้สองสามอันระหว่างการหนี

   กลเรียกของบางอย่างออกจากสร้อยมาไว้ในมือ ส่งให้พ่อค้าที่รับไปด้วยดวงตาพราวระยับ เปลี่ยนท่าทีจากตอนแรกเป็นดูแลพวกเราอย่างดี เชิญให้ขึ้นไปนั่งบนเกวียนสบายๆ

   “นายให้อะไรไปน่ะ” ผมสงสัยจริงๆ นะ มูลค่าคงไม่ใช่น้อยๆ แบบนั้นใช้เงินจ่ายไม่ดีกว่าเรอะ

   “หินธาตุไฟ เป็นหินระดับสูง หากนับไปตีกับอาวุธ จะทำให้อาวุธชิ้นนั้นใช้พลังธาตุไฟระดับล่างได้หนึ่งบท ดูเป็นของมีค่า แต่ถ้าคนที่รู้แหล่งเก็บมันแล้วล่ะก็ ไม่ต่างจากขยะดีๆ นี่เอง ฉันพูดถูกมั้ยล่ะ”

   เสียงนุ่มหวานดังมาจากส่วนด้านในของเกวียน ผมหันไปมองตามเสียงเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งยิ้มให้พวกเราอยู่ เธอมีผมยาวหยักศกสีทองสวย ผิวขาวอมชมพู ชุดคลุมยาวดูเหมือนจะเป็นพวกนักเวท เสียแต่ไอ้ชุดที่ว่าเป็นโทนสีเข้ม เวทสายมืดแหงๆ

   “พวกนายไม่เลวเหมือนกันนี่ คงจะรู้มาสินะ ขบวนนี้จะไม่ให้ของหรือเควสอะไรถ้ามาคุ้มกันหรอก ต้องมาเป็นลูกค้าต่างหาก”

   “หึหึ ใครจะไปยอมเหนื่อยแบบไม่ได้อะไรอย่างพวกนั้นกัน”

   ขอโทษเถอะครับ พูดเหมือนจะรู้ดีนะผมอะ จริงๆ ไม่รู้ร้อก ตูเพิ่งเข้ามาเล่นเกมได้แค่ไม่กี่วัน กลเองมันยังไม่รู้เลย ผมสังเกตเห็นเจ้าตัวแล้วคิ้วกระตุกไปนิดนึง ก่อนกลับมาตีหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามเดิม เนียนยิ่งกว่าผมอีกครับคู๊นนน

   ผู้หญิงคนนี้สวยก็จริง ดูแล้วน่าจะร้ายพอดู เกิดเผยว่าเป็นไก่อ่อนคงโดนฉวยโอกาสทับถมพอดี แม้ว่าผมจะปล่อยไก่ไปตัวตอนขึ้นเกวียน เอาน่า เจ้แกคงไม่ทันนึกหรอก

   ผมมองออกไปด้านนอก มองสำรวจอะไรไปเรื่อยเปื่อย มีมอนสเตอร์เข้ามาจู่โจมเป็นระยะ พวกคนที่ตามอยู่ท้ายขบวนจัดการซะเรียบ เป็นอย่างที่กลบอกจริงๆ มากับขบวนนี้การเดินทางไวขึ้น เหมือนมันจะมีบัพ เป็นตัวเพิ่มความสามารถทำให้เคลื่อนที่ได้ไวขึ้นเท่าหนึ่ง

   เจ้คนนั่นยังจ้อไปเลิก หลังๆ ชักจะลามมาถึงกลที่พยายามทำตัวเหมือนสินค้าอีกชิ้นหนึ่งบนเกวียน เกาะแขนออเซาะสุดๆ ผมมองหน้าอกที่ดันๆ แขนกลด้วยความหงุดหงิด...

   อิจฉา! อิจฉาเฟ้ย!! ทำไมไม่มาเกาะผมมั่ง หรือเดี๋ยวนี้สาวๆ เลิกชอบแวมไพร์เรอะ

   “คุณลูกค้าครับ พอดีเรามีอะไรบางอย่างจะไหว้วานสักหน่อย”

   พ่อค้าคนเดิมโผล่มาดึงความสนใจจากพวกเราไป ผมกับกลเฉยๆ ไม่คิดจะไปทำภารกิจนอกเหนือจากที่รับมาให้เสียเวลาอยู่แล้ว ทางสาวสวยนี่สิ ตาวาวพราวระยับอย่างรอคอยเวลานี้มานาน

   “พวกเราจะหยุดขบวนกันสักครู่ ใกล้ๆ ป่านี้มีสิ่งหนึ่งที่พวกเราอยากได้มาก หากไม่เป็นการรบกวนเกินไป ช่วยไปนำมาให้ได้หรือไม่”

   “ได้สิ ฉันใจกว้างอยู่แล้ว เจ้าพ่อค้า นายรอของจากฉันได้เลย”

   คนงามที่ป่านนี้ผมก็ยังไม่รู้ชื่อจนเริ่มจะหมดมุกสรรหาสรรพนามมาเรียก รับคำโดยไม่เสียเวลาคิด พ่อค้ายิ้มดีอกดีใจใหญ่ ไม่น่าไว้ใจมันทั้งเจ้าของภารกิจและคนทำ เอาสิ งูเจองู คงมันส์น่าดู

   “พี่ชายคนนี้ไปกับฉันมั้ยคะ พอได้ของรางวัลเราเอามาแบ่งกันสองคน” พูดแถมทำท่าปูไต่ใส่กล ถ้าเขาเอาหูหางออกมาผมคงได้เห็นหมาขนตั้งด้วยความสยอง หน้าอกนุ่มๆ เบียดแล้วเบียดอีก ให้ตาย! มาเบียดผมมั่ง ผมจะตัดสินใจไปด้วยทันทีเลย

   กลมอง... เรียกอะไรดีวะ โนตม! กลมองโนตมด้วยหางตา แกะมือเล็กออกจากแขนอย่างสุภาพ แต่วาจาคงเจ็บจี๊ดไปถึงไส้ติ่งเธอแน่ๆ

   “โทษที ผมกำลังเดินทางกับเพื่อนคงไปด้วยไม่ได้ เชิญคุณรับภารกิจเลย อีกอย่าง ผมชอบอกแบนๆ มากกว่า”
   
   ฉึก!!

   เหมือนได้ยินเสียงลูกศรปักอกดังสนั่นใกล้ๆ ผมกลั้นหัวเราะจนแทบลงไปกลิ้งกับพื้นเกวียน เธอคนนั้นหน้าแดงก่ำไม่รู้จากความโกรธหรือความอาย สะบัดหน้าพรึบเดินกระแทกเท้าลงจากเกวียนไปไม่หันมามองพวกเราอีกเลย

   พวกที่มารอรับภารกิจโดยการปกป้องขบวนพ่อค้าชะเง้อมองด้วยความสงสัย เห็นส่งสัญญาณให้กันแล้วตามผู้หญิงคนนั่นไป หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แล้วแต่ชะตาฟ้า ผมไม่ใช่คนดีอะไร กลเองก็ดูเป็นพวกเกลียดความวุ่นวาย ไม่คิดยื่นมือไปช่วยเด็ดขาด

   “ช่วงนี้เขาหยุดขบวนระหว่างรอเธอคนนั่นทำภารกิจสินะ พวกเราออกไปดูของขายกันดีกว่า เผื่อมีของดีๆ”

   ผมชวนกลลงมาจากเกวียน เห็นพ่อค้าหลายคนกระจายตัวกันไปพักผ่อนตามจุดต่างๆ บ้างก็ปูผ้าขายของให้กันเอง มีพวกคนที่ผ่านมาเข้ามาสมทบ บ่งบอกว่าตอนนี้พวกเราใกล้ถึงหมู่บ้านเต็มทีแล้ว

   ผมใช้ดวงตาสีเทาของตัวเองกวาดตามองหาร้านที่น่าสนใจ เจอเข้ากับร้านหนึ่ง พ่อค้าปิดบังใบหน้ามิดชิด ดูยังไงก็ไม่ใช่พ่อค้าปกติแน่ ผมเลือกเดินไปหาคนๆ นั้น ของที่เขาวางขายเป็นพวกยาพิษ อาวุธอันตรายต่างๆ มีอันนึงน่าสนใจ

   “พ่อค้า ลองจับหน่อยได้มะ”

   “เชิญ”

   ได้รับคำอนุญาตผมก็จัดสิ หยิบมันขึ้นมาสำรวจดู เข้าตาผมจริงๆให้ตาย เป็นเคียวเหมือนของยมทูต แต่ตัวด้ามจับเป็นสีแดงเลือดหมู ตัวคมเคียวเองก็เป็นสีแดงเหมือนย้อมไปด้วยเลือด ดูสถานะความพิเศษของอาวุธก็ตรงใจ

   แม้จะเป็นเคียว พอหมุนข้อต่อตรงช่วงกลางด้ามจับ ถอดออกมาเคาะสองสามทีผมก็ได้เคียวอีกอัน ถือสองอันแบบนี้เหมือนเคียวเกี่ยวข้าวไม่ก็ถางหญ้าเลยแฮะ ดูง่ายๆ แต่ประยุกต์ใช้ได้หลากหลายดี ผมตัดสินใจแล้ว

   “พ่อค้า อาวุธอันนี้ราคาเท่าไหร่”

   พ่อค้ายิ้มโชว์ฟันแหลมเรียงเหมือนฟันฉลาม แปลกทั้งของทั้งคนเลยวุ้ย แต่คนซื้อไม่แปลกนะผมสาบานได้

   “อยากได้งั้นหรือ ข้าขายให้ก็ได้ ข้าไม่เอาเงินหรอกนะ เจ้าต้องเอาของมาแลก”

   กลทำท่าจะเป็นเสี่ยออกเงินอีก ผมยกมือห้าม อาวุธนี้เป็นของผม อยากจ่ายเองมากกว่า ผมเลยล้วงเอาต่อมพิษแมงมุมทั้งสามอันออกมายื่นส่งให้พ่อค้า

   “พอไหวอยู่ แต่ยังไม่พอ เอามาอีก”

   คราวนี้ผมเลยหยิบกระเป๋าหนังหมูป่าของตัวเองออกมา เทขยะด้านใน เขี้ยวกับหนังของหมูป่า มือเหี่ยวย่นจับไปดูเสร็จแล้วก็โยนทิ้ง ชิ นั่นมันของที่ฉันอุตส่าห์แล่เก็บมาเองกับมือเลยนะตาแก่

   “ถ้าให้สิ่งนี้ ฉันจะยกอาวุธให้เลย”

   เล็บดำๆ ชี้มาทางผม กลที่อยู่ด้านข้างจับอาวุธกรงเล็บที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมขนสัตว์ทันที ใจเย็นโยม ปกติเห็นนิ่ง ไหงกลายเป็นหมาเลือดร้อนไปซะแล้ว

   “สิ่งนี้ของนายมันสิ่งไหน” ผมเดาท่าทางตาแก่ได้อยู่ คงหมายถึงอะไรสักอย่างที่อยู่ในตัวผม ถ้ามันไม่ใช่อวัยวะพอคุยกันได้อยู่ หวังว่าเกมนี้มันจะไม่ทำสมจริงขนาดมีการค้าเครื่องในคนหรอกนะ

   “เขี้ยว... ของแวมไพร์”

   ความเย็นเยียบแผ่ซ่านไปทั้งตัว ผมรีบมองซ้ายขวากลัวว่าใครจะได้ยิน ไม่รู้ว่าคนพวกนี้คิดยังไงกับแวมไพร์ แต่ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

   “ได้ ฉันจะให้ ขอยืมคีมหน่อย”

   พ่อค้าส่งคีมเล็กขนาดเล็กให้อย่างยินดี คิดไว้แล้วน่าจะมีพกไว้ เล่นขอเขี้ยวชาวบ้านแบบนี้ เห็นตาวาวๆ มองไปทางกลด้วย สงสัยอยากได้เขี้ยวหมาป่าเพิ่ม นั่น กลแยกเขี้ยว อีกสักพักอาจมีรายการหมาป่าฟัดพ่อค้าดับคาที่ เอ๊ะ เกมนี้มันมีข่าวหนังสือพิมพ์มั้ย?

   ผมทำใจอยู่หลายตลบ ใช้คีมเหล็กคีบเขี้ยวไว้ คงไม่ทันใจพ่อค้า มือเหยี่ยวย่นจับมือผมแล้วกระชากลงทันที เขี้ยวหลุดติดคีมแถมเลือดอาบปาก ผมลงไปกลิ้งกับพื้นร้องไม่เป็นภาษา คลุกดินแบบไม่อาย คนแถวนั้นมองด้วยความตกใจ พอเห็นว่าผมไม่ตาย ทุกคนเลยหันกลับไปเรื่องของตัวเองต่อ

   สุดท้ายผมก็ได้อาวุธคู่ใจมา แลกกับเขี้ยวอันแสนสำคัญยิ่ง แบบนี้ผมจะกินเลือดยังไง ใช้เขี้ยวข้างเดียวกัน เสียสถาบันแวมไพร์ไปหน่อยไหม

   ชื่อ : เคียวเกี่ยวข้าว
   ชนิด : อาวุธสองมือ
   สถานะ : ระดับเติบโตตามผู้เล่น
      พลังโจมตี 200
      พลังป้องกัน 1000
   สถานะพิเศษ : ลดเลือดของเป้าหมาย 1000 ทุกๆ 1 วินาที
   *หากผู้ใช้เป็นเผ่าความมืด จะสามารถดูดเลือดศัตรูมาเพิ่มให้คนในปาร์ตี้ได้*

   ช่างเป็นอาวุธที่พลังโจมตีห่วยแตกสุดๆ เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าผมเอาเคียวนี้ไปซัดกับแมงมุม ต้องตีมันร้อยทีกว่ามันจะตาย แต่ค่าพลังป้องกันกลับสูง แถมความสามารถเสริมไม่เลวทีเดียว เป็นอาวุธที่พัฒนาไปพร้อมผู้เล่นอีก เท่ากับว่าผมสามารถใช้มันได้ยาวจนไม่ต้องหาใหม่เลย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BasAGN ที่ 02-04-2015 06:14:11
สนุกมากๆเลยยยยย ฟินฉากดูดเลือด-//////-
คนแต่งมาอัพทุกวันเลยน้าาา~ สบตาให้กันปิ๊งปิ๊งปิ๊ง*o*
อยากให้มีเกมส์แบบนี้มาบ้างอ่ะ คงเล่นแบบไม่ได้นอน ฮ่าๆ
ชอบเรื่องนี้มากเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ (แอบสะกดจิตว่าจงมาอัพบ่อยๆ~เพี้ยงๆ~)
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 02-04-2015 08:09:58
อยากล๊อกอินเข้าเกมจริงๆ  มาต่อไวไวน๊า :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 02-04-2015 09:54:26
ชอบบบบบ ฉาดดูดเลือดดูดกันบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ѷanᴉ££a ที่ 02-04-2015 10:17:04
เนื้อเรื่องสนุกมากเลยจ้า

หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 02-04-2015 21:52:02
ดัน...... o13
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 02-04-2015 22:11:27
+1 ให้กับฉากดูดเลือดชวนกรี๊ด
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 03-04-2015 00:26:09
ไม่ใช่ว่ากำลังกัดคอกันอยู่ เจ๊นักเวทโนตม กับ ไวไว เปิดประตูผัวะเข้ามานะ
บันเทิงแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น  :hao7:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.5 2/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 03-04-2015 02:47:22
 สนุกดี  ชอบๆๆ
เข้าใจง่ายอยู่นะ ไม่ซับซ้บเกินไป

ฉากดูดเลือดดด~~~ มันช่างสยิวกิ๊ววว~~~
:haun4: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 03-04-2015 21:34:05
Lv.3 อาวุธชิ้นแรก (ต่อ)

   เรากลับมาที่เกวียน กลทักผมที่กำลังลูบคลำเคียวในมือจนแทบสึก

   “ได้อาวุธมามันก็ดี แต่เขี้ยวนายกว่าจะงอกกลับมาเมื่อไหร่”

   เออ นั่นดิ เขี้ยวผมไม่ได้ใช้ทำอะไรมากก็จริงในเวลาปกติ ถ้าเกิดผมบาดเจ็บสาหัสจนต้องดื่มเลือดรักษาล่ะ เชื่อเลยว่าคงไม่มีใครใจดียื่นบรรจงกรีดเลือดรินใส่แก้วมาให้ผมดื่มหรอก ของแบบนี้มันต้องพุ่งเข้าไปกัดอย่างเดียว บอกได้เลยตอนนี้ว่า....

   ซวย! ผมเลยหันไปมองกลหน้าซีดๆ มีแววจะได้ตายก่อนวัยอันควร

   “นายดื่มเลือดฉันก่อน เผื่อจะทำให้เขี้ยวงอกไวขึ้น”

   กลบอกอย่างใจดี แยกเขี้ยวให้อีกฝ่ายดู มีฟันหลอๆ อยู่ซี่นึงแบบนี้จะกัดได้ยังไง แถมมองด้วยสายตาที่คิดว่าตัวเองช่างน่าสงสารยิ่งนัก พ่อหมาป่าส่ายหัว ใช้เล็บคมๆ ของตัวเองกรีดตรงข้อมือปล่อยเลือดหอมๆ ไหลออกมา

   “ขอบใจมากกล นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลย”

   ไม่รู้ว่าไปตกลงปลงใจนับเพื่อนกันตอนไหน แต่ว่าตอนนี้ผมคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ เอาไว้ผมเทพขึ้นเมื่อไหร่จะปล่อยให้กลมาพึ่งผมบ้าง ภาวนาให้วันนั้นมาถึงไวๆ

   ผมก้มลงไปแลบลิ้นเลียละเลียดไม่ยอมให้หยดหายไปไหนแม้แต่หยดเดียว ได้ไม่มากเท่ากับผมกัดเอง ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

   ระหว่างที่ผมกำลังพยายามทำให้เลือดออกมาเสียงดังจากทางขึ้นเกวียน

   “กรี๊ดดดดดดด! พวกนายทำอะไรกัน”

   โดนรบกวนแบบนี้ ผมเลยต้องปล่อยแขนกลด้วยความเสียดายอย่างสุดแสน กลหยิบผ้ามาพันแขนไว้ พวกเราหันไปมองเจ้าของมลพิษทางเสียง

   “พวกนายเป็นแบบนี้กันนี่เอง มิน่าล่ะทำไมถึงไม่มีท่าทีอะไรกับสาวสวยอย่างฉัน”

   ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าเธอสวยนะ มาตอนนี้ผมเริ่มเปลี่ยนใจ เจ๊เข้ามานั่งบนเกวียนจ้องพวกผมเขม็ง สภาพดูมอมแมมนิดหน่อย คนที่สะกดรอยตามไปด้วยไม่กลับมาสักคน คงจะโดนจัดการไปหมดแล้ว
   
   ผมไม่สนใจแตะๆ เขี้ยวตัวเองดู เริ่มมีตอๆ ออกมานิดนึง คิดว่าใช้เวลาไม่กี่วันน่าจะงอกกลับมาเหมือนเดิม ถ้าเร็วกว่านั้นล่ะยิ่งดี หลังจากนี้คงต้องกล่อมขอเลือดบ่อยๆ ขบวนพ่อค้าเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง

   พอถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน พวกผมก็ลงทันที โดนสายตาของสาวเจ้าจ้องจนแทบพรุนไปหมดแล้ว ดีนะที่มาถึงตอนกลางคืนพอดี ไม่งั้นมีแววได้ค้างคืนด้านนอกแหง

   คณะนักแสดงและพวกพ่อค้า เริ่มลงมือทำงานของตัวเอง บางส่วนกางเต็นท์สำหรับพักผ่อนอยู่นอกกำแพงเมือง โซนของพวกนักแสดงจะมีเวทีสวยงามจัดแต่งด้วยผ้าสีสวย ด้านหน้าเวทีเป็นส่วนของพวกพ่อค้าทั้งหลาย เหมือนกับที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านี้ แต่ละคนตั้งแผงของตัวเอง คล้ายกับว่าเป็นตลาดเคลื่อนที่โดยมีการแสดงให้ชมระหว่างเลือกซื้อของ

   “กล เราดูการแสดงสักหน่อยมั้ย”

   ผมชักสนใจชวนเพื่อนร่วมทางดู หมาป่าหนุ่มเลิกคิ้วมองผมสลับกับเวลาที่เริ่มมีการแสดงเล็กๆ น้อยๆ เจ้าตัวพยักหน้าเนิบๆ ผมเลยรีบไปจับจ้องหาที่ชมการแสดงทันที ช่วงกำลังเดินผ่านม่านกั้นหลังเวที ผมได้ยินเสียงชายคนหนึ่งกำลังพูดด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม

   “เรน่าขึ้นแสดงไม่ได้ เสียงของเธอเป็นจุดขายของคณะเราเชียวนะ”

   อือหือ จงใจตะโกนซะดังให้ได้ยินโดยทั่วกันขนาดนี้ นี่ต้องเป็นหนึ่งในภารกิจแหงๆ มีผู้หญิงหลายคนนึกสนใจเดินเข้าไปเสนอความช่วยเหลือ ผมดึงแขนกลให้หยุดยืนดูเรื่องสนุกเป็นเพื่อนผม

   ชายคนนั้นให้ผู้หญิงทุกคนร้องเพลง หลายคนเสียงทนฟังไม่ได้โดนหัวหน้าคณะแสดงโบกมือไล่ บางคนเสียดีหน่อย แต่ยังดีไม่พอสำหรับคนฟัง

   “กล เราลองกันมั้งมะ”

   เจ้าของชื่อมองผมอย่างกับเป็นตัวประหลาด ก็นะ เขาต้องการนักร้องผู้หญิงนี่ ผู้ชายสองคนจะไปร้องได้ยังไง

   “ไม่มีทางรับภารกิจได้แน่”

   “เหอะน่า ฉันมีวิธี จะไปยืนร้องเลยคงไม่ได้สินะ ต้องหาตัวแทน อะ นั่นไง”

   สายตาผมเกลือบไปเห็นแม่มดที่เจอตอนอยู่บนเกวียน กำลังก้มดูอัญมณีรูปหัวกะโหลกอยู่แถวแผงขายของ สาวเจ้าดูจะชอบพวกภารกิจผมเลยถือโอกาสไปชวนมาร่วมอุดมการณ์

   “ไง เธออยากทำภารกิจของคณะแสดงรึเปล่า”

   ผมพูดเข้าเรื่อง ขืนมัวแต่อ้อมโลกเดี๋ยวภารกิจโดนคนอื่นคว้าไปพอดี ดวงตาคู่สวยหันมามองผมสลับกับกล ก่อนเบ้ปาก

   “ฉันร้องเพลงไม่เป็นหรอกนะ”

   แสดงว่าเธอได้ยินตอนหัวหน้าคณะแสดงประกาศภารกิจ เรื่องค่อยง่ายหน่อย

   “ฉันมีแผน รับรองว่าเราผ่านภารกิจนี้แน่ ถึงไม่ผ่านเธอก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรนี่ จริงมั้ย”

   จะบอกว่าผมพยายามหลอกล่อก็ไม่ผิดนัก ร่างบางนิ่งคิดไปชั่วครู่ สุดท้ายพยักหน้ารับ ผมยิ้มให้กลชวนเธอเข้าปาร์ตี้ เธอกดตกลง การจะแชร์รางวัลภารกิจคือต้องเข้าร่วมปาร์ตี้เดียวกัน

   “หวังว่าจะได้เรื่องนะ” เธอพูดมองผมเหมือนไม่ไว้ใจเท่าไหร่ ผมยักไหล่ เดินนำทุกคนไปหาหัวหน้าคณะแสดง

   “ผมมารับภารกิจร้องเพลงแทนเรน่าครับ”

   บอกเลยว่าชายตรงหน้ามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนละสายตาไปทางลิน พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ลองร้องเพลงดู ลินหันมาจ้องผมเขม็ง ราวกับบอกว่าให้ผมจัดการอะไรสักอย่าง เพราะเธอไม่คิดจะร้องเพลงเด็ดขาด ผมเลยดึงความสนใจของคนตรงหน้า

   “ผมจะเป็นคนร้อง”

   “เจ้าเนี่ยนะ!? ข้าพอเข้าใจ เจ้าอาจมีเสียงที่ไพเราะ แต่เราต้องการเสียงของหญิงสาวหาใช่บุรุษ”

   “ผมร้องได้ ให้ผมร้องเถอะ และให้ผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปยืนบนเวทีแทน”

   เห็นผมตื้อมากๆ เขาถอนหายใจ

   “ลองร้องมาก่อน”

   “ที่นี่ไม่เหมาะ หากใครรู้ว่าเป็นผู้ชายร้องเดียวจะแย่เอา ขอเปลี่ยนที่ได้รึเปล่า” เขากลอกตายอมพาพวกเราเข้าไปหลังเวที ก่อนไล่ให้ทุกคนออกไปทั้งหมด

   “ตรงนี้เก็บเสียง เจ้าจะร้องได้รึยัง”

   ผมยิ้มกว้าง หึหึ งานนี้รางวัลจะไปไหนเสีย เวลาผ่านไปชั่วครู่ คนมอบภารกิจมองผมด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ อย่าว่าแต่เขาเลย กลหรือแม่มดคนนั่นมีอาการไม่ต่างกัน

   “อะแฮ่ม ทีนี้จะยอมให้เรารับภารกิจหรือยังครับลุง”

   โดนผมเรียกสติ เขามองตาปริบๆ พร้อมกับมีหน้าต่างปรากฎขึ้นเบื้องหน้าผมกลที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้

คุณต้องการรับภารกิจ ‘ตัวแทนเรน่า’ หรือไม่
รับ
ไม่รับ

   ไม่ต้องเสียเวลาคิด ผมจับมือกลจิ้มคำว่ารับทันที ระหว่างรอแม่มดเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับขึ้นแสดง ผมนัดแนะกับคนให้ภารกิจ ให้กลเป็นคนดูต้นทาง พอแม่มดออกมาในชุดราตรีสีคราม หัวหน้านักแสดงส่งเข็มกลัดไข่มุกสีดำให้ลินกับผมคนละอัน

   “เจ้าสิ่งนี้ปกติถูกตราเวทไว้ ใช้สำหรับสื่อสารระยะสั้น เจ้าร้องเพลงใส่มัน เสียงจะออกจากอีกอัน รวมกับเวทกระจายเสียง รับรองมีคนมาชมมากมายแน่”

   เขาถูมือไปมา คงกำลังนึกถึงจำนวนเงินมากมายจากคนดู พอถึงเวลา ลินขึ้นสู่เวที ดูเธอไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด ที่ต้องไปยืนเป็นชุดเด่นแบบนั้น แต่ผมบอกได้เลยว่า เธอสวยมากจริงๆ ไม่มีชายไหนไม่หลงไหลแน่นอน อาจจะเว้นกลไว้คน หมอนั้นบอกเองว่าชอบแบนๆ คล้ายคนถูกนินทาในใจจะรู้ตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเลยหันมาหรี่ตามองผมที่กำลังเทสเสียงตัวเองอยู่ ผมเลยทำหน้าใสซื่อใส่ หัวส่ายหัวหันไปกอดอกเฝ้าทางเข้าออกหลังเวทีต่อไป

   ผมอยู่ด้านหลัง ไม่เห็นความเคลื่อนไหวด้านหน้า มีเพียงคุณหัวหน้านักแสดงยกมือเป็นสัญญาณบอกให้เริ่มร้องเพลง เรื่องลินทำปากไม่ตรงคงไม่ต้องห่วง ในเมื่อเธอปิดหน้าด้วยผ้าแพรผืนบาง

   เสียงเพลงอันไพเราะเริ่มต้นขึ้น ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างละทุกสิ่งที่ทำอยู่เพื่อมองหาต้นเสียง หญิงสาวรูปร่างงดงาม ชุดราตรีสีเข้มขับผิวขาวให้โดดเด่น เรือนผมสีทองพลิ้วไหวตามการขยับกาย แม้ไม่เห็นใบหน้าใต้ผ้าผืนบาง ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่า หญิงสาวที่มีเสียงเพราะขนาดนี้ต้องงดงามมากแน่ๆ

   ในขณะที่ทุกคนกำลังมองนักร้องสาว กลกับเลือกที่จะมองคนที่ยืนอยู่หลังเวที รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน เรือนผมสีทองอ่อนระคอดูอ่อนนุ่ม ดวงตาสีเทาช่างสดใสมีชีวิตชีวา แม้เสียงที่อีกฝ่ายร้องออกมาจะอ่อนหวานไพเราะสักแค่ไหน แต่ในความคิดคนเฝ้าดู เสียงกวนๆ ปกติยังจะรื่นหูกว่าซะอีก

   ถ้าเกิดเสียงนั้นร้องออกมาด้วยความพึงพอใจล่ะ จะเป็นยังไงนะ... กลส่ายหัวสลัดความคิดแปลกๆ ออกไป ประจวบเหมาะกับบทเพลงจบลง เขาจึงถอนสายตามองไปทางอื่นแทน ทำให้คนถูกจ้องไม่เห็นสายตาแฝงความหมายบางอย่างจากเพื่อนร่วมทาง

   น่าสนใจ ดูท่าการเดินทางไปกับอีกฝ่ายจะไม่น่าเบื่ออย่างที่ผ่านมา

   การแสดงจบลงด้วยดี แม่มดลงจากเวทีมารับรางวัลภารกิจ สิ่งที่ได้คือเครื่องประดับคนละหนึ่งชิ้น เงิน และค่าประสบการณ์หารกันสามคน ไม่ทันจะพูดอะไร แม่มดสาวออกจากปาร์ตี้และแยกตัวไปหลังเปลี่ยนชุดเสร็จ กลเอาของรางวัลมอบให้ผมทั้งหมด บอกว่าเอาไว้ตั้งตัว คงจะไม่อยากให้ผมตอดเงินเขาอีกสินะ ปาดน้ำตาแปบ

   ถึงเวลากลับมาสู่ภารกิจหลักเราสักที ผมตรงไปที่บ้านผู้รับจดหมาย ทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์ที่ดี ใช้เวลาหาไม่นานก็เจอ สมกับเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ลองเป็นเมืองใหญ่สิ ได้หากันจนลิ้นห้อยแน่

   ก๊อก ก๊อก

   “มีใครอยู่มั้ยครับ ผมมาส่งจดหมาย”

   ประตูเปิดผาง เกือบกระแทกหน้าผมจนหงาย ดีที่กลมือไวคว้าคอเสื้อผมหลบได้ทัน ผมลืมไปว่ากลดึงแบบนี้ทีไรความซวยเกิดกับผมทุกที ทิศที่กลดึงไป ผมเกือบจะได้ไปจูบกับกระถางดอกไม้ ในใจคิดแล้วว่าเขี้ยวตรูได้หลุดอีกซี่แหง ถ้าหลุดจริงจะรีบวิ่งกลับไปหาพ่อค้าคนนั่น แลกของมาเพิ่มเลยเชียว

   “พวกนายมาส่งจดหมายสินะ เข้ามาก่อน”

   เสียงชายหนุ่มดังขึ้น พร้อมตัวผมโดนรั้งคอเสื้อไว้กลับมายืนดีๆ พอมองฉันๆ รู้สึกแววตาคนตรงหน้ามันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ดันนึกไม่ออก

   “นี่ครับจดหมาย” พอเข้ามาในบ้าน ผมยื่นจดหมายสีชมพูให้ทันที เจ้าบ้านมองตาแทบถลน โคตรน่ากลัว คว้าหยิบจดหมายไปเปิดอ่านกวาดตาไวๆแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนหันมาสั่งพวกผม

   “รออยู่นี่”

   เขาหายเข้าไปในห้องหนังสือ สักพักก็เดินออกมาพร้อมจดหมายสีขาวสะอาด ทำไมผมรู้สึกเหมือนมีไอสังหารแผ่ออกมาจากจดหมายนี้ยังไงชอบกล จับไปจะโดนคำสาปอีกรอบไหมนี่

   “รับไป ส่งคืนแล้วฝากบอกด้วยว่า ล้างคอรอไว้ได้เลย”

   “อ่า... ครับ” ผมรับคำไปงงๆ ให้กลรับจดหมายแทน อย่างน้อยๆ กลระดับเยอะกว่า โดนคำสาปอะไรคงไม่หนักเท่าผมโดนหรอกมั้ง เหอะๆ

   แบบนี้เท่ากับว่าได้จดหมายตอบรับแล้วสินะ หวังว่าภารกิจจะสำเร็จ ผมจะได้ของรางวัลแจ่มๆ กะเขาบ้าง พยายามล้างสมองไม่คิดว่าจดหมายรักจากนายช่างจอมซึนจะมาส่งให้ผู้ชาย เกมนี้มีภารกิจหลากหลายดีเนอะ

   “เดี๋ยว”

   เสียงสั่งทรงอำนาจผมหยุดเท้าหันกลับไปตามสัญชาตญาณทันที มันชักจะยังไงๆ

   “มีอะไรจะฝากอีกเหรอครับ” ทำไมผมต้องเผลอพูดจาเรียบร้อยขนาดนี้ด้วยเนี่ย ไม่เข้าใจเลย เจ้าของบ้านเหล่มองกลที่ยืนทำหน้าหมางงอยู่ตรงประตูด้านนอก เขาเดินไวเลยออกไปก่อนผมแล้ว

   คุณชายง้องแง้งตามจดหมาย เดินฉับๆ ไปปิดประตูโครม สะดุ้งทั้งคนที่อยู่ด้านในและด้านนอก ก่อนที่เขาจะหันมาคุยกับผมด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป

   “ไงวัต” น้ำเสียงคุ้นหูพร้อมกับร่างคนตรงหน้าที่ดูเลือนราง จนกลับมาชัดเจนอีกรอบ เป็นใบหน้าที่ผมเห็นมาตั้งแต่จำความได้

   “พี่!? ที่พี่บอกว่าทำงานกับบริษัทเกมคือเกมนี้เองน่ะเหรอ”
   
   ผมอึ้งจริงๆ พี่ผมบอกว่าเจ้าตัวทำงานให้กับบริษัทเกมหนึ่งอยู่ตั้งแต่เรียนจบ แต่ไม่ยอมบอกสักทีว่าเกมไหนจนผมเลิกตื๊อถาม พี่ผมเป็นนักโปรแกรมเมอร์มือฉมัง จะถามว่าผมได้ความสามารถส่วนนั้นมามั้ย ขอบอกเลยว่าไม่ หัวผมไปทางอื่นมากกว่า

   “ใช่แล้ว กำลังลุ้นอยู่เลยว่าเมื่อไหร่ไอตัวแสบอย่างเราจะมาป่วนเกมที่พี่กับชินสร้าง”

   มือหนาขยี้หัวผมจนยุ่ง ผมปล่อยให้ขยี้ไป สมองคิดเร็วจี๋ เริ่มปะติดปะต่ออะไรได้รางๆ

   “ไม่ใช่ว่านายช่างคนนั้นเป็นพี่ชินหรอก ใช่มั้ย?” ผมถามแบบหวั่นๆ กวนประสาทเฮียแกไปเยอะ เจอกันนอกเกมผมจะถูกเอาคืนไหมนี่

    “ใช่ ดูมันส่งจดหมายมา ถ้าเจอมันนอกเกมเมื่อไหร่ พี่ซัดมันหมอบแน่”

   ผมหยิบกระดาษที่พี่วินฉีกมาเรียงกันคร่าวๆ เพื่ออ่าน ได้ความว่า...

   ‘ส่งน้องชายไปหาแล้ว อย่าลืมส่งจดหมายกลับมาด้วยจะได้มอบของรางวัลให้วัตกับเพื่อน ทางที่ดี ควรจะส่งจดหมายรักหวานๆ กลับมา เพื่อความสมจริงในการสวมบทบาทตัวละคร จุ๊บุๆ ^3^
ด้วยรักจากนายช่าง’

   บ้านผมกวนๆ เกรียนๆ ทั้งบ้าน เพื่อนของพวกเราเอง นิสัยไม่ต่างกันเลยคบกันได้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอ้ไวไวท่าทางติงต๊องกับพี่ชินที่เหมือนจะมาดนิ่งแต่มาดรั่วจะเป็นเพื่อนผมกับพี่ชายผมได้ เฮฮาปาจิงโกะครับ

   “แล้วพี่มาเล่นแบบนี้เบื้องบนเขาไม่ว่าเอาเรอะ”

   “ไม่ เราคงไม่รู้ล่ะสิ เอ็นพีซีเกมนี้ทั้งเกมเป็นคนสวมบทบาททั้งหมด อันที่จริงนายช่างกับคุณชายมีคนทำหน้าที่ประจำอยู่แล้ว พี่กับชินแค่ยืมชั่วคราวไม่ได้ทำอะไรผิดจากภารกิจ ออกเกมแล้วเตรียมตัวรอไว้ เดี๋ยวพี่จะไปรับมากินข้าว”

   “ข้าวอย่างเดียวไม่พอ ขอเงินด้วยนะพี่”

   และกำปั้นก็มะเหงกลงใส่หัวผม พวกเราคุยกันอีกไม่กี่คำก็ถูกพี่ชายเตะโด่งออกมาจากบ้าน ก่อนออกยังบอกผมเอาไว้ด้วย

   “ขอให้สนุกกับเกมที่พี่กับพวกเพื่อนๆ สร้าง อย่าลืม เพื่อนในโลกออนไลน์ไม่น่าไว้ใจจำไว้”

   ยังเป็นพี่ชายขี้เป็นห่วงเหมือนเดิม ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไป เดินออกมาเห็นกลนั่งรออยู่ข้างบ้าน เจ้าตัวไม่ถามอะไร ชวนผมไปส่งภารกิจ อาจจะจริงอย่างที่พี่วินบอก ผมรู้จักกับกลไม่กี่วัน คิดว่าเขามีอะไรบางอย่างต่างจากผู้เล่นทั่วไป คงต้องรอดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 03-04-2015 22:21:22
กล นายน่ารักมาก  :กอด1:

อยาก ล็อคอิน เข้าเกมนี้ตอนนี้เลย อยากร่วมกลุ่ม
จะไปนั่งดูเขาดูดเลือดกัน  :m3:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 03-04-2015 22:37:34
แอบชอบพ่อหมาป่า เด๋วคงได้ไปเจอกันที่ค่ายรับน้องสินะ
ในเล้าดูไม่ค่อยมีคนอ่านแนวเกมสักเท่าไหร่แต่เราชอบนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 04-04-2015 00:15:09
ชอบนิยายวายแนวนี้มาก ดีใจที่มีคนแต่งแล้ว  :m3:

อ่านๆ ไปก็ทำให้อยากเข้าไปเล่นเกมส์แบบนี้เหมือนกัน แต่สงสัยคงต้องรออีกหลายปีกว่าโลกความเป็นจริงจะพัฒนาเกมส์จนเป็นแบบนี้ได้  :katai4:

หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: minibusez ที่ 04-04-2015 09:16:05
สนุกค่ะ ชอบๆ

เครื่องเกมนี้เจ๋ง
ถ้าเจ๊งมันแปลว่าเสียนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BasAGN ที่ 04-04-2015 09:38:35
กลเจ้าเล่ห์ เค้ารู้นะว่าคิดอะไรอยู่~
สนุกมากค่ะ ชอบแนวเกมส์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว อยากให้พระ-นางเจอกันไวๆ
ปอ.ลิง.ติ่งนายท่านมากค่ะ น่ารักกกกก #ทาสแมว
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ѷanᴉ££a ที่ 04-04-2015 11:03:48
เราชอบนิยายแนวนี้มากนะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 04-04-2015 11:20:01
เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ

ว่าแต่ที่จะไปรับน้อง ไปที่เดียวกันอะป่าว
 :hao3:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-04-2015 11:45:16
 o13   บวกเป็ดให้จ้ะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 04-04-2015 12:53:13
สนุกมากกกกก ชอบ  :man1: :man1:
อัพบ่อยๆน้า อยากอ่านต่อเยอะๆเลย ><~
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-04-2015 13:26:31
ตลกตอนเจ้ลินกับไวไวคิดลึกอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 04-04-2015 16:58:31
น่ารักมาก  กลตามแจเลย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 05-04-2015 12:16:37
หุหุ คงจะเป็นที่เดียวกัน ไม่ก้อเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันแน่เลย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 05-04-2015 13:55:33
วันนี้นี้จะออนมั้ยน๊า  เค้าล๊อกอินเข้ามารอสองวันแล้วน๊า :hao5: :hao5: 
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 05-04-2015 14:12:18
นายท่านน่าร๊ากกกกกกก
รอตอนต่อไปน้าา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 05-04-2015 14:30:42
เอ๊ย สนุกมากเลยนิยายเรื่องนี้ ติดตามค่ะ เป็นกำลังใจให้น้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-04-2015 15:49:09
ชอบบบบบบ

รอตอนต่อไปนะ :)
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 07-04-2015 00:21:11
สนุกมาก :pig4: o13
บวก +1

อยากอ่านตอนไปเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 07-04-2015 08:13:50
ยังไม่มาเร้อ~~ รออยู่น้าาา~~ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 07-04-2015 19:00:53
Lv.4 เจอจนได้ ง่ายไปไหม

   ก่อนที่พวกเราจะไปส่งภารกิจกัน กลพาผมเดินทัวร์ จะบอกว่าเป็นหมู่บ้านก็ไม่เชิง คล้ายๆ กับเมืองขนาดย่อมมากกว่า พ่อหมาป่าแนะนำเรื่องต่างๆ ภายในเกมให้ฟัง บางส่วนผมก็พอจะรู้มาอยู่แล้ว จากประสบการณ์ การเล่นเกมมายาวนาน บางอย่างไม่รู้ก็ถามไป เกมนี้ยิ่งไม่ปกติเหมือนชาวบ้านเขาซะด้วย

   โชคดีที่เมืองนี้ไม่มีอะไรมาก เดินวนแค่วันเดียวก็หมด ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือนผู้คน ร้านขายของทั่วไป อาคารอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่น เช่นอาคารแนะนำ ธนาคาร และอื่นๆ

   ที่เห็นจะน่าสนใจสุดคงเป็นกิลด์ กิลด์คือการรวมตัวของกลุ่มคนไม่ให้อารมณ์เหมือนกองกำลังที่คอยช่วยเหลือกัน โดยมีพวกคนใหญ่คนโตในกิลด์เป็นผู้ดูแลคนอื่น เกมนี้พิเศษตรงที่ แต่ละกิลด์จะมีบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งไอ้บ้านนี้ทุกคนมีห้องส่วนตัว กิลด์ไหนคนเยอะก็มีขนาดอาคารใหญ่ คนน้อยก็อยู่กันแบบพอเพียงไป

   เควสภารกิจบางอย่างในเกมจำเป็นต้องพึ่งพากิลด์ดังนั้นคนส่วนใหญ่เลยต้องการที่จะหากิลด์อยู่ จากเกมเก่าๆผมกับไวไวเพื่อนรักก็เคยตั้งกิลด์เหมือนกัน แต่อยู่กันแค่ไม่กี่คนเฉพาะเพื่อนๆ ที่รู้จักกันล่ะนะ เพราะพวกผมไม่ชอบดูแลใคร ชอบผจญภัยสบายๆ มากกว่า

   ในเมืองนี้เองมีกิลด์ตั้งอยู่หนึ่งแห่ง ผมสนใจเลยชวนกลไปดู พอเห็นแล้วก็ไม่เลว ขนาดไม่ใหญ่แต่ดูอบอุ่นดี

   “นายดูสนใจเรื่องเกี่ยวกับกิลด์เป็นพิเศษ”

   กลถามผมที่ด่อมๆ มองๆ อยู่หน้าบ้านกิลด์คนอื่น ผมโบกมือปัดๆ กระชับเสื้อคลุมกันแดดที่เพิ่งซื้อมา ปิดมิดชิด กันแดดได้ดีจนน่าตกใจเลยล่ะ แลกกับการที่มันคลุมผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเป็นผ้าคลุมเคลื่อน แน่นอน ของดีแบบนี้ผมไม่ได้เป็นคนจ่าย กู้ยืมจากคนข้างๆ แล้วค่อยใช้หนี้ที่หลัง หวังว่ากลจะไม่ใช่พวกหน้าเลือดขึ้นดอกเบี้ยแพงหรอกนะ เอาไว้เจอไวไวเมื่อไหร่ผมจะรีบรีดไถจากมันมาช่วยจ่ายหนี้

   “ฉันไม่สนหรอก ไม่ชอบอะไรวุ่นวาย อยากอยู่สบายๆ มากกว่า ฉันเป็นพวกรักอิสระสุดกู่น่ะ เพื่อนฉันเองก็มีแต่แนวเดียวกัน”

   “น่าเสียดาย ถ้านายสนใจ จะชวนให้มาอยู่กิลด์เดียวกัน”

   กลพูดด้วยรอยยิ้มบางตรงมุมปาก เขาใส่หมวกปกปิดหูหางตัวเองตามเดิม ตอนนี้พวกเราเลยดูเหมือนไอ้ตัวไม่หน้าไว้ใจสองตัวเดินดุ่มๆ ลอยไปลอยมาในเมือง เห็นชาวบ้านบางคนเริ่มซุบซิบมองด้วยแปลกใจ

   “นายมีกิลด์อยู่ด้วยเหรอ ชวนกันง่ายๆ แบบนี้แสดงว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของ ก็คงเป็นพวกมีตำแหน่งหน้าดูสิท่า”

   ผมยกไหล่ชนแซวๆ กิลด์บางที่ไม่ได้รับคนง่ายๆ ต้องผ่านการคัดเลือกสารพัด บอกแล้วมันก็เหมือนระบบทหารนั้นแหละ เว้นแต่บางกลุ่มอยู่กันแค่เพื่อนจริงๆ รับคนด้วยความเต็มใจ อันนั้นมันก็อีกเรื่อง

   ส่วนเรื่องของกล ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ผมเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายก็จริง แต่ใช่ผมจะดูคนไม่ออก กลมีอะไรบางอย่างที่พิเศษกว่าคนอื่น รอบตัวเขาเหมือนมีคำว่าตูไม่ธรรมดาแผ่ออกมา เขาถึงดูไม่เป็นกังวลว่าผมจะกลายเป็นพวกไม่ดีไปทำร้าย ระดับอย่างผมจะไปทำอะไรเขาได้ แถมผมเองก็ไม่ต้องห่วงด้วยว่ากลจะรังแกค้างคาวผู้น่าสงสาร ในเมื่อเจ้าตัวเมพขนาดนี้แล้วจะมาทำอะไรผมไปเพื่ออะไร ดูจากนิสัยกลเองไม่ใช่พวกที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ไม่งั้นผมคงถูกแล่ไปพร้อมๆ กับหมูป่าตัวนั้นแล้ว

   “ฉันไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้น เป็นแค่หนึ่งในสมาชิกของกิลด์เฉยๆ พอรู้จักสนิทสนมกับพวกมีตำแหน่งนิดหน่อยเลยได้อานิสงส์น่ะ”

   “อย่างงี้นี้เอง โทษทีนะฉันไม่อยากเข้าร่วมกับกิลด์ไหน แต่ถ้าพวกนายจะไปทำอะไรสนุกๆ กันแล้วยังพอมีที่ว่าง ฉันพร้อมไปแจมด้วยตลอดนะ” ผมยิ้มยักคิ้วให้

   “ได้ มีอะไรฉันจะเรียกนายคนแรก”

   พวกเราออกจากเมือง มุ่งหน้ากลับไปสู่บ้านช่างไม้เพื่อส่งภารกิจ พี่ชินโดนรู้ตัวจริงแล้ว ป่านี้คงจะเลิกเล่นเป็นช่างไม้กลับไปทำงานแล้ว ไปเจอรอบนี้คงเป็นคนเล่นตำแหน่งนี้จริงๆ

   ระหว่างทางไม่แตกต่างจากเดิม มอนสเตอร์แมงมุม หมูป่าโผล่กันมาเป็นเบือ คราวนี้ผมระดับสูงขึ้นแถมมีอาวุธเลยจัดการพวกมันได้ง่ายขึ้นหน่อย กลเองเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นเพราะไม่ต้องคอยพะวงเรื่องผมระหว่างสู้ไปด้วย

   ผมระดับขึ้นพรวดพราด อย่างที่เคยบอกไป พวกนี้เลเวล35 ตอนนี้ผมเลยอัพจนกลายเป็นเลเวล32 อาวุธคู่กายที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ เริ่มใช้จนชินมือมากขึ้น การต่อสู้เลยไม่ติดขัด ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเราก็เคลียร์พวกมันหมด

   พระอาทิตย์ไม่คอยเรา เงยหน้าขึ้นมองอีกที ไอ้ลูกกลมส่องแสงจ้าเริ่มง่วงนอนจนลับขอบฟ้า เปลี่ยนเวรกะดึกให้พระจันทร์เข้ามาแทนที่ พวกผมเลยต้องหาที่พักแรมกลางป่ากันหนึ่งคืน พวกเราไม่เจอขบวนพ่อค้าเหมือนตอนขามา การเดินทางเลยล่าช้าขึ้นเยอะ

   ผมเอาชิ้นส่วนที่ได้มากองเรียงกัน ส่วนไหนขายได้ราคาดีก็เก็บไว้ อันไหนน่าเอาไปใช้งานต่อก็คัดอีกกอง พวกใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ หรือขายได้น้อยโยนทิ้งไปไม่ให้รกกระเป๋า แม้กลจะให้ของดีกระเป๋าหนังหมูป่ามา มันก็ยังคงเป็นกระเป๋าระดับต้นๆ จุของได้ไม่เท่าสร้อยคอของท่านกลเขาหรอก

   พ่อหมาป่านั่งมองผมง่วนกับการจัดของเงียบๆ เขาไม่เอาอะไรเลยสักอย่าง ให้ผมเต็มที่

   “นายมองฉันแบบนี้ มีอะไรจะพูดรึเปล่า”

   “หลังจากที่วัตเจอเพื่อน พวกเราจะแยกกันเลยใช่ไหม”

   “อ้าว นายรำคาญฉันแล้วเรอะ เหมือนอยากให้ฉันรีบๆ แยกไปเลย” ผมหัวเราะโกยเอาของเข้ากระเป๋าตามลำดับ

   “ตรงกันข้าม ฉันสนใจนายต่างหาก นายเคยบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน ฉันเองก็ไม่มีอะไรทำ แบบนั้นจะขอไปผจญภัยกับนายได้มั้ย”
   
   ใบหน้าขาวซีดตามลักษณะเผ่าพันธุ์หันขวับไปมองหมาป่าที่กำลังส่ายหางไปมาดูผ่อนคลายดีเหลือเกิน... ล้อเล่นน่า เขาหูฝาดไปรึเปล่า จู่ๆ คนที่ดูจะเทพเลเวลสูงกลับขอติดตามคนมีเลเวลอ่อนด๋อยนี่นะ ผมเข้าใจว่าเขาเป็นคนใจดี แต่ไม่คิดว่าจะแปลกขนาดนี้

   คำพูดที่ใช้มาตรงๆ อีก ทำเอาผมไปไม่เป็นชั่วขณะ สนใจงั้นเหรอ... คำนี้มันยังไงอยู่นะ อืมมม จะให้ผมปฏิเสธไปเลยก็ยังไงอยู่ กลเองไม่เคยบังคับให้ผมทำอะไร สอนทุกอย่าง ไปไหนไปกันเหมือนพวกตามติดชาวบ้านแก้เบื่อ

   ส่วนความหมายของคำว่าสนใจ ผมละไว้ก่อนแล้วกัน ยังไม่อยากคิด คงจะเป็นการสนใจแบบเพื่อนธรรมดานั่นแหละ เพื่อนในเกมมันก็ไม่เลวนักหรอก

   “ตกลง ฉันจะกวนนายจนนายขยาดหนีไปเองเลย”

   กลส่ายหัว มองผมด้วยดวงตาแน่วแน่ อ่า.... พี่วิน ดูเหมือนน้องชายพี่จะเป็นที่ถูกใจของคนที่พี่บอกว่าไม่น่าไว้ใจซะแล้ว หรือมาคิดอีกที จะใครคนไหนที่เข้าใกล้เราพี่ก็ไม่ไว้ใจเลยนี้หว่า เว้นไอ้ไวไว เพื่อนสมัยเด็ก กับเพื่อนคนอื่นๆ ที่รู้จักกับเจ้าตัว สิ่งนี้เค้าเรียกว่าบราค่อนสินะ พี่น้องรักกันก็ดีหรอก บางทีมากไปก็น่าซัดเหมือนกัน เพียงแค่ว่า ระดับอย่างพี่วิน ผมคงถูกซัดปลิวกลับมาก่อน

   เอาเข้าจริงพี่ชายผมคงไม่ใช่พวกบราค่อนหรอก ทำตามหน้าที่พี่ชายตามสัญชาตญาณมากกว่า ผมคิดเรื่องไร้สาระจนปลงตก ล้มตัวลงนอนบนผ้าปูข้างกองไฟ วันนี้อากาศดี มอนสเตอร์แถวนี้ก็ถูกพวกผมจัดการหมดแล้วเลยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จะให้อุดอู้อยู่ในเต็นท์ก็ยังไงอยู่ ลูกผู้ชายกลางแจ้ง มีท้องฟ้าเป็นหลังคาเท่ห์ดีออก

   พอรุ่งเช้ามาเยือน พวกเราก็จัดการตัวเองแล้วออกเดินทางต่อทันที จนถึงที่หมายผมเป็นคนเคาะประตูเรียกนายช่างออกมา

   “ลุง พวกผมกลับมาส่งภารกิจจดหมายแล้ว”

   ประตูเปิดออก พร้อมกับของสองชิ้นที่ถูกโยนออกมาและจดหมายที่ถูกรับไป ง่ายจนงง นี่สินะเจ้าของหน้าที่นายช่างตัวจริง พี่ชินเล่นเกินบทไปเยอะนะเนี่ย

   เสียงระบบแจ้งเตือนว่าผมกับกลผ่านภารกิจแล้ว พวกเรามองหน้ากัน สลับมองของในมือผม มันเป็นต่างหูผู้ชายที่เหมือนกันสองอัน เหมือนกับแท่งเงินสี่เหลี่ยมที่หนีบไว้เป็นต่างหู

   ชื่อ : ต่างหูคู่รัก
   ชนิด : เครื่องอำนวยความสะดวก
   รายละเอียด : เครื่องประดับที่สามารถใช้วาร์ปไปหาผู้ที่มีเจ้าของต่างหูอีกข้างได้ทุกที่ทุกเวลา วันหนึ่งใช้ได้เพียง 2 ครั้ง
   เงื่อนไขการได้ไอเท็ม : ต้องผ่านภารกิจลับส่งจดหมายรักให้กับนายช่างไม้ มีข้อแม้ว่าต้องเป็นผู้ชายสองคนมาด้วยกันเท่านั้น

   หลังจากอ่านรายละเอียดจบ กลหันหน้าเข้าหาต้นไม้แถวนั้นขำจนไหล่สั่น ส่วนผมมุมปากกระตุกอยู่กับที่สาบานไว้ในใจแล้วว่า ถ้าผมออกจากเกมไปเจอพี่วินเมื่อไหร่ จะเค้นคอถามให้ได้ใครมันเป็นคนคิดภารกิจสีม่วงแบบนี้ แม้ในใจจะนึกมั่นใจไปเกือบร้อยแล้วว่าเป็นพี่ชินก็ตาม

   พอกลหัวเราะเสร็จ เดินกลับมาหาผม หยิบต่างหูหนึ่งอันไปติดที่หูหมาป่า อีกอันจัดการติดใส่หูแหลมๆ ของผมเสร็จสรรพ

   “พอดีเลย ฉันต้องออฟไลน์ออกจากเกมไปทำธุระนิดหน่อย กว่าจะเข้ามาอีกคงหลายวัน ช่วงนี้นายคงจะไปหาอะไรทำใช่มั้ย ถ้าฉันเข้าเกมแล้วจะใช้เจ้านี้วาร์ปไปหา”

   นิ้วชี้ไปที่หูตัวเอง ผมเลิกคิ้วมองพยักหน้ารับไม่คิดจะถามอะไรมาก

   “งั้น ไว้เจอกัน ฉันว่าจะกลับเมืองไปรับภารกิจเพิ่มระดับสักหน่อย”

   “โชคดี”

   “อืม โชคดี”

   ผมมองแสงสว่างที่คลุมรอบตัวกลก่อนจะหายวับไป เจ้าตัวคงจะตื่นในโลกของความเป็นจริงแล้ว ทางผมยกยิ้มมุมปาก หัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น หมาไม่อยู่ค้างคาวร่าเริง ถึงบอกว่าไม่เคยขัด แต่ผมก็ทำอะไรได้ไม่ค่อยสะดวกนัก

   ดวงตากวาดมองโดยรอบ ต้นไม้แถวนี้ยังเขียวชะอุ่มเหมือนเดิม กระแสน้ำเย็นฉ่ำ สายลมพัดสบาย ผมวิ่งเข้าไปในป่า เรียกเคียวออกมาในมือ บิดหมุนตรงข้อต่อให้มันออกมาเป็นเคียวสองเล่ม แล้วเริ่มละเลงจัดการมอนสเตอร์แถวๆ นั้น

   อย่างน้อยๆ ผมต้องเลเวลสัก 35 เท่ามอนสเตอร์พวกนี้ก่อนถึงจะย้ายไปที่อื่น ระหว่างนี้ก็เก็บพวกของที่ได้จากพวกมันไปแลกเป็นเงิน ระหว่างเดินทางกลับเมือง ผมเป็นค้างคาว เวลาตอนกลางคืนยิ่งคึก ไม่ต้องนอนยังได้ เลยเดินทางตอนกลางคืน ส่วนกลางวันพักแค่งีบแล้วเริ่มไปต่อ

   ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย เลเวลผมเพิ่มเป็น35 ขายของได้เงินทุนมาพอสมควร ผมเดินตรงดิ่งไปรับภารกิจจากชาวบ้าน และร้านค้าต่างๆ เท่าที่ระดับตัวเองในตอนนี้จะทำได้ เข้าออกป่ากับในเมืองวนเวียนอยู่สองวันเต็ม จนกระทั่งมอนสเตอร์แถวนี้ไม่สามารถทำให้ผมเพิ่มระดับได้แล้ว

   “สงสัยคงต้องรับภารกิจกำจัดบอสปิดท้ายแล้วออกจากเมืองนี้สักที”

   ผมยังคงอยู่ในชุดเดิมแค่ซื้อกระเป๋าใหม่ให้สามารถจุได้มากขึ้น กับพวกยาเพิ่มพลังต่างๆ ตุนเอาไว้ ดูเหมือนว่าถ้าจะกำจัดบอสประจำเมืองนี้ต้องเข้าไปใจกลางป่า คนเดียวไม่สามารถทำภารกิจสำเร็จได้ ผมต้องหาแนวร่วมอีกสี่คน แต่ก่อนอื่น ผมคงต้องไปรับภารกิจเสียก่อน

   ที่รับภารกิจกำจัดบอสอยู่ติดกับชายป่า ดูปลีกวิเวกบรรยากาศต่างจากในเมืองไปคนละทาง ถ้าในเมืองดูอบอุ่นสว่างไสว ตรงนี้เหมือนมุมอับเย็นเยือกน่าสะพรึง ตามบ้านเรือนมีดอกไม้สีสวยส่งกลิ่นหอม หน้าบ้านรับภารกิจมีดอกหน้าตาประหลาดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง

   เชื่อเลยว่าถ้ากลมาที่นี้คงย่นจมูกแล้ววิ่งหนีแหงๆ ก็หมอนั่นเป็นหมาป่านี้น่า ผมคิดอย่างขำๆ แล้วเดินเข้าไปภายใน มือดันประตูเปิดออก ประตูเก่าแต่ยังพอใช้การได้ ด้านในเหมือนร้านเหล้าร้านหนึ่งที่มีลูกค้าเพียงแค่สองโต๊ะ ตรงเคาน์เตอร์มีร่างงองุ้มในชุดเสื้อคลุมมอซอยืนอยู่ ดวงตาสีเทาของผมกวาดมองสำรวจรอบๆ อย่างรวดเร็ว เป็นนิสัยประจำตัว เวลาไปที่ไหนอันดับแรกผมจะชอบสังเกตรอบๆ ก่อนเพื่อความสบายใจ

   สมองผมดีในระดับหนึ่งสามารถจดจำในสิ่งที่เห็นได้ขึ้นใจเพียงกวาดตาแค่รอบเดียว ดังนั้นที่ผ่านมาการเล่นเกมของผมเลยไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่ ถ้าหลีกหนีได้ก็หลีก ไม่คิดบ้าเลือดอยู่แล้ว แม้ว่าชีวิตในเกมตายแล้วเกิดใหม่ได้ แต่ความเจ็บก่อนตาย ถึงจะลดจากของจริงแต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดี ผมไม่ใช่พวกมาโซชอบความเจ็บปวดซะด้วย

   สองเท้าก้าวเข้าไปหาคนที่คาดว่าเป็นผู้ส่งมอบภารกิจ ชายเสื้อคลุมสีดำพลิ้วไปตามการก้าวเดิน คนอื่นๆ ในร้านพากันหันมองมาอย่างประเมิน คนพวกนี้คงเป็นพวกที่มารับภารกิจและรอคนไปทำด้วยกัน ดูจากสายตาแล้ว หนึ่ง สอง อืมม สามคน รวมผมเป็นสี่

   “สวัสดี ขอทราบเงื่อนไขการรับภารกิจบอสประจำเมืองหน่อย” ผมเข้าเรื่องทันทีไม่อยากยืดยาว ถ้าเป็นไปได้อยากเคลียร์ให้เสร็จแล้วรีบไปหาที่ใหม่ๆ ในการสำรวจ อยากเร่งปั่นระดับให้เก่งพอจะลุยสบายๆ กับกลด้วย เวลาทำอะไรจะได้ไม่ถ่วง

   “ใส่นี่ ร่วมปาร์ตี้กับคนที่อยู่ในร้าน ไปฆ่าบอสแล้วกลับมารายงานภารกิจที่นี่”

   เอ็นพีซีท่าทางไม่น่าไว้ใจวางกำไลไม้แกะสลักรูปใบหน้าน่ากลัว ผมชั่งใจ ไม่รู้จะหยิบมาดีรึเปล่า มันบ่งบอกยี่ห้อว่าตูไม่ใช่ของกากๆ ตูมาพร้อมกับคำสาปที่จะสาปเอ็งให้เป็นแมลงสาบ อะไรทำนองนั้น

   ดูเหมือนผมจะมีท่าทีลังเลมากไปจนคนในร้านรำคาญ ชายที่นั่งโต๊ะเพียงคนเดียว คว้าหยิบเอากำไลพิลึกมายัดใส่หน้าผมทันที ผมผงะจะถอดออก กลับพบว่ามันถอดออกไม่ได้ ระบบแจ้งเตือนในหัว

   คุณสวมใส่กำไลต้องพันธนาการ ผลจากไอเท็ม จะทำให้ผู้สวมใส่ไม่สามารถออกจากเมืองนี้ได้จนกว่าจะเคลียร์ภารกิจสังหารบอสประจำเมืองจากร้านเหล้าราตรี

   เวรเอ๊ย ไอ้เบื๊อกนี้เป็นใครฟะ ถึงเอาของบ้าๆ แบบนี้มาใส่ให้ผมโดยไม่ถามความสมัครใจ ผมหันไปมองอย่างเอาเรื่อง ไอ้คนนิสัยชั่วช้าไม่สำนึกยังหัวเราะผมอีกต่างหาก เจ้านั่นมีขนาดสูงกว่าผม ผมหัวยุ่งๆ สีน้ำตาลของเขามีหูกระต่ายยาวตั้งอยู่ สวมเสื้อเหมือนพวกนักมายากล รวมกับหน้ากากโจ๊กเกอร์ฉีกยิ้มกว้างจนผมคันตีนอยากเอาไปยันให้หน้ากากร้าว

   “โอ๊ะๆ ใจเย็นสหาย ลืมกันแล้วเหรอ น่าน้อยใจจริง ขนาดฉันเห็นนายอยู่ในชุดคลุมเหมือนพวกบ้าลัทธิยังจำได้ทันทีเลยนะ”

   เสียงกวนๆ แบบนี้ ผมจำได้ขึ้นใจ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้อยากลืมจากหัวยังไงมันก็ยังหลอกหลอน...

   “ไอ้ไวภพ!”

   “จ๋า หวัดดี นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีก ดูเหมือนว่าจุดเกิดมันสุ่มก็จริง แต่มันสุ่มให้อยู่ใกล้กันนะ ฉันคิดอยู่แล้วหน้าอย่างนายคงมาที่เมืองเคลียร์ภารกิจทั้งหมดมาจบที่ร้านนี้แน่ แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะช้าขนาดนี้”

   ผมเค้นเสียงในคอ “เฮอะ! พอดีมันมีเหตุนิดหน่อย แสดงท่าทางเหมือนรู้มากขนาดนี้ ไหนอธิบายซิ”

   ไวภพหัวเราะฮ่าๆ ชอบใจลากคอผมไปนั่งอยู่โต๊ะเดิมเจ้าตัว ผมไม่คิดถามเอาจากคนให้ภารกิจหรอกขี้เกียจตีความ ไหนๆ ก็เจอกับเพื่อนแล้วให้มันสรุปเล่าให้ฟังเลยดีกว่าเข้าใจง่ายดี

   อย่างที่ผมเคยบอก ผมกับไวภพไปไหนไปกันเล่นเกมไหนก็ไปด้วยกันเลยรู้สันดานกันดี เห็นมันแบบนี้ มันเล่นเกมเก่งมากแถมยังวิเคราะห์เก่งผิดกับหน้าตาและรูปร่าง ส่วนผมถนัดไปทางวางแผนมากกว่า

   เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าโผล่มาป่าใกล้เมืองสภาพกางเกงตัวเดียวแบบที่ผมคิดไม่มีผิด อายชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาแทบแทรกแผ่นดินหนี แถมโดนคำสาปกระต่ายเข้าไปอีก ไวภพหนุ่มสูงร้อยแปดสิบกว่าเลยมีหูหางกระต่ายสุดพริตตี้ที่มารวมกันแล้วชวนสยองชอบกล

   ไวไวมันเลยเริ่มภารกิจหาเสื้อผ้าใส่อย่างเร่งด่วนจนได้ชุดธรรมดามาใส่ให้ดูเป็นผู้เป็นคนบ้าง หลังจากนั้นมันก็ตามหาผมแต่ไม่เจอ เลยเดาว่าผมคงไปเกิดที่อื่นที่ไม่ห่างกันนัก เพราะเข้าเกมอยู่ในที่เดียวกัน มันเลยทำภารกิจรอผมไปพลางๆ ศึกษาเกมไปด้วย

   ระหว่างนั้นมันดันนึกปิ๊งไอเดียแปลกๆ เพื่อทำให้สภาพคำสาปกระต่ายของตัวเองดูได้มันเลยลงทุนวิ่งหาตามขบวนพ่อค้า ตามร้านในเมืองจนได้ชุดนักมายากลกับหน้ากากโจ๊กเกอร์มา ด้วยความที่มันไม่เพิ่มสถานะอะไรเลย ราคาจึงถูกพอจะซื้อได้ พอเคลียร์ทุกอย่างเสร็จมันก็มาจบอยู่ที่นี่

   “ภารกิจนี้ถ้าไม่ใส่กำไลพิลึกจะไม่สามารถรับภารกิจได้ ฉันเห็นนายลังเลเหมือนจะไม่อยากทำเลยจัดการจับยัดใส่จะได้มาร่วมชะตากรรมเดียวกันไง”

   ผมตบหัวมันหน้าทิ่ม ไม่ติดว่ามีหน้ากากมันคงหัวโขกโต๊ะจนปูดเป็นลูกมะนาว

   “นิสัยว่ะ เอาเถอะยังไงก็คิดจะรับภารกิจนี้อยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว ถ้ารออีกคนแล้วทำไม่สำเร็จยังไงฉันยังมีผู้ช่วยอยู่ หึหึ”

   “ผู้ช่วยอะไรวะ หรือนั่นคือสาเหตุที่ทำให้มึงทำภารกิจช้า” มันถามด้วยน้ำเสียงสนใจ

   “ผู้ช่วยก็คือผู้ช่วย เดี๋ยวเจอก็รู้เองแหละเพื่อน เอาล่ะ ดูเหมือนคนที่ห้าจะมาแล้ว”

   ผมมองไปทางประตูผ่านผ้าคลุม เพราะเห็นประตูเปิดออก หญิงสาวหน้าตาสะสวยแสนคุ้นตาเดินเฉิดฉายเข้ามาภายในร้าน รู้สึกอยากหันหน้ากลับทันที ดึงผ้าให้ปิดหน้ามากกว่าเดิม ผมตาโต ดวงเราคงหนีกันไม่พ้นรึเปล่าแม่มดบ้าภารกิจ

   ดวงตาสีเทามองตามหญิงสาวไปถึงเคาน์เตอร์ ไวไวผิวปากชอบใจ พอสังเกตเห็นท่าทางของผมเลยซักใหญ่

   “เฮ้ย! อะไรวัต คนสวยมาร่วมปาร์ตี้ทั้งทีทำหน้าเหมือนเจ้าหนี้มาทวงเงิน เออจริงสิ แล้วนายโดนคำสาปอะไร ไหนมาดูดิ๊ สังเกตตั้งแต่เมื่อกี้ ปกติมึงผิวขาวขนาดนี้เลยเหรอ”

   มันไม่พูดอย่างเดียว ตะปบสองมือเข้าหน้าผมแล้วส่องโดยไม่คิดเอาผ้าคลุมออกคงจะรู้ว่าผมไม่อยากเผยความจริงสู่ชาวโลก ลูบหน้าไม่รู้เรื่อง ลามไปที่หู พอเจอปลายหูแหลมมันเลิกคิ้วแล้วแยกปากดูเขี้ยวผมทันที พร้อมก้มมาซะประชิดจะได้เพ่งมองให้ชัดๆ ทำไมใครๆ ก็ชอบแยกปากผมจริง

   “วิ้วว เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงทำตัวลับๆ ล่อๆ กลางวันแสกๆ แบบนี้เพราะเป็นแวมไพร์นี้เอง ว่าแต่วัต มึงเป็นแวมไพร์พิการเหรอ ทำไมเขี้ยวข้างนึงมันขึ้นแบบครึ่งๆ กลางๆ อย่างงั้นล่ะ”

   “ถุย แหวะ เค็มขี้มือ ไม่ได้เป็นแวมไพร์พิการโว้ย เพียงแค่เอาเขี้ยวไปแลกอาวุธคู่ใจมา ตอนนี้มันเพิ่งงอกกลับ อีกสองวันคงเป็นปกติ”

   “เฮ้ย จริงดิ! ร้านเดียวกันรึเปล่าวะเนี่ย ของฉันเองก็ใช้ขนไปแลกมา ดูดิ ขนหูแหว่งไปแถบนึง ดีที่ผมปิดไว้เลยไม่ชัด ไม่งั้นอุบาทว์ตาย”

   ผมอึ้งดูมันก้มหัวให้ดูแถวโคนหู หายเป็นแถบจริงๆด้วย ผมกับมันมองหน้ากันแล้วหลุดขำก๊ากกันสองคน คนนึงก็เขี้ยว อีกคนก็ขน เจริญจริงๆ พ่อค้าร้านนั้นคงจะเป็นพวกสะสมของแปลกแหงๆ

   “พวกนายหัวเราะกันเสร็จรึยังยะ จะได้ออกเดินทางสักที ชักช้าตัวถ่วง”

   ต้นเสียงเหวี่ยงๆ ดังมาจากหญิงสาวในชุดสวย พวกผมเลิกสุมหัวหันไปมอง เห็นผู้ชายอีกสองคนทำหน้าหงุดหงิดเลยพากันยักไหล่ ยอมลุกจากเก้าอี้เดินตามไปแต่โดยดี ไม่อยากมีปัญหากับคนในทีมตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

   แม้ว่าผมจะมีตัวช่วยอยู่ ยังไงก็ยังอยากทำให้สำเร็จด้วยตัวเองมากกว่า ยิ่งมีเพื่อนซี้อย่างไวไวอยู่ด้วย งานนี้ถึงไหนถึงกัน

   ในกลุ่มปาร์ตี้ผู้หญิงคนนั่นเป็นคนนำทีมพวกเราเข้าไปในป่า จะถามว่าทำไมเอะอะ อะไรก็เข้าป่าเรอะ ต้องเข้าใจว่ารอบๆ เมืองนี้นอกจากป่าก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยจริงๆ ป่าอย่างเดียว ภูเขาอะไรก็ไม่มี ถ้าอยากเจอภูเขาคงต้องไปไกลกว่านี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าพ้นเขตเมืองนี้ไปแล้ว

   การเดินทางช่วงต้นไม่มีปัญหาอะไร จัดการพวกมอนสเตอร์ที่โผล่เข้ามาได้สบายๆ อยู่ อาจจะตึงมือบ้างเวลาถูกรุม โดยที่ไม่มีใครช่วยเพิ่งเลือดให้กับคนในทีม ผมเลยต้องรับหน้าที่นี้ไปโดยไร้ปากเสียง

   ผมใช้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของแวมไพร์ ในตอนกลางวันแดดจ้าก็จริง พอเข้ามาในป่า แดดก็น้อยลงผมอาศัยพวกร่มเงาของต้นไม้ได้ เคียวเปลี่ยนเป็นแบบสองมือมีโซ่คล้องระหว่างเล่มเพื่อสะดวกแก่การเหวี่ยงและดึงเก็บ คอยตอดเลือดมอนสเตอร์รอบๆ ในทีมนี้มีแต่พวกสายโจมตีทั้งนั้น

   ไวไวใช้ไม้เท้านักมายากลซัดมอนสเตอร์แมงมุมปลิวไปอัดต้นไม้ ผสมกับการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วเน้นในการกระโดดสมเป็นกระต่าย ถีบขาคู่จนมอสเตอร์หมูป่าแทบแบนติดพื้นแล้วกระโดดไปจัดการตัวอื่นต่อ

   ทางสาวเจ้าร่ายเวทอุตลุดเผาพวกมอนสเตอร์ด้วยไฟสีดำ อีกสองคนที่เหลือเป็นนักดาบกับโล่สู้แบบพอเอาตัวรอดได้

   พวกเรากรุยทางกันต่อไปเรื่อยๆ ภารกิจกำจัดบอสในหมู่บ้านระดับแรกแบบนี้ไม่ค่อยโหดหินเท่าไหร่นักหรอก ผมเลยไม่กังวลช่วยคนอื่นไป นั่งเก็บของไปสบายใจ กระทั่งพวกเรามาถึงโพรงไม้ขนาดใหญ่ เหมือนแปะป้ายยี่ห้อว่านี้แหละคือรังบอส

   เจ้าคนถือโล่เดินนำเข้าไปก่อนในฐานะที่มีพลังป้องกันสูงสุด และต้องคอยปกป้องทุกคนในทีม ตามด้วยนักดาบคอยช่วยเหลือเวลามีมอนสเตอร์หนูพุ่งเข้าใส่ เสริมด้วยนักเวทสาวสาดพลังเป็นว่าเล่นจนผมหวาดเสียวว่าไฟมันจะไหม้อบพวกเราตายกันทั้งหมดนี้รึเปล่า

   ตามด้วยผม ตรงจุดนี้ผมช่วยอะไรไม่ได้มากนอกจากใช้สายตาที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้อยู่ในที่มีแสงน้อย ในการบอกทางและเตือนคนอื่นๆ ปิดท้ายด้วยไวไวคอยจัดการพวกโผล่มาด้านหลัง พวกเราเดินลึกเข้ามาในโพรงไม้เรื่อยๆ

   กำจัดมอนสเตอร์ไปตลอดทาง ที่นี่มีแต่หนู คงจะเป็นรังของพวกมัน ทีนี้ไม่ต้องเดาเลยว่าบอสใหญ่มันจะเป็นตัวอะไร ผมนั่งพักตรงจุดที่ปลอดมอนสเตอร์ เพื่อเติมพลังกันก่อนเข้าห้องบอส แต่ละคนควักยาออกมากระดกดื่มต่างน้ำ ไวไวอาศัยช่วยพักเข้ามาคุยกับผม หลังจากที่มัวแต่ลุยกะรวดเดียวจบจนไม่ได้พักมาตลอดทาง

   “เป็นนายนี้สะดวกดีชะมัด ฉันดิต้องคอยอุดหู เสียงร้องของหนูพวกนี้ทำเอาปวดหัว”

   ผมโยนขวดยาให้มันดื่มๆ ไปจะได้เลิกบ่น มีหูดีเกินไปก็ซวยอย่างงี้แหละ

   “มันก็ไม่ใช่สักทีเดียวหรอก ถ้าเกิดฉันบาดเจ็บหนักต้องพลังใกล้หมดจะอาศัยพวกนักบวชมาคอยเพิ่มพลังให้ไม่ได้”

   “อ้าว แล้วที่เพิ่มเลือดชาวบ้านเขารัวๆ นี้ไม่เท่ากับว่าเป็นนักบวชซะเองเรอะ” ผมส่ายหัวตอบ เรียกเคียวออกมาในรูปแบบปกติไม่ได้แยกเป็นสองเล่ม

   “ดูสถานะของเคียวดิ ได้วิธีการเพิ่มเลือดจากการดูดเลือดศัตรูมา ลองคิดดูว่า ถ้าเกิดฉันบาดเจ็บจนขยับไม่ได้ จะเอาแรงที่ไหนไปตวัดเคียวดูดเลือดจากมอนสเตอร์มาให้ตัวเองกัน”

   ไวไวยกมือสองข้างเหมือนยอมแพ้ ถึงผมจะไม่เห็นสีหน้ามันใต้หน้ากาก พอเดาได้อยู่ว่าแสดงสีหน้าแบบไหน มันคงกำลังขยาดน่าดู

   “เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวว่ะ งั้นไม่เท่ากับนายต้องคอยดูเลือดชาวบ้านเหมือนแวมไพร์เพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองหรือไง”

   เจ้าตัวถามต่อ ไอ้ผมก็ว่างแถมเป็นเพื่อนซี้ไม่คิดปิดบังเลยตอบไป อนาคตข้างหน้ามันเห็นผมโดดกัดคอใครจะได้ไม่เป็นกระต่ายตื่นตูมถีบจนผมเดี้ยง

   “ตามนั้น ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่จวนตัวจริงไม่คิดจะดูดเลือดหรอก ไม่อยากเอะอะอะไรสูบเลือดชาวบ้านเหมือนกัน”

   มันหัวเราะใหญ่ ตบหลังผมอั๊คๆจนแทบอ้วกยาเพิ่งพลังที่ดื่มเข้าไปออกมาใส่หน้ามัน ผมรู้สึกว่าตลอดการพูดคุยของพวกเรามีเจ้คนนั้นคอยมองอยู่ ผมทำเป็นไม่เห็นแล้วดึงให้ไวไวมันลุกขึ้นเตรียมบู๊แหลกกันต่อ


หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-04-2015 19:10:11
 :mew1:   นายท่าน
ขอบคุณค่ะ. ยาวสะใจ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 07-04-2015 19:39:34
อ๊า...จากที่อ่านมา สงสัยแบ็คอัพที่เป็นพันธมิตร
ให้กับตระกูลของวัต ท่าจะไม่ใช่เล่น พี่กลทำงานกี่ปีล่ะ
ถึงจะพอไปสู่ขอได้  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-04-2015 19:41:07
น่ารักดีอะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 07-04-2015 19:46:12
ยาวจุใจมาก  :katai2-1:
ในโลกจริง กลเจอวัตแล้ว
ในเกมส์ วัตเข้าเกมส์แล้ว
จะรอฉาก ดูดเลือดอีก  :o8:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 07-04-2015 19:59:48
คุณพ่อของหมาป่าถึงกับเครียดกับค่าสินสอดของวัตกันเลยทีเดียว :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.6 3/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 07-04-2015 20:09:16
ง่อววว นายวัตน่ารักมากๆเลย ชอบๆ นิยายเรื่องนี้ก็สนุกมากๆเลยนะ
มาต่ออีกไวๆน้า ติดใจพี่กลซะแล้วสิ ท่าทางจะได้เจอกับวัตตอนไปรับน้องด้วย
รอๆๆๆๆๆๆๆ รออยู่น้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-04-2015 21:18:16
สนุกดีค่ะ ครอบครัวนายเอกดูลึกลับดี
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 07-04-2015 21:47:11
 :mew1: นายท่านฮอตสุดนะจ้ะ...
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 07-04-2015 22:10:53
สนุกมากค่า ชอบวายแนวเกมส์ออนไลน์ แต่หาที่ถูกใจไม่ค่อยมีเลย แต่เรื่องนี้โดนใจมากเลยค่ะ  :o8:

ภาษาสบาย ๆ อ่านเพลินดี   o13

หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.7 7/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 08-04-2015 00:21:58
ตอนนี้สนุกมากเลย อ่านสบายๆไปเรื่อยๆ 

นั่งรอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-04-2015 03:56:33
Lv.5 ตายซะ!

   ผมเช็คของที่ใช้ไปทั้งหมด ยังเหลือขวดยาเพิ่มเลือดอีกพอสมควร ทุกคนสภาพโอเคไม่ย่ำแย่จนลุยต่อไม่ได้ คนที่สบายสุดคงเป็นไวไวเพราะขานั้นกระโดดหนีลูกหลงไว แถมเปลี่ยนตัวเองไปโจมตีระยะไกลเลยไม่ค่อยได้รับดาเมจความเสียหายสักเท่าไหร่

   มือผมหมุนตวัดเคียวฟันหนูทุกตัวอย่างต่ำตัวละครั้ง แล้วปล่อยให้คนอื่นจัดการต่อ สลับเพิ่มเลือดให้ทุกคนในทีม ยังดีที่ผมเลเวลอัพจนได้ทักษะการเพิ่มเลือดมาสองแบบ

   แบบแรก หลังจากตีมอสเตอร์ดูดเลือดมาแล้ว สามารถเพิ่มเลือดให้กับสมาชิกในทีมที่ผมเลือกได้ สกิลของผมไม่ได้เป็นสีฟ้า หรือสีขาว ทอง อย่างพวกนักบวช เป็นสีแดงเหมือนเลือด แรกๆ ทุกคนก็ดูตกใจ พอรู้ว่ามันเพิ่มเลือดให้เลยนิ่งเฉยได้ใจกันใหญ่ ซึ่งเวลาใช้สกิลนี้เพิ่มเลือด อาวุธของผมจะเรือแสงสีแดงออกมา พร้อมๆ กับเป้าหมายที่ผมเลือก

   สกิลการเพิ่มเลือดแบบที่สอง เป็นสกิลการเพิ่มแบบหมู่ เพิ่มได้น้อยแต่ได้ทุกคนในรัศมี ท่าใช้สกิลก็ไม่ยาก แค่หมุนควงเคียวเหนือหัว จะมีเหมือนแสงพุ่งขึ้นจากพื้นเป็นวงกลมสีแดง สามารถใช้ในยามฉุกเฉินที่ทุกคนเลือดลดได้ในระยะ 5 เมตร

   ส่วนการโจมตีของผม หลักๆ คือสถานะลดเลือดตลอดเวลาที่เป็นความสามารถติดมากับเคียว เหมือนเป็นฝ่ายสนับสนุนมากกว่าลุยเอง ผมคิดอยู่ว่าหลังจากจบงานนี้คงต้องไปหาวิธีทำให้ตัวเองสามารถโจมตีได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นมากนัก ไม่งั้นเวลาไปลุยไหนคนเดียวคงลำบากตาย

   ตอนนี้พวกเราลุยจนมาถึงหน้าห้องที่บอสอยู่ รอบข้างยังเป็นอุโมงค์ไม้ เบื้องหน้าเป็นห้องกว้างเปิดเพดาน มีหนูตัวใหญ่ดวงตาปูดโปนสีเหลือง ขนสีน้ำตาลยืนจ้องมาทางพวกเรา ทุกคนรู้หน้าที่ ไม่ต้องนัดแนะอะไรมาก

   คนถือโล่ลุยก่อนคนแรกเพื่อดึงความสนใจบอสให้มาอยู่ที่ตัวเอง เปิดโอกาสให้เพื่อนในทีมได้ทำการโจมตี นักดาบวิ่งเข้าไปเป็นคนที่สอง สาวนักเวทอยู่วงนอก คอยสาดสกิลสารพัดท่า หลักๆ ผมเห็นเป็นพวกลูกไฟ ศาสตร์มืด อัญเชิญทหารกระดูกมาช่วยต่อสู้

   ไวไวคอยวิ่งวนรอบๆ สลับกับผม นิ้วทั้งสิบขยับเคลื่อนไหวเหมือนกำลังดีดเปียโนล่องหน แสงแดดจากด้านนอกสะท้อนให้เห็นเส้นด้ายจำนวนมากช่วยชะลอการเคลื่อนที่ของบอสหนู นั่นเป็นอาวุธอีกชิ้นของไอ้เพื่อนซี้ที่ผมเพิ่งเห็น เจ้าตัวเลเวลพอๆ กับผม ยังไม่สามารถจับหนูตัวใหญ่ให้หยุดนิ่งได้ แต่ถ้าระดับสูงกว่านี้คงจับได้สบายๆ สลับกับการใช้อาวุธไพ่คมกริบ ปาใส่บอสช่วยสร้างความเสียหายอีกแรง

   ส่วนผมเป็นหน่วยสนับสนุนตามเดิม ด้วยความสามารถของแวมไพร์ ทำให้ผมเคลื่อนไหวรวดเร็ว วิ่งไต่กำแพงได้สบายๆ ประกอบกับปีกที่กางออกมาโฉบโจมตีด้วยเคียวจากด้านบนเพื่อทำการดูดเลือดไปเพิ่มให้คนในทีมเป็นระยะ

   ทักษะการเพิ่มเลือดของผมดีก็จริง แต่มันติดปัญหาตรงที่ว่า ถ้าผมไม่ใช้อาวุธนี้ฟาดฟันมอสเตอร์หรือบอสเพื่อดูดเลือดมากักเก็บไว้ก่อน จะไม่สามารถใช้สกิลนี้ได้ ผมเลยเฉียด หวิดๆ จะโดนหนูตบอยู่หลายรอบ เฉี่ยวไปหลายแผล

   จากที่ผมสังเกต การโจมตีของบอสหนูไม่ซับซ้อนนัก ท่าใช้มือฟาด ใช้หางหมุนเป็นวงกลม พุ่งเข้ากัดกับพุ่งชน

   หนูยักษ์ฟาดกรงเล็บมาด้านหน้าจุดที่โล่อยู่ พลโล่ยกขึ้นกันแล้วดันกลับด้วยสกิล ช่วงมันเสียจังหวะโจมตี ดาบที่อยู่ใกล้จะพุ่งเข้าไปฟาดฟันลดดาเมจแล้วถอยออกมา ก่อนที่บอสจะเริ่มโจมตีอีกครั้ง

   จังหวะนี้เป็นของนักเวทสาว มือเรียวสวยยื่นมาเบื้องหน้า อีกมือถือไม้เท้าหัวกระโหลก ปากท่องมนต์บางอย่าง ควันสีขาวลอยวนอยู่รอบตัว ทันทีที่ส่งเสียงเรียกนักรบกระดูก เหล่าทหารโครงกระดูกจะโผล่มาเบื้องหน้าสี่ตัว เข้าไปช่วยโจมตีโดยไม่สนใจความเสียหายที่ได้รับ

   ยังไม่จบเพียงเท่านั้น หลังจากเรียกสมุนมาช่วยตีปานองค์ราชินีแห่งความตาย ลูกไฟสีดำสกิลถูกเรียกขึ้นมาอยู่บนมือ ขว้างใส่ตาหนูจนส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กชวนปวดหู

   ผมเห็นไวไวเซไปนิดหน่อย เกือบถูกหางหนูฟาดดับเป็นแมลงวันโดนไม้ตบไส้แตก ร่างสูงในชุดนักมายากลใช้แรงดีดขาของกระต่ายกระโดดหลบได้ทันแบบเฉียดฉิว ยิ่งหลอดเลือดมันลด มันยิ่งฟาดหัวฟาดหางอาละวาดจนฝุ่นตลบ

   ผมกับไวไวที่ได้รับผลของการถูกฝุ่นบดบังการมองเห็นน้อยที่สุดเป็นคนจัดการในช่วงนี้ ไวไวเพิ่มจำนวนด้ายขึงให้หนูหยุดชะงักชั่วคราว ผมวิ่งไต่กำแพงไม้ดีดตัวไปอยู่เหนือหัวของหนูยักษ์ หมุนแยกเคียวเป็นสองเล่ม ทิ้งตัวลงจากด้านบนฝังด้านคมของเคียวย่อส่วนทั้งสองบนหัวหนูแล้วออกแรงกระชากจนมันหงายท้อง

   แรงผมมีไม่มากขนาดล้มหนูยักษ์ทั้งตัว อาศัยแรงโน้มถ่วงกับจังหวะช่วงที่บอสหนูยกเท้าหน้า เพราะโดนไพ่เจ้าไวไวปักเรียงเป็นรูปตัวใจ อารมณ์นี้มันก็ยังจะเล่นได้ ซึ่งการโจมตีดังกล่าว ผมกับไวไวไม่ต้องคุยบอกกันเลยสักนิด ผลมาจากการเล่นเกมด้วยกันเยอะจนเข้าขากันได้ดีสุดๆ

   พอมันหงายท้อง ฝุ่นเริ่มจางลง แม่มดสาวลงมืออีกรอบ เปลี่ยนทหารโครงกระดูกเป็นตัวใหญ่เพียงตัวเดียว ช่วยยึดหนูให้สิ้นท่า รับดาเมจเต็มการโจมตีจากทุกคนแบบเต็มๆ หลอดเลือดของหนูยักษ์ลดลงเรื่อยๆ 1 ส่วน 10 ของหลอด

   ฉับพลัน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น บอสหนูที่กำลังใกล้ตายเผยท่าสุดท้ายแบบที่ทำให้พวกผมต้องอ้าปากค้าง ขนทั่วร่างของหนูยักษ์พองตัวขึ้นคมกริบยิ่งกว่าใบมีด พุ่งกระจายไปรอบทิศเหมือนกระสุนที่ถูกยิงออกมา ผมยกแขนไขว้กากบาทป้องกันเท่าที่กันได้ เสริมด้วยปีกค้างคางมาคลุมตัวอีกชั้นลดความเสียหายที่ได้รับ

   หางตาเห็นไวไวคว้าเอาแม่มดสาวกระโดดไปหลบหลังไพ่ที่ขยายตัวออกเป็นโล่ป้องกันชั่วคราว นักดาบไปหลบอยู่หลังพลโล่ ดูท่าจะมีผมคนเดียวที่ซวยโดนดาเมจแบบจังๆ เพราะมัวแต่เพิ่มเลือดหมู่อยู่บนอากาศ

   บอสหนูพลิกตัวกลับขึ้นมายืนอีกครั้งหลังจากโจมตีพวกผมจนวงแตก มันแหงนคอส่งเสียงร้องดังสนั่น ตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวตอสุดๆ เลือดมันลดจนเหมือนหมด เพียงแค่การโจมตีไม่กี่ครั้งมันก็จะตายทันที แต่ถ้ามันตั้งหลักใช้การโจมตีแรงๆ อีกรอบ พวกผมเองก็ตายยกทีมเช่นกัน

   “นายเป็นพวกเพิ่มเลือดสินะ ถ้าอย่างนั้น ช่วยพวกเราหน่อยแล้วกัน”

   เสียงแปร่งๆ ของนักดาบพูดอยู่ใกล้ๆ ทันทีที่ผมเก็บปีกที่บาดเจ็บมายืนอยู่บนพื้น หลังคอเสื้อถูกมือโล่จับเหวี่ยงลอยละลิ่วใส่บอสหนู ผมหน้าซีด จะกางปีกบินหนีก็ไม่ได้ ตัวลอยเหนือพื้นไม่มีที่เหยียบแล้วพุ่งตัวหลบ เลยจำใจกำเคียวในมือให้มั่น กัดฟันฉะกับหนูตรงๆ เคียวถูกประกอบยกขึ้นกันหางยาวที่ฟาดเข้าใส่

   แรงปะทะมากเกินกว่าที่ผมจะต้านไหว เลยปลิวทั้งน้ำตาอีกรอบ รู้สึกเสียงลมวิ่งผ่านหู แผ่นหลังกระแทกกำแพงไม้ดังอั๊ก ร้าวระบมไปทั้งตัว ไหลพรืดลงมากองบนพื้นอย่างหมดสภาพ

   เพราะผมเป็นตัวดึงความสนใจของบอส ทำให้โล่กับดาบมีโอกาสโจมตีจนหนูยักษ์ตายลงในที่สุด เสียงล้มตึงของสัตว์ใหญ่ดังไม่เท่าเสียงแหกปากของไวไวกับแม่มดสาว

   “วัต!!/นายซีด!!”

   สองคนนั้นไม่สนของที่ดรอปหลังจากบอสตาย วิ่งเข้ามาหาผมทั้งคู่ ไวไวหยิบขวดเพิ่มเลือดในกระเป๋าตัวเองจับผมเงยหน้าอ้าปากกรอกยาจนแทบสำลักตาย ตบท้ายด้วยเจ๊ทรงโตเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน

   เลือดและพลังที่เสียไปฟื้นฟูขึ้นมาบ้างเล็กน้อย พอให้ไม่ตายกลายเป็นแสงกลับไปเกิดที่เมือง แต่สภาพยับๆ ยังคงอยู่

   “วัตเป็นไงบ้าง เฮ้ย! เจ๊อย่าเพิ่งเขย่าเพื่อนผม มันจะตายเพราะเจ๊นี่แหละ”

   “เรียกใครว่าเจ๊ไม่ทราบ อยากโดนดีใช่มั้ย”

   สองคนหันไปแง่งๆ ใส่กัน ผมยกมือขึ้นห้าม สูดลมหายใจลึกๆ เรียกพลังลมปราณ

   “ใจเย็นทั้งสองคน ฉันยังไม่ตาย”

   ได้ยินเสียงผมพวกเขาเลยเลิกโวยวาย ไวไวถอนหายใจอย่างโล่งอก ทำอย่างกับถ้าผมตายแล้วจะตายเลยไม่ฟื้นอย่างนั้นแหละ ส่วนทางเจ๊โนตมปรายตามองผม

   เสียงระบบแจ้งเตือนดังขึ้น

   คุณสำเร็จภารกิจล่าบอสประจำเมือง สามารถไปรับรางวัลได้ที่จุดรับภารกิจ
   คุณได้ค่าประสบการณ์ 25420
   ระดับเลื่อนขึ้นสองระดับ 37
   
   ผมฟังผ่านๆ เพราะสายตาจ้องมองไอ้สองตัวที่มันบังอาจเอาผมเป็นตัวล่อบอสโดยไม่ถามความสมัครใจกันสักคำ แถมพอหนูยักษ์ตาย ไม่ใยดีผมที่คอยเพิ่มเลือดให้ตลอดทางเลยสักนิด รีบวิ่งถลาหาเงินกับไอเท็มของที่ได้จากบอสหนู

   โชคดีปาร์ตี้พวกเราเป็นแบบเฉลี่ยค่าประสบการณ์ และแจกจ่ายของให้ทุกคน ไม่อย่างนั้นสองคนนั้นคงเอาไปหมดไม่เหลือให้ผมแน่ๆ
   
   ไวไวสุ่มได้เสื้อหนัง ผมได้หางหนู เอามาทำไรฟะ ส่วนคนอื่นผมไม่รู้ คิดว่าน่าจะได้ของดี

   “นิสัยเลวๆ แบบนี้ต้องจัดการกันสักหน่อย”

   ไวไวหักมือกร๊อบๆ อย่างเอาเรื่อง หน้ากากโจ๊กเกอร์เหมือนมีเงาดำทาบทับไปครึ่งหนึ่ง เจ๊โนตมเหมือนอยากซัดคนเต็มที่ เธอยืนขึ้นกำไม้เท้าหัวกะโหลกในมือ ผมเองก็ไม่น้อยหน้า เรื่องอะไรจะเป็นฝ่ายโดนคนเดียว

   เรื่องนี้ผมเป็นพระเอกก็จริง แต่ผมถือคติ ดีมาดีตอบ เลวมามีเตะ งานนี้ต้องเชือดสถานเดียว พวกเราสามคนย่างสามขุมเดินเข้าหา

   นักดาบกับพลโล่หันมามองราวกับจะถามว่าพวกผมมีปัญหาอะไร ตอนนี้ระบบแจ้งว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดทีมปาร์ตี้ด้วยกันอีก ผม ไวไว กับเจ๊นักเวทพร้อมใจกันกดออกจากทีม ในเกมมีกฏอยู่ว่า คนที่อยู่ในทีมเดียวกันจะไม่สามารถต่อสู้กันได้ พวกผมเลยต้องทำแบบนี้

   “พวกนายมีปัญหาอะไรกัน ของแชร์แล้วหนิ บอสก็ฆ่าได้แล้ว”

   เจ้านักดาบพูด มันมีปัญหามากเลยโว้ย ตอนสุดท้ายพวกเอ็งเอาข้าเป็นที่รองตีนบอสนี่หว่า

   “นั้นสิ แค่เสียสละนิดหน่อยจะเป็นไร ขนาดพวกฉันยังใจกว้างไม่บ่นเรื่องนายงอมืองอเท้าไม่ช่วยโจมตีเลยนะ คนที่รับเละคือฉันกับเพื่อนต่างหาก เพราะงั้นเป็นอาหารหนูแค่นี้แล้วผ่านภารกิจถือว่านายโคตรได้ประโยชน์แล้ววะ ควรจะก้มหัวขอบคุณพวกฉันด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆ”

   เสียงหัวเราะอย่างรื่นเริงช่างบาดเข้าหู ตอนแรกว่าจะจัดการเบาะๆ ปากหมาแบบนี้มันต้องโดนให้หนัก ผมไม่ใช่สายต่อสู้ก็จริง แต่คนที่คอยเพิ่มเลือด และช่วยเตือนเวลาพวกมันลุยจนไม่สนหน้าหลังก็คือผม ไวไวกับเจ๊นักเวทรู้เรื่องนี้ดี

   เจ๊ที่เริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นแม่มดของจริง มือไวกว่าใครเพื่อน เรียกทหารโครงกระดูกออกมาล้อมเจ้าสองตัวนั้นไว้ ไวไวรับช่วงต่อขึงด้ายจับมัดเป็นแหนมโดยที่พวกนั้นยังไม่ทันตั้งตัว ผมผู้ได้รับความเสียหายมากที่สุด เดินดุ่มๆ เข้าไปชกเปรี้ยงให้คนละหมัด

   “โอ๊ย เฮ้ยอะไรวะ พวกมึงอยากเจอดี อั๊ก”

   “หยุดนะโว้ย ไม่รู้ว่าพวกเราน่ะเป็น อุ๊ก”

   “ไม่สนเฟ้ย ตอนนี้ขอเอาสะใจล้วนๆ!!” สามเสียงประสาน พอสองตัวนั้นล้มยำเท้าสามคู่ หกข้างก็เริ่มต้นขึ้น

   แน่นอนพวกเราไม่เอาให้ถึงตาย ผมมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ ในเกมนี้ความเจ็บปวดจากการโจมตีจะลดน้อยลงจากปกติหลายเท่า พวกนั้นคงไม่เจ็บสักเท่าไหร่หรอก ผมกระซิกบอกให้ไวไวมันจัดการบางอย่าง

   เจ้าตัวยกนิ้วโป้งยินดีทำตามคำขอ ใช้ด้ายมัดเป็นดักแด้แล้วเอาไปมัดกับไม้ในโพรงต้นไม้ ไม่สนเสียงประท้วงใดๆทั้งสิ้น

   ด้ายของไวไวมีระยะเวลาจำกัดในการใช้งาน พอผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ด้ายพวกนั้นจะหายไป ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น พวกบอสกับมอสเตอร์หนูในที่แห่งนี้คงเกิดกันครบจำนวน เพื่อให้ทีมผจญภัยอื่นได้เข้ามาจัดการต่อ

   พวกนั้นจะได้รู้ซึ้งว่า การสู้กันเองโดยไม่มีผมคอยช่วยเพิ่มเลือดมันจะรอดได้สักกี่น้ำ หลังเสร็จสิ้นภารกิจเอาคืนคน เราสามคนเดินตัวปลิวออกมาจากรังหนู อากาศภายนอกเป็นป่าเขียวชะอุ่ม กับแสงแดดยามเย็น ลมพัดสบาย สดชื่นกว่าด้านในจริงๆ นั้นแหละ 
   
   “ไวไว หลังส่งภารกิจเสร็จพวกเราออกเดินทางกันเลยไหม”

   ผมกับไวไวได้รับคำสาปเป็นพวกสัตว์หากินตอนกลางคืนทั้งคู่ ดังนั้นเดินทางตอนกลางคืนไม่มีปัญหา

   “ไว้ก่อน ถึงกินยาเพิ่มเลือดเข้าไปแต่นายยังไม่หายดี จะไปโบสถ์ก็ไม่ได้ซะด้วย พักรักษาตัวก่อนดีกว่า ฉันยังไม่อยากได้ตัวถ่วง”

   ผมแสนซึ้งใจกับความเป็นห่วงของเพื่อน แต่มือที่ตบหลังผมป้าบๆ นี่กลัวผมจะบาดเจ็บน้อยไปหรือยังไง

   “นี่พวกนาย สนใจผู้หญิงที่เดินตามหน่อยจะได้มั้ย ชิ ผู้ชายในโลกนี้มันเป็นเกย์กันไปหมดแล้วหรือยังไงกัน”

   เสียงทักจากด้านหลัง ผมเพิ่งนึกขึ้นได้เลยหยุดเดินหันไปมองเจ๊ จริงสิ ผมต้องคุยอะไรบางอย่างกับเจ้าตัว ท่าทางแปลกๆ ตามพวกผมมาต้อยๆ แล้วยังช่วยผมก่อนหน้านี้อีก จะบอกว่านึกพิศวาสขึ้นมาคงไม่ใช่ เหมือนมีอะไรแอบแฝงมากกว่า

   ดวงตาสีเทาหรี่ลงมอง ไวไวยักไหล่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องให้ผมจัดการเรื่องของตัวเองไป

   “ฉันขอบคุณเจ๊ที่ช่วยเอาคืนเมื่อกี้แล้วกัน ไอ้ฉันมันคนตรงๆ เจ๊ต้องการอะไรกันแน่ถึงตามพวกเรามา”

   ริมฝีปากอิ่มสีชาดเม้มสนิท ท่าทางเหมือนลังเลไม่มั่นใจ ทำให้พวกผมยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้ดูเป็นหญิงแกร่งจะตาย ถึงจะเป็นนักเวท แต่ไม่เป็นตัวถ่วงในการต่อสู้เลยสักนิด เก่งกว่าผู้ชายสายนักสู้บางคนซะอีก ไหงมาตอนนี้ยืนบิดไปบิดมา

   “ใครเป็นเจ๊พวกนาย ฉันชื่อว่าลิน”

   “ผมวัต ไอ้หมอนี้ไวไว แล้วไงต่อ?”

   “ฉันขอไปกับพวกนายด้วย!”

   “ฮะ!/ว่าไงนะ!!” วันนี้จะให้พวกเราประสานเสียงอีกกี่รอบถึงจะพอ มากกว่านี้ผมจะกอดคอไอไวไวเพื่อนรักไปร้องเพลงประสานเสียงแล้วนะ

   “ก็ตามนั้นแหละ ฉันขอเดินทางไปกับพวกนายด้วย”

   ผมยกมือนวดขมับ ไม่ได้รังเกียจอะไรผู้หญิงหรอก ดูๆ ไปเจ๊ ไม่สิ ลินเองก็ไม่ได้นิสัยแย่อะไร ลึกๆ ก็คงนิสัยดีอยู่มั้ง สุดท้ายผมเลยตัดสินใจ

   “ตอนนี้เริ่มค่ำแล้ว พวกเรากลับไปหาที่พักในเมืองก่อนค่อยคุยรายละเอียดกัน” ทุกคนเห็นพ้องต้องกันพวกเราเลยเดินทางออกจากป่ากลับเข้าเมืองทันที
   
   เมืองในตอนกลางคืน บรรยากาศแตกต่างจากตอนกลางวันพอสมควร ถ้าตอนกลางวันดูสดใสมีชีวิตชีวา ตอนกลางคืนก็แสนคึกคักไปด้วยผู้คนที่เป็นผู้ใหญ่ โคมไฟถูกจุดขึ้นหน้าบ้านและอาคารทุกหลัง ร้านค้าตอนกลางคืน ห้องพัก เต็มไปด้วยผู้คน

   หลังจากที่พวกเราสามคนไปส่งภารกิจกับร้านแสนซอมซ่อ ก็พากันออกมาเหมาห้องพักห้องใหญ่แบบแชร์เงินกันออก เพราะเป็นเมืองแรกสำหรับพวกคนเพิ่งเล่นเกม มันเลยไม่ค่อยหรูอะไร ตามราคาย่อมเยาสบายกระเป๋า

   เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างทำจากไม้ มีห้องนั่งเล่น โต๊ะกินข้าวรวมอยู่ตรงกลาง แยกไปอีกสามห้องนอน กับห้องอาบน้ำเพียงห้องเดียว

   ผมกับไวไวนั่งคุยกันรออยู่ในห้องนอนผม รอให้ลินอาบน้ำเสร็จแล้วมาอธิบายว่าต้องการอะไรจากพวกเรากันแน่

   “เอ้อ ลืมบอกเลย ก่อนออกมาจากมหาลัย พวกน้องปีสองมาขอให้พวกเราช่วยคุมเด็กปีหนึ่งไปออกค่ายวะ”

   “ค่ายรับน้องสินะ ไหงเพิ่งมาจัดล่ะ ปกติมันต้องจัดกันตั้งแต่แรกๆ ไม่ใช่หรือไง” ผมผู้ไม่ค่อยเอากิจกรรม และสุงสิงกับพวกรุ่นน้องสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ทิ้งเวลาไปกับงานและเกม ถามไอ้เพื่อนรักที่มันทำหน้าเอือมใส่ ได้ข่าวเอ็งก็สไตล์เดียวกับตูนะ

   “เกิดปัญหานิดหน่อย พวกนั้นเลยต้องเลื่อนมาจัดเอาช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสดี ไปทำความรู้จักกับเด็กมันหน่อย”

   “ไม่มีปัญหา ไว้ออกจากเกมแจ้งวันเวลาที่แน่นอนอีกทีแล้วกัน” ผมพยักหน้ารับ พวกเราคุยกันไปอีกสองสามเรื่อง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมกับไวไวเลยลุกออกจากห้องนอนไปนั่งในห้องนั่งเล่นเพื่อนคุยกับท่านนักเวทลิน

   เชื่อมะ ขนาดตอนนี้พวกเราอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนแล้วไวไวมันยังใส่หน้ากากอยู่เลย ท่าจะชอบจัด

   โต๊ะกินข้าวเป็นโต๊ะกลมมีเก้าอี้ห้าตัวล้อมโต๊ะไว้ ผมกับไวไวนั่งข้างกัน ด้านหน้าเป็นลินนั่งอยู่ พวกเราแวะกินข้าวกันมาแล้วก่อนขึ้นห้องพัก โต๊ะตัวนี้เลยกลายร่างเป็นโต๊ะประชุมไป

   “เข้าเรื่องเลย ขอเนื้อๆ ไม่เอาน้ำ” ผมบอกดัก ไม่อยากฟังอะไรยืดยาว หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องขมวดคิ้วใส่ท่าเท้าคางไปคนละด้านของผมกับไวไว แล้วถอนหายใจออกมาทำเป็นเมินท่าทางกวนๆ

   “ฉันต้องการคนช่วยทำภารกิจรับทักษะใหม่ เห็นพวกนายรู้งานกันดีเลยอยากขอให้ช่วย แน่นอนว่านอกจากฉันจะได้ทักษะแล้ว พวกนายยังได้ของติดไม้ติดมือไปด้วย เพราะมันเป็นภารกิจที่ต้องทำกันเป็นทีม”

   “พวกเราขอฟังรายละเอียดภารกิจก่อนค่อยตัดสินใจ” ไวไวเปลี่ยนท่ามากอดอก ส่วนผมยังคงเลื้อยบนโต๊ะต่อไป ตอนนี้เจ็บไปทั้งตัว ไม่มีอารมณ์มานั่งเก๊กหล่อแบบไอ้เบื้อกข้างๆ

   “ฉันรู้แค่ว่าสามารถรับภารกิจนี้ได้ที่หมู่บ้านแสงจันทร์ และต้องทำกันเป็นทีมเท่านั้นเอง”

   คนขอความช่วยเหลือ พอไม่มีข้อมูลให้เพียงพอเลยก้มหน้างุดๆ ผมมองภาพนั้นแล้วส่ายหัว ดูอายุแล้วน่าจะพอๆกับพวกเรา ถ้าห่างกันก็คงไม่เกินหนึ่งหรือสองปีแน่ๆ ภายนอกเหมือนจะแข็ง แต่ด้านในกลับอ่อน สาวๆ ส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้ ผมกับไวไวมองหน้ากัน

   ภารกิจที่แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลยไม่ค่อยน่าเสี่ยงเท่าไหร่ อย่างน้อยๆ ต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อน แล้วใบหน้าคนๆ หนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว ผมยกมือลูบต่างหูด้วยรอยยิ้มมุมปาก จริงสิ ยังมีอีกคนที่เป็นคลังความรู้เคลื่อนที่ และตู้ธนาคารของผมในเกมนี้

   “พวกเราอยากช่วยเธอนะ แต่ถ้าไม่มีข้อมูลอะไรเลยไปช่วยทันทีคงไม่ได้ ฉันมีเพื่อนอีกคนหนึ่งเขาเล่นเกมมานานรู้เรื่องเยอะ ไว้เขาเข้าเกมแล้วลองถามรายละเอียดเรื่องภารกิจนี้ดู ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยตัดสินใจว่าจะเอาไงต่อ”

   ผมอธิบายให้ลินฟังว่า ถ้าเรารู้ข้อมูลแล้วล่ะก็ โอกาสทำภารกิจสำเร็จก็ยิ่งมีมากขึ้น อย่างเช่น ระดับที่สามารถรับภารกิจนี้ได้ กับเงื่อนไขต่างๆ หากเรารู้เรื่องพวกนี้ จะภารกิจไหนก็สบายแหละ

   เจ้าตัวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ลินเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผล เลยคุยกันง่าย ผมก็วางใจ อันที่จริงกลุ่มเรามีแต่ชาย มีผู้หญิงเพิ่มมาสักคนก็ดีเหมือนกัน อาหารตา ดีกว่าหันไปทางไหนก็เจอแต่กล้าม แบบนั้นชีวิตผมคงอับเฉาแย่

   “ถ้างั้นฉันขอร่วมทีมกับพวกนายไปก่อน เพราะฉันไม่มีเพื่อนคนอื่นอยู่แล้ว”

   ผมกับไวไวไม่มีปัญหา ไม่มีเป้าหมายอะไรในเกมนี้เป็นพิเศษ แวะไปช่วยคนอื่นเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างก็ไม่เลวเท่าไหร่

   หลังคุยกันเสร็จ พวกเราแยกย้ายกันเข้าห้องนอนของใครของมัน ด้วยความที่ผมโดนคำสาปแวมไพร์เลยชอบอยู่ในความมืดมากกว่า เลยดับตะเกียงนั่งอยู่บนเตียง มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟตามบ้านเรือนด้านนอกส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ในห้องพอมีแสงสลัวๆ

   ตามตัวผมไม่มีแผลอะไรแล้ว ติดแต่ปีกนี้สิ ผมเอาปีกออกมาสำรวจความเสียงหาย ปีกค้างคาวมีแต่รูพรุนน่าอนาถ ขยับทีเหมือนความเจ็บทั้งหมดไปรวมอยู่ที่โคนปีก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่า ลักษณะพิเศษทางด้านร่างกายที่ได้มาจากคำสาปแวมไพร์ จะไม่ได้รับการรักษาแม้จะกินยาเพิ่มเลือดก็ตาม

   เหมือนเขี้ยวของผมที่เพิ่งจะงอกกลับมาเหมือนเดิมเมื่อวาน มาคราวนี้เป็นปีก ผมเองยังไม่นึกอยากกระโจนออกไปกัดคอดูดเลือดใครซะด้วย สงสัยพรุ่งนี้คงต้องขอรับบริจาคเลือดจากไวไวมัน ไม่งั้นคงอีกหลายวันกว่าปีกผมจะหายจนกลับมาบินได้ตามเดิม

   “ฉันได้กลิ่นเลือด”

   เสียงแปลกปลอมภายในห้องทำให้ผมสะดุ้งโหยง รีบหันขวับไปดู พอเห็นว่าเป็นใครค่อยวางใจ

   “เฮ้ย! อย่ามาเงียบๆ ดิ หัวใจเกือบวาย” ร่างนั้นเดินออกมาจากเงามืด เป็นคนที่ผมคุ้นเคย “ไหงนายกลับมาเข้าเกมไวล่ะ ฉันนึกว่าจะหายยาว”

   เวลาภายนอกเกม 1 ชั่วโมง เท่ากับระยะเวลา 1 วันภายในเกม คนส่วนใหญ่มักจะเล่นเหมือนผม คือ ช่วงเวลาตอนนอน ผมตั้งเอาไว้ 8 ชั่วโมง เท่ากับ 8 วัน กลเองก็คงไม่ต่าง ผมเลยสงสัย ออกเกมไปทำธุระ นึกว่าจะไปนอนยาวจนเช้าเลยซะอีก เพราะถึงเข้าเกมมาคงอยู่ได้ไม่นาน ขนาดผมเองนับรวมระยะเวลาของผมภายในเกม ก็ใกล้จะต้องออกจากเกมแล้วเหมือนกัน โลกความจริงมันจวนจะเช้าแล้ว

   “แค่จะแวะเข้ามาดูนายเฉยๆ เพิ่งไปฆ่าบอสประจำเมืองมา?”

   คำตอบยังคงสั้นตามเคย หากเป็นผมตอบคงอธิบายไปล้านแปด ไม่จบแค่สองประโยค ตอบและถามในคราวเดียวแบบกลแน่

   “ใช่ กำลังต้องการคนบริจาคเลือดอยู่พอดีเลย” ผมยิ้ม กลยิ้มแต่ยิ้มบางๆ มุมปากที่ต้องเพ่งหรือเป็นคนช่างสังเกตจริงถึงจะเห็นล่ะนะ พ่อหมาป่าสุดหล่อจอมมาดนิ่งเอ๋ย ยังดีที่นายไม่เป็นพวกเจ้าชายชาเย็น ไม่งั้นผมคงจะปวดหัวน่าดู

   “มาสิ”

   ไฟเขียวแบบนี้ ผมยังต้องรออะไรอีก ขยับเข้าไปหากลที่ย้ายตัวเองมานั่งบนเตียงแล้ว จัดการดึงคอเสื้อขนสัตว์ของอีกฝ่ายออก มองลำคอแกร่งแล้วกลืนน้ำลายอึก รู้สึกถึงเส้นเลือดที่ไหลเวียนอยู่ตรงหน้า เหมือนหน้ามืดตาลายคล้ายจะอดอยาก ผมกดเขี้ยวลงดื่มกินเลือดรสหวาน หอมอร่อย ได้คุณภาพทางโภชนาการดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 08-04-2015 04:13:35
โอ้ย พี่จะตายหน้าจอแล้วครับ

เจอ Combo วัตดูดเลือด + กลเลียแผล = Heart Attack

ต่อไปจะมีคอมโบอะไรอีก  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 08-04-2015 07:22:22
โดนดาเมจ ฉากน้ำตกตะกี้ต้องรีบฮิวตัวเองอย่างด่วน
อ่านแล้วเหมือนเข้าอยู่ในเกมจริงๆ คนแต่งโครตเจ๋งอ่ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 08-04-2015 07:51:30
อ่านะ  กลเนียนนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 08-04-2015 09:21:57
ฉากน้ำตกแบบว่า ....  :z1: กลนี่เนียนมาก มีลงมีเลีย 5555
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-04-2015 10:46:53
พ่อแม่พ่อมหาป่าครียดได้อีก ใจเย็นๆค่ะ
โดนจับตัวไปซะแล้ววววว
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 08-04-2015 11:03:03
คิกคิก โดนยาสลบแน่เลย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-04-2015 11:09:58
 :mew1: 
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 08-04-2015 12:34:52
ไม่เคยชอบเกมเลย แต่พออ่านเรื่องนี้แล้ว อยากเล่ม No Name บ้าง

กลรุกไปเลย อย่าปล่อยค้างคาวให้ลอยนวล
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 08-04-2015 13:05:57
แต่งได้สนุกมาก ชอบฮะ ไม่น่าเบื่อ ยืดเยื้อบรรยายฉากเกมออนไลน์ซะขี้เกียจอ่านเหมือนบางเรื่อง
แถมมีเรื่องราวในชีวิตจริง ปะปนมาได้ระยะ ประกอบข้อมูลได้ดี น่าอ่านโดยตลอด ตัวละครก็มีเอกลักษณ์
แต่งได้เก่งมากจริงๆ เห็นถึงความตั้งใจและความสนุกในการเรียบเรียงเนื้อหาเลยฮะ
ให้กำลังใจ และขอให้มีไฟในการแต่งต่อไปเรื่อยๆจนจบนะฮะ ขอบคุณคร้าบบบบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 08-04-2015 17:33:25
สนุกกกก ขอบคุณนะที่แต่งแนวนี้มาให้อ่าน กำลังอยากอ่านแนวนี้เลย
บอกเลยว่าแต่ละตอน ทำเราฟินมว๊ากกกกกกกกก
กลกับวัตน่ารักอะ ชอบคู่นี้จริงจัง ให้อารมณ์แวมไพร์ผู้สูงศักดิ์กับหมาป่าผู้พิทักษ์ >///<
ยิ่งตอนล่าสุด เลียแผลนี่แบบ อ๊างงงงงงง

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 09-04-2015 18:22:32
คุณหมาป่าจะออนมั้ยน๊า :ling1:  อยากอ่านอีกแล้ว มาต่อเร็วๆๆน๊า :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-04-2015 18:45:38
 :mew1:   มารอและให้กำลังใจคนเขียนจ้ะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 09-04-2015 20:26:48
บวกเป็ด o13
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 10-04-2015 00:24:06
แอร๊ยยยย ฉากเลียแผลนี่เลือดหมดตัว  :jul1:  :jul1:

อย่าเอาค้างคาวไปขังในกรงหมานะ!!
ต้องสร้างกรงให้วัตพิเศษสิ  :m20:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 10-04-2015 01:35:43
แอร๊ยยย 8ตอนรวด บอกเลยเราไม่ชอบอ่านแนวนี้ แต่ว่างๆ(ตอนตี1กว่าเนี่ยนะ555) เลยเข้าอ่านดู ไปๆมาๆ เฮ้ย ชอบว่ะ ใช่เลย ติดแหง๊กกกก ฉากน้ำตกนี่แบบว่า แอร๊ยยย ฟินกับพ่อหมาป่ากลจิงๆๆๆ รอตอนต่อไปและรอตอนเค้าไปเจอกันในค่ายรับน้องนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 10-04-2015 07:23:51
สนุกค่ะ
ทำไมช่วงนี้เรากำลังอ่าน การ์ตูนเกี่ยวกับเกมส์ แล้วมันก็เจอมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นที่
sao
re:monter
tate no yuusha no nariagari
the newgate
the legendary moonlight sculpture
the gamer
zero no shiniki ฯลฯ
แล้วมันก็ทยอยมาเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน 5555
แล้วเราก็อ่านอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน
ถึงอ่านไปจะมี เอะ พ่อทำไมยอมรับง่ายจัง แถมยังไปคิดอะไรเด็กๆแบบน้านนน ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เลย
เอะ มันเป็นเทคโนโลยียังไง ที่เข้าไปได้ทั้งตัว งั้นก็สามารถ สร้างเครื่องวาร์ปได้แล้วสิ
(หรือว่าเครื่องวาร์ปราคาแพงไป ไม่เห็นใช้กัน - -)
แต่ทำไม ถึงยังมีวินมอไซ เอ้า นั่นมันยุคไหนนิ ยุคที่มีเทคโนโลยีพัฒนาขนาดนั้นยังมีวินเหลือเราะ
แล้วก็เอ้า
  “ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกมNo Name ขอให้สนุกกับโลกแห่งแฟนตาซีนะค่ะ”
ตัวที่เป็นสีแดง มันอ่านว่า = นะ-ขะ
เราขอเดาว่า จะเขียนให้มีความหมายว่า นะคะ สินะ  ที่ถูกคือ
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกมNo Name ขอให้สนุกกับโลกแห่งแฟนตาซีนะคะ"
เพราะงั้นช่วยใช้ให้ถูกด้วยนะคะ
เราอ่านแล้ว เอะ เอะ เอะ ตลอดเลย มันอ่านแล้วมันแหม่งๆน่ะค่ะ
ส่วนคำอื่นก็มีผิดบ้างประปราย ไม่เป็นไรค่ะ
ขอคำนี้เถอะค่ะ นะคะ  อิอิ
สู้ๆน้าา มาอัพไวๆ เร็วทันใจเถิดดดด
อย่างน้อยๆมาอาทิตย์ละตอน สองตอนก็ยังดี นะคะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 10-04-2015 10:30:16
อร้ากก :hao7: ฟินไปสามตลบ อิอิ โดนดาเมจคอมโบเซ็ต วัตดูดเลือด+กลเลียแผล ไปเต็มๆเหมือนกัน :m10: จะรออะไรละ ฟินตายอย่างสงบสิคะ :m25: รอตอนต่อไปนะเคอะคนเขียน :m1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 10-04-2015 10:36:58
Lv.6 ยอดชายนายหมาป่า

   ท้องฟ้าด้านนอกยังคงมืดสนิท เสียงพูดคุยของผู้คนเริ่มเบาบางจนเหลือเพียงความเงียบ แสงไฟตามบ้านเรือนดับลง เหลือเพียงแสงจากโคมไฟส่องทางตามถนน ทุกสรรพสิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา ยกเว้นเพียงสองร่างภายในห้องพักแห่งหนึ่ง

   เสียงขยับตัว เสื้อผ้าเสียดสี กลิ่นเลือดยังคงคลุ้งไปทั่วห้อง แต่เบาบางลงมากจากตอนแรก

   ปีกค้างคาวสีดำเริ่มสมานตัวเองจนกลับสู่สภาวะปกติ เจ้าของลองขยับดูนิดหน่อย ริมฝีปากผุดรอยยิ้มยินดี มองผู้บริจาคด้วยสายตาซาบซึ้งอย่างหาที่สุดไม่ได้ จนคนถูกจ้องต้องเป็นฝ่ายส่ายหัวถอนหายใจแทน

   เพียงแค่เขาไม่อยู่ไม่เท่าไหร่ ค้างคาวเป้าหมายก็พาตัวเองไปเจ็บจนปีกยับเยิน ไม่สิ ถึงต่อให้เขาอยู่เจ้าตัวก็หาเรื่องเจ็บตัวอยู่ดี หมาป่าหนุ่มยกขวดเลือดกระดกทดแทนเลือดที่เสียไปอย่างปลงๆ อีกไม่กี่วันต้องไปเข้าค่ายรับน้องซะด้วย ไม่รู้ว่าคราวนี้กลับมาอีกที พ่อค้างคาวของเขาจะพัฒนาไปทางไหน

   ต้องบอกว่าอีกฝ่ายเล่นเกมเก่งจริงๆ ดูจะมีพื้นฐานเกมมาก่อนไม่ใช่น้อย เขาแค่หายไปไม่กี่วัน กลับมาระดับเพิ่มไปเกือบจะ 40 เคลียภารกิจในเมืองนี้จนเกลี้ยง เสร็จไปถึงเควสล่าบอสประจำเมืองที่คิดว่าจะกลับมาช่วยตี

   หูสามเหลี่ยมบนหัวขยับเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงจากห้องอื่น ตามตัวอีกฝ่ายมีกลิ่นอื่นติดมา ถ้าเป็นคนที่เจอแล้วแยกย้ายกลิ่นไม่น่าเยอะขนาดนี้ ดวงตาคมสี่น้ำเงินเข้มหรี่ลงแบบไม่เป็นที่สังเกต พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมอง ดวงตาเปลี่ยนเป็นราบเรียบปกติตามเดิม

   “ก่อนจะออกเกมนายมีเป้าหมายอะไรรึเปล่า”

   เขาเลือกถามแบบกลางๆ วัตเป็นคนฉลาด ไหวพริบดี ช่างสังเกต ดังนั้นถ้าเขาไม่อยากให้ค้างคาวตื่น ต้องยอมเป็นหมาป่าว่าง่ายโอนอ่อนตามอีกฝ่าย เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เพราะถ้าเกิดวัตนึกระแวงเขาขึ้นมา สิ่งที่คิดไว้ว่าอยากทำความรู้จักสนิทสนมด้วยคงจะเป็นไปได้ยาก

   “ใช่ๆ นายมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องจะถาม”

   ผมเก็บขวดแก้วเปล่าใส่ในสร้อย แล้วนั่งตั้งใจฟังสิ่งที่วัตเล่ามา เจ้าตัวเล่าว่ามีนักเวทสาวคนหนึ่งอยากให้ช่วยเรื่องการทำภารกิจทักษะ ผมนิ่งคิดไปสักพัก พอนึกภารกิจที่น่าจะเกี่ยวข้องได้สองสามอย่าง เลยบอกเขาว่าขอเวลาทบทวนอีกสักพักเพื่อความแน่ใจ

   นอกเหนือจากนี้ผมเลยถามเขาว่าไปทำอะไรมาบ้าง วัตเล่าโดยไม่คิดอะไรมาก ตามประสาคนสบายๆ สรุปออกมาได้สองสามข้อ อย่างแรกวัตเริ่มชินกับเกมนี้แล้ว และมีแนวโน้มจะเล่นต่อยาวๆ ซึ่งนั่นเป็นข่าวดีสำหรับผม

   อย่างที่สอง เจ้าตัวเจอเพื่อนเรียบร้อย ดึงผมเข้าไปอยู่ในปาร์ตี้เดียวกันด้วย เห็นทีพรุ่งนี้คงต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนของวัตสักหน่อย รวมถึงสมาชิกหญิงสาวเพียงคนเดียวในทีม

   อย่างที่สาม วัตดันไปเจอพวกนิสัยแย่เข้า ปกติของสังคมเกม มันก็ไม่ต่างจากสังคมในโลกจริง ที่พิเศษหน่อยคงเป็นทุกคนไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน ดังนั้นนิสัยแย่ๆ หรือนิสัยลึกภายในมักจะถูกแสดงออกมาเต็มที่

   ผมไม่คิดจะตามไปแก้แค้นเพราะมันไร้สาระ แถมวัตเองก็จัดการไปแล้วด้วย เขาเป็นผู้ชาย ท่าทางร้ายไม่แพ้ผม ผมไม่นึกห่วงเขาเรื่องนี้ ห่วงก็แต่ตัวเองจะจกหลุมแผนการของวัตแบบจังๆ เข้าสักวัน ทุกวันนี้ก็จวนเจียนอยู่รอมร่อ...

   “ทำหน้าอะไรแบบนั้น หรือนายง่วง ถ้างั้นก็นอนกันเถอะ แม้พวกเราจะเป็นสัตว์กลางคืน แต่หลักๆ ยังเป็นคนอยู่ ถึงเวลาพักก็ต้องพักผ่อนล่ะนะ”

   นี้ก็อีกอย่าง คนอื่นสังเกตสีหน้าผมไม่ออก มีแค่คนสนิทกับคนในครอบครัวเท่านั้นที่มองออก วัตเป็นกรณีพิเศษ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจเขา

   ค้างคาวล้มตัวลงนอน เตียงมีแค่เตียงเดียวพวกเราเลยต้องแบ่งกัน วัตนอนฝั่งด้านใน ไม่ยอมเก็บปีก เอามาคลุมตัวเองจนผมนึกขำ ส่วนผมนอนอยู่ฝั่งด้านนอก มือดึงม่านปิด คว้าผ้าห่มคลุมตัวพวกเราทั้งคู่แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามชาวเมืองไป

   
   แสงแดดยามเช้ายังคงเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบอยู่ดี ไม่ว่าจะในเกมหรือนอนเกม ยังดีหน่อย วันนี้รู้สึกเหมือนแดดจะมารบกวนผมน้อยกว่าทุกที พอผมลืมตาถึงได้เห็นคำตอบ สิ่งที่เรียกว่าแดด คงทำอะไรผมไม่ได้หรอก ในเมื่อมีอีกคนนอนเป็นโล่ป้องกันให้ รู้สึกเหมือนได้กลิ่นหมาป่าสุก

   “กล เฮ้ย กล ไหงฉันกับนายถึงสลับที่กันนอนได้เนี่ย”

   ผมเขย่าตัวกลที่ลืมตาขึ้นมา ไม่มีความงัวเงียเลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวลุกขึ้นบิดตัวแก้เมื่อย ดูเหมือนจะตื่นนานแล้ว

   “พอพระอาทิตย์ขึ้น นายเริ่มดิ้น ฉันเลยเปลี่ยนที่นอนริมหน้าต่างแทน”

   “ขอบใจนะ” ผมแทบอยากยกมือประกบกราบ นายดูแลฉันดีขนาดที่ฉันเผลอคิดไปว่า นายเป็นพี่น้องที่ผลัดพรากจากกันไปเมื่อกาลก่อน พวกเราต่างคนต่างหยิบผ้าขนหนูของตัวเองพร้อมชุดเปลี่ยนออกจากห้องหมายจะไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น

   พอเปิดประตูออกมากลิ่นหอมของขนมปังและซุปโชยเตะจมูก รอบโต๊ะอาหารมีสาวสวยโนตมคนเดิมเจ้ลินกำลังนั่งแทะขนมปัง ไม่ห่างกันมีไวไวเพื่อนรักเหมือนจะคิดค้นวิธีการกินโดยไม่ต้องถอดหน้ากากอยู่ ทั้งคู่มองมาที่ผมเป็นตาเดียว

   ลินขนมปังร่วงจากมือสิ้นชีพบนพื้นอย่างน่าเสียดาย ไวไวแทบจะพ่นเอาซุปที่พยายามตักใส่ปากลอดใต้หน้ากาก และผม ยืนนิ่งมองพวกนั่นด้วยรอยยิ้ม พร้อมผายมือไปทางร่างสูงด้านข้าง

   “ขอแนะนำให้รู้จัก หมาป่าสุดหล่อ กล ส่วนคนที่นั่งสวยอยู่ตรงนั้น นักเวทที่ฉันกับนายเคยเจอมาก่อนมีชื่อว่าลิน ไอหน้ากากกินท่ายากนั่นเพื่อนที่ฉันกำลังตามหา ชื่อไวไว สนิทกันไว้นะ”

   พูดจบ ผมก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างสง่างาม ตามหลังมาด้วยกลที่พยักหน้าทักทายสองคนในห้องนิดหน่อย แล้วเดินตามผมเข้ามาก่อนปิดประตูห้องน้ำเป็นการจบบทสนทนา

   ความเงียบปกคลุมโดยรอบชั่วอึดใจ ผมถอดเสื้อเตรียมอาบน้ำ ได้ยินเสียงโหยหวนจากทั้งสองคนด้านนอก กลเลิกคิ้วมอง ผมยักไหล่ไม่ต้องใส่ใจ แล้วพวกเราก็แยกคนละมุมจัดการตัวเอง ก็นะ พร้อมกันเลยไวดี ผู้ชายเหมือนกันอย่าคิดมากหน่า

   “กรี๊ดดด อยู่ห้องเดียวกัน!!”

   “อ๊ากกก ตายแล้ว กูตายแน่ๆ ถ้าพี่วินรู้เข้าล่ะก็ โอยไอ้ไวไว ชีวิตมึงไม่เหลือแหง ชิบหายแล้ว คลาดสายตาไปไม่นาน เพื่อนกูถึงกับมีผัวเป็นตัวเป็นตน”

   “กระต่ายที่ไหนมันเห่าวะ ไม่ใช่ผัวเว้ย เพื่อน!!”

   เสียงลินเธอกรี๊ดบาดหูผมยังพอทนได้ แต่ไอไวไวนี่ผมรับไม่ได้จริงๆ หาว่าผมมีพระสวามีได้ยังไง ยังไม่ได้ตกลงกันเลย แม่งโคตรโมเม คำหยาบหลุดมาเป็นพรวนอีกต่างหาก คงจะตกใจจนลืมเก็บหมาในปาก นี่ยังถือว่าเบา ถ้าเกิดมาฟังตอนพวกผมอยู่กันยกทีม อือหือ สวนสัตว์ยังชิดซ้าย ศิลาพ่อขุนยังชิดขวา

   “ร่าเริงกันดีนะ”

   น้ำเสียงนิ่งๆ ช่างไม่เข้ากับดวงตาพราวระยับคู่นั้นเลย นายช่วยทำอะไรที่สัมพันธ์กับสีหน้าหน่อยได้มั้ย

   “อีกหน่อย นายคงไม่พูดแบบนี้แน่”

   มีเสียงหัวเราะในลำคอดังแว่วมา ผมตักน้ำราดตัวเอง ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วคว้าผ้าขนหนูมานุ่งไว้ ยังดีที่เกมนี้ปราณีผู้เล่น เลยมีสบู่ แชมพู แปลงสีฟันว่ากันไป เพียงแค่ทุกอย่างไม่มีสารเคมีเป็นส่วนผสม สกัดจากธรรมชาติล้วนๆ

   หันมาอีกทีกลจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ไวมาก ระหว่างที่ผมกำลังเช็ดผมอยู่ สัมผัสจากมือสากแตะที่แผ่นหลังให้ผมสะดุ้งโหยง อย่าลูบน้อง พี่สยิว

   “โทษที แค่อยากรู้ ปีกนายหายดีแล้วหรือยัง”

   ผมพยักหน้าเออออ แล้วหันกลับมาประจันหน้า ยกมือตบไหล่กว้างปุๆ เนียนลูบกล้ามคืนนิดหน่อย

   “ได้เลือดนายไปหายดีเป็นปกติแล้ว” ผมถอยออกมาลูบค้างสำรวจดู “นายนี้ใช่เล่น ก่อนหน้านี้ไม่ทันสังเกต หุ่นนายใช่ได้เลยนี้ ไม่บึกแบบพวกนักกีฬา กำลังพอดี อย่าบอกนะว่าจริงๆ แล้วนายเป็นนายแบบ?”

   “ฉันไม่ทำงานเบื้องหน้าแบบนั้นหรอก รีบออกไปกันดีกว่า เดี๋ยวพวกนั้นคิดเลยเถิดไปไหนอีก”

   พอดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดจนเกือบดำคู่นั้นมองสำรวจผมบ้าง ก็ผละออกใส่เสื้อผ้าแล้วชวนออกจากห้องน้ำ ผมก้มมองหุ่นตัวเอง ส่องกระจกในห้องน้ำไปด้วย หุ่นผมก็ไม่ได้แย่อะไร ไม่ถึกแบบเพื่อนไวไว แต่ก็ไม่บาง มีกล้ามพองามตามประสาคนออกชอบออกแรง ติดแต่ว่าในเกมผมเป็นแวมไพร์ ผิวเลยขาวซีดปานศพ ต่างจากนอกเกมที่ออกแทนนิดๆ เพราะโดนแดดประจำ

   สงสัยพ่อหมาป่าจะรับความขาวปานท้องปลาตายของผมไม่ได้ เลยเลี่ยงออกไปซะอย่างนั้น ผมเองไม่คิดจะแช่ในห้องน้ำนานเหมือนกัน ใส่เสื้อผ้าเสร็จเปิดประตูผ่างออกไปทันที เห็นลินแสร้งมองนู่นมองนี้ ไวไวผิวปากดูอารมณ์ดีเหลือเกิน ทั้งสองพากันมาอออยู่แถวห้องน้ำ คิดว่าผมไม่รู้เลยสินะว่าทำอะไร

   พอผมจ้องมากๆ เข้า ร้อนตัวกันใหญ่ พวกนายเนียนมาก!

   “มองไรยะ ฉันแค่สงสัยว่าพวกนายไปตายคาห้องน้ำแล้วหรือไงถึงได้ช้านัก”

   “ใช่ๆ ฉันเป็นห่วงนายเฉยๆ ไม่ได้คิดจะแอบฟังว่านายทำอะไรกันเลยสักนิด”

   ผมนับหนึ่งถึงสามในใจ แล้วสูดลมหายใจลึกๆ ยิ้มในแบบที่คิดว่าดูดีที่สุด เผยเขี้ยวตรงมุมปาก

   “พวกฉันไม่ตายหรอก อึดกันขนาดนี้ วันหลังไม่ต้องลำบากแอบฟังนะ ถ้าพวกเราคิดจะทำอะไรกันจริงๆ เสียงมันคงดังจนพวกนายได้ยินเองนั่นแหละ”

   ไวไวกับลินอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่ากลรับมุกหรืออะไร จับมือผมที่ใช้นิ้วโป้งจิ้มอกคนด้านหลังยกขึ้นจูบเบาๆ ก่อนเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นรูปปั้นอีกครั้ง งานนี้ตัวผมเองยังมีสะดุ้งรอบสองของวัน ท่าทางพ่อหมาป่าจะเข้าหาแบบแปลกๆ ตั้งแต่รู้ว่าผมเจอเพื่อนแล้ว อย่างกับเวลาหมาแสดงอาการหวงเจ้านาย อืม ผมคงคิดมากไปเอง

   “พอๆ เลิกอึ้งได้แล้ว ฉันแค่แหย่เล่น มานั่งกินข้าวคุยกันดีกว่า เราจะเอายังไงกับชีวิตกันต่อ เมื่อคืนนายบอกว่าขอเวลาคิดใช่มั้ยกล ตอนนี้คิดออกยังว่าไอภารกิจนั่นมันทำยังไง”

   ผมตัดจินตนาการทุกคน นำไปนั่งประจำที่หยิบขนมปังใส่ปาก สลับตักซุปทาน กลืนลงคอเริ่มจุดประเด็นหัวข้อใหม่

   “มีอยู่สามภารกิจที่ใกล้เคียง ฉันไม่มั่นใจว่าอันไหน” กลนั่งลงตามตรงข้ามกับผมข้างๆไวไว ตอนนี้ผมเลยมีลินกับไวไวนั่งขนาบข้างซ้ายขวา
   
   “ไปดูสามที่เลยไหมล่ะ เผื่อจะมีของเด็ดๆ” เพื่อนผมมันยังยึดหลักการกินทั้งที่ยังใส่หน้ากากอย่างเหนียวแน่น เอาตามที่มึงสบายใจเลยเพื่อนเอ๋ย...

   “ไม่ได้ มันห่างกันเกินไป ทุกที่ไม่ได้เข้าไปง่ายๆ เสียวลาเปล่าๆ”

   เจอกูรูค้านมาแบบนั้นพวกเราเลยนั่งคิด มือปากยังขยับทำหน้าที่ ง่ำๆ อาหารเช้าอร่อยจัง

   “พอจะมีทางเลือกอื่นมั้ย” อือหือ ลินพูดเสียงหวานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทีผมกับไวไวแทบจะกินหัว แม่มดคนนี้น่ากลัวจริงๆ

   “ฉันมีคนรู้จัก เขาแนะนำได้” ผมเงยหน้าจากถ้วยซุป กลืนส่วนที่อยู่ในปากลงคอก่อนพูด บ้านผมสอนมาดีครับ “นายติดต่อเขาไปเลยสิ”

   หมาป่าหนุ่มส่ายหัวอย่างจนใจ “ฉันลองทิ้งข้อความติดต่อไปแล้วระหว่างรอนายตื่น เขาบอกว่าให้ไปหา ไม่งั้นจะไม่ให้ข้อมูล”
   
   ระหว่างรอผมตื่น...นั่นหมายความว่าเจ้าตัวตื่นตั้งแต่แรกแล้วยังนอนเป็นที่บังแดดให้ผมสินะ ซึ้งจนน้ำลายแทบไหล เบลอสายตาสองคู่ที่มองมาซะ

   เอาล่ะ เป้าหมายใหม่งอกขึ้นมาอีกหนึ่ง ตอนแรกผมแค่จะตามหาเพื่อนไวไว พอเจอกันแล้วติดคำขอของลินเพิ่มให้ช่วยเรื่องทำภารกิจเอาทักษะใหม่ เลือกมาถามกล อาเฮียหมาป่าบอกต้องไปหาเพื่อนถึงจะได้ข้อมูล

   ผมนิ่งคิด อันที่จริงข้อมูลมันคงไม่ได้หายากอะไรขนาดนั้น ถ้าออกเกมไปหาดีๆก็อาจจะเจอ เพื่อนผมหลายคนมาเล่นเกมก่อนน่าจะพอมีข้อมูลอยู่บ้าง แต่บางครั้ง ทำอะไรอ้อมๆ ก็สนุกดี ไม่แน่เพื่อนของกลอาจจะมีอะไรบางอย่างสนุกๆ รอให้ทำอยู่

   ภารกิจนี้เป็นของลิน แม้ตอนนี้เหมือนผมจะเป็นคนนำทีมกลายๆ ยังไงต้องถามเจ้าของภารกิจก่อนว่าโอเคกับเวลาที่เสียไปรึเปล่า

   “เจ้าของภารกิจว่าไงครับ”

   สาวเพียงหนึ่งเดียว ผู้แข็งแกร่งเกินชายบางคน และไม่หวั่นไหวแม้จะมีผู้ชายตัวโตกว่าตัวเองถึงสามคนจ้องเป็นตาเดียว ผมว่าเธอเอาเรื่องเหมือนกันนะ ตั้งแต่ตอนแรก ลุยเดินทางคนเดียว ลงมือเฉียบขาด ไม่ตะขิดตะขวงใจกับการเป็นสาวสวยในกลุ่มชายหล่อ แสดงว่าภายนอกเกมเธออาจจะชินกับเรื่องพวกนี้

   “ฉันไม่รีบ ยังไงภารกิจนี้ ระดับของพวกเราในทีมไม่นับคุณหมาป่าก็ยังทำภารกิจไม่ได้อยู่ดี เดินทางเก็บระดับไปพลางๆ ก็ดีเหมือนกัน”

   “อ้าวไหนเมื่อวานเธอบอกไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยไง ไหงมาตอนนี้ถึงรู้ว่าภารกิจมันต้องใช้คนระดับมากกว่านี้ล่ะ”

   ไวไวดูท่าจะไม่ค่อยถูกกับลินสักเท่าไหร่ เห็นขัดกันประจำ ยกเว้นแต่เรื่องเมื่อกี้ ร่วมแรงร่วมใจกันแอบฟังดีจริงๆ ให้ตาย

   “ฉันเพิ่งนึกออกตอนกำลังจะนอนย่ะ เป็นผู้ชายอย่าจุกจิกนัก ไม่งั้นสาวๆ จะไม่ชอบเอานะ”

   ผมลูบหน้า ได้ข่าวลินก็เป็นสาวนะ แถมสวยด้วย ชะตาฟ้าช่างเล่นตลก คำสาปประจำตระกูลหรือยังไง รอบตัวคนในครอบครัวผมตัวเองแปลกไม่พอ ยังเจอแต่พวกแปลกๆ พี่วินเจอพี่ชิน ผมเจอก๊วนเพื่อนกับคนพวกนี้ สงสัยฟ้าคงไม่อยากให้คนดีๆ ต้องมาเสียไปเพราะติดเชื้อตระกูลเรา เลยส่งแต่พวกเดียวกันมา โอเค คุยกันง่ายดี ขอบคุณครับพระเจ้า!

   “ฉันขอสรุปเลยแล้วกัน กลุ่มผจญภัยของเราจะไปหาคนรู้จักของกล ระหว่างทางเก็บระดับให้มากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านั้นฉันคงต้องขอตัวก่อน ฉันกับไวไวเข้าเกมมาพร้อมกัน ตอนนี้จวนได้เวลาออกจากเกมแล้ว เอาไว้เข้าเกมรอบหน้าให้มาเจอกันกลางเมืองแล้วเราค่อยออกเดินทาง”

   แต่ละคนไม่มีปัญหา เรื่องราวสรุปด้วยประการฉะนี้ เวลาที่เหลือก่อนออกจากเกม พวกเราเคลียของที่ได้มาจากการบุกรังหนูรอบที่แล้ว ขายส่วนที่ไม่ใช้ ซื้อยามากักตุนเพิ่ม

   ถึงเวลาล่ำลากัน ผมหลับตา สั่งระบบด้วยความคิดให้ล็อคเอ้าออกจากเกม พอลืมตาอีกทีตัวเองยังนอนอืดอยู่บนเตียง มือหยิบเครื่องเล่นเกมออก จงใจหย่อนขาเหยียบกระต่ายตายซากบนพื้น ไวไวร้องอุก มันคงออกจากเกมแล้ว แต่ยังคิดจะหลับต่อ มันมองผมตาขวาง ผลักเท้าผมออก

   “นี่จงใจใช่มั้ย”

   ผมยิ้มแล้วตอบ

   “เออ! มึงจะกลับเลยปะ”

   “ทำไมวะ รีบไล่ หรือมีนัดกับพ่อหนุ่มหมาป่ายอดดวงใจนอกเกม” ปากหมาไม่พอยังมายักคิ้วหลิวตาใส่ ผมเลยยกเท้าถีบมันถลาเกือบไปจูบกำแพงบ้าน ถึงตัวผมไม่ถึกเท่ามัน แต่แรง กับเรื่องต่อยตีไม่แพ้มันแน่

   “นั่นปากเหรอ ถ้านัดกันจริงไม่ให้จับได้หรอกโว้ย หึหึ” เจอผมพูดแหย่กลับ ไวไวทำหน้าซีเรียดทันที อะไรวะเพื่อนผม เปลี่ยนสีหน้าไปมาไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี

   “ขอถามจริงๆ เลยนะ มีอะไรรึเปล่า กลอะไรนั่นดูจะตามติดนายแบบแปลกๆ ฉันไม่มีปัญหาเรื่องเพื่อนชอบผู้ชาย แต่ยังไงก็แค่คนรู้จักในเกม ไม่อยากให้เพื่อนจริงจังจนมาเสียใจที่หลังวะ”

   ผมชกอกมันเบาๆ ยกมุมปากยิ้มกวนตีนแทนคำตอบ

   “อย่าห่วงหน่า เพื่อนรักคนนี้โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว เรื่องแค่นี้แยกแยะได้ นายก็รู้ดี ถ้าฉันตัดสินใจอะไร ต่อให้มันผิดหรือพลาดก็ไม่เป็นไร ดีกว่ามานั่งนึกเสียใจที่หลังว่าทำไมไม่ทำไปตั้งแต่ตอนแรก”

   “เอาไงก็เอากัน มีอะไรก็บอก ฉันไปล่ะ นัดกับพี่วินไว้ใช่มั้ย ฝากทักทายด้วย”

   ไอเพื่อนแสนรู้ ตกลงในเกมมันเป็นกระต่ายหรือหมากันแน่

   “เฮ้ยกูไม่รีบขนาดนั้น มึงจะอมขี้ฟันงี้กลับบ้านเหรอวะ อาบน้ำก่อนก็ได้”

   ผมลากคอมันกลับมา ก่อนมันจะออกไปทั้งสภาพงี้จริง ไวไวแจ้นเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง ไม่ถึงห้านาทีออกมาเก็บเครื่องเกม ยัดเสื้อผ้าเก่าใส่กระเป๋าเป้
   
   ผมกับไวไวเดินลงมาชั้นล่าง แมวตัวสวยขนสีขาวนุ่มเดินเข้ามาพันแข้งพันขาจนผมเกือบหัวทิ่มตกบันได ผมถลึงตาใส่นายท่าน เจ้าเหมียวส่งเสียงเหวี่ยงเดินเชิดหน้าไปนั่งตีหางปุๆ กับพื้นตรงหน้าจานข้าวประจำตำแหน่ง ผมเป็นข้าทาสที่ดี เดินไปเทอาหารให้นายท่าน ยัดขนมปังทาเนยใส่มือไวไวก่อนมันกลับบ้าน แล้วตัวเองค่อยหาของใส่ท้องแบบง่ายๆ

   “นายท่าน เดี๋ยววันนี้ฉันจะออกไปข้างนอกนะ เฝ้าบ้านดีๆ ด้วยล่ะ”

   มือข้างหนึ่งถือแก้วนมยกดื่ม อีกข้างลูบขนนุ่มของนายท่านเล่น นายท่านเป็นแมวที่พี่วินเก็บมาได้ ตอนนั้นมันเพิ่งคลอดตัวเล็กมาก แถมยังไม่หย่านมแม่ ผมกับพี่วินต้องพึ่งพาอากู๋ในการเลี้ยงแมวแรกเกิด กว่าจะพ้นช่วงวัยอันตรายได้ พวกผมพี่น้องแทบวิญญาณหลุดออกจากปาก จะบอกว่าเป็นน้องคนเล็กของบ้านคงไม่ผิดนัก

   ผมยังถือว่าดี พี่วินหลงนายท่านหนักกว่า แต่ไม่ค่อยมีเวลากลับมาดูแลซะงั้น ผมเลยรับบทไปเต็มๆ

   เสียงริงโทนดังสนั่นเมือง ลำบากผมต้องเอื้อมมือไปหยิบมือถือเจ้ากรรมที่ร้องจ้าบนโต๊ะหน้าโซฟาใกล้ๆ หน้าจอโชว์ใบหน้าโคตรหล่อของพี่ชายเต็มจอ

   “หวัดดีพี่ โทรมางี้ไม่คิดจะกลับมาบ้านกะให้ผมไปหาสินะ หรือจะโทรมาเบี้ยวนัดเลี้ยงข้าว”

   “อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย พี่คิดถึงนายท่านจะแย่ งานมันไม่ยอมให้พี่ไปนี่ดิ กว่าจะเสร็จคงอีกพักใหญ่ แล้วเดี๋ยวต้องกลับมาทำต่อ พี่จะส่งที่อยู่บริษัทไปให้ในมือถือ วัตมาหาพี่เองนะ ตรงเคาน์เตอร์ชั้นล่าง บอกชื่อพี่ไป แค่นี้นะ”

   แกร๊ก!

   เสียงวางสายดังเต็มสองรูหู ไม่นึกแปลกใจเลยสักนิดที่พี่จะปลีกตัวมารับไม่ได้ ผมสไลมือถือดู ที่อยู่บริษัทล่อซะใจกลางเมือง แถวบ้านผมมันไกลปืนเที่ยง ถ้าให้พี่วินวนรถไปมาคงหมดเวลาไปเป็นวัน รถในเมืองยิ่งติดมหาโหด

   เอาล่ะ ผมคงต้องออกเดินทางมุ่งสู่บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ รู้สึกตื่นเต้นนิดๆแฮะ

   “นายท่าน พี่วินไม่มาจริงด้วย งั้นขอถ่ายรูปนายท่านไปยั่วหน่อยนะ”

   ผมยิ้มแบบน้องชายที่แสนดี นายท่านช่างให้ความร่วมมือ ละใบหน้าจากจานข้าวช้อนสายตาขึ้นมองกล้อง เอียงหน้าได้องศา แล้วร้องเหมี้ยวเสียงหวานๆ ผมกดอัดวีดีโอแถมถ่ายภาพนิ่งไปอีกหลายชุด หึหึ เอารูปนายท่านไปขายพี่ชายตัวเองดีกว่า ผมช่างเป็นน้องชายที่แสนดีจริงๆ

   “ไว้จะซื้อขนมมาฝากนะนายท่าน”

   มือลูบหัวนายท่านเบาๆ ก่อนลุกคว้ากุญแจบ้านกระเป๋าตัง มือถือยัดใส่กางเกงยีน ทักทายเพื่อนบ้านไปตามประสา ผมนั่งวินมาหน้าปากซอย แล้วต่อรถเมล์ยาวไปลงป้ายก่อนเข้าตัวเมือง ทั้งหมดใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนี้แหละของจริง
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-04-2015 10:44:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 10-04-2015 18:03:30
ง่อววววว เกิดไรขึ้น ทำไมวัตไปอยู่ในกรงงง
สนุกๆ มาต่ออีกเร็วๆน้าค้า ><
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-04-2015 18:19:29
รออยู่นะตะเองงงงง :z2:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.8 8/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Bluetiening ที่ 10-04-2015 19:31:17
สนุกมากเลย  o13 o13
รออยู่น้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 13-04-2015 03:02:54
Lv.7 บริษัทพี่ชาย

   พี่วินส่งข้อความมาว่านัดผมไว้ตอนสิบโมง ผมเพิ่งจะเสด็จออกจากบ้านได้ตอนเก้าโมงกว่าเพราะมัวแต่ถ่ายรูปนายท่าน ผมยืนเหงื่อแตกอยู่ตรงป้ายรถเมล์ เวลานี้จะนั่งรถเมล์ หรือรถตู้ต่อคงไม่ทันแล้ว ผมโบกพี่แท๊ก กระโดดขึ้นอย่างไว บอกลุงเหยียบเต็มที่

   ทีแรกลุงแกยังเฉย แม้ผมจะรีบเร่งแค่ไหน ลุงแกยังคงชิวราวกับกำลังวิ่งอยู่ในทุ้งข้าวบาเล่ ผมเลยบอกเพิ่มอีกประโยค

   “ถึงไวผมเพิ่มเงิน!”

   ฉับพลัน เดอะฟาสเข้าสิง ลุงเหยียบอย่างกับเครื่องติดเทอร์โบ ผมนั่งแทรกตัวเองติดเบาะไปตลอดทาง มองรอบข้างอย่างลุ้นระทึก ฟังเสียงบีบแตรสีเสริญกระทั่งถึงบริษัท เงินทั้งหลายโบยบินจากกระเป๋าสู่มือลุง เอาวะ ไว้ค่อยไปไถตังกับพี่วินแล้วกัน

   ผมมายืนแหงนคอตั้งบ่า มองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีคนพลุ่งพล่านเพราะชั้นล่างของบริษัท เป็นจุดสำหรับให้บริการ สอบถาม สั่งซื้อ ซอมแซมเครื่องเล่นเกม

   ผมเดินผ่านคนเหล่านั้นเข้าไปในบริษัท ตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่มีคนหลายคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นโดดเด่นเอาเรื่อง ชายร่างสูงโปร่งผมยาวสวยสีขาวอมฟ้ากำลังยิ้มแย้มคุยกับพนักงานสาวเสียงนุ่ม ดูแล้วน่าจะเป็นคนในบริษัท ท่าทางมีความสำคัญไม่น้อย ผมละสายตาไป

   “สวัสดีครับ ผมอายุวัต พจนินท์ มาขอพบอาชวิน พจนินท์ครับ”

   ไม่รู้นามสกุลผมมันยิ่งใหญ่หรือยังไง พอผมพูดนามสกุลตัวเองพร้อมชื่อพี่ชายจบ ทุกคนที่ได้ยินหันขวับมาทันที ไม่เว้นแม้แต่ชายผมสีแปลก แสดงว่าพี่ผมเป็นคนใหญ่คนโตในบริษัทสินะ เขาอาจจะไม่เชื่อว่าผมเป็นพี่น้องมาขอพบก็ได้ พี่วินนะพี่วิน ไหนบอกว่าบอกเคาน์เตอร์ด้านล่างได้เลยไง ทำงานจนลืมแจ้งเรื่องมีคนมาหาแหงๆ

   “ผมมาหาพี่ชายน่ะครับ ไม่เชื่อดูบัตรประชาชนผมได้นะ”

   อธิบายเสริมเพื่อแสดงความจริงใจ มือล้วงหยิบประเป๋าตัง หยิบบัตรประชาชนยื่นส่งให้พี่พนักงาน เธอหยิบไปดูด้วยมือสั่นระริก มีชายผมยาวชะโงกหน้าไปดูด้วย ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาดูระยิบระยับแบบแปลกๆ

   “พี่สาวครับ ฮัลโหลพี่สาว อย่าเพิ่งติดต่อยานแม่ มาคุยกับผมก่อน” นิสัยกวนกำเริบ สุภาพได้ไม่ถึงหนึ่งนาที เธอได้สติคืนมา รีบยื่นบัตรส่งคืนให้ผม แล้วคีย์ข้อมูลบางอย่างในคอม

   “ดิฉันติดต่อให้แล้วค่ะ ตอนนี้คุณอาชวินติดงานอยู่ เดี๋ยวจะให้พนักงานอีกคนพาไปห้องรับรองค่ะ”

   “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวฉันพาไปเอง ยังไงก็ว่างอยู่”

   พี่ชายผมยาวอาสาแล้วหันมาพยักหน้าให้ผมเดินตาม ผมเลยเดินไป ยกมือไหว้ขอบคุณพี่พนักงานเล็กน้อย บ้านผมสอนมาดี

   ตลอดทางมีแต่คนมองพวกเรา บางคนมองด้วยความแปลกใจ บางคนมองเหมือนผมเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายยังไงอย่างนั้น จนผมชักหวั่น หันมองแผ่นหลังคนที่เดินนำหน้าเป็นระยะ คงไม่ได้หลอกจับผมไปต่อรองกับพี่ชายหรอกนะ โธ่ บ้านผมยิ่งจนๆ พ่อ แม่ พี่ต้องทำงานจนผมหงอก ไม่มีเงินมาไถตัวผมแน่ๆ

   “น้องอายุวัตครับ” เรียกซะเต็ม ดีไม่แถมนามสกุล

   “เรียกผมวัตเถอะครับ ชื่อจริงแบบนั้นมันชวนเกร็งๆ” ชายตรงหน้ายิ้มรับ เขาลดความเร็วในการเดินไปพร้อมกับผม

   “ผมวาโยนะ เรียกพี่โยก็ได้”

   “ครับพี่โย”

   พอเปลี่ยนมาเรียกชื่อเล่นกัน พวกเราเลยคุยกันสนิทใจมากขึ้น พี่โยแนะนำส่วนต่างๆ ภายในบริษัทให้ อย่างกับไกด์พาเที่ยว จนผมชักสงสัย ผมมาให้พี่วินเลี้ยงข้าวหรือมาเตรียมตัวเป็นพนักงานใหม่กันแน่

   ดวงตาสีเทามองสำรวจไปรอบๆ ด้วยความสนใจ ที่นี่เป็นบริษัทเกม Charm Online ผู้ลำหน้าทางเทคโนโลยี ทุกอย่างภายในบริษัทเลยดูไฮเทคไปซะหมด ส่วนใหญ่จะเน้นไปโทนสีขาวเทา เพดานสูงโปร่ง มีช่องระบายอากาศพอเหมาะ กระจกบานใหญ่เห็นสวนธรรมชาติอยู่ใจกลางบริษัท

   นอกจากจะผลิตเกมแล้ว บริษัทนี่ยังทำเครือข่ายอื่นๆ อีกหลายอย่างที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผมไม่รู้รายละเอียด แถมมันห่างไกลจากงานในอนาคต ผมเลยฟังแค่ผ่านๆ ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก

   วันๆ ถ้าผมไม่ไปเรียน ขลุกอยู่กับเพื่อน ไม่ก็เล่นเกมอยู่กับบ้าน ซึ่งผมชอบแบบนั้นมากกว่า อะไรที่สะดวกเกินไปก็พาให้ขี้เกียจไปหมด

   พี่โยพาผมขึ้นลิฟท์แก้วมาชั้นบน ยิ่งขึ้นสูงเท่าไหร่ ยิ่งเห็นทิวทัศน์ทั่วทั้งเมืองมากขึ้น ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ สะอาดสะอ้านด้วยกฎระเบียบอันเคร่งครัด เห็นคนขนาดเท่ามดเดินกันเต็มไปหมด ถึงอย่างนั้นภายในเมืองก็ยังมีต้นไม้เป็นระยะ พร้อมสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ช่างเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี และธรรมชาติดีจริงๆ

   “ถึงแล้วครับ น้องวัตตามพี่มาเร็ว”

   มือเรียวสวยยิ่งกว่าผู้หญิง กวักๆ เรียกผมให้รีบเดินตามเขา ผมมองอย่างอึ้งๆ ชั้นนี้ถูกแบ่งสัดส่วนการทำอย่างอย่างเป็นระบบ มองยังไงก็พื้นที่ในส่วนที่ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามา ขาผมเลยชะงักอยู่หน้าลิฟท์ แทบอยากจะวิ่งกลับลงไปชั้นล่าง

   ถ้าเกิดผมเผลอทำอะไรเสียหายที่นี่ พี่วินรู้เข้าเอาผมตายแหง รักน้องให้ดิ้นตายยังไง แต่ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก ไม่มีอ่อนข้อให้แม้จะเป็นน้องชายสุดสวาทของตัวเอง ช่างเป็นความรักดุจราชสีห์

   “พี่โย ผมคนนอกเข้ามาส่วนในแบบนี้ จะไม่เป็นไรเหรอ”

   “ไม่เป็นไร คิดมาก เอ้า เข้ามาเร็วเข้า”

   เจ้าตัวหัวเราะเสียงใส เดินย้อนกลับมาคว้าคอเสื้อผมเหมือนหิ้วลูกแมว แล้วลากเข้าไปด้านใน ปากพร่ำบอกว่าไม่เป็นไร เกิดอะไรขึ้นจะรับผิดชอบเอง ผมค่อยโล่งใจ แบบนี้จะได้มีข้ออ้างกับพี่วิน ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ พี่โยดึงดันให้ผมเข้ามาเองเหอะๆ

   ว่าแต่ พี่โยแรงเยอะผิดรูปร่างหน้าตา เห็นเป็นหนุ่มหน้าสวยแบบนี้ ตัวพอๆ กับผม สูงกว่าหน่อยด้วยอายุที่มากกว่า ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีกล้าม กลับลากผมไปสบายๆ เหมือนลากคอลูกหมาลูกแมว
 
   เดี๋ยวนะ ห้องรับรองมันอยู่ในส่วนของคนทำงานเหรอ งานเข้า ผมถูกพามาที่ไหนเนี่ย!

   “พี่โย พี่จะลากผมไปไหน”

   “พี่เคยได้ยินมาจากชิน น้องวัตเคยทำงานพิเศษเกี่ยวกับพวกพากย์เสียงมาก่อนใช่มั้ย พอดีนักพากย์ของเราเป็นหวัดมาพากย์ให้ไม่ได้ พี่เลยอยากวานน้องวัตช่วยมาพากย์แทนให้หน่อย”

   บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของการลักพาตัวซึ่งๆ หน้าเสร็จ ผมก็ถูกดันเข้าไปในห้องอัด ด้านในมีคนหนึ่งประจำที่รออยู่แล้ว แผ่นหลังกว้าง เส้นผมซอยรากไทรสีขาวอมเขียวใส่ชุดพนักงานแบบเดียวกับพี่โย พอเขาหันมา ขนแขนนี่ลุกขึ้นยืนเลยครับ

   “พี่โยมีสองคน!”

   พี่โยเดินไปยืนข้างๆ คนที่เหมือนตัวเองแบบโขกพิมพ์เดียวกันมา ติดแค่ดวงตาจะคมกว่า และต่างกันที่สีผมสีตา ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคิดว่า มันเหมือนกันมากอยู่ดี

   “แนะนำตัวกันหน่อย วายุฝาแฝดฉันเอง ส่วนทางนั่น น้องวัต น้องชายของวิน”

   ใบหน้าเคร่งขรึมเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรู้ว่าผมเป็นน้องใคร มุมปากยกยิ้มไม่น่าไว้ใจ ถอดหูฟังวางไว้ แล้วเดินมาสำรวจผมอย่างสนใจ โดยมีพี่วาโยยิ้มสว่างไสวราวกับตัวเองกำลังอยู่ในทุ่งดอกไม้ ดวงตาสีฟ้าอ่อนของพี่โย กับดวงตาสีเขียวอ่อนของพี่วายุ มันช่างพราวระยับจนน่าจิ้มให้บอด ผมไม่ใช่สินค้าขายส่งนะเฮ้ย

   “บรรยากาศต่างจากคนพี่ลิบลับเลย น่าสนใจ เอากลับบ้านดีมั้ยบีหนึ่ง”

   เสียงทุ้มต่ำถามแฝดตัวเอง เหมือนผมเห็นปีกปีศาจงอกออกมาจากด้านหลังสองคนนี้ยังไงชอบกล

   “ฉันก็อยากเอากลับนะบีสอง แต่เกรงว่าใครบางคนจะคลั่งจนถล่มบ้านพวกเราทิ้งน่ะสิ เอาล่ะ หมดเวลาทักทาย เริ่มงานกันเถอะ” พี่วาโยปรบมือแล้วหันไปหยิบโพยมาให้ผมอ่าน พี่วายุยื่นมือขยี้หัวผม

   “ยินดีที่ได้รู้จักวัต เรียกฉันพี่ยุ ถ้าเป็นนาย ฉันยอมให้เรียก”

   พี่ยุหัวเราะในลำคอได้น่าสะพรึงมาก ก่อนจะกลับโหมดขรึมตามเดิม เดินไปประจำตำแหน่งเดียวกับตอนผมเข้ามา ผมโดนพี่โยแรงช้างสารโยนเข้าไปในห้องอัด เพราะมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน ผมเลยรู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรบ้าง

   แม้ความสงสัยจะวนเวียนอยู่เต็มหัว นาทีนี้ได้แต่ทำตามพี่โยบอก ไม่งั้นแฝดคู่นี้คงไม่ปล่อยผมออกจากห้องอัดแน่ๆ

   ผมต้องกล้ำกลืนฝืนทนปานนางซินที่เจอพี่สาวใจร้ายสองคนรักแก เมื่อไหร่ท่านพ่อวินจะกลับมารับซินเค๊อะ

   “น้องวัต เทสเสียงแล้วเริ่มพูดได้เลย”

   แฝดผมยาวพูดผ่านไมค์เล็กเข้ามาในส่วนห้องอัดเสียง พี่ยุยกนิ้วให้สัญญาณ ผมอ่านทวนในโพยอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกๆ เทสเสียงนิดหน่อยเพราะไม่ได้อัดมานาน

   มาคิดดูอีกที ความจริงคนนอกอย่างผมไม่ควรมานั่งอัดเสียงอยู่แบบนี้ คิดว่าแฝดสายลมคงใช้เส้นสายของตัวลากผมมาเล่นสนุกกระตุกหนวดพี่วินมากกว่า ไหนๆ ก็โดนแกล้งแล้ว ใช้โอกาสนี้ร่วมมือรังแกพี่วินด้วยเลย รอยยิ้มปรากฏบนเรียวปากอย่างชั่วร้าย คุณพี่สองยอมองอย่างอึ้งๆ ทันทีที่ผมเริ่มเปล่งเสียงอีกครั้ง คนคุมด้านนกยกนิ้วกดไลด์ให้ผมย้ำๆ

   งานนี้สนุกแน่...



   ‘ประกาศค่ะ ขณะนี้เรากำลังทำการปรับปรุงเสียงระบบต่างๆ ภายในบริษัท หากเสียงมีปัญหา สามารถติดต่อแจ้งเข้ามาได้ในทันที ขอบคุณค่ะ’

   ชายร่างสูงสง่าขมวดคิ้วเงยหน้ามองลำโพงที่ติดอยู่ตรงมุมห้อง บริษัทของเขา จะมีเสียงแจ้งเตือนต่างๆ เป็นเสียงนักพากย์หญิงที่จ้างมาจากภายนอก ยกตัวอย่าง เสียงแจ้งเปิดประตู หรือเสียงแจ้งบอกเวลาพัก เพื่อเป็นการผ่อนคลายอารมณ์พนักงาน ซึ่งเสียงนี้จะนำไปใช้ตอนแจ้งรายละเอียดก่อนเข้าเกมด้วย

   เสียงจะเปลี่ยนทุกๆ ปี เพื่อไม่ให้พนักงานเกิดความเบื่อ ส่วนคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ คือแผนกของพวกเขา

   “เวณเปลี่ยนเสียงรอบนี้เป็นของแฝดนรกนั่นใช่มั้ย” ชายผมทองถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

   “ใช่ ทำไม หรือนายกลัวพวกนั้นจะก่อเรื่องอีก ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นเป็นคนคิดระบบนี้ขึ้นมา ไม่ทำให้สิ่งที่ตัวเองสร้างเสียแน่” ชายผมดำที่เดินมาด้วยกันเป็นคนตอบ พวกเขากำลังไปพบใครบางคนตามเวลาที่นัดไว้

   “ขอให้มันจริง ฉันขี้เกียจมาฟังคนอื่นบ่นเรื่องสองตัวนั่นแล้ว”

   “ฉันว่านายคิดมากไป” ชินตบบ่าเพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ราวกับจะบอกให้ปลงเสียเถอะ

   “สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี วันนี้รู้สึกเหมือนจะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น สงสัยตอนพาวัตไปกินข้าวต้องแวะไปทำบุญล้างซวย”

   สองหนุ่มเดินไปด้วยกันตามทาง พนักงานสาวที่ผ่านตาแทบเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจกับของแรร์ประจำบริษัท แผนกที่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจ และรวมแต่คนหน้าดีประดุจคัดคนที่หน้าตา ทั้งแผนกมีเพียงแค่หกคน แต่สามารถทำงานสารพัดตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบตามที่ท่านประธานต้องการได้

   ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่ใช่เพราะอยากให้มีคนน้อยๆ แต่เพราะไม่มีใครผ่านเกณฑ์เข้ามาทำงานเลยต่างหาก แผนกนี้เลยจำต้องทำงานหัวฟูกันอยู่แค่หกคน ได้แต่หวังว่าคนที่พวกเขากำลังจะไปเจอ จะได้เข้ามาเป็นคนที่เจ็ด

    พวกเขามายังห้องรับรองชั้นบน ขณะที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไป เสียงทดสอบแจ้งเวลาดังขึ้น เป็นเสียงผู้หญิงอันแสนไพเราะ เสียงใสๆ แฝงความขี้เล่นช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงานให้มีชีวิตชีวามากขึ้น ยกเว้นแต่ผู้ชายสองคน ที่ตอนนี้เหมือนปลายนิ้วเย็นเฉียบ

   “ชิน เสียงเมื่อกี้ฉันไม่ได้ฟังผิด มันเป็นเสียงของ...”

   “อยากจะบอกว่าผิด แต่คนเราไม่ควรหนีความจริง เจ้าสองคนนั้นก่อเรื่องจนได้ ฉันจะแวะไปดูก่อนนะ นายเข้าไปคุยงานแล้วกัน”

   “ฝากบอกแฝดด้วยว่า ‘ล้างคอรอไว้ได้เลย’”

   “ด้วยความยินดี”

   ชินต้องเปลี่ยนทิศกะทันหัน ให้เพื่อนเข้าไปคุยงานคนเดียว ส่วนตัวเองก้าวฉับๆ ขึ้นลิฟท์ตรงไปยังหาตัวการ วินสูดหายใจปรับอารมณ์อยากเขกหัวคนให้กลับมาเป็นการเป็นงานอีกรอบ เขาไม่นึกโกรธที่เจ้าแฝดเล่นอะไรบ้าๆ แค่นึกเคืองที่จงใจแหย่กันมากกว่า ไว้เสร็จงานค่อยไปคิดบัญชี ตอนนี้คงต้องทำหน้าที่หาคนเข้าแผนกก่อน

   “สวัสดี อาชวิน พจนินท์ หัวหน้าแผนกโปรแกรมเมอร์ครับ”



   สามตัวแสบนั่งหัวเราะกันอยู่ในห้องทำงานของแฝดนรกประจำบริษัท วายุเป็นผู้จัดการเรื่องแก้ไขเสียงในระบบ ระหว่างที่วาโยกับวัตกำลังคุยเล่นกันถูกคอ มีหันมาพูดเสริมเป็นระยะ

   “ผมว่าพี่วินได้ยินแล้วล่ะตอนทดสอบเสียง”

   “ฉันก็คิดว่าแบบนั้น” ชายผมยาวตอบพลางอ่านคอมเม้มจากพนักงานบริษัทเรื่องเสียง ว่ามีความเห็นยังไง ควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง แล้วช่วยแฝดตัวเองลงมือแก้ไขอีกแรง

   วัตมองภาพเบื้องหน้าอย่างชื่นชม พี่โยกับพี่ยุกำลังทำงานผ่านจอลอยสามมิติที่ปรากฏขึ้นจากกำไลข้อมือ แบ่งเป็นส่วนจอกับแป้นพิมพ์เหมือนมีคอมพิวเตอร์ติดตัวอยู่ตลอดเวลา นวัตกรรมระคาแพงมหาโหด โคตรไฮเทค มีแต่พวกมีตังเยอะๆ ถึงจะมีได้ ผมเลยมองซะเต็มอิ่ม

   ตอนนี้พวกเขาอยู่ภายในห้องกว้างเหมือเป็นส่วนพักผ่อนของพนักงาน เขาเห็นพนักงานหลายคนเดินวนเวียนมาหยิบของกินในตู้เย็นบ้าง กดน้ำในตู้ขายน้ำบ้าง

   ฝาแฝดให้เหตุผลที่มาทำงานอยู่ตรงส่วนนี้ว่า งานที่ทำไม่ได้เป็นความลับอะไร แถมอยู่ตรงนี้มีของให้กินตลอด เลยไม่เข้าไปทำงานในส่วนของตัวเอง ซึ่งอันที่จริงคงเป็นเพราะต้องคอยดูแลผมมากกว่า บริษัทนี้ใหญ่มาก ถ้าคนไม่รู้เดินมั่วเองมีหวังหลงเป็นวันยังหาทางออกไม่ได้

   พวกเขาไม่ว่างไปส่งผมด้านล่างซะด้วย คนอื่นๆ ที่นี่มีหน้าที่ต้องทำทุกคน พี่โยบอก รอเฉยๆ เดี๋ยวก็มีคนมารับผมไปเอง

   “กลับไปทำงานในห้องได้แล้วทั้งสองคน” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ผมหันไปเจอเข้ากับพี่ชายคนที่สอง เลยโผเข้ากอดอย่างดีใจ

   “พี่ชิน!”

   “ว่าไงเรา โตขึ้นเยอะเลยนี่”

   พี่ชินกางแขนแต่ดันคว้าผมล็อคคอให้ร้องโอดโอย ก่อนหน้านี้พี่ชินต้องไปประจำอยู่ที่สาขาต่างประเทศ ผมเลยไม่เจอพี่เขาตั้งนาน รู้จักกันตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ ฟังไม่ผิดหรอก ยังมีรูปถ่ายคู่กับแม่ตอนท้องผมเลย

   เพราะพี่วินแบ่งผมให้พี่ชินตอนเด็ก พี่เขาเลยเหมือนเป็นพี่ชายของผมอีกคน พี่ชินเป็นลูกคนเดียว ตอนผมเกิด แม่เล่าให้ฟังว่าพี่ชินเห่อผมยิ่งกว่าพี่วินซะอีก

   “ไว้ฉันจะมาคิดบัญชีกับพวกนายทีหลัง หัวหน้าแผนกฝากมาบอกด้วยว่า ล้างคอรอไว้ได้เลย ไปเจ้าวัต ไปรอที่ห้องกับพี่ดีกว่า อีกสักพักวินมันคงคุยงานเสร็จ”

   แฝดทำหน้าสลดแค่สามวิ ก่อนขยี้หัวผมทิ้งท้ายแล้วหายกลับเข้าไปในห้องทำงานประจำแผนก

   “อย่าลืมมาเยี่ยมกันอีกนะน้องวัต”

   “รับทราบครับพี่” ยังมีเสียงไล่มาแถมท้าย พี่ชินส่ายหัว ตัวแสบประจำแผนก กับตัวแสบประจำบ้านรวมตัวกัน ไม่อยากจะนึก อะไรมันจะเกิดขึ้น แต่ที่แน่ๆ คงต้องซื้อยาไมเกรนกับยากระเพาะพกติดตัวไว้

   ผมเดินตามพี่ชินไปที่ห้องรับรองของจริง ระหว่างทางผ่านห้องติดกระจกเรียงเป็นแถว รู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งมองออกมาจากภายในห้อง พอผมหยุด พี่ชินเลยหยุดตาม หันมาเลิกคิ้วถาม ผมส่ายหัวแล้วเดินต่อ ผมคงคิดมากไปเอง



   พรึบ!

   จู่ๆ ว่าที่พนักงานใหม่ลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินไปยังประตู ผู้ใหญ่สองคนในห้องมองตามด้วยความสงสัย ดวงตาคมสีเทาเหมือนน้องชายหันไปมองตาม พอเห็นว่าใครเดินผ่านห้อง ลุกพรึบ ใช้ขายาวๆ ก้าวไปยืนขวางหน้าเด็กหนุ่มทันที พร้อมกับรอยยิ้มตามมารยาท แต่แฝงไปด้วยความกดดัน

   “คุณกลวัชร กลับไปนั่งที่ด้วยครับ”

   เจ้าของชื่อชั่งใจ ใจนึงนึกอยากดันอีกฝ่ายออกแล้วพุ่งเข้าไปหาคนด้านนอก อีกใจลึกๆ แอบเกรงบรรยากาศที่คนตรงหน้าแผ่ออกมาไม่น้อย ถ้าเทียบไซส์กันคงกินกันไม่ลง มีหวังได้ยื้อกันอยู่หน้าประตูจนไม่น่ามองแหง

   “กล กลับมานั่งที่”

   เสียงแฝงอำนาจของผู้สูงวัยเอ่ยบอกกับคนอายุน้อยที่สุดในห้อง เลยจำใจต้องกลับมานั่งที่ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่โดยดี พร้อมๆ กับคนนอกห้องเดินจนลับสายตาไป

   กระจกภายในห้องสามารถมองเห็นจากด้านในได้ แต่ด้านนอกไม่สามารถมองเข้ามาด้านในได้ พอเหตุการณ์กลับมาสงบอีกครั้ง ผู้เป็นตัวแทนพูดคุยจึงกลับมานั่งที่ตรงข้ามสองคนเบื้องหน้าตามเดิม

   “ผมขอสรุปเลยแล้วกันนะครับ คุณกลวัชรผ่านเกณฑ์ของเรา หลังจากเรียนจบมหาลัยสามารถเข้ามาทำงานได้ทันที โดยมีข้อแม้ว่า การฝึกงานจะสามารถฝึกได้ที่บริษัทนี้เท่านั้น ตกลงมั้ยครับ”

   “ครับ” ว่าที่พนักงานตอบเพียงคำเดียว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดจ้องประสานกับเจ้าของเรือนผมสีทองนวลเบื้องหน้า อย่างไม่กลัวเกรง คนถูกจ้องทำเพียงยึดรอยยิ้มบนใบหน้า ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาทั้งสิ้น

   “ผมขอบคุณคุณอาชวินมากที่ให้โอกาสลูกชายผม” ชายสูงวัยมีเค้าเดียวกับลูกชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ดวงตาฉายความชื่นชมคนหนุ่มที่สามารถก้าวมาอยู่ในระดับนี้ได้ ด้วยอายุเพียงเท่านี้

   เขามีเรือนผมสีน้ำเงินเข้มแซมขาวด้วยวัยที่มากขึ้น แต่ความมีภูมิฐาน ความแข็งแรงมากเสียยิ่งกว่าคนหนุ่มบางคนเสียอีก วินก้มหัวเล็กน้อยอย่างเคารพผู้มากประสบการณ์อย่างจริงใจ

   “ทางผมต้องเป็นฝ่ายขอบคุณมากกว่าครับ ที่เชื่อใจให้ลูกชายมาทำงานร่วมกับเรา”

   “ฮ่าๆ อย่าคิดมากเลย ดีซะอีก ลูกชายผมจะได้เรียกรู้จากคนที่มีความสามารถของจริง”

   ต่างคนต่างรู้กันดีอยู่แก่ใจถึงความสามารถของอีกฝ่าย ว่าตามจริง  เขาเคารพนับถือชายผู้นี้ เพราะเขาเป็นผู้นำที่เด็ดขาด มีความเก่งกาจอย่างหาตัวจับได้ยาก อีกส่วนหนึ่งมาจากช่วยวัยที่มากกว่า สำหรับบ้านพจนินท์แล้ว ลูกหลานทุกคนถูกสั่งสอนมาให้เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ต่อให้เป็นคนเก็บขยะ พวกเขาก็ต้องให้ความเคารพ ลองคิดดูแล้วกัน ถ้าไม่มีคนเก็บขยะจะเกิดอะไรขึ้น

   ทุกอาชีพบนโลกมีมากมาย จะเงินเดือนมากน้อย มีคนนับหน้าถือตาหรือเปล่าไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่จิตใจ หากจิตใจดีย่อมได้รับความรักมากกว่าคนมียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โต แต่จิตใจดำมืดแน่นอน

   เรื่องคนพ่อไม่เกี่ยวกับคนลูก แวบแรกที่เขาเห็นอีกฝ่ายอยู่ในเกมกับน้องชาย เขาจำได้ทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นใคร แม้จะไม่ค่อยออกมาให้เห็นตามแวดวงสังคม แต่ข่าววงในโผล่มาเป็นระยะ คนหูตาว่องไวอย่างเขามีหรือจะปล่อยให้เล็ดรอดสายตาออกไปได้

   ทีแรกเขาค่อนข้างจะถูกใจด้วยซ้ำกับเด็กที่มีความสามารถเกินวัย มันทำให้นึกถึงตัวเองในอดีต ซึ่งนั่นต้องไม่เกี่ยวกับน้องชายของเขา ตอนนี้ยังไม่มีอะไร เขาจะปล่อยไปก่อน ถ้าในภายภาคหน้าหากเกิดอะไรขึ้น เขานี้แหละจะเป็นคนจัดการเอง

   “หลังจากนี้ผมขอเชิญท่านเข้าพบท่านประธานครับ ทางนั้นพอรู้ข่าวว่าท่านจะเข้ามา สั่งให้ผมพาท่านไปหาให้ได้ ผมมีงานต้องไปจัดการต่อ ต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถนับทางไปได้ เดี๋ยวผมจะให้พนักงานคนอื่นนำทางไปนะครับ”

   “ไม่มีปัญหา เธอจะไปเลยก็ได้ ฉันขอคุยกับลูกชายสักครู่”

   ร่างสูงลุกขึ้นก้มหัวเล็กน้อย แล้วแยกตัวออกไปปล่อยให้พ่อลูกอยู่ตามลำพัง ระหว่างรอพนักงานคนอื่นมาพาไปหาท่านประธานบริษัท

   “กลมีอะไรจะบอกพ่อรึเปล่า”

   มาดในตอนแรกผ่อนลงเหลือเพียงฐานะของความเป็นพ่อ เหล่มองถามลูกชายที่ดูจะมีลับลมคมใน

   “ผมเจอกับเขาในเกม เกิดสนใจเลยตาม ไม่คิดว่าจะมาเจอตัวจริงที่นี่” น้ำเสียงราบเรียบตอบ ใบหน้านิ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

   “นี่เป็นสาเหตุที่ลูกเกือบลืมส่งงานให้พ่อเมื่อคืนใช่ไหม เฮ้อกลนะกล ผู้ชายพ่อก็คิดหนักแล้ว ยังเป็นคนจากตระกูลนี้อีก เอาคนอื่นไม่ได้เหรอลูก จะคน สองคน สามคน หรือจะยกโหลพ่อก็ไม่ว่า” คุณพ่อผู้สปอยลูกชายหัวแก้วหัวแหวนระยะสุดท้าย ถอนหายใจเหมือนตัวเองอายุแก่ลงไปอีกสิบปี
   
   “ไม่ ผมสนใจแค่คนเดียวเท่านั้น มันน่ากลัวขนาดนั้นเลย?”

   มีการเลิกคิ้วถามพ่อตัวเอง มือหนายกนวดขมับไมเกรนจะกินกับลูกชาย กลไม่เข้าใจ ตระกูลนี้มีชื่อก็จริง แต่เป็นชื่อเสียงด้านดีทั้งนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับด้านมืดเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าสะอาดสุดๆ แถมครอบครัวก็ไม่ใหญ่โต โดดเด่นตรงที่ทุกคนในตระกูลจะมีดวงตาสีเทา และความเก่งกางในด้านต่างๆ จนน่ากลัวเท่านั้นเอง หากเทียบกับคนทั้งโลกแล้ว ความพิเศษเหล่านั้นดูธรรมดามาก

   “ที่น่ากลัวไม่ใช่เจ้าตัว แต่เป็นพวกพันธมิตรของตระกูลนี้ต่างหาก” คนเป็นพ่อไม่รู้จะอธิบายให้ลูกชายฟังยังไงดี บ้านนี้น่ากลัวที่ฝีปากกับการแสดงออก ความเป็นมิตรทำให้มีคนรู้จักมาก ซึ่งไอคนรู้จักที่ว่ามีแต่พวกระดับน่ากลัวๆ ทั้งนั้น สมกับนามสกุล พจนินท์ เจ้าแห่งถ้อยคำจริงๆ

   กลจมกับความคิดของตัวเอง หลังจากนี้คงต้องหาข้อมูลให้มากขึ้นกว่าเดิมซะแล้ว ยิ่งรู้เป้าหมายแน่นอน ขอบเขตชัดเจนยิ่งสบาย

   บุพการีทำได้เพียงมองใบหน้ามุ่งมั่นของลูกชายอย่างท้อแท้กับชีวิต กลับไปต้องปรึกษากับดวงใจที่บ้านแล้วว่าจะเตรียมการตั้งรับพายุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตยังไงดี เฮ้อ คนแก่กลุ้ม


   เสียงฝีกเท้าสม่ำเสมอดังตามทาง ประตูถูกสังการเปิดรับชายร่างสูง สองคนด้านในหยุดการสนทนาไว้ชั่วคราว วัตหันไปยักคิ้วใส่พี่ชายตัวเอง

   “เป็นไรพี่ ทำหน้าบูดเหมือนตอนนายท่านท้องผูกเลย” เสียงหัวเราะจากอีกคนยิ่งเสริมความน่าหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

   “ไปกินข้าว เสร็จแล้วไปทำบุญล้างซวย!!”

   คนฟังหัวเราะก๊าก รีบส่งแก้วน้ำเย็นๆ ที่รับมาจากพี่ชิน ยื่นให้กับคุณพี่ชายอารมณ์เสีย

   “โอ๋ๆ ไม่เอาไม่หงุดหงิด ขมวดคิ้วมากๆ เดี๋ยวหน้าย่นจนนายท่านจำไม่ได้น้าพี่วิน”

   โป๊ก!

   “โอ๊ย! เพราะพี่ชอบเขกหัวผมแบบนี้แหละ ผมถึงไม่ฉลาดเหมือนกับคนอื่นสักที” ผมถอยมากุมหัวน้ำตาเล็ด พี่วินเลยเปลี่ยนมาดึงแก้มผมยืดแทน ส่วนพี่ชิน กุมท้องหัวเราะจะกลิ้งตกจากโซฟาอยู่แล้ว

   “เพราะเราคนเดียว ทำให้พี่ปวดหัวแบบนี้”

   “อาไออ่า(อะไรอ่า)”

   เพื่อช่วยแก้มอันน่าสงสารของตัวเอง ผมรีบควักเอามือถือออกมากดเปิดวีดีโอนายท่านส่งให้พี่วินดู ตอนแรกว่าจะเก็บตัง ลองแบบนี้คงต้องให้ฟรี ไม่งั้นผมจะตายแทน โธ่เว้ย ผมยี่สิบแล้วนะ ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย

   พอได้ยินเสียงเหมี้ยว พี่วินปล่อยมือจากแก้มผมคว้าโทรศัพท์ไปดูทันที แถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอดูจบก็วนดูอีก เปิดดูรูปถ่าย จัดการส่งไฟล์เกี่ยวกับนายท่านทั้งหมดเข้ามือถือตัวเองซะเรียบวุธ

   “คิดถึงนายท่าน วันหยุดนี้พี่จะกลับบ้านแน่ๆ อยู่ที่บ้านนายท่านเป็นยังไงบ้าง”

   “ก็เหมือนเดิมแหละพี่ เริ่ด เชิด หยิ่งตามเคย จิกหัวผมเป็นข้าทาสทุกวัน” ยกมือลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

   “อารมณ์ดีแล้วก็ไปกินข้าวกัน มื้อนี้เต็มที่เลยวัต วินเลี้ยงเอง”

   “เย้ ผมอยากกินปลาดิบ อยากกินสเต็ก อยากกินติ่มซำ”

   “น้อยๆ หน่อยเจ้าวัต มาคนระประเทศ แยกกันกินคนละร้านเลยดีมั้ย” พวกเราสามคนหัวเราะกันเอฮา ไม่ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าแบบนี้นานแล้ว คิดถึงสมัยก่อนชะมัด

   สรุปพวกเราเลยเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นกัน มีพี่ชินเป็นคนขับรถให้แสนสบาย หลังทานข้าวเสร็จ พี่วินลากพวกเราไปทำบุญจริงๆ ก่อนจะแยกย้าย ผมนั่งรถกลับบ้านแบบไม่รีบร้อนเหมือนขามา พอเท้าเหยียบเข้าบ้านถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ไอ้ไวไวฝากหวัดดีพี่วินนี่หว่า ช่างเถอะ รอให้เจอหน้า ทักทายกันเองแล้วกัน

   ณ เวลานี้ ฟัดนายท่านเสร็จ อาบน้ำเล่นเกมดีกว่า แวมไพร์มากเสน่ห์ล็อคอินเข้าเกมแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-04-2015 06:41:34
อยากดูคุณพี่ชายมาดโหดดดดด
ริตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 13-04-2015 06:59:15
งื้ออออ อยากอ่านต่อแล้วว่าจะเอาตัวรอดกันยังไงงงง

อยากตบหน้านักเวทซักฉาด บังอาจมาทำร้ายกลกับวัต ชิชะๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 13-04-2015 09:06:22
โห้วววว พวกมันเป็นใครนิ ริมาบังอาจแซกแซงระบบเชียว เค้าก็อยากก้เห็นพี่วินบู้ด้วยยย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 13-04-2015 09:58:44
พวกนี้คิดการใหญ่มาก
รอให้พี่มาก่อนเถอะ
พวกแกเสร็จแน่

ตอนเปลี่ยนไปมาระหว่างกลกับวัต
อยากให้เปลี่ยนสีอักษรหรืออะไรก็ได้
ที่ทำให้เข้าใจว่ากำลังกล่าวถึงใครอยู่

จะรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 13-04-2015 10:36:15
รอดูพี่วิน กลายร่างเป็นบอสลับ ระดับ Ultimate Boss
 :fire: :m31: บังอาจมาทำน้องผู้สร้างเอ็งตาย  :beat:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-04-2015 11:03:27
 :L2:    :really2:  รอจ้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 13-04-2015 12:57:25
ยังงี้ต้องรายงานพี่วิน :fire:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.9 13/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 14-04-2015 02:04:58
จัดแม่งเลย!!!!!! บังอาจทำร้ายน้องรักสุดหวงของพี่วินนนน
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-04-2015 03:26:17
Lv.พิเศษ รับสงกรานต์
*เหตุการณ์ในช่วงนี้ เป็นเหตุการณ์หลังจากที่กลกับวัตคบกันแล้ว*

   ความร้อนระอุในเดือนเมษา คงไม่เท่าไฟที่สุมอก และหัวที่กำลังจะลุกไหม้ ป่าว ผมไม่ได้โกรธหรือโมโหใคร เพียงแค่ระหว่างทางกลับจากมหาลัย แดดมันร้อนจนหัวสุก ไวไวมันแทบละลายไหลลงท่อ บ้านมันอยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านของผม ถัดไปอีกไม่กี่ซอย

   อันที่จริง บ้านหลังนี้เป็นของพ่อแม่ซื้อไว้ บังเอิญคุณตานึกอยากไปเปลี่ยนบรรยากาศบนดอยกับคุณยาย เลยทิ้งบ้านที่ต่างจังหวัดไม่มีคนดูแล พ่อกับแม่เห็นว่าที่นั้นอากาศดีเลยอาสาไปอยู่เฝ้าให้ ทิ้งให้ลูกชายตาเทาๆสองคนกอดคอกันอยู่บ้านที่กรุงเทพ แถมพอพี่วินเรียนจบมหาลัยเข้าทำงานบริษัท แทบจะสิงอยู่นั่นจนบางครั้งผมเกือบลืมไปว่าตัวเองมีพี่ชายอยู่ในโลกใบนี้ด้วย

   เงียบๆไว้นะ อย่าไปบอกเจ้าตัว ขืนรู้ขึ้นมาได้มีรายการน้อยใจไม่ส่งตังค่าขนมให้ผมแน่ๆ ลำพังเงินของพ่อแม่ที่ส่งมาให้แต่ละเทอมไม่ค่อยพอเท่าไหร่ เพราะผมหนักซื้อของกินเยอะ วันๆหนึ่งเสียไปหลายร้อย

   ปัดไปก่อน เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญน่ะคือวันนี้เป็นวันสงกรานต์!! ผมจะได้เล่นน้ำให้เย็นฉ่ำคลายร้อนแล้ว แต่ไม่ได้เล่นที่บ้านนี้หรอกนะ กลับบ้านต่างจังหวัดไปหาพ่อแม่นู่น

   “กลับมาแล้วคร้าบ”

   ผมสลัดรองเท้าถุงเท้าทิ้ง ถลาเข้าบ้านพุ่งเข้าหาตู้เย็นรินน้ำเย็นๆมาดื่มให้ชื่นใจ วันนี้ไม่มีนายท่านมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวขา เพราะเจ้าของตัวจริงกลับบ้านมาแล้ว

   “ไหนบอกว่าแค่แวะไปส่งงานอาจารย์ไง ทำไมกลับมาช้านัก”

   เสียงหล่อๆของพี่ชายดังมาจากด้านหลังของนายท่าน แถมมีการจับขาหน้านายท่านโบกไปมาแบบเอาเรื่องอีกต่างหาก เอ่อ...พี่วินที่เคารพ โปรดมองหน้านายท่านสุดที่รักของพี่ด้วยว่ามันเป็นใจเป็นหุ่นเชิดให้พี่รึเปล่า อีกสักพักได้มีรายการแมวตะปบคนแน่ ถ้าพี่ชินไม่คว้านายท่านออกไปหย่อนใส่ตะกร้าแมวก่อน

   “โดนจารย์รั้งตัวให้ช่วยงานนิดหน่อยน่ะพี่”

   ผมถอดเสื้อเปลี่ยนชุดแบบไม่อายฟ้าดิน เดินวิ่งวุ่นไปทั่วบ้าน หยิบจับเสื้อผ้าที่วางๆไว้ก่อนออกจากบ้านมาใส่ ใช้เวลาแค่หนึ่งนาทีผมก็พร้อมรบด้วยชุดลายดอกสีเหลืองอร่ามไม่น้อยหน้าพี่วิน ส่วนพี่ชินใส่แค่ลายดอกสีฟ้ากำลังปิดตะกร้าแมวผ้านุ่มนิ่มอย่างดี

   “พวกพี่ขนของขึ้นรถหมดแล้ว เจ้าเด็กนั่นล่ะเมื่อไหร่จะมา ป่านี้พ่อกับแม่ชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟแล้วมั้ง”

   “แปบๆพี่ เดี๋ยวผมโทรหาก่อน”

    ครับงานนี้กลไปกับพวกเราด้วย เห็นว่าจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดในวันสงกรานต์ ผมเลยถือโอกาสชวนไปบ้านซะเลย คนไปเยอะๆพ่อแม่ผมมีแต่จะชอบ ปกติมีแค่ลูกๆไป แถมคราวนี้ไอไวไวลูกคู่พ่อมันไม่ได้ไปด้วย ต้องไปเฝ้าศรีภรรยาเล่นน้ำ

   ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า สไลหาเบอร์แล้วกดโทรออกทันที พอเห็นว่าอีกฝ่ายรับสายแล้ว ผมพูดทันทีแบบไม่ต้องมีเกริ่นนำ

   “กลๆ ถึงไหนแล้ว ทางนี้จะออกแล้วนะ”

   “เลี้ยวเข้าซอยก็ถึงแล้ว วัต กลไม่รู้ทาง วัตมาขึ้นคันเดียวกับกลบอกทางไปบ้านหน่อยได้ไหม”

   เดี๋ยวนี้อัพเกรดครับ หลังจากเจอกันนอกเกมบ่อยขึ้น จากเรียกแทนว่าฉัน นาย เปลี่ยนเป็นชื่อกันเพียวๆ อีกหน่อยอาจมีภาษาพ่อขุน เห็นแบบนี้ผมอนุรักษ์ภาษาไทยนะจะบอกให้

   “ได้สิ มาจอดหน้าบ้านต่อจากรถพี่วินเลย จำได้ใช่ไหม”

   “บ้านของวัต กลไม่มีทางลืมหรอก ถึงแล้ว วางสายก่อนนะ”

   สิ้นคำเจ้าตัวกดวางสายทันที รู้สึกตะงิดๆใจกับประโยคแรก เจ้าหมาเอ๊ย หยอดกันอีกแล้ว หยอดมากๆแบบนี้เดี๋ยวรักตายเลย

   “ไอชิน มียาป่าววะ น้องฉันมันเป็นบ้าไปแล้ว ยิ้มกับโทรศัพท์ หมั่นไส้”

   อือหือ พี่วิน หมั่นไส้แค่ความรู้สึกก็พอมั้ง ไม่ต้องแถมของเล่นนายท่านปาเข้าหัวด้วยหรอก ผมเลยหันไปแลบลิ้นใส่พี่วินซะเลย ประจวบเหมาะกับมีเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ผมเลยชิ่งหนีเท้าพี่ชายตัวเองไปรับหน้าคุณพ่อคุณแม่ อุ๊ยเขิล ตอนนี้ผมกับกลกำลังคบกันอยู่ครับ

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่งามๆตามประสาพ่อแม่พี่ชายสอนมาดี โดยมีพี่ชินกับพี่วินเป็นกองหนุนจากทางด้านหลัง ไม่ต้องห่วง จนตอนนี้พี่วินยังคงไม่ชอบหน้ากลอยู่ เพียงแค่เจ้าตัวถือคติ เกลียดลูกไม่ได้เกลียดพ่อแม่ เลยจัดไหว้งามๆไปสองที ท่านทั้งสองยกมือไหว้รับด้วยรอยยิ้ม จากภายในรถ คงจะรู้แล้วว่าพวกผมจะออกเดินทางเลย เพราะตอนนี้ก็สายมากแล้ว ไม่งั้นกว่าจะถึงคงมืดค่ำ

   “ผมขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ทันได้รับรอง แถมยังต้องออกเดินทางเลย”

   พี่วินก้มหัวให้พ่อแม่กลเล็กน้อย พวกท่านโบกไม้โบกมือยกใหญ่

   “ไม่เป็นไรๆ พวกฉันเข้าใจ อย่ามัวแต่คุยกันเลย รีบออกเดินทางเถอะ อ่อ ฉันขอยืมตัวตาวัตหน่อยนะ พอดีคนขับรถพวกฉันไม่รู้ทาง”

    ไอคนขับรถที่ว่า ใส่เสื้อลายดอกสีน้ำเงินมายืนเนียนอยู่ด้านหลังผมอย่างไว แบบเตรียมผมลากขึ้นรถทุกเวลา ผมสังเกตเห็นเส้นเลือดปูดตรงขยับพี่วิน พลางส่งรังสีอาฆาตใส่เจ้าเด็กนิสัยเสียที่เล่นเอาผู้ใหญ่มาขอ งานนี้ผมเข้าใจ จะไม่ยอมให้ผมไปก็ไม่ได้ ผมเลยช่วยพี่ชินตบบ่าพี่วินคนละข้าง

   “ได้ครับ”

   เจนสัมผัสได้ถึงกระแสความไม่พอใจที่ตวัดสายตามองไปทางตัวต้นเหตุ หมาป่าบางตัวช่างหนังหนาด้านทน ไม่สะท้านกับรังสีนั้นแม้แต่น้อยนิด สรุป ผมเลยมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ กินขนมที่กลซื้อมาไว้ให้โดยไม่ได้บอกทางเลยแม้แต่ประโยคเดียว มีหน้าที่กินและชวนพวกท่านที่นั่งอยู่ด้านหลังคุยให้ไม่เบื่อ

   สายตากลดีจะตาย พี่ชินขับซ้ายก็ซ้าย ขวาก็ขวา เหมือนรู้ใจกันจนผมชักสงสัย หรือแท้จริงแล้วสองคนนี้เป็นเนื้อคู่กัน โอ้มายก๊อด แบบนี้ผมก็เป็นมือที่สามน่ะสิ แต่พอนึกถึงเวลาสองคนยืนอยู่ใกล้จับมือเหมือนเป็นแฟน ออร่าความรั่วเสื่อมผสมความน่ากลัวแบบแปลกๆมันกระจายออกมาจนผมต้องรีบสบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆนั่นออก เพราะกลัวฝันร้ายตอนนอน กลเลิกคิ้วมองผมด้วยหางตา ผมส่ายหัวหยิบขนมในมือยัดใส่ปากคนช่างสงสัย แล้วหันไปคุยกับคุณแม่ด้านหลังต่อสลับให้อาหารหมาป่า ขนมน้ำไม่ขาดจนคุณพ่อเหล่แล้วเหล่อีก คุณแม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่สิ ผมไม่เคยเห็นแม่กลมีสีหน้าอื่นนอกจากยิ้มกับสงสัย เหมือนลูกชายที่ทำได้แค่หน้าหื่น หน้าหมาสงสัย กับหน้าตาย

   พอผมมองหน้ากลถามความเห็น เจ้าตัวส่ายหัวให้ผมไม่ต้องใส่ใจ แล้วอ้าปากรอผมป้อนขนมต่อเหมือนลูกนก ให้ตาย นายเป็นคนขับที่สบายเป็นบ้าเลยกล

   ตลอดการเดินทางมีแวะพักแค่รอบเดียวก็เริ่มเดินทางต่อ ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงที่หมาย รถสองคันจอนเคียงข้าง เบื้องหน้าเป็นบ้านไม้หลังน้อยแสนอบอุ่น ที่มีสี่ห้องนอน สองห้องน้ำเอง ห้องนอนใหญ่ของตากับยายโดนพ่อแม่ผมยึดไปแล้วเรียบร้อย ส่วนอีกสองห้องเป็นของผมกับพี่วิน ห้องสุดท้ายสำหรับรับรองแขก

   ตรงบันไดบ้านมีชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งดูแข็งแรง เรือนผมสีทองอ่อนเข้ากับดวงตาสีเทา ต้นแบบความหล่อเหลาของผมกับพี่ชิน ส่วนข้างๆเป็นแม่หญิงคนงาม สาวผมดำสวย ท่าทางบอบบางน่าถนอม กำลังเหยียบเท้าสามีตัวเองเพื่อเตือนให้สำรวมมากกว่านี้ เพราะมีแขกมา

   ผมเปิดประตูลงจากรถวิ่งเข้าใส่เด็จป๋าทันที ชายหน้าละอ่อนกางแขนรับผมที่เข้าไปเกาะเป็นลูกลิงทั้งที่ตัวพอๆกัน จนพี่วินต้องเข้ามาพยุงก่อนเด็จป๋าจะหงายหลัง ด้านหลังมีพี่ชินถือตะกร้าแมวตามมา พร้อมกลที่เปิดประตูให้พ่อแม่ตามมาสมทบ

   “สวัสดีครับคุณพฤธ คุณจิตรียา ผมอาเนช นี่ภรรยาของผมครับ ชื่อรสา”

   พอแขกมายืนพร้อมพ่อผมเริ่มทักทายด้วยรอยยิ้มตามประสาคนอัธยาศัยดี ส่วนชื่อพ่อผมรู้เพราะก่อนหน้านี้พี่วินโทรมาบอกก่อนแล้วว่าสองท่านจะมาพักด้วย ทางคุณแม่ยิ้มหวานรับ บ้านผมทุกคนเป็นคนเฟรนลี่ พี่วินเองก็เหมือนกัน ติดแต่ถ้าใครทำให้เฮียเขาไม่ชอบหน้า คนๆนั้นจะไม่ได้รับสิ่งเหล่านี้เท่านั้นเอง
   
   “สวัสดีครับคุณอาเนช คุณรสา วันนี้ครอบครัวเรามารบกวนหน่อยนะครับ เจ้านี้ลูกชายผม”

   มืออุ่นตบบ่ากลที่ยืนอยู่ด้านข้าง กลยกมือไหว้อย่างสวยงามอย่างกับจะไปประกวดมารยาท เล่นเอาเด็จแม่ผมมองด้วยความเอ็นดู ทำคะแนนไวเหลือเกินนะ พี่วินแทบกินหัวอยู่แล้วนั่น

   “โอย ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ พวกผมยินดีต้อนรับเต็มที่” พูดจบพ่อเปลี่ยนเป้าหมายไปทางกล “เจ้าหนุ่มนี้คือกลใช่ไหม วัตกับวินเล่าให้ผมฟังบ่อยๆ หน้าตาหล่อใช่ได้เลยหนิ ท่าทาหน่วยก้านไม่เลว” พ่อผมลูบคางมองกลที่แอบตัวเกร็งไปนิดนึง ผมเข้าใจ เล่นโดนแสกนแบบฉับไวด้วยรอยยิ้มแบบนั้น

   เห็นว่าทักทายกันพอแล้ว แม่ผมออกปากเชิญพวกผู้ใหญ่เข้าบ้าน มือรับตะกร้าแมวจากพี่ชินแล้วไล่ให้พวกผมไปขนกระเป๋าขึ้นบ้าน พวกเราแยกย้ายกันไปเก็บข้างของในห้องตัวเอง ส่วนผมเป็นคนนำทางกลยกกระเป๋าพ่อแม่ไปที่ห้องรับรองแขก ก่อนวกกลับมาห้องผม วันนี้กลคงต้องสิงสถิตกับผม ส่วนพี่ชินนอนกับพี่วินตามเคย สองคนนี้ตัวติดกันตั้งแต่สมัยเด็ก ถ้าวันหนึ่งพี่ชินหอบข้าวของย้ายมาอยู่ด้วยกันผมจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ

   “ห้องของวัตไม่รกเหมือนที่บ้านเนอะ” ลับหลังผู้ใหญ่ นิสัยแท้จริงออกทันที ผมศอกใส่เจ้าหมาปากเสีย ห้องผมไม่รกเว้ย แค่น้องๆรังหนูเท่านั้นเอง

   “ใครจะไปเนียบกริบเหมือนกลกัน ถามจริงผู้ชายรึเปล่า ห้องเรียบร้อยยิ่งกว่าผู้หญิงบ้างคนซะอีก”

   “ไม่รู้สินะ สงสัยต้องให้คนแถวนี้พิสูจน์ว่าผู้ชายจริงไหม” ปากพูดมือขยับตามสเตปหมาป่าตัวร้าย แขนแกร่งคว้าเอวผมให้ล้มทับคนที่ถือวิสาสะมานอนอืดบนเตียงชาวบ้าน ให้มันน้อยๆหน่อยไอตาพราวระยับนั่น น่าจิ้มให้ตาบอด หึ ระดับอย่างยอดชายนายวัตไม่มีทางอายม้วนแบบนางเอกในละครแน่ อยากให้พิสูจน์นักใช่ไหม ได้!

   “อุ๊ก วัตอย่า ปล่อย เดี๋ยวไม่มีทำพันธ์” วะฮ่าๆๆ โอดโอยเข้าไปสิ ร้องเข้าไป

   “อยากให้พิสูจน์ไปใช่รึไง” ผมยักคิ้วใส่ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับท่านวัตคนนี้ ฝันไปร้อยล้านปีแสงไอน้อง

   “ยอมแล้วๆ ปล่อยก่อน เดี๋ยวลูกชายตื่น” จัดการส่งเสียงเฮอะในคอใส่แทนคำตอบ ที่ยอมปล่อยมือไม่ใช่เพราะกลัวหมาป่าขย้ำนะจริงๆ แค่เห็นใจไม่อยากทำร้ายสัตว์โลกเท่านั้นเอง

   ก๊อกๆ

   เสียงประตูดังขึ้น ผมกับกลดีดตัวออกห่างจากกันทันที รีบลงจากเตียงแทบหัวทิ่ม มีเสียงกลหัวเราะไล่หลัง ฝากไว้ก่อน คุยเสร็จพ่อจะมาคิดบัญชี ไอคุณชายหมาป่า

   เปิดประตูผ่างออกมาเห็นพ่อตัวเองในชุดลายดอกสีเหลืออ๋อยเหมือนลูกชายทั้งสอง ยืนถือปืนฉีดน้ำกระบอกโต

   “วัตเปิดช้าจริง มัวทำอะไรอยู่ เร็วเข้ารีบเตรียมตัว พ่อรอเล่นน้ำจนแก่แล้วเนี่ย”

   “ไม่ใช่ว่าแก่อยู่แล้วเหรอพ่อ โอ๊ย! ทำไมใครๆชอบคิดร้ายกับหัวผมจัง”

   “เพราะปากแบบนี้น่ะสิมันถึงน่าโดน ไปหยิบอาวุธมาซะ ชักช้าเดี๋ยวเขาเลิกเล่นหมดพอดี นี่ก็เย็นแล้วด้วย ลากเพื่อนมาด้วยล่ะ ผมจะไปรอด้านล่างกับพวกวิน”

   “คร้าบๆ” ผมรับเสียงยานๆ มองตามหลังพ่อเดินลงบันไดไปชั้นล่าง แล้วปิดประตูหันกลับมาเจอหมาป่าสต๊าฟ เป็นอะไรล่ะนั่น นั่งตัวแข็งทื่อเลย ผมไม่สนใจ หันไปรื้อหาปืนฉีดน้ำทั้งเก่าใหม่ของตัวเอง ทดลองนิดหน่อยยังใช้งานได้ ยื่นส่งให้กลหนึ่งกระบอก

   “พ่อวัตดูใจดีนะ” มันคงเรียกสติกลับมาได้แล้วหลังจากเห็นผู้ใหญ่บางคนสลัดมาดทิ้ง ผมหัวเราะแล้วลากแขนกลออกจากห้อง ต้องรีบลงไปเดี๋ยวพ่อขึ้นมาตามอีกรอบจะซวยเอา

   “เห็นใจดีแบบนั้น พอเวลาโกรธน่ากลัวมากเลยนะ ถ้านึกไม่ออก ลองเทียบกับพี่วินดู มากกว่าสักสองเท่าได้มั้ง”

   มือหมาป่าที่ผมจับอยู่เย็นเฉียบขึ้นมาทันที ขนาดเท้ายังหยุดเดินยืนนิ่ง

   “ทำไม หรือกลจะตัดใจจากวัต” สิ่งที่ตอบผมคือดวงตาแข็งกร้าวแบบไม่ยอมแพ้ รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากหมาป่ามาดเข้ม ผมยกยิ้มตอบ ต้องแบบนี้สิถึงจะสมกับที่เป็นคนที่ผมเลือก

   ผมกับกลเดินลงมาหาพวกพี่วินที่ยืนรออยู่ตรงรถประจำตำแหน่ง ระหว่างรอพ่อเช็ครถ ทั้งคู่ใส่หน้ากากเรียบร้อย แถมยื่นมาให้กลกับผมคนละอัน ผมรับมาใส่ มันเป็นหน้ากากขายตามงานวัดธรรมดานี้แหละ ของผมเป็นลายมดเอ็ก พี่วินเป็นอุนตร้าแมน พี่ชินลายโดเรมอน ส่วนกลคิตตี้ ผมหัวเราะก๊ากแบบไม่เกรงใจ เกือบจะลงไปกลิ้งกับพื้น ไม่ทันได้ออกศึกก็โดนซะแล้วสุดที่รักผม

   กลยืนนิ่งมองหน้ากากบนมือพี่วินเหมือนมันคืออาวุธชีวภาพถ้าจับแล้วจะตายทันที

   “ใส่ไปซะถ้าไม่อยากตาย หรือนายปอดแหกแค่นี้ก็ทนไม่ได้” เจอไปหนึ่งดอก กลคว้าหน้ากากมาสวมไร้ซึ่งความลังเลอีกต่อไป โอยตาย แม่งโคตรเหมาะอะบอกเลย ขนาดพ่อผมเห็นยังเรียกให้แม่เอากล้องมาถ่ายพวกเราไว้ ตอนนี้ผมเดาสีหน้ากลได้โดยไม่ต้องถอดหน้ากาก มันคงจะนิ่งเรียบเหมือนปลาตายไปแล้ว

   “เอ้าขึ้นมาเลย งานนี้พ่อแว้นเอง”

   “เย้” ผมรับคำเป็นลูกคู่กระโดดขึ้นรถสุดหรูคนแรก ตามมาด้วยคนอื่นๆ เสียงบิดเร่งเครื่องดังขึ้น แล้วซาเล้งบรรจุชายหล่อทั้งห้า ได้เวลาเคลื่อนพลเข้าสู่สนามรบ

   ไม่ถึงเสี้ยววิ พอเข้าเขตที่คนแถวนี้จะมารวมตัวกันเล่นน้ำ พวกผมห้าคนเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อแนบเนื้อชวนสยิวกันล่ะคุณเอ๊ย พ่อจอดรถเก็บกุญแจเข้ากระเป๋า นัดแนะกันว่าถ้าหลงให้มารอที่เบนซ์สามล้อ ก่อนนำทีมพวกเราลุยฉีดน้ำใส่คนอื่น

   เพลงที่เปิดอย่างมันอะขอบอก ลูกทุ่งๆนี้แหละเต้นมันดีนัก แน่นอนว่างานนี้โนน้องแอล แต่ไม่ไร้น้องแข็งกับน้องแป้ง ถึงเขาจะห้ามก็ยังมีคนใช้อยู่ดี ตะกี้ผมเพิ่งโดนไปเต็มหลัง เย็นไปถึงเซี้ยงจี้ มีสาวหลายคนพยายามเหลือเกินจะปะแป้งพวกผม ติดแต่พี่วินกับพี่ชินสูงเกินไปแถมเงยหน้าหลบสาวๆเลยแห้วกันเป็นแถว ผมกับกลตัวสูงไม่ต่างรอดไปได้เหมือนกัน

   สุดท้าย หลังสาดน้ำกันวุ่นวาย เห็นหลังพ่อแวบๆไปเล่นสาดน้ำกับผู้ใหญ่บ้านอยู่ด้านโน้น ผมถูกมือดีฉกหน้ากากออก เท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดสาวแถวนั้นดังกระหึ่ม ไม่ใช่กรี๊ดผมนะ แต่เป็นกลที่เผลอพลาดท่าหน้ากากคิตตี้หลุด สารพัดมือ สารพัดแป้งโปะเข้าเต็มหน้าเจ้าตัว ไอผมเป็นแฟนที่ดี ขอแป้งคนแถวนั้นมาโปะแถมให้อีก ขาววอกโคตรๆ แบบไม่ต้องพึ่งยาฉีดผิวเลย

   กลเหมือนจะเริ่มตั้งรับไม่ไหว กลรีบลากผมหลบมุม ขอน้ำลุงป้าแถวนั้นมาล้างหน้า โดยมีผมยืนหัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ  บอกแล้ว ผมเป็นแฟนตัวอย่าง หาที่ไหนไม่ได้อีกในโลก เพื่อน แฟนตกต่ำต้องรีบซ้ำเติมสิ!
   
   “กลรู้แล้วล่ะว่าทำไมต้องใส่หน้ากาก”

   ผมตบหลังกลป้าบๆ แฝงความแค้นไว้ ผมเองก็หน้ากากหลุดทำไมไม่มีใครมาปะแป้งมั้ง โดยลืมคิดไปซะสนิท ที่ไม่โดนเพราะหมาบางตัวมันยื่นหน้ามารับแทนหมด กว่าผมจะระทึกชาติถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ได้ ก็หลังจากกลับกรุงเทพนู่นแหละ

   “เกิดมาหน้าตาดีทำใจไป ขอบอกเลยว่าตอนนี้ผิวเข้มๆของกลขาววอกยิ่งกว่าวัตตอนเข้าเกมเป็นแวมไพร์ซะอีก”

   จบคำพูดด้วยเสียงหัวเราะอีกชุด เจ้าหมาแอบเคือง จับชายเสื้อลายดอกตัวเองรวบหัวผมไปถูซิกแพค ผมเลยฉีดน้ำใส่ทั้งที่มองไม่เห็นนี้แหละ กลายเป็นเราเล่นกันนัวเนียอยู่ตรงนั้น

   “เฮ้ย หลบหน่อยดิ๊” เสียงโคตรหาเรื่อง ผมหันไปมองทันที เจอมนุษย์แป้งสองคนถือถังน้ำเดินเข้ามาหา ถ้าไม่ติดว่าผมเห็นซากหน้ากากบนมือสองคนนั้น คงจำไม่ได้ว่าเป็นใคร

   “ก๊ากกก!! พี่วิน พี่ชิน เปลี่ยนสปีชี่เป็นมนุษย์แป้งแล้วเหรอ”

   “ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวชะมัด วันหลังคงต้องใส่หน้ากากแบบสวมหัวแล้ว แบบนี้เอาไม่อยู่ แหวะ แป้งเข้าปาก” ผมอนาถใจช่วยหยิบขันราดน้ำให้พี่วินล้างแป้งออก ทางกลถูกใช้แรงงานด้วยพี่ชิน หลังแป้งขาวถูกล้างออกไปบ้างแล้ว ผมถึงได้เห็นรอยสักเยื้องๆกับท้ายทอยพี่วิน มันเป็นรูปลายกราฟิกรูปแมวที่ปกติจะถูกผมของพี่วินปิดเอาไว้

   เห็นว่าเจ้ารอยสักนี้ได้มาตอนสมัยขึ้นมหาลัยใหม่ๆ เพื่อนพี่วินอยากหารายได้เสริมไว้ซื้อข้าวกิน เจ้าตัวเลยเสียสละตัวเองไปขึ้นเขียงให้เพื่อนสักให้ ผมจำได้ หลังจากนั่นพี่วินบ่นทุกวันบอกว่ามันเบี้ยว ผมว่ามันก็สวยดีออก ติดแค่ไม่ใช่ตำแหน่งท้ายท้อยอย่างที่พี่วินต้องการเท่านั้นเอง

   เอ้อ พี่ชินเอากับเขาด้วย ทางนั้นสักตรงไหล่ด้านหลังข้างซ้าย เป็นรูปกราฟิกเหมือนกัน ผมดูไม่ค่อยออกว่ามันเป็นลายอะไร แต่มันเท่สุดๆ

   หลังจากล้างหน้าล้างตากันเสร็จ แทนที่สามชายโฉดจะเข็ด เปล่าเลย กระโดดเข้าไปเล่นสงครามน้ำกันอีกรอบ ผมเองก็เข้าไปร่วมวงด้วย แอบจิ๊กน้ำเย็นเจี๊ยบไปราดใส่พ่ออยู่ ก่อนโดนคืนแบบคว่ำน้ำเย็นเป็นถัง ตัวสั่นเป็นค้างคาวแช่แข็งเลยผม

   พวกเราเล่นได้ประมาณสองชั่วโมงก็ถอยทัพกลับ เหตุผลคือ แม่โทรตาม เพราะมันใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว คราวนี้กลเป็นฝ่ายขอลองแว้นซาเล้งบ้าง บอกว่าตั้งแต่เกิดไม่เคยขับ ผมทำปากยื่นอย่างหมั่นไส้ คุณชายบนหอคอยหมาป่าอย่างกลที่ไม่เคยทำอะไรแบบที่คนธรรมดาเขาทำกันเหมือนบ้านผม

   ถึงอย่างนั้น กลดูสนุกกับทุกอย่างที่ไม่เคยทำ ตั้งแต่คบกันมาไม่ว่าผมจะลากไปเล่นอะไรบ้าบอขนาดไหนไม่มีบ่นสักแอะ พยายามปรับตัวเข้าหาผมเต็มที่ นับวันยิ่งกลมกลืนจนแยกไม่ออก ปรับตัวเร็วยิ่งกว่าเปลี่ยนสี หรือแท้จริงแล้วเป็นสายพันธ์หมาป่าครึ่งจิ้งจกกันหนอ เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาต่อไป

   รถเบนซ์สามล้อจอดหน้าบ้านปุ๊บ พ่อลงจากรถเดินขึ้นบ้านคนแรก หันมาใช้สิทธ์ผู้ใหญ่สั่งพวกผม

   “พวกลูกอาบกันข้างล่าง พ่อยึดห้องน้ำชั้นบนล่ะ”

   แหงสิ ชั้นบนมันเป็นฝักบัวน้ำอุ่นอย่างดี ส่วนด้านล่างน่ะเหรอ หึหึ โอ่งมังกรครับ โอ่งใส่น้ำเต็มๆสามโอ่งใหญ่ น้ำเย็นเจี๊ยบยาบอกใคร มีขัน สบู่ ยาสระผมพร้อม แม่คงให้ป้านุ่นลูกมือแม่มาเตรียมไว้ให้ ป้าแกเป็นคนเก่าคนแก่ ช่วยเลี้ยงดูพวกผมมาตั้งแต่ตีนเท้าฝาหอย ให้อารมณ์คล้ายๆกันแม่นม

   พวกเราสี่หนุ่มมองหน้ากัน แล้วเร่งสปีดอาบน้ำด้วยความเร็วแสงแบบรับรองความสะอาด ในสภาพนุ่งผ้าขาวผ้าคนล่ะผืน อู้หู เสียวหลุดยิ่งกว่าสายเดี่ยว ฮ่าๆๆ ดีที่กลผ่านการรับน้อง ลุยค่ายมานักต่อนัก เจ้าตัวเลยมีเคล็ดวิชายึดผ้าขาวม้าแน่นหนาระดับเทพมา ไม่งั้นโดนเพื่อนดึงหลุดกระจุยอะ

   พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ถึงเวลารวมพลทานข้าวเย็น ผมกอดหอมป้านุ่นแล้วช่วยป้าแกเสิร์ฟอาหาร สำรับเต็มไปด้วยกับข้าวมากมายแบบพื้นบ้าน รับรองว่าต่อให้คนไม่เคยทานยังไงก็ทานได้ ด้วยเสน่ห์ปลายจวักของแม่ผม พ่อแม่กลชมไม่ขาดปาก แม่ผมยิ้มหน้าบานจนพ่อแซว สนุกสนานเฮฮา ผมกับกลมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม พวกเราจับมือกันใต้โต๊ะ อยากให้บรรยากาศแบบนี้อยู่ต่อไปอีกนานๆ

   หลังมื้ออาหารแสนอร่อย ระหว่างพวกผู้ใหญ่นั่งคุยกันเล่นรอข้าวเรียงเม็ด พวกผมลูกๆคลานเข่าเข้าไปหา พี่วินถือขันเงินใส่น้ำผสมน้ำอบ ลอยด้วยดอกมะลิพร้อมขันไปเล็กๆนำไปคนแรก ทุกคนมีพวงมาลัยเล็กอยู่ในมือคนละห้าพวง พี่วินเป็นคนซื้อเก็บไว้ในตู้เย็นตอนเช้ามืด

   ผมแยกออกมาหาป้านุ่นที่นั่งอยู่ไม่ไกล

   “ป้านุ่นครับ ขอเชิญด้วยนะครับ” ทีแรกป้านุ่นแกจะไม่ยอมมาเพราะเห็นเป็นแค่คนใช้ แต่สำหรับผม ป้าไม่ใช่คนใช้ เป็นญาติผู้ใหญ่อีกหนึ่งคนของบ้านเรา

   “มาเถอะจ๊ะพี่นุ่น เด็กๆเขารออยู่นะ” แม่ผมช่วยอีกแรง จนป้านุ่นยอมไปนั่งบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้

   พวกผมรดน้ำบนมืออย่างระมัดระวัง ก่อนยื่นส่งพวงมาลัยให้ ก้มกราบแทบเท้าผู้ให้กำเนิด รวมถึงผู้ฟูมฟักเลี้ยงดูพวกเรามาตั้งแต่เยาว์วัย มืออบอุ่นลูบศีรษะแผ่วเบา คำอวยพรดังกระซิบข้างหู ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งใจ กลิ่นหอมของน้ำอบกับดอกมะลิอบอวนไปทั่ว

   บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความสุข ผมช่วยเช็ดน้ำตาให้กับป้านุ่น นายท่านเองไม่ยอมน้อยหน้าเดินเข้ามาใช้อุ้งเท้านุ่มๆแตะบนเท้าของแม่ผมเบาๆ ผมว่ามันคงไม่ได้สำนึกถึงพระคุณอะไรหรอก เรียกร้องขอขนมกินเล่นหลังข้าวมากกว่า ทุกทีที่กลับบ้าน แม่มักเป็นคนตามใจนายท่านตลอดนี่นา

   พอแม่ให้ขนมก็วนไปหาพ่อผมต่อ พ่อผมให้อีก ทีนี้ลามไปถึงพ่อแม่ของกลจนป้านุ่นต้องอุ้มไปใส่ที่นอน เพราะชักจะกินเยอะเกินไปแล้ว พวกเราหัวเราะกันอย่างมีความสุข คืนนั้นพ่อชวนพ่อกลคุยจนมืดค่ำ คุณแม่ทั้งสองเองก็ไม่น้อยหน้า ส่วนพี่วินกับพี่ชินหลังโหมงานจนแทบไม่ได้นอน ต้องรีบถ่อกลับบ้าน ทั้งคู่ฝืนสังขารไม่ไหว ถอยทัพกลับไปนอนซุกผ้าห่มอุ่นๆในห้องเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญทั้งครอบครัวอีก เลยต้องตุนพลังงานเอาไว้

   ผมกับกลเกาะขอบหน้าต่างมองดวงดาวเต็มท้องฟ้า พระจันทร์กลมโตลอยเด่นทอแสงนวล มือหนาช่วยเกลี่ยผมให้ ผมหันมามองหน้ากลที่ก้มหน้าลงมาให้หน้าผากแตะกัน พวกเรายิ้มและพูดออกมาพร้อมกันว่า

   “สุขสันต์วันปีใหม่ไทย”

   “อื้ม! สุขสันต์วันสงกรานต์นะ”
   
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ ใครเล่นน้ำโปรดระวัง ใครเดินทางโปรดระวัง ใครอยู่บ้านโปรดระวัง เพราะถ้าของที่ตุนไว้หมด ต้องออกลุยน้ำไปซื้อเด้อ 5555+
อย่าลืมนะครับ นอกจากวันแห่งการเล่นน้ำคลายร้อนแล้ว ยังเป็นวันของครอบครัว แสดงความรักกันเล็กๆน้อยๆ จะได้พลังใจขึ้นเยอะ ระดับLv.MAX เลยทีเดียวเชียว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 14-04-2015 06:36:53
กำลังสงสารวัด...มาร่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 14-04-2015 07:03:04
แหมมมมมมมมม อยากไปเล่นน้ำแล้วเจอหนุ่มๆจัง
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 14-04-2015 07:35:45
อิอิ น่ารักดีอะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 14-04-2015 09:11:41
พี่วิน กับ คุณพ่อ หวงเจ้าวัตอ่ะ เล่นซะกลกลัวจนตัวแข็งทื่อเชียว  :laugh3:

ขนาดแฟนน้องยังเขม่นขนาดนี้เลย ไม่อยากจะนึกถึงพวกแฮกเกอร์ที่ทำร้ายวัตเลย
โดนเชือดแหงๆ o18 ถ้าพี่วินรู้อ่ะนะ

แต่ตอนนี้หวานจัง  :-[ :-[ ฟิน
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 14-04-2015 15:19:35
นั้ลล้ากจัง ทั้งคู่อะ><
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 14-04-2015 21:04:52
อ่านช้าไป ขอโทษด้วยนะคะ ที่มาถามเอาตอนนี้

สงสัยอีกเรื่องค่ะ (ลืมถาม)
(เอะ อินี่จอมสงสัย)
ถ้าวาร์ปเข้าเกมนะ คือหมายถึงเข้าไปทั้งตัวใช่ป่ะ
คือแล้วร่างกายนั้นจะไปอยู่ส่วนไหน หรือว่าในเกมนั้นเป็นร่างจริงเลย
แล้วถ้าตายในเกมขึ้นมาล่ะ ทำไมร่างจริงถึงไม่ได้รับความเสียหาย
(อย่าบอกว่ามันเป็นแค่เกมนะคะเพราะนั่นมันเป็นร่างจริง?(หรือว่าร่างจริงอยู่ที่ไหนเอ่ยย?))
ที่สงสัยก็มีเท่านี้แหละค่ะ
-ร่างจริงไปไหน
-ถ้าร่างจริงอยู่ในเกมแล้ว เมื่อตายในเกม ทำไมร่างคนเล่นจึงไม่ตาย (ช่วยอธิบายทฤษฎีโหน่ยย)

---ถ้าเกมนี้มันคือ ส่วนหนึ่งของโลกจริง จะสามารถอธิบาย ได้ จากคำถามที่ว่าร่างจริงไปไหน 
แต่!!!!
มันดันขัดแย้งกับระบบรักษาความปลอดภัย ที่ความเจ็บปวดดันลดลง 90% และ คำถามที่ว่าทำไมร่างจริงไม่ตายจริง
ยังยังไม่พอ ยังมีอีกเรื่อง ไอ้เกมนี้ กับเกมที่ใช้แค่ความคิดเล่น ทำไมถึงเอามาเป็นระบบเดียวกันได้
ทั้งๆที่มันไม่น่าจะใช่ระบบเดียวกัน จูนกันไม่ติดด้วยซ้ำมั้ง ก็เกมนี้มันใช้ทั้งร่างนี่ - - ส่วนอีกเกม ใช้แค่ความคิด
ทำไมถึงยังมีคนสามารถแหกกฏได้ ไม่มีการควบคุมดูแลบทละคร ของ npc หรอ  หรือว่าทำงานพลาดกัน
แล้วถ้าถึงเวลาออกจากเกม ร่างนั้น จะออกได้มั้ย เพราะว่าถูกขังอยู่นี่ หรือถ้าออกได้ แค่โทรกริ๊งเดียวไปร้องเรียน แผน
ของพวกนั้นก็น่าจะล่มนี่ ทำไมคนที่คิดจะทำแบบนี้ มันไม่คิดวะ
หรือว่ามันออกไม่ได้กัน ถ้างั้น  ก็ต้องโทษระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทสิ ที่ห่วย ที่ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยของลูกค้าได้ คงได้ฤกษ์ฟ้องบริษัทใหญ่ๆแบบนี้กันแล้ว ท่าจะได้หลายตังค์ หึหึ
มีแต่คำถามเลย เอาจริง
แค่โครงเรื่องถือว่าน่าติดตามมากค่ะ รอคำอธิบายและตอนต่อไปนะ อิอิ
สู้ๆน้าา
(คนเขียน: อินี่ทำไมมันเรื่องมากงี้วะ)
มันคาใจยิกๆอะค่ะ 555555555
ช่วยตอบหน่อยแระกันนะจ๊ะ เพื่อความสมเหตุสมผลของนิยาย
อิอิ
(หรือสนองความอยากรู้ของตัวเองกันแน่วะมึง - - ?)
 :call:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 15-04-2015 00:55:34
Lv.8 ลุยแหลก

   รถสีดำเงาวับ จอดหน้าบ้านเงียบเชียบสมราคา คนขับรถเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของบ้าน ส่งกุญแจให้คนใช้เอารถไปเก็บหลังจากที่เปิดประตูให้พ่อลงจากรถเรียบร้อยแล้ว

   สองพ่อลูกทักทายคุณนายของบ้าน ก่อนจะพาเข้าไปพักทานข้าวเย็นคุยกันตามประสาครอบครัว ตลอดการสนทนาลูกชายเอาแต่นั่งเงียบทานข้าวไวกว่าปกติ พอทานเสร็จรวบเก็บช้อนส้อม ยกผ้าเช็ดปากเอ่ยลาพ่อแม่ทันที

   “ผมอิ่มแล้ว ขึ้นห้องก่อนนะครับ”

   บุพการีไม่ทันตอบ ร่างสูงลุกขึ้นก้าวฉับๆขึ้นชั้นสองกลับห้องส่วนตัวไปแล้ว สองสามีภรรยามองหน้ากัน

   “แปลกจริง ท่าทางแบบนี้ติดเกมรึเปล่านะ”

   คุณหญิงยกมือแตะแก้มถอนหายใจ เธอไม่คิดว่าอะไรหากลูกชายจะติดเกม ขอแค่ไม่เสียการเรียน และไม่เสียงานก็พอแล้ว

   “ฉันคิดว่าจะติดผู้ชายมากกว่า…ที่รัก ฉันมีเรื่องจะถามความเห็นสักหน่อย”

   เห็นท่าทางกลุ้มใจของคู่ชีวิต ภรรยาที่แม้เวลาจะล่วงเลยไป แต่ความงดงามไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงสวยในสายตาของเขาอยู่เสมอ นั่งเงียบรอรับฟังด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

   ผู้นำครอบครัวเล่าเหตุการณ์ในวันนี้ให้ภรรยาสุดที่รักฟังอย่างครบถ้วน ทั้งคู่ปรึกษากันเงียบๆ ภายในห้องอาหาร


   ชายผู้ถูกกล่าวถึงไม่รู้เรื่องเลยสักนิดว่าพ่อแม่กำลังกลุ้ม เขารีบสลัดเสื้อผ้าทิ้งโยนลงตะกร้า คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ หมุนปรับน้ำอุ่นปล่อยให้สายน้ำหลายผ่านร่าง ผ่อนคลายกับเหตุการณ์ในวันนี้ พ่อเขาอยากให้ลองฝึกและทำงานในที่ๆ รวมคนเก่งไว้เยอะๆ

   ในปัจจุบัน สถานที่นั้นคงมีเพียงบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงแห่งเดียว ด้วยความสามารถส่วนตัวผสมเส้นสายนิดหน่อย เลยอัญเชิญหัวหน้าแผนกจากหอคอยกระดูกไดโนเสา ลงมาพูดคุยเป็นการส่วนตัวได้

   สำหรับกล ไม่ค่อยสนใจบริษัทสักเท่าไหร่ เพราะมีอีกเรื่องที่น่าสนใจกว่า น้องชายของบุคคลอันตราย ดันเป็นคนที่เฟรนลี่อย่างเหลือเชื่อ ทำให้เขาสนใจได้ตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งอยากเข้าใกล้มากขึ้น

   มือหนาเสยผมที่เปียกชุ่ม ยกยิ้มตรงมุมปาก ผิวเข้มกับกล้าสมส่วนได้รูป อยากเจอ...

   คิดได้ดังนั้น จัดการรีบอาบน้ำแต่งตัวทันที มือเช็ดผมระหว่างตั้งค่าเครื่องเล่นเกมก่อนใช้งาน หลังเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัวแล้ว ร่างสูงสวมเครื่องเล่นเกม มุ่งหน้าสู่โลกแห่งแฟนตาซี

   เข้าเกมมายังเหมือนเดิมทุกอย่าง รอบข้างมืดสนิท มีเขาเพียงคนเดียวยืนนิ่งอยู่กับที่ เสียงของระบบยังคงเป็นประโยคเดิมๆ

   “ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกม Charm Online ขอให้สนุกกับโลกแห่งแฟนตาซีนะค่ะ”

   จบประโยครอบข้างกลายเป็นแสงสีขาวสว่างจ้า กลหลับตาพลางคิด ในโลกแห่งนี้หูเขาสามารถแยกแยะโทนเสียงประจำตัวของแต่ละคนออกได้ เสียงเมื่อกี้นี้ถ้าจำไม่ผิดต้องเป็นเสียงของวัตแน่ๆ เห็นทีหลังออกจากเกมคงต้องหาทางโหลดเก็บไว้ฟังซะแล้ว

   หมาป่าสุดหล่อ ล็อคอิน


   อะฮ้า! หันไปทางไหนก็เป็นป่า ซ้ายก็ป่า ขวาก็ป่า หลังก็ป่า หน้าก็...ป่าเดียวกัน ผมทำหน้าแปลกใจ ด้วยความอยากเล่นเกมจัด ผมเลยเข้าเกมมาก่อนใครเพื่อน เบื่อๆ ในเมืองเลยออกมาเดินเล่นตีมอนรอบนอกฆ่าเวลา กะว่าถ้าพวกนั้นออนไลน์มาคงติดต่อกันเอง

   เพียงแต่ผมคงลืมอะไรไปอย่าง มือยกลูบต่างหูสี่เหลี่ยมบนใบหูอย่างเผลอไผล เพราะมีเจ้าสิ่งนี้ กลสามารถมาหาผมได้ทุกที่ทุกเวลา วันหนึ่งสามารถใช้งานได้สองครั้ง เจ้าตัวเล่นใช้ไปแล้วหนึ่ง

   “?” คนบางคนทำหน้าหมาสงสัยได้อย่างน่าชื่นชมจนผมต้องกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวด

   ตอนแรกผมไม่คิดอะไรมาก เข้าใจไปว่ากลคงอยากได้เพื่อนเล่นเกมนอกจากกลุ่มหน้าตาเดิมๆ บ้าง ซึ่งผมไม่ซีเรียด ได้บอดี้การ์ด ตู้เอทีเอ็ม สารานุกรมเกรมเคลื่อนที่ มีแต่ได้ไม่มีเสีย แถมมีเพื่อนเล่นเกมอีก

   จนพี่วินทัก เจ้าไวไวเตือนผมถึงเริ่มสะกิดใจกับอะไรบางอย่าง โลกความจริงมันเพิ่งผ่านไปคืนเดียว แต่ในเกม มีระยะเวลาต่างกับโลกจริง ผมรู้จักกับกลมาเกือบอาทิตย์นึงได้ จะบอกว่ารู้นิสัยทั้งหมดของอีกฝ่ายคงไม่ใช่

   มาคิดดีๆ เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเลยสักนิด ตอนนี้ผมอยู่ในเกม เกมถูกสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงของผู้เล่น จะเกิดอะไรก็ช่างมันแล้วกัน ตราบใดที่สัญชาตญาณในตัวผมไม่ร้องเตือน ทุกอย่างยังคงปกติตามเดิม ผมเองก็สนุกเวลาได้เล่นเกมกับกลด้วย

   คิดไปพลางพยักหน้าไปพลางเหมือนบรรลุอะไรสักอย่าง กลเดาท่าทีผมออกเหมือนเคย เมื่อกี้ผมคงเผยความระแวง เขาเลยเว้นระยะห่างไม่เข้ามาใกล้มากว่านี้ รอดูท่าที ทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอให้ผมจัดการกับความคิดตัวเองเสร็จอย่างใจเย็น

   เจ้าตัวคงลืมไปว่า แม้สีหน้าจะถูกควบคุมดีแค่ไหน แต่หูกับหางมันไม่สัมพันธ์กับเจ้าของ คิดรู้สึกยังไงก็แสดงออกมาอย่างนั้น ตอนนี้หูสามเหลี่ยมขนนุ่มลู่ลงเล็กน้อย หางตกนิ่งไม่ขยับ โธ่ๆ น้องหมาของผม หงอยไปเลย

   ด้วยความที่รักสัตว์เป็นนายชายไทย ผมเลยกางแขนออกแบบที่พี่ชินชอบทำเวลาจะให้ผมโผเข้ากอดหาคนปลอบใจ ในชีวิตที่ชีช้ำเพราะพี่วินดันลืมน้องชายตัวเองทิ้งไว้กับครูระหว่างทำงานกลุ่ม ลำบากพี่ชินที่นึกเอะใจ รีบมารับผม เจ็บนั้นอีกนาน เจ็บนั้นไม่ลืม

   หมาป่าหนุ่มเหมือนฟื้นคืนชีพ ขยับเข้ามากอดผมหมับ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่า เหมือนผมเป็นฝ่ายถูกโอบจนมิด หูตั้ง หางส่าย จมูกไม่แห้ง โอเค พ่อหมาป่าของผมยังสุขภาพดี

   “กรี๊ดดด”

   “อ๊ากก บัดสีๆ น้องไวไวรับไม่ดั๊ย!”

   เหมือนเดจาวู ผมมองผ่านหลังกลไปเห็นสองคนนั้นโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ แสดงว่าแอบดูมาตั้งแต่แรกแล้วสินะ รู้สึก . . . ในใจ

   “ชิ”

   ผมเงยหน้าพรึบมองคนที่ยอมผละออก เจ้าหมาตัวโตทำเอียงคอใส่เหมือนจะถามว่ามีอะไร ผมเคาะๆ หูตัวเอง เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงคนร้องชิอย่างขัดใจ หรือว่าผมหูฝาด

   “กลางวันแสกๆ พวกนายเกรงใจชาวบ้านชาวเมืองเขาบ้างสิ”

   เจ้ลินมาถึงสวด ผมยักไหล่ไม่แคร์ อ้อมกอดแห่งมิตรภาพของลูกผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหาย

   “เจ้กับไวไวมาแอบดูพวกฉันเหมือนกันไม่ใช่หรือไง” เจอผมสวนกลับด้วยท่าทางยียวน สองคนนั้นหันหน้าหนีไปคนละทางทันที อือหือเข้าขากันดี อนาคตมีแววเพื่อนไวไวสละคาน

   “ผิดที่พวกนายมาทำให้ดูต่างหาก” มีการบ่นหงุงหงิง ผมเลยจัดการฟาดสันมือใส่หน้ากาก กระแทกดั่งยุบไปเลยเพื่อนรัก เจ้าตัวโอดโอย ผมไม่สน เดินชูมือนำทีม ในเมื่อมาพร้อมหน้ากันแล้วก็ออกเดินทางกันเลย!

   พวกเราเลือกเส้นทางลุยป่ามากกว่าไปเดินบนถนน มุ่งหน้าสู่เมืองถัดไป เพราะพวกเราต้องการเก็บระดับให้มากพอที่จะทำภารกิจของลินได้ การเลือกเดินในเส้นทางที่ลำบาก มันมีมอนสเตอร์ให้จัดการเยอะดี

   ผมเป็นค้างคาว ถึงแดดจะน่าหงุดหงิด แต่สามรถกระโดดจากกิ่งไม้หนึ่งไปอีกกิ่งไม้หนึ่งได้สบายๆ ด้านหลังมีกลตามมาติดๆ คอยช่วยผมที่ดาเมจน้อยจัดการพวกมอสเตอร์ที่โผล่มา ไวไวเป็นกระต่าย เจ้าตัวโดดไปมาบนภาคพื้นดิน ไม่ทิ้งห่างจากลินนัก

   ลินเป็นแค่แม่มดที่ใส่ชุดรุ่มร่าม พอมาลุยป่าเลยลำบากพอสมควร เห็นหลายครั้งที่สองคนนั้นทะเลาะกันเพราะกระโปรงเจ้ลินดันไปเกี่ยวกิ่งไม้ ลำบากไวไวมันเคลียทางให้องค์หญิงเสด็จ ปากมันก็บ่น แต่มือมันก็ทำ ไม่เข้าใจเพื่อนผมจริงๆ หรือมันแกล้งทำตัวซึนเดเระแบบที่ผู้หญิงสมัยนี้ชอบกัน แผนสูง ไอกระตุ่ยเอ๊ย

   เคียวในมือถูกตวัดดื่มเลือดมอสเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งออกห่างจากนอกเมือง ระดับของมอสเตอร์ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังๆ แอบตึงมือ ต้องให้กลเป็นฝ่ายนำลุยสังหารมอสเตอร์แทน เสียงแจ้งเตือนระบบดังถี่ยิบ ไอเท็มที่ได้ ค่าประสบการณ์ที่ได้ ระดับเพิ่มขึ้น ที่น่าสนใจที่สุดคงเป็น

   ระดับเลื่อนขึ้นเป็นเลเวล 45
   ได้รับทักษะจากคำสาปเพิ่ม เปิดทักษะไหม่ คางค้าวลูกกะจ๊อก

   ผมผิวปากอย่างอารมณ์ดี ทดสอบลองเรียกออกมา วิธีใช้สกิลก็ง่ายๆ ยื่นมือไปเบื้องหน้า แสยะยิ้มแบบจอมชั่วร้าย พร้อมพูดประโยคเท่ๆ

   “จงออกมา สมุนของข้า วะฮ่าๆ”

   สามคนในทีมหันมามองเหมือนผมเป็นโรคประสาท ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอึ้ง เมื่อมีค้างคาวตัวน้อยใหญ่บินออกมาจากด้านหลังของผม ค้างคาวแต่ละตัวระดับเท่ากับผม พลังจอมตีไม่มาก แต่พอรวมเป็นฝูงกลายเป็นกองกำลังที่น่ากลัว

   ลูกสมุนแสนน่ารัก พร้อมใจกันสูบเลือดเหยื่อจนแห้งเหือด ระหว่างนั้นเกิดแสงสีแดงปกคลุมรอบตัวผม เลือดที่ลดลงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ค้างคาวพวกนี้หลังหมดหน้าที่ต่างบินหลังมาหาผม แล้วหายไปในเงามืด

   ผมอ่านรายละเอียดของสกิลบนจอที่เด้งขึ้นมา สกิลนี้สามารถใช้ได้ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน หากใช้ยามกลางคืนประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นสองเท่า ระยะเวลาในการใช้ซ้ำอีกครั้งคือสิบนาที เท่ากับว่า หลังจากผมใช้ทักษะเรียกค้างคาวออกมาแล้ว ต้องรออีกสิบนาทีถึงจะใช้ซ้ำได้อีกรอบ

   พอคนอื่นเห็นผมได้ทักษะใหม่จากการเลเวลอัพ ยิ่งพากันฮึดตีมอนกระจุยกระจาย จนหลังๆ กลว่างงาน ยืนกอดอกพิงต้นไม้แกว่งหางเล่น

   พวกเราลุยแบบนั้นตลอด 27 วันในเกม 3 คืนกับอีก 3 ชั่วโมงของโลกจริง แวะเข้าออกระหว่างหมู่บ้านที่เป็นทางผ่านกับดันเจี้ยนเป็นว่าเล่น เจ้าดันเจี้ยนนี้คือแหล่งรวมมอนสเตอร์มากมายในที่เดียว เหมาะสำหรับการเก็บระดับมากที่สุด ลักษณะจะเหมือนกับรังของบอสหนู มีลูกน้องมากมาย หากลุยไปจนสุดจะเจอกับบอสใหญ่

   กลเป็นคนดูว่าดันเจี้ยนไหนระดับพวกเราสามารถเข้าไปสู้ได้ พวกเราก็แวะกวาดมอสเตอร์หมด แรกๆ มีสะบักสะบอมกันบ้าง หลังๆ ดีขึ้นหน่อย ไม่ถึงกับผ่านสบาย แต่ก็พอจัดการได้โดยไม่ตายกลับเมืองบ่อยเหมือนช่วงแรก

   ตอนนี้พวกเรากำลังจัดการกับบอสพร้อมลูกน้องในดันสุดท้ายก่อนถึงเมืองใหญ่ ที่นี้เป็นทางลับใต้ดินที่ผมบังเอิญเจอเข้าระหว่างเดินสำรวจรอบๆ ขณะพักรบ

   มันเป็นบ้านเก่าถูกทิ้งร้าง ด้านในโล่งๆ มีแต่ฝุ่นเกาะหนาเตอะ ผมไปสะดุดเข้ากับประตูลงห้องใต้ดินเข้า เลยเรียกทุกคนมาดู กลบอกว่าเป็นดันเจี้ยนย่อยที่พวกเราสามารถผ่านไปได้ เลยถือโอกาสลงมาเก็บเลเวลกันต่อ

   มอสเตอร์ในนี้เป็นพวกตัวตุ่น ที่ขุดดินจนทะลุมาเจอกับทางลับเข้า ผลเลยกลายเป็นรังตัวตุ่นไปซะชิบ ด้านล่างมืดมาก แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับผม กล ไวไว ที่เป็นสัตว์ออกหากินตอนกลางคืน ส่วนลินมีสกิลทำให้มองเห็นที่มืดได้ชั่วคราว สกิลนั้นมีระยะเวลาจำกัด พวกเราต้องเคลียดันเจี้ยนแข่งกับเวลา

   ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันอย่างดี ลินสาดสกิลใส่มอนแบบไม่เกรงใจพวกผมที่หลบกันจ้าละหวั่น แผ่นดินสะเทือนเกิดเสียงเอะอะจนบอสใหญ่มันคงรำคาญ วิ่งออกมาไล่เชือดพวกเราถึงที่ รวมกับลูกน้องอีกฝูงหนึ่ง

   ทีนี้แหละคุณเอ๊ย ยิ่งกว่าสงครามกลางเมือง วุ่นวายกันไปหมด เฉียดตายกันหลายรอบ ผมแทบไม่ได้โจมตี ต้องคอยเพิ่มเลือดให้ทุกคนมือเป็นระวิง สลับบิน วิ่งหนีแบบไม่ได้หยุดพัก ส่งลูกสมุนค้างคาวออกไปเป็นระยะ กว่าจะผ่านได้เลือดตาแทบกระเด็น สภาพยับเยินคลุกดินจนดูไม่จืด

   ขวดยาเพิ่มเลือดแทบเกลี้ยงกระเป๋า แลกกับระดับของพวกผมที่เพิ่มขึ้นพรวดพราด

   หัวหน้าปาร์ตี้ วัต คำสาปแวมไพร์ ระดับ 56
   สมาชิกทีม กล คำสาปหมาป่า ระดับ ??
   สมาชิกทีม ไวไว คำสาปกระต่าย ระดับ 55
   สมาชิกทีม ลิน คำสาปแม่มดมืด ระดับ 60

   พวกเราหันหน้าไปมองวัตอย่างพร้อมเพรียง มีแค่เขาคนเดียวที่ไม่เปิดเผยระดับ เจ้าตัวยกมือสองข้าง อธิบายว่าเป็นผลจากการซื้อใบปกปิด สามารถเลือกได้ว่าจะปกปิดสถานะส่วนไหน ซึ่งพวกระดับสูงๆ นิยมใช้กัน ผมกับไวไวเลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะซื้อมาใช้ให้ได้ เผื่อจะดูเท่ลึกลับกับเขามั้ง

   “เฮ้อ เหนื่อยเป็นบ้า อยากรู้จริงระดับมันตันที่เท่าไหร่ตอนนี้”

   ในแต่ละเกมจะมีระดับสูงสุดที่ไม่สามารถเพิ่มได้อีก จนกว่าทางเจ้าของเกมจะอัพเดตขยายอะไรหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้น

   “200 แต่เท่าที่ฉันเคยเห็น สูงสุดตอนนี้อยู่แค่162”

   “น่าแปลก ดูๆ แล้วมันก็ไม่ได้เก็บระดับอะไรยากหนิ พวกเราใช้เวลาประมาณเดือนนึงในเกม เลเวลครึ่งร้อยแล้ว”

   ไวไวพยายามอย่างยิ่งในการใช้ผ้าเน่าๆเช็ดรอยเปื้อนออกจากหน้ากาก ในความคิดผม มันเละกว่าเดิมซะอีก
   
   “ไม่เหมือนกัน พวกนายเก็บระดับไม่หยุดพัก จะขึ้นไวก็ไม่แปลก” หรือจะให้พูดแบบตรงๆไม่ประหยัดคำพูด กลคงหมายความว่า พวกผมบ้าเก็บระดับไม่สนโลก แทบไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาในเกม ที่เห็นก็มีแค่หมู่บ้านเล็กๆ ตามทาง หน้ามอสเตอร์ กับลงดันเจี้ยน เรียกได้ว่าแทบจะลืมไปแล้ว ว่ามีคนอื่นเล่นเกมนี้ด้วยนอกจากพวกเรา

   “ฉันอยากอาบน้ำ แถวนี้มีแหล่งน้ำมั้ย”

   สาวสวยแต่ถึกเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม หันมามองพวกในทีมที่นอนแผ่อย่างหมดสภาพ หลังจากออกมาจากดันเจี้ยนใต้ดินสำเร็จ

   กลลุกขึ้นยืน หลับตานิ่ง คงกำลังทำการพิสูจน์กลิ่นจากธรรมชาติ ว่ามีแหล่งน้ำอยู่ตรงไหน หูสามเหลี่ยมกระดิกดุกดิกโคตรน่าดึง สักพักเจ้าตัวก็ลืมตา

   “มี ไม่ไกลมาก ตามมา”

   ลินที่ลุยหนักไม่แพ้พวกผม ลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากกระโปรงสิ้นความงาม สบัดผมเดินตามไปทันทีทิ้งให้ผมกับไวไวมองหน้ากัน ถอนหายใจฝืนสังขารแล้วเดินตามหลังไปเงียบๆ ความต้องการของผู้หญิงชนะทุกสิ่ง แม้แต่ความเหนื่อยแทบขาดใจของตัวเอง

   ซ่า ซ่า

   เสียงน้ำทำให้ผมหูผึ่ง จากเดินรั้งท้าย วิ่งลิ่วเข้าไปทันที สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ น้ำตกธรรมชาติ! ป่าโดยรอยถูกปกคลุมไปด้วยความมืดในยามราตรี

   น้ำตกตรงหน้า ได้รับแสงจันทร์สะท้อนบนผิวน้ำระยิบระยับราวกับอัญมณี หิงห้อยตัวน้อยบินอยู่ทั่วทุกที่เกิดเป็นภาพงดงามดุจความฝัน จุดที่น้ำตกลงมาอยู่ห่างจากส่วนที่พวกเราอยู่พอสมควร น้ำแถวนี้มีทั้งตื้นและลึกจึงสงบนิ่ง โขกหินกระจายอยู่โดยรอบ น้ำใสสะอาดจนก้อนกรวดใต้พื้นน้ำ ล้อมรอบด้วยต้นไม้เป็นวงกลมทรงไข่

   ความเหนื่อยเหมือนหายไปเป็นปลิดทิ้งยามได้เห็นภาพงดงามเบื้องหน้า ช่างน่าเศร้า ที่ในโลกแห่งความจริง สถานที่แบบนี้เหลืออยู่เพียงน้อยนิด หรืออาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ

   “คืนนี้พวกเราพักที่นี่แล้วกัน ฉันฟังดูแล้วไม่มีพวกมอสเตอร์อยู่ คงเป็นเซฟโซน”

   พวกเราพยักหน้ารับ ช่วยกันกางเต็นท์เตรียมมื้อค่ำ ลินรับหน้าที่จุดกองไฟเพราะเธอมีเวทมนต์อยู่เพียงคนเดียวในกลุ่ม สะดวกรวดเร็วกว่านั่งจุดเองด้วยหินไฟ กลเป็นคนทำอาหาร ผมกับไวไวออกไปหาฟืนกับผลไม้แถวนี้มาเพิ่ม

   ที่นี่คงจะเป็นเซฟโซนจริงๆ อย่างที่กลบอก เซฟโซนภายในเกมคือจุดปลอดภัย จะไม่มีมอสเตอร์เข้ามาทำร้าย และผู้เล่นไม่สามารถฆ่ากันได้ ปกติเซฟโซนจะอยู่ตามเมืองใกล้จุดเกิดของผู้เข้าเกมใหม่ หรือตามใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ตั้งแต่เล่นเกมมา นี้เป็นครั้งแรกที่ผมเจอเซฟโซนนอกเมือง

   เมื่อทุกอย่างพร้อม ถึงคราวที่ลินจะได้ทำตามใจเสียที สาวเจ้าบอกจะไปอาบน้ำคนแรก ผมเลยถีบส่งไวไวไปนั่งเฝ้า เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยกันทัน แม้จะเป็นเซฟโซนแต่ก็ยังวางใจไม่ได้ มอนสเตอร์ไม่เข้ามา ผู้เล่นไม่ฆ่ากัน แต่ผู้เล่นมันเข้ามาก่อกวนทำอย่างอื่นได้นี่หว่า

   ถึงผมจะคิดว่าคงไม่มีใครบุกเข้ามาป่าลึกแบบพวกผม แต่ก็เผื่อไว้เพื่อความชัวร์ พลาดมามันไม่คุ้ม ในเมื่อเกมนี้มันทำสมจริงซะจนน่ากลัว

   ส่วนผมรับหน้าที่ทำอาหาร โดยมีกลเป็นผู้ช่วยหยิบจับของ ก่อนหน้านี้เราลุยพวกมอนสเตอร์มา เนื้อตัวตุ๋นก็ได้ แล้วผมยังซื้อพวกเครื่องเทศกับผักจากในเมืองก่อนออกเดินทาง ตอนนี้วัตถุดิบเลยพร้อม พอสองคนนั้นกลับมาอาหารก็เสร็จพอดี เลยได้ลงมือทาน ส่งเคราะห์พยาธิในท้อง

   “พอกินเสร็จ พวกนายไปอาบน้ำกันเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเก็บให้เอง” ไวไวอาสา ท่าทางหงุดหงิด ต่อมเสือกผมกำเริบ แบบนี้ต้องถาม

   “ทำไมนายไม่ไปอาบกับพวกฉันล่ะ หรือนายอาบน้ำกับลินไปแล้ว”

   “ก็เออสิ แต่ฉันไม่ได้อาบพร้อมยัยนี้หรอกนะ ช่างมัน คิดซะว่ามาอยู่เฝ้าเต็นท์แล้วกัน ผู้ชายไปอาบด้วยกันหมด ปล่อยเจ้นี้เฝ้าคนเดียวฉันกลัวจะไม่มีที่นอน จอมทำลายล้างซะขนาดนี้”

   คงจะฝังใจกับวารพัดเวทที่ปลิวไปมาตอนลงดันตัวตุ่นสินะ โธ่ เพื่อนผมช่างน่าสงสาร เกิดแผลใจซะแล้ว

   “ฉันไม่ได้หัวมีแต่กล้ามเนื้ออย่างนาย เชอะ นึกว่าจะได้เห็นหน้าใต้หน้ากากแล้วเชียว”

   ลินกอดอกกัดเล็บอย่างขุ่นเคืองพระทัย ผมกับกลมองหน้ากัน แอบหัวเราะในใจ ลินหนอลิน คิดว่าประโยคหลังมันพวกจนพวกผมไม่ได้ยินหรือไง พวกเราแต่ละคนเป็นพวกสัตว์ประสาทสัมผัสไวกันหมด ผมคิดว่าไวไวมันคงได้ยินแหละ แต่ไม่พูด หันไปบ่นหงุงหงิงอยู่คนเดียว จนผมรู้สึกว่า หมู่นี้เพื่อนผมจะขี้บ่นขึ้นแฮะ หรือใกล้ถึงวันนั้นของเดือน ใครก็ได้บอกผมที ในเกมนี้มีขนมปังผู้หญิงมั้ย

   “ถ้างั้นพวกนายตีกันไปนะ อย่าให้ถึงกับเต็นท์พังจนไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วกัน กลไปอาบน้ำกัน เหนียวตัวจะแย่ คลุกดินจนเป็นค้างคาวมอมแมมเดี๋ยวสาวเห็นใจสลายหมดกันพอดี”

   ไวไวชูนิ้วกลางไล่ ผมหัวเราะลากคอกลไปที่น้ำตก พวกเราถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ตรงโขดหิน ดูจากสภาพแล้ว หลังอาบน้ำเสร็จคงได้มีรายการซักผ้ากันหน่อยล่ะ

   ผมเป็นฝ่ายเดินลงไปในน้ำก่อน ท่อนล่างนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวตามสไตล์ พอผิวได้สัมผัสน้ำ ความเย็นแล่นไปทั่วร่างจนขนลุกซู่ ผมวักน้ำมาล้างๆ ตัว รู้สึกสดชื่นดีจริงๆ ยิ่งในตอนกลางคืนแบบนี้ผมยิ่งชอบ เพราะอากาศเย็นไม่มีแดดให้ร้อนเหมือนตอนกลางวัน

   จ๋อม...

   ได้ยินเสียงน้ำจากทางด้านหลัง ผมหันไปมองเห็นกลอาบน้ำอยู่ข้างๆกัน ต่างคนต่างอาบกันไป แอบสะดุ้งนิดหน่อย เวลาน้ำถูกแผลบางส่วนบนร่างกาย ส่วนใหญ่เป็นแผลเล็กๆ ผมเลยไม่ใส่ใจที่จะรักษา ปล่อยทิ้งไว้พอถึงพรุ่งนี้มันก็หายสนิทไปเอง

   ดูเหมือนใครอีกคนจะไม่คิดแบบเดียวกับผม มือหนาคว้าแขนผมไว้ยกขึ้นดูแผลตรงต้นแขน เห็นแบบนี้แล้ว สีผิวพวกเราตัดกันสุดๆ ไปเลยแฮะ ผมขาวซีดแบบซีดมาก ส่วนกลเป็นแบบคนผิวสีเข้ม

   “ทำไมไม่รักษา?”

   “แผลแค่นี้เปลืองยา” ผมโบกมือปัดๆ ให้เขาเลิกสนใจ

   “เดี๋ยวรักษาให้”

   “หา? เฮ้ย!” จะไม่ให้ผมร้องเสียงหลงได้ไง กลเล่นใช้ลิ้นเลียแผลที่ต้นแขน สัมผัสจากลิ้นร้อนทำให้ผมกลืนน้ำลายอึก พอเลียเสร็จแผลถลอกของผมก็หายสนิท เจ้าหมาป่าเล็งตำแหน่งต่อไป พอผมดิ้นยังมีส่งเสียงดุอีกแหนะ เจือด้วยเสียงคำรามในคอด้วยนะ ผมเลยจำต้องนิ่ง เพราะกลัวถูกหมาป่าขย้ำตายคาน้ำตก

   ถัดจากต้นแขนเป็นแถวอกเกือบถึงบ่า ต่อมาเป็นที่หลัง ปิดท้ายด้วยเอว กลย่อตัวลงคุกเข่าในน้ำระดับสะโพกของผม มองจากมุมนี้ผมเห็นชัดเจนเลยว่าลิ้นสีชมพูกำลังเลียแผลถูกข่วนตรงเอวผมอยู่ ผมเขาช้อนสายตาคมขึ้นมองสบตา รู้สึกใจสั่นวูบจนต้องดันกลออก ดีที่หมาป่าหนุ่มยอมผละออกห่างแต่โดยดี ผมทำตีเบลอไม่เห็นเขาเลียริมฝีปาก

   “ขะ ขอบใจที่รักษาให้ วันหลังไม่เป็นไร ฉันจะกินยาไม่ปล่อยแผลทิ้งไว้อีกเด็ดขาด!” แน่นอน ชั่วป๊าบ ชัวฝุดๆ ล้านเปอร์เซ็นต์เลย การรักษาแบบนี้ไม่ปลอดภัยกับหัวใจของผม

   กลพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ผมรีบล้างตัวให้เสร็จแล้วขึ้นจากน้ำทันที มีกลตามหลังมา เจอน้ำลายหมาป่าแบบนี้ ผมจะเป็นพิษสุนัขบ้าไหม ไม่สิ ถ้าจะเป็นคงเป็นฝ่ายกลมากกว่า เจอพิษค้างคาวบ้าประจำตอนบริจาคเลือด

   พวกเราหันหลังให้กันระหว่างใส่เสื้อผ้า ก่อนจะกลับเต็นท์ไปนอน คืนนี้ไม่มีใครเป็นเฝ้ายาม เพราะมอสเตอร์ไม่โจมตี ของจำเป็นทุกอย่างของพวกเราถูกเก็บไว้ในกระเป๋าใกล้ตัวหมด ถ้าจะเอาต้องเข้ามาเอาในเต็นท์ ซึ่งแน่นอนว่าพวกผมตื่นมาซัดได้ชัวร์

   เราเลือกเต็นท์ใหญ่สำหรับนอนได้สี่คน ผู้ชายสามคนนอนอีกมุมนึง ส่วนลินไปนอนอีกมุม เพื่อความสะดวก และปลอดภัยต่อตัวผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ปล่อยให้ไปนอนเต็นท์คนเดียวน่าเป็นห่วง สู้ให้พวกผมนอนเฝ้าดีกว่า

   จัดที่จัดทางจัดตำแหน่งมุดตัวเข้าผ้าห่มนุ่มๆ ในช่วงที่กำลังจะเคลิ้มๆ หลับ ผมได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่างโชยมา รู้สึกกลที่อยู่ข้างๆ เขย่าตัวผมกับไวไว พร้อมกับเรียกลินเสียงดัง ผมง่วงจนไม่สนใจ หลับแบบไม่สนโลก สติทุกอย่างดำดิ่งสู่ความว่างเปล่า เหมือนร่างกายล่องลอยไปสู่นครแห่งความฝัน

   เมื่อผมตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ใน...

   กรง! ใครสั่งใครสอนให้เอาค้างคาวมาขังกรงหมาวะเจ้าพวกบ้า!!
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ สงกรานต์ 14/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 16-04-2015 00:25:53
รอตอนต่อไปนะคะ :)
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 16-04-2015 03:46:28
Lv.9 กลุ่มคนน่าสงสัย

   ผมกำลังเป็นค้างคาวเล่นท่ายาก ตีลังกาหงายท้องใช้เท้ายันซี่กรง หลังจากที่ทั้งเขย่า ทั้งแทะยังไม่เป็นผล เหมือนกรงนี้ผนึกความสามารถบางอย่างด้วย ผมเรียกเคียวออกมาใช้ไม่ได้เลย ที่ใช้ได้มีเพียงความสามารถทางกายภาพเท่านั้น

   กรงนี้มีขนาดเล็กมาก เป็นกรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า นั่งได้อย่างเดียว ไม่ต้องคิดจะยืนเลย ขนาดจะนอนยังต้องขดตัวเป็นกุ้ง พื้นกรงก็เย็นเฉียบ หาความสบายไม่เจอ ดูยังไงมันก็กรงหมาชัดๆ

   ผมใช้ดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ในความมืด มองไปโดยรอบเพื่อหาทางหนีทีไล่ รู้สึกนอกจากตัวผมในกรงนี้แล้ว ยังมีกรงอื่นๆ วางซ้อนกันโดยรอบ บางตรงมีตัวอะไรสักอย่างอยู่ ถูกคลุมด้วยผ้าผมเลยเห็นไม่ถนัด บางกรงว่างเปล่าไม่มีอะไร ที่แน่ๆ บริเวณที่ผมอยู่ไม่มีวี่แววของพวกกล

   ประเด็นคือ ผมมาอยู่ในกรงนี้ได้ยังไง จำได้ว่าผมไปอาบน้ำกับกลที่น้ำตก เกิดเหตุการณ์...เอิ่ม...นั่นแหละ พออาบน้ำเสร็จกลับมานอนที่เต็นท์กับพวกไวไว

   นอนไปไม่เท่าไหร่ รู้สึกถึงกลิ่นหอมบางอย่าง กลส่งเสียงเรียก เขย่าตัวผมจนไส้แทบพลิกกลับด้าน ก่อนทุกอย่างจะเงียบลง พอรู้สึกตัวอีกที ผมก็มาอยู่ในกรงนี้แล้ว

   เรื่องสไตล์นี้ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเราโดนยาสลบแหงๆ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ มันน่าแปลกตรงที่ จุดที่เราอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเซฟโซน ผู้เล่นและมอนสเตอร์ไม่สามารถทำอันตรายต่อผู้เล่นคนอื่น ถ้าแบบนั้นคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้คงมีอยู่อย่างเดียว

   NPC หรือ ตัวละครชาวบ้านที่มีอยู่ในเกม แต่คนพวกนั้นจะทำร้ายพวกเราไปทำไม ในเมื่อระบบปกติ ตัวละครพวกนี้จะถูกควบคุมโดยพนักงานจากบริษัทเกม ให้ทำหน้าที่ของตัวเอง ห้ามทำร้ายผู้เล่นเด็ดขาด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

   “จับมาได้แค่สามตัวเองเหรอ มีคนบอกว่าเห็นสี่นี่หว่า พวกนายดูดีแล้วหรือยัง”

   “จะไปดูเองเลยไหมล่ะ พวกฉันเจอมาแค่นี้แหละ อย่าบ่นมากนักเลย รีบๆ ขนไปให้นายใหญ่ดีกว่า จะได้รับๆ เงินแล้วรีบชิ่งสักที งานนี้ข้าว่าไม่หมู ตอนนี้พวกมันยังหลับไม่มีพิษภัย เกิดตื่นขึ้นมาความซวยมาเยือนแน่”

   ผมอยากจะบอกเหลือเกิน ตูตื่นนานแล้วครับ ได้ยินครบถ้วนทุกประโยค ทุกคำพูดเลยล่ะ แสดงว่าพวกมันสะกดรอยตามพวกเรามาตั้งแต่แรก อาศัยจังหวะที่พวกเราเผลอจัดการพาตัวมาสินะ

   แค่สามเองเหรอ...อีกคนใครกันที่รอดไปได้?

   ความคิดผมเป็นอันสะดุด พวกมันยกกรงผมขึ้น ผมหมอบนอนนิ่งลอบมองออกไปรอบๆ ผ่านกรงแล้วกรงเล่า ในกรงเหล่านั้นมีพวกมอนสเตอร์กับสัตว์แปลกอยู่ ผมว่าเรื่องนี้มันชักจะแหม่งๆแล้วสิ ออกเกมเมื่อไหร่คงมีรายการแจ้งพี่วินแน่

   พ้นเขตกรงวางเกลื่อน มาเจอเข้ากับเต็นท์ตั้งกระจายอยู่ห้าหลัง ดูๆ ไป มันเหมือนกับการรวมตัวของคนสองกลุ่ม กลุ่มที่มีปลอกคอดูไม่มีความสุขเลยสักนิด ส่วนพวกที่ไม่มี ทำตัวอย่างกับทหารคุมนักโทษ

   ผมถูกพามาเต็นท์ใหญ่สุด กรงของผมถูกวางลงบนพื้นเต็นท์ที่ปูไปด้วยพรมขนสัตว์อย่างดี บ่งบอกตำแหน่งเจ้าของ ผมพยายามเพ่งจนลูกตาแทบหลุดออกมาเต้นแซมบ้า ก็ยังไม่เห็นหน้าใครในนี้นอกจากเท้าหนังมันเงาวับของผู้ที่นั่งอยู่บนแท่นนอน

   “มาส่งให้เรียบร้อยแล้วครับ” สองคนที่แบกกรงผมมาตลอดทางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ

   “ดีมาก ฉันจะมอบรางวัลให้พวกนายอย่างงาม ไปจัดการงานอื่นต่อซะ”

   “แต่นายใหญ่ หมอนี้เป็นแวมไพร์ มีอันตรายสูงมาก พวกผมเกรงว่านายใหญ่จะไม่ปลอดภัย”

   “เฮอะ! มันจะทำอะไรฉันได้ ในเมื่อฉันผู้ช่วยมือดี นักเวทที่แสนเก่งกาจอยู่ข้างกาย พวกนายรีบไสหัวออกไปซะก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

   “ครับ!”
   
   ปล่อยมันคุยกันไป ตอนนี้ผมใช้อาวุธไม่ได้ คงต้องพึ่งความสามารถติดตัว การใช้คลื่นความถี่เสียงในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินเพื่อติดต่อกับคนเผ่าสัตว์เหมือนกันอย่างกลกับไวไว

   ระหว่างที่กำลังอ้าปากส่งเสียงเพลินๆ ปล่อยให้เจ้านายใหญ่อะไรนั่นฝอยกับคนสนิทตัวเองไป เสียงกระแทกกรงดังสนั่นจนปวดหูจี๊ด ยิ่งเวลาใช้ทักษะการส่งคลื่นความถี่เสียง หูผมจะได้ยินมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ กรงเล็กอันน้อยนิด เคาะทีเสียงสะท้อนสะเทือนไปถึงไส้ติ่ง ผมกุมสองหูดีดดิ้นอยู่ในกรง ร้องงี๊ดง๊าดแบบค้างคาวเจ็บปวด

   “นั่นเจ้าทำอะไร! มันร้องใหญ่แล้ว”

   โอย เอาเลย โวยมันไปเยอะๆ หูผมปวดระบมจะแย่อยู่แล้ว ยังๆ ยังไม่หยุดเคาะอีก ตอนเด็กมีปมด้อย บ้านไม่ให้เคาะสังกะสีหรือไงห๊ะ

   “มันกำลังใช้เสียงบอกพวกพ้อง นายถอยไปก่อน ฉันจะทำการผนึกมันแล้วจะได้นำออกมาให้ดูเห็นชัดๆ ว่าจะใช้มันทำอะไรได้บ้าง”

   เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น ฟังยังไงก็เป็นเสียงผู้ชายท่าทางร้ายกาจ

   “ดีเหมือนกัน กลุ่มเรายังไม่เคยได้เผ่าแวมไพร์มาก่อน น่าจะมีประโยชน์พอดี” ผมพยายามแหงนหน้ามองจากมุมล่าง เห็นช่วงเท้าขึ้นไปจนถึงอก เพราะอีกฝ่ายอยู่ห่างพอสมควร

   แกรก

   เสียงกุญแจกรงถูกไขออก ผมหูผึ่ง สมองคิดเร็วจี๋หาวิธีเอาตัวรอด ถ้าพุ่งออกไปมีแต่จะโดนจับมัดแน่นหนาแน่ การหนีมันต้องมีชั้นเชิง ผมแสยะยิ้มกับตัวเอง รอคอยช่วงเวลาที่กรงถูกเปิดขึ้นจากทางด้านบนจนสุด แล้วขดตัวนอนอยู่แบบเดิม

   “นิ่งเชียว คิดจะทำอะไรอีก หืม เจ้าค้างคาวตัวจ้อย”

   แขนขาวซีดใต้เสื้อคลุมสีเทาหม่นยื่นเข้ามาในกรง ผมกลั้นใจนับถอยหลัง พอแขนข้างนั้นเลื่อนลงมาในระยะงับผม ผมจัดการอ้าปากกัดเข้าไปเต็มแขน ฝังเขี้ยวสูบเลือดแบบไม่เกรงใจ บอกแล้ว แม้ผมจะใช้อาวุธไม่ได้ แต่ความสามารถติดตัวยังคงอยู่ พ่อจะดูดให้แห้งเลย

   แหวะ เลือดไม่อร่อย สู้ของกลก็ไม่ได้

   “บัดซบ!” เสียงทุ้มนุ่มเปลี่ยนเป็นตวาดกร้าว ใช้คทายาวแบบพวกพ่อมดร้ายในมือฟาดหวดเข้ามา ก่อนไม้คทาจะถึงตัว ผมใช้มือจับยึดไว้ด้วยกำลังของแวมไพร์ เขาไม่กล้ากระชากแขนออกจากปากผม ก็ผมเล่นกัดซะจมเขี้ยว หากบ้ากระชากออกเนื้อเหนียวๆ นั่นคงได้ติดปากผมคำโตล่ะ

   นายใหย่ที่ว่าไม่กากอย่างที่คิด เขาลุกขึ้นถือขวานอันยักษ์ จากที่ขาวอยู่แล้วงานนี้ซีดกว่าเดิม รีบปล่อยแขนเหยื่อกระโดดหนีแทบไม่ทัน เสียงลมแหวกอากาศ ขวานใหญ่จามลงพื้นบ่งบอกความแรง ถ้าเกิดผมยังไม่หลบมีหวังกลายเป็นค้างคาวสองส่วน

   ทางนักเวทลมออกหู ตวาดเสียงดังพลางชูคทาขึ้น

   “อยากกัดนักใช่มั้ย ได้ อย่าขยับไปไหนแล้วกัน!”

   แท่งน้ำแข็งปลายแหลมพุ่งเข้าใส่ ผมกระโดดถอยหลังกางปีกเตรียมพุ่งออกจากเต็นท์ นักเวทกับเจ้านายใหญ่ไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ เจ้าท่องคถารัวเร็วสร้างตาข่ายกับโล่ขวางทางผม
   
   “โอ๊ย! เจ็บๆๆ”

   หัวกระแทกเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นเข้าอย่างจังจนหัวปูด ร้องโอดโอยได้ไม่เท่าไหร่ ต้องเรียกเคียวออกมากวัดแกว่งปัดป้องไม่ให้ตาข่ายนั่นเข้ามาถึงตัวได้ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เจ้ากรงนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเรียกอาวุธออกมาใช้ไม่ได้ หลุดจากกรง ถึงเวลาอาลาวาดของผมบ้าง

   “สมุนค้างคาวจงออกมา”

   ผมเรียกใช้ทักษะเอาค้างคาวออกมาป่วนทั่วเต็นท์ จนนักเวทเปิดช่องว่างให้ผมกางปีกบินพุ่งตัวเอาเคียวโจมตีใส่ เขาผงะถอย สลายเวทมนต์ที่คลุมเต็นท์ไว้ สร้างโล่ใสมาป้องกันตัวเองจากการโจมตี ผมอาศัยจังหวะนี้หมุนข้อต่อเคียวแยกออกเป็นสอง หมุนเป็นวงกลมรอบตัวตัดเสาเต็นท์ทั้งหมดแล้วจับเคียวสองมือฟัดหลังคาเต็นท์เปิดทางหนีออกไปด้านนอก

   บินเข้าไปหลบอยู่ในเงามืดของต้นไม้ที่อยู่โดยรอบ เมื่อมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีใครมากวนระหว่างใช้อุปกรณ์เสริม มือลูบต่างหูเพื่อไปหาใครอีกคน เวลานี้จะให้บินหาคงไม่ทันการ ต้องวาปลูกเดียว พอเจอกลที่เป็นกำลังสำคัญแล้ว ค่อยออกหาไวไวกับลินที่หลัง

     พลังไหลออกมาจากต่างหูเข้าครอบคลุมร่างอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่ปกคลุมจนหมด ร่างของผมเหมือนหลุดไปอยู่ในห้วงความว่างเปล่า พริบตาเดียวผมวาปมาโผล่อีกที่ ภาพเบื้องหน้าทำให้ผมอึ้ง

   กรงขังขนาดใหญ่ถูกตั้งอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางกองไฟที่รายล้อม ร่างสูงที่ผมคุ้นตาอยู่ในท่านั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นกรงเย็นเยือก ลำคอมีปลอกคอสีดำสนิทคล้องด้วยโซ่เส้นใหญ่ตรึงไว้กับพื้นกรง แขนทั้งสองข้างถูกล่ามด้วยโซ่แบบเดียวกันยึดไว้ที่มุมกรงด้านซ้ายและขวา ท่าทางสะบักสบอมเหมือนกับผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก

   “กล” ผมส่งเสียงเรียกเขาเบาๆ ให้พอได้ยินกันแค่สองคน สถานการณ์ตอนนี้เสียงดังไปมีแต่จะเรียกคนพวกนั้นมาจับ

   ใบหูสามเหลี่ยมกับขนยุ่งๆ กระดิกเล็กน้อย กลเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาคมเบิกกว้าง ส่งเสียงคำรามในคอท่าทางโมโหร้ายดูน่ากลัว

   “เสนอหน้ามาแล้วสินะ”

   เสียงโซ่กระทบกันดังก้อง ผมชะงักหันไปมองด้านหลังถึงได้รู้ว่าสิ่งที่กลคำรามใส่คืออะไร นักเวทหนุ่มกับนายใหญ่ของคณะละครสัตว์ เดินมาพร้อมลูกน้องมากมาย ล้อมผมกับกรงไว้จนไม่มีทางออก ด้านบนถูกกางด้วยข่ายเวทมนต์ ทำให้ผมไม่สามารถบินหนีขึ้นไปได้

   ยิ่งชายคนนั้นเข้าใกล้ผม กลยิ่งพยายามขัดขืนอย่างหนัก ผมกระชับเคียวในมือแน่น เตรียมสู้อีกรอบ นายใหญ่กับนักเวทนั่นเป็นผู้เล่นระดับสูงกว่าผม นอกนั้นระดับไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่จำนวนไม่ควรดูถูก เอาไงดีวะเนี่ย

   “หาทางนี้ไปเถอะ พวกนายไม่รอดหรอก” ชายตรงหน้ายกมือขึ้น ดีดนิ้วเสียงดังกังวาน พร้อมระบบแจ้งเตือนในหัว

   มนต์พรางตาคลายออก

   สัมผัสบางสิ่งที่ลำคอให้ผมก้มมอง ยกมือแตะอย่างไม่อยากเชื่อ ปลอกคอแบบเดียวกับกลอยู่บนลำคอของผม

   ผู้เล่นวัตโดนไอเท็มผนึกความสามารถ
   ชื่อ : ปลอกคอฝึกสัตว์
   คุณสมบัติ : หากสัตว์เลี้ยงขัดขืน เจ้าของสามารถลงโทษได้ด้วยกระแสไฟฟ้าผ่านทางปลอกคอ ผู้ที่ถอดปลอกคอออกได้มีเพียงเจ้าของเท่านั้น

   “กระแสไฟฟ้าคงจะไม่เป็นผลกับพวกแวมไพร์เท่าไหร่ พวกพ้องของนายแพ้พวกธาตุเงินกับพลังสว่าง ฉันเลยลองดัดแปลงนิดหน่อยเพื่อนายโดยเฉพาะ ทดลองดูหน่อยแล้วกันว่ามันได้ผลจริงรึเปล่า”

   เคียวในมือผมหายไปทันทีที่ปลอกคอนี้โผล่ออกมา ผมพยายามใช้เล็บฉีกปลอกคอให้ขาด มันไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย ฉับพลันความรู้สึกร้อนเหมือนถูกเหล็กนาบปรากฏขึ้นตรงลำคอ พลังธาตุแสงที่ผมไม่ถูกโรคสร้างความแสบร้อนไปทั้งตัว ถ้าหากระบบเกมไม่ลดความเจ็บที่ได้รับลมจนเหลือเพียงเล็กน้อยจากของจริง ผมคงจะเจ็บจนสลบไปแล้ว

   ในตอนนี้ผมได้ยินเพียงเสียงร้องเรียกของกล กับเสียงโหยหวนของตัวเอง แสบเป็นบ้า

   สักพักผมกลับมาหายใจหายคอได้อีกครั้ง ตามผิวยังรู้สึกแสบอยู่บ้าง อาศัยลมเย็นในตอนกลางคืนคอยช่วยบรรเทา

   “พวกนายต้องการอะไร เป็นผู้เล่นเหมือนกัน ทำไมต้องทำแบบนี้”

   ผมถาม จากสถานการณ์ทั้งหมด ผมพอเดาได้แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง คนพวกนี้มีนายใหญ่เป็นหัวหน้า มีนักเวทเป็นผู้ช่วย จับคนกับพวกมอนสเตอร์ใส่ปลอกคอเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคงหนีไม่พ้นให้ลงดัน หาของ ตีมอนสเตอร์มาให้

   “เพื่อผลประโยชน์ไงล่ะ ทำต้องไปรวมกลุ่มแบ่งของด้วย สู้ใช้เจ้าพวกนี้ไปหาของมาให้ยังง่ายซะกว่า”

   นายใหญ่เป็นคนตอบ ไม่ผิดจากที่คิด

   “แล้วพวกนายจับเรามาได้ยังไง ทั้งที่อยู่ในเขตเซฟโซน”

   ผมถามต่อถ่วงเวลาหาทางหนี หางตาเหลือบเห็นกลกำลังทำอะไรบางอย่าง ต้องคอยดึงความสนใจไว้

   “’ง่ายมาก ใช้พืชพิษที่มีอยู่ในเกม ปล่อยลมพัดกลิ่นเข้าเต็นท์พวกนาย”

   เผลอพยักหน้ารับตาม โอ้ว มันมีวิธีแบบนี้ด้วยแฮะ ไม่โจมตีโดยตรง แต่ใช้ของอยู่ด้านนอก อาศัยธรรมชาติภายในเกมเป็นตัวช่วย น่าเอาไปทำบ้าง

   “อย่ามัวแต่คุย รีบจัดการจับแวมไพร์นี่ดีกว่า เจ้าหมาป่านั่นปล่อยไว้ก่อน ตอนจับมาเล่นอาละวาดซะเราเสียคนไปเกือบสิบคน ไว้หาทางได้ค่อยจัดการอีกที”

   นักเวทเตือนนายใหญ่ที่มัวแต่คุยกับผม ประจวบเหมาะกับเสียงแกรกด้านหลัง รอยยิ้มปรากฎขึ้น ผมก้มหัวลงหมอบกับพื้น

   “จับมันเร็วเข้า!!”

   นักเวทตะโกนพร้อมกับกรงที่ถูกเปิดออก กลยืนขยับข้อมือกางเล็บน่ากลัว คิ้วเข้มขมวดไม่สบอารมณ์ ใครวิ่งเข้ามาใกล้พ่อซัดแหลกจนปลิวไปคนละทิศละทาง นักเวทคิดจะใช้ปลอกคอหยุดกล แต่ขอโทษ ดูเหมือนว่าหมาป่าของเราจะเลเวลสูงกว่า แค่ใช้เล็บกรีด ปลอกคอนั่นรวงตุบกองอยู่บนพื้น

   “เอาของฉันออกด้วย”

   ผมรีบชี้ๆ ที่คอตัวเอง อยากจะเอาคืนเต็มแก่ กลไม่ขัดศรัทธาช่วยปลดปล่อยผมจากพันธนาการ ทันทีที่ปลอกคอถูกทำลาย ผมเรียกเคียวมาใช้ ตวัดฟาดคนที่คิดจะเข้ามาใกล้ พร้อมเรียกลูกสมุนแวมไพร์ เกิดฝูงค้างคาวนับร้อยตัวพุ่งเข้าใส่คนพวกนั้น ดูเหมือนจะน่ากลัว แต่พลังโจมตีน้อยนิด ใช้ป่วนได้อย่างเดียว ผมคว้าแขนกล วิ่งหลบเข้าไปในป่า เร้นกายกับความมืด

   กว่าพวกมันจะรู้ตัว ผมกับกลรอดออกมาแล้ว เทียบกับพวกอาชีพโรรมดาทั่วไปพวกนั้น จะมาสู้สัตว์ป่าในตอนกลางคืนได้ยังไง
   
   “นายจะไปไหน”

   กลดึงชายเสื้อผม ระหว่างกำลังย่องไปทางตรงกันข้ามกับเต็นท์ มีฉากหลังเป็นพวกนิสัยเสียตามหาเราให้วุ่น

   “ทำให้มันวอดวายกว่านี้ไง”

   เสียงหัวเราะของผมคงสยดสยองมาก กลถึงกับปล่อยมือจากชายเสื้อถอยห่างไปหนึ่งเมตร ผมยังคงหัวเราะต่อไป เป้าหมายของผมไม่ใช่ไวไวหรือลิน มันคือจุดแรกที่ผมฟื้นขึ้นมา เบื้องหน้าคือ...

   กรงขังสัตว์!

   “กล นายออกจากกรงมาได้ยังไง”

   ผมถามพลางลูบคางมองสำรวจเหล่าสัตว์และมอนสเตอร์

   “ฉันในร่างหมาป่าเสี่ยงโดนจับขัง เลยเรียนสกิลสะเดาะกุญแจของสายโจรไว้” กลตอบ ดวงตาสีเข้มหรี่มองผม

   “ถ้างั้นนายช่วยปล่อยพวกตัวร้ายๆ ในกรงที”

   กลตาโต ยกยิ้มมุมปาก เขาฉลาดเลยเข้าใจสิ่งที่ผมคิดได้อย่างรวดเร็ว หากปล่อยเจ้าพวกสัตว์ร้ายออกมา คนพวกนั้นจะหัวหมุนเปิดโอกาสให้เราออกตามหาไวไวกับลินและหลบหนีออกจากที่นี่ได้ง่ายขึ้น ไม่สิ ยังมีอีกที่ ที่ผมต้องไป

   หลังปล่อยมอนสเตอร์กับสัตว์ตัวใหญ่เสร็จ เราสองคนรับเผ่นไปทางเต็นท์ที่พัก กลุ่มคนโดนใส่ปลอกคอ ถูกสั่งห้ามให้อยู่ภายในนั้น ผมใช้เล็บกรีดเต็นท์ แอบย่องเข้าไป คนพวกนั้นมองผมเป็นตาเดียว

   “ขอถามสั้นๆ ใครมีอาวุธจัดการเจ้าปลอกคอได้บ้าง”

   ผมชี้ไปที่ปลอกคอของชายคนหนึ่ง ในเต็นท์นี้มีทั้งหมดสิบคน ผู้ชายทั้งหมด สองสามคนยกมือ ผมพยักหน้าให้กลช่วยปลดปลอกคอคนพวกนั้น

   “ช่วยคนอื่น และออกไปจากที่นี่”

   ผมผละออกมาเลิกสนใจคนพวกนั้น ถือว่าผมช่วยแล้ว จะจัดการกันยังไงเรื่องของพวกเขา ที่สำคัญ ผมกวาดตาดูไม่มีไวไวอยู่ในกลุ่มนั้น แสดงว่ามันต้องหนีไปแล้วแหงๆ น่าจะวนเวียนอยู่ไม่ไกล ต่อไปอีกเต็นท์ มีผู้หญิงทั้งหมดเจ็ดคน เต็นท์นี้ลำบากหน่อย เพราะพวกเธอไม่มีใครมีอาวุธหรือสกิลทำลายปลอกคอได้ กลเลยต้องปลดให้ทั้งหมด เช่นเคย ลินไม่ได้อยู่กลุ่มนี้

   “ฉันเปิดทางหลังเต็นท์เอาไว้แล้ว พวกเธอหนีเข้าป่าไปทางนั้น พยายามใช้สกิลพลางตัวให้มากที่สุด”

   ผมแนะนำ ทุกคนพยักหน้ารับ มองเราด้วยสายตาทราบซึ้ง ผมโบกมือด้วยรอยยิ้มปานพ่อพระ

   “ของตอบแทนผมไม่ต้องการ แต่ช่วยตอบคำถามหน่อย ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่”

   ผู้หญิงที่ดูจะรู้มากที่สุดเป็นคนบอกผม

   “พวกมันบอกจะช่วยเราทำภารกิจ แต่ต้องทำสัญญา พวกเราเข้าใจว่าเป็นการจ้าง ไม่คิดเลยว่าพอยอมทำจะกลายมาเป็นขี้ข้าให้มัน”

   เธอเป็นนักต่อสู้ระยะประชิด มือเล็กกำหมันแน่นชกพื้นจนเป็นรู ผมถอยหลัง ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวเป็นบ้า

   “ทำไมไม่แจ้งจีเอ็มล่ะ”

   อ้าว ผมถามอะไรผิด เธอตวัดตาใส่

   “คงจะแจ้งแล้ว แต่ไม่มีใครมาช่วย ฉันขอบอกไว้เลยว่า พวกนั้นไม่ได้ทำผิดกฎของเกมแม้แต่กฎเดียว เพียงแค่ใช้ช่องว่างในการระรานคนอื่น บริษัทเกมเลยไม่สามารถทำอะไรได้ในทันที จนกว่าจะรวบรวมหลักฐานครบ”

   หมาป่าหนุ่มที่เงียบทำตามผมอย่างว่าง่ายมาตลอด เพิ่งเปิดปากพูดอธิบายประโยคยาวๆ สาวนักสู้เหมือนยังไม่ค่อยพอใจกับคำตอบเท่าไหร่ กลปรายตามอง พูดอีกประโยค

   “ทำไมไม่เลิกเล่นเกม ลบตัวทิ้งไปซะล่ะ”

   เฮ้ย นายกล นายหาเรื่องให้เกมพี่ชายผมเสียลูกค้าแล้วนะ สาวคนนั้นสบัดหน้าหนี

   “ใครจะไปยอมเลิกเล่นง่ายๆ เครื่องเล่นราคาไม่ใช่ถูกๆ ที่สำคัญฉันซื้อของเกมนี้ไปตั้งเยอะ”

   “หมายความว่า ทุกคนยังกลับมาเล่นเกม เพราะคิดว่าสักวันจีเอ็มจะจัดการเรื่องให้สินะ”

   ทุกคนเงียบ ผมถือคติว่า ความเงียบคือคำตอบ

   “เชื่อฉัน อีกไม่นานพวกนั้นโดนจัดการหมดแน่” น้องชายผู้สร้างเกมอยู่ตรงนี้ทั้งคน อีกอย่าง ผมมั่นใจว่าพวกพี่วินไม่ปล่อยให้พวกนั้นลอยนวลนานนักหรอก

   “ขอให้มันจริง!” อูยย โดนสาวกระแทกเสียงใส่

   “คำถามสุดท้าย พวกเธอเห็นผู้หญิงที่เป็นนักเวท ทำตัวอย่างกับแม่มดบ้างมั้ย”

   สาวๆ มองหน้ากัน นักบวชเป็นคนยกมือตอบ

   “พวกฉันไม่เห็นเลยค่ะ เธอเป็นพวกของคุณเหรอคะ”

   ผมพยักหน้ารับ กลหันมามองพร้อมกับเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังวิ่งมาทางนี้ ได้ยินเสียงเอะอะว่ามีคนหลบหนี ชิ รู้ตัวไวชะมัด

   “พวกเธอรีบหนีไปเร็วเข้า เราจะต้านเอาไว้เอง”

   ไม่น่ามัวแต่คุยเล้ย ผมเร่งให้พวกเธอออกไปจากเต็นท์ แล้วซุ่มอยู่คนละด้านตรงทางเข้า พอหลุดเข้ามาคนหนึ่งผมกับกลช่วยกันรุมอัด โชคดีหน่อย มันวิ่งมาแค่สาม อาศัยเลเวลกลที่โหดกว่า กับพิษที่ผมเก็บไว้ตอนล่ามอนสเตอร์ทำให้พวกมันชักดิ้นชักงออยู่ในเต็นท์โดยไม่มีใครรู้

   เราย่องออกมาเงียบๆ ออกตามหาไวไวกับลินต่อไป ด้านนอกกำลังวุ่นวายเต็มที่ ทั้งมอนสเตอร์ และคนที่พวกเราปล่อยออกมา หลายคนไม่หนีคิดแก้แค้นเข้าไปตีกันเละ เรียกได้ว่าเป็นสงครามขนาดย่อม ผมมองภาพนั้นด้วยความสะใจอย่างยิ่ง เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับวัต มันต้องเจอกับความพินาศ   

   จู่ๆ ผมโดนฉุดลากผมออกมาจากบริเวณนั้น ผมหันกลับ คิดว่างานนี้ถูกจับได้คงมีรายการซัดกันสักตั้ง นึกเคืองกลนิดๆ ทำไมไม่เตือนกันเลยฟะ ผมตวัดแขนไปทางด้านหลังไปโดนอะไรบางอย่างเข้า มันเหมือนกับ

   หูกระต่าย?

   “มือเท้าไวไม่เปลี่ยน”

   “ไอ้ไวไว! หายหัวไปไหนมาวะ” มันรีบใช้มือปิดปากผม แล้วพากันไปหลบอยู่ในเต็นท์เก็บของใกล้ๆ

   ไวไวปัดป้องการอาละวาดของผม หลบไปหลบมาจนถูกผมคว้ารวบหูทั้งสองข้างของมันได้ มันร้องโอดโอยใหญ่

   “อย่ามัวแต่เล่น”

   กลเตือนเสียงเข้ม ผมจำต้องละมือออกจากหูไวไวมัน
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-04-2015 06:12:24
เห แลดูเครียดจังเลย
รอตอนต่อไปน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 16-04-2015 09:35:34
 :laugh: สมนะหน้าไอพี่วิน  รู้ว่าระบบถูกแฮก รู้ว่ามีคนโดนจับเป็นเหยื่อ แต่ก็ยังไม่เข้าไปช่วย มัวแต่อยากได้ข้อมูล
พอรู้ว่าเป็นน้องตัวเอง  ทีนี้นั่งเก้าอี้ไม่ติดเลย  :m14:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 16-04-2015 10:04:12
อ่าฮะ
คนเขียนยังไม่ตอบคำถามที่ว่า
พวกที่แฮกข้อมูลทำอะ มันไม่คิดหน่อยหรอว่าถ้าจับตัวผู้เล่นแบบนั้นคงโดนหนัก แถมยังถูกจับผิดได้ง่ายๆด้วยซ้ำ
ถ้าสามารถ ลงทุนแฮกข้อมูล จ้างผู้เล่นได้ขนาดนั้น ทำไมไม่จ้างต่อไป ไม่เห็นต้องจับตัวผู้เล่นอื่นเลย
เสียเวลา ลงมือทำตามแผนเลยก็น่าจะได้ด้วยซ้ำ
ถ้าจ้างคนมา ก็จ้างแฮก ให้ทีมตัวเองเก่งๆ แบบสูตรโกงเกมไง
จัดการง่ายกว่ามาจับผู้เล่นเยอะเลย ไอ้คนพวกนี้คิดจะทำการใหญ่ แต่ไม่รอบคอบจริงๆ
แบบนี้มันก็มีแต่เจ้งกับเจ้งอะดิ
โจรโง่
 :m16:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 16-04-2015 10:06:25
แลดูเครียด...ก็น่าเครียดแหละ

นี่ถ้าฟ้องรวยเละเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 16-04-2015 12:04:58
Lv.10 Game Master

   กลปลดปลอกคอให้ไวไว เรานั่งสุมหัวกันสามคนรายล้อมไปตัวของมากมาย มีบางชิ้นน่าสนใจ แอบหยิบใส่กระเป๋า พอกลกับไวไวมอง ผมยิ้มหน้าซื่อใส่ ก็นะ พวกเราโดนจับมาทำร้ายร่างกายแบบนี้ มันต้องมีค่าทำขวัญกันหน่อย หยิบสักชิ้นสองชิ้นไม่เป็นไรหรอกหน่า พอผมอธิบายแบบนี้ ไวไวจัดการโกยของที่คิดว่ามีราคาเข้ากระเป๋าจนเต็มทุกช่องหนักกว่าผมอีก กลส่ายหัวอย่างกับไม่เอาด้วย แต่ดันหยิบของดีมาให้ผมตลอด มันต้องแบบนี้สิ ถึงจะอยู่ด้วยกันได้   

   “ดูเหมือนว่าคนที่รอดไปจะเป็นลินนะ เอาไงดี”

   ไวไวถามพลางส่องไม้เท้าคุณสมบัติดีเยี่ยม

   “ลินน่าจะยังอยู่ในบริเวณนี้ เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ต้องรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนทำ ถ้าออกไปหาน่าจะเจอได้ไม่ยาก”

   ทั้งสองคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดผม

   “ไปกันเถอะ”

   สามคนลุกขึ้นอย่างหล่อ เดินจากกองขยะไป ส่วนของมีค่าราคาแพงโนพวกเราริบไว้หมดแล้ว คิดอีกที ดีเหมือนกันนะที่โดนจับมา ได้ของมาขายฟรีๆ หึหึ

   ผมชะโงกหน้าออกจากเต็นท์ มองซ้ายมองขวา สงครามเกิดขึ้นจากสามฝ่าย ฝ่ายแรกเป็นพวกนายใหญ่ ส่วนที่สองคือคนที่ถูกจับ และส่วนที่สาม เหล่ามอนสเตอร์ดุร้าย ผมไวไวหันไปมองกลอย่างมีความหวัง กลมองหน้าพวกเรา แวบแรกยังสงสัย พอเราโฟกัสที่จมูกอีกฝ่าย ผมได้ยินเสียงสบถจากกลล่ะ

   “ตามมา”

   เสียงรอดไรฟันพูดพลางย่องนำพวกเราไป ฮา ดีจริงที่กลุ่มเรามีเผ่าหมาป่า กรณีของไวไว มันเสนอหน้ามาหาเอง แต่ของลินคงต้องพึ่งความสามารถของกล ตลอดทางผมแวะป่วนคนนู่นคนนี้เท่าที่มีโอกาส รายหนึ่งกำลังตีกับพวกผู้เล่นนิสัยเสีย ผมแอบขว้างหินใส่เขาจากทางด้านหลัง เจ้าตัวคิดว่าอีกฝ่ายเล่นลอบกัด ที่นี่ตีกันหนักกว่าเดิม ช่างน่ารื่นรมณ์ยิ่งนัก

   ความวินาจขนาดนี้ เราเดินทางกันอย่างสงบได้ไม่นาน มีหนึ่งในคนของนายใหญ่สังเกตเห็นพวกเรา เขาชี้มือมาทางนี้ แจ้งบอกคนอื่นๆ ไม่ถึงนาที หัวหน้าใหญ่พร้อมนักเวทคู่กายมาปรากฎอยู่เบื้องหน้า

   “ทำไว้แสบนักนะ ฆ่าพวกมัน สั่งคนไปรอจุดเกิดที่เมือง ฆ่ามันจนกว่าจะลบตัว!!”

   นายใหญ่โมโหควันออกหู กัดฟันกรอดสั่งลูกน้องให้มารุมพวกผม ผมแยกเขี้ยวใส่ คนที่เข้ามาใกล้ผงะถอย ไวไวควงไม้เท้าที่ได้มาใหม่ ซัดใส่พวกนั้นแบบไม่เกรงใจ กลหยิบกรงเล็บออกมาใช้ ของผมเป็นเคียว

   ต่อให้กลเก่งแค่ไหน ถูกคนเลเวลสูงสองคน กับพวกลูกจ๊อบอีกนับสิบรุม เรามีแค่สามเห็นทีจะรอดยาก ยิ่งเวทสารพัดบทที่นักเวทสาดใส่ ผมตวัดเคียวกระโดด บินฟันคนนั่นคนนี้มาเพิ่มเลือดให้กลกับไวไวจนแขนแทบพันกัน

   “ไอ้แวมไพร์นั่นมันมีสกิลเพิ่มเลือด จัดการมันก่อน”

   นักเวทพูดเสียงเย็น ความซวยมาเยือน ผมรีบกระโดดหลบสกิลหลังคนของมันคนหนึ่ง แล้วบินหนีไปอีกทาง โธ่เว้ย พวกมอนสเตอร์ที่ผมอุตส่าห์ปล่อยออกมาดันถูกพวกมันจัดการเรียบไปแล้ว พวกคนที่โดนขังติดพันการต่อสู้ของตัวเอง มีธนูดอกหนึ่งเฉียวปีกผมไป ขนาดแค่เฉียว ปีกผมยังแหว่งไปหน่อยนึง ชิบหาย มันเริ่มเล่นธาตุเงิน

   “งานนี้แย่มาก แย่สุดๆ เอาไงดีพวกเรา”

   ผมกระโดดหลบหลังกลกับไวไวคอยเพิ่มเลือดให้ทั้งคู่ไปด้วย ระหว่างทั้งสองช่วยปัดป้องการจอมตี ไวไวเลเวลไม่ต่างจากผม เริ่มสะบักสบอมเต็มกำลัง

   “คงต้องหนีก่อน เดี๋ยวนะ เกมนี้มันมีระบบคุยปาร์ตี้ไหม”

   กระต่ายโจ๊กเกอร์หันมาถาม ผมอ้าปากค้าง กลยังมองตาปริบๆ

   “เหอะๆ มีจริงๆ ด้วย แล้วไมลินไม่ทักหาเราหว่า”

   “นายปิดระบบติดต่ออยู่” กลพูดเสียงเรียบ อย่ามาเก๊กหล่อ นายเองก็ลืมเหมือนกันแหละ ผมรีบเรียกหน้าต่างปาร์ตี้ขึ้นมาระหว่างเราถอยร่นไปทางแนวป่า กด On ระบบติดต่อปาร์ตี้ เสียงแหลมส่งตรงถึงสมอง เพราะการติดต่อแบบระยะไกลคือการสื่อทางจิต

   “พวกนายมัวทำบ้าอะไรกันอยู่ห๊า!!”

   “โอ๊ยๆ เบาๆ”

   ไวไวลู่หูไปด้านหลัง ท่าจะปวดหูมากกับเสียงสูงปรี๊ด เดี๋ยวนะ ตะกี้ผมได้ยินเหมือนเสียงซ้อนกัน หันไปด้านหลัง นักเวทสายพร้อมทหารโครงกระดูกห้าตัวยืนทมึน ในมือถือลูกไฟสีดำ ขว้างข้ามหัวพวกเราใส่นักเวทจนรายนั้นชะงักการร่ายไป

   “ไอ้พวกผู้ชายไม่ได้เรื่อง ต้องลำบากให้ฉันออกมาหาเอง”

   ลินถลกกระโปรงเดินดุ่มๆ มาแทรกระหว่างพวกเรา นายใหญ่มองสาวเจ้าชะงักการโจมตี ตะโกนสั่งดังลั่น

   “ทุกคนหยุดมือ ห้ามทำร้ายผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด”

   อย่าว่าแต่ลูกน้องงงเลย ขนาดพวกผมยังงง เหมือนผมเห็นตาของนายใหญ่เป็นรูปหัวใจ นักเวทกำลังปะทะกับลินหันไปด่าเพื่อนตัวเอง

   “สั่งหยุดทำไม อีกนิดเดียวจะจัดการพวกมันได้อยู่แล้ว”

   “ไม่ได้ คนสวย เลิกไปกับพวกนั้นมาหาพี่ดีกว่า พี่มีเงินตั้งเยอะ ถ้าคนสวยอยากได้อะไรจะหามาให้ทุกอย่าง”

   ลินยิ้มหวานหยดย้อย ขนาดพวกเดียวกันเองยังตกใจ คิดว่าเห็นผี ฝั่งนั่นยังไม่รู้ฤทธิ์เจ้าแม่ดี พากันเคลิ้มหมด

   “ขอบคุณนะ นายมีทุกอย่างจริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่นายไม่มี”

   “บอกมาสิ พี่จะได้สั่งคนหามาให้เดี๋ยวนี้”

   ความหวานของรอยยิ้มเพิ่มอีกหลายระดับ ผมมองหน้าไวไวกับกล เตรียมใส่เกียร์หมาเผ่น

   “หน้าตาไง!! ไอหน้าประดุกชนเขื่อน หล่อให้ได้ขี้เล็บพวกนี้ก่อนค่อยมาพูด”

   คทาหัวกะโหลกของสาวเจ้าชี้มาทางพวกผมสะดุ้งโหยงกันเป็นแถว

   “หล่อจริงๆ ว่ะ ทีแรกไม่ทันสังเกต” พวกนั่นเริ่มซุบซิบกัน ทางนักเวทยิ้มพอใจ ในขณะที่นายใหญ่แผ่ออร่าน่ากลัว แขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำขวานใหญ่เส้นเลือดปูด ผมกลืนน้ำลายอึก บางทีลินไม่โผล่มาเราอาจยังมีทางรอดมากกว่า

   “ไม่ต้องกลัว พยายามต้านพวกมันไว้ ระหว่างหาพวกนายฉันเห็นคนสองคนแวบๆ น่าจะเป็นจีเอ็ม พวกเขาต้องโผล่มาช่วยแน่”

   ลินกระซิบบอกผม GM หรือ Game Master เป็นตำแหน่งของผู้ดูแลเกม จะบอกว่าแผนกพี่วินเป็นจีเอ็มก็ไม่ผิดนัก ฟังดูเหมือนเท่ก็จริง แต่มันไม่ต่างจากกรรมกรแผนกไอทีดีๆ นี่เอง นอกจากต้องดูแลระบบภายในเกมแล้ว ยังต้องคอยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย คอยควบคุมผู้เล่นไม่ให้ทำผิดกฎจนคนอื่นเดือดร้อน อารมณ์คงประมาณตำรวจของเกม

   “ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว แพ้แค่ตาย ลุยมันสักตั้ง”

   ไวไวฮึด งัดอาวุธของตัวเองออกมาใช้ กลเพียงแค่ถอดหายใจตั้งท่าสู้ไม่คิดหนี ผมเป็นผู้เล่นแนวหลัง อาศัยพิเศษทางร่างกายในการหลบหนีตวัดเคียวฟันคนอื่น มันสร้างดาเมจไม่ได้มาก แต่คนพวกนั้นล้วนติดพิษจนเลือดลดลงไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นใช้เลือดที่สะสมในเคียวมาฟื้นฟูให้ทุกคนในทีม

   ใช่ว่ามีแต่เราที่เพิ่มเลือดได้ เจ้านักเวทเปลี่ยนตัวเองเป็นหน่วยฟื้นฟูชั่วคราว เพิ่มพละกำลังรักษาคนของตัวเอง

   ไวไวเท้าหนักมากสมเป็นกระต่ายที่ต้องใช้กำลังขาในการกระโดด แต่ละจุดที่เตะกระทืบ พื้นเป็นหลุม ต้นไม้หักโค่น ถีบคนปลิว กลฆ่าไปได้สองสามคน ลินคอยใช้เวทสับสนุนจากทางด้านหลัง พร้อมเรียกทหารโครงกระดูกออกมาไม่ขาดหลังชุดแรกตายไป

   เราเริ่มเหนื่อย ร่างกายล้าเต็มทน สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นทุกที คิดว่าคงจะตายในอีกไม่ช้า

   ผมคิดจะดับเครื่องชนสู้กันให้ตายไปข้าง ฉับพลันมีชายสองคนกระโดดลงมายืนกลางวง คนด้านซ้ายผมรู้จัก แต่คนด้านขวาผมไม่เคยเห็นมากก่อน

   คนแรกมีเรือนผมยาวสีขาวอมฟ้า มีเขาเหมือนปะการังสีอความรีนงอกยาวไปด้านหลัง ใบหน้ายิ้มแย้มขี้เล่น มือถือทวนน้ำงามวิจิตร หูถูกแทนด้วยครีบปลา อีกคนชายร่างสูงใหญ่เรือผมสีแดงสั้น มีเขาเหมือนมังกรสีแดงเข้ม ใบหน้าดุดัน มือถือดาบเล่มใหญ่เปลวไฟเต้นระริกอยู่โดยรอบ ทั้งคู่สวมเครื่องแบบสีขาวมีตราของบริษัทเกมกับคำย่อภาษาอังกฤษสองคำตรงอก

   GM…

   “สวัสดีท่านทั้งหลาย ผมเกมมาสเตอร์วาโยออกโรงแล้วจ้า”

   อุตส่าห์โผล่มาอย่างเท่ดันโพสท่าสาวน้อยเวทมนต์ ผมแทบหัวทิ่ม เหอะๆ ก็เหมาะกับนิสัยพี่วาโยเขาล่ะนะ
   
   “อย่ามัวแต่เล่น หัวหน้าสั่งให้ทำงาน” ชายอีกคนเอ่ยเตือน พี่วาโยชี้ทวนมาทางฝั่งพวกนายใหญ่

   “พวกนายระรานผู้เล่นคนอื่น เราขอลงโทษตามกฎ” น้ำเสียงขี้เล่นเปลี่ยนมาจริงจัง ดวงตาวาววับ

   “พวกฉันไม่ได้ทำผิดกฎอะไร อีกอย่าง นายมีหลักฐานเหรอ เราต่างหากที่ถูกระราน!” นายใหญ่ดูใจเย็น ผายมือออกให้เห็นความเละรอบตัว ฝีมือใครก็ไม่รู้ แย่จริง

   “ทางเราได้บันทึกภาพการกระทำทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว รวมถึงข้อมูลที่ผู้เสียหายแจ้งเข้ามาด้วย หากไม่ยอมออฟไลน์ออกเพื่อรับโทษแต่โดยดี ทางเราจะใช้กำลังบังคับ”

   ชายผมแดงกล่าวดุดัน นายใหญ่คิ้วกระตุก นักเวทหนุ่มส่ายหัว

   “ยอมไปก่อน ไว้เราค่อยไปฟ้องบริษัทเกมที่หลัง ว่าพวกผู้ดูแลเกม รังแกผู้เล่นธรรมดา”

   สายตาเยาะเย้ยไม่ทำให้สองจีเอ็มสะท้าน

   “คี ฉันลุยเลยนะ ในเมื่อพวกมันพูดไม่รู้เรื่อง เอาล่ะ ใครไม่อยากโดนลูกหลงหล่นไป อ่อ ใครคิดจะวาปหนีอย่านึกว่าจะรอด ทันทีที่พวกนายออกจากเกม จะถูกแบนไอดีเป็นเวลาสามเดือน ลดเลเวลสิบระดับ หากกลับมาทำซ้ำอีก จะถูกแบนไอดีถาวร”

   พี่โยเดินถือทวนชี้ลงพื้น ย่างสามขุมไปหาคนพวกนั้น ปาร์ตี้ผมไม่คิดขัดเรื่องสนุกที่เกิดขึ้นตรงหน้า ต่างหาที่นั่งรอชมฉากเด็ด การทำงานของจีเอ็มใช่ว่าจะเจอกันง่ายๆ นะ

   มีคนหนึ่งใจกล้าวิ่งเข้าใส่ แค่ทวนแกว่งรอบเดียว ผู้เล่นหายกลายเป็นแสงไปสามคนรวด นายใหญ่ชี้หน้าเต้นผางๆ

   “โกง! แบบนี้มันโกงกันชัดๆ เอาเปรียบผู้เล่น!!”
   
   “คนที่ใช้ประโยชน์จากคนอื่นยังมีหน้ามาพูดอีกนะ โกงแล้วไง ถ้าไม่โกงจะจัดการพวกนายได้เหรอ”

   อุบ๊ะ พี่โยเชิดหน้า ไปรับคำตรงๆ แบบนั้นจะดีเรอะ ระหว่างพี่โยจัดการลงโทษพวกทำผิดที่ยังดื้อด้านไม่ออฟไลน์ออกจากเกม พี่ชายหัวแดงหันมาทางผู้เสียดายทั้งหลายที่กำลังยืนชมเรื่องสนุกไม่ต่างจากผม

   “ทางบริษัทเกมต้องขออภัยด้วยที่ล่าช้า เราจะส่งของปลอบใจไปให้ หลังจากพวกคุณเข้าเกมครั้งหน้า ไอเท็มจะอยู่ในกระเป๋าทุกคน ขอบคุณที่ให้ความเชื่อใจเรานะครับ”

   เขาพูดอย่างสุภาพ พลางก้มหัวน้อยๆ รวมกับอาวุธในมือและออร่าที่แผ่รอบตัว จะยังมีผู้เล่นคนไหนอีกที่กล้าไม่พอใจ

   “จะยอมง่ายๆ ได้ไง ลงโทษพวกมันแค่นิดเดียว แถมฉันแจงไปตั้งนานจนป่านี้เพิ่งลงมือ เรียกหัวหน้าพวกนายมาคุยกับเราเดี๋ยวนี้!”

   ผมหันขวับไปทางต้นเสียง สาวนักสู้เจ้าเก่ารายเดิม ยังไม่ออกไปอีกเรอะ! ดูดีๆ ผู้หญิงทุกคนยังอยู่ครบเลยนี่หว่า

   “ต้องขออภัยด้วย หัวหน้าของพวกเรากำลังติดภารกิจ ไม่สามารถชี้แจงกับพวกคุณได้ครับ”

   ชายผมแดงตอบอย่างใจเย็นผิดรูปร่างหน้าตา เสียงโหยหวนของผู้เล่นนิสัยเสียดังเป็นระยะ หลังจัดการพวกนั้นเสร็จพี่โยกอดทวนเรียกหน้าต่างจิ้มอะไรสองสามจึก แล้วหน้าต่างบานใหญ่ปรากฎขึ้นมาต่อหน้าพวกเราทุกคน ผมว่าชายที่กำลังจิบกาแฟนั่น หน้าตาคุ้นๆ นะ

   “ทำงานเสร็จแล้วรึไงถึงทักมา”

   เสียงทุ้มติดรำคาญพูดทั้งที่ยังไม่หันหน้ามองจอ แต่สาวๆ ตาโตเท่าไข่ห่าน ไม่ดิ ขนาดพวกผู้เล่นชายยังพยายามเพ่งสุดชีวิต นี่มันเกิดอะไรขึ้น

   “พอดีมีผู้เล่นบางคนไม่พอใจที่เราทำงานช้าน่ะหัวหน้า”

   พอใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรหันมา ผมได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ จากพวกผู้หญิง

   เรือนผมสีทองอ่อน ดวงตาสีทองจ้องผ่านจอ ผมรีบมุดหลบหลังไวไว ใครใช้ให้ผมถอดพิมพ์พ่อมาเหมือนพี่ล่ะ ต่างกันแค่ดวงตา อันนี้ผมได้แม่มา

   “ใครไม่พอใจ?” แค่ชายหน้าจอเลิกคิ้วกราดตามองทุกคน ไม่มีใครปริปากแม้แต่คนเดียว เว้นพี่โยไว้คน

   “สาวๆ กลุ่มนั้น”

   เป้าหมายสะดุ้ง พอพี่วินแจกรอยยิ้มบางๆ สาวทุกคนคล้ายจะละลายไปกองบนพื้น ขนาดผู้ชายบางคนยังหน้าขึ้นสี เฮ้ยๆ พี่ผมเป็นผู้ชาย พวกนายห้ามคิดอะไรแย่ๆ

   “ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้านะครับ พวกผมทำเต็มที่แล้ว เพราะพวกเขาไม่ทำผิดกฎอย่างโจ่งแจ้ง ทางเราเลยไม่สามารถจัดการได้ทันที ต้องรวบรวมหลักฐานก่อน หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ ผมจะส่งมอบของขวัญให้ทุกคนด้วยตัวเอง”

   “ค่ะ พวกเราไม่มีปัญหาแล้ว”

   สาวนักสู้เสียงอ่อนเสียงหวาน

   “เช่นนั้น ทางเราจะส่งทุกคนกลับเมืองนะครับ”

   ทุกคนพยักหน้ารับเหมือนโดนสะกดจิต แล้วความเงียบสงบกลับมาเยือนอีกครั้ง รึเปล่า...

   “นายเป็นน้องของผู้สร้างเกม!”

   ลินชี้มือสั่นๆ มาทางผม งานเข้า มัวแต่หลบคนพวกนั้น ลืมคนข้างตัว จอพี่วินถูกย่อลงให้พอเห็นกันทุกคน ดวงตาสีเทาจ้องใส่พี่โย ปากออกคำสั่งพี่ผมแดง

   “อัคคี เก็บกวาดที่นั่นให้เรียบร้อยแล้วกลับมาทำงาน ส่วนพวกคุณ พรุ่งนี้ผมขอเชิญมาบริษัทด้วยนะครับ”

   กลุ่มปาร์ตี้ผมพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง เจอเรื่องมามากมายหมดอารมณ์จะเล่นต่อ แต่ละคนออฟไลน์ เว้นผมกับสองพี่จีเอ็ม

   “ทำไมพี่ต้องเรียกเพื่อนผมไปบริษัทด้วยอะ เรื่องเราเป็นพี่น้องกัน ใช่จะเป็นความลับซะเมื่อไหร่”

   “ไม่ใช่แค่เพื่อน เราต้องมาด้วย พี่มีเรื่องจะคุย ส่วนพวกนั้นแค่อยากเรียกมาดูตัวนิดหน่อย”

   ผมคิ้วขมวด

   “ผมอายุยี่สิบแล้วนะพี่ ไม่ใช่เด็ก พี่ไม่อย่าใช้เส้นสายมาแสกนเพื่อนผมดิ”

   “วัตพูดอะไรพี่ไม่ได้ยิน อ้าวงานมาพอดี อย่าลืมล่ะ พรุ่งนี้มาหาพี่ที่บริษัทด้วย” สิ้นคำหน้าจอหายไป พี่โยเดินมากอดคอผม ส่วนพี่อัคคีที่ผมเพิ่งรู้ชื่อเมื่อกี้ ยิ้มให้เล็กน้อยก่อนหายไปทำงานตามคำสั่ง
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 16-04-2015 12:16:02
 :laugh: พี่ๆ เต้นผางกันใหญ่เลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นน้อ :m28:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 16-04-2015 15:13:02
เอ เกิดอะไรขึ้นน๊า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 16-04-2015 15:33:33
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 16-04-2015 21:35:13
จับพวกคนร้ายได้แล้วใช่ไหม
ไม่ใช่ว่าจับได้แต่ตัวลูกน้องมาน่ะ
กลกับวัตจะได้เจอกันในโลกจริงแล้ว
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 16-04-2015 22:05:07
เราก้สงสัยอยู่ตั้งนานว่าทำไมต้องใส่หน้ากาก ที่ไหนได้..  :ling2:
.
ของตอนล่าสุด..

ตอนแรกอ่านเม้นของคนบนๆที่สงสัยเรื่องนี้ เออว่าไปเราไม่เคยสงสัยเลย
สงสัยยึดติดกับส่วนผสมระหว่างฮันเตอร์ฮันเตอร์กับฮาร์ฟปริ้น วาปเข้าโลกนั้นจริงๆกับเจ็บน้อยลง ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้ เลือกที่เกิดไม่ได้..
แต่เราสงสัยอย่างหนึ่งคือ ในเมื่อเป็นการย้ายตัวละครไปไม่ใช่แบบฝันเอา แล้วเวลาออกจากเกมจะไม่เหนื่อยรึ..
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mixxa ที่ 16-04-2015 23:31:44
น่าสนใจมากกว่าเกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 17-04-2015 07:02:36
รู้สึกว่าตอนที่ 9 กับ 10 เนื้อเรื่องไม่ค่อยต่อเนื่อง
ขาดรายละเอียดบางส่วนไปหรือเปล่า?

เป็นกำลังใจนะ o13
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 17-04-2015 11:38:29
มาส่องค่ะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-04-2015 13:48:06
เกิดอะไรขึ้น ทำไมโดนพี่วินต้องโมโหขนาดนั้นนนน

 :ling1:.

จริงๆน้องไม่ผิดนะ น้องโดนพาตัวมา ต่อสู้ขัดขืนก็ถูกแล้วนี่

(ว่าแต่คนที่แฮคเข้ามาในเกมนี่ใครนะ ท่าจะมาม่ายาว)

คิดอีกที งานนี้ปาร์ตี้นี้ก็จะเห็นตัวจริงของทุกคนแล้วสิ :D อยากเห็นลินจัง
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 19-04-2015 11:43:40
โหย พึ่งเข้ามาอ่าน ตามมาจากหน้านิยายแนะนำ
คือตอนแรกเก็นชื่อนิยายเรื่องนี้ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะอ่าน แต่เรื่องย่อน่าสนใจดี(ชอบแนวเกมส์ออนไลน์นะ แต่เข็ดกะบ้างเรื่องมาก่อนเลยไม่กล้าอ่านอีก) อ่านตอนแรกก็สนุกดีเดินเรื่องกระชับ อ่านๆไปเรื่อยๆ จนตอนนี้นิยายเรื่องนี้เอาลงสมุดหนังก็ไว้ว่าติดแล้วเรียบร้อย 555 รออ่านนิยายยุนะ สนุกมาก สนุกสุดสุด โคตรสนุกอ่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 19-04-2015 14:07:45
กำลังอยากอ่านเรื่องแนวเกมออนไลน์แบบนี้พอดีเลย
ชอบมาก พลอตเรื่องแปลกดี
มีคำผิดไม่เยอะมาก อยู่ในเกณฑ์รับได้

ชอบตอนพิเศษ วันสงกรานต์ ที่แสดงให้เห็นความสำคัญของประพเพณีไทย
ไม่ลืมผู้สูงอายุ และไม่ได้เน้นฉากเอ็นซีจนเกร่อ
เรียกว่ากุ๊กกิ๊กกำลังดี

สมัครเป็นเอฟซีนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 19-04-2015 18:18:33
แวะมารอคนเขียนค่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rayoon ที่ 19-04-2015 22:25:26
อั้ยยะ  เพิ่งเข้ามาอ่านนน  สนุกมากๆ  เป็นเกมส์แนวออนไลน์ที่อยากจะเข้าไปเลย5555555555   สู้ๆนะคนเขียน :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.10 จัดการ 16/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 20-04-2015 04:21:06
รอตอนต่อไปค่า สนุกๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 22-04-2015 01:32:35
Lv.11 เกมของฉัน

- ย้อนความ –

   ผมชื่ออาชวิน ลูกชายคนโตของบ้านพจนินท์ ผู้มีพรสวรรค์ด้านโปรแกรมตั้งแต่อายุยังน้อย ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าแผนกในเวลาเพียงไม่กี่ปี และยังเป็นหนึ่งในผู้สร้างเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้

   เกมที่ผมกับเพื่อนสร้างขึ้น ทุกอย่างถูกเซ็ตให้มีระบบความปลอดภัยสูง แม้การเปลี่ยนคนเป็นข้อมูลเข้าไปในเกมจะมีความเสี่ยงมาก แต่การทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้มั่นใจได้ว่าระบบนี้จะไม่มีปัญหากับผู้เล่นแน่นอน ในเมื่อผมกับคนในบริษัทเข้าไปทดลองเล่นด้วยตัวเองก่อนเปิดใช้บริการจริง

   มีคนคอยประจำการตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดปัญหาอะไรพวกผมสามารถรับรู้ได้ทันที เรื่องที่เจ้าเด็กเกรียนทั้งหลายมาก่อกวนเกมผมใช่จะไม่รู้ ในตอนแรกก็คิดจะจัดการขั้นเด็ดขาดดีดให้ปลิวออกไปอยู่หรอก ติดแต่ว่า ดันไม่ทำผิดกฎเกมเลยนี่สิ คนที่หลงกลยินยอมพร้อมใจทำสัญญาเอง แล้วมาเรียกร้องที่หลังว่าโดนหลอก

   จะให้เข้าไปจัดการเลยก็ใช่ที่ เดี๋ยวเจ้าพวกนั้นจะมาโวยบริษัท ดังนั้นจึงต้องรวบรวมหลังฐานก่อน ว่าระรานผู้อื่นจริง

   วันนี้เป็นเวลาดี หลักฐานพร้อม ผมสั่งให้ลูกสมุนเข้าไปจัดการซะ

   ขณะกำลังจิบกาแฟรอรับรายงานจากลูกน้อง เจ้าวาโยดันติดต่อมา ผมกดรับแบบไม่ให้ไปมอง
 
   “ทำงานเสร็จแล้วรึไงถึงทักมา”

   “พอดีมีผู้เล่นบางคนไม่พอใจที่เราทำงานช้าน่ะหัวหน้า”

   ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ผมหันไปมองคนเหล่านั้น หางตาเห็นหัวทองแวบๆ หือ ไหงน้องชายตัวดีไปอยู่แถวนั้นได้ล่ะ

   “ใครไม่พอใจ?” ผมถามเป็นเชิงขู่ ไม่มีใครกล้ารับสักคน จนวาโยมันชี้ไปทางกลุ่มผู้เล่นผู้หญิง

   “สาวๆ กลุ่มนั้น”

   คนถูกชี้สะดุ้ง ผมแจกรอยยิ้มบางๆ ไม่สนใจอาการของคนเหล่านั้น

   “ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้านะครับ พวกผมทำเต็มที่แล้ว เพราะพวกเขาไม่ทำผิดกฎอย่างโจ่งแจ้ง ทางเราเลยไม่สามารถจัดการได้ทันที ต้องรวบรวมหลักฐานก่อน หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ ผมจะส่งมอบของขวัญให้ทุกคนด้วยตัวเอง” จิ้มส่งผ่านหน้าจอ ผมไม่ว่างเดินไปมอบให้ถึงมือทุกคนหรอก

   “ค่ะ พวกเราไม่มีปัญหาแล้ว”

   “เช่นนั้น ทางเราจะส่งทุกคนกลับเมืองนะครับ”

   ผมจะได้ให้ลูกน้องเคลียๆ แถวนั้นให้กลับสู่สภาพเดิมสักที หลังส่งทุกคนเสร็จคิดจะคุยกับน้องชายสักหน่อย ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้นมา จะว่าส่งกลับไม่หมดคงไม่ใช่มั้ง

   “นายเป็นน้องของผู้สร้างเกม!”

   เด็กสาวคนนั้นชี้ไปทางน้องชายผม สลับมองผมในจอ ผมยิ้มรับอย่างภูมิใจ พี่น้องน่าคล้ายกัน มีพี่ชายคนไหนไม่ดีใจบ้าง น่าเสียดาย ตาผมเหมือนพ่อ ส่วนวัตเหมือนแม่ ไม่งั้นคงเหมือนยิ่งกว่านี้ ส่วนวาโยหาเรื่องรบกวนผมเวลางาน กลับมาจะโยนงานให้ทำ ปากออกคำสั่งลูกน้องหมายเลขสอง หมายเลขหนึ่งคือชิน

   “อัคคี เก็บกวาดที่นั่นให้เรียบร้อยแล้วกลับมาทำงาน ส่วนพวกคุณ พรุ่งนี้ผมขอเชิญมาบริษัทด้วยนะครับ”

   เจ้าคนใส่หน้ากากนั่นคงจะเป็นไวไว ส่วนลูกศิษย์ทำเนียนไม่เคยเจอผมได้อย่างน่าตบรางวัลด้วยกองงาน ที่เหลือ เด็กสาวเพียงคนเดียว จะหาว่าผมเป็นคนขี้ระแวงก็ได้ แต่คนที่รู้ว่าผมกับวัตเป็นพี่น้องกันต้องเช็คสักหน่อย ถือโอกาสเรียกเจ้าหนูหมาป่ามาฝึกงานไปในตัว

   หลังทุกคนออฟไลน์ออกจากเกมจนหมด น้องชายยืนกอดอกหน้ายู่ใส่ผม

   “ทำไมพี่ต้องเรียกเพื่อนผมไปบริษัทด้วยอะ เรื่องเราเป็นพี่น้องกัน ใช่จะเป็นความลับซะเมื่อไหร่”

   “ไม่ใช่แค่เพื่อน เราต้องมาด้วย พี่มีเรื่องจะคุย ส่วนพวกนั้นแค่อยากเรียกมาดูตัวนิดหน่อย” โม้เน้นๆ เจ้าน้องชายตัวดีขมวดคิ้ว

   “ผมอายุยี่สิบแล้วนะพี่ ไม่ใช่เด็ก พี่ไม่อย่าใช้เส้นสายมาแสกนเพื่อนผมดิ” น้องชายดันรู้ทัน เซ็ง

   “วัตพูดอะไรพี่ไม่ได้ยิน อ้าวงานมาพอดี อย่าลืมล่ะ พรุ่งนี้มาหาพี่ที่บริษัทด้วย” ต้องหาทางออกด้วยการเปลี่ยนเรื่องแล้วตัดสายดื้อๆ


- กลับสู่เวลาปัจจุบัน -

   เจ้าของเรือนผมสีทองนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวตัวนุ่มสุดทันสมัย รอบตัวมีหน้าจอโผล่ขึ้นมามากมาย ทุกจอมีข้อมูลเลื่อนผ่านด้วยความเร็วน่าเวียนหัว โดยหน้าจอหลัก คือจอที่ปรากฏบนโต๊ะเบื้องหน้า ฉายภาพลูกน้องทั้งสองคน กำลังรอรับคำสั่งจากหัวหน้าแผนก

   ผมละสายตาจากรูปถ่ายครอบครัวบนโต๊ะ หันมามองบนหน้าจอแทน ปากสั่งการลูกน้อง ระหว่างรอชินพาวัตมาหาที่บริษัท

   “วาโย งานนี้นายทำเกินกว่าเหตุ ติดต่อฉันโดยไม่บอกล่วงหน้า เอาเขตที่อัคคีดูแล ไปดูแลต่อซะจนกว่าอัคคีจะเสร็จงานเก็บกวาด”

   “หัวหน้า ผมแค่กวนเวลาจิบกาแฟนิดๆ หน่อยๆ เองนะ แถมหัวหน้ายังได้เจอน้องชาย ผมผิดตรงไหน”

   “ดูแลเพิ่มอีกหนึ่งอาทิตย์ อัคคี เก็บกวาดเสร็จทำรายงานส่ง หลังจากนั้นพักตามสบาย”

   ลูกน้องผมท้องพยักหน้ารับว่าง่าย ส่วนเจ้าตัวก่อเรื่องโวยวายงอแงอยู่คนเดียว ผมโบกมือไล่

   “กลับไปทำงานต่อไป”

   “งอนหัวหน้าแล้ว/ครับหัวหน้า”

   หน้าจอตรงหน้าถูกปิดไป ไม่นานประตูถูกเปิดขึ้นพร้อมร่างอีกคนเดินเข้ามา ชินถือวิสาสะหมุนเก้าอี้คนตรงหน้าให้หันมาประจันหน้ากัน ดวงตาสีเทามองสบดวงตาสีดำ

   “วัตรออยู่ที่ห้องพักนาย”

   “รู้แล้ว” ผมสั่งเขาให้พาไปเอง จะไม่รู้ได้ยังไง

   ชินยิ้มยอมผละออกให้ผมลุกจากเก้าอี้ออกจากห้องไปหาน้องชายตัวดี แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้าผ่านประตู มือข้างหนึ่งถูกจับไว้ นิ้วสอดประสาน ผมเลิกคิ้วมองคนที่มายืนซ้อนด้านหลัง รู้สึกถึงลมหายใจร้อนแถวคอ จมูกโด่งเหมือนจะเกลี่ยผมที่เริ่มยาวของผมออกให้เห็นรอยสักกราฟิกรูปแมว ชินแนบริมฝีปากลงมาแผ่วเบา ผมหรี่ตาลงทันที

   “อย่าลามปาม”

   “ฮืมมมม ขอแค่นิดเดียวเท่านั้น” ชินส่งเสียงต่ำในคอ งึมงำพูดอยู่แถวรอยสัก

   “เราตกลงกันไว้จะไม่ทำแบบนี้ในที่สาธารณะไม่ใช่รึไง” เสียงผมเริ่มเข้มขึ้น เพราะมันยังไม่ยอมออกห่างจากคอผมสักที นายจะกินคอฉันรึไง

   “เห็นนายเปิดช่องว่างเลยฉวยโอกาสนิดหน่อย คอนายหอมเหมือนเดิมเลยวิน เจือกลิ่นกาแฟด้วย เข้มดีนะ”

   ผัวะ!!

   เสียงหนักๆ ดังขึ้น พร้อมข้อศอกซัดเข้ากลางท้องแบบไม่เกรงใจ ซิกแพคก็ซิกแพคเถอะ จอศอกทิ่มเข้าไป จุกจนตัวงอ จากเนียนซุกคอกลายเป็นต้องซบหน้ากับแผ่นหลังกว้างแทน

   “คุณชินกฤตครับ ถ้ามีเวลาว่างมากวนใจผมแบบนี้ อยากลองไปทัวร์ยมโลกดูสักรอบมั้ยครับ เผื่อจะได้เปิดหูเปิดตารู้ว่านรกมันเป็นยังไง”

   ผมหันกลับมาใช้ปลายนิ้วเชยคางคนตัวงอ ยื่นหน้าเข้าไปในระยะประชิดจนปลายจมูกแทบแตะกัน ปากยิ้มใจดี ส่วนตาคมกริบวาววับเป็นเชิงขู่ ถ้าหากยังไม่เก็บนิสัยส่วนตัวกลับไป อาจมีรายการซัดเพื่อนรักเพื่อระบายอารมณ์ก็ได้

   ชินในสายตาคนอื่น ดูเป็นผู้ใหญ่รอบคอบท่าทางพึ่งพาได้ แต่สำหรับผมที่อยู่กันมาตั้งแต่เด็ก หรือคนที่สนิทมากๆ จะรู้ดีกว่าไอภาพลักษณ์พวกนั้นมันแค่กับคนทั่วไป นิสัยจริงของมันทั้งกวนทั้งเกรียนแถมยังเนียนตัวพ่อ ลูกเล่นลูกชนแพรวพราวจนน่าซัดให้หงาย หากเผลอตัวเพียงนิด อาจตกหลุมแผนการมันได้ง่ายๆ เหมือนอย่างเมื่อครู่

   “ถ้าในนรกนั่นมีนาย ฉันก็อยากไปนะ”

   ดวงตาสีเทาจ้องคนที่ยิ้มตาใสใส่ แล้วจัดการสำเร็จโทษด้วยการดีดหน้าผากแถมอีกที

   ผมเดินนำชินออกมาจากห้องทำงาน ระยะห่างระหว่างห้องทำงานกับห้องพักของผมไม่ไกลเท่าไหร่ เผื่อว่าวันไหนทำงานจนหมดสภาพคาห้อง จะได้คลานกลับมานอนได้สะดวกๆ ซึ่งห้องพักพวกนี้ มีให้เฉพาะคนที่ต้องทำงานตลอดเวลา หน้าห้องจะมีชื่อติดบอกว่าเป็นห้องพักส่วนตัวของใคร ถ้าเดินถัดไปอีกหน่อย จะเป็นห้องของชิน
   ห้องผมมีขนาดเท่ากับห้องพักคนอื่นๆ แต่ข้าวของส่วนใหญ่เป็นสีโทนเรียบ ภายในห้องไม่มีอะไรมาก ตู้เสื้อผ้า กับห้องน้ำในตัว และเตียงขนาดหกฟุต ที่พอเปิดประตูเข้ามา ผมสามารถทิ้งตัวลงนอนได้ทันที เป็นห้องสำหรับนอนโดยแท้จริง

   ประตูห้องไม่ทันเปิดดี เจ้าสิ่งที่อยู่ในห้องดันพุ่งออกมากอดผมหมับจนแทบหงายหลัง ด้วยขนาดไม่ใช่เล็กๆ และผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร ดีที่ชินอยู่ด้านหลังคอยจับ ไม่งั้นหัวหน้าแผนกคงมีรายการมาดหลุดหงายท้องโชว์แหง แถวนี้ยิ่งกล้องเยอะอยู่ด้วย

   “พี่วิน!!”

   “เดี๋ยวใจเย็น เข้าไปคุยกันข้างในดีๆ อย่าเพิ่งเอาหน้ามาบี้กับอกพี่” ผมกรอกตา ดันเจ้าน้องชายเข้าไปในห้อง

   “พี่เรียกผมมาคุยทำไมเหรอ”
   
   ผมหัวเราะกับท่าทีติดอ้อนของน้องชายตัวเอง

   “เรียกมาคุยด้วยไม่ได้รึไง พี่ไม่ว่างกลับบ้าน เราต้องมาหาพี่สิ เล่าให้ฟังซิ เล่นเกมเป็นยังไงบ้าง ทำไมไวไวมันอยู่ในสภาพนั้นล่ะ”

   ไวภพ เป็นเหมือนน้องชายของผมอีกคน รู้จักกันตอนวัตเรียนอยู่มัธยมจนถึงปัจจุบัน วัตยอมเล่าเรื่องทุกอย่าวที่ไปเจอมาให้ผมฟัง ย่อมไม่พลาดเหตุการณ์วันนี้แน่ นี่ถ้าอัคคีมันรู้ว่าน้องชายผมทำให้บริเวณที่เจ้าตัวต้องเก็บกวาดเละมากกว่าเดิมจะทำหน้ายังไงหนอ

   “เราสนุกกับเกมพี่ก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว แต่ตอนนี้พี่ขอกลับไปทำงานก่อน วัตเล่นเกมอยู่ในห้องไปแล้วกันนะ”

   พวกผมออกจากห้องมาเจอทางเดินยาว ส่วนที่พักของเด็กในแผนก ถ้าเดินไปทางซ้ายจะเจอกับโซนห้องทำงาน เดินเลยไปอีกหน่อยเป็นโซนเครื่องดื่มกับอาหารง่ายๆ อย่างพวกน้ำ กาแฟ ขนมปัง หลังๆ ผมเริ่มเห็นอาหารแช่แข็ง กับพวกขนมไร้สาระถูกยัดจนล้นตู้ด้วยฝีมือของเจ้าแฝด คิดอยู่ว่าจะให้อัคคีเอาของพวกนั้นไปทิ้งเลยดีมั้ย เผื่อจะได้มีที่สำหรับแช่อะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง

   ถ้าอยากทานข้าว ชั้นล่างของบริษัทมีโรงอาหารสำหรับพนักงานอยู่ ผมเองลงไปกินบ้างในช่วงที่มีเวลาเหลือเฟือ ซึ่งตอนนี้ไม่มี ผมต้องเร่งโยนงานหาเวลาอยู่กับน้องชายบ้าง

   “ฝากนายเรียกเจ้าเด็กนั่นขึ้นมาด้วย” ผมหันไปมองชิน เขายิ้มรับลงลิฟท์ไปชั้นล่าง ชินรับหน้าที่ในการแสกนเพื่อนร่วมปาร์ตี้ของวัต

   ผมฆ่าเวลาด้วยการเปิดหน้าจอรายงานต่างๆ ขึ้นมารอบตัว สั่งงานลูกน้องรับออเดอร์ของฝาก ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่ของกิน เวลาผ่านไปสักพัก เจ้าหนูหมาป่าขึ้นมาพบผมตามที่ต้องการ ผมหันไปยิ้ม...แสยะ

   “นายรู้รึเปล่า ว่าฉันเรียกนายมาทำไม”

   “ขนาดอาจารย์ไม่รู้ ผมจะรู้ได้ยังไง”

   คิ้วกระตุก ไอ้เด็กนี่มันวอน

   “วันนี้ฉันจะให้นายมาศึกษางาน” ผมเรียกหน้าจอปรากฎขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย เทคโนโลยีนี้มีเพียงในบริษัทของเราเท่านั้น เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการทำงาน แน่นอนว่าต้นทุนย่อมสูงตาม

   บนหน้าจอแบ่งข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ ในเมื่อรับปากพ่อเขามา ผมต้องสอนเขาจริงๆ ข้อมูลทั้งหมด งานที่สั่งให้ทำ ผ่านการคำนวนมาหมดแล้ว ถือเป็นการทดสอบฝีมือไปในตัว ก่อนผมจะให้เขาทำงานด้วยในอนาคต

   “ทำเสร็จกลับบ้านได้เลย ถ้ายัง ห้ามเอาข้อมูลออกไป ให้กลับมาทำต่อวันพรุ่งนี้”

   ผมสั่ง ถือเป็นการทดสอบความซื่อสัตย์ไปในตัว ชินน่าจะคุยกับเด็กพวกนั้นเสร็จแล้ว ได้เวลาไปกินข้าวพักผ่อนของตัวเองสักที

   “อาจารย์จะไปไหนครับ”

    “เที่ยวกับน้องชาย” ผมจงใจบอก ต่อให้ไม่หันไปมอง ออร่าที่แผ่ออกมาทิ่มแทงหลังย่อมเป็นตัวบอกอารมณ์เด็กน้อยได้เป็นอย่างดี คิดจะมาเป็นน้องเขยฉันมันไม่ง่ายหรอกนะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสนใจน้องชายผม
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 22-04-2015 08:44:00
สรุกอ่าา แล้ววัติจะได้เล่นเกมอีกมั้ยเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-04-2015 09:09:06
พี่วินโหดจริงอะไรจริง  :hao7: ชอบฮีมากกกกกกกกกก

แต่กลัวจะพลาดท่าอยู่ ถึงแม้ว่าจะรอบคอบแค่ไหนก็เถอะ

หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 22-04-2015 10:16:08
อ๊ะ ซาตานวิน ท่านโหดสมฉายาจริงครับ
แต่ ชิน นี่ก็หาช่องได้ตลอดเลยนะ  :-[
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-04-2015 19:27:08
อิอิ กลคงต้องรับศึกหนักหน่อยละนะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 22-04-2015 20:03:31
สรุปวัตยังไม่ได้เจอกับกล
แถมยังไม่รู้จะได้เล่นเกมส์อีกเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 22-04-2015 20:17:20
แฟนตาซีหลุดโลกไปไกลแล้วแหะ.. มีเจาะสมองเอาข้อมูลด้วย งี้ถ้าเกิดคนในโดนจับไปเจาะที่ฝั่งตรงข้ามบ้างคงแย่เลย  :ling2:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 22-04-2015 22:21:08
พี่วินอย่างโหดดดด  o13 o13
มาเลย..เจ้าพวกวายร้าย อุวะฮะฮ่าฮ่า...(บ้าไปล่ะ :katai2-1:)

ยิ่งอ่านยิ่งอิน เดวปิดเทอมหาsword art online ดูอีกที จะได้เข้าถึงอารมณ์ของเกม~~
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: By zellow boy ที่ 23-04-2015 20:25:57
สนุกมากกกก. รอน้าาา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.11 เกมของฉัน 22/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: paiongza1669 ที่ 23-04-2015 21:12:46
ชอบมากๆเลยครับ แต่งได้สนุก รอตอนต่อไปนะคร้าบ  :impress2:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-04-2015 12:37:07
Lv.12 กล่องปริศนา

   บริษัทใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ผมมาตามการนัดพบจากอาจารย์เมื่อคืน ทันทีที่เกิดเข้าบริษัท หน้าเคาน์เตอร์มีคนคุ้นหน้าอีกสองคน

   คนหนึ่งเป็นชายร่างสูงหุ่นนักกีฬากำลังยืนทำหน้าเซ็ง เขามีเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งไม่เป็นทรง ดวงตาเหล่มองคนข้างตัวเป็นระยะ อีกคนเป็นเด็กสาวในชุดม.ปลาย เรือนผมหยักศกสีทองถูกมัดรวบไว้ด้วยโบว์สีขาว ดวงตาสีเดียวกันหันมาทางผมพอดี

   “คุณกลมาแล้ว เหลือแค่หัวหน้าปาร์ตี้ของเราสินะ” เสียงใสพูดพร้อมรอยยิ้มหวาน ดวงตาสีน้ำเงินหรี่มอง

   ผมรู้แต่แรกแล้ว ลินไม่ได้สนใจผมในเชิงความสัมพันธ์ชายหญิง เธอแค่สนใจคนที่เก่งกว่าเท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนจะมีสองคนที่ไม่คิดแบบนั้น วัตส่ายหน้าระอาทุกครั้งที่ลินคุยกับผมอย่างสุภาพ ไวภพที่มองผมสลับกับลินแล้วทำหน้าเซ็งโลกมากกว่าเดิม

   ถ้าพวกนายอยากให้ลินพูดดีด้วย พวกนายควรจะวางตัวให้ดูน่าเชื่อถือกว่านี้ นี่คือสิ่งที่ผมเคยคิดจะบอกทั้งคู่หลายครั้ง ทบทวนอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ไม่ได้บอก คิดว่านิสัยคนเราคงแก้ยาก ถึงแก้ไปมันก็ดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดี

   “ในเมื่อมากันพร้อมแล้ว ผมขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผมผู้ดูแลวาโยที่นัดพวกคุณไว้เมื่อคืน จะเป็นคนนำทางไปยังห้องที่เตรียมไว้ครับ เชิญตามผมมาทางนี้”

   เจ้าของเสียงลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์ เขาเป็นคนเดียวกับที่ถือทวนไล่ฟาดผู้เล่นในเกม บรรยากาศรอบตัวของเขาดูเป็นมิตร แบบนี้แหละที่ไม่น่าเข้าใกล้ เพราะไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าสวยกับรอยยิ้มนั่นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ซึ่งในอนาคต เขาจะมาเป็นหนึ่งในรุ่นพี่ของผม เห็นทีคงต้องทำใจตั้งแต่เนิ่นๆ รู้สึกว่าแผนกนี้จะมีแต่คนไม่ธรรมดาตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้อง แน่นอน รวมถึงว่าที่เด็กใหม่อย่างผมด้วย ถ้าผมปกติ คงไม่สามารถทดสอบจนเข้าแผนกนี้ได้หรอก

   “เดี๋ยว เหลือเพื่อนผมอีกคน” ไวภพถามในสิ่งที่ผมเองก็สงสัย แม้ในใจจะมีคำตอบอยู่แล้วก็ตาม

   “น้องวัตมาก่อนแล้วครับ ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่พวกคุณ ไม่ต้องห่วง หัวหน้าแผนกของผมคุยกับเขาด้วยตัวเองเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อเช้า ส่วนพวกคุณ เดี๋ยวผมจะพาไปเอง”

   พอได้ยินแบบนั้น พวกเราหันมามองปรึกษากันแล้วเดินตามหลังคนนำทางไป ผมยอมรับว่าตัวเองเสียดายไม่น้อยที่ไม่ได้เจอกับวัตตัวจริงระยะสัมผัสได้ แต่ไม่แปลกใจเท่าไหร่ คนๆ นั้นคงไม่ยอมให้น้องชายตัวเองมาเจอกับผมง่ายๆหรอก

   ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่ได้เจอ สักวันก็ต้องเจอ ถ้ายังไม่เจออีก ผมจะเป็นฝ่ายไปหาวัตด้วยตัวเอง การสืบเรื่องราวของคนๆ หนึ่งสำหรับผมมันไม่ยาก ต่อให้พี่ชายขี้หวงจะเก็บเงียบแค่ไหน ผมก็มีหนทางสืบได้อยู่ดี เครือข่ายข่าวสารมันไม่ได้มีเพียงในคอมพิวเตอร์เท่านั้น ยังมีข้อมูลจากผู้คน

   สิ่งที่ผมมั่นใจแล้วหนึ่งอย่างก็คือ วัตอยู่มหาลัยเดียวกับผม จากยูนิฟอร์มที่ไวภพใส่มา ไม่แน่ว่า อาจจะได้เจอกันตอนรับน้องก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้น จะเป็นทีของผมล่ะ

   “ห้องนี้ครับ ทำตัวตามสบายนะครับ”

   วาโยเปิดประตูเชิญพวกเราเข้าไปในห้องรับรอง ภายในมีโต๊ะหนึ่งตัว พร้อมเก้าอี้สามตัวสำหรับพวกผม และคนที่นั่งรออยู่ฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว เขามีรูปร่างสูงโปร่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยมาดของผู้ใหญ่ ดวงตาสีดำมองมาที่พวกเราทีละคน พอพวกเรานั่งกันครบทั้งหมด เขาถึงเริ่มเปิดปากพูด

   “สวัสดี ฉันชื่อชินกฤต เป็นตัวแทนของบริษัทมาเพื่อตอบคำถามของพวกคุณ”

   พวกผมยกมือไหว้ เขายกมือรับด้วยรอยยิ้ม คนๆ นี้เท่าที่ผมจำได้ เขามักจะอยู่ข้างตัวพี่ชายของวัตเสมอ เจ้าตัวไม่มาเอง มีโอกาสที่วัตยังอยู่ที่นี่ เพียงแค่อยู่ด้านบน ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เดาไปเรื่อยเปื่อยว่าตอนนี้วัตกำลังทำอะไรอยู่ ชินกฤตมองผมนิ่ง ผมจ้องกลับพลางยกยิ้มมุมปาก

   ลินมองพวกเราด้วยความแปลกใจ ไม่สิ ในนี้คงมีแค่ลินคนเดียวที่ดูปกติ ไวภพ ทันทีที่เห็นว่าใครเป็นตัวแทนมาพูดคุยด้วย สีหน้าเซ็งระดับธรรมดาของเขา เลื่อนระดับเป็นเซ็งโลกทันที แถมยังตัดบทพูดก่อนที่ผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในห้องจะเริ่มบอกอะไรซะอีก

   “พี่ชิน ถ้าไม่มีอะไรพิเศษ ผมขอกลับก่อนนะ”

   “จะเอางั้นก็ได้”

   “งั้นผมฝากบอกวัตด้วยนะครับ คืนนี้เข้าเกมหาผมด้วย ผมไปล่ะ สวัสดีครับ” ไวภพยกมือไหว้ปิดท้ายแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง ตอนนี้จึงเหลือเพียงผมกับลินที่จะต้องคุย

   รองหัวหน้าแผนกหันกลับมาคุยกับพวกเราต่อ เขาเริ่มบทสนทนาสบายๆ เหมือนชวนคุยเรื่องทั่วไป ก่อนจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำ พร้อมบอกสาเหตุที่เรียกพวกเรามาแบบไม่ปิดบัง

   “พวกเธอคงสงสัย ทำไมถึงเรียกมาแต่ไม่เรียกคนอื่นๆ มาด้วย ฉันไม่อยากปิดบังขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน วินเขาเป็นห่วงน้องชายเลยอยากเรียกพวกเธอมาคุย”

   มือหนาประสานบนโต๊ะ ขณะมองพวกเราอย่างสงบ

   “ฉันพอเข้าใจค่ะ คุณวินเป็นคนพิเศษ น้องชายของเขาอาจจะถูกใช้ประโยชน์ได้ แต่วันหลังถ้าอยากจะทดสอบกันช่วยใช้วิธีอื่น ที่สำคัญ ทำแบบนี้สักวันหนึ่งวัตจะไม่มีคนคบ ขอตัวก่อนนะคะ”

   ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะไม่พอใจ โดนสงสัยว่าเป็นพวกหวังผลประโยชน์นี่นะ

   “เดี๋ยวก่อนครับ ผมต้องขอโทษแทนด้วย เอาไว้ถ้าต้องการอะไร หรือของที่ได้พอใจ สามารถติดต่อมาหาเราได้ทุกเมื่อ”

   รองหัวหน้าแผนก รั้งตัวหญิงสาวไว้ พูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ลินถอนหายใจพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วเดินจากไป

   “ถือว่าตกลงล่ะนะ ส่วนนาย ตามฉันมา วินมางานให้นายทำเจ้าหนู”

   ผมเดินตามรองหัวหน้าขึ้นมาชั้นบน เขาแยกตัวไปทำงานต่อ ทิ้งผมไว้กับอาจารย์ ชายผมทองหันมายิ้มไม่น่าไว้ใจ

   “นายรู้รึเปล่า ว่าฉันเรียกนายมาทำไม”

   “ขนาดอาจารย์ไม่รู้ ผมจะรู้ได้ยังไง” ผมสวนกลับไปด้วยความปากไว ปกติไม่ยอมก้มหัวให้ใครอยู่แล้ว อีกฝ่ายคิ้วกระตุก คงอยากถีบผมส่งกลับให้พ่อเต็มที่

   “วันนี้ฉันจะให้นายมาศึกษางาน” หน้าจอมากมายรอบตัวเขาถูกปิดลงแทนที่ด้วยจอเดียวปรากฎด้านหน้าผม ในนั้นมีคำสั่งกับข้อมูลมากมายที่ผมต้องศึกษาและทำส่ง

   “ทำเสร็จกลับบ้านได้เลย ถ้ายัง ห้ามเอาข้อมูลออกไป ให้กลับมาทำต่อวันพรุ่งนี้”

   งานแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ที่น่าสงสัยคือ ท่าทางดูมีความสุขของอาจารย์ผู้นอนไม่เคยพอต่างหาก ผมเลยลองถามเขาดู

   “อาจารย์จะไปไหนครับ”

   ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมตอบง่ายๆ มุมปากคนตรงหน้ายกยิ้มเหนือกว่า

    “เที่ยวกับน้องชาย”

   กลายเป็นผมที่คิ้วกระตุกแทน จงใจหยามกันชัดๆ ผมมองตามหลังมังกรตัวร้ายเฝ้าหอคอยไม่ให้ผมไปหาเจ้าหญิง พ่อเฝ้าบอกกับผมทุกวันว่า อย่าทำให้เขาไม่พอใจจนถีบส่งผมออกไปไกลๆ ผมอยากบอกพ่อเหลือเกิน มันเป็นไปไม่ได้ ก็ในเมื่อผมแตะเกล็ดย้อนเขาไปแล้ว แถมยังวางแผนจะชิงมาไว้ในกำมืออีก ผมคงบอกให้พ่อได้แต่ทำใจ ยังไงซะลูกศิษย์ที่ดี ต้องเอาชนะอาจารย์ให้ได้ ถึงจะถือว่าสำเร็จครบหลักสูตร


   ผมกำลังเป็นเด็กรับใช้ ไม่ได้ทำงานให้ใครอื่นเลย แต่เป็นพี่ชายผมเอง ขณะนี้ ผมยืนคาดผ้ากันเปื้อนอยู่ในห้องซักล้างประจำแผนกของพี่วิน ด้านซ้าย ขวา หลัง มีตระกร้าผ้ามากมายก่ายกอง หลักๆ แล้วของพี่ผมหนึ่งตระกร้า ของแฝดอีกคนละหนึ่ง ส่วนของพี่ชิน ซักตากเรียบร้อยไปพร้อมกับผ้าตระกร้าแรกของพี่วินแล้วครับ

   ทีแรก ผมก็เล่นเกมตามที่พี่บอกอยู่หรอก แต่ทนเห็นกองเสื้อผ้าของพี่ไม่ไหว เลยจัดการซักซะ นึกได้ว่าพี่ชินเองน่าจะมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เลยย่องเข้าห้องพี่ชินขนมาซักด้วยเลย ผลคือ แฝดวายุวาโยเห็น ขนมาให้ผมช่วยซักอีกกองใหญ่

   “วัตซักผ้าให้พี่ น่าดีใจจัง”

   พี่ชินยิ้มร่าเดินเข้ามาหา แต่ขาเตะตะกร้าของแฝดไปไกลๆ ท่าทางเหมือนนางร้ายในละครเลยพี่

   “พวกนั้นเป็นไงบ้างครับ เสียดายชะมัด ไม่ได้เจอหน้า ทั้งที่มีโอกาสแท้ๆ” มือหนายื่นมือจับหัวผมโยกไปมา

   “ทุกคนไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะไวไว พอเห็นหน้าพี่ปุ๊บรับขอตัวกลับอย่างกลับกลัวใครมาทวงหนี้ จริงสิ ฝากพี่มาบอกเราด้วย ว่าคืนนี้ให้เข้าเกม”

   “อ่อ โอเคครับ” ได้ยินเสียงเครื่องเตือนผ้าซักเสร็จ ผมโยนตระกร้าใหม่เข้าไปแทน เรื่องสีตกไม่ต้องห่วง เพราะที่นี่มีหลายเครื่อง ให้ผมแยกสีโยนซักเรียงคนได้สบายๆ

   “ทำไมเปลี่ยนอาชีพตัวเองเป็นแม่บ้าน” พี่วินโผล่มาพร้อมกลิ่นกาแฟ พี่ชินขมวดคิ้วฉับทันที สงสัยพี่วินคงแอบซดโฮกระหว่างพี่ชินไม่อยู่แหง

   “เห็นแล้วมันอดไม่ได้อะพี่ ซักเสร็จไปกินข้าวเนอะ พี่รีบป่าว” พี่ชายสองคนส่ายหัว

   “ซักแค่ของพี่กับชินก็พอ ส่วนที่เหลือ โยนๆ ลงเครื่องอย่างเดียวไม่ต้องไปสนใจ”

   เอิ่ม จะดีรึ เดี๋ยวสีก็ตกกันมั่วหมดหรอก ความจริงของพี่สองคนผมซักตากเสร็จแล้วแหละ เหลือแค่สองแฝด เอาเป็นว่าผมแยกให้ก่อนลงเครื่อง   

   บางครั้งผมก็สงสัยนะ ตกลงบริษัทนี้เป็นสถานที่ทำงานหรือคอนโดหรูกันแน่ มีทุกอย่างพร้อมอยู่ซะขนาดนี้ ไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมพี่วินไม่ค่อยกลับบ้านสิงอยู่แต่บริษัทจนกลายเป็นบ้านหลังที่สอง เรื่องนี้ผมมารู้ในภายหลัง มีแค่ชั้นของแผนกพี่วินคนเดียวที่มีทุกอย่างครบถ้วน ส่วนชั้นอื่นเป็นเหมือนบริษัททั่วไป

   หลังแยกผ้าใส่เครื่องอีกชุดหนึ่งเสร็จ พี่วินลากผมไปกินข้าว แล้วให้พี่ชินผู้เปรียบเสมือนคนขับรถประจำตัว มาส่งผมที่บ้าน อันดับแรกผมตรงดิ่งไปหานายท่าน กอดจูบลูบคลำ ขนนุ่มๆ เอาแก้มถูๆ ฟัดพุงแมวแลกแถมรอยเล็บประดับแขนประปรายจนหนำใจ แล้วไสหัวตัวเองไปอาบน้ำกระโดดขึ้นเตียงใส่เครื่องเล่น

   ทุกอย่างเหมือนเดิม พอผมรู้สึกตัวอีกทีก็มีเสียงต้อนรับฉบับดัดหญิงของตัวเองดังขึ้น พร้อมส่งตัวผมไปยังที่หมาย คราวนี้ผมโผล่มาอยู่ตรงน้ำตก ที่เดียวกับก่อนโดนลักพาตัวไปขังกรงหมา ผมสอดส่องสายตาไม่เห็นใครแถวนี้สักคน เปิดหน้าจอรายชื่อเพื่อนขึ้นมาดู มีแค่ไวไวที่ออนแล้ว เลยจัดการทักมันไป

   “ไวไว อยู่ไหน ฉันอยู่ตรงน้ำตกที่เดิม”

   “เฮ้ย! ทักอะไรมาตอนนี้ เกือบถูกมอนเชือดแล้ว แปบๆ เดี๋ยวติดต่อกลับไป รอแถวนั้นแหละ!”

   เสียงโวยวายมันดังมาพร้อมเสียงเอฟเฟคโครมคราม ไม่รู้มันซัดกับมอสเตอร์หรือต่อยกับพวกนักเลงกันแน่ ผมขี้เกียจรอ เลยเปิดแผนที่แล้ววิ่งไปหามันตามเครื่องหมายที่ขึ้นอยู่บนจอเลย สองเท้ากระโดดไปตามกิ่งไม้ มือเรียกเคียวประจำตัวออกมา

   เห็นมอนสเตอร์กบตัวโตกำลังจะกระโดดทับกระต่ายให้แบนเป็นกล้วยปิ้งอยู่ริมหนองน้ำ เลยจัดการใช้เคียวฟาดจนมันปลิวไปอีกด้านแล้วกระโดดลงไปยืนเพิ่มเลือดให้ไอกระต่ายพันธ์เถื่อน

   “ทำไมมาตีกบอยู่แถวนี้ได้ล่ะเพื่อนเอ๋ย”

   พวกเราหันหลังชนกัน ไวไวเหลือบมองหางตานิดนึง แล้วใช้ไพ่ในมือตัดขากบยักษ์ที่เตรียมจะโดดเข้ามาจนมันลงไปดิ้นแด่วๆ บนพื้นเป็นที่น่าอนาถใจยิ่ง

   “มาตีมอนฆ่าเวลาระหว่างรอนายไงเพื่อนวัต ช่วยดึงความสนใจพวกมันที ฉันจะขึงลวดจัดการทีเดียว”

   ผมพยักหน้ารับ กระโดดขึ้นฟ้าแล้วกางปีกค้างคาวบินหลบของเหลวสีเขียวอี๋ที่กบมันพ่นออกมา มันไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนแบบพิษของแมงมุมที่ผมเคยเจอมา แต่มันเป็นเหมือนยางเหนียวหนืด ถ้าโดนไปคงกลายเป็นแมลงโดนจับรอให้กบทับแหงๆ

   ไวไวย่อตัวลง ใช้แรงขาดีดตัวขึ้นไปยืนอยู่บนยอดต้นไม้แถวๆ นั้น ปล่อยให้ผมซัดนัวกับกบอยู่ด้านล่าง สารพัดสกิลถูกเรียกใช้ ไม่ว่าจะเป็นสกิลเรียกลูกสมุนค้างคาวออกมาป่วน ทักษะดูดเลือดมอสเตอร์มาเพิ่มเลือดตัวเอง ผสานกับอาวุธประจำตัวต้อนพวกมันให้มารวมกันอยู่ตรงกลาง เสียงอ๊บๆ แอ๊บๆ ดังไปทั่ว

   ผมเงยหน้ามองไวไวที่ยกนิ้วส่งสัญญาณ ปีกกางออกกว้าง บินขึ้นไปยืนบนยอดไม้เดียวกับไวไว พอไร้คนไล่ต้อน พวกกบกระโดดใส่พวกผมทันที พร้อมกับเลือดกบสาดกระจาย กลายเป็นการสังหารหมู่ที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก

   กบแอ๊บแอ๊บ เลเวล 50 ถูกสังหาร 6 ตัว ค่าประสบการณ์ถูกแชร์ให้คนในปาร์ตี้...

   เจ้าชายกบ เลเวล 55 ถูกสังหาร เนื่องจากเป็นมอนสเตอร์ภารกิจ ‘เจ้าชายกบมาจุ๊บฉันที’ ผู้สังหารจะไม่ได้รับไอเท็มภารกิจ แต่ได้รับกล่องปริศนาแทน...

    พวกเราหันมามองหน้ากันทันที หลังฟังเสียงแจ้งเตือนของระบบจนจบ ด้านล่างนอกจากซากกบที่สลายไป เหลือเพียงไอเท็มจำพวก ลิ้นกบ ขาหลังกบ และเจ้ากล่องปริศนาสีเขียววางเด่นหรา

   “ไม่ยักรู้ว่าบรรดากบพวกนั้นมีเจ้าชายกบด้วย เห็นตัวหนึ่งมีมงกุฎ นึกว่าเป็นบอสกบซะอีก” นักมายากลกระต่ายบ่นงึมงำกระโดดลงมาเก็บของเข้ากระเป๋า แบ่งส่วนของผมกับตัวเอง

   “ไหนๆ ก็ฆ่าไปแล้วหนิ เดี๋ยวรอพวกเรามากันครบ ลองเปิดกล่องนี้ดูดีกว่า” มือขาวซีดรับไอเท็มจากเพื่อนมาใส่กระเป๋า พร้อมหยิบกล่องมายัดใส่ด้วย

   “เอ้อ เจอพวกลินตัวจริงเป็นไงมั้ง” ผมตื่นเต้นจริงๆ นะ อยากเจอบ้างแต่ไม่มีโอกาสได้เจอ ไวไวมันหรี่ตามองผม รู้สึกเหมือนรอยยิ้มกวนส้นบนหน้ากากมันตอนนี้ตรงกับสีหน้าจริง

   “ฮั่นแน่ อยากรู้เรื่องของกลก็บอกมาตามตรงเถอะเพื่อนวัต มาๆ ไวไวคนนี้ใจดีมีเมตตาโปรดค้างคาวตัวน้อยๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไง”

   ไวไวมันเล่าว่า ลินไม่ใช่เด็กมหาลัยอย่างที่พวกผมคิด แต่เป็นเด็กมอปลายท่าทางแก่แดด ซึ่งส่วนนี้ผมคิดว่าไวไวมันคงจะเพิ่มเข้าไปเอง เลยฟังแบบไม่ใส่ใจ ตอนเจอทีแรกลินมองมันแบบหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอย่างอึ้งๆ ปากพึมพำอะไรบางอย่าง อะไรมากกว่าที่คิดนี้แหละ แล้วก็ไม่ยอมมองมันอีกเลย ชวนคุยก็ไม่ค่อยคุย หลบหน้าลูกเดียว ไวไวเลยเซ็งไปคุยเล่นกับพี่โยที่ลงมารอรับแทน

   หลังจากนั้นไม่นานกลก็โผล่มาด้วยชุดลำลอง รูปร่างหน้าตาเหมือนในเกมเปี๊ยบ ติดแค่ไม่มีหูกับหางเท่านั้นเอง ผมฟังไปพยักหน้าไป

   “พวกนายทำอะไรกันน่ะ หาไส้เดือนกินเหรอ”

   เสียงดังมาจากเหนือศีรษะ ผมกับไวไวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นสาวสวยในชุดนักเวทสีดำ ใช้มือเล็กแหวกพุ่มไม้ที่พวกเราอยู่ ดวงตาสีสวยเหมือนลูกแก้ว มองเหมือนพวกผมเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ต้องขุดหาอะไรในดินกิน พวกเราเลยลุกพรึบทันที ปัดใบไม้ออกจากหัว เดินลุยออกมายืนตรงหนองน้ำเหมือนเดิม แอบดีใจที่ลินกลับมาเล่นเกมอีกครั้ง ที่เหลือคือพ่อหมาป่า มารอลุ้นไปกับผมนะ

   “อย่าเอารสนิยมตัวเองมายัดเยียดให้คนอื่นสิหนูลิน” ไวไว นายควรเปลี่ยนจากกระต่ายเป็นเผ่าเดียวกับกลนะ จากใจผมเลย

   “ใครใช้ให้นายเรียกชื่อนั้นกันห๊ะ!” เสียงใสแวดกลับท่าทางยียวนของไวไว ผมรู้สึกหูอื้อชั่วขณะ ส่วนไวไว ป่านี้หูกระต่ายของมันคงวิ้งไปแล้ว ยืนเอ๋อไปเลย

   เห็นลินฮึดฮัด ประกอบกับสิ่งที่ไวไวเล่า ผมปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ยื่นมือไปดึงหน้ากากไวไวออก ใบหน้าสวยหวานของสาวน้อยขึ้นสีเรื่อทันที พอผมใส่กลับให้มัน สาวน้อยกลับร่างเป็นนางแม่มดตามเดิม ผมรู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองคงยิ้มได้เจ้าเล่ห์มาก ทั้งคู่ถึงถอยหลังกันไปคนละสองก้าว มีเรื่องสนุกให้เล่นแล้วสิ

   หมับ

   คราวนี้นอกจากจะถอยหลัง สองลิน ไวไว อ้าปากค้าง ดวงตาแทบถลนออกมาจากเบ้า พร้อมสัมผัสอุ้มแผ่นอกแกร่งที่แนบแผ่นหลัง ความคิดชั่วร้ายของผม พลันสะดุดทันที

   “เล่นอะไรกันอยู่เหรอ”

   เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู ผมกระโดดไปหลบอยู่หลังไวไว มองหมาป่าหนุ่มด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ บอกมาเลย ใครเอาอะไรแปลกๆ ให้หมาผมกินกัน โผล่มาถึงได้มีอาการชวนถอยหนีแบบนี้ อย่างกับจงใจเอาคืนใครสักคนผ่านทางผมงั้นแหละ

   “เออ... เฮ้ พวกเรามาครบแล้วหนิ ตะกี้ฉันกับไวไวตีเจ้าชายกบมา ได้กล่องปริศนา เรามาลองเปิดกันเถอะ”

   ต้องเปลี่ยนเรื่อง ปรับบรรยากาศสีชมพูอมม่วงนี้ด่วน ทุกคนกระพริบตาปริบๆ ผมได้ยินเสียงหัวเราะต่ำในคอของกลที่เดินเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเรา ต่างหูบนหูสามเหลี่ยมเรืองแสงนิดหน่อยก่อนจางไป สงสัยเจ้าตัวใช้มันวาปมาหาผม ถึงได้เข้าประชิดตัวซะขนาดนั้น

   “จะเปิดก็รีบเอาออกมาเปิดสักทีสิ”

   พูดถึงเปิด ไม่รู้แต่ละคนเปิดดูของที่ได้จากพี่วินแล้วรึยัง เห็นว่าเป็นไอเท็มประจำคำสาป แม้จะฟังดูแปลกๆ แต่ต้องเข้าใจว่า ทันทีที่พวกเราเข้าเกมจะถูกคำสาปอย่างหนึ่ง ให้อารมณ์คล้ายๆ กับสุ่มอาชีพพิลึกๆ ให้ ซึ่งของที่พี่วินให้มา เป็นของใช้ประจำอาชีพของพวกเรา

   อย่างของผมเป็นขวดยาเก็บรักษาเลือด สำหรับใช้รีดเลือดคนมาเก็บไว้ให้คุณภาพยังสดใหม่เหมือนเดิม ซึ่งหาซื้อได้จากไอเท็มมอล ใช้เงินจริงในการซื้อ เป็นสินค้าระดับ S ราคาเอาเรื่องอยู่ อย่างว่า คนที่สุ่มได้แวมไพร์ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวสักหน่อย ในเกมมีอีกเพียบ ถึงผมจะไม่เคยเจอก็ตาม ส่วนของคนอื่นผมไม่รู้ คงต้องรอพวกเขาควักออกมาใช้ถึงจะได้เห็นกัน

   โดนสายตาเร่งจากลิน ผมเลยเลิกคิดถึงขวดยาสีเลือดหมูลายดอกกุหลาบในกระเป๋าของตัวเอง แล้วล้วงเอากล่องปริศนาออกมาวางกลางวง มีหนองน้ำกับต้นไม้เป็นแบล็คกราว

   “กล คิดว่ามันอันตรายรึเปล่า” ผมหันไปถามคู่มือเกมเคลื่อนที่เพื่อความชัวร์

   “ไม่รู้ ฉันไม่เคยเห็น อยากรู้คงต้องลองเปิด”

   คำตอบได้อีกครับพี่ นี่ถ้าเป็นไวไว หรือคนอื่นตอบ ผมคงเข้าใจว่ามันกำลังกวนตีนผมอยู่ ในเมื่อกลไม่รู้จัก ไวไวกับลินไม่มีปัญหา ไอผมก็อยากรู้อยากเห็นว่าด้านในมีอะไร จะมีไอเท็มเจ๋งๆ รึเปล่า เลยจัดการเปิดด้วยตัวเองซะเลย

   เสียงระบบแจ้งเตือนไม่เป็นมงคล

   กล่องปริศนา เปลี่ยนเป็น กล่องความแค้นของเจ้าชายกบ ไอความแค้นจะมีผลกับคำสาปที่ติดตัวผู้เล่นมาตั้งแต่เริ่มเกม ขอให้โชคดี

   “ชิบแล้ว รีบทิ้งไปเร็ว!!” ไวไวลุกหนีคนแรก ผมมัวอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินเลยถือค้างไว้แบบนั้น กลไหวตัวทันปัดกล่องออกจากมือผม ปลิวไปตกอยู่ตรงโคนต้นไม้ ควันสีเขียวลอยคลุ้งออกมาจากกล่อง ครอบคลุมพวกเราทั้งหมด เสียงไอค่อกแค่กดังเป็นระยะ จนกระทั่งควันเหล่านั้นหายไป พร้อมกับฝันร้ายของชีวิต

   “ฉันเพิ่งรู้วันนี้ สัตว์ที่นำพาความซวยมาให้ไม่ใช่แมวดำ หรืออีกาดำ แต่เป็นค้างคาวที่ชื่อว่าวัต” เสียงเล็ก โวยวาย เต้นผางๆ ตรงหน้าผม หูกระต่ายโบกไปมาจากการขยับตัว ผมรวบหูสองข้างขึ้นแล้วยื่นออกไปห่างตัว มองแขนขาสั้นพยายามจะเตะต่อยผมเต็มที่

   “อุ๊บ.... ก๊ากกกกก!! กระต่ายแคระ! โคตรเหมาะเลยเพื่อน ฮ่าๆๆ”

   ผมหัวเราะจนปวดท้อง เพื่อนนักกีฬาถูกย่อส่วนเหลือเท่าขนาดเด็กสิบขวบได้อย่างน่ารักน่าชัง ให้ตาย คำสาปมันยังใจดีเปลี่ยนชุดให้ด้วย จากชุดนักมายากล กลายเป็นชุดสูทสำหรับเด็ก กับกางเกงทรงฟักทอง เห็นหางเล็กพองขนฟูกลมอย่างเดือดๆ หน้ากากโจกเกอร์หดลงตามเจ้าของ กลายเป็นหน้ากากเด็กเล่น

   “อืม คำสาปนี้ก็ไม่เลวนะ ฉันชอบ” เสียงแตกหนุ่มดังขึ้นจุดเดียวกับที่ลินยืนอยู่จนถึงเมื่อครู่ ผมกับไวไวอ้าปากเหวอเป็นรูปตัวโอ มองภาพเบื้องหน้า

   ลินแม่มดสาวสวย กลายเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง รูปร่างพอๆ กับไวไวตอนปกติ อยู่ในชุดคลุมดำยาวแบบพ่อมด ใบหน้าสวยหวานเปลี่ยนเป็นคมคาย ดวงตาชี้ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป จัดได้ว่าหล่อจนผู้ชายอย่างผมอยากเอาพิษแมงมุมมาสาดหน้า เพื่อลดศัตรูลง

   เดี๋ยวนะ แบบนี้อาหารตาเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็หายไปน่ะสิ บ้าจริง ผมเกลียดมัน ไอคำสาปบ้า ทำลายโอเอซิสของผู้ชายอกสามศอก

   “ถูกลดไซส์ให้สมกับเป็นกระต่าย ถูกเปลี่ยนเป็นผู้ชายดูมีกำลังตรงข้ามกับแม่มดที่ควรบาง เข้าท่าดี”

   กลยืนลูบคางสรุปผลจากการถูกคำสาปซ้ำซ้อนของพวกเรา ไวไวทำหน้าเหมือนโลกถล่มระหว่างส่องตัวเองบนผิวน้ำ นายไม่กลัวถูกกบมันโผล่มากินรึไง ยิ่งตัวเล็กๆอยู่ ทางลินหมุนตัวสำรวจรูปร่างตัวเองใหญ่ จวนจะลามไปสำรวจที่ลับจนผมต้องรีบถลาเข้าไปห้าม เฮ้ๆ แม่คุณ พอเป็นผู้ชายแล้วนิสัยดั้งเดิมมันออกมารึไงเนี่ย

   “โลกนี้ไม่ยุติธรรม พวกฉันโดน ทำไมพวกนายไม่โดนไปด้วยวะ” กระต่ายแคระหันมาโวยใส่ผมกับกลที่ยังคงความหล่อเหมือนเดิม ไม่มีส่วนไหนเพิ่ม หด ลด เปลี่ยนแปลง

   “โดนสิ ระบบมันแจ้งแค่ฉันเท่านั้น ทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉันจะกลายเป็นหมาป่า”

   หมาป่าหนุ่มพูดด้วยสายตาว่างเปล่า หางหยุดนิ่งเหมือนอารมณ์ที่นิ่งตาม พวกเราจนซึ่งคำพูด ไม่รู้จะต่อประโยคยังไงดี จะว่าดีก็ไม่ใช่ แย่ก็ไม่เชิง พูดยากจริงๆ

   “แล้วนายล่ะวัต เป็นไงบ้าง” ลินหันมาเลิกคิ้วถามผม

   เออนั่นดิ คนอื่นเขาโดนคำสาปสนุกๆ กันหมด ผมไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ระบบไม่แจ้งอะไรด้วย ผมเกาแก้ม ยิ้มแห้งให้กับดวงตาสามคู่ที่มองมา ฉับพลันความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้นจากภายใน ผมชะงักนิ่ง ยกมือกุมลำคอ

   คอแห้ง... จู่ๆ ผมรู้สึกคอแห้งผาก เหมือนคนที่ขาดน้ำอย่างรุนแรง ผมรีบรื้อเอาขวดน้ำในกระเป๋ามายกดื่มทันที ทุกคนมองด้วยความสงสัย กลหรี่ตามองสังเกตการณ์ หนึ่งขวด สองขวด สามขวด จนเริ่มขวดที่สี่ ความกระหายไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ผมมองมือ เล็บสีดำงอกยาวขึ้น

   “วัต ตานายเป็นสีแดง...”

   ผมเบิกตากว้าง วิ่งไปชะโงกดูหน้าตัวเองบนผิวน้ำ สงสัยลินกลัวผมเห็นไม่ชัด เลยส่งกระจกมาให้ผมส่อง ไม่มีเงาสะท้อน! ผมไม่มีเงาในกระจก!!

   “ฉันพอรู้แล้วล่ะว่านายเป็นอะไร นายกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัวแล้ววัต” สิ่งที่กลพูด ทำให้ผมกลืนน้ำลายอึก นั่นเท่ากับว่า ผมจะไม่ทนแดดเท่าที่ผ่านมา ผมจะมีดวงตาสีแดงในยามใช้พลัง และที่สำคัญ ผมต้องการเลือดตลอด ไม่ได้ดื่มเลือดเฉพาะเวลาบาดเจ็บอีกต่อไป

   คำสาปจากกล่องความแค้นเจ้าชายกบ ผู้เล่นวัต ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์

   “กล...ฉัน....”

   ดวงตาสีแดงวูบไหว เหมือนมีอะไรมาครอบงำร่างกาย สิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณ

   คอแห้ง เหมือนลำคอเป็นผุยผง หิวเหลือเกิน กลิ่นหอมหวาน ชีพจรที่เต้นเร่าอยู่ตรงนั่น รสเลือดที่เคยลิ้มลอง หวานละมุนลิ้นยิ่งกว่าไวน์รสเลิศจากที่ไหน อยาก...ต้องการ... อ่า...อาหารอยู่ตรงนี้แล้ว

   “กล! วัต!!”
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-04-2015 13:16:21
คำสาปจากกล่องถอนได้ไหมนี่ ไม่งั้นกลต้องสูบเลือดจนตัวแห้งแหงเลย

(ลินลิน+ไวไว??  :hao7:)
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 24-04-2015 13:26:40
ไอเทมที่ GM ให้มา มียาแก้บ้างไหม  :katai1:
ถึงดูดเลือด + เลียแผล มันจะฟิน แต่สูบเป็นไดโว่ก็ไม่เอานะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 24-04-2015 13:47:58
mท่าทางไวไวจะน่ารักสุด ตอนนี้ 555+
แล้วจะแก้ได้ไงอ่ะ รอตอนต่อไปนะฮะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 24-04-2015 13:55:29
กรี้ดมากๆ วัตรุกกลจะโดนดูดเลือดจนตัวซีดเลยมั้ย :hao7:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 24-04-2015 15:13:43
วัตค่อยๆดูดนะ เดี๋ยวกลเลือดหมดตัวววว
คำสาปซ้ำคำสาป ของวัตอันตรายมากกก
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: maxiyorka ที่ 24-04-2015 16:59:55
อ่านรวดเดียวเลย สนุกน่าติดตามมากค่ะ

อยากรู้จังว่าเรื่องจะเป็นไงต่อ กลจะโดนดูดเลือดจนแห้งไหมเนี่ย5555
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-04-2015 18:18:46
คุณสามีลำบากอีกแล้วววววววว ตุนเลือดเพื่อคุณภรรยาด้วยนะคะ
ต้องรีบแกคำสาปสินะะ รอตอนต่อไปจ้าาาา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 24-04-2015 18:48:34
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 24-04-2015 20:05:10
ก๊ากกกกกก แต่ละคนดูไม่จืดเลย
แล้วอย่างนี้จะมียาแก้ไหม
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 24-04-2015 20:17:39
ดูดเบาๆหน่อยนะวัต เดวกลก็โดนดูดหมดตัวหรอก เลือดน่ะ เลือด  :hao6:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 24-04-2015 21:33:50
กรี๊ดดดดดดด เป็นคำสาปซ้อนคำสาปจริงๆเลย
แล้วนี่วัตจะดูดเลือดกลจนหมดตัวเลยป่ะเนี่ยยย
อยากอ่านต่อแล้ว >< มาต่ออีกไวๆเลยน้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 25-04-2015 05:31:12
ดูดเลือดเบาๆหน่อยนะ วัต
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-04-2015 09:33:22
อิอิ กลจะทำงัยนิ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 26-04-2015 14:41:29
สนุกกกกก ตายละ ทำไมสงสารกลขึ้นมา ฮาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 27-04-2015 23:15:41
เพิ่งได้อ่านครับ สนุกมาก อ่านแล้วติดเลย แนวเกมส์ผจญภัยที่ผูกผันไปกับชีวิตจริงด้วย ชอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 27-04-2015 23:37:32
ง่าาา ต่ออีกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 28-04-2015 00:48:49
โฮ่ยยยย มาต่อด่วนเลย นี่คือคำสั่ง !! ห๊ะ? ถถถถถ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-04-2015 01:03:19
Lv.13 ค้างคาว

   ผมได้ยินเสียงลินกับไวไวตะโกนมาจากที่ไกลๆ ผมในตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาสีแดงมองกลที่ยืนนิ่งไม่คิดหลบเลี่ยง

   ผม...

   แปะ! พรืด กี๊ดดๆ

   “...”

   “...”

   “...”

   ความเงียบปกคลุมชั่วขณะ เจ้าของดวงตาสามคู่มองตรงมายังก้อนขนสีทองกลมที่ตะกายเกาะเสื้อกลด้วยเล็บเล็กๆ เสียงแหลมเล็กดังออกมาจากเจ้าสิ่งนั้น แบบไม่รู้จะแสดงสีหน้าอะไรออกมาดี กระต่ายแคระไวไวอยู่ในท่าชะงักค้างยื่นมืออยู่กับที่ ลินหันหน้าหนีอับจนซึ่งคำพูด ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือหมาป่าหนุ่มที่ถูกสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตรงอกทำร้ายจิตใจอย่างร้ายกาจ

   ในสมองหมาป่าหนุ่ม นึกคิดไปแล้วว่าจะตั้งรับกับแวมไพร์ที่คลุ้มคลั่งอย่างไรดี นึกไปถึงขั้นหลังจากถูกกระโจนเข้าใส่ จะกางแขนรับปล่อยให้อีกฝ่ายสูบเลือดซะให้พอ พร้อมกระดกยาเพิ่มเลือดรัวๆ หลังจากนั้นจะจัดการด้วยวิธีสุดบรรเจิดเพื่อหยุดแวมไพร์ตัวร้าย

   แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง นอกจากจะไม่เป็นตามที่หวัง แผนการฉวยโอกาส แค่ก! แผนการตั้งรับซะดิบดียังถูกทำลายสิ้น มือหนาประคองร่างน้อยๆ ตรงอดด้วยสายตาว่างเปล่า ยังพอมีเมตตายื่นนิ้วชี้สังเวยค้างคาวขนาดเท่าลูกเทนนิส ให้คมฟันเล็กคมกัดดูดจ๊วบๆ ดับความกระหาย

   ปีกค้างคาวสีดำกระพือเบาๆ เพื่อพยุงกายบนฝ่ามือโดยไม่ร่วงหล่น ไวไวเลิกสตาฟตัวเอง ยืนนิ่งด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ไม่รู้จะหัวเราะเยาะ จะสงสาร หรือสมเพชดี

   กลที่ทำท่าเหมือนจะคลุ้มคลั่งเพราะความกระหายหลังจากเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์ ในยามที่ร่างสูงโปร่งพุ่งเข้าหากล ชั่วพริบตานั้น เพื่อนแวมไพร์ตัวหดจนกลายเป็นค้างคาวสีทองปีกดำ เกาะเสื้อกลร้องขอเลือดเสียงเล็ก ซึ่งเป็นเสียงที่มีแต่คนในปาร์ตี้เท่านั้นที่ได้ยินและเข้าใจ

   “กล ขอเลือดหน่อย หิวจะตายแล้ว กล~ เย้ ได้เลือดแล้ว จ๊วบๆ”

   นี่คือเสียงที่พวกเขาได้ยินแทนเสียงร้องงี๊ดๆ ง๊าดๆ แหลมๆ ของค้างคาวในมือกล หากสังเกตเหมือนหูกับหางหมาป่าจะลู่ตกเหมือนหมาหมดอาลัยตายอยาก ยอมรับชะตากรรมประคองค้างคาวตัวเล็กขนปุยไม่ให้หล่นแอ๊กไปบนพื้น ดีหน่อยที่แถวนี้ต้นไม้หนาทึบ แดดส่องผ่านรำไรให้เห็นทาง จึงไม่เป็นผลเสียกับแวมไพร์ตัวน้อยมากนัก ถึงอย่างนั้น กลก็ยังใช้ขนสัตว์ของตัวเองคอยคลุมไว้อีกชั้นเพื่อความปลอดภัย

   “ทีนี้ พวกเราจะเอาไงต่อไปดี ออกเดินทางไปเมือง หรือจะเก็บระดับแถวนี้ต่อ”

   ลินที่ดูสติกลับมาคนแรกลำสายตาจากเจ้าก้อนขนสีทอง มองหน้ากลพลางอุ้มกระต่ายแคระสู่อ้อมแขนกว้าง กลที่พอทำใจได้แล้ว ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต้องกลายเป็นคนตัดสินใจชั่วคราว เพราะคนที่คอยนำว่าอยากไปไหน ดันติดภารกิจอันยิ่งใหญ่ คือการเติมเลือดให้อิ่มกระเพาะเล็กๆ พอเป็นแบบนี้ กลที่มีค่าเลือดเยอะแถมฟื้นตัวไว เลยไม่คิดจะหยิบขวดยาเพิ่มเลือดขึ้นมาดื่ม เพียงแค่จัดท่าทางให้วัตดูดเลือดง่ายขึ้นเท่านั้น

   “หาที่ปักหลักรอให้วัตฟื้นตัวค่อยตัดสินใจกันต่อ”

   ทุกคนไม่มีปัญหากับข้อเสนอนี้ อีกอย่างเดี๋ยวพวกเขาต้องคุยปรึกษากันด้วยว่าจะจัดการยังไงกับคำสาปที่ได้รับดี แม้มันจะมีทั้งผลดีและผลเสีย แต่การปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่นัก

   พอตกลงกันได้กำลังจะออกเดินทางไปยังถ้ำธรรมชาติใกล้ๆ ไวไวเพิ่งได้สติ ว่าตัวเองถูกอุ้มเป็นตุ๊กตาร้องโวยขึ้นมา

   “เฮ้ย ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องให้เธอมาอุ้ม” ดวงตาสีทองคมกล้าก้มมองเด็กกระต่ายที่อุ้มด้วยแขนเพียงข้างเดียว

   “ฉันอุ้มน่ะดีแล้ว นายในสภาพนี้ต่อให้กระโดดจนขาหลุดก็วิ่งตามพวกเราไม่ทันหรอก” อีกอย่าง เธอชอบอะไรที่มันน่ารักๆ ยิ่งอีกฝ่ายเปลี่ยนจากไอกระต่ายถึก กลายเป็นกระต่ายโชตะแก้มยุ้ยเหมือนตุ๊กตา ยิ่งไม่อยากปล่อยให้ห่างจากตัว ไม่ติดว่าเธอควบคุมตัวเองดีพอ คงจะคว้ามาฟัดทั้งแต่เห็นทีแรกแล้ว

   สิ่งที่ลินบอกคือความจริง กลฝีเท้าไว แม้มีตัวพ่วงเป็นค้างคาวไร้ประโยชน์ ขนาดตัวแค่นั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าตัวอยู่แล้ว ทางลิน ปกติเวลาเดินทางพวกเขาผู้ชายสามคนจะชะลอฝีเท้าไว้บ้างเพื่อรอเธอ ที่แม้จะเสริมด้วยพลังลมก็ยังไม่อาจตามฝีเท้าพวกสัตว์ป่าอย่างพวกเขาทันได้ ตอนนี้มันไม่ใช่ ลินกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว มีกำลังเพิ่มมากขึ้น การวิ่งไล่ตามไม่ใช้ปัญหาอีกต่อไป ที่เหลือก็คือตัวเองถูกลดไซส์เป็นเด็กสิบขวบ ต่อให้เป็นกระต่ายกระโดดได้ไกลแค่ไหน เทียบกับช่วงขายาวๆ ของทั้งคู่ คงต้องกระโดดสักสิบรอบ ถึงจะได้ช่วงกระโดดรอบหนึ่งของสองคนนี้ 

   ไวไวเลยได้แต่กัดฟันกอดอกทำท่าฮึดฮัด แบบที่ถ้าอยู่ในร่างปกติคงน่าเกรงใจบ้าง แต่พออยู่ร่างนี้มันเหมือนเด็กน้อยงอนไม่ได้ของเล่นมากกว่า

   “ไปเถอะ”

   กลออกปากเร่ง ลินพยักหน้ารับแล้วออกวิ่งตามกลไปถ้ำธรรมชาติ ทางระหว่างน้ำตกกับบึงกบที่พวกเขาอยู่ พอถึงที่หมาย กลทิ้งตัวลงนั่งบนก้อนหินก้อนใหญ่ ลินนั่งอยู่ไม่ไกล วางไวไวไว้บนตัก

   ถ้ำแห่งนี้กลเคยแวะสำรวจมาแล้วรอบหนึ่ง ไม่มีมอสเตอร์ด้านในแน่นอน เพราะด้านในเดินไม่ไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นทางตัน ยังพอมีช่องให้อากาศถ่ายเท ด้านนอกถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ ดูเหมือนไม่มีใครมาแถวนี้เป็นเวลานานแล้ว พวกเขาจึงใช้ที่นี้พักคุยกันชั่วคราวได้โดยไร้กังวลว่าจะมีมอสเตอร์ที่ไหนมากวนใจ

   “วัตเป็นไงบ้าง” เสียงแตกหนุ่มของชายผมทองหยักศกสั้นระคอ เอ่ยถามก้อนขนสีทองที่ย้ายตัวเองไปนั่งลูบพุงป่องๆ ของตัวเองบนหัวหมาป่าหนุ่ม สีผมน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ช่างตัดกับสีเจ้าค้างคาวดีเหลือเกิน

   “อิ่มตื้อเลยล่ะ เอิ๊ก” บอกไม่พอ ยังมีเรอเป็นหลักฐานยืนยัน กลถึงกับยกมือลูบหน้า แลบลิ้นเลียปลายนิ้วชี้ของตัวเองที่มีรูเล็กๆ สองรูเพื่อสมานแผล หูสามเหลี่ยมขยับดุกดิกเมื่อค้างคาวกลิ้งไปซุกเกาะ

   “ใครเขาถามเรื่องนั้นวะ อาการนายต่างหากที่พวกเราอยากรู้” ไวไวเริ่มทำใจได้กับการต้องกลายเป็นตุ๊กตาประดับตัวลินชั่วคราว จนกว่าคำสาปจะถูกลบล้างออกไป

   “อ่อ ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ดูเหมือนว่าถึงจะกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัว มันไม่มีผลกับฉันเท่าไหร่ แถมพละกำลัง การใช้พลังยังดูเหมือนจะมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย แลกกับต้องดื่มเลือดเป็นอาหารจานหลัก แดดน่ารำคาญกว่าเดิมเท่านั้นเอง”

   ผมกลิ้งไปกลิ้งมาบนหัวกลสบายอารมณ์ พอได้เลือดค่อยดีขึ้นหน่อย อีกอย่างร่างค้าวคาวเล็กๆ นี่ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก ผมเรียกหน้าจอค่าสถานะของตัวเองออกมาดู ภายในเกมนี้จะมีหน้าจอแสดงสถานะต่างๆของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ระดับเลเวล คำสาปที่ได้รับตอนเริ่มเกม อาวุธประจำตัว สกิลที่ใช้ เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองถูกรวมไว้ในจอนี้ เลื่อนจิ้มเมนูดูตามใจชอบ

   ผมใช้มือเล็กจิ๋วปัดจอขยายใหญ่ ฉายอยู่กลางวงให้ทุกคนได้เห็นด้วย มันสามารถเลือกได้ว่าจะให้คนอื่นดูด้วยรึเปล่า ซึ่งผมตั้งเอาไว้ว่า ให้เพื่อนในปาร์ตี้ดูได้

   ชื่อ : อายุวัต
   Lv : 56
   เลือด : 55,000
   อาวุธ : เคียวเกี่ยวข้าว
   คำสาป : แวมไพร์
   คำสาป2 : แวมไพร์บริสุทธิ์

   ผมกดเลือกอ่านคำบรรยายของคำสาป2

   คำสาป2 : แวมไพร์บริสุทธิ์ ผู้เล่นที่ได้รับคำสาปนี้จะต้องมีคำสาปแรกเป็นแวมไพร์ ค่าสถานะ ความสามารถในสายคำสาปดั่งเดิมจะเพิ่มขึ้นสองเท่า แลกเปลี่ยนกับร่างกายจะถูกเปลี่ยนให้มีลักษณ์แบบเดียวกับแวมไพร์ในตำนาน

   นั่นหมายความว่า ผมจะแพ้พวกอาวุธธาตุเงินกับพลังธาตุแสงมากกว่าเดิม แดดเป็นอุปสรรค์กับผมมากขึ้น โชคดีที่ผมโดนคำสาปซ้อนคำสาปเอาตอนเลเวลพอสมควรแล้ว แดดจึงไม่มีผลกับผมมากเท่าไหร่นัก ถ้าหากเลเวลน้อยกว่านี้คงแทบไม่ต้องออกไปไหน

   ผมสามารถเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวทุกเมื่อ โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน อย่างก่อนหน้านี้ ความคิดลึกๆ ของผมคงไม่อยากทำร้ายกล เลยหดตัวเองกลายเป็นค้างคาว ดื่มเลือดน้อยแต่พอพุง
   ทุกคนอ่านข้อความที่ขึ้นบนหน้าจอแล้วพากันแสดงสีหน้าโล่งอก มันดูไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด แถมยังเพิ่มพลังให้ด้วย แลกกับจุดอ่อนหลายๆ อย่างที่มากขึ้น ซึ่งมันไม่เป็นปัญหา หากมีการเตรียมรับที่ดีพอ

   “พอได้อยู่ เอาแบบนี้ดีมั้ย ทุกคนเปิดคำบรรยายของคำสาปอันที่สองมาแลกกันอ่าน เวลาสู้จะได้รู้ว่าใครสามารถทำอะไรได้แค่ไหน อะไรที่ควรระวังจะได้ช่วยกัน ไม่ต้องห่วง สามารถเปิดให้ดูคำบรรยายของคำสาปอย่างเดียวได้”

   ไวไวเสนอ ผมคิดว่ามันเข้าท่า ลินกับกลเห็นด้วย หลังจากนี้พวกเราต้องลุยกันอีกเยอะ กว่าจะไปถึงเมืองถัดไปที่ใกล้ที่สุด แถมไม่รู้ว่าเมืองนั้นจะสามารถทำให้พวกเรากลับเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า

   กระต่ายเด็กเปิดข้อมูลของตัวเองออกมาแบบไม่ปิดบัง ของไวไวไม่ผิดจากที่ผมคาดเอาไว้เท่าไหร่นัก เจ้าตัวถูกลดเป็นกระต่ายแคระก็จริง แต่ได้ความคล่องตัว ความรวดเร็วของการเคลื่อนตัวระยะสั้นมีมากขึ้น ด้วยขนาดตัวที่เล็กลง หูกับกำลังขาดีขึ้น แลกกับพลังกายที่อ่อนลดไป

   ฝั่งหญิงสาวที่กลายเป็นชายหนุ่ม รูปร่างสูงเหมือนเด็กวัยรุ่นลูกครึ่งกับใบหน้าหล่อเหล่า พละกำลัง กับความทนทานของร่างกายมีมากขึ้น สิ่งที่ต้องแลกคือ ความแรงของการใช้เวทมนต์ ด้วสาเหตุที่ว่า ร่างของผู้ชายเชื่อมต่อกับเวทได้ไม่เท่ากับร่างของผู้หญิง แต่ถ้าในอนาคตจัดการดีๆ กลายเป็นนักเวทหนุ่มผู้เก่งกาจได้ไม่ยาก ที่สำคัญ ดูเจ้าตัวจะพออกพอใจกับมันมากทีเดียว

   สุดท้ายกล เขาเปิดให้ดูแค่รายละเอียดของคำสาป กลโดนแบบเดียวกับผม เปลี่ยนแค่ของเขาเป็นหมาป่า มีกำลังกาย ความเร็ว การล่าเพิ่มจากเดิมสองเท่า แน่นอน ย่อมมีสิ่งที่ทำให้แย่ลง ถ้าคืนพระจันทร์เต็มดวงเมื่อไหร่ เจ้าตัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะกลายเป็นหมาป่าสี่ขาจนกว่าจะเช้า หรืออาละวาดแบบเวลาผมหิวเลือด ในส่วนนี้คงต้องมาพิสูจน์กันภายหลัง

   สรุปแล้ว คำสาปภายในเกมนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แตกต่างจากเกมอื่นที่คำสาปมีแต่ผลเสียเท่านั้น ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะสามารถประยุกต์คำสาปเหล่านั้นให้เหมาะสมกับตัวเองได้รึเปล่า ผมกับกลมองหน้ากัน พวกเราชินกับคำสาปแรกเริ่มแล้ว จะเพิ่มความเทพแลกกับจุดอ่อนนิดๆหน่อยๆถือว่าคุ้มค่าอยู่ แม้ไม่ต้องพูด พวกเราสามารถตัดสินใจได้ทันทีว่า จะไม่แก้คำสาปนี้ ทั้งหลักและรองเลย ส่วนไวไวกับลินนั่นอีกเรื่อง สองคนนั้นถูกเปลี่ยนไปแบบคนละขั้ว

   “ฉันกับกลไม่คิดจะลบคำสาปออก พวกนายล่ะเอาไง” ผมในร่างค้างคาวถามสองคนตรงหน้า บนที่นั่งระดับวีไอพี

   “แหงอยู่แล้ว จะจะเอาคำสาปที่สองออก สำหรับฉัน รูปร่างปกติต่อสู้ได้ดีกว่าร่างเล็กๆ ที่ไม่ถนัดแน่นอน”

   กระต่ายแคระตอบแบบไม่เสียเวลาคิดแม้เสี้ยววิ ที่เหลือคือลิน เจ้าตัวเงียบไปพักนึง พวกเราไม่คิดเร่งเร้าปล่อยให้เธอตัดสินใจเอง

   “ฉันไม่ลบคำสาปออก ฉันชอบร่างแบบนี้มากกว่า แม้ว่ามันจะทำให้พลังเวทลดลง แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถใช้ไอเท็มอื่นมาช่วยเสริมได้”

   ลินตอบด้วยสายตาแน่วแน่มั่นคงอย่างคนตัดสินใจได้ ดูเหมือนลึกๆ ในดวงตาคู่นั้น กำลังสนุกกับสิ่งที่เป็นอยู่ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเลย ลินเป็นแบบนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับผมหรือกลทั้งสิ้น เว้นแต่จะขาดอาหารตาอันมีค่าไปเท่านั้นเอง คิดแล้วมันเศร้า ส่วนไวไว เจ้าตัวคงยังไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเอง คงโรยด้วยกระดูกจากนักเวทมืดที่ตัวเองนั่งตักอยู่ โชคดีนะเพื่อน เราจะไม่ลืมนายเลย ผมไว้อาลัยให้ไวไวในใจเงียบๆ สามวิ

   ผมคิดทบทวนแผนการเดิมของพวกเรา ตอนแรกเราจะไปช่วยลินทำภารกิจเพื่อเอาทักษะ แต่ก่อนหน้านั้นต้องเก็บระดับให้ได้ 90 ซะก่อน ซึ่งเราจะทำระหว่างทางไปหาคนรู้จักของกล ให้เขาช่วยแนะนำให้ว่าควรทำอย่างไรกับภารกิจบ้าง มาตอนนี้คงต้องเอาเรื่องของไวไวลัดคิวมาก่อน

   โดยปกติ การล้างคำสาปสามารถทำได้หลายวิธี โดยทั่วไปจะซื้อยาแก้คำสาปมากิน แต่คำสาปที่พวกเราได้รับจากเจ้าชายกบใจแคบ ไม่สามารถใช้ยาลบคำสาปทั่วไปได้ อีกวิธีคือการให้นักเวทสายแสงสว่างมาช่วยลบล้าง อย่างที่เห็น ทีมเราสี่คนปาไปด้านมืดแล้วสาม ที่อยู่ทางสายกลางมีแต่ไวไว วิธีที่สาม เข้าโบสถ์เพื่อถอนคำสาป โดยวิธีนี้ ผม กล ลิน ไม่สามารถทำได้แน่ พวกเราเป็นสายความมืด เข้าสถานที่ ที่มีแต่พลังธาตุแสงที่อยู่กันคนละขั้วไม่ได้ จะให้ไปลากนักบวชสักคนมาล้างเหมือนหาเรื่องบาดเจ็บเพิ่มมากกว่า ใช้ยาก็ไม่ได้ผล

   เหลือวิธีสุดท้าย หาไอเทมที่สามารถลบล้างคำสาปได้ มันหาไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน โลกภายในเกมกว้างใหญ่จะตาย จะไปหาของที่มีอยู่เพียงหยิบมือ เรียกว่าฝันกลางวันเบาๆ ดังนั้น ดีแล้วล่ะที่พวกเราสามคนยอมรับคำสาปโดยดี

   สำหรับไวไว ทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดคือ การเข้าโบสถ์

   “กล แถวนี้พอมีเมืองใกล้ๆที่น่าจะมีโบสถ์บ้างป่าว” ผมบินมานั่งหินข้างๆ แล้วกลับร่างเดิม แบบนี้คุยง่ายกว่า ผมได้ดื่มเลือดควบคุมตัวเองได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในร่างค้างคาวต่อไป แม้ว่ามันจะสบายก็ตาม ไว้วันหลังค่อยแอบอู้โดยสารหมาป่าแล้วกัน

   กลครุ่นคิด เขาเรียกแผนที่จากสร้อยเก็บของออกมากางบนพื้นถ้ำ โดยมีพวกเรานั่งล้อมวงอยู่

หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.12 กล่องปริศนา 24/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-04-2015 01:03:50
Lv.13 ค้างคาว (ต่อ)

   “ส่วนที่เราอยู่ตอนนี้คือทวีปเริ่มต้นสำหรับผู้เล่นเกมใหม่จนถึงเลเวล 95 ปัจจุบัน มันเปิดถึงทวีประดับกลางระดับเลเวล 95-162 จุดมุ่งหมายของเราคือเมืองหลวง ‘เฟอร์นานโด’ ที่อยู่ระหว่างทวีปเริ่มต้นกับทวีปกลาง ทางผ่านของเราส่วนใหญ่เป็นเมืองเล็กๆ ไม่น่าจะมีโบสถ์ แต่ถ้าเราอ้อมไป จะเจอกับเมือง ‘สตาทอส’ ใหญ่ขึ้นมาหน่อย อาจจะมีโบสถ์อยู่ ถ้าให้ฉันแนะนำ เราควรเก็บระดับให้สูงกว่านี้ ก่อนจะเข้าเมืองหลวงดีกว่า พ้นจากทวีปเริ่มต้นไปผู้เล่นสามารถฆ่ากันได้ง่ายๆโดยไม่ผิดกฎ”

   ผมเข้าใจสิ่งที่กลอยากบอก ถ้าพวกเราเดินทางไปตรงๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน น่าจะถึงเมืองหลวงเฟอร์นานโดได้ไม่ยาก ที่นั้นต้องมีโบสถ์แน่นอน เพียงแต่ ระดับของพวกเรายังน้อยเกินไปสำหรับเมืองแห่งนั้น แถมภารกิจที่ลินจะทำดันอยู่ในทวีปกลางด้วย ถ้าพวกเราจะไป อย่างน้อยๆ ต้องเก็บระดับแถวทวีปต้นให้ได้สักไม่ต่ำกว่า 90 ถึงจะเอาตัวรอดในทวีปต่อไปได้

   ถ้าพวกเราวนเวียนแถวนี้ แวะไปที่เมืองสตาทอส พวกเราจะได้เก็บระดับก่อนเข้าเมืองเฟอร์นานโด แต่ที่นั่นไม่รู้จะมีโบสถ์อยู่จริงๆรึเปล่า บางทีพวกเราอาจจะเสียเวลามากกว่าเดินทางตรงไปเมืองหลวง งานนี้ต้องให้ไวไวตัดสินใจ

   “อย่าคิดมาก เอาที่นายต้องการดีกว่าไวไว คนที่เดือดร้อนที่สุดตอนนี้คือนาย เรื่องระดับพวกเราเข้าเมืองหลวงไปล้างคำสาป แล้วค่อยแวะกลับออกมาเก็บก็ยังไม่สาย” ผมตบบ่าเพื่อนฉบับย่อส่วน ลินไม่พูดอะไร เจ้าตัวไม่รีบตั้งแต่แรก ผู้ตัดสินใจตอนนี้จึงกลายเป็นไวไว

   “ฉันอยากจะล้างคำสาปไวๆ ก็จริงอยู่ แต่จะลากพวกนายไปเสี่ยงโชคโดยที่ยังไม่พร้อมคงไม่ได้ อ้อมไปเมืองสตาทอส เก็บระดับไปพลางๆ ก่อนดีกว่า”

   ใจจริงไวไวคงอยากจะล้างคำสาปเต็มแก่ ด้วยนิสัยรักเพื่อนเห็นแก่พวกเรา เลยเลือกที่จะใช้วิธีนี้ ผมหัวเราะ ไวไวก็ยังคงเป็นไวไว เพื่อนซี้แสนดีของผม ในเมื่อเจ้าตัวตัดสินใจแบบนั้น ผมก็จำดำเนินไปตามนั้น ลินมีท่าเหมือนจะขัด ผมยกมือห้ามแล้วส่ายหัว

   ไอกระต่ายแคระเพื่อนผม เวลาที่มันตัดสินใจอะไรแล้ว จะไม่เปลี่ยนใจโดยเด็ดขาด เพราะมันคิดทบทวนมาแล้วว่าทางเลือกไหนคือทางที่ดีที่สุด ดังนั้นไม่ควรไปขัด เป็นการเคารพการตัดสินใจของอีกฝ่าย

   “ถ้างั้นตกลงตามนี้ เราจะแวะไปที่เมืองสตาทอสก่อน ระหว่างนั้น มอสเตอร์ทุกตัว ดันเจี้ยนย่อยทุกที่ พวกเราจะถล่มทิ้งให้หมด ระดับไม่ถึง 90 ไม่ไปเหยียบเหมืองหลวง!”

   ผมกำหมัดชูมือมุ่งมั่น กลเก็บแผนที่เตรียมทำหน้าที่หมาป่านำทาง ไวไวคึกคักตามผมไปด้วย เจ้าตัวชูแขนเล็กๆขึ้นร้องเย้ไปกับผม ลินมองไวไวเหมือนจะเป็นห่วงนิดหน่อย พอเห็นเจ้าตัวตั้งมั่นขนาดนั้น สุดท้ายเลยปล่อยเลยตามเลย

   เมื่อตกลงปลงใจกันได้ พวกเราเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง งานนี้ไม่มีใครรั้งท้าย ลินตีคู่อุ้มไวไววิ่งไปพร้อมกับผมและกล ระหว่างทางเราซัดมอสเตอร์ที่มาขวางทุกตัว ผ่านดันเจี้ยนไหนที่ระดับพลังต่อสู้พอไหวก็มุ่งหน้าเข้าไปจัดการ อันที่จริง ที่พวกเราไม่เคยตายกันสักครั้ง สาเหตุมาจากกลด้วย ปกติเจ้าตัวจะคอยช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเราสามคนตึงมือ จะยื่นมือเข้ามาร่วมด้วยช่วยจัดการทันที

   ด้วยความที่เจ้าตัวระดับสูง สามารถลุยเจ้าพวกนี้ยกฝูงเพียงคนเดียวได้สบายๆ ถ้าไม่มีพวกผมคอยถ่วงจนห่วงหน้าพะวงหลัง ทำให้ตลอดทางมาพวกเราไม่ตายกันเลยสักครั้ง ไม่อย่างนั้นคงวิ่งกันสนุก พอตายกลับหมู่บ้านหรือเมืองที่ใกล้ที่สุด แล้ววิ่งมาลุยใหม่ เสียเวลาสุดๆ

   จะบอกว่ากลพาเด็กน้อยอย่างพวกเราเก็บระดับก็ไม่ผิดนัก ไม่งั้นพวกเราคงไม่ลุยแหลกจนเพิ่มระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบนี้หรอก ปกติคนทั่วไปเขาใช้เวลานานกว่าพวกเราหลายเท่า แต่ด้วยความไม่ประมาท ทุกครั้งที่เราฆ่ามอสเตอร์จะแวะหมู่บ้านใกล้ๆ เพื่อบันทึกจุดเกิด และส่งภารกิจจากชิ้นส่วนมอสเตอร์ที่ฆ่ามาได้

   ผ่านไปสองวัน ระดับพวกเราเลื่อนขึ้นกันละละสองสามระดับ ยกเว้นกลคนเดียวที่ยังระดับเท่าเดิม เพราะเลเวลเยอะเกินไป แม้การเก็บเลเวลจะช้าในความรู้สึกผม สิ่งที่แลกมากลับคุ้มค่ากว่า ระหว่างพวกเราต่อสู้ ค่อยๆ ปรับสภาพทำให้ชินกับคำสาปที่ได้รับ แรกๆ อาจมีทุลักทุเลกันอยู่บ้าง หลังๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง

   ตอนนี้พวกเราเข้าใกล้เมืองสตาทอสแล้ว พื้นที่บริเวณแถบนี้ติดทะเล มีเรือท่าสำหรับเดินทางไปยังเกาะอื่นในทวีปเริ่มต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งดันเจี้ยนระดับสูง และแผนดินส่วนอื่นๆของทวีปนี้ อย่างพวกผมยังไม่คิดที่จะไป พวกเราตกลงกันว่า จะเคลียภารกิจของเมืองนี้ให้หมดก่อน ค่อยไปลุยดันเจี้ยนพวกนั้นปิดท้ายสักแห่ง พอถึงตอนนั้น เลเวลพวกเราคงจะถึงเกณฑ์พอดี

   เริ่มจาก เควสล่าปูส่งให้ชาวประมงตรงผืนที่หาดทรายรอบนอกของเมืองสตาทอส ปูน้อย ระดับ 82 ต้องล่าเอาเนื้อมันกลับไปให้ NPC สิบตัว ตอนนี้พวกเราเริ่มลาไปได้แล้วสี่ กะว่าอีกตัวเป็นตัวสุดท้ายก่อนพักแล้วลาต่อในรอบบ่าย การซัดกับมอสเตอร์ระดับพอๆ กันทีละหลายตัวมันเหนื่อยจริงๆ

   ไวไวอาศัยที่ตัวเล็ก สไลทราบลอดใต้ท้องปูน้อยไม่สมชื่อ เส้นลวดถูกมัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อลดการเคลื่อนไหวของปู อย่างผมกับไวไวยังดี อาศัยบินกับกระโดด แต่กลกับลิน สองคนนี้วิ่งบนพื้นทรายทำให้เคลื่อนไหวช้าลง ลำบากไม่น้อย พวกเราเลยจำเป็นต้องลดการเคลื่อนไหวของมันให้มากที่สุด ผมยังคงทำหน้าที่เดิม

   หมุนเคียวรอท่า พอกลแงะเปลือกแข็งมันออก ค่อยเจาะเคียวเข้าเนื้อนุ่ม ดูดเลือดมาเพิ่มให้กับทุกคน ทำให้ปูติดสถานะลดเลือดเรื่อยๆ ลินใช้เวทผสมกับอาวุธประเภทดาบมุ่งหน้าสู่วิธีนักดาบเวทเต็มตัว อาศัยกำลังที่เพิ่มขึ้นจากคำสาปและการฝึกต่อสู้กับมอสเตอร์ที่ผ่านมา ช่วยกลกะเทาะเปลือกปูอีกแรง น่าเสียดาย ทหารโครงกระดูกไม่สามารถใช้ได้เต็มที่พอๆ กับสมุนค้างคาวของผม

   จุดที่พวกเราอยู่เป็นจุดโล่งกว้าง หันไปด้านหน้าเป็นทะเล รอบข้างเป็นหาดทราย ท้องฟ้าสว่างโร่ พระอาทิตย์แผดเผา ไม่เหมาะกับพวกชอบอยู่ในที่มืดอย่างผมกับเวทมนต์ที่ต้องอาศัยความมืดของลินเท่าไหร่

   แม้ผมจะทนกับแดดด้วยระดับที่มากขึ้น แต่เจอแดดติดต่อกันนานๆ ชักจะหน้ามืด แสบผิวทั่วทั้งตัว

   “รีบจัดการเถอะ ฉันเริ่มไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเสียงโหยให้ลิน กล ไวไวเร่งมือเข้าก่อนจะได้ค้างคาวเกรียมแทบเนื้อปู ถ้าไม่ติดว่าเนื้อปูที่ NPC ต้องการ คือปูที่หากินตอนกลางวัน พวกเราคงไม่ต้องมาตากแดดทรมานอยู่อย่างนี้

   มอนปูถูกเลาะเปลือกแข็งออกแล้วเป็นส่วนใหญ่ พวกกลเริ่มเผด็จศึก ตัดขาปูพร้อมก้ามมันทิ้ง แล้วลินเสียบดาบเข้าหัวปูจนมิดด้าม พอเสียงระบบแจ้งเตือนว่าสังหารปูเรียบร้อยแล้ว ผมกลับร่างค้างคาว บินเข้าไปซุกในเสื้อลินด้วยความไวแสงเหมือนทุกครั้งที่จัดการปูเสร็จ ปล่อยหน้าที่แงะเนื้อปูให้เป็นของคนอื่นแทน เพราะถ้าขืนผมอยู่กลางแดดมากไปกว่านี้ ตายแหงๆ

   แรกๆ ลินตบผมแอ๊กร่วงลงพื้นไปหลายรอบเหมือนกัน เพราะตกใจนึกว่าตัวอะไรกระโจนใส่ ตอนหลังชิน บางทีถึงกับแหวกเสื้อคลุมนักเวทให้ผมมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าคลุมได้ง่ายๆ เหมือนอย่างคราวนี้ จะถามว่าทำไมผมไม่ไปซุกกับกลหรือไวไวน่ะเหรอ

   ไม่ใช่ว่าไม่ลอง ผมทำไปแล้ว ตัวกลเป็นหมาป่า ปกติอุณหภูมิสูงเป็นทุนเดิม ยิ่งมาอาบแดดแบบนี้ พุ่งขึ้นเท่าทวี พอผมซุกใต้ขนสัตว์ รู้สึกเหมือนเป็นค้างคาวอบ รีบบินออกมาแทบไม่ทัน พอไปหาไอไวไว ชุดมันร้อนไม่ต่าง เกรงจะได้เมนูกระต่ายย่างเสิร์ฟพร้อมค้างคาวอบ อร่อยเหาะ

   ผลกรรมเลยตกที่ลิน ตัวเย็นสุดในทีม เจ้าตัวใช้เวทสายมืดเกี่ยวกับความตาย รอบตัวแม้จะร้อนสักแค่ไหน แต่ก็ยังมีความเย็นเยือกคลุมรอบตัวบางๆ เลยกลายเป็นที่หลบภัยชั่วคราวของผม

   สารภาพตามจริง ทีแรกพวกเราสามคน ยังคงปฏิบัติต่อลินเหมือนตอนที่อยู่ในร่างผู้หญิง ยังไงซะ ถึงจะถูกคำสาปยังไง เนื้อแท้แล้วยังคงเป็นผู้หญิงอยู่ พอทำแบบนั้นกับผู้ชายมันก็ชวนกระอักกระอ่วนนิดหน่อย ไปๆ มาๆ ลินทนไม่ไหว บอกให้คิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนผู้ชายอีกคน เพราะฝันว่าอยากเป็นแบบนี้สักครั้งมานานแล้ว

   พวกเราเป็นผู้ชายใจกว้าง ในเมื่อสาวเจ้าต้องการแบบนั้น เพียงไม่กี่นาที ทุกการกระทำเปลี่ยนไปหมด ราวกับรอเวลานี้มานาน ผมเห็นลินแอบชะงักไปเหมือนกัน แล้วหัวเราะดังลั่นไม่สนมาดสาวงามที่เคยรักษาไว้มาตลอด ผลสรุป ยินดีด้วย ผมได้เพื่อนหนุ่มเพิ่มมาอีกคนแล้วครับ ลาก่อน แม่มดในอดีต ส่วนชื่อเรียก เรายังคงใช้แบบเดิม ด้วยเหตุผลจากเจ้าของชื่อว่า ชื่อนี้ใช้ได้ทั้งชายและหญิง

   “พักกันก่อนเถอะ ไว้ค่อยมาต่อวันหลัง แวะเข้าเมืองเอาของจากมอสเตอร์ตัวอื่นไปส่งภารกิจกันก่อนดีกว่า”

   ลินเสนอ หลังจากเห็นสภาพเหล่าสัตว์โลกที่กำลังถูกทดสอบด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ พอเก็บเนื้อปูเสร็จ ไวไวกระโดดเกาะหลังกล เดินเข้าเมืองพร้อมกับลินที่มีผมโดยสารใต้ผ้าคลุม

   เมืองแห่งนี้ถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ อาคารทั้งหมดสีขาวนวลราวกับถูกสร้างด้วยทรายของแถบนี้ แต่มีความแข็งแรงทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ภายในบ้านเรือนเย็นสบาย รวมกับลมทะเลที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท แถวท่าเรือกับในเมืองมีตลาดของแปลกมากมาย เป็นผลจากการเป็นเมืองท่าสำหรับแวะพักของเหล่านักเดินเรือ เห็นว่าตลาดพวกนี้มีถึงค่ำ ไว้ฟ้ามืดพวกผมค่อยออกมาลัลล้า

   มีเรื่องน่าเสียดายอย่าง ถึงสตาทอสจะมีผู้คนมากหน้าหลายตา สารพัดเผ่าเดินกันให้ควัก สินค้ามากจนเลือกไม่ถูก ที่พักสุดหรูราคาย่อมเยา เหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อนก็จริง แต่ดันไม่มีโบสถ์เสียนี้ การล้างคำสาปของไวไวเลยเป็นหมันไป

   “พวกนายไปส่งภารกิจ ฉันจะไปหาที่พักเอง”

   กลที่ไม่ต้องส่งภารกิจแบบพวกเรา อาสาไปหาที่พักให้ในคืนนี้ จะได้ไม่ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายกันต่อ แค่คิดว่าจะได้พักที่นอนดีๆ ก็รู้สึกฟินจนตัวลอยแล้ว

   หมับ!

   “อย่าบินไปไหนสิ ที่นี่คนเยอะ เดี๋ยวหลงกันพอดี”

   ไวไวมือไวสมชื่อ คว้าตัวผมหมับ ยัดใส่เสื้อคลุมลินตามเดิม กระต่ายแคระย้ายจากหลังกล มาอาศัยหลังลินแทน ท่านนักดาบเวทไม่มีปัญหาอะไรสักนิด แหงล่ะ มีตัวน่ารักๆ สองตัวอยู่ใกล้ๆ สาวที่ไหนก็ชอบ ถึงจะทำตัวเป็นผู้ชายยังไง ลึกๆ ยังคงเป็นผู้หญิงล่ะหน่า

   “ถึงอาคารส่งภารกิจแล้ว พวกนายอย่าซุกซน ปล่อยฉันจัดการเอง”

   ลินกระซิบบอกพวกเรา ผมบินออกมาจากเสื้อคลุมไปเกาะหัวไวไวอีกที สอดส่องสายตามองไปรอบๆด้วยความสนใจ ที่ผ่านมา ผมกับไวไวยังไม่ค่อยได้เปิดหูเปิดตาเท่าไหร่ เจอแต่หมู่บ้านเล็กๆ กับเมืองของคนที่เพิ่งเข้าเกมซึ่งมันไม่มีอะไรเลย

   พอมาเจออะไรที่แตกต่างไปจากเดิม อดตื่นเต้นไม่ได้ หูกระต่ายไวไวโบกไปโบกมา ผมใช้มือเล็กๆ เกาะโคนหูกระต่ายแคระไว้ ตลอดทางมีแต่คนมองมาที่พวกเราตาไม่กระพริบ ยิ่งส่วนใหญ่ในอาคารนี้มีแต่พวกผู้เล่น ยิ่งสนอกสนใจเป็นพิเศษ

   หนุ่มผมทองหยักศกเดินดุ่มๆตรงไปยังเคาน์เตอร์ เปิดกระเป๋าหยิบถุงออกมาสามใบ ส่วนแบ่งภารกิจพวกเราสามคน ส่วนของกล ถ้าเจ้าตัวไม่ยกให้พวกเรา ก็ขายทำเงินไปหมดเกลี้ยง

   “ฉันมาส่งภารกิจสำหรับสามคน ช่วยจัดการให้ทีครับ”

   คำพูดลื่นไหลเป็นธรรมชาติ เหมือนกับลินเป็นผู้ชายมาตั้งแต่เกิด ทำให้ผมกับไวไวอดที่จะทึ่งกับการปรับตัวแสนรวดเร็วนี้ไม่ได้ ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ ได้ข่าวว่าอยู่เพียงแค่มอปลายเท่านั้น ความคิดความอ่านไม่ต่างจากผู้ใหญ่บางคนเลย

   “ค่ะ กรุณารอสักครู่ หลังจากตรวจสอบของทั้งหมดแล้ว ระบบจะแจ้งไปทันทีค่ะ รบกวนเขียนชื่อยืนยันด้วยนะคะ”

   ลินรับกระดาษพร้อมปากกาเซ็นชื่อ ก่อนยื่นให้ไวไวเซ็นต่อ ตามด้วยผมที่บินไปยืนบนเคาน์เตอร์ ใช้สองมือกุมปากกาเขียน เป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจเลยนะเนี่ย กว่าจะฝึกจนเขียนให้อ่านออกได้แบบนี้ แม้จะโดนไวไวกับลินบอกว่าไร้สาระ ผมไม่สน ลองทำอะไรที่แปลกแหวกแนวสนุกดีออก เห็นมั้ย มีแต่คนมองอึ้งๆ ไม่คิดล่ะสิ ว่าค้างคาวสุดหล่ออย่างผมจะเขียนหนังสือได้งดงามขนาดนี้ พนักงานยังยิ้มมุมปากกระตุกเลย

   “ได้ชื่อเรียบร้อยแล้วทั้งสามท่าน ทางเราจะรีบดำเนินการให้นะคะ”

   ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า เหมือนพนักงานอยากเอามือนุ่มๆ มาบีบก้อนขนกลมๆ อย่างผมซะเหลือเกิน

   “พนักงานบริษัทนี้เก่งชะมัด อ่านลายมือค้างคาวเขี่ยออกด้วย” ได้ยินเสียงไวไวบ่นพึมพำ ผมหูผึ่งบินไปใช้ปีกตรบๆเอาเรื่องทันที จนลินต้องจับแยกให้อยู่บนไหล่คนละข้าง ก่อนเดินออกมาจากอาคารส่งภารกิจ

   เท้านักดาบเวทยังไม่ทันจะก้าวออกจากอาคารดี ผู้เล่นหลายคนเดินเข้ามารุมพวกเราใหญ่

   “น้องคะ กระต่ายตัวนี้จับมาจากไหนเหรอ พวกพี่อยากเลี้ยงบ้าง”

   “น้องชาย ค้างคาวสีทองนั่นหายาก พวกเราขอซื้อต่อได้มั้ย”

   และอีกสารพัดคำถาม มีทั้งพวกนักเวท นักดาบ นักธนู หลายเผ่าวนเวียนเข้ามา ลินยังชะงัก ไวไวถูกจับลูบหัว ลูบหู ดึงหางจนโวยวายลั่น ผมดีที่มีปีก รีบบินขึ้นฟ้าหลบรัสมีการคว้าอย่างกับมือซอมบี้ บางคนร้ายกาจ คิดจะเอาดาบตบให้ผมร่วงลงไปหาด้วยซ้ำ

   “โว้ย! พอกันที ฉันเป็นผู้เล่นเฟ้ย ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” กระต่ายแคระแหกปากไม่มีใครสนใจฟังเลยสักนิด ผมเองบินหลบจนหัวหมุน เลยกลับร่างเป็นคนกางปีกค้างคาวอยู่กลางอากาศ อาศัยแรงมหาศาลของแวมไพร์ คว้ากระต่ายแคระเหน็บเอว แบกลินที่ตัวพอๆ กันขึ้นบ่าแล้วเผ่นไปจากตรงนั้น

   “ว๊ากกก อย่าตามมาสิโว้ยยย เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราเป็นผู้เล่นนน” ถึงคราวผมร้องโหยหวนบ้าง หลายคนล่าถอยไปเมื่อเห็นว่าเราเป็นผู้เล่นจริงๆ แต่มีอีกหลายคนสนใจคำสาปที่พวกเราได้รับซะงั้น

   กว่าผมจะสลัดหลุดได้เล่นเอาหืดขึ้นคอ หามุมหลบปล่อยลินกับไวไวลงพื้น ถึงผมจะแรงเยอะ แต่แบกคนแห่เล่นในเมืองกลางวันแสกๆ มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยสักนิด

   “สนุกดีเหมือนกันนะ” คำพูดลินทำเอาผมกับไวไวนั่งกองกับพื้นเอาหลังชนกันทันที ใช่สิ ไม่มาถูกลูบคลำแบบพวกผมนี้

   ไกลจากซอกกำแพงที่พวกผมใช้หลบ ผมรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่พวกเรา ดวงตาสีเทาเรืองสีแดงอย่างระวังภัยทันที ผมหันขวับมองหาเจ้าของสายตานั่นแต่กลับไม่เจอ เลยขมวดคิ้วเกาหัวแกรกๆ สงสัยผมจะคิดมากไปเอง ไวไวกับลินยังไม่มีท่าทีอะไรเลยนี้

   “เกือบไป แวมไพร์นั่นสัมผัสไวไม่เลวจริงๆ” เจ้าของดวงตาเมื่อครู่เอ่ยพลางหัวเราะในลำคอ กับคนสนิทที่นั่งอยู่ตรงข้าม

   “ส่งคนไปจับตัวมาเลยดีไหมหัวหน้า” อีกเสียงเย้าแหย่ คนฟังส่ายหัว

   “ยังก่อน รอดูอีกสักพัก ให้พวกนั้นเก็บระดับมากกว่านี้ ค่อยไปเชิญตัวมา หวังว่านายจะมาด้วยนะ ‘หมาป่านิลกาฬ’ ”
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 28-04-2015 01:30:40
โอ้ย ไวไวมุ้งมิ้ง ส่วนเจ้าวัตก็เข้าโหมดมุ้งมิ้งได้เหมือนกัน  :laugh:
อย่างงี้เจ๊ลินเขาจะยอมให้ถอนคำสาปเหรอ สาวๆ กับอะไรน่ารักๆ
มันเป็นของคู่กันนะพวกนาย ว่าแต่พวกไหนมาจ้องกลุ่มของวัตเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 28-04-2015 01:54:20
ไวไวน่าสงสารอ่ะ มาสายแบ้วเชียว ฟฟฟฟฟฟฟฟ
ปล.คิดภาพวัตตอนเป็นค้างคาวไม่ออก..  ในหัวมีสองแบบคือค้างคาวจริงๆที่ดูแบ้ว หรือค้างคาวแบบโกเลมในดีเกรย์แมน  :ling2:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 28-04-2015 06:43:58
ค้างคาวสีทองนุ่มนิ่มมมมมมม
งั้นแสดงว่ากลก็เป็นหมาป่านิลกาฬสินะะะะ
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 28-04-2015 07:01:43
 :hao3: :katai1: :katai1: น่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-04-2015 15:26:50
หุหุ แล้วกลจะทำงัยละนิ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 28-04-2015 17:45:21
บรรยายซะวัตกับไวไวน่ารักมากๆเลย
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก มาอัพต่อเรื่อยๆและบ่อยๆนะฮะ พลีสสสสสส
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-04-2015 17:53:57
โธ่ ไวไวจะไปแก้คำสาปแล้วเหรอคะ สงสารลินแย่เลย

(แอบขำอาวุธวัต......เคียวเกี่ยวข้าว 555555555555555+  :hao7: เปลี่ยนอาวุธใหม่ได้ไหมมมมม)
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 28-04-2015 20:10:58
กรี๊ดดดด ตอนท้ายนี่ใครงะ ต่อคะต่อ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 28-04-2015 20:24:15
ค้างๆ เจ้าพวกที่จะมาเชิญตัวนี่ใครรร

คนเขียนมาต่ออีกนะ คนอ่านรอ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.13 ค้างคาว 28/4/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 30-04-2015 23:32:24
ไวไวไม่ต้องไปแก้คำสาปหรอก อยู่แบบนี้น่ารักดี
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 03-05-2015 21:08:08
Lv.14 ข้อตกลง

   พวกผมที่ออกไปแห่ในเมืองกันเล่นๆ ในที่สุดก็หลบสายตาผู้คนจนกลับมาถึงห้องพักได้อย่างปลอดภัย โดยมีกลคอยบอกตำแหน่งจากช่องสื่อสารของปาร์ตี้

   โรงแรมที่พวกเราพักไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย อยู่ในระดับธรรมดา หารตังกันออกตามความเห็นของทุกคน ตัวอาคารสร้างจากทรายสีขาวตามชายหาด ที่ไม่รู้ใช้วิธีอะไรในการคงตัวให้มันอยู่เป็นอาคารได้ ตกแต่งด้วยเปลือกหอยต่างๆ ภาพวาดสวยงาม ถือว่าใช้ได้ทีเดียว

   “แล้ว...พวกเราแบ่งห้องกันยังไงล่ะ”

   ผมมองหน้ากล พ่อหมาป่าหนุ่ม ยืนหล่อให้สาวมองน้ำลายหกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ หางเป็นพวงส่ายไปมา สีหน้าเรียบนิ่งปกติ ก้าวเข้ามายืนข้างผมทันทีที่ผมย่างกรายเข้ามาภายในโรงแรม

   “นอนรวมกันหมด มีสองเตียงใหญ่ แบ่งกันเตียงละสองคน” พวกเราพยักหน้าเข้าใจ ไม่ใช่ว่างบไม่พอ อย่างว่า ที่นี่เป็นเมืองท่าสำหรับการค่าขาย และจุดแวะพักของพวกนักเดินเรือ จะคนเยอะห้องเต็ม มีห้องใหญ่ให้นอนนับว่าโชคดีแล้ว

   “ฉันนอนกับไวไวเอง พวกนายนอนด้วยกันไป ตอนนี้กินข้าวกันเถอะ จะได้ขึ้นไปพักผ่อน”

   ลินออกความเห็นแกมบังคับทางสายตา ตอนเธอเป็นผู้หญิง ผมไม่รู้สึกกลัวสายตาของเธอเลยสักนิด ออกจะน่าขำซะด้วยซ้ำไป มีผู้หญิงมาถลึงตาใส่ แต่พออยู่ในมาดชายเต็มขั้น ดวงตาคมๆ คู่นั้น จ้องมาทีเล่นเอาขนลุกซู่ ขยับตัวหลบหลังกลแบบเนียนๆ

   “เชิญตามสบาย ฉันไม่คิดแย่งเวลากอดตุ๊กตากระต่ายแคระของเธอ เอ๊ย นายหรอก”

   “ใครเป็นตุ๊กตาฟะ อย่าให้กลับร่างเดิมได้นะเว้ย จะเอาคืนให้หงายเลย” กระต่ายแคระพ่นไฟใส่ผม ผมยักไหล่ไม่สนใจ เดินนำทีมไปหาโต๊ะนั่ง รับเมนูจากพนักงานร้านมาสั่งอาหาร

   แม้ผมจะเป็นแวมไพร์เต็มตัว แต่ผมยังสามารถทานอาหารแบบคนปกติทั่วไปได้ ถึงมันให้พลังงานไม่เท่าเลือดก็ตาม ผมไม่อยากดื่มแต่เลือด เสียดายของกินดีๆ

   “พวกนายสนใจฉันบ้างเซ่ ลิน ฉันนั่งเองได้ ทำไมต้องนั่งตักด้วย”

   “อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตกลงไปเจ็บหรอก นั่งตักฉันแหละดีแล้ว ที่นี่ไม่มีเก้าอี้สำหรับเด็กนะ แบบนั้นนายจะกินข้าวยังไง”

   ไวไวยังคงโวยวาย แต่ไม่ยักลงจากตักลิน ผมเมินเพื่อนตัวเองหันไปเลือกอาหารกับกลสบายใจ ผมว่าปกติมันขี้บ่นเหมือนผู้หญิงอยู่แล้วนะ พอมันกลับเป็นเด็ก ทำอะไรไม่ค่อยได้ดั่งใจ ยิ่งขี้บ่นมากขึ้นเป็นสิบเท่า ถ้าไม่ใช่ลินอุ้มไว้ตลอดเวลา แล้วมาอยู่ในมือผมหรือกล คงจะจับเตะโด่งชู้ตไปนอกโลกซะ เสียงแหลมเล็กแบบเด็กของนาย มันบาดหูพวกประสาทการรับฟังดีแบบพวกเรา

   “เลิกบ่นมาก กินๆ เข้าไป เอ้าแครอท ไอ้กระต่ายแคระ”

   พออาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ผมใช้ส้อมจิ้มแครอทต้มในน้ำซุปยัดใส่ปากไวไว มันยิ่งร้องหนักเพราะร้อน ลินหันมาถลึงตาใส่ผมใหญ่ หยิบน้ำให้กระต่ายแคระดื่ม ยกผ้าเช็ดปากอย่างดี

   เอาล่ะ เลิกสนใจเด็กเห่อตุ๊กตาตรงหน้า แล้วกินอาหารส่วนของตัวเองดีกว่า ไม่อยากนั่งเป็นเป้าสายตา ให้ตายสิ เกิดมาหล่อนี่มันเป็นบาปจริงๆ ขนาดพี่วินเกิดก่อน เอาความหล่อออกจากท้องแม่ไปเยอะแล้วนะ ยังจะหลงเหลือถึงผมอีกแหนะ เฮ้อ คนหล่อกลุ้ม

   “วัต จวนได้เวลาแล้ว”

   หมาป่าสารพัดประโยชน์ข้างตัวยื่นหน้ามากระซิบข้างหูในระยะประชิด จนผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดแถวหู สะดุ้งสิครับ ไม่รู้เป็นนิสัยน้องโฮ่งหรือยังไง ชอบมาคลอเคลีย ใช้จมูกพิสูจน์กลิ่นฟุดฟิดทุกครั้งที่เจอเป็นประจำ เหมือนหมาหวงเจ้าของ

   อันที่จริงผมชอบหมานะ แต่พี่วินชอบแมว แถมได้นายท่านมา ผมเลยต้องกลายเป็นทาสของทาสแมวคอยดูแลนายท่านไปตามระเบียบ

   “เวลา? อ่อ โอเค เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพวกฉันขอเวลาอยู่ในห้องพักนึงนะ พวกนายไปเดินเล่นตลาดตอนค่ำกันก็ได้”

   ไม่รู้สองคนนั้นเลิกคุยปนด่ากันตั้งแต่ตอนไหน มองผมกับกลตาแป๋ว น่าจิ้มตาบอด เจอผมจ้องเขม็งใส่เข้าไปค่อยรู้สึกตัวว่าต้องตอบ

   “ได้สิ จะนานแค่ไหนก็ตามใจพวกนาย อย่าดึกจนพวกฉันไม่ได้นอนก็พอ เบาๆ หน่อย ที่นี่กำแพงบาง เกรงใจเพื่อนข้างห้อง”

   ไวไวพูดด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยสุดๆ ลินยกยิ้มมุมปากไม่ต่าง ผมหันไปมองหน้ากลอย่างต้องการคำตอบ ว่าไอพวกนั้นมันกินแครอทจนเมาหรือยังไง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ กลดันทำหน้าหมางงใส่ผมอีก แจ่มจริงปาร์ตี้นี้ แล้วไอโต๊ะที่อยู่รอบๆ พวกเราจะตาโตอ้าปากค้างกันทำไม หรือว่าโรงแรมนี้จะใส่อะไรลงไปในอาหาร ผมชะงักส้อมที่กำลังจะจิ้มหมึกนึ่งมะนาวเข้าปากทันที

   “เป็นอะไรไป รีบกิน จะได้รีบไปจัดการให้เสร็จๆ”

   กลหมาน้อยแสนดีของผม จัดการจิ้มหมึกหอมน่ากินมาจ่อที่ปาก เจ้าตัวจมูกไว ไม่ทักท้วงอะไร แสดงว่าอาหารคงจะปลอดภัยสินะ โอเค ผมจะสรุปว่าคนพวกนี้อาการแปลกๆ เพราะโรคประจำตัวแล้วกัน

   ผมอ้าปากงับหมึกแสนอร่อยมาเคี้ยวอย่างเป็นสุข พลางชี้กุ้งเผาเป็นสัญญาณให้หมาป่าข้างตัวบรรจงแกะกุ้ง จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดป้อนถึงปาก ระหว่างตัวเองกำลังตบตีกับปูในจาน ให้ตายสิ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่วินชอบทำตัวเป็นง่อยชี้นิ้วสั่งพี่ชินเป็นประจำ เพราะมันสบายแบบนี้นี่เอง บ้าชะมัด ทำไมผมถึงค้นพบวิชานี้ช้านัก!

   “พวกนายนี่มัน...อยู่ในที่สาธารณะ ไม่ได้มีแค่พวกเราเหมือนที่ผ่านมานะเฮ้ย”

   ผมหันขวับไปทางไวไว เจ้ามารผจญ คนกำลังสบายได้ทำตัวเยี่ยงราชา อย่ามาขัดความสุขค้างคาว

   “นายเองก็ไม่ต่างกันหรอกหน่า” เจอผมสวนกลับอ้าปากพะงาบๆ ไวไวถูกลินช่วยดูแลทุกอย่างเหมือนกัน มองเผินๆ เหมือนหนุ่มหล่อมาดคุณชายผมทองกำลังปรนเปรอเด็กชายกระต่ายที่คิดจะเลี้ยงไว้กินเลย ผมนึกเอะใจอะไรบางอย่าง ออกจากเกมงวดหน้า คงมีรายการโทรหาพี่วินสักหน่อยแล้ว เผื่อในเกมจะมีตำรวจแบบโลกภายนอก จะได้แก้ตัวถูกว่าจริงๆ ไวไวมันแก่ผิดรูปร่าง ไม่งั้นลินคงโดนข้อหาพรากผู้เฒ่าในคราบผู้เยาว์

   ผมหัวเราะในใจ คิดไร้สาระไปคนเดียว หลังพวกเราทานอาหารเสร็จเก็บตัง ลินกับไวไวแยกไปเดินตลาดระหว่างรอพวกเราจัดการภารกิจส่วนตัว ส่วนผมกับกลกลับขึ้นห้องมาก่อน

   “ที่จริงแล้วไม่ต้องทุกวันก็ได้มั้ง ฉันเริ่มคุมตัวเองได้บ้าง ไม่อยากให้นายลำบาก”

   ประตูถูกปิดล็อคเรียบร้อย กลนั่งลงบนเตียงเพื่อสะดวกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ห้องทั้งห้องมืดสนิท ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลยสักนิด ในเมื่อพวกเราทั้งคู่มองเห็นในที่มืดได้สบายๆ

   “กันได้ดีกว่าแก้ ถ้าเกิดปัญหามามันจะยุ่งยาก”

   ผมเกาแก้มถอนหายใจ แล้วขึ้นเตียงตาม แทรกตัวอยู่ตรงหว่างขาของกลที่ยกขาข้างหนึ่งชันเข่าอยู่ คราวนี้ต่างไปจากปกตินิดหน่อย ผมต้องเป็นคนแหวกเสือของกลเอง ทั้งที่ปกติเจ้าตัวจะเป็นคนจัดการให้ สงสัยวันนี้ขี้เกียจ ผมเลยยื่นมือขาวซีดไปดึงปมเชือกตรงอกกลออก แล้วแหวกเสื้อคอขนสัตว์ออกจนเห็นลำคอแกร่ง

   มือขาวซีดของผม ยามวางบนบ่ากลแล้ว สีผิวเข้มของกลตัดกันผมแบบสุดๆ เขี้ยวงอกยาวขึ้นในความมืด ผมใช้ลิ้นแตะเลียเบาๆ เป็นเชิงขอปนบอกเตือน ก่อนจะกดคมเขี้ยวลงไปบนผิวเนื้อ ของเหลวอุ่นไหลทะลักออกมาทันที ดวงตาของผมตอนนี้คงกลายเป็นสีแดงไปเรียบร้อย

   ของเหลวร้อนไหลลงสู่ลำคอ หอมหวานจนเผลอไผล ขยับตัวแนบชิดอย่างลืมตัว แนบริมฝีปากกับลำคอมากขึ้นเพื่อดื่มด่ำได้มากกว่านี้ กลไม่ผลักไสผมสักนิด หางของเขาส่ายไปมาเบาๆ เหมือนกำลังสบายอารมณ์ทั้งที่กำลังถูกสูบเลือดอยู่

   มือร้อนลูบแผ่นหลังผม ก่อนเลื่อนขึ้นมาคลึงแถวท้ายทอย เป็นเชิงบอกว่าให้ผมหยุดได้แล้ว ผมยังไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ จึงดื้อดึงดื่มกินเลือดอุ่นต่อ วงแขนของคนตรงหน้า เลยเปลี่ยนมาโอบเอวผมแนบเข้าหาตัว ใบหน้าโน้มลงมาชิดริมหู

   “พอแล้ว”

   สติผมมันดูเลือนราง เหมือนได้ยินเสียงทุ้มเรียกจากที่ไกลๆ จนรู้สึกถึงความนุ่มชื้นตรงริมหู แถมคมเขี้ยวหมาป่างับหูแหลมของผมเบาๆ สติผมบินกลับเข้าร่างทันที ถอนเขี้ยวผละออกมายกมือกุมหูตัวเองหน้าแดงก่ำ

   “หัดใช้วิธีเหมือนคนทั่วไปหยุดฉันหน่อยจะได้ไหม”

   ผมโวยเสียงรอดไรฟันใส่คนที่กำลังหัวเราะในลำคอตรงหน้า กลนั่งอยู่บนเตียงมีผมอยู่ตรงหว่างขา แขนข้างหนึ่งวางเท้าด้านหลังเพื่อพยุงตัวเอง ส่วนมืออีกข้างมาลูบแก้มผมเล่น ผมปัดมือนั่นออก ดวงตาสีแดง มองไปยังลำคออีกฝ่าย ที่มีรอยเขี้ยวชัดเจน แถมเลือดยังไม่หยุดไหล

   “ฉันไม่อยากทำร้ายนาย เลยใช้วิธีนุ่มนวลในการหยุดนายดีกว่า วัต...ช่วยหน่อย”

   คนมาดนิ่งทำเสียงเหมือนจะอ้อนแบบที่ถ้ามีคนอื่นอยู่เจ้าตัวจะไม่แสดงออกมาเด็ดขาด ผมถอนหายใจหมดปอด ยอมขยับตัวเข้าไปหา แล้วใช้ลิ้นเลียรอยเขี้ยวเพื่อหยุดเลือด น้ำลายผมไม่ได้มีผลการรักษาแบบกล สามารถจัดการได้แค่แผลที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่า ถ้าผมไม่ได้เป็นคนห้ามเลือดเอง ต่อให้ใช้น้ำลายเจ้าตัวเป็นถัง หรือยารักษาเป็นโหลก็ห้ามเลือดไม่ได้ เว้นแต่ว่า จะใช้น้ำมนต์ หรือยาถอนพิษจากเขี้ยวของแวมไพร์เท่านั้น จึงจะมีสรรพคุณห้ามเลือดได้

   แน่นอน ระดับอย่างกล สมุนไพรห้ามเลือดจากเขี้ยวแวมไพร์ เจ้าตัวซื้อมาเก็บตั้งแต่ผมกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัววันแรกแล้ว เพียงแค่เจ้าตัวไม่คิดใช้ ให้ผมจัดการให้ อย่างว่า ไอ้สมุนไพรนั่นราคาแพงระยับ คงกะเอาไว้ใช้เฉพาะตอนผมไม่สามารถจัดการห้ามเลือดได้มากกว่า

   “ถ้าจะกรุณา วันหลังใช้วิธีอื่นเถอะ แบบนี้รู้สึกเปลืองตัวชะมัด”

   “จนป่านี้แล้ว นายน่าจะรู้แล้วนะ ว่าฉันคิดอะไร” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองผมนิ่ง สื่อความรู้สึกหลากหลายจนผมต้องเป็นฝ่ายหลับตาหนี พอลืมตาอีกที ดวงตากลับเป็นสีเทาแบบเดิม จ้องกลับแบบเอาเรื่อง

   “ไอรู้ก็รู้อยู่ ขอเวลาหน่อย หลังๆ นายเริ่มรุกฉันมากจนจะไปไม่เป็นอยู่แล้ว สักวันไวไวกับลินจะเป็นตากุ้งยิงเพราะนาย”

   “นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ” เสียงนิ่งเรียบตอบกลับมาทั้งที่ดวงตาพราวระยับ ผมไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย ล้วงเอาขวดยาเพิ่มเลือดจากกระเป๋า ยัดใส่ปากอีกฝ่ายซะ

   กลแสดงชัดเจนขนาดนี้ ใครไม่รู้คงโง่เต็มทน หลังๆหนักข้อจนผมแกล้งบื้อต่อไปไม่ไหว อย่างเมื่อกี้ เชื่อเลยว่าไอสิ่งที่บอกว่าต้องการ คงไม่พ้นการทำให้ผมไปไม่เป็นแน่

   “ถ้าเป็นไปได้ ช่วยป้อนด้วยก็ดีนะ”

   ดู เพิ่งพูดไปตะกี้ว่าอย่ารุกให้มากนัก ไม่ต้องมาเอียงคอทำหน้าหมาน้อยขอความเห็นใจเลย ผมบ่นด่าในใจไปร้อยแปด มองหมาป่าลีลาเยอะ อ้อยอิ่งจิบขวดยาทีละหยดอย่างกับจิบไวน์ นึกหมั่นไส้ คว้าขวดยามาไว้ในมือ กระดกเข้าปากอึกๆ แล้วจับหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้น ผมคุกเข่าบนเตียงเลยได้อยู่มุมสูงกว่า

   ประกบปากกรอกยาจนหมด พอผละออกถึงได้เห็นชัดๆ กลนิ่งอึ้งอยู่กับที่ มองผมเหมือนไม่อยากเชื่อ หูตั้ง หางชี้ ใบหน้านิ่งๆ เหมือนสติไม่กลับเข้าร่าง แถมอีกสักหน่อย มือขาว ยื่นนิ้วโป้งเกลี่ยยาเพิ่มเลือดที่เลอะตรงมุมปากคนตรงหน้า ก่อนแลบลิ้นเลียนิ้วที่เลอะยาของตัวเอง เหมือนได้เห็นหมาป่ากลอึ้งยกกำลังสอง หางฟูเลยคราวนี้

   “ดื่มยา เป็นเด็กดี พักผ่อนซะนะกล ฉันจะออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อย”

   ขยิบตาให้แถมท้าย กว่ากลจะสติกลับผมก็เปิดหน้าต่าง บินลัลล้าท่องอยู่บนผืนนภาในยามราตรีแล้ว วะฮ่าๆๆ สะใจเป็นบ้า

   “วัต ตัวแสบ....!”

   เหมือนได้ยินเสียงหมาป่าไล่หลัง ผมหัวเราะหนักกว่าเดิม แทบบินไม่อยู่ รู้จักผมน้อยไปซะแล้ว ในเกมนี้ คำสาปแรกเริ่มที่ทุกคนได้รับ มันเป็นการสุ่มจากลักษณะนิสัย หรือรูปร่างของคนๆ นั้น ยกตัวอย่างเช่น ไวไวมันเป็นนักกีฬา ถนัดเรื่องการออกแรงช่วงขามากที่สุด เลยถูกเลือกให้เป็นกระต่าย

   คิดดูเอาแล้วกัน ผมถูกเลือกให้เป็นแวมไพร์ มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ผมจะใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนี้แหละ ปกติของมนุษย์ แรกเริ่มเจอกัน ไม่มีใครงัดเอานิสัยแท้จริงออกมาหรอก อยู่กันไปนานๆ ถึงจะได้เห็น เพราะงี้ไง เขาถึงบอก ไม่ควรตัดสินคนตั้งแต่ครั้งภายนอก ต้องลองทำความรู้จักไปสักระยะ ถึงจะรู้ว่าเขาคนนั้นนิสัยเป็นยังไง หลังจากนี้กลคงจะเริ่มรู้แล้วล่ะว่า ผมนิสัยแบบไหน

   ผมปล่อยให้สายลมเย็นในตอนกลางคืนพัดผ่านร่างกายไป ขณะโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ไม่ได้ออกมาร่อนคนเดียวนานมากแล้ว กลิ่นอายของทะเล ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ผมฟังเสียงคลื่นอย่างเพลิดเพลิน ฉับพลัน ดวงตาสังเกตเห็นเงาวูบไหวร่างหนึ่งแถวชายหาดเขตของโรงแรม

   ด้วยนิสัยขี้สงสัยส่วนตัว อดไม่ได้ที่จะร่อนลงไปดู ลอบตามเงาร่างนั้นไป ฝีเท้าของแวมไพร์นั่นไร้เสียง แฝงกายอยู่ภายในเงามืด ยิ่งเป็นเวลากลางคืน ไร้แสงไฟนอกจากแสงจากดวงจันทร์แบบนี้ ไม่มีใครหาผมเจอง่ายๆ ถ้าเป็นระดับสูงกว่ามากๆ ก็อีกเรื่อง

   เงานั้นหยุดลง ยืนอยู่ตรงพื้นโล่งที่มีต้นไม้ล้อมรอบตามธรรมชาติ ผมหยุดตาม หลบอยู่ในเงาไม้ มองด้วยความสนใจ จู่ๆ  ร่างนั้นพลันหายไป พริบตาเดียว ร่างกายผมถูกรวบกอดทั้งตัว ยกจนเท้าลอยเหนือพื้น ผมตกใจ รีบเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาว พอจะบินหนี ถูกตาข่ายครอบดักไว้เหมือนรู้ว่าผมจะบินไปทางทิศไหน

   ผลสุดท้าย ผมเลยกลายเป็นค้างคาวร้องเสียงแหลมอยู่ในตาข่าย เยื่องไปทางด้านขวา ปรากฏเงาร่างของคนอีกหนึ่งคน เดินมารวบตาข่ายที่จับผมไว้ยกขึ้นดู
 
   “ไม่คิดเลยว่าระหว่างเดินเล่น จะจับค้างคาวได้หนึ่งตัวแบบนี้”

   “ไม่เอาหน่า อย่าแกล้งเด็ก ปล่อยเขาออกมา”

   ฟังจากเสียง บ่งบอกว่าสองคนนี้เป็นผู้ชายทั้งคู่ ผมขยับตัวมองดีๆ ถึงได้เห็น ชายหนึ่งคนสูงโปร่งยื่นตาข่ายให้ชายอีกคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำแบบที่ไวไวเทียบไม่ติด เขาแกะผมออกจากตาข่ายอย่างเบามือจนน่าสงสัย ผมไม่อยากอยู่ในเงื่อมมืออีกฝ่ายนาน แม้ร่างค้างคาวจะดี แต่ไม่สามารถต่อสู้อะไรได้ เลยเลือกกลับร่างเดิมดีกว่า

   “พวกคุณต้องการอะไร”

   ดูจากท่าทางต้องการกักตัวผมเต็มที่ ไอคำที่บอกว่าเดินเล่นแล้วบังเอิญจับผมได้คงโกหกแน่ เป้าหมายของคนพวกนี้อยู่ที่ผมตั้งแต่แรก ก่อนอื่น ต้องติดต่อหาคนอื่นในปาร์ตี้

   “ทั้งที่ถาม แต่กลับไม่รอคำตอบ ติดต่อเพื่อนหรือ ดีเหมือนกัน แบบนี้ง่ายขึ้นเยอะ เรียกเจ้านั่นมา”

   เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในคอของชายร่างกำยำ ดูขบขันกับท่าทางผมเต็มที่

   “เจ้านั่น เจ้าไหน?” ผมขมวดคิ้ว กลุ่มปาร์ตี้ผมมีตั้งสามคน แบบไม่นับรวมผม แล้วมันคนไหนล่ะ

   “ดูเหมือนจะไม่ต้องติดต่อแล้ว”

   สายลมพัดวูบเหมือนมีใครวิ่งผ่านมายังจุดที่พวกเราอยู่ ก่อนสายลมนั้นจะหยุดอยู่ตรงหน้าผม ขนหมาป่าสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เรือนผมสั้นระคอพลิ้วไปตามกระแสลมในตอนกลางคืน แขนข้างหนึ่งกางออกกันผมไว้ด้านหลังอย่างปกป้องแกมหวง

   “ทำไมไม่ติดต่อฉันมาโดยตรง” หมาป่าหนุ่มพูดในลำคอเจือเสียงขู่ ชายร่างโปร่งผมแอบสะดุ้ง ส่วนคนตัวใหญ่ไม่มีทีท่าอะไรเลยสักนิด

   “กล้าพูดนะนิลกาฬ ฉันติดต่อไปร้อยรอบแล้ว นายไม่ตอบกลับมาเลยถึงต้องถ่อสังขารมาจากทวีปกลาง ดักรอพวกนายที่เมืองนี้ไง”

   ผมอยู่ด้านหลังไม่เห็นสีหน้ากล เห็นแค่ว่าเขายกมือเรียกหน้าต่างจดหมายออกมาดู นิ้วเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ผมชะโงกหน้ามองข้ามไหล่ จดหมายเรียงยาว เปลี่ยนไปหน้าสองหน้าสามยังมี ทุกฉบับไม่เคยถูกเปิดอ่าน พอถึงหน้าสี่ กลกดเลือกจดหมายทั้งหมด แล้วลบทิ้งต่อหน้าต่อตาทุกคน

   “เฮ้ย! ไม่คิดจะเปิดอ่านหน่อยเลยเรอะ” ชายท่าทางขี้เล่นเจ้าของตาข่าย อดไม่ได้ที่จะโวย ในจำนวนพวกนั้นมีจดหมายที่พวกเขาส่งไปด้วยนี่หว่า

   “ไม่จำเป็น มีอะไร พูดมา” สั้นง่ายได้ใจความ ท่านหมาป่ายังคงนิ่งได้นิ่งดีเหมือนเคย

   “คุยตรงนี้คงไม่เหมาะ ฉันขอเชิญนายไปที่เรือของฉันแล้วกันนิลกาฬ”   

   กว่าผมจะรู้สึกตัว ร่างก็ถูกยกขึ้นพาดบ่าพร้อมปีกนกแข็งแรงถูกกางออกกว้าง ขยับเพียงวูบเดียวตัวผมกับเจ้าชายตัวโตลอยขึ้นเหนือพื้นไปหลายเมตร เสียงกลกัดฟันกรอดอยู่ด้านล่างเพราะไม่อาจบินตามขึ้นมาได้ เขาไม่กล้าซัดอาวุธอะไรใส่คนที่แบกผมอยู่ ผมเข้าใจ ถ้าหมอนี้ร่วงไป ผมร่วงตามแน่ เพราะตอนนี้ผมถูกมัดด้วยโซ่เงินกางปีกไม่ได้

   “อินทรี!!”

   หมาป่าบางตัวคำรามเหมือนจะคลั่ง รู้ทั้งรู้ว่าถูกหยอก แต่พอโดนโฉบเอาของสำคัญไปต่อหน้าต่อตา ไม่พอ ของสำคัญที่ว่าอยู่ใกล้ตัวชนิดขยับมือก็จับได้ เผลอลดกาดแค่ชั่ววูบ ชวนให้เจ็บใจแบบสุดๆ

   ผมมองกลที่วิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว มองดูเหมือนแมวหมาป่ากำลังหยอกเล่นกับอินทรียักษ์ยังไงชอบกล ที่น่าเห็นใจสุดคงไม่ใช่ผมที่โดนเอามาเป็นเหยื่อล่อหมาป่า เป็นชายผู้ถูกทอดทิ้งยืนอึ้งเพียงลำพัง รู้สึกว่าจะเป็นพวกเดียวกับคนที่แบกผมอยู่ ตอนนี้เลยมีสองคนทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อวิ่งไล่กวดตามมา

   อินทรียักษ์กระพือปีกอีกวูบ บินมาทางทะเล ทิ้งห่างสองคนแบบไม่เห็นฝุ่น อารมณ์นี้ผมอยากโบกมือให้สองคนที่กำลังพายเรือตามอยู่ด้านล่างใจจะขาด ติดแต่แขนถูกมัดเป็นดักแด้เลยได้แต่หัวเราะเป็นเพื่อนคนที่แบกผมอยู่

   เขาบินจนมาถึงเรือขนาดกลางลำหนึ่ง พอเท้าแตะพื้นก็ปล่อยผมลง ปลดโซ่ให้เรียบร้อย แถมยังเชิญผมไปนั่งเล่นรอสองคนนั้นพายเรือแจวในห้องกัปตันเรืออีก

   “ดูเธอไม่กลัวฉันเลยนะ” อินทรีหนุ่มมองผมด้วยรอยยิ้มมุมปาก ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ รับนมอุ่นจากลูกเรือมาดื่มสบายใจ

   “คุณไม่มีเจตนาร้ายกับผม ทำไมผมจะต้องกลัวด้วย” ถ้าเขาคิดจะทำร้ายจริง ผมคงตายไปตั้งแต่ถูกคว้าตัวได้รอบแรกแล้ว ไม่รอดจนมานั่งจิบนมเบิกบานอยู่อย่างนี้หรอก

   “งั้นหรือ เฮ้อ...เธอคล้ายกับคนนั้นจริงๆ ทำไมฉันต้องช้ากว่าคนอื่นอยู่เรื่อย ทั้งที่เป็นถึงจ้าวแห่งท้องนภาแท้ๆ”

   ผมวางแก้วเปล่าลง มองชายที่นั่งทอดถอนใจตรงหน้า นึกสงสัย ผมคล้ายใครหว่า เอ๊ะหรือผมจะหน้าโหล ไม่จริงหน่า ผมชักกังวลซะแล้ว

   ปัง!

   ประตูไม้ถูกกระแทกเปิดอย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่นเรือ สองร่างที่เพิ่งมาถึงเรือจ้ำพรวดๆ เข้ามา คนหนึ่งไปโวยอินทรีหนุ่ม ส่วนอีกคนเดินมาจับผมลุกขึ้นหมุนสำรวจทั้งตัว พอเห็นว่าไม่มีส่วนไหนบุบสลาย ถึงถอนหายใจโล่งอก พลางกอดผมแน่น หางส่ายไปมาอย่างเกรี้ยวกราด

   “เล่นแบบนี้ไม่ขำ”

   กลดูจะหงุดหงิดเอาเรื่อง คนถูกจ้องไม่สะทกสะท้าน ยักไหล่ใช้เท้ายันเอาคนที่โวยวายอยู่ข้างตัวไปไกลๆ

   “เรื่องของนาย แต่ฉันสนุก มาแนะนำตัวกันดีกว่า ฉัน ‘อินทรี’ เรียกพี่อินก็ได้ เป็นเจ้าของเรือลำนี้ ส่วนเจ้านั่น ‘เจตน์’ คู่หูฉันเอง”

   ผมพยักหน้ารับ แล้วแนะนำตัวบ้าง

   “วัตครับ ว่าแต่ ทำไมพี่อินถึงเรียกกลว่านิลกาฬล่ะ” ไอคำว่านิลกาฬผมก็พอจะเข้าใจว่ามันมาจากสีผมสีตาของเจ้าตัว แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ชื่อในเกมเป็นหมาป่าสุดหล่อ ชื่อจริงคือกลวัชร แล้วทำไมถึงมีนิลกาฬโผล่มาได้ สองคนนี้ต้องรู้จักกันนอกเกมแหงๆ

   “อ้าว กลไม่ได้บอกเหรอว่า....”

   “ฉายาฉันเอง ไม่สำคัญอะไร บอกมา มาปั่นหัวฉันแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่อินทรี”

   ผมขมวดคิ้ว ดูก็รู้ กลจงใจตัดบทไม่ให้พี่อินพูดเรื่องของตัวเองออกมา เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากบอก ผมไม่คิดเซ้าซี้ ไว้สักวัน กลอยากเล่าเดี๋ยวคงเล่าออกมาเอง ระหว่างสองหมาป่าอินทรีกำลังตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผมหลบฉากมาช่วยพยุงบุคคลผู้น่าสงสาร เท้าสัตว์กินเนื้ออย่างอินทรีคงจะหนักไม่น้อย

   “ขอบใจน้องชาย นายนี้หน้าคล้ายคนๆ นั้นชะมัด ติดแค่ทางนั้นจะดูเข้มกว่า มิน่าอินมันถึง เดี๋ยวกอด เดี๋ยวแบก”

   ปึก! ปึก!!

   มีดสั้นสองเล่ม ถูกปาเฉี่ยวหน้าคนพูดมากไปปักแน่นบนแผ่นไม้ ไม่รู้สองคนที่ทำสงครามสายตากันจนถึงเมื่อครู่ หูผึ่งฟังบทสนทนาทางนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

   “โอเคๆ ไม่พูดอะไรแล้ว ลูกศิษย์อาจารย์คู่นี้ ภายนอกนิสัยต่างกัน ที่เหมือนคงมีแต่ความมือไวเท่านั้นแหละ ว๊ากกก”

   ผมถอยฉากอีกรอบ ไม่คิดช่วยคนที่กำลังกระโดดหลบมีดสั้นรัวๆ นึกไว้อาลัยในใจ ละความสนใจไปหาสิ่งที่น่าสนใจกว่า ถ้าเมื่อกี้ผมได้ยินไม่ผิด

   “ลูกศิษย์กับอาจารย์?” ผมส่งเสียงสูงด้วยความสงสัย สองคนนั้น คนหนึ่งทำหน้านิ่ง อีกคนยิ้มมุมปาก ไม่มีใครตอบคำถามผมสักคน ให้มันได้แบบนี้สิ

   “เข้าเรื่องกันสักทีดีกว่า ฉันติดต่อนายไปเพื่อให้มาช่วยทำภารกิจหนึ่ง”

   พี่อินผายมือเชิญให้พวกเรานั่งที่ ผมเลือกเก้าอี้ตรงข้ามกับพี่อิน ข้างๆ กล เพราะเจ้าตัวไม่ยอมให้ผมไปนั่งไกล อย่างกับกลัวว่าพี่อินจะลุกขึ้นมาเล่นอะไรตุกติกอีกอย่างนั้นแหละ ทางพี่เจตน์ ผมขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกัน เจ้าตัวก้มหน้าก้มตาเก็บมีดสั้นไป บ่นอุบไป นำมาส่งคืนให้เจ้าของทั้งสองคน ก่อนนั่งเยื่องผมไปหน่อย
   
   “อย่าเพิ่งปฏิเสธ รอเจ้าของภารกิจมาคุย แล้วนายค่อยตัดสินใจ ฉันเชื่อว่านายต้องยอมตกลงช่วยแน่ๆ นิลกาฬ”

   เจ้าของเรือกดนู่นจิ้มนี้บนหน้าตาที่โชว์ขึ้นมาสักพัก หน้าต่างก็ขยายออกกว้างให้พวกเราเห็นกันทุกคน คนที่อยู่บนจอทำให้ผมตาโต

   “ติดต่อมามีอะไร ถ้าไม่มีธุระสำคัญ ศพไม่สวยแน่”

   “ใจเย็นก่อน ฉันมาคุยเรื่องภารกิจของนายนั้นแหละ ตอนนี้หาคนช่วยได้แล้ว”

   น้ำเสียงที่พี่อินใช้พูดกับคนในจอแตกต่างจากที่พูดกับพวกเราชัดเจน ต่อให้เด็กสามขวบมาก็ฟังออก ชายคนนี้มีความรู้สึกพิเศษกับชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน

   เจ้าของดวงตาสีเทาเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสี่คู่ที่กำลังประสานสายตามองมาที่ตน เขากวาดตามองเร็วๆ รอบหนึ่ง สะดุดเข้ากับผู้มีดวงตาสีเดียวกัน คิ้วขมวดคลายออกเป็นรอยยิ้มที่มีให้กับน้องชายเพียงคนเดียวเท่านั้น

   “ไงเจ้าวัต ถูกลากตัวมาด้วยรึนี้ ดีเหมือนกัน กำลังคิดอยู่ว่าจะชวนมาทำภารกิจด้วย”

   บทสนทนากลายเป็นของสองพี่น้อง ที่เหลือในห้องถูกลดตำแหน่งเป็นตัวประกอบฉากชั่วคราว ผมย้ายตำแหน่งมานั่งใกล้จอมากขึ้น จะได้คุยสะดวกๆ

   “พี่วินอู้ทำงานมาเล่นเกมเหรอพี่” ผมเอ่ยแซวหัวเราะขำ โดนพี่ชายแยกเขี้ยวใส่ไปหนึ่งที

   “พี่ก็คนจะเฮ้ย จะให้ทำงานแบบไม่พักสมองเลยได้ไง ยังไงงานส่วนของพี่ก็เคลียเสร็จหมดแล้ว รอแปบ เดี๋ยวจะล็อกอินเข้าเกม จะได้คุยกันต่อหน้าเลย”

   พูดจบหน้าจอหายไป กลดูขรึมลงกว่าเดิม คล้ายกับกำลังคิดแผนการรับมือสิ่งที่ร้ายกาจอะไรบางอย่าง พี่อินฮัมเพลงดูอารมณ์ดีเหลือเกิน พี่เจตน์คงธรรมดาสุด หันมาคุยเล่นกับผมระหว่างรอคนมาอธิบายภารกิจ พอมีช่วงพักหายใจ ผมถึงค่อยสังเกตพี่ชายทั้งสองชัดๆ

   พี่อินเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่เหมือนพวกตำรวจทหาร ใส่เสื้อแบบพวกกัปตันเรือโจรสลัด เรือนผมสีเปลือกไม้ตัดสั้นทั้งหัว มีแค่ช่วงท้ายทอยที่ยาวจนถึงกลางหลัง มัดรวบด้วยเชือก หูข้างหนึ่งเจาะใส่ต่างหูขนนกสีน้ำตาลสองสามเส้น คิดว่าคงเป็นขนปีกเจ้าตัว ใบหน้าเข้มแบบคนอายุยี่สิบกลางๆ ดวงตาสีอำพันคมเหมือนอินทรี จมูกโด่ง มุมปากมักจะยกยิ้มตลอดเวลา ข้างเอวมีดาบยาวหนึ่งเล่ม กับสารพัดมีด ดาบสั้นของมีคมที่เห็นแวบๆ ยามขยับตัว
   
   ถัดมาพี่เจตน์ ทางนี้ดูไม่ไปทางเดียวกับพี่อินสักนิด เจ้าตัวใส่ชุดรัดกุมเน้นการเคลื่อนไหวแบบพวกนินจา ที่ไม่มีผ้าปิดหน้า ดูเผินๆเหมือนเดินตัวปลิวสบาย แต่ผมเชื่อว่ามันต้องซ่อนสารพัดอาวุธไว้แน่ๆ เส้นผมสีครีมยาวมัดรวบครึ่งหัว คลอเคลียใบหน้าหล่อพราวเสน่ห์ นับรวมกับไฝตรงใต้หางตาซ้าย บ่งบอกยี่ห้อเป็นพวกแพรวพราวเจ้าชู้ตัวพ่อ

   ผู้เข้าประกวดหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสอง ใครชอบใครกดเลือกกดหมายเลขส่งมาที่เบอร์ด้านล่างจอนี้... ห๊ะ อะไรนะ จะเอากลเข้ามาอยู่ในตัวเลือกด้วย ไม่ได้หรอกครับ คนๆ นี้ของผม เชิญเลือกผมแทนแล้วกัน เบอร์สามครับเบอร์สาม

   “น้องชาย เป็นบ้าตามไออินมันไปแล้วเหรอ นั่งทำหน้าพิลึกอยู่คนเดียว” พี่เจตน์ทักผมด้วยสีหน้าหวาดๆ ผมไม่ตอบ ลุกขึ้นหลบมายืนริมหน้าต่าง มองภาพพี่เจตน์ถูกพี่อินไล่ซัด ไม่เข็ดจริงๆ ให้ตายเถอะ

   สักพัก เสียงกระพือปีกของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ดังอยู่บนดาดฟ้าเรือ พวกเรามองหน้ากัน พุ่งตัววิ่งตามพี่อินไปดาดฟ้าเรือทันที สิ่งที่เห็นทำให้ผมอ้าปากค้าง ผู้เข้าประกวดหมายเลขสี่มาแล้ว!

   ร่างสูงโปร่งในชุดสีดำล้วนเหมือนท่านปีศาจมากจากไหน เขาสีดำโง้งไปทางด้านหลังปานท่านซาตาน ตัดกับเรือนผมสีทองสว่างระคอ ใบหน้าหล่อเหล่าปานเทพบุตร และปีกสีขาวบริสุทธิ์หุบเก็บตรงแผ่นหลัง ก่อนจะถูกทำให้หายไปหลังการใช้งาน

   ผมยืนลูบคางมองพี่ชายตัวเองเดินเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเรา นี้เป็นครั้งแรกที่ผมเจอพี่ชายในเกม ดูเหมือน ไม่ใช่ร่างอวตารของ GM เป็นเพียงตัวละครสำหรับเล่นธรรมดาเหมือนผม เจ้าตัวไม่ปิดสถานะพื้นฐานแม้แต่อย่างเดียว

   ชื่อ : อาชวิน
   Lv : 109
   เลือด : 125,000
   อาวุธ : ไม่มี
   คำสาป : เทพบุตรซาตาน

   ชื่อคำสาป ทั้งที่มันควรจะแปลก แต่ทำไมผมรู้สึกว่ามันโคตรเหมาะกับพี่วินให้ตายสิ นี่มันเป็นการรวมตัวของเทพกับปีศาจชัดๆ แม้ว่าจะเอนๆ ไปฝั่งปีศาจมากกว่าก็ตาม

   “เสียเวลาไปหน่อย ครั้งล่าสุดที่เล่นดันออฟไลน์ซะไกล มัวมองอะไรกันอยู่ เข้าไปคุยรายละเอียดของภารกิจกันได้แล้ว”
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 03-05-2015 21:08:48
Lv.15 ท่านซาตาน

   พี่วินเดินตรงมาหาผมเป็นคนแรก แขนยาวกางออกคว้าคอผมเดินนำเข้าไปในห้องกัปตันเรือราวกับว่าที่แห่งนี้คือปราสาทของตัวเอง เอ่อ...พี่วินครับ เจ้าของเรือมองพี่แทบอยากจะจับขังไว้ดูเล่นในเรืออยู่แล้ว แถมมาคนเดียวไม่มีองครักษ์ เดี๋ยวโดนฉุดไม่รู้ตัวหรอก

   “พี่ชินล่ะฮะ” ผมกระซิบถามได้ยินกันแค่สองคน จากการคาดเดาของผม พี่อินคงไม่อภิรมย์กับชื่อพี่ชินสักเท่าไหร่

   “ติดงาน เดี๋ยวตามมาที่หลัง ไวไวกับเด็กคนนั้นไปไหน ไม่ได้เล่นด้วยกันรึไง”

   “พวกนั้นอยู่ที่เมือง ผมมาเดินเล่น โดนพี่อินลากตัวมาพร้อมกับกล”

   ผู้มาใหม่เลือกนั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะแทนเจ้าของเรือ ซึ่งเจ้าของเรือเองไม่ว่าอะไรสักคำ ยืนนิ่งยิ้มอารมณ์ดีอยู่คนเดียว จนพี่เจตน์ขยับถอยห่าง เว้นระยะราวกับกลัวติดเชื้อไวรัสอะไรบางอย่าง

   ผมนั่งตรงข้ามพี่วิน ข้างๆ มีกลตามมานั่งสมทบ ทำให้คิ้วท่านซาตานกระตุกยิกๆ แต่ไม่พูดอะไร เลือกพูดเข้าเรื่องแทน ส่วนในใจคิดอะไรอยู่ อันนี้ผมไม่รู้นะ รู้แค่ว่ากลเงียบลงเหมือนเป็นใบ้ไปเรียบร้อย

   “วัตคงจะงงว่าทำไมภารกิจของพี่ถึงให้อินช่วยหาคนให้ พี่จะอธิบายให้ฟังแล้วกัน” ผมพยักหน้ารับหงึกๆ เป็นเด็กดีว่าง่ายเชื่อฟังพี่

   เจ้าตัวบอกว่า ภารกิจนี้บังเอิญได้มาตอนเข้ามาเล่นเกมหลังจากห่างหายไปนาน มันเหมือนกับภารกิจลุยดันเจี้ยนทั่วไป เพียงแต่ว่า มันเป็นปาร์ตี้ใหญ่ ซึ่งพี่วินมีคนไม่ครบ เลยวานพี่อินที่พอมีเวลา หาคนช่วยลง แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น พี่อินลากปาร์ตี้ผมมาช่วยดำเนินภารกิจ ถือว่าจังหวะดีทีเดียว

   พวกผมกำลังเก็บระดับพอดี ตอนแรกคิดจะเก็บกับมอนสเตอร์แถวนี้ก่อนให้เลเวล 90 ค่อยลุยดันเจี้ยนสักแห่งก่อนไปเมืองใหม่ ถ้าผมไปช่วยพี่วินลุยดันเจี้ยน นั่นเท่ากับว่าผมได้เก็บระดับโดยมีคนเลเวลสูงๆ มาช่วยตั้งหลายคน ได้ลงดันเจี้ยนกับพี่ชาย มีโอกาสได้ของดีๆ มาใช้

    อีกอย่าง ฐานะพี่วินไม่ธรรมดา การมีผู้เล่นทั่วไปมาปะปนด้วย อาจเกิดปัญหาได้ในอนาคต อย่างที่รู้กัน แม้ว่าพี่ชายผมจะไม่ใช่คนดังปานดาราที่มีข่าวรายวัน แต่ถ้าหากเป็นคนในวงการเกม หรือวงการโปรแกรมเมอร์แล้วล่ะก็ ย่อมรู้จักกับพี่ชายผมแน่นอน เจ้าตัวเป็นถึงหนึ่งในแกนหลักของผู้สร้างเกมนี่

   ส่วนรายละเอียดภารกิจ จากที่ผมฟังไม่ซับซ้อนอะไรมาก พี่วินบอกว่าภารกิจนี้ ต้องนั่งเรือไปยังเกาะร้างที่อยู่ไม่ไกล แล้วหาทางเข้าไปภายในดันเจี้ยน ฆ่าบอสที่นั่นซะ ภารกิจก็เป็นอันเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องกลับไปส่งให้เหนื่อย ถ้าหากตกลงทำแล้ว ทุกคนในปาร์ตี้จะได้รับภารกิจเดียวกัน ผมนึกเอะใจอะไรบางอย่าง เลยออกปากถาม

   “แบบนี้ถ้าคนอื่นได้รับภารกิจเดียวกัน จะไม่แย่งกันทำเหรอพี่”

   ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วมอง พลางหัวเราะเสียงน่าฟัง

   “อืม...เข้าใจถาม ไม่ต้องห่วง ภารกิจนี้รับได้ทีละปาร์ตี้เท่านั้น คนอื่นจะรับภารกิจไปทำได้ตอนพวกเราเคลียเสร็จ ที่เหลือไว้ค่อยคุย วันนี้ดึกแล้วแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมารวมตัวกันที่เรือ อินฝากด้วยนะ ไปวัต กลับเมืองกัน”

   ชายผู้มีเขาเพียงหนึ่งเดียวในห้องลุกขึ้นชวนผมกลับเมือง ความหมายของคำว่าฝากคือ กลถูกพี่อินรั้งตัวไว้นอนบนเรือ ส่วนผมเป็นคนพาพี่วินไปหาไวไวกับลินที่ไม่รู้ป่านี้เดินเที่ยวตลาดกลางคืนของเมืองสตาทอสจนพลิกพื้นมาดูแล้วหรือยัง พอผมติดต่อไป เสียงไวไวโวยวายมาเป็นอันดับแรก

   “จะดูดเลือดกันจนถึงเช้าเลยรึไงห๊ะ กว่าจะติดต่อมาได้ ถ้าในเกมมันมียุง ฉันกับลินคงถูกยุงหามไปโยนทิ้งทะเลจนลอยอืดขึ้นมาให้พวกนายเก็บซาก!”

   “ใจเย็นก่อนเพื่อน โทษทีที่ลืมติดต่อไป พอดีมันมีเหตุนิดหน่อย มาเจอกันที่โรงแรมมีเรื่องจะคุย ลินด้วยนะ”

   “ได้ แล้วเจอกัน”

   พวกเราคุยกันในช่องปาร์ตี้ หลังคุยเสร็จเลิกติดต่อ ต่างคนต่างไปตามจุดนัด ผมกับพี่วินกางปีกของตัวเอง บินกลับเมือง

   “พี่ มาเล่นเกมแบบนี้ไม่เป็นไรจริงๆ น่ะเหรอ ถ้าเกิดใครรู้เข้า จะหาว่าพี่โกงรึเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง  พี่วินหันมาเลิกคิ้วมอง เรือนผมสีทองของพวกเรา พลิ้วไหวไปตามกระแสลม

   “ขอบใจที่เป็นห่วง พี่เป็นคนวางระบบหลักๆ เท่านั้น รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ แบ่งเป็นหน้าที่ของคนอื่น ดังนั้นข้อมูลในเกมทุกอย่าง พี่รู้แค่บางเรื่องพอๆ กับผู้เล่นทั่วไป อย่างภารกิจที่พี่ได้มาด้วยความบังเอิญ พี่ก็ต้องออกไปหาข้อมูลข้างนอกเอาเอง ตามเว็บไซต์นั่นแหละ”

   พี่วินหยุดยืนอยู่ตรงขอบกำแพงเมือง ธรรมชาติที่อยู่รอบนอก ดูอ่อนโยน และภาคภูมิใจ แขนยาวทั้งสองข้างกางออก หันมาทางผมที่ยืนอยู่ตรงข้าม มีฉากหลังเป็นเมืองและป่า

   “วัต มีบางสิ่งที่พี่อยากจะบอกเราเอาไว้ โลกแห่งนี้เป็นสิ่งที่พี่กับเพื่อนสร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจ พวกเราลงทุนลงแรงไปมากมาย ร่วมมือกับทุกคนในบริษัทจนกลายเป็นเกมที่ทุกคนเห็น มันไม่ใช่เกมของใครคนหนึ่ง แต่มันคือเกมสำหรับทุกคน หากสร้างเกมมาแล้วไม่มีผู้เล่น มันจะไปมีประโยชน์อะไร”

   “สำหรับพี่แล้ว อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในเกม ไม่ว่าจะมาเล่น มาฆ่าเวลา หรือเป็นพนักงานของบริษัทเข้ามาทำงาน พี่อยากให้ทุกคนสนุกกับโลกที่พี่ และทุกคนสร้างขึ้น อยากให้พวกเขาทิ้งความกังวล ความทุกข์ไว้เบื้องหลัง ก่อนกลับไปเผชิญกับมันอีกครั้งหลังจากที่มีกำลังพอ”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังเข้ามาภายในจิตใจ ผมมองใบหน้าด้านข้างของพี่ชายที่กำลังดูเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตาในเมืองด้วยสีหน้าละมุนละไม แสงไฟจากเบื้องล่าง กระทบเส้นไหมสีทอง ปีกสีขาวคู่ใหญ่ด้านหลัง ราวกับเป็นเทพไปจริงๆ ก่อนใบหน้านั้นจะหันมามองผมด้วยรอยยิ้มที่ผมชอบที่สุด

   “พี่อยากให้เราสนุกกับมัน พี่กับชินดีใจนะที่วัตเข้ามาเล่นเกมนี้ ตอนแรกก็ลุ้นๆ อยู่ เจ้าเด็กขี้เบื่ออย่างเราจะโผล่เข้ามาเมื่อไหร่” พี่วินขยิบตาให้ ผมหัวเราะ เดินเข้ายืนข้างๆ พี่ชาย

   “ขอโทษที่ผมขี้เบื่อแล้วกันนะ อืม.... ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง ผมมีความสุขที่ได้เข้ามาเล่นเกม แม้จะยังเห็นอะไรในโลกนี้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ผมขอบคุณพวกพี่ทุกคนที่สร้างเกมขึ้นมาให้พวกเราเล่น ขอบคุณครับ”

   “ฮ่าๆ ได้ยินแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย วัต จำเอาไว้ เกมมันเป็นมากกว่าสถานที่ผ่อนคลายความเครียด มันคือโลกจำลองอีกหนึ่งแห่ง สอนประสบการณ์ ข้อคิดต่างๆ ให้กับผู้คน ขึ้นอยู่กับว่า คนๆ นั้นจะสามารถคิดและนำมันมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้รึเปล่า แน่นอน เกมที่พี่รัก ถ้าใครมาก่อกวนล่ะก็ มันจะได้เจอยิ่งกว่าคำว่า ‘ตายทั้งเป็น’ ”

   ดวงตาสีเทาเปลี่ยนเป็นคมกริบจนผมยังแอบสะดุ้ง น้ำตาตกในใจ เพิ่งเป็นเทพบุตรได้ไม่กี่นาที กลับมาเป็นท่านซาตานอีกแล้ว พี่ทำจริงอย่างที่พูดแน่ๆ ยังไงก็ตาม น้องที่ดีต้องรับฟังและทำหูทวนลม โยนคำพูดน่ากลัวเหล่านั้นทิ้งไปซะ พร้อมดึงความสนใจพี่ชายไปเรื่องอื่นด่วนๆ

   “พวกเรารีบไปกันเถอะพี่ ป่านี้ไวไวกับลินคงรอนานแล้ว”

   เจ้าตัวหัวเราะเหมือนรู้ทัน แต่ก็ยอมเออออบินตามผมลงมาในเมือง เราสองพี่น้องเลือกทางโล่งๆ เป็นสถานที่ร่อนลงจอดอย่างนุ่มนวล ใกล้กับโรงแรม สายตาทุกคู่หันขวับมามองพวกเราเป็นตาเดียว ผมกับพี่วินเก็บปีกเดินจ้ำอ้าวเหมือนวิ่งควายเข้าโรงแรมอย่างด่วนเพราะกลัวถูกรุมทึ้ง

   ยอมรับจริงๆ ตัวตนของพี่วินดึงดูดทุกคนมาก ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง ลักษณะนิสัย หรือบุคลิกท่าทาง ทั้งที่พวกเราสองคนหน้าคล้ายกันเหมือนเวอร์ชั่นวัยรุ่น กับเวอร์ชั่นผู้ใหญ่แท้ๆ ออร่าผู้ใหญ่ช่างอันตราย

   “ถามจริงพี่วิน ก่อนหน้านี้พี่เล่นเกมรอดมายังไง”

   “เล่นแบบปกติ” ตอบหน้าตายสุดๆ

   “โอเคครับ ขอโทษที่ถาม และขอบคุณสำหรับคำตอบ” ส่ายหัวปลงๆ เดินนำเปิดประตูเข้าห้องพัก

   ค้างคาวบางตัวไม่รู้ตัวเลยว่า ปกติบรรยากาศรอบตัวของพี่ชายตัวเอง มักมีกำแพงบางๆ กั้นไว้อยู่เสมอ ทุกคนจึงเกรงใจเว้นระยะห่างไม่คิดเข้าไปหาจนน่าเกลียด ผิดกับเวลาอยู่ใกล้น้องชายเพียงคนเดียว กำแพงนั้นได้หายไปเหลือเพียงบรรยากาศสบายๆ รวมกับรอยยิ้มบนใบหน้า จึงทำให้ผู้คนคิดจะเข้าหา แต่ถ้าตอนนั้นมีชินอยู่ด้วยนั่นอีกเรื่อง

   “กว่าจะมาได้ ฉันเกือบหลับรอแล้วนะ”

   หูกระต่ายโผล่มาเป็นอันดับแรก พี่วินเลื่อนสายตาลงมองเห็นไวไวไซส์มินิยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตู ถัดไปมีลินมองสลับสองพี่น้องด้วยความแปลกใจ

   “นายถูกคำสาปแยกร่างเป็นผู้ใหญ่ด้วยเหรอ”

   สีหน้าลินเหมือนจะงงมาก ผมหัวเราะพรืด ปิดประตูดันหัวไวไวออกแล้วผายมือไปทางคนข้างตัว

   “พี่ชายฉันเองลืมไปแล้วเรอะ ชื่อพี่วิน เรื่องที่จะคุยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้แหละ”

   กระต่ายแคระเพิ่งสังเกต พอเห็นว่าใคร ถึงกับรีบวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังลิน ก่อนจะถูกมือพี่วินคีบออกมามองด้วยรอยยิ้มมุมปาก

   “อะไรกันเนี่ย โดนคำสาปใช้ได้นี้”

   งานนี้ไวไวนอกจากจะไม่โวยวายเพราะถูกพูดเรื่องโดนย่อส่วนแล้ว ยังนิ่งอึ้งอ้าปากค้างแบบไม่อยากจะเชื่อ ก่อนสติจะบินกลับมาหันมามองทางผมเหมือนต้องการคำตอบว่าทำไมพี่วินถึงโผล่เข้ามาในเกมได้ ผมยกมือสองข้างขอตัวเองไปอยู่วงนอก ให้พี่วินอธิบายกับสองคนนี้เอา รายละเอียดที่บอกไปก็เหมือนกับที่บอกกับพวกผมบนเรือ

   สองพี่น้องหัวทองตาฟ้านั่งบนเตียงอีกฝั่ง ส่วนสองคนนั้นนั่งอีกด้าน ไวไวยกมือเหมือนจะถาม พอพี่วินพยักหน้าให้ เจ้าตัวถึงเปิดปากพูด อย่างกับครูนักเรียน

   “มันเป็นภารกิจระดับไหนครับพี่ พวกผมเลเวลยังไม่ถึงร้อย เข้าไปไม่ตายตั้งแต่หน้าดันเจี้ยนเรอะ”

   “ทำไมเด็กสมัยนี้มันขี้กังวลจริง อย่างมากก็แค่ตาย เกิดใหม่ กลับไปลุยใหม่ไม่เห็นยาก มันเป็นภารกิจของพวกเลเวลร้อย พวกนายได้ค่าประสบการณ์เพียบ เลเวลอัพรัวๆ จนสู้พวกมอนสเตอร์ไหวแน่”

   ผมกับไวไวยิ้มแห้ง ขณะมองพี่วินนั่งไขว่ห้างท่าทางมุ่งมั่นเต็มร้อย โดยมีลินเป็นแรงเสริม ชักจะห่างไกลกับคำว่าผู้หญิงมากไปทุกทีแล้วคนๆนี้

   “มีเพื่อนพี่วินกับกลช่วยด้วย ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้านายไม่อยากลงจะรอด้านนอกก็ได้ เดี๋ยวพวกเราเข้าไปลุยเพิ่มระดับกันเอง” ผมยักคิ้วใส่ไวไว เจ้าตัวชะงักกึก กระโดดจากตักลินมาหาเรื่องผมทันที

   “เรื่องอะไร งานนี้ฉันไปด้วย ต่อให้ถูกมอนสเตอร์เหยียบแบนติดพื้นก็จะไป อุตส่าห์มีคนเลเวลเยอะๆ มาช่วยตั้งหลายคน”

   “สำหรับฉัน ไปไหนไปกันอยู่แล้ว” ลินเสริม ในเมื่อมติเป็นเอกฉันท์ พวกเราเลยสรุปว่า คืนนี้จะนอนที่โรงแรมก่อน พอวันรุ่งขึ้นค่อยย้ายไปปักหลักกันที่เรือ ผมอดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ตั้งแต่เข้ามาเล่นเกมยังไม่เคยนั่งเรือเลย ไม่รู้จะต่างจากโลกความจริงรึเปล่า

   แค่คิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็รู้สึกสนุกแล้ว ผมเลยนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะจุกแอ้กเมื่อท่อนขาอันน่าเกรงขามของท่านซาตานวาดพาดมากลางพุง ชิบหาย! ผมลืมไปได้ยังไงว่าพี่วินนอนดิ้น จะลุกหนีไปนอนกับพวกไวไวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย นึกไว้อาลัยตัวเองเงียบๆ คนเดียว ฮึกๆ

   เช้าวันต่อมา ทุกคนสดชื่น เว้นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าค้างคาว ขอบตาดำคล้ำ เดินสะโหลสะเหลอยู่เพียงคนเดียว เพราะเมื่อคืนถูกพี่ชายตัวเองรังแกจนแทบไม่ได้นอน เมื่อวานพวกเขาใช้วิธีบินมา ส่วนวันนี้มีลินกับไวไว พี่วินเป็นคนวิ่งนำทาง ส่วนผมกลายร่างเป็นค้างคาวซุกอยู่ในเสื้อพี่วิน เพื่อหลบแดดและแอบงีบเอาแรงก่อนลุยภารกิจ

   กระทั่งทุกคนมาถึงเรือจนครบ มีแค่พี่เจตน์ที่มารอรับพวกเรา พร้อมได้ยินเสียงตูมตามจากทางหัวเรือ ถึงพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมอนสเตอร์ในทะเลคงโผล่มาโจมตีเรือถือเป็นเรื่องปกติ พอเสียงต่อสู้เงียบหายไป เรือก็เริ่มแล่นไปตามทางที่กำหนดไว้ พี่วินนั่งลงบนพื้นดาดฟ้าเรือ กางแผนที่เกาะแห่งหนึ่งออกมา โดยมีพวกเรานั่งล้อมวง ปล่อยให้คนมีพลังเหลือเฟืออย่างพี่อินกับกลคอยจัดการมอนสเตอร์ไป

   “ดันเจี้ยนที่เราจะไป ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของเกาะ แต่มันเป็นทั้งเกาะนี้เลย บอสใหญ่สุดจะอยู่ที่ใจกลางเกาะ พวกเราต้องแบ่งทีมไปทำลายผนึกทั้งสองด้านทิ้งซะ หลังทำลายเสร็จ เราจะลากมอนสเตอร์มาจัดการรวมตรงนี้ พอหมดค่อยเข้าไปหาบอสใหญ่ ป้องกันการโดนมอนสเตอร์รุมระหว่างตีบอส”

   นิ้วยาวชี้ไปตามจุดต่างๆ บนแผนที่ ตรงกลางเป็นแท่นหินสูง ด้านบนเรียบเหมือนลานจอดเครื่องบิน ผนึกที่ว่าอยู่ด้านซ้ายและขวาของเกาะ ผมมองๆ ดูแล้ว เกาะนี้ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ถ้าให้วิ่งหรือบินแค่ครึ่งวันก็วนรอบเกาะ พวกเราแบ่งทีมกัน ในนี้คนที่รักษาคนอื่นได้คือพี่วินกับผม

   สมาชิกทั้งหมดคือทุกคน ยกเว้นพี่อิน เจ้าตัวต้องเฝ้าปกป้องเรือจนกว่าพวกเราจะกลับมา ผมแยกกับพี่วิน ฝั่งผมมี ลิน กลทำลายผนึกด้านขวา ฝั่งนั่นมีพี่วิน พี่เจตน์ไวไวทำลายผนึกด้านซ้าย การแบ่งทีมคือ ในทีมนั้นต้องมีคนรักษาหนึ่งคน คนตีระยะประชิดหนึ่ง ไกลหนึ่ง จุดที่เราจะลากมอสเตอร์มารวมกันเป็นลานกว้างหน้าทางเข้าบอสใหญ่ของเกาะ

   เรือมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ จอดเทียบกับหน้าผาติดต้นไม้ หลังจากพวกเราลงหมดแล้ว เรือจะแล่นออกไป เพื่อลดโอกาสการถูกมอนสเตอร์บนบกโจมตีเพิ่ม ไวไวย้ายที่อยู่ไปสิงสถิตบนไหล่พี่เจตน์แทน ก่อนจะได้เริ่มกระโดดลงจากเรือทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน พี่วินคว้าไหล่ผมไว้

หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 03-05-2015 21:49:18
ทำไมเหมือนจะจบค้าง เราไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ม้ายยยยย  :ling1:

ฉากที่วัตดูดเลือดกลมันยิ่งฟินขึ้นเรื่อยๆเลยยย >///<
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 03-05-2015 22:14:23
แค่ฉากดูดเลือดก็สุดยอดแล้ว
รอดูข้อตกลงว่าจะเป็นอย่างไร
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 03-05-2015 22:41:44
ต๊าย ค้างอะค้างงงงง มาด่วนคะๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Jinn ที่ 03-05-2015 23:29:16
รอลุ้นอยู่ค่ะ ว่าจะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 03-05-2015 23:34:48
ถึงจะต่อสองพาร์ท แต่ก็ยังรู้สึกสั้นอ่ะ
ใช่ ต้องใช่แน่ๆ อ่านสนุกไปแล้วแน่ๆ 555
รีบมาต่อตัวกันน้าาา  :katai3:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 04-05-2015 00:53:11
 :hao6: :hao6: :hao6: ฟินอยากเล่นเลยอ่ะ เค้าจะเอาคำสาปแวมไพร์  :ling1: o9
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 04-05-2015 01:16:40
โอ๊ย วัตนี้เหมือนจะรู้ไม่ทัน แต่รู้ทันเสมอ กลซะอีกที่ดูเหมือนจะตามวัตไม่ทันเลย
สนุกมากอะ รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 04-05-2015 08:58:10
 :katai5: :katai5: :katai5:

อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 04-05-2015 10:31:33
ฉากดูดเลือดนี่กลกลายเป็นหมาไร้เดียงสาไปเลย  :m20:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 05-05-2015 11:39:58
เอาอีกๆ เจอพี่วินในเกมแล้วจบเลย ตอนต่อด่วนๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-05-2015 12:14:25
คุณพี่อย่างเท่ค่ะ!!!!! แอบเหมือนกลมีความหลังอะไรซักอย่าง
รอตอนต่อไปดีกว่าเนาะ
ปล. ให้ลินเป็นผช.ถาวรเลยไหม เหมาะดีอะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Marchyn ที่ 05-05-2015 18:48:31
ฟินตอนดูดเลือดกับป้อนยาจังเลยน้าาาาา.... :)
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.14 ข้อตกลง 3/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-05-2015 09:49:53
พึ่งมาอ่านจร้าาาา
น่าสนใจสุดๆ >\\\\\\<

พี่วิน เข้ามาในเกมส์แร้ว >< กลวางแผนแร๊ว กลสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-05-2015 00:24:19
Lv.15 ท่านซาตาน (ต่อ)

   “พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ วัตไม่มีอะไรช่วยทำดาเมจใช่มั้ย เอาอันนี้ไปใช้” มือหนายื่นมีดเจ็ดเล่มมาให้ ใบมีดรูปพระจันทร์เสี้ยวสีดำ ดูกลมกลืนกับโดยรอบ ขนาดประมาณฝ่ามือ ถึงจะบอกว่ามีด แต่ก็ไม่มีด้ามจับ ผมรับมาไม่คิดอะไร พี่วินให้น่าจะเป็นของดีใช้ประโยชน์ได้นั้นแหละ

   หลังถูกถ่ายโอนกลายเป็นของผม ผมเลยเปิดข้อมูลของอาวุธดู จะได้เลือกใช้งานถูก

   ชื่อ : เจ็ดจันทร์เสี้ยว
   ระดับ: (พัฒนาตามผู้เล่น)
   พลังโจมตี : 20,000 / เล่ม
   วิธีใช้ : เรียกชื่อ ผู้ใช้ต้องเป็นฝ่ายบังคับมีดแต่ละเล่มด้วยตัวเอง
   ข้อมูล : อาวุธประเภทของมีคม สามารถใส่สถานะหนึ่งอย่างในมีดแต่ละเล่ม มีโอกาสพัง ต้องคอยซ่อมแซมอยู่เสมอ หลังจากผู้เล่นตายอาวุธจะกลับเข้ากระเป๋าโดยอัตโนมัติ

   ผมตาวาวมองของเล่นใหม่ในมือ ถือว่าเป็นของดีชิ้นที่สองตั้งแต่มาเล่นเกมนี้ ชิ้นแรกคือเคียวของผมนี่แหละ ใช้งานยากหน่อยต้องควบคุมทีเดียวเจ็ดเล่ม ตอนนี้ผมคงใช้มากสุดแค่สาม เลยเลือกออกมาสามเล่ม เล่มหนึ่งใส่พิษทำให้ผู้ที่โดนติดสถานะพิษเลือดลดตลอดเวลา เล่มสองเป็นแบบธรรมดา ส่วนเล่มสามเป็นดูดเลือดจากมอนสเตอร์ ผมจะได้ไม่ต้องเสี่ยงเอาเคียวไปจามหัวมอนสเตอร์บ่อยนัก

   “ขอบคุณพี่ โคตรรักพี่เลย”

   “ใช้ดีๆ อย่าให้มันมาโดนพวกเดียวกันล่ะ”

   “รับทราบ วะฮ่าๆ ได้ของเล่นใหม่แล้วเจ้าข้าเอ๊ย!”

   สองมือป้องปาก มีความสุขเต็มที่ ผมมีอาวุธคอยป้องกันตัวเองมากขึ้นแล้ว ผมลองเรียกชื่อ มีดสามเล่มลอยอยู่รอบตัว ลองควบคุมมันตัดต้นไม้บนฝั่งสักสองสามต้น ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ผมคงต้องบีบระยะการโจมตีให้อยู่รอบๆ ตัวจะได้ไม่ไปโดนเพื่อนคนอื่น เมื่อทุกคนพร้อม พี่วินเป็นคนส่งสัญญาณ

   “ไป!”

   ฟุบ!!

   ทุกคนกระโดดหายเข้าไปในป่า ทีมผมวิ่งไปทางด้านขวา กลอยู่หน้าสุดคอยเชือดมอนสเตอร์ที่โผล่มาขวางลู่วิ่งพวกเรา งานนี้ผมเห็นกลงัดเอากรงเล็บเหล็กออกมาใช้ ตามด้วยผมที่อยู่ตรงกลางคอยซัพพอร์ททีมตัวเอง ลินประกบหลัง ตั้งแต่เจ้าตัวเป็นผู้ชาย จากแม่มดมืดธรรมดา กลายเป็นพ่อมดมืดผสมดาบ มือขาวถือดาบเล่มยาวฟันมอนสเตอร์ที่ลอบโจมตีด้านหลัง มืออีกข้างร่ายเวทง่ายๆ มาช่วยเสริมอีกแรงเพราะเป็นผู้ชายแล้ว ปริมาณของพลังเวทมนต์มันลดลง เจ้าตัวต้องเปลี่ยนเอาดาบมาเป็นอาวุธหลัก

   เสียงตูมตามจากเกาะด้านซ้ายไม่ทำให้ฝีเท้าพวกเราหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย ช่วงแรกมอนสเตอร์ไม่โหดเหมือนที่พี่วินบอก ช่วงหลังมอนสเตอร์ระดับสูงขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ผนึกมากเท่าไหร่ ตัวโหดๆ ยิ่งโผล่มามากเท่านั้น จนพวกเราต้องหยุดสู้เป็นระยะ ผมกางปีกถอยฉากหลบอยู่บนต้นไม้ ควบคุมมีดพิษโจมตีป้องกันรอบตัว ส่วนมีดธรรมดากับมีดใช้ดูดเลือด ส่งไปช่วยกลกับไวไวจัดการด้านล่าง

   พอใครพลังลด ผมจะลงไปถือใช้พลังเพิ่มเลือดให้ ผสมกับใช้เคียวตวัดฟาดฟันแหลกลาน จัดการเสร็จหนึ่งตัว ต่อด้วยตัวที่สอง กระทั่งมาถึงผนึก

   ผนึกตรงหน้าอยู่บนแท่นหิน เป็นแท่งคริสตัลสีฟ้ารูปทรงธรรมชาติ สูงท่วมหัว ลินเปลี่ยนจากดาบเป็นคฑาหัวกะโหลกแบบที่ผมเคยเห็นบ่อยๆ สมัยยังเป็นผู้หญิง ปากพึมพำร่ายมนต์บทใหญ่ ปรากฏพื้นสีดำคลุมรอบคริสตัลกับพวกเรา เป็นอาณาเขตป้องกันชั่วคราว

   “พลังเวทฉันยังไม่เยอะสร้างได้แค่นี้ มันอยู่ไม่นาน รีบทำลายผนึกเร็ว”

   ผมกับกลพยักหน้ารับ พวกเราสองคนรับหน้าทีงัดสารพัดท่ามาทำลายผลึกตรงหน้า มีดผมเรียกออกมาทั้งเจ็ดเล่ม ยังไงแค่โจมตีเป้าหมายนิ่งเป้าหมายเดียว ไม่เป็นปัญหาในการควบคุมอยู่แล้ว ส่วนมือใช้เคียวช่วยอีกแรงถึงได้รอยร้าวสักนิด พอกลลงมือ แค่กรงเล็บเดียวแทบจะร้าวทั้งก้อน ผมอ้าปากค้าง เผลอหยุดมือไปชั่วขณะ เหลือแค่จันทร์เสี้ยวเจ็ดเล่มคอยโจมตี

   พริบตาที่คริสตัลใกล้จะแตก อาณาเขตโดยรอบที่ลินสร้างขึ้นหายไป จากการถูกมอนสเตอร์ประเภทสัตว์ใช้เวทโจมตี ลินเลยต้องเก็บคฑาพุ่งตัวเข้าไปซัดกับพวกมอนสเตอร์ต่อ โกเล็มยักษ์ตัวหนึ่งซัดแท่งหินพุ่งเข้ามาหาผม กลผละจากผนึก มายืนขวางหน้าผมไว้ พอมันเข้าใกล้ ร่างสูงกระโดดถีบจนโกเล็มหงายทับมอนสเตอร์ตัวอื่น แล้วใช้มือดันพื้นกลับมายืนมั่นคงตามเดิม พร้อมขว้างกรงเล็บเหล็กทั้งสองอันของตัวเองปักเข้าแท่งคริสตัล ก่อนออกแรงกระชากโซ่มือเดียว

   เพล้งงงง!!

   เสียงแตกดังสนั่น มอสเตอร์ทุกตัวที่ล้อมพวกเราชะงักไปชั่วครู่

   “เก็บอาวุธ ฉันจะอุ้มไปเอง” ผมกับลินพยักหน้า เก็บอาวุธทั้งหมด เวลานี้ไม่คิดสงสัยอะไรทั้งสิ้น เพราะยังไม่อยากตายใต้เท้ามอนสเตอร์เป็นฝูง

   พอเห็นว่าพวกเราเก็บอาวุธหมดแล้ว ผมเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวมุดเข้าไปอยู่ในเสื้อกล โผล่มาแค่หัวกับมือเล็กๆจับคอเสื้อขนสัตว์เอาไว้ เห็นกลทำหน้าเซ็งไปวูบหนึ่ง สงสัยหวังอะไรไม่เป็นผลดีกับผมแหง ก่อนเจ้าตัวจะแบกลินขึ้นบ่า กระโดดหลบการโจมตีจากเข็มเม่น วิ่งล่อมอนสเตอร์ไปยังจุดรวมพล

   เกาะนี้ขนาดไม่กว้างมาก กลวิ่งเต็มฝีเท้าหมาป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงที่หมาย ตรงนั้นเห็นไวไวยืนอยู่บนยอดไม้ต้นหนึ่ง มอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ ถูกอาวุธลึกลับฆ่าตายเรียบ คงจะเป็นพี่เจตน์แฝงตัวสมเป็นนินจาแหงๆ เหนือน่านฟ้ามีพี่วินกางปีกสีขาวออกกว้าง บินเหนือหัวพวกมอนสเตอร์ที่ถูกต้อนมารวมกันเป็นฝูง กลกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้เดียวกับไวไว มอนสเตอร์ที่ตามหลังพวกเรามารวมตัวกันตรงลานกว้าง

   พอมอนสเตอร์ส่วนใหญ่เข้ามาตรงกลางจนหมด ลวดในมือไวไวถูกขึง กักตัวมอนสเตอร์ทั้งหมดไม่ให้หนี มีบางส่วนหลุดไป นั่นเป็นหน้าที่พวกเราคอยไล่ตามเก็บจัดการต่อ ผมกลับมาอยู่ในร่างคนอีกครั้ง บินคอยช่วยเสริมทุกคนตามเดิม ลดจันทร์เสี้ยวเหลือแค่สอง เพื่อความสะดวกในการควบคุม

   เมื่อทุกอย่างพร้อม พี่วินยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัว สายลมเหมือนถูกดูดไปรวมอยู่ที่มือนั้น เหนือน่านฟ้ามีวงเวทสีดำกระจายตัวอยู่ทั่วลาน ไอพลังสีดำครอบคลุมตัวพี่วินไว้ ทันทีที่มือวาดลงไปยังฝูงมอนสเตอร์ ข่ายเวทมนต์ทุกอันส่งแสงทำงาน ลูกธนูสีดำถูกสาดลงมาเป็นฝนปูพรมสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม ผมกลืนน้ำลายอึก ยืนดูผลงานพี่วินข้างกล ส่วนไวไวถูกลินอุ้มตามเดิม พี่เจตน์ผิวปากฟิ้วยกมือป้องหน้าชมการสาดเวทแสนตื่นตาตื่นใจ

   หลังการสาดเวทจบลง พี่วินบินมาทางพวกเรา ก่อนออกคำสั่งที่ทำให้ผมแทบหัวทิ่ม
   
   “รีบไปเก็บกวาดก่อนพวกมันจะตื่นขึ้นมาเร็ว การโจมตีเมื่อกี้ไม่ทำให้มันถึงตาย พี่พลังหมดแล้วขอดื่มขวดยาอยู่ตรงนี้แล้วกัน”

   “ปัดโธ่! แล้วตะกี้เอาซะเท่” ผมบ่นอุบ วิ่งตามพวกกลไปยำมอนสเตอร์ต่อ แบบที่พวกมันกำลังทรุดหมดสภาพชั่วคราว กว่าจะเคลียหมดแล้ว เล่นเอาหืดขึ้นคอ พวกเรานั่งพักมันตรงกลางลาน ต่างคนต่างกระดกน้ำยาเพิ่มเลือด ฟื้นฟูกำลัง พี่วินเดินหัวเราะเข้ามา

   “หึหึ สนุกดีมั้ย”

   “สนุกมากกกกกกเลยพี่วิน เวทออกจะอลังการงานสร้าง ทำไมถึงฆ่ามันไม่ได้สักตัวล่ะเพ่” ไวไวตอบแบบเอาเรื่อง

   “มันคงตายอยู่หรอก ถ้าพี่เลเวลตันแล้ว ตอนนี้ระดับน้อยนิด ได้แค่นี้แหละ แถมสาดไปซะเยอะ ความแรงมันก็หารๆกั นไป ซัดมันหมอบได้ก็ถือว่าดีแล้ว มาเดี๋ยวช่วยฟื้นฟูให้”
   
   แสงรอบตัวพี่วินเปลี่ยนเป็นสีขาว พอมือมาอิงบนตัว แผลรอบตัวค่อยๆ หายจนกลับเป็นปกติ แสงนี้ทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่เหมือนกับพวกธาตุแสงที่ผมเคยเจอ คงจะเป็นเวทสำหรับฟื้นฟูโดยแท้จริง พี่วินจัดการรักษาทุกคนไม่เว้นกระทั่งกล จนพวกเราฟื้นสภาพเต็มร้อย ที่เห็นจะไม่สะทกสะท้านอะไร คงมีแต่พี่เจตน์ ลุยในที่ลับ เลยได้บาดแผลแค่นิดหน่อย

   “เวทพี่สะดวกดีแฮะ มีทั้งสายปีศาจ กับสายเทพ แถมรักษาพวกไม่ถูกโรคกับธาตุแสงอย่างเผ่าปีศาจได้ด้วย”

   “เพราะมันเป็นพลังสายบริสุทธิ์มั้ง เลยไม่เป็นผลในด้านลบ เห็นสะดวกแบบนี้ แรกๆ เล่นเอาลำบากไม่น้อย พลังสองอย่างไม่ใช่อยากใช้อันไหนก็ใช้ได้ทันที ถ้าใช้อีกอัน พลังเวทอีกด้านจะไม่สามารถใช้ได้แม้แต่นิดเดียว วิธีสลับพลังใช้ กว่าจะทำตัวชินได้ จนเรียกใช้ไวขนาดนี้ เสียเวลาฝึกไปพอสมควร เกมนี้ไม่ใช่ได้ของดีแล้วเทพเลย อยู่ที่ความขยันด้วย ของเทพแต่ใช้ไม่ชิน สุดท้ายก็ตายอยู่ดี”

   จริงของพี่วิน ขนาดตอนผมได้รับคำสาป กับได้อาวุธใหม่ๆ ยังต้องอาศัยการฝึกใช้งาน กับประสบการณ์ถึงจะสามารถใช้ได้ลื่นไหล

   “พี่ขอบอกไว้ก่อน ในระหว่างที่โจมตี จะใช้เวทสายเทพมารักษาไม่ได้หรอกนะ วัตต้องคอยดูแลทุกคนเอง”

   ผมทำหน้าสยอง กลืนน้ำลายอึก แสดงว่าพลังด้านปีศาจของพี่ใช้โจมตีโดยเฉพาะ ส่วนพลังเทพมีแต่สายรักษาอย่างเดียว ถ้าเกิดลุยบอส พี่วินต้องร่วมละเลงด้วย คงมีแต่ผมที่ต้องคอยเพิ่มเลือดทุกคนในทีม แค่คิดก็รู้สึกหมดแรง

   “ไม่เป็นไร นายทำส่วนของนายให้เต็มที่ ฉันจะเป็นคนปกป้องนายเองวัต”

   กลจับมือผมด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ผมเห็นคนเดียวซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเลยกระชับมือกลกลับแล้วยิ้มให้ ไม่รู้ทำไม น้ำเสียงของกลทำให้ผมเชื่อและวางใจ กลต้องปกป้องผมได้แน่ เหมือนอย่างที่ผ่านมา ฝ่ามือนี้ อ้อมแขนนี้ ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ทุกครั้งที่กลไม่อยู่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมจะรู้สึกกังวลนิดหน่อย แต่พออีกฝ่ายอยู่ข้างกาย จะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่กลัวทั้งนั้น

   เจ้าตัวแสดงชัดเจนว่ามีความรู้สึกพิเศษกับผม ที่ผ่านมาไม่เคยพูดคงเป็นเพราะผมแสดงออกว่ายังไม่พร้อมกับสิ่งนั้น ไม่รู้หมาป่าหนุ่มคนนี้จะรู้ตัวรึเปล่า เขาเองก็เข้ามาอยู่ในใจผมบ้างแล้วเหมือนกัน

   “อะแฮ่ม ไม่อยากจะขัดการมองตาหวานชื่นของพวกนายหรอกนะ แต่ฉันกลัวว่า หากนานกว่านี้ คงมีใครคนหนึ่งเลือกสู้กันเองแทนจะไปฆ่าบอส”

   เสียงพี่เจตน์ทำให้ผมปล่อยมือจากกลทันที ได้ยินเสียงชิในลำคอกลแบบชัดๆ ลินกับไวไวมองเป็นตาเดียว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จะเหลือแต่ท่านซาตานเดินฉับๆ มายืนแทรกกลางระหว่างผมกับกลด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาคมน่ากลัวสุดๆ

   “หายเหนื่อยกันหมดแล้วใช่ไหม รีบเก็บไอเท็ม ศึกษาความสามารถใหม่ที่ได้มาของตัวเอง แล้วลุยหน้ากันต่อ ก่อนจะมืดค่ำดีกว่า บอสใหญ่กำลังรอเราอยู่ตรงหน้าแล้ว”

   “คร้าบ”

   ทุกเสียงขานรับไม่คิดปฏิเสธ แยกย้ายเก็บไอเท็มอย่างไว ก่อนท่านซาตานจะองค์ลง จบงานนี้ค่อยไปแยกแบ่งของกันอีกทีตอนหลังได้ยินพี่วินบอกความสามารถที่ได้ใหม่ ผมถึงนึกขึ้นได้ ระดับของทุกคนตอนนี้เลื่อนขึ้นเยอะ จากการเก็บระดับมาจนถึงเมืองสตาทอส ส่งภารกิจในเมือง มอนสเตอร์ทะเลที่พี่อินเชือดมาตลอดทาง จนถึงตอนนี้ก็ยังเชือดอยู่ และการล้างบางมอนสเตอร์เมื่อครู่ผมก้มมองเลเวลของทุกคน

   หัวหน้าปาร์ตี้ วัต คำสาปแวมไพร์Lv.87
   สมาชิกทีม กล คำสาปหมาป่า Lv.??
   สมาชิกทีม ไวไว คำสาปกระต่าย Lv.87
   สมาชิกทีม ลิน คำสาปแม่มดมืด Lv.90
   สมาชิกทีม วิน คำสาปซาตานในคราบเทพบุตร Lv.112
   สมาชิกทีม เจตน์ คำสาปนินจา Lv.153
   สมาชิกทีม อินทรี คำสาปกัปตันอินทรี Lv.158

   พวกเลเวลเยอะอยู่แล้วอย่างกล พี่อิน พี่เจตน์ระดับยังเท่าเดิม พี่วินขึ้นมานิดหน่อยเพราะเลเวลต่างจากมอสเตอร์ไม่มาก มีแค่พวกเราสามคนที่ขึ้นพรวดพราดจนน่าตกใจ เชื่อเลยว่าผู้เล่นคนอื่นๆ คงทำแบบเราไม่ได้แน่ๆ เล่นมีขาเทพ พาเก็บขนาดนี้ นับรวมกับการฆ่าบอส และค่าประสบการณ์ที่จะได้รับหลังภารกิจเสร็จ พวกผมเด็กน้อยสามคน คงจะได้ระดับหลายอยู่

   กระเป๋าตุง สบายใจ ระดับเพิ่ม หันมาเผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แท่นหินสูงในแผนที่ พอมาดูใกล้ๆ แม่งภูเขาขนาดย่อม กว่าจะขึ้นไปถึงยอดหมดแรงตายก่อนแหง บอสตัวนี้ช่างร้ายกาจ คิดตัดกำลังคู่ต่อสู้ ผมงึมงำอยู่คนเดียว ก้มหน้าก้มตาเดิมตามคนอื่นๆ ไป

   ใช้เวลาพอสมควรกว่าพวกเราจะมาถึงยอดที่เป็นลานกว้างแบบด้านล่าง แต่ละคนหยุดพักนั่งกินมื้อเที่ยงกัน บอสยังไม่โผล่ออกมา คงต้องเดินเข้าไปในอาณาเขตมันก่อน มันถึงจะปรากฏตัวมาให้ผู้เล่นรุมยำ หรือยำผู้เล่น อันนี้สุดแล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน

   มื้อเที่ยงเป็นแบบง่ายๆ น้ำแซนวิช พอทานเสร็จนั่งวางแผนกันต่อ พี่วินเป็นคนรอบคอบ เวลาจะทำอะไร เจ้าตัวจะหาข้อมูล วางแผนก่อนค่อยลงมือ ผมเองก็นิสัยแบบนั้น เว้นบางที อารมณ์ล้วนๆ อยากลุยก็กระโดดเข้าใส่เลยก็มี

   สถานที่ ที่บอสจะเกิดมีแค่ลานโล่งกับพวกก้อนหินน้อยใหญ่มากมาย เหนือขึ้นไปมีพวกนกยักษ์สองหัวบินอยู่ คิดว่าพวกมันคงจะลงมาเสยพวกเราระหว่างลุยบอส มิน่า ทั้งเกาะไม่มีสัตว์มีปีกเลย เป็นเพราะพวกมันมารวมตัวอยู่ที่นี่กันหมด

   น่าเสียดายตรงที่ทีมเราไม่มีใครเป็นสายป้องกันแบบพวกโล่หรือพวกมีพลังป้องกันสูง ไว้รับดาเมจการโจมตี และดึงดูดคู่ต่อสู้ เปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ทำดาเมจ เลยต้องประยุกต์ใช้กันตามสภาพ

   คนที่มีพลังป้องกันมากที่สุดและหลบไวที่สุดในตอนนี้คือกล เจ้าตัวเลยโดนใช้ให้เป็นคนล่อบอส ที่เหลือคอยจัดการ

   “บอสตัวนี้เป็นนกขนาดใหญ่ ถ้าเกิดมีใครบินขึ้นไปด้านบนจะถูกโจมตีใส่ได้ง่ายๆ ดังนั้นงานนี้ห้ามบินขึ้นไปบนฟ้าเด็ดขาด” พี่วินหันมามองผม ผมยกนิ้วให้เป็นเชิงว่าเข้าใจ จะไม่บินขึ้นไปให้นกจิกตายเด็ดขาด

   จากที่ผมฟังมาสรุปได้ว่า บอสเป็นนกยักษ์ ถ้าพวกเราอยู่ภาคพื้นดินให้มันเห็น มันจะไม่บินขึ้นไปด้านบน ดังนั้นกลจะทำหน้าที่ล่อมันเอาไว้ พร้อมกับโจมตีมันไปด้วย ระหว่างนั้นลินจะคอยโจมตีมันจากระยะกลาง คอยช่วยเสริมให้กลอีกแรง ทางพี่วินจะใช้เวทปีศาจโจมตีระยะไกล เป็นคนคอยใช้เวทดักไม่ให้บอสบินขึ้นบนฟ้าและจัดการนกสองหัว โดยมีไวไวคอยช่วย พี่เจตน์จะเป็นผู้วางกักดักใส่บอส สุดท้าย ผมมีหน้าที่คอยวิ่งวนไปรอบๆ หลบตามก้อนหินเพิ่มเลือดให้กับทุกคน

   “พอบอสเลือดลดจนใกล้ตายให้ทุกคนเข้าไปรุมโจมตีมันเต็มกำลัง ยกเว้นวัตทำหน้าที่หลักต่อไป ไม่ต้องสนใจนกด้านบน เพราะนกสองหัวพวกนั้นเกิดเรื่อยๆ จะหยุดโจมตีก็ต่อเมื่อบอสตายแล้ว อย่าลืมมีอะไรงัดออกมาใช้ให้หมด”

   สีหน้าทุกคนมุ่งมั่นอย่างกะออกรบ ผมเองฮึกเหิมไปด้วย จบงานนี้ฉายาเจ้าแห่งการเพิ่มเลือดคงอยู่ไม่ไกล แม้ว่าแวมไพร์ควรจะเป็นสายต่อสู้ก็ตาม ไม่เป็นไร หลังจากนี้ค่อยซุ่มฝึก เป็นมันทั้งสายซัพพอร์ทและสายโจมตีเลยแล้วกัน

   “พวกเรา...ลุย!”
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-05-2015 00:24:41
Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น

   คำสั่งลุยยังพูดไม่ทันจบ ทุกคนพุ่งเข้าประจำตำแหน่งด้วยความเร็วแสง กลพุ่งไปยืนกลางลานราวกับตูข้านี่แหละใหญ่ ผมมองนึกภาพหมาป่าหนุ่มเท้าสะเอวชี้มือขึ้นฟ้าแล้วฮาพิลึก เหมือนจะรู้ว่าถูกเอาไปจินตนาการแปลกๆ หูสามเหลี่ยมกระดิก พร้อมใบหน้าหล่อหันขวับมามองก้อนหินที่ผมหลบอยู่ ราวกับเห็นหางส่ายน้อยๆ ไวไวที่อยู่ไม่ใกล้ผมหัวเราะขำ

   “สงสัยต้องการกำลังใจจากเจ้าของ ส่งเสียงเชียร์หน่อยเร้ววว”

   ไอผมก็บ้าจี้ตาม ระหว่างรอบอสโผล่ กระโดดขึ้นยืนบนก้อนหิน พร้อมประกาศกร้าวด้วยเสียงให้ได้ยินโดยทั่วกัน

   “กล! ถ้านายจัดการมันได้โดยที่ตัวเองไม่มีแผลแม้แต่ขีดเดียว ฉันจะยอมให้นายขออะไรหนึ่งอย่าง!!”

   เหมือนเห็นมุมปากหมาป่ายกยิ้มจนเขี้ยวโผล่ ผมรู้สึกคิดผิดเบาๆ ไม่น่าไปคึกคะนองเลย ก่อนหน้านี้ตอนดูดเลือดเหมือนผมจะชนะก็จริง แต่ธาตุแท้ดั้งเดิมแล้ว กลคงไม่ง่ายแบบนั้นแหงๆ มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไป พยานรู้เห็นกันยกตี้ ไวไวกับพี่เจตน์เป่าปากสนุกสนาน

   คงมีคนเดียวที่ไม่สนุกด้วย พี่วินจ้องมองกลเขม็ง ราวกับว่า ถ้าบอสไม่สร้างแผลให้กล เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายทำเอง แรกๆ ผมคิดว่าพี่วินห่วงน้องชายอย่างผมนะ มาหลังๆ ความรู้สึกว่าพี่วินเหม็นหน้ากลเป็นพิเศษ เลยยัดเยียดข้อหาหมั่นไส้มากกว่าจะเป็นห่วงผม ไม่รู้จะขำหรืออะไรดี

   เวลาแห่งความสงบสุขอยู่ไม่นาน เมฆบนฟ้าหมุนตัวเป็นเส้นวงกลมเหนือหัวพวกเรา สายลมรอบกายพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นละอองตีขึ้นราวกับหมอกสีน้ำตาล ผมยกแขนปิดตาป้องกันฝุ่น เสียงกระพือจากสัตว์ใหญ่ดังไม่ไกล พร้อมเงาสัตว์ยักษ์ทาบทับพวกเรา

   พื้นดินสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ยามเจ้าสิ่งนั้นเหยียบลงบนพื้น พอฝุ่นเริ่มจาง ผมเงยหน้าขึ้นมอง ปีกกว้างกระพือเพียงวูบเดียว ฝุ่นละออง เมฆทั้งหมดถูกพัดหายไป เหลือเพียงเสียงร้องแหลมของสัตว์ใหญ่ตรงหน้า กลยืนประจันไม่กลัวเกรง เสียงระบบแจ้งเตือนพวกเราทุกคน

   บอสระดับกลางปรากฏตัว พญาอินทรีภูเขาสองหัว Lv.95
   มอนสเตอร์นกอินทรีสองหัว Lv.87 จำนวน 30 ตัว

   ผมแหงนคอตั้งบ่า มองนกอินทรียักษ์สองหัว แข่งกันส่งเสียงร้อง พอมันกระพือปีกอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ลมที่พัดจนแทบปลิว มันมาพร้อมลูกสมุนอีกเป็นสิบ พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเรา ทุกคนเริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง

   กลหยิบอาวุธกรงเล็บเหล็กออกมาใช้โจมตีบอสเป็นอันดับแรก พยายามงัดทุกกระบวนท่าเพื่อใช้ในการดึงความสนใจ ให้มันหันหลังให้สมาชิกทีมคนอื่นๆ สลับวิ่งวนไปรอบตัวมันเป็นวงแคบ หลบการโจมตีด้วยจงอยปาก กรงเล็บที่ระดมมาเป็นชุด ทุกครั้งที่กลจวนถูกนกลูกสมุนทำร้าย ลินจะเป็นคนคอยจัดการดึงมันออกมาสู้กับตัวเอง พร้อมส่งเวทเสริมกลไปด้วย

   ทางพี่เจตน์หายตัวไปจากการต่อสู้ กระทั่งเงาก็ยังไม่เห็น สิ่งที่พอระบุได้ว่าเจ้าตัวอยู่ส่วนไหนของการต่อสู้คือ หลุมพิษ กับระเบิด สารพัดกับดักระดมใส่บอส พี่วินกับไวไวประจำตำแหน่ง

   ลูกแก้วสีดำเป็นประกายเกือบสิบลูก ปรากฏออกมาล้อมรอบตัวพี่วิน ทันทีที่มือโบกชี้ไปทางไหน เจ้าลูกแก้วเหล่านั้นจะยิงลำแสงใส่ศัตรู ซึ่งตอนนี้ เจ้าตัวสั่งให้บรรดาลูกแก้วยิงไปที่บอส ส่วนตัวเองง้างธนูที่สร้างจากเวทปีศาจ ส่งลูกศรเพลิงสีดำสอยนกร่วงทีละตัวสองตัว

   ฝั่งไอ้กระต่ายแคระเพื่อนผม ในที่โล่งที่มีเพียงก้อนหินน้อยใหญ่กระจายไปทั่ว กับศัตรูที่บินอยู่บนอากาศแบบนี้ อาวุธลวดของมันใช้การไม่ได้เต็มที่ เลยใช้อาวุธไพ่ประจำตัวแทน ผมเห็นว่าไพ่มันโจมตีแรงกกว่าสมัยก่อน แว่วๆ ว่า ของที่ได้มาจาก GM แบบที่ผมได้ขวดเก็บเลือดสำหรับแวมไพร์มา ไวไวมันได้กล่องเครื่องมือพัฒนาอาวุธ คงจะเอามาอัพเกรดอาวุธตัวเอง

   ได้ยินเสียงระเบิดตูมตามจากฝีมือกระต่ายแคระโฉดไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตา ซัดไพ่ใส่นกอินทรีที่บินเข้ามาในระยะ พร้อมสั่งระเบิดให้นกบาดเจ็บร่วงลงมา แล้วใช้ไม้เท้านักมายากลเสียบทะลุจุดสำคัญ

   ผมมองการต่อสู้ดุเดือดด้วยสีหน้าจืดเจื่อน ทำไมรู้สึกเหมือนพวกเราเป็นฝ่ายรังแกนกพวกนั้นฝั่งเดียวยังไงก็ไม่รู้ คิดพลางถอนหายใจ สั่งเจ็ดจันทร์เสี้ยวออกมาแค่สองเล่ม ใช้ช่วยดูดเลือดหนึ่ง กับโจมตีธรรมดาป้องกันตัวเอง มือถือเคียวพุ่งเข้าไปช่วยลิน ไวไว พี่วินที่สอยนกลงมา แถมบริการเพิ่มเลือดอย่างรู้หน้าที่

   เวลาผ่านไปไม่นาน ตามพื้นมีแต่ซากนก ที่บินอยู่ด้านบนเหลือเพียงไม่กี่ตัว บอสพญาอินทรีเลือดลดไป 50% ฉับพลัน มันกางปีกออก

   แกวกกกกก!!!

   เสียงประสานจากสองหัวทำให้ผมรู้สึกปวดหู ชะงักไปชั่วคราว พร้อมกับขนปีกทุกเส้นของมันพองขึ้นจนเหมือนหัวหอกแหลมคมกริบ ความบรรลัยเริ่มบังเกิด มันซัดขนปีกพวกนั้นโจมตีกระจายรอบตัวเป็นวงกลม ผมถูกเฉียดไปหลายแผลได้เลือดไหลโชก ไวไวกระโดดหลบไม่พ้น โดนไปสองสามเส้น พี่วินเปลี่ยนธนูเป็นดาบ เบี่บงวิถีขนพวกนั้นจนได้แผลเพียงเล็กน้อย
   
   ลินเรียกกำแพงกระดูกมารับดาเมจแทน พี่เจตน์ผมเห็นหลบแวบไปหลังก้อนกินแถวนั้น คนที่น่าเป็นห่วงสุดคือกล เจ้าตัวอยู่ใกล้ที่สุด ผมหันไปมองด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่อะไร กลัวว่าถ้ากลเป็นอะไรไป บอสจะหันมาไล่จวกพวกเราเรียงคนแทน

   พอการโจมตีชุดใหญ่ของบอสจบลง ลูกสมุนนกสองหัวถูกเรียกออกมาเพิ่มอีกสามสิบตัว ผมอ้าปากค้างตาแทบถลนออกจากนอกเบ้า จำใจต้องงัดขวดเก็บเลือดสุดหวงออกมากระดกดื่มเพื่อรักษาตัวเองแบบฉับไว ได้ผลชะงักมากกว่าน้ำหมักป้าเช็ง อีกครึ่งราดใส่เคียวในมือให้มันดูดเลือด วิ่งไปเพิ่มเลือดให้กับไวไวที่บาดเจ็บหนักสุด รองลงมาเป็นพี่วินกับลิน สุดท้ายเลยเผื่อแผ่ไปทางกลด้วย

   ความเร็วของผมพอหลบการโจมตีธรรมดาของพญานกได้บ้าง พอเข้าไปถึง แทนที่จะเห็นใครบางคนบาดเจ็บหนัก กลับเจอหมาป่าขนเงางามไร้ที่ติ กระทั่งฝุ่นยังไม่มี ประดุจหมาที่ชนะการประกวดสุนัขระดับโลก เจ้าตัวเลิกคิ้วมองผม

   “เข้ามาทำอะไร ออกไป เดี๋ยวตาย”

   “ฉันจะเข้ามาเพิ่มเลือดให้นายนั้นแหละ แต่ดูสภาพแล้วคงไม่ต้อง”

   เจ้าตัวหัวเราะในคอ ระหว่างหลบตีนนกขยี้หัว สองแขนแกร่งตวัดอุ้มผมท่าเจ้าสาว วิ่งไปทางพี่เจตน์ที่ผ่านมาพอดี

   “ฝากดึงบอสต่อที จะพาเจ้าหญิงกลับไปส่งที่เดิม”

   พ่อหนุ่มพราวเสน่ห์มองตามอย่างงงๆ จนเห็นนกยักษ์หันมาจ้องตัวเองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้นแหละถึงได้รู้ชะตากรรม

   “ว้าก! ไอ้เด็กบ้า ฉันไม่ใช่พวกถึกหนังด้านนะโว้ยยย”

   ถึงเจ้าตัวจะแหกปากบอกแบบนั้น ผมก็ยังอยากชูนิ้วโป้งให้จริงๆ หลบพลิ้วมากเลยพี่เจตน์ แม้จะคุมเรื่องรัศมีเขตโจมตีของบอสแบบกลไม่ได้ก็ตาม

   “รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีประโยชน์เลยแฮะ” ผมอดที่จะบ่นพึมพำไม่ได้

   “มีสิ มีมาก ฉันรอรางวัลจากนายแบบใจจดใจจ่อเชียวล่ะ ฟอด”

   มีการหอมแก้มอุดมไปด้วยฝุ่นของผมปิดท้าย ก่อนส่ายหางวิ่งกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ ได้ยินเสียงด่าพี่เจตน์ดังแข่งกับเสียงการต่อสู้ ลินกับไวไวประสานเสียงผิวปากพร้อมเพรียง ทั้งที่อยู่กันคนละทิศ ผมหัวเราะ เหล่ๆ มองไปทางพี่วิน ไม่มีท่าทีอะไร คงสนใจบอสอยู่จนไม่ทันสังเกตเห็น ค่อยยังชั่ว

   จบละครคั่นฉาก การต่อสู้กลับมาดุเดือดอีกครั้ง หลังจากนั้นบอสใช้ท่าขนนกอีกสองครั้ง พวกเราถูกโจมตีไปรอบหนึ่ง เริ่มจับทางได้เลยหลบจนได้รับบาดเจ็บกันน้อยกว่าตอนแรก การต่อสู้เป็นไปอย่างลื่นไหล ถึงเหตุการณ์กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ผมไม่รู้สึกวางใจเลยสักนิด โดยปกติพวกบอสมักมีการโจมตีโหดๆ อยู่ไม่ต่ำกว่าสองท่า มันเพิ่งแสดงออกมาแค่ท่าเดียว อีกท่าหนึ่งคงต้องเตรียมตั้งรับดีๆ

   ทุกคนคิดแบบเดียวกัน ใจจดจ่อ รอคอยการโจมตี ที่กำลังจะออกมาในไม่ช้า ราวกับพญานกไม่อยากให้พวกเรารอนาน ร่างใหญ่โตเตรียมบินขึ้น พี่วินไหวตัวทัน เรียกโซ่พันธนาการสีดำ พุ่งทะลุออกมาจากพื้นรอบตัวบอส เข้ามัดปีก คอ และขาทั้งสองข้างของมัน ยึดตรึงไว้กับพื้น แรงยื้อมากขนาดพี่วินยังทำหน้าเครียด

   “ทุกคนรุมจัดการมัน ไม่ต้องสนใจพวกมอนสเตอร์ตัวอื่นแล้ว ฉันรั้งมันไว้ได้ไม่นาน”

   ใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์ ไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำสอง พวกผมทุกคนรุมเจ้าโจมตีบอสทันที เลือดของมันลดลงเรื่อยๆ จนจวนจะตายอยู่รอมร่อ แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เสียงอะไรบางอย่างแทงทะลุเนื้อออกมา หยาดเลือดสาดกระเซ็น บนแผ่นหลังของพญาอินทรี มีปีกอีกคู่หนึ่งที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด พอมันสะบัด แรงลมทำให้พวกเราต้องหาที่ยึดอยู่กับที่ ลินคว้าตัวไวไวมากอด อาศัยดาบในมือปีกพื้นยึดตัวเองไว้ คนอื่นๆ ใช้วิธีเดียวกัน

   พี่วินสถบยาวเหยียด โซ่พันธนาการขาดไปทีละเส้น จนเส้นสุดท้ายขาดออกจากกัน ท่านซาตานกางปีกสีขาวออกเตรียมไปฉะกับมันซึ่งๆ หน้า ก่อนที่มันจะใช้การโจมตีสุดท้ายจัดการพวกเราจนหมด พวกเราเองพอตั้งหลักได้ เริ่มทำการโจมตีอีกรอบ มอนสเตอร์นกทั้งหมดบินหลบไป เป็นสัญญาณบอกว่าการโจมตีครั้งนี้รัศมีต้องกว้างเอาเรื่อง

   พอมันบินขึ้นฟ้าได้สำเร็จ เมฆดำเหนือหัวเกาะกลุ่มกันแน่น ส่งเสียงน่ากลัว ราวกับเสียงกรีดร้องของผืนนภา กระแสไฟฟ้าแล่นเปรี้ยงปร้างในเมฆกลุ่มนั้น สองหัวของพญานกอ้ากว้าง รวมไฟฟ้าเหล่านั้นไว้ที่ปาก ผมกัดฟันแน่น เห็นท่าไม่ดี ขนาดพี่วินยังต้องผละกลับมารวมกลุ่มกับพวกเรา

   “ฉันมีสกิลที่พอจะช่วยทำให้เรารอดจากการโจมตีครั้งนี้ได้ แลกกับฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้อีกหลังจากนี้ ขอให้ทุกคนรีบจัดการมันให้เสร็จ ก่อนมันจะใช้พลังรอบที่สอง”

   ผมบอกกับทุกคนด้วยวิธีส่งกระแสจิตพูดคุยแบบปาร์ตี้ เพื่อให้คนที่อยู่ไกลได้ยินด้วย ทุกสายตาหันมามองผมเป็นตาเดียว ผมยิ้มยกนิ้วให้ แล้วเก็บอาวุธตัวเองออกไปทั้งหมด กางปีกค้างคาวออกมา เงยหน้ามองเจ้านกที่จ้องมองมายังเหล่ามนุษย์ตัวจ้อย

   กระแสลมพัดเส้นผมให้ปลิวไปตามแรง ปลายผมกลายเป็นริ้วสีดำ พอๆ กับอาภรณ์ส่วนอื่น ดวงตาสีเทากลายเป็นสีแดงก่ำ ริ้วดำเหล่านั้นกลายเป็นค้างคาวสีดำ ขยายครอบคลุมทั่วร่าง จนกลายเป็นค้างคาวฝูงหนึ่ง เสียงปีกรวมกันพร้อมเสียงร้องแบบค้างคาว ผมควบคุมด้วยความคิด การมองโฟกัสที่บอสเป็นจุดเดียว อาศัยเมฆดำที่ปกคลุมปกป้องผมจากแสงแดด นี่เป็นความสามารถที่ผมได้มาใหม่

   ฝูงค้างคาวบินเข้าหาหัวพญาอินทรี ก่อนแยกเป็นสองกลุ่มแล้วทำในสิ่งที่ทุกคนอึ้ง!

   ไม่ใช่เอฟเฟ็คตระการตา ไม่ใช่การต่อสู้ที่สละชีวิตราวผู้กล้า แต่เป็นการพุ่งชนมันดื้อๆ ด้วยแรงมหาศาลจนหัวพญาอินทรีทั้งสองเบี่ยงทิศเงยขึ้นไปเล็กน้อย ปล่อยกระแสไฟเส้นใหญ่ผ่านเหนือหัวไป พริบตานั้น ค้างคาวกลับมารวมตัวกันเป็นร่างคุ้นเคย นอนอยู่ไม่ไกลจากพญานก

   ทุกคนจัดเต็มอัดใส่บอสไม่ยั้ง โดยมีกลพุ่งตัวเข้าไปคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆ ปีกทั้งหมดถูกทำให้เสียหายจนไม่อาจบินได้ด้วยฝีมือของเทพบุตรซาตาน เท้าที่ดึงรั้งด้วยเส้นด้ายของไวไว กับทหารโครงกระดูกของลินจนมันล้มลง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เจตน์มุ่งสู่ตำแหน่งคอ ด้วยระดับที่สูงกว่าและอาวุธระดับสูงปาดเส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอเพียงแค่รอบเดียว ใช้โอกาสที่ได้มาอย่างเต็มที่

   บอสพญานกล้มลงเกิดเสียงดังสนั่น ก่อนจะสลายไปเหลือเพียงไอเท็มกับเสียงแจ้งเตือนระบบที่ทุกคนไม่สนใจฟัง

   “วัตเป็นไงมั่ง”

   พี่วินเข้ามาดูน้องชายด้วยความเป็นห่วง แม้จะอยู่ในเกมตายสามารถฟื้นได้ เขาก็ไม่อยากให้น้องตายสักเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโลกแห่งความจริง แค่เจ็บปวดธรรมดาก็เป็นห่วงจะแย่แล้ว กลประคองวัตขึ้นมาในอ้อมแขน เป็นฝ่ายตอบ หลังจากสำรวจอาการบาดเจ็บของวัต

   “ไม่เป็นอะไรมาก คงเป็นผลข้างเคียงจากทักษะ”

   “นั่นเท่ากับว่า ฟื้นมาก็ปกติสินะ ค่อยโล่งอก งั้นพวกเรารีบเก็บของกลับเรือกันก่อนที่พวกมอนสเตอร์จะเกิดอีกรอบ สภาพพวกเราตอนนี้คงสู้กับมอนสเตอร์ไม่ไหวแน่”

   ไวไวพูดมีเหตุผล สภาพโทรมๆ พอเยียวยาไปบ้างแล้ว แต่ขวดยาหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ขวดเดียวกันทุกคน ต่อให้เทพกันแค่ไหน สู้ต่อหลังจากเสร็จศึกใหญ่มาหมาดๆ มีหวังได้กระอักตาย พี่วินถอนหายใจบอกให้ทุกคนไปเก็บของที่ได้มาจากมอสเตอร์และบอส ปล่อยให้ลูกศิษย์อุ้มน้องชายไป

    ความจริง ส่วนตัววินแล้ว ไม่ได้หวงน้องโดยไร้เหตุผล มันเป็นความห่วงจากพี่ชายคนหนึ่ง ซึ่งชินเองก็เป็นแบบเดียวกัน คนเป็นพี่ใครๆ ก็อยากให้น้องมีความสุข ถ้าน้องมีความสุขแล้ว ไม่คิดไปขัดให้เสียเรื่องหรอก ติดแต่ไอคนที่จะมาดูแลน้องชายกลับเป็นตัวอันตรายระดับเอส หลังๆ ได้พูดคุย เจอกันบ่อยขึ้นถึงพอมั่นใจได้ว่าไอเด็กคนนี้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เลยยอมปล่อย พอขัดบ้างเป็นพิธี แต่ที่ยังคอยขัดขวาง เหตุผลไม่มีอะไรมาก ความหมั่นไส้ส่วนตัวล้วนๆ เด็กอะไร กวนประสาทชะมัด ต่อหน้าต่อตาพี่ชายยังไม่เว้น

   “เฮ้ย เลิกมองน้องชายฉันเหมือนจะกลืนกินแบบนั้นได้แล้ว ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ไม่ยอมให้นายทำอะไรตามใจชอบแน่”

   “ในความหมายคือ ถ้าอยู่ต่อหน้าห้ามทำอะไรรุ่มร่าม โอเค ไว้ค่อยไปทำ ‘ลับหลัง‘ แบบนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ยอาจารย์”

   การต่อปากต่อคำ เรียกเส้นเลือดปูดปึดตรงขมับท่านซาตาน จวนจะประเคนเท้าใส่หน้าเด็กปากดีอยู่รอมร่อ ถ้าไม่ติดว่าเจตน์หันมาเห็น แล้วรั้งตัวลากออกมาเสียก่อน พอดีกับที่มอนสเตอร์เริ่มเกิด ทำให้พวกเขาต้องรีบเผ่นออกไปจากที่นี่ให้เร็ว

   วินต้องพักรบชั่วคราว ใช้พลังที่เหลือรักษาทุกคนให้อยู่ในสภาพดีที่สุด เพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ทีแรกขามามีแต่มอนเสอตร์ แถมยังต้องแยกย้ายกันไปทำงานกว่าจะถึงจุดที่บอสอยู่เสียเวลาไปโข พอขากลับเป็นเส้นทางตรงไม่มีมอนสเตอร์ ใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวของขามาก็ถึงเรือโดยสวัสดิภาพ

    หลังทุกคนขึ้นเรือครบ อินสั่งให้ลูกน้องออกเรือทันที เกาะซึ่งเป็นดันเจี้ยนเริ่มห่างออกไปจนลับสายตา เหล่าคนที่ต่อสู้มาตลอดได้พักเหนื่อยปล่อยให้เรือลอยไปตามกระแสลม และการควบคุมของต้นหน กลพาวัตไปนอนพักห้องด้านในที่ตัวเองนอนเมื่อคืน

   ของที่ได้จากบอสและมอนสเตอร์มาถูกนำมาวางเรียงกันเพื่อขัดแยกระหว่างของมีค่ากับของทั่วไป แบ่งตามสัดส่วนให้ทุกคนเท่ากัน ส่วนแบ่งของกลกับวัตมีไวไวกับลินช่วยเก็บให้ก่อนชั่วคราว

   เจตน์หายหัวไปทันทีที่ขึ้นเรือ เจ้าตัวบอกใกล้ได้เวลานัดกับคนสำคัญ เลยขอตัวออฟไลน์ออกจากเกมไปก่อน จึงเหลือเพียงกลุ่มของไวไว วินกับอินเท่านั้น ทุกคนพูดคุยผ่อนคลาย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เจอมา ปล่อยให้กลเฝ้าวัตคนเดียว จนถึงเวลาที่วัตควรจะตื่นเลยพากันยกขบวนไปหา

   ก่อนหน้านั้นไม่นาน วัตเริ่มขยับตัว กลย้ายตัวเองจากเก้าอี้มานั่งอยู่ขอบเตียงแทน วัตเริ่มเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นดวงตีคู่สวยที่ยังคงเป็นสีแดง

   “อ่า... ที่นี่ อืม... อยู่บนเรือแล้วสินะ ให้ตาย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ใช้เด็ดขาด”

   ยามเจ้าตัวบ่นพึมพำ เห็นเขี้ยวที่งอกยาวมากกว่าปกติ บ่งบอกว่าเจ้าตัวอยู่ในความรู้สึกอะไร ผมเผลอตัวมองไปที่ลำคอของกลพลางกลืนน้ำลายอึก กระแสชีพจรที่เต้นอยู่ตรงหน้า ลำคอกลับมาแห้งผากอีกครั้ง ดวงตัวเหม่อลอย ขยับกายเข้าหาอย่างลืมตัว การใช้ทักษะแทบแลกชีวิตนั้น ต้องเสียเลือดเป็นการแลกเปลี่ยนพอสมควร สำหรับแวมไพร์แล้ว เลือดเป็นสิ่งจำเป็นมาก เสียไปมากขนาดนั้น ย่อมต้องการสิ่งทดแทนให้กับร่างกาย

   กลพอจะเดาจากท่าทีของอีกฝ่ายได้ ปล่อยให้ค้างคาวที่อยู่ในสภาวะกระหายจนกึ่งๆ ไร้สติขึ้นมานั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหา แขนโอบเอวประคองไม่ให้หงายหลังลงไปซะก่อน ใบหน้าคมคายหันไปด้านข้าง พร้อมแหวกคอเสื้อขนสัตว์เปิดโอกาสให้แวมไพร์ตัวดีเต็มที่

   การกัดครั้งนี้ไม่มีการขอใดๆ ทั้งสิ้น คมเขี้ยวถูกฝังเข้าทีลำคอแกร่ง สร้างความเจ็บจี๊ดแล่นพล่านไปตามสันหลัง กลขมวดคิ้วเล็กน้อยกับความหนักหน่วงจากการกัด ธารอุ่นถูกดื่มกินอย่างกระหาย เสียงครางในคออย่างพึงพอใจ กับลมหายใจที่เป่ารดลำคอ ทำให้หมาป่าหนุ่มนึกขอบคุณพี่ชายอีกฝ่ายที่สร้างระบบเกมขึ้นมาแบบ ตัดความรู้สึกเรื่องอย่างว่าไปจนหมดสิ้น ไม่งั้นเจ้าตัวเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ว่าจะทนไม่จับอีกฝ่ายกดลงกับเตียงได้รึเปล่า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-05-2015 01:06:49
ลุยโลดดดดด!!! ไปตบบอสกัน!!!
ตอนนี้เหมือนวัตจะเริ่มมีใจ แต่ดันมีพี่ชายขี้หวงจอมขัดซะงั้นนนน
ปัจจุบันก็คงยังไม่รู้เลเวลกล สงสัยสูงมากๆ
รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 08-05-2015 08:40:02
ล้างแค้นนังรัชนกให้ได้ วะ ฮ่าๆ #ผิด
ยาวจุใจมากคะ อิกลอิวัต อร๊ายยย

ปล.ตกลงทีมวัตมี ลิน วัต กล หรือ ไวไว วัตกล กันแน่คะ เชคด่วนๆ   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-05-2015 08:47:37
 :ling3:


วินสุดยอดดดดด ชอบพี่ชายคนนี้มากเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 08-05-2015 09:48:29
 :m20: ท่านพี่วินหวงจัง ดูอาการน้องตัวเองสิเขาเริ่มให้ใจผู้ชายไปบางส่วนแล้วนะพี่ชาย  :-[
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 08-05-2015 11:33:21
ลุยยยยย ตบนกให้ร่วง
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 08-05-2015 18:51:07
อยากเข้าตี้ อยากเข้าตี้ด้วยยยย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-05-2015 06:36:13
ลุยยยยย!!!
หวังว่างานนี้ จะรอดกันมาครบทุกคนนะ 5555
แอบสงสารกลนะเนี่ย มีคุณพี่สุดโหดค่อยกันท่า หุหุ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-05-2015 11:16:43
อยากได้ฉากดูดเลือดจังเลยย
วัตดูดเลือกกลต่อหน้าพี่วินเลือด
สยิวแปลกๆ แน่555
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 10-05-2015 00:17:26
กล ไม่เกรงใจพี่วินเลยนะ เดี๊ยวได้มีศึกหวงน้องแน่ๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Benzyza ที่ 10-05-2015 15:05:13
เหมือนกัน อยากได้ฉากดูดเลือดสุดสยิวกิ้วจัง~~~~~~  :hao6: ชอบตอนกลอึ้งตอนโดนลวมลามนิดๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 10-05-2015 15:53:52
หุหุ เกือบละ ถ้าพี่เจตน์ไม่ขัดละก้อ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 12-05-2015 10:55:32
จัดไป!!!!กร้ากกก :hao7:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 12-05-2015 17:57:57
ลุยโล้ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 13-05-2015 17:14:07
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน
แอบเสียใจนิดๆเพราะจะไม่ได้มี โมเม้นแบบที่อ่านยาวๆ 555+
สนุกมากเรื่องนี้
ชอบประมาณนี้อยู่แล้ว แนวแฟนตาซี อ่านรวดเดียวไม่พักเลย
อดนอนไป
ชอบมากๆ
รอตอนต่อไปยังใจจดใจจ่อ ลุยบอสแล้ว
แอบอยากไห้โลกความจริงมีแบบนี้บ้าง
คงจะสนุกน่าดู ปกติชอบเล่นเกมแนวนี้ละ
ชอบมาก เลยอ่านแบบคิดตามได้ไม่ติดขัดเห้นภาพตลอด อินด้วย
โชคดีที่มีพื้นฐานทางด้านเกม เลยมีอารมณ์ร่วมแบบสุดๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.15 ท่านซาตาน 8/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 14-05-2015 17:36:43
ฟินฉากดูดเลือดมากค่ะ อิอร๊างงงงงงค์
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 15-05-2015 02:09:52
Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น (ต่อ)

    หมาป่าหนุ่มรอจนถึงเวลาพอสมควรแล้ว ค่อยปฏิบัติการงัดค้างคาวออกจากคอ เริ่มด้วยการใช้วิธีแรกสุด ใช้เสียงเรียกสติ

   “วัต พอได้แล้ว”

   ไร้การตอบรับ เลยต้องเริ่มวิธีที่สอง มือหนาลูบตามแผ่นหลัง ตามด้วยวิธีที่สามงับหู ยังได้แค่ชะงัก แล้วดูดต่อ เวลานี้คนให้เลือดเริ่มจะหน้ามืดเอง ปกติจะมีขวดยาข้างตัวไว้กระดกดื่มเพิ่มเลือดตัวเอง ซึ่งตอนนี้ไม่มีแม้แต่ขวดเดียว ใช้ไปตอนต่อสู้หมดเรียบร้อยโรงเรียนวาย

   สุดท้ายเลยต้องงัดวิธีที่ไม่อยากใช้ที่สุดมา มือหนารวบข้อมือทั้งสองข้างไว้เหนือหัว อีกมือจับคางมนดึงออกแล้วพลิกตัวด้วยความเร็วกดอีกฝ่ายนอนอยู่ใต้ร่าง เสียงเตียงไม้ลั่นเอี๊ยดกับการเคลื่อนไหวปุบปับ คนโดนคร่อมเหมือนจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลอยู่ในท่านี้สักพัก จนมั่นใจแล้วว่าวัตไม่จู่โจมเข้ามาอีกถึงปล่อยแล้วทรุดตัวลงนอนทับคนด้านใต้แทบแบนติดเตียง จมูกโด่งซุกอยู่แถวซอกคอ แอบสูดฟืดหนึ่งให้ชุ่มปอดแล้วทำตัวเป็นหมาแกล้งตาย

   “กล เฮ้ยกล ทำใจดีๆ ไว้ เดี๋ยวฉันไปหาขวดยามาให้ ขอโทษที่ลืมตัวดื่มหนักไปหน่อย” ผมเขย่าคนที่นอนทับอย่างตกใจ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากลไม่มีขวดยาไว้ดื่มเพิ่มเลือดหลังจากเป็นให้อาหารตัวเอง

   “ตอบหน่อย อย่าเงียบ หรือว่าสลบไปแล้ว”

   อาศัยแรงของแวมไพร์ กับกำลังที่ฟื้นคืนจากเลือดที่ดื่มไปซะเต็มอิ่ม ดันร่างหนาๆ ของคนบนตัวให้พลิกไปนอนด้านข้างแทน พอจะลุกขึ้นไปขอขวดยาเพิ่มเลือดจากคนด้านนอก กลับถูกคว้าแขนไว้ให้ชะงักอยู่กับที่ อะไรครับ หวังจะเห็นฉากล้มทับสุดเลื่องลือ ฮอตฮิตตลอดกาลในละครน่ะเหรอ ไม่มีทาง เพราะถ้าขืนผมล้มไปตอนนี้ ไม่ใช่หน้าจะชนกันแบบในละคร แต่หน้าผมจะไปชนกับอย่างอื่นแทนน่ะสิ ขอไม่บอกแล้วกันว่าตรงไหน ละไว้ในฐานที่เข้าใจครับ

   “ไม่เป็นไร พักสักหน่อยก็พอ”

   “เอางั้นนะ”

   “อืม”

   หมาป่วยบอกมางี้ ผมเลยต้องยอมตามใจ นั่งบนเตียงก้มหน้าลงไปช่วยเลียหยุดเลือดให้ เจ้าตัวรู้ดีเลยหันหน้าให้ผมจัดการได้สะดวก พอเข้ามาเห็นในระยะประชิดแบบนี้ หวา... ผมกัดแรงน่าดู ผิวสีเข้มของกล แอบช้ำนะเนี่ย

   “เอ่อ... ขอโทษนะที่คุมตัวเองไม่อยู่ กล คือ... นายต้องการอะไรมั้ย ฉันจะไปหยิบให้”

   ใช่ว่าผมรู้สึกผิดหรือมีจิตเมตตาขนาดนั้น เพียงแค่อยากหาเรื่องหลบสายตาร้อนแรงที่มองมาเท่านั้นเอง ได้ข่าวว่าเพิ่งวูบเพราะหน้ามืดจากการเสียเลือด ทำไมยังทำตาพราวระยับได้อีก ช่วยอย่าทำตาแบบนั้นทั้งหน้าตายได้มั้ย

   “ฉันต้องการนาย...วัต รางวัล”

   เสียงเหมือนจะอ้อน ผมเหมือนถูกมนต์สะกดไปชั่วครู่ กระพริบตาปริบๆ สะบัดหัวไล่ภาพน้องหมาตัวโตกำลังมองด้วยสายตาเหมือนขอรางวัลจากเจ้าของหลังจากทำอะไรสำเร็จสักอย่าง สมองนึกทบทวน รางวัลอะไรหนอ เรื่องที่ให้เลือดไม่น่าเกี่ยว ปกติเจ้าตัวก็หาเศษหาเลยเอาคืนทุนพร้อมกำไรอยู่แล้ว

   บางสิ่งแวบเข้ามาในหัว ภาพผมตะโกนบอกกลก่อนเริ่มต่อสู้ผุดขึ้นมาชัดเจน จริงสิ ก่อนหน้านี้ผมบอกว่าถ้ากลไม่ได้รับรอยแผลผมจะยอมทำตามที่ขอหนึ่งอย่าง พอเห็นหางส่ายตีเตียงตุบๆ อย่างรอคอยก็ปฏิเสธไม่หลง เอาวะ คำไหนคำนั้น ผมพยักหน้าให้

   “นายจะขออะไรล่ะ ถ้าฉันทำได้ ถึงจะทำให้นะ”

   “เรื่องนี้นายทำได้แน่นอน จูบหน่อย...”

   “หือ โอเค แค่จูบ โธ่ๆ หมาน้อยกล คงติดใจรสจูบของพี่วัตสุดหล่อคนนี้ล่ะสิ มามะเดี๋ยวพี่สนองให้”

   ผมหัวเราะ ทำท่าเหมือนตาแก่กำลังล่อลวงเด็กยังไงชอบกล เพียงแค่ว่า เด็กตรงหน้ามันเป็นเด็กโข่งที่ตัวโตกว่าตัวเองจนน่าเจ็บใจ ผมเคยเห็นหุ่นใต้เสื้อผ้าพวกนี้มาแล้ว กับการแนบชิดอีกหลายต่อหลายครั้ง หุ่นดีจนน่าเสย ศัตรูของผู้ชายโดยแท้

   พอผมตอบรับ แทนที่หมาน้อยจะดีใจ กลับร่างเป็นหมาป่าซะงั้น สายตามองเหมือนจ้องจับเหยื่อจนผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว สรุปผมไม่ใช่ป๋า แต่เป็นลูกแกะตัวน้อยๆ ที่จะกำลังจะถูกหมาป่าขย้ำรึเปล่านี่

   หมาป่าตัวนี้ไม่ปล่อยให้ลูกแกะที่น่าสงสารคิดอะไรไร้สาระอีก สองมือหนาอุ่นยื่นมาประคองใบหน้าผมให้เงยขึ้น แววตาท่าทางเหมือนเด็กกำลังเอาคืน ผมเห็นเค้ารางความซวยกำลังมาเยือน ผมอ้าปากหมายจะบอกให้เขาปราณีผมสักนิด

   เสียงของผมไม่ทันได้ออกจากคอ คนตรงหน้าเหมือนรอจังหวะ ก้มลงมาประกบปากจนแนบสนิท ลิ้นร้อนถูกสอดเข้ามาให้ผมสะดุ้ง เชรดเด้ นี้พ่อเล่นสอดลิ้นเลยหรือจ๊ะ รอบที่แล้วยังแค่ป้อนธรรมด๊าธรรมดายาเองนะ

   เจ้าตัวละเลียดเหมือนกำลังชิมอาหารรสเลิศ ผละออกให้พอหายใจไม่ทันไรประกอบเข้ามาอีก มือหนาเปลี่ยนจากประคองหน้าเป็นตรึงท้ายทอยให้ผมเงยหน้าขึ้นรับจูบแบบเต็มๆ เก่งจนผมเริ่มเคลิ้ม กระทั่งเจ้าตัวผละออกเลียริมฝีปากแบบเดียวกับที่ผมเคยทำไม่มีผิด

   ได้! ฉันจะจำไว้ว่าหมาป่าอย่างนายมันเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นและชอบเอาชนะแบบสุดๆ ต่อไปค้างคาวตัวนี้จะไม่หือกับหมาป่าแล้วจ้า อยากพูดอยู่หรอก แต่ ณ เวลานี้ขอหอบเอาอากาศเข้าปอดก่อน

   “แฮ่ก นายจะจูบทำไม ในเมื่อจูบไปก็เท่านั้น” การจูบโดยไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งเข้ามาเกี่ยว มันก็เหมือนกับทานอาหารที่ไร้รสชาตินั้นแหละครับ เฮ้ย!! ที่พูดงี้ไม่ใช่ว่าผมอยากจูบนอกเกมหรอกนะ จริงๆ เชื่อผมสิ

   “ดีแล้ว ถ้ามีความรู้สึกพวกนั้นฉันคงไม่คิดทำเรื่องทรมานตัวเองตั้งแต่แรก ตอดเล็กตอดน้อยไปวันๆ ฉันมีความสุขดี”

   ผมกุมขมับ นายจะช่วยเงียบเหมือนที่ผ่านมา หรือโกหกหน่อยก็ได้ พูดมาซะตรง ผมแทบหน้าหงาย ที่พูดมาราวกับว่า ถึงแม้อาหารไม่มีรสชาติ ขอแค่ได้รสสัมผัสก็พอ

   “งั้นหรือ... ถ้าอย่างนั้นฉันช่วยสนองให้ดีมั้ย”

   เสียงเย็นเยียบติดลบดังมาทางประตูห้อง ผมหันขวับไปมอง เห็นพี่วินยืนแผ่ออร่าสีดำ กลัวว่าเขาบนหัวยังบ่งบอกความเป็นซาตานไม่พอหรือครับพี่

   “พี่วินมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”

   “ไม่รู้” ท่านซาตานขว้างขวดยาหมายจะกระแทกเข้ากลางหน้าหมาป่า มือหนาคว้ารับได้ทันก่อนดั้งตัวเองจะหักเพราะขวดยา กลเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วเปิดขวดยกดื่มอึกๆ จนหมดขวด สีหน้าค่อยกลับมาดีขึ้น เฮ้ย เดี๋ยวนะ มาถึงพ่อท่านขว้างขวดยาแบบนี้ แสดงว่าเห็นตั้งแต่แรกที่ผมดูดเลือดกลน่ะสิ! โอ้พระเจ้า ซาตานสถิต โปรดช่วยลูกค้างคาวตาเทาๆด้วย

   “น่าเสียดาย ในเกมไม่มีกล้อง” เสียงลินพึมพำ มีไวไวพยักหน้าเสริมอยู่ในอ้อมแขน พอสังเกตดูดีๆ มากันหมดยกทีมเลยนี่หว่า พี่อินมองกลด้วยสายตาอิจฉา ขาดพี่เจตน์ รายนั้นไม่โผล่ทั้งที่มีเรื่องสนุก คงหายไปทำอะไรอย่างอื่นแล้วแหงๆ

   ผมถอนหายใจ นอนแผ่ทับหมาเหมือนอยากหนีความจริง พี่วินดูเหมือนจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เดินเข้ามาลากคอผมพร้อมปิดประตูปัง ใช้ห้องว่างอีกห้องจับผมนั่งคุกเข่า ฟังพี่ชายเทศนาไปหนึ่งบทเต็มๆ ผมไม่ใส่ใจฟัง พี่วินคล้ายจะระบายมากกว่าสั่งสอน สุดท้ายเหมือนคนปลงได้ นั่งบนเก้าอี้เหมือนราชา มองทาสตัวน้อยอย่างผมที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนพื้น

   “เอาเถอะ เราโตแล้วจะทำอะไรก็ตามใจ แค่น้องพี่มีความสุขก็พอ แต่ถ้ามีอะไรให้มาบอกพี่กับชิน เข้าใจนะ”

   มืออุ่นของพี่วินยื่นมาลูบหัวผม ผมยิ้มรับ ใครบอกว่าในสายตาพ่อแม่มักมองลูกตัวเองยังเป็นเด็กน้อยเสมอ ผมขอค้านนิดหน่อย ในสายตาของคนเป็นพี่ ยังคงมองน้องชายเหมือนน้องตัวเล็กๆ ที่ต้องคอยดูแลเหมือนกัน ผมเข้าใจ พี่วินคงเป็นห่วง ผมเองก็เป็นห่วงพี่ ดีที่มีพี่ชินคอยอยู่ข้างๆ พี่วินเสมอ ผมเลยค่อยวางใจ

   ฝั่งความคิดของวิน น้องชายเขาไม่ใช่คนโง่ ฉลาดและมีไหวพริบ เอาตัวรอดเก่งตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาเลยปล่อยให้อยู่คนเดียวได้โดยไม่ต้องห่วง ยังไงซะเจ้าหนูหมาป่าถือว่าผ่านเกณฑ์ในระดับหนึ่ง วินถึงยอมรับเป็นลูกศิษย์ ที่สำคัญ วินไม่ใช่คนไร้เหตุผล เอาไว้ถ้าเกิดน้องชายบอกไม่โอเคเมื่อไหร่ ค่อยจัดการเขี่ยไปไกลๆ...

   พี่น้องคุยกันอยู่สองคนสักพัก ก่อนไปรวมตัวกับคนอื่นๆ อินกับวินแยกตัวไปพูดเรื่องงาน ทิ้งให้พวกวัตอยู่กันเอง สำรวจเรือจนพอใจ

   เรือจอดเทียบท่าเมืองสตาทอส ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ ที่เห็นจะโดดเด่นที่สุดคงเป็นชายร่างสูงยืนรอเรือของพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เรือนผมสีดำเงาสวยเข้ากับหูจิ้งจอกสีเดียวกัน ชุดที่สวมใส่เป็นยูกาตะสีดำสนิทเผยแผงอกกว้าง ลำคอคล้องด้วยเกรียวเชือกเส้นกลางสีขาวแดงมัดปมเป็นโบว์ด้านหลัง ด้านหน้าเป็นกระพรวนสีเงินส่งเสียงก้องวังเวงทุกครั้งยามขยับเคลื่อนไหว พวงหางคล้ายพู่กันทั้งเก้าบ่งบอกเผ่าพันธุ์

   มือถือพัดสีแดงเลือดลายดวงตาโบกเบาๆ ขณะดวงตาคมชี้มองเหล่าคนที่ทยอยลงมาจากเรือ เท้าสวมใส่เกี๊ยะไม้เดินเข้าไปหาบุคคลที่รอคอย

   “โทษทีนะ เพิ่งเคลียงานเสร็จ เลยไม่ได้ไปช่วยนายทำภารกิจเลย”

   จิ้งจอกดำเนียนไปยืนคั่นกลางระหว่างเพื่อนซี้ตัวเองกับเจ้าของเรือ พี่อินทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ผมได้ยินเสียงเจ้าตัวพึมพำว่าไอ้จิ้งจอกจอมหวง แล้วเจ้าตัวก็ขอตัวกลับขึ้นเรือไป ปล่อยพวกเรายืนเด่นอยู่ตรงนั้น

   “ไม่เป็นไร” พี่วินโบกมือปัดๆ แบบไม่ใส่ใจ

   “ว้าว พี่ชินเป็นปีศาจจิ้งจอกหรือเนี่ย สุดยอดเลย เก้าหางด้วย ขนนุ่มจัง”

   ผมถลาเข้าไปรวบกอดหางพี่ชินมาสองหาง ขนนุ่มจนแทบอยากจะตัดมาทำพวงกุญแจ พี่ชินใช้พัดเคาะ หัวเราะในลำคอ พูดกับผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำตามสไตล์ หล่อเกินไปแล้วครับท่าน ผู้เข้าแข่งชันหมายเลขห้าปรากฏตัว เตรียมกดโหวตกันเลยครับ

   “ถ้าเป็นของคงให้ได้อยู่ แต่อันนี้ฉันคงให้ไม่ได้ อยู่ด้วยกันแบบนี้แสดงว่าไปทำภารกิจด้วยกันมาสินะ ดีแล้วๆ”

   “พวกวัตเอาไงต่อ เดี๋ยวพวกพี่จะแยกไปเล่นกันเอง ไปด้วยรึเปล่า” พี่วินหันมาถามผม ผมมองหน้าทุกคน ตอนนี้ในปาร์ตี้เหลือแค่กลุ่มเดิมพวกเราสี่คน พวกพี่วินออกไปตั้งแต่ทำภารกิจเสร็จ

   “ไม่อะพี่ พวกเรามีเป้าหมายว่าจะไปที่เมืองหลวงกัน” ลินกับไวไวพยักหน้าเสริม กลยังคงนิ่งตามเคย กลับมาสู่สภาวะหมาป่ามาดนิ่ง

   “เมืองหลวง? ถ้างั้น ไว้เจอกันที่นั้นแล้วกัน เล่นเกมให้สนุกล่ะเด็กๆ”

   สองพี่ชายโบกมือให้พวกเรา พวกผมโบกมือให้มองตามจนแผ่นหลังของทั้งคู่หายไปกับฝูงคน

   “พวกเราไปกันเถอะ ฉันอยากล้างคำสาปตัวเปี๊ยกนี้เต็มแก่แล้ว” ไวไวชูแขนสั้นๆ สองข้างอยู่ในอ้อมแขนลินตามเคย

   “น่าเสียดาย ฉันออกจะชอบ” สาวที่กลายเป็นหนุ่มซุกจมูกโด่งๆ ตัวเองเข้ากับกลุ่มผมนุ่มของกระต่ายแคระ เจ้าตัวดิ้นปัดๆ เหมือนโดนน้ำร้อนลวก กระโดดหนีมาเกาะหลังผมแทน

   “ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะเฟ้ย”

   “เอาหน่าๆ ยังไงความจริงลินเป็นผู้หญิงนี้ จะชอบของน่ารักๆ ก็ไม่แปลก” ผมหัวเราะ โยนไวไวส่งคืนให้ลินรับ ระหว่างเดินเข้าไปในเมือง เราซื้อของจำเป็นมาตุนเพิ่มและแวะขายของไปด้วย พวกเรามีชุดหลักๆ กันอยู่แล้ว อาวุธครบมือ ของที่ได้มาเป็นพวกเสื้อเกราะ อาวุธ เครื่องประดับระดับไม่สูงนัก เลยตัดสินใจขายทิ้งหมดจะได้ไม่รกกระเป๋า แล้วหันไปคุยกับคนข้างตัวหลังจากซื้อของทุกอย่างมาครบเรียบร้อย

   “ท่านแผนที่พูดได้ พวกเราจะเดินทางไปเมืองหลวงยังไงดี ฉันขอแบบที่ไวที่สุดนะ เพราะใกล้จะต้องออฟไลน์ออกจากเกมแล้ว เหลือเวลาแค่สองวันกับอีกหนึ่งคืนในเกมเอง”

   “เช่าม้าขี่ไปคงไวสุด ถ้าเรารีบออกเดินทางตอนนี้ น่าจะถึงก่อนค่ำ” กลตอบพลางชี้ไปที่ร้านเช่าม้าใกล้ๆ ผมมองตาม

   ร้านตั้งอยู่ตรงหน้าประตูเมือง ถูกสร้างด้วยไม้ต่างจากอาคารหลังอื่นๆ แต่ดูสะอาดเรียบร้อย ใกล้กันมีคอกม้ายืนเรียงราย มีทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ผมกับไวไวเข้าไปดูม้าด้วยความสนใจ ทิ้งให้กลกับลินจัดการเรื่องเช่าม้ากับเจ้าของร้าน

   ม้าตัวที่ผมได้เป็นสีน้ำตาลเข้มท่าทางเชื่อง ของลินเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผมเห็นพนักงานจูงม้าออกมาให้พวกเราแค่สองตัวเลยถามเจ้าคนจัดการด้วยความสงสัย

   “กล ทำไมม่ม้าแค่สองตัว นายจะไม่ขี่ม้าไปเหรอ” หรือเจ้าตัวจะเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าวิ่งตามเอา

   “พวกเราใช้ตัวเดียวกัน ขึ้นมาสิ” กลกระโดดขึ้นหลังมาด้วยความคล่องแคล่ว ผมอึ้ง มองมือที่ยื่นมือให้ พอหันไปมองลิน ทางนั้นขึ้นมาประจำที่ พร้อมไวไวนั่งซุกอยู่ในเสื้อคลุมพ่อมดหลบแดด ส่วนผม ใช้เสื้อคลุมที่กลเคยให้มาคลุมตัวไว้ไม่ต่างกัน

   “มัวทำหน้าเอ๋ออะไรอยู่เพื่อน เจ้าชายยื่นมือมารับแล้ว เจ้าหญิงอย่าเล่นตัว รีบๆ ขึ้นม้าซะ”

   “ได้ไง ฉันอยากขี่ม้าเหมือนกัน” ผมดื้อไม่ยอมขึ้น อุตส่าห์จะได้ขี่ม้าครั้งแรกในชีวิต อยากลองคุมเองมากกว่า

   “คงไม่ได้ การขี่ม้าต้องมีทักษะขี่ม้า วิธีรับต้องทำความของร้านขายม้า ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลามาทำ นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากไปถึงเมืองหลวงไวๆ”

   ลินคุมม้าย้ำเท้ากุบกับบอกผม ดวงตาสีเทาหันกลับมามองม้าที่ตัวเองต้องโดยสาร กลยังคงยื่นมือแบบเดิม ผมจำใจยื่นมือไปจับ อาศัยแรงอีกฝ่ายดึงขึ้นไปนั่งบนหลังม้า มือหนาข้างหนึ่งคอยคุมม้าไว้ อีกมือดึงผ้าคลุมขึ้นคลุมหัวผมกับของตัวเอง

   พอเริ่มออกเดินทาง ผมถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกล เพราะโดนดึงให้มานั่งด้านหน้าด้วยเหตุผลที่ว่า กลัวผมลื่นตกลงไป ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยเอนหลังพิงแผ่นอกอุ่น ใช้คนด้านหลังเป็นพนักพิง กลแค่เลิกคิ้วมองไม่พูดอะไร แต่มุมปากยกยิ้มนิดๆ อย่างพึงพอใจ

   สถานะปัจจุบัน กลุ่มปาร์ตี้ของเรา เปลี่ยนตัวเองเป็นไอผ้าคลุม มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงแบบไม่หยุดพัก

   สองข้างทางเป็นผืนป่า กลิ่นอายธรรมชาติที่หาในยากในโลกจริงชวนให้เพลิดเพลิน พอโดนลมเย็นสบายพัดปะทะหน้ามากๆ เข้าจนเริ่มง่วง

   “นอนสิ ถึงแล้วจะปลุก” น้ำเสียงนุ่มพูดอยู่เหนือหัว ในเมื่อเจ้าตัวเสนอ ผมไม่ขัดศรัทธา ซบหน้าฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะเหมือนขับกล่อมจนกระทั่งหลับไป
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 15-05-2015 02:10:13
Lv.17 เมืองหลวงที่รัก

   เสียงจอแจของผู้คนทำให้ผมตื่นจากความฝันแสนหวาน รอบข้างยังสว่างโร่ แสดงว่าพวกเราเดินทางมาถึงไวกว่าที่กลคาดไว้ ผมหลับเพลินจนน้ำลายย้อยใส่เสื้อคลุมกล ไม่เห็นเจ้าตัวจะบ่นอะไร ผมเลยเนียนผละออกทำเป็นมองนู่นมองนี่ พยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะในคอจากคนด้านหลัง

   สายลมเย็นสดชื่นแตกต่างจากเมืองสตาทอสที่ค่อนไปทางระอุหน่อยๆ เพราะต้นไม้ไม่ค่อยเยอะ เน้นเป็นหาดทรายและทะเล แม้ลมทะเลจะเย็น แต่มันก็ยังแฝงไอร้อนมาอยู่ดี ที่นี่ดูเผินๆ เหมือนจะถูกล้อมไว้ด้วยป่า พอใช้สายตามองดีๆ ถึงได้เห็น มันเป็นสวนที่ถูกจัดไว้อย่างดีรอบเมือง

   มีต้นไม้น้อยใหญ่หลายสายพันธุ์ ดอกไม้มากมาย ตลอดจนทุ่งหญ้ากว้าง เห็นมีคนไล่ตบมอนสเตอร์อยู่ประปราย ที่ชวนอึ้งที่สุดคงเป็นเมืองงดงามเบื้องหน้า นี้มันเมืองในฝันชัดๆ ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นแบบสไตล์ตะวันตกสมัยก่อน อาคารบ้านเรือนเป็นอิฐแดง แต่ละบ้านมีกระถางต้นไม้เล็กๆ ออกดอกสีสันสวยงามส่งกลิ่นหอม บนพื้นถูกปูด้วยหินโทนสีอ่อนไปจนเข้มตามเส้นทางในเมืองสะอาดสะอ้าน ชาวบ้านดูเป็นธรรมชาติ ราวกับที่แห่งนี้ไม่ใช่เกม แต่เป็นเมืองๆ หนึ่ง

   ผู้เล่น พ่อค้า เอ็นพีซีในเกมต่างพากันทยอยเข้าเมืองเยอะจนน่าแปลกใจ กลบังคับม้าไปคืนให้กับร้านเช่าที่อยู่ติดกำแพงเมือง ก่อนพวกเราจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนมากหน้าหลายตา ที่พิเศษหน่อยคงเพราะพวกเราเล่นใส่เสื้อคลุมกันยกแก๊ง เว้นไวไวที่ลินอุ้มอยู่ในเสื้อคลุม โผล่ออกมาแค่หัวกับหูยาวๆ เห็นหลายคนพยายามเพ่งมองพวกเราใต้ผ้าคลุมอยู่

   ผมจงใจแกล้งดึงให้คลุมหน้ามากขึ้น แถมแบ่งปันไปดึงให้กับเพื่อนในปาร์ตี้ เลยโดนสายตาขัดใจจากใครหลายๆคน มีความสุขชะมัดได้แหย่คนเล่นเนี่ย

   หลังก้าวพ้นประตูขนาดใหญ่ ผ่านทหารที่ยืนประจำการอยู่ ถึงได้เห็นความยิ่งใหญ่ของเมืองระยะประชิด น่าเสียดาย มันไม่มีพระราชวังเหมือนในนิทาน มีแค่ฮอลล์กลางแจ้งใจกลางเมืองเท่านั้น

   “คนเยอะจริง ปกติเยอะแบบนี้รึเปล่า” ผมถามสารานุกรมเกมเคลื่อนที่ ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มจัดมองไปรอบๆ ส่วนใหญ่มีแต่ผู้เล่นกระจายโดยทั่วไป หลากหลายแปลกตายิ่งกว่าเมืองท่าอย่างสตาทอสที่พวกเราจากมาซะอีก

   “มีบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดนี้ คงมีงานอะไร”

   เจ้าตัวตอบแบบไม่ใส่ใจ มีแรงกระชากเสื้อคลุมจากทางด้านหลัง เกือบทำผ้าคลุมหลุด ผมดึงผ้าคลุมปิดหน้าแล้วหันไปหมายจะเอาเรื่องคนอาจหาญ ปะ เข้ากับหน้ากลมๆ แก้มยุ้ยๆ ของไวไว กระต่ายแคระจ้องเขม็ง นิ้วสั้นป้อมชี้ไปยอดอาคารสีขาว ที่มีกระจกบานใหญ่เป็นกระจกสีอยู่อีกด้าน

   “ฉันจะไปโบสถ์ล้างคำสาป”

   เสียงเล็กๆ ยืนยันหนักแน่น ใจจริงผมอยากเดินเที่ยวเล่นในเมืองก่อนค่อยทำธุระ แต่เห็นใจไวไว อุตส่าห์อดทนมาตลอดโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ถือว่าเพื่อนผมมันมีความอดทนสูงมาก เลยพยักหน้ารับ เปลี่ยนเป้าหมายจากร้านค้า มุ่งหน้าสู่โบสถ์ที่พวกเราสามคน เอ๊ะ หรือสามตนดี เข้าไปไม่ได้

   ลินอ้อยอิงยอมวางไวไวบนพื้น เด็กน้อยตัวกลมทำท่าดีใจเหมือนพ่อแม่ซื้อของเล่นให้

   “ไวไว นายต้องตรงเข้าไปในโบสถ์เลยนะ ห้ามเถลไถลไปไหน ห้ามรับขนมจากคนแปลกหน้า ห้ามตามใครไปด้วย พอเสร็จต้องรีบออกมา พวกเราจะรอตรงนี้เข้าใจมั้ย”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มเป็นห่วงเป็นใย ไม่ได้มาจากผมหรอก มันมาจากลินที่ย่อตัวมองกระต่ายแคระ แสนจะอาลัยอาวรณ์ เจ้าเด็กหูกระต่ายมองอึ้งๆ ก่อนใบหน้ากลมจะแดงก่ำด้วยความโมโห

   “ฉันไม่ใช่เด็กเว้ยยยยย!!” กรีดร้องโหยหวนจนคนแถวนั้นมองเป็นตาเดียว ราวกับพวกเราเป็นโจรคิดลักพาตัวเด็กจนทหารแถวนั้นเดินเข้ามาถาม ยิ่งทำให้ไวไวเดือดหนักกว่าเดิม ผมหัวเราะกุมท้องเป็นแบล็คกราว ปล่อยให้ลินอธิบายทหารไป ส่วนกล ยืนนิ่งไม่สนโลก ทำตัวเป็นรูปปั้นประดับหน้าโบสถ์ไปแล้ว

   พอเห็นว่าพวกเราไม่มีใครสนใจท่าทางโมโหเดือดเลยสักนิด เจ้ากระต่ายเลยสะบัดก้นเล็กๆ เดินหางกลมพองหูตั้งเข้าไปในโบสถ์ โดยมีลินมองตามอย่างกับผู้ปกครองที่มองส่งลูกชายครั้งสุดท้าย ยิ่งทำให้ผมฮาหนักเข้าไปใหญ่ จนกลต้องเข้ามาช่วยลูบหลังก่อนหัวเราะจนขาดอากาศตาย

   สามเกลอรออยู่ด้านนอกแถวใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่เฉียดเข้าใกล้โบสถ์ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกขยะแขยงหรืออะไรหรอก แค่พอเข้าใกล้แล้ว รู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรกดทับไม่สบายตัว

   เวลาผ่านไปไม่นาน ไวไวเดินออกมาในรูปแบบแตกต่างจากตอนเข้าไปโดยสิ้นเชิง กระต่ายโจ๊กเกอร์กลับมาแล้ว รูปร่างสูงใหญ่สมส่วนมีกล้ามน้อยๆ กับชุดนักมายากลแบบเห็นเค้าสัดส่วน เส้นผมยุ่งถูกเสยขึ้น มีหูยาวตั้งข้างตกข้าง ใบหน้าบดบังด้วยหน้ากากโจ๊กเกอร์ มือถือไม้เท้าสไตล์นักมายากล

   ผมกับลินมองภาพไวไวด้วยความเสียดายอย่างที่สุด ลินคงเสียดายที่ไม่ได้อุ้มตุ๊กตากระต่ายอีก ส่วนผม เสียดายที่มันในร่างนี้แกล้งอะไรไม่ได้มาก แถวนี้จะมียาทำให้ตัวหดขายมั้ยนะ...

   “ได้กลับมามองมุมสูงแบบนี้รู้สึกดีจริงๆ” น้ำเสียงเบิกบานมาก จนผมหมั่นไส้

   “เฮ้อ ไปหาคนรู้จักกลเถอะ” ลินพูดแบบหมดอารมณ์ ผมมองครางกระซิกในใจ โธ่ สรุปผมไม่ได้เดินเล่นใช่มั้ยเนี่ยวันนี้

   “ตามมา”

   กลพยักหน้าเดินนำให้พวกเราเดิมตาม ในเมื่อเดินเที่ยวยังไม่ได้ ผมเลยใช้โอกาสนี้มองผู้เล่นแทน มีทั้งเด็กวัยรุ่น เด็กน้อย ยันผู้ใหญ่วัยกลางคน ทุกคนแต่งตัวตามอาชีพของตัวเอง แบบที่มองแวบเดียวก็พอจะเดาออก เว้นบางส่วนแต่งตามใจฉันแบบผมกับไวไว

   เสียงบทสนทนาของคนกลุ่มหนึ่งทำให้ผมกับไวไวหันมามองหน้ากัน คิดว่ากลน่าจะได้ยินเหมือนกัน

   “เฮ้ย มากันครบยังวะ ใกล้เวลาหมดเขตสมัครแล้วนะเว้ย”

   “มากันครบหมดแล้วพี่ ตื่นเต้นเป็นบ้า จะได้ทำสงครามกิลเนี่ย”

   “นั่นสิ นานๆ ทีจะมีอีเว้นกิจกรรมใหญ่ๆ แบบนี้สักที เขาว่า ของรางวัลสุดยอดมาก”

   สองสหายค้าวคาวกระต่ายที่เดินรั้งท้าย รีบกางหูฟังมากกว่าเดิม ตลอดทางที่เดินผ่าน มีแต่คนพูดเรื่องการแข่งขันกิลกัน ผมว่ามันน่าสนุกอยู่นะ เป็นสงครามเหรอ แนวดี พวกพี่วินเข้าใจคิดเพิ่มความสนุกให้กับผู้เล่น ส่วนผมคงไม่เข้าร่วมกับเขาหรอก ไม่มีกิลหนิ ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ หวังว่ากิจกรรมแบบนี้จะมีอีกในอนาคต ผมจะได้สร้างกิลของตัวเอง ลากพวกเพื่อนกับรุ่นน้องมาร่วมด้วย แล้วมาแข่งกับเขามั้ง

   หมาป่าหนุ่มคงสังเกตเห็นสีหน้านึกสนุกของพวกเรา เลยชะงักฝีเท้าหันมามอง

   “พวกนายอยากเข้าร่วม?”   

   คำถามสั้นๆ ที่คนฟังพยักหน้ารับพร้อมเพรียง มันน่าสนุกจะตายไป ตีกับมอนสเตอร์มาก็เยอะ ยังไม่เคยสู้กับคนแบบจริงจังเลย ไอ้ที่ผมไปเชือดเจ้าผู้เล่นสองคนตอนเริ่มเกมใหม่ๆ นั่นไม่นับ เพราะมันเหมือนรุมตืบมากกว่า

   “ไม่ต้องห่วง ได้เข้าแน่”

   กลตอบด้วยความมั่นใจสุดๆ ผมทำหน้างงใส่ เจ้าตัวไม่พูดอะไรอีก เดินนำทางต่อราวกับกำลังทำใจอะไรบางอย่าง กระทั่งพวกเรามาถึงจุดนัดพบใกล้กับฮอลล์กลางแจ้ง มีคนมากมายยืนออกันอยู่ตรงจุดนี้ กลนำเข้าไปหาคนๆหนึ่ง

   หญิงสาวแสนสวยในชุดนางรำสไตล์อาหรับสีพีช กำลังยืนคุยหัวร่อต่อกระซิกกับชายหนุ่มอีกคนในชุดสีเข้มโทนเรียบๆ ราวกับเจ้าชายในนิยายแฟนตาซีที่ออกจากวังมาผจญภัยโลกภายนอก ดวงตาหวานๆ ของพี่ชายพอเห็นกล ร่างอรชรพุ่งเข้ามาหาทันที พร้อมด้วยน้ำเสียงใสๆ สมเป็นนางรำ ทำให้คนแถวนั้นมองกันเป็นแถว

   “กลจ๋า ในที่สุดก็มาหาพี่สาวคนนี้แล้วสินะ มามะ เข้ามาสู่อ้อมกอดของพี่”

   ผมกลืนน้ำลายอึก มองภูเขาไฟขนาดย่อมท่าทางนุ่มนิ่มนั่นด้วยความอิจฉากลอย่างที่สุด ไวไวอาการหนักกว่า กำไม้เท้าตัวเองแน่น เหมือนจะเข้าไปแทรกกลางให้ได้ ลินกลับทำเพียงแค่เลิกคิ้วมองด้วยความสนใจ แหงล่ะ ตัวชาย ใจหญิง(?) จะสนใจหน้าอกหน้าใจของเพศเดียวกันไปทำไม

   เสี้ยวนาที ก่อนร่างสวยจะมาถึงตัวกล มือเรียวงามทาเล็บคว้าแส้หนามกุหลาบออกมาจากไหนไม่รู้ ฟาดใส่กลที่กระโดดหลบไปอีกทาง พื้นที่ถูกฟาดแตกเป็นทางยาวบ่งบอกแรงเป็นอย่างดี ผมกับไวไวสะดุ้งโหยง ถอยหลังเนียนไปหลบ หลังลินทั้งคู่ สวยสังหารนี่หว่า!

   “ไอ้น้องบ้า ฉันใช้ให้หลอกเด็กเข้ากิล มัวไปลอยชายอยู่ที่ได้ยะ นี่ถ้าไม่มีเรื่องให้ช่วย คงไม่ติดต่อกลับมาเลยสินะ”

   แส้ถูกเปลี่ยนเป็นพิณเถาว์ดอกไม้ในมือ นิ้วเรียวกรีดไปตามสาย เกิดเป็นเสียงไพเราะ แต่ไอคลื่นเสียงที่พุ่งออกมามันกะซัดคนให้หงายชัดๆ และกลยังคงกระโดดหลบได้อย่างสวยงาม

   “เบื่อ ไม่อยากทำ”

   ตรงมาก! ยิ่งทวีความโหด ราวกับผมยาวสลวยแผ่สยายเป็นนางมารแล้ว ถึงอย่างนั้น โจมตีสารพัดจนหอบ ยังไม่โดนแม้แต่ปลายขนหางของกล คุณนางรำเลยกระทืบเท้าอย่างขัดใจ เข้าไปเกาะแขนฟ้องเจ้าชาย

   “กาลเป็นหัวหน้ากิล จัดการจ้าเด็กนี่ทีสิ”

   “ฉันแปลกใจจริงๆ เธอน่าจะชินนิสัยของกลได้แล้วนะ แถมเธอยังไปแกล้งจับเปลี่ยนชื่ออีก ถ้าไม่เห็นแก่หน้าฉัน กลคงเอาคืนมากกว่านี้แน่”

   พอคนรักไม่ทำตามใจเลยแก้มป่องพองลม ฟึดฟัดจนหันมาเจอพวกเราที่ยืนตัวลีบกันอยู่ เหมือนพบเป้าหมาย นางรำสาวเปลี่ยนเป้าหมายทันที

   “อ๊ะ ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่แสดงกิริยาไม่งามออกไป ฉันชื่อไหม พวกนายชื่ออะไรกันเอ่ย”

   นางมารเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าระดับความไวเหนือเสียง ผู้หญิงมีไมตรี พวกผมผู้ชายไม่อาจปฏิเสธ พากันแนะนำตัวเรียบร้อย ก่อนมือนุ่มๆ จะมาจับมือลิน

   “ลินเป็นคนอยากให้ฉันช่วยใช่ไหม ฉันยินดีช่วยเต็มที่นะ เพียงแค่มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย”

   “ผมคิดไว้อยู่แล้ว ถ้าผมทำได้ก็จะทำ” ลินไม่ปฏิเสธ ยิ่งทำให้คนฟังยิ้มกว้าง สายตามองมาทางผมกับไวไวด้วย รู้สึกความซวยจะมาเยือนในไม่ช้ายังไงชอบกล

   “แน่นอน ลินทำได้แน่ๆ แต่ต้องขอยืมแรงไวไวกับวัตด้วยนะ”

   “ไอได้มันก็ได้อยู่ แต่พวกเราขอรู้ก่อนแล้วกันว่าให้ทำอะไร” ไวไวตอบแบบกลางๆ ไม่ใช่ไม่อยากช่วยลิน เรื่องแบบนี้รีบรับปากสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เกิดเป็นเรื่องที่พวกเราไม่ชอบใจ หรือไม่อยากทำขึ้นมาจะแย่เอา

   “ไม่ยากเลย แค่เข้ากิลพวกเราพอ จุ๊ๆ อย่ามองด้วยสายตาอึ้งแบบนั้นสิ แค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังเสร็จงาน ทางกิลจะยอมให้ออกแต่โดยดี ถ้าไม่มั่นใจจะทำสัญญาก็ยังได้”

   “พวกนายมาถึงที่นี่ คงได้ยินเรื่องสงครามกิลมาแล้วใช่ไหม นั่นแหละคือสาเหตุที่ฉันให้กลไปหาคนมาเพิ่ม เพราะกิลเราคนน้อย คนส่วนใหญ่ก็ระดับสูงหมด การจะเข้าร่วมงานนี้ได้ต้องมีสมาชิกเลเวลตั้งแต่ 90 ขึ้นไป ได้พวกนายมาก็พอดีเลย ยังไงก็ช่วยหน่อยนะ แลกกับข้อมูล ฉันแถมของให้ผ่านภารกิจที่พวกนายจะทำง่ายๆ เลยเอ้า”

   คนสวยมาขอร้องทั้งที ไหมที่ดูอายุพอๆ กับพวกเรา ยกมือประกบ ขยิบตาให้ พวกเราหันมาปรึกษากัน ในเมื่อไม่เสียหายอะไร แถมได้เข้าร่วมสนุกกับกิจกรรมใหญ่ของเกมด้วย เลยตอบตกลงไป

   “พวกผมขอทำสัญญาว่าหลังจากจบสงครามจะถอนตัวออกจากิลนะครับ” ผมเสนอ

   “ได้เลยไม่มีปัญหา กาลมาเร็ว เอากระดาษสัญญามา”

   หลังจากนั้นพวกเรายืนไล่อ่านสัญญาเซ็นกันวุ่นวาย กาลที่ดูอายุมากกว่าผม เป็นคนไปติดต่อที่โต๊ะสมัครหน้าฮอลล์ พอกดรับตกลงเข้ากิล ผมเพิ่งสังเกตเห็น รอบๆ นี้มีสัญลักษณ์กิลบนเสื้อของทุกคน พวกเราก็มีด้วย คงเป็นระบบอัตโนมัติเพื่อบ่งบอกว่าตัวเองอยู่กิลไหน แต่ผมไม่เห็นสัญลักษณ์กิลของกลแฮะ คงจะปกปิดไว้ตามเคย

   ระหว่างรอ ก็ยืนคุยรายละเอียดกัน มีหลายครั้งที่ผมสะดุดใจอะไรบางอย่าง รู้สึกว่า... คนที่กลบอก เจ้าตัวใช้คำแทนว่า ‘เขา’ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นคนชื่อกาลคนนั้น แต่พอคุยขนาดนี้แล้ว คนๆ นั้นต้องเป็นไหมแน่ๆ ทิ้งช่วงนานเข้าผมเริ่มทนไม่ไหว สะกิดๆ ให้กลก้มหัวลงมา ผมสอดมือเข้าในผ้าส่วนที่คลุมหัวปิดหู มือจับดึงหูสามเหลี่ยมนุ่มลงมาใกล้ปาก

   “คือ ไม่อยากจะละลาบละล้วงหรอกนะ แต่... ไหมนี้คือแบบนั้นใช่มะ”

   “ดูออกด้วยเหรอ ใช่ แต่แปลงหมดแล้ว ส่วนข้างล่างไม่มั่นใจ คงต้องถามกาล” กลบ้าจี้ตามผม ก้มลงมากระซิบงุบงิบคุยกันอยู่สองคน เอาเรื่องคนอื่นมาแฉหน้าตายมาก

   “จะบ้าเรอะ เขาเป็นแฟนกัน ไปถามโดนกระทืบตายพอดี”

   “ฉันไม่ยอมให้ใครทำร้ายนายแน่ แม้คนนั้นจะเป็นญาติก็ตาม”

   ผมอึ้งรอบสอง ญาติ? พอมาคิดดูดีๆ มีเค้าแฮะ ทางนั้นผมดำตาดำก็จริง แต่ดูนิสัยภายนอกให้อารมณ์คล้ายๆ กับกลเลย ดูนิ่งสงบแบบที่ไม่ยุ่งกับใคร ต่างกันแค่ทางนั้นดูมีบรรยากาศอ่อนลงเวลามีไหมอยู่ข้างๆ ล่ะมั้ง ส่วนเจ้าหมาข้างตัวผม มีแต่ออร่าหื่น เนียนตัวพ่อ ขี้อ้อนเน้นๆ

   “พวกนายสองคนจะสวีทกันยังไง ช่วยเกรงใจหรือสนใจสถานที่หน่อยเถอะ นี่มันกลางเมืองนะเฮ้ย”

   เราสองคนผละออกจากกัน มีผู้หญิงกับผู้ชายบางคนทำหน้ารับไม่ได้ ที่สำคัญ ลินกับไหม มองตาวาวเหมือนเจอของถูกใจ ก่อนสองคนนั้นจะหันไปจับมือกันราวกับเจอคนจากลิทธิเดียวกัน ได้ยินแว่วๆ ว่า อะไรยาโอยๆ วายๆ นี่แหละ

    ผมผละออกจากกล เลิกคิ้วกวาดตามองคนจากกิลต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ จังหวะกับญาติกลเดินกลับมารวมกลุ่มพอดี เจ้าตัวมองงงๆ เสียงซุบซิบนินทาแว่วเขาหู ผมกรอกตา ขนาดในเกมยังไม่รอดเลยวุ้ย เอาวะ ยังไงก็คน เรื่องพวกนี้คงตัดขาดจากนิสัยยาก

   สองสาว(?) คงทนกับเสียงซุบซิบจากรอบข้างไม่ไหว ราวกับไปสะกิดต่อมอะไรบางอย่างของพวกคุณเธอเข้า ทั้งสองคนเลยก้าวฉับๆ มาที่ผมกับกล มือจับเสื้อคลุมคนละตัว กระชากออกรวดเดียวปลิวติดมือพวกเธอไป พี่วิน ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจัง...

   เกิดความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ไวไวนึกสนุก ถอดหน้ากากตัวเองออกบ้าง ไม่ต่างจากลินที่ดึงผ้าส่วนที่คลุมหัวออก กลายเป็นสี่หนุ่มยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสายตาประชาชี ผมเห็นไวไวยักคิ้วหลิวตาให้สาวๆ ลินเสยผมแบบคูลๆ ยิ้มเยาะทุกคนที่มองตาค้าง ผมหัวเราะส่ายหัวกับวิธีกลบเสียงนินทา

   ไหนๆ ก็ไหนๆ เล่นด้วยหน่อย ผมขยิบตาให้กลุ่มชายหญิงกลุ่มหนึ่ง ยิ้มจนเห็นเขี้ยวตรงมุมปาก ใบหูแหลมๆ เป็นตัวบอกอย่างดีว่าผมโดนคำสาปอะไร เห็นกลยังนิ่งไม่เอาด้วย ผมหันไปยิ้มให้กล ทางนั้นเหมือนปฏิกิริยาตอบรับอัตโนมัติ ยิ้มบางให้ผมคืน หางตาผมสังเกตเห็นว่า สาวๆ บางคนตาเป็นรูปหัวใจไปแล้ว

   ถ้าให้พูดแบบไม่หลงตัวเอง พวกเราแต่ละคนจัดได้ว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่งถึงมากมาย แต่ละคนมีสไตล์ของตัวเอง ไวไวเป็นพวกห้าวๆ แอบทะเล้น ทางลินแนวเด็กหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์มากแผนการ ผมคงตามสไตล์หนุ่มร่าเริงสีสันให้กับปาร์ตี้ และกล หนุ่มมาดนิ่งหล่อเข้ม ที่พอยิ้มละลายทุกคนที่พบเห็น

   หลายคนตกหลุมพวกเราไปเรียบร้อย แก๊งบอยแบนจำเป็น ส่วนพวกที่ฉลาดๆ หน่อย หัวเราะขำชี้ชวนเพื่อนดูเฮฮา สาวไหมดูจะชอบมาก กรี๊ดกร๊าดเขย่าแขนแฟนตัวเองจนตัวเอนไปมา ผมว่าตอนนี้ญาติกลคงจะมึนได้ที่

   กลเริ่มรำคาญสายตาที่มองมา ผมแอบได้ยินเสียงขู่ในคอเบาๆ แบบที่ต้องอยู่ใกล้มากๆ ถึงจะได้ยิน มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังมาทางนี้ เหมือนจะเข้ามาคุย ผมเห็นท่าไม่ดี รีบหาหนทางพาทุกคนออกไปจากที่นี่

   “ตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว พวกเราไปกันดีกว่า ยังไม่ได้หาที่พักกันเลย”

   “ตายจริง งั้นไปพักกับพวกเรามั้ยล่ะ ที่โรงแรมนั้นน่าจะยังมีห้องเหลืออยู่บ้าง” ไหมชวน ผมเห็นด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินหา

   “ดีเหมือนกัน จริงสิ เดี๋ยวพวกเราต้องออกจากเกมแล้ว ผมกับไวไวติดไปเข้าค่ายหลายวันอยู่ คงไม่ได้เข้าเกมสักระยะ โทษที ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า เหอะๆ” ผมยิ้มแห้ง

   “ไม่เป็นไรๆ วันนี้วันสมัครสุดท้ายก็จริง กว่างานแข่งจะเริ่มอีกนาน ระหว่างนี้เขาให้ทุกกิลเตรียมตัว แต่บังเอิญจัง กลเองก็มีเข้าค่าย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นที่เดียวกันก็ได้นะ”

   ไหมหัวเราะเสียงใส ควงแขนกับแฟนหนุ่ม ผมโบกมือปัดๆ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกหน่า คิดแบบนั้น ในใจลึกๆกลับรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงมากกกกก ดวงตาสีเทาหันไปมองคนข้างกาย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัด คมกริบมองคนนู่น คนนี้ผิดวิสัย พอผมมองตามเท่านั้นแหละ ชัดเลย ไอ้หมาขี้หวงเอ๊ย!!   

   ผมกรอกตา ลากกลให้เดินตาม กลัวจะไปกัดใครเขาเข้า นี่ขนาดยังไม่คบแค่ดูกันก่อน ยังฉายแววขนาดนี้ ผมไม่อยากจะคิดตอนคบจริงๆ เห็นทีต้องไปหาซื้อหนังสือฝึกสุนัขมานั่งอ่านเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นคนฝึกสัตว์ หมาป่าดุร้ายซะด้วย

   โรงแรมที่ไหมพามา เป็นโรงแรมสี่ชั้น รายล้อมด้วยร้านอาหาร ภายในถูกตกแต่งเรียบง่ายแนวคลาสสิก เปิดไฟสีส้มให้ดูบรรยากาศอบอุ่น นุ่มนวลน่าพัก ไหมคุยกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ แล้วเดินกลับมาพร้อมกุญแจสองดอก ดอกหนึ่งส่งให้ลิน ส่วนอีกดอกส่งให้กล

   “น่าเสียดาย ห้องพักหมดแล้ว ดีนะยังมีห้องที่จองไว้สำหรับคนในกิลอยู่ เจ้าตัวติดงานกะทันหันเลยมาไม่ได้ พวกนายใช้ไปก่อนเลยแล้วกัน”

   “ขอบใจนะ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ทางนั้นก็ยิ้มกลับมา
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 15-05-2015 06:32:24
 
“พวกเราก็ไปกันเถอะ ฉันอยากล้างคำสาปตัวเปี๊ยกนี้เต็มแก่แล้ว” กลชูแขนสั้นๆสองข้างอยู่ในอ้อมแขนลินตามเคย

กล=>ไวไว


ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้มันหวานจัง     :o8:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-05-2015 06:49:10
ดีนะที่พี่วินตัดระบบความรู้สึกอย่างว่าในเกมส์ทิ้งไปแล้ว
ไม่งั้นล่ะก็นะะะะะะะะ
รอตอนต่อไปฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 15-05-2015 07:43:51
เหมือนเนื้อหาขาดไปบางส่วนส่วน ระหว่างท่อนแรก กับท่อนหลัง

เนื้อเรื่องการต่อสู้ตอนท้ายในการฆ่าบอสหายไป

 o13
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 15-05-2015 07:45:15
ใหนตอนแรกบอกว่าทำสมจริงทุกอย่างไงคะ ทำไม่ตัดระบบอารมณ์ทางการปฎิสนธิแบบนี้ละค้าไม่อาวว//โวยวาย
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 15-05-2015 07:58:00
 :hao4: ท่านซาตานวิน แพทช์อัพเดทครั้งต่อไปเอาระบบความรู้สึกกลับมานะ :hao6:
หมันไส้เจ้าค้างคาวเจ้าเล่ห์ อยากเห็นมันโดนหมาป่ากด ฟัดเช้าฟัดเย็นอะไรงี้ :hao7: :haun4: :m23:

ปล.  :กอด1: คิดถึงนิยายนี้กับผู้เขียนนะจ๊ะ  :กอด1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-05-2015 17:42:52
เอ๊ยยยย ตอนนี้คือกลได้กำไรแบบสุดๆอ่ะ
ทั้งดีปคิส สกิลชิป นาๆ  :hao3:
รอวัตใจอ่อนไวๆ #ทีมพระเอก 555555
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 15-05-2015 22:50:59
กลกำไรมากอะ 5555
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 16-05-2015 06:40:21
อิอิ กลฉวยโอกาสเลยนะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 17-05-2015 11:37:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-05-2015 16:22:59
โอย อ่านแล้ว อิฉันเขิลลลลลลล
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 17-05-2015 19:38:01
รอ รอ ตอนต่อไปค่ะ

  :impress3:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น 15/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 17-05-2015 20:33:07
ขอกดโหวดทุกเบอร์เลยได้ป่ะคะ >o< ชอบทุกคนเลยอ่ะ
ทำไมตอนนี้ถึงดูหวานปานน้ำตาลยังอายแบบนี้น้า เขินจิกหมอนแทบขาดอยู่ละ
มาต่ออีกเร็วๆนะคะ เรารออ่านอยู่น้า >______<
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-05-2015 18:00:47
Lv.17 เมืองหลวงที่รัก (ต่อ)


   ส่วนเรื่องแบ่งคน ระดับนี้คงไม่ต้องแบ่งแล้ว ลินลากคอไวไวขึ้นไปห้องพักของตัวเอง ผมเลยลัลล้ากลับห้องตัวเองมั่ง สมกับเป็นโรงแรม ห้องพักมีเตียงสองเตียง โต๊ะหนังสือหนึ่งโต๊ะ ตู้เสื้อผ้าไม่มี เพราะของทุกอย่างในเกม ทุกคนยัดใส่สัมภาระตัวเองหมด พอมองผ่านหนังสือออกไป เห็นเหล่าผู้เล่น กับเอ็นพีซีเดินกันขวักไขว่อยู่ด้านล่าง

   “ดูนายจะชอบที่ ที่มีคนเยอะๆ”

   เสียงประตูปิดลง พร้อมคนที่เพิ่มเข้าห้อง หลังไปคุยธุระบางอย่างกับหัวหน้ากิลตัวเอง

   “ดูครึกครื้นดีออก นายไม่ชอบเหรอ” ผมหันมามองคนที่มายืนซ้อนหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ วงแขนอุ่นโอบตัวผมเข้าไปกอด

   “ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ถ้านายชอบ ฉันก็ไม่มีปัญหา ไว้เจอกัน”

   “อืม ไว้เจอกัน”

   อายุวัต ออฟไลน์…


   
   ห้องมืดสนิท มือหนาถอดเครื่องเล่นเกมออก มือคว้าแท็บเล็ตรุ่นล่าสุดเช็คข้อมูลข่าวสารระหว่างทางเดินเข้าห้องน้ำ อาภรณ์ถูกถอดทีละชิ้น เผยเรือนร่างสมชายจนน่าอิจฉา มือหนาหยิบผ้าขนหนูสีขาวพันเอว ดวงตากวาดมองข้อมูลต่างๆ จนมาสะดุดเข้ากับข้อความจากใครคนหนึ่ง

   ‘ออกมาจากเกมแล้ว โผล่หัวมาหาฉัน’

   ประโยคเชิงคำสั่ง หากเป็นคนอื่น นอกจากเขาจะลบทิ้ง แล้วยังจะส่งไวรัสไปทำลายเครื่องของอีกฝ่ายด้วยเพื่อสั่งสอนให้รู้ว่า คนอยากเขาไม่ทำตามคำสั่งใคร แต่กับรายนี้ นอกจากจะไม่ลบทิ้ง เขายังต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เลิกถ่ายเอ็มวี อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความไวแสง มือคว้ากุญแจรถ กระเป๋าตังค์ วิ่งลงชั้นล่าง แทบจะเหินลงบันได

   “กล ทำไมรีบแบบนั้นลูก เดี๋ยวกลิ้งลงบันไดหัวร้างข้างแตกกันพอดี”

   ได้ยินเสียงคุณแม่ผู้ใจดี ลูกชายเพียงคนเดียว เลยเลี้ยวไปกอดหอมแก้มฟอด นึกเสียดายไม่น้อยที่อดกินแกงส้มไข่เจียวชะอมฝีมือแม่ ดวงตาสีเข้มมองตามกลิ่นหอมไปทางห้องครัว

   “อาจารย์เรียกตัวด่วนครับ เก็บไว้ให้ผมด้วย อย่าให้พ่อกินหมด”

   พูดจบ เจ้าตัวเผ่นออกจากบ้านไปทันที คนเป็นแม่ได้แต่มองตาปริบๆ ส่ายหัวด้วยความขบขันกับท่าทีหลุดๆ ที่เห็นได้ยากจากลูกชาย เธอกับสามีคงคิดถูกแล้ว ที่ส่งลูกชายเพียงคนเดียวไปให้เขาคนนั้นช่วยดูแล หางตาเหมือนเห็นอะไรบางอย่างวิ่งตามลูกชายไป พอจะบอก รถก็ขับออกไปซะแล้ว หวังว่าจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

   กลเหยียบแบบไม่เกรงใจ ดีที่คนส่วนใหญ่ไม่ใช้รถส่วนตัวในชั่วโมงเร่งรีบ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที บ้านที่อยู่เกือบสุดเมืองหลวง เข้ามาถึงใจกลางเมืองได้ทันเวลาเฉียดฉิว ร่างสูงถอนหายใจโล่งอก เปิดประตูลงจากรถ ติดบัตรพนักงานฝึกหัดแผนกโปรแกรมเมอร์ เดินเข้าบริษัท ตรงขึ้นลิฟท์ท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ

   เจ้าตัวนึกแปลกใจไม่น้อย ตั้งแต่ตอนที่พ่อเอาเขามาฝากให้กับท่านซาตาน หลังจากนั้น เขาก็เข้าออกบริษัทเป็นว่าเล่น ทุกคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาดี แล้วทำไมถึงยังมองด้วยสายตาแปลกใจแบบนั้นอยู่

   ในเมื่อหาคำตอบไม่ได้  กลเลยเลิกสนใจ ใครจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง ขอแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขา หรือคนที่เขาแคร์ก็พอ กระทั่งถึงชั้นเป้าหมาย ลิฟท์เปิดออก พอดีกับมีชายร่างสูงหุ่นกำยำแต่ไม่บึกจนดูน่าเกลียด ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าลิฟท์ มองรุ่นน้องแบบงงๆ

   “นาย...”

   “อัคคี อย่ามัวช้า เดี๋ยวหัวหน้าก็เอาเขาในเกมขวิดนายตายหรอก” เสียงเพราะดังขึ้นจากชายอีกคนที่วิ่งผมปลิวถีบหลังเพื่อนร่วมงานตัวเองเข้าไปในลิฟท์ ก่อนจะกระโดดเข้าไปตาม

   “หวัดดีน้องกล ขอให้รอดออกไปครบ 32 นะ” มือสวยเหมือนผู้หญิงโบกให้ด้วยรอยยิ้มเมตตา ได้ข่าวว่าวาโยเพิ่งจะถีบผู้ชายตัวโตกว่าสองเท่าลอยเข้าไปในลิฟท์เมื่อครู่ คนเราตัดสินกันแต่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

   กลนวดขมับกับความวุ่นวายเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในแผนก พอนึกถึงอนาคตที่ต้องมาทำงาน รู้สึกหดหู่ยังไงชอบกล แม้ว่าที่นี่จะรวมคนเก่งระดับหัวกะทิก็ตาม อย่างที่เขาบอก อัจฉริยะมีเส้นบางๆ กั้นไว้กับคำว่าบ้า...

   “มาพอดี เตรียมตัวไว้ อีกสิบนาทีพวกเราจะต้องเข้าโลกจำลองเพื่อประชุมลับ”

   รองหัวหน้าแผนกมือถือแก้วกาแฟว่างเปล่า เอ่ยทักเด็กใหม่ แล้วเดินหายไปโซนพักผ่อน บ่งบอกว่า งานนี้เจ้าตัวไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่เป็นกลที่เข้าร่วมแทน

   ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นห้อง ท่านซาตานก็หันขวับมามองซะแล้ว ประสาทสัมผัสไวจนน่ากลัว

   “ไปนั่งประจำที่ นายต้องเข้าร่วมประชุมกับฉัน” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ กำลังจะเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ สัมผัสนุ่มมาถูแถวขา พร้อมเสียงร้องคุ้นหู

   เหมียว~

   ดวงตาสองคู่ในห้องทำงาน ก้มลงมองสิ่งมีชีวิตขนฟูบนพื้นทันที แมวขนาดใหญ่กว่าแมวทั่วไป นั่งเรียบร้อยส่ายหัวเป็นพวงฟูไปมาเบาๆ อย่างสบายใจ ขนสีควันบุหรี่ ดวงตาคม ปลายหูแหลมคล้ายกับพวกหมาป่า ที่คอมีสร้อยไข่ปลาร้อย Dog tag เงาวับอย่างดี เป็นป้ายแบบทหาร สลักชื่อที่อยู่เบอร์โทรเจ้าของครบ อุ้งเท้าไม่เล็กเขี่ยๆ ขากางเกงพ่อตัวเองด้วยความตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่

   เมี้ยว เมี้ยว (พ่อฮะๆ ที่นี่ที่ไหน คนเยอะจัง)

   “ขุนพล! ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

   กลก้มลงไปทำท่าจะอุ้มลูกชายแมวพันธุ์เมนคูน 5 เดือน แต่เจ้าตัวดันวิ่งหนี หนีไปทางไหนไม่ไป ดันไปทางเจ้าถิ่น วินลุกจากเก้าอี้ เลิกคิ้วมองสายพันธุ์แมวยักษ์ ใช้มือข้างเดียวในการช้อนตัวขุนพลขึ้นมา โดยที่เจ้าเหมียวไม่มีท่าทีขัดขืนเลยสักนิด

   “หนักใช่เล่น ยังไม่โตเต็มวัยสินะ ถ้าโตเต็มที่คงตัวใหญ่น่าดู”

   คนที่น่ากลัวเป็นปกติ ยิ่งเวลาทำงานยิ่งดุ กลับยิ้มละมุนละไม ระหว่างใช้ข้อนิ้วถูคอแมวจนเคลิ้ม กลยืนมองภาพตรงหน้านิ่ง เหมือนได้รู้ข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่แท้บุคคลที่น่ากลัวคนนี้เองก็เป็นทาสแมวเหมือนกัน ที่ว่าแมวคิดจะครองโลกสงสัยจะจริง ขนาดหมาป่าเปรียวอย่างเขายังไม่รอดเลย แม้ว่าหลังๆ เขาจะไม่เปรียวแล้วก็ตาม มีคนในดวงใจแล้วหนิ

   “ไปฝากชินดูแลก่อนแล้วกัน วันหลังอย่าพาออกมาอีก ข้างนอกเชื้อโรคเยอะ”

   กลได้แต่มองตาม ท่านซาตานที่ดูอารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตา ถือว่าเป็นเรื่องดี งานประชุมครั้งนี้จะได้ง่ายขึ้น ยิ่งเขาไปด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วง ที่ห่วงไม่ใช่ใคร ตัวเองนี่แหละ ติดแบล็คลิสนี่นะ

   พอถึงเวลาการประชุม หัวหน้ากับเด็กใหม่ นั่งบนเก้าอี้ใช้เครื่องแบบสวมหัว ไปยังโลกจำลองที่ใช้ประชุมลับ พอลืมตาขึ้นมา ก็มายืนอยู่ในห้องประชุมที่มีโต๊ะตัวใหญ่ เก้าอี้ล้อมรอบแล้ว คงจะเซ็ตค่าให้มาถึงที่หมายเลย ก่อนที่วินจะเข้าไปนั่งประจำที่ตัวเอง ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาท่าทางไม่เป็นมิตร

   “สวัสดีคุณอาชวิน นึกว่าจะมัวแต่ขลุกอยู่ในเกมไร้สาระนั่นซะอีก” ชายผมสีทองอ่อนยังคงยืนนิ่งราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน สำหรับหัวหน้าแผนกคนนี้แล้ว หากคนที่เข้ามาไม่เป็นมิตร จะได้รับสิ่งนั้นกลับคืน เรื่องนี้กลรู้ดี หลังจากสังเกตมาได้สักระยะ

   “ผู้ใหญ่ทักทาย ไม่ยอมทักทายกลับ ไร้มารยาทสิ้นดี”

   “อ้าว สวัสดีครับท่าน ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ครู่ผมไม่ได้ตอบ สงสัยก่อนหน้านี้ผมคงจะเทสเสียงสัตว์ร้องในเกมมากไปหน่อย เหมือนจะติดหูมาถึงที่ประชุม ผมเสียมารยาทไปซะแล้ว”

   คำตอบจากชายหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์ปานเทวทูต แต่วาจาร้ายกาจยิ่งกว่ามารปีศาจ ทำให้กลหันหน้าไปอีกทาง เพื่อสะกดกลั้นสีหน้าตัวเองให้กลับมานิ่งเรียบตามเดิม

   ทางนั้นฮึดฮัดหมายจะเอาเรื่อง แต่สถานการณ์ไม่เป็นใจ คนใหญ่คนโตหนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุม พอเห็นคนหนุ่มไฟแรงเลยเข้ามาทักทันที

   “หลานชาย มาแล้วเหรอ เรื่องนั้นต้องขอบคุณมากเลยนะ เพราะเกมของหลาน ฉันถึงได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ในเกมบรรยากาศดีมากๆ ลูกสาวชอบใจใหญ่”

   “สวัสดีครับท่านจอมพล ถึงในเกมจะดียังไง การมีเวลาอยู่ด้วยกันในโลกความจริงย่อมสำคัญกว่านะครับ” วินยกมือไหว้อย่างสวยงาม โดยมีกลทำตามอยู่ข้างๆ

   “มันก็จริง เฮ้อ ฉันอายุเยอะจนต้องถอยให้เด็กรุ่นใหม่ๆ แล้วมั้งเนี่ย”

   “ท่านยังหนุ่มแน่น แข็งแรงอยู่เลยครับ พ่อผมฝากความคิดถึงมาให้ท่านด้วย”

   “เจ้าอาเนซมันยังอยู่ดีสินะ ดีๆ ไว้ว่างๆ ฉันจะไปกวนมัน”

   “ได้เลยครับ พ่อผมว่างงาน ยินดีต้อนรับท่านเสมอ” สองหนุ่มต่างวัยคุยกันถูกคอ ลืมอีกคนไปเสียสนิท คนที่มาก่อนต้องยอมถอยตัวลีบ คงไม่กล้ามาหาเรื่องอีกนาน ก็ไอเกมไร้สาระที่ตัวเองว่า เจ้านายตัวเองกลับชอบนักหนา

   “ถึงเวลาประชุมแล้ว หวังว่าฉันจะได้ยินข่าวดีนะหลานชาย” ปากเรียกหลานแต่ดวงตาคมกริบอย่างผู้ผ่านโลกมามาก แม้จะสนิทกันแค่ไหน หากเป็นเรื่องงานไม่มีอ่อนข้อให้เด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงความปลอดภัยของประชาชน วินยิ้มรับ ก้มหัวน้อยๆ

   “ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ”

   เขามองภาพชายตรงหน้าด้วยวามชื่นชมเต็มเปี่ยม ชายผู้ยืนหยัดเก่งกาจแต่ไม่ถือตัว อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ และเด็ดขาดสมเป็นผู้นำ สง่างามในแบบที่เขาไม่เคยเห็นใครเป็นได้เท่านี้ เขายืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของวิน พร้อมการประชุมที่เริ่มต้นขึ้น

   บรรยากาศเคร่งเครียดโรยตัวลงมา หัวข้อที่ทุกคนพูดถึงคือ เมื่อเร็วๆ นี้มีบริษัทแห่งหนึ่งขายสินค้าไม่น่าไว้ใจบางอย่าง มันคล้ายกับเครื่องเล่นเกมทั่วไป ส่งคนไปยังโลกแห่งจิตนาการ แต่ระบบการทำงานส่งผลเสียต่อผู้เล่นจนเกิดปัญหา ทางตำรวจต้องการสืบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โดยขอความร่วมมือกับบริษัทผลิตและสร้างเกมระดับต้นๆ ซึ่งวินเป็นหนึ่งในนั้น และดูทุกคนจะให้ความหวังมากซะด้วย

   ตำรวจต้องรีบจับเผื่อไม่ให้มีผู้เคราะห์ร้ายมากไปกว่านี้ ส่วนบริษัทผู้ผลิต ได้รับผลกระทบโดยตรง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเกิดความระแวง ไม่ไว้ใจระบบของพวกเขา ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ในอนาคต ดังนั้นต้องจับให้ไวที่สุด

   ทุกคนรายงานความคืบหน้าของตัวเอง แต่บริษัทแห่งนั้นกลับหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน วนจนมาถึงชายผมทอง ร่างสูงสง่าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รอยยิ้มงดงามประดับบทวงหน้าหล่อเหลาราวกับไม่อาจแตะต้องได้ ก่อนเริ่มตอบคำถาม อธิบายเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทที่เขาสืบมา

   “บริษัทแห่งนั้นไม่ได้หายไป มันแค่ไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก ข้อมูลที่ผมได้มา มันเป็นเพียงกลุ่มคนขนาดเล็กปล่อยเครื่องพวกนี้นอกกฎหมาย อ้างตัวว่าเป็นบริษัทใหญ่”

   ชายผมทองส่งข้อมูลทั้งหมดให้ทุกคนอ่าน

   “เธอพูดเหมือนกับว่า รู้จุดประสงค์ของคนพวกนั้นแล้ว?” ชายที่เข้ามาทักวินอย่างสนิทสนมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเป็นตัวแทนของตำรวจ

   “ผมยังไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คากว่าคนพวกนั้นตั้งใจก่อกวนพวกเรา” เสียงฮือฮาดังขึ้นโดยรอบ ทุกคนมองด้วยสายตาหลากหลาย คนพูดไม่สะท้านกับสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย รวมถึงแรงกดดันที่ได้รับด้วย

   “คุณหมายความว่า กลุ่มคนพวกนั้นจงใจสร้างกระแสให้ทุกคนหวาดระแวงระบบโลกจำลอง??” หนึ่งในบริษัทยกมือถาม ชายผมทองเพียงแค่ยิ้มรับ

   “มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาครับ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง จากข้อมูลที่เรามีอยู่ตอนนี้ พอจะจัดการคนขายเครื่องนอกกฎหมายได้ แต่ไม่อาจสาวถึงต้นตอ ดังนั้นผมต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ช่วยกันสืบข่าวและจับตามองกลุ่มคนน่าสงสัย ขอความกรุณาด้วยนะครับ” วินก้มหัวแบบไม่ห่วงภาพพจน์ไร้สาระ ยังไงซะ แม้จะเก่งกาจสักแค่ไหน สุดท้ายเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่สามารถทำการใหญ่อะไรใดๆ ได้ด้วยตัวคนเดียว

   “รวมถึงคนที่อยู่ด้านหลังคุณด้วยรึเปล่า เด็กหนุ่มคนนั่น ฉันจำได้ว่าติดแบล็คลิสของรัฐอยู่นะ อนาคตต้องมาทำงานให้รัฐด้วย เพื่อควบคุมความประพฤติ” นายตำรวจใหญ่เลิกคิ้วถาม ต้องให้เด็กคนนั่นเคลียร์ทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานร่วมมือกันจริงๆ จังๆ ได้

   “ใช่แล้วครับ ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบ ข้อมูลที่พวกท่านกำลังอ่านเด็กคนนี้เป็นผู้รวบรวมมาทั้งหมด แน่นอนว่าคนที่คัดกรองข้อมูลคือผมกับคนสนิท มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกให้ทุกท่านทราบ ตอนนี้เขาเป็นลูกศิษย์ของผม” วินเว้นช่วงให้ทุกคนตะลึงกันซะให้พอ แล้วเริ่มใส่ไฟเข้าไปอีก

   “จากที่ผมทราบมา เด็กคนนี้ไม่เคยกระทำผิดใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่มีความสามารถมากเกินไปจนพลาดพลั้งไปบ้างเท่านั้นเอง การจะกักตัวเขา เหมือนเป็นการตัดอนาคตของเด็กคนหนึ่ง ผมจะขอรับเขาเอาไว้ในการดูแลเอง ผมเชื่อว่าเขาต้องเป็นกำลังสำคัญให้กับพวกเราแน่ๆ”

   “นั่นเท่ากับ คุณจะรับประกันให้เขาเองสินะ หากเขาทำผิด ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

   “ผมทราบดีครับ ผมจะรับความผิดแทนเขาทุกอย่าง และผมเชื่อว่า ผมมองคนไม่ผิด” จบประโยค หลายคนตาลุกวาวขึ้นมาทันที หากคนอย่างอาชวินออกปากเองว่าจะรับปิดชอบแทน ย่อมเป็นไปตามนั้น นั่นเท่ากับว่า ถ้าเด็กในการดูแลทำความผิด พวกเขาจะมีสิทธิ์ในตัวชายผู้เก่งกาจ

   ทุกคนต่างตอบรับราวกับผู้มีเมตตาทันที คงมีแต่ท่านจอมพลกับผู้มากประสบการณ์บางคนที่รู้จักนิสัยกันดี อยากยกมือลูบหน้า นวดขมับ ด่าในใจใส่ไอพวกที่แสดงความโลภจนออกนอกหน้า

   เจ้าพวกโง่เอ๊ย โดนหน้าปานเทพบุตรนั่นหลอกเขาเต็มเปาซะแล้ว ไม่เห็นเขาซาตานกับปีกที่งอกอยู่ด้านหลังหรือไง ขนาดเด็กที่ได้รับความสำคัญมากมายมันยังรู้ตัวคิ้วกระตุกยิกๆ เลย การกระทำของวินเท่ากับว่า เจ้าตัวยึดเอาเด็กที่มีความสามารถสูงเข้าไปอยู่ในครอบครองได้อีกคน เชื่อเลยว่าขนมกินได้ คนอย่างอาชวิน หยิบเข้าปากแล้ว ให้ตายยังไงก็ไม่คายออกมาหรอก เพราะแบบนี้ไง พวกระดับหัวกระทิเลยไปอยู่ในมือซาตานตัวร้ายหมด เหลือแค่พวกปลายแถวให้พวกเอ็งใช้งาน

   ด้วยเหตุนี้ หลังจบการประชุม มีหลายคนยินดีวางแผนกันในใจหลายสิบตลบ ส่วนพวกที่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมเด็ก พากันเขม่นใส่แกมระอา

   ส่วนกล เขาคิดว่าทำงานให้กับรัฐ ชีวิตยังดูสดใสมากกว่าทำงานให้กับชายคนนี้เสียอีก เอาเถอะ ความรู้มากมายส่วนใหญ่เขารู้หมดแล้ว สิ่งที่ต้องเรียนรู้จากวินคือความเป็นมนุษย์ต่างหาก พ่อของเขากลุ้มในเรื่องตรรกะความคิดของลูกชายมาก เลยเฉดหัวยัดเยียดให้กับคนที่น่าจะกำหราบได้ ซึ่งมันได้ผล เพราะวินคือน้อยคนที่กลยอมรับจากใจจริง และที่สำคัญที่สุด น้องชายของคนตรงหน้าจัดการเขาซะอยู่หมัด กลายเป็นหมาเชื่องๆ
   
   นี่อาจเป็นสาเหตุที่วินปล่อยให้เด็กอันตรายอยู่ข้างกายน้องชาย จะได้ช่วยดัดนิสัยอีกทาง คนเราไม่สามารถจัดการได้ด้วยไม้แข็งเพียงอย่างเดียว ต้องใช้ไม้อ่อนเข้าร่วมด้วยถึงจะเปลี่ยนแปลงจนถึงแก่น นี้แหละคือหนึ่งในคำสอนของบ้านพจนินท์
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-05-2015 18:01:08
Lv.18 รับน้อง สยองหลัง

   กริ๊งงงง กริ๊งงงงงง

   เสียงนาฬิกาปลุกรุ่นมาตรฐานในอดีตอันไกลโพ้นไม่อาจปลุกคนที่นอนอุตุบนเตียงได้ดีเท่ากับ กรงเล็บทั้งสิบ พร้อมน้ำหนัก 6 กิโล แถมเสียงร้องแหลมจนคนนอนต้องกรีดร้องโหยหวนแข่งกับเสียงนาฬิกาปลุก

   “อ๊ากกกกก นายท่าน ตื่นแล้วๆ โอ๊ย เจ็บๆ”

   ผมคนหนุ่มยังโสดที่มีผู้ชายมาติดพันธ์ตัวโตๆ สะดุ้งพรึบ ลุกขึ้นจากเตียง นายท่านกระโดดแผล็วไปเลียมือเชิดหน้ามองอย่างพึงพอใจในผลงาน มือเอื้อมไปปิดเสียงนาฬิกาชวนหนวกหู อ้าปากหาวเกาพุงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

   หลังผมออกจากเกมเมื่อวาน วันนั้นทั้งวัน ผมทำความสะอาดเคลียบ้าน หลังจากที่มัวแต่ติดเกมจนไม่ได้ทำมาหลายวัน แล้วเก็บกระเป๋าเตรียมแพ็คตัวเองไปช่วยงานรุ่นน้องที่น่ารัก ตกเย็น นายท่านดันซนไปเหยียบดินแฉะในสวนที่ผมเพิ่งรดน้ำไป

   เดินเฉิดฉายเข้ามาในบ้าน เหยียบย้ำปีนป่าย บอกได้คำเดียวว่า เละ! ผมเลยต้องมานั่งทำความสะอาดใหม่อีกรอบ เหนื่อยสายตัวแทบขาด พอกินข้าวอาบน้ำ หัวถึงหมอนนอนตายยันเช้า ดีที่ยังไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุก ที่ดูไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าไหร่ นอกจากใช้ปลุกนายท่าน ให้นายท่านปลุกผมอีกทีเพราะรำคาญเสียงนาฬิกา

   เวลานี้ประมาณตีสี่ ผมจัดการตัวเองเสร็จ แขนกอดกระเป๋าอีกมือเล่นกับนายท่าน รอพี่ชินมารับตัวนายท่านไปดูแลระหว่างที่ผมไม่อยู่ ตีสี่ครึ่ง เสียงรถหน้าบ้านดังขึ้น ผมจัดการเก็บสารพัดของ ของนายท่าน พร้อมอุ้มคุณชายเดินออกไปหาคนขับรถพี่วิน

   “หวัดดีฮะพี่ชิน ฝากนายท่านด้วยนะครับ” ผมส่งตระกร้าแมวให้ พร้อมขนของนายท่านยัดเข้ารถหรูเฮียแก

   “ไปเข้าค่ายระวังตัวด้วย ดูแลตัวเองดีๆ ให้พี่ไปส่งที่มหาลัยมั้ย?” มือหนาลูบหัว

   “รับทราบคร้าบ ก็ดีเหมือนกันพี่ แต่ต้องรอไอไวไวแปบ มันบอกว่าจะมาหาผมที่บ้าน เดี๋ยวจะคลาดกัน”

   พูดไม่ทันไร ไวไว มันวิ่งกระหืดกระหอบมา ข้างหลังสะพาบเป้หนึ่งใบแทบถลาเข้ามากลางวง

   “สวัสดีครับพี่ชิน โย่วนายท่าน วันนี้ก็ยังเชิดเหมือนเดิม” เจ้าตัวยกมือไหว้พี่ชิน แล้วก้มลงไปทักทายนายท่านในตระกร้าแมว

   “เดี๋ยวไปเอาของล็อกบ้านแปบ พี่ชินจะไปส่งพวก...”

   “เฮ้ย วัตเร็วๆ ดิวะ อย่าชักช้า พี่ชินอุตส่าห์ไปส่งเลยนะโว้ย” คนที่มาหลังสุด มันเข้าไปนั่งในรถพี่ชิน หน้าชื่นตาบาน ขนาดเจ้าของรถยังอึ้งกับความแสนรู้ของมันทั้งที่เพิ่งจะโผล่หัวมาทักทายไม่กี่คำ ผมส่ายหัว วิ่งกลับเข้าไปเอาเป้ตัวเองในบ้าน ล็อกประตูปิดรั้วอะไรให้เรียบร้อย ใช้เท้ายันๆ ไอ้เพื่อนถึกให้ผมเขยิบไปบ้าง ส่วนที่นั่งด้านหน้า ปล่อยให้เป็นของนายท่านไป

   ด้วยความสามารถของพี่ชิน ตีนผีมาเอง ปกติขับรถถนนโล่ง ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีถึงมหาลัย พี่ชินสามารถใช้เวลาเพียงแค่ห้านาที รถบีเอ็มคันงาม มาจอดเทียบท่าอยู่หน้าตึกคณะผมได้อย่างสวยงาม รุ่นน้องบางคนที่อยู่แถวนั้น ต่างพากันมองด้วยความอึ้งทึ่ง ผมลูบหน้าพรืดกับเสียงหัวเราะเหมือนได้ปล่อยผีของพี่ชิน

   พอลงจากรถ โคตรเด่นบอกเลย ปกติพวกผมไม่ค่อยโผล่หน้าไปให้รุ่นน้องเห็นเท่าไหร่ ที่ดูแลหลักๆ มีแค่ปีสอง ไม่ใช่ละเลยหน้าที่ แต่เป็นเพราะช่วงนั้นติดงานไฟนอล ปั่นกันหัวฟู ติดเรื่องฝึกงานอีก งานนี้คงเป็นงานแรกในการเปิดตัวรุ่นพี่ปีสาม

   ตอนนี้ผมยืนหาเพื่อนกับไวไวอยู่ใต้ตึกคณะ พวกผมอยู่คณะไอที ที่มีความบ้ารั่วอยู่ในตัวระดับหนึ่ง ห้องเรียนส่วนใหญ่มีแต่พวกห้องปฏิบัติการกับพวกห้องคอม แน่นอนว่าติดแอร์ซะเยอะ จนโดนเด็กคณะอื่นพากันอิจฉากันเป็นแถว แหงล่ะเครื่องคอมทั้งนั้น เจ้าพวกนี้มันละเอียดอ่อนราวกับสาวน้อย ปล่อยให้ร้อน ฝุ่นเข้าไม่ได้ แต่ห้องเรียนภาคทฤษฎี ราวกับฝึกความอดทน นอกจากแอร์ไม่มี พัดลมยังเสีย นั่งเรียนกันทีเหงื่อแตกพลักๆ พอถึงเวลาเรียนภาคปฏิบัติ เข้าห้องคอม พวกมันแย่งกันออกจากประตู อย่างกับซอมบี้แย่งกินสมองคน

   รอบๆ ตึกผมมีต้นไม้ร่มรื่นพอสมควร โต๊ะม้าหินอ่อน แบบที่ตารางเอาไว้เล่นหมากฮอตเห็นได้ทั่วไป ใต้ตึกเป็นโรงอาหาร มีร้านข้าว ขายน้ำ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เปิดกัน ห่างไปไม่ไกลเป็นตึกของพวกคณะอื่น

    ปีสองหลายคนพอเห็นผมกับไวไว พากันยกมือไหว้ ผมยกมือไหว้รับ แต่ไม่เห็นหัวเพื่อนปีสามสักหนอ เลยคว้าเอาทายาทอสูรของผมมาถาม

   “ดาลี่ รุ่นกูหายไปไหนหมดวะ ไม่เห็นหัวสักตัว” ตอนแรกจะหันมาหาเรื่อง พอรู้ว่าใครจับ มันกอดผมหมับแทน ดีที่รูปร่างพอกัน ไม่งั้นมีหงายหลังแน่ โถมแรงมาได้ ไอ้น้องเลว

   “โฮ พี่วัตสุดที่รัก ไม่น่าเชื่อจะยอมมาช่วยน้องตาดำๆ อย่างพวกผม โว้ว พี่ไวไวมาด้วย รอดตายแล้วเว้ยพวกเรา”
 มันหันไปโห่ร้อนกับพวกเพื่อนมัน แต่ละตัวแทบจะหันมากราบไหว้บูชาผมกับไวไว รู้สึกตงิดใจ เลยเขย่าตัวมันถามดีๆ

   “มึงบอกว่ารอดตาย? แสดงว่าไอพวกที่เหลือแม่งชิ่งหนีกันไปหมดแล้ว เหลือแค่พวกกูไม่รู้เรื่องสินะ!!”

   “ใจเย็นพี่ ก็ไม่ถึงกับชิ่งหนีหรอก แค่พวกพี่เขาติดแก้งานกัน มีแค่พี่สองคนที่รอดจากอาจารย์สุดโหดคนนั้นมาได้ ก็เลย...”

   “ไวไวกลับ!”

   “โฮ! พี่วัตตตตต อย่าทิ้งน้องตาดำๆ พี่ไวไว ช่วยพูดหน่อยดิ ถ้าช่วยงานนี้ เดี๋ยวผมเอาเบอร์ดาวนิเทศให้เลย” ดาลี่มันเข้ามากอดขาผมรั้งตัวไม่ให้ผมเดิน อย่างกับท่านเจ้าคุณกำลังไล่นางทาส ผมทั้งสะบัด ทั้งยันก็ไม่หลุด นี่น้องตูหรือจิ้งจกกลับชาติมาเกิด

    ผมหันไปมองไวไว มันเป็นเพื่อนรักผม เล่นเกมด้วยกัน มันคงรู้ว่าผมติดเกมและขี้เกียจไปค่าย มันต้องช่วยผมแน่ๆ

   “วัตมันตกลง พวกมึงเตรียมที่ให้พวกกูเลย”

   ไอสาดดดดดดดด ไอเพื่อนชั่ว เห็นสาวดีกว่าเพื่อน จำไว้ เข้าเกมเมื่อไหร่ ผมจะยุแยงลินให้แกล้งมัน! ดาลี่มันไวเหลือเชื่อ จบคำไวไว มันรีบพุ่งไปบอกเพื่อนให้จัดที่นั่งแสนพิเศษไว้ให้พวกเราอย่างกับกลัวพวกผมเปลี่ยนใจ ไวไวตบบ่าผมปุๆ

   “เอาหน่า แค่ค่ายเอง ยังไงก็คิดจะช่วยพวกรุ่นน้องอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

   ผมกรอกตามองเพื่อนตัวเอง เอ็งช่วยเก็บอาการหน่อยเถอะ น้ำลายแทบไหล มโนไปถึงไหนแล้วเพื่อน เมากาวแต่เช้าเลย

   เวลานัดเจอกันตอนตีห้า ล้อหมุนตอนตีห้าครึ่ง ผมมานั่งเท้าคางมองพวกปีสองช่วยกันขนของขึ้นรถ มีอาจารย์นั่งไปด้วย 4 คน พวกท่านไม่ได้มีส่วนอะไรด้วยหรอก เพียงแค่ไปคุมพวกเราเท่านั้นเอง เพราะส่วนใหญ่คณะผมมีแต่พวกผู้ชายซะด้วย คงกลัวว่าจะเล่นอะไรแผลงๆ กัน

   เด็กปีหนึ่งบางกลุ่ม ดูก็รู้ว่าไม่ใช่พวกเอากิจกรรม ทำหน้าเบื่อหน่ายไม่สนโลก มองเพื่อนตัวเองช่วยรุ่นพี่ขนข้าว ขนน้ำขึ้นรถสบายใจ เห็นแล้วมันคิ้วกระตุกขัดลูกตา ผมกระดิกนิ้วเรียกดาลี่มาอีกรอบ

   “มีอะไรให้รับใช้เหรอครับท่านวัต” ผมตบกบาลมันไปที ข้อหากวนเกินหน้าเกินตารุ่นพี่

   “ผ่านการรับน้องในมหาลัยมาแล้วใช่มั้ย ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ล่ะ” ผมชี้ไปที่พวกปีหนึ่ง

   “คือ...นี้แหละปัญหาครับ อย่างที่รู้กัน พวกเราเด็กสายคอม ส่วนใหญ่เป็นนักเลงคีย์บอร์ด อันที่จริงค่ายนี้ควรจะเกิดขึ้นหลังแข่งสีที่จะมาถึง แต่สภาพแบบนี้ พวกเราเลยขอก่อน ไม่งั้นพอถึงงานแข่งทุกคนต้องร่วมมือกันกับสาขาอื่น เละแน่ๆ”

   ผมพยักหน้ารับตบบ่า ไม่ว่าอะไร ส่วนหนึ่งพวกปีสามเองก็ผิด ไม่ได้ไปช่วยรุ่นน้อง เหมือนกับพวกรุ่นพี่ที่มาช่วยพวกผมอีกแรง มันคล้ายกับเป็นธรรมเนียม พี่ช่วยน้อง น้องช่วยรุ่นน้องต่อไป ผมเดินเข้าไปหาน้องขวัญใจที่สาวที่มีน้อยนิดในคณะ กำลังตะโกนสั่งพวกน้องรวมตัวจนเสียงแหบเสียงแห้ง หมดความไพเราะเพราะพริ้ง พอน้องเห็นหน้าผม น้ำตาแทบไหล ผมลูบหัวน้องเบาๆ รับโทรโข่งมา แล้วคว้าไวไวเป็นบังเกอร์ ส่วนตัวเองอยู่หลังกำบัง ไวไวมันหัวเราะเหมือนรู้ทันว่าผมจะทำอะไร

   “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกม Charm Online ขอให้สนุกกับโลกแห่งแฟนตาซีนะคะ”

   ความเงียบเข้าปกคลุมทันที ทุกสายตาจ้องมาทางไวไวเป็นตาเดียว เพื่อนผมกอดอกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทุกคนถึงเพ่งมาที่ด้านหลังตาแทบหลุด ขนาดรุ่นน้องพี่สองยังอึ้งอ้าปากค้างไปด้วยเลย ในเมื่อเสียงที่ได้ยิน คือเสียงเดียวกับในเกมที่ทุกคนเล่น และเป็นเกมที่กำลังฮิตที่สุดในตอนนี้

   “คงจะแปลกใจกันสินะ เอาล่ะ มารวมตัวกันตรงนี้หน่อยเร็ว”

   ที่น่าขำคือ ผมเรียกรุ่นน้อง แต่พวกปีสองดันเผลอเดินมารวมด้วย อาจารย์มองพวกเราอย่างงงๆ ก่อนจะส่ายหัวเดินขึ้นรถไป คงจะคิดว่าพวกผมคงเล่นอะไรอีกแหง

   “ใครเป็นประธานรุ่นคะ แสดงตัวหน่อยนะ”

   แต่ละรุ่นจะมีประธานครับ ซึ่งรุ่นผมคือไวไว รุ่นดาลี่คือมันนั่นแหละ ส่วนรุ่นนี้ผมยังไม่เห็น ได้ยินแว่วๆ ว่าร้ายเอาเรื่องอยู่ ขนาดรุ่นพี่ยังไม่อยากยุ่งด้วย เพื่อนๆ ยังยำเกรง ถ้าจัดการเจ้าเด็กนี้ได้เพียงแค่คนเดียว ที่เหลือก็พูดง่ายแล้ว

   เด็กปีหนึ่งทุกคนมองไปยังคนที่เสียบหูฟังสวมฮู้ดฟังเพลงไม่สนโลก จนเพื่อนในกลุ่มต้องสะกิดๆ เจ้าตัวถึงรู้ตัว ถอดหูฟังมองไปรอบๆ อย่างสงสัย มีเพื่อนบางคนกระซิบบอก ชายคนนั้นพยักหน้ารับ ลุกเดินออกมายืนข้างหน้า มองนิ่งไม่มีความเกรงกลัวรุ่นพี่เลยแม้แต่น้อย

   ผมอยู่ด้านหลังมองไม่เห็น ไวไวมันยืนอึ้งอะไรบางอย่าง พอชะโงกหัวออกมาดู ทำให้ผมอึ้งตาม เดินออกมายืนด้านหน้าไวไว ถึงจะสวมฮู้ดทำให้เห็นหน้าไม่ชัด แต่ผมจำได้ดี รูปร่างนี้เห็นอยู่ทุกคืนเวลาเล่นเกม ดวงตาสีเทาหรี่มอง สูดหายใจเอาลมเข้าปอด แล้วกรอกเสียงใส่โทรโข่ง สะดุ้งกันเป็นแถบไม่เว้นคนตรงหน้า

   “อยู่ต่อหน้ารุ่นพี่ต้องทำไงครับ! ยืนกร่างแบบนี้ใช่ได้ที่ไหน เอ้า ยังไม่รีบทำอีก!!”

   เหมือนสติยังไม่กลับเข้าร่างดี เจ้าตัวยกมือไหว้ผม

   “เอาใหม่! ถอดฮู้ดนั่นออก แนะนำตัวด้วย”

   ดาลี่มันวิ่งมาสะกิดผมยิกๆ ผมไม่สน มันเลยเปลี่ยนมาเป็นคว้าแขนผมบีบเหมือนจะเตือนอะไรบางอย่าง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัด จ้องเขม็งน่ากลัวกว่าปกติ ผมดันดาลี่หลบไป ย้ำรุ่นน้องที่ยืนอยู่ด้านหน้า

   “ผมกลวัชร ปีหนึ่งครับ!”

   กลทำตามคำสั่งแต่โดยดี ตอบเสียงดังฟังชัด ดูว่าง่ายซะจนทุกคนอ้าปากค้าง พอรุ่นน้องแนะนำตัว ผมเลยแนะนำตัวบ้าง

   “ผมชื่ออายุวัต เป็นรุ่นพี่ปีสามของพวกคุณ ไหนตอบหน่อยซิว่า ทำไมพวกคุณถึงปล่อยให้รุ่นพี่ขนข้าว น้ำ อุปกรณ์ที่นำมาเพื่อพวกคุณโดยไม่ช่วยเหลือ”

   ผมหรี่ตาดุ มองเอาเรื่อง รุ่นน้องหลบตากันเป็นแถว แม้กลจะไม่หลบ แต่ผมเห็นแววตาเขาไหววูบเหมือนไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ผมยังคงทำหน้าโหด คิ้วขมวดเหมือนโกรธรุ่นน้องมาสิบชาติ ตอนแรกแค่ว่าจะหยอกเล่นนิดๆ หน่อย มาถึงตอนนี้ ผมมองเห็นอะไรบางอย่างไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้ อย่างกลผมต้องเป็นคนจัดการเอง

   “เพราะพวกผมคิดว่าพวกรุ่นพี่อยากทำก็ทำไป ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราไม่ได้ขอร้องครับ”

   กลตอบเสียงดังได้ยินทุกคน บรรดาเด็กปีหนึ่งเหมือนถูกแทงใจดำกันหมด สีหน้าของปีสอง แม้จะพยายามนิ่ง ตั้งแต่เห็นผมเริ่มว๊าก ถึงแบบนั้น ลึกๆ ภายในคงเสียใจน่าดู ผมสูดลมกายใจ จูงมือน้องขวัญใจออกมายืนข้างๆ ตอนนี้น้องขวัญตาแดง จมูกแดงไปหมดแล้ว ร้องไห้ขึ้นมาเมื่อไหร่ผมไม่สงสัยเลยจริงๆ

   “พวกคุณดู! รุ่นพี่ที่พยายามเพื่อพวกคุณ แต่สิ่งที่พวกคุณทำคือการตอบแทนแบบนี้น่ะเหรอ คิดว่าพวกคุณต้องเรียน ต้องทำงานฝ่ายเดียวรึไง พวกเขาเองก็มีงาน และต้องเรียนไม่ต่างจากคุณ แถมหนักกว่าด้วยซ้ำ แบบนั้นแล้วพวกเขายังสละเวลาส่วนตัวมาเพื่อพวกคุณ ทั้งที่ไม่ต้องสนใจเลยก็ได้ ดี! ในเมื่อสิ่งที่พวกคุณต้องการคือแบบนี้ นักศึกษาปีหนึ่ง!! วางกระเป๋าตัวเองบนพื้นแล้วขึ้นรถไปนั่งให้หมด ปีสองทุกคน ขนกระเป๋าน้อง ข้าวของอุปกรณ์ทุกอย่างขึ้นไปใหม่ ล้อรถหมุนตอนตีห้าครึ่ง ถ้าไม่ทัน ผมจะทิ้งพวกคุณไว้ที่นี่และออกรถทันที ถ้ารุ่นน้องคนไหนช่วย ผมจะให้ยกเข้ายกออกจนกว่าจะมีแค่ปีสองทำ!!”

   ทุกคนอึ้งกับคำสั่งของผม มีเพียงแค่ปีสองที่ตะโกนรับคำเสียงดังลั่น หลายคนยังอิดออด น้องรักดีทำท่าจะเข้าไปช่วย ผมแสดงให้เห็น ว่าผมเอาจริง สั่งขนของทุกอย่างลงมาใหม่หมด บรรยากาศเปื่อยๆ ตอนแรกเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เวลาตีห้ายี่สิบ เหลืออีกสิบนาทีจะออกรถ

   พวกปีสองขนของกันจนเหงื่อท่วมหน้าแดง กระทั่งพวกผู้หญิงยังช่วยกันขนมือเป็นระวิง รุ่นน้องหลายคนเริ่มสำนึก แต่เท่านี้ยังไม่พอ ผมกวาดตามองทุกคน หลังขนเสร็จทันเวลาเฉียดฉิว ให้ทุกคนขึ้นรถ สั่งคนขับออกรถ

   ผมได้มานั่งกับพวกน้องปีสอง มีปีสองบางคนกระจายไปต่างรถรุ่นน้องพร้อมกับอาจารย์ ผมยืนตรงหน้า ให้ทุกคนเห็นแล้วก้มหัว

   “พี่ต้องขอโทษน้องๆ ด้วย ที่สั่งการโดยไม่บอกล่วงหน้า ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ และขอโทษอีกครั้ง รับน้องตอนแรกพวกปีสามน่าจะไปช่วย” ดาลี่นั่งใกล้ผมสุด ลุกขึ้นมาดึงผม

   “เฮ้ยพี่อย่า พวกผมเองที่ไม่ได้ความคุมรุ่นน้องไม่อยู่ ต้องขอบคุณพี่ต่างหากที่สละเวลามาช่วย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องแท้ๆ” ผมส่ายหัวกอดคอน้องรหัสตัวเอง คนอื่นๆ ในรถต่างแย่งกันพูดเสียงเซงแซ่ ผมยกมือให้เงียบแล้วพูดต่อ

   “อย่าพูดแบบนั้น พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกล เราเป็นพี่น้อง เราเป็นครอบครัว ต้องช่วยกันอยู่แล้ว” ทุกคนทำท่าซึ้งน้ำตาแทบไหล ผมยิ้มกว้าง

   “พอถึงที่หมาย จะมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีก ใครไม่ไหว ขอให้ยกมือก่อน พี่เข้าใจ จะหาทางแยกออกไปให้”

   ตรงหน้าไม่มีใครยกมือเลยแม้แต่คนเดียว ขนาดน้องขวัญใจยังทำท่าฮึดสู้ ยกนิ้วโป่งให้ผมทั้งที่เธอออกแรงขนของจนแขนขาสั่นให้เพื่อนพยุงขึ้นรถ สปริตดีจริงๆ ผมหัวเราะ แล้วหลังจากนั้นพวกเราเลยเฮฮากันผ่อนคลายก่อนจะไปเคร่งใหม่ ผมแยกมานั่งกับไวไว

   “ทำไมว๊ากเองวะ แทนที่จะให้อดีตเฮดว๊ากอย่างฉันจัดการ นายน่าจะไปทำงานสันเหมือนเดิม”

   “ตอนแรกก็ว่าจะให้นายจัดการ ติดแต่หัวโจกพวกนั้นดันเป็นกล เจ้านั่นไม่ฟังใครนอกจากฉันหรอก”

   “มันก็จริง เหลือเชื่อไปเลยแฮะ โลกกลมจนน่าเกลียด ดันเป็นรุ่นน้องเราซะได้”

   “’งี้ล่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีปาปรีก้า” ผมทำสีหน้าจริงจังใส่มัน มันมองผมด้วยสายตาว่างเปล่า

   “เก่ามากเพื่อน...”

   ผมสำลักน้ำลายตัวเองไอคอกแค่ก เจ้าตัวหัวเราะชอบใจ ช่วยลูบหลังหรือตบให้ตับไตกระเด็นออกจากปากก็ไม่รู้ ตอนแรกที่ผมเห็นกล อึ้งเหมือนกันนะ รู้สึกดีใจที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ และโกรธมากด้วยเหมือนกัน ผมพอเดาได้แต่แรกแล้ว ว่ากลอายุน้อยกว่า เจ้าตัวทำเหมือนอ้อนๆ แบบเดียวกับที่ผมชอบอ้อนพี่ชายทั้งสอง

   ท่าทางไม่สนโลก เหมือนโลกหมุนรอบตัวเอง พาให้พวกเพื่อนๆ เป็นไปด้วย ผมยอมไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมันเป็นกฎของคณะที่น้องต้องเคารพพี่อย่างเดียว แต่กลถือเป็นอีกคนที่ผมให้ความสำคัญ ไม่อยากให้เขามีนิสัยแบบนี้ติดตัวไปจนเป็นผู้ใหญ่ ไม่งั้นจะเกิดปัญหาสารพัดตามมาในอนาคตได้ ต้องดัดนิสัยตั้งแต่ตอนนี้ จะบอกว่าผมเป็นห่วงเขา ก็ไม่ผิด

    ค่ายรับน้องคราวนี้ พวกรุ่นน้องวางตารางไว้แค่ว่า เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง จะไม่มีการกดดันใดๆ ทั้งสิ้นเพราะมันผ่านช่วงรับน้องมาแล้ว ผมเป็นคนเพิ่มเข้าไปเอง

   ที่พวกเราจะไปกัน เป็นค่ายแถวเขื่อน แน่นอนว่าเดินเรื่องขออนุญาตไปทางเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ในนามของมหาลัย ผมนั่งรถหลายชั่วโมงจนเมื่อยก้น ผมยืนบิดอยู่ในรถ ขอกระจกน้องผู้หญิง มาส่องเก๊กหน้าโหด แล้วค่อยเดินลงจากรถเยี่ยงราชา กำลังจะก้าวเท้าเหยียบพื้น ได้ยินเสียงแว่วๆ ของรุ่นน้องปีหนึ่งกระซิบกันว่า ผมเป็นว๊ากประสาอะไร แสดงก็ไม่เนียน แถมยังใช่โทรโข่ง ผมเลิกคิ้ว ยกยิ้มมุมปาก เดินลงไปหน้านิ่งๆ

   “ปีหนึ่งรวมพล! ปีสองขนของลงมา ยกกระเป๋าน้องไปเก็บไว้ที่พัก และแยกย้ายไปทำฐาน ไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าว งานนี้พวกคุณหาเรื่องอยากลำบากเอง น้องไม่อยากลำบากด้วย”

   ผมพูดด้วยเสียงอันดัง ใครบอกว่าผมเสียงไม่มี แค่ตอนนั้นโทรโข่งอยู่ในมือเลยใช้เพลินต่างหาก ด้วยเสียงดังก้องของผม ขนาดเจ้าหน้าที่ยังแปลกใจ พยักหน้ารับหงึกหงักแบบเข้าใจว่าพวกเรามารับน้องโหดกัน พากันมองผมเหมือนไอ้จอมโหด ผมอยากวิ่งเข้าไปแก้ตัวใจจะขาด คงต้องเอาไว้หลังไมค์

   ปีหนึ่งบางคนยึกยักอยากช่วย บางคนไม่ใส่ใจ พวกพี่สองก็ก้มหน้าก้มตาทำกันไป พวกอาจารย์แยกไปห้องพักต่างหาก สำหรับอาจารย์ที่ตามมาดูลูกศิษย์โดยเฉพาะ นอกนั้นเข้าที่พักรวมในค่าย เป็นห้องนอนกับอาบน้ำรวมแต่แยกชายหญิง

   ระยะทางระหว่างมหาลัยกับค่ายที่พวกเรามาไกลเอาเรื่อง เลยออกกันแต่เช้า มีหลายคนยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาด้วยซ้ำ ไอข้าวกล่องที่เตรียมไว้ก็เพื่อการนี้ ผมสั่งให้ปีสองที่เหลือแจกข้าวให้รุ่นน้อง ตัวเองห้ามกิน รวมถึงผมด้วย มีรุ่นน้องหลายคนไม่กล้ากิน ได้แต่รับมาถือไว้เฉยๆ มองตามหลังพวกรุ่นพี่ที่ถือของตัวเองไปไว้ในห้องพัก ไอพวกไม่สำนึกนั่งกินข้าวไม่สนโลก โดนเพื่อนตัวเองเขม่นแล้วเขม่นอีกก็ไม่แคร์

   ผมเฝ้ามองปฏิกิริยาเหล่านั้น แล้วปล่อยให้ไวไวมันคุมต่อ ตัวเองแยกไปคุยโทรศัพท์ ที่สันรัวๆ จนน้องชายมึน หลบมุมอยู่หลังต้นไม้

   “ฮัลโหล โทรมาทำไมนักหนาวะไอ้พวกทิ้งน้องทิ้งเพื่อน” แอบโวยใส่เพื่อนปลายสายนิดหน่อย ผมขมวดคิ้วฉับตั้งแต่เห็นชื่อแล้ว

   “อย่าเพิ่งโกรธกันดิวะ พวกเราเพิ่งส่งงานแก้เสร็จ กำลังจะตามไปเนี่ย เลยโทรมาถามก่อนเป็นไงมั้ง” ได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวแว่วๆ มา คงขนกันมาทั้งรุ่น เอาเข้าจริง ไม่ใช่ไวไวกับผมรอดแค่สองคน เพราะไอ้ตัวปล่อยข่าว ดันบอกเวลาส่งผิด ผมที่โทรไปถามอาจารย์เองเลยรอดกับไวไว นอกนั้นโดนจารย์เพิ่มงานให้โทษฐานส่งเลยเวลา

   ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พวกนั้นมันฮึดฮัดใหญ่ บอกอยากมาเห็นด้วยตัวเอง ผมเลยเร่งให้มันมาไวๆ แล้ววางสาย พอจะหันกลับไปรวมกลุ่ม ดันเจอคนยืนขวาง

   “ทำไมไม่กินข้าว” น้ำเสียงเรียบตามสไตล์ ผมเงยหน้าขึ้นมองยิ้มท้าทาย การดัดนิสัยกลได้ ต้องใช้ตัวผมนี้แหละได้ผลดีที่สุด

   “บอกไปแล้วหนิ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ฟัง?”

   “ฟัง จะให้ทำยังไง” เขาถอนหายใจ ดูอับจนหนทาง น่าสงสารจนผมเกือบใจอ่อน แต่ไม่ได้ ต้องทำใจแข็งเข้าไว้

   “เรื่องนั้นนายคงต้องคิดเอง ถ้าคิดไม่ออก เอาไปปรึกษาพวกเพื่อนซะ ไม่งั้นอย่าหวัง ต่อให้อดข้าวทั้งสามมื้อ หรือไปลำบากกับปีสอง ฉันก็จะทำ”

   คิ้วเข้มขมวดมุ่น ผมเดินผ่าน กลับไปหาไวไว ส่วนกลเดินไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเอง เห็นเขานั่งเงียบสักพัก ก่อนเรียกเพื่อนคนอื่นมาคุย จากสองสามคนกลายเป็นสุมหัวกลุ่มใหญ่ เหลือพวกนอกคอกไว้ไม่กี่คน เหมือนตกลงอะไรกันได้ ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว ผมเลิกคิ้วยืนรอว่าพวกเขาจะเอาไง

   กลเป็นตัวแทนของเพื่อนตามเคย เดินมาหาผม

   “ช่วยเรียกรุ่นพี่ทุกคนมารวมกันหน่อยได้ไหมครับ” ผมไม่ใช่คนใจโหดอะไร เห็นมาทำท่าหมาอ้อนใส่ เลยตกลง เรียกปีสองทุกคนกลับมารวมตัว รุ่นน้องแต่ละคนไปยืนเรียงตรงหน้ารุ่นพี่ พูดพร้อมกันจนเกิดเป็นเสียงดังก้อง

   “พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ พวกเราจะไม่ทำแบบนั้นอีก”

   “พี่ๆ รับข้าวของพวกเราไปเถอะครับ ถือว่าผมขอร้อง” เด็กหนุ่มอีกคนยื่นกล่องข้าวตัวเองให้กับขวัญใจที่ยืนปิดปากน้ำตาคลอหันมามองผม ผมยิ้มๆ พยักหน้ารับ เธอถึงยื่นมือไปรับกล่องข้าวนั้นมา รุ่นน้องทุกคนทำแบบเดียวกัน ความจริงนิสัยคนเราแก้ไขกันไม่ได้ง่ายๆ

   ก่อนหน้านี้ ช่วงรับน้องที่พวกปีสามไม่อยู่ พวกรุ่นน้องของผูกพันกันในระดับหนึ่ง พอเห็นมีคนเอาจริงจัดการถึงเพิ่งนึกขึ้นได้

   “เลิกมองฉันด้วยสายตาเร่าร้อนแบบนั้นได้แล้ว ไม่ต้องเสียสละให้ใคร ข้าวเอามาพอกับทุกคน ปีสองปีหนึ่ง แยกย้ายกันไปทานข้าวซะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้เริ่มกิจกรรมกัน”

   พวกรุ่นน้องเห็นผมอ่อนลง ต่างพากันเฮลั่น จับกลุ่มกระจายตัวปะปนกับพวกรุ่นพี่ ไวไวยกนิ้วโป้งให้ผม ก่อนเนียนคว้าข้าวกล่องไปนั่งกินรวมกับกลุ่มรุ่นน้องผู้หญิง ผมกำลังจะไปหยิบข้าวตัวเองมั้ง มีกล่องข้าวหอมๆ ยื่นมาข้างตัว ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาเลย คุณเคยถูกหมาง้อมั้ยครับ อารมณ์นั้นเป๊ะๆ

   “เข้าใจคิดดีนี่” ผมรับข้าวกล่องมาหาที่นั่งกิน เจ้าตัวมานั่งข้างๆ ลงมือทานของตัวเองเหมือนกัน มีการตักหมูมาให้ผมด้วย โอย อยากฟัดหมา จะน่ารักไปไหน ให้ตายเถอะซาร่า

    “ตักแต่เนื้อมาให้ฉัน นายเป็นหมามังสวิรัตรึไงกัน เอ้า แบ่งไข่ไปมั้ง จะได้ฟิตๆ”

   ได้ยินแบบนี้ เหมือนผมเห็นหางหมาป่าส่ายรัวๆ อดขยี้ตาตัวเองไม่ได้ ภาพลวงตานี่มันอะไร

   “ให้ฟิตจริงต้องไข่ลวกต่างหาก ไม่เป็นไร จะกินหรือไม่กินก็ฟิตอยู่แล้ว รอแค่ใครบางคนมาพิสูจน์” หยอดไม่พอ ยังมองตาพราวระยับ

   “น้อยๆ หน่อย อย่าทำเป็นได้ใจไป” ช้อนจ้วกข้าว แต่ปากยิ้มไม่หุบ เคี้ยวไปยิ้มไป รู้สึกบรรยากาศรอบตัวเรามันสีชมพูอมม่วงแบบแปลกๆ

   “ดีใจที่ได้เจอตัวจริงสักที อยากสัมผัส อยากอยู่ใกล้ คิดถึง...”

   อ๊ากกกก บ้าเอ๊ย ใครก็ได้เอาหมาบ้ารักตัวนี้ไปฉีดยากันบ้าที หยอดมันเข้าไป ค้างคาวก็สิ่งมีชีวิต เขินเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย ยังกระแซะเข้ามาอีก ฮึ่ย เข้ามาใกล้กว่านี้ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะไอ้น้อง แหนะมือยังซน ผมว่าค่ายครั้งนี้ หลังผมชักจะไม่ปลอดภัยซะแล้ว!
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-05-2015 18:45:57
Lv.พิเศษ ความรักของอินทรี
   
   ชายหนุ่มนักเรียนเตรียมทหารจบใหม่ เพิ่งบรรจุเข้ากองทัพเรือได้ไม่นาน จู่ๆ วันหนึ่งถูกนาวาเอกหรือลุงที่เขาเคารพรักเรียกตัวไปคุยเป็นการส่วนตัว สร้างความแปลกใจให้เจ้าตัวพอสมควร

   ผมมีชื่อว่าอินทรี บ้านผมรับราชการทุกคน พ่อผมเป็นทหารบก แม่ผมเป็นนางพยาบาล ลุงผมเป็นทหารเรือ น้องสาวกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เจ้าตัวอยากเป็นอัยการ และผม เลือกเดินตามรอยเท้าลุง เป็นทหารเรือแบบที่ใฝ่ฝัน

   ผมเคาะประตูและขออนุญาตเข้าไปในห้อง พอได้ยินเสียงตอบรับ จึงเปิดประตูเข้าไปทำความเคารพปกติ แม้เป็นญาติกัน แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ตำแหน่งสูงใหญ่ว่าตามนั้น ไม่มีการให้โอกาส หรือสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น ผมทำทุกอย่างด้วยความสามารถของผมเอง และผมก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้

   “ไม่ต้องทางการนักหรอก ลุงเรียกหลานมาเพราะเรื่องส่วนตัว ไม่สิ จะว่าส่วนตัวเลยคงไม่ใช่” ผมขมวดคิ้วสงสัย

   “เฮ้อ คืองี้นะ เรือเราถึงกำหนดต้องตรวจสอบสภาพเรือใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับ รอให้ลุงพูดต่อ เพราะตอนนี้ เรือลำนี้จอดเทียบท่าเพื่อเช็คสภาพอยู่จริงๆ แต่กำหนดการเริ่มพรุ่งนี้นี่หว่า

   “นอกจากตรวจเรื่องเครื่องยนต์ ส่วนต่างๆ ของเรือแล้ว ยังมีอีกส่วนที่ต้องตรวจเช็คคือ การทำงานบางส่วนที่ถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ต้องให้นักโปรแกรมเมอร์มาตรวจสอบ ซึ่งทางเราได้ติดต่อไปเรียบร้อยแล้ว และหน้าที่ของหลานก็คือ ไปพาเขามา”

   “ห๊ะ! ปกติทางนั้นเขาต้องมาเองไม่ใช่เหรอลุง อย่าบอกนะว่าคนที่มาไม่ใช่คนของรัฐ จะว่าไป เรื่องดูพวกนี้ คนของรัฐก็มาดูไปแล้วเมื่อวานไม่ใช่เหรอครับ” ในเมื่อลุงคุยแบบเป็นกันเอง ผมก็ตามนั้น เนื้อแท้ดั่งเดิมผมไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไร ออกไปทางห่ามๆ ด้วยซ้ำ น้องสาวผมยังห้าวเป้งเลย

   “เออ แต่เขาเป็นหนึ่งในผู้สร้างระบบนี้ขึ้นมา รายละเอียดอยู่ในแฟ้มนี้ นี่เป็นคำสั่ง ไปพาตัวเขามาซะ!!”

   “ครับผม!”

   ผมตะเบะรับคำเสียงหนักแน่น ก้มหัวหยิบแฟ้มวิ่งออกไปจากห้องสั่งการอย่างรู้หน้าที่ จนลงจากเรือมายืนบนพื้นดินแล้วนั่นแหละ ถึงเพิ่งจะรู้ตัว บ้าเอ๊ย โดนลุงเล่นซะได้ ใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง ผมเผลอทำตามโดยอัตโนมัติ ป่านนี้คงหัวเราะท้องแข็งมาดไม่เก็บอยู่ในห้องแล้วมั้ง ฝากไว้ก่อนเถอะลุง เรื่องนี้ถึงป้าแน่

   ร่างสูงใหญ่อกผายไหล่ผึ่งมาดทหาร ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เปิดอ่านข้อมูล น่าแปลก กลับไม่มีภาพอีกฝ่าย มีแค่แผนที่ กับสถานที่นัดหมาย วันเวลา รายละเอียดที่จะตรวจเช็คระบบว่ามีอะไรบ้างเท่านั้น

   ในเมื่อผมรับคำมาแล้วก็ต้องทำตามหน้าที่ งานนี้ไปแบบส่วนตัวใช่มั้ย ได้ ขึ้นรถเมล์ไปรับนี้ล่ะวะ! แล้วค่อยต่อรถเข้าไปรับที่สนามบิน หึหึ งานนี้ไอนักโปรแกรมเมอร์จอมขี้เกียจไม่ยอมมาเอง ได้เดินทางหลายต่อจนแห้งตายคาที่แน่

   ระยะทางระหว่างท่าเรือหลวงกับสนามบินไกลพอควร แต่เพราะอยู่ต่างจังหวัด รถไม่ติด ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าก็ถึงที่หมาย ผมลงจากรถเข้าไปยืนรอ ทางที่อีกฝ่ายจะออกมา ระหว่างทางเดินไป มีคนมองหลายเหมือนกัน คงเป็นเพราะเครื่องแบบบนตัว แม้เป็นยศเล็กๆ แต่สำหรับสาวๆ แล้ว แค่นักเรียนทหารยังมองกันเหลียวหลังเลย ขอพูดแบบไม่หลงตัวเอง ผมหน้าตาดีไม่หยอกเหมือนกันนะ น่าเสียดาย เป็นทหารต้องจัดการตัดผมตัวเองทิ้ง ไม่งั้นคงได้ไว้ทรงเท่ๆ เหมือนคนอื่นเขามั่ง

   แอร์เย็นฉ่ำ ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นหลายระดับ เอาวะ เดี๋ยวเมตตาโบกรถแท็กซี่ให้เขาหน่อยแล้วกัน เกิดล้มหายตายกลางทางจริง มีหวังถูกลุงแหกอกแหง

   “ดี คุณทหาร มารอรับคนเหรอ”

   ชายร่างสูงโปร่ง ผมสีทองอ่อนสวมแว่นตากันแดด สะพายกระเป๋า ใส่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงยีน ราวกับนายแบบหลุดมาจากหน้านิตยสาร ผมอึ้งนิดๆ กับความดูดีของคนตรงหน้า ดูดีมากขนาดนี้ผู้ชายด้วยกันยังชื่นชม แต่ผมกำลังอารมณ์ไม่ดี หล่อสวยแค่ไหนเข้ามาตอนนี้ผมไม่โอหมด

   “ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ผมต้องมารับ ช่วยอย่ามารบกวนผมด้วยครับ”

   “ฉันคิดว่าใช่นะ นายมารับนักโปรแกรมเมอร์ใช่มั้ยล่ะ”

   ผมเลิกคิ้วมอง ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ผมลอบมองเขาแบบละเอียดอีกรอบ ท่าทางคุณชายแบบนี้เป็นนักโปรแกรมเมอร์? จะรอดรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมเลยขอตรวจสอบชื่อบัตรประชาชนว่าตรงกับชื่อที่เขียนรึเปล่า

   ทุกอย่างตรงหมด ผมพยักหน้ารับเดินนำไม่คิดเรียกให้อีกฝ่ายตามมา สิ่งที่ผมเกลียดรองลงมาจากพวกนิสัยแค่ คือพวกคุณชายที่ไม่รู้จักความลำบากนี้แหละ ผมจะคอยดู จะรอดสักกี่น้ำ ไอความคิดจะเรียกรถแท็กซี่ ปัดทิ้งไปหมดแล้ว เหอะ!   

   น่าแปลก ทางนั้นเดิมตามทันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ผมเป็นทหารที่ถูกฝึก การก้าวเท้าไวกว่าคนทั่วไปที่ไม่เคยได้รับการฝึกอะไร หรือเป็นนักกีฬา ผมยกยิ้มมุมปาก น่าสนุกดีนี่

   ด้วยนิสัยเสียส่วนตัว การเดินทางจากตอนแรกที่ออกจะธรรมดาเหมือนคนปกติทั่วไป เลยเปลี่ยนเป็นพวกลำบากต้องตากแดดตากลมแทนซะส่วนใหญ่ เขาไม่บ่นอะไรเลยสักคำ แล้วยังชวนเพื่อนร่วมทางคนอื่นคุยสนุกสนาน แต่ผมรู้ว่าเขาร้อน เสื้อเชิ้ตตัวนั้นแทบชุ่มไปด้วยเหงื่อ แว่นตากันแดดถูกถอดออกมาเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อย

   ดวงตาสีเทา สวย สวยมาก เข้ากับรูปหน้าทำให้เขาดูเหมือนบุคคลที่ไกลเกินเอื้อม ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองทิ้งไป ภายในใจอ่อนลงมากกว่าครึ่ง ถ้าเขายอมแสดงอาการ บอกว่าเหนื่อยไม่ไหว หรือทำท่าทางเอาแต่ใจเหมือนพวกคุณหนูคุณชายทั้งหลาย ผมจะพาเขานั่งรถแอร์ดีๆ ส่งจนถึงที่หมาย

   แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากชวนผมคุยเรื่องสัพเพเหระ มือประสานท้ายทอย ชมธรรมชาติสบายอารมณ์ซะจนน่าหมั่นไส้นิดๆ

   พอถึงที่หมาย เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผมแปลกใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน ลุงผมที่เป็นถึงนาวาเอก ยอมลงจากเรือมารับด้วยตัวหลัง หลังจากมีคนไปแจ้งว่า ผมพาคนมาถึงที่แล้ว

   “สวัสดีครับลุงนก” ชายหนุ่มยกมือไหว้ ให้คนมากวัยยกมือรับแทบไม่ทัน

   “เหนื่อยหน่อยนะอาชวิน อุตส่าห์ลางานมาช่วยลุง ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เลยแท้ๆ แล้วทำไมถึงตัวเปียกโชกขนาดนี้ล่ะ! ไปตกน้ำที่ไหนมา”

   “ฮ่าๆ ผมไม่ได้ตกน้ำที่ไหน เหงื่อล้วนๆ ครับ มันคงเป็นสัญญาณบอกว่าผมควรจะออกกำลังกายสักที อยู่ห้องแอร์จนเคยตัวแล้ว” เจ้าตัวหัวเราะขำ ปากบอกว่าตัวเองไม่ไม่ค่อยออกกำลังกาย แต่เจอแดดร้อนเข้าไปขนาดนี้ ไม่มีอาการเหนื่อยหอบเลยสักนิด แถมยังดูกระฉับกระเฉง และดูไม่เหมือนคนแสร้งทำด้วย แสดงว่า สภาพร่างกายเดิมทีต้องแข็งแรงอยู่แล้ว

   “ยังหนุ่มยังแน่น อย่าริทำตัวเป็นคนแก่ ไปๆ ขึ้นไปกินน้ำกินท่า อินทรี จบนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ดวงตาผมเหมือนมีดหันมาจ้องผม ส่วนผมก้มหน้าเตรียมรับชะตากรรมแล้วครับ ชัดเจนขนาดนี้ ว่าลุงผมให้ความสำคัญกับผู้ชายคนนี้ไม่ต่างจากลูกหลานตัวเอง

   ชายคนนั้นพอดื่มน้ำเสร็จ เจ้าตัวก็เริ่มทำงานเลย รื้อของออกจากกระเป๋าสะพาย ขยับตัวคล่องแคล่วจัดการตรวจเช็ค โดยมีผมยืนเฝ้าอยู่

   “ทั้งที่รู้ว่าถูกแกล้ง ทำไมถึงยังยอม” ผมถามขึ้นลอยๆ แบบไม่เจาะจงคน แต่ที่นี้มีแค่เราสองคน จะเป็นใครอื่นได้นอกจากเขา

   “ฉันชื่ออาชวิน เรียกวินก็ได้ นายชื่ออะไร”

   “อินทรี นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ” เจ้าตัวทำหน้าครุ่นคิด ส่วนมือยังคงคีย์แป้นพิมพ์ ไม่ละสายตาออกจากจอที่มีตัวหนังสือ ตัวเลขอะไรไม่รู้วิ่งวุ่นวาย

   “ฉันชอบนาย”

   “ห๊า!” รู้สึกความร้อนพุ่งขึ้นหน้า ใช่ มันต้องเป็นความโกรธแน่ๆ จู่ๆ มาบอกชอบกันได้ยังไง ผู้ชายด้วยกันทั้งคู่

   “อย่าเพิ่งพองขนชูคอขู่สิอิน ฮ่าๆ ฉันหมายถึง ฉันชอบนิสัยนายต่างหาก คนตรงดี ฉันชอบ” พูดจบเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ นี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไปไม่เป็น หัวใจมันเต้นเร็วกว่าปกติ บ้าน่า อาการแบบนี้มัน โธ่เว้ย!!

    “ในฐานะเพื่อน ฉันขอเตือนอะไรไว้อย่าง อย่าตัดสินคนแต่ภายนอก และ อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับหน้าที่ ไม่ว่าหน้าที่นั้นจะสำคัญหรือไม่ก็ตาม เพราะบางทีอาจจะทำให้นายพลาดครั้งใหญ่ อ่อ แต่ถ้าหน้าที่ขัดห้องน้ำอะไรแบบนั้น นายจะบ่นหน่อยก็ไม่ผิดนะ หึหึ”

   ผมลูบหน้าพรืด หันหน้าร้อนๆ ของตัวเองไปทางอื่น เหล่มองคนหัวเราะอารมณ์ดีหันไปจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ

   “ไม่ต้องให้นายมาสอนหรอกน่า... ขอบใจ”

   “ไม่เป็นไรๆ เพื่อนกันๆ เพียงแค่ หลังจากนี้ถ้าฉันมีอะไรให้ช่วย นายต้องช่วยฉันเท่านั้นเอง แลกกับเป็นที่ปรึกษาเรื่องนิสัยอะนะ”

   “นายนี้มัน! ชั่วร้ายจริงๆ ให้ตายสิวะ นายใช้หน้าตาแบบนี้หลอกคนมากี่คนแล้ว” ผมสถบหัวเสีย

   “ไม่รู้ ไม่เคยนับ อืมๆ มีคนเล่นตุกติกจริงๆ ด้วย แต่ไม่มากแก้ได้สบาย เอาล่ะเรียบร้อย ไปรายงานให้ลุงนายฟังกันดีกว่าเพื่อน หึหึ” แค่ไม่กี่นาที เจ้าตัวเก็บอุปกรณ์ที่รื้อออกมามากมายเก็บเข้ากระเป๋าเป้จนหมด

   ผมกรอกตาขึ้นฟ้า ปล่อยอีกฝ่ายที่ตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยกอดคอเดิน ไปรายงานลุงที่รออยู่ด้านล่าง ไม่ได้กลับเข้าห้อง เพราะเขตส่วนใน คนข้างตัวผมเข้าไปไม่ได้ ขนาดมาทำงานยังต้องมีผมเฝ้าเลย จะไว้ใจกันแค่ไหน กฎก็คือกฎ

   พอคุยเรื่องงาน วินมีสีหน้าจริงจังมากยามคุยกับลุง รอบตัวเขามีเสน่ห์มากมาย ที่ทำให้ผมหลงใหลโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ ก็สายเกินกว่าจะถอย...

   หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปหลายเดือน ผมมีได้เวลาหยุดพักกลับบ้าน เลยนัดเพื่อนมาสังสรรค์ตามปกติ

   “อิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำตัวเหมือนสาวน้อยตกอยู่ในห้วงรักไปได้” ไอเจตน์เพื่อนผม มาขยับเข้ามากวนประสาท ผมยกเท้ายันมันออกไป

   “นิดหน่อยวะ ว่าแต่มึงเถอะ หนีผัวมาแบบนี้ บริษัทไม่แตกไปแล้วเรอะ” เจตน์มันมีแฟนเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ท่าทางจริงจัง เคร่งขรึมครับ ทั้งที่อายุน้อยกว่าพวกเราปี หรือสองปีนี้แหละ จัดการพ่อพวงมาลัยอย่างไอเจตน์ซะอยู่หมัด

   “เชี่ย อย่าเล่นของสูง เดี๋ยวมันเกิดเหี้ยนโผล่มาถึงที่กูก็ตายสิวะ”

   ผมส่งเสียงเหอะในคอเยาะเย้ยมัน แล้วรีบปลีกตัวกลับ เพราะพรุ่งนี้มีนัดสำคัญรออยู่ จะได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือน ตั้งแต่ครั้งนั้น

   ถึงเวลานัดวันรุ่งขึ้น ผมเลือกแต่งตัวที่โอเคที่สุด ไม่เว่อและไม่เห่ย ไปรอที่จุดนัดพบก่อนเวลาเกือบชั่วโมงด้วยความตื่นเต้น จนเห็นร่างที่ผมจำไม่เคยลืมเดินโบกไม้โบกมือมาพร้อมกับ ใครอีกคน...

   “ไงรอนานมั้ยอิน นี้ชิน เพื่อนสมัยเด็กฉันเอง ส่วนนี้อิน เจอกันตอนไปทำงานให้ลุงนก” ตัวต้นเหตุดูจะไม่เข้าถึงบรรยากาศที่เกิดขึ้น

   พวกเราทักทายกันดูธรรมชาติ แต่ดวงตาผมจ้องเขม็งไปยังดวงตาสีดำของคนๆ นั้น เขามองผมด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ต้องใช้คำพูดอะไร พวกเราสองคนย่อมรู้ความหมายดี ท่าทางของวินกับชายที่ชื่อชิน มันชัดเจนมากจนผมเจ็บปวดไปทั้งใจ นึกสมเพชตัวเอง

   ก่อนกลับ วินบอกให้เพื่อนเขาไปซื้อของบางอย่าง เจ้าตัวมอง แต่ก็ยอมทำตาม เปิดโอกาสให้พวกเราได้อยู่ด้วยกันสองคน แน่นอน ผมไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาทั้งนั้น คนที่สอนให้ผมเก็บอารมณ์ก็คือเขา และผมสามารถทำมันได้ดีจนน่าขำเชียวล่ะ

   “ฉันเข้าใจนายอิน จะไม่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อยากให้นายรู้ไว้ ไม่ว่ายังไง นายยังคงเป็นเพื่อนฉันเสมอ”

   อ่า... ฉลาดสมเป็นวิน คงจะสังเกตจนเห็นอะไรๆ ตั้งแต่แรกแล้ว เอาเถอะ แม้จะแพ้ในศึกรัก แต่ในสนามของคำว่าเพื่อน ผมจะไม่ยอมแพ้ให้เด็ดขาด ผมยิ้มให้กับวิน แล้วจะได้เห็นดีกัน ไอจิ้งจอกดำ ระหว่างอินทรีอย่างฉัน กับจิ้งจอกอย่างแก

   ต่อให้ไม่สมหวัง อย่างน้อยๆ ก็ขอกวนประสาทผู้ชนะหน่อยแล้วกัน แพ้แล้วพาลรู้จักมั้ยครับ

   “ไว้เจอกันใหม่ ฉันจะคิดถึงนายเสมอ คราวหน้าฉันจะพาไปกินอาหารอร่อยๆ เอง”

   “แบบตากแดดเหมือนคราวก่อนไม่ไหวนะ เดี๋ยวเขาไม่ให้เข้าร้าน”

   พวกเราหัวเราะกันอยู่สองคน ผมยักคิ้วใส่ ไอจิ้งจอกที่มันยืนมองจากที่ไกลๆ เห็นมันคิ้วกระตุก คงจะรู้ว่าผมจะทำอะไร

   “เก็บเรื่องนี้เป็นความลับแค่เราสองคนนะ แล้วฉันจะเลี้ยงอาหารทุกอย่างเท่าที่นายต้องการเลย” ผมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ แบบจงใจ วินใช้หางตามองเห็นคนด้านหลัง เจ้าตัวถอนหายใจส่ายหัวระอา แต่แววตากลับฉายความสนุก เล่นไปกับผมด้วย

   เดาได้เลยว่า วินกลับไปถูกเจ้าจิ้งจอกมันซักจนรำคาญแน่ ขอเอาคืนจนกว่าหัวใจฉันจะหายดีแล้วกันนะ ไอจิ้งจอก

   และนี้คือเหตุการณ์ การพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับวินเมื่อห้าปีก่อน จนถึงตอนนี้ ผมยอมรับว่ายังชอบวินอยู่ ขนาดที่ลงทุนเข้าไปเล่นในเกมที่เขาสร้าง อยากรู้ว่าสิ่งที่คนๆ นั้นทุ่มเททั้งกายและใจ จะสุดยอดขนาดไหน แล้วผมก็ไม่ผิดหวัง เกมมันสุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่ผมได้เล่นเกมกับวิน โดยที่จิ้งจอกทำได้แค่ปั่นงานอยู่ด้านนอก อย่าลืมมาเล่นเกมไปกับพวกผมนะครับ ไม่แน่บางที อาจจะเจอพวกเราในเกมก็ได้ ใครจะรู้

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จัดไปยาวๆ อ่านกันให้จุใจเลยครับ ตอนพิเศษนี้มาจากรีเควสจากนักอ่าน ที่มาเล่นกับผมในเพจ ขำ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 21-05-2015 18:52:13
 :impress2:

สนุกดีค่ะ

รอ รอ ตอนต่อไป

ชอบฉากในเกม

  o13
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 21-05-2015 18:52:45
แมวนี่มีทาสอยู่ทั่วโลกจริงๆ
แต่แบบ พี่ชายก็ทาสแมวเหรอคะ? 55555
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 21-05-2015 21:50:31
จะได้เจอกันนอกเกมส์แล้วสินะ หึหึ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 22-05-2015 16:29:23
ยาวมาก ดันก่อนเดี๋ยวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-05-2015 19:10:02
ตอนหน้า หวานนอกเกมส์สิน๊าาาา (รึเปล่า?? 555)
แต่กลนี่ถึงขั้นขึ้นแบล็กลิสเรยอ่ะ ไปทำอะไรมานะ ><

ตอนพิเศษแอบสงสารอินเลย มาอกหักเพราะซาตาน T.T
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-05-2015 21:52:55
หาคู่ให้คุณอินกันดีกว่าค่ะ :impress2:
สรุปว่ากลคงอยู่ในประเภทอัจฉริยะสินะคะ
อย่าลืมครองโลกล่ะ :laugh:
รอตอนต่อไปเนาะะะะ
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 22-05-2015 22:55:24
ไม่ค่อยจะอินกับเนื้อเรื่องส่วนเป็นการเป็นงานเท่าไร :m23:
ตามมาอ่าน แล้วก็+ ให้เหมือนเคยจ้า
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-05-2015 09:25:23
หนุกมากอ่าอ่านรวดเดียวจบ :mew1:
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 23-05-2015 11:45:44
สรุปคือบ้านพี่วินร้ายกันทั้งบ้าน??
หัวข้อ: Re: No Name เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.17 เมืองหลวงที่รัก+Lv.พิเศษของอินทรี 21/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 24-05-2015 11:37:50
กร๊ากกก พ่ออินทรีย์ของเราแพ้แล้งพาลได้น่ารักจริงๆ
สงสารพี่ชินนิดๆนะเนี่ย 55555 พี่วินนี่ ร้ายจริงๆ ร้ายได้โล่เลย
อยากอ่านต่อแล้วว่ากลกับวัตจะได้ไปเจอกันที่ค่ายมั้ย  มาต่ออีกไวๆนะคะ ><
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 26-05-2015 00:11:53
Lv.19 รับน้อง สยองหลังII
   
   ผมคงกลายเป็นหมอดูแม่นๆ แล้วครับ เมื่อสิ่งที่ผมกังวลเกิดขึ้นจริง...

   เพื่อนผมที่บอกจะตามมาตอนหลัง มันมาถึงโดยสวัสดิภาพ พร้อมร่วมกิจกรรมเต็มที่ คึกกว่าพวกรุ่นน้องปีหนึ่งปีสองเจ้าของค่ายซะอีก สงสัยจะเป็นเพราะอัดอั้นกับงานมานาน เลยกะปล่อยผี ขอให้น้องๆ โชคดีนะครับ อาเมน

   กิจกรรมแรกของเรา คือการรวมรุ่นน้องปีหนึ่งนั่งเป็นวงกลมใหญ่ตรงลานโล่งเพื่อเล่นเกมกับพี่สัน รอพี่ปีสองกับพี่สามบางส่วนไปจัดฐาน

   ผมยืนกลางวง พร้อมโทรโข่งในมือ สลัดมาดเกือบจะว้ากทิ้ง กลับมาทำหน้าที่ ที่แท้จริง เป็นพี่สันเต็มตัว โดยมีไวไวคอยตีกลองเป็นลูกคู่กับเพื่อนสามสี่คนแจกอุปกรณ์การเล่น ของชิ้นแรกที่นำออกมาเป็นถังเล็กใส่ดินสอพอง ผสมสีอาหาร เขียว เหลือง แดง ปานไฟจารจร

   “เอาล่ะครับน้อง สีที่อยู่ในมือท่าน ก่อนอื่นเลย ใครอยู่ด้านข้าง ป้ายครับ ป้าย เอาให้ครบทุกคน ใครไม่มี เดี๋ยวพี่จะส่งน้ำฟ้าคนสวยไปป้ายให้”

   อารมณ์คึกคักเต็มเปี่ยม ผมผายมือไปทางคุณเทยถึกเพื่อนร่วมรุ่นผมเอง จะถามว่าถึกแบบไหน มองหน้าไวไวครับ แล้วเพิ่มไปอีกเท่านึง ปรับผิวเข้มสักสองระดับ ท่าทางสะดีดสะดิ้งเหมือนอยากจะป้ายเต็มแก่ ยิ่งหนุ่มๆ เหล่าเด็กปีหนึ่งทั้งหลาย เจ้าตัวทำท่าจกมือเลียริมฝีปากแผล็บ พวกผู้ชายพากันป้ายให้กันเองราวกับสีในมือเป็นยันกันผี ขนาดกลเห็นนิ่งแบบนั้น มันยังขอถังสีจากคนข้างๆ มาป้ายหน้าตัวเอง ผมงี้หัวเราะก๊ากเลย

   “ทาแป้งกันกระเทยกันเสร็จแล้วใช่มั้ยครับน้องๆ” ประโยคนี้ผมโดนน้ำผู้ถูกพาดพิง เขม้นตาใส่ทันที ผมทำเนียนฟังเสียงขานรับของน้องไม่รู้ไม่ชี้

   “เกมแรกของเราคือเจ้าถังแป้งพวกนี้แหละครับ โดยมีกติกาอยู่ว่า ให้น้องๆ ส่งถังแป้งให้กันจนกว่าเพลงจะจบ คนไหนโดน พี่มีฉลากให้จับ และต้องทำตามนั้น ใครไม่ทำตาม ไอแมน เอ๊ย น้องน้ำฟ้าจะช่วยอนุเคราะห์ให้” รีบแก้คำแทบไม่ทัน หวิดจะโดนรองเท้าแตะตราช้างดาวขว้างหัวแล้ว

   “พร้อมนะครับ เอ้า เริ่ม!” เสียงกลองดังขึ้น ส่วนผมเป็นคนร้องเพลงแดนซ์กระจายอยู่กลางวง มีเพื่อนๆ บางคนเข้ามาแจมด้วยความมัน

   “หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว มีผมคนเดียว รูปหล่อจริง ๆ นะเนี่ย
   เมื่อวาน แว้นไปปากเกร็ด เมื่อวาน แว้นไปปากเกร็ด
   สาว ๆ สังเกต ถามณเดชน์ ใช่ไหมเนี่ย!”
   (แว้นฟ้อ หล่อเฟี้ยว – วง 3.50)

   “กรี๊ดดดดดด/โห่วววววว”

   เสียงตอบรับดังจนพวกทำฐานต้องหันมามอง ผมกำลังเต้นท่าแบบต้นฉบับเป๊ะๆ ปล่อยความรั่วไม่มีกั๊ก พอเพลงหยุด น้องที่ซวยได้ถัง ลุกออกมากลางวง ล้วงถุงดำที่ผมถือ จับฉลากกันไป น้องผู้หญิงคนแรกโดนสั่งให้ป้ายหน้าตัวเองยังคุยกันได้

   คนที่สองถูกสั่งให้ไปไหว้ต้นไม้ขอหวย ท่าทางเด็กเรียนใส่แว่นหนาเป็นนิ้ว หลายคนเดาว่ามันคงจะไม่กล้า ที่ไหนได้... เหลือเชื่อ! น้องคว้าถังเดินตรงไปหาต้นไม้แถวนั้น จัดการป้ายแป้งถูอย่างมัน พร้อมยกมือไหว้ท่วมหัว

   “เฟี้ยง งวดหน้าขอสามตัวตรง หรือจะรางวัลที่หนึ่ง แจ็คพอตได้ยิ่งดี ถ้าผมถูกหวย ผมจะเอาโคโยตี้มาเต้นสามวันสามคืน แถมระบำเปลื้องผ้าชายอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน สาธุ”

   อันหลังหนิ ไอแมนกรี๊ดอัด แทบอยากวิ่งไปเล่นของให้น้องถูกหวย เพื่อนๆ แต่ละคน คว้าโทรศัพท์ถ่ายกันรัวๆ ไอ้น้องคนนี้มีแววจะสืบทอดเจตนารมณ์ต่อจากผมและไอ้ดาลี่ ก่อนน้องจะกลับที่ ผมเลยคว้าตัวไว้

   “น้องเดี๋ยว อย่าเพิ่งไป พี่เห็นแววรุ่งจากน้องแล้ว น้องชื่อไรครับ” ผมกอดคอ จ่อโทรโข่งให้ ขอจองตัวไว้เลยคนนี้

   “ชื่อหนึ่งเดียวครับ เพราะผมคือ หนึ่งเดียวในใจคุณ” น้องหนึ่งทำท่าซารังเฮใส่ ผมหัวเราะท้องแข็ง

   “แจ่มมากน้อง จบงานหลังไมค์ พี่มีอะไรให้” หนึ่งยกมือไหว้ผมงามๆ

   คนที่สามโคตรโชคดีจนเพื่อนโห่แซว ให้ปะแป้งเพศตรงข้ามให้ครบห้าคน มันจัดเลย ลุกขึ้นมาปะแป้งสาว เน้นแต่หน้าตาน่ารัก ลามมายันรุ่นพี่ ผลเลยโดนเพื่อนรุมตบหัวแทบทิ่มดิน คนที่สี่โคตรน่าสงสาร น้องดันจับเจอระเบิดร้ายแรงที่สุดในถุง ให้คุกเข่าขอไอแมนแต่งงาน!

   เห็นน้องลีลาไม่อยากทำ ผมก็จัดสิครับ

   “สปิริต! สปิริต! สปิริต!”

   “ไม้โว้ย สู้ๆ อย่ายอมน้อยหน้าไอหนึ่งมัน”

   น้องไม้เงยหน้าเหมือนด่าชะตาฟ้า พอถูกกระตุ้นจากรุ่นพี่กับเพื่อนมากๆ เข้า เลยกัดฟันจำใจลุกจากที่ไปหาแมนถึก กำลังยืนพ้อยท่าอย่างกับนางแบบ ยื่อมือประดุจหนังควายรอน้องจับ

   “แต่งงานกับผมนะครับ” พูดรัวเร็วยิ่งกว่าปืน M16 แตะปากไวๆ แล้วลุกหนี แต่ไม่รอดเจ้าแม่อย่างไอแมนไปได้ ถูกมันคว้ามากอด ทำท่าจะหอม จนผมต้องไปแยกเพราะกลัวน้องมันช็อคตายน้ำลายฟูมปากคาค่าย

   “น้องน้ำฟ้า เก็บอาการหน่อย เดี๋ยวขายไม่ออกนะคุณลูกขา”

   “อ๊ายยย คุณแม่ขา อย่าขัดลาภลูกสิคะ ไม่มีผู้ชายตกถึงท้องมาหลายวันแล้ว” มันเลียปากอีกรอบ บอกเลยโคตรสยอง กว่ามันจะปล่อยน้องได้ คืนนี้ไม้คงฝันร้ายแหงๆ

   “ทุกคนทำลืมๆ ภาพเมื่อกี้ไปนะครับ เรามาเริ่มเกมรอบสุดท้ายก่อนเข้าฐานกันดีกว่า”

   น้องพากันเฮรับ ผมเริ่มร้องเพลงต่อ คราวนี้ถังเจ้ากรรมดันไปหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อหมาป่าของผม เจ้าตัวเลิกคิ้วมอง หยิบถุงเดินดุ่มๆ เข้ามาใกล้ จนผมต้องเป็นฝ่ายขยับถอยเอง เก็บอาการหน่อยพี่น้อง ท่ามกลางสายตาประชาชี สงสารหัวใจคนอื่นบ้าง

   กลล้วงเข้าไปในถุงดำ ควานสักพัก หยิบกระดาษออกมา ผมเป็นคนเปิดอ่านให้

   “ให้ปะแป้งคนที่....เอ่อ....” ผมตาโตอ้ำอึ้ง กลเหมือนไม่ได้ดั่งใจ ความไปอ่านแทน ด้วยความที่ทุกคนกำลังลุ้น ว่าหัวโจกประจำรุ่นจะได้อะไร เลยพากันเงียบกริบ ถึงกลจะพูดน้ำเสียงธรรมดาก็ได้ยินโดยทั่วกัน

   “ให้ปะแป้งคนที่ชอบ...หืม ง่ายๆ”

   ชายร่างสูง มุ่งตรงหน้าไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง ทำท่าเหมือนจะละลาย หมาป่า ‘ของผม’ หล่อน้อยซะที่ไหน ว่ากันตามจริง หล่อที่สุดในรุ่นเลยด้วยซ้ำ เอ้า นี่ผมไม่ได้ลำเอียงนะเนี่ย

   “แลกถังหน่อย”

   ประโยคสั้นง่ายได้ใจความ พร้อมการกระทำชัดเจน สุดจะดับความฝันของสาวน้อย กลเปลี่ยนจากถังแป้งสีเขียว เป็นสีแดง เดินกลับมาหาผมที่เตรียมใจรับชะตากรรม

   ใบหน้าหล่อร้าย สลัดมาดนิ่ง ยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ จุ่มนิ้วในถัง ป้ายตรงหน้าผากผมอย่างดี  ถึงไม่เห็นว่าเป็นรูปอะไร สัมผัสมันชัดเจนสุดๆ รูปหัวใจแน่ๆ เจ้าตัวยังก้มลงมาพูดใส่โทรโข่งในมือผม

   “คนที่ชอบไม่มี มีแต่คนที่รัก อยากได้เป็นแฟน สนใจเป็นแฟนผมมั้ยครับพี่วัต”

   ความร้อนพุ่งปรี๊ดขึ้นหน้า เกิดเสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม เป่าปากกันสนุกสนาน เสียงเชียร์บอกให้ตอบรับ ไม่หนักเท่าโดนย้อนด้วยคำนี้เล้ย!
   
    “สปิริต! สปิริต! สปิริต!”

   ฮว๊ากกกกก เด็กสมัยนี้ร้ายกาจ ผมฮึดเชิดหน้าโต้กลับ

   “ฐานะแฟนคงไม่ต้อง คืนนี้เข้าห้องเดี๋ยวรู้เอง” ผมยักคิ้วแถม กลยิ้มรับ ดวงตาพราวระยับจนหมดหวั่นๆ เฮ้ คงไม่เอาจริงหรอกนะ นอกเกมไม่เหมือนในเกมซะด้วย อุแม่เจ้า กลับคำตอนนี้ทันไหม

   “กลับคำตอนนี้ไม่ทันแล้วนะ ผมเป็นรุ่นน้องฟังคำสั่งรุ่นพี่ คืนนี้เจอกันครับ”

   ไม่ติดว่าตัวเองต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้ ผมคงกรี๊ดแข่งไอแมนแล้ว หมาแม่งอ่านใจได้ นอกเกมมีสกิลนี้ด้วยเรอะ แล้วนั่นอะไร ทุกคนหยิบมือถือขึ้นมาทำไม ที่สำคัญ ที่เอ็งพูด มันออกโทรโข่งหมดเลยเว้ย

   “พอๆ มดขึ้นค่าย น้องๆ ทุกคนตั้งแถวตามกลุ่มที่แบ่งไว้ครับ หลังเข้าฐานครบทั้งหมดแล้ว เราจะกินข้าวเที่ยงกันในอาคาร ช่วงบ่ายปล่อยตามสบาย คืนนี้มีนั่งรอบกองไฟ ใส่ขายาวทายากันยุงมาให้เรียบร้อย”

   ไวไวโผล่มาแย่งบท ก่อนจะกลายเป็นค่ายรักของผมกับกลแทน ตารางกิจกรรมต่อจากนี้เป็นแบบที่ไวไวบอก ผมโบกมือไล่ให้กลกลับเข้ากลุ่มเพื่อน เจอพวกเดียวกันกับรุ่นน้องมองแซวๆ ผมเลยเหวี่ยงโทรโข่งไล่แก้เขินแม่ง

   ตอนนี้พวกปีสามที่ทำกิจกรรมตรงลานกว้าง ประจำอยู่ที่ฐานของตัวเอง ใต้ต้นไม้ร่มรื่น ด้านหน้าเป็นเขื่อนเย็นสบาย ฐานผมไม่มีอะไรมากครับ เพราะเวลาเตรียมตัวน้อย ถ้าพวกเพื่อนมันไม่แวะซื้อก่อนเข้ามาคงไม่มี

   เกมนี้เล่นไม่ยาก มีเชือกฟางกับลูกโป่งอย่างละอัน ให้เอาลูกโป่งร้อยกับเชือกฟางมามัดไว้ตรงเอว จับลูกโป่งให้อยู่ตรงก้น แล้วให้อีกคนกระแทกจนแตก เห็นมั้ยครับง่ายๆ แต่เร้าใจโคตร แต่ละกลุ่มที่มาฐานผม จะชายหญิง โดนหมดทุกคน แบ่งทีมสามแถว ใครลูกโป่งแตกหมดก่อนชนะ พวกแพ้ต้องออกมาเต้นด้านหน้าให้เพื่อนดู

   ที่ผ่านมาราบรื่นทุกกลุ่ม จนกระทั่งถึงกลุ่มตัวหลัก ในทีมนี้มีหนึ่ง ไม้ และกลที่ดูสามคนนี้จะเป็นเพื่อนกัน

   “ขอตัวอย่างได้มั้ยครับพี่” น้องหนึ่งมันเริ่มแล้ว ยกมือขอรีเควสรุ่นพี่แบบไม่กลัวเกรงสิ่งใด ระดับพวกผม จะน้อยหน้าไม่ได้

   “จัดไปน้อง ขอตัวแทนจากน้องหนึ่งคน มาเล่นสาธิตกับรุ่นพี่หน่อย” ผมเงียบหลบมุมอยู่หลังต้นไม้ เพื่อนไวไวมันขายผม ลากแขนผมออกมายืนต่อหน้าน้อง! พอเห็นว่าใครเป็นตัวแทนรุ่นพี่ เจ้าโฮ่งบางตัวลุกพรึบขึ้นมาทันที พวกเพื่อนโห่ฮิ้วกันสนุก วันนี้พวกเอ็งใช้เสียงไปเยอะ ไม่คิดเก็บไว้เผื่อตอนกลางคืนเลยรึไง

   “วิธีการเล่นคือ เอาเชือกฟางร้อยลูกโป่ง มัดไว้ตรงเอว จับลูกโป่งให้อยู่แบบนี้ น้องกลมาครับมายืนด้านหลัง นั้นแหละ กระแทกเลยน้อง!”

   ผมเหงื่อแตกผลั่กๆ ดันอกคนที่มายืนซ้อนด้านหลัง

   “เดี๋ยว ใจเย็น ขอเบาๆ นะ”

   “ฮืมมม จะพยายาม”

   “มือไม่ต้องมาจับตรงสะโพกก็ได้”

   “อย่าขยับหนีสิ”

   “มันเสี่ยวหนิ ใกล้แตกยัง”

   “เพิ่งเริ่มเอง จะแตกไวขนาดนั้นได้ยังไง”

   “เร็วๆ หน่อย จะค้างนานทำไม”

   “วัตบอกให้ช้าๆ เองนะ”

   “พอโว้ย! ฐานจะกลายเป็นที่ถ่ายหนังอิโรติกอยู่แล้ว จะกระแทกก็รีบๆ ทำ เสียเวลาเล่นฐาน”

   ไวไวโวยวาย กลเลยต้องขยับเบาๆ แอบใช้เล็บจิกนิดหน่อยลูกโป่งก็แตก ยังจะก้มลงมากระซิบข้างคู่ให้ได้ยินกันสองคน ไม่ได้สนใจบรรดาผู้หญิงที่มองกันหน้าแดงก่ำ พวกผู้ชายกลืนน้ำลายอึกจนจะอิ่มแทนข้าว

   “ของจริง ไว้ทำสองต่อสอง”

   “อย่ามโน วางถุงกาวลงเจ้าหมาป่า” ได้ยินเสียงกลหัวเราะในลำคอ ผมยกมือลูบหน้าพรืด ค่ายครั้งนี้ไม่ปลอดภัยกับหลังของผมจริงๆ ด้วย

   บรรยากาศชมพูอมม่วงเมื่อสักครู่ ถูกเปลี่ยนเป็นความเฮฮาอย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ผมย้ายตัวเองไปหลบหลังต้นไม้ตามเดิม หน้าหนาขนาดไหน เจอดาเมจรัวๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน รอจนกลุ่มของกลไป ผมถึงค่อยโผล่หัวออกมาเล่นกับน้องอีกรอบ

   จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ถูกแซวลูกเดียวน่ะสิ! ไม่ว่าจะรุ่นน้อง หรือรุ่นเดียวกัน ถึงเวลากินข้าวเที่ยง แยกย้ายพักก็ยังไม่เลิก เจ้าหมายังทำตัวตามติดผม อย่างกับว่าเป็นคนรักที่พลัดพรากจากกันมาแรมปี ทั้งที่เพิ่งเจอกันในเกมไปเมื่อคืนก่อน

   ผมกับกลมาเดินเล่นสบายๆ กันแถวริมเขื่อน เห็นคนอื่นบ้างประปราย มีหลายคนเข้ามาหาผมเหมือนกัน แม้จะแอบเกร็งๆ กับเจ้าหมาป่าตีหน้านิ่งข้างตัว รุ่นน้องผู้หญิงใจกล้า สะกิดเรียกผม

   “พี่วัต เสียงเรียกรวมตัวก่อนขึ้นรถ เอ่อ...พี่เป็นคนพากย์เสียงให้เกม Charm Online ใช่มั้ยคะ”

   ดูน้องแต่ละคนจะตื่นเต้นมาก เจ้าดาลี่กับเพื่อนรุ่นเดียวกับผมที่ได้ยิน ทำท่าเหมือนไม่สน แต่หูผึ่งรอฟังเต็มที่ อันที่จริงก็ไม่ใช่ความลับอะไร ไม่งั้นผมจะเอาเสียงนี้มาดึงความสนใจรุ่นน้องทำไม ผมเลยพยักหน้ารับไป

   “เฮ้ยจริงดิพี่ ตอนแรกไหนบอกว่าไม่เล่นเบื่อเกมไง พี่เวลอะไรแล้วเนี่ย อยู่เมืองไหน” ดาลี่กอดคอผู้สืบทอดคนใหม่ เข้ามาร่วมวง ไม้เลยจำใจต้องเดินตามเพื่อนเข้ามาด้วย แต่อยู่ห่างไอแมนเป็นโยช คงฝังใจน่าดู ฮ่าๆๆ

   “เลเวลไม่บอก ตอนนี้อยู่เมืองหลวง ไวไวมันก็เล่นด้วยนะไปด้วยกัน”

   “งกอะพี่ จริงสิ กลบอกตัวเองก็เล่น ปาร์ตี้อยู่กับเพื่อน ใช่พี่วัตกับพี่ไวไวรึเปล่า”

   หนึ่งถามอย่างสนใจ ผมหันไปมองหน้ากล เจ้าตัวไม่มีทีท่าอะไร ผมโมเมเอาว่าบอกได้แล้วกัน

   “ใช่ อยู่ปาร์ตี้เดียวกัน จบค่ายคงเข้าไปแข่งกิลด์พอดี ไปรอลุ้นเจอกันในสนามนะน้องๆ ทั้งหลาย”

   ไปๆ มาๆ จากวงแค่ไม่กี่คน กลายเป็นวงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็นมีทติ้งเกมขนาดย่อม พากันพูดแต่เรื่องเกมอย่างเดียว คนที่ไม่เคยเล่นก็ถามด้วยความสนใจ ส่วนพวกที่เล่นอยู่แล้ว จะถามเรื่องไอเท็ม คำสาป พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ เทคนิคการตีบอสในดันเจี้ยน ยาวไปจนถึงคำบ่นเรื่องโดนคำสาปซ้ำซ้อนจนกลายเป็นตัวอะไรแล้วก็ไม่รู้

   งานนี้กลนิ่งเงียบ ผมเข้าใจว่าเขาไม่ชอบพูดมากเท่าไหร่ เลยไม่ดึงเจ้าตัวเข้าบทสนทนา ไม่งั้น ถ้าพวกนี้รู้ว่าหมาป่าของผมเป็นคู่มือเกมขนาดย่อม ได้ถามจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ ของอย่างงี้ ผมขออุบไว้คนเดียวดีกว่า หึหึ

   สรุป ช่วงพักว่าง กลายเป็นการนั่งคุยกันเรื่องเกมยกค่าย น้องขวัญใจเป็นคนเตือนให้พวกเราแยกย้ายกันไปอาบน้ำมาทานข้าวเย็นรอบกองไฟกันตอนค่ำ
   
   แต่ละอาคารแยกชายหญิง จะมีห้องอาบน้ำรวมอยู่ในตัว พวกปีสามไปแจมๆ เอากับพวกรุ่นน้อง ผมโดนกลลากไปอยู่อาคารเดียวกัน ส่วนไวไว ไม่รู้มันหายหัวไปไหน เห็นตะกี้เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ได้ยินแว่วๆ ว่า พูดถึงชื่อลินด้วย สงสัยผมจะหูฝาดไปเอง

   ตอนอาบน้ำ พ่อหมาป่าให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนจนกว่าคนอื่นจะอาบน้ำเสร็จ ตอนแรกผมไม่คิดอะไร คงตามประสาพวกโลกส่วนตัวสูง เลยนั่งรื้อกระเป๋ากลเล่น ของในกระเป๋าทุกอย่างถูกจัดเรียบร้อยมาก เสื้อผ้ากางเกงส่วนใหญ่เป็นโทนเรียบสีทึบ ที่โกนหนวด โคโลญจ์มีแต่แบบผู้ใหญ่

   “ว่างแล้ว ไปอาบน้ำกัน” กลวางหนังสือ หยิบอุปกรณ์อาบน้ำ ผมหยิบบ้าง ของผมมีแค่ขัน สบู่ ผ้าขนหนู กับเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนเท่านั้นแหละ

   ในห้องน้ำโล่งสุดๆ ไม่มีใครเลยสักคน ดีที่ยังเปิดไฟสว่างโร่ ไม่งั้นมีสยองกันบ้างล่ะ กับห้องน้ำแบบอ่างยาวอ่างเดียว มีขันใครไม่รู้ลอยตุบป่อง ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำที่ไร้คน

   ผมจัดการถอดเสื้อผ้าพาดไว้ตรงราวด้านบนที่เขาเตรียมไว้ให้ ใส่กางเกงในตัวเดียวตักน้ำราดตัว เย็นเจี๊ยบอย่าบอกใคร

   “กล ฉันว่าเรารีบอาบกันดีกว่า น้ำเย็นเป็นบ้า”

   “อย่าเพิ่ง ถูสบู่ยังไม่ทั่วเลย” เจ้าตัวพูดพลางถูสบู่จนเกิดฟองแล้วช่วยถูหลังให้ผม ไอผมก็ชินปล่อยให้ถูไป ปกติอยู่ในเกมเวลาอาบน้ำ มักไปอาบด้วยกันเป็นปกติ เพราะตั้งแต่ลินโดนคำสาปเป็นผู้ชาย เจ้าตัวลากไวไวไปอาบด้วยทุกที แบบ มันต้องแบ่งคนไว้เฝ้าของน่ะครับ เลยต้องแบ่งกันไป

   ถูไปถูมา ชักเริ่มยังไง มือหนาไม่ได้ถูแค่หลัง ชักลามมาที่เอว อก สะโพก แผ่นหลังรู้สึกชัดเจนถึงกล้ามเป็นสัดส่วนของคนที่ยืนแนบชิด

   “หอม ยังไงตัวจริงก็ดีกว่าในเกม” เจ้าหมายื่นหน้ามาคลอเคลียข้างแก้ม ผมสะดุ้งโหยง สัมผัสร้อนจากฝ่ามือหนา เนียนถูแถวโคนขาด้านใน พอผมจะโวยวาย กลับถูกจูบปิดเสียง ลิ้นชื้นสอดเข้ามาเหมือนตอนอยู่ในเกม แต่ความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เหมือนความร้อนในตัวมันพุ่งสูงขึ้น จนเผลอตอบกลับอย่างลืมตัว

   ร่างสูงผละริมฝีปากออก ก่อนจะจูบซ้ำจนคนโดนขโมยจูบแทบหายใจไม่ทัน เลยต้องหันหน้าหนีหอบหายใจ

   “อย่า เดี๋ยวใครมาเห็น”

   “ฉันล็อกประตูไว้แล้ว วัต เป็นแฟนกันนะ” เขากระซิบเสียงทุ้มพร่าพลางงับหูเบาๆ ผมสะท้านขนลุกซู่ เอ่ยประท้วงแบบไม่จริงจังนัก

   “นายมาขอในสถานการณ์แบบนี้ได้ไง”

   “อืมม แบบนี้ดีที่สุดแล้ว นะ วัต...เป็นแฟนกับกลเถอะ” เสียงออดอ้อน ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้ผมใจอ่อนทุกที ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าความจริง ผมเองก็รู้สึกดีๆ กับกลอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีทางยอมปล่อยให้ทำอะไรแบบนั้นในเกม แม้ว่าความจริงจะเพิ่งเคยเจอหน้า แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเรารู้จักกันมาแล้วเป็นเดือน

   “ขอคิดดูก่อน อะ จับอะไรน่ะ!”

   กลไม่ตอบ แต่หัวเราะแบบที่ชอบทำเวลาคิดแผนชั่วร้าย มือยืนขาสั่น ถูกรวบข้อมือทั้งสองข้างด้วยมือเดียว มือหนาล้วงเข้ามาในกางเกง สัมผัสส่วนอ่อนไหวจนผมระทวย ยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งรู้สึกไว โดนรั้งรูดเคล้าคลึงซะจนเกือบจะถึงสุดหมาย แต่คนใจร้ายดันหยุดมือกำไว้เฉยๆ

   “เป็น-แฟน-กัน” คำขอพร้อมริมฝีปากงับลงบนลำคอ เชื่อเลยว่าถ้าผมไม่ตอบตกลง ได้ค้างคากันอยู่แบบนี้แน่ ผมโอดครวญใจใน

   “ยะ...ยอมแล้ว อะ อือ อืออ...” จู่ๆ ก็เร่งจังหวะ จากอารมณ์ที่เริ่มลงๆ ไต่ระดับสูงเฉียดเพดาน ผมถูกช้อนตัวนั่งตรงอ่าง เขาสอดตัวมาอยู่ตรงหว่างขา รั้งขาผมให้หนีบเอวไว้ ผมจับบ่ากว้างเพื่อพยุงตัวไม่ให้หงายลงไปในน้ำ บางทีเผลอจิกเล็บเพราะความรู้สึกวูบวาบตรงท้องน้อย

   เขารวบทั้งของผมและของตัวเองเสียดสีกัน ปากคอยก้มลงมาซุกไซร้แถวอกกับลำคอ

   “วัต พร้อมกันนะ”

   เสียงร้องรับคำในคอไม่รู้ว่าเป็นคำพูดหรือเสียงครางกันแน่ กระทั่งถึงที่หมาย ของเหลวอุ่นร้อนไหลรดจนเลอะหน้าท้อง กลอุ้มผมที่เข่าอ่อนลงจากอ่างมาพยุงอาบน้ำให้ใหม่อีกรอบ เหมือนได้ยินเสียงเขาถอนหายใจหนักๆ คล้ายกับยังไม่สุดดี

   “อย่ามองด้วยสายตาเย้ายวนวัต ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันอยากให้วัตพร้อมก่อน” เขาพูดพลางจูบที่ขมับหนักๆ แล้วปล่อยตัวผมให้ไปเช็ดตัวใส่เสื้อผ้า ส่วนตัวเองรีบอาบน้ำใส่เสื้อตามมา ผมเห็นขนาดแวบๆ แอบกลืนน้ำลายเอื้อก นึกขอบคุณที่ยังไม่คิดเผด็จศึกตอนนี้

   กลจับมือผมเดินออกจากห้องน้ำ ความรู้สึกตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าแปลกๆ อธิบายไม่ถูก มันก่ำกึ่งระหว่างพึงพอใจกับยังไงก็ไม่รู้ ผมยอมรับว่าตัวเองเขินจนไม่กล้าเงยหน้ามองกล ถึงเราจะเคยจูบ กอด อาบน้ำด้วยกัน เห็นตัวเปลือยกันมาแล้ว แต่ยังไม่เคยทำถึงขั้นนี้ แถมยังเป็นแบบของจริง ไม่ใช่โลกจำลองแบบในเกม

   มืออุ่นกระชับมือผมอย่างเข้าใจ เจ้าตัวหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋า ผมขมวดคิ้วตาโต ลืมความเขินไปชั่วคราว

   “อย่าบอกนะว่านายจะออกไปสูบบุหรี่” ผมอึ้งจริงๆ นะ ไม่คิดว่ากลจะสูบบุหรี่ด้วย ส่วนตัวผมไม่ได้อคติกับคนที่สูบบุหรี่ แค่แปลกใจเท่านั้นเอง

   “อ่า สงบสตอารมณ์น่ะ ปกติไม่สูบ จะสูบเฉพาะตอนทำงานกับตอนเครียดๆ วัตไปรวมกลุ่มก่อน เดี๋ยวฉันตามไปที่หลัง”

   ถือว่านี้เป็นประโยคที่ยาวที่สุดในวันนี้ของกล เจ้าตัวยังดูเหมือนจะรีบๆ หันมายิ้มให้ผม ขโมยหอมแก้มฟอดนึง ถึงเดินหายออกจากอาคาร หลบมุมไปสูบบุหรี่อยู่ตรงไหนไม่รู้ ผมไม่คิดตาม เจ้าตัวบอกจะไปสงบสติอารมณ์จากผม ขืนผมไปอาจมีเอ้าดอร์เกิดขึ้นก็เป็นได้

   ผมไปหาพวกเพื่อนที่โหวกเหวกกันอยู่รอบกองไฟ พอไวไวเห็นผม กวักมือเรียกให้ไปนั่งที่ๆถูกเว้นไว้อยู่สองที่ มันช่างรู้ใจจริงๆ

   “อ้าว ไหงโผล่มาคนเดียว ไปไหนแล้วล่ะเจ้านั้น”

   “สูบบุหรี่” อย่าว่าแต่ผมเลย ขนาดไวไวได้ยินยังเลิกคิ้วแปลกใจ แค่แปบเดียวเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็สูบเหมือนกัน เฉพาะตอนเครียดเรื่องงาน ปกติเลยไม่เห็น

   ผมนั่งเล่นตลบมือร่วมขำกับน้องๆ ที่โชว์ฮา ผ่านไปสักพัก รู้สึกมีคนมานั่งข้างๆ ได้กลิ่นบุหรี่ปนมาด้วย หัวใจเต้นตึกตัก ความรู้สึกเหมือนแบดบอยนี่มันอะไร

   “รอนานมั้ยพี่วัต ยังไม่กินข้าวเหรอ วันหลังไม่ต้องรอก็ได้ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ”

   กลเอี้ยวตัวไปด้านหลังผม รับข้าวจากไวไวมาให้ผมก่อน ค่อยเอาของตัวเอง ผมไม่ตอบ จวกข้าวหนีอาการใจเต้นอยู่ พอติดคอ ก็ได้คนข้างๆ หยิบน้ำมาส่งให้ ข้าวติดปาก เจ้าตัวก็หยิบไปใส่ปากตัวเอง ระดับการดูแลเอาใจใส่ เปิดเผยชัดเจนยิ่งกว่าก่อนเป็นแฟนหนึ่งร้อยยี่สิบเปอร์

   คืนนี้กลดันเลือกเสื้อคอกว้างมา เลยเห็นรอยเล็บจิกบนผิวเข้มตรงบางจางๆ ส่วนทางผมไม่มีปัญหา กลไม่ทำรอยไว้เลย นับได้ว่ารอบคอบสุดๆ เข้าค่ายแบบนี้ แล้วยังเป็นผู้ชาย มีโอกาสโดนเห็นสูงลิบลิ่ว ไวไวเหมือนรอจังหวะ พอหมาป่าเดินไปหาเพื่อน เพราะถูกเรียก เจ้าตัวคว้าคอผมเข้าไปกระซิบทันที

   “เฮ้ย เป็นแฟนกันแล้วเหรอ”

   “ไม่รู้เว้ย ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

   “อย่ามาๆ ขอบอกว่าไม่เนียน ไปทำอะไรกันมา ฉันเห็นรอยที่บ่ากลนะเพื่อนวัต ไหนดูซิ วันหลังหัดตัดเล็บซะด้วย อย่ามัวแต่เล่นเกมจนขี้เกียจ หรือกลมันชอบแบบซาดิส อ็อก อย่าล็อคคอ ไม่พูดแล้วๆ”

   “ลองพูดอีกคำสิ เข้าเกมรอบหน้า เตรียมเจอกันลินได้เลยเพื่อน เออ! คบกันแล้ว มีปัญหาอะไรรึไง”

   เหมือนจะพูดเล่น ผมแอบหวั่นใจนิดๆ นะ ไวไวมันจะคิดมากเรื่องผู้ชายคบกันรึเปล่า ก่อนหน้านี้เห็นมันปกติ แถมยังยุยงเพราะมันคงเห็นแค่ว่าเล่นกัน ยังไงมันก็เป็นเพื่อนรักผม ผมไม่มีทางเลือกระหว่างฝั่งไหนฝั่งหนึ่งได้แน่ มันถอนหายใจ เลิกลูบคอตัวเองแล้วตบบ่าผมเบาๆ

   “ทำหน้าเครียดเชียวมึง อย่าห่วงเลย ฉันมันคนหัวสมัยใหม่ ไม่อคติกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว สบายใจได้เลยเพื่อน ไม่ว่านายจะเป็นตัวอะไร หรือเป็นเห็บเหา เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ขอแค่อย่ามาโดดกัดกันเป็นพอ”

   เกือบซึ้งระ อีกนิด ผมส่ายหัวไม่รู้จะขอบคุณ หรือเตะมันโทษฐานแอบหลอกด่าผมตอนท้ายดี เลยเปลี่ยนเป็นหัวเราะ แหย่มันเรื่องของลินแทน ดูท่าจะเป็นจุดอ่อนของมันไปแล้ว จังหวะเดียวกับที่กลกลับมาพอดี จนผมแอบคิดไปว่า บางทีกลคงจะเปิดโอกาสให้ผมกับไวไวคุยกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะหลังจากนี้ คงไม่ได้มีแค่บรรยากาศชมพูอมม่วง แต่มันม่วงอร่ามเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 26-05-2015 00:41:04
อยากคอมเม้นท์ มาปาดหรือเปล่าเนี่ย
เขาเจอกันนอกเกมแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
รับน้องครั้งนี้มันส์แน่นอน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-05-2015 07:58:27
พี่เป็นเจ้าหน้าที่ค่ะ ต้องการพื้นที่ส่วนตัวบอกนะคะ เดี๋ยวกางเต้นท์รอ  :beat: /โดนตบ
แหม หมานิสัยไม่ได้แบบนี้ต้องโดนปราบนะคะ :laugh:
เป็นครูฝึกที่ดีนะเนี่ยวัต
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 26-05-2015 09:20:24
 :z3: :z3: อยากเลี้ยงพ่อหมาป่า กับ พ่อค้างแคว คู่นี้จัง  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 26-05-2015 09:50:04
วัตอายุมากกว่าหรือนี่   :katai3:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 26-05-2015 11:55:21
ตอนแรกว่าชอบเรื่องนี้แล้วนะ แต่พอรู้ว่าวัตแก่กว่ากลแล้ว ยิ่งชอบบบบบ :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Marchyn ที่ 26-05-2015 18:47:07
 :-[ อ๊ากกกก น่ารักกกก <3
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 26-05-2015 20:04:30
เห็นชื่อตอนแรกที่เปลี่ยน ตกใจหมด
นึกว่าทำไมคุ้น มาถึงตอนที่18 ทำไมไม่เคยเห็น
เข้ามาอ่าน อ่าวเห้ย นี่มันโนเนมนี่หว่า
สนุกอ่ะ แบบว่ากลน่ารักมากๆๆๆ
ว่าแต่เมื่อไหร่จะได้สยองหลังงงง กันแบบจริงๆ ซะทีล่าาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-05-2015 20:05:27
 :katai2-1:   
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 26-05-2015 20:10:00
 :-[

 :impress3:

รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 26-05-2015 20:31:50
สนุกและน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 26-05-2015 21:13:58
อิอิเขาเจอกันนอกเกมแล้ว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 27-05-2015 15:05:51
ฟินเวอร์
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-05-2015 22:31:47
ฮิ้ววววว เจอกันแร้ว
แต่มาโดนวัตว๊ากซะก่อน เพราะกลของเรากันเป็นพวกรุ่นน้องปีนเกลียว 555555555555
แต่ตอนง้อกันที่มุ้งมิ้ง ฟินเวอร์~~~~~!!!!♡
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 28-05-2015 01:43:33
ตอนโดนว๊ากตกใจไหมคะ? 555555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 28-05-2015 04:46:05
เห็นชื่อเรื่องคุ้นๆเลยเข้ามากลัวเรื่องนี้จะโดนก๊อบล้าววว ที่ไหนได้เปลื่ยนชื่อเรื่องนี่เอง ใจหายแว้บบ

#ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลออ #เป็นห่วงนะเนี่ยย  :katai4: :katai4: :katai4:

มาต่ออีกไวๆเน้อออ รอกลหยอดวัตอย่างเต็มสตรีมในค่าย ถถถถถ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-05-2015 01:20:35
Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น
   
   รับน้องสยองหลังผ่านพ้นไป ผมยังปลอดภัยดีครบสามสิบสอง ขอขอบคุณฟ้าดินสายลมแสงแดด ขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่ยังปล่อยให้ผมรอดพ้นยันทุกวันนี้ ขอบคุณจริงๆ ครับ ยืนระทึกสามนาที...

   “วัต จะยืนถ่ายเอ็มวีอีกนานมั้ย น้องมันแยกย้ายกลับหมดแล้ว หรือมึงจะเฝ้ามอ”

   บรรยากาศสดใสรอบตัวผมสะดุดกึก เพราะไอสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าไวไว พวกเรากลับมาจากค่ายแล้ว เป็นค่ายเล็กๆแค่สองวันหนึ่งคืนที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ แบบเปิดโลกกว้างสู่วงการสีม่วงของผม

   หากจะให้เล่าย้อนกลับไป หลังจากนั่งรอบกองไฟเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ยุงจนพอใจแล้ว พวกเราแยกย้ายกลับเข้านอน ผมถูกกลลากไปนอนด้วย มันถือวิสาสะถีบส่งเพื่อนหนึ่งที่น่าสงสารให้ไปนอนที่อื่นแทน แล้วกอดผมเป็นหมอนข้างหลับสบายเต็มตื่น ทอเต็มผืนด้วยหมอนข้างยี่ห้อค้างค้าวทอง

   ตื่นเช้ามามีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวเหมือนโดนหมาอำ นอกนั้นก็ปกติสุข ขึ้นรถคันเดียวกับขามา แถมหมาหนึ่งตัวมานั่งข้างๆ จนมายืนหล่ออยู่ในมหาลัยเช่นนี้แล

   “เงียบไม่ตอบ กล เก็บซากมันไปด้วยแล้วกัน ฉันไปล่ะ ฝากบอกว่าคืนนี้ออนเกมด้วย”

   แว่วเสียงกระต่ายเห่าแล้วจากไป เอ้อ จริงสิ ขามาผมมารถพี่ชิน ขากลับไวไวมันชิ่งหนีไปก่อนแล้ว ผมหันมามองคนข้างตัว ร่างสูงยืนหล่อผิวเข้มสะพายเป้ของตัวเอง มือซ้ายถือของผม มือขวาล้วงหยิบกุญแจรถขึ้นมาโชว์ อื้อหือ ยี่ห้อแพง

   “กลับด้วยกัน เดี๋ยวไปส่ง”

   ผมพยักหน้ารับวิ่งตามแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด ได้คนขับรถส่วนตัวแล้ว จะอิดออดเป็นนางเอกไปลำบากบนขึ้นรถเมล์ทำไม มีแฟนต้องใช้ให้คุ้มครับ ขนาดพี่วินยังไม่ทันคบเป็นแฟน อยู่ฐานะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ยังชี้นิ้วสั่งใช้งานพี่ชินปานอิเย็นเลย เอ๊ะ หรือคู่นั้นเหนือคำว่าแฟนเป็นคู่ชีวิตไปแล้ว น่าคิดนะเนี่ย

   วันนี้วันหยุดที่มอไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ รถที่จอดมีเพียงไม่กี่คัน ผมมองไล่หารถที่น่าจะเป็นของกล คันนั้นก็อาจจะ แต่เจ้าตัวคงไม่ขี่สี่แดงแปร๊ดแบบนั้น คันนู้นสไตล์แม่บ้าน นึกภาพกลขับรถแบบนั้นไปจ่ายตลอดไม่ออกเลยจริงๆ เจ้าตัวดูแล้วลูกคุณหนูมีตังจะตายไป

   จะว่าไปแล้วพี่ชินเองก็พวกลูกคนมีตังเหมือนกัน คันโปรดเจ้าตัวคือเบนซ์ S-Class สีน้ำตาลแสนคลาสสิก แต่ถูกพี่วินด่า คิดว่าถนนเมืองไทยมันเรียบเหมือนถนนแข่งฟอร์มูล่าวันรึไง ไปเปลี่ยนมาใหม่ พี่ชินเลยต้องไปถอยบีเอ็มสีเงินมาใช้เป็นราชรถรับส่งพี่วินแทน ส่วนลูกชายสุดที่รัก เลยต้องเก็บไว้ใช้เฉพาะตอนไปดูงานที่ต่างประเทศ ช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก

   ทันใดนั้น ผมเห็นรถคันงามสีดำปราดเปรียวอยู่ตรงหน้า นี่มัน! สปอร์ตซีดาน ผมกลืนน้ำลายอึก มีคนแถวนั้นช่วยผมมองด้วย ว่าใครกันหนอเป็นเจ้าของรถคันงามนี้ กลเดินผ่านรถคันนั้นไป ผมถอนหายใจ อย่างว่า เพิ่งจะเข้ามหาลัยปีหนึ่งจะมีรถสุดยอดขับได้ยังไงกัน ถึงบ้านจะรวยแค่ไหนพ่อแม่คงไม่คิดถลุงเงินเล่นหรอกมั้ง

   หมาป่าหนุ่มเดินอ้อมรถไปอีกข้างคล้ายจะสำรวจ ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก คงจะชอบสินะ พี่เข้าใจน้อง พี่เองก็จ้องจนน้ำลายหกแล้วเนี่ยอยากเข้าไปลูบไล้นั่งเล่นอยู่ข้างในสักครั้ง

   กลยกกุญแจรถขึ้นมา ผมยิ้มๆ แอบมีนิสัยเด็กนะเรา ลองใช้กุญแจตัวเองกดใส่รถที่ชอบเนี่ย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ! ทำไมกดติด เจ้าตัวเดินไปเปิดประตูหลังโยนสัมภาระเข้าไปแล้วหันมามองผม ทำหน้าหมางงใส่

   “มีอะไรรึเปล่าวัต?”

   หมาตัวโตถาม ผมได้แต่เงียบแล้วเดินก้มหน้าเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างสงบ จะให้บอกได้ยังไงว่าสมองตะกี้คิดไปล้านแปดพันเก้า ถ้าพูดออกมาหนิหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ

   “ดีใจมั้ยได้นั่งสปอร์ต เห็นเมื่อกี้มองจนตาเยิ้มเชียว ชักอิจฉารถแล้วสิอยากให้นายมองฉันด้วยสายตาเร่าร้อนแบบนั้นบ้าง”

   เจ้าของรถขยับตัวมารัดเข็มขัดให้ ฉวยหอมแก้มไปฟอดหนึ่ง พลางหัวเราะในลำคอเอ่ยแซวค้างคาวใบ้ ผมหันหน้าหนีขอทำใจแปบ นิสัยพูดน้อยต่อยหนักที่ผ่านมามันหายไปไหน หลังๆ ชักจะเริ่มพูดมากขึ้นทุกที

   ระหว่างนั่งรถผมมองนู่นมองนี้ไปเรื่อย พอรถเริ่มจะไปคนละทิศกับบ้านผม ผมขมวดคิ้วหันไปมองคนอย่างตัวอย่างสงสัย

   “นายจะไปไหน ไม่ใช่ว่าจะพาฉันไปส่งที่บ้านก่อนหรือไง”

   “ตอนแรกคิดจะทำแบบนั้น แต่ตอนนี้คงไม่ได้”

   “ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น” ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ กลเปลี่ยนสีหน้าจากสบายๆ จนถึงเมื่อครู่เป็นเคร่งเครียดขึ้นมากะทันหัน พลางอธิบายให้ผมฟัง

   “มีคนตามพวกเรามาตั้งแต่ออกจากมหาลัย ฉันไม่มั่นใจว่าพวกมันตามใครระหว่างฉันกับนายคงต้องสลัดให้หลุดก่อน” มุมปากได้รูปยกยิ้มน้อยๆ อาศัยจังหวะช่วงรถเยอะ เลี้ยวหลบเข้าซอยแล้วดับเครื่องเงียบอยู่ในเงาต้นไม้ ผมเห็นมีรถคันหนึ่งไม่มีป้ายทะเบียนขับผ่านซอยที่พวกเราอยู่ไป รู้สึกใจหายวาบ ผมคิดว่าสิ่งที่กลพูดจะเป็นความจริง

   กลจับมือผมใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ ให้ผมไม่ต้องกังวล ระหว่างโทรศัพท์ไปหาใครบางคน รอสายไม่นานทางนั้นรับ เจ้าของมือถือเปิดเป็นภาพขึ้นมาคุยแสดงเป็นภาพหน้าจอของชายคนหนึ่งที่มีสีผมและสีตาเหมือนกับผม นี่มันพี่วินชัดๆ

   “อาจารย์ ผมอยู่กับน้องคุณ มีรถคันหนึ่งตามพวกเรามาไม่รู้เป้าหมายคือใคร”

   ผมหันขวับกับคำว่าอาจารย์ ก่อนหน้านี้เจอกันในเกมผมเดาว่าสองคนนี้น่าจะมีลับลมคมในอะไรบางอย่าง แต่ไม่คิดว่าถึงขนาดฝากฝังตัวเป็นลูกศิษย์อาจารย์แบบนี้

   พี่วินบนหน้าจอหันมามองผมที่ชะโงกหน้าเข้าไปดูด้วย พี่วินนวดหัวคิ้วเหมือนจะปวดหัวหนัก หันไปสั่งการอะไรบางอย่างกับคนอื่นที่กำลังทำงานภายในห้อง ก่อนจะหันมามองผมสลับกับกล

   “รายละเอียดที่เหลือไว้คุยกันอีกที วัต ช่วงนี้อยู่กับกลไปก่อนห้ามแยกกันเด็ดขาดจนกว่าจะรู้ว่าเจ้าพวกนั้นมันเล็งใครไว้ มีอะไรให้รีบโทรมา ไว้พี่จะโทรกลับไปอีกที”

   สิ้นคำพี่วินก็วางสายไปทันที กลนิ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ผมสะกิดถามคนข้างตัว พวกนั้นตามมาทำไม หรือคิดจะเรียกค่าไถ่ ผมรีบไปบอกโจรตอนนี้ทันมั้ย พี่ชายผมทำงานหามรุ่งหามค่ำ หมดเงินไปกับกาแฟ ไม่มีเงินมาไถ่ตัวน้องชายตาเทาๆ หรอก

   “พวกนั้นเป็นใคร”

   “ไม่รู้สิ” ผมชักหน้าบูด เฮ้ย ตอบสั้นแค่นี้อะนะ แล้วไอ้ท่าทางเหมือนมีลับลมคมในกันสองคนศิษย์อาจารย์นั่นอะไร

   “อย่าทำหน้าตาน่ารักสิ ไว้เล่าให้ฟังที่หลัง ตอนนี้เราต้องหนีกันก่อน”

   ผมเงยหน้ามองกระจกหลังตามกล รถคันเดิมที่ขับผ่านหน้าพวกเราไป กำลังถอยกลับมาเลี้ยวเข้ามาในซอยที่พวกเราอยู่! ความอยากรู้ถูกสลัดทิ้งออกจากหัวชั่วคราว กลใส่เกียร์ถอยหลังยาวจนเลี้ยวออกอีกทาง แล้วเหยียบคันเร่งบึ่งหนีทันที ยังดีแถวนี้ไม่ค่อยมีรถไม่งั้นมีรายการชนกันบ้าง กระทั่งกลับสู่ถนนใหญ่ คนพวกนั้นโดนรถคันอื่นทำให้ต้องทิ้งช่วงไปแต่ยังไม่พอสำหรับการสลัดให้หลุด

   ดวงตาสีเทาหันกลับมามองด้านหน้า ก่อนตาโตอ้าปากค้าง

   “กล! ไฟแดงๆๆ” ผมตะโกนบอกคนขับรถรัวๆ ยิ่งเห็นเป็นไฟแดง รถจากอีกเลนกำลังออกตัวมา เจ้าตัวยิ่งเหยียบคันเร่งขับฝ่าไฟแดงผ่านรถคันอื่นแบบเฉียดฉิว ถ้ารถไม่แรงพอคงถูกชนจนพลิกคว่ำกันบ้าง มือกุมอกหายใจถี่ด้วยความตื่นเต้นกับเหตุระทึกขวัญ

   พอหลุดจากตรงนั้น กลกลับมาขับด้วยความเร็วปกติจนถึงบ้านทั้งที่ผมสติยังไม่ทันกลับเข้าร่างดี สลัดพวกนั้นออกไปได้จริง แต่ไม่ปลอดภัยกับหัวใจผมสุดๆ นึกว่าจะตายซะแล้ว

   “ไหวมั้ย”

   ตัวอะไหว แต่สมองท่าจะไม่ไหว คนก่อเหตุยังทำหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เท้าแขนตรงขอบประตูรถที่เปิดให้ผม พอเห็นผมไม่ตอบ เจ้าตัวทำท่าจะก้มลงมาอุ้ม ผมรีบบอกห้าม

   “ยังไหวอยู่ไม่ต้องอุ้ม” เขาพยักหน้ารับ ยื่นมือมาดึงผมออกจากรถแทน ผมลูบอกตัวเอง ขวัญเอ่ยขวัญมา สงบสติอารมณ์ได้ไม่เท่าไหร่ หางตาเห็นก้อนขนวิ่งได้ พุ่งตัวออกมาจากประตูบ้าน กระโจนใส่ผมจนเกือบหงายหลัง ดีที่ได้คนข้างๆคว้าเอวไว้ก่อน ไม่งั้นคงมีรายการลงไปวิดพื้นกันบ้าง

   “ขุนพล! พ่อสั่งห้ามกระโจนใส่คนอื่นไง” เสียงดุๆ จากคนข้างตัวสร้างความแปลกใจให้ผมไม่เท่าสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเอง ผมก้มลงมองสบตาคมสวยของเจ้าก้อนขนที่เกาะแหมะอยู่ตรงอก รู้สึกหนักจนต้องอุ้มด้วยสองแขน แล้วความหนักนั้นก็หายไป เมื่อพ่อก้อนขนคว้าหลังคอลูกตัวเองไปจ้องดุๆ ใส่

   เจ้าตาสวยไม่สำนึก ร้องเหมียวเสียงหล่อ ส่ายพวงหางฟูเพราะขนหนาไปมาเบาๆ ผมมองชัดๆ ไอหยา นี้มันแมวยักษ์นี่หว่า ดูท่ายังไม่โตเต็มวัยเดียว ไม่งั้นคงตัวใหญ่กว่านี้แหง

   ผมได้ยินเสียงกลถอนหายใจเหมือนจะปลง เปลี่ยนจากหิ้วคอเป็นอุ้มด้วยแขนข้างเดียวแทน ส่วนมืออีกข้างมาจูงผมเดินเข้าบ้าน...รึเปล่า เพลงหนึ่งดังเข้ามาในหัวเลย

   นี่คือสถาน แห่งบ้านทรายทอง ที่ฉันปองมาสู่... เก่าได้อีก…

   “อุ้ย กลลูกไปฉุดลูกใครเขามานั่น” ผ่านบนเข้าสู่ตัวบ้าน มีผู้หญิงคนงามยืนยกมือปิดปากอุทานด้วยความแปลกใจกับลูกชายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยพาใครมาบ้าน กลยกมือไหว้
   
   “ผมกลับมาแล้วครับแม่”

   “สวัสดีครับหม่อมแม่ อุ....” เวรหลุดปาก อินไปหน่อย กลหันหน้าหนีไหล่สั่นกลั้นขำเต็มที่ คุณหญิงแม่ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

   “เพื่อนลูกมีอารมณ์ขันดีนะ เข้าค่ายเป็นยังไงบ้างลูก” ผมยิ้มเกาแก้มเขินๆ แม่กลดูใจดีเหมือนแม่ผมเลย ติดแต่ทางนั้นจะโหดกว่าหน่อยเวลาพวกเราสามพ่อลูกทำความผิด

   “สนุกดีครับ นี่วัตน้องคนๆ นั้นแหละครับ วัตแม่กลเอง”

   คุณแม่มองสำรวจผมอีกรอบ ก่อนจะแสดงสีหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง แววตาที่มองผมก็เปลี่ยนไป ฉายความเอ็นดูมากขึ้นอีกหลายส่วน ผมยกมือไหว้อีกรอบ คราวนี้ไม่หลุดคำแปลกๆ ออกไป

   “เรียกแม่จิก็ได้จ๊ะ”

   “ครับแม่จิ” คุณแม่ดูจะปลื้มน่าดูพอผมยิ้มให้

   “เพิ่งกลับมากันเหนื่อยๆ พอดีเลยแม่กำลังจะตั้งโต๊ะ ทานข้าวทานปลาก่อน จะทำอะไรค่อยว่ากันอีกทีนะ กลไปเรียกพ่อเขาลงมาสิลูก”

   กลรับคำก้มลงมากระซิบบอกผมว่าเดี๋ยวมา ก่อนจะปล่อยเจ้าขุนพลลงพื้น ตัวเองเดินขึ้นไปชั้นบน ผมยืนมองซ้ายขวาไม่รู้จะทำอะไรดี เลยอาสาช่วยแม่จิเข้าไปยกของในครัวมาตั้งโต๊ะ ค่อยยังชั่วหน่อย ถึงบ้านจะหรูหราใหญ่โตแค่ไหน แต่บรรยากาศยังเป็นกันเองชวนให้อบอุ่น

   แม่จิบอกผมว่ากับข้าวทุกอย่างท่านเป็นคนทำเอง มีลูกมือเป็นแม่นมของกล ปกติกลจะเป็นคนช่วยยกออกไป วันนี้มีผมมาเป็นตัวแทน แม่จิเล่าเรื่องของกลให้ผมฟังหลายอย่าง ทั้งที่ใช้เวลาเพียงระยะสั้นๆ ทำให้ผมรู้จักกลมากขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง อย่างอาหารที่เขาชอบกิน หรือของที่เขาไม่ชอบ นิสัยประจำตัวเวลาอยู่บ้าน

   ท่านบอกเล่าลื่นไหล ต่อให้ฟังทั้งวันก็ยังไม่เบื่อ... จะบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องที่แม่จิเล่าเป็นเรื่องของกลก็ไม่ผิด ผมยอมรับ! เหอะๆ

   เวลาเหมาะเจาะ พอตั้งโต๊ะเสร็จ คนที่หายขึ้นไปข้างบนลงมาพอดี พร้อมกับแมวตัวโตที่วิ่งตามลงมาด้วย ผมเห็นแล้วคิดถึงนายท่านขึ้นมา ไม่รู้ป่านี้เป็นยังไงบ้าง อยากกลับบ้านไปดูไวๆ จัง

   “เป็นอะไรไปลูก หรือว่าอึดอัด”

   คุณแม่ใจดีถามด้วยความเป็นห่วง ผมส่ายหัวแล้วยิ้มให้

   “ไม่มีอะไรครับ แค่ผมคิดถึงแมวที่บ้าน”

   กลแนะนำตัวผมกับพ่อของเขาอีกรอบ ผมยกมือไหว้สวยๆ พ่อกลยกมือไหว้รับ มองผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ พวกเรานั่งทานข้าวเย็นด้วยกัน ต้องขอบคุณตัวเองที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย จนแม่จิชมผมว่าเป็นเด็กช่างพูดช่างคุยให้ผู้ใหญ่เอ็นดู แหงล่ะ วิชามารบ้านผมเลยการพูดเนี่ย

   ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยลอดช่องหอมหวานกำลังดี ผมดื่มด่ำจนแทบอยากขอตักกลับไปกินบ้าน แม่จิรู้ทันสั่งให้แม่นมไปตักใส่ถุงมาให้ ผมขอบคุณแล้วขอบคุณอีกปลาบปลื้มแทบเข้าไปฝากฝังเป็นลูกชายอีกคน ท่าทางผมคงตลกมาก ขนาดพ่อกลที่ตอนแรกนิ่งๆ ยังหลุดยิ้ม

   “พ่อครับ แม่ครับผมจะไปค้างบ้านวัตสักระยะนะครับ”

   พ่อกลยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร แม่จิพูดขัดขึ้นมาก่อนด้วยรอยยิ้มยินดี ราวกับว่าลูกชายไร้เพื่อนจะได้เพื่อนเล่นกับเขาเสียที ผมแอบขำในใจ ถ้าเจ้าตัวเลิกนิสัยนิ่งๆ ไม่สนใคร คงมีคนเสนอตัวเป็นเพื่อนจนคบไม่หวาดไม่ไหว

   “ไปสิ ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้านหรอก คนเยอะแยะ”

   ผมยกมือไหว้ลาท่านทั้งสอง แม่จิแถมขนมมาให้ผมอีกหลายอย่าง ถ้าไอไวไวมันเห็นคงตาวาวแหงๆ ขานั้นชอบของหวานทั้งที่เป็นกระต่ายถึก สงสัยน้ำตาลมันจะแปรสภาพเป็นกล้ามเนื้อและพลังงานซะหมด

   กระเป๋าเสื้อผ้ากลไม่มีอะไรมาก ไม่ค่อยต่างจากตอนไปเข้าค่ายสักเท่าไหร่ อาจจะใหญ่กว่าสักระดับหนึ่งเพราะมีแววว่าจะได้อยู่ยาว ประเด็นคือ เจ้าก้อนขนที่กระโดดขึ้นมาบนรถด้วยนี้สิ แงะออกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออกไป ผมเลยบอกให้กลพาไปด้วย ในใจคิด หวังว่านายท่านจะไม่ฟ้อนเล็บหรอกนะ แต่คงไม่เป็นไรมั้ง ในเมื่อขุนพลตัวใหญ่กว่าตั้งเยอะ น่ากลัวก็แต่นายท่านจะถูกแมวยักษ์ฟัดจนยับมากกว่า

   พอไฟเขียว กลเลยกลับเข้าบ้านไปขนของมาอีกหอบใหญ่ ของลูกเยอะกว่าของตัวเองอีก สารพัดจนผมตาลาย ถึงขนาดจะขนทรายแมวไปด้วย ผมเลยต้องห้ามให้บอกว่าที่บ้านก็มี ก่อนขุนพลจะกลายเป็นแมวกระป๋องโดนเบียดอยู่ด้านหลัง

   ผมขำกับท่าทางของพ่อแมวกับลูกแมว ตื่นเต้นเหมือนได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อน ระหว่างรอประตูเลื่อนเปิดออกแบบอัตโนมัติผมกังวลอะไรบางอย่าง อดที่จะถามไม่ได้

   “คนพวกนั้นยังอยู่รึเปล่า” คราวนี้มาฝ่าไฟแดงอีกรอบไม่ไหวนะ สงสารหัวใจอันบอบบางของผมหน่อย

   “ไม่ต้องห่วง อาจารย์คงจะส่งคนมาช่วยดูแลพวกเราอยู่ห่างๆ แล้ว อีกอย่างแค่คนของพ่อฉันก็เหลือเฟือ พวกเราแค่ใช้ชีวิตตามปกติก็พอ”

   “ดูยิ่งใหญ่จังเลยแฮะ ตกลงนายจะบอกให้ฉันฟังได้รึยัง” แสดงว่าที่หายขึ้นไปเรียกพ่อตัวเองนานสองนาน เพราะคุยเรื่องนี้สินะ
   
   กลเงียบไม่ตอบ คงกำลังคิดว่าควรจะเล่าให้ผมฟังดีมั้ย พอโดนผมจ้องมากๆ เข้า ได้ยินเสียงถอนหายใจหนัก กลยอมเล่าให้ผมฟัง

   มีคนบางกลุ่มต้องการทำลายความเชื่อใจผู้คนกับระบบโลกเสมือนจริงที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้ พี่วินกำลังตามสืบอยู่ ส่วนเรื่องกลุ่มคนที่ตามเราไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันรึเปล่ายังไม่มีใครรู้ กลบอกว่าอาจจะได้ข้อสรุปหลังเข้าไปคุยรายละเอียดกับพี่วิน

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.18 รับน้องสยองหลัง 26/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-05-2015 01:42:33
Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น (ต่อ)

   ผมมีรางสังหรณ์บางอย่าง เรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน น่าจะมีส่วนเกี่ยวไม่มากก็น้อย ประเด็นคือ พวกมันต้องการอะไร ทำลายความเชื่อใจแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา หรือต้องการกลที่มีฝีมือเป็นเลิศไปช่วยทำงาน ส่วนผม คิดไม่ออกเลยจะเอาไปทำอะไร ผมไม่ได้เก่งกาจแบบพี่วิน แค่หนุ่มมหาลัยธรรมดาคนหนึ่ง

   เขาจับมือผมไว้ ดวงตามองไปด้านหน้าด้วยสายตาแน่วแน่มั่นคง

   “ฉันจะปกป้องนายเอง ไม่ยอมให้ใครแตะต้องนายแน่”

   เป็นประโยคธรรมดาที่ผมได้ยินจากในหนังหรือเจอในนิยายบ่อยๆ แต่พอมาเจอกับตัวเอง น้ำเสียงที่อีกฝ่ายพูด สัมผัสที่กุมมือกันไว้ มันทำให้ผมอุ่นวาบไปทั้งใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว จนมีสัมผัสจากอุ้งเท้าเล็กๆ นุ่มๆ ยื่นออกมาจากนอกตะกร้าแมวมาแจมด้วย พอหันไปมอง ขุนพลร้องเหมียวเหมือนอยากมีส่วนร่วม

   แบบนี้แล้วยิ่งทำให้ผมคิดถึงนายท่านนะเนี่ย ถึงจะบอกตอนแรกว่าผมชอบหมามากกว่า เลี้ยงนายท่านเพราะพี่วิน แต่เอาเข้าจริงผมหลงนายท่านไม่น้อยไปกว่าพี่วินเลย หรือคำที่เขาบอกแมวจะครองโลกเป็นเรื่องจริง

   “คนที่พวกนั้นต้องการอาจเป็นนายก็ได้ ปกป้องตัวเองดีกว่าหน่า” ผมส่ายหัว กลยิ้มไม่พูดอะไร

   พอถึงบ้าน มีรถพี่ชินจอดอยู่ ผมโผเข้าไปเจอนายท่านร้องเสียงแหลมคล้ายขัดใจทำไมทาสถึงหายหัวไปเป็นวัน ผมคว้านายท่านมากอดฟัดอย่างอารมณ์ดี พี่ชินเลิกคิ้วมอง ก่อนจะเดินไปคุยกับกลที่หอบข้าวของพะรุงพะรังเข้าบ้านมา

   “มาอยู่กับวัต? ก็ดี พรุ่งนี้ไปที่บริษัทด้วย”

   พี่ท่านบอกก็ดี แต่สีหน้าไม่ค่อยจะดีตามสักเท่าไหร่ คล้ายกับเพราะจำเป็นซะมากกว่า ก่อนไปยังไม่วายมาขยี้หัวผม ทักทายขุนพลแล้วจากไปแบบหล่อๆ ผมปล่อยนายท่านลงไปช่วยกลขนข้าวของลงมาจากรถแล้วมานั่งส่องดูปฏิกิริยาระหว่างสองแมว

   กลวางตะกร้าแมวของขุนพลลง นายท่านเดินป้วนเปี้ยนคล้ายสำรวจกลิ่นแปลกหน้า กลเปิดประตูตะกร้าออก ขุนพลเดินออกมายืดขาหน้าบิดขี้เกียจ ก่อนมองเจ้าบ้านตาใส่ ร้องเสียงหล่อใส่เหมือนอยากเล่นด้วย ตรงกับข้ามกับนายท่าน ขู่ขนพองฟูไปทั้งตัว แล้วยังโดดเหยงๆ เหมือนพยายามจะไล่ไอยักษ์นี้ไป ผมหัวเราะก๊าก กุมท้องลงไปกลิ้งกับพื้นบ้าน

   ฟ่อ! ฟู่!! (นายเป็นใคร เข้ามาทำอะไรบ้านช้าน)

   เมี้ยววว ม้าววว (ลูกพ่อกลกับแม่วัต ฝากตัวด้วยพี่ชาย)

   อุ้งเท้าวางปุบนหัวนายท่าน คล้ายจะอาละวาดหนักกว่าเก่า ผมเลยว่าจะเข้าไปปลอบใจนายท่านสักหน่อย กลับถูกหมาป่าตัวโตหิ้วเข้าห้องนอนไปซะงั้น ลาก่อนนายท่าน ขอให้ไม่ถูกขุนพลฟัดยับก่อนเช้า รวมถึงข้าพเจ้าด้วย...

   “ไวไวบอกให้เข้าเกมด้วย” เสียงหมาใหญ่ดังจากทางด้านหลัง เจ้าตัวเล่นทับผมที่โดนจับให้นอนคว่ำหน้าอยู่หนิ

   “ก็ลุกสักทีสิ จะได้ไปอาบน้ำ”

   “ไหนๆ จะอาบน้ำ ออกกำลังกายเรียกเหงื่อกัน”

   “บ้า... อุบ”

   ผมถูกหมาป่ารังแก มือหนาจับคางผมไปรับจูบแทบสูบวิญญาณ มืออีกข้างดึงให้ผมยกสะโพกขึ้นพร้อมล้วงซุกซนน่าตัดทิ้ง หลังจากนี้ไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่ถึงขั้นสุดท้ายแต่โดนรังแกจนแทบหมดแรง กว่าจะพากันเข้าไปอาบน้ำมาเล่นเกมได้ช้ากว่าเวลาปกติไปหลายชั่วโมง ไม่รู้ป่านี้ไวไวมันจะโวยวายเป็นกระต่ายคลั่งขนาดไหน

   ตัดภาพจากสองเจ้านายมายังสองเหมียวที่ยังคงฟัดนัวกันนอกห้อง ร่างสีขาวพยายามตะกุยประตูห้องนอนทาสที่รักสุดใจขาดดิ้น ก่อนโดนเหมียวยักษ์ใช้ตัวทับแบบทั้งตัว ทำได้แค่ส่งเสียงร้อง ขาหน้าปัดป่าย หางส่ายอย่างเกรี้ยวกราด

   แง้ววว! ฟ่อออ (ปล่อยช้านไอแมวหมู ฉันจะไปหาทาส ท๊าดดดด ช่วยแมวด้วย)

   เหมียว ม้าว (พ่อกลสั่งไว้ว่าห้ามให้ใครรบกวนเวลาจู๋จี๋กับแม่วัต พี่ชายรอเฉยๆ เถอะ)

   จบวาจาด้วยการยกขาหน้ามาเลียแผล็บ ถูหน้าสบายใจ ยังมีการเผื่อแผ่เลียแต่งขนช่วยอาบน้ำให้แมวแผ่นที่อยู่ด้านล่างด้วย นายท่านอยากร้องไห้นัก เค้าไม่น่ารักตรงไหน ทำไมถึงเอาไอ้ยักษ์นี้มา คอยดูเถอะ ทาสวินกลับมาเมื่อไหร่จะฟ้องให้จัดการทั้งไอ้มานู้ดดดตัวดำกับไอแมวอ้วนนี้เลย

   ศึกด้านนอกจบแบบไม่เต็มใจ ด้านในก็จบแล้วเช่นกัน ผมกับกลโผล่มาอยู่ในเกม ล่าสุดก่อนออกเกมพวกเราอยู่ในห้องพักของกิลด์ที่กลอยู่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ไม่ค่อยมีคน แต่เสียงแจ้งเตือนข้อความของกลดังขึ้นรัวๆ จนผมต้องชะโงกหน้าไปดูบ้าง

   หมาป่าหนุ่มหลบให้ผมดู สารพัดข้อความมาเพียบ หลักๆ เป็นของพี่ไหมสั่งให้กลพาผมไปฝึกมือก่อนลงแข่งจริงในอีกสามวันข้างหน้า ทางลินกับไวไวเข้าเกมมาก่อนเลยแยกไปฝึกด้วยกันล่วงหน้าแล้ว เลื่อนอ่านจนข้อความสุดท้าย เสียงแจ้งเตือนข้อความยังดังไม่หยุด กลายเป็นกลหันมามองผมแทน

   ผมเลยเปิดข้อความอ่านบ้าง อือหือ เกือบร้อยฉบับเป็นไวไวล้วนๆ แรกๆ ก็ทักทายกวนประสาทดีหรอก หลังๆเหมือนจะมาด่าผมเพื่อระบายความอัดอั้นอะไรบางอย่าง หนึ่งในจดหมายพวกนั้นมีจดหมายของลินโผล่มาด้วยฉบับหนึ่ง ผมกวาดตาอ่านคร่าวๆ ตาโตอ้าปากค้าง

   ‘ไวไวกับฉันกำลังฝึกแบบ ‘ตัวต่อตัว’ ฉันขออยู่กับเขา พวกนายไปฝึกกันเองที
                              ขอบคุณ จากลิน’

   ปิดท้ายด้วยคำขอบคุณแบบนี้มันเหมือนกับบังคับให้ต้องตอบรับรึเปล่านะ ยังไงซะ ความสุขของเพื่อนก็คือความสุขของผม ความทุกข์ของเพื่อนยิ่งเป็นมหาความสุขสำหรับผม ดังนั้นผมจึงต้องรับความต้องการของลินโดยไม่ลังเล ฝากฝังไว้อย่าง ช่วยถนอมหน่อย ก่อนผมจะไม่มีคนให้แกล้ง

   “พวกเราไปฝึกกันบ้างเถอะ”

   กลพูดพลางเปิดหน้าต่าง ไม่ผิดครับ เปิดหน้าต่าง ระดับอย่างเราสองคนคงไม่เดินออกประตูธรรมดาแล้วล่ะ ผมกางปีกออกมา

   “พอดีเลย ฉันอยากฝึกอาวุธใหม่ให้ชินมือ อยากเพิ่มความสามารถด้านการโจมตีด้วย”

   “แถวนี้มีที่เหมาะๆ ไร้คนรบกวน มอนสเตอร์ที่นั่นน่าจะเหมาะกับการฝึกของนาย” กลเลือกสถานที่ให้เสร็จสรรพ เจ้าตัวกระโดดออกจากหน้าต่างไปเหยียบกิ่งไม้ต้นใกล้ๆ แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าทึบ เป็นโซนของพวกมีเลเวลระดับร้อยขึ้นไป

   เขาสอนทุกอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผม คอยเป็นคู่มือระหว่างฝึกการต่อสู้ไปด้วย แวะเวียนไปตีมินิบอสใกล้ๆ เพื่อหาของมาใช้ บางส่วนนำมาขายแลกซื้ออย่างอื่นแทน เรียกได้ว่าซุ่มเงียบกันอยู่สองคน จนครบกำหนดสามวัน มีจดหมายจากไหมเรียกทุกคนไปรวมตัวกันที่ลานกว้างก่อนเข้าฮอลล์กลางแจ้ง

   การแข่งขันจวนจะเริ่มขึ้นแล้ว

   ผมกับกลมองหน้ากัน พวกเราตัดสินใจวกกลับเมืองไปตามนัด ระหว่างทางอยู่ในป่ามีผู้เล่นบ้างประปรายพวกนั้นโจมตีพวกเราหลายรอบ กลว่องไวหลบไปทุกสกิล พอเข้าเมืองผู้คนยิ่งมองกันใหญ่ แล้วยังดูเหมือนว่าคนในเมืองจะมีจำนวนมากกว่าเดิม คงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันรวมตัวแข่งกิลด์วันแรกแหงๆ

   บางส่วนมาเป็นผู้ชมเฉยๆ แถมด้วยการพนันอีกนิดหน่อย ที่ผมคิดเอาไว้ว่า หลังรู้จักหลายๆ กิลด์แล้วจะลองไปลงขันพนันกับเขาบ้าง คนอีกส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกกิลด์เตรียมตัวเข้าแข่งแบบพวกเราแถมด้วย NPC ชาวบ้าน รวมกับทหารที่วนเวียนอยู่โดยรอบเพื่อรักษาความสงบ

   ทุกสายตามองมายังผมกับกลด้วยสีหน้าหลากหลาย ผู้หญิงหลายคนอยากเข้าหา หลายคนอยากถอยห่าง พวกผู้ชายมองด้วยความสนใจคล้ายจะคันไม้คันมือ ผมเองก็มองสำรวจทุกคนไปด้วย ที่นี่รวมหลายเผ่ามาก ตามแต่คำสาปที่แต่ละคนได้รับ เห็นแล้วมันชวนให้รู้สึกถึงความแฟนตาซีดีจริงๆ

   พอเงยหน้ามองบนฟ้า พวกมีปีกบินผ่านไปมา บนหลังคามีพวกกระโดดสูงวิ่งไว ตามเงามืดก็ยังมีคน ผมชักอยากจะบินกับเขาบ้างแล้วสิ

   “กล เดินไปตรงทางโล่งๆ หน่อยฉันอยากบินกับคนอื่นบ้าง”

   หมาป่าหนุ่มเหลือบตามองผมที่อยู่ในร่างค้างคาวกลมขนฟูสีทองปีกดำอยู่บนหัวเขา สองมือจับหูสามเหลี่ยมคล้ายกับเป็นที่บังคับทิศทาง เจ้าตัวส่ายหัวไปมาเบาๆ

   “ไปเจอคนอื่นก่อน เดี๋ยวฉันค่อยพาไป”

   ผมว่าง่ายไม่ขัดหมาป่า โยกตัวไปมาอยู่บนหัวกลแสนอารมณ์ดีกับยานพาหนะสุดล้ำ ความจริงตอนนี้พวกเราอยู่ในร่างสัตว์ทั้งคู่ ผมอยู่ในร่างค้างคาว กลเป็นหมาป่าตัวโต ขนาดใหญ่กว่าร่างหมาป่าปกติของเขาเท่าหนึ่ง เทียบแล้วเกือบถึงอกผู้ชายหลายคนทีเดียว สงสัยคงเป็นเพราะแบบนี้พวกเราเลยกลายเป็นจุดเด่นไปโดยปริยาย

   หมาป่าตัวเขื่องกับค้างคาวสีทองบนหัว เดินอยู่กลางเมืองใครไม่มองก็จิตแข็งมากแล้วครับ แต่ดูจะมีคนที่สนใจด้านหน้าจนไม่ได้มองพวกเรา กลหรี่ตาถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะกระโดดข้ามหัวผู้เล่นที่ยืนออกันไปยืนเท่อยู่กลางวงอะไรสักอย่าง

   “อ๊ะ! ในที่สุดก็มาสักที นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว คุณเจ้าหน้าที่คะ! คนของฉันมาพร้อมแล้ว ขอรายงานตัวค่ะ”

   ไหมในชุดนางรำยังร่าเริงเหมือนเคย เกาะโต๊ะเจ้าหน้าที่ ที่กำลังก้มเขียนรายชื่อแล้วยื่นใบรับรองให้พวกเราเข้าไปในฮอลล์กลางแจ้ง เจ้ากระต่ายโจ๊กเกอร์ก้าวฉับๆ มาหาผมกับกล พร้อมลินที่เดินตามหลังมาติดๆ รู้สึกสองคนนี้จะตัวติดกันมากกว่าเดิมรึเปล่าหนอ

   “ทำไมมาช้ากันจัง แล้วไหงมาในร่างนี้ทั้งคู่ล่ะ”

   “เพราะคำสาปนั่นไง คืนนี้ดันเป็นคืนจันทร์เต็มดวง กลถูกบังคับให้อยู่ร่างนี้ตั้งแต่เช้า กว่าจะหายคงพรุ่งนี้แหละมั้ง ส่วนฉัน แค่อยากนอนกลิ้งสบายเฉยๆ”

   กลัวไม่ชัดเจนพอ ผมกลิ้งบนหลังกลด้วยร่างค้างคาวให้เห็นจะๆ คล้ายจะได้ยินเสียงหมาถอนหายใจวุ้ย

   “แบบนี้ก็น่ารักดี เสียดาย ไวไวไม่มีร่างกระต่ายบ้าง”

   ลินเข้ามาร่วมแจม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของหมาป่าหนุ่มมองตอบคำถาม

   “ถ้าระดับเพิ่มมากกว่านี้ อาจจะมีร่างสัตว์”

   “หรือไม่ก็ใช้พวกไอเทมเข้าช่วยสินะ” สองพ่อมดกับหมาป่า พากันพยักหน้ารับกันหงึกหงัก เจ้าของหัวข้อสนทนาดูไม่สนใจสักนิด

   พวกเราคุยกันเงียบๆ อยู่สี่คน ปกติคนนอกปาร์ตี้จะไม่ได้ยินสิ่งที่ผมกับกลพูดเวลาอยู่ในร่างสัตว์ แต่คราวนี้คนอื่นได้ยินด้วย เพื่อความสะดวกในการแข่งขัน กลเลยสอยทักษะช่วยแปลภาษามาใช้กันสองคน

   เสียงเพลงเริ่มบรรเลงขึ้น เป็นจังหวะดนตรีชวนให้รู้สึกฮึกเฮิม ผมกวาดสายตามองรอบตัว ภายในฮออล์กลางแจ้งถูกแบ่งส่วนสำหรับผู้ชมรอบนอก ส่วนพักของพวกผู้เข้าแข่งขัน และตรงกลางที่เป็นลานกว้าง พื้นที่ใช้ในการต่อสู้ เหนือขึ้นไปมีกระจกเวทมนต์ขนาดใหญ่ ให้ทุกคนในสนามได้เห็นสภาพโดยรอบของฮอลล์อย่างชัดเจน

   ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามเต็มไปด้วยมนต์ขลังดูแข็งแกร่งเหมาะกับการเป็นลานต่อสู้ เหนือขึ้นไปมีที่นั่งส่วนหนึ่งสำหรับบุคคลสำคัญ ยกแท่นสูงจากคนอื่นบ่งบอกความพิเศษสุดๆ

   “การแข่งครั้งนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่ ฉันอยากเห็นพวก GM มากกว่า”

   “กลุ่มคนที่สร้างและดูแลเกมนี้ใช่ไหม ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันพวกเขาจะมาเปิดการแข่งด้วย”

   ผมหูผึ่งฟังบนสนทนา พวกเราสี่คนมองหน้ากัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กลุ่มคนที่หลายคนพูดถึงคือกลุ่มเดียวกับที่พวกเราเคยเจอไปแล้ว ที่แน่ๆ หนึ่งในนั้นจะต้องมี...

   ตึง!

   เพลงบรรเลงจบลง ทุกสรรพสิ่งรอบกายเงียบสงัดได้ยินเพียงแค่เสียงหายใจของตัวเอง ทุกสายตาจับจ้องไปยังแท่นสูง ทันใดนั้น กระแสเวทมนต์รวมตัวเป็นธาตุต่างๆ ก่อเป็นรูปร่างยืนบนแท่นอย่างพร้อมเพรียง

   ซ้ายสุดคือชายผู้มีเรือนผมและดวงตาสีแดงเพลิง รูปร่างสูงใหญ่กำยำอย่างนักรบ ถัดมาเป็นสองร่างโปร่งของฝาแฝดราวกับถือกำเนิดมากับสายลม หนึ่งคนยิ้มงดงาม อีกคนยกยิ้มมุมปากท่าทางเอาเรื่อง

   ตัดไปทางด้านขวาสุด เรือนร่างอรชรของหญิงสาว เรือนผมสีน้ำตาลพลิ้วไหว รอยยิ้มใจดีแต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง ตามด้วยชายที่ยืนเคียงข้างคนที่อยู่ตรงกลาง เขามีเรือนผมสีดำกับบรรยากาศเย็นๆ รอบตัว และสุดท้าย ผู้ดำรงตำแหน่งใหญ่สุด ชายร่างสูงโปร่งเรือนผมสีทอง ดวงตาสีเทา ผู้มีรอยยิ้มราวกับเทพบุตร ทั้งหมดสวมชุดอัศวินสีขาวสะอาด และหน้ากากปิดบังใบหน้าช่วงบน

   เห็นชัดเจนแบบนี้ ผมเข้าใจสิ่งที่พี่วินบอกแล้วล่ะ เรื่องที่มาเจอกันในเมือง มาเจอแบบนี้นี่เอง!
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Marchyn ที่ 29-05-2015 01:58:14
  :-[ :-[ :-[ ดีจังที่ยังไม่นอน เขินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 29-05-2015 03:06:29
มาแล้ววว เห็นมั้ยว่าหวานเต็มสตรีมม เชื่อเลยต่อไปไม่มีแล้วชมพูอมม่วงมันคงม่วงเลยต่างหาก ถถถถถ  :m11: :m11: :m11:

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 29-05-2015 06:43:55
เย้!!!!!! เป็นแฟนกันละเนาะ
เดี๋ยวนี้เจ้าหมาไม่ค่อยจะหื่นเล้ยยยย ทุกที่ทุกเวลา
รอตอนต่อไปเนาะะะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 29-05-2015 11:32:11
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 29-05-2015 12:33:04
กลหื่นจริงไรจริง   :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MaiSwifties ที่ 29-05-2015 18:42:42
อ๊ายยยยยยยยยยยย
 :ling1:
ออกนอกเกมหน่อยล่ะใส่เต็มเลยนะกล :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 29-05-2015 19:49:12
มาอ่านต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 29-05-2015 20:09:08
เขินตอนเข้าฐานอ่ะ
เบาๆหน่อย
อย่าจับตรงสะโพก
นั่งขำอยู่หน้าคอมด้วย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 29-05-2015 20:48:39
ฮิ้ว เป็นแฟนกันในชีวิตจริงแล้ว
แถมยัง ยัง ...............อีก  :o8:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-05-2015 22:54:30
เป็นแฟนกันแบบมัดมือชกพิกล 5555555
แต่ก้อเอาเหอะ กลดูแลดีขนาดเน้ๆ ยอมๆไปเห๊อะ
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 29-05-2015 22:54:48
สนุกๆต่อๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 30-05-2015 00:19:52
อื้อหือ ฟินลอยไปสามโลก

เจอกลแอ็กแท็ค
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 30-05-2015 01:42:10
เจ้าหมาป่าจอมขี้โกง o18
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 30-05-2015 04:59:55
อันนี้คือการล็อกคอ(ล่าง)แล้วขอเป็นแฟนสินะ แต่โลเคชั่นนี่แบบ....

โรแมนติกกว่านี้ แบบ ชายทะเล ไรงี้ ไม่มีเหรอคะพ่อหมาป่าาาา?
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 30-05-2015 06:44:45
เป็นแฟนกันแล้ว

เขินแทน   :-[

รอนเข้าเกม อิอิ
 o13

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 30-05-2015 12:43:13
นี่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอฉาก . . . :hao6: ตอนนี้จริงๆนะ ฟิน~
กลนี่รุกได้รุกดีจริงๆน้าาา >///<
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.19 รับน้องสยองหลังII 29/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-05-2015 19:47:41
เพิ่งมาอ่านค่ะชอบมากเลยยยยยยกรี๊ดดดดดดวัตอะ :mew5: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [UpLv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง 30/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 30-05-2015 22:14:16
Lv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง

   อันดับแรก ผมขอท้วงหน่อย ทั้งที่ตอนนี้จะเป็นตอนสุดแสนพิเศษสำหรับผม แล้วไอชื่อตอนนั้นอะไร ไวไวชื่อผมถูก แต่ไอมุ้งมิ้งหนิสยองมากบอกเลย

   มาย้อนความกันหน่อย บ้านผมย้ายมาอยู่หมู่บ้านเดียวกับวัตตอนผมจบม.3 เข้าม.ปลายพอดี แถวนั้นมีโรงเรียนใกล้ๆอยู่แค่ที่เดียว ผมกับวัตเลยได้รู้จักกันที่โรงเรียน ผมเป็นเด็กใหม่ พอแนะนำตัวเพื่อนแต่ละคนเข้ามารุมถามสารพัด จะบอกว่าวัตไม่มาถามด้วย?

   ผิด! มันนั้นแหละตัวดี ถามผมตั้งแต่เรียนยันเลิกกลับบ้านมันก็ยังถาม ผมตอบมั้งไม่ตอบมั้ง จนมันรู้ ว่าผมเป็นคนที่ย้ายมาอยู่บ้านใกล้ๆมัน มันเลยรั้งตัวผมไว้ไม่ยอมให้กลับ บอกให้ไปกับมันไม่ต้องนั่งรถไปเอง ผมพ่อแม่สอนมาดี นึกเกรงใจปนระแวง ท่าทางมันเหมือนคนเฟรนลี่จัดๆ จนคล้ายจะไม่เต็ม กลัวเหลือเกินว่ารถที่มารับมันจะเป็นรถมุ่งสู่หลังคาแดง

   ผมเลยตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด พอจะเดินหนี ดันซวยไปชนเข้ากับคนหนึ่งเข้า

   “ขอโทษครับ ผมเดินไม่ดูทาง” บอกแล้วครับบ้านผมสอนมาดี ผมเลยขอโทษขอโพยคนที่บังเอิญเดินไปชน เพราะเขาเดินมาตามทางปกติ ผมหักเลี้ยวกะทันหัน เลยประสานงา แต่มีแค่ฝ่ายผมที่เซนะ ทางนั้นยืนนิ่งๆ

   พอผมเงยหน้ามอง ตาโตอ้าปากค้าง

   “วัต! อยากให้ฉันกลับบ้านด้วยถึงขนาดเพิ่มอายุเพื่อขับรถเองเลยเรอะ!”

   ชายตรงหน้าคือ ชายร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตฟ้าอ่อน กางเกงสแล็คสีดำ ไม่มีเครื่องประดับอะไรสักชิ้นอยู่บนตัว ขนาดนาฬิกาข้อมือก็ยังไม่มี ที่สำคัญ สวมรองเท้าแตะตราช้างดาว ยืนล้วงกระเป๋าเลิกคิ้วมองหน้า เรือนผมสีทองอ่อน กับดวงตาสีเทา มาดแบบผู้ใหญ่ผสมพี่ชาย วัต นายโตไวไปนะ

   “พี่วิน พี่ชิน สวัสดีครับ นี้เพื่อนใหม่ผม ชื่อไวภพ วันนี้เขาจะกลับบ้านกับเราด้วยนะพี่”

   วัดเดินเข้าไปหาสองชายร่างสูง ผมเงยหน้ามอง(สมัยนั้นผมยังเตี้ยเหมือนวัตอยู่) คนที่ชื่อวิน น่าจะเป็นคนที่ผมเข้าไปชน ส่วนอีกคน ยกยิ้มกวนๆส่งมาให้ผม ไอผมก็กวนกลับตามสไตล์

   “ไวไว คนนี้พี่ชายฉันเอง ส่วนอีกคนก็พี่ชาย จะว่าไงดี พี่ชายบุญธรรม? ไม่สิ พ่อทูนหัว เอ๊ะ หรือเสี่ยเลี้ยงนะ”

   ยิ่งวัดพูด ผมยิ่งตาโต ส่วนไอผู้ใหญ่สองคนหัวเราะขำๆ กับท่าทางครุ่นคิดอย่างหนักของวัต และหน้าเหวอๆของผม ฉุกใจคิดได้อย่าง

   “ใครชื่อไวไว ฉันชื่อไวภพ!”

   “เรียกยากอะ ไวไวน่ารักออก เนอะพี่วิน” ไม่ต้องไปเนอะเน้อะกับพี่ชายตัวเองเลย ต่อให้ผมเป็นเด็กสามขวบก็ดูออก พี่ชายสองคนนี้โคตรรสปอยน้องแน่ๆ ดูของกินในมือคนข้างหลังนั้นสิ เตรียมมาให้น้องชายผู้หิวโหยหลังเลิกเรียนชัวร์ๆ

   “ไวไว ตอนนี้เย็นแล้ว กลับกับพวกพี่แล้วกัน เดี๋ยวไปส่งบ้าน”

   ไม่ตอบ แต่เหมาเองเสร็จสรรพ เออ! ชื่อไวไวก็ได้ ใช่สิ ผมมันลูกคนเดียว หัวเดียวกระเทียบลีบ ไม่มีพี่มาสปอยหนุนหลัง

   “ทำหน้าตาตลกดีไวไว หรือยังไม่ไว้ใจพี่ชายฉัน ไม่ต้องห่วง ครูยันภารโรง โรงเรียนนี้จำหน้าพี่ชายฉันได้หมด ต่อให้ลักตัวนายไปขายชายแดน เขาก็ตามไปเอาเรื่องพี่ฉันถึงบ้านได้”

   วัตทำสีหน้าจริงจัง ตบบ่าทำให้ผมเชื่อมั่น ส่วนคนที่ถูกปลอบ อยากจะร้องไห้ นายช่วยหันกลับไปมองพี่ชายที่ยิ้มแต่คิ้วกระตุกของนายหน่อยได้มั้ย ไม่นับอีกคนที่ยืนคุมเชิงอย่างกับบอดี้การ์ดมาเฟีย หรือเพราะเมื่อเช้า ผมลืมไหว้แม่ก่อนมาเรียนหรือไง ถึงซวยขนาดนี้

   “อ่า...รบกวนหน่อยนะครับ”

   ผมไหว้สองพี่เขาที่ยกมือรับไหว้ สุดท้าย ถูกลากขึ้นรถไปด้วย ขนมที่พี่ชายทั้งสองซื้อมาให้วัต ในฐานะเพื่อนแบบงงๆ เลยได้รับอนิสงไปด้วย แต่ละอย่างอร่อยทั้งนั้น จนผมสงสัย ทำไมไอวัตไม่อ้วน

   นั่นคือเหตุการณ์ครั้งพบแรกอันแสนน่าจดจำไปจนวันตาย พอรู้จักกันไปนานๆเข้า แลกเปลี่ยนพูดคุย เลยทำให้รู้ว่าพวกเรามีหลายอย่างชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะเกม! พวกเราชวนกันเลิกเกมบ่อยมาก ส่วนใหญ่เล่นๆเลิกๆไม่เคยได้เล่นเกมไหนยาวสักที

   อยู่ๆไป เนียนจนฝากตัวเป็นน้องชายอีกคน ที่พวกพี่ใช้งานเยี่ยงอิเย็น ให้ดูแลคุณหนูวัตอีกที บางครั้งอยากจะถามนะ ว่าเอ็นดูผม เพราะผมเป็นเพื่อนที่ทนนิสัยแปลกๆของวัตได้ใช่รึเปล่า แล้วยังเรื่องที่ไอวัตชอบก่อโดยไม่รู้ตัวอีก

   ครั้งแรก ตอนเรียน อาจารย์มีสอนให้เขียนโค้ดเล่นๆ ไอวัตเขียนก็พอได้ แต่แก้ได้ดีกว่าจนอาจารย์ทึ่ง เกือบจะส่งมันไปแข่งขันกับพวกเด็กโต ดีพี่วินยื่นมือออกมาขอไว้ วัตมันเลยยังไม่ดัง

   ต่อมา เกมเริ่มเปลี่ยนเป็นระบบ ให้คนใส่ที่ครอบหัว จนไปถึงหูฟัง เพื่อเข้าไปเล่นเกมในช่วงที่หลับอยู่ วัตมันดันไปเผลอแก้ไขข้อมูลไอเทมที่เขาล็อคไว้ เขาหาตัวใหญ่ ผมรีบแจ้นโทรไปบอกพี่วินกับพี่ชินทันทีหลังออกจากเกม ตามที่ถูกสั่งไว้ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น หรือวัตไปทำอะไรแปลกๆให้แจ้งได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชกาล

   “พี่วิน แย่แล้ว วัตมันไปแก้ข้อมูลในเกมเขา เขากำลังหาตัวมันใหญ่แล้ว ทำไงดีพี่” ผมพูดเข้าเรื่องทันที ไม่ต้องมีฮัลลงฮัลโหลอะไรแล้ว งานนี้เหมือนจะเล็ก แต่ใหญ่เลยนะ บริษัทเกมไม่ใช่พวกกิ๊กก๊อกด้วย ถึงไม่เท่ากับบริษัทที่พวกพี่เขาทำงานอยู่ก็ตาม

   “เกมอะไร” เสียงพี่วินถามกลับมาปกติเหมือนจะชิน ผมเลยบอกชื่อเกมไป

   “ขอบใจนะไวไว ที่คอยดูวัตให้พี่”

   “ไม่เป็นไรครับพี่ ยังไงมันก็เพื่อนผม งั้นผมไปก่อนนะ มันเรียกหาแล้ว”

   พี่วินหัวเราะวางสายไป วันนั้นเหมือนวัตจะถูกพี่วินเตือนอะไรสักอย่าง เจ้าตัวเลยระวังตัวมากขึ้น เกมไหนทำท่าอาจจะมีปัญหา พากันชิ่งหนีไปเล่นเกมอื่นต่อ แม้จะเล่นไม่ได้เทพสักเกม แต่ก็สนุกดี จนกระทั่งวันหนึ่ง วัตมันป่วยเลยไม่ได้มาด้วยกัน ผมไปโรงเรียนคนเดียว

   บังเอิญเจอกับนักกีฬาโรงเรียนที่ผมไปแข่งบอลชนะมาเมื่ออาทิตย์ก่อน พวกมันหาว่าพวกผมโกง ทั้งที่พวกมันเล่นแรงชิบหาย จนเพื่อนผมแขนเดาะไปคน เจอมันกระแทกจนคว่ำนี้แหละ

   ตามประสาเด็กสมัยนั้นครับ แม่งแพ้แล้วพาล มาหาเรื่องผม เพราะเห็นว่าผมอยู่คนเดียว ผมก็สู้ไม่ถอย ดีมาดีตอบ เลวมามีเตะ กระทืบมาผมกระทืบกลับ แถมหมัดให้หนึ่งทีด้วยเอ้า!

   ถึงจะใจสู้แค่ไหน ผมมันตัวคนเดียว มันรุมหมาหมู่กันห้าคน สุดท้าย กลายเป็นผมยกแขนป้องกันหัวให้พวกมันรุมตืบคลุกฝุ่น รอยเท้างี้เต็มเสื้อนักเรียน ผมกัดฟัน ฝากไว้ก่อนเถอะมึง รอดไปได้ จะขนไปทั้งโรงเรียน ตืบจนมารดาจำหน้าไม่ได้เลยคอยดู

   “เฮ้ย แม่งหงอเป็นลูกหมาเลยวะ ตะกี้ยังทำเป็นเก่ง ถุ้ย!”

   มันถ่มน้ำลายเฉียดหัวผมไปนิดเดียว ผมคว้าเท้าไอเบือกนั้น กระชากจนมันหงายหลัง แล้วกระโดดคร่อมซัดไม่ยั้ง เพื่อนมันตกใจ รีบแยกผมออก มันจับแขนผมไว้เตรียมอัดซ้ำ

   “บังอาจมาต่อยกู ไม่ได้ตายดีแน่มึง” ผมไม่สน แขนโดนจบ เท้ายังว่าง ให้สองคนรับน้ำหนัก กระโดดยันสองทีนสิครับ รออะไร จนมันหงายหลังทับเพื่อนที่ช่วยพยุง สถานการณ์โคตรทุลักทุเล ซัดนัวยิ่งกว่าหมา อยู่แถวซอยไม่มีคนด้วย ไร้คนสาดน้ำใส่

   เพิ่งคิดอยู่แปบๆว่าไม่มีคน หางตาผมเหลือบเห็นไอหัวทองท่าทางคุ้นๆยืนดูดชานมเย็นอยู่ตรงหน้าซวย มันขมวดคิ้วเพ่งมองเข้ามา คงสงสัยว่าใครมาต่อยกันแถวนี้ พอมันเห็นว่าเป็นผมเท่านั้นแหละ กระโดดถีบไอคนที่ล็อคแขนผมคนหนึ่งจนหน้าทิ่ม ขว้างถุงนมเย็นใส่หน้าอีกคน อวดฝีไม้ลายมือเตะต่อยไม่ยั้ง

   “ไอพวกเวร บังอาจทำร้ายเพื่อนไวไวของกู”

   “เชี่ยยยย เย็น เหนียว”

   “ซัดมัน!”

   “เข้ามาเลย ไอพวกกระจอก” วัตดูเครื่องติด กวักมือเรียกแบบพระเอกในหนัง แล้วใส่กันนัวต่อ กลายเป็นสองต่อห้า ที่นี้ซวยหนัก มีชาวบ้านแถวนั้นเห็น เลยแอบเรียกตำรวจมา พวกผมหนีไม่ทัน ปัจจุบัน เลยนั่งรับแอร์เย็นอยู่ในสถานีตำรวจ พร้อมไอเย็นเชือดเฉือนจากพี่วิน ส่วนพี่ชินไปคุยอะไรบางอย่างกับตำรวจอยู่

   พวกเด็กห้าคนเหมือนมีแบล็คใหญ่ เลยถูกปล่อยตัวไป เหลือแค่ผมกับวัต เด็กตัวน้อยๆสองคน ยังดีที่ไม่มีการใช้อาวุธอะไร แค่การต่อยตีของเด็กธรรมดา และไม่ทำให้ใครเสียหาย นอกจากหน้าหล่อๆของผมที่บวมปูดพอๆกับวัต

   พอขึ้นรถ พี่วินไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งที่ควรจะโกรธเวลาเห็นน้องชายหัวแก้วหัวแหวนบาดเจ็บ กลับดูนิ่งจนน่ากลัว กระทั่งถึงบ้าน ผมกับวัตถูกจับมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าพี่วิน แผลอะไรก็ยังไม่ได้ทำ เนื้อตัวมอมแมมไปหมด

   “ทำไมถึงไปมีเรื่อง”

   พี่วินถามนิ่งๆ พวกเราก้มหน้าคางชิดอก ผมเป็นคนตอบเอง เพราะต้นเหตุมาจากผม เล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่วินฟังจนหมด มีวัตมาเสริมตอนหลังว่าตัวเองอยู่บ้านเบื่อเลยว่าจะออกไปหาซื้อไรกินแล้วเดินแถวนั้นเผื่อเจอผมจะได้ชวนกลับบ้านมาเล่นเกม ดันเกิดเรื่องซะนี้

   ท่านพี่ชายถอนหายใจหนัก เริ่มเทศนายาวเหยียด

   “ทั้งที่วัตมีโอกาส ทำไมไม่หาวิธีอื่นมาช่วยเพื่อน ถ้าเกิดพวกนั้นมีอาวุธ ถ้าไม่มีคนแจ้งความถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนักขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง เราด้วยไวไว การหนีไม่ใช่คนไม่เก่ง เราต้องรู้จักประมานตนเอง ไม่ใช่โง่ให้เขาซัด เรื่องนี้พี่จะบอกพ่อกับแม่ของเรา”

   ผมรับเสียงอ่อย อย่างน้อยก็ดีกว่าให้พ่อแม่ผมไปพาผมออกจากสถานีตำรวจ

   “ที่พูดเพราะเป็นห่วง วัตเป็นน้องชายพี่ ไวไวเองก็เหมือนกัน พ่อแม่เราฝากฝังกับพี่มา วันหลังอย่าทำอะไรโดยไม่คิดอีก เข้าใจมั้ย”

   “ครับ” ทำไมมีผมรับอยู่เสียงเดียวหว่า

   “ชินออกรถ! เราจะไปโรงพยาบาลกัน”

   “ไปโรงบาล!?” ผมตาโต ถึงกับต้องไปโรงบาลเลยเรอะ แค่บาดเจ็บเป็นแผลถลอก พกช้ำดำเขียวเอง

   “ใช่” ได้ยินแบบนั้นผมเพิ่งมามองข้างตัว วัตหน้าแดงก่ำ ตัวเหมือนจะโงนเงน ก่อนหน้าทิ่ม พี่วินย่อตัวลงมาคว้าอุ้มได้ก่อน พลางเดินนำผมไปที่รถที่พี่ชินจอดรอไว้ก่อนแล้ว

   “วัตเป็นอะไรไปพี่ หรือจะมีโรคประจำตัว” ผมถามด้วยความเป็นห่วง แต่คงไม่เท่าพี่วินที่กอดน้องชายแนบอก กับพี่ชินแทบฝ่าทุกไฟแดง

   “ไม่มีโรคประจำตัวอะไรทั้งนั้น เจ้าตัวเป็นไข้ ยังไม่ทันหายดี ออกไปตากแดดข้างนอก คงแอบซื้อน้ำเย็นกินด้วยสินะไอน้องตัวดี แล้วยังไปมีเรื่องชกต่อย นั่งตากแอร์ในสถานีตำรวจอีก ที่น่าโมโหที่สุด เจ้าตัวดันเก็บเงียบ จนพี่เพิ่งสังเกตเห็นเมื่อกี้!”

   พี่วินร่ายยาว มือคอยเช็ดเหงื่อบนหน้าวัต ผมว่าไอเรื่องชกต่อยคงปลิวหายออกจากหัวพี่วินหมดแล้วแน่ๆ เหลือแค่สายตาเป็นห่วง กังวล ปนเอ็นดูที่มองน้องชายทำเป็นใจแข็งไม่แสดงอาการเพื่อจะได้รับโทษที่ได้รับ

   วัตถูกส่งตัวเข้ามือหมอ พี่วินโดนหมอสวดยาวเรื่องสังเกตอาการของน้องชาย ผมเห็นแววตาพี่เขามีความอ่อนเพลียแฝงอยู่ รวมถึงพี่ชิน คงจะทำงานเหนื่อย ไม่รู้ได้นอนบ้างรึเปล่า

   ผมเคยอิจฉาวัต ที่มีพี่ชายแสนดี แถมเก่งไปหมดซะทุกอย่าง มาตอนหลัง ผมกลับเฉยๆ เพราะผมเข้าใจ วัตเป็นคนสำคัญสำหรับผมเหมือนกัน ครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มแต่มีส่วนผิด ทำให้วัตต้องป่วยหนักจนเข้าโรงบาล ผมคงทำหน้าเศร้าชัดเจนไปหน่อย พี่วินเลยคว้าผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวเบาๆ

   “ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น รวมถึงไวไวด้วย วัตไม่เจียมสังขารเอง ถ้ารู้สึกผิด วันหลังระวังตัวให้ดี ทั้งคู่เลย ถ้าใครมันมีปัญหา จัดการยาก มาบอกพี่ได้ เดี๋ยวจัดการให้”

   พี่วินยักคิ้วให้ผม ผมหลุดหัวเราะ ชกกำปั้นกัน พี่ชินเดินมาวางมือผมหัวผมสองสามปุ

   “เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมวัตแล้วกัน วันนี้ค่ำแล้ว” พี่ชินชูกุญแจรถ ผมว่าพี่เขาเป็นคนขับรถประจำบ้านนี้ไปแล้วล่ะ

   เรื่องราวครั้งนี้ผมสรุปได้หนึ่งอย่าง พี่น้องหัวทองตาเทา ช่างมีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ พี่วินเป็นรุ่นใหญ่ วัตเป็นรุ่นเล็ก เวลาใครคุย หรืออยู่ใกล้ จะเกิดความรู้สึกวางใจโดยไม่รู้ตัว ผมสนิทกับวัตอย่างกับรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน คนที่เข้ามาคุยกับผมก่อนก็คือวัต คนที่ทำให้ผมไม่เหงากับการต้องย้ายโรงเรียนใหม่ อยู่ในที่ๆไม่มีใครรู้จัก ก็คือเขา

   สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับเด็กคนหนึ่ง ต้องย้ายบ้าน สภาพแวดล้อมที่อยู่มาตั้งแต่จำความได้ จากเพื่อนทุกคน มาอยู่บ้านใหม่ที่ผมไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับที่นี้เลย มันเคว้งคว้างไม่มีใคร จะไปไหนก็กลัวจะหลงจนกลับบ้านไม่ถูก ที่นี้คนเยอะ รถเยอะไม่เหมือนต่างจังหวัดบ้านเก่าผม

   มีวัตคอยพาผมทัวร์ มาตอนนี้ ต่อให้ปิดตายังรู้เลยที่ไหนเป็นที่ไหน

   คิดๆดูแล้ว ไม่แน่ ผมอาจจะชอบวัตก็ได้นะ ถ้าให้เลือกระหว่างแฟนกับวัต ผมคงเลือกวัตโดยไม่ต้องสงสัย อยากอยู่ใกล้ อยากเล่นเกมเที่ยวเล่นด้วยกันแบบนี้ตลอดไป แอบนึกขำๆ ขอมันแต่งงานเลยดีมะ ดูเข้าท่าดี อะไรครับ วัตเป็นของกลน่ะเหรอ

   รู้แล้วๆ ผมล้อเล่น ความสัมพันธ์ของผมกับวัตมันพิเศษ ไม่ได้เป็นแค่เพื่อน และไม่ได้ไปเชิงอย่างนั้น เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าเขาทุกข์ ผมก็ทุกข์ด้วย ถ้ามีความสุข ผมก็มีความสุขด้วย วัตเคยบอกผม เขาคิดเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ เหมือนได้พี่ชาย ไม่ก็แม่เพิ่มอีกคน เจอคำนี้ ผมตบมันหัวทิ่มไอติมทันที

   ส่วนเรื่องวัตมากกว่าแฟน คุณคิดดูเอาแล้วกัน กับคนที่เพิ่งเจอกันไม่เท่าไหร่ หรืออาจจะเจอกันนาน คบเป็นแฟน สักวันเลิกกันไปคือจบ ถึงเวลานั้น คนที่อยู่กับคุณไม่ใช่ใครอื่น คนๆนั้นคือเพื่อนรัก และครอบครัว แฟนน่ะหาง่าย แต่เพื่อนตายน่ะหายาก ถ้ามีก็ควรจะรักษาไว้อย่างดี

   จะบอกว่าผมคิดขึ้นคาน ส่งวัตเข้าเรือนหอ? ฝันครับ ผมก็ผู้ชาย มีความฝัน ผมจะทำงานฐานะมั่นคง ไม่ต้องรวยแต่มีเงินผลาญเกมกับของกิน และมีภรรยาสาวที่ผมรัก สร้างครอบครัวด้วยกัน ปั้มทายาทตัวน้อยๆไปเยาะเย้ยไอวัตมันเล่น

   ตอนนี้ ผมแอบเห็นคนๆนั้นแล้ว คนที่เข้ากับผมและเพื่อนผมได้ คนที่เข้าใจความบ้าเกมของผม ติดแต่สาวเจ้าเขามิใช่ภรรยาสาวแสนดี แต่ริทำตัวเป็นสามีทั้งที่มีนม ปัญหานี้ผมคงต้องแก้เองต่อไป อรุณสวัสดิ์ สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ จบครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้เกิดจาก ผลของการอยากหาอะไรแต่งเล่นชิลๆ แล้วให้นักอ่านในเพจลองรีเควสเข้ามาครับ  :katai4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง 30/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 30-05-2015 22:35:26
ไวไวๆๆๆๆๆๆๆ
จะมีสามีที่มีนม 5555
ความจริงแล้วเราอยากอ่านตอนพิเศษของพี่วินกับพี่ชินจังเลย
อยากรู้อยากเห็นเรื่องของสองคนนี้เป็นพิเศษ
ป.ล.คิดว่าชินคงเป็นรุกใช่มั้ย แรกๆ อยากให้วินเป็นรุก แต่ตอนนี้ทำใจแหละ
อ่านเคะราชินีแทนก็ได้ว่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง 30/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-05-2015 22:36:19
รู้เลยว่าสาวผู้โชคดีคนนั้นคือใครรรร :laugh:
รอตอนต่อไปเนาะะะะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง 30/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 30-05-2015 23:42:51
ไวไว๊......................................หัวใจแกมันมุ้งมิ้งจริงๆ ด้วย ขำตรงสามีที่มีนม :laugh:
ดีนะไม่ได้อ่านตอนกินน้ำ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง 30/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 31-05-2015 00:23:04
"แต่ริทำตัวเป็นสามีทั้งที่มีนม"

หัวเราะจนน้ำตาไหลค่ะ กร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง 30/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 31-05-2015 01:49:59
ไวไว.....แกมันสาวมาก มุ้งมิ้งสมชื่อตอนแล้วล่ะสลับขั้วกับสามีมีนมสินะ =_=  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ไวไวหัวใจมุ้งมิ้ง 30/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 31-05-2015 06:24:47
 :laugh:

สามี มีนม

จะฟ้องน้องลิน

  :o12:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 31-05-2015 18:34:05
Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก

   เด็กสาวนักเรียนม.ปลายกำลังถือกระเป๋ามองชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามถนน ฝ่ายชายเป็นคนถือกระเป๋าให้เด็กสาว พลางพูดคุยกันหัวเราะคิกคัก แต่ในสายตาของเธอคนนี้ รู้สึกว่าภาพเหล่านั้นช่างขัดกันเหลือเกิน จึงเลือกไปดูอีกด้านแทน กลุ่มเด็กชายสามสี่คน ที่เดินกอดคอหยอกเล่นกัน ดูน่าจิ้น เอ๊ย น่ามองมากกว่า

   เธอมีเรือนผมสีทองสวย ยาวถึงกลางหลัง มัดรวบครึ่งหัวเรียบร้อยติดโบว์สีขาว ช่วงปลายหยักศกเล็กน้อยเป็นลอนคลื่น ใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตาฝรั่งเศส รูปร่างดี บุคลิกงามสง่า ด้วยฐานะทางบ้านที่พอมีหน้ามีตาในระดับหนึ่ง เธอจึงถูกสอน ฝึกทุกอย่างมาตั้งแต่จำความได้

   แม้จะอึดอัด แต่เธอต้องทำจนกลายเป็นความเคยชิน ในขอบเขตมากมายยังมีข้อดี พ่อแม่ของเธอไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว รวมถึงความชอบต่างๆ ขอเพียงแค่เธอเป็นเด็กดีก็พอ

   เธอมักจะหายเข้าไปในร้านหนังสือเป็นเวลานาน และกลับออกมาพร้อมหนังสือสองสามเล่ม หรือบางครั้งยังไปร้านที่อยู่ในซอกหลืบคนทั่วไปไม่รู้จัก เพื่อซื้อหนังสือนิยายและหนังสือการ์ตูนเพียงไม่กี่เล่มที่ถูกใส่ปกถูกปกปิดอย่างดี

   พอกลับมาถึงบ้าน ก็จะขลุกอยู่ในห้อง อ่านหนังสือที่ซื้อมา เขียนนิยาย วาดภาพเป็นงานอดิเรก ซึ่งภาพเหล่านั้นเน้นส่วนใหญ่เป็นภาพผู้ชาย หรืออาจจะมีภาพผู้หญิงไร้อกหน้าสวยบ้างเป็นบางครั้งคราว นอกเหนือจากงานอดิเรกเหล่านี้ เธอยังชอบเข้าไปโลดแล่นในเกม ยิ่งเกมไหนที่เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชายได้ เธอจะชื่นชอบเป็นพิเศษ

   จนกระทั่งเธอพบกับเกมหนึ่ง เกมที่มอบคำสาปให้กับผู้เล่นทุกคนก่อนเข้าเกม เธอเฝ้าภาวนาให้ตัวเองได้คำสาปกลายเป็นชาย แล้วเธอก็ต้องผิดหวัง เพราะเธอกลายเป็นแม่มดแสนสวยแทน กระทั่งเธอได้พบกับชายสองคน

   คนหนึ่งราวกับท้องฟ้าในยามกลางคืน อีกคนดูส่องสว่างสดใสเหมือนท้องฟ้าในตอนกลางวัน คราแรกเธอนึกสนใจผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นรุก อุ๊ย...เป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าอีกคน ก่อนมาพบเห็นภาพที่น่าบันทึกเก็บไว้ หลังจากครั้งนั้น เธอจึงตัดสินใจหาวิธีเดินทางร่วมกับคนเหล่านี้ ทำให้เธอได้พบกับเขา...

   ที่เหมาะจะเป็นภรรยาของเธอเหลือเกิน

   ชายรูปร่างสูง หุ่นนักกีฬา แต่มีอารมณ์ขัน รักพวกพ้อง แต่ขี้บ่นเหมือนแม่ นี่แหละเสน่ห์ที่ทำให้เธอยิ่งหลงใหล พอได้เห็นใบหน้าใต้หน้ากาก ความต้องการของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เด็กม.ปลายกับหนุ่มมหาลัย ช่างเป็นพล็อตที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้

   ตลอดทางเธอกลับหาโอกาสไม่ได้เลย กระทั่งราวกับเทพผู้สร้างเกมประทานกล่องปริศนามาให้ ทำให้เธอเป็นผู้ชายตามต้องการ เธอ ไม่สิ เขาเปลี่ยนอาวุธเป็นดาบ เพื่อจะช่วยปกป้องคนที่ตัวเองสนใจได้อย่างเต็มที่ ควบคู่กับพลังเวทมนต์ด้านมืดของตนเอง

   นั้นคือเรื่องราวที่ผ่านมา ก่อนจะถึงเหตุการณ์ในตอนนี้

   ชายร่างสูงโปร่งในชุดพ่อมด พิมพ์ข้อความในเกม ส่งไปยังGM เนื้อหาภายในบอกสิ่งที่เขาต้องการ แทนสิ่งของที่ทางบริษัทเกมจะให้ หลังเกิดเหตุการณ์ผู้แทรกแซง รอเวลาเพียงไม่กี่นาที ข้อความนั้นตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ว่า....ตกลง

   เรียวปากได้รูปยกยิ้มยินดี เดินไปหาชายอีกคนที่กำลังทำหน้ายุ่งระหว่างกางเต็นท์พักสำหรับสองคน ใช่แล้ว สองคน เพราะเพื่อนในปาร์ตี้ที่เหลือ ดันร่วมใจกันไม่เข้าเกมโดยไม่ทราบสาเหตุ

   “ให้เจ้าพวกนี้จัดการให้ก็ได้ เราไปอาบน้ำกันดีกว่า” มือขาวชี้ไปยังทหารโครงกระดูก ที่ถูกเรียกออกมาใช้งานเยี่ยงทาส หากมันลงไปครางกระซิกได้ คงทำไปแล้ว

   “เอางั้นเหรอ จะรอดมั้ยเนี่ย ช่างเถอะ อาบน้ำก่อนค่อยว่ากัน”

   ทั้งคู่เลยเดินไปอาบน้ำที่น้ำตกด้วยกัน โดยหารู้ไม่ว่า บริเวณแถวนี้ตั้งแต่เต็นท์จนถึงน้ำตกถูกครอบคลุมด้วยข่ายมนต์ของพ่อมดผู้วางแผนชั่วร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมารบกวนเรียบร้อยแล้ว กระทั่งทหารโครงกระดูกน้อยใหญ่ ยังถูกเรียกมาลาดตระเวณโดยรอบ

   พอทั้งคู่ถอดเสื้อผ้าลงน้ำ อุณหภูมิเย็นไม่ช่วยทำให้ใจที่ร้อนรุ่มด้วยความตื่นเต้นของผู้วางแผนสงบลงเลย ดวงตาคอยมองอีกคนลงมาแช่ในน้ำแบบใส่กางเกง และไม่ยอมถอดหน้ากากชวนขัดใจ

   “ถอดหมดก็ได้ ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน ของฉันหรือนายก็เห็นกันมาหมดแล้ว”

   พ่อมดหนุ่มว่ายน้ำเข้าไปหา ดึงอีกฝ่ายไปอยู่แถวโขดหิน แล้วบรรจงถอดกางเกงแบบพรืดเดียวถึงข้อเท้า ก่อนโยนไปหลังโขดหินซะ

   “เฮ้ย! นายมันเอาแต่ใจชะมัด ทำไมชีวิตฉันถึงเจอแต่พวกมัดมือชก เอาแต่ใจเนี่ย”

   กระต่ายหนุ่มบ่นอุบอิบ คนฟังเลิกคิ้วยิ้มมุมปากไม่พูดอะไร พลางดันอีกฝ่ายจนแผ่นหลังแนบไปกับโขดหิน หน้ากากถูกมือดีถอดออก มีชะตากรรมไม่ต่างจากกากเกงเท่าไหร่นัก

   “ก็ไม่รู้สินะ คงเพราะนายมันน่าแกล้งดึงดูดแต่พวกแบบนี้ล่ะมั้ง ไวไว ตามที่สัญญาไว้”

   ไวไวทำหน้าเหมือนกินยาขม แต่ก็ยอมยื่นหน้าเข้าไปจูบพ่อมดหนุ่มที่กักเขาไว้อยู่ในอ้อมแขน ด้วยสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่ พลางคิดในใจว่า อย่างน้อยๆ ก็มีตนแค่คนเดียวที่มองเห็นในที่มืด ต่างจากอีกฝ่าย หากไม่ใช่เวทมนต์คงมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ไม่อาจส่องเอามาถึงบริเวณโขดหินที่พวกเขาอยู่

   มือขาวเชยคางกระต่ายหนุ่มขึ้นพลางเอียงหน้าจูบสอดลิ้นแบบดูดดื่ม มันเป็นการตอบแทนช่วงอีกฝ่ายกลายเป็นกระต่ายน้อยให้เขาต้องดูแล ทั้งที่จะปฏิเสธก็ได้ เพราะไม่ได้เป็นคนขอร้องให้ทำ แต่เจ้าตัวยึดความถูกต้อง เลยยอมทำตามความต้องการของเขา

   “อืมม พอแล้วลิน”

   เสียงร้องห้ามงึมงำไม่เข้าหูคนที่กำลังเพลิดเพลิน จมูกโด่งเปลี่ยนมาซุกไซร้แถวลำคอ แลบลิ้นเลียหยดน้ำที่เกาะพราว รั้งเอวให้อีกฝ่ายขยับกายแนบชิดเข้าหาจนส่วนหน้าเสียดสีกัน ความรู้สึกบางอย่างทำกระต่ายเริ่มทำตัวสมเผ่าพันธุ์

   “เดี๋ยวๆ ฉันว่ามันไม่ใช่แล้ว ทำไมถึงมีความรู้สึกแบบนั้นล่ะ เกมนี้พี่วินเอาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เฮ้ อย่าเพิ่งสิวะ”

   “เอาออกได้ ก็เอาใส่ได้ ฉันเป็นคนขอเองแหละ เพราะฉันไม่ต้องการพวกไอเทมอะไรนั่นหรอก หาเองก็ได้ ไม่เอาน่า แค่ในเกมคิดมากอะไร”

   คนพูดไม่อยู่เฉย ก้มหน้าลงไปไล้เลียขบเม้มอยู่แถวหน้าอกจนกระต่ายหนุ่มสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก จากใช้มือดันหนี กลับต้องเปลี่ยนเป็นโอบศีรษะที่ซุกอยู่แถวอกแทนด้วยความเสียวซ่าน พ่อมดร้ายกระดกยาขวดที่เจ้าตัวปรุงเองกับมือ จัดการจูบป้อนเข้าปากกระต่ายหนุ่มจนหมด แถมเลาะเล็มริมฝีปากนั้นเล่นอีกนิดหน่อย

   แน่นอน เกมนี้ไม่มียาปลุกแบบนั้น แต่มียาที่ช่วยทำให้ตกอยู่ในสภาวะคล้ายอาการเมา เท่านั้นก็มากพอแล้วกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

   มือขาวลูบไล้สำรวจไปทั่วเรือนร่างกระต่ายในกำมือ วาดผ่านสะโพกสอบได้รูปอย่างบุรุษ เลื่อนไปขยำบั้นท้ายแน่นตึงอย่างพึงใจ กระต่ายเมายังจับต้นชนปลายไม่ถูก กลายเป็นช่องว่างให้พ่อมดหาเศษหาเลยไปเรื่อย

   “นายเอาอะไรให้ฉันกินเนี่ย ฉันไม่ใช่กระต่ายทดลองยาของนายนะ” เสียงโวยวายเริ่มเจือไปด้วยเสียงหอบกับอารมณ์บางอย่างที่ถูกปลุก กับเรี่ยวแรงที่ไม่รู้หายไปไหน คล้ายๆ กับสมองล่องลอยยังไงชอบกล

   “จะว่าถูกก็ถูก ผิดก็ใช่ ฉันไม่ได้ให้นายทดลองยา แต่เป็นทดลองอย่างอื่น” กระต่ายยังมีแรงเหลือ ต้องจัดการให้มากกว่านี้ พ่อมดหนุ่มงับใบหูยาวนุ่ม พร้อมกับส่งมือไปขยำหางกระต่ายพอดีมือตรงบั้นท้าย เจ้าของสะดุ้งโหยงเหมือนสติหลุด ยามถูกแตะต้องสองจุดที่ไม่เคยมีในชีวิตจริง

   ความรู้สึกแปลกประหลาดจากมืออุ่นทำให้ส่วนหน้าตื่นตัวอย่างห้ามไม่อยู่ ใครบางคนรอก่อนแล้ว ชันเข่าสอดเข้าหว่างขา เสียดสีปลุกเร้าไม่เกรงใจ ขณะย้ายมาดูดเม้มติ่งไตให้กระต่ายสะท้านวาบไปทั่วร่าง กระทั่งร่างกระต่ายกระตุกเกร็งปลดปล่อยบางอย่างเจือจางไปตามกระแสน้ำที่พวกเขาแช่อยู่ครึ่งตัว

   สมองขาวโพลนชั่วขณะ ไวไวไม่ใช่พวกไร้เดียงสา แต่คราวนี้ไม่รู้ทำไม เหมือนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ หลังจากที่โดนจับดื่มอะไรบางอย่างลงไป ความรู้สึกล่องลอยเหมือนไม่เป็นตัวเอง ก่อนนิ่วหน้ายามนิ้วยาวสอดเข้ามาด้านหลัง พอจะประท้วง ก็ถูกจับปิดเสียงด้วยปาก

   พ่อมดหนุ่มเหมือนค้นพบสิ่งที่ต้องการ นิ้วยาวสอดลึกหยอกเย้ากับความนุ่มที่ตอดรัดอยู่ภายใน จนบังเอิญไปสะกิดเข้าจุดวาบหวานให้คนในอ้อมแขนยิ่งระทวงหนัก หลุดเสียงร้องแปลกๆ ออกมา

   ลินจูบขมับชื่นเหงื่อราวปลอบใจ ก่อนส่งนิ้วที่สอง และสามตามเข้าไป ให้สายน้ำช่วยในการขยับขยายเพื่อเตรียมรับสิ่งที่มากกว่า อย่าว่าแต่กระต่ายมึนจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ ความรู้สึกที่ไม่เคยพบ ปวดหนึบตรงกลางตัว ต้องการแทบทนไม่ไหว ได้แต่กัดฟันทน ด้วยไม่อยากฝืนจนกระต่ายบาดเจ็บ

   เขารั้งขาแข็งแรงข้างหนึ่งของไวไวมาคล้องกับข้อพับแขน เปิดเบื้องล่างให้กว้างมากขึ้น อีกมือค่อยปลุกเร้ารั้งรูดกระต่ายน้อยเพื่อดึงความสนใจ ลำกายหนาจรดจ่อส่วนหัว พลาดพลั้งอยู่หลายที กว่าจะกดจนส่วนหัวผลุบเข้าไปได้

   “เจ็บ! อะไร นายใส่อะไรเข้ามา”

   “ชู่ว ใจเย็นๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง อย่าเกร็ง มองหน้าฉันไวไว” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยปลอบ ดวงตาเปิดปรือมองตามที่บอก ใบหน้าหล่อเหล่าของพ่อมดผมทองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการ แสนเซ็กซี่กับรูปร่างสมส่วนราวกับนายแบบ ที่มีหยดน้ำเกาะพราว

    ฝ่ายคนปลอบ ชักอยากร้องไห้ซะเอง ดวงตาเยิ้มๆ กับสภาพคนตรงหน้า ช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เขาพยายามบังคับตัวเอง ให้ค่อยๆ กดลำกายแทรกเข้าไปในความอุ่นนุ่มที่โอบรัดแน่น ภายในรู้สึกดีจนแทบคลั่ง เข้าได้เพียงครึ่ง เริ่มทนไม่ไหว ถอนออกเล็กน้อย แล้วขยับสะโพกส่งส่วนที่เหลือเข้าไปจนส่วนล่างแนบสนิท เสียงร้องน่าสงสารของกระต่ายสร้างความเห็นใจจากผู้กระทำไม่น้อย แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว

   ใช้แขนช้อนขาอีกข้างจนกระต่ายตัวลอยหลังพิงโขดหิน ด้านล่างเปิดโล่งน่าอาย มีความเป็นชายผลุบเข้าออกเป็นระยะ สองมือขาวเท้าบนโขดหิน โถมเพลิงอารมณ์ของตัวเองเข้าใส่กระต่าย สัมผัสเสียดสีทั่วลำกาย ทำให้รู้สึกดีจนครางพร่าในลำคอออกมา คละเคล้าเสียงร้องของคนในอ้อมแขน เสียงน้ำกระเซ็นเป็นจังหวะ

   เขาก้มลงไปแทบจะฟัดกระต่ายให้ยับ ทั้งระดมจูบ หยอกเย้ากับหูและหาง ลิ้มรสช่วงอกจนมีแต่รอยตีตรา ดวงตาคมสะท้อนภาพเร้าอารมณ์ตรงหน้า กระทั่งถึงจุดหมาย  กระต่ายปล่อยจนเลอะหน้าท้องทั้งคู่ ส่วนอีกคนเม้มปาก พยายามบดเบียดกายลึกจนคนรองรับสูดลมหายใจเฮือก จนพอใจแล้วถึงยอมปล่อยตัวเอง แช่ค้างให้ของเหลวร้อนฝังลึกแสดงความเป็นเจ้าของ

   หลังเสร็จสมพึงพอใจ เรียวปากได้รูป จูบหน้าผากชื้นเหงื่อ อุ้มพลางฮัมเพลงถอนกายออกช่วยอาบน้ำให้จนสะอาด แล้วพากลับเต็นท์หลับใหลในที่สุด

   คนตื่นก่อน ก็ยังเป็นพ่อมดหนุ่ม นอนหันข้างมองกระต่ายอายุมากกว่าอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั้นไม่นาน อีกคนค่อยตื่นตามมา ตาปรือขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า พอโฟกัสชัดๆ ว่าเป็นอะไร ใบหน้าหล่อแดงถึงหู ก่ำกึ่งระหว่างอาย โมโห และสับสน คนที่โดนจ้องด้วยสายตาร้อนแรงแต่เช้า มองเหมือนถามว่ามีอะไร

   “ทำไมถึงทำแบบนี้” เสียงเครียดเชียว แต่คนฟังไม่แคร์ ได้เมียเป็นพอ

   “อยากทำ ต้องการ นายเองก็ไม่ปฏิเสธนี่ อ้าว เป็นอะไรไป” คนที่กำลังจะโวยวายกุมท้องหน้านิ่ว

   “อึกอัด จุกเสียดแปลกๆ” พ่อมดพยักหน้ารับ สอดมือเข้าใต้ผ้าห่มผ่านหางกระต่ายนุ่ม ถือวิสาสะแตะร่องหลืบเจอของเหลวบางอย่าง เจ้าตัวทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้

   “เมื่อคืนคงปล่อยลึกไปหน่อย เอาออกมาไม่หมด ไม่เป็นไร เดี๋ยวกระทุ้งออกมาได้”

   “เฮ้ย อะไร ไม่เอาแล้ว แค่นี้ก็ปวดระบบไปทั้งตัว” ไวไวห้ามสุดใจ

   เขาเลือกที่จะเมินเสียงกระต่าย แล้วพลิกตัวขึ้นมาคร่อมด้านบน จับแยกขาคนด้านใต้ออก เตรียมทำการยามเช้า ต้องขอบคุณที่ภรรยามีหุ่นแบบนักกีฬาแข็งแรง หากเป็นพวกบางๆ ป่านนี้คงป้อแป้ไปแล้ว อย่างนั้นจะถึงใจได้ยังไง

   “เดี๋ยวๆ ไม่ต้องเอาก่อนก็ได้ ช่างมัน!”

   “ไม่ได้ ต้องเอาออก ฉันปล่อยเมียตัวเองป่วยไม่ได้หรอกนะ” ว่าพลางกดเข้าไปเรื่อยๆ เพราะเพิ่งผ่านศึกมาเมื่อคืนเลยไม่ต้องเตรียมการอะไรมาก ให้ตาย ยังไงด้านในก็รู้สึกดีจริงๆ ด้วย

   สุดท้าย ไวไวถูกพาไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้า นอนทำหน้ามืดมนเหมือนเด็กสาวถูกขืนใจ เขาส่ายหัวยื่นมือไปลูบแก้มอีกฝ่าย

   “ฉันทำอะไรฉันรับผิดชอบน่า นอกเกมจะยอมให้นายเป็นสามีก็ได้ แต่ในเกม นายเป็นเมียฉัน ตกลงนะ”

   “ถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ” เรื่องแบบนี้ใครจะไปทำใจรับได้!

   “รอบสามดีมั้ย...” เสียงร่าเริงจนถึงเมื่อครู่ เริ่มกดต่ำหรี่ตา พ่อมดกลายร่างเป็นจอมโฉด ไวไวสะดุ้ง

   “โว้ยยย ก็ได้ ชีวิตฉันแม่งโดนทำร้ายตลอดๆ”

   “รู้ตัวก็ดี แต่หลังจากนี้ คนที่จะแกล้งนายได้มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น อ่อ เว้นวัตกับพี่ชายของวัตด้วยหน่อย สองคนนั้นถึงจะแกล้ง ยังไงฉันก็ได้ประโยชน์”

   เขาล้มตัวลงนอน คว้ากระต่ายมากอดดีอกดีใจเหมือนเด็กได้ของที่ต้องการ ไวไวคงไม่รู้หรอก ว่าเขาเริ่มสนใจอีกฝ่ายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว ยิ่งผ่านไปก็ยิ่งชอบ ตอนนี้ที่ห้องนอนมีแต่สิ่งของที่เกี่ยวกับกระต่ายเต็มไปหมด อ่า อนาคตเขาจะทำงานหาเงิน ให้ไวไวเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน แค่นึก ก็รู้สึกมีความสุขสุดๆไปเลย

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 31-05-2015 19:30:01
 :ling1: :ling1: ท่านซาตานวิน ขอ Invitation Code ด่วนๆ เลย ผมจะตามหาคู่ในเกมนี้ o9 o9
อ่านแล้วอยากเล่น อ๊ากกกกกก..............................!!!!!  :katai1: :m31:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 31-05-2015 19:36:26
ขำอะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 31-05-2015 20:31:51
ก๊ากกกกกกก แบบลินนี่แหละ ที่ทุกคนต้องการเป็น
จะเวอร์ชั่นไหน ก็เป็นคุณค่าที่ไวไวคู่ควร
รอตอนต่อไปเนอะะะะะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-05-2015 20:40:18
เอิ่ม... อ่านสองตอนสุดท้ายมานี่
ถึงกับพูดไม่ออกเรยที่เดียวววว เอิ่ม...
55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ToRoNtO ที่ 31-05-2015 21:09:52
กล ร้ายยยยย มาขอในเวลาแบบนี้จะปฎิเสธยังไงฟะ :z1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 31-05-2015 21:22:42
พึ่งอ่านได้4ตอน  สนุกอ่ะ เรื่องนี้  ชอบหมาป่า :katai2-1: ขนนุ่มน่ากอดอ่ะ   :impress2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 31-05-2015 22:32:50
ลินนนนนนนนนนน
เธอเป็นผญ.ในโลกจริงๆ นะเฮ้ยๆ
แล้วนี่เล่นไวไวไปแล้วด้วย
เหอๆๆๆ
ต่อมหื่นฉันแตกเลยค่าาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 31-05-2015 23:16:42
มาก๊อดดดดดดดดดดดดดด

ลินนี่เป็นสาวในอุดมคติชัดๆ 55555555

แบบนี้ไวไวจะไปไหนรอด ได้สามีมีนม 555555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 31-05-2015 23:30:41
ในเกมเป็นเมีย นอกเกมเป็นผัวสินะไวไว ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 01-06-2015 00:43:46
อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีปาปรีก้า.....บงบอกอายุคนเขียนได้เลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 01-06-2015 01:03:26
อ่านไป จิกหมอนไป ฮุฮุ :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 01-06-2015 01:40:34
  “ฉันทำอะไรฉันรับผิดชอบน่า นอกเกมจะยอมให้นายเป็นสามีก็ได้ แต่ในเกม นายเป็นเมียฉัน ตกลงนะ”
กร๊ากกกกกกก หัวเราะจนไม่รู้จะหัวเราะมากกว่านี้ได้ยังไงแล้วค่ะ สงสารไวไวนะ แต่ยินดีกับลินมากกว่า 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 01-06-2015 07:19:08
 :z1:

สุดยอดอ่ะ คุณสามีมีนม

อิอิ  รอตอนต่อไป

  :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 02-06-2015 06:14:02
รอ ร๊อ รอ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 02-06-2015 09:03:03
ตอนแรกคู่ลิน ไวไว หรอ ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ .. แต่ โอยยยย ร้อนแรงได้อีก กล วัต จ๊ะ โดนแซงแล้ว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 03-06-2015 12:55:27
แหมะ มันฟินจริงๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 04-06-2015 01:34:20
อยากเล่นเกมนี้เค้าจะไปเปนผู้ชายยยยย :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 04-06-2015 08:47:51
ลินน่ารักและแมนมาก 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 04-06-2015 13:13:40
เอิ่ม ไม่มีคำบรรยาย แต่รู้ว่าลินเป็นคนในอุดมคติของบรรดาสาววายแน่ๆ 5555+
ชักรู้สึกว่าไวไวเป็นบุคคลที่น่าสงสารแห่งเรื่องนี้ แต่อีกมุมก็เหมือนจะโชคดีที่สุดเพราะได้ทั้งสองแบบ
สุขสุดๆไปเลย พ่อกระต่ายน้อยไวไว  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MPEGz♥ ที่ 04-06-2015 13:27:12
ชอบๆ เรื่องแนวนี้ ขอแปะไว้ก่อนนะแล้วจะมาอ่าน
เหมือนเมื่อก่อนมีเรื่องนึงแต่คนเขียนหายไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 04-06-2015 19:24:27
 :mew6:

คิดถึงแล้ว มาต่อหน่อยค่า

  :impress3:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-06-2015 23:12:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-06-2015 13:20:45
อ่านแล้วอยากให้โลกเรามีเกมส์แบบนี้จริงๆอ่ะ

สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 05-06-2015 21:17:49
เปลี่ยนชื่อมะบอก หาตั้งนาน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-06-2015 18:38:41
Lv.21 หมาป่าขี้หวง

   ดวงตาสีเทาที่ทำให้ใครต่อใครหลงใหล กวาดมองไปทั่วบริเวณคล้ายกับคำทักทายเหล่าผู้เล่นที่มีรวมตัวกันอย่างเนืองแน่น พอดวงตาไปสะดุดเข้ากับหมาป่าตัวเขื่องและค้างคาวสีทองตัวกลมบนหัว รอยยิ้มดูอ่อนโยนขึ้นอีกหลายเท่าตัว ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในหน้าที่คงจะยกมือทักทายน้องชายไปแล้ว

   คนถูกมองใช้มือเล็กจิ๋วคว้าหูหมาป่ามาบังตัวแบบไม่มิด นึกท่องในใจ อย่ามองแบบนั้น ผมยังไม่อยากเป็นจุดเด่นนะพี่ คนพี่พอโดนน้องหลบใส่แอบทำหน้าเซ็งนิดหน่อย ก่อนดึงสติกลับมาหน้าที่ของตัวเอง ส่วนคนที่อยู่แถวนั้นได้รับดาเมจไปแบบทั่วหน้า ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งนาที อยู่ในสายตาของชินครบถ้วน สงสัยออกจากเกมไป คงต้องเตรียมจัดการกับสารพัดของที่ขนมาฝากแบบถล่มแผนก บางทีเขาก็คิด ถ้ามันมียาลดเสน่ห์ เขาจะแอบเอามาใส่ในกาแฟให้วินดื่มอย่างไวเลยล่ะ

   หลังจากปล่อยให้ทุกคนมองความหล่อของบรรดา GM ผู้ดูแลเกมจนพอใจแล้ว วินลุกขึ้นยืนก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมผายมือออก แล้วก้มน้อยๆ

   “ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เกมส์ Charm Online ผมวินหัวหน้า GM ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนพวกเรา”

   เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันดังก้องกังวานไปทั่วฮอลล์แบบไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมันถูกส่งผ่านให้กับทุกคนโดยตรง จนเหมือนเจ้าตัวมาพูดอยู่ใกล้ๆ สาวน้อยใหญ่ หนุ่มชายหลายคนหลงเคลิ้มกันทั่วหน้า ได้ยินเสียงบางคนบ่นเซ็งๆ เรื่องที่ไม่สามารถอัดภาพเคลื่อนไหวหรืออัดเสียงได้ เพราะในเกมไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกแบบนั้น ถ้าใครมีแต่ละคนพร้อมจะจ่ายอย่างงามเพื่อเก็บไว้เองและขายกินกำไรต่อ

   ค้างคาวแถวนั้นหูผึ่งทันที สมองนึกประมวลผลหลังจากนี้เขาน่าจะลองแอบเอารูปถ่ายพี่วิน กับแอบอัดเสียงไปขายดูหน่อยดีมั้ย ถือว่าเป็นรายได้เสริมมาซื้อของปรนเปรอนายท่าน กับสมทบทุนไร่กาแฟให้พี่วิน กลดูเดาความคิดคนบนหัวได้ เลยส่ายหัวปลงๆ ขืนขายไป ชายที่อยู่ข้างอาจารย์เข้าตลอดเวลา คงกว้านซื้อจนหมดจดไม่ถึงมือคนอื่นแหง

   ก่อนทุกคนจะหันไปใจจดจ่อกับสิ่งที่ชายผมทองจะพูดอีกครั้ง

   “อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว การแข่งขันกิลด์ครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นแบบทัวร์นาเมนต์ ผู้ชนะจะได้รางวัลเป็นการสร้างบ้านกิลด์ของตัวเองในเมืองหลวงแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนในโลกแห่งความจริง โดยมีกติกาดังนี้...”

   สิ่งที่พี่วินพูดเหมือนบอกทุกคนอย่างเป็นทางการอีกรอบมากกว่า เพราะส่วนใหญ่ก็รู้กันหมดแล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ผมเองถึงมาช้า แต่มีโอกาสได้เปิดอ่านข้อมูลที่ไหมยื่นมาให้ การสร้างบ้านกิลด์ในเมืองดูเหมือนจะธรรมดา แต่มันพิเศษมาก เพราะกิลด์ที่ได้สร้าง จะได้รับสิทธิพิเศษมากมายที่คนอื่นไม่ได้หลายอย่าง

   การทำการค้าต้องดูทำเล ได้สร้างบ้านอยู่ในเมืองหลวง การค้าขายของที่ล่ามาได้ย่อมดีกว่าไปขายแถวด้านนอกอยู่แล้ว ส่วนกติกาไม่มีอะไรมาก กิลด์ที่เข้าร่วมการแข่งขันต้องมีสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 30 คน น้อยได้ แต่ห้ามมากกว่านี้ และในทีมต้องมีคนเลเวลตั้งแต่ 90 ขึ้นไปอยู่ด้วย ถึงจะเข้าร่วมได้

   ไหมเลยมาขอให้พวกผมลงแข่งด้วย เพราะกิลด์เจ้าตัวมีแต่ผู้เล่นหน้าเก่าๆ ระดับสูงลิบกันหมด กติกาการแข่งขันให้อารมณ์เหมือนทำสงครามระหว่างกิลด์ พูดแบบเข้าใจง่ายๆ เลยคือ ทำลายฐานอีกฝ่ายซะ ไม่ก็ฆ่าฝั่งตรงข้ามให้หมดถึงจะเป็นผู้ชนะ

   จัดแบบแบ่งกลุ่ม แข่งทัวร์นาเมนต์ไปเรื่อยๆ จนได้ผู้ชนะเพียงกิลด์เดียว กิลด์ที่ถูกจับมาเจอกัน ต้องมาแข่งตามวันเวลาที่กำหนด ถ้าไม่มาจะถือว่าสละสิทธิ์

   พี่วินอธิบายกฎกติกาทุกอย่างแบบละเอียด รวมถึงข้อห้ามต่างๆ หากใครฝ่าฝืนจะถูกจัดการตามความเหมาะสม เหล่าคนที่ลงมือคงไม่ใช่ใครอื่น บรรดาทหารทั้งหลายที่ประจำการอยู่โดยรอบ มีผู้บัญชาการใหญ่เป็นเหล่า GM และพี่วินควบคุมทั้งหมดอีกที

   การแข่งขันจริงจะเริ่มวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าแค่ฮอลล์เดียวรอบรับการแข่งขันของกิลด์เป็นร้อยกิลด์ไม่ไหวแน่ จุดนี้เป็นแค่ทางเข้าไปยังสนามแข่งจริง เมื่อถึงเวลาจะมีประตูวาปสุ่มสถานที่ เปิดขึ้นให้ผู้เข้าแข่งไปเตรียมการรอเวลาเริ่มทำสงครามขนาดย่อม ภายในฮอลล์กลางแจ้งจะมีหน้าจอปรากฏขึ้นให้เห็นการแข่งขันทุกแมตช์ สองกิลด์สุดท้ายที่ฝ่าพันมาจนถึงตอนจบได้ ถึงจะได้แข่งในฮอลล์ให้ชมกันแบบสดๆ…

   “ขอให้ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม การแข่งแมตช์แรกจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ หลังจากการแข่งจบ ตารางการแข่งใหม่จะถูกส่งให้ผู้เข้าร่วมทันที” ผู้เล่นทุกคนก้มลงเปิดหน้าต่างข้อความแจ้งเตือนของตัวเองขึ้นมา ในนั้นมีวันเวลาประตูวาปและคู่ที่จะต้องแข่ง

   “สุดท้ายนี้ผมอยากบอกกันทุกคนว่า... ผลการแข่งขันไม่ใช่ตัวตัดสินคุณภาพคน สิ่งที่ตัดสินคือจิตใจ คู่แข่งไม่ใช่คู่แค้น แต่เป็นอาจารย์ผู้มอบประสบการณ์ให้ ผมหวังว่าทุกคนจะสนุกกับอีเว้นท์ของทางเรา ขอบคุณครับ”

   จบคำอย่างสวยงามตามสไตล์พี่วินผู้เจิดจรัส เสียงโห่ร้องตลบมือดังเกรียวกราว ผมไม่แปลกใจเลยทำไมพี่ชายผมถึงมัดใจคนจนอยู่หมัด แถมยังควบคุมคนจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญ ผมภูมิใจในใจพี่ชายผมมาก สามารถยืดอกรับได้ไม่อายใครเลยล่ะว่านี้พี่โผ้มมมมม ติดแต่พี่ชายผมเด่นไปนิด ดังไปหน่อยถึงมากมาย ผมเกรงว่าชีวิตอันปกติสุขของผมจะถูกพัดปลิวหายไป ดังนั้น ขอชื่นชมอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แล้วกันนะพี่ชาย...

   เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงอีกครั้งหลังจากพี่วินพูดจบ พร้อมกับเหล่าผู้ดูแลเกมหายตัวไปจากฮอลล์คงจะกลับไปตรากตรำงานต่อ ส่วนทุกคนที่เหลือ ฟังเพลงบรรเลง เดินสำรวจพื้นที่ ทำความรู้จักกับคนอื่น ไอ้ผมหนิตื่นเต้นอยากเข้าไปร่วมวงฟังคนนู่นคนนี้ใจจะขาด

   แต่เจ้าพาหนะส่วนตัวดันไม่ยอมเบียดคน นิสัยไม่ชอบความวุ่นวายโผล่ พาผมออกมาจากฮอลล์เฉย ลินกับไวไวเองก็ตามมาด้วย ยังไงพวกเราไปไหนไปกันแบบแท๊กทีมอยู่แล้ว

   ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยง พวกเราเลยแวะไปหาข้าวกิน ผมเปลี่ยนร่างเป็นคนมาคอยป้อนหมาป่าข้างตัวที่นั่งหน้าเชิด ลินตักให้ไวไว กระต่ายถึกตักให้ลิน ผมมองภาพเหล่านั้น สังเกตดวงตาของพวกเขาที่เปลี่ยนไป ดูท่าช่วงเวลาที่ผมทิ้งให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้แหง

   “มองไร ไม่เคยเห็นกระต่ายไง”

   ไวไวถอดหน้ากากกินข้าวยักคิ้วกวนใส่ผม

   “เคย แต่ไม่เคยเห็นคู่สวีทหวานชื่นเหมือนเพิ่งแต่งงานใหม่”

   ผมก็กวนกลับสิครับ จะรออะไร เห็นไวไวทำหน้าเงิบสำลักซุปที่ตักเข้าปาก มีลินช่วยลูบหลังดูแลดีอย่างกับคนท้อง โอ๊ย หรือเพื่อนผมมันจะสาวแตก ท้องก่อนแต่งแล้วเนี่ย หัวเราะจนปวดท้อง น้ำตาเล็ดเลยผม

   “หัวเราะเข้าไป พวกนายก็ไม่ต่างกันนักหรอก พวกฉันทนเห็นมาตั้งนาน นายเองก็ทนซะมั้งจะได้เข้าใจอารมณ์คนจะเป็นตากุ้งยิง”

   ไวไวทำปากงึมงำใส่ ผมตาโต มองหมาป่าที่เอาหัวมาเกยตัก อ้าปากเหมือนจะบอกว่ายังกินไม่อิ่ม ผมเลยจิ้มเนื้อสันอย่างดีย่างสุกได้ที่ป้อนไปอีกคำ ระหว่างทานของตัวเองด้วย

   “จะยอมหน่อยก็ได้ เนอะกลเนอะ”

   ผมก้มไปกอดคอหมาป่าหนุ่ม แล้วหัดแก้มกับขนนุ่มๆ เจ้าตัวนิ่งปล่อยให้ผมฟัดแต่โดยดี เมินเสียงไวไวบ่นเป็นคนแก่

   “อย่ามัวแต่เล่น รีบกินให้เสร็จดีกว่า พวกนายอยากไปเดินเล่นในเมืองไม่ใช่เหรอ” ลินเตือนสติของบรรดาคนที่เข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว

   ด้วยความที่ก่อนหน้านี้มาถึงเมืองปุ๊บก็ออกเกมปั๊บ พอเข้ามาก็แยกย้ายกันไปฝึกวิชามารก่อนโดนเรียกตัวมาในงานเปิดการแข่งขัน พรุ่งนี้แข่งเลยอีกต่างหาก เวลาท่องเที่ยวจึงมีอยู่น้อยนิดคือช่วงหลังทานข้าวเที่ยงจนถึงเวลานอน ผมกับไวไวสติกลับเข้าร่าง รีบกินส่วนของตัวเองให้หมด ป้อนกลจนอิ่ม ปล่อยให้ลินผู้ครองถุงเงินของกลุ่มจ่ายเงิน แล้วเปลี่ยนร่างกลับเป็นค้างคาว นอนตีพุงกลมๆ บนหัวหมาป่าตามเดิม

   เมืองหลวงสวยงามแบบที่เมืองเล็กๆเทียบไม่ติด ไม่สิ ต้องบอกว่าแต่ละเมืองมีความพิเศษในแบบของตัวเอง อย่างสตาทอสติดทะเลเลยให้อารมณ์เหมือนไปเที่ยวท่าเรือแสนคึกคัก ส่วนในเมืองมันคือความสวยงามมีระดับ กลมกลืนไปกับธรรมชาติ สะอาดสะอ้านน่าอยู่

   ต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกเรียงราวเป็นระเบียบ กลิ่นหอมดอกไม้คละเคล้ากลิ่นขนมของกินตามร้านค้าโชยมาเป็นระยะ พวกเราเดินย่อยสำรวจเมืองเล่นๆ ก่อน ผ่านตามบ้านเรือนผู้คน แล้วค่อยแวะเวียนไปแถวย่านการค้าที่มีแต่เสียงขายของดังคึกคัก

   ที่นี่มีตั้งร้านของทางเกม และร้านแผงลอยที่พวกผู้เล่นตั้งวางขายของกัน ผมไม่ค่อยตื่นเต้นกับของพวกนั้นเท่าไหร่ แต่กำลังตื่นตาตื่นใจกับผู้เล่นมากมายที่ทั้งบินบนฟ้าเดินบนพื้น กระโดดไปมาตามบ้านจนโดนชาวบ้านด่า ทุกคนแต่งตัวสารพัดแหวกแนว บางคนมีเขา บางคนมีปีก บางคนมีหูหาง สวมเสื้อเกราะ ชุดนักเวท ชุดแฟชั่น ปีกแฟรี่ ร่างกายใหญ่โต ร่างกายเล็กบาง หรือรูปร่างแบบคนปกติ ปนกันชายหญิง ละลานตาแฟนตาซีสุดๆ

   ผมเผลอบินตามคนนู่นคนนี้ บางทีบินไปดูของแบบลืมตัว ลินคว้าตัวผมอยู่หลายที่ไม่เป็นผล สรุปไวไวมันคงรำคาญคว้าหมับกำเหมือนผมเป็นลูกเทนนิสติดปีกค้างคาว แล้ววางตัวผมแปะกลับคืนบนหัวกล คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรผมได้อย่างงั้นรึ

   สรุป...หมาป่าหนุ่มก้มหัวลงให้ผมกลิ้งลงมา แล้วใช้ปากงับหลังคอแทน

   “กล อย่าคาบไว้ดิ อยากบินไปดูของตรงนั้น ปล่อยๆ”

   ผมตีปีกพั่บๆ อยู่ในปากหมาป่าที่เงียบสนิท แหงล่ะ เจ้าตัวพูดผมก็บินหนีไปลัลล้าได้น่ะสิ

   “กลคาบไว้แบบนั้นแหละ หรือนายจะให้ฉันเอาเชือกมามัดตัวนายไว้เป็นลูกโป่งดีฮึ” กระต่ายโจ๊กเกอร์สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าใช้นิ้วจิ้มผมในปากกลเบาๆ

   “เชือกไม่มี แต่ฉันพอใช้เวทมนต์สร้างเชือกได้ชั่วคราว เอาไหม”

   ลินเสนอเสียงเนิบ ไม่รู้ว่าจะแหย่หรือพูดจริงกันแน่ ไวไวโบกมือปัดๆ บอกไม่ต้องเปลืองพลังเวท เก็บไว้สู้พรุ่งนี้ดีกว่า ลินเลยยิ้มหวานหยด กอดกระต่ายข้างตัวหมับ เฮ้ๆ พวกนาย ถ้าลินเป็นหญิงมันคงดูน่าอิจฉาเป็นล้นพ้นอยู่หรอก ตอนนี้เจ้าตัวชายทั้งแท่ง แถมตัวพอๆ กันอีกต่างหาก เกรงใจสาวตาชาวบ้านที่อยู่แถวนี้บ้าง

   ดูพวกนั้นจะเข้าไปอยู่ในโลกนี้มีเพียงเราสอง ผมกับกลเลยปล่อยพวกนั้นสวีทหวานแหววไป กลพาผมเดินมายังแผงลอยที่ผมอยากดู คนขายทำท่าเลิกคิ้วมองซ้ายมองขวาสงสัยจะเข้าใจว่าพวกเราเป็นสัตว์เลี้ยง เลยมองหาเจ้าของ เขาโบกมือไล่

   “เจ้านายพวกแกไปไหนเนี่ย อย่ามาพังร้านฉันนะเฮ้ย”

   ชายคนนั้นมองหมาป่าตัวโตคาบลูกเทนนิสติดปีกอยู่ตรงปาก ดวงตาคมชี้ของหมาป่าหนุ่มหรี่มองท่าทางน่ากลัวทำเอาคนขายแอบผงะ

   “พวกเราเป็นผู้เล่นต่างหากพี่ชาย ผมสนใจของ ขอดูสร้อยเส้นนั้นหน่อย”

   ผมในร่างค้างคาวพูดเสียงอ้อน คนขายดูจะอึ้งทึ่งรอบสอง กลก้มหน้าลงปล่อยลูกเทนนิสกลิ้งออกจากปาก เดินขาสั้นๆ อุ้ยอ้ายไปหาสร้อยที่เล็งไว้ เส้นนี้มันกระแทกตาผมอย่างจัง ทั้งที่ดูแล้วไม่มีค่าสถานะพิเศษอะไรเลย แค่เครื่องประดับธรรมดาที่ดูสวยทั่วไปเท่านั้น

   สายสร้อยเป็นเงินแท้ ร้อยจี้รูปปีกเทวดาโอบคริสตัลสีฟ้าใส พอแสงส่องกระทบบางครั้งกลายเป็นสีแดง ให้อารมณ์เหมือนเทวทูตบกับทูตปีศาจดี เหมาะกับพี่วินมาก

   “ราคาเท่าไหร่”

   น้ำเสียงทุ้มต่ำเปิดปากพูดให้ได้ยินเป็นครั้งแรก พร้อมดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังคนขาย เจ้าตัวจุปาก ฟังจากเสียงสองคนนี้คงหน้าตาดีไม่หยอก น่าเสียดายดันอยู่ในร่างสัตว์ซะนี้

   จากแปลกใจกลายเป็นความเห็นใจ เพราะคิดว่าสองคนนี้คงโดนคำสาปพิลึกๆ ในเกมทำให้กลายสภาพเป็นพวกตัวขน

   “ห้าร้อยเหรียญเงินไอหนุ่ม แต่ฉันลดให้เหลือสี่ร้อย เห็นแก่พวกนายที่ลำบาก”

   ในเกมนี้มีหน่วยเงินเป็นเหรียญทองแดง เหรียญเงิน และเหรียญทอง ทองแดงหนึ่งพันเหรียญเท่ากับเหรียญเงินหนึ่งเหรียญ ส่วนเงินพันงร้อยเท่ากับทองหนึ่งเหรียญ สามารถแลกได้จากธนาคาร ของประดับสวยๆ ไม่มีสถานะ ราคานี้ถือว่าปกติ แล้วยังลดให้จากความเข้าใจผิด ผมไม่ขัดศรัทธา รีบเรียกตักของตัวเองออกมาจ่ายให้พ่อค้า ไม่คิดแก้ไขความเข้าใจผิดใดๆ ทั้งสิ้น เห็นงี้ผมผมมีความเป็นพ่อบ้านในตัวสูงนะ ก็เหมือนแม่บ้านแหละ เจอของถูก ลดราคา วิ่งใส่เหมือนกัน

   ผมแตะสร้อยเส้นนั้นสั่งระบบให้มันเก็บเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะบินไปเกาะอยู่บนหัวกลตามเดิม โบกปีกลาพ่อค้าสักหน่อย ระหว่างเดินออกมากลเหลือบตามองผม

   “ทำไมจ่ายเอง”

   “เอาหน่าพ่อคนรวย ไว้นายอยากจ่ายฉันให้จ่ายทั้งชีวิตเลย แต่อันนี้ฉันซื้อให้คนอื่น ไม่ได้ใส่เองก็ต้องจ่ายเองสิ”

   ผมใช้มือเล็กลูบหูหมาป่า หูกระดิกเหมือนจะจั๊กจี้ จากคำตอบผม ดูเจ้าตัวจะพอใจไม่น้อยถึงไม่พูดอะไรอีก พาผมเดินดูของเงียบๆ

   ตลาดใหญ่สมกับเป็นเมืองหลวง กลกับผมเดินกันจนเย็นก็ไม่ทั่วตลาด พวกเราเลยตัดสินใจจะกลับไปหาพวกลินก่อน ไว้ค่อยมาดูต่อวันหลัง เพราะ ร้านเริ่มเปลี่ยนเป็นสไตล์กลางคืน ของหลายอย่างชักเริ่มเป็นพวกของอันตราย

   ความจริงผมก็สนใจอยากดูต่อนะ ยังไงความมืดไม่มีผลสำหรับสัตว์กลางคืนอยู่แล้ว แต่มันมีสายตาแปลกๆ จากซอกหลืบของเมืองให้ความรู้สึกไม่น่าไว้ใจ แม้พี่วินจะบอกอ้อมๆ ว่าให้เล่นอย่างขาวสะอาด เชื่อเถอะคนพวกนี้ไม่คิดจะทำตามทุกคนหรอก

   คิดยังไม่ทันจบ งานเข้ามาแบบจะๆ ช่องทางให้หลบยังไม่มี ผู้ชายหลายคนออกมาจากที่ซ่อน ล้อมเราไว้ตรงกลาง กลนิ่งเฉยไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจกับคนพวกดี ดูๆ แล้วแต่ละคนระดับไม่สูงเท่าไหร่นัก น่าจะพอๆ กับผมหรือมากกว่าหน่อย แต่ไม่มีทางเยอะไปกว่ากลชัวร์

   ผมติดต่อลินกับไวไวแบบคุยปาร์ตี้คนนอกไม่ได้ยิน สองคนนั้นรับคำ บอกอยู่ไม่ไกลจากพวกเราเท่าไหร่จะรีบมา

   “แน่ใจนะว่าพวกมันเป็นผู้เล่น” หนึ่งในชายพวกนั้นถามเพื่อนแบบไม่มั่นใจ

   “แน่สิวะ เอ็งดูค่าสถานะพวกมันดีๆ ผู้เล่นชัดๆ คงจะโดนคำสาปในเกมจนกลายสภาพเป็นแบบนี้ รีบจัดการเร็ว ก่อนพวกมันจะมา”

   ผมนั่งฟังมันคุยกันข้ามหัวไปมา กลนั่งอ้าปากหาวคล้ายจะเบื่อ เจอพวกผมเมินให้ เจ้าลิงกังทั้งหลายขัดใจจนหนังหน้ากระตุก เข้ามารุมอัดแบบไม่ใครหน้าไหน ผมบินขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณปล่อยสัตว์ร้าย กลหรี่ตาขู่ในลำคอ อยู่ในท่าเตรียมพร้อมสู้ แล้วกระโจนซัดกับคนพวกนั้นแบบไม่กลัวเกรง ทั้งเล็บทั้งเขี้ยว ไม่มีปราณีเลยสักนิด

   พอคาบได้จับเหวี่ยงฟาดอัดกำแพงแตกร้าวเป็นวงกว้าง ยิ่งสู้ดูร่างกายยิ่งใหญ่โตขึ้น ถึงกลจะโนคำสาปต้องกลายเป็นหมาป่าในช่วงจันทร์เต็มดวงก็จริง แต่มันแลกมากับพละกำลังมหาศาล ความสามารถในการต่อสู้ ประสาทสัมผัสทุกอย่างเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า

   เจ้าตัวจัดการข่วนกัดเลือดสาด มีคนกลายเป็นแสงหายไปคน คงจะกลับไปเกิดที่จุดเซฟ พร้อมสถานะและเลเวลที่ลดลง แล้วแสงที่สองก็ตามไป ที่เหลืออีกห้าคนเริ่มระส่ำระส่ายไม่คิดว่าจะร้ายกาจขนาดนี้ คนหนึ่งตาไว แลบลิ้นยาวออกมาเหมือนกิ้งก่า พุ่งใส่ผมคล้ายจะจับเป็นตัวประกัน

   สภาพนี้บินหลบได้กลายเป็นแมลงตายคาปากกิ้งก่าชัวร์ ผมเปลี่ยนกลับเป็นร่างคน กางปีกบินอยู่เหนือน่านฟ้า มีแสงจันทร์และเมฆบดบังสีแดงเป็นฉากหลัง ริมฝีปากแสยะยิ้มเห็นเขี้ยว มือเรียกเคียวสีโลหิตออกมาฟันลิ้นนั้นขาดไปเต้นเร้าเหมือนหางจิ้งจก ชั่วพริบตานั้น ห่างตาผมเหลือบเห็นคนสามคนหลบอยู่ในเงามืดไม่ไกลจากพวกเรานัก

   ผมเลิกคิ้วมอง ยักคิ้วให้ คิดว่าอยู่ในนั้นแล้วจะไม่เห็นรึไง ตาผมขนาดหนังสือยังอ่านได้ในที่มืดไร้แสง แค่เงาตรงนั้นเห็นได้สบายอยู่แล้ว คนที่อยู่ด้านหน้าสุดชะงักไป เหมือนรู้ตัวแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเข้ามาช่วยพวกเราก็จัดการได้สบาย ประจวบเหมาะกับพวกลินวิ่งมาถึงพอดี

   “รังแกเพื่อนฉันเรอะไอพวกเวร!!”

   ไวไวกระโดดถีบขาคู่ใส่ไอคนที่คิดจะมาลอบกัดด้านหลังจนมันล้มคว่ำหน้าไถลพื้นแบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ลินหยิบดาบออกมาสู้ปะทะกับอีกคน พวกมันก็มีคนมาเพิ่ม มีคนจับล็อกตัวลินไว้ อีกคนเตรียมจ้วงแทง ไวไวใช้ไม้เท้าในมือกัน

   เคร้ง! ผัวะ!!

   เกิดเสียงดังกังวาน ก่อนตามด้วยเสียงซัดด้วยหลังมือจนมันหน้าหัน แถมด้วยการใช้เท้าถีบยันมันไปกองรวมกับเพื่อน แรงดีดช่วงขาของกระต่ายไปใช่น้อยๆ มันจุกแน่นิ่งกับที่ จวนจะเป็นแสงอยู่รอมร่อ จริงๆ ไวไวไม่สามารถจัดการได้ไวขนาดนี้ ดีที่พวกมันซัดกับกลจนลดทอนกำลังไปพอสมควร เลยทำให้จัดการได้สบาย

   แต่ก่อนที่ร่างนั้นจะกลายเป็นแสงจนหมด ไวไวเดินเข้าไปเหยียบอกก้มมองด้วยหน้ากากโจ๊กเกอร์แกยิ้มแต่ดวงตาคมกร้าว

   “จำไว้ อย่าสะเออะมาทำร้ายคนของฉัน” ปิดท้ายคำพูดด้วยการกระทืบจนกระอักเลือด หายเป็นแสงไปของจริง ผมเห็นลินแทบจะชูป้ายไฟอยู่ข้างๆ เห็นเพื่อนผมขี้บ่นใจดี ความจริงมันโหดนะ ถ้าไปทำให้มันโกรธ หรือยุ่งกับของรักของหวง พ่อท่านซัดไม่เลี้ยงเหมือนกัน

   ผมเปลี่ยนมาซัพพอร์ทกลจัดการกับพวกที่เหลือ พวกนั้นถูกเปลี่ยนเป็นแสงหายไปจนหมด ทิ้งไว้เพียงคราบเลือดกับไอเทมบางอย่างที่ตกจากตัวหลังจากตาย พวกเราไม่สนใจของพวกนั้นแม้แต่น้อย

   ปีกค้างคาวบินร่อนลงมายืนเคียงข้างหมาป่า ลูบขนแผงคอด้านหน้ากล่อมให้สงบสติอารมณ์ กลคำรามเสียงต่ำรับในลำคอ เกมนี้ทุกอย่างมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ กลได้พละกำลังที่เพิ่มขึ้น แลกกับการควบคุมอารมณ์ตัวเองได้น้อยลงจนติดลบ ผมต้องทำให้เขาสงบก่อนจะอาละวาด
   
   หางตามองสามคนตรงมุมอาคารที่หายไปแล้ว ผมละความสนใจมาดูกลต่อ พวกเราคุยกันตัดสินใจว่าคืนนี้จะกลับไปทานข้าวที่โรงแรมแล้วพักเลยดีกว่า ดูท่าเดินท่อมๆ อยู่ด้านนอกจะไม่ปลอดภัย

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-06-2015 18:38:59
Lv.21 หมาป่าขี้หวง (ต่อ)

   ภายใต้ความมืดดวงตาสองคู่มองสบกัน ค้างคาวที่กำลังคุยกับเพื่อนตัวเองไม่รู้เลยสักนิด ว่าพ่อหมาป่าของเขากำลังจ้องดวงตาเย็นเยียบให้คนที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ ชายคนนั้นถอยฉากออกมาหลังจากมองคนเหล่านั้นจนลับสายตา เพื่อนอีกสองคนด้านหลังถามด้วยความนึกสนุก

   “นายสนใจแวมไพร์คนนั้นเหรอ” ชายที่ดูตัวบางหน้าสวยที่สุดในทีมถามเพื่อนตัวเอง

   “แต่ท่าทางสัตว์เลี้ยงจะหวงเจ้านายมากเลยนะ แบบนี้แผนจีบสาวเขาหาทางสัตว์เลี้ยงถ้าจะยาก” หญิงสาวอีกคนหัวเราะคิกคัก

   “ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง มันเป็นผู้เล่น สักวันคงได้เจอกัน” ชายที่ถูกสองเพื่อนแซวนึกย้อนไปยังดวงตาคู่นั้นของหมาป่าหนุ่ม คงจะรู้ตัวว่าเขาหลบและเฝ้ามองมาตลอด

   เรื่องพวกนั้นไม่น่าสนใจหรอก ที่น่าสนคือแวมไพร์คนนั่นมากกว่า ภาพยังคงติดตา... เรือนผมสีทองรับแสงจันทร์สีแดงจากเมฆที่บดบัง ผิวกายขาวซีดตามเผ่าพันธุ์ ใบหน้าและรอยยิ้มที่เขาเห็นเพียงเลือนรางเพราะอยู่ไกลจนเกินไป แต่มันแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เขาเผลอไผลไม่รู้ตัว น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ หวังว่าจะได้เจออีกครั้ง


   คนที่โดนหมายมาดไม่ได้รู้ตัวสักนิด แต่หมาป่าบางตัวกับเซนส์แรงจนน่ากลัว ทันทีที่สบตาคนในเงามืด เขารู้ได้ทันทีว่าคนๆ นั้นหมายตาอะไร

   กลับถึงโรงแรม หมาป่าหนุ่มตัวโตนอนเอาตัวพาดทับค้างคาวที่กลับร่างบนนอนอืดอยู่บนเตียง

   “แอ๊ก กล หนัก ลุกออกไป”

   มือยันๆ ดันๆ เจ้าหมาป่าอารมณ์บูด เห็นว่าคนรักตัวเองจวนขาดอากาศตาย เลยยอมถอยให้ แต่ยังไม่ว่ายต้องเอาสองขาหน้าพาดพุง แถมหัวหนักๆ อีก จมูกพ่นลมหายใจคล้ายไม่สบอารมณ์อะไรบางอย่าง

   ผมมองภาพท่าทางของกลอย่างสนใจไม่น้อย ปกติเขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งมาก นอกจากอารมณ์หื่นไม่เคยจะปิด เวลาส่วนใหญ่จะเงียบทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ พอแสดงสีหน้าก็แค่ขยับคิ้ว มุมปากนิดหน่อย แล้วยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ถึงจะมีออร่าแผ่ออกมารอบตัว แต่ก็แผ่ออกมาแบบเงียบๆ ไม่แสดงอาการชัดเจนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

   น่าเสียดายที่อยู่ในร่างหมาป่า หากอยู่ในร่างคนคงน่ามองไม่น้อย

   “คิดอะไรออกมาทางสีหน้าหมดแล้ววัต”

   แวมไพร์หนุ่มสะดุ้ง มองเสียงทุ้มต่ำที่กำลังหรี่ตามองเขาอยู่ โธ่ๆ หมาน้อยอารมณ์ไม่ปกติ ผมเข้าไปกอดๆ หอมๆ ขย้ำขนฟัดพุงหมานัวเนียกันอยู่บนเตียง จนโดนหมาคร่อม อือหือ ขนาดร่างนี้ยังจะ...

   “คิดอะไร ถอยออกไปเลย”

   “ไม่ต้องห่วง ไม่ทำอะไรด้วยร่างนี้หรอก มันไม่เต็มที่ แนบเนื้อไม่พอ ขนมันเกะกะ”

   ได้ข่าวว่าขนนั้นเปรียบเสมือนเสื้อเจ้าตัวนะ ผมกรอกตาใส่หน้าหมาป่าที่ก้มหัวโตๆลงมาซุกอยู่แถวคอ เลียแก้มอีกแผล๊บ ไม่ติดว่ายังสนทนาพูดคุยกันได้ ผลคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นหมาที่เลี้ยงไว้จริงๆ

   “วันนี้ไม่กินเหรอ”

   เจ้าหมาป่าซุกซนงับๆอยู่แถวหู เขาหันหน้าหนี น้ำลายหมาติด ฉีดยายังหว่า สงสัยว่างๆต้องจูงมือกันไปหาหมอฉีดยากันทั้งคู่

   “จะกินยังไง ตัวนายมีแต่ขน กัดไปได้ดูดขนเข้าคอแทนเลือดพอดี เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนเถอะ เตรียมตัวไว้ จะสูบให้แห้งเลย”

   เสียงหัวเราะรัวในลำคอดังจากเจ้าหมาป่า ย้ายสารร่างตัวเองไปนอนกกแฟนข้างๆแทน หางปัดป่ายไปมาดูสบายอารมณ์เหลือเกิน แล้วคืนนั้นเขาก็ได้หมาป่าเป็นหมอนข้างกอดรัดคอก่ายขาเอาคืนตอนไปเข้าค่าย เจ้าตัวดิ้นเหมือนอึดอัด พอเห็นผมไม่ยอมปล่อยแกล้งงอแงใส่เหมือนง่วงนอน เจ้าตัวถึงยอมนอนนิ่งๆ ไม่ขยับอีก

   ผมลอบยิ้มในความมืด หมาใครหนอ น่ารักน่าฟัดจริงจริ๊ง

   พอเจ้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้อง เสียงผู้คนไม่อาจปลุกผมให้ตื่นจากห้วงนิทราได้เท่ากับโดนหมากวน! เมื่อคืนยังน่ารักอยู่ ทำไมเช้านี้แม่งกลายพันธุ์แล้วฟะ ผมฝืนเปิดตามองหัวที่ซุกอยู่แถวพุงที่ถูกดึงเสื้อขึ้นเปิดพุงขาวๆ ปากงับเบาๆเหมือนจะหยอก ผมฟาดสันมือเข้ากลางหัวหมาซนเบาๆ

   “ขอนอนต่ออีกนิด เดี๋ยวค่อยลุกไปเปิดประตูให้ไปห้องน้ำนะ”

   ผมงัวเงียพูด เจ้าหมาป่าชะงักกึก ออร่าบางอย่างแผ่ออกมา ใบหน้าหล่อคมเข้มหัวยุ่งเพราะเพิ่งตื่นและถูกผมฟัดไปเมื่อคืน เงยหน้าขึ้นช้าๆ หรี่ตามองผม กลายเป็นผมที่ทำอะไรไม่ถูกแทน หรือตะกี้พูดแรงไปหว่า พูดเหมือนสัตว์เลี้ยง ใครก็คงไม่ชอบผมกลืนน้ำลายอึก อ้ำอึ้งๆ หมายจะแก้ตัวบวกง้อเอาใจ

   กลถอนหายใจ ก้มลงมาใช้มือหนาลูบเปิดเถิก จูบหน้าผากผมแทน

   “อรุณสวัสดิ์ และจำไว้ ฉันยอมแค่นายคนเดียวเท่านั้น” คำพูดผสมใบหน้าจริงจัง

   ฉ่า.... พระเจ้า ใครเอาแดดมาสาดใส่หน้าผม รู้สึกหน้าร้อนไปหมดแล้ว

   “ขะ...ขอโทษ วันหลังจะไม่พูดอีก ดีกันนะ”

   ผมทำใจดีสู้หมาป่า ยื่นนิ้วก้อยไปกระดิกยิกๆตรงหน้าอีกฝ่าย เจ้าตัวยกหัวคิ้ว แทนที่จะยกน้อยก้อยมาเกี่ยว ดันใช้ปากงับแถมเลียให้สะดุ้งโหยง ลามมาถึงใบหน้า คลอเคลียจมูกโด่งกับแก้มนุ่ม ริมฝีปากได้รูปจูบเบาๆ ที่กลีบปากบาง สัมผัสนุ่มนิ่มเปียกชื้นนิดๆ แต่ความหวานเท่าทวี มันทำให้เขินหนักยิ่งกว่าดิฟคิสซะอีก

   “ฉันไม่เคยโกรธนายหรอกที่รัก ออฟไลน์ออกเกมเมื่อไหร่ค่อยทบต้นทบดอก ห้ามเบี้ยว ห้ามหนีภาษี...นะ จุ๊บ”

   OMG! เนี่ยนะไม่โกรธ เพลงลอยเข้าหัวเลย ไอวัตตายแน่ ตายแน่ไอวัต...

   ผมอึ้ง ปล่อยหมาเลียปากไป กว่าจะเสด็จไปอาบน้ำออกจากห้องกันได้ ถูกไวไวเคาะจนแทบจะพังประตูเข้ามา เอาวะ วันนี้ลงสนาม ขอซัดแหลกระบายความเขินที่อัดอั้นตอนเช้าหน่อยแล้วกัน

   ผมกระเดือกข้าวเช้าที่รู้สึกหวานกว่าปกติเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังในการอาละวาดของตัวเอง หลังจากไม่ได้กินมาเกือบสองวันเพราะผู้บริจาคโลหิตดันกลายร่างเป็นหมาป่าหนังหนาเขี้ยวเจาะไม่เข้า เมื่อเช้าก็ไม่มีเวลากิน มัวแต่ปล่อยให้หมารังแกอยู่บนเตียง อนาถจริงชีวิตวัต

   ที่ฮอลล์กลางแจ้งคนเยอะกว่าเมื่อวานสองเท่า คงมีหลายคนที่ตามมาสบทบที่หลัง ผมกลายร่างเป็นค้างคาวมุดอยู่ในกลุ่มขนตรงคอเสื้อกล ผู้เข้าแข่งแต่ละคนแต่งชุดกันแบบจัดเต็มมาก ค่าสถานะดีๆทั้งนั้น พลังป้องกันสูงจนน่ากลัวว่าจะตีไม่เข้า บางคนแผ่พลังออกมาข่มชาวบ้าน กิลด์พวกเราเดินไปแบบชิวๆ ไม่รู้ว่าแฟนของไหม หรือตัวไหมเองเป็นคนคัด คนเข้ากิลด์ แต่ละคนถึงได้สวยหล่อไม่บันยะบันยัง เดินมาทีอย่างกับวงเกาหลีที่มีกันเป็นแผง หล่อสวยละลานตา

   หลายคนเข้ามาทักกลแล้วจากไป บางคนแค่มองทักทายเงียบๆ ดูท่าทุกคนจะรู้นิสัยพี่ท่านดีเลยไม่เข้ามาวุ่นวายมาก ทางลินกับไวไวยังคงเหมือนเดิม สองคนขยับไม้ขยับมือเหมือนอาละวาดเมื่อคืนไม่สะใจพอ อารมณ์ค้างจะต่อวันนี้

   กลุ่มพวกเราเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูวาปสีฟ้าเหมือนกระจกน้ำ มองทะลุไปอีกด้าน เห็นคนดูนั่งเรียงหน้ากันสลอน ทุกคนรอสัญญาณจากท่านผู้ยิ่งใหญ่ พี่วินกลับมาทำงานตามเดิมที่ ครบทีม GM ที่ต่างไปคือบนคอมีสร้อยที่ผมซื้อส่งไปทางข้อความให้ เห็นพี่ชินมองผมทะลุผ่านขนคอเสื้อกล แววตาเหมือนจะน้อยใจ

   โอเคครับ ไว้ผมแข่งเสร็จจะรีบแจ้นไปตลาดซื้อของขวัญให้สักชิ้นแล้วกัน เลิกมองด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนแม่ถูกลูกชายตัดพ้อ เพราะรักลูกสองคนไม่เท่ากัน ฮือ คนเป็นแม่เจ็บปวด

   “วัต จะเข้าวาร์ปแล้วนะ”

   ลินเห็นผมสติไม่อยู่ดี ใช้นิ้วจิ้มเรียก ผมพยักหน้า เอ๊ะ... หรือตัวดี มันกลมจนแทบไม่มีคอ เอาเป็นว่าผมขยับภาษากายรับคำลินแล้วกัน

   “ทุกคน....เริ่มได้!”

   สิ้นคำประกาศจากท่านซาตาน ทุกคนพุ่งตัวเข้าไปในวาปเพื่อรีบไปจัดการเฝ้าฐานของตัวเองโดยเร็ว กลเดินสบายๆ ผ่านเข้าวาร์ปไป เหมือนเดินผ่านทะลุม่านน้ำแบบตัวไม่เปียก

   พอเดินออกจนพ้น สถานที่โดยรอบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พร้อมกับประตูวาร์ปที่ปิดลง

   ที่ๆ พวกเราอยู่เป็นเหมือนเขตป่าโปร่ง มีส่วนโล่งกว้างคล้ายจะเว้นให้ปะทะกันเลือดสาด และส่วนเขตป่าซ่อนฐานพวกเราเอาไว้ มีเวลาเตรียมการเพียงสิบนาทีก่อนจะเริ่มสงครามระหว่างกิลด์ หัวหน้ากิลด์เรียกพวกเราไปรวมตัวกัน พวกสายต่อสู้แบบประจันหน้าส่วนหนึ่งไปเป็นหน้าทัพพร้อมพวกแท้ง รับดาเมจแทนคนอื่น แถมหน่วยซัพพอร์ทคอยเพิ่มเลือด เพิ่มค่าพลังต่างๆ สองคน

   ส่วนที่เป็นพวกถนัดในที่ลับ ให้เฝ้าฐานวางกับดักในป่า อีกส่วนสุดท้าย เฝ้าฐานให้มั่นอย่าให้ใครลอดเข้าไปทำลายฐานพวกเราได้ ซึ่งวิธีทำลายฐาน สุดแล้วแต่คนจะคิด อย่างผมหนิ ถ้ามีอาร์พีจีสักกระบอก จะซัดสักสองสามเปรี๊ยงน่าจะระเบิดตูมเป็นโกโก้ครั้นช์

   เราฟังเสียงสั่งการจากในช่องกิลด์ที่ได้ยินเฉพาะคนเข้าร่วมการแข่งขันเท่านั้น กลุ่มปาร์ตี้เราสี่คน ผมกับกลถูกส่งมาประจันหน้าที่ลานโล่ง ไวไวกับลินโดนให้ไปเฝ้าอยู่ในป่า หัวหน้ากิลด์กับใหม่ที่เตรียมอาวุธพร้อมอยู่ที่ฐาน

   ก่อนเริ่มการแข่ง ทุกคนรวมตัวกัน ใครมีสกิลเพิ่มความสามารถอะไรจัดเต็มจนแสงวิบวับให้ผมตาลาย ไหมดูจะองค์ทรงเครื่องเยอะสุด นางรำคนสวยเริ่มร้องเพลงเต้นรำพร้อมค่าความสามารถทุกคนเพิ่มขึ้น พอเสร็จถึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

   เวลานับถอยหลังสิบวิ ตัวเลขลดลงเรื่อยๆ พอถึง 0 ทุกคนพุ่งเข้าใส่กันเหมือนวัวคลั่ง ผมอยู่กับกลมองภาพเหล่านั้นอย่างสบายอกสบายใจ พอเห็นว่าหลายคนที่ลุยหน้าเริ่มจะมีเสียเลือดกันบ้าง สองหนุ่มสาวนักเวทหน้าที่เพิ่มเลือดร่ายสกิลจนลิ้นแทบพัน

   ผมเลยกระโดดออกจากคอเสื้อกล กลับร่างเป็นคนถือเคียวควงกระโจนใส่กะเขามั้ง แอบเนียนๆ เพิ่มเลือดให้คนอื่น ให้ฝ่ายตรงข้ามสับสน ว่าผมเป็นสายโจมตีหรือซัพพอร์ทกันแน่ ทันทีที่ผมออกโรง สามคนที่เคยเห็นเมื่อคืนโผล่ออกมา สาวสวยท่าทางร้ายกาจ พุ่งเนียนเข้าไปในป่าพร้อมเพื่อนคนอื่น

   ชายหนุ่มบางหน้าสวยคอยซัพพอร์ทคนตัวโตที่ยืนประจันหน้ากับกล ทั้งคู่จ้องกันเหมือนกระแสไฟแล่นเปรี้ยงปร้าง แวบแรกเหมือนฝ่ายนั้นยังสงสัยว่ากลมาจากไหน พอสักเกตเห็นหูกับหางหมาป่าค่อยถึงบางอ่อ สองหนุ่มพุ่งเข้าฟัดกันแบบไม่ถามหน้าอินหน้าพรหม หนุ่มสวยไม่วายมากวนผมจนเข้าไปหากลไม่ได้

   เหมือนฝ่ายนั้นจะเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าผมเป็นพวกสายซัพพอร์ทถือเคียวขู่ไปงั้น เลยผละจากพวกอึดๆที่ ปกป้องนักเวทสองคนมารุมผมแทน กลทำท่าจะปลีกตัวมา กลับถูกเจ้าตัวโตขวางไว้ คงเลเวลพอๆ กันถึงสู้ได้อย่างสูสี ผมโดนต้อนจนเริ่มคิดหนัก
   
   พวกนั้นรุมโจมตีไม่ยั้งมือ ขาถอยถีบกระโดดหนี มือจับเคียวรับการโจมตี มีพวกลอบยิงโนธนูเฉียดไปหลายดอก ฉับพลัน ธนูดอกนึงปักเข้าที่หัวไหล่เต็มๆ

   “ดูท่านายไม่ค่อยสนใจเลยนะ หรือไม่อยากดูแลแล้ว ยกให้ฉันไหมล่ะ”

   คนขอหน้าด้านๆ หมาป่าหนุ่มตวัดตามองด้วยสายตาเยือกแข็งทันที

   “ไม่มีวัน” เสียงกดต่ำพูดในระยะประชิดระหว่างทั้งคู่ซัดอาวุธเข้าใส่กัน คนหนึ่งดาบสองมืออีกคนกงเล็บสองข้าง

   ผมเสียเลือดจนเริ่มตาลาย ยิ่งไม่ได้กินมาดูไม่ค่อยมีแรง มือฝืนดึงธนูออกจากไหล่แบบไม่สนเลือดที่พุ่งเป็นน้ำพุ เวอร์ แต่ไหลโจ๊กๆ แบบก๊อกรั่วเอง ผมกับกลสบตากัน ไม่ต้องนัดแนะอะไร กลถีบตัวถอยห่างจากคนตัวโต ผมที่กำลังจะถูกเก็บแตะต่างหู พริบตานั้น ร่างตรงกลางวงที่โชกเลือดก็หายไป โผล่อีกทียืนด้านหลังหมาป่าหนุ่ม ผลจากการใช้ต่างหูในการวาปไปหาอีกคน

   มือขาวซีดมีเขี้ยวงอกยาวแหวกคอเสื้อ แล้วแยกเขี้ยวกดลงบนลำคอแกร่ง สูบเลือดกลางสนามต่อสู้ ทุกสายตาจับจ้องมอง ดวงตาสีเทาไหววูบเป็นสีแดงเลือนราง ค่อยๆเข้มจนกลายเป็นสีแดงสด ริมฝีปากเปื้อนเลือดแสยะยิ้ม แลบเลียเลียจนหมดราวกับจะไม่ให้พลาดแม้แต่หยดเดียว ทางคนบริจาคเลือดยืนทำหน้านิ่ง

   พรึบ!

   เสียงปีกค้างคาวถูกกางออก บาดแผลทั่วตัวหายเป็นปลิดทิ้งไม่เหลือแม้แต่รอยแดง หากเสื้อไม่ขาด ไร้คราบเลือดคงดูไม่ออกว่าบาดเจ็บหนักมา เจ้าตัวบินรอบคอหมาป่าหนุ่มจากด้านหลัง รอบตัวคล้ายมีของมีคมเงาวับสะท้อนแสงอาทิตย์บินฉวัดเฉวียนดูอันตราย

   “แวมไพร์...”

   เสียงพึมพำเหมือนโรคติดต่อ คนหนึ่งพูดต่ออีกคน ในสนามแข่งนี้ไม่มีแวมไพร์เลยสักคน แต่ทุกคนพอจะรู้จักจากสารพัดเรื่องเล่าตำนานในโลกจริงกันมาบ้าง ความน่ากลัวของเผ่าพันธุ์นี้คือของจริง! และที่สำคัญ ขนาดกลางวันแสกๆ เจ้าตัวยังไม่มีทีท่าทุกร้อน นั่นหมายความว่า ต้องระดับสูงเอาเรื่อง ถึงเลเวลไม่มาก แต่ถ้าระดับคำสาปมาก น่ากลัวกว่าพวกดีแต่เลเวลสูงหลายคนเสียอีก

   ผมมองภาพตื่นตาตื่นใจของทุกคนอย่างพึงพอใจ มือถือเคียว พลางควบคุมเจ็ดจันทร์เสี้ยวที่ผมเอาออกมาสามเล่มคอยปัดป้องการโจมตี ที่คิดจะโจมตีใส่ตัวผมขณะบินมายืนจังก้าตรงหน้าฝั่งตรงข้าม มือยกเคียวขึ้นสูง แหงนคอปรายตามองด้วยรอยยิ้มแบบแวมไพร์ ดวงตาสีเทากลายเป็นสีแดงจับจ้องทุกคน

   ริมฝีปากพูดเพียงประโยคเดียวทำให้การต่อสู้ร้อนระอุขึ้นหลายเท่า

   “It’s Show Time….ความสนุกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก!!”
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-06-2015 20:08:09
อิ๊วววว อยากอ่านต่อไปจังเลย
อ๊ากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 06-06-2015 20:11:36
 :-[ กลพาไปไหว้คุณพ่อคุณแม่ น่ารักจริง :impress2: :impress2:
 :hao6: ขอฝึก 2 ต่อ 2 กับไวไว ใช่ฝึก :oo1: ในตอนพิเศษก่อนหน้านี้หรือเปล่าจ๊ะ
คุณสามีที่มีนม :laugh:

สองเหมียวคุยกันน่ารักดีนะ คนเขียนเป็น #ทาสแมว #ใช่อ่อ #ตอบ

ปล. สนุกครับและบวกให้เช่นเคย o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-06-2015 21:07:03
Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า

   เคียวสีแดงเข้มถูกตวัดกวาดไปด้านหน้าให้คนที่มัวแต่อึ้งโดนลูกหลงไปตามๆ กัน อาวุธเวทมนต์ไม่อาจเข้าถึงตัวแวมไพร์ได้ เมื่อมีอาวุธลับสามชิ้นกับหมาป่าหนุ่มคอยปัดป้องการโจมตีปล่อยให้เจ้าตัวอวดลวดลายเต็มที่

   “โธ่เว้ย ไม่คิดเลยว่าจะมีแวมไพร์อยู่ด้วย เรียกไอพวกใช้เวทธาตุแสงมารุมย่างมันเร็ว ยังดีที่พลังในการโจมตีไม่แรง”

   คนที่ตั้งสติได้หันไปตะโกนบอกพวกพ้องคนอื่น ชายตัวโตที่หมายตาแวมไพร์แต่แรก ขมวดคิ้วยกมือห้าม ดวงตามองการเคลื่อนไหวแสนสนุกสนานของแวมไพร์ จากตัวประกอบกลายเป็นตัวเด่นในสนาม

   “พวกนักเวทแสงห้ามเข้าไป ลบสถานะเพิ่มเลือดทุกคนเร็วเข้า”

   ได้ยินคำเตือน ทุกคนที่โดนเคียวนั้นโจมตี รีบเปิดดูสถานะตัวเองพลันเบิกตากว้าง พลังในการโจมตีไม่มาก แต่สิ่งที่ตามมาร้ายกาจยิ่งกว่า เลือดที่ลดหายไปเรื่อยๆ ราวกับถูกสูบ ยิ่งโดนโจมตีมากเท่าไหร่ ปริมาณที่ลดหายยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน คนที่สูบเลือดชาวบ้านโดยใช้อาวุธ ยกเคียวขึ้นฟ้าแล้วหมุนควงเป็นวงกลม เพิ่มเลือดให้กับฝ่ายตัวเองจนเต็มหลอด

   ความตึงเครียดเข้าเกาะกุมความคิดฝั่งตรงข้ามทันที ผมมองความระส่ำระสายพวกนั้นด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เพียงไม่นาน มีบางคนถูกสังหารกลายเป็นแสงหายออกไปจากสนาม สถานการณ์พลิกกลับจนแทบรั้งไม่อยู่ พวกนั้นยังไม่รู้ตัว ผมเป็นเพียงแค่ตัวล่อก่อความวุ่นวายเท่านั้น คนที่จัดการจริงๆ คือกล กับคนอื่นๆ ต่างหาก

   ระหว่างที่การต่อสู้ตรงลานกว้างกำลังร้อนระอุได้ที่ พวกที่หลบอยู่ในป่า วางกับดัก จัดการคนที่ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตอย่างรวดเร็ว ถ้าจะบอกว่าฝ่ายนั้นบุกเต็มกำลัง ฝ่ายนี้เองก็ป้องกันอย่างแน่นหนา

   ลินกำลังเร่งมือใช้ดาบและเวทมนต์คอยช่วยเหลือไวไวในการขึงลวด วางกับดักไพ่ระเบิด อาศัยความคล่องตัวของการเป็นสัตว์ป่าในการเคลื่อนไหว กระทั่งมีร่างหนึ่งโผล่เข้ามาจนเกิดการปะทะ หญิงสาวตรงหน้าถือมีดอาบเลือดดูน่ากลัว ชุดราวกับอลิสในแดนมหัศจรรย์

   เคร้ง!!

   เสียงมีดกับไม้เท้าปะทะกันก้องกังวาน ดวงตามองผ่านหน้ากาก ถ้าจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในสามคนที่หลบอยู่ตรงมุมตึก สองคนกำลังต่อสู้กับพวกกล ก็ว่าอยู่ทำไมถึงไม่เห็นอีกคน ที่แท้ บุกเข้ามาในป่านี่เอง

   “สวัสดีจ๊ะคุณกระต่าย อลิสมาหาแล้วนะ เรามาเล่นไล่จับกันเถอะ” เสียงหวานชวนเคลิ้ม แต่คมมีดเงาวับไม่น่าเล่นด้วย ไพ่ในมือถูกซัดออกไป อีกฝ่ายปัดทิ้งจนหมด เลยต้องปะทะกันด้วยมีดกับไม้เท้าล้วนๆ ไวไวโดนต้อนจนต้องถอย นึกแปลกใจว่าทำไมผู้ช่วยถึงหายเงียบผิดปกติ

   อลิสมองเห็นว่ากระต่ายที่กำลังไล่ล่า มองหาคนอื่น เลยหัวเราะเสียงใสพร้อมหยิบมีดขึ้นมาอีกเล่ม

   “มองหาคนขายหมวกเหรอจ๊ะ คนๆ นั้นเป็นของอลิสนะ กระต่ายต้องไปคู่กับแม่มดสิ”

   “สมการไหนของเธอเนี่ย ยัยคนบ้านิทาน กระต่ายต้องเป็นเจ้าของฮาเร็มสิ!” ปากไวสมชื่อ สวนกลับทันที ก่อนถอยจนไปชนเข้ากับคนขายหมวก เอ๊ย พ่อมดลินที่ถูกผ้าพันมัดเป็นดักแด้ติดกับต้นไม้ ไวไวชักหน้าเครียด

   “แหม่ เรื่องนี้เป็นฮาเร็มของอลิสต่างหากล่ะ จริงๆ คุณกระต่ายก็น่าสนใจนะ แต่เค้าชอบคนขายหมวกมากกว่าอะ ยกให้เค้าเถอะ”

   มีดสองเล่มไล่ต้อนกระต่ายให้ออกห่างจากพ่อมดหนุ่ม ก่อนอลิสจะเปลี่ยนไปยืนอยู่ข้างดักแด้ พลางลูบไล้ใบหน้าหล่อเหล่าของลินแทน ไวไวถึงกับเห็นทุ่งลิลลี่บานชั่วขณะ ก่อนสะบัดหัวไล่ความคิด อีกฝ่ายคงไม่รู้สินะ นั่นน่ะหญิงแท้หัวใจชาย ที่สำคัญ นั่นมันสามี มีนมของตูเฟ้ย!

   ลินมองภาพกระต่ายตีกับอลิสเพื่อแย่งด้วยเองด้วยแววตาซาบซึ้ง ลอบใช้มีดพกที่เก็บไว้ตัดผ้าออกแล้วจัดการเรียกทหารโครงกระดูกออกมาช่วยไล่ต้อนอลิสอีกแรง สาวเจ้ากระโดดหมุนตัวกลางอากาศแบบไม่กลัวกระโปรงเปิด ลินรีบยกมือปิดช่องตาตรงหน้ากากโจ๊กเกอร์ด้วยความไวจนน่าทึ่ง ประจวบเหมาะกับมีพวกเดียวกันเป็นสายนักฆ่าโผล่มาช่วย

   “หัวกิลด์สั่งให้พวกนายไปช่วยพวกที่อยู่แนวหน้า ทางนี้ฉันจัดการเอง”

   ลินพยักหน้ารับ แบกกระต่ายขึ้นบ่าแล้ววิ่งออกไปจากแนวป่าทันที ไม่ฟังเสียงร้องเรียกด้วยความขัดใจจากทางด้านหลัง ปล่อยให้อลิสซาดิสม์สู้กับคนอื่นในกิลด์ไป

   ได้ยินเสียงฝีเท้า ดวงตาสีแดงเหลือบมอง เห็นเพื่อนตัวเองกำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยสภาพช่วยขำพิกล ผมถอยฉากจากแนวหน้า ให้กลกับคนอื่นจัดการต่อชั่วคราว ไปยืนใกล้ลินที่ปล่อยไวไวลงยืนปัดเนื้อปัดตัวอยู่ข้างๆ

   “ลินมาพอดีเลย พอมีอะไรช่วยฉันกับกลเคลื่อนไหวคล่องตัวกว่านี้มั้ย พวกนี้มันเล่นสาดเวทแสงใส่กันแบบไม่เกรงใจพวกเผ่ามืดอย่างเราๆ เลย” ผมอยากอาละวาดให้เต็มที่ แต่ท้องฟ้าสว่างโร่ แดดระอุได้ไม่น้อยหน้าสงครามขนาดย่อม ทำให้ผมเคลื่อนไหวไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่นัก

   พ่อมดดาบนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนทุบมือปุ ดึงคอเสื้อไวไวมาบอกให้ช่วยคุ้มครองตัวเองระหว่างร่ายเวท

   “ในนามของข้า ผู้มาจากความมืดมิด ข้าขอสาปแช่ง” ผมสะดุ้ง เฮ้ย เดี๋ยวนะ ตะกี้ขอแค่เวทช่วยทำให้มีแรงไปปะทะกับพวกตัวปล่อยแสง แล้วไหงมาสาปแช่งกันดื้อๆ หรือผมจะบูชายันต์ด้วยกระต่ายไม่พอ...

   จะร้องห้าม ไม่ทันซะแล้ว สายเวทสีดำพุ่งเข้าใส่ร่างของผมกับกล กลยังสู้ต่อแบบไม่สะท้านกับสิ่งที่โดน ส่วนผมอึ้งค้าง โฮ ลินทำไมถึงใจร้ายกับค้างคาวตาแดงๆ

   “วัต ใจเย็นก่อน ดูดีๆ สำหรับคนอื่นมันเป็นคำสาปก็จริง แต่สำหรับพวกสายมืดด้วยกัน มันเหมือนการเพิ่มความสามารถให้มากกว่า”

   ผมแหวกนิ้วที่ปิดหน้าออกดูลิน พลังในตัวผมเพิ่มขึ้นจากพลังเวทด้านมืดจริงๆ ลินสบัดชายเสื้อคลุมพ่อมดสีดำของตัวเอง หยิบเอาคฑาเวทมนต์หัวกะโหลกคาบลูกแก้วขนาดกำมือที่ไม่ได้เห็นมานานออกมาปักไว้ตรงหน้า พร้อมตั้งสมาธิเพื่อทำอะไรบางอย่าง

   ใต้ฝ่าเท้าปรากฏวงเวทขนาดใหญ่ แผ่ความเย็นเยือกออกมาโดยรอบ หลายคนเห็นพ่อมดทำท่าจะร่ายเวทระดับสูง รีบเข้ามาโจมตีเพื่อขัดขวาง ผม ไวไว และคนในกิลด์คนอื่นช่วยกันคุ้มกัน พอลินลืมตาขึ้น บนฟ้ามีผ้าสีดำเต็มไปด้วยดวงตาแผ่ขยายปกคลุมฝ่ายศัตรูที่อยู่ในวงล้อม ภาพรอบข้างตกอยู่ในความมืด ผมมองไปรอบตัว สถานแข่งขันนี้กลายเป็นตอนกลางคืนไปแล้ว!

   “มีเวลาจำกัด ฉันไม่ได้เปลี่ยนทั้งสนามให้เป็นกลางคืน คลุมแค่บริเวณที่พวกเรากำลังสู้กันอยู่เท่านั้น รีบจัดการก่อนมันจะหมดเวลา”

   แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ดวงตาสีแดงมองไปในความมืด คนพวกนั้นกำลังร่ายเวทให้พวกเดียวกัน สร้างแสงสว่างรอบตัวให้ได้มากที่สุด ถึงอย่างนั้นก็ยังหลงเหลือเงามืดให้ใช้ซ่อนเร้นกายอยู่ดี ลินยืนจับคฑาเวทเอาไว้ ไวไวคอยปกป้องอยู่ข้างๆ พวกที่เหลือฝั่งเราแยกไปอยู่รอบนอก คอยกันไม่ให้ศัตรูด้านในหลุดออกไป

   “แบบนี้แย่แน่ รีบหาทางออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!”

   รู้ตัวช้าเกินไป ฉับพลันร่างโปร่งที่ยืนหัวเราะจนถึงเมื่อครู่ หายตัวไปปรากฎอยู่ด้านหลัง เคียวในมือเปลี่ยนเป็นเล็บทั้งสิบงอกยาวขึ้นราวกับใบมีด ด้วยความที่เป้าหมายโดนโจมตีจนเลือดลดน้อยเต็มที่อยู่แล้ว พอโดนกรีดคอเลือดพุ่งไม่นานก็เป็นแสงหายไปอีกคน

   พอเสร็จหนึ่งคน เจ้าตัวพุ่งไปหาอีกคน พลังโจมตีแตกต่างจากตอนแรกลิบลับ ความสามารถที่แท้จริงของผมไม่ได้อยู่ที่อาวุธ แต่มันอยู่ที่กรงเล็บ พลังจากคำสาปของแวมไพร์...

   ผมเลือกเก็บพวกที่มีเลือดน้อยๆ ก่อนเป็นอันดับแรก หลายคนเริ่มไหวตัวทันหลบหลีกการโจมตี ใช้อาวุธเข้าปะทะ ผมถอยฉากออก ให้กลกระโจนเข้าใส่จนพวกนั้นเปิดช่องว่างค่อยเข้าไปลอบเชือดแบบเงียบๆ ผู้ชายตัวโตกับนักเวทหนุ่มหน้าสวย สองคนนี้เก่งที่สุดในกลุ่มที่พวกเรากำลังต่อสู้ เบนเป้าหมายมาทางผมแทน

   ปีกค้างคาวถูกใช้งาน ปัดพลังเวทแล้วบินขึ้นฟ้าหนีคมดาบ เจ็ดจันทร์เสี้ยวหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้า เผยให้เห็นรูปร่างภายใต้แสงจันทร์สีเลือดเป็นครั้งแรก รูปร่างสมกับชื่อ สลักแกะลายสวยงาม ผมสะบัดมือออก คมเงาวับเพิ่มรวมกันเป็นเจ็ดลอยนิ่งอยู่รอบตัว

   “ยังมีลูกเล่นอะไรอีกแวมไพร์”

   ชายตัวโตเงยหน้ามองร่างที่บินอยู่เหนือหัวคนอื่น ผมยิ้มให้พลางยกมือทำเป็นปืนแล้วขยิบตา

   “ปัง...”

   มีดทั้งเจ็ดพุ่งตัวไปรอบทิศราวกับลูกกระสุน พร้อมความเจ็บที่เกิดขึ้นบนผิวเนื้อของผู้เฝ้ามอง เพื่อนหลายคนกลายเป็นแสงหายไป จากการร่วมมือกันระหว่างแวมไพร์ และหมาป่า ที่เหนือความคาดหมายคือ ชายตัวโตที่ถูกต้อนให้จนมุมกลับกางปีกออกมา!

   ร่างสูงโผบินเข้าปะทะกับแวมไพร์ที่ยืนควบคุมใบมีดทั้งเจ็ด ดวงตาทั้งคู่สบประสานกัน

   “คิดว่านายบินได้คนเดียวหรือไง ฉันชื่อทัต นายชื่ออะไร”

   “ไม่รู้สิ ถ้านายยอมให้ฉันกรีดสักแผล อาจจะยอมบอกก็ได้”

   หลังพุ่งเข้าใส่กันรอบต่อไป ทัตเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนจุดสำคัญ แต่ยอมให้โดนกรีดช่วงแขนเป็นทางยาว

   “ตามสัญญา บอกชื่อนายมา”

   เป็นผมแทนที่อึ้งอยู่กลางอากาศ ส่ายหัวกับการจีบแบบโต้งๆ ก่อนทิ้งตัวลงบนพื้น อีกฝ่ายบินตามมา ก่อนที่ทัตจะถึงตัวผม ถูกเงาร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาขวาง เขาวาดขาซัดแบบไม่เกรงใจ ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มวาววับไม่พอใจอย่างที่สุด เดินเข้าไปเหยียบอกคนที่ทรุดกองอยู่บนพื้นราวกับนกถูกสอยลงจากฟ้า
   
   ผมชะโงกหน้ามาจากทางด้านหลังกล

   “นายคงต้องถามเอากับเขาแล้วล่ะ”

   “ถ้างั้น คงต้องทำให้คายออกมาซะแล้ว”

   ทัตไม่ยอมแพ้ แทงดาบสวนให้กลคว้าผมถอยหลัง เกิดเป็นศึกหมาป่ากับเหยี่ยวตีกันแทน ส่วนผมหันไปจัดการกับคนที่เหลือ นักเวทส่วนใหญ่โดนผมกับกลกำจัดไปจนหมดแล้ว ที่เหลือมีแค่สายต่อสู้กับนักเวทหนุ่มหน้าสวยเพียงคนเดียว ผมใช้ความมือในการพรางกาย หลบหลีกการโจมตี

   ลอบเข้าหาคนที่อยู่ห่างจากคนอื่นที่สุด ในเล็บกรีดแผลลึกบนแผ่นหลัง ควบคุมมีดทั้งเจ็ดเล็บโจมตีซ้ำจนกลายเป็นแสง ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นเรื่อยๆ สังหารทิ้งไปทีละคน...ทีละคน...

   เลือดสีแดงกระเด็นเปรอะเปื้อนใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเบาบาง มือทั้งสองข้างอาบย้อมไปด้วยเลือด เรือนผมสีทองพลิ้วไหวยามการขยับตัว สำหรับผู้ที่เฝ้ามองอยู่นอกวงอย่างลินกับไวไว ภาพการล่าเหล่านี้เหมือนกับแวมไพร์ตัวร้ายกำลังร่ายรำท่ามกลางฝนเลือด ทุกการลงมือฉับไว โจมตีซ้ำๆ จุดเดิมในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อทดแทนกับระดับที่น้อยกว่า

   ภายนอกต่างฝ่ายต่างเฝ้ามองโดมที่อยู่ตรงกลางสนามแข่ง แม้แต่คนที่กำลังดูผ่านจอเหนือฮอลล์กลางแจ้ง พากันจับจ้องไปยังการแข่งของสองกิลด์นี้ด้วยหัวใจลุ้นระทึก

   วินาทีที่โดมสีดำค่อยๆ สลายหายไปเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน พ่อมดหนุ่มดึงคฑาเวทออกจากพื้นหลังวงเวทหายไปจนหมดสิ้น กระต่ายโจ๊กเกอร์มองสำรวจสถานการณ์รอบตัว

   แวมไพร์ยืนยิ้มยกนิ้วเลียเลือดสีแดงที่ชุ่มไปทั่วมือ ตามเนื้อตัวเสื้อผ้ามีสภาพไม่ค่อยต่างกันนัก เลือดสีแดงบนผิวขาวซีด ผู้ที่ยืนเคียงข้างคือหมาป่าหนุ่ม ดวงตาคมดุจสัตว์ร้ายจ้องศัตรูที่กระอักเลือดคำโตอยู่แทบเท้า มือหนาโอบบ่าแวมไพร์อย่างถือสิทธิ์

   ไม่มีคำพูดใดออกจากปากทั้งคู่ ชั่วขณะนั้น ดวงตาคมเหลือบเห็นบาดแผลบนผิวแก้มคนข้างตัว ลิ้นนุ่มแลบออกมาเลียรักษาแผลต่อหน้าต่อตาชาวประชา คนที่อยู่ในสนามระยะมองเห็นได้ อ้าปากค้างแทบลืมสู้ ส่วนพวกที่ชมอยู่ในฮอลล์กลางแจ้ง ราวกับมีอะไรบดบังหน้าจอนั้นชั่วขณะ จนกระทั่งหมาป่าหนุ่มผละออก ปรายตามองสีหน้าเจ็บใจของเหยี่ยวที่กลายเป็นแสงหายไป หน้าจอถึงกลับมาปกติอีกครั้ง

   เหล่า GM ที่นั่งอยู่บนที่นั่งพิเศษ พาหันมองมือหัวหน้าตัวเองเป็นตาเดียว จุดรวมสายตาแสร้งปัดชุดให้จอควบคุมขนาดเล็กหายไป แถมยังมองกลับเหมือนจะถามว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่ละคนเลยส่ายหัวขวับๆ ชมนกชมไม้ ชี้ชวนกันดูการแข่งแบบไม่เนียน ใครจะสน ขนาดหัวหน้าแผนกยังทำไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่เป็นฝีมือตัวเองชัดๆ

   แม้การต่อสู้ตรงส่วนลานโล่งจะจบแล้ว แต่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ การต่อสู้จึงดำเนินต่อไป วัตที่ใช้พลังงานจนหมด เนียนอู้กลายร่างเป็นค้างคาวเปื้อนเลือด มุดอยู่ตรงกลุ่มขนสัตว์ตรงคอเสื้อหมาป่า คอยคุมใบมีดทั้งเจ็ดช่วยเคลียทางให้คนอื่นๆ

   กระแสการต่อสู้เปลี่ยนไป จากตอนแรกจ้องทำลายฐานฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นการตะลุมบอลกันกลางสนาม ฆ่าอีกฝ่ายให้หมด เพื่อกลายเป็นผู้ชนะ ซึ่งผลออกมาไม่น่าแปลกใจนัก กำลังสำคัญส่วนใหญ่ถูกสังหารทิ้งจนหมดตั้งแต่ช่วงแรก ดังนั้นพวกที่เหลือต่อสู้ได้ไม่เท่าไหร่ เพียงไม่นานก็ถูกเก็บจนหมด แพ้ราบคราบ พวกเราชนะไปตามระเบียบ

   หลังผลการแข่งออกมา ประตูวาร์ปเปิดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนที่เหลือรอดเดินออกมาจากประตูวาร์ป พากันแยกย้ายไปพักผ่อน บางคนเลือกที่จะนั่งดูการแข่งขันของคู่อื่นต่อไป เพราะการแข่งแบบนี้จะวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดวัน

   “สุดยอดมากเลยพวกนาย บอกใครจะเชื่อแค่ระดับร้อยต้นๆ เท่านั้นเอง ยังไงพรุ่งนี้ก็ขอฝากด้วยนะ”

   ไหมเข้ามาทักพวกเรา ผมโผล่หัวจากคอเสื้อกล เจ้าหมาป่าจับผมให้มุดกลับไปตามเดิม

   “พวกนี้เหนื่อยแล้ว จะไปพัก”

   ไหมส่ายหน้าเอือมระอากับหมาป่าผู้มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยจะดี ด้วยความที่รู้จักกันมานานเลยเข้าใจ แก้มป่องงอนๆ ใส่นิดหน่อยแล้วหนีไปเกาะแขนแฟนหนุ่มของตัวเองแทน หัวหน้ากิลด์ของเรา หันมามองด้วยรอยยิ้มบางตรงมุมปากเป็นเชิงขอบคุณ ถึงจะบอกว่านิสัยคล้ายกลแต่ดูสงบเสงี่ยมกว่าเยอะเลยแฮะในความคิดผม

   ว่ากันตามจริง คนที่พักไม่ใช่ใครอื่นหรอก แต่เป็นผมนี้แหละ ออกแรงมากไปหน่อยกลางวันแสกๆ ถึงจะมีเวทมนต์ของลินช่วย ก่อนหน้านั้นยังตากแดดบู๊แหลกอยู่ดี กลพาผมกลับห้องพัก อันกับแรกต้องจัดการกับคราบเลือดบนตัว และกลิ่นคาวคลุ้งพวกนี้ก่อน

   น้ำอุ่นถูกเปิดใส่อ่างไม้ กลถอดเสื้อผ้าพาผมล้างตัวเอาคราบเลือดออกก่อน ค่อยลงไปแช่โดยมีผมนั่งแปะบนฝ่ามือหนาแช่น้ำสบายใจ นิ้วโป้งหมาป่า เขี่ยผมเล่นให้กลิ้งไปมาบนฝ่ามือ แช่น้ำจนขนเปียกปอน

   “กลับร่างคนสิ เดี๋ยวจะให้ดื่มเลือด”

   หมาป่าบอก ผมพยักหน้ารับลืมคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบและล่อแหลมสุดๆ ค้างคาวตัวกลมสบัดขนไล่น้ำ กลับสู่ร่างคนถอดเสื้อผ้าออกกลับลงไปแช่ในถังไม้ตามเดิม ต้องขอบคุณที่อ่างมันกว้างพอให้พวกเราแช่กันได้ทั้งคู่

   “มาสิ”

   เสียงทุ้มต่ำเหมือนโดนล่อลวง ผมขยับกายเข้าไปหา วางมือกับแผ่นอกกว้าง เห็นกล้ามสมส่วนใต้ผิวน้ำ ยิ่งพออยู่ในเกมผมตัวขาวซีดกว่าตัวจริง ทำให้สีผิวของพวกเราตัดกันสุดๆ วงแขนแกร่งโอบเอวผมเข้าไว้แนบชิด ดวงตาสีแดงของแวมไพร์ดูล่องลอยจากความหิว ริมฝีปากบางอ้าปากพร้อมเขี้ยวที่งอกยาวขึ้นเตรียมงับดูดเลือด

   ตึ๊ง!

   เสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นกะทันหัน ผมสะดุ้งเหมือนหลุดจากภวังค์ เปิดดูข้อความแบบมึนๆ กลทำหน้าเหมือนขัดใจอะไรบางอย่าง ได้ยินเสียงเหมือนคำรามเบาๆ ในลำคอ แบบต้องอยู่ในระยะประชิดมากๆ เท่านั้นถึงจะได้ยิน

   ดวงตาสีแดงอ่านข้อความ

   ‘วัต พี่เห็นเราสู้ซะเยอะน่าจะหิว พี่ส่งเลือดสำรองมาให้แล้ว แถมกล่องสำหรับเก็บรักษาโดยเฉพาะ เก็บไว้ดื่มได้นานๆ ไม่ต้องห่วง อันนี้พี่ใช้เงินในเกมซื้อมาเอง ไม่ได้โกงอะไรทั้งนั้น อีกอย่าง ตอนค่ำมาหาพี่ที่ร้านตรงหัวมุมติดกับร้านขายอุปกรณ์เวทมนต์ด้วย จะพาเพื่อนมาก็ได้ ด้วยรักจากพี่
                                 อาชวิน’

   ผมหันไปมองกล เขยิบตัวออกให้หมาป่าอ่านข้อความในจดหมายด้วย

   “ก็อย่างที่เห็น ปะ อาบน้ำเสร็จไปแต่งตัวกันดีกว่า เดี๋ยวแวะไปซื้อของให้พี่ชินก่อนถึงเวลานัดด้วย”

   สีหน้ากลไม่อยากทำตามแบบสุดๆ ในเมื่อคนที่นัดดันเป็นอาจารย์ควบตำแหน่งพี่เมีย เลยจำใจต้องแงะตัวเองออกจากร่างเนียนที่แอบมีกล้ามนิดๆ ไปใส่เสื้อผ้าแต่โดยดี เนียนหอมแก้มสักทีเพื่อเป็นสิ่งย้อมใจ ผมหัวเราะกับอาการหมาอิดออด แล้วทักไปบอกลินกับไวไวเรื่องเวลานัดด้วย พลางซัดเลือดที่พี่วินส่งมาให้ไปหนึ่งถุง รู้สึกดีขึ้นเยอะ

   รอบนี้ผมกับกลเดินตลาดในร่างคน ไม่รู้เป็นดวงสมพงษ์หรืออะไรกันแน่ ของที่ผมถูกใจดันเป็นของจากร้านเดียวกับครั้งที่แล้ว ลุงแกมองพวกผมเหมือนไม่อยากเชื่อ

   “เฮ้ยไอหนุ่ม ค้างคาวกับหมาป่าตอนนั้นใช่มั้ย ฉันเห็นพวกนายแข่งแล้วโคตรเจ๋งเลย”

   ผมรีบถลาไปตระครุบปากพ่อค้า ไม่งั้นเดี๋ยวการเดินช้อปของพวกผมไม่สงบสุขพอดี หลายคนเริ่มมองมาแล้วด้วย การแข่งครั้งนั้นมีตั้งหลายสิบจอ ทำไมถึงมาดูแต่จอที่พวกผมอยู่ก็ไม่รู้

   “ชู่ว เบาๆ สิ พวกผมแค่ผู้เล่นไม่ใช่ดารา ผมเอาชิ้นนี้นะ ราคาเท่าไหร่” ผมหยิบเจ้าของที่หมายตาไว้ยกชูให้ลุงแกดู

   “เอ็งหนิซื้อแต่พวกเครื่องประดับไม่เพิ่มสถานะอะไรเลยนะ เอ้า เท่าเดิมแล้วกัน”

   ผมยิ้มกว้าง หยิบถุงเงินจ่ายให้ลุง ไม่รอให้แกชวนคุยอะไรต่อ รีบลากกลเผ่นจากร้านไปดูของอย่างอื่นแทน มื้อเที่ยวเราซื้อของกินแถวนั้นนั่งทานแบบง่ายๆ ผมเดินตลาดจนเริ่มเบื่อเลยชวนกลไปทัวร์รอบเมืองดูผู้เล่นคนอื่นๆ แทน ไม่คิดจะกลับไปที่ฮอลล์กลางแจ้งตอนนี้เด็ดขาด

   “เหมือนเรามาเดทกันเลยแฮะ แม้จะแค่ไหนเกมก็เถอะ”
   
   คนหัวทอง ดวงตากลับเป็นสีเทาตามเดิม พึมพำระหว่างนั่งเล่นตรงน้ำพุ กลละสายตาจากการมองไล่คนชาวบ้านไม่ให้เข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวมามองคนข้างกาย

   “เพิ่งรู้ตัว? ไว้เราไปเดทกันในโลกจริงกันที่หลัง ที่ไหนดี? ถ้าให้ฉันเสนอ ฉันชอบบนเตียงมากที่สุด...”

   เสียงหัวเราะในลำคอถ้าผู้หญิงได้ยินคงละลาย แต่กับคนที่เริ่มรู้นิสัยอีกฝ่ายดี คิดว่ามันเป็นสัญญาณเตือนภัยมากกว่า ศอกแหลมๆ จัดใส่พุงแข็งๆ

   “เก็บอาการหน่อยมั้ย” ผมกรอกตามองดวงตาคมที่พราวระยับ หางส่ายไปมาแลดูชั่วร้ายเหมือนกำลังล่อลวงเหยื่อตัวน้อยๆ ให้ติดกับ เสียดาย ผมไม่ใช่ลูกแกะ ลูกกวาง ลูกแมวที่ไหน เป็นแวมไพร์ตัวร้ายที่พร้อมจะโดดงับคอได้ทุกเมื่อ

   คนตัวขาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วงับกระเดือกคนตัวสูงด้วยริมฝีปาก สัมผัสนุ่มเปียกชื้นทำให้หมาป่าสะดุ้งหูตั้ง ดันอีกฝ่ายออก จับไหล่สองข้างแน่น ยึดไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเองอีก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องเขม็งเอาเรื่อง ผมมีหรือจะสน หัวเราะเบิกบานได้เอาคืนหมาหื่นด้วยความหื่นกว่า

   กลกระซิบเสียงรอดไรฟันขู่

   “ขอบคุณพี่ชายนายด้วยที่เอาระบบความรู้สึกแบบนั้นออก ลองนายทำในโลกจริงสิ ได้เห็นดีกันแน่”

   ผมเลิกคิ้วใส่กวนๆ กลทำอะไรไม่ได้ คว้าผมเข้าไปฟัดล็อกคอด้วยแขนเล่นหยอกกันไปกันมาอยู่ตรงน้ำพุเป็นที่อิจฉาของคนเดินผ่านไปผ่านมา หลังจากนี้ไม่ต้องคิดมาก แค่หมาป่าไล่กวดแวมไพร์ที่บินหนีไปเกือบทั่วเมือง กว่าจะเลิกเล่นกันได้ ใกล้เวลานัดพอดี

   ผมยอมบินลงมาเกาะหลังกลแล้วเก็บปีก ให้หมาป่าเนวิเกเตอร์นำทาง นัดเจอกับพวกไวไวที่หน้าร้าน ร้านที่นัดมีห้องรับรองแบบพิเศษ พอพนักงานร้านเห็นหน้าผมกับกลก็เดินนำไปยังชั้นบนทันที ภายในถูกจัดแบบเรียบง่าย มีกลิ่นอาหารหอมๆ อบอวนไปทั่ว หลายคนกำลังนั่งทานอยู่ แต่ละโต๊ะจะมีแจกันดอกไม้วางประดับไว้ เห็นว่าดอกไม้จะเปลี่ยนไปตามช่วง ที่สำคัญ เจ้าดอกไม้พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งในเมนูอาหารด้วย

   ชั้นบนเป็นทางเดินยาว มีห้องอยู่ด้านซ้ายเพียงฝั่งเดียว เดินผ่านไปถึงห้องที่สี่ พนักงานเปิดประตูออกให้ ด้านในมีพี่วินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มองเลยไปด้านหลังเป็นแม่น้ำ ท้องฟ้า ทุ่งดอกไม้กับพระจันทร์ชัดแจ๋ว โต๊ะยาวตรงกลางเป็นโต๊ะเตี้ยแบบนั่งพื้น

   พี่วินกับพี่ชิน สองคนนี้มาในรูปแบบของผู้เล่น ผมถลาเข้าไปกอดหางพี่ชินเป็นอันดับแรก เจ้าตัวแบมือยื่นมาตรงหน้าผม ผมหัวเราะหยิบของฝากวางให้ มันเป็นต่างหูข้างเดียว กระพรวนลูกเล็กสีเงินๆ คิดว่าน่าจะเหมาะกับพี่ชินในเวอชั่นจิ้งจอกหนุ่ม

   “ขอบใจนะ” มือหนาลูบหัว ใส่ต่างหูทันที เหมาะอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย
   
   “พี่วินนัดมาแบบนี้มีอะไรรึเปล่าครับ” ไวไวในคราบกระต่ายโจ๊กเกอร์นั่งลงพร้อมกับลิน ถามถึงจุดประสงค์ของคนเชิญ ในเมื่อปกติถ้าเจ้าตัวคิดจะไปหาน้องชายหรือมีเรื่องคุย ก็โผล่ไปหาเอง ไม่ต้องนัดกันออกมาเจอแบบนี้

   “หาเรื่องกินร้านหรูๆ อีกเหตุผลคือ มีคนขอมาน่ะ”
   
   ทุกคนมองไปทางประตูเป็นตาเดียว คนที่เปิดเข้ามาคือพี่อินตามมาด้วยผู้ชายและผู้หญิงสามคน แสนคุ้นหน้า จะไม่ให้คุ้นได้ยังไง เพิ่งเจอกันในสนามวันนี้!

   “เฮ้ย!”

   “หวัดดีจ้า”

   ไวไวร้องอุทานชี้ไปทางผู้หญิงแต่งชุดเหมือนอลิสในแดนมหัศจรรย์ ผมกับกลจ้องเขม็งไปทางผู้ชายอีกสองคน กระทั่งทุกคนนั่งที่เรียบร้อยกันหมด คนนั่งหัวโต๊ะเริ่มแนะนำตัวแต่ละคน

   “จิ้งจอกตรงนั้นพวกนายน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว หัวทองนั้นน้องชายฉัน ไอหมาป่าคือลูกศิษย์ กระต่ายกับพ่อมดนั่นเป็นเพื่อนของน้องชายฉัน ส่วนทางนู่น ไอเด็กตาขวางตัวโตชื่อทัต หลานของอินทรี อีกสองคนเพื่อนเจ้าตัว”

   ผมยกมือหลังจากพี่ชายแนะนำเสร็จแบบส่งๆ ยังไงชอบกล

   “เดี๋ยวพี่ แนะนำแค่นี้เรอะ”

   “ใช่ รู้จักกันไว้ แค่นี้พอรึยังอิน”

   ไม่รู้สองคนนี้ไปตกลงอะไรกันไว้ ชายร่างสูงพยักหน้ารับดูจอารมณ์ดี พี่ชินแอบกระซิบบอกผมว่า สิ่งที่อินขอแทนการช่วยเหลือตอนลุยดันเจี้ยนเกาะก่อนหน้านี้คือพาพวกผมมาแนะนำให้รู้จักกับหลานชาย ต่อจากนี้คงไม่ต้องเดา พี่อินถูกนายทัตขอมาอีกทีแหงๆ

   ผู้ใหญ่หันไปคุยกันเอง ถึงคราวรุ่นๆ อย่างเราแนะนำตัวกันบ้าง ผมจนใจบอกชื่อตัวเองไป แนะนำกล ไวไว ลินแถมไปด้วย ทางนั้นแนะนำตัวอีกครั้ง ทัตหลานพี่อิน นักเวทหนุ่มหน้าสวยที่มองกลตลอดชื่อน้ำ ผู้หญิงหนึ่งเดียวของฝั่งนั้น จ้องลินคล้ายจะจับตัวกลับไปให้ได้ชื่ออลิส

   การนัดพบกันคราวนี้อึดอัดเบาๆ สิ่งที่เห็นชัดเจนคือทัตยังจ้องผมอยู่ น้ำดูสนใจกล อลิสแทบจะกลืนกินลิน และไวไวผู้ถูกทอดทิ้ง ผมไหลไปหาพวกพี่ๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่อยากอยู่ตรงกลางการสาดสายตาระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่า เหมือนไมเกรนจะกินเบาๆ

   มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในความคิดพวกเราสี่คนแบบไม่ต้องนัดกันล่วงหน้าคือ จบการแข่งขันกิลด์ครั้งนี้ จะรีบเผ่นออกจากเมืองหลวงไปผจญภัยโลกกว้าง หนีสามตัวไม่น่าไว้ใจ

   ก่อนกลับ พี่วินกับพี่ชินรั้งตัวผมไว้ พี่อินหนีไปเฝ้าเรือตามเดิม พวกที่เหลือคล้ายนัดแนะกันทางสายตา ขอตัวออกไปคุยกันด้านนอก จากสีหน้าสบายๆ ของพี่วิน จู่ๆ เปลี่ยนเป็นซีเรียสขึ้นมาจนผมกับไวไวยังแปลกใจ สองมือประสานตรงหน้า มองผมนิ่ง แววตาแฝงความเป็นห่วงไว้

   “ความจริงพี่นัดเราเจอไม่ใช่เพราะเรื่องคำขอของอินอย่างเดียว พี่อยากจะเตือนเราไว้ มีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่เป้าหมายของพวกนั้นคือเรา”

   “หมายความว่ายังไงพี่ ผมที่ไม่มีความสามารถโดดเด่นอะไรเลยอะนะ พี่เข้าใจผิดป่าว” ผมพูดแบบไม่อยากจะเชื่อ ถ้าจะจับตัวกลไปใช้งานค่อยว่าไปอย่าง

   “ทีแรกพี่ก็คิดแบบนั้น จนกระทั่งพี่รู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องราวพวกนี้ทั้งหมด”
   
   “ทั้งหมด?” คนฟังเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย พี่วินกำลังพูดเรื่องคนที่สะกดรอยตามผมกับกลรึเปล่า ทำไมฟังแล้วราวกับว่าคนพวกนั้นไม่ใช่แค่สะกดรอยตามเราอย่างเดียว แต่ทำเรื่องอื่นด้วย

   “อ้าว เจ้าหนูหมาป่านั่นเล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องที่พวกมันขายของเถื่อนคิดทำลายความเชื่อใจของผู้ใช้โลกจำลอง” พี่ชินเสริมขึ้นมา ผมยิ่งตาโต

   “ห๊ะ! ของเถื่อน ผมรู้แค่ว่าพวกมันทำอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้ลึกถึงขนาดนั้น นี่ผมชักงงแล้วนะ ตกลงมันยังไงกันแน่ แล้วพวกของเถื่อนมันเกี่ยวอะไรกับพวกสะกดรอยตามล่ะ”

   สองพี่ชายมองหน้ากัน พี่วินเงียบจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง พี่ชินเลยรับหน้าที่อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังแทน

   “พี่จะสรุปแบบให้เข้าใจง่ายๆ เลยแล้วกัน ไม่ว่าจะคนขายของเถื่อนหรือกลุ่มคนที่สะกดรอยตาม พวกนั้นมีเจ้านายคนเดียวกัน เป้าหมายของเจ้านั่นคือวิน ทีนี้ลองคิดดู ระหว่างกลที่เพิ่งมาเป็นลูกศิษย์ไม่นาน มีแค่คนในไม่กี่คนที่รู้ กับวัตที่เป็นน้องชายเพียงคนเดียว มันคิดจะจับคนไหน”

   “ผม...พวกมันต้องการตัวผม...” เรื่องพี่วินเป็นพวกรักน้องไม่ใช่ความลับอะไร ทุกคนที่รู้จักพี่วินย่อมรู้ดีแม้จะไม่เคยเจอผมก็ตาม ถ้าเป้าหมายพวกมันคือพี่วินแล้วล่ะก็ คนที่มันต้องการตัวน่าจะเป็นผมนี่แหละ ส่วนกล แค่บังเอิญอยู่ด้วยกันเวลานั้นพอดี

   “เดี๋ยว ทำไมพวกพี่ถึงมั่นใจนักว่าเป้าหมายพวกมันคือพี่วินล่ะ”

   คราวนี้พี่วินเป็นฝ่ายตอบ มองผมด้วยแววตานิ่งสงบ กับรอยยิ้มใจดีเหมือนทุกที

   “ตอนนี้พี่ยังบอกไม่ได้ เอาไว้ทุกอย่างชัดเจนมากกว่านี้ พี่จะเล่าให้ฟังนะ”

   ผมพยักหน้ารับเงียบๆ หวังว่าผมจะได้ร่วมการแข่งกิลด์ไปได้ตลอดรอดฝั่งนะ สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-06-2015 23:38:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-06-2015 11:29:18
งานนี้น่าสนุก....ไม่รู้จะมีตัวป่วนโผล่มารึเปล่านะ

ปอลิง..คนเขียนลืมเปลี่ยนหัวกระทู้นะงับ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 07-06-2015 18:31:28
โอ้ยยย ลินน่ารักอะ  งือออออ เป็นคู่นอร์มอลที่ป่วงและคิ้วท์มาก 555555555555555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-06-2015 19:34:58
กลแค่คิดจะกดเจ้าของยังไม่พอสินะ ส่้งแมวมากดแมวด้วยยยย :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-06-2015 20:32:53
อะหืออออออ คู่นี้เป็นแฟนกันละมุ้งมิ้งเลยนะ
ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
รอตอนต่อไปเนอะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 07-06-2015 20:51:44
อดใจรอตอนต่อไป

มาต่อเร็วๆนะคะ

  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-06-2015 21:25:54
กลนอกจากหวังจะกดเจ้าของเเมวแล้วยังส่งแมวมากดแมวอีกด้วยหรอออ :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 08-06-2015 00:58:44
ฮุฮุ  รอตอนต่อไปเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: INNAOM ที่ 08-06-2015 06:46:55
นั่งอ่านจนติด รอนะคะรีบมาต่อด่วน  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-06-2015 20:51:58
รอๆๆๆ ตอนนี้มันคืออินโทร รอตอนปะฉะดะ เย้!!!

ปล. นุ้งแมวน่าร๊ากกกกกกก แอบสงสารนายท่านเอาๆ แต่ก้อเหนๆอ่ะว่าขุนพลอ่ะชนะอยู่แร้น ชื่อก้อบอก 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.20 บอดี้การ์ดจำเป็น 6/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 08-06-2015 21:51:33
ขุนพลกับนายท่านจะมีซัมติงรองมั้ยเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-06-2015 23:32:20
Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ

   บรรยากาศในห้องกำลังเคร่งเครียด บรรยากาศนอกร้านเองก็เคร่งเครียดไม่แพ้กัน สองฝั่งยืนประจันหน้า สามต่อสาม คนเดินผ่านไปมานึกว่าพวกนี้จะซัดกันแล้วซะอีก ที่ไหนได้แค่ยืนจ้องหน้าเท่านั้นเลยละความสนใจไป

   เห็นภายนอกนิ่งๆ ใครจะรู้ว่าในใจแต่ละคนคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ ไวไวคิดในใจ ทำไม่เขาต้องมายืนอะไรตรงนี้แทนที่จะเข้าไปกินอาหารอร่อยข้างในด้วยเนี่ย

   “เรียกพวกฉันออกมามีอะไร พูดมาสักที” ทัตเป็นฝ่ายทนไม่ไหวกับไอ้หน้านิ่ง เริ่มบทสนทนาก่อน

   “ชอบวัต?” สั้นมาก เป็นคำถามที่สั้นจนคนไม่ชินอย่างน้ำกับอลิสต้องหันขวับไปมองเป็นตาเดียว ลินไวไวยักไหล่คล้ายจะบอกนี้แหละปกติเจ้าตัว ทัตหรี่ตา ยกยิ้มกวนอวัยวะเบื้องล่างมากมายในความคิดของคนมอง ถ้ากลมันกระโดดถีบหน้าจะไม่สงสัยเลยจริงๆ

   “ใช่ แล้วยังไง นายเป็นเจ้าของรึไง ไม่เห็นติดชื่อไว้หนิ”

   เหยี่ยวหนุ่มรู้เต็มอกว่าคนที่ตัวเองสนใจคงแห้วแบบของแท้ ในเมื่อเจ้าของตัวจริงยืนแผ่รังสีอำมหิตอยู่ตรงหน้า แวมไพร์คนนั้นเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เลย แต่คนมันพาลอะ มีปัญหาอะไรมั้ย ถึงจะแดกแห้วเหมือนอาตัวเอง ก็อยากแพ้อย่างมีคุณภาพ ป่วนประสาทให้หมามันคลั่งหน่อยแล้วกัน หึ!

   หมาป่าหนุ่มเองก็ไม่โง่ เขามองปราดเดียวรู้แล้วว่าอีกฝ่ายยอมรับว่าตัวเองแพ้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองก่อนยกยิ้มมุมปาก นับถืออีกฝ่ายนิดหน่อย ที่ยอมรับความจริงง่ายๆ แต่หลังจากนี้เขาคงต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์จิ้งจอกอีกคน เอาไว้รับมือพวกนกจอมพาล

   “ติดไม่ติดใครเป็นเจ้าของ คิดว่านายคงรู้อยู่แก่ใจ ถ้านายเป็นพวกซาดิสต์ อยากดูคนอื่นรักกันให้บาดตาเล่นก็เชิญตามสบาย แต่จำไว้อย่างหนึ่ง เขาเป็นของฉัน ต่อให้ฉันไม่ทำอะไร เขาก็ไม่มีวันไปหานาย”

   วาจาเรียบง่ายแต่บาดลึกเข้ากลางใจ ทัตกัดฟันพยายามอย่างหนักที่จะไปซัดหน้านิ่งแต่กวนอารมณ์ สำหรับกล เขาลงทุนพูดยาวๆ เพื่อจะบอกอีกฝ่ายให้ชัดเจนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนี้จะไม่มีการพูดคุยอะไรอีก เขาไม่คิดไว้หน้าคนที่มายุ่งกับคนสำคัญของตัวเอง
   
   ทัตไม่ทันได้พูดอะไร กลหันไปทางน้ำต่อ

   “ฉันไม่สนใจนาย”

   กลายเป็นน้ำที่เบิกตากว้างมองคนตรงหน้าแบบอึ้งๆ เจ้าหมาป่าปากสมเผ่าหันหลังกลับเดินล้วงกระเป๋าเข้าร้านไปซะชิบ ทิ้งให้ไวไวกับลินส่ายหน้าด้วยความปลง นี้แหละคือสิ่งที่กลเป็นเวลาไม่มีวัตอยู่ด้วย ตั้งแต่แรกเจอ เขาดีกับวัตที่ตัวเองสนใจเพียงคนเดียวเท่านั้น นิสัยแท้จริงทั้งนิ่งเฉย เย็นชา ไม่ค่อยสนใครเท่าไหร่

   ลึกๆ แล้ว พวกเขารู้ดีว่ากลเองมีส่วนที่ใจดีเหมือนกัน เพียงแค่มันไม่ค่อยโผล่ หรือจะโผล่ก็มาแบบเงียบๆ ทำให้โดยไม่ต้องขอ และไม่ป่าวประกาศให้โลกรับรู้ อย่างช่วงเก็บเลเวลกันเป็นทีม กลจะคอยแบ่งของให้ ชิ้นไหนมีประโยชน์กับใครมากที่สุดก็จะให้คนนั้น บางครั้งไม่รู้นึกคึกอะไร เดินมาแนะนำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วจากไป...

   “ร้ายกาจจริงๆ ยังดีที่ฉันแค่ติดใจรูปร่างหน้าตาของเขา ถ้าฉันชอบเขาจริงๆ คงรู้สึกผิดต่อตัวเองไปชั่วชีวิต”

   น้ำพึมพำเจือด้วยเสียงหัวเราะ ทัตใบหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์แล้วสะบัดหน้าเดินแยกไปอีกทางไม่คิดกลับเข้าร้าน

   “ไอ้ดำนั่นมันมีอะไรน่าชอบกัน ดีแค่หน้าตา” ดูคุณชายท่านจะเคืองจัด น้ำยักไหล่เดิมตามเพื่อนไป ปล่อยให้อลิสยืนมองไวไวสลับกับลินที่หลุดขำพรืดออกมา

   ตั้งแต่เล่นเกมจนมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีใครด่ากลว่าดำเลยสักครั้ง อันที่จริงเขาเรียกผิวเข้ม แต่จะบอกว่าดำก็ไม่ผิดนักหรอก ติดที่ว่า ดันดำแล้วเสือกดูดี เข้ากับบุคลิกท่าทางและรูปร่างหน้าตาสุดๆ เลยทำให้ดูเหมือนผู้ชายหล่อมาดเข้ม ถ้าวัตได้ยินสิ่งที่ทัตพูด คงกุมท้องหัวเราะกลิ้งแบบไม่สำนึกว่าตัวเองน่ะแหละ คนแปลกที่ดันชอบของดำ

   “พวกนั้นอะไรก็ไม่รู้ อลิสไม่เห็นเข้าใจ ช่างเถอะ คุณชายขายหมวก สนใจไปเดินทางกับพวกอลิสมั้ยจ๊ะ”

   อลิสเกาะแขนลินด้วยรอยยิ้มกว้าง ลินถอยหลังคว้ากระต่ายไร้บทเข้ามาเป็นไม้กันอลิส

   “ไม่มีทาง ฉันมีไวไวอยู่แล้ว ไม่คิดเผื่อตาไปมองใครหรอก ฉันทำอะไรฉันรับผิดชอบนะ!”

   หญิงสาวเอียงคอสงสัยกับรูปประโยคของพ่อมดหนุ่ม ไวไวนึกอยากเอาเท้ามาก่ายหน้าผาก ของคุณที่ตัวเองใส่หน้ากากไว้ ทำให้ไม่มีใครเห็นสีหน้าของเขาในเวลานี้ ทั้งอาย ทั้งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่สบอารมณ์ ไม่ได้หงุดหงิดลิน แต่โกรธตัวเองที่ยอม ผีอะไรมันเข้าสิงตูวะเนี่ย ไวไวเครียด!

   “ทั้งสองคนคบกันอยู่เหรอ”

   “ใช่ พวกเรารักกันม๊ากมากด้วย ถ้าไม่เชื่อจะพิสูจน์ให้ดูเลยก็ได้”

   เหมือนพ่อมดบางคนจะเริ่มหมดความอดทนกับลูกตื้อของแม่นางอลิส

   “ไหนๆ อลิสอยากเห็น เอาเลยๆ”

   อีกคนแทนที่จะอึ้งหรือช็อก ดันตรบมือชอบใจเชียร์ให้ลินพิสูจน์ กระต่ายหัวเน่า ชักอยากให้ตัวเองไร้บทต่อไป มองหน้าลินแบบหวาดๆ วิธีมันต้องไม่ธรรมดาแน่

   พ่อมดหนุ่มคว้าอีกคนเข้ามาใกล้ ถอดหน้ากากออกแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ แล้วประกบปากจูบดังจ๊วฟ เสียงดังฟังชัด คนโดนขโมยจูบแวบแรกอึ้ง ต่อมามีอารมณ์บ้าเข้ามาผลักดัน ยังไงเขาก็ผู้ชายทั้งแท่ง ปล่อยให้ผู้หญิง(ในร่างชาย) รุกฝ่ายเดียวได้ยังไง

   สองมือกระต่ายถึก จัดแจงประกบหน้าพ่อมดหนุ่ม เอียงหน้าให้ได้องสา จัดการรุกกลับแบบไม่มีอ่อนข้อ ฝ่ายโดนต้อนเริ่มมึนงงซะเอง กระทั่งผละหน้าออกจากกัน น้ำใสเป็นเส้นเชื่อม ไวไวเลียริมฝีปาก ถือได้ว่าไม่เลว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็ตาม

   ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ สองคนมองสบตากันลึกซึ้ง หนึ่งสาวผู้ถูกกันอยู่วงนอก ยกสองมือปิดปากด้วยความช็อก จ้องมองภาพเบื้องหน้า ส่ายหัวไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น

   “กรี๊ดดด เป็นแบบนี้ก็ไม่บอก อลิสชอบยิ่งกว่าเดิมอีก! ขอเหมาสองเลยคร้า~” เสียงกรี๊ดเบาๆ ดังมากจากหญิงสาว ร่างเล็กโผเข้ามาเกาะแขนทั้งคู่ ลินสติกลับเข้าร่างมองผู้หญิงที่เกาะแขนตัวเอง ไวไวยักไหล่คล้ายกับจะปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้น สรุป จากศึกชิงนาย กลายเป็นเสียงหัวเราะ


   การแข่งขันรอบต่อไปเริ่มต้นขึ้นในวันต่อมา จากการแข่งเมื่อวาน หลายทีมตกรอบไป เหลือพวกที่ผ่านจับคู่ต่อสู้กันต่อตามตารางที่ทางเกมส่งมาให้ผู้เข้าร่วม ซึ่งปัจจุบัน เหลือเพียงแค่ 50 กิลด์เท่านั้น

   กิลด์ดาร์กเนสที่พวกวัตอยู่เปลี่ยนแผนเล็กน้อย แบ่งพวกเฝ้าฐานส่วนหนึ่ง ที่เหลือลุยด้านหน้า จัดการผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม เน้นกำจัดผู้เล่นมากกว่าทำลายฐาน ผลจากการฆ่าล้างบางรอบที่ผ่านมา

   แทบหน้าสุดคือกลุ่มคนที่มีพลังป้องกันสูง คอยรับดาเมจจากศัตรูแทนพวกพ้อง ถัดมาเป็นพวกโจมตีระยะใกล้ ที่จะสลับโจมตีฝ่ายตรงข้ามและหลบมาอยู่หลังพวกป้องกัน ให้พวกนักเวท ธนู สายโจมตีระยะไกลจัดการระหว่างฟื้นพลังจากสกิลของพวกนักบวชที่อยู่โซนหลัง ประกบด้วยสายป้องกันบางส่วน เผื่อในยามฉุกเฉิน เมื่อศัตรูลอบเข้ามาจากทางด้านหลังที่มีแต่พวกพลังป้องกันน้อย

   กลุ่มปาร์ตี้ของวัต จัดอยู่ในส่วนสายป่วน คอยทำให้ฝั่งตรงข้ามเสียขบวน เคลื่อนไหวไปรอบๆ สนาม ไหมเรียกทุกคนมาคุยอีกครั้งก่อนเริ่มการแข่งขัน ตรงจุดฐาน จำลองเหมือนแท่นขึ้นมา เหนือแท่นมีคริสตัล เปรียบเสมือนหัวใจของฐาน ถ้าคริสตัลถูกทำลายจะแพ้ทันที

   “ทำตามแผนการที่วางไว้ เปลี่ยนรูปขบวนไปเรื่อยๆ อย่ารวมตัวกันอยู่แค่ตรงกลางอย่างเดียว ไม่งั้นเราจะถูกล้อม…”

   ผมยืนฟังพี่กาลหัวหน้ากิลด์ทวนแผนการอีกครั้งก่อนเริ่มการแข่ง รอบนี้หนักกว่ารอบที่แล้ว เพราะสนามมีเพียงลานโล่งกว้าง และแท่นคริสตัลของทั้งสองฝั่ง อยู่สุดขอบสนามทั้งสองด้าน แถมหลังจากนี้สนามจะถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบนี้หมด เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายซัดกันแบบเต็มๆ

   ขอบรรยายถึงกิลด์พี่กาลญาติของกลหน่อยแล้วกัน กิลด์ดาร์กเนส ถูกตั้งมาตั้งแต่สมัยเกมเปิดใหม่ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน ไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นตลอด แต่มีกำลังคนแข็งแกร่งจนน่าตกใจ ถือเป็นกิลด์อันดับต้นๆ ของเกมในขณะนี้ ประมาณว่าเดินไปที่ไหน ใครได้ยินชื่อ ถ้าไม่รู้จักก็ต้องคุ้นหูกันอยู่บ้าง

   ฝั่งตรงข้ามไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เป็นกิลด์ที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน คิดว่างานนี้คงไม่ลำบากอะไรนัก ยิ่งมีเจ้าพวกนี้มาแทนสมาชิกสามคนที่ขอตัวออกจากการแข่งเพราะติดธุระ

   ผมมองไปทางคนข้างตัว ทัต น้ำ อลิส มากันครบ เจ้าพวกนี้บอกว่า จริงๆ ไม่มีกิลด์อยู่ แต่กิลด์ที่ปะทะไปเมื่อวาน จ้างให้เข้าร่วมเพื่อเพิ่มโอกาสชนะ พอกิลด์นั้นแพ้แล้ว เลยเสนอหน้ามาขออยู่กับพวกเราแทนชั่วคราวเหมือนพวกผม อันที่จริง ผมคิดว่าพวกนี้คงมาหาอะไรสนุกๆ ทำมากกว่า ไหมยินดี พี่กาลแฟนว่าไงว่าตามนั้น แต่น้องญาติผู้น้องของพี่กาลดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ย้อนกลับไปช่วงก่อนเข้าวาป...

   “วันนี้เรามาลุยแหลก ฆ่าให้เรียบ” กระต่ายโจ๊กเกอร์ท่าทางคึกคักอยู่ในกลุ่ม ระหว่างรอประตูวาปเข้าสนามแข่งเปิด

   “กลัวแต่จะโดนพวกระดับสูงๆ ของทางนั้นเชือดเอาสิไม่ว่า อย่าลืม ตอนนี้พวกเราถือเป็นกลุ่มคนเลเวลน้อยนะ” ผมส่ายหัว ขำเจ้ากระต่าย ระหว่างดูสกิลของตัวเองไปพลางๆ คิดทบทวนว่าจะสู้แบบไหนดี

   มือข้างหนึ่งแตะบนไหล่ ผมหันไปเลิกคิ้วมองคนที่เข้ามาทัก พอเห็นว่าใครเป็นอันต้องเบิกตากว้าง เท่านั้นไม่พอ สัญลักษณ์กิลด์ดาร์กเรสบนชุดอีกฝ่ายทำให้ผมอ้าปากค้าง

   “ทัต น้ำ อลิส! ไหงนายมาร่วมกิลด์กับพวกเราได้ล่ะ?” ผมสงสัยจริงๆนะเนี่ย ทัตหัวเราะชอบใจหลังเห็นอาการตกใจจนเว่อของผม ขนาดลินกับไวไวยังหันขวับมามอง

   “ทำหน้าแบบนั้น ไม่อยากให้พวกเรามาร่วมด้วยเหรอ” แววตาของทัตฉายความเสียใจออกมา ผมรีบส่ายหน้าโบกมือพัลวัน ทางอลิสวิ่งร่าไปเกาะแขนพ่อมดกับกระต่ายแล้ว

   “ป่าวๆ แค่สงสัยเฉยๆ พวกนายมากก็ดี จะได้ช่วยกัน”

   “ค่อยยังชั่ว นึกว่านายจะไม่ต้อนรับซะอีก” ทัตสีหน้าโล่งใจ กอดคอผมเหมือนเวลาไวไวมันทำ แค่ในฐานะเพื่อนผมเลยไม่คิดอะไร น้ำที่อยู่ข้างทัตยิ้มนิดๆ ให้เป็นเชิงทักทาย

   “กิลด์เก่าพวกนายล่ะ จะไม่เป็นไรเหรอ”
   
   “พวกเราไม่มีกิลด์อยู่แต่แรกแล้ว พวกนั้นแค่จ้างเราไปช่วยเฉยๆ หมดสัญญาก็แยกย้าย”

   คุณผู้ชมครับ ผมรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างจากทางด้านหลัง อาจจะมีพลังงานบางอย่างอยู่ ก็ เป็น ได้... มือหนาคว้าแขนที่อยู่ตรงคอผมออก พร้อมย้ายตัวเองมายืนแทรก หางกดต่ำ ดวงตาคมหรี่มอง ทัตยังไม่หุบยิ้ม แถมยักคิ้วกวนๆ ใส่กล ผมเห็นร่างอวตารหมาป่ากับเหยี่ยวตีกันในอากาศ

   เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ ปัจจุบัน ผมต้องมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสัตว์ร้ายสองตัวที่กำลังตีกันทางสายตา ไม่รู้ว่าเมื่อวานไปคุยอะไรกันมาถึงได้ดูเหมือนจะเหม็นขี้หน้ากันมากกว่าเดิม น้ำยิ้มอย่างเดียวดูไม่สะทกสะท้านกับออร่าแสนสะพรึงรอบตัวผมเลยแม้แต่น้อย ทางอลิสตั้งแต่เจอกัน ยังเกาะลินกับไวไวไม่ปล่อย คุยกันอยู่สามคน เอ๊ะ หรือพวกนั้นจะ 3P?

   “ทุกคนประจำที่”

   พี่กาลประกาศด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น เจ้าตัวรับหน้าที่เป็นคนเฝ้าฐานคู่กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งและภรรยาคนสวยซัพพอตอยู่ด้านหลัง ผมลากแขนหมาป่ากับเหยี่ยวไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ที่เหลือเดินตามมายืนประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม

   พวกนั้นจ้องกลุ่มผมตาเขม็ง คาดว่าจะถูกกำจัดเป็นพวกแรกแหงๆ เพราะความสามารถของผมมันป่วนสนามแบบสุดๆ สองหมาป่าเหยี่ยวเลิกตีกัน ยืนเป็นองครักษ์ซ้ายขวา กลหยิบกรงเล็บขึ้นมาใส่ ทัตเรียกดาบสองมือเตรียมพร้อม ไวไวหมุนไม้เท้าเตรียมไฝว้ ลินมือข้างหนึ่งถือดาบ อีกข้างถือคทาน่ากลัวหลาย น้ำถือสมุดหนังสือปกสีขาวขอบทอง อลิสกำมีดคมเงาวับสองมือ และผมยืนหล่อเฉยๆ

   “3 2 1 เริ่มได้!!”

   เสียงประกาศสุดคลาสสิกพร้อมการออกตัวลุยของทั้งสองฝั่ง แสงสกิลเสียงตะโกนดังโหวกเหวก

   “ในนามของข้าผู้อยู่ใต้บัญชาแห่งเงามืด ขอสาปแช่งเป้าหมายให้ตกอยู่ในความมืดมิด… Eye Night!”

   แสงสว่างสีดำพุ่งเข้าใส่ร่างผมกับกล มันเป็นสกิลเดียวกับที่ลินเคยใช้ ทำให้ผมกับกลเห็นทุกอย่างรอบกายเป็นเวลากลางคืน ค่าพลังของพวกเราเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าหนึ่ง หากเป็นคนปกติโดน มันจะกลายเป็นอุปสรรค์ในการต่อสู้มาก รอยยิ้มแสยะปรากฏบนเรียวปาก เพียงสะบัดมือครั้งเดียว เงามีดทั้งเจ็ดเผยโฉมรอบกายเป็นวงกลม

   “เจ็ดจันทร์เสี้ยว ลุย!”

   ผมชี้ไปทางด้านหน้า เงามีดทั้งเจ็ดหายไป พร้อมๆ กับศัตรูรอบตัวเกิดบาดแผลน้อยใหญ่ตามตัวมากมาย พลังโจมตีไม่มาก แต่สิ่งที่ได้รับหนักหนาจนหลายคนชักหน้าเครียด ผมใส่สถานะให้มีดสี่เล่มโจมตีเต็มกำลังและทำให้ผู้ที่โดนโจมตีติดสถานะเลือดลดทุกๆ หนึ่งวินาที อีกสองเล่มคอยปัดป้องการโจมตีไม่ให้เข้ามาถึงตัวผม ส่วนเล่มสุดท้าย คอยดูดเลือดฝั่งตรงข้ามให้ผมรวมพลังในการใช้สกิลอื่น

   เคียวสีแดงโลหิตถูกเรียกออกมา มือขาวซีดจับเคียวเป็นแนวนอน ก่อนหมุนแยกออกมีโซ่เป็นจุดเชื่อม พร้อมด้ามจับที่กลายเป็นเคียวอีกเล่ม อาวุธเปลี่ยนเป็นเคียวเล็กสองมือ

   “ฆ่าแวมไพร์ตัวนั้นเร็ว!”

   ก่อนที่อาวุธและพลังเวททั้งหมดจะโดนตัว ร่างที่ยืนอยู่หายไปในชั่วพริบตา หลายคนหันไปมองทางหมาป่า คิดว่าน่าจะใช้สกิลอะไรบางอย่างเหมือนกับการแข่งก่อนหน้านี้ หมาป่าหนุ่มใบหน้าเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะชายตามองพลางซัดศัตรูจนปลิวไปอีกทาง

   คนที่ทุกคนกำลังมองหาไม่ได้อยู่กับหมาป่าอย่างที่คิด เงาร่างนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้าโจมตีศัตรูทางด้านหลัง เพียงไม่นาน ทุกคนติดสถานะเลือดลด แถมยังถูกดูดเลือดไปบางส่วนด้วยมีดและเคียว

   นักบวชฝั่งตรงข้าม พยายามใช้สกิลแสงในการโจมตีแวมไพร์กับหมาป่าที่เป็นสายความมืด ก่อนจะถูกขัดด้วยกระแสลมแรงและขนปีกจากร่างสูงที่บินเหนือหัวทุกคน สองดาบในมือทัต บินพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายสนับสนุนเพื่อตัดกำลังฝั่งตรงข้าม เสียงปะทะระหว่างโล่และดาบดังก้อง

   อัศวินร่างสูงใหญ่ถือโล่ปกป้องนักบวชของตัวเองไว้ได้ทัน ทัตสถบขัดใจ โดนโจมตีสวนกลับเลือดลดไปบางส่วน ทันใดได้ อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

   “Cure!....Healing!!”

   หนังสือในมือน้ำส่องแสงสว่างจ้า พร้อมเสียงเรียกใช้สกิลเพิ่มเดียวครั้งเดียวสองสกิล สกิลแรกเพิ่มเลือดให้ทัตเพียงคนเดียว สกิลที่สองสร้างขอบเขตรักษาให้ทุกทุกคนที่อยู่ในวงเวท สีขาวสว่างเรือนรองขึ้นจากพื้น ดีที่ผมกับกลอยู่ปาร์ตี้เดียวกับน้ำ เลยไม่ได้รับความเสียหายจากการถูกสกิลธาตุแสง แต่ก็ไม่ได้รับการเพิ่มเลือดเช่นเดียวกัน

   ผมประกอบเคียวในมือ ยกขึ้นเหนือหัวแล้วหมุนเป็นวงกลม ตะโกนสกิลของตัวเองออกมาบ้าง

   “Blood Heals…”

   เกิดออร่าสีแดงครอบคลุมร่างเพื่อนร่วมกิลด์ที่อยู่ในอาณาเขตของผม จะเรียกว่าเป็นการเพิ่มเลือดแบบทับซ้อนก็ได้ ทุกคนจากที่เลือดลดกลับมาเลือดเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามมีนักบวชแค่คนเดียว เพียงไม่นานก็ถูกพวกเรากำจัด หลังจากนั้นก็ไล่ฆ่าพวกที่เหลือ

   กลกับทัตพุ่งตัวออกไปพร้อมกัน กรงเล็บและดาบฟาดฟันศัตรูอย่างไรปราณี เสียงหัวเราะสนุกสนานจากอลิสที่ร่ายรำมีดในมืออาบย้อมไปด้วยเลือด ด้านซ้ายคือลินใช้ดาบต่อสู้ ปากพึมพำร่ายเวท เรียกทหารโครงกระดูกออกมาร่วมรบ พร้อมสกิลแห่งความมืดโจมตีไม่หยุด ไวไวดูลัลล้า กระโดดหลบสกิลไปมาใช้ไม้เท้าในมือฟัดป้องการโจมตีจากคนอื่น มืออีกข้างกางไพ่เป็นรูปใบพัด พอสะบัดมือส่งไพ่ทั้งหมดไปเบื้องหน้า เสียงระเบิดตูมตามก็ดังขึ้น เรียกได้ว่าวินาทสันตะโร

   แถมยังมีคนอื่นๆ ในกิลช่วยเหลืออีกแรง ศัตรูตรงหน้าเริ่มตายกลายเป็นแสงมากขึ้นเรื่อยๆ เรารุกไล่ไปด้านหน้าล้อมศัตรูที่ยืนรอบฐาน พวกเราแต่ละคนไม่มีใครแตะตั้งคริสตัลเลยแม้แต่น้อย ตั้งอกตั้งใจซัดผู้เล่นด้วยกันอย่างกับแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

   ถึงพวกนั้นจะเลเวลสูง หรือของดีแค่ไหน เจอโดนรุมยำถือว่ารอดยาก ฝั่งผมนอกจากผม ไวไว ลินแล้ว เลเวลสูงลิบกันหมด พลังโจมตีไม่ต้องพูดถึง ผมเรียกสกิลของตัวเองออกมาใช้รัวเร็ว ปิดท้ายด้วยสกิลที่ผมชอบมากที่สุด

   “ไปเลยสมุนข้า วะฮ่าๆๆ”

   เสียงหัวเราะสะใจ ร่างแวมไพร์กางปีกออกกว้าง ค้างคาวนับร้อยบินออกมาจากปีก ดวงตาสีแดงเสียงเล็กแหลมร้องบาดหู พุ่งเข้าใส่ศัตรูทุกคน ในช่วงที่ผมเผลอ มีธนูกับพลังเวทพุ่งเข้าใส่ ผมเตรียมรับดาเมจเต็มที่ เวลาใช้สกิลปล่อยค้างคาว ทำให้ผมไม่สามารถขยับไปไหนได้ชั่วคราว

   แต่ไม่เป็นแบบที่คิด ธนูถูกตัดทิ้ง พร้อมกับพลังเวทถูกทำลายจนสลายไปด้วยฝีมือของเหยี่ยวกับหมาป่าที่อยู่ขนาบข้างซ้ายขวา ทัตบินมาใช้ดาบในมือทำลายธนูได้ทัน พอๆ กับกลใช้กรงเล็บสลายพลังเวททิ้งไป คนแรกไม่เท่าไหร่ มีปีกบินขึ้นมาได้ ทางคนหลัง ใช้แรงเท้าล้วนๆ กระโดดขึ้นมา พอจะร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง เจ้าตัวคว้าแขนเหยี่ยวใกล้มือให้บินต่ำลง แล้วเหยียบหลังแบบไม่เกรงใจ ถีบส่งเพิ่มแรงพุ่งตัวไปด้านหน้า ตวัดกรงเล็บฆ่านักธนูกับนักเวททีเดียวสองคนรวด กลายเป็นแสง แถมคริสตัลที่อยู่ใกล้ๆ แตกละเอียด

   เพล้งง!!   

   “สนามที่37 กิลด์ดาร์กเนสเป็นฝ่ายชนะคร้าบบบ!”

   เสียงประกาศของสนามเราดังไปทั่ว หลายคนถอนหายใจปลง บางคนไมค่อยพอใจที่ไม่ได้จัดการคนอีกกิลด์จนหมดสนาม กลับต้องมาชนะเพราะลูกหลงไปโดนคริสตัลฐานแตกซะก่อน ผมส่ายหัว บินลงมาด้านล่างเก็บปีก เดินเข้าไปหาเพื่อนที่กำลังอารมณ์ค้าง

   “กลมันไม่น่ารีบทำลายคริสตัลเลย ฉันกำลังเก็บแต้มใกล้ชนะลินกับอลิสอยู่แล้วเชียว” ไวไวบ่นงึมงำ

   “คิกคิก อลิสได้ที่หนึ่งล่ะ คุณชายขายหมวกได้ที่สอง คุณกระต่ายเอาที่สามไปแทนนะจ๊ะ”

   “อือหือ ถึงกับมีการแข่งกันฆ่าเกิดขึ้น น่ากลัวจริงๆ พวกนาย” ผมมองทึ่งๆ เจ้าพวกนี้นี่นะ

   “ไม่เท่าสองคนนั้นหรอก แต่ละคนกวาดกันไปหลาย” ลินชี้ไปทางเหยี่ยวกำลังกางปีกขนพองใส่หมาป่าหางฟู ทะเลาะกันอยู่อีกด้าน “พูดถึงแต่คนอื่น ถึงไม่ได้ฆ่าให้ตาย แต่นายเองก็ไม่ใช่น้อยนะวัต” พ่อมดหนุ่มหรี่ตามองแวมไพร์ที่ยิ้มหน้าซื่อตาใสให้ เปลี่ยนเรื่องพูดเฉย

   “การแข่งรอบหน้า ไม่กำหนดว่าต้องมีคนเลเวล 90 อยู่ในทีมซะด้วยสิ อยากลองไปเก็บระดับแถวนี้จัง ชวนพวกนั้นดีกว่า” ผมเนียนทำเป็นไม่เห็นสายตาลินที่ส่งมา เดินเข้าไปแยกศึกหมาป่ากับเหยี่ยวออกจากกัน ทำไมดูไปดูมาเหมือนไก่กำลังจะตีกับหมาบ้านยังไงชอบกล สงสัยผมคงตาฝาด

   “พวกนาย เสร็จจากนี้ยังมีเวลา พาไปทัวร์มอนสเตอร์แถวนี้หน่อยสิ ดันเจี้ยนก็ได้ อยากเก็บระดับอะ”

   ดวงตาสองคู่หันขวับมามอง น้ำยืนยิ้มเหมือนเดิม จะว่าไปผมยังไม่เคยเห็นนักเวทสายซัพพอตคนนี้แสดงสีหน้าอื่นนอกจากยิ้มเลยนะ

   “ได้” กลตอบคำเดียวแล้วนิ่งเงียบไป คงกำลังคิดอยู่ว่าจะพาผมไปทัวร์ที่ไหน

   “เอาสิ ยังไงก็ว่างอยู่ อลิสเองคงไปด้วยอยู่แล้ว นายล่ะน้ำ ไปปะ?” ทัตยังไม่ลืมเพื่อนตัวเอง หันไปหานักเวทประจำตัว

   “พวกนายไปไหน ฉันก็ไปนั่นแหละ”

   “สรุปว่าไปทุกคนนะ ให้กลนำทางแล้วกัน” ผมเรียกพวกไวไวที่อยู่อีกด้านมารวมตัวกัน แล้วบอกลาไหมกับพี่กาลรวมถึงเพื่อนร่วมกิลด์คนอื่นๆ หลังพวกเราออกจากวาปเสร็จ แวะเข้าร้านขายของ ซื้อของตุนบางอย่าง งานนี้ลุยยาวได้ เพราะไหมเองก็คิดว่าจะให้พวกผมไปเก็บเลเวลให้สูงก่อนกลับมาแข่งรอบท้ายๆ เหมือนกัน ระหว่างนี้จะให้คนอื่นๆ ในกิลด์ลงไปก่อน สลับหมุนเวียนกันไป

   ผมเปิดหน้าต่างปาร์ตี้ขึ้นมาเช็ค

   หัวหน้าปาร์ตี้ วัต คำสาปแวมไพร์ Lv.94
   สมาชิกทีม กล คำสาปหมาป่า Lv.??
   สมาชิกทีม ไวไว คำสาปกระต่าย Lv.93
   สมาชิกทีม ลิน คำสาปพ่อมดมืด Lv.96
   สมาชิกทีม ทัต คำสาปเหยี่ยว Lv.160
   สมาชิกทีม น้ำ คำสาปผู้ใช้สมุด Lv.157
   สมาชิกทีม อลิส คำสาปอลิซ อิน วันเดอร์แลนด์ Lv.158

   ทุกคนเลเวลสูงกันหมดเลยแฮะ มีแค่ผม ลิน ไวไวสามคนที่ยังระดับน้อยนิด

   “กล ตอนนี้มันตันเท่าไหร่แล้ว?” ผมเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นค้างคาว บินไปซุกอยู่ในขนตรงคอเสื้อกลเหมือนทุกที หมาป่าก้มลงมองเล็กน้อย

   “200 อยากเก็บเวล?”

   “อื้อ! อยากให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนการแข่งรอบต่อไป”

   “เดี๋ยวฉันพาเก็บเอง” น้ำเสียงที่คุยกับผมช่างแตกต่างกับเวลาคุยกับคนอื่นจริงๆ ผมถูตัวกลมๆ กับลำคออีกฝ่าย กลยกมือขึ้นมาลูบเบาๆ พร้อมยื่นถุงเลือดให้ผมกินหลังจากเพิ่งออกแรงไปในสนาม มือเล็กจับถุงเลือดที่อีกคนช่วยประคองให้ เสียงดูดจ๊วบๆ ดังข้างหู ทัตมองค้างคาวตัวกลมบนไหล่หมาป่าด้วยความอิจฉา

   “ฮัลโหลพวกนาย ออกมาจากโลกนี้มีเพียงเราสองก่อน พวกฉันซื้อของเสร็จแล้ว จะออกเดินทางเลยมั้ย”

   ไวไวป้องปากพูดขึ้นกลางวง แต่ละคนเสบียงตุนในกระเป๋าเต็มอัตรา ลินหยิบแผนที่ ที่แวะซื้อมาเมื่อครู่ ออกมากางดูพลางถาม

   “นายจะพาไปที่ไหนกล”

   “นั่นสิ แถวนี้มีหลายที่น่าสนใจอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะสามารถเก็บเลเวลสูงๆ ได้ก่อนถึงการแข่งรอบหน้าของพวกเราหรอกนะ” น้ำเสนอความเห็น เจ้าตัวเลเวลเยอะแล้ว คงจะวนเวียนแถวนี้จนรู้ทางหมด

   “ฉันมีที่หนึ่งน่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับวัตมาก” มือหนาประคองค้างคาวตัวกลมที่กินจนอิ่มมาแนบแก้ม ริมฝีปากได้รูปจุ๊บเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ดวงตาคมปรายมองทุกคนด้วยรอยยิ้มมุมปากปล่อยให้ค้างคาวคลอเคลีย เหมือนเห็นหัวใจลอยออกมาจากทั้งคู่รางๆ

   “เอาเลยท่าน พวกเราไม่ขัด ถึงนายจะโลกหมุนรอบตัววัต แต่ฉันคิดว่า ที่นั้นมันคงมีประโยชน์กับพวกเราเหมือนกันแหละ บอกมาได้แล้ว เราจะไปที่ไหนกัน” ไวไวยักไหล่ทำใจกับนิสัยหมาป่าได้ตั้งนานแล้ว ส่วนพวกที่เหลือยังไงก็ได้ ว่าไงว่าตามกัน

   “ดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์...”
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-06-2015 23:32:53
Lv.24 มอนสเตอร์ที่แสนน่ากลัว

   สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือความแหวกแนว พวกเราเจ็ดคน ยืนอยู่หน้าทางเข้าอันสวยงาม ท้องฟ้ามืดสนิทเฉพาะบริเวณนี้ มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมาเป็นระยะ ทางเข้าดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์...

   “บ่งบอกยี่ห้อดีนะ”

   ไวไวคงไม่รู้จะพูดอะไร หรือหาคำบรรยายใดให้กับความรู้สึกในตอนนี้ สงสัยหรือ โอเค ผมจะบรรยายให้ฟัง เริ่มจากเราเดินออกมาจากเมือง ผ่านทุ่งโล่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้หลากสีส่งกลิ่นหอมละมุน มีผู้เล่นหลายคนกำลังรุมตบตีมอนสเตอร์อยู่ประปราย ไม่ไกลนักมีน้ำตกสะอาด น้ำใสเห็นตัวปลา ถัดไปมีต้นไม้ร่มรื่น ผสมผสานเข้ากับกำแพงสูง และอาคารสวยงามในเมืองหลวง

   มอนสเตอร์หน้าตาน่ารัก เป็นภูติปีกใสตัวน้อยๆ ผีเสื้อตัวโตขึ้นมาอีกหน่อย น้องกระต่ายเบ่งกล้ามสวมนวม กวางที่ไล่ขวิดมอนสเตอร์ราชสีห์ ผู้เล่นที่โดนกระรอกใช้หางตบโฮลอินวัน ช่างรื่นรมย์ซะจริง

   ส่วนสถานที่ที่พวกเรากำลังจะไป อยู่ติดกับบรรยากาศงดงามเหล่านั้นเหมือนแบ่งคนละโลก ต้นไม้เหี่ยวเฉาประดับด้วยใยแมงมุมเศษผ้าเน่าไม่ทราบที่มา คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเป็นของผู้เล่นบางคน โคนต้นไม้เป็นดินสีแดงก่ำราวกับเลือด ประดับประดาด้วยป้ายหลุมศพหลากหลายรูปแบบ

   แม่น้ำแห้งขอด ถึงมีแหล่งน้ำก็เป็นหนองโคลนที่เห็นฟองผุดขึ้นมา แน่นอน ที่นี่มีดอกไม้เหมือนกัน แต่ดอกไม้สีสวยสดม่วงผสมดำสูงเกือบสองเมตร มีฟันแหลมคมเยี่ยงฉลาม น้ำลายยืดย้อยสีเขียวอี๋ช่างน่าเอ็นดู มอนสเตอร์ที่เห็นผ่านๆ ดูน่ารักไม่แพ้กับโลกอันสดใสอีกด้านเลย

   ไส้เดือนยักษ์ดำผุดดำว่ายบนผืนดินจนเกิดหลุมบ่อไปทั่ว แมงมุมหน้าตาคุ้นเหมือนตัวที่ไล่ผมสมัยเริ่มเกมใหม่ๆ แต่มีขนาดใหญ่กว่า พร้อมลูกตาที่มากขึ้น อยากเป็นสับปะรดเหรอครับ...

   โดยรวมแล้ว ช่างเป็นบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ดีจริงๆ

   “ไม่น่าเชื่อว่าเขตที่คนคิดจะเลี่ยงไม่เข้าไปมากที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 5 ของเกม จะมีดันเจี้ยนปราสารทแวมไพร์ซ่อนอยู่ด้านใน”

   น้ำพูดขึ้นลอยๆ เด็กใหม่อย่างพวกผมพากันหูผึ่งรอฟังข้อมูล

   “พ้นส่วนนี้ไปจะเข้าเขตปราสาทแวมไพร์ ยิ่งเข้าไปลึกมาเท่าไหร่ มอนสเตอร์จะยิ่งมีเลเวลมากขึ้นเท่านั้น บอสของดันเจี้ยนอยู่ในห้องบนยอดปราสาท” กลอธิบายง่ายๆ

   “บอสเลเวลเท่าไหร่” มีแค่น้ำกับกลที่คุยกัน นอกนั้นเป็นผู้ฟังที่ดี

   “ไม่รู้”

   “ห๊ะ! นายพูดเหมือนนายเคยไปมาแล้ว” ไวไวหันขวับ

   “เคย แต่ตอนนั้นยังไม่มีบอส”

   “แสดงว่ามันเพิ่งมาพร้อมกับเพดานเวลที่สูงขึ้นสินะ ยืนตรงนี้ก็ไม่รู้หรอก พวกเราเข้าไปกันเถอะ อลิสอยากจะเจอท่านเคาน์แล้ว”

   “เก็บมอนสเตอร์ไประหว่างทาง คงทำให้ระดับพวกเราเพิ่มขึ้นบ้าง ถ้าใครแถวนี้มันไม่นำทางชุ่ยๆ ล่ะก็นะ”

   ทัตที่เงียบอยู่นาน กอดอกเปิดปากพูด ดวงตาคมของหมาป่าหนุ่ม ไม่แม้แต่เหลือบมอง ยิ่งทำให้เหยี่ยวบางตัวเดือดกว่าเก่าอีก สุดท้ายผมเลยต้องมาไกล่เกลี่ย ลากแขนทั้งคู่เข้าไปในป่ามืด

   ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไป เหมือนหลุดเข้าไปอยู่คนละโลก อากาศเย็นเยียบแฝงกลิ่นไม่พึงประสงค์ พื้นดินแข็งกระด่าง้ต้นไม้รอบข้างราวกับมีชีวิต ดวงตาใบหน้ากลวงโบ๋ปรากฏขึ้น ทั้งที่ไม่ได้เดินเข้าไปหา กลับรู้สึกเหมือนต้นไม้มันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จังหวะที่กำลังครุ่นคิด กิ่งหนึ่งฟาดลงมาเต็มแรง พอกับแรงดึงจากทางด้านหลัง

   กลคว้าคอเสื้อผมถอยจากเจ้ากิ่งไม้ทันเฉียดปลายจมูกไปหน่อยนึง ผมกลืนน้ำลายอึก ทัตกระโจนมาจากทางด้านหลัง เรียกดาบสองมือฟัดกิ่งไม้ขาดสองท่อน

   “พวกนายอย่ามัวแต่แข่งกันเอาคะแนน ไอ้ต้นไม้พวกนั้นมันแห่กันมาใหญ่แล้ว!”

   ไวไวตะโกนมาจากอีกด้าน พลางกระโดดหลบกิ่งไม้ใช้ไม้เท้าปัดป้อง

   “ใช้ไฟ” กลสั่งเสียงเรียบ พ่อมดหนุ่มและนักเวทสมุดเปลี่ยนมาใช้คาถาไฟจัดการพวกต้นไม้ ระหว่างคนอื่นๆ ใช้อาวุธประจำตัวในการคุ้มกัน

   “Frie Balls!”

   ลูกไฟสีแดงเพลิง และสีดำพุ่งเข้าแผดเผาพวกต้นไม้แห้ง ยิ่งพวกมันดิ้นรนมากเท่าไหร่ ไฟยิ่งลามไปยังพวกเดียวกันมากขึ้นเท่านั้น ไม่นานรอบตัวกลายเป็นทะเลเพลิง ผมอ้าปากค้าง

   “พวกมันไม่ให้ของ ฝ่าออกไปเลย”

   ได้ยินแบบนั้น ต่างคนต่างงัดพลังของตัวเองออกมา รุมโจมตีเข้าจุดเดียวกัน เปิดทางโล่งให้วิ่งต่อไปด้านหน้า ผมไม่รอช้ากางปีกบินเผ่นไปคนแรก โดยมีคนอื่นตามหลังมาติดๆ แต่การทำแบบนี้ไม่ต่างจากการเดินลากมอนสเตอร์ทุกตัวที่พวกเราวิ่งผ่าน จากตอนแรกมีแค่ต้นไม้หน้าคน พอผมหันหลังกลับไปมองอีกที แทบจะเป็นลม

   ไม่รู้กี่ชนิดเดินตามกันเป็นขบวน คนที่มีอาวุธระยะไกลคอยซัดไปด้านหลังไม่ได้ขาด เสียงร่ายสกิลดังรัวเร็ว พลังเวทหลายบทถูกสาดไปด้านหลัง พร้อมๆ กับจัดการศัตรูที่วิ่งเข้ามาทางด้านหน้าไปด้วย

   ผมฉุกใจคิดอะไรบางอย่าง เหตุการณ์แบบนี้ คุ้นๆ เหมือนเคยเกิดมาแล้ว ผมนึกย้อนกลับไปตอนลุยดันเจี้ยนเกาะกับพวกพี่วิน...

   “ไวไว! ล่วงหน้าไปก่อนเลย ใช้ด้ายของนายกักตัวมอนไว้ เราจะทำเหมือนตอนไปลุยดันเกาะ”

   หูกระต่ายขยับ เจ้าตัวอยู่ห่างจากผมไปพอสมควร แต่เรื่องระยะทางไม่เป็นปัญหากับประสาทการรับฟังของเจ้ากระต่ายโจ๊กเกอร์ ไวไวรับคำเร่งฝีเท้าล่วงหน้าไปก่อน สามคนที่เข้าร่วมปาร์ตี้ใหม่ไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอะไรกัน ลินเลยเป็นคนรับหน้าที่อธิบายให้พวกนั้นฟังแบบง่ายๆ

   “วัตให้ลากพวกมันไปรวมกัน ไวไวจะใช้ด้ายกักมอนไว้ ระหว่างนั้นพวกเรามีหน้าที่จัดการให้หมด”

   “พอมอนสเตอร์โดนกักอยู่ในที่แคบๆ พวกมันจะซัดสกิลมั่วโดนพวกเดียวกันเอง เราต้องต้อนจัดการมัน ง่ายกว่าปล่อยให้มันกระจายไปทั่ว”

   ผมอธิบายเสริม ทัตเลิกคิ้วดูถูกใจ อลิสหัวเราะคิกคักท่าทางสนุกเต็มที่ น้ำก้มลงมองสมุดตัวเอง คงกำลังเลือกหาสกิลเหมาะๆ ในการล้างบางมอนสเตอร์ หลังพ้นต้นไม้ใหญ่ไป เบื้องหน้าคือจุดที่มีต้นไม้บางตากว่าส่วนอื่น ผมวิ่งนำทุกคนไปหยุดตรงที่ไวไวยืนรออยู่

   หลังมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายเข้าไปมาในอาณาเขตที่วางไว้ กระต่ายไวไวกำมือแล้วกระชากไปอีกด้าน ให้ด้ายขึงปิดทางเข้า ลินหลบอยู่ด้านหลังพวกเรา เรียกทหารโครงกระดูกออกมาฝูงใหญ่ต้อนให้พวกมันไม่ออกจากเขตอีกแรง ที่เหลือไม่ต้องใช้สัญญาณ ต่างคนต่างพุ่งเข้าหามอน งัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้

   ผมเรียกเคียวออกมาคอยเพิ่มเลือดให้คนที่อยู่ใกล้เวลาถูกโจมตี พร้อมกับใช้เจ็ดจันทร์เสี้ยวโจมตีมอนสเตอร์เป็นระยะ ด้วยความที่มอนสเตอร์ในโซนป่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ระดับ Lv.90 - 95 กลุ่มปาร์ตี้ของเราที่มีเลเวลสูงกว่า ใช้เวลาเพียงไม่นานก็จัดการได้ทั้งหมด เสียงแจ้งเตือนเลเวลอัพดังขึ้น ผมกดหน้าต่างค่าสถานะของตัวเองขึ้นมาดู

   ชื่อ : อายุวัต
   Lv : 96
   เลือด : 104,000
   อาวุธ : เคียวเกี่ยวข้าว
               เจ็ดจันทร์เสี้ยว
   คำสาป : มนุษย์แวมไพร์
   คำสาป2 : แวมไพร์บริสุทธิ์

   “อัพทีเดียวสองเลเวลเลยแฮะ แถมเลือดเยอะขึ้นด้วย สบายเลยเราทีนี้”

   “ดูท่า มอนสเตอร์ด้านในจะให้ค่าประสบการณ์เยอะกว่านะ พวกเราใช้วีธีเดิมในโซนถัดไปดีกว่า” น้ำเสนอ ผมเห็นด้วย

   “เป็นแหล่งเก็บเลเวลที่แจ่มใช้ได้ ไม่มีใครมาแจมด้วย” ไวไวผิวปากชอบใจ

   “แล้วของพวกนี้ล่ะจะเอาไง” ลินชี้ไปทางของที่ดรอปจากมอนสเตอร์

   พวกมอนต้นไม้ไม่ให้อะไรอย่างที่กลบอก นอกนั้นก็...

   ซอมบี้ = เนื้อซอมบี้เน่า ฟันคุด(เอามาทำไม)
   ผีโครงกระดูก = กระดูก (อันนี้ลินเหมาเรียบ เห็นว่าจะเอาไปอัพเกรดให้กับทหารโครงกระดูกของตัวเอง)
   ดอกไม้กินคน = เมล็ดพืช
   แมงมุมสับปะรด = ลูกตา ต่อมพิษ เขี้ยวแมงมุม
   ไส้เดือน = เขี้ยว หนัง สูตรสร้างดาบเขี้ยวไส้เดือน สูตรสร้างเสื้อหนังไส้เดือน

   ไม่มีพวกชุดหรืออาวุธดรอปให้ แต่ดันมีสูตรมาให้ทำซะงั้น เกมนี้ส่วนใหญ่คนนิยมไปล่าเอาตัวโหดๆ หาของดีๆ เลยมากกว่ามาตีตัวแบบนี้ หรือไม่ก็ไปหาซื้อเอาในตลาด ของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ จะเป็นพวกวัตถุดิบไว้สำหรับสร้างของชิ้นอื่นมากกว่า

   ใช่ว่าทุกคนจะสามารถสร้างของได้ ถึงจะมีสูตรก็ตาม สุดท้ายก็ต้องพึ่งนักสร้างของอยู่ดี พวกคนที่ได้คำสาปเป็นนักปรุงยา นักตีดาบ อีกทางหนึ่งคือ การไปหาเรียนอาชีพเสริมเป็นพวกนี้จาก NPC ในเมืองหลักๆ แล้วสร้างขึ้นมาเอง

   เริ่มแรกยังสร้างได้แค่ของเลเวลน้อยๆ มีโอกาสพังสูง ถ้าสร้างของเยอะๆ สะสมประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ จะเพิ่มโอกาสสำเร็จมากขึ้น แต่ของระดับสูง ย่อมต้องใช้วัตถุดิบที่สูงขึ้นตาม บางอย่างราคาแพงลิบลิ่วในตลาด บางอย่างไม่สามารถหาซื้อได้ต้องไปหาเอง อาจจะจ้างคนอื่นไปหาให้บ้างก็มีเหมือนกัน ทุกคนมีความสามารถของตัวเอง ทั้งจุดเด่นและจุดด้อย ช่วยเหลือกันไปเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเล่นเกมออนไลน์

   เราแบ่งของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ตามสมควร คนไหนใช้ชิ้นไหนก็เอาอันนั้นไป ส่วนที่เหลือแบ่งให้เท่าๆ กัน พวกใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ปล่อยทิ้งไว้ไม่เก็บให้รกกระเป๋า อย่างเนื้อกับฟันคุดของซอมบี้ ใครจะไปเอากัน

   เคลียของเสร็จ เริ่มออกเดินทางกันต่อ ระยะทางก่อนไปถึงดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือป่าที่พวกเราลุยมา พอพ้นไปจะเป็นพื้นที่สวนของปราสาท และภายในดันเจี้ยน แบ่งเป็นชั้นอีกทีหนึ่ง ตอนนี้เราเกือบพ้นเขตป่าแล้ว มอนสเตอร์ที่โผล่มาให้กำจัดเล่นมีแต่จำพวกเดิม

   จนกระทั่ง...
   
   แซ่ด แซ่ด แซ่ด

   เสียงช่างคุ้นเคยดีเหลือเกิน

   พั่บๆๆๆ

   ตามมาด้วยเสียงกระพือปีก อ่า พวกมอนสเตอร์บินได้สินะ สักพักกลิ่นสาบบางอย่างโชยมาตามลม หางตาเห็นแวบๆ ถึงความเงางามของลำตัวมันที่ดำขลับ บางสิ่งที่บ่งบอกเผ่าพันธุ์

   หึ! ผมไม่กลัวหรอกต่อให้เป็นแมลงน่ากลัวแค่ไหน ขอแค่ผมมีหมาป่าอยู่ข้างกาย ย่อมไม่มีอะไรมาทำร้ายผมได้อย่างแน่นอน ผมย่ามใจ ยกยิ้มมุมปาก ไม่สะท้านแบบคนอื่นที่เริ่มระแวงถอยหลังคนละก้าวสองก้าว มือขาวซีดชี้นิ้วไปตรงหน้า มืออีกข้างเท้าสะเอวเหยียบหัวกะโหลกแถวนั้นเท่เหลือหลาย

   “จัดการมันเลย พวกเราอย่าไปหวั่น กลนำทีมโลด!”

   “...”

   มีเพียงความเงียบเป็นเสียงตอบลับ ผมหันกลับไปด้านหลัง ทุกคนยังอยู่ครบ ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง หลังต้นไม้ต้นใหญ่ที่แห้งเหี่ยว มีร่างหมาป่าหลบอยู่ไกลลิบ

   “ต่อให้ตาย ไม่มีทางเข้าไปเด็ดขาด”

   น้ำเสียงราบเรียบหนักแน่นบ่งบอกว่าคนพูดเอาจริง ทำให้ผมหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก ประจวบกับเจ้าแมลงติดเกราะตัวเขื่องบินมายืนต่อหน้าพวกเรา เรด้าบนหัวโบกพลิ้วราวกับยอดหญ้า เสียงประกาศแจ้งเตือนเรื่องมอนสเตอร์ดังขึ้น

   มอนสเตอร์พิเศษ คุณปีเตอร์ Lv.99 จำนวน 3 ตัว เนื่องจากเป็นมอนสเตอร์ระดับพิเศษ จึงมีคำเตือนสำหรับผู้เล่น มอนสเตอร์ตัวนี้จะทำการพุ่งเข้าใส่คนที่หวาดกลัวด้วยการใช้เรด้าตรวจจับ หากกำจัดได้มีโอกาสได้ไอเทมระดับแรร์

   ของแรร์สุดหายากไม่อยู่ในหัวของผมเลยตอนนี้ เพราะมีอย่างอื่นรบกวนอยู่

   พระเจ้า! หมาป่าของผมกลัวแมลงสาบ!! ขอหัวเราะให้ฟันร่วงแปบ ฮ่าๆๆ

   “เจ้านั่นไปหลบซะไกล เห็นทีเจ้าตัวนี้คงมีแต่พวกเราจัดการแล้วล่ะ พวกสาวๆ คงไม่ถูกโรคเท่าไหร่”

   ไวไวพึมพำ น้ำหัวเราะ เดินเข้ามาสะกิดไหล่กระต่าย ชี้ให้ดูภาพตรงหน้า

   “เจ้าพวกแมลงร้าย ห้ามมารังแกเพื่อนของอลิสนะ!” สาวในชุดกระโปรงสวยเปลี่ยนจากมีดเป็นปืนกระบอกเงินยิงใส่แมลงติดเกราะบินไปคนละทิศละทาง ก่อนจะถูกฝ่ามือจากโครงกระดูกยักษ์ที่ลินเรียกมาตบป้าบแบนติดพื้น ถึงจะแค่ Lv.99 แต่มีความสามารถสมเผ่าพันธุ์ นอกจากมึนหนวดหงิกงอแล้ว ไม่มีอากาศบาดเจ็บนอกเหนือจากนั้น กลายเป็นฝั่งพวกเราเริ่มกลืนน้ำลายอึกแทน

   “อึดเป็นบ้า สู้ต่อไปมีแต่จะเสียเวลา”

   ทัตลองใช้ดาบในมือฟันดู แทบไม่สะกิด

   “ของดีแค่ไหนเป็นตัวนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ไปต่อกันเลยดีกว่า นายหมาป่านำทางเลย”

   น้ำส่ายหัวตะโกนบอกกลที่อยู่ไกลลิบ ไม่รู้จงใจรึเปล่า พวกมอนสเตอร์พอรู้ว่ามีคนหลบอยู่อีกฟาก พวกมันเปลี่ยนเป้าหมายบินไปทางนั้นทันที ผมเห็นกลผงะถอยหลัง ยิ่งแสดงท่าทางไม่ชอบหน้าพวกมันมากเท่าไหร่ พวกมันยิ่งบินไล่ตื้อมากเท่านั้น

   กลวิ่งสุดฝีเท้าผ่านกลุ่มพวกเราไป แถมหิ้วผมติดมือไปด้วย ผมสุดแสนจะเห็นใจ เลยตะโกนบอกคนอื่นๆ ที่วิ่งตามมา โดยมีเหล่าแมลงติดเกราะคุณปีเตอร์บินตามหลัง

   “รั้งพวกมันไว้ พ้นเขตป่าพวกมันน่าจะไม่ตามเราแล้ว”

   พ่อมดหนุ่มจัดการตามที่ขอ โครงกระดูกยักษ์ถูกเรียกออกมาอีกรอบ ไล่จับเหยียบให้คุณปีเตอร์นิ่งอยู่กับที่ ไวไวใช้ด้ายมัดรวดเร็ว น้ำร่ายเวทกรงน้ำแข็งกักอีกสองตัวไว้ ก่อนพวกเราจะเผ่นป่าราบ กลวิ่งนำหน้าไม่มีทีท่าว่าจะชะลอฝีเท้าเลยแม้แต่น้อย

   พอหลุดจากเขตป่า บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไป ไม่มีต้นไม้แห้งเหี่ยวและมอนสเตอร์ที่เคยเห็น รอบข้างเงียบสงบ ต้นไม้ทุกต้นมีใบสีเขียวเข้ม ท้องฟ้าสีหมึกไร้ดวงดาว พระจันทร์เต็มดวงสีแดงลอยเด่นถูกบดบังด้วยเมฆจนเหลือเพียงเศษเสี้ยว ผมหันขวับไปมองกลทันที

   กลได้รับคำสาปคล้ายกับผม เวลาที่พระจันทร์เต็มดวง เจ้าตัวจะอยู่ในร่างหมาป่าตัวเขื่อง สิ่งที่สะท้อนเข้าสู่สายตายังคงเป็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้านิ่งเรียบตามเดิม ผมถอนหายใจโล่งอก

   “ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่น ถ้าฉันโดนแสงจันทร์...”

   คำพูดลอยๆ เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ชะงัก ประจบเหมาะกับเมฆเคลื่อนตัวออกจากพระจันทร์ แสงสีแดงนวลตาส่องลงมากระทบทุกสิ่งที่บนผืนดิน ร่างของกลค่อยๆ เปลี่ยนไป ผมงอกยาวขึ้นพร้อมกับก้มตัวลง เพียงไม่กี่วินาที จากชายหนุ่มกลับกลายเป็นหมาป่าขนสีเข้ม

   หมาป่าตัวใหญ่ยืนนิ่งดูสง่าและทรงพลัง ดวงตาหรี่มองทุกคน พร้อมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพื่อเป็นการบอกเตือนเพื่อนร่วมทีมถึงข้อจำกัด

   “ฉันจะกลายเป็นหมาป่า และไม่สามารถกลับเป็นแบบเดิมได้จนกว่าจะออกจากเขตนี้ หรือหลบจากแสงจันทร์ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง”

   ผมขมวดคิ้ว เมฆไม่มีทางบังดวงจันทร์นานเป็นชั่วโมงแน่ ในขณะที่พวกเราอยู่ในป่า มีต้นไม้มากมาย แต่ไม่สามารถบดบังได้ตลอด เพราะแสงจันทร์บางส่วนยังส่องผ่านมายังผืนดินอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ นั่นเท่ากับว่า กลต้องอยู่ในร่างหมาป่าจนกระทั่งเข้าไปในปราสาทแวมไพร์ และต้องหลบเลี่ยงส่วนที่เป็นหน้าต่าง ครบหนึ่งชั่วโมงจึงจะกลับร่างคนได้ ส่วนหนทางที่ง่ายที่สุดคงเป็นอย่างที่กลบอก ออกจากที่นี่ซะ ซึ่งมันขัดกับเป้าหมายตั้งแต่แรกของพวกเรา

   “อยู่ในร่างนี้กลยังสู้ได้ปกติ งั้นช่างมัน ที่สำคัญกว่านั้นคือ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ที่ไหน แล้วไอ้ดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์มันเป็นยังไง"

   ไวไวถาม ทุกคนเพิ่งนึกขึ้นได้ ดวงตาทุกคู่หันไปมองหมาป่าที่เดินมานั่งอยู่ข้างๆ ผมเป็นตาเดียว อืม กลมานั่งแบบนี้ ตัวสูงเกือบไหล่ผมแหนะ หมายักษ์

   “ที่นี่แบ่งออกเป็นสามโซน โซนแรกคือป่าที่พวกเราผ่านมา โซนที่สองคือพื้นที่รอบๆ ปราสาท ส่วนสุดท้ายคือปราสาทแวมไพร์”

   กลใช้เล็บเขียนบนดินเป็นภาพคล่าวๆ เจ้าตัวบอกว่ามอนสเตอร์ในส่วนที่พวกเราอยู่จะมีแค่ค้างคาวกับแวมไพร์ชั้นต่ำ Lv.95 - 100 เท่านั้น ขอบเขตไม่กว้างมาก วิ่งเต็มฝีเท้าไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงตัวปราสาท ตัวปราสาทของแวมไพร์รูปร่างแบบเดียวกับพวกปราสาททางฝั่งตะวันตก มีหอคอยและยอดแหลม กำแพงสูงใหญ่ล้อมรอบ

   ประตูหน้าและหลังจะมีแวมไพร์ระดับล่างเฝ้าอยู่ พวกเราจะลอบเข้าไปทางกำแพงเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะโดยไม่จำเป็น หากพวกมันรู้ตัว มีหวังได้ป่าวประกาศจนแห่กันมาทั้งปราสาทแหงๆ เจ้าพวกแวมไพร์ชั้นล่างมี Lv.100 – 110 ถ้ามาเป็นฝูง พวกเราคงโดนเก็บเรียบไม่ต้องสืบ

   หลังจากเข้าไปในปราสาทได้ จะแบ่งเป็นอีกส่วนหนึ่ง จุดนี้คือดันเจี้ยนที่แท้จริง มอนสเตอร์มีแต่แวมไพร์ระดับกลางจน ระดับสูง ระดับขุนนาง และสุดท้าย ระดับราชาที่อยู่ในห้องบนยอดหอคอย ระดับเลเวลกลยังไม่มีข้อมูล เพราะก่อนหน้าที่เกมจะอัพแมพใหม่ เพิ่มเลเวลเป็น 200 ดันเจี้ยนยังไม่เปิด หมาป่าหนุ่มเข้ามาถึงส่วนรอบปราสาทเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ใหม่ ยังไม่มีใครเข้าถึง พวกเราเป็นกลุ่มแรก ได้ยินแบบนี้ รู้สึกตัวเองยิ่งใหญ่ชะมัด

   “เท่ากับว่า หลังจากเข้าไปในปราสาท เราต้องงมทางกันเองสินะ” น้ำสรุป

   “ไม่แน่น้า อลิสว่า มันอาจจะคล้ายกับดันเจี้ยนระดับสูงที่อื่นก็ได้จ๊ะ” พวกเราหันไปมอง เป็นทัตที่อธิบายต่อแทน

   “ดันเจี้ยนระดับสูงที่พวกเราเคยไป ภายในจะแบ่งเป็นชั้นๆ ยิ่งมากชั้นเท่าไหร่ เลเวลของมอนสเตอร์จะยิ่งสูงขึ้นตามลำดับ และปิดท้ายที่ชั้นสุดท้ายจะเป็นบอสใหญ่สุด ประเด็นคือ เรายังไม่รู้ว่าแต่ละชั้นแยกกันเลยรึเปล่า ดันเจี้ยนที่เคยเจอมามีสามแบบ” กิ่งไม้ใกล้มือถูกเอามาใช้ประโยชน์ ทัตขีดเส้นจากปราสาทออกมาวงนอกวาดรูปใหม่ขึ้นมาอีกสองรูป ด้านซ้ายเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านขวาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสองอัน เจ้าตัวชี้ไปที่รูปซ้าย

   “แบบแรก มอนสเตอร์สามารถตามเราไปชั้นถัดไปได้”

   กิ่งไม้วาดลูกสรแบบทางสะดวก แล้วย้ายไปชี้รูปสอง ขีดตัดตรงช่องหว่างระหว่างสี่เหลี่ยมอันแรกกับอันสอง

   “แบบสอง ทุกชั้นตัดขาดจากกัน จะไม่มอนสเตอร์ข้ามไปอีกชั้นเด็ดขาด แต่เราสามารถเดินไปชั้นไหนก็ได้ และแบบสุดท้าย คล้ายแบบสอง เดินหน้าได้ แต่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ถ้าคิดจะออกจากดันเจี้ยน ต้องสู้ให้ชนะบอส หรือยอมตายออกสถานเดียว” พูดจบก็โยนกิ่งไม้ทิ้ง ผมยิ้มแห้ง

   “ขอให้เป็นแบบสองแล้วกัน แบบนั่นยังพอมีช่วงให้พักหายใจบ้าง”

   “พวกเราเตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน หลังจากนี้คงลุยกันยาว” ลินลุกขึ้นปัดชายเสื้อคลุมหลังนั่งสุมหัววางแผนกันนานสองนาน ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่มีมอนสเตอร์มาสอยพวกเรานั่นก็เพราะ จุดที่เราอยู่เป้นจุดเชื่อมระหว่างป่าส่วนนอก กับป่าส่วนใน เลยไม่มีมอนตัวไหนข้ามมาจัดการเรา

   คุยกันเสร็จ ก็เริ่มปฏิบัติการ พวกเราจะลุยผ่านป่า จัดการมอนสเตอร์ทุกตัวที่เข้ามาขวาง ตรงไหนมีเยอะค่อยเลี่ยงหลบไปอีกทาง

   พวกแวมไพร์ชั้นต่ำมีแขนขาคล้ายคน แต่มีปีกค้างคาวบนหลัง เล็บยาว ฟันแหลมคมไม่มีเพศ มักอยู่ใกล้กับพวกค้างคาวสองสามตัว มีครั้งหนึ่งพวกเราลงมือช้าไปหน่อย มันแหงนคอส่งเสียงเรียกตัวอื่นมาทำเอาตึงมือไม่น้อย หลังจากนั้นเลยจัดการให้รวดเร็วที่สุด แล้วค่อยเก็บสมุนค้างคาวทั้งหลาย

   พอถึงกำแพงปราสาท กำแพงหินถูกตัดอย่างดีเรียงกันแข็งแกร่งสูงจนต้องแหงนคอตั้งฉาก พวกมีปีกอย่างผมกับทัตสบายหน่อย บินข้ามไปได้ง่ายๆ ผมเป็นคนดูต้นทาง ทัตผูกเชือกให้คนอื่นปีนตามมา ไวไวกับกลเล่นง่าย เลือกต้นไม้สูงๆ ใกล้กับกำแพงสักหน่อย แล้วกระโดดข้ามมาเลย

   หลังกระโดดลงเท้าเหยียบพื้น จังหวะเดียวกับมีพวกแวมไพร์ระดับล่างเดินผ่านมาพอดี มอนสเตอร์ตัวนี้เหมือนคนไม่มีผิด ต่างแต่เอกลักษณ์ของพวกแวมไพร์ เช่นตัวขาวซีด หูแหลม

   ทัตยื่นแขนไปล็อคคอ ลากมารุมยำหลังพุ่มไม้เป็นอันเรียบร้อย พวกเราเลือกจัดการพวกแวมไพร์ระดับล่างที่แตกฝูง หรือมีจำนวนไม่เกินสามตน พอจัดการมากๆ เข้า เลเวลเริ่มอัพ จัดการง่ายมากขึ้น ใช้เวลาร่วมชั่วโมง ถึงเก็บกวาดแถวประตูทางเข้าปราสาทจนหมด

   “ฉันว่าแบบนี้ชักเข้าท่านะ เราเก็บพวกที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดเลยดีมั้ย ถือเป็นการเก็บเลเวลไปในตัว พอเข้าไปในด้านใน เจอมอนสเตอร์ระดับสูงกว่า จะได้ไม่ต้องสู้แบบหืดขึ้นคอนัก” ไวไวเสนอ ผมพร้อมสนอง

   “เอาสิ ไม่นอนสักวันไม่เป็นไรหรอก แถมฉันยังรู้สึกคึกคักมากกว่าปกติ ตั้งแต่เข้ามาในเขตของพวกแวมไพร์”

   “เพราะเป็นถิ่นพวกเดียวกันแน่เลย นายแวมไพร์ รู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้านรึเปล่าจ๊ะ” อลิสหัวเราะคิกคัก ผมเบ้ปาก

   “ฉันไม่มีปัญหา ที่เหลือล่ะว่าไง”

   ทัตกอดอกเลิกคิ้วถามลินกับน้ำที่ดูเป็นคนธรรมดาทั่วไปมากที่สุดในทีม ทั้งคู่มองปรึกษากันนิดหน่อยค่อยหันมาตอบ

   “พวกเรายังไหว เอาไว้เหนื่อยค่อยอู้ให้พวกนายจัดการแล้วกัน”

   น้ำพูดติดขำ ลินยิ้ม แต่ดวงตาไม่ยิ้มตาม เจ้าตัวทำแบบที่น้ำพูดแน่ๆ ผมขอฟันธง!

   “มาแล้ว” เสียงเตือนจากหมาป่าตัวโต แต่ละคนกระชับอาวุธในมือทันที แวมไพร์ระดับล่างสี่ตนกำลังเดินมายังจุดที่พวกเราอยู่ หลังจากนี้คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก บรรดาแวมไพร์ระดับล่างรอบปราสาท โดนจัดการเรียบ เสียเวลาไปไม่น้อยเลยทีเดียว จากการไล่เก็บแบบระมัดระวัง สลับพักฟื้นร่างกายก่อนลุยต่อ แต่ผลที่ได้รับกลับมาถือว่าคุ้มค่า

   เลเวลของผม ไวไว ลิน เลื่อนขึ้นอีกคนละหลายระดับ ของที่ดรอปจำเป็นพวกชุดแวมไพร์ระดับล่าง เครื่องประดับจำพวกสร้อย แหวน ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตังอยู่ แล้วก็พวกขวดยาเพิ่มเลือดระดับกลาง ยาแก้พิษเลือดลดตลอดเวลา กับยาสมานแผลที่เกิดจากเล็บและเขี้ยวแวมไพร์

   กลุ่มปาร์ตี้รวมคนหน้าตาดี กำลังยืนอยู่หน้าประตูปราสาทบานใหญ่ พลังทุกคนเต็มเปี่ยมพร้อมจะลุยแหลกทุกเมื่อ

   “หวังว่าจะได้ของดีๆ มากกว่าพวกตัวที่อยู่ด้านนอกนะ” กระต่ายบ่น

   “พวกด้านในระดับสูงกว่า ถ้ายังงกให้ของไม่ดี ค่อยเอาข้าวของในปราสาทไปขายทำกำไร” ลินเสริมให้ที่เหลือหันไปมองแบบหวาดๆ มาฆ่าเขาไม่พอ ยังจะปล้นเข้าอีกเรอะ

   “ตื่นเต้นจัง อยากเจอแวมไพร์หล่อๆ สวยๆ บ้าง เบื่อพวกหน้าตาบ้านๆ แล้ว” อลิสพึมพำด้วยสีหน้าคาดหวัง

   “แค่จัดการให้หมดก็พอ อย่างอื่นฉันไม่สนหรอก” ทัตดูจะเป็นอีกคนนอกจากกล ที่ไม่ค่อยสนของ น้ำยิ้มอยู่ด้านหลัง จะบอกว่าผมกับกลตัวติดกัน สองคนนี้ไม่ต่างเท่าไหร่นะ

   ทางกลไม่ได้พูดอะไร เอาหัวโตๆดันแขนผม อย่างกับจะบอกว่า เจ้าตัวจะคอยปกป้องผมเอง ผมยิ้มลูบขนนุ่มบนแผงอก แล้วหันหน้าไปยังประตู ออกแรงเปิดบานประตูออกกว้าง จะแวมไพร์หรือตัวอะไรก็ดาหน้าเข้ามาเลย พวกเราพร้อมลุย ไม่กลัวอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ลินสวยและแมนมาก 31/5/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-06-2015 23:37:22
งานนี้น่าสนุก....ไม่รู้จะมีตัวป่วนโผล่มารึเปล่านะ

ปอลิง..คนเขียนลืมเปลี่ยนหัวกระทู้นะงับ

ขอบคุณมากครับที่ช่วยเตือน ลืมสนิทแบบหมดจดจริงๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 09-06-2015 00:10:38
งานละเลงเลือด(?)กำลังจะเริ่มมม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 09-06-2015 00:24:18
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ สนุกดีนะ
ให้อารมณ์แบบนิยายออนไลน์แต่สายวายแบบนี
ชอบสุดๆเลย แต่อ่านแล้วงงว่าสรุปวัตเป็นเกย์แต่ต้น
รับรักน้องหมาแบบไม่ต้องคิดมากเลย (หวานซร้า)
ส่วนคู่ลินไวไวแซ่บเวอร์ เกมมันยอมให้ทำติดเรทปานนี้ได้ไง555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 09-06-2015 00:38:30
น้องวัตของเรานี่ก็เสน่ห์แรงไม่แพ้พี่นะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 09-06-2015 00:48:25
Waiting for Showtime!!' o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 09-06-2015 00:54:43
เราอยากเสียเลือดบางอ่ะ :jul1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 09-06-2015 01:09:43
งานนี้ท่าจะเลือดสาดนะคะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 09-06-2015 01:21:17
ว้อททท !!!!!!! ไม่โชว์ให้จบเล่าวัต ฉันอยากเห็นแกอำมหิตมากเลย อยากเห็นภาคราชินี ซัดให้เงิบเอาให้เลือดสาดด  o18
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-06-2015 06:22:40
อู๊วววววว วัตจะโชว์เทพพพพพ
กลขี้หวงจริงจัง รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-06-2015 07:06:02
เขิลลล ตอนฉากดูดเลือดเหมือนเดิมอ่ะ
มันฟินนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 09-06-2015 07:52:25
เหย้ดดดดดดดดด วัตเท่ไปแล้ววววว. กรี๊ดดดดดดดดด. หลงรักอีกครั้งๆๆๆๆ. อร๊ายยยยยยย :mew4: :hao6: :L2: :impress2: :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 09-06-2015 08:32:48
เท่มากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 09-06-2015 12:56:45
อยกจับค้างคาว วัตมาเลี้ยง ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนั้น :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-06-2015 13:09:02
เค้าดูดเลือดกันกลางสนาม อ๊ากกกกกกก

งานนี้มันส์แน่ วัตจะไดัแก้แค้นละ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 09-06-2015 15:19:32
 :hao7: :hao6: เหย............................วัตดูดเลือดแล้ว กลต้องแสดงสกิลรักษามั่งนะ
สกิลเลียแผลรักษา จัดมารัวๆ กลางสนามรบได้เลย :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 09-06-2015 21:13:07
 :z1:

ฉากดูดเลือด กลางสนามรบ

รอ รอ มาต่อไวไว นะคะ

  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 09-06-2015 22:12:38
อ๊ายยยมาต่อเร็วๆนะคะคุณพี่ขาาาหนุกมากกกกกเรทอีกนิดนึงก้ได้นะค๊าา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-06-2015 22:39:40
หุหุหุ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-06-2015 22:44:47
ง๊อววว ตัดฉับอย่างงี้ได้ไงอ่ะ   :ling1: :z3: :ling1: :z3: :ling1: :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 10-06-2015 15:19:01
 :ling1:อยากเล่นเกมนี้ ขอพาสวาทให้วัวด้วยยยยย
สนุกค่ะอ่านเพลินเกินห้ามใจ รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.21 หมาป่าขี้หวง 8/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-06-2015 21:57:04
วัตหน้าซีดเรยนะซี๊!! เล่นแรงมากไปหน่อย 5555
หมั่นไส้ อิคนที่มาจีบวัตมากๆ =_=
จัดการไปเรยนะกล แง่งๆๆ

ตอนหน้ารอความมัน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 11-06-2015 17:47:50
เดี๋ยวผูกเชือกติดเอวพ่อหมาป่าไว้เลยค่ะ
หลังมารู้วึดวัตขี่ยั่ว เดี๋ยวเถอะๆ
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tistaek ที่ 11-06-2015 18:17:35
เปนเรื่องเกี่ยวกับเกมออนไลน์น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 11-06-2015 18:21:39
อลิสจังงงน่ารักกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 11-06-2015 19:02:32
 เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ไวไวกระต่ายหัวเน่า  :pigha2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 11-06-2015 19:06:46
 :m20: ขำตรงที่มีคนจะแย่งสามีที่มีนมด้วย ถ้าอลิสรู้นางไม่กรี๊ดแตกหรือเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 11-06-2015 21:23:50
นั่น มีคนมาหลงสเน่ห์ค้างคาวหล่ออีกแว้ววสสสสส :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-06-2015 21:38:13
ใส่กุญแจมือ ล่ามโซ่ไว้เลย จะได้ไม่ห่างกัน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 11-06-2015 21:50:02
ขอบคุณค่ะ

มาต่อไวไว นะ o13

กำลังรอลุ้นผลแข่งกิลล์

 
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 11-06-2015 22:55:58
พวกองค์กรนั่นต้องถูกล้างบางไปซะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-06-2015 14:59:28
โหหหหห แต่ละคนเสน่ห์แรงสุดๆอ่ะ
ยกเว้นก้อแตา ไวไว กระต่ายน้อยของเรา 55555
เรื่องยุ่งกำลังจะตามมาแร้วสินะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 13-06-2015 21:04:24
น่ารักมากมายต่อเร็วๆนะจ๊ะ :jul1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-06-2015 02:32:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า 11/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 14-06-2015 12:44:20
วัตสู้ๆ กลนี่เนียนแต๊ะอั๊งวัตตลอด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-06-2015 00:10:23
Lv.25 ทัวร์ปราสาท

   เบื้องหน้าคือความโออ่าหรูหราของปราสาทแม้จะเป็นเพียงชั้นแรกสุด ทุกอย่างถูกตกแต่งสไตล์ตะวันตก ด้านในตกอยู่ในความมืด ไม่มีแสงไฟใดๆ ถูกจุด นอกจากดวงจันทร์สีแดงเลือดที่ส่องแสงนวลเข้ามาภายในตัวปราสาทผ่านกระจกบานใหญ่ มีจุดอับสายตาอยู่มากมาย เหมาะแก่การเป็นที่ซ่อนตัว หลบเร้นกายในเงาของพวกแวมไพร์มาก

   ดูๆ แล้ว ถือว่าอันตรายสำหรับพวกที่มองไม่เห็นในความมืดพอสมควร ส่วนผมไม่เป็นปัญหาอะไรเลยทั้งสิ้น เห็นทุกซอกทุกมุมภายในตัวปราสาท กระทั่งแวมไพร์ที่ไปเบียดอัดกันตรงซอกยังเห็นชัดเจน ไม่รู้จะพูดอะไรเลยทีเดียว สำหรับคนทั่วไป เดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าคงโดนไปพวกนั้นลอบโจมตีตายเรียบแน่ แต่ไม่ใช่กลุ่มผม ในเมื่อกลุ่มเราทุกคนสามารถมองเห็นตอนกลางคืนได้

   ผม กล ไวไว ด้วยคำสาปที่ติดตัวทำให้มองเห็นในที่มืด ผมดีสุดคือเห็นชัดเจนเหมือนเปิดไฟสว่างโร่ กลจะดรอปลงมาหน่อย ไม่ถึงกับอ่านหนังสือได้ทุกตัวอักษรอย่างผม แต่เขามีจมูกกับประสาทสัมผัสที่ว่องไวเป็นตัวทดแทน พอกับไวไว เจ้าตัวเห็นได้ไม่เท่ากล แต่มีสัญชาตญาณอันเฉียบคมของกระต่ายมาช่วย

   ที่เหลือ ไม่มีใครมองเห็นในความมืดได้ก็จริง แต่ลินมีสกิลหนึ่ง ทำให้ทุกคนเห็นในที่มืดได้ชั่วคราว ทักษาะนี้มีระยะเวลาจำกัด แต่ไม่เป็นปัญหา ไว้มันหมดเวลา ค่อยอาศัยจังหวะใช้ใหม่ได้

   “Owl Eye”

   เสียงเรียกใช้สกิลของลินดังขึ้น ดวงตาทุกคนเหมือนถูกเคลือบด้วยไอเวทบางๆ ทำให้เห็นทุกอย่างในความมืด ทุกคนหันขวับไปยังซอกที่ผมมองตั้งแต่ตอนแรก ทางแวมไพร์เหมือนเริ่มรู้ตัวว่าแอบไม่เนียนพากันกรูเข้ามาทำร้ายพวกเราทันทีทั้งหมดเป็นแวมไพร์ระดับกลาง เลเวลอยู่ที่ 111 ไม่ห่างจากพวกด้านนอกเท่าไหร่ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าแวมไพร์ถูกจัดการเรียบ สาเหตุที่มันง่ายดาย ไม่ใช่เพราะอะไร

   มันเป็นเพราะ ปาร์ตี้ผมดันพี่ปีศาจหมาป่ามาด้วยน่ะสิ! แต่ไหนแต่ไรมา ตามตำนานเรื่องเล่า แวมไพร์ไม่ถูกกับพวกหมาป่าเพราะแพ้ทางกัน ในเกมดูจะยึดตามเรื่องเล่าเหล่านั้น กลในร่างหมาป่าตัวเขื่องจึงจัดการพวกแวมไพร์ได้ไม่ยาก

   เราจัดการแวมไพร์ระดับกลาง วิ่งผ่านเข้าไปยังส่วนถัดไป ดันเจี้ยนแห่งเป็นเป็นแบบเปิด สามารถวิ่งไปไหนก็ได้ในปราสาท แต่ละทางจะเจอมอนสเตอร์แวมไพร์ระดับกลางมากน้อยต่างกันไป พวกเราตัดสินใจวิ่งวนเวียนมันทั่วทั้งชั้น จัดการแวมไพร์เป็นฝูง ระดับเพิ่มขึ้นคนละนิดละหน่อย ก่อนตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดขึ้นไปสู่ชั้นถัดไป

   ชั้นถัดมาไม่ต่างจากชั้นที่แล้ว ไม่สิ ถ้านับแล้ว สามชั้นแรก มีแต่พวกแวมไพร์ระดับกลางล้วนๆ จนเข้าชั้นที่สี่ เริ่มมีแวมไพร์ระดับสูงปะปนมา ทำให้ตึงมือไม่น้อย โดยเฉพาะอลิส

   “กรี๊ดดด อย่าทำรุนแรงแบบนั้นสิจ๊ะ พวกเขาหน้าตาดีมาก อลิสไม่อยากทำลายของสวยๆ งามๆ เลย”

   สาวอลิสส่งเสียงร้องอย่างเสียดายสุดแสน หลังทัตฟาดดาบเข้ากลางแสกหน้าแวมไพร์ระดับสูงตนหนึ่งจนเลือดไหลเป็นทางยาว น้ำส่ายหัวอ่อนใจ ดูจะชินกับนิสัยของเพื่อนตัวเอง ปล่อยให้อลิสโดดหลบไปมา ไม่ยอมลงมือ ทางฝั่งผม รู้สึกอยากร้องไห้อย่างแรง

   “โว้ยยยย พวกเดียวกัน นายอย่าเอาไพ่มาระเบิดใกล้ๆ ฉันสิไอ้กระต่ายเถื่อน”

   ผมอัพขั้นให้ไวไว จากกระต่ายถึกเป็นเถื่อน ไม่รู้ว่าอัดอั้นมานานหรือยังไง ซัดใส่พวกแวมไพร์แหลก ราวกับเห็นพวกนั้นเป็นผมก็ไม่ปาน แค่แกล้งนิด แหย่หน่อย จับใส่พานถวายลินอีกเล็กน้อย ไม่เห็นต้องเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้เลย โธ่...

   “อ้าวเหรอ เห็นปีกดำ เขี้ยวแหลมเหมือนกัน โทษทีๆ อ๊ะ มือลื่น”

   ไพ่สามใบถูกซัดมาทางผม เบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน ระเบิดใส่แวมไพร์ชั้นกลางด้านหลัง เจ็บระนาว ผมแทบกระโจนใส่ ใช้เคียวในมือโบกหัวหลุด ติดแต่ต้องฟาดฟันกับแวมไพร์อีกตัวที่พุ่งเข้าใส่ หมายจะดูดเลือดผมเพื่อรักษาตัวเองเจ้าไวไวเคยโดนไปรอบหนึ่ง น้ำร่ายเวทรักษาเกือบไม่ทัน ส่วนลินโมโหมาก กระทืบแวมไพร์ตัวนั้นเหลวเป็นเยลลี่ไปเลย ไม่ค่อยต่างจากคนตรงหน้าผมเท่าไหร่

   กลขย้ำหลังคออีกฝ่าย สะบัดฟาดกับผนังอย่างแรงจนร้าวเป็นใยแมงมุม แล้วตามไปฉีกกระชากด้วยกรงเล็บหมาป่า โหดจนน่าสะพรึง ส่วนคนอื่น เริ่มจัดการแวมไพร์ระดับกลางจนหมด เหลือเพียงแวมไพร์ระดับสูงตนเดียว แน่นอนว่างานนี้ รุมเละ!

   “หลังจบชั้นนี้คิดว่าพวกเราพักกันก่อนดีกว่า ดูเหมือนดันเจี้ยนจะเปิดอิสระเป็นชั้นๆ ไป มอนสเตอร์จากชั้นอื่นข้ามชั้นมาไม่ได้”

   น้ำพูดหลังจากแวมไพร์ระดับสูงเป็นละอองแสงหายไป เหลือเพียงไอเทมดรอปบนพื้น ถือว่าดีที่เดียว ของส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกอาวุธหรืออุปกรณ์สวมใส่ก็จริง แต่มียาเพิ่มพลัง กับพวกสารพัดยาช่วยเสริมความสามารถทางด้านร่างกายมากโขอยู่ และพวกวัตถุดิบปรุงยาต่างๆ ของหลายชิ้นสำหรับพวกเราที่ไม่ใช่สายผลิตคิดว่าไร้ค่า แต่ถ้าเอาไปขายตลาดได้เงินมาไม่น้อยทีเดียว ที่สำคัญคือพวกเราได้เก็บเลเวลก่อนไปฉะกับบอสนี่แหละยาเพิ่มพลังพวกนี้ใช้งานดีไม่น้อย เห็นแวบๆ ในตลาด แต่ละขวดราคาแพงระยับ

   “ดีเหมือนกัน ฉันเริ่มรู้สึกล้าๆ แล้ว” ลินตอบบพลางหมุนไหล่ ขยับคอ

   “ถ้างั้นรีบลุยให้มันหมดชั้นนี้ไปเลยแล้วกัน” ผมบอกแล้วให้หมาป่าเดินนำตามหลังหมาค้างคาวไม่กัด(น้อย)

   ผมเก็บเคียวตัวเองแล้วเรียกเจ็ดจันทร์เสี้ยวออกมาแทน พร้อมกับเล็บมือที่งอกยาว ที่แห่งนี้เหมาะสมกับแวมไพร์ นั่นหมายความว่า มันเอื้อประโยชน์กับผมเช่นกัน ดวงตาผมเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการใช้ความสามารถของคำสาปที่ติดตัวอย่างเต็มที่ ก่อนถอยหายเข้าไปอยู่ในเงามืด

   ลอบช่วยทุกคนในปาร์ตี้จัดการพวกที่คิดหลบซ่อนในเงา พลางปัดป้องการโจมตีที่จะทำร้ายทีมซัพพอร์ทอย่างน้ำ ส่วนคนอื่น ผมควรระวังไม่ให้ตัวเองโดนลูกหลงไปด้วยมากกว่า ตะกี้มีลูกไฟลินพุ่งผ่าน ผมหงิกไปหลายเส้น อันตรายจริงๆ

   “ทำไมชั้นนี้มันดูกว้างกว่าชั้นอื่น” ไวไวบ่นอุบระหว่างใช้ไม้เท้าฟาดแวมไพร์ให้ลินใช้ดาบฟันจนหลายเป็นละอองแสง

   “คงเพราะใจอยากรีบเคลียร์ให้จบจะได้พักมั้ง งั้นเอางี้มีฉันมีแผนการดีๆ”

   ผมโผล่ออกมาจากเงามืด หลบดาบทัตได้หวุดหวิด ทางทัตเองดูจะตกใจไม่น้อย สงสัยมือไปก่อนตัว ผมพลาดเองแหละที่โผล่มาผิดตำแหน่ง

   “โทษที ฉันนึกว่าเป็นพวกนั้น” เจ้าตัวพูดพลางจัดการแทงดาบผ่านหน้าเข้ากลางอกแวมไพร์ที่ลอบโจมตีทางด้านหลังผมอย่างไร้ความปราณี โฮ รู้สึกเสียวสันหลังวูบ ตั้งแต่เล่นเกมไม่เคยนึกเสียใจที่ตัวเองโดนคำสาปแวมไพร์เท่าตอนนี้เลย ดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ทำให้ผมรู้สึกชีวิตตัวเองไม่ปลอดภัยสุดๆ ไม่ใช่จากพวกมอนสเตอร์นะ จากพวกเดียวกันเองนี้แหละ

   สรุป ผมเลยย้ายตำแหน่ง เปลี่ยนตัวเองเป็นลูกเทนนิสติดปีก บินไปเกาะบนหัวกลที่เดินกลับมารวมกลุ่ม หลังจากตบแวมไพร์ตายไปสองตัวรวด สาบานว่านับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่ทำให้กลโกรธเด็ดขาด!

   “ทางเดินตรงนี้เราจัดการหมดแล้ว น่าจะมีเวลาสักพักก่อนแวมไพร์อีกกลุ่มจะโผล่มา นายมีแผนอะไรเหรอ”

   หันมองซ้ายมองขวาเห็นทางโล่ง แล้วหันมาคุยกับผมที่อยู่บนตำแหน่ง VIP ทุกคนพากันมายืนอยู่ตรงหน้า จากสายตาคนภายนอก ภาพเหล่านี้คงตลกน่าดู ชายหญิงห้าคนจ้องเป๋งมาที่ค้างคาวตัวกลมบนหัวหมาป่า ตั้งใจฟังแผนการเต็มที่

   “จุดอ่อนของแวมไพร์ตั้งแต่เราจัดการมาอยู่ที่กลางอก ส่วนอาวุธที่ใช้ต้องเป็นเงิน กับน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ในบรรดาของที่ดรอป มียาอันนึงคล้ายกับพวกน้ำมนต์อยู่ พวกอาวุธเงินก็มีอยู่บ้าง พวกนายเอาออกมารวมกันหน่อย”

   ทุกคนเอาอาวุธที่แบ่งไปตอนแรกออกมาตามที่บอก ของทัตคือดาบคู่รูปร่างเพรียวบางแต่มีความคมอย่างร้ายกาจ ตัวดาบสีเงินทั้งเล่ม ที่ด้ามจับทั้งสองเล่มแกะสลักเป็นรูปปีกเทวดาปกป้องช่วงมือไว้ ลินเป็นดาบมือเดียว เรียบๆ ไม่มีลูกเล่นอะไรเด่น แต่สิ่งที่แผ่ออกมาคือไอเวทเบาบาง เหมาะแก่การเสริมพลังเวทในตัว ทางอลิสคือกระสุนเงิน เจ้าตัวมีปืนอยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีปัญหา ส่วนไวไว เจ้าตัวได้อาวุธซัด พวกมีดเงินขนาดเล็ก น้ำได้เรียกทักษะเวทมนต์เกี่ยวกับธาตุแสงเพิ่มขึ้นอีกสองบท

   ชื่อ : Holy Dual Swords
   ชนิด : ดาบสองมือ
   Lv : 110
   สถานะ : อาวุธธาตุแสง สร้างดาเมจให้แก่ธาตุมืดเพิ่มขึ้น 30%
      พลังโจมตี 68,000
   คุณสมบัติพิเศษ : สร้างจากแร่เงินบริสุทธิ์ มอนสเตอร์ธาตุมืดหลังได้รับบาดแผลจากอาวุธชนิดนี้จะไม่สามารถรักษาตัวเองได้
   *ใช้ได้ภายในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์เท่านั้น*

   ชื่อ : Holy One-Handed Sword
   ชนิด : ดาบมือเดียว
   Lv : 110
   สถานะ : อาวุธธาตุแสง
      พลังโจมตี 73,000
   คุณสัมบัติพิเศษ : สร้างจากแร่เงินผสมคริสตัลเวทมนต์ ช่วยเสริมพลังเวทให้แก่ผู้ใช้
   *ใช้ได้ภายในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์เท่านั้น*

   ชื่อ : Holy Bullet
   ชนิด : กระสุนเงิน
   Lv : 110
   สถานะ : สามารถใช้กับปืนได้ทุกชนิด เก็บในกระเป๋าได้ช่องละ30ลูก
      พลังโจมตี 27,580
   สถานะพิเศษ : สร้างจากแร่เงินบริสุทธิ์อาบน้ำมนต์ สร้างดาเมจให้มอนสเตอร์เผ่ามืดเพิ่มขึ้น5%
   *ใช้ได้ภายในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์เท่านั้น*

   ชื่อ : Holy Clutter
   ชนิด : มีดขนาดเล็ก
   Lv : 110
   สถานะ : อาวุธซัด
      พลังโจมตี 18,889
   สถานะพิเศษ : สร้างจากแร่เงินบริสุทธิ์ มีน้ำหนักเบา สามารถดัดแปลงแก้ไขได้
   *ใช้ได้ภายในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์เท่านั้น*

   ชื่อ : Holy Cross
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 110
   สถานะ : เวทมนต์ธาตุแสง สร้างไม้กางเขนตรึงสิ่งมีชีวิตในความมืดภายในระยะเวลา 10 วินาที รัศมีรอบตัวสี่เมตร
      พลังโจมตี – ไม่มี -
   สถานะพิเศษ : ช่วยเพิ่มค่าสถานะของเพื่อนในปาร์ตี้ ทุกอย่าง 5 %
   *ใช้ได้ภายในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์เท่านั้น*

   ชื่อ : Holy Area
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 110
   สถานะ : อาณาเขตแห่งแสง รัศมีรอบตัวผู้เล่นภายในระยะ 5 เมตร สร้างความเสียหายให้แกมอนสเตอร์ที่อยู่ในอาณาเขตแห่งแสง
      พลังโจมตี 7,000 ทุกๆหนึ่งวิ
   สถานะพิเศษ : ลดความเร็ว พลังโจมตี และพลังป้องกัน
   *ใช้ได้ภายในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์เท่านั้น*

   “ดูจากคุณสมบัติพวกนี้แล้ว เหมือนว่าจงใจให้เราใช้เลยนะ แถมยังตรงตามอาวุธที่ทุกคนใช้อีกต่างหาก”

   ผมพูดสิ่งที่คิดเอาไว้ออกมา ความจริงนึกเอะใจตั้งแต่แรก ติดที่พวกเราเร่งจัดการเพราะอยากไปชั้นต่อไปเร็วๆ เลยไม่ได้อ่านรายละเอียดของอาวุธพวกนี้ พออ่านถึงได้รู้ ราวกับมันเป็นของมอบให้เราเพื่อเคลียร์ดันเจี้ยน

   “คงจะจริงอย่างที่นายพูด แต่ของนายกับกลไม่มี หรือเพราะเป็นแวมไพร์กับหมาป่า เขาเลยไม่ให้?” ไวไวช่วยวิเคราะห์อีกแรง
   
   “มีส่วนนะ ในเมื่อพวกนายพลังเพิ่มสูงขึ้นที่นี่ ถ้าให้อาวุธอีกก็ดูจะโกงไปหน่อย”

   “ฉันคิดเหมือนน้ำนั้นแหละ เรื่องพวกนั้นช่างมันก่อน มาฟังแผนการของฉันดีกว่า” ผมยิ้มพร้อมกับเล่าแผนการให้ทุกคนฟัง หลังฟังจบ แต่ละคนแสดงสีหน้าไปคนละทาง ไวไวกับลินยกนิ้วให้ น้ำกับอลิสทำหน้าเหลือเชื่อ ทัตกับกลสองคนนี้ไม่ได้พูดอะไร แต่ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า พวกเขาร่วมกับแผนการของผมชัวร์

   “แผนเข้าท่า งั้นพวกเราไม่ต้องพัก ลุยมันยาวๆ ให้จบดันเลยนี้แหละ ใกล้เวลาออฟไลน์ออกจากเกมแล้วด้วย ไม่รู้ว่าพอออกจะกลับมาอยู่ในตำแหน่งปัจจุบัน หรือยู่ชั้นล่างให้ลุยขึ้นมาใหม่” ไวไวสรุปเสร็จสรรพ

   “ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหา งั้นลุยต่อกันเลยเถอะ”

   ทุกคนเปลี่ยนมาใช้อาวุธใหม่ที่ได้จากภายในดันเจี้ยน ไวไวขอเวลาจัดการดัดแปลงอาวุธตัวเองนิดหน่อย ค่อยเริ่มแผนการ อันดับแรก ผมยังอยู่ในร่างค้าวคาว เกาะบนหัวกลในร่างหมาป่า วิ่งไปทางที่พวกแวมไพร์อยู่ ส่วนที่เหลือวิ่งย้อนกลับทางเก่า

   กลวิ่งพ้นทางเดิน แค่ห้องแรกก็เจอแวมไพร์ระดับกลางสี่ตน กับแวมไพร์ระดับสูงสองตน หมาป่าตัวเขื่อน กระโดดข้ามหัวแวมไพร์พวกนั้นไปดื้อๆ แล้ววิ่งต่อไปยังห้องอื่น วนเวียนหลบหลีกการโจมตี ตัวไหนอยู่ไกลเกินกว่าที่กลจะปลีกตัวไปหาได้ ผมมีหน้าที่ในการใช้เจ็ดจันทร์เสี้ยวโจมตีเรียกพวกนั้นให้มาสนใจ จนวิ่งครบหมดทุกห้องและทางเดินในชั้นนี้ ค่อยวิ่งย้อนกลับไปทางที่พวกทัตรออยู่

   ด้านหลังหมาป่ากับค้างคาวบนหัวคือแวมไพร์หนึ่งฝูงพยายามพุ่งเข้าใส่ หมาป่าหนุ่มวิ่งเข้าไปในห้องหนังสือที่มีระเบียงชั้นสอง แล้วกระโจนขึ้นเหยียบระเบียงชั้นบน พวกแวมไพร์กรูเข้ามาจนแน่นห้อง กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นกับดัก ทางออกถูกปิดด้วยด้ายของไวไวที่อาบย้อมไปด้วยน้ำศักมนต์ศักดิ์สิทธ์ พอออกไปไม่คิดจะกระโจนขึ้นมาทำร้ายคนที่อยู่ชั้นสอง

   ทัตกางปีกออกใช้ดาบและฝ่าเท้าซัดพวกนั้นกลับลงไปด้านล่าง โดยมีลินช่วยร่ายเวทต้อนอีกแรง ส่วนน้ำยืนนิ่ง เบื้องหน้ามีหนังสือเวทมนต์ลอยเด่นส่องแสงสว่างสีขาว

   “Holy Area…”

   พื้นห้องทั้งห้องส่องแสงเรืองรอง แวมไพร์ทุกตัวส่งเสียงร้องจากสิ่งที่ตัวเองแพ้ทาง ผมใช้อาวุธของตัวเองควบคุมให้มีดทั้งเจ็ดเล่มโจมตีลงไปด้านล่างเต็มที่ ปล่อยให้หน้าที่ฟื้นฟูพลังเพื่อนในปาร์ตี้เป็นของน้ำ นอกนั้นต่างช่วยกันสาดสกิลใส่มอนที่รวมกลุ่มด้านล่าง ตัวไหนคิดขึ้นมา ถ้าไม่โดนเท้าหมาป่าก็โดนเท้าเหยี่ยว ไวไวคอยเสริมด้ายตรงทางออก พร้อมซัดอาวุธในมือไปด้วย ยิ่งอาวุธพวกเราสร้างความเสียหายให้พวกแวมไพร์มากกว่าเดิม ใช้เวลาเพียงไม่นาน ด้านล่างเหลือแค่ไอเทมให้เก็บ ทุกคนยกยิ้มพึงพอใจ

   หลังกวาดไอเทมจนหมด เริ่มมุ่งหน้าสู่ชั้นต่อไปทันที ชั้นที่ 5 มีแต่แวมไพร์ระดับสูงเดินกันเต็มไปหมด แผนการเดินไม่สามารถใช้ได้ เพราะพวกนี้ไวเกินไป ไม่เหมือนชั้นก่อนหน้า มีเพียงไม่กี่ตัวพอจะต้อนไหวอยู่ พวกเราเลยเปลี่ยนแผน จากลากมากองรวมกันแล้วจัดการรวดเดียว เป็นไล่เก็บเงียบไปทีละตัว ช่วงไหนแห่กันมาเยอะหน่อย น้ำจะใช้สกิล Holy Cross เป็นกางเขนแสงตรึงพวกนั้นไว้ระหว่างคนอื่นจัดการ

   ระยะเวลาในการเก็บกวาดมอนสเตอร์ชั้นที่ 5 ไม่ห่างจากชั้นที่สี่สักเท่าไหร่ ถึงแวมไพร์ระดับสูงจะเก่งขึ้น แต่จำนวนมีไม่เท่ากับชั้นอื่นๆ ที่พวกเราผ่านมา จนเข้าสู่ชั้นที่ 6 บรรยากาศโดยรอบแตกต่างจากทุกชั้นที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง รอบข้างเงียบสงัด ราวกับไร้สิ่งมีชีวิตบนชั้นนี้ อากาศรอบตัวเย็นเยือก ทุกด้านปิดทึบ ไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว แต่ยังตกแต่งอย่างหรูหราภาพวาดมีชื่อหลายภาพถูกแขวนบนกำแพง บนโต๊ะแกะสลักขนาดเล็กมีแจกันใส่ดอกกุหลาบแห้งเหี่ยว

   เบื้องหน้าคือบันไดปูพรมแดงอย่างดี พวกเราขึ้นไปพลางระวังรอบๆ ตัว สุดบันไดคือประตูบานหนึ่งที่มีรูปแกะสลักของชายร่างในชุดขุนนางยาวกรอบเท้าดูรุ่มร่าม ผมนึกสงสัย ที่ผ่านมาประตูธรรมดาไม่มีลวดลายอะไรทั้งนั้น เหมือนต้องการจะบอกว่าอะไรรออยู่ด้านหลังประตู

   เพียงแค่ยกมือแตะเบาๆ ประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นห้องที่ดูคล้ายกับห้องเอกสารในสมัยก่อน บนชั้นวางมีม้วนกระดาษมากมาย กลางห้องคือแท่นหินอ่อน เหนือแท่นมีโลงศพวางอยู่หลังหนึ่ง ชั่วพริบตาที่พวกเราก้าวเข้ามาในห้องครบทุกคน มีบางสิ่งออกมาจากโลง ปรากฏเงาวูบไหวตรงหางตา ผมผลักอลิสออกไปอีกด้าน มือถือเคียวรับการปะทะจากกรงเล็บแหลม

   เคร้ง!

   เสียงปะทะดังก้องไปทั่วห้อง ตรงหน้าผมคือชายใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ดวงตาสีเลือด เรือนผมสีดำยาวถูกมัดรวบด้วยไหมถักพาดมาด้านหน้า บนตัวของเขาแผ่กลิ่นอายของแวมไพร์ออกมาอย่างเต็มเปี่ยม เจอแล้ว ขุนนางแวมไพร์ตนแรก

   ผมตวัดเคียวโต้กลับ เขาถอยหลังไปยืนสงบนิ่งอยู่บนโลงของตัวเอง พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น

   Baron Lv.150 ปรากฏตัว หลังจากบารอนตายจึงจะผ่านไปยังประตูห้องถัดไปได้ หากตายด้วยฝีมือบารอน จะกลับไปเกิดที่หน้าปราสาทแวมไพร์

   จากที่ฟังทำให้พวกเราชักหน้าเครียด แวมไพร์ระดับสูง Lv. อยู่ที่ 147 - 149 พอมาเจอระดับขุนนาง แถมเป็นขั้น 5 ระดับพุ่งเป็น 150 ที่สำคัญ ถ้าตายจะต้องกลับไปเกิดที่หน้าปราสาท นั่นเท่ากับว่าต้องลุยใหม่หมดทั้งแต่ต้น ไม่มีทางซะล่ะ!

   กลกระโจนเข้าไปคนแรก ดูแวมไพร์นี้จะสมกับเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่สามารถสู้แรงกับกลได้ แต่ดันเป็นพวกที่มีความไวสูง คนที่พอตามความไวทันมีแค่ผมเท่านั้น งานนี้ผมกับกลเลยเป็นด่านหน้า คนอื่นเป็นหน่วยเสริม ยังดีที่ผ่านมาเราฆ่าพวกแวมไพร์ไปได้ขวดยาเหลือเฟือ ผมกับกลเลยไม่ลำบากเรื่องพลังของตัวเองที่ลดลงจากการโจมตีเท่าไหร่นัก เพราะน้ำไม่สามารถใช้เวทธาตุแสงเพิ่มพลังให้พวกผมได้

   บางจังหวะผมถอยฉากออกให้กลเข้าไปเสริมแทน ระหว่างนั้นผมคอยเพิ่มเลือดให้กลเป็นระยะ ก่อนเข้าไปลุยด้วย เคียวไหนมือกวัดแกว่ง เจ็ดจันทร์เสี้ยวดึงมาใช้เต็มกำลัง พออีกฝ่ายถูกลินใช้เวทมนต์ดำสาปให้ความเร็วช้าลง น้ำเสริมต่อตรึงด้วยกางเขนแสง ทัต อลิส ไวไว พุ่งเข้ามาทำดาเมจให้มากที่สุด ก่อนอีกฝ่ายจะหลุดจากพันธนาการ ทำสลับกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งดาบในมือทัต แทงทะลุเข้ากลางหัวใจตอนเลือดบารอนเหลือน้อยที่สุด

   เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น พร้อมกับร่างที่เริ่มลุกไหม้กลายเป็นขี้เถ้ากับกุญแจทรงโบราณสีทองดอกหนึ่ง ระหว่างคนอื่นกำลังมุงดูกุญแจ พ่อหมดหนุ่มก้มลงหยิบเศษผ้าในกระเป๋าออกมาโกยเอาเศษขี้เข้าห่อเก็บไว้แบบหมดจด ผมเลยทักด้วยความสงสัย

   “ลินทำอะไรน่ะ จะเอาไปหล่อเป็นตัวขึ้นมาใหม่เรอะ”

   “ถูกครึ่งหนึ่ง ฉันไม่ได้หล่อขึ้นมาใหม่ แต่จะเอาไปเป็นสื่อกลางใช้กับศพ ชุบชีวิตขึ้นมาใช้งาน โลงนี้น่าสนใจ ขอไปด้วยเลยแล้วกัน”


หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Marchyn ที่ 21-06-2015 02:59:53
 o18 o18 o18 ดีจังที่ยังไม่นอน ปราสาทแวมไพร์ น่าสนุกจังน้าาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 21-06-2015 06:46:49
ชอบโมเม้นมุ้งมิ้งของสองคนนี้จังเลยน้าาาา
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 21-06-2015 06:54:47
ตอนต่อไปน่าสนุกจัง :mew3:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 21-06-2015 08:30:02
น่ารักมากอ่ะตอที่วัตเป็นค้างคาวอ่ะ มันดูมุ้งมิ้งๆอ่ะ
รอปราสาทค้างคาวววววววว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 21-06-2015 08:36:56
กำลังคิดว่าทุกคนในปารตี้ คงจะได้เป็นเบาหวานกันหมดแน่เลยยยยย.  หวานขนาดดดดดดดด :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 21-06-2015 08:50:05
ออดอ้อน มุ้งมิ้งๆๆๆๆ ^3^
ทัตแทบจะร้องไห้กันไปเรย ช่างน่าสงสารยิ่งนัก 55
ตอนหน้าน่าสนใจฝุดๆๆ ปราสาทแวมไพร์ ><
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 21-06-2015 12:55:52
 :m28: หรือว่า วัตจะเลื่อนขั้นคำสาป เป็น ลอร์ดแวมไพร์ :z2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 21-06-2015 14:19:36
หมาป่าจะยึดปราสาทให้ค้างคาวเหรอ อัพเป็นท่านเคาท์เลย :z2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 21-06-2015 15:35:20
ปราสาทแวมไพร์จะรอดูน่ะ
พี่กล พี่วัตหวานไม่เกรงใจใครเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 21-06-2015 15:46:09
โลกนี้มีเพียงเราสองจริงๆเล้ยยย

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-06-2015 19:09:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 21-06-2015 20:10:50
อ๊ายยยน่าฮักกกกก :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 21-06-2015 21:39:52
 o13 o13 o13 o13 o13 สนุกมากกกกเลย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 21-06-2015 22:09:51
หมา (ป่า) ขี้หวง

แต่น่ารักนะ

มาต่อไวไวนะคะ

  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 21-06-2015 22:54:24
มีกันอยู่2คน ที่เหลือก้อนหินรึ :hao3:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-06-2015 12:03:27
น่าน วัตจะเจอพวกเดียวกันมั้ยนะ
น่าสนุกแหะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: iiizo ที่ 22-06-2015 18:05:56
พึ่งมาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกค่ะ สนุกมากกกกกกกก :katai2-1: o13
เป็นกำลังใจให้ค่ะ มาต่อไวไวนะคะ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ 21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 23-06-2015 02:16:57
มุ้งมิ้งงงงงง หัวใจลอยรอบตัวพร้อมออะร่าสีม่วงประกายเลยค่า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 23-06-2015 21:38:40
Lv.25 ทัวร์ปราสาท (ต่อ)

   ไม่พูดเปล่า ลินยังเอามือแตะโลงศพที่สร้างมาใช้เนื้อไม้สีดำขัดเงา แกะฉลุด้วยเงินเป็นลายกางเกงกลับหัว ออกคำสั่งเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองเฉย ผมอ้าปากค้าง

   “เดี๋ยวก่อน เห็นปกติชุบแต่โครงกระดูก อันนั้นเป็นพลังเวทของพ่อมดมืดพอเข้าใจ แต่ถึงขั้นชุบศพกับวิญญาณ ฉันไม่คิดว่ามันจะทำได้นะ”

   “นายคงยังไม่รู้สินะ ช่วงแยกกันไปเก็บเลเวล ลินไปทำเอาอาชีพเสริมมาน่ะ เป็น ‘เนโครแมนเซอร์’ ”

   ไวไวเดินเข้ามาช่วยอธิบาย ผมพยักหน้ารับแบบอึ้งๆ คุณเธอจะดาร์คไซด์ไปไหน

   “ไปกันต่อเถอะ”

   เสียงทุ้มติดแหบดังขึ้นข้างๆ หมาป่าหนุ่มใช้หัวดันหลังผมให้เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นต่อไป ประตูของห้องนี้เป็นแบบประตูบานคู่ มีรูปเด็กชายสองคนยืนหลับตาจับมือกันคนละบาน ดูท่างานนี้จะหนัก คงได้เจอรวดเดียวสองตน

   ภายในห้องเต็มไปด้วยตุ๊กตาน้อยใหญ่มากมาย ทั้งหมดเป็นตุ๊กตาหมีกับกระต่ายปะปนกันไป โลงสองหลังตั้งอยู่โดยไร้แท่น เพราะมันถูกโยงด้วยโซ่จากบนเพดานเสียงฮัมเพลงดังขึ้น ประตูโลงถูกเปิดออก เด็กชายฝาแฝดเดินออกมาจากโลงของตัวเอง ใบหน้าอ่อนเยาว์ เรือนผมสีทองหยักศกปัดไปคนละข้าง และดวงตาสีแดงราวกับลูกแก้ว

   Earl & Viscount Lv.155 ปรากฏตัว หลังจากเอิร์ลและไวส์เคานท์ตายจึงจะผ่านไปยังประตูห้องถัดไปได้ หากตายด้วยฝีมือฝาแฝดแวมไพร์ จะกลับไปเกิดที่หน้าปราสาทแวมไพร์

   “ทุกคนระวังตัว ห้ามประมาท ถึงภายนอกจะเป็นแค่เด็ก แต่ตามเรื่องเล่าแวมไพร์มีอายุยืนยาว ตรงหน้านี้ ยังไงมันก็ไอเฒ่าทารกชัดๆ” เสียงเตือนจากทัตทำให้ผมเกือบหัวทิ่ม อลิสหันไปมองเพื่อนตัวเองอย่างไม่พอใจที่มาว่าของน่ารักซะได้

   “เจ้าตัวฝังใจน่ะ ที่บ้านมีแฝดตัวแสบอยู่” น้ำเผาเพื่อนระยะประชิด เลยถูกทัตหันมาจ้องเขม็งใส่

   “ไม่น่ารักเลยสักนิด แก่แดด ดื้อซน พูดอะไรไม่เคยฟัง...” และอีกสารพัดที่เจ้าตัวพึมพำออกมา คนอื่นทำหูทวนลม ผมแอบขำอยู่ในใจ

   พอการต่อสู้เริ่มขึ้นเด็กทั้งสองคนหายตัวออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ ไม่ได้เข้ามาโจมตีเหมือนบารอน แต่หายไปเลย

   กลับกลายเป็นตุ๊กตาภายในห้องถืออาวุธหลายแบบเข้ามาทำร้ายพวกเรา ไม่ว่าจะจัดการจนนุ่นทะลักไปมากเท่าไหร่ ปริมาณไม่ลดลงเลยสักนิด แถมยังมีเสียงร้องเพลง กับเสียงหัวเราะป่วนประสาทอยู่เรื่อยๆ แรกๆ ก็ฟังดูน่าเอ็นดูหลอก หลังๆ ชักหลอนปนหงุดหงิด

   งานนี้เป็นกลที่ตามกลิ่นจนเจอเด็กพวกนั้น แล้วช่วยกันจัดการ ไม่ให้หายตัวไปแอบหลังตุ๊กตาตัวไหนอีก พอจัดการเสร็จ จากเด็กน่ารัก กลายเป็นขี้เถ้าสองกองที่โดนลินเก็บเรียบ ตกลงจะสร้างฮาเร็มแวมไพร์ใช่มั้ยคุณพ่อมดควบตำแหน่งเนโครแมนเซอร์ หรือนี้คือเหตุผลที่แท้จริงในการเลือกอาชีพเสริมเป็นอันนี้...

   “ไม่มีกุญแจแฮะ เผลอซัดจนกระเด็นไปตกที่ไหนรึเปล่า” ไวไวมองหาตามพื้น

   “เด็กชอบซ่อนของ” กลพูดทำให้ทุกคนฉุกใจคิด เออจริง สมัยเด็กผมก็ชอบแอบของให้พ้นสายตาพี่วินกับพี่ชินเหมือนกัน ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ของเล่นสองคนนั้นที่ผมเผลอทำพังน่ะ ซึ่งพอสองพี่ชายมารู้เอาตอนหลัง ไม่ยอมให้ผมแตะของเล่นอีกเลย บอกดัดนิสัย แต่สุดท้าย ทนลูกอ้อนผมไม่ไหว ต่างคนต่างแอบเอามาให้ผมอยู่ดี

   “ที่ไหนล่ะ ห้องนี้ไม่ใช่เล็กๆ แถมนอกจากตุ๊กตาแล้วแทบไม่มีอะไรเลย” ผมถามบ้าง

   “เรื่องนี้คงต้องยกให้ทัต” น้ำดึงเพื่อนตัวเองมายืนตรงหน้าพวกเรา เจ้าตัวถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “อยู่ในตุ๊กตา” ทัตพูดด้วยสายตาว่างเปล่า

   “อ๊ะจริงสิ! เด็กที่ชอบตุ๊กตา มักจะเอาของไปซ่อนในนั้น” อลิสทุบมือปุ ผมกวาดสายตามองตุ๊กตากองเท่าภูเขาแล้วรู้สึกท้อแท้ ให้หากุญแจดอกเดียวจากบรรดาตุ๊กตาหมีและกระต่ายชนิดถมห้อง ดูโหดร้ายไปนะจะยังไงก็ตาม ถ้าไม่ลงมือหา ต่อให้อยู่ในนี้กี่ปีคงไม่เจอ ผมก้มหน้ารับชะตากรรม เปลี่ยนตัวเองเป็นกรรมกรกรีดพุงตุ๊กตา หวังว่าเด็กพิเรนทร์พวกนั้นจะไม่นึกอุตริไปซอกในส่วนหัว แขนขานะ

   ผมเลือกหยิบตุ๊กตาใกล้มือมา กำลังจะลงมือทำการผ่าตัด หมาตัวเขื่องกลับคาบตุ๊กตาลูกครึ่ง ครึ่งจริงๆ ซีดขวาเป็นกระต่าย ซีกซ้ายเป็นตุ๊กตาหมี ผมขมวดคิ้วมอง

   “ภาพนายคาบตุ๊กตา ไม่เข้ากันเลยสักนิด ชอบเหรอ” แวมไพร์หนุ่มถามแบบกล้าๆ กลัวๆ หมาป่ามองด้วยสายตา . . . แล้วปล่อยตุ๊กตาออกจากปาก ใช้เล็บตัวเองกรีดพุงตรงรอยเย็บออก ผมเห็นบางอย่างอยู่ด้านใน พอหยิบออกมา มันคือกุญแจรูปเดียวกับตุ๊กตานี้เลย!

   “ฮ่าๆ โทษทีๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ นายไปเจอที่ไหนมา” เหมือนจะเห็นหมางอน ผมเข้าไปกอดคอ เป็นหมีโคอาล่าเกาะต้นยูคาลิปตัส กลเดินทั้งสภาพนั้นไปที่โลงของแวมไพร์แฝด

   “ฉันเจอมันอยู่ในโลงซ้าย” ผมพยักหน้ารับ เออแฮะ ของที่ชอบมากๆ ย่อมเก็บไว้ใกล้ตัว พวกผมมัวทำอะไรอยู่เนี่ย

   “ลืมคิดไปเลย ทุกคน กลเจอกุญแจแล้ว ไปต่อกัน...อ้าว”

   กำลังหันไปเรียกคนอื่นๆ ทุกคนดันยืนเรียงหน้ากระดานมองผมกับกลที่อยู่ในสภาพชวนขำปนอนาถ ผมปล่อยคอกล กลับมายืนดีๆ หันหน้าหนีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะจากทางด้านหลัง

   ประตูชั้นต่อมาเป็นรูปหญิงสาวผู้แสนงดงาม กุญแจถูกไข ประตูเปิดออกช้าๆ พร้อมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบลอยออกมา เบื้องหน้าคือห้องที่มีกุหลาบสีแดงสดถูกปลูกอยู่โดยรอบ ตรงกลางเป็นแท่นหินอ่อนสีขาวสองแท่น แท่นขวามีโลงแก้วเห็นผู้ชายร่างกายซูบแห้งดูยังไงก็ไม่น่าคืนชีพขึ้นมาได้ ส่วนโลงซ้ายเป็นสีแดงเข้มมีเถาว์หนามของกุหลาบพันรัด พวกเราเดินสำรวจ ไวไวเผลอเข้าไปใกล้โลงแก้ว ทันใดนั้นโลงข้างๆ พลันเปิดออก ปรากฏร่างหญิงงามราวกับรูปปั้นแกะสลัก ริมฝีปากสีชาดแย้มรอยยิ้มเผยเขี้ยวคม

   MarchionessLv.160 ปรากฏตัว หลังจากบารอนตายจึงจะผ่านไปยังประตูห้องถัดไปได้ หากตายด้วยฝีมือมาร์ชิเนส จะกลับไปเกิดที่หน้าปราสาทแวมไพร์

   รายละเอียดไม่ต่างจากขุนนางที่ผ่านมา แวมไพร์สาวตนนี้มีพลังโจมตีกับความเร็วไม่สูงนัก ปัญหาคือ กลิ่นกุหลาบที่อยู่โดยรอบทำให้พวกเราติดค่าสถานะอ่อนแรง พละกำลังลดลงเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวเกือบพลาดท่าให้กับแวมไพร์สาว ลินไหวตัวทันใช้เวทไฟของตัวเองเผากุหลาบทั้งหมด ทำให้พวกเราจัดการมาร์ชิเนสได้ง่ายขึ้น

   มาร์ชิเนสไม่สลายเป็นขี้เถ้าเหมือนแวมไพร์ตนอื่น แต่ยังคงรูปร่างงดงามตามเดิม คล้ายกับหลับไปเท่านั้น พวกเราเริ่มงุนงง ไม่รู้จะหากุญแจไปต่อจากไหน จู่ๆ อลิสพูดขึ้นกลางวง

   “พวกนายงัดโลงแก้วทีสิจ๊ะ แล้วอุ้มแวมไพร์สาวตนนี้ไปไว้ด้วยกัน” ลินจากนิ่งๆ พอได้ฟังคำพูดของอลิสก็เบิกตากว้าง อาสาเป็นคนจัดการขั้นต่อไป

   “เดี๋ยวฉันเป็นคนเผาให้เอง” สองสาวมองหน้ากันอย่างเข้าใจ ทิ้งให้ผู้ชายทั้งแท่งอย่างพวกผม ทำตามเงียบๆ เพราะพวกเราเองนึกไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าจะหากุญแจจากไหน ขนาดเดินวนรอบ สำรวจทั่ว กระทั่งให้กลช่วยดมหาก็ยังไม่เจอ

   พออุ้มแวมไพร์สาวไปนอนคู่กับชายแห้งเสร็จ ลินเรียกไฟออกมาเผาทั้งคู่ พอไฟมอดดับจึงได้เห็นกุญแจลายกุหลาบ ใบหน้าของพวกผมคงจะมีเครื่องหมายคำถาม ลินเลยอนุเคราะห์ด้วยการช่วยอธิบายให้

   “มาร์ชิเนส เป็นภรรยาขุนนางตำแหน่งมาร์ควิช ที่แท่นของโลงแก้วมีการแกะสลักเป็นคำว่ามาร์ควิช กับเรื่องราวของเขาอยู่ มันเขียนว่าเขาเข้าสู่ห้วงนิทราอันนิรันดร์ด้วยความต้องการของตัวเอง มาร์ชิเนสคงแค่ปกป้องคนรัก”

   “ใช่แล้วจ๊ะ ฉันชอบเกมนี้เพราะมันแฝงไปด้วยความรักอันแสนโรแมนติกแบบนี้แหละ” อลิสยกสองมือกุมแก้มด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ลินส่ายหัว หยิบกุญแจมาให้ผม

   ผมคิดว่าทั้งสองคนละเอียดอ่อนสมเป็นสาวๆ ดี ทัตกับน้ำไม่รู้เรื่องเพศที่แท้จริงของลิน เลยมองด้วยสายตาชื่นชมในความช่างสังเกต ฝั่งอลิส มัวแต่เคลิ้มคงไม่สนอะไร ไวไวถอนหายใจอย่างโล่งอก คงคิดว่าอย่างน้อยๆ ลินก็ยังมีความเป็นสาวน้อยอยู่ในตัวบ้าง ผมตบบ่าเขาเบาๆ พลางหัวเราะในคอ มุ่งหน้าสู่ชั้นถัดไป ขุนนางคนสุดท้าย...

   แค่หน้าประตูก็รู้สึกถึงความดุดันที่แผ่ออกมา บานประตูใหญ่ มีรูปชายร่างสูงกำยำถือดาบอย่างนักรบ ใครบอกว่าแวมไพร์มีแต่บางๆ คงต้องทิ้งความคิดพวกนั้นไปซะ ในเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าช่างแตกต่างจากเหล่าขุนนางที่แล้วๆ มา หลังประตูเปิดออก ห้องยาวเผยให้เห็นตรงหน้า ภายในห้องสว่างไสวด้วยแสงจากโคมระย้า ซ้ายขวามีชุดอัศวินสีดำตั้งเรียงเป็นทางยาว เบื้องหน้าพวกเราไม่ใช่โลงศพ แต่มันคือ ชายร่างสูงกำยำ

   ส่วนที่ทำให้พวกเราตกใจคือหูและหางที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้า มันเป็นของหมาป่า! แต่ดวงตาคมกร้าวที่จับจ้องมองมาทางผู้บุกรุกเป็นสีแดงและเขี้ยวที่บ่งบอกความเป็นแวมไพร์ คนๆ นี้ ลูกครึ่งระหว่างแวมไพร์กับหมาป่า!!

   “ข้าจะไม่ยอมให้มันผู้ใดผ่านทางไปแม้แต่คนเดียว หากต้องการผ่านไปจงละทิ้งร่างกายและเข้าไปเพียงวิญญาณ Black Knights!!”

   อัศวินเกราะดำ Lv.150 ปรากฏขึ้นจำนวน 10 ตัว

   DukeLv.165 ปรากฏตัว หลังจากดยุคตายจึงจะผ่านไปยังประตูห้องถัดไปได้ หากตายด้วยฝีมือดยุค จะกลับไปเกิดที่หน้าปราสาทแวมไพร์และไม่สามารถเข้ามาในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ได้สามวัน

   ผมกลืนน้ำลายอึก เสียงระบบแจ้งเตือนทันที หลังจากสิ้นคำพูดของขุนนางคนสุดท้าย ดูท่าจะเป็นรองบอสแบบใหม่ที่เพิ่งเข้ามา สามารถพูดและเรียกใช้สกิลได้ แถมยังมีอัศวินเกราะดำอีกสิบตัว แม่เจ้า หน้าที่ถูกแบ่งทันที ไม่มีเวลาแม้แต่จะนัดแนะกัน ทัตถอยไปแนวหลัง ลากเอาอัศวินทั้งสิบไปอยู่กับตัวเอง มีไวไวช่วยเสริมหาทางกำจัดเจ้าชุดเกราะ เรื่องที่ว่าจะโจมตีให้ตายคงยาก ส่วนน้ำคอยเพิ่มเลือดให้กับทั้งคู่

   ฝ่ายปะทะรองบอส หน้าที่หลักคือกล หมาป่าหนุ่มมีพลังโจมตีและป้องกันสูงที่สุดในทีม ผมกลับมาเป็นฝ่ายสนับสนุนเต็มตัวอีกครั้ง คอยใช้เจ็ดจันทร์เสี้ยวทั้งหมดเปลี่ยนสถานะเป็นดูดเลือด ฟื้นพลังให้พวกที่อยู่แนวหน้า อลิสคอยโจมตีระยะไกลด้วยปืนบรรจุกระสุนเงิน ลินช่วยโจมตีจากทางด้านหลัง

   พลังโจมตีของบอสสูงมาก ผมแทบจะร่ายเวทฟื้นฟูพลังอย่างเดียว กลในร่างหมาป่าดูจะเสียเปลี่ยนอีกฝ่ายที่อยู่ในร่างมนุษย์และมีอาวุธเป็นดาบใหญ่สองมือ สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ขึ้นทุกที เลือดของบอสลดลงไปไม่เท่าไหร่ พวกเราชักจะเสียเปรียบมากขึ้น

   “ตรึงมันไว้ ฉันขอเวลาอีกหนึ่งนาที!”

   เสียงกลตะโกนบอกทุกคน ไม่มีเวลาถามอะไรทั้งสิ้น ผมยกเคียวหมุนเหนือหัว ใช้หาฮิวหมู่ พอดีกับที่น้ำหยุดใช้สกิลเพิ่มเลือด เปลี่ยนเป็นร่ายเวทตรึงรองบอสด้วยกางเขนแสง แต่เวทมนต์นี้อยู่ไม่ถึงหนึ่งนาที อลิสหาทางเพิ่มพลังให้แก่กางเขนแสงอีกแรงด้วยการปาขวดน้ำมนต์ไปทางบอส แล้วยิงให้ขวดแตก น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์กระเด็นโดนกางเขนให้ส่องสว่างมากขึ้น

   ทันทีที่กางเขนแสงหายไป ผมเรียกสมุนค้างคาวออกมาช่วยป่วน ด้วยระดับที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ความร้ายกาจ รวมถึงจำนวนค้างคาวที่เรียกออกมามีมากกว่าเดิมสองเท่า กว่าจะครบหนึ่งนาทีได้ เล่นเอาทุกคนงัดออกมาทุกสกิลที่มีอยู่

   หมาป่าตัวโตเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง ยืดตัวขึ้นจนกลับร่างคนตามเดิม อาวุธในมือไม่ใช่กรงเล็บอย่างที่ใช้ทุกที มันถูกเปลี่ยนเป็นคาตานะเล่มยาวคมกริบ ด้ามจับสีดำ พุ่งเข้าฟาดฟัดด้วยสกิลที่โหดกว่าเดิม รวมถึงการบัพเพิ่มพลังให้แก่ตนเองและเพื่อนร่วมทีมให้มีพลังโจมตีมากขึ้นสถานการณ์พลิกกลับทันที ฝ่ายที่ไล่ต้อนกลับกลายเป็นพวกเรา!

   “เจอแล้วๆ ทำลายตรงจุดที่มีตราเวท” เสียงร้องด้วยความดีใจของไวไว ยิ่งทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ตามมาติดๆ ด้วยเสียงเกราะดำที่ถูกทำลายจุดควบคุมจนกองเป็นเศษเหล็กอยู่บนพื้น หลังอัศวินเกราะดำตัวสุดท้ายถูกกำจัด ไวไว ลิน น้ำกลับมาร่วมโจมตีแวมไพร์ลูกครึ่ง เลือดของดยุคลดลงอย่างรวดเร็ว จังหวะที่ดยุกใกล้จะตาย ดาบใหญ่ถูกง้างสูงขึ้น

   “หลบ! มันกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย!!”

   ทัตร้องเตือนทุกคน ผมกับทัตกางปีกบินขึ้นไปอยู่ด้านบนทันที เหยี่ยวหนุ่มคว้าเอาเพื่อนสมัยเด็กติดมือขึ้นมาด้วยทั้งคู่ ไวไวอุ้มลินกระโดดขึ้นไปยืนบนโคมไฟระย้าที่เดียวกับกล ทันเฉียวฉิวกับดาบใหญ่ฟาดลงจนเกิดเสียงดังสนั่น พื้นพังเป็นทางยาว ดูจากความแรง เกราะดำสลายไปผุยผงในครั้งเดียว ทั้งที่พวกเราโจมตีเกราะแทบตายไม่มีแม้รอยขีดข่วน ถ้าไม่หลบ คงได้ไปยืนรวมพลกันหน้าปราสาทแน่

   ในตอนที่บอสใช้ท่าไม้ตาย จะหยุดชะงักเพียงไม่กี่วิ กลไม่ปล่อยโอกาสทิ้งไปเฉยๆ หมาป่าหนุ่มกระชับดาบในมือแน่น พุ่งตัวลงไปโจมตีปิดท้าย

   “Yamata no Orochi…”

   เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยชื่อสกิลที่ติดมากับดาบ โจมตีด้วยการฟันภายในระยะเวลาสั้นๆถึงแปดครั้งรวดราวกับการโจมตีจากหัวทั้งแปดของจอมอสูรในตำนานในดาบสุดท้าย ร่างสูงใหญ่ของดยุกครึ่งหมาป่าลุกไหม้ไปด้วยเพลิงสีแดงฉาน ถือเป็นความสามารถพิเศษของคาตานะเล่มนี้

   กลเก็บดาบเข้าฝัก ดวงตาปรายมองร่างดยุกที่ล้มลงก่อนกลายเป็นขี้เถ้า

   Duke ถูกกำจัด ได้ค่าประสบการณ์ 23,697,050 เนื่องจากอัศวินเกราะดำเป็นเพียงหุ่นเชิด จึงไม่ได้รับค่าประสบการณ์ ผู้เล่นเลเวลอัพเป็น...

   หัวหน้าปาร์ตี้วัตคำสาปแวมไพร์ Lv. 121
   สมาชิกทีมกลคำสาปหมาป่า Lv.??
   สมาชิกทีมไวไวคำสาปกระต่าย Lv. 120
   สมาชิกทีมลินคำสาปพ่อมดมืด Lv. 122
   สมาชิกทีมทัตคำสาปเหยี่ยว Lv. 167
   สมาชิกทีมน้ำคำสาปผู้ใช้สมุด Lv.164
   สมาชิกทีมอลิสคำสาปอลิซ อิน วันเดอร์แลนด์ Lv. 165
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: iiizo ที่ 23-06-2015 21:50:12
ติดตามๆๆๆๆๆๆ :katai2-1: :impress2:
เร่งมือเข้านะคะ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-06-2015 00:16:46
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 24-06-2015 00:44:58
 :mc4:ผู้หญิงแต่ละคนโหดได้ใจมาก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 24-06-2015 00:45:54
มาแวววววว   แอบบมีโมเม้นหวานๆเล็กน้อย :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 24-06-2015 00:48:51
อ่านแล้วอยากเล่นอ่า........ o9 จะไปส่องทีมนี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 24-06-2015 01:01:15
เหมือนพาวัตมาเจอครอบครัว 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-06-2015 01:36:42
ดรอปของดีๆมาบ้างเถอะพ่อคุ๊ณ!!!!
ปราสาทนี้มันบ่จี๊เรอะ ได้มาแต่ละอย่าง
รอตอนต่อไปเนาะะะะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 24-06-2015 01:41:05
ปรากฏว่าราชาแวมไพร์รับวัตเป็นลูกบุญธรรม

ตึ่งตึ้ง !? 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 24-06-2015 03:39:48
โอ๊ย โดนตัดฉับ
รอกลุ่มนี้ไปถึงยอดปราสาท
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-06-2015 07:39:30
สรุปขึ้นไปถึง บอส คือวัตเอง 555555544
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-06-2015 17:49:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 24-06-2015 21:47:21
ราชาแวมมมอยากได้เปนสัตว์เลี้ยงอ่ะ :hao7: กลกลัวคุณปีเตอร์นี่เองนึกว่าจะไม่กลัวอะไรซะแล้ว :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 25-06-2015 00:47:55
พาวัตคืนสู่ปราสาทสินะ 5555
ดูท่า บอสดันนี้ไม่ธรรมดาแหงม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 25-06-2015 09:21:13
หมาป่ากลกลัวคุณปีเตอร์ง่ะ   อะไรจะน่ารักขนาดนั้นค่ะ  โธ่คุณหมาป่า...

ผู้หญิงในเกมนี้โหดนะนี้ 

เอาใจช่วยให้ถึงบอสโดยไว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: crz.insane ที่ 25-06-2015 11:15:55
เพิ่งตามอ่านค่า ไหลมาเรื่อยๆจนเริ่มมาอยากพรู๊ฟตอนบทที่ 8 ฮ่าาาา
มีแก้ไขนิดหน่อยน้า: [(ตอนกลล็อกอินเข้าเกม) ชื่อเกมยังเป็น No Name อยู่ / วัตพากย์ว่า "นะคะ"] และ [(ตอนเลเวลอัพ) หันไปมองวัต - ต้องเป็นกล]

ตามอ่านตอนต่อไปค่ะ มีอะไรเดี๋ยวมาดิทแก้เพิ่มน้าา >___<
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: crz.insane ที่ 26-06-2015 08:36:53
วัตดี๊ด๊ามาก กลับบ้านพบปะเพื่อนฝูงและครอบครัว 55555
กังวลแต่กล หมาป่ากะแวมไพร์เค้าเป็นศัตรูกันมิใช่หรือ หรืออาจจะเลือกเป็นพันธุ์ไป ฮ่าาา
ติดตามตอนต่อไปค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 30-06-2015 17:44:42
พ่ิอหมาป่าผู้มีโลกหมุนรอบตัววัต(?)
กลัวคุณปีเตอร์จ้า  :jul3:
ชอบตอนวัตเป็นค้างคาวมาก มุ้งมิ้งฝุดๆ
โลกนี้มีเพียงเราสองจริงๆ ตอนหน้าจะเป็นอย่างไร
อยู่ๆวัตอาจจะได้เจอญาติพี่น้องที่พลัดพรากกันไป(?)
ในปราสาทแวมไพร์ก็เป็นได้ :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 30-06-2015 20:40:43
กำลังมันส์เลย ตัดฉับเลยอ๊าา
รอตอนต่อไปด้วยใจระทนทุกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 04-07-2015 10:04:16
รอ ร๊อ รอ อยากอ่านต่อม่วกๆ
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 04-07-2015 10:18:03
เก็บเวลกันถึงไหนแว้ววววว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.24 มอนที่แสนน่ากลัว 23/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 04-07-2015 10:46:18
งื้ออออ ยังรออยู่ ><
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-07-2015 14:43:55
Lv.26 ราชาแวมไพร์

   องครักษ์หน้าประตูโดนกำจัดไปแล้ว ทุกคนได้เวลาพักชั่วคราวก่อนจะไปลุยบอสของจริง ผมเองก็พักบ้างด้วยการกลับร่างค้างคาวบินไปหาที่นั่งวีไอพี เกาะอยู่บนหัวหมาป่าหนุ่มในร่างคน

   ความจริงอยู่ในเขตที่มีพระจันทร์สีเลือดตลอดเวลาแบบนี้ กลต้องอยู่ในร่างหมาป่าไม่สามารถกลับร่างคนได้ แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้นๆ ในปราสาทแวมไพร์ ไม่มีส่วนที่เป็นหน้าต่างเลย ถึงมีก็ถูกม่านหนาบดบังจนไม่มีแสงใดเล็ดลอดเข้ามา เวลาผ่านไปครบกำหนด กลเลยสามารถกลับร่างคนได้

   ส่วนไอเทมที่ดรอปจากดยุก...

   ชื่อ : Black Knights
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 150
   สถานะ : เวทมนต์อัญเชิญธาตุมืด สามารถเรียกอัศวินเกราะดำออกมาร่วมในการต่อสู้
      ทักษะระดับต่ำ เรียกอัศวินได้ 2 ตน
      ทักษะระดับกลาง เรียกอัศวินได้ 5 ตน
      ทักษะระดับสูง เรียกอัศวินได้ 10 ตน
   เงื่อนไข : ต้องเป็นผู้เกี่ยวข้องกับความมืดจึงสามารถใช้ได้

   ชื่อ : Curse Sword
   ชนิด :ดาบสองมือ
   Lv : 165
   สถานะ : ดาบต้องสาป
      พลังโจมตี 42,570
   สถานะพิเศษ : หากสังเวยด้วยพลังชีวิตของผู้ใช้ จะเพิ่มพลังโจมตีได้ในระยะเวลาหนึ่ง

   ชื่อ : Duke Hand Armor (1/5)
   ชนิด :เกราะมือ
   Lv : 165
   สถานะ : พลังป้องกัน7,000
   สถานะพิเศษ : ลดดาเมจจากอาวุธและเวทมนต์ธาตุมืด 10 %

   “ดาบมีใครเอามั้ย” ผมชี้นิ้วจิ๋วไปทางไอเทมที่กองรวมกัน ทุกคนส่ายหัว เพราะไม่มีใครในทีมใช้อาวุธเป็นดาบใหญ่ ผมเลยถามถึงชิ้นต่อไป

   “ทักษะล่ะ? ฉันว่าเหมาะกับลิน”

   “น่าสนใจ แต่ฉันมีพวกกองทัพกระดูกแล้ว อีกอย่าง พวกมันหน้าตาไม่ดี” คำตอบตรงๆ สมเป็นลิน อย่างว่าชุดเกราะมันคือเกราะจริงๆ ด้านในกลวงโบ๋ไม่มีอะไรเลย และอาจเป็นเหตุผลว่า ทำไมลินถึงไม่คิดเก็บขี้เถ้าของดยุคทั้งที่ผ่านมาหากมีโอกาสเจ้าตัวเก็บเรียบหมด รอดไปนะเจ้าบอสดยุค ดันตัวถึกหน้าโฉดเกินไปไม่ใช่สเปคลินเขา

   “แล้วไอ้ทหารกระดูกมันหน้าตาดีรึไง” ไวไวอดไม่ได้ที่จะถาม เออ นั่นดิ มีแต่กระดูกขาวโพลน

   “พวกมันน่ารักออก” ผมไม่เข้าใจรสนิยมของคนนี้จริงๆ ครับ ตรงไหนที่มันน่ารักกัน สาวที่ไหนเขาชอบแบบนี้บ้าง เอ๊ะ หรือว่าลินจะชอบของแปลก ผมมองไปทางไวไว ทางนั้นเหมือนรู้ตัวว่าผมคิดไม่ดีเลยขว้างเกราะมือของดยุคใส่ผม แต่กลปัดมันทิ้งก่อน เกราะมือกระเด็นไปทางอลิส สาวเจ้าเลยหยิบขึ้นมาดู

   “เอ๋...เกราะมือมีเลขด้านหลังด้วย”

   “แต่ก่อนไม่เคยเห็นไอเทมที่มีเลขแบบนี้นะ” น้ำยื่นหน้าเข้ามาสำรวจเกราะมือด้วย

   “คงเป็นแพทใหม่ล่ะมั้ง พวกของยกเซ็ต ถ้าใส่ครบชุดของมันจะมีการเพิ่มค่าพิเศษต่างๆ ให้” ทัตเก็บเกราะใส่กระเป๋า แสดงว่าชิ้นนี้เจ้าตัวเอา ส่วนที่เหลือ คงต้องเอาไปขายแล้วมาแบ่งเงินกันที่หลัง

   มันเป็นมาเซตสินะ 1/5 แสดงว่ามันมีห้าชิ้น คงเป็นส่วนหัว ตัว มือ กางเกง แล้วก็เท้า ส่วนจะรู้ได้ยังไงว่ามันเซตเดียวกัน คงต้องดูจากชื่อดยุกด้านหน้า กับดีไซน์ของตัวเกราะเน้นไปทางสีดำ ถือว่าไม่เลวทีเดียว หลังจากนี้คงมีพวกคนล่าของเซตกันเยอะแหงๆ ในเมื่อของพวกนี้มันให้ค่าสถานะดีกว่าของแยกชิ้นทั่วไป ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคนเล่น ถ้าคำนวณดี ต่อให้ไม่ใช่เซต แต่เอามาผสมผสานกันอาจจะโหดกว่าพวกเซตก็ได้

   “รีบไปต่อ” กลพูดขึ้นกลางวง ทุกคนพยักหน้ารับ ได้พักจนพลังเต็มกันหมด รีบไปจัดการให้มันเสร็จๆ ก่อนที่จะหมดเวลาออนไลน์ดีกว่า

   คราวนี้กลเป็นฝ่ายเดินนำหน้า ประตูบานใหญ่ดูมีระดับที่บานที่ผ่านๆ มา ถูกมือหนาดันเปิดออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

   ห้องโถงกว้างราวกับโถงในพระรางวัง มีเสาต้นใหญ่เรียงรายกันซ้ายขวา เงามืดหลังเสาไร้วี่แววของพวกแวมไพร์ ตรงกลางทางเดินปูพรมทอดยาวจนไปถึงใต้บัลลังก์หรูหราสีแดงเลือด มีชายในชุดเสื้อคลุมตัวยาวสมฐานะ กำลังนั่งเท้าคางมองผู้บุรุกด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสีแดงเลือดพราวระยับอย่างถูกใจ ผิวกายขาวซีด มือเรียวประดับเล็บยาว วงหน้าหล่อเหล่าแฝงความงามสง่า เรือนผมสีเงินยวงปล่อยยาวเสริมบารมีเจ้าแห่งรัตติกาล

   “พวกเจ้าอาละวาดเสียจนปราสาทข้ากลายเป็นปราสาทร้าง” เสียงเย็นกังวาน ยามราชาแวมไพร์เอ่ยปากพูดทำให้เห็นเขี้ยวคมกริบดูน่าหวาดหวั่นสำหรับคนอื่น ไม่ใช่กับพวกเราที่ล้างบางแวมไพร์ทั้งดันเจี้ยนพอเห็นท่าทางไม่สะทกสะท้านจากผู้บุกรุก เขาพูดต่อ

   “อย่าทำเป็นได้ใจไป สิ่งที่นำพาพวกเจ้ามาถึงจุดนี้ได้คือเจ้าสัตว์เหม็นสาปนั่น” นิ้วยาวชี้ไปทางกล ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดหรี่ตามองบอสใหญ่ตรงหน้า

   “บอสตัวนี้มีคนบังคับ”

   คำพูดสั้นๆ ของกลสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนได้ชะงัก แต่ละคนเปลี่ยนจากมองผ่านเป็นสำรวจราชาแวมไพร์อย่างละเอียดอีกรอบ พร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับการต่อสู้ที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

   “เวรล่ะ ไม่คิดเลยว่าจะอัพแพทแบบนี้มาจริงๆ ทำให้เกมสนุกขึ้นแลกกับความโหดของบอส คนบังคับกับเอไอมันต่างกันลิบลับเลยนะ” ไวไวพูดเสียงเครียด อย่างเอไอหรือสมองกลบังคับ มันจะทำตามคำสั่งไม่มีพลิกแพลงอะไรทั้งนั้น ต่างจากคนที่สามารถวางแผนเลือกใช้วิธีจัดการได้ในขอบเขตที่กำหนด งานเข้าของจริง

   “ไม่ต้องห่วง ข้ายังไม่โจมตีพวกตอนนี้ ผู้ที่เข้าพบข้าได้เป็นกลุ่มแรกจะได้ข้อเสนอพิเศษ”

   มือขาวซีดขยับเพียงวูบเดียว พวกเราถูกคนเหมือนโดนดึงให้มาอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ ประตูทางออกเพียงหนึ่งเดียวถูกปิดลงตรงหน้าพวกเรามีหน้าต่างโผล่ออกมากลางอากาศ

   ข้อเสนอจากราชาแวมไพร์
   รายละเอียด : หัวหน้าปาร์ตี้สามารถเลือกหนึ่งในหัวข้อต่อไปนี้
   1. ข้าต้องการเป็นแวมไพร์
   2. จงตายซะเจ้าแห่งรัตติกาล
   3. ข้าขอยอมแพ้
   4. ข้าต่างหากราชาแวมไพร์ที่แท้จริง
   เงื่อนไข : พบราชากลุ่มแรกและมีผู้เล่นแวมไพร์อยู่ในปาร์ตี้ จึงจะเลือกข้อที่สุดท้ายได้

   หลังอ่านข้อมูลตรงหน้าจบ ทุกคนพร้อมใจกันหันมามองวัตเป็นตาเดียว แต่บนหัวของหมาป่าหนุ่มกลับว่างเปล่าไม่มีสิ่งมีชีวิตตัวกลมสีทองเกาะเหมือนอย่างเคยพร้อมกับเสียงจากระบบดังขึ้น

   คุณได้เลือกหัวข้อที่สี่ King of Vampire Lv.170 ปรากฏตัว ไม่สามารถหลบหนีออกจากการต่อสู้ หากตายด้วยฝีมือราชาแวมไพร์ จะต้องกลับไปเกิดในเมืองและไม่สามารถเข้ามาในดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ได้สองอาทิตย์
   
   “พวกเจ้าเลือกที่จะท้าทายข้า ข้าจะสูบเลือดในกายอกมาให้หมด!” เสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้น ราชาแวมไพร์หายวับไปจากบัลลังก์ไปปรากฏตัวหน้าผู้ใช้สมุด

   พรึบ!

   ทัตที่อยู่ใกล้ที่สุดใช้ดาบกันรับการโจมตีจากกรงเล็บแทนจนเลือดลดไปเกือบครึ่งบ่งบอกความแรงที่ได้รับเป็นอย่างดี สมกับเป็นบอสที่มีคนบังคับ จ้องจัดการน้ำเป็นคนแรก ถ้าหากทัตเข้ามารับการโจมตีไม่ทัน ทุกคนที่เหลือจะไม่มีใครคอยซัพพอร์ทเพิ่มเลือดให้ เมื่อถึงตอนนั้นคงเป็นคราวหายนะของทีม เพราะอีกคนที่สามารถเพิ่มเลือดได้ดันหายไปซะลแล้ว

   “มันแข็งแกร่งเกินไป แถมไวโคตร พวกขุนนางที่ผ่านมาเทียบไม่ติดเลย” กระต่ายโจ๊กเกอร์บ่นอุบหลังซัดมีดวืดไปปักอยู่บนเสา ไม่เฉียดราชาแวมไพร์เลยสักนิด

   “จะยังไงก็ต้องสู้ก่อน ยังดีกว่าตายโดยไม่ทำอะไรเลย” พ่อมดควงคทา กับดาบในมือเข้าโจมตีราชาแวมไพร์พร้อมกับอลิส น้ำคอยเพิ่มเลือด ร่ายเวทใส่บอสเท่าที่ทำได้ โดยมีทัตคอยคุ้มครองอยู่ข้างๆ

   กลหรี่ตามอง ดึงดาบออกจากฝักเข้าร่วมโจมตี เลือดของบอสลดลงเรื่อยๆ อย่างผิดวิสัย ทุกคนเริ่มเดาอะไรบางอย่างออก ดังนั้นจึงเพิ่มการโจมตีมากขึ้น เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่ใส่ให้หมด แต่ถึงอย่างนั้นเลือดราชาแวมไพร์ก็ยังลดไปได้ไม่เท่าไหร่ กลับกัน เลือดของทุกคนในทีมเริ่มน้อยลงไปทุกที

   “เจ้าพวกโง่เขลา!” ราชาแวมไพร์ส่งเสียงคลื่นความถี่สูงสร้างสถานะมึนงงให้กับศัตรู ก่อนจะพุ่งใช้ดาบที่สร้างขึ้นมาจากเลือดฟาดฟันไวไวที่ได้ผลกระทบจากการโจมตีด้วยคลื่นเสียงมากที่สุดจนกลายเป็นแสงหายไปด้วยพลังชีวิตที่ลดเหลือน้อยตั้งแต่แรก

   ผู้เล่นไวไวถูกสังหาร ไม่สามารถเข้ามาภายในปราสาทเป็นเวลาสองอาทิตย์
   Holy Clutter ถูกทำลาย

   “บังอาจฆ่ากระต่ายของฉันเรอะ ไอ้ค้างคาวหัวหงอกจงออกมากองทัพกระดูก!” พ่อมดกระแทกคทาเวทลงพื้น เหล่าทหารโครงกระดูกโผล่มาจากพื้นดิน เข้ารุมโจมตีราชาแวมไพร์ น้ำฉวยโอกาสนี้เรียกใช้สกิลธาตุแสงที่ได้มา สร้างกางเขนตรึงราชาแวมไพร์ชั่วคราว

   “รีบโจมตีเร็ว ฉันตรึงไว้ได้น้อยกว่าพวกด้านนอก” ด้วยพลังที่แข็งแกร่งกว่า จากปกติสามารถตรึงได้ 10 วิ ตอนนี้จึงเหลือเพียง 5 วิเท่านั้น

   “Yuki Onna”

   เสียงทุ้มต่ำเรียกใช้สกิลจากดาบเล่มที่สอง ตัวดาบคาตานะสีขาวโพลนตวัดอากาศสร้างละอองหิมะที่มีรูปร่างเป็นหญิงสาวเรือนผมยาวและชุดสีขาวเข้าไปโอบกอดราชาแวมไพร์ก่อนจะจางหายไป รอบตัวราชาแวมไพร์กลายเป็นน้ำแข็งตั้งแต่เท้าขึ้นมาถึงคอ ดวงตาสีแดงมองคนทำด้วยรอยยิ้มมุมปาก

   “ยอมตายๆ ไปซะก็หมดเรื่อง จะสู้ทำไม ทั้งที่รู้อยู่แล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องตาย”

   วาจาทิ้งท้ายก่อนที่จะถูกแช่แข็งทั้งตัวเรียกความหมั่นไส้จากทุกคนได้เป็นอย่างดี

   “เพิ่มเวลา 10 วินาที” กลบอกความสามารถของตัวเอง

   “ปากมันวอนจริงๆ เมื่อกี้มันพูดเองไม่ได้อยู่ในบทของบอสชัดๆ” ทัตกัดฟันกรอด รัวฟันดาบสองมืออัดสารพัดสกิลใส่แบบไม่ยั้ง มีลินระบายอารมณ์อยู่ข้างๆ อลิสถึงไม่อยากทำร้ายของสวยงามแต่ก็ต้องจำใจทำไม่งั้นเกรงว่าอีกสองคนจะหันมาซัดพวกเดียวกันก่อน น้ำยิ้มแห้ง ส่วนกลยืนใช้การตวัดดาบสร้างความเสียหายระยะไกล

   “ถอย” หมาป่านุ่มบอกนิ่งๆ ทุกคนถอยห่างพอดีกับที่บอสกางปีกค้างคาวออกกว้างตวัดฟาดทหารโครงกระดูกหายเรียบในคราวเดียว พร้อมกับสร้างความเสียหายให้อลิสที่หลบไม่ทัน น้ำยังไม่ทันเพิ่มเลือด ดาบโลหิตที่ขว้างปักเข้ากลางอก พริบตาเดียวอลิสกลายเป็นแสงหายแล้วหายไป

   ผู้เล่นอลิสถูกสังหาร ไม่สามารถเข้ามาภายในปราสาทเป็นเวลาสองอาทิตย์
   Holy Bullet ถูกทำลาย

   สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ยิ่งเลือดบอสลดลงมากเท่าไหร่ การโจมยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น พอๆ กับการปะทะกันดุเดือดมากขึ้นทุกที

   ลินถูกค้างคาวยักษ์ที่บอสเรียกมาสังหารไปพร้อมกับอาวุธที่ถูกทำลาย คนที่เหลือจึงรับบทหนักเพราะไม่มีใครช่วยก่อกวนบอส ทัตรับพลังโจมตีแทนน้ำจนหายเป็นแสงไปอีกคน หมาป่าหนุ่มกับผู้ใช้สมุดยังคงต่อสู้กับราชาแวมไพร์ ผ่านไปไม่นาน เบื้องหน้าราชาเหลือเพียงกลแค่คนเดียว

   “นายนี่มันขี้โกงจริงๆ เล่นมีไอเทมนั้นอยู่ เลยพาคนอื่นลุยจนมาถึงนี้ได้”

   ราชาแวมไพร์หยุดการโจมตีแบบวงกว้าง เปลี่ยนมาใช้ดาบเพียงอย่างเดียวทำให้การโจมตีแรงขึ้นกว่าเดิม กลกำดาบคาตานะในมือพุ่งเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงกังวานไปทั่วห้องโถง

   ไอเทมที่ราชาแวมไพร์กล่าวถึงคือเขี้ยวหมาป่าที่กลใช้เก็บของมาจนถึงทุกวันนี้ ความสามารถของมัน นอกจากจะใช้ในการเก็บของจำนวนมาก ยังช่วยกักเก็บค่าประสบการณ์จากภารกิจกับการกำจัดมอนสเตอร์ตามการตั้งค่าของผู้ใช้ กลที่เลเวลตันเป็นกลุ่มแรกตั้งแต่เกมเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงปี เขาตั้งค่าให้มันเก็บค่าประสบการณ์แบบ 100% และเปิดใช้ค่าประสบการณ์เหล่านั้นทันทีหลังจากที่เกมอัพแพทใหม่ ทำให้ตอนนี้เลเวลของกลคือ 170 เท่ากับราชาแวมไพร์!

   “มันคือกลยุทธ” หมาป่าหนุ่มที่กำลังฟาดฟันกับราชาแวมไพร์ตอบเสียงเรียบ การสร้างไอเทมชิ้นนี้ไม่จำกัดผู้ใช้หรือระดับ แต่ความยากของมันที่ต้องใช้เวลาและความอดทนสูง ทำให้คนที่อดทนสร้างไอเทมชิ้นนี้ขึ้นมาได้มีเพียงหนึ่งในหมื่นจากผู้เล่นทั้งหมดภายในเกม

   “งั้นเหรอ ฉันเองก็มีเหมือนกัน” ราชาแวมไพร์พูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนถอยฉากกลับไปด้วยรอยยิ้ม เรียกใช้การโจมตีที่แรงที่สุดของราชาแวมไพร์ โดยมีเงื่อนไขต้องเหลือเลือดน้อยกว่า 10% แค่พริบตาเดียวที่แสงสีแดงระเบิดออกเป็นวงกว้าง กลยืนนิ่งรอรับการโจมตี ต่อให้เขาเก่งแค่ไหน แต่สำหรับผู้เล่นเลเวลเท่ากับบอสเพียงคนเดียว ยังไงก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ในช่วงที่เขากำลังจะเป็นแสงหายไป เจ้าตัวพึมพำออกมาเบาๆ

   “ฝากปิดฉากด้วยนะที่รัก...”

   ผู้เล่นกลถูกสังหาร ไม่สามารถเข้ามาภายในปราสาทเป็นเวลาสองอาทิตย์

   เนื่องจากกลไม่ได้ใช้อาวุธดรอปในดันเจี้ยน จึงไม่มีการแจ้งอาวุธถูกทำลาย ราชาแวมไพร์เบิกตากว้าง เพราะเขาถูกผู้เล่นคนอื่นๆ ดึงความสนใจไปจนลืมสังเกตถึงตัวตนของคนที่หายไปตั้งแต่เริ่มต่อสู้ เขาจับสัมผัสอีกฝ่ายไม่ได้เลยจนกระทั่งหมาป่าถูกสังหาร แสดงว่าต้องเป็นฝีมือหมาป่าในการพรางตัวหัวหน้าปาร์ตี้จากสายตาบอส

   ท่ามกลางความเงียบ เส้นผมสีเงินด้านหลังเหมือนมีอะไรขยับไหว ค้างคาวตัวกลมขนสีทอง บินออกจากกลุ่มผมของราชาแวมไพร์ แถมยังเรอเอิ๊กด้วยความอิ่มจากการดูดเลือดตลอดการต่อสู้ ตัวต้นเหตุที่ทำให้บอสเลือดลดไวผิดปกติ มือขาวซีดของราชาแวมไพร์จะคว้าเอาเจ้าค้างคาว วัตใช้ความเร็วในการเคลื่อนที่ หายแว้บมายืนด้านหน้าพร้อมกลับร่างคน อาวุธในมือเป็นเคียวสีเลือดต่างไปจากเดิม มันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากเลือดของราชาแวมไพร์ที่เขาดูดมา ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงความแรงในการโจมตีเกือบเทียบเท่าได้กับดาบโลหิตในมือราชาแวมไพร์เลยทีเดียว

   เคียวสีเลือดตวัดฟัน ต่างคนต่างใช้ความสามารถสูงสุดของตัวเองเข้าทำร้ายอีกฝ่ายจนกลายเป็นเพียงเงาวูบไหวและเสียงปะทะกันของอาวุธ มีหลายครั้งที่ผมพลาดท่าโดนโจมตี แต่รอดมาได้จากการใช้สกิลพิเศษของตัวเอง ด้วยการเปลี่ยนร่างเป็นฝูงค้างคาวทำให้ผมเป็นอมตะชั่วคราว แลกกับพลังชีวิตลดลงเรื่อยๆ

   สกิลนี้ผมเคยใช้ตอนต่อสู้กับบอสนก สมัยนั้นเลเวลผมยังน้อยอยู่หลังจากการใช้สกิลเลยตายทันที ด้วยความที่เลเวลกับค่าพลังต่างๆ สูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน การใช้ทักษะย่อมดีขึ้นไม่ตายทันทีแถมยังสามารถรวมเป็นร่างคนในการหลอกล่อได้ การต่อสู้โค้งสุดท้ายจึงขึ้นอยู่กับเวลา จะบอสโดนโจมตีตายก่อนหรือผมถูกทักษะสูบเลือดหมดตัวตายคงต้องมาดูกัน

   “ร้ายกาจมาก” ราชาแวมไพร์พูด

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-07-2015 14:44:23
Lv.26 ราชาแวมไพร์ (ต่อ)

   “เรามาตัดสินกัน” ต่างคนต่างพุ่งเข้าหา คิดจะปิดบัญชีอีกฝ่ายในการโจมตีครั้งสุดท้าย ช่วงเวลาแห่งการลุ้นระทึก ก่อนที่อาวุธทั้งสองชนิดจะได้ดื่มเลือดฝ่ายตรงข้าม แสงสว่างพุ่งวาบเข้ามาตรงกลางกลืนร่างทั้งคู่และหายไปหลังจากแสงสว่างจางลง ภายในห้องโถงเหลือเพียงความว่างเปล่า...


ด้านกล

    ผมลืมตาพบว่าตัวเองกลับมาเกิดที่ห้องพัก พร้อมกับเสียงเคาะประตูจากด้านนอก พอผมเปิดประตูออก ทุกคนแห่เข้ามาจับจองพื้นที่ของตัวเอง ผมหรี่ตามองไม่คิดพูดอะไร ในเมื่อพูดไปก็เท่านั้นไม่อยากเปลือกน้ำลายโดยใช่เหตุ

   “วัตหายไปตั้งแต่เริ่มต่อสู้แบบนี้แสดงว่าพวกนายสองคนแอบวางแผนอะไรกันสินะ” ไวไวกอดอกมองผมผ่านหน้ากากโจ๊กเกอร์ ถึงไม่เห็นสีหน้าแต่ผมพอเดาออกว่าเขากำลังลุ้นว่าแผนการของวัตอาจจัดการราชาแวมไพร์ได้สำเร็จ คนอื่นๆ เองก็ดูไม่ต่างกัน เพื่อตัดปัญหาไม่ต้องเป็นจุดรวมสายตา ผมเลยอธิบายไปแบบรวบรัด

   ความจริงมันไม่มีอะไรมาก วัตกระซิบบอกผมตอนกำลังจะเข้าห้องราชา เขาบอกว่าบอสตัวนี้ท่าทางจะโหด การต่อสู้แบบที่ผ่านมาไม่น่ารอด เขามีแผนการบางอย่างอยากให้ผมช่วยใช้วิธีอะไรก็ได้ปกปิดตัวตนของเขาชั่วคราว ผมเลยใช้ดาบ ‘คิทซึเนะ’ หนึ่งในคาตานะทั้งห้าเล่มของผมสร้างภาพมายาทำเหมือนวัตไม่มีตัวตนตั้งแต่แรก ปล่อยให้เจ้าตัวไปเกาะติดหลังราชาแวมไพร์คอยช่วยอยู่ลับๆ และรอปิดงานส่วนจะใช้วิธีปิดฉากยังไงนั่นผมบอกไปว่าตัวเองไม่รู้เหมือนกัน แต่พอจะเดาได้อยู่ แน่นอน ผมไม่บอกคนอื่นๆ เรื่องนี้ ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งอธิบายยาวเหยียดอีก

   หลังทุกคนฟังจบเห็นท่าทางไม่อยากพูดต่ออีกแม้แต่คำเดียวของผม เลยยอมลดละไม่ถามเซ้าซี้ต่อและรอวัตอย่างใจเย็น

   ช่วงแรกยังโอเค ทุกคนคุยกันถึงเรื่องการต่อสู้ที่ผ่านมา เจ้าเหยี่ยวกับกระต่ายดูจะหัวเสียมากกว่าใคร คนหนึ่งโดนราชาแวมไพร์ปั่นหัว อีกคนถูกฆ่าตายรายแรก ส่วนลินขอแยกตัวไปทำพิธีชุบแวมไพร์จากกองเถ้าที่เจ้าตัวเก็บมาได้ผ่านไปอีกสักพัก คนใช้สมุด สาวโรคจิต กับไอ้เหยี่ยวขอตัวออกจากเกมเพราะถึงเวลาออฟไลน์เหลือผมกับกระต่าย

   “กล มันนานไปรึเปล่า ใกล้เวลาออฟไลน์ของพวกนายแล้วด้วยนะ จะไม่เป็นไรเหรอ”

   ผมกับวัตเข้าเกมพร้อมกัน เวลาออกจากเกมเลยเท่ากัน อันที่จริงไวไวต้องออกแล้ว แต่เขายังอุตส่ากลับเข้ามานั่งรอกับผม คงเป็นห่วงเพื่อน

   “แปลก ฉันจะออกไปเช็ค”

   ระดับไวไว น่าจะรู้แล้วว่าผมเป็นลูกศิษย์พี่วิน บอกว่าจะออกไปเช็คเขาเลยวางใจออกจากเกมไป แต่ฝากผมบอกวัตให้โทรหาเขาด้วย ผมพยักหน้ารับและออกจากเกมทันที

   พอผมออฟไลน์ออกมา วัตยังคงนอนหลับอยู่ข้างๆ แสดงว่ายังอยู่ในเกม ผมถือโอกาสหยิบโน๊ตบุ้คออกมาเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นของวัต นิ้วรัวบนแป้นพิมพ์ปรากฎหน้าต่างฉายให้ดูข้อมูลต่างๆ พร้อมกับเรียกหน้าจอติดต่อไปยังแผนกโปรแกรมเมอร์ที่ผมฝึกงานอยู่

   อาจารย์ผมยังเก่งและทำงานไวเหมือนเคย แต่ผมติดต่อเขาไปไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร เขาก็พูดกลับมาตรงประเด็นพร้อมสั่งงานทันที

   “พวกเลวนั่นเล่นตุกติกกับระบบของเรา วัตถูกพาไป แต่ยังอยู่ในขอบเขตของเรา มีพนักงานบริษัทคนหนึ่งถูกดึงไปพร้อมกัน ฉันจะควบคุมจากที่นี่ นายควบคุมจากตรงนั้น ทำตามฉันสั่ง เราจะดึงพวกเขากลับมาและตอบแทนพวกนั้นอย่างสาสม”

   เสียงเรียบเย็นแบบที่วัตไม่มีวันจะได้ยินจากปากชายคนนี้ เห็นผมสงบไม่ใช่ว่าผมไม่ร้อนใจ ตอนนี้เป็นห่วงวัตแทบบ้า อยากจะถล่มพวกผู้บุกรุกให้ราบคาบ แต่ความใจร้อนมีแต่จะนำไปสู่ความพินาศ ผมต้องใช้สมาธิในการพาตัวคนรักกลับมา รอก่อนนะวัต ฉันจะพานายกลับมาเอง


กลับมาฝั่งวัต

   เพียงอึดใจเดียวสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจากเดิม ที่นี่ไม่ใช่ห้องโถงพระราชาของปราสาทแวมไพร์ มันกลายเป็นห้องขนาดเล็ก ถูกปิดล้อมด้วยกำแพงอะไรบางอย่างที่ผมฝ่าออกไปไม่ได้

   “พวกมันกล้าทำถึงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย”

   ผมหันไปทางต้นเสียงข้างตัว เขาคือราชาแวมไพร์ที่ผมสู้ด้วยจนถึงเมื่อครู่ กำลังกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวด สลัดบทบาทราชาแวมไพร์ทิ้งกลายเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เจอปัญหายุ่งยากใจ

   “มันคือท่าไม้ตายลับของราชาแวมไพร์ใช่มะ” ผมพยายามมองโลกในแง่ดีทั้งที่ในใจกังวลไปร้อยแปด

   “ถ้าคิดว่าหลอกตัวเองแล้วรู้สึกดีก็ทำไป” เขากรอกตาขึ้นฟ้า พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายแทงใจผมดังฉึก ผมโอดโอยเข้าไปเกาะแขนเขาเขย่า

   “คุณเป็นพนักงานบริษัทที่มารับบทเป็นราชาแวมไพร์ไม่ใช่เหรอ ทำอะไรสักอย่างสิ”

   “ฮึ่ม! ฉันเป็นคนจากบริษัทจริง แต่อยู่แผนกบุคคลจะไปรู้เรื่องโปรแกรมพวกนี้ได้ยังไงเล่า ช่างเถอะ อีกเดี๋ยวเจ้าซาตานหน้ายิ้มนั่นคงจัดการได้แหละ รออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วกัน เจ้าบราค่อนนั่นไม่มีทางปล่อยน้องชายไว้แบบนี้นานๆ แน่” ประโยคสุดท้ายเหมือนเขาจะพึมพำกับตัวเอง ที่ผมได้ยินเต็มสองหู ชัดเจน ซาตานหน้ายิ้ม บราค่อน แถมยังมีผมเป็นน้องชาย จะเป็นใครได้นอกจากพี่วิน

   ในเมื่อคนจากบริษัทพูดแบบนี้ ผมเป็นเพียงผู้เล่นตาเทาๆ จะทำอะไรได้ นอกจากช่วยกันรอแล้วชวนคนข้างตัวคุยแก้เบื่อและไม่ทำให้กังวลไปมากกว่าเดิม
   
   “คุณรู้ได้ไงว่าผมเป็นน้องพี่วิน”

   “คล้ายกันขนาดนี้ ใครดูไม่ออกมันควรไปกระโดดน้ำตายซะ” ปากจัดเหมือนตอนเป็นราชาแวมไพร์เด๊ะ แสดงว่านิสัยจริง!

   “คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา”

   คำตอบเปลี่ยนไปจากเดิม พร้อมกับดันผมไปยืนหลับอยู่ด้านหลัง

   “คงต้องถามเอากับคนทำแล้วล่ะ โผล่หัวมาสักทีนะเจ้าผู้บุกรุก” ดวงตาสีแดงจ้องเขม็งใส่ชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า

   “อ่า...ดันมีหนูไร้ประโยชน์ติดมาด้วยซะได้ เอาเถอะ ยังไงก็ได้ของที่ต้องการมาแล้ว”

   ชายตรงหน้าไม่เห็นคนที่ยืนบังผมอยู่ในสายตา หันยิ้มให้ผมอย่างหมายมาดอะไรบางอย่าง

   “ทีแรกไม่ค่อยมั่นใจ พอมาเห็นกับตาตัวเอง นายเป็นน้องชายของวินจริงๆ”

   “นายเป็นใคร ทำไมถึงก่อกวนระบบเกมด้วย” คำพูดดึงความสนใจดูจะใช้ได้ผล ชายคนนั้นละสายตาจากผมมามองเจ้าของดวงตาสีแดงจากการปรุงแต่งของโปรแกรม

   “ตอนนี้ฉันอารมณ์ดี จะอธิบายให้ฟังหน่อยก็ได้ เป้าหมายของฉันแค่แวะมาทำความรู้จักกับน้องชายของวินเฉยๆ ส่วนนายมันของแถมไร้ประโยชน์ เอาล่ะ ฉันขอถามกลับบ้าง พวกนายลองคิดดูว่า ถ้าเกิดถูกขังอยู่ในนี้ตลอดไปจะเป็นยังไง?”

   รอยยิ้มอาบยาพิษบนใบหน้าอีกฝ่าย ผมรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งกาย นั่นหมายความว่าเราจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา!

   จู่ๆ เกิดแสงสว่างขึ้นมาใต้เท้าของพวกเรา ชายคนนั้นทำสีหน้าเสียดายอย่างที่สุด และมองผมราวกับรังเกียจเต็มที่

   “ตอนนี้ฉันทำไม่ได้ก็จริง แต่ในอนาคต นายต้องเป็นเหยื่อของฉัน อยากเห็นเหลือเกิน ใบหน้าของวินยามที่เห็นน้องชายตัวเองหลับไหลราวกับคนตาย”

   ความคิดของผมกับราชาแวมไพร์เวลานี้คือ

ไอ้หมอนี้โรคจิต! ชัดๆ

   กระทั่งแสงสว่างปกคลุมทั้งหมด เสียงระบบดังขึ้น

“ทำการออฟไลน์เพื่อความปลอดภัย นับถอยหลังภายใน 3 2 1...”

ผมยกแขนปิดหน้าป้องกันแสงสว่างจ้า ก่อนจะรู้สึกเหมือนหลับไปวูบหนึ่ง พอลืมตาตื่นอีกที เบื้องหน้าคือใบหน้าที่คุ้นเคย

ตัวผมถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนใครบางคน พอผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าอันแสนน่ากลัวของกล เหมือนกำลังจะทำการฆาตกรรมใครสักคน แขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวผมไว้แน่นราวกับว่าผมสามารถหายไปได้ตลอดเวลา ส่วนอีกมือกดรัวแป้นพิมพ์ทำอะไรบางอย่าง ได้ยินเสียงแว่วๆ มาจากหน้าต่างบานหนึ่งที่ฉายขึ้นมารอบตัว

   “กว่าจะพาออกมาได้ช้าชะมัด” เสียงราชาแวมไพร์นั่นนี่หว่า

   “ตอกกลับให้ระบบมันล่มทั้งแผงไปเลยไอ้หนู” อันนี้เสียงพี่วิน ดูขุ่นเคืองพระทัยยิ่งนัก

   “ครับอาจารย์” กลรับเสียงเรียบเย็นได้อีก ไม่รู้ทั้งคู่จัดการฝั่งตรงข้ามยังไง แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะจบด้วยดี

   เราคุยกันเรื่องพวกที่บุกรุกเข้ามาก่อกวน ซึ่งตลอดการพูดคุยกลไม่ยอมปล่อยแขนออกจากผม แถมยังเปลี่ยนมากอดแน่นขึ้นราวกับว่าใครมาขโมยผมไปอย่างงั้นแหละ

   ผมเล่าเรื่องราวทุกอย่างตอนถูกดึงไปอยู่กับราชาแวมไพร์ พี่วินกับกลนั่งฟังอย่างสงบ พอผมเล่าจนจบพี่วินถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “มันโกหก เกมมีระบบความปลอดภัยระดับสูง คนพวกนั้นทำได้แค่แทรกแซงเข้ามาชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้พี่มั่นใจแล้ว ว่าใครเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด”

   “ใครครับ ผมจะได้ระวังตัว” รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง พี่วินกลับส่ายหัวไม่ยอมบอก

   “ยังบอกไม่ได้ แต่มั่นใจได้เลยว่าพวกนั้นไม่เคลื่อนไหวเร็วๆ นี้แน่ ทางเราเพิ่งจัดการพวกขายของเถื่อนไป ถ้ามันเคลื่อนไหวอีก เท่ากับเปิดช่องให้เราสาวถึงตัวพร้อมหลักฐาน ช่วงนี้พวกนายอย่าประมาทก็พอ ที่เหลือพี่จัดการเอง”

พอคุยเสร็จพี่วินปิดหน้าจอหายไป เห็นว่าจะไปตีกับหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลที่กำลังบ่นเป็นหมีกินผึ้งต่อ ผมปลง สักวันพี่วินคงบอกแหละว่าใครเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด ที่สำคัญ ตอนนี้ผมต้องแงะกลออกจากตัวก่อน

   “กลปล่อยได้แล้ว แบบนี้มันอึดอัด”

   แรงเจ้าหมาไม่ใช่น้อยๆ ทั้งกอดทั้งซุก แทบจะสิงตัวผมอยู่แล้ว ผมถอนหายใจลูบๆ หัวปลอบขวัญน้องหมา

   “ไม่เอาน่า ฉันไม่เป็นไร นายช่วยฉันออกมาได้ขอบคุณนะ” ผมใช้มือเสยผมหน้าม้าของกลขึ้นแล้วจุ๊บเหม่งสักหน่อย หมาน้อยจะได้สงบลง กลหันหน้าหนีเหมือนไม่ชอบใจที่โดนปฏิบัติด้วยแบบเด็กๆ

   “เพราะพวกนั้นยังไม่คิดลงมือจริงๆ ต่างหาก” กลพูดเสียงเครียด เจ้าตัวคงกังวลมาก ผมกอดยกมือขึ้นลูบๆ แก้มอีกฝ่ายร่างสูงเอียงหน้ารับสัมผัสดูพึงพอใจ

   “ฉันเชื่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายกับพวกพี่ต้องช่วยฉันได้แน่ๆ อย่ากังวลไปเลย” ผมเปลี่ยนมาตบบ่าเขาป้าบๆ เจ้าตัวขมวดคิ้วเชยคางผมขึ้นสบตา

   “ทำไมถึงมีแต่เรื่องบ่อยนัก ก่อนฉันจะเจอนายไม่เห็นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย พอได้เจออยู่ด้วยกันเจ้าพวกนั้นขยันโผล่หัว แล้วยังไอ้เหยี่ยวนั่นอีก ฉันไม่มีวันยกใครให้กับนายแน่ ขังเอาไว้ให้อยู่กับฉัน ไม่ต้องออกไปไหนเลยดีมั้ยวัต”

   ช่วงแรกกลบ่นกับตัวเองท่าทางอารมณ์เสีย พอประโยคหลังมันเริ่มจะไม่เกี่ยวสักเท่าไหร่ ยิ่งคำพูดสุดท้ายแฝงความเอาใจในน้ำเสียงทำให้ผมขนลุกซู่ บ้าน่า ขังเรอะ ไม่เอานะ

   ด้วยความที่กลัวอีกฝ่ายจะทำจริงๆ ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ สองมือแตะใบหน้าคมคายให้ก้มลงมา ดีที่ส่วนสูงเราไม่ห่างเท่าไหร่ผมเลยไม่ต้องลำบากเขย่ง ก่อนจะเอียงหน้าให้ได้องศาแล้วจูบบนริมฝีปากได้รูป กลหรี่ตาคงเดาการกระทำผมออก เจ้าตัวผ่อนลมหายใจย้ายมือข้างหนึ่งประคองท้ายทอยผมไว้แล้วเริ่มปฏิบัติการจูบสูบวิญญาณจนกลายเป็นผมที่เข่าอ่อน

   จนผมจวนหมดลมเขาถึงผละออก แล้วประกบปากจูบซ้ำๆ ราวกับจะตอกย้ำความเป็นเจ้าของ สิ่งที่ช่วยแยกพวกเราออกจากกันคือเสียงตะกุยประตูอย่างบ้าคลั่ง และเสียงร้องเมี้ยวม้าวจากสองแมวที่อยู่ด้านนอก ขนาดผละริมฝีปากออกใครบางคนยังไม่วายพัวพันลิ้นเล่นไม่เลิก ผมใช้มือยันหน้าหมาหื่นไปไกลๆ

   “เจ้าพวกนี้ก่อกวนจริง ส่งไปฝากไว้ที่ร้านดีมั้ย”

   “อารมณ์เสียอย่าพาลใส่แมวสิ พวกมันแค่หิวข้าว” ผมส่ายหัวระอา เปิดประตูอุ้มนายท่านที่ดูขนยับหน่อยๆ สงสัยจะถูกขุนพลฟัดมา เสียงเมี้ยวๆ ดังอยู่ข้างหูคล้ายกับกำลังฟ้องวีรกรรมของขุนพล เจ้าแมวตัวใหญ่ไม่สะท้าน เดินเข้ามาพันแข้งพันขาส่งเสียงหล่อๆ ให้ทาสแมวใจระทวย

   ผมเทอาหารให้เจ้าสองเหมียว เปลี่ยนน้ำเรียบร้อยแล้วหันมาทำข้าวเช้าให้ที่เข้ามาช่วย(วุ่นวาย)ในครัว จนได้ข้าวต้มปลาร้อนๆ มาสองถ้วย ระหว่างทางเห็นกลใช้อีกมือคอยลูบพุงขุนพลที่กระโดดขึ้นมานั่งเก้าอี้ข้างตัวร่างสูง ส่วนนายท่านกำลังเลียทำความสะอาดหลังมื้อเช้า ผมเท้าคางมองภาพเบื้องหน้า แฟนก็เพิ่งมีไม่นาน ไหงรู้สึกเหมือนมีลูกสองแล้วหว่า

   มื้อเช้าหมดไป ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดนักศึกษามานั่งเล่นกับเจ้าสองเหมียวระหว่างโทรไปรายงานตัวกับไวไวตามที่กลบอก หมาป่าหนุ่มพอล้างจานเสร็จเช็ดไม้เช็ดมือเดินมาขโมยหอมแก้มผมไปหนึ่งฟอด ถึงค่อยเสด็จไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามั่ง

   วันนี้เรามีเรียนทั้งคู่ กลเป็นคนขับรถประจำตัวผมไปแล้ว หลังล่ำลานายท่านกับขุนพลเสร็จ เช็คบ้านล็อกประตูเรียบร้อยได้เวลาออกเดินทางสู่รั้วมหาลัย แต่ก่อนรถจะออก เจ้าของรถเอี้ยวตัวมาคาดเข็มขัดให้

   “คืนนี้เตรียมใจไว้เลย”

   ผมชะงักหันขวับไปมองคนขับรถ กลขับรถเก่งมาก ไม่ใช่รถดีอย่างเดียวเจ้าตัวขับนิ่งด้วยชวนนอนสุดๆ แต่ออร่าที่แผ่ออกมาของพ่อเจ้าประคุณบ่งบอกความต้องการไปรึเปล่า? อย่างกับได้ยินคำว่า ‘นายต้องเป็นของฉัน’ ดังก้องอยู่ในหู ดวงตาคมเหลือบมองคนข้างกาย พอเห็นท่าทางประหม่ากลับหัวเราะชอบใจ ผมไม่หวังให้กลบอกว่า ล้อเล่นนะ ในเมื่อสิ่งที่สื่อเจ้าตัวคิดจะทำจริงๆ น่ะสิ อาเมนแด่ตัวเองล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 04-07-2015 15:19:15
มาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-07-2015 15:22:42
พ่อหมาป่าของเราเทพพพพพพ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-07-2015 15:52:18
หมาป่าถือดาบบบบ แกจะเท่ไปไหนนนนนนน
อยากอ่านอีกกกกก เอาอีกกกกกก
ตอนที่ลินทำตัวเหมือนผู้หญิงแอบโล่งอกเหมือนไวไวเเหะ
เอาน่ะ ไวไว อย่างน้อยนายคือผู้ชายยยยย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompooiriza ที่ 04-07-2015 16:15:40
ผมนี้รอเจอราชาแวมไพร์ใจจดจ่อ จะมีเรื่องให้ตื่นเต้นไหมนะ ~~~
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 04-07-2015 16:23:44
อิหมา ซีนสุดท้าย แกเท่ห์มากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 04-07-2015 16:39:22
มาแล้วววววว อัพแล้ววววววว
พ่อหมาป๊าาาาาาาาาาา เท่จ้า เท่มากมาย
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 04-07-2015 17:13:15
อุ!! เลเวล อัพซะ ... เกือบตันเลยนะนี่
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 04-07-2015 17:40:42
อะๆๆฮาเร็มแวมไพร์งั้นเหรอน่าสนจายยยตอนหน้าราชาแวมไพร์มาจับเป็นสัตว์เลี้ยงเลยค่าา#โดนตบ สู้ๆนะคร่าา :z1: :3123: :3123: :กอด1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 04-07-2015 20:30:21
รอวัตโชว์เทพพพพพ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 04-07-2015 22:23:51
 :hao7: กล แกมันหมาป่าซ่อนเล็บ มีอัลติเมทสกิลเท่ขนาดนี้เก็บมาได้ตั้งนาน  :impress2:

ปล. แนะให้แก้ตรง หมาป่าตัวเขื่อน ถ้าจะหมายถึงตัวโต
ให้ใช้ว่า ตัวเขื่อง นะครับผม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-07-2015 23:06:56
โอ้ววววววววว กลคือใช้สกิลขั้นเทพสุดๆอ่ะ
เจ๋งสุดยอด!! ลุยมาจนริงบอสแบบสะบักสะบอมเล็กๆ 555555
ตอนหน้า ท่านราชา รอร๊อรอคร้า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-07-2015 00:00:48
กลเท่สุดๆอ่ะ หมาป่าใช้ดาบคาตะนะด้วย สุดยอดดด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 05-07-2015 00:21:53
ชอบเฒ่าทารกอ่ะ ดยุกนี่ก็ลูกผสมเหมือนเป็นตัวแทนลูกวัตกะบกลเลย 555+
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 07-07-2015 14:08:06
แต่แหม เคลียร์ดันเสร็จซะและ แอบนึกว่าวัตจะเจอญาติๆ  :hao7:

ปล.ไม่ได้อยากเร่ง แค่อยากอ่านต่อมากมายจ้ะ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1::mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 07-07-2015 16:59:48
สนุกมากฮะ รออ่านตอนต่อไป ขอบคุณนะคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.25 ทัวร์ปราสาท 4/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 10-07-2015 17:23:28
เข้ามาปูเสื่อรอตอนต่อไปฮะ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 16-07-2015 17:57:20
Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ

   รถคันหรูจอดสนิทในที่จอดรถของคณะไอที สองหนุ่มเดินลงมาเรียกสายตาคนมองได้ชะงัก ยิ่งช่วงนี้คนเยอะเพราะเป็นช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน คงไม่ต้องพูดถึงจำนวนสายตาที่จับจ้อง แต่สองหนุ่มหาได้แคร์ไม่ เดินเฉิดฉายเข้าคณะอย่างงดงาม
   
   “เฮ้ย นั่นมันพี่วัตปีสามไม่ใช่เหรอ ทำไมเดินมากับไอหัวโจกปีหนึ่งได้วะ”

   “ไม่ใช่แค่เดินเว้ย ลงมาจากรถเดียวกันเลยต่างหาก”

   “พวกแกไม่รู้อะไร สองคนนั้นแฟนกันแน่ๆ เจ๊คอนเฟิร์ม”

   กลุ่มผู้ชายคณะเดียวกันแต่ต่างสาขากำลังคุยกันด้วยความสงสัย ก่อนโดนแทรกด้วยร่างอันใหญ่โตของกระเทยน้ำฟ้าประจำคณะ วงแตกเลยครับที่นี้ ผมหัวเราะส่ายหัวกับอาการล่าผู้ชายของเพื่อน แล้วเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกไวไว

   โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ร่มรื่นทำเลดีมีไวไวกับเด็กปีหนึ่งปีสองจับจอง ผมจะได้ ไอเด็กแว่นนั่นมันชื่อหนึ่ง ส่วนไอหน้าบูดชื่อไม้ ใกล้ๆ มีเด็กผมดาลี่ พวกมันมองผมกันยกโต๊ะ

   “มัวแต่ทำไรกัน ไมมาช้านัก”
   
   ก้นไม่ทันแตะเก้าอี้ ไวไวปล่อยหมาในปากออกมาวิ่งเล่น ผมตบหมาในปากมันกลับไป ที่ไม่รู้ว่าช่วยให้เรื่องมันดีหรือมันระทึกมากขึ้นกันแน่

   “เป็นแฟนกันจะทำอะไรคิดเอาเองแล้วกัน” ดาลี่กับเด็กสองตัวมันตาโตอ้าปากค้าง ส่วนไวไวทำหน้าเอือมระอา

   “อะไร ไม่ใช่ว่ารู้แต่แรกแล้วหรือไง” ไวไวหันไปแซะเด็กสามตัวที่เพิ่งปิดปากได้

   “ก็พอรู้พี่ แต่ไม่คิดว่าจะชัดเจนแจ่มแจ้งกันซะขนาดนี้ ถามจริงพี่วัต ไปทำอิท่าไหนถึงเป็นแฟนกันได้” เด็กแว่นถามผม ผมไม่ทันอ้าปากตอบ คนที่นั่งเงียบเป็นรูปปั้นอยู่ข้างๆ เปิดปากตอบแทน ด้วยคำตอบที่ผมแทบอยากซัดให้หงายลงไปนอนบนพื้น

   “หลายท่า บรรยายไม่หมด”

   ป้าบ!

   ฝ่ามืออรหันต์ตบหลังหมาป่าดังป้าบ เจ้าตัวสะดุ้งนั่งตัวตรงยกมือลูบหลังตัวเองปอยๆ โดยมีผู้เห็นเหตุการสูดปากด้วยความเจ็บแทน มือผมไม่ได้เบาๆ เชื่อเลย ถ้ากลถอดเสื้อมาห้านิ้วครบถ้วนสมบูรณ์แน่

   “เขินรุงแรงจริงๆ พี่เรา” ดาลี่น้องรหัสผมพึมพำ

   “แล้วตกลงมารวมตัวกันแบบนี้มีเรื่องอะไร รีบๆ พูดก่อนที่ฉันจะขึ้นเรียน” ผมถามเจ้าเด็กสามตัวที่นั่งร่วมโต๊ะ ไวไวดูท่าจะยังไม่รู้เหมือนกัน ถึงได้หันไปมองอย่างต้องการคำตอบ ไม้กับหนึ่งใช้ไหล่ดันดาลี่ให้เป็นคนพูด ได้ยินเสียงเจ้าตัวบ่นประปอดประแปดว่าไอพวกน้องไม่รักดี ใช้แรงงานรุ่นพี่ ผมเลิกคิ้ว ดูเหมือนเชื้อไวรัสแห่งความขี้บ่นของไวไวจะพัฒนาตัวขึ้น ดาลี่มันน้องรหัสผม มานั่งกับไวไวไม่ทันไร ติดเชื้อขี้บ่นมาซะแล้ว แน่นอนเรื่องนี้ผมไม่พูดออกเสียงแน่ คิดในใจอย่างเดียวพอ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

   “อะแฮ่ม คืองี้ครับ วันนี้วันเกิดไม้มัน พวกเราเลยว่าจะไปกินเลี้ยง มีดื่มกันนิดๆ หน่อยๆ เลยว่าจะชวนพวกพี่ไปด้วย” ผมมองแบบไม่ค่อยเชื่อ ถ้ามันจะชวนไปกินเลี้ยงที่บ้านเพราะวันเกิด ชวนเลยก็จบไม่เห็นต้องมาอ้ำๆ อึ้งๆ พอเห็นผมสงสัย ดาลี่มันรู้จักผมดี ถ้าไม่พูดความจริงอย่าหวังว่าผมจะฟัง เจ้าตัวสูดลมหายใจลึกแล้วพูดใหม่

   “เอาจริงๆ เลยนะ พวกปีหนึ่งปีสอง เห็นพวกพี่ตอนแข่งในเกมเลยอยากเจอตัวเป็นๆ”

   “แล้วเรื่องวันเกิด?” ผมถามทั้งที่กำลังยิ้ม

   “แค่เกิดอยากจะกินพี่ มันเลยเอาผมไปอ้าง วันเกิดผมมันผ่านมาแล้วต่างหาก”

   ไม้ผู้ถูกใช้ชื่อพูดแก้ให้กับตัวเอง ท่าทางหัวเสียหน่อยๆ ก่อนหน้านี้คงโดนเพื่อนกับรุ่นพี่ปีสองข่มขู่อะไรมาแหง ผมกำลังจะอ้าปากตอบ คนข้างตัวแย่งพูด...อีกแระ

   “ไม่”

   คำเดียวอธิบายทุกสิ่ง ผมยังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มคงดูไม่น่าไว้ใจขึ้นหลายระดับ เจ้าเด็กสามคนเลยถอยกรูดไปกระจุกอยู่รวมกัน

   “ตกลง ฉันจะไปงาน อยู่ที่ไหนว่ามาเลย”

   หึหึหึ ฮ่าๆๆ สายไปแล้วกล สิ่งที่นายคาดหวังไว้ในคืนนี้มันจะไม่เกิดขึ้น เพราะสวรรค์ยังเห็นใจฉัน ส่งงานวันเกิดอยากจะกินของเจ้าพวกนี้มาให้ หมาป่าหนุ่มดูไม่พอใจ แต่ไม่มีจังหวะขัด เพราะผมรีบพูดรัว ถามสถานที่เวลาเสร็จสรรพแล้วบอกลาลากคอไวไวขึ้นห้องเรียน ไม่สนดวงตาทิ่มแทงจากหมาตกมัน

   กลแผ่ออร่าน่ากลัวจนเพื่อนสยอง คนคุมอย่างผมจากไปแล้ว นิสัยท่าทางเดิมของเจ้าตัวเลยออกมา ดาลี่รีบเผ่นไปอีกคนทิ้งเพื่อนสองคนรับกรรม แม้ไม่คิดบัญชีตอนนี้ แต่คาดว่าอนาคตของพวกเขาคงไม่สดใสแน่

   ถึงห้องเรียนผมกับไวไวยกมือไหว้อาจารย์จับจองที่นั่งแถวหน้า ทุกคนไม่รู้อะไร รู้มั้ยตำแหน่งนี้ดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่อาจารย์จะมองข้ามเพ่งความสนใจไปพวกด้านหลังมากกว่าเด็กเรียบร้อยนั่งด้านหน้าอย่างพวกผม จะถามหาสมุดจด? ไม่มีหรอก ปีสามส่วนใหญ่มีแต่วิชาเรียนภาคปฏิบัติ ขอแค่ตั้งใจฟัง สงสัยให้ถาม ทำความเข้าใจกับสิ่งที่อาจารย์สอน แค่นั้นก็ผ่านฉลุย

   เหมือนจะเป็นเด็กดีนะ ความจริงหลังจอโปรแกรมคือหน้าต่างเกมที่ผมกำลังเล่นกับไวไว พออาจารย์เดินผ่านค่อยสลับหน้าจอ ช่วงไหนสลับไม่ทันโดนโขกจนหัวปูดไป จนถึงช่วงเวลาแห่งการทำงาน อาจารย์วิชานี้ชอบให้ผู้เรียนทำงานส่งท้ายคาบ ผมทำเสร็จก่อนใคร หันไปช่วยไวไวจนมันเสร็จตาม หลังจากนั้นก็คนของประชาชนล่ะครับ โดนเรียกไปช่วยโต๊ะนั่นโต๊ะนี้สนุกเลยทีเดียว

   ขนาดไวไวเองมันยังไม่รอด ต้องบอกเพื่อนในคลาสเห็นใครเสร็จก่อน มันผู้นั้นต้องมาช่วยพวกข้า พอหมดชั่วโมงส่งงาน อาจารย์ก็จะปล่อยไปทานข้าว ผมเรียนคาบหนึ่งสามถึงสี่ชั่วโมง พวกเวลายิบย่อยพื้นฐานถึงจะเรียนสองชั่วโมงมั้ง สามชั่วโมงมั้งเป็นรายวิชาไป

   เหมือนจะชิวแต่จริงๆ ไม่ใช่ อาจารย์ส่วนใหญ่ชอบสั่งงานตั้งแต่คาบแรกที่เรียนกับท่าน แล้วให้เอาความรู้ตลอดระยะเวลาที่เรียนมา ทำงานกลุ่มหรือเดี่ยวหนึ่งชิ้นงานส่งก่อนสอบไฟนอล ช่วงนี้แต่ละคนเลยดูสบายๆ ใกล้เส้นตายเด็กคณะเราจะกลายเป็นหมีแพนด้าเรียงคน...

   พักกินข้าวตอนเที่ยง ใต้คณะผมมีโรงอาหารอยู่ครับ แต่ไม่รู้ทำไม คนถึงไม่นิยม สาวๆ หนุ่มๆ ชอบไปกินที่คณะอื่นเหลือเกิน สงสัยที่นี่อาหารตามีไม่มาก พี่น้องต่างสาขารู้จักกันหมดคงเบื่อหน้ากันเต็มทน ถือเป็นเรื่องดีสำหรับผม ไม่ต้องต่อแถวรอคนเยอะ

   ผมมองเวลา ตอนนี้กลยังไม่เลิกเรียน คลาสเขาเข้าสายและเลิกช้ากว่า ผมเลยกินข้าวกับไวไวเห็นเจ้าตัวจิ้มโทรศัพท์มาตั้งแต่เลิก รู้สึกอยากเผือกขึ้นมา เลยชะโงกหน้าไปดูแบบเนียนๆ

   ลิน – กินข้าวยัง?
   Wiwi – กำลังกินอยู่ ลินกินยัง
   ลิน – กินแล้ว วันนี้เข้าเกมเร็วๆ ด้วย
   Wiwi – โทษที วันนี้คงไม่ได้เข้า พอดีรุ่นน้องชวนไปกินเลี้ยงวันเกิด
   ลิน – งั้นเหรอ น่าเสียดาย วัตกับกลไปด้วยมั้ย
   Wiwi – ไป ทำไม อยากไปด้วยรึไง เสียใจ เป็นผู้หญิงแถมยังอยู่แค่ม.ปลาย ฉันไม่ยอมให้ไปด้วยหรอก
   ลิน – ถ้างั้นพอขึ้นมหาลัยไปด้วยได้ใช่มะ
   Wiwi – ไม่
   ลิน - /ไอคอนรูปหมีอัดโคนี่

   ไวไวกำลังจะพิมพ์ต่อ ต้องชะงักมือเพราะหันมาเห็นผมนั่งอยู่ข้างๆ คาบช้อนด้วยรอยยิ้มกับดวงตาฉายแววหยอกเย้าเต็มพิกัด

   “ไม่คุยต่ออะ กำลังอ่านเพลิน เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าไลน์คุยกันด้วย มิน่าในเกมถึงดูสนิทกันนัก คบกันแล้วดิ”

   ผมรัวถามเป็นชุด ถือว่าเอาคืนกับความปากมอมมันตอนเช้า ไอกระต่ายในโลกความจริงยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกง นั่งกินข้าวทำราวกับไม่ได้ยินเสียงถามจากผม ผมที่ทานเสร็จแล้ว เลยถลาไปล็อกคอมัน

   “อย่ามีความลับกับเพื่อนกับฝูงดิ ตกลงว่าไง”

   “เออ”

   “เอออะไรล่ะวู้ว”

   “คบแล้ว” ผมยิ้มกว้างหัวเราะฮาๆ อยากตลบมือดังๆ ให้ลินที่สอยไวไวมันลงจากหอคอยแครอท

   “ยินดีด้วยนะเพื่อนได้สละโสด อย่าไปทำลูกสาวเขาท้องล่ะ” ผมแซวขำๆ ไวไวชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก พูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

   “เกรงว่าฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ” รอบนี้ไม่แค่ขำ ผมหัวเราะเสียงดังแบบไม่อายใคร ไวไวจิ้มเนื้อไก่ยัดใส่ปากผมเกือบสำลัก ฮากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ลินเป็นผู้หญิงที่สุดยอดจริงๆ ผมนับถือสุดใจ

   “กินเสร็จไปซื้อน้ำหลังคณะกัน” กระต่ายถึกพยักหน้ารับ รีบกินข้าวให้หมดท่ามกลางเสียงไลด์เด้งรัวๆ ในกระเป๋า ผมดบกมือเป็นเชิงว่าจะไม่กวนแล้วเชิญตามสบาย เจ้าตัวถึงหยิบขึ้นมาพิมพ์สักแปบ เสียงไลด์ถึงหายไป

   หลังไวไวจ้วงข้าวเสร็จ พวกเรามุ่งหน้าสู่หลังคณะ แถวนี้มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง อร่อยขนาดที่เด็กคณะอื่นอยู่ห่างไกลแทบคนละทิศยังอุตส่าขับรถพากันมาซื้อกินอะคิดดู ขนาดแถวไม่ต้องพูดถึง ยาวเหยียดอย่างกับเล่นงูกินหาง ผมยืนรอกับไวไว โชคดีช่วงบ่ายผมไม่มีเรียนต่อให้รอเป็นชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ถึงคิวผมสักที

   “ชานมเย็นใส่ไข่มุกกับโอเลี้ยงอย่างละแก้วครับ”

   มันคือกาแฟโบราณ แต่คนขายมีแบบปั่น ร้อน ท๊อปปิ้งพร้อมขนมไทยให้เลือกสรรรสชาติหวานหอมกำลังดี เลยได้รับความนิยมจากคนในมหาลัย ของผมชานมเย็น ของไวไวเป็นโอเลี้ยง ระหว่างดื่มด่ำกับรสชาติ ผมเดินผ่านจุดสูบบุหรี่ที่เด็กในคณะชอบหลบมาสูบกัน ตรงนี้ทำเลดี ห่างไกลสายตาอาจารย์ แถมมีต้นไม้ช่วยบังอีกทอด

   เห็นหลังใครบางคนดูคุ้นๆ ใกล้ๆ กันมีหนึ่งกับไม้แย่งลูกชิ้นในถ้วยกันอยู่ ผมขมวดคิ้ว ส่งแก้วให้ไวไวถือ แล้วไขว้แขนเป็นรูปตัวเอ็ก อัดเข้าหลังคนยืนสูบบุหรี่จนเซถลาไปด้านหน้า แวบแรกเห็นเพื่อนโดนประทุษร้ายหนึ่งไม้เงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวผุดลุกขึ้นหมายช่วยจัดการเต็มที่ ไวไวเดินไปด้านหลังวางแก้วกาแฟบนหัวทั้งคู่ สองคนนั้นเมื่อเห็นไวไว แล้วหันมามองคนกระทำการร้ายกาจชัดๆ พอเห็นว่าเป็นใคร หย่อนก้นนั่งแย่งลูกชิ้นต่อเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   คนโดนทำร้ายขยี้บุหรี่ในมือทิ้งท่าทางหัวเสีย ใครมาเห็นคงเหมือนหมาป่าดุร้ายกำลังขย้ำคอศัตรู ดวงตาคมหันมาสบกับดวงตาสีเทา อารมณ์จวนกลายร่างเป็นหมาเยือกแข็งเมื่อครู่ เย็นลงกลายเป็นหมาเชื่อง แวบๆ ว่าเห็นหางกำลังส่ายไปหมาเหมือนหมาเจอเจ้าของ ผมรับแก้วน้ำจากไวไวมาดูดชี้หน้ากล

   “สูบบุหรี่ไม่ว่า ในมหาลัยห้ามสูบ คนอื่นสูบได้ แต่นายห้าม เพิ่งอยู่ปีหนึ่งอย่าทำตัวให้โดนเพ่งเล็ง”

   เทศนาไปหนึ่งยก หมาป่ารับฟังด้วยความยินดี เข้าไปคลอเคลีย

   “วัต เย็นนี้ไม่ต้องไปเนอะ” เสียงอ่อนเสียงหวานได้อีก ผมเห็นหน้าหนึ่งกับไม้ทำท่าคล้ายจะอ้วก ไวไวมีเมตตาช่วยทุบหลังจนโดนรุ่นน้องสองคนจ้องใส่

   “มานงมาเนอะอะไร พูดแล้วต้องไป” ผมยักคิ้วดูดชานมเย็น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเลยตวัดไปจ้องเพื่อนตัวเองทั้งสองคนแทน หนึ่งเกือบสำลักเส้นหมี่ เด็กแว่นรีบเคี้ยวกลืนบอกกับผมเสียงอ่อย ระหว่างเรียนคงโดนกลข่มขู่ไปไม่ใช่น้อย โธ่น่าสนุก เอ๊ย สงสาร

   “คือ...พี่วัต พี่ไม่ไปก็ได้นะ พวกผมไม่มีปัญหา” กลมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดรื่นหู ผมยกยิ้มมุมปาก ยิ่งห้ามเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ผมนึกอยากแกล้งมากเท่านั้น

   “ไม่ได้ๆ ไปก็คือไป ไว้เจอกันที่ร้านนะน้องๆ” ผมโบกมือลาโดยมีหมาป่ามองตามนิ่งๆ คงคาดโทษผมอยู่ในใจไปร้อยแปดพันเก้า ผมหัวเราะกอดคอไวไวกลับบ้านเพราะพวกกลยังมีเรียนบ่ายต่อ เวลาที่เหลือผมไปนอนฟัดขุนพล ซุกนายท่านอยู่บ้านดีกว่า

   จวนถึงเวลาผมโทรบอกให้กลไปรอที่บ้านไม้ ส่วนผมจะแว้นไปกับไวไว พอไปถึงบรรยากาศกำลังคึกครื้นเต็มที่ ดีที่บ้านไม้มันมีเนื้อที่ในสวนให้ปูเสื่อนั่งกินกัน ผมเดินเข้าไปเห็นปีหนึ่งสี่ห้าคน ปีสองอีกสามหน่อ หนึ่งในนั้นมีดาลี่ และปีสามคือผมไวไว กับเพื่อนร่วมรุ่นรวมเป็นสี่ชูแก้วเหล้าเรียก

   “อือหือ ดีไม่ขนกันมาทั้งชั้น บ้านไอ้ไม้จะแตกมั้ยเนี่ย”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ะพี่ ถ้าบ้านแตก ผมโดนป๊าม่าแหกอกแน่ เฮ้ยกินแล้วช่วยกันเก็บซากด้วยนะโว้ย”

   เจ้าบ้านออกมารับพลางหันไปโวยใส่เพื่อนที่เฮรับกันเป็นที่สนุกสนาน มันเพิ่งจะค่ำพวกเอ็งจะรีบเกินไปรึเปล่า ผมหัวเราะกระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย ผมมานั่งข้างกลที่ว่างอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้เว้นไว้ให้ใคร ส่วนไวไวโดนไอหนึ่งมันลากเป็นเพื่อนหน้าดำอยู่หน้าเตาย่างของทะเล

   ผมได้กลิ่นเหล้าจางๆ มาจากคนข้างๆ เลยยื่นหน้าไปดมฟุดฟิด คนถูกดมไม่ขยับหนี เลิกคิ้วมองมือชงเหล้ายื่นให้คนข้างตัว

   “จัดไปกี่แก้วแล้วเนี่ย” มือรับแก้วมายกดื่ม อือหือ บอกทีนี่เหล้าไม่ใช่โซดาใส่น้ำแข็ง

   “ไม่เมาง่ายๆ หรอก”

   “ฉันเองก็ไม่ได้คออ่อนขนาดน้าน ขอเหล้าเพิ่มอีกหน่อยดิ” ผมยื่นแก้วไปให้ กลไม่ยอมรับไปเติม มือขาวคว้าแก้วเหล้าอีกฝ่ายมาดื่มแทน แม่เจ้า ถ้าเมื่อกี้โซดาใส่น้ำแข็ง ไอนี้มันเหล้าเพียวๆ น้ำแข็งแทบเหลือแต่วิญญาณ จะเข้มไปไหนพ่อ

   พอเห็นผมทำหน้ายู่ กลหัวเราะในคอ ยอมเอาแก้วตัวเองเทแบ่งให้ผม เข้มขึ้นมาอีกหน่อย

   “พี่วัตๆ พี่ใช่แวมไพร์ในเกมจริงปะ”

   เด็กปีหนึ่งชะโงกหน้ามาถาม ดาลี่แบมาตบหัวไปที

   “เอ็งโง่หรือโคตรโง่วะ เห็นๆกันอยู่ หน้าตาเหมือนกันเดะแถมมีกลอยู่ข้างๆ ไม่ผิดจากตอนนี้ ยังสงสัยอะไรอีก ว่าแต่พี่ไวไวเป็นกระต่ายจริงดิ ฮ่าๆๆ”

   ดาลี่ตะโกนถามไวไวหน้าเตา เลยได้ถ่านมาเป็นของกำนัน เกือบกระเด็นใส่จานหมึกไอโต้งปีเดียวกันเลยจัดการขว้างน้ำแข็งกลับ แถมด่ายาวเหยียดเพราะมันเล็งหมึกอยู่พอดี หลังจากนั้นแต่ละคนหันมาพูดแต่เรื่องเกม ประเด็นหลักๆ ก็ใครได้คำสาปอะไร อยู่ส่วนในของโลกภายในเกม มีนัดแนะกันไปเก็บเลเวลด้วยกัน หลายคนชวนผมอยู่ แต่ผมปฏิเสธเพราะมีปาร์ตี้เก็บเลเวลของตัวเองอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 16-07-2015 17:58:11
Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ (ต่อ)

   กลทำตัวเงียบไม่เป็นจุดสุดใจได้อย่างแนบเนียนโดยการหลบหลังผม ปล่อยให้เพื่อนฝอยกันน้ำลายกระเซ็น บางคนคออ่อนดื่มหนักหน่อยเริ่มเลื้อยกวนเพื่อนคนอื่นจนโดนเท้า ไอหนึ่งกับดาลี่ไม่รู้มันหยิบหม้อกะละมังมาจากไหน เคาะเป็นกลองให้ไอโต้งร้องเพลง จังหวะโคตรมั่ว ผมขำจนแทบสำลักเหล้า

   หมาป่าหนุ่มรู้หน้าที่ดี คอยลูบหลัง เติมเหล้าให้ไม่ขาด แกะกุ้งหอยวางใส่จานให้เป็นอย่างดี ถึงในเกมกลจะมือไว พอนอกเกมแถมยังอยู่ในวงเพื่อนฝูงคนรู้จักเจ้าตัวจะสงบมือไม่รุ่มร่าม แต่คอยดูแลอยู่ตลอด ผมเองก็คอยจับยัดปากให้เหมือนกัน ไม่งั้นมัวแต่แกะไม่ทันพวกสัมภเวสี กินอย่างกับห่าลง

   ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง มีบางคนไหลตายนอนกอดขวดเหล้าอยู่บนพื้น ไอพวกที่คอแข็งยังคงดวลเหล้าดื่มกันต่อไป เวลาล่วงเลยไปจนถึงสี่ทุ่ม ไวไวกลับมานั่งที่ดื่มไปได้สองสามแก้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดระหว่างใช้เท้าเขี่ยยากันยุงหลบไปก่อนหนึ่งมันกลิ้งไปทับ

   “กลับก่อนนะโว้ยพวกมึง” กระต่ายหนุ่มลุกพรวดหลังอ่านข้อความบนมือถือ คาดว่าคงถูกลินขู่ฆ่าแหงถึงได้รีบหน้าตื่นขอตัวกลับอย่างนี้ ปกติไวไวมันถึงไหนถึงกัน ยันเช้ายังเคย เห็นไวไวลุก หมาป่าข้างตัวเริ่มสะกิดบ้าง ดึงแก้วเหล้าออกจากมือผมเป็นสัญญาณว่าเด็กน้อยอยากกลับบ้านเต็มแก่

   “เฮ้ย ไปด้วยๆ โชคดีพวกมึงอย่าโดนยุงหามล่ะ” ผมลุกตามกลกับไวไวที่ยืนรออยู่ ไอโต้งโบกมือลาแทนเพื่อนและน้องคนอื่นๆ

   “ไปเถอะไอ้พวกมีแฟน คนไม่มีอย่างกูขอแดกเหล้าย้อมใจอยู่งี้แหละ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกกูเก็บซากเอง” ปีสามไก่แก่คอแข็งพยักหน้ารับ ผมเกาแก้มหัวเราะ โดนพวกมันพูดชัดๆ เรื่องมีแฟนแบบนี้ ชวนให้เขินเล็กๆ แฮะ ถ้าใครมองไม่ออกว่าผมกับกลคบกันอยู่คงตาบอดเต็มทน ถึงเราจะไปม่สวีทจี๋จ๋าจนน่าถีบ แต่การแสดงออกมาหลายๆ อย่างมันบอกชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ เป็นโชคดีของผม เพื่อนทุกคนรับได้ไม่มีปัญหา รักพวกมันจริงๆ ให้ดิ้นตาย

   ผมเดินออกมาจากบ้านไม้ ปิดรั้วให้เรียบร้อย เห็นกลยืนกอดคอพิงรถอยู่ ไม่ไกลกับรถของไวไว

   “คืนนี้เข้าเกมปะ” กระต่ายถึกถามพลางใส่หมวกกันน็อคนั่งคร่อมอยู่บนรถมอไซค์คันโปรด

   “ไม่อะ มีสัญญาที่ต้องทำกับหมาบางตัว” ดวงตาสีเทาเหล่มองไปทางหมาป่าที่ยิ้มรับอย่างยินดี ไวไวมองพวกผมสลับไปมาแล้วส่ายหัว

   “จะทำอะไรก็เบาๆ หน่อย เกรงใจแมวสองตัวบ้าง” ผมขว้างก้อนหินไล่กระต่ายปากมอม ไวไวบิดรถหนี ความจริงดื่มแล้วไม่ควรขับ แต่พวกเรามีเหตุให้ต้องกลับ บ้านก็อยู่ละแวกใกล้เคียง ถือว่าหยวนๆ นะ อีกอย่าง ไวไวมันคอทองแดง เหล้าแค่นั้นไม่สะกิดมันหรอก เหลือผมกับกล ทางนี้ยังดูชิวๆ หลักฐานคือ พวกเราขับกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

   นายท่านกับขุนพลหลับไปแล้ว สองตัวนี้เป็นแมวอนามัยนอนตื่นกินเป็นเวลา สองเหมียวเขามีเบาะนอนเป็นของตัวเอง มาช่วงหลังๆ ไม่รู้ทำอิท่าไหน ผมตื่นมากินน้ำตอนดึกทีไร เห็นนายท่านไปนอนเบียดอยู่กับขุนพลทุกที อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน เบาะแมวสีอ่อนโดนเมินสนิท เมื่อเจ้าของย้ายตัวเองไปนอนซุกพุงเจ้าของเบาะสีเข้มข้างๆ กัน ก้อนขนสองสีนอนขดซุกกันน่ารักจนผมอดใจไม่ไหว ถ่ายรูปไปเป็นกระบุง ส่งให้ยั่วพี่วินจนโดนโวยกลับมา ป่านี้ยังไม่นอน สงสัยงมงานอยู่

   “อย่ามัวสนแมว สนฉันบ้าง”

   หมาป่าเรียกร้องความสนใจ ดึงมือถือออกจากมือผมโยนใส่โซฟา แล้วใช้แขนโอบเอวผมรั้งตัวเดินขึ้นด้านบน พอถึงห้องนอนจัดการปิดล็อก ดันผมพิงประตูพลางเชยคางให้รับจูบร้อน ลิ้นชื้นเลียริมฝีปากอย่างเรียกร้องจนผมต้องยอมเปิดปากให้สอดเข้ามาพัวพันกับลิ้นตัวเอง

   มือหนาสอดเข้ามาในเสื้อ ลูบไล้แผ่นหลังขณะที่ท่อนขาสอดตรงกลางหว่างขาจงใจเสียดสีกับกลางตัว ผมหันหน้าหนีจูบยามถูกรุกมากๆ เข้า กลปล่อยปากผมแต่ยังคงซุกไซร้แถวลำคอ จมูกโด่งวาดผ่าน ลมหายใจร้อนเจือกลิ่นเหล้าดูดิบๆ ยังไงชอบกล

   “ที่เตียง” ผมอุทรณ์ กลยอมผละออกแต่โดยดี วงแขนตวัดอุ้มผมแนบตัวก้าวขายาวๆแค่สามก้าว ผมก็มานั่งอยู่บนเตียงนอน ร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน กลโน้มใบหน้าลงมางับหูเบาๆ เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสื้อผมถูกจับด้วยมือหนาเพียงวูบเดียวเหลือแค่เพียงท่อนล่าง พอๆ กับท่อนล่างที่ถูกถอดออกเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมไม่อยู่เฉย ถึงดูแนวโน้มผมจะกลายเป็นฝ่ายรับ แต่ถึงยังไงผมก็เป็นผู้ชาย โดนปลุกอารมณ์มากๆ เข้า สัญชาตญาณมันก็ออก

   ผมปลดกระดุมเสื้อกลออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างกับกล้ามเนื้อสมส่วน ขณะที่กลเองกำลังปลดกางเกงตัวเองกระทั่งบ็อกเซอร์ก็ยังไม่เหลือ เราขยับเข้าหากัน ริมฝีปากจูบแลกลิ้น ยิ่งอารมณ์กริ่มๆ จากแอลกอฮอล์ทุกอย่างเลยไหลลื่นไม่มีติดขัด อารมณ์เตลิดแบบกู่ไม่กลับ

   มือล้วงความเป็นชายออกมารั้งรูดเสียดสีไปกับของอีกคนจนตื่นตัวเต็มที่ กลยิ่งลูบไล้สำรวจไปทั่วร่าง ผมรู้ได้จากสัมผัสสากจากมือหนา คอผมโดนไซร้ดูดแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนเขาจะก้มลงมาซุกอยู่แถวอก รัวลิ้นจนผมสะท้าน ไม่คิดเลยว่าโดนจุดนี้มันจะช่วยปลุกอารมณ์ได้ด้วย ผมแหงนคอกอดกลไว้ปล่อยให้ส่วนล่างเสียดสีกันไปมาเพิ่มความเสียวให้พุ่งวาบ

   กลดันให้ผมเอนนอนลง เขาเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบเอาเจลหล่อลื่นออกมาพร้อมถุงยาง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาแอบเอามาใส่ไว้ตอนไหน ทั้งที่ห้องนี้เป็นห้องนอนของผมแท้ๆ

   บ็อกเซอร์ผมถูกถอดโยนทิ้ง เจลใสถูกบีบใส่นิ้วยาวป้ายใส่ทางด้านหลัง ความเย็นจากเจลกับสัมผัสครั้งแรกให้ตายยังไงก็เฉยไม่อยู่ มือผมบีบบ่ากลแน่น หมาป่าหนุ่มก้มลงมาจูบริมฝีปากเบาๆเหมือนจะปลอบ แล้วใช้มือข้างที่ว่างรั้งรูดของพวกเราไปพร้อมกัน ปลุกอารมณ์ให้ผมตอบรับสัมผัสจากเขาอีกรอบ

   ปลายนิ้วถูวนคล้ายจะให้ปรับตัว ก่อนเริ่มสอดนิ้วแรกเข้าไปจนเพิ่มนิ้วที่สองผมถึงเริ่มมีอาการ พอผมจวนจะเสร็จอารมณ์กึ่งล่องลอยไม่ทันได้สนด้านล่าง นิ้วที่สามถูกสอดเข้ามาขยับขยาย ผมหอบหายใจถี่สะดุ้งทุกครั้งที่ปลายนิ้วโดนจุดอ่อนไหวภายใน การปลุกเร้าทุกอย่างก็หายไปพร้อมกลถอนนิ้วออก จับขาผมโอบตรงสะโพก คร่อมตัวบนร่าง ใช้ฟันกัดฉีกถุงยางต่อหน้า และเจ้าสิ่งนั้นที่ชี้หน้าผมอยู่ พ่อให้มาเยอะเกินไปรึเปล่ากล...

   “จะช่วยใส่?” พอเห็นผมมองท่าฉีกถุงยางสุดอิโรติก ตัวต้นเหตุเลิกคิ้วมองด้วยดวงตาพราวระยับ ผมยกมือปิดหน้า อายโว้ย ด้านล่างยังเบียดกันอยู่เลย

   “จะทำอะไรก็รีบทำไปเหอะหน่า!” ผมโวยตัดความอาย ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มในคอ กลดึงมือผมออกจากหน้าไปจูบก่อนกระทำการร้ายกาจ ลิ้นนุ่มแลบเลียดูดปลายนิ้วให้ผมหายใจสะดุด ใครบางคนอาศัยช่วงผมเผลอ กดความเป็นชายของตัวเองที่ฉโลมไปด้วยเจลล่อลื่นทั่วถุงยางเข้ามาในตัว ความรู้สึกอึดอัดต่างจากนิ้วโดยสิ้นเชิง กลไม่ปล่อยให้ผมขยับหนี มือหนารั้งสะโพกค่อยๆ กดของตัวเองเข้ามา ผมแหงนคอกำผ้าปูเตียงแน่นด้วยความเจ็บ ได้ยินเสียงกัดฟันของคนที่กำลังอดทนอย่างหนัก

   คนรองรับอาจรู้สึกแค่เพียงความเจ็บเสียด แต่คนกระทำสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มที่โอบรัดส่วนสำคัญจนแทบอดใจไม่ไหว ผมเห็นกลขบกรามจนขึ้นสันนูน ผมรั้งคอเขาลงมาจูบ กลคอยปลุกเร้าผมตลอดเพื่อเบนความสนใจจากด้านล่าง จนผมเริ่มชิดไม่เกร็งเท่าตอนแรกเขาถึงรุกต่อสอดใส่กระทั้งสุดลำกาย

   ความคับแน่นอึดอัดจนยากบรรยาย พอๆกับความรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม กลแช่ค้างให้ผมปรับตัว ทันทีที่ผมเริ่มหายใจปกติ เขาเริ่มขยับสะโพกเชื่องช้า ก่อนเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ เบื้องล่างถูกเสียดสีจนร้อน ความความเจ็บโดนบดบังด้วยความกระสัน

   “ซี๊ดด กล ช้า...ช้าๆหน่อย” ผมสูดปากด้วยความเสียว แต่สิ่งที่ได้รับมันกลับตรงกันข้าม

   “ขอโทษ ทนไม่ไหวแล้ว” เสียงทุ้มต่ำหอบพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ ผมถูกพรมจูบไปทั่วแผ่นอกจนมีแต่รอยแดง เสียงหยาบโลนจากจังหวะสอดประสานดังคละเคล้าเสียงหอบหายใจกับเสียงครางหวิวแบบที่ตัวเองยังไม่คิดว่าจะร้องออกมาได้

   กลดูพอใจยามได้ยินเสียงนั้น ปากคอยเรียกชื่อผม แถมจงใจกระตุ้นจุดวาบหวานภายในทุกครั้งเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ต้องการ ยิ่งจวนถึงขีดสุดของอารมณ์ ความหนักหน่วงเร่าร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น ร่างกายผมเอนไหวไปตามแรงโถมกายจากอีกคน ใบหน้าคมคายฉายชัดถึงความสุขสมพึงพอใจ ยามมองสีหน้าสุดเร้าอารมณ์ของคนด้านใต้

   ส่วนอ่อนไหวของผมถูกรูดจนปลดปล่อยเต็มมือหนา จังหวะเดียวกับที่เบื้องล่างถูกสอดลึกจนจุกแน่น พร้อมความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่ปล่อยเข้ามาด้านใน ผมนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย หมาป่านุ่มก้มลงมาจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน

   คนด้านบนขยับกายออก ดึงถุงยางบรรจุของเหลวมัดโยนทิ้งใส่ถังขยะเล็กข้างเตียง แล้วใช้ทิชชู่ช่วยเช็ดคราบขาวให้อย่างบรรจง ก่อนอุ้มหอมแก้มคนหมดแรงซ้ำๆ

   “เดี๋ยวพาไปอาบน้ำ”

   “อืมม” ผมรับคำในคอ เวลานี้ไม่อยากขยับตัวแม้แต่มิลเดียว กลก้มลงมากระซิบข้างหู

   “ขอบคุณที่ยอมเป็นของกล ที่รัก…กลรักวัตนะ”

   เสียงนุ่มกับคำหวานๆหลังเสร็จกิจกรรมบนเตียงหมาดๆ มันไม่ปลอดภัยต่อหัวใจผมจริงๆ ยิ่งน้ำเสียงนั้นแสดงถึงความดีใจชัดเจน และการกระทำตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แบบคนละโลก มันทั้งอ่อนโยน ทะนุถนอมราวกับผมเป็นของล้ำค่าสำหรับเขา
   
   “ฉันก็รักนายเหมือนกัน” ผมจูบใต้คางคนอุ้ม ได้ยินเสียงร้องต่ำในลำคอ

   “อย่ายั่ว เดี๋ยวไม่ได้นอนจะรู้สึก”

   ผมหัวเราะ ต่างคนต่างใบหน้าขึ้นสี รู้สึกมีความสุขจนหัวใจพองฟู ผมกับกลอาบน้ำด้วยกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมรู้ว่ากลยังไม่พอ แต่เพราะเป็นรอบแรกเขาถึงไม่อยากฝืน ความสัมพันธ์ทางร่างกายเป็นแค่สิ่งแสดงความรักอย่างหนึ่งเท่านั้น มันไม่ใช่ทุกอย่าง สิ่งสำคัญที่สุดคื อความรู้สึกกับการกระทำที่แสดงออกมามากกว่า

   กลอาบน้ำช่วยเช็ดผมให้ แถมปะแป้งซะหอมฟุ้ง ผมเลยจัดการปะกลับ ผิวเข้มๆ ของกลพอทาแป้งไปเลยเห็นชัด ผมวาดรูปแมวใส่กล้ามพุงแถมหนวดให้ที่แก้ม เจ้าตัวดันยอมอยู่นิ่งให้ผมเล่นซะด้วย แต่ดวงตาสีเข้มหวานซึ้งจนผมชะงัก กลดึงผมเข้าไปกอดแล้วล้มตัวลงนอนห่มผ้าซะเรียบร้อย ผมกอดซบแผ่นอกอุ่นๆ ของกลหลับสบายตลอดทั้งคืน

   เสียงนกนอกหน้าต่างไม่อาจปลุกผมจะการนอนอันแสนหวานได้ ยิ่งเมื่อคืนเพิ่งออกกำลังกายบนเตียงไป ร่างกายรู้สึกปวดเมื่อย ด้านล่างเองก็ยังเสียดๆ ไม่อยากลุก ผมเลยแทบจะฝังตัวเองไว้กับเตียง กระทั่งเสียงเอะอะปลุกให้ตื่นจากการนอน

   ในขณะนั้น หน้าบ้านมีเหล่าแขกไม่ได้รับเชิญ ไวไวเดินเข้ามาเป็นคนแรกด้วยความเคยชิน ตามหลังมาด้วยสามหนุ่มกับหนึ่งสาว

   “ฉันเรียกพวกนั้นแปบ” ปกติไวไวคงเปิดเข้าไปเลย แต่วันนี้ทำไม่ได้จากการคาดเดาอันแม่นยำของไวไว เมื่อคู่ทั้งคู่ไม่ได้กลับบ้านมาอาบน้ำนอนเฉยๆแน่ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงสภาพตอนเช้า แถมยังมีแขกคนอื่นมาด้วยอีก อย่างน้อยๆ ต้องส่งสัญญาณบอกให้พวกนั้นเตรียมตัวสักหน่อย

   ก๊อกๆ

   “วัต กลตื่นยัง เปิดประตูหน่อย”
   
   ไม่มีเสียงใดตอบกลับ แขกผู้มาเยือนต่างมองหน้ากัน ฉับพลันได้ยินเสียงโครมครามอะไรบางอย่างจากด้านใน ด้วยความตกใจกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ไวไวลืมสนเรื่องที่กังวลตอนแรก เปิดประตูผางเข้าไปเต็มๆ

   “เกิดอะไรขึ้น”

   “ขุนพล!”

   “เฮ้ย!!” สิ่งที่เห็นทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง กลในสภาพผมยุ่งเพราะเพิ่งตื่นนอนสวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเปลือยท่อนบนกำลังวิ่งไล่จับลูกชายตัวเองที่ซนแอบย่องเข้าห้องนอนตอนที่เขาเปิดประตูออกมา พอโดนไล่ เจ้าเหมียวยักษ์คิดว่าพ่อเล่นด้วย วิ่งหนีไปทั่วบ้าน ประจวบเหมาะกับประตูหน้าบ้านถูกเปิดออก แมวตัวโตเลยพุ่งถลาใส่คนแปลกหน้า

   ไวไวประสานสัมผัสไวจากการเป็นนักฬีกา คว้าสาวเพียงหนึ่งเดียวหลบการจู่โจมจากแมว พร้อมใช้มือปิดตาแน่นหนา สามคนที่เหลือเลยถูกพุ่งเข้าใส่ หงายหลังไปนั่งอยู่บนพื้น หนึ่งผู้ซวยสุดเป็นเบาะมนุษย์นั่งขยับแว่น ซ้ายขวามีเพื่อนและรุ่นพี่มองสิ่งที่เจ้าเหมียวคาบอยู่ในปาก มันเป็นซองสีเงินที่ผู้ชายทุกคนรู้จักดี

   กลก้าวฉับๆ อุ้มขุนพลจากตัวเพื่อน แล้วดึงเจ้าซองในปากโยนทิ้งถังขยะ ก่อนหันกลับไปจัดการแมวตาสองสีกำลังใช้เท้าเขี่ยหลอดเจลเล่นอยู่ พอกลเดินเข้าใกล้ นายท่านพองขนขู่ใส่ วิ่งหนีขึ้นไปหาคนที่กำลังลงมาจากบันได กลก้มลงไปเก็บหลอดเจลยัดเข้าลิ้นชักแถวนั้น มือข้างหนึ่งอุ้มแมวเมนคูนตัวโต ส่วนอีกคนอุ้มแองโกล่าสีขาว ลงมาในสภาพเปลือยท่อนบนเหมือนกันเด๊ะ ต่างกันแค่ท่อนล่าง อย่างน้อยเจ้าของบ้านก็ใส่กางเกงนอนมาล่ะนะ

   “เสียงวุ่นวายอะไรกัน ตะกี้นายเก็บอะไรแวบๆ นะกล”

   “สองตัวนี้มันคาบออกมา” กลชี้ไปที่ถังขยะที่มีซองถุงยางนอนแอ่งแม่ง กับลิ้นชักเก็บเจลเมื่อครู่ ผมลูบหน้าพรืด เกิดความคิดอย่างเตะโด่งแมวออกจากบ้าน พลันสายตาหันไปเห็นกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่ตรงประตู กลหรี่ตามอง ดันหลังผมขึ้นไปชั้นบน พร้อมตัวเองเดินตามขึ้นมาด้วย แล้วหันไปสั่งเพื่อนกับรุ่นพี่ตัวเองหน้าตาเฉย

   “ปิดประตู นั่งเงียบๆ จนกว่าพวกฉันจะลงมา ที่สำคัญ ใครมองวัต...ตาย”

   คนฟังกลืนน้ำลายอึกกับประโยคสุดท้าย ต่างคนต่างพากันยกมือปิดหน้า ใช้มือเพื่อนปิด และดึงคอเสื้อปิดหน้าตัวเอง พลางคิดในใจ เมื่อกี้ไม่เห็นว่าเจ้าของบ้านผิวใต้ร่มผ้าขาวจนสาวอิจฉา ทั้งที่แขนขาออกเกรียมแดดนิดๆ ไม่เห็นรอยจูบเต็มอกเต็มคอ ไม่เห็นรอยเล็บบนบ่ากล ไม่เห็นอะไรเลยจริงจริ๊ง

   กระต่ายหนุ่มรอจนมั่นใจว่าสองคนผู้มีสภาพโคตรไม่เรียบร้อย ไสหัวขึ้นชั้นบนไปจัดการตัวเองพร้อมลูกชายสองตัวแล้ว ถึงค่อยปล่อยมือจากการปิดตาหญิงสาวข้างกาย

   “นายจะปิดตาฉันทำไม” สาวเจ้าถามอย่างไม่สบอารมณ์

   “ยังจะถามอีก" ไวไวถลึงตาใส่กลับ

   “อ่อ แค่ผู้ชายถอดเสื้อเอง ไม่ได้แก้ผ้าเดินโทงๆสักหน่อย อีกอย่างนายลืมไปแล้วเหรอว่าในเกมฉันเป็นอะไร” ลินบ่นแล้วนั่งบนโซฟาระหว่างรอเจ้าบ้าน โดยมีไวไวนั่งลงตามพลางใช้เท้าดันถังขยะที่กลทิ้งเมื่อครู่ไปไกลๆ

   “ไม่ได้ลืม แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิง และเป็นแฟนฉัน!”

   “แหม่ ไม่อยากให้มองรูปร่างชายอื่นบอกกันดีๆก็ได้” ลินยกมือปิดปากหัวเราะสนุกที่ได้แหย่แฟนหนุ่ม

   “จะบ้าเรอะ! ฉันไม่ได้...” ไวไวค้านหน้าแดง สามคนที่กำลังทำท่าปิดหู ปิดตา ปิดปากเป็นสามลิงกลายเป็นหัวหลักหัวตอมองคนสวีทกัน นึกอยากวิ่งออกไปหาแฟนสักคนให้รู้แล้วรู้รอด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-07-2015 18:14:50
 :o8:     :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 16-07-2015 18:46:25
 o13

รอ รอ ตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 16-07-2015 18:51:56
ห๊ะ คืนนี้!!! ตัดกันอย่างนี้เลยรึ!!!!!!
โอยย หนุ่มๆ ให้ป้าไปแอบดูใต้เตียงได้มั้ย(ไม่ใช่!)
ฮาาาาา ยังคงเข้ามาเพื่อกรี๊ดหมาป่าเหมือนเดิมค่ะ
แต่คู่ไวไวกับลินนี่เค้าดูจะสวีทกันตลอดยังไงไม่รู้

ปล. ชอบน้องแมวเมนคูนมากเลยค่ะ ตัวใหญ่น่าฟัดมาก :katai1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 16-07-2015 19:21:42
หมาน่ารักเหมือนเดิมมมม
หมาต้วน้อย(เหรอ) น่ารักที่สุด มีจุ๊บเหม่งด้วยยย
ถถถถถถถถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 16-07-2015 19:48:13
ค้างคาวตัวกลม :laugh:
บรรยายน่ารักมาก

รอคืนเน้ของหมาป่ากับค้างคาวอย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 16-07-2015 20:36:19
ใจหายใจคว่ำหมดเลยยยยยย. แล้วเกมที่ค้างอยู่ล่ะ จะได้เป็นราชาแวมไพร์มั้ยอะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 16-07-2015 20:52:19
เราก็รอ "คืนนี้" เหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 16-07-2015 21:17:24
เราจะเตรียมกล้องไว้สำหรับคืนนี้ :hao6:

ปล. อยากเห็นเซ็ตดาบของกลจังครับ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 16-07-2015 21:20:34
เป็นเหตุการที่ชวนใจหายใจคว้ำจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 16-07-2015 21:41:39
วุ้ย เกือบ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 16-07-2015 22:36:29
แล้วงี้ดันเจี้ยนจะผ่านไหมเนี่ย
คืนนี้วัตไม่ต้องกลัว กลบุกแน่ 5555+
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 17-07-2015 00:21:38
เริ่มไม่แน่ใจว่าระหว่างค้างคาวกับหมาป่าเนี่ย ใครขี้ยั่วกว่ากัน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์ 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 17-07-2015 02:14:22
Lv.28 งานบู้ต้องมา

   “ตกลงพวกนายแห่มาทำอะไรบ้านฉัน”

   ผมถามแขกไม่ได้รับเชิญทั้งหลาย หลังจากที่ขึ้นไปจัดการตัวเองเรียบร้อยลงมานั่งเล่นเกมจ้องตากับเจ้าพวกที่เหลือ โดยมีสองเหมียวอยู่เคียงข้าง ส่วนขุนพลซึมไปหน่อยเพราะโดนกลดุใส่ นายท่านยังคงไม่สะทกสะท้าน นอนบนตักผมเชิดหน้าชูตามองเย้ยหมาป่าอยู่เนืองๆ

   จะว่าไปเมื่อคืนรู้สึกจะดื่มกันหนัก ไหงวันนี้ถึงแหกขี้ตาตื่นมาบุกบ้านผมโดยไม่มีอาการเมาค้างสักคน ร้ายกาจ

   “หลังพวกเราเก็บซากบ้านไม้เสร็จ เห็นว่าพี่กับกลอยู่ด้วยกันเลยแวะมาทักทายเล่นๆ ว่าจะมาคุยเรื่องเกมด้วยเมื่อวานมัวแต่ดื่มกันจนไม่ได้คุย แล้วบังเอิญเจอพี่ไวไวกับแฟนอยู่หน้าบ้านพอดีเลยเข้ามาพร้อมกัน”

   ดาลี่เป็นคนอธิบายผมเลิกคิ้วมอง จะบอกว่าเจ้าพวกนี้ติดเกมก็ไม่ได้ ตัวเองไม่น้อยหน้า ถ้าไม่มีเหตุจริงออนเกมทุกคืนไม่มีขาด

   “ลินอยากมา ฉันเลยพามา ว่าจะคุยเรื่องดันเจี้ยนด้วย ตกลงผ่านไม่ผ่าน”

   ไวไวถาม อีกสามหน่อหูผึ่งหันขวับมามองพวกเรา หนึ่งดูกระตือรือร้น

   “พวกพี่ไปลุยดันไหนมาเหรอ ใช่พวกดันใหม่ที่เพิ่มอัพแพทเพิ่มเข้ามาป่าว แล้วเจออะไรบ้าง มีไอเทมเจ๋งๆ กับมอนสเตอร์โหดๆ ใช่ปะ”

   “จะตอบใครก่อนดีล่ะทีนี้ เอางี้ เล่าให้ฟังทั้งหมดเลยแล้วกัน” ผมสรุปแล้วเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้พวกดาลี่ฟัง พร้อมเล่าส่วนของตัวเองที่เหลือเป็นคนสุดท้าย แต่ข้ามเรื่องโดนแทรกแซง ผมบอกไปแค่ว่าดันตายซะก่อน ไม่รู้ว่าตกลงชนะหรือแพ้ เข้าเกมคงจะรู้ผล

   หลังฟังจบดาลี่ หนึ่งกับไม้ตาโตแบบอึ้งๆ ไม้พูดขึ้นมากลางวง

   “เมื่อคืนพวกพี่คงไม่ได้เข้าเกมกันสินะ แต่ผมมีโอกาสแวบเข้าไปเล่นนิดหน่อย มันมีข่าวประกาศว่ากลุ่มปาร์ตี้เจ็ดคนเคลียดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ได้เป็นกลุ่มแรก แถมยังได้ของแรร์อีกต่างหาก”

   “นั่นหมายความว่าพวกเราผ่าน?” ลินเอ่ยลอยๆ อย่างสงสัย ขณะมองเพื่อนร่วมปาร์ตี้อย่างขอความเห็น ไวไวยักไหล่ไม่อาจทราบได้ ผมมองหน้ากล เจ้าตัวส่ายหัวพูดสั้นๆ

   “เข้าไปในเกมก็รู้”

   “เรื่องนั้นช่างเหอะ จะประกาศ ผ่านไม่ผ่านเอาไว้ก่อน ฉันสงสัยว่าพวกนายต้องการอะไรมากกว่า เห็นมาป้วนเปี้ยนบอกจะถามเรื่องเกมหลายที” ผมเลิกกคิ้วมองสามหน่อ พวกเขายิ้มแห้งๆ

   “ปิดอะไรพี่วัตไม่ได้จริงๆ คือ ตอนนี้พวกเรากำลังถูกคนกลุ่มหนึ่งหมายหัวอยู่ เป็นกิลด์ดังแถวทวีปต้นเลยอยากให้พวกพี่ช่วยหน่อย”

   ดาลี่ประกบมือไหว้ผม จะให้ช่วยเลยโดยไม่ถามอะไรก็ยังไงอยู่ ผมให้ดาลี่เล่าเรื่องราวทั้งหมดมาให้ฟังแล้วเดี๋ยวผมจะตัดสินใจอีกที

   เจ้าตัวเล่าว่า ส่วนใหญ่จะเล่นเกมคนเดียวมีแค่บางครั้งไปกับเพื่อนหรือปาร์ตี้อื่นบ้าง จนวันเข้าค่าย คุยเรื่องเกมกับพวกหนึ่งแล้วถูกคอ หลังกลับจากค่ายเลยนัดเจอกันร่วมทีมสามคน ตีมอนสเตอร์ ทำภารกิจเก็บของขายตามปกติ กระทั่งวันหนึ่ง มีพวกกิลด์เจ้าถิ่นมาแย่งมอนสเตอร์คนแถวนั้น ทั้งสามคนเห็นแล้วโมโหเตือนก็ไม่ยอมฟัง เลยจัดการเชือดทิ้งซะเรียบ พวกนั้นไปฟ้องตัวหัวหน้า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลยโดนตามรังควานตลอด

   ทีแรกไม่คิดรบกวนมาขอให้พวกผมช่วย แต่พักหลังโดนถี่จัดจนแทบทำอะไรไม่ได้ ผมฟังแล้วพยักหน้ารับเงียบๆ มีลินกับไวไวดูเป็นเดือดเป็นร้อนใหญ่

   “ไอ้พวกหมาหมู่แบบนี้เอาไว้ไม่ได้ พวกมันเลเวลเท่าไหร่” กระต่ายชักเถื่อนขึ้นทุกวัน

   “ประมาณร้อยต้นๆ อะพี่ ผมเลเวล104 หนึ่งกับไม้เลเวล100”

   “โดนพวกมากรุมเลยแพ้สินะ” ลินพูด พวกนั้นยิ่งหงอย ผมหันไปทางกล ขานั้นมองประมาณว่าผมว่าไงว่าตามกัน ลินกับไวไวดูคันไม้คันมืออยากช่วยเต็มที่ ผมเลยตัดสินใจช่วย พี่น้องต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว

   “พวกฉันจะไปช่วยพวกนายเอง” เจ้าสามตัวทำตาเป็นประกายด้วยความดีใจ จะถลาเข้ามาหาผม แต่โดนกลยกขายันซะก่อน พวกนั้นเลยต้องถอยหลังไปนั่งเรียบร้อยตามเดิม

   ผมยังไม่กินอะไรตั้งแต่ตื่น หลังคุยเสร็จพยาธิทำงาน ผมจะลุกไปทำกับข้าวกินเหมือนทุกทีก็เกรงใจสังขาร ดูเผินๆไม่เป็นไร แต่ความรู้สึกเจ็บเมื่อยตามเนื้อตามตัวยังอยู่ แล้วยังมีตัวแถมเต็มบ้าน แต่ละคนดูไม่ได้ทานอะไรกันก่อนมา สรุป ลินอาสาทำข้าวต้มจากของสดในตู้เย็นให้ทุกคนกิน

   ไวไวเข้าไปช่วยแฟนที่ไม่รู้ไปคบกันตอนไหน เจ้ากระต่ายทำอาหารไม่เป็น ให้เป็นลูกมือพอไหวเพราะเคยช่วยผมเข้าครัวอยู่บ้างเวลามันมาฝากท้อง ส่วนกลกับพวกที่เหลืออย่าไปกล่าวถึง กินเป็นอย่างเดียว

   หลังทานเสร็จเจ้าพวกนั้นเลยต้องไปเก็บกวาดล้างจาน วันนี้ทั้งวันมาขลุกอยู่บ้านผม ด้วยความที่บ้านผมปลูกต้นไม้เยอะ อากาศเลยเย็นสบาย พวกมีเชื้อเหล้าเลยนอนกลางวันแข่งกับแมวเกลื่อนคาบ้าน พอช่วงเที่ยงฝากท้องกับร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอย เริ่มเย็นทุกคนก็แยกย้ายนัดสถานที่เจอในเกมเสร็จสรรพ

   ถึงมื้อเย็น ผมโอเคขึ้นลงมือทำกับข้าวเย็น มีพ่อแมวกับลูกเหมียวสองตัวมากวนอยู่ในครัว

   “ไปรอที่โต๊ะสิ นายท่านขุนพล คลุกข้าวให้กินไปแล้วหนิ จะมากวนทำไมอีก”

   ได้ยินผมบ่น กลอุ้มขุนพลและอาศัยจังหวะนายท่านเผลอ ช้อนตัวโยนไปไว้นอกห้องครัวทั้งสองตัว ก่อนปิดประตูกระจกใส่ไม่สนเสียงร้องกับเล็บตะกุยกระจก ผมเหล่ตามอง

   “ลูกแมวไปแล้ว คนพ่อล่ะทำไมยังอยู่”

   “อยากช่วยแม่แมวทำกับข้าว” หมาอ้อนครับทุกคน กลเดินเข้ามากอดจากทางด้านหลัง เอาคางเกยบ่า

   “ถ้างั้นเอาผักไปล้าง หั่นหมูด้วย แบบนี้”

   นอกจากจะสอนกระต่ายเป็นลูกมือ ตอนนี้ต้องมาสอนหมาป่าทำอาหาร ปกติเก่งไปซะทุกเรื่อง พอในครัวดูเงอะงะจนน่าเห็นใจ ผมคอยบอกคอยมองเป็นระยะ มื้อนั้นกลดูจะภูมิใจเล็กๆ ที่ได้ลงมือช่วยทำอาหาร คิดว่าหลังจากนี้ผมคงได้ลูกมือเป็นหมาป่าแบบถาวรแล้วล่ะครับ

   ถึงเวลาออนเกม ผมกลช่วยกันดูปิดไฟปิดประตูกระจกล็อกเรียบร้อย ลูบๆ หัวนายท่านกับขุนพลบนเบาะนอน แถมหมาน้อยที่ยืนมองอยู่ข้างๆ

   พอสวมเครื่องเล่น ลืมตาอีกทีมาโผล่อยู่ในห้องพักขนาดเล็ก ผมไม่ได้อยู่ที่ปราสาทแวมไพร์แล้ว ข้างๆ มีกลฉบับหูหางหมาป่ายืนอยู่ พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนอย่างที่คิด บนเตียงนอนมีบุคคลที่สาม...

   มีเสียงเรียกมาจากด้านนอก พวกไวไวที่เข้าเกมมาก่อน ยืนรอสองเพื่อนอยู่หน้าโรงแรมพร้อมกับสมาชิกในปาร์ตี้อีกสามคน พวกทัตมารอฟังผลว่าตกลงกลุ่มปาร์ตี้ของเขาผ่านดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์จริงๆ รึเปล่า

   หมาป่าหนุ่มเดินออกมาหาทุกคนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ค้างคาวสีทองเกาะบนไหล่กว้างด้านขวาโบกปีกทักทายทุกคนแสนลัลล้า ส่วนไหล่ด้านซ้ายกับมีค้างคาวขนสีเงินยวงอีกตัวเกาะอยู่ ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

   หลังเห็นภาพเหล่านั้น คำแรกที่แวบขึ้นมาในหัวของไวไวคือ

   “นี่มันตัวเงินตัวทอ...อุ๊ก”

   คำสุดท้ายไม่ทันหลุดจากปาก สองค้างคาวตัวกลมขนฟูพุ่งกระแทกหน้าอย่างพร้อมเพรียง โชคดีที่มีหน้ากากอยู่ ไม่งั้นหน้าของกระต่ายโจ๊กเกอร์คงได้รอยเล็บค้างคาวไปประดับบารมี

   “ปากเป็นเหตุ เห็นทีเราคงต้องหาที่คุยกันหน่อยแล้ว”

   ทัตเหล่มองกระต่ายถึก ก่อนเปลี่ยนมาคุยกันแบบปาร์ตี้ คนภายนอกจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เพราะเรื่องราวหลังจากนี้มันไม่น่าป่าวประกาศเลยสักนิด

   “ค้างคาวตัวสีเงินตาแดง แสดงว่าพวกเราเคลียดันเจี้ยนนั่นได้สินะ”

   ทัตพูดขึ้น ผมพยักหน้ารับ ลืมไปไม่มีคอ เกือบกลิ้งตกจากไหล่กลแล้ว ดีที่มีมือหมาป่ามาช่วยจับเลยไม่ต้องลงไปคลุกดินบนพื้น

   “พวกเราได้อะไรบ้างจ๊ะ” อลิสถามด้วยความตื่นเต้น ขณะน้ำลองไปเขี่ยค้างคาวสีเงินเล่น เกือบโดนงับนิ้ว

   “ของที่ได้มีค่าประสบการณ์ อันนี้มันแชร์ให้ทุกคน มีเสื้อเกราะเซ็ตของดยุค กับอาวุธทักษะที่พวกเราได้ตอนลงดัน สุดท้ายก็ลาสนั้นแหละ” ผมชี้ไปทางค้างคาวสีเงิน เจ้าตัวกลับร่างคนยืนเด่นเป็นสง่า

   “สุดยอด ได้ราชาแวมไพร์มาเป็นสัตว์เลี้ยงเลยเหรอเนี่ย” น้ำพูดอย่างทึ่งๆ ลินมองท่าทางเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เก็บคอเรกชั่นแวมไพร์ ส่วนไวไวกับทัต ประสบการณ์กับราชาแวมไพร์ ไม่น่าจดจำเท่าไหร่

   “ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย เช่นนั้นข้าไปล่ะ” เสียงเย็นวังเวงอย่างแวมไพร์หันมาถามผม ผมโบกปีกเป็นเชิงว่าเชิญตามสบาย เจ้าตัวถึงกลายเป็นฝูงค้างคาวแล้วหายไป

   “หมายความว่ายังไง ไม่ใช่ต้องติดตามเจ้าของเรอะ” กระต่ายถามขอสงสัยของทุกคน

   “เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แค่ทำสัญญากัน”

   ผมรับหน้าที่อธิบายต่อ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ผมเข้ามาในเกมแล้วเจอกับก้อนขนสีเงินยวงใช้ปีกกอดอกรออยู่ในห้องเพื่อบอกรายละเอียดของการทำสัญญาให้กับผม เงื่อนไขการทำสัญญากับราชาแวมไพร์เริ่มตั้งแต่เข้าดันเจี้ยน ต้องเป็นปาร์ตี้กลุ่มแรก และในทีมต้องมีแวมไพร์อยู่ด้วย

   หลังเลือกข้อสุดท้ายจะเกิดการต่อสู้ เมื่อแพ้จะโดนส่งไปเกิดในเมืองห้ามเข้าดันเจี้ยนตามเวลาที่กำหนด ถ้าหากชนะจะได้ทำสัญญากับราชาแวมไพร์ สามารถเลือกใครในปาร์ตี้ก็ได้เป็นผู้ทำ ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นแวมไพร์เท่านั้น

   มันเป็นระบบที่เพิ่มเข้ามาใหม่ภายในเกม ผู้เล่นสามารถจับกลุ่มเพื่อนไปลุยดันเจี้ยนโหดๆ ดันเจี้ยนไหนบอสมีคนบังคับแบบราชาแวมไพร์ จะสามารถทำสัญญาได้ตามเงื่อนไขของบอสตนนั้นๆ ส่วนพลังความสามารถของการทำสัญญาแตกต่างกันออกไป

   อย่างของผม ลาส ราชาแวมไพร์ สามารถเรียกใช้ได้สองแบบ แบบแรกคือการเรียกออกมาช่วยต่อสู้ พลังความสามารถของลาสจะลดลงให้เท่ากับระดับของผู้เล่น เพื่อไม่ให้เป็นการโกงคนอื่นจนเกินไป แต่ทักษะสกิลของลาสยังคงเดิม แบบที่สองคือ ผมสามารถขอยืมพลังของลาสมาใช้ด้วยตัวเองในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ สามารถใช้ได้เพียงวันละครั้ง

   ส่วนดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ลาสยังเป็นบอสใหญ่สุด เพียงแค่คนอื่นจะไม่สามารถทำสัญญากับลาสได้เท่านั้นเอง ในกรณีที่มีผู้เล่นสู้กับลาส และผมเรียกเขาพอดี ลาสจะยังสู้ในดันปกติ ส่วนคนมาหาผมจะเป็นเอไอชั่วคราว จนกว่าลาสจะสู้เสร็จ

   ลาสบอกว่า ถ้าไม่โดนแทรกแซง สกิลของผมฆ่าเขาตายก่อนแน่นอน ผลเลยกลายเป็นว่าผมชนะได้ทำสัญญาไปโดยปริยาย เพราะเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย เจ้าตัวยังมีแอบบ่นนนอกเรื่อง พี่วินไม่สนคำอุทรณ์ แถมยังใช้งานคนอื่นเยี่ยงทาส ไม่รู้พี่ชินทนไปได้ยังไง เรื่องนี้ผมฟังแล้วยิ้มไม่ขอออกความเห็น บางที พี่ชินอาจจะเกิดมาเพื่อให้พี่วินใช้งาน...

   “ผ่านก็ดี คนอื่นได้ราชาแวมไพร์ไปฉันคงเคือง แต่ถ้าเป็นนาย ฉันโอเคนะ” ทัตยิ้มเดินเนียนเข้ามาหาผม ก่อนจะเล่นจ้องตาขู่พองขนใส่กันระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่า ผมหยิบไอเทมออกมาแจกจ่ายให้ทุกคน

   “ของพวกนี้เราชนะในดันถึงดรอปจากบอส ถ้าเราไม่ชนะก็อด ฉันให้พวกนายเลยแล้วกัน”

   อาวุธส่งให้คนที่เหมาะสม ส่วนทักษะสองอันผมให้น้ำ เกราะเสื้อยกให้ทัต แบ่งของเสร็จผมพูดเข้าเรื่อง

   “ความจริงหลังจากนี้พวกฉันต้องไปช่วยเพื่อนที่ทวีปต้น พวกนายจะไปด้วยมั้ย”

   “น่าสนใจ แต่พวกเราคงไปไม่ได้ ไหมบอกให้เราลงแข่งกิลด์รอบหน้าด้วยน่ะจ้ะ แล้วก็ฝากอันนี้มาให้” อลิสส่งไอเทมเข็มกลัดรูปงูมาให้ น้ำบอกเสริมระหว่างที่ทัตยังแง่งๆ อยู่กับกล

   “ไหมบอกให้พวกนายไปเอาสกิลที่ต้องการมาเพิ่มความแข็งแกร่ง เราจะลงแข่งด้วยกันในรอบท้ายๆ ส่วนไอเทมนี้เป็นไอเทมสำหรับทำเควสเพื่อเอาสกิล”

   ผมให้ลินเป็นคนเก็บไอเทมเอาไว้ คล้อยหลังพวกทัต กลุ่มผมกลับมาเหลือสี่คนเหมือนช่วงแรก ช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนคิดถึง จุดที่เรานัดกับดาลี่คือในเมือง สามหน่อนั่นออกจากเมืองไม่ได้ เพราะจะถูกพวกกิลด์อริดักฆ่าจนต้องกลับไปเกิดในเมืองซ้ำแล้วซ้ำอีก ในเกมนี้ถ้าหากตายบ่อยๆ มีโอกาสของตกด้วย ผมแอดชื่อสามคนนั่นไว้ในรายชื่อเพื่อน ก่อนส่งข้อความไปหา

   อายุวัต - พวกนายยังอยู่ที่เมืองทวีปต้นใช่มะ ตอนนี้กำลังไป คงใช้เวลาหน่อย เพราะพวกฉันอยู่ทวีปกลาง”
   ดาลี่ - ไม่เป็นไรพี่ พวกผมรอได้
   อายุวัต – สืบเรื่องพวกนั้นไปพลางๆ เดี๋ยวพวกฉันจะไปจัดเต็ม หึหึ
   ดาลี่ – รับแซ่บ!

   “พวกนั้นว่าไง” ไวไวหันมาถามผมที่ยังอยู่ในร่างค้างคาว ย้ายตัวเองจากบนไหล่มาซุกกับขนสัตว์ที่คอเสื้อกล พวกเราใช้ม้าในการเดินทางเพื่อถนอมพลังงาน

   “สืบข่าวรอในเมือง”

   “พอดีเลย กำลังอยากลองใช้ซัมมอนของอาชีพเนโครแมนเซอร์” นักเวทหนุ่มยกยิ้มมุมปาก เมืองที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไป เป็นเมืองขนาดเดียวกับสตาทอสที่เป็นเมืองท่าเรือ เราใช้เวลาประมาณหนึ่งคืนสองวันในการเดินทาง ม้าถูกส่งคืนให้กับร้านเช่า ปกติร้านจะอยู่ตรงกำแพงเมือง แต่เมืองแห่งนี้ไม่มีกำแพงล้อมรอบ

   ป่าไม้รอบตัวต่างไปจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง บ้านทุกหลังถูกสร้างอยู่ในต้นไม้ บางที่เป็นอาคารใหญ่แต่มีต้นไม้ปกคลุมจนแทบไม่เห็นผนังกำแพง ชาวเมืองมีหูแหลมปีกใสเหมือนพวกแฟรี่ อากาศที่นี่ออกไปทางเย็นชื้นแบบป่าฝน มีผู้เล่นกระจายอยู่โดยรอบ มอนสเตอร์แถวนี้ส่วนใหญ่เป็นแมลง ระดับเลเวลเฉลี่ยที่ 75 – 90

   ด้วยความที่พวกเรารูปร่างหน้าตาเด่นเกินไป อีกทั้งกำลังจะมาทำเรื่องชั่ว ผิดๆ มาทำเรื่องดี ผมเลยบอกให้ทุกคนเอาเสื้อคลุมออกมาใส่ และใช้ไอเทมจากกลปิดชื่อรายละเอียดเปิดแค่เลเวล ก่อนไปเจอพวกดาลี่ที่รออยู่ สามคนนั้นโดดเด่นจากคนอื่น ทุกคนในเมืองไม่มีใครเข้าใกล้นอกจากเอ็นพีซี เหตุผลง่ายๆ เพราะไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย

   “โย่ว ว่าไง” กระต่ายยกมือทักทาย สามคนนั้นทำหน้างง พอเห็นหน้ากลใต้เสื้อคลุมถึงร้องอ่อ แล้วหันซ้ายหันขวา

   “พี่วัต กับลินล่ะพี่” หนึ่งถามหาสองคนที่ไม่อยู่ในทีม แถมยังมีผู้ชายอีกคนมาแทน

   “ฉันอยู่ตรงนี้ อีกคนคือลิน โดนคำสาปน่ะ” ผมโผล่ออกมาจากเสื้อคลุมโบกปีกเรียกนิดหน่อย เจ้าพวกนั้นดูโล่งอก พลางมองลินอย่างเห็นใจ พวกนายไม่รู้อะไร คำสาปนี้คงเป็นคำสาปที่ลินชอบที่สุดในเกม

   ผมชวนพวกนั้นเข้าปาร์ตี้ แล้วเราก็นั่งจับเข่าคุยมันกลางเมือง ในเมื่อเป็นเป้าสายตาให้หลบมีแต่จะเพิ่มความน่าสงสัย ดังนั้นเรามานั่งกันโต้งๆแบบนี้ อีกฝ่ายจะได้ไม่ระแวงจนจัดการได้ยาก ผมขอดูข้อมูลของทั้งสามคน หนึ่งมีอาชีพเป็นแมวย่องเบา เขามีหูหางแมวสีดำ ปลายหางเป็นสีขาว ส่วนชุดโจรคงหามาใส่เอง ทางดาลี่เป็นนักดนตรี เจ้าตัวเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด โดยอาชีพนี้จะคล้ายกับของไหมที่เป็นนางรำ คอยซัพพอตเพื่อนๆ ในทีมและก่อกวนศัตรู อารมณ์แบบพวกนักเวทอีกแขนกหนึ่ง

   ที่เหลือคือไม้แปลกกว่าใครเพื่อน ไม้สูงและตัวหนาขึ้น ที่สำคัญ ใบหน้าติดดุมีเขี้ยวงอกตรงมุมปาก บนขมับทั้งสองข้างมีเขางอก มือถือขวานสวมชุดเกราะตามระดับ ยิ่งหัวแดงๆ โคตรเข้า ผมหลุดขำพรืด เจ้าตัวโดนคำสาปยักษ์ เหมาะอยู่หรอก เวลาโมโหทีเหมือนยักษ์จริงๆ แต่สายพันธุ์ใจดีนะ

   “พี่วัตน่าอิจฉา” แมวย่องเบามอง ผมตอบด้วยการหัวเราะใส่ แล้วกวักปีกเรียกทุกคนมานั่งใกล้ๆ กันจะได้วางแผนง่ายๆ
   
   “อย่ามัวแต่อิจฉา รีบจัดการดีกว่า พวกฉันมีงานต้องไปทำอีก แน่นอนว่าพวกนายต้องไปช่วยงานด้วยเป็นการตอบแทน” เรื่องนี้ผมคิดออกระหว่างเดินทางมา ถือโอกาสลากเจ้าพวกนี้ไปใช้แรงงานด้วยเลย ดาลี่ทำปากเบ้บ่นอุบอิบว่าขี้ตืด เลยโดนปีกค้างคาวโบกหัวไปหนึ่งที

   สิ่งที่พวกดาลี่สืบมาได้คือ เจ้าพวกนั้นมีจำนวนทั้งหมดสี่สิบกว่าคน พวกลูกน้องบางส่วนรออยู่ตรงเขตออกนอกเมืองเพื่อฆ่าพวกดาลี่ทันทีที่ก้าวเท้าออกไป ตัวหัวหน้ากับลูกน้องอีกกลุ่มอยู่บ้านกิลด์ในเมืองนี้ เจ้าพวกนี้กร่างไปทั่ว ไม่มีใครกล้าหือ คงต้องกวาดล้างกิลด์สักที

   เพื่อไม่ให้งานเข้าพวกเราในอนาคต ต้องปลอมตัวกันซะก่อน

   กลุ่มปาร์ตี้สี่คนกำลังตีมอนสเตอร์หนอนอยู่ไม่ห่างจากเมืองนัก ในช่วงที่หนอนกำลังจะตาย จู่ๆ มีคนอีกกลุ่มโผล่มาแย่งโจมตีต่อหน้าต่อตา แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นสมาชิกของกิลด์ประจำเมือง มีอยู่สามคนที่ไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น

   หลังวางแผนดาลี่ หนึ่งและไม้เดินออกมาทางประตูเมืองดื้อๆ เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี ดาลี่พูดอย่างไม่พอใจ

   “ทำไมพวกเอ็งชอบแย่งมอนคนอื่นนักวะ ทั้งที่เลเวลสูงกว่า”

   “แล้วมันหนักหัวพวกนายรึไง ขนาดพวกมันโดนแย่งยังไม่เห็นว่าอะไรเลย ใช่มะ”

   ตัวนำเป็นนักดาบหันไปตะโกนถามพวกเวลน้อย ทุกคนได้แต่พยักหน้ารับแล้วหลบสายตา เจ้าตัวนำคิดอะไรชั่วร้ายออกเผยออกทางสีหน้าจนหมด ลดเสียงลงเป็นพูดธรรมดาแต่ข่มขู่อยู่ในที

   “เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าพวกนายฆ่าไอสามคนนี้ ฉันจะไม่แย่งมอนสเตอร์ แถมจะบอกให้ลูกพี่รับเข้ากิลด์ด้วย”

   กลุ่มปาร์ตี้ที่ถูกแจมพากันเงยหน้า หูผึ่งตาวาว ท่าทีหวาดกลัวในตอนแรกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทุกคนถืออาวุธหันมาทางพวกดาลี่ที่คิดเข้ามาช่วยด้วยความหวังดี น้ำเพิ่งสังเกตเห็น เขาจำได้ว่า กลุ่มที่ทำให้เขามีเรื่องจนโดนพวกกิลด์เจ้าถิ่นจนหมายหัวก็เป็นกลุ่มปาร์ตี้เดียวกับตอนนี้

   คนพวกนั้นนอกจากจะไม่ยอมลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง ยังมาขอพวกเขาที่เลเวลสูงกว่ามาช่วยเหลือ พอพวกเขาแพ้ยังดูถูกกันอีก หาว่าพากเขาอ่อนไร้น้ำยาเอาชนะไอ้พวกนี้ไม่ได้ ไม้โมโหจนมือสั่น

   “ถ้ารู้ว่าเป็นไอ้พวกนี้จะไม่โผล่มาเลย” ยักษ์ผมแดงหันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างข่มอารมณ์ ไม่อยากทำให้แผนที่วางไว้พังไม่เป็นท่า

   “คนเก่งคือคนที่อยู่รอด พวกนายยอมตายซะเถอะ เพื่อที่พวกฉันจะได้ลืมตาอ้าปากกับเขาสักที” หนึ่งในปาร์ตี้ที่โดนเป่าหูเล็งธนูยิงใส่หนึ่ง เจ้าตัวเป็นแมวมีความคล่องตัวสูงเลยกระโดดหลบได้สบายๆ ดาลี่กอดอกมองแย้มรอยยิ้มกว้าง

   “นั่นสินะ คนเก่งคือคนที่อยู่รอด ยินดีต้อนรับสู่เทศกาลละเลงเลือด”

   ชายนักดนตรีโค้งกายงามๆ ให้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาวาววับ ดาลี่เริ่มดีดเครื่องเล่นในมือ เสียงบาดหูดังก่อกวนประสาทเป็นสัญญาณให้ลงมือ ไม้กระชับขวานมือในแน่น พุ่งตัวเข้าใส่ซัดคนที่ใกล้ที่สุด พวกเขาเลเวลไม่ห่างกันนัก ที่ผ่านมาแพ้เพราะโดนรุมและถูกโกงใส่

   การปะทะรอบนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ในเมื่อพวกเขาเองมีกำลังเสริมมาแล้วเหมือนกัน ทั้งสามคนเริ่มออกวิ่งระหว่างซัดอาวุธใส่คนพวกนั้นไปด้วย เจ้านักดาบหัวโจกตะโกนด่าอย่างหัวเสีย

   “โธ่เว้ย! ใครฆ่าไอ้สามตัวนั้นได้ ฉันมีรางวัลให้!”

   ผู้เล่นคนอื่นๆ หลายคนสนใจกับสิ่งล่อลวง ส่วนพวกที่ไม่สนถอยฉากไปหลบอยู่กับเอ็นพีซี ปล่อยให้เมืองกลายเป็นสนามรบขนาดย่อม พอพวกดาลี่วิ่งผ่านตรงไหน บริเวณนั้นจะมีพวกผู้เล่นในกิลด์และนอกกิลด์วิ่งไล่ฆ่า เขาพลาดท่าโดนโจมตีไปหลายดอกเหมือนกัน ดาลี่เป็นสายซัพพอร์ท เขาพอมีสกิลช่วยฟื้นฟูเพื่อนร่วมทีมทำให้ไม่ตายในทันที

   ระหว่างสามคนวิ่งหน้าตั้ง บนกิ่งไม้เหนือบ้านชาวเมืองมีสองร่างยืนหลบอยู่ กระต่ายโจ๊กเกอร์หัวเราะในคอได้สมกับหน้ากากที่ใส่ ไวไวกางมือรอจังหวะคนหลุดมายืนเหนือกับดัก พอได้จำนวนที่ต้องการแล้ว เจ้าตัวกำมือกระชากเส้นด้ายเป็นตาข่ายคลุมคนพวกนั้น แล้วส่งต่อให้ทหารโครงกระดูกตัวใหญ่เหวี่ยงไปทิ้งในดงซอมบี้ที่พ่อมดหนุ่มเรียกขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับเป็นนรกบนดิน

   “เสียงโหยหวนพวกนี้หนวกหูเป็นบ้า” กระต่ายอย่างเขาหูไวกว่าคนอื่นช่างทรมาน

   “เตรียมตัวไปหาพวกนั้นกันเถอะ” ลินเปลี่ยนตัวเองเป็นโครงกระดูกในชุดพ่อมด ดวงตามีไฟสีฟ้าลุกโชน มันเป็นสกิลของเนโครแมนเซอร์ที่เจ้าตัวไปเสาะหามาอย่างยากลำบาก ในช่วงที่พวกวัตไม่ได้ออนเกม

   “ไอ้พวกนี้ล่ะ” ไวไวชี้ไปทางผู้หล่นที่หวังแต่จะเกาะมีความสามารถ ลินเพียงแค่ปรายตามอง ลูกไฟคุโชน

   “ปล่อยให้เล่นกับซอมบี้ไป รอดก็โชคดี ตายก็สมน้ำหน้า”

   คนฟังหัวเราะขำ หยิบหน้ากากอันใหม่ขึ้นมาเปลี่ยนพร้อมเสื้อคลุมที่มิดชิดกว่าเดิม แถมปิดหูเรียบร้อย ก่อนทั้งคู่จะหายไปสมทบกับเพื่อนคนอื่น ทางด้านสามหนุ่มวิ่งลิ้นห้อยทั่วเมืองจนมาถึงหน้าบ้านกิลด์เจ้าถิ่น โดนล้อมจากทุกทิศทาง

   “วิ่งให้ตายก็ไม่รอด ตอนแรกคิดจะปราณีไม่ฆ่าทิ้งเวลาอยู่ในเมืองซะแล้ว เจอแบบนี้จัดการให้สิ้นซาก ไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามาเล่นเกมอีกเลยเป็นไง”

   “มาเลย ไม่กลัวเว้ย ดีแต่ปากเหม็นขี้ฟัน” หนึ่งแลบลิ้นใส่ ฉับพลัน เงาร่างสองร่างกระโดดเข้ามาอยู่กลางวง คนหนึ่งเป็นโครงกระดูกในชุดเสื้อนักเวท ส่วนอีกคนสวมหน้ากากเรียบสีขาวมีเพียงช่องดวงตาเท่านั้นกับเสื้อคลุมปิดบังตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งคู่แผ่ความน่ากลัวออกมาด้วยระดับที่สูงกว่ามาก เทียบกับพวกเวลร้อยต้นๆ ลินกับไวไวเหมือนกระดูกคนละเบอร์

   “ลิน ฉันว่าไอ้นักดาบมันน่าคุ้นๆ อยู่นา” ไวไวคุยแบบปาร์ตี้กับท่านโครงกระดูก

   “ไม่ใช่แค่คุ้น ข้างๆ มันเป็นนักโล่ เจ้าพวกนี้เคยคิดฆ่าวัตสมัยพวกเราเพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆ”

   “พวกมันสินะ” เสียงที่สามดังขึ้น ลินไวไวเงยหน้าพรึบไปด้านบน หมาป่าตัวเขืองขนสีน้ำตาลแดงกระโจนลงมาจากบนหลังคาบ้านกิลด์ ส่งเท้าเหยียบหน้าสองคนที่หมายตา แล้วการซัดกันแบบอุตลุดก็เกิดขึ้น ระหว่างด้านนอกกำลังเอะอะ ด้านในเองระอุไม่ต่าง

   ชายร่างสูงโปร่งอายุประมาณยี่สิบกลางๆ กำลังยืนยิ้มให้คนในห้องได้อย่างน่ากลัว เรือนผมยาวสีทองอ่อนถึงกลางหลัง รับกับผิวกายสีขาวซีดสวมชุดสีดำยาวกรอมเท้าทิ้งชายพลิ้วไหวยามก้าวเดิน มือเรียวปรากฎเล็บคมน่ากลัว ใบหน้าแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์อย่างแวมไพร์ ดวงตาสีแดงสดดั่งเลือด

   เหล่าคนในห้องที่พบเห็น พวกจิตอ่อนถึงกับนิ่งเฉยเหม่อมองทำอะไรไม่ถูก ยิ่งพวกเลเวลน้อยในกิลด์แทบจะหลงไปกับมนต์สะกดของแวมไพร์

   “สวัสดีมนุษย์...”

   “แวมไพร์! บ้าน่า มันเป็นผู้เล่นหรือบอสแพทใหม่” หัวหน้ากิลพูดแบบไม่อยากเชื่อ

   “ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าพวกนายทำเรื่องขัดหูขัดตาฉัน เลยมาขอเจรจาสักหน่อย” ชายคนนั้นถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้อย่างดีพลางเท้าคางมอง ทุกครั้งที่เอ่ยปาก เผยให้เห็นเขี้ยวคมน่าหวาดหวั่น

   “หึ ทำไมฉันต้องฟังแกด้วย เป็นผู้เล่นฉันจะฆ่าแกให้ตาย ถ้าเป็นบอสแพทใหม่จะจับมาเป็นสัตว์เลี้ยงซะ”

   สิ้นคำพร้อมการโจมตี ลูกตุ้มในมือหัวหน้ากิลด์กับอาวุธสารพัดแบบจากทุกคนมุ้งเป้ามาที่แวมไพร์ร่างโปร่ง เจ้าตัวแค่เลิกคิ้วมองไม่ขยับออกจากเก้าอี้แม้แต่นิดเดียว พริบตานั้นปรากฎเงาดาบฟาดฟันการโจมตีเหล่านั้นจนหายไปทั้งหมด พร้อมกับหมาป่าตัวโตยืนอยู่เบื้องหน้าแวมไพร์ ในปากคาบดาบคาตานะด้ามจับสีแดงดำ ตัวเล่มสีดำเงาวับ

   “ลูกพี่! ไอ้หมาป่าตัวนี้มันฆ่าหัวหน้านักดาบกับโล่เราไปแล้ว” ลูกน้องคนหนึ่งได้รับรายงานมาจากพวกด้านล่างตะโกนบอกหัวหน้าที่กำลังกัดฟันกรอด

   “ช่างหัวแม่ง ไอ้หมาป่าเวรอย่ามาเกะกะ ตายซะ!”

   ลูกตุ้มตวัดใส่ หมาป่ากับแวมไพร์หนุ่มกระโดดหลบการโจมตี บ้านกิลด์เริ่มพังทลาย พวกเขากระโจนออกมาด้านนอก ชายผมทองยืนลูบขนแผงคอหมาป่าที่ยืนอยู่เคียงข้าง ด้านหลังมีโครงกระดูกและหน้ากากขาวเป็นกองหนุนระหว่างร่วมมือกับสามสหายซัดพวกลูกกิลด์ที่เหลือ

   ตัวหัวหน้ากระโดดตามออกมา หมาป่ากระโจนเข้าใส่ หมุนตัวใช้ดาบในปากฟันสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง เรือนผมสีทองพลิ้วไปตามกระแสลม ใช้ทักษะสร้างดาบโลหิตจากเลือดของตัวเองฟาดฟันเรียกเลือดสาดกระเซ็น ไม่เพียงเท่านั้น พวกกิลด์เจ้าถิ่นยังต้องต่อสู้กับเพื่อนตัวเอง ที่โดนสกิลของดนโครไมเซอร์หัวกะโหลกใช้เวทเรียกขึ้นมา

   เวลาผ่านไป เบื้องหน้าเหลือเพียงหัวหน้ากิลด์คนสุดท้าย ร่างทรุดนอนบนพื้นแหงนมองกลุ่มคนเบื้องหน้าด้วยความโมโห

   “พวกแกเป็นผู้เล่นเลเวลสูงทำไมถึงมารังแกพวกเลเวลน้อย พวกฉันไปทำอะไรให้รึไง” คำพูดวางท่าในตอนแรกกลายเป็นด่าอีกฝ่ายหลังรู้ผลแล้วว่าฝีมือห่างชั้นกันขนาดไหน แวมไพร์หนุ่มก้มลงมอง

   “เพราะนายรังแกเพื่อนฉัน ที่สำคัญ ฉันไม่ชอบวิธีการของนาย หลังตายไปเกิดใหม่แล้ว หวังว่าจะไม่ก่อเรื่องซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นฉันจะเอานายกับพวกไปตั้งค่าหัวให้ถูกไล่ฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

   “อึก…!”

   ดาบโลหิตยกฟันเป็นรอบสุดท้าย ก่อนสลายดาบในมือทิ้ง แล้วเคลื่อนกายไปนั่งบนหลังหมาป่า ที่เก็บดาบไปแล้วเช่นกัน

   “ปะ จัดการเรียบร้อย พวกเราไปทำภารกิจต่อดีกว่า” ทุกคนในทีมพยักหน้ารับ เดินตามไปเงียบๆ หลังจากนั้นกลายเป็นเรื่องเล่าระหว่างผู้เล่นและเอ็นพีซี ว่ามีกลุ่มโหดกลุ่มหนึ่งฆ่าล้างกิลด์ที่ทวีปต้นโดยใช้คนเพียงเจ็ดคนในการสังหาร
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+โหวตp.14 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 17-07-2015 12:48:18
เล่นกับใครไม่เล่นนะ ไอพวกองค์กรชั่ว
ว่าแต่ คืนนี้เค้าจะทำอะไรกันเหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+โหวตp.14 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 17-07-2015 19:12:32
เฮ้ย แล้วคืนนี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+โหวตp.14 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-07-2015 22:09:33
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+โหวตp.14 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 19-07-2015 14:01:28
น่ารักตลอดเลยเขิล :z2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+โหวตp.14 16/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 19-07-2015 15:16:16
กรี้ดลั่นเลย ขอตอนหน้าด่วนๆค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-07-2015 21:12:43
ผลกิจกรรมในเพจ ข้อมูลxxx จากนิยายเรื่อง Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย!

วัต 2
กล 4
ลิน ไวไว 0
พี่วิน 2
พี่ชิน 4
นายท่าน 1
ขุนพล 2

ดังนั้น ผมจึงเขียนข้อมูลของกลกับชิน

ชื่อ : กลวัช
อายุ : 18 ปี
กรุ๊ปเลือด : AB
ส่วนสูง : 178 ซม.    น้ำหนัก : 72 กก.
ลักษณะ : ผมและดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดจนเกือบดำ ผิวเข้ม รูปร่างสมส่วนมีกล้ามพองาม
สิ่งที่ชอบ : คนมีความสามารถ,ครอบครัว
สิ่งที่เกลียด : คนไร้ความสามารถและไม่มีคิดจะพยายาม,สิ่งที่เป็นภัยต่อครอบครัวคนสำคัญ,แมลงสาบ
นิสัย : ดูเผินๆ เป็นคนไม่ค่อยพูด นิ่งเฉยเย็นชา แต่ฉลาดเป็นกรด มีเหตุผล ถ้าหากทำให้เจ้าตัวยอมรับได้ถึงจะเผยความรู้สึกด้านดีออกมา หลังจากโดนพี่วินโขกสับและรู้จักวัต นิสัยเริ่มอ่อนลง(นิดนึง)
งานอดิเรก : เล่นเกม,สกินชิพวัต
สเปคในดวงใจ : ชอบคนร่าเริง นิสัยดีและไม่โง่ ร้ายนิดๆ ด้วยจะโอเคมาก ชายหญิงไม่เกี่ยงขอให้ถูกใจเป็นพอ

ประวัติ(เท่าที่เจ้าตัวยอมบอก)
   เป็นนักโปรเกรมเมอร์อายุน้อยที่มีฝีมือระดับต้นๆ เคยก่อเรื่องช่วงวัยคะนอง จึงถูกพ่อจับส่งท่านซาตานเพื่อดัดสันดาน มีอาจารย์สองคน คนแรกคือ ‘อินทรี’ เป็นอาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวต่างๆตั้งแต่เด็ก การต่อสู้ระยะประชิด การใช้อาวุธ เช่น มีด ปืน ด้วยความที่มีพื้นฐานในโลกความจริง เวลาเล่นเกมเลยเก่งจนน่าหมั่นไส้ อาจารย์คนที่สองคือ ‘อาชวิน’ เจ้าตัวนับถือชายผู้นี้เพราะมีความเก่งกาจและชั่วร้ายในคนๆเดียว วินเป็นคนสอนเพิ่มเติมเรื่องโปรแกรมเมอร์ แต่เน้นหนักไปทาง การเข้าสังคมกับผู้ใหญ่ และดัดนิสัยแย่ๆที่เป็นอยู่
   ฉายา ‘นิลกาฬ’ ได้จากอินทรี เหตุผลคือ มันตัวดำ(แค่ผิวเข้มเฟ้ย)และหัวแข็ง ดื้อเงียบน่าถีบ เลยเผลอมือหนักซ้อมจนเข้าโรงบาลในช่วงแรก ภายหลังจึงโดนเด็กผีแก้แค้นทุกครั้งที่มีโอกาส by~อินทรี

Charm Online
คำสาป : หมาป่า,หมาป่าสายเลือดแท้
Lv. 170
ลักษณะภายในเกม : เหมือนเวลาปกติ แต่มีหูหางหมาป่าและเขี้ยวยาวกว่าเดิม สวมเสื้อสีน้ำเงินคอวีขนสัตว์เปิดอกร้อยด้วยเชื้อไขว้เป็นกากบาท กางเกงขายาวสีดำ พันเอวด้วยผ้าคลุมขนสัตว์ สวมสร้อยเขี้ยวหมาป่า และใส่ต่างหูคู่รักบนหูหมาป่าข้างขวา
ไอเทม :
   ชื่อ : สร้อยคอเขี้ยวหมาป่า
     ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv : 1
      คุณสมบัติ : ใช้สำหรับเก็บของได้ 200 ช่อง
      สถานะพิเศษ : กักเก็บค่าประสบการณ์ของผู้สวมใส่ตามการตั้งค่า

   ชื่อ : ต่างหูคู่รัก
   ชนิด : เครื่องอำนวยความสะดวก
   Lv. : 1
      รายละเอียด : เครื่องประดับที่สามารถใช้วาปไปหาผู้ที่มีเจ้าของต่างหูอีกข้างได้ทุกที่ทุกเวลา วันหนึ่งใช้ได้เพียง 2 ครั้ง
      เงื่อนไขการได้ไอเท็ม : ต้องผ่านภารกิจลับส่งจดหมายรักให้กับนายช่างไม้ มีข้อแม้ว่าต้องเป็นผู้ชายสองคนมาด้วยกันเท่านั้น
      
ทักษะ : ทักษะแบ่งออกเป็น 2 แบบ 1.มาจากคำสาป 2.เรียนเพิ่มด้วยตัวเอง มีสองประเภท ติดตัวและแบบเรียกใช้
ประเภทติดตัว
   ใช้ฟันและเล็บเป็นอาวุธได้
   มองเห็นในที่มืด 80%
   ประสาทสัมผัสเพิ่มขึ้น 50%
   ความเร็ว 100%
   พละกำลัง 70%
   สามารถพูดภาษามนุษย์ได้แม้อยู่ในร่างสัตว์(เรียนเสริม)

ประเภทเรียกใช้
   ชื่อ : วิญญาณหมาป่า
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 100
   สถานะ : เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 80%
      เพิ่มประสาทการได้ยิน และการดมกลิ่น 100%
      เพิ่มความทนทาน 10%
      เพิ่มพลังในการโจมตี 15%
   รายละเอียด : สามารถเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าได้ตามต้องการในเวลาปกติ ผลจากคำสาปหมาป่าสายเลือดแท้ทำให้ต้องอยู่ในร่างหมาป่าทุกครั้งที่โดนแสนจันทร์เต็มดวง

อาวุธ :

   ชื่อ : กงเล็บเหล็ก
   ชนิด : อาวุธสองมือ
   Lv : 162
   สถานะ : 
   พลังโจมตี 27,777
   สถานะพิเศษ : ไม่มี
   *กลใช้ซะเป็นส่วนใหญ่

คาตานะทั้ง 5 เล่ม
*ในเกมมีอาวุธหลากหลาย แต่ละชนิดจะมีลักษณะพิเศษแตกต่างกันไป คาตานะภายในเกมมีมากกว่าพันเล่ม กลสะสมมาใช้เป็นเซตของตัวเอง 5 เล่ม และกำลังหาอีกสองเล่มที่เหลือ

   ชื่อ : Yamata no Orochi (ยามาตะ โนะ โอโรจิ)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีดำ ตัวดาบสลักลายจอมอสูรแปดหัว
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุไฟ
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุน้ำแข็ง 5%
      เพิ่มพลังป้องกันธาตุไฟ 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : ฟันแปดครั้งและแผดเผาศัตรูด้วยเพลิงของจอมอสูร

   ชื่อ : Yuki Onna (สตรีหิมะ)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : สีขาวโพลนตลอดทั้งเล่ม
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุน้ำแข็ง
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุไฟ 5%
      เพิ่มพลังป้องกันธาตุน้ำแข็ง 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : สามารถสร้างน้ำแข็ง และแช่ศัตรูภายในระยะเวลาที่กำหนด

   ชื่อ : Kitsune (ปีศาจจิ้งจอก)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีน้ำตาลแดง ตัวเล่มฝังอัณมณีตาจิ้งจอก
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุวิญญาณ
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุวิญญาณ 5%
      เพิ่มพลังป้องกันมนต์ดำ 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : สร้างภาพมายาให้แก่ศัตรูในระยะเวลาที่กำหนด

   ชื่อ : Kamaitachi (คาไมทาจิ)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีเทา ตัวเล่มมีส่วนโค้งมากกว่าปกติ
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุลม
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุดิน 5%
      เพิ่มพลังป้องกันธาตุลม 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : หลังเรียกใช้ความสามารถ ดาบจะเปลี่ยนเป็นเคียวสามเล่มรอบตัวผู้ใช้ เล่มแรกไร้คมใช้ก่อกวน เล่มที่สองสร้างบาดแผล เล่มที่สามรักษา

   ชื่อ : Oni (ยักษ์)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีแดงดำ ตัวเล่มสีดำ
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบญาตุดิน
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุน้ำ 5%
      เพิ่มพลังป้องกันมนต์ดิน 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : เพิ่มพลังโจมตีให้แก่ผู้ใช้ 160% ในระยะเวลาที่กำหนด

*หมายเหตุ ถ้าหากต้องการรู้เรื่องราวของพ่อหมาป่ามากกว่านี้คงต้องถามเอาจากเจ้าตัวเอง

----------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อ : ชินกฤต
อายุ : 25 ปี
กรุ๊ปเลือด : O
ส่วนสูง : 186 ซม.    น้ำหนัก : 76 กก.
ลักษณะ : ผมและดวงตาสีดำ ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางราวกับคุณชายสุดสมาท
สิ่งที่ชอบ : วิน,สิ่งที่วินชอบ,สิ่งที่เกี่ยวกับวิน
สิ่งที่เกลียด : ศัตรูของวิน,คนคิดร้ายกับวินและวัต
นิสัย : เป็นคนจริงจัง มีความอดทนสูง รอบคอบพึ่งพาได้ ดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมที่มีรอยยิ้มการค้า เข้ากับคนอื่นง่าย แต่ไม่ไว้ใจใครซี้ซั้ว แต่ถ้ามาสนิทจริงๆจะรู้ว่าเสี่ยว และกวนขนาดไหน
งานอดิเรก : เป็นเงาวิน,หึงวินกับแมว
สเปคในดวงใจ : วินเท่านั้น!

ประวัติ(เท่าที่เจ้าตัวยอมบอก)
   เป็นเพื่อนกับวินตั้งแต่เรียนประถม เคยเลี้ยงวัตมาด้วยกัน รักวัตเหมือนน้องชายแท้ๆของตัวเอง ฝากฝังตัวเป็นลูกอีกคนของบ้าน ชินเปรียบเสมือนมือเท้าของวิน ตั้งแต่เด็กจนโตทั้งคู่ไม่เคยอยู่ห่างกัน นอกจากนอนคนละบ้าน มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่อยู่ห่างไกลคนละประเทศนานหลายเดือน และจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับชิน
   ฉายา ‘จิ้งจอก’ ได้มาจากคนอื่นๆในวงการตั้งให้ เพราะความเจ้าเล่ห์กับแผนการชั่วร้ายภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม ที่ทำให้คนกระอักตายมานักต่อนัก

Charm Online
คำสาป : จิ้งจอกดำเก้าหาง
Lv. 155
ลักษณะภายในเกม : เหมือนปกติ แต่มีหูและหางจิ้งจอกทั้งเก้าขนสีดำ สวมชุดยูกาตะสีดำ รองเท้าเกี๊ยะไม้ ที่คอมีเชือกถักแบบเชือกชิเมะนะวะตามศาลเจ้าพันอยู่ มัดเป็นโบว์กลับหัวด้านหลัง ตัวเชือกเป็นสีขาวแดง
ไอเทม :
   ชื่อ : ต่างหูกระดิ่ง
     ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv : 1
      คุณสมบัติ : ไม่มี

   ชื่อ : กำไลศิลา
   ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv. : 150
   คุณสมบัติ : เพิ่มพลังเวทมนต์ให้แก่ผู้สวมใส่ และสามารถเก็บของได้ 150 ช่อง
   
   ชื่อ : หน้ากากจิ้งจอก
   ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv. : 144
   คุณสมบัติ : เพิ่มพลังเวทมนต์ และพลังป้องกันทางเวทมนต์ 40% หากผู้สวมใส่เกี่ยวข้องกับจิ้งจอก จะช่วยเพิ่มค่าพลังทุกอย่าง 50%
   
ทักษะ : ทักษะแบ่งออกเป็น 2 แบบ 1.มาจากคำสาป 2.เรียนเพิ่มด้วยตัวเอง มีสองประเภท ติดตัวและแบบเรียกใช้
ประเภทติดตัว
   ใช้ฟันและเล็บเป็นอาวุธได้
   มองเห็นในที่มืด 100%
   ประสาทสัมผัสเพิ่มขึ้น 45%
   ความเร็ว 100%
   พลังเวทมนต์เพิ่มขึ้น 30%

ประเภทเรียกใช้
   ชื่อ : Kyubi no Yoko(จิ้งจอกเก้าหาง)
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 100
   สถานะ : เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 70%
      เพิ่มประสาทการได้ยิน และการดมกลิ่น 80%
      เพิ่มความทนทาน 5%
      เพิ่มพลังเวทมนต์ 20%
   รายละเอียด : สามารถเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกได้ตามขนาดที่ต้องการ หางจะเพิ่มทุกๆ 20 เลเวล จำนวนมากสุดเก้าหาง ทุกครั้งที่มีหางเพิ่ม พลังทุกอย่างในร่างกายจะเพิ่มขึ้น 10%

   ชื่อ : Kitsune
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 20
   สถานะ : ซัพมอน
   รายละเอียด : สามารถเรียกจิ้งจอกออกมาร่วมต่อสู้ได้ ความสามารถและจำนวนของจิ้งจอกจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนหางของผู้ใช้

   ชื่อ : ลูกไฟจิ้งจอก
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 175 (พัฒนาตามเลเวลผู้ใช้)
   สถานะ : เวทมนต์ธาตุไฟและวิญญาณ
   รายละเอียด : พลังโจมตีและการติดสถานะจากลูกไฟ จะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนหาง และสามารถใช้ในการชำระล้างคำสาปจากมอนสเตอร์ได้

อาวุธ :

   ชื่อ : พัดลูกตา
   ชนิด : อาวุธเวทมนต์
   Lv : 162
   สถานะ : เพิ่มพัทเวทมนต์ให้แก่ผู้ใช้
   พลังโจมตีเวทมนต์ 25,500
   ทักษะประจำอาวุธ : สร้างดวงวิญญาณใช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม

   ชื่อ : แส้อรพิษ
   ชนิด : แส้
   Lv : 162
   สถานะ : ทำให้ผู้ถูกโจมตีติดพิษ แต่ไม่สามารถติดพิษซ้ำได้
   พลังโจมตี 22,982
   ทักษะประจำแส้ : ควบคุมงูพิษระดับต่ำกว่าผู้เล่น 25 เลเวลได้

สัตว์เลี้ยง :

   ชื่อ : ผีเสื้อวิญญาณ
   ชนิด : สัตว์เลี้ยง
   Lv : 147
   สถานะ : มอนสเตอร์ธาตุวิญญาณ
   พลังโจมตี –ไม่มี-
   ทักษะประจำตัว : เรียกพวกพ้องสร้างภาพมายาในขอบเขตที่กำหนด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 22-07-2015 00:02:17
รอต่อไป สู้ๆ :ped149:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 22-07-2015 00:27:02
อ๊ายจะรออ่านต่อน่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-07-2015 09:33:19
กลแอบโหด ดาบแต่ละเล่มออฟสุดยอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-07-2015 10:13:34
เข้ามารอต่อนต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 23-07-2015 10:31:40
เซ็ตของกลโหดแท้
แต่อย่างที่โหวตไว้ค่ะ อ่านสเปคพี่ชินแล้วมันฟิน :katai1:
หึงวินกับแมวด้วยอ๊าาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-07-2015 23:31:09
อ๊ากกกกเขินนนนเรียกที่รักอีกสิจ๊ะ#โดนวัตถีบ :z10: :jul1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.26 ราชาแวมไพร์+ข้อมูลp.14 21/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 23-07-2015 23:45:05
สนุกมากๆเลยอ่ะ  o13
ว่าแต่คุณหัวหน้าแผนกบุคคลจะมีบทออกมาอีกหรือป่าว ชอบอ่ะเก่งเวอร์ดี
ตบตีกับพี่วินได้ด้วย ถ้าวัตล้มราชาแวมไพร์ได้แล้วให้มีบทโผล่ออกมาอีกได้ป่าว

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-07-2015 15:08:53
Lv.29 แรนดอม

   ความสูงของร่างกายค่อยๆ ลดลงพร้อมเรือนผมยาวสีทองกลับเป็นสั้นระคอ ผมกระพริบตารับกระจกจากลินมาส่องดูหน้าตัวเอง ดวงตากลับเป็นสีเทาตามเดิม

   “การยืมพลังจากราชาแวมไพร์สุดยอดเลยแฮะ เห็นแล้วฉันอยากไปทำสัญญากับบอสสักตัว”

   ไวไวมองการเปลี่ยนแปลงของเพื่อนตรงหน้า สิ่งที่ทำให้ผมมีพลังความสามารถเพิ่มขึ้นคือการยืมพลังมาจากลาส แถมยังทำให้ตัวโตผมยาวใส่ชุดเหมือนเจ้าตัว คล้ายๆ กับร่างอวตารราชาแวมไพร์ อารมณ์แบบได้เห็นตัวเองในอนาคตถือว่าไม่เลวเหมือนกัน

   “นั่นสิน้า” สามสหายมองแบบเพ้อๆ คงวาดฝันไปถึงร่างอวตารของตัวเองบ้าง

   “รีบๆ เก่งจะได้ไปลุยที่โหดๆ แล้วทำสัญญาไง” ลินปลอบใจทุกคนพลางวาดมือผ่านตัวยกเลิกการใช้โหมดเนโครแมนเซอร์ โครงกระดูกหายไปแทนที่ด้วยผิวหนังชุดคลุมอย่างพ่อมดหนุ่มตามปกติ สามสหายเฉาไปทันตาหลังฟังคำพูดของลิน เพราะหนทางนั้นยังอีกยาวไกล ผมมาได้ขนาดนี้เป็นเพราะมีแฟนเมพโดยแท้ ถ้าเกิดไม่มีกล ป่านนี้ผมกับพวกไวไวคงยังวนเวียนกันอยู่ทวีปต้น

   หมับ...

   หมาป่าขนเปลี่ยนสีจากยาย้อมของลินกลับร่างเป็นคนกอดผมจากทางด้านหลังแบบไม่อายฟ้าอายดินหรือสนเพื่อนในทีม แต่ละคนดูเหมือนจะชินกับเหตุการณ์ตรงหน้า เลยพูดคุยกันปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็นะ เจ้าพวกนี้ไปเห็นอะไรที่มันน่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้แล้วนี่

   “เห็นนายตอนโตแล้ว อยากขังนายไว้ในห้อง”

   น้ำเสียงเรียบเรื่อยแฝงความเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ผมตบหัวหมาป่าปุ๊ๆ

   “ฉันเรียนจบก็ต้องทำมาหากินสิ อยู่เฉยๆ เดี๋ยวอดตายพอดี”

   “ฉันมีปัญญาเลี้ยงนายตลอดทั้งชีวิต”

   หมาป่าหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ มาคลอเคลียเหมือนหมาขาดความอบอุ่น ผมกลอกตาระอา ไวไวเปลี่ยนเสื้อใส่หน้ากากอันเดิมเหล่มองทางผม

   “ทางนั้นจะตั้งแคมป์หรือหาที่ส่วนตัวเลยมั้ย”

   “อิจฉาเหรอ ไม่ต้องหรอก นายก็มีฉันไง” ลินเห็นไวไวประชดพวกผมด้วยความหมั่นไส้ มือคว้าหูยาวของกระต่ายมาจุ๊บเบาๆ เรียกเสียงโวยวายไปอีกชุดใหญ่ แถมมีการเทศนาเรื่องไม่สมควร นับวันไวไวคล้ายจะเป็นพ่อลินขึ้นทุกที ปกติมีแต่เขาบอกมีเมียเหมือนมีแม่ งานนี้คงมีแฟนเหมือนมีพ่อ

   “ถ้าพวกพี่ไม่มีอะไร พวกเราขอตัวเลยแล้วกัน” ดาลี่ออกตัวเตรียมเผ่นหนี ผมแงะหมาป่าออกจากตัวคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ด้วยรอยยิ้มแสนใจดี

   “ให้พวกเราไปลุย ยังไม่จ่ายค่าเหนื่อยจะรีบไปไหนกัน เราไปทำภารกิจกันต่อดีกว่า ได้แรงงานมาตั้งสามคน”

   ผมหัวเราะกอดคอดาลี่กันมันหนี อีกสองคนตามรุ่นพี่ ที่เหลือยักไหล่แบบผมว่าไงว่าตามกัน ลินยังคงตามแหย่ไวไวไปตลอดทาง พอเจอแม่น้ำ กลขอตัวไปล้างยาย้อมขน พวกเรานั่งทำอาหารทานมื้อเที่ยงแล้วออกเดินทางอีกครั้ง

   ระหว่างทางมีเจอพวกโจรบ้างมอนสเตอร์บ้าง ผมลุยได้เต็มที่โดยไม่ต้องห่วงว่าไม่มีใครฟื้นฟูพลังให้เพื่อนร่วมทีม คราวก่อนมีน้ำ รอบนี้มีดาลี่สบายผมดีจริงๆ เราจงใจเลือกทางลัดตัดผ่านป่า ด้วยระดับมอนสเตอร์แถวนี้กับเลเวลของพวกเรา ไม่คณามือแถมยังได้เงินได้ของจากพวกมอนสเตอร์และคนติดกระเป๋าไปขาย

   ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน เรามาถึงหมู่บ้านเป้าหมาย มันเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก สร้างบ้านด้วยดินรอบด้านเป็นหนองน้ำ ชาวบ้านทุกคนแต่งตัวปกติ แต่บนใบหน้ามีเกล็ดเรียงคล้ายเกล็ดงู ผมพอจะเข้าใจการดีไซน์เข็มกลัดที่ใช้สำหรับภารกิจแล้วล่ะ

   “สวัสดีนักผจญภัย ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านนาคาของเรา”

   ชายที่ดูจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเดินออกมารับกล่าวด้วยรอยยิ้มเห็นฟันคมกริบ สามสหายแอบสะดุ้ง ผมมองอย่างสนใจ เผ่างู? ไม่แน่ว่าที่นี่อาจจะมีวิธีรับคำสาปงูก็เป็นได้ คำสาปในเกมนี้มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่พวกเผ่าวิเศษมีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย มันอยู่ที่ลักษณะนิสัยแต่ละบุคคลกับการเลือกสไตล์ของตัวเอง

   อย่างกรณีของผมเป็นแวมไพร์ตายตัว ไม่มีอื่นใดประยุกต์ไม่ได้มาก แต่ถ้าเป็นคำสาปอย่างดาลี่ที่บอกแค่ว่าเป็นนักดนตรี เจ้าตัวสามารถเลือกใช้เครื่องดนตรีเองได้ว่าจะเอาสไตล์ไหน ที่เจ้าตัวเลือกใช้คือพิณ แต่ถ้าหยิบฉาบมาให้ก็ใช้ได้ ถือว่าเกมนี้ให้อิสระผู้เล่นอย่างแท้จริง

   ผมสังเกตเห็นว่าบริเวณนี้ไม่มีผู้เล่นอยู่เลย ทั้งที่ปกติเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองน้อยใหญ่ หมู่บ้านเล็กแค่ไหน ต้องมีผู้เล่นเดินซื้อของในเมือง ตีมอนสเตอร์รอบนอก มากน้อยแล้วแต่สถานที่

   “ไม่มีนักผจญภัยอย่างพวกเราอยู่เลยเหรอครับ” นักผจญภัยเป็นคำที่ใช้เรียกแทนเหล่าผู้เล่นในเกม เพราะพวกเขาปักหลักอยู่กันเป็นที่ ทำงานส่วนของตัวเอง มีแต่พวกผู้เล่นเดินทางไปที่นู่นที่นี่

   “หมู่บ้านแห่งนี้ถูกปิด ผู้ที่เข้ามาได้ต้องมีเข็มกลัดสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน”

   “มันหายากมากเลยสินะ” ไวไวถามอย่างเข้าใจ แบบนั้นก็ไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีใครมาตีมอนหาของแถวนี้

   “ไม่นะ มันมีขายทั่วไป แถมราคาไม่กี่ทองเอง ถ้าคนที่เล่นมาระยะหนึ่งหาเงินซื้อได้สบายๆ” พ่อมดหนุ่มหยิบเข็มกลัดรูปงูที่เก็บไว้ขึ้นมาดู พวกเราทุกคนมองไปทางหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความแปลกใจ เขาหัวเราะเสียงแหบคล้ายงู

   “คงไม่ใช่ว่าพวกคุณชอบจับผู้เล่นมากินหรอกนะ คนถึงไม่เข้ามากัน” ไม้หรี่ตามองไม่ไว้ใจ มือจับขวานเตรียมพร้อม

   “ใจเย็นเพื่อน ให้ผู้ใหญ่บ้านอธิบายก่อน” หนึ่งผายมือไปทางชายเผ่างู เขายิ้มเชิญพวกเราเข้าไปนั่งคุยในบ้านของเขา ทุกคนสบตากัน ผมพยักหน้าให้ทุกคนตามไป ไม่แน่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจก็ได้

   บ้านของเขาขนาดพอๆ กับหลังอื่น แต่พื้นที่ภายในเยอะกว่า มีโต๊ะกลมอยู่กลางบ้าน นั่งได้ประมาณสิบคนนับรวมกับที่นั่งประจำของเจ้าตัว ผมเลิกคิ้วมอง สำรวจทุกอย่าง

   “เชิญตามสบาย ขอเข็มกลัดด้วย” ลินวางของที่อีกฝ่ายต้องการไว้ตรงหน้า ทันทีที่เขาหยิบไป งูบนเข็มกลัดดูเหมือนมีชีวิต มันชูคอขึ้นแผ่แม่เบี้ย ดวงตาประดับอัญมณีทั้งสองข้างเกิดแสงสว่างจ้า พอแสงหายไปมันกลับเป็นเข็มกลัดธรรมดาตามเดิม ชายเผ่างูเก็บเข้ากระเป๋าตนเองมองพวกเราด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ

   ชื่อ : ภารกิจปกป้องหมู่บ้านนาคา
   ข้อมูล : นำเข็มกลัดนาคามอบให้หัวหน้าเผ่าและสังหารมอนสเตอร์พังพอนทั้งหมดตามคำขอร้องจากหัวหน้าเผ่า
      ทุกคนที่รับภารกิจจะต้องถูกสลับคำสาปกับคนในปาร์ตี้จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น
   เงื่อนไข : ปาร์ตี้ไม่เกิน 9 คน
      ไม่กำหนดระยะเวลาในการทำ
      หากออกจากหมู่บ้านภารกิจจะถูกลบทิ้งทันที
   รางวัล : ค่าประสบการณ์ 788,420
      ทักษะสายมืดประจำเผ่านาคา
      สามารถเปลี่ยนหรือยกเลิกความเป็นเผ่านาคา
      ซื้อของในหมู่บ้านราคาต่ำลง 3%
      ซื้อของเฉพาะเผ่านาคาได้ (สำหรับผู้ไม่ได้เป็นเผ่านาคา)

   คุณต้องการรับภารกิจหรือไม่
   - รับ
   - ปฏิเสธ
   *หมายเหตุ หากปฏิเสธจะถูกส่งออกจากหมู่บ้านทันที ผลจากสกิลสลับคำสาปจะยังคงอยู่จนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จและต้องนำเข็มกลัดนาคาชิ้นใหม่มาใช้ในการรับภารกิจอีกครั้ง

   พวกเราอ้าปากค้างกับหน้าต่างที่ปรากฎตรงหน้า รีบสำรวจตัวเองและเพื่อนร่วมทีมก่อนเป็นอันดับแรก

   ผมเป็นนักดนตรีแทนดาลี่
   ดาลี่เป็นกระต่ายแทนไวไว
   ไวไวเป็นแมวย่องเบาแทนหนึ่ง
   หนึ่งเป็นยักษ์แทนไม้
   ไม้เป็นพ่อมดแทนลิน
   ลินเป็นหมาป่าแทนกล
   กลเป็น... แวมไพร์แทนผม!

   วอดวาย วอดวายแน่ๆ ต่างคนต่างเปิดหน้าต่างสกิลขึ้นมาดู ถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกเว้นสกิลที่ทุกคนเรียนเสริมต่างหากไม่ได้รับมาจากคำสาปตอนเริ่มเกม มิน่าถึงไม่กำหนดเวลา ไม่งั้นถูกสลับเป็นอาชีพที่ไม่คุ้ยชินแบบนี้ คงทำภารกิจสำเร็จยากถ้าไม่ฝึกลองใช้เสียก่อน

   คำนวณดูดีๆ รางวัลที่ได้รับไม่เลวเลยทีเดียว แม้ค่าประสบการณ์ไม่มากและต้องหารตามจำนวนคนในปาร์ตี้ก็ตาม ทักษะสายมืดนั่นเป็นเป้าหมายของพวกเราอยู่แล้ว แต่การซื้อของเผ่านาคาได้นี่น่าสนใจ มันก็บอกอยู่ว่าซื้อได้เฉพาะคนเป็นเผ่านาคา แสดงว่าต้องมีความพิเศษบางอย่างและไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป หากพวกเราซื้อแล้วเอาไปขายคงได้กำไรไม่น้อย เผลอๆ อาจได้ของดีราคาถูกที่คนอื่นหาเลือดตาแทบกระเด็น

   “ฉันคิดว่าพวกเรารับทำไปเถอะ เรื่องคำสาปสลับไว้เดี๋ยวฝึกสักหน่อยก็ชิน อีกอย่าง ภารกิจนี้บังคับให้เราทำแบบมัดมือชก ในเมื่อปฏิเสธไปสุดท้ายก็ต้องกลับมาทำสักวันอยู่ดี ถ้ายังอยากได้คำสาปประจำตัวคืน” ผมพูดพลางเหล่ตามองหัวหน้าเผ่างูที่ทำหูทวนลมราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

   ความจริงมีทางแก้อยู่ ปฏิเสธภารกิจนี่ซะ สะบัดก้นออกจากหมู่บ้าน ตระเวนลบคำสาปของแต่ละคน แล้วไล่รับคำสาปใหม่ ซึ่งมันวุ่นวายมาก เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน พวกเราไม่มีเวลาขนาดนั้น เพราะหลังจากทำภารกิจเสร็จต้องไปแข่งกิลด์ต่อ หนทางที่สั้นรวดเร็วที่สุดคือรีบทำภารกิจให้มันจบๆ ไป

   “รับทำดีกว่า เรามาเพื่อเอาทักษะที่เป็นรางวัลภารกิจอยู่แล้ว อีกอย่างฉันสนใจเรื่องซื้อของเผ่านาคาน่าจะมีวัตถุดิบในการปรุงยาบางตัว” ลินผู้เป็นพ่อมดโดยสายเลือดเห็นด้วยกับผม คนอื่นๆ ไม่มีทางเลือกพยักหน้ารับไปตามๆ กัน แต่ละคนไม่อยากไปลาดตระเวณหาคำสาปของตัวเองหรอก ผมรู้แล้วว่าไปรับกับราชาแวมไพร์ แต่คนอื่นล่ะ ไม่อยากจะนึก จะให้เปลี่ยนของยกเซ็ตเพื่อคำสาปใหม่สิ้นเปลืองสุดๆ แถมคำสาปตั้งแต่เริ่มเกมมันถูกสุ่มมาให้เหมาะกับผู้เล่นอยู่แล้วด้วย มีส่วนน้อยมากที่คิดเปลี่ยนคำสาปตั้งแต่แรกของตัวเอง อย่างมากก็สไตล์ลิน เรียนเป็นอาชีพเสริมเอา

   ผมกดปุ่มรับภารกิจ เจ้าบ้านยิ้มกว้างโชว์ฟันคมให้สะดุ้งกันอีกรอบ พลางเชื้อเชิญเราซะดิบดี ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครเฉียดใกล้ หรือเข้ามาในหมู่บ้านนาคา

   “เชิญพักผ่อนตามสบาย ที่นี่มีห้องพักเหลือเฟือ ภารกิจจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พวกท่านพร้อม”
   
   เสียงถอนหายใจแบบประสานดังขึ้น ยกเว้นกลคนเดียวยังคงทำตัวเป็นรูปปั้นหมา ไม่สิ เป็นรูปปั้นแวมไพร์ได้อย่างเหนียวแน่น อันดับแรก เราแยกกันไปสำรวจห้องของตัวเองก่อน ถึงจะบอกว่าห้องเหลือเฟือ จริงๆ มีแค่ห้า แยกไปห้องละสอง ยกเว้นไม้ชิวสบายได้นอนห้องคนเดียว หลังจากเป่ายิ้งฉุบชนะหนึ่งกับดาลี่

   จับจองที่ซุกหัวนอนเสร็จ เราเคลื่อนพลไปหามอนสเตอร์ใกล้ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่พวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเพื่อทดลองใช้สกิลที่แต่ละคนได้ ทุกคนสลับอาวุธให้กันชั่วคราวระหว่างสอนคนที่ได้คำสาปตัวเองใช้ทักษะต่างๆ ตอนแรกทุลักทุเลกันบ้าง ผ่านไปสักพักเริ่มชิน ตามประสาพวกติดเกมเคยลองเล่นมาหลายรูปแบบ

   คนที่มีปัญหาน้อยที่สุดคือลิน พักหลังเจ้าตัวเน้นใช้อาชีพเสริมเนโคแมนเซอร์เป็นหลัก ซึ่งมันยังอยู่กับเจ้าตัวไม่ถูกสับเปลี่ยน ส่วนคนที่ไม่มีปัญหาเลยเป็นกลอีกตามเคย เจ้าตัวแค่เปิดสกิลผมดูผ่านๆ แล้วก็ปิดมายืนเก๊กหล่อให้ชาวบ้านหมั่นไส้

   เราใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการศึกษาและฝึกใช้ ลองลุยแบบปาร์ตี้ผลลัพธ์ออกมาไม่ขี้เหร่นัก โชคดีพวกพังพอนเลเวลแปดสิบกว่า เราเวลร้อยขึ้นทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวล ปัญหามันอยู่ที่สภาพร่างกายต่างหาก

   ลินเป็นหมาป่าไล่ฟัดไวไวหนักกว่าเดิม ขนาดไวไวมันพองขนหางขู่แล้วขู่อีกยังไม่เป็นผล ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ไอ้กระต่ายถึกเพื่อนผมมันชักจะเริ่มมุ้งมิ้งขึ้นทุกวัน สงสัยเป็นผลจากออฟชั่นหูหางแมวมั้ง ต้องใช่แน่ๆ ผมคิดมากไปเอง ทางหนึ่งที่เกิดตัวสูงใหญ่ผิดจากเดิม เดินชนกิ่งไม้หรือป้ายในหมู่บ้านเป็นว่าเล่น คงยังไม่ชินกับส่วนสูงกับความถึกในร่างยักษ์ ไม้ยังชิวๆ เจ้าตัวบอกว่าเคยเล่นเป็นอาชีพพ่อมดในเกมอื่นมาก่อน แค่เรียนรู้เพิ่มนิดหน่อยสบายมาก ดาลี่ได้คำสาปกระต่าย ขยันกระโดดโลดเต้นดูจะติดอกติดใจ เหมาะกับมันดี

   และผม อาชีพนักดนตรีก็ไม่เลวร้ายอะไร สกิลส่วนใหญ่เน้นการช่วยเพื่อน ผมชินแล้วจากการเป็นคนเพิ่มเลือดให้ทุกคนในทีมมาตลอด จนมาพักหลังๆ ถึงได้ทำตัวเป็นคนโจมตีบ้าง ที่สำคัญมีสกิลหนึ่งน่าสนใจ ดาลี่เจ้าของคำสาปมันใช้สกิลนี้ไม่ได้ แต่สำหรับผมสบายมาก หึหึ

   “พวกเราไปพักกันก่อนเถอะ แล้วเริ่มภารกิจพรุ่งนี้เลยจะได้จบๆ” ไวไวออกความเห็นพลางเอามือยันหน้าลินให้ออกห่าง ผมมองด้วยสายตาว่างเปล่า พ่อมดไม่สิหมาป่าเวอร์ชั่นหัวทอง เธอรู้รึเปล่า ทุกวันนี้ผมลืมไปแล้วว่าเธอคือผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย หรือแท้จริงแล้วสองคนนี้โดนคำสาปอะไรบางอย่างทำให้นิสัยใจคอสลับกัน? โอ้ เพื่อนผม โตเป็นสาว

   “ผมต้องการยาทาหัวด่วนเลย” หนึ่งโอดโอย มีไม้กับดาลี่จิ้มย้ำหัวปูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ซ้ำเติมกันดีจริงๆ ผมกวักมือเรียกหนึ่งมาใกล้ๆ แล้วบรรเลงพิณบทเพลงสั้นๆ หัวปูดยุบหายเป็นปลิดทิ้ง หนึ่งได้ทีหันไปแขวะใส่พี่รหัสตัวเอง

   “พี่ดาลี่ไม่ได้เรื่อง ดูพี่วัตเป็นตัวอย่างซะมั้ง ฝึกแค่หนึ่งวันสกิลแสดงผมดีกว่าพี่ที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มอีก”

   โป๊ก!

   ยักษ์หนึ่งโดนดาลี่เขกหัวไปที คราวนี้ผมถอยไม่รักษาให้ถือว่าปากทำตัวเองโดยแท้ ขณะที่กำลังคุยกันเพลินๆ จู่ๆหมาป่าเอ๊ยแวมไพร์ นี่ผมชักสับสนเองแล้ว

   กลคว้าแขนผมดวงด้วยดวงตาไหววูบเจือสีแดง ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นอะไร ในเมื่ออาการแบบนี้มันเป็นเหมือนกับตอนที่ผม... ต้องการเลือด

   “ฉันขอตัวก่อนนะ” สามสหายมองผมอย่างแปลกใจ ลินไวไวชินแล้วพยักหน้ารับโบกมือไล่แล้วหันไปหยอก(?)กันต่อ ผมเดินนำกลับมาที่ห้องพัก ประตูเพิ่งปิดลง กลขยับเข้ามากอดผมทั้งตัว วงแขนแกร่งโอบเอวแนบชิดกายจนรู้สึกถึงอุณภูมิจากอีกฝ่าย กลใช้มือหนาช้อนท้ายทอยให้ผมแหงนหน้าขึ้น คอเสื้อถูกแหวกออกจนเห็นลำคอ ดวงตาของกลเปลี่ยนเป็นสีแดง

   จมูกโด่งซุกไซร้แลบปลายลิ้นเลียคล้ายกับตอนที่ผมดูดเลือดเขา แต่ความรู้สึกของการเป็นฝ่ายถูกกระทำมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมกำเสื้อกล รู้สึกใจเต้นรัว เสน่ห์บางอย่างแผ่ออกมาจากร่างของชายตรงหน้า ลมหายใจถูกเป่ารดลำคอให้ขนลุกซู่ไปทั่วร่าง

   ให้ตาย... กลเวอร์ชั่นแวมไพร์สะท้านใจผมชะมัด

   เขารู้ว่าผมกำลังเกร็งด้วยความตื่นเต้นเลยแกล้งหยอกเย้าไม่ยอมลงเขี้ยวสักที ผมทุบหลังเขาอย่างประท้วง ได้ยินเสียงหัวเราะเย็นในลำคอ พอผมผ่อนอาการเกร็งปุ๊บ คมฟันกดลงบนผิวเนื้อทันที ผมสะดุ้งความเจ็บแปลบแล่นพล่านไปทั่วร่าง คิดจะขยับหนีตามสัญาตญาณ แต่กลล็อกเอวกับท้ายทอยผมไว้แน่น กลิ่นคาวเลือดกับเสียงดูดกลืนของเหลวข้างหู บ้าเอ๊ย เกมนี้จะทำสมจริงเกินไปแล้ว

   ดูดกลืนไม่เท่าไหร่ อีกคนกลับผละหน้าออก โอบผมพาไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแล้วขยับตัวเข้ามาทาบทับ ท่อนบนถูกถอดออก เลือดสีแดงตัดกับสีผิวไหลจากลำคอยาวมาถึงอก กลยิ้มอย่างพึงพอใจ เสียงทุ้มแหบพร่าชวนละลายเอ่ยปากออกมา

   “คิดไว้นานแล้ว ถ้าฉันได้เป็นฝ่ายกัดและกลืนกินนายบ้างจะเป็นไงนะ ตอนนี้ความฝันเป็นจริง ขอเล่นสนุกให้เต็มที่หน่อยเถอะ”

   อือหือ เสียงนี้ท่านได้แต่ใดมา หื่นสลัด ไม่ใช่แค่เสียง เอ็งเช็คสีหน้าตอนนี้ด่วน ทำหน้าเหมือนจะกลืนกินผมทั้งตัวอย่างที่ปากว่าจริงๆ ใจเย็นก่อนน้องเอ๋ย มือยกมือปางห้ามญาติ คนโดนห้ามไม่รู้สึก ยังมีหน้ามาแลบลิ้นเลียมือ ได้ข่าวตอนนี้เปลี่ยนเป็นแวมไพร์หรือกำลังสับสนในชีวิต?

   “หยุด! กินพออิ่ม ห้ามทำเกินเลย แหนะ! ไม่ต้องมาชักสีหน้า ถึงจะปลุกให้ตายมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก ในเมื่อพี่วินตัดระบบความรู้สึก 18+ ทิ้งไปแล้ว”

   “ดูดเลือดไปก่อน ไว้ค่อยไปทำในโลกจริงเนอะ” มาแล้วโหมดอ้อนที่จะเกิดขึ้นเฉพาะตอนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง อย่ามาทำตาหวานเชื่อม ไม่หลงกลหรอก หึ! วัตซะอย่าง ให้มันรู้เสียบ้างว่าไผเป็นไผ

   “พี่วัต กลหิว ขอหน่อยนะ ไม่สงสารกลเหรอ”

   อึก... เด็กแม่งร้าย

   “พี่วัต” กูตายยย ครั้งแรก ครั้งแรกที่กลเรียกผมว่าพี่! ได้โปรดเอารูปปั้นคืนมา เอาไอ้เด็กขี้อ้อนนี่ไปเก็บด่วนก่อนที่ผมจะ... ใจอ่อน เออ! ยอมแล้ว จะอะไรก็ยอม

   พอเห็นผมนิ่งไม่ปฏิเสธอีก ดวงตาสีแดงพราวระยับอย่างขบขัน ยื่นหน้ามากระซิบข้างหูแล้วงับเบาๆ ฮึ่ย น้ำลาย!!

   “ชอบให้เรียกพี่เหรอ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ พี่วัต”

   “พอ! จะดูด จะกินอะไรก็รีบทำเร็วเข้า ก่อนพี่จะเปลี่ยนใจนะน้องกล” คนตรงหน้าหัวเราะลั่น น้อยนักที่กลจะหัวเราะแบบนี้ ส่วนใหญ่จะชอบหัวเราะแบบชั่วร้ายในคอ

   ลิ้นนุ่มไล้เลียเลือดที่ไหลเป็นทางยาวจนหมด พร้อมเลียห้ามเลือดเสร็จสรรพ ก่อนปฏิบัติการตามใจฉัน ใช้เขี้ยวเจาะจุดที่ชอบจนผมพรุนไปทั้งตัว อายก็อาย ยังมีเสียงเด็กบ้าตามมาหลอกหลอนอีก กว่าจะพอใจได้ ไม่อยากจะนับว่าผมมีรูบนตัวกี่รู ต้องขอบคุณที่ตอนนี้พวกเราอยู่ในเกม อะไรๆ มันเลยไม่ตื่น แถมพอผมดื่มยาฟื้นฟูพลัง รูทั่วร่างหายเป็นปลิดทิ้ง ได้ยินเสียงจิ๊ในคออย่างขัดใจจากแวมไพร์ตัวดำ

   ผมยื่นมือไปใช้นิ้วชี้กับกลางหนีบจมูกโด่งๆ ด้วยความหมั่นไส้ ความรู้สึกตอนโดนดูดเลือดมันไม่น่าพิศสมัยเลยสักนิด ตลอดเวลาที่ผ่านมากลไม่เคยบ่นเลยสักคำ แถมยังดูจะชื่นชอบการถูกยุงหัวทองอย่างผมสูบเลือด หรือลึกๆ แล้วแฟนผมจะเป็นมาโซ บ้าน่า อย่างกลไปไล่เชือดชาวบ้านเหมาะกว่า

   “เหม่ออะไร” น้ำเสียงห้วนได้อีก ไอ้ก่อนหน้านี้มันคืออะไรวะครับ

   “กำลังคิดว่าพอคำสาปกลับเป็นแบบเดิมฉันจะไม่กระโดดกัดคอนายอีก”

   “ทำไม”

   “มันเจ็บอะ ถึงนายจะความอดทนสูง แต่มันก็เจ็บอยู่ดีปะ”

   “ตอนหิวล่ะ เลือดมอนสเตอร์?” กลเลิกคิ้วมองผมที่กำลังใส่เสื้อผ้ากลับตามเดิม

   “จะบ้าเรอะ ขนาดไม่ลองยังรู้เลยว่าเลือดพวกนั้นห่วยแตกแน่ๆ ดีไม่ดีบางตัวเลือดเป็นพิษซวยอีก”

   “แล้วจะทำยังไง”

   ผมลูบหูแหลมของกลเล่น เสียดายไม่มีหางให้ฟัดเหมือนเดิม

   “คงขอบริจาคคนอื่นมั้ง อย่างไวไวอะไรงี้” คิ้วเข้มขมวดมุ่น ผมใช้นิ้วชี้ไปยีออก เดี๋ยวตีนกาขึ้นก่อนวัยอันควรพอดี กลหันหน้าหนีไม่ให้ผมจิ้มเล่นต่อ

   “ไม่ได้ หวง!”

   จบข่าว คำเดียวชัดเจนทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกประเด็นเลยเชียว เอาเถอะเจ้าตัวเต็มใจขนาดนี้ ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน หลังๆ พอเลเวลสูงเริ่มควบคุมการกระหายของตัวเองได้ดีขึ้น จากทุกทีต้องดื่มทุกวันเป็นสองสามวันครั้ง กลเงียบ ผมเงียบ ก่อนเขาจะถอนหายใจยาว

   “เบื่อมั้ยที่ฉันเอาแต่ใจ” อีกคนไม่ยอมสบตา คำถามเหมือนพูดลอยๆ แต่น้ำเสียงแฝงความเป็นกังวล ผมหัวเราะกุมมือหนาที่วางอยู่บนเตียง

   “ชินแล้ว อย่างนายมันเด็กๆ ถ้าเทียบกับพี่วินล่ะก็นะ” ปกติลูกคนเดียวหรือลูกคนเล็กจะเอาแต่ใจ บ้านผมไม่ใช่แบบนั้น พี่วินถูกพี่ชินตามใจจนเคยตัว แถมที่บ้านยังเลี้ยงลูกแบบปล่อยอิสระ ยิ่งผมเป็นพวกง่ายๆ อะไรก็ได้ ส่วนใหญ่พี่วินเลยเป็นคนตัดสินใจหมด เว้นแต่ผมต้องการอะไรจริงๆ พี่วินจะยอมรับฟังโดยดี

   กลนิ่งไปสักแปบ คงกำลังนึกถึงบุคคลที่ถูกพาดพิง เขาพยักหน้า

   “ก็จริง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุและผล ที่บริษัทไม่ค่อยมีใครขัดเพราะมันไม่ได้ส่งผลเสียอะไร”

   อืม ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรและคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือพี่วิน กรณีของพี่ชินคือรู้และเต็มใจทำตาม ส่วนคนอื่น ผมคิดว่าตามพี่วินไม่ทันแหง มากสุดแค่สงสัย พอผ่านไปสักพักคงโดนพี่วินหลอกล่อจนลืมไปเอง ในเมื่อคนที่รู้ทันลูกเล่นพี่วินมีนับนิ้วได้ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีผมกับพี่ชิน

   “นายพลาดแล้วกล หนทางที่นายจะตามทันอาจารย์ตัวเองยังอีกยาวไกลนัก พยายามเข้านะ” ผมตบบ่ามองกลด้วยสายตาเอ็นดู กลไม่พอใจนิดหน่อย ปกติเขาดูเป็นผู้ใหญ่ เว้นเวลาอยู่กับผมหรือครอบครัวที่จะเผยด้านเด็กออกมาบ้าง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชอบให้ทำเหมือนเจ้าตัวเป็นเด็กอยู่ดี พ่อเด็กเอาใจยากเอ๊ย

   ภารกิจเริ่มต้นขึ้นในวันถัดมา พวกผมตื่นตอนเช้าทานอาหารจนเต็มอิ่ม เพราะกองทำต้องเดินด้วยท้อง ส่วนวิธีเริ่มภารกิจไม่ยาก แค่เดินไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านก็พอ

   “พังพอนจะเข้ามาจากทุกทาง ดีที่หมู่บ้านมีขนาดเล็ก พวกเราแค่เจ็ดคนไม่ต้องวิ่งกันขาขวิด ลินใช้ร่างหมาป่าลากพวกมันมากองรวมกันตรงหน้าหมู่บ้าน หลังจากนั้นหนึ่งเข้าไปดึงพวกมันไว้เพราะตอนนี้นายพลังป้องกันสูงที่สุดในทีม ส่วนคนที่เหลือโจมตีใส่พังพอนให้หมด ฉันจะเป็นคนคอยเพิ่มเลือดให้พวกนายเอง”

   ผมบอกแผนการที่คิดเอาไว้เมื่อคืน ลินเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นหมาป่า วิธีแบบเดียวกับกล แต่ขนเป็นสีทองสว่างเหมือนสีผมดูสวยสง่าไปอีกแบบ

   ผมดีดพิณเป็นเพลงเพิ่มค่าสถานะให้กับทุกคนในทีม แล้วปล่อยทุกคนไปประจำที่

   “ลิน ถ้าเกิดเลือดใกล้หมด ให้เลิกลากแล้ววิ่งมาทางพวกเรานะ” ผมสั่งกำชับ งานนี้ถ้าใครคนหนึ่งในทีมตายต้องเริ่มใหม่หมด ถือว่าเป็นเควสที่โหดหินเอาเรื่องกับเงื่อนไขต่างๆ เมื่อทุกอย่างพร้อม การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

   หมาป่าสีทองออกวิ่งทันทีที่เห็นพังพอนในสายตา พวกมันตัวใหญ่เท่ากับสิงโตบุกเข้ามาจากทุกด้าน ไม้กระแทกคทาหัวกระโหลกที่ยืมจากลินบนพื้น เกิดวงเวทขนาดใหญ่ เสียงร่ายมนต์ดังยาวพร้อมๆ กับมีโดมสีดำคลุมหมู่บ้านให้ตกอยู่ในความมืด สกิลนี้ลินเคยใช้ตอนแข่งขันกิลด์รอบแรก

   ถือเป็นการกันมอนสเตอร์ไม่ให้หลุดเข้าไปในหมู่บ้าน แค่เพียงไม่กี่นาที หมาป่าสีทองวิ่งมาพร้อมกับพังพอนสิบกว่าตัว สมทบกับสองตัวที่บุกเข้ามาทางหน้าหมู่บ้าน หนึ่งใช้สกิลโจมตีหนักเป็นวงกว้าง สร้างดาเมจสูงๆ ดึงให้มอนสเตอร์พวกนั้นมาสนใจตัวเอง

   กล ไวไว ดาลี่ และไม้ผลัดกันโจมตีใส่ฝูงพังพอน ผมบรรเลงพิณตลอดไม่ให้ขาดช่วง โดยมีกลคอยสร้างดาเมจให้พวกมอนสเตอร์และคอยคุ้มครองผมอยู่ข้างๆ

   “ชุดแรกใกล้หมดแล้ว ฉันว่ามันน่าจะมาแบบเป็นระลอก ลินเตรียมตัวไปลากอีกรอบ หนึ่งถอยออกมาเพิ่มเลือดก่อน กลช่วยไปแทนที่ที”

   ผมสั่งพลางใช้เวทฟื้นฟูเลือดแบบคนเดียวแต่ได้เยอะที่สุดจากทุกสกิลที่มีใส่หนึ่ง ระหว่างที่กลเข้าไปแทนตวัดเคียวของผมฟาดฟันมอนสเตอร์สลับดูดเลือดมาเพิ่มให้ไวไวกับดาลี่ที่โจมตีใส่มอนอยู่ พอลินกลับมาพร้อมพังพอนล็อตใหม่ หนึ่งกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิม

   พวกเราทำแบบนั้นเรื่อยๆ แต่ละรอบมอนสเตอร์เริ่มเยอะขึ้น กระทั่งพังพอนตัวสุดท้ายของรอบที่ห้าตายลงไป ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบแบบที่บ่งบอกว่าอีกไม่นานบอสจะโผล่มา

   “ต่อจากนี้คิดว่าพวกมอนสเตอร์คงมาแบบฝูงใหญ่พร้อมบอส ลินไม่ต้องลาก ไม้ปลดเวทคลุมหมู่บ้านออกซะ”

   หมาป่าสีทองกลับเป็นร่างชายหนุ่มรูปงามตามเดิม ไม้ลังเลแต่ก็ยอมถอนเวทคืนตามคำสั่ง

   “มั่นใจนะพี่” เจ้าตัวถามอย่างเป็นกังวล ผมหัวเราะหึ ดวงตาตวัดมองชาวเผ่านาคาที่ชะโงกออกมาจากบ้านของตัวเอง ไวไวหัวเราะรู้ทันว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

   “อย่าห่วงเลย วัตมันมีแผน ร่ายมาเลยหัวหน้าปาร์ตี้ จะให้พวกเราทำอะไร”

   ไวไวตบบ่ารุ่นน้องหันมามองผม หน้าภายใต้หน้ากากคงกำลังยักคิ้วยิ้มมุมปากใส่ผมชัวร์ ตามประสาเพื่อนรักที่ร่วมมือกันทำเรื่องชั่วมานักต่อนัก

   “พอบอสออกมา เราจะช่วยกันลากมันไปกลางหมู่บ้านและปักหลักสู้ที่นั่น ทุกคนมีอะไรงัดออกมาใช่ให้หมด คราวนี้ได้มันแบบนรกแตกแน่นอน”
   
   “เฮ้ย พี่! แล้วคนในหมู่บ้านล่ะ เขาบอกให้เราปกป้องหมู่บ้านนะ ไม่ใช่ลากมอนเสอตร์ไปช่วยถล่ม” ดาลี่ขัด มีหนึ่งยกมือเสริมอีกคน

   “นั่นสิ ถึงผมจะรู้สึกว่ามันน่าสนุกก็เถอะ แบบนั้นภารกิจเราจะไม่ล่มเอาเรอะ”

   “ภารกิจบอกให้ฆ่าพังพอน” กลเอ่ยเสียงเรียบ ลินทุบมือปุ

   “ใช่แล้ว ชื่อมันบอกว่าปกป้องหมู่บ้านก็จริง แต่เงื่อนไขแค่ให้ฆ่าพังพอนทั้งหมดเท่านั้น อีกอย่างหมู่บ้านนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นถึงเผ่านาคาผู้ชำชองเรื่องเวทมนต์และการต่อสู้ในระยะประชิด ไม่เลวเลย บางทีนี่อาจจะเป็นจุดประสงค์หลักของภารกิจก็ได้” จบคำพูดลิน ทุกคนมองผมด้วยสายตาชื่นชมยกเว้นกลกับไวไว มันหันหน้าหนีไปทางอื่น กลั้นหัวเราะจนตัวสั่น ผมกระตุกหางมันอย่างเคืองๆ โดนมันหันมาขู่ใส่ เฮอะ กลัวตายล่ะ น่ากลัวไม่ได้ขี้เล็บพี่วินตอนอดนอน

   “มันไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น แค่หมั่นไส้พวกชาวนาคาที่มัดมือชกพวกเรามากกว่า”

   ไวไวชี้นิ้วโป้งมาทางผม กลหัวเราะหึในคอ สายตาชื่นชมจากสามสหายและลินเมื่อครู่หายวับกลายเป็นสะใจปนนึกสนุกแทน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-07-2015 15:09:09
Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์

   ถ้าให้บรรยายถึงสีหน้าของทุกคนในเวลานี้ ความหวาดผวาผ่านทางดวงตาของเหล่านาคาบอกได้ดีที่สุด หัวหน้าหมู่บ้านถูกลูกบ้านถีบส่งออกมาหาพวกผม เพื่อถามถึงท่าทีที่แปลกไป

   “เจ้าพวกนี้ จำไว้เลยนะ ออกเกมเมื่อไหร่จะโยนงานทับหัวทั้งแผนก” ประโยคแรกบ่นพึมพำกับตัวเอง ผมส่ายหัว พนักงานบริษัทพี่วินนี่เป็นพวกเฮฮากันหมดเลยหรือไงนะ

   “ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ” เจ้าตัวทำใจกล้าถาม ลึกๆ คงรู้อยู่แล้วล่ะความซวยจะมาเยือนในไม่ช้า ผมคลี่ยิ้มแสนดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนมองผวาเฮือกถอยหลังไปสองก้าว

   “พอดีว่าเพื่อนผมพลังหมดแล้วน่ะครับ คงไม่สามารถกางเวทปกป้องหมู่บ้านได้ แต่ไม่ต้องห่วง พังพอนทุกตัวเราจะฆ่าให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่ตัวด้วย”

   “แล้วหมู่บ้าน...” ผมรีบพูดตัดบทหัวหน้าเผ่านาคา

   “พังพอนกับตัวบอสโผล่มาแล้ว พวกเรารีบไปจัดการเร็วเข้า!” นักดนตรีหัวทองสั่งพวกพ้องที่ยิ้มรับ ทุกคนพร้อมใจจับอาวุธในมือวิ่งไปทางตรงกันข้ามกับจุดพังพอนเกิด หัวหน้าเผ่านาคาถูกเราวิ่งผ่านจนเกิดสายลมวูบ เป้าหมายคือใจกลางหมู่บ้านที่มีบ้านของหัวหน้าเผ่าตั้งอยู่

   “กลพาฉันขึ้นไปบนหลังคาบ้านที พวกนายลากบอสมาตีกันตรงหน้าบ้านนะ” ผมหันไปวานแวมไพร์ผมดำ เจ้าตัวเลิกคิ้วเดินเข้ามาคว้าเอวผมกระโดดวูบเดียวยืนบนหลังคาบ้านอย่างมั่นคง พอเขาปล่อยลง กลพุ่งเข้าไปจัดการพังพอนตัวแรก

   สถานการณ์ตอนนี้ หมู่บ้านถึงคราวโกลาหล ทางด้านหน้ามีบอสพังพอนตัวใหญ่ลุยฝ่าดงบุกจนมาถึงตัวพวกเราที่ปักหลักสู้ เหล่าชาวเผ่านาคาพากันสาปส่งผู้เล่นท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ละคนต้องหยิบอาวุธใช้ความสามารถของตัวเองเข้าสู้ด้วย

   ผมหัวเราะอย่างสะใจอยู่บนหลังคา ดวงตาจับจองฝูงพังพอนที่หลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง ก่อนจะเรียกใช้สกิลของดาลี่ที่มันไม่สามารถใช้ได้

   “Magic of Music!”

   ชื่อ : Magic of Music
   ชนิด : ทักษะ
   ข้อมูล : ความมหัศจรรย์ของเสียงเพลง สามารถสร้างสิ่งของเกี่ยวกับดนตรีออกมาได้ตามระดับผู้เล่น
      ขั้นแรก 1 ชิ้น
      ขั้นกลาง 3 ชิ้น
      ขั้นสูง 5 ชิ้น
   สถานะ : ฟื้นฟูพลังผู้ได้ยินบทเพลงตลอดเวลาที่ยังร้องอยู่
      เพิ่มค่าความสามารถทุกอย่าง 5%
   เงื่อนไข : ผู้ใช้จะต้องร้องเพลงให้ถูกคีย์

   เพราะเงื่อนไขมันนี่แหละ ไอ้ดาลี่ถึงใช้สกิลไม่ได้ ในเมื่อมันร้องเสียงเพี้ยนขนาดที่สมัยผมเป็นพี่สันคุมพวกมัน ยังต้องถีบส่งมันไปขนน้ำแทนมาร้องเชียร์ ด้วยความที่มันร้องเพี้ยนแบบกู่ไม่กลับ แต่มันได้เรื่องตีกลองเล่นพวกเครื่องดนตรี ผมเลยไม่ห่วยถ้ามันจะมาเป็นพี่สันรุ่นต่อไป ให้เพื่อนคนอื่นร้องฝึกน้องแทนมันได้

   เลเวลของผมอยู่ในระดับขั้นสูงสามารถเรียกของมาได้ห้าชิ้น อย่างแรก ผมเสกกลองชุด กระดิกนิ้วเรียกดาลี่มันมาเล่นให้ ชิ้นที่สองคือกีร์ต้าไฟฟ้าผมเรียกแวมไพร์ลาสจากสัญญา

   “เรียกมามีอะไร ฉันมีงานหลายอย่างต้องทำนะ พังพอน? มอนสเตอร์อ่อนหัดแบบนี้ยังเรียกฉันมาช่วยอีกไร้ความสามารถสิ้นดี ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกนายล้มฉันได้” เสียงบ่นมาก่อนตัวจะโผล่ออกมาครบซะอีก ชายร่างสูงโปรงเรือนผมยาวสีเงินยวงกอดอก ดวงตาสีแดงกวาดมองภาพโดยรอบ ผมพอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่วินถึงไม่ถูกกับคุณหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลนัก ขี้บ่นชิบอย่างกับไวไวภาคผู้ใหญ่

   “พอๆ ผมไม่ได้เรียกคุณออกมาช่วยสู้ซะหน่อย เอ้า เล่นเป็นป่าว” มือยื่นกีต้าร์ไฟฟ้าส่งให้ เขารับไปมองลองเล่นนิดหน่อย ใช่ได้ทีเดียว

   “ไม่ได้แตะนาน แต่ระดับฉันเล่นได้อยู่แล้ว”

   มือกลองพร้อม มือกีร์ต้าพร้อม ที่เหลือคือตัวนักร้อง ผมเรียกไมค์ออกมา อย่างสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือลำโพง!

   “เฮ้ยไอ้วัต! จะเปิดคอนเสิร์ตเรอะ!!” ไวไวกำลังซัดนัวกับพังพอนหันมามองผมอ้าปากค้าง ทุกคนลอยพลอยมองตามด้วย แม้ว่ามือยังจัดการพวกสัตว์โลกสี่ขาอยู่ แยกประสาทกันเก่งไปนะ

   “เออ รอฟังแล้วกัน” มุมปากยกยิ้ม เคาะๆ ไมค์เทสเสียงนิดหน่อย ดีที่เกมนี้แม้จะเป็นแนวย้อนยุคยังเสกของล้ำสมัยแบบนี้ออกมาได้ ถือว่ามีลูกเล่นเยอะไม่เลว

   ลินแค่เหลือบมองนิดหน่อย พลางใช้สกิลของอาชีพเนโครเมเซอร์ชุบชีวิตคนตายขึ้นมา บังเอิญว่าเจ้าตัวดันเลือกชุบเอาแวมไพร์ลูกสมุนลาสที่เก็บขี้เถ้าไปตอนลงดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์กันครั้งก่อน

   ตึง ตึง ตึง!

   โลงศพสามโลกถูกเรียกออกมาจากรอยแยกในอากาศ ตัวโลงเป็นแบบเดียวกับที่ผมเห็นในดันเจี้ยน ฝาโลงค่อยๆเปิดออกพร้อมกับแวมไพร์ทั้งสามร่าง บารอนกับแฝดเอิร์ลและไวส์เคานท์ พวกนาคาเห็นพากันผิวปากชอบใจ ยิ่งนาคาสาวๆ ขยันเข้าไปสู้ใกล้ๆ เหล่าแวมไพร์เหลือเกิน

   ผมมองภาพเบื้องล่างแบบเซ็งๆ นิดหน่อย ชาวนาคาแต่ละคนดูสนุกมากกว่าจะเดือดร้อน ผมให้สัญญาณเพื่อนร่วมวงจำเป็นทั้งสองคน พอเริ่มใช้ทักษะ ด้านหน้าพวกปรากฎสมุดโน๊ตเพลงขึ้นมา มันเป็นเพลงที่ผมเลือกเองในหัว เสียงมันๆ จากกีต้าร์ดังข้างหู ผมผงกหัวไปตามจังหวะ แสยะยิ้มมุมปาก ดูท่าเพลงจะเปลี่ยนไปตามเครื่องดนตรีที่เรียกออกมา มันล่ะสิทีนี้

   เสียงดนตรีดังกระหึ่ม เสียงเพลงก้องไปทั่วบริเวณ เหล่าคนที่กำลังต่อสู้ชะงักกับเสียงนั้นพลางส่ายหัวอย่างนึกขำกับการเปิดคนเสิร์ตดื้อๆ ของผม ร่างทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตมีแสงคลุมรอบตัวพร้อมการฟื้นฟูพลังและเพิ่มค่าสถานะตามผลของสกิล ผมร้องเพลงอย่างเมามันอยู่บนหลังคา เบื้องหน้ามีมือกลองหูกระต่าย กับมือกีต้าร์ดีกรีราชาแวมไพร์

   กลกางปีกค้างคาวออกกว้างเกิดเงาบดบังพวกพังพอนที่อยู่ด้านล่าง ดวงตาคมกวาดมือ เคียวในมือถูกเปลี่ยนเป็นคาตานะสองเล่ม ทุกครั้งที่บินผ่านจะมีศพพังพอนเป็นฉากหลัง คอยปกป้องคนที่อยู่บนหลังคา ลินในร่างหมาป่ากระโจนเข้าใส่ขย้ำคอสัตว์สี่เท้า ก่อนส่งเสียงสั่งแวมไพร์สามตนคอยเก็บกวาด ส่วนตัวเองเปลี่ยนทิศเข้าหาบอส ร่วมสู้กับพวกไวไว

   เหล่านาคาไม่น้อยหน้า ในเมื่อมีการซัพพอร์ตจากนักดนตรี แต่ละคนงัดอาวุธตัวเองออกมาสารพัดรูปแบบ บางคนถือแส้ บางคนถือดาบ ไม้คทา กรงเล็บเหมือนที่กลเคยใช้ กระทั่งกลับร่างเป็นงูตัวเขือง เกล็ดละเอียดสีฟ้าขาวเลื่อมพรายชูคอส่งเสียงขู่เขาโรมรันกับพังพอน

   ผมกวาดตามองทั่วสนามรบขนาดย่อม พังพอนไหล่บ่ามาราวกับสายน้ำ ทุกครั้งที่ระลอกใหม่เกิด ระดับความโหดจะเพิ่มขึ้นจนตอนนี้พังพอนเลเวล 80 ตัวบอสพอเลือดลดถึง 40% มันยืดตัวขึ้นคำรามก้องกลบเสียงผมชั่วขณะ ร่างกายมันขยายใหญ่ ขนบนตัวดูแข็งราวกับเกราะขนสัตว์ คมเขี้ยว กรงเล็บงอกยาว ดวงตาสีแดงก่ำ เสียงระบบแจ้งรัว

   ราชาพังพอนเปลี่ยนร่างสู่ขั้นสอง Lv.99
   ปลดผนึกเควสลับแห่งหมู่บ้านแสงจันทร์ เงื่อนไขคือการร่วมมือกำจัดพังพอนกับชาวนาคา
   มอนสเตอร์พังพอนเพิ่มระดับ Lv.87
   มอนสเตอร์พังพอนปรากฎตัวขึ้น 30 ตัว

   เวรเอ๊ย จากการทำภารกิจธรรมดา กลายเป็นเควสลับไปแล้ว ไม่น่าคิดพิเรนทร์เลยผม ไม้ทักเข้ามาในระบบสนทนาของปาร์ตี้ ผมหยุดร้องเพลงชั่วขณะ กลเปลี่ยนดาบในมือเป็นเคียวคอยเพิ่มเลือดให้คนบางส่วนแทนผมชั่วคราวอย่างรู้งาน

   ‘เอาไงดีพี่วัต พวกมันมาเรื่อยๆ เลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปตายห่านยกหมู่บ้านรวมทั้งพวกเราแหง’

   ‘พี่วัต! คิดเร็วๆ ผมจะยันมันไม่อยู่แล้ว’ หนึ่งโวยวายมาอีกเสียง ผมขมวดคิ้วฉับ หันไปสั่งสองคนด้านหลัง

   “พวกนายลงไปลุย ที่นี่ฉันจัดการเอง” ดาลี่พยักหน้ารับกระโดดลงไปช่วยเพื่อนด้านล่าง ส่วนลาสยังยืนกอดอกหล่อๆ ไม่มีทีท่าจะลงไปลุยกับเขา แต่เรียกดยุคออกมาซะงั้น! ผมมองแบบอึ้งๆ ไม่คิดว่าราชาแวมไพร์จะอเนกประสงค์ขนาดนี้ อยากพกติดตัวไว้จัง

   “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อรึไง” มุกนี้เก่าไปไหมพี่

   “เห็นอยู่ทุกวันตอนตื่นนอน” ผมตอบหน้าตายเขาทำปากเบ้ใส่ ก็แหม่ ใครจะกล้าเถียงว่าแฟนผมไม่หล่อ

   “เพิ่งรู้ว่าลาสเรียกสมุนออกมาได้ด้วย” ผมดีดนิ้วให้กลองหายไป แล้วรับกีร์ต้ามาใช้ซะเอง อืมๆ เสกขาไมค์มา โอเคพร้อม

   “แวมไพร์ดยุคทุกตนฉันเรียกออกมาได้ แลกกับขยับไปไหนไม่ได้ชั่วคราว” พอผมจะอ้าปากถามอีก เขาเปิดหน้าต่างความสามารถของราชาแวมไพร์ระหว่างทำสัญญา แทบจะจับหัวผมมุดเข้าไปในนั้น นิ้วยาวขาวซีนชี้ไปตรงจุดอธิบายสกิลที่เขากำลังใช้

   มันเป็นการเรียกลูกสมุนแวมไพร์ออกมาร่วมต่อสู้ แต่จะขยับไม่ได้ชั่วขณะอย่างที่เจ้าตัวบอก สามารถเรียกได้ทีละหนึ่งตน ผมพยักหน้าเข้าใจ ที่เขาไม่สู้เองคงเพราะที่นี้อยู่ห่างจากถิ่นตัวเองไปไกลโข แถมท้องฟ้ายังสว่างโร่ ให้ดยุกที่เป็นครึ่งหมาป่าสู้น่าจะได้ผลที่สุด หากเทียบกับตัวอื่น

   “ยัยหนูยึดขุนนางสามตนของฉันไป สามตนนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้” ผมพยักหน้ารับเข้าใจ ส่วนเจ้าพวกขุนนางที่ตบคนเลือดสาดอยู่ในดันเจี้ยน พวกนั้นคงแยกต่างหาก ไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ จะว่ายังไงดี เหมือนเป็นตัวเดียวกันแต่แบ่งส่วนการใช้ ดันเจี้ยนชุดหนึ่ง นอกสถานที่ชุดหนึ่งล่ะมั้ง

   “อย่ามัวแต่สนเรื่องไร้สาระ” เขาเตือนสติ ชี้ไปทางสนามรบเปลี่ยนเป็นนรกของจริง พังพอนเพิ่มมากขึ้นอีกแล้ว! ผมยื่นหน้าเข้าหาไมค์ประกาศบอกทุกคน

   “รีบฆ่าบอสซะ ไม่งั้นมอนจะมาเพิ่มเรื่อยๆ ไม่มีวันหมด ชาวนาคาพวกมีพลังโจมตีสูงเข้าจัดการบอส ส่วนพวกถึกทนไปฟัดล่อพวกพังพอนเอาไว้ พวกโจมตีระยะไกลแบ่งกลุ่มซัพพอร์ททั้งสองด้าน ปาร์ตี้ของฉันรุมยำบอสไปเลยยกเว้นไวไว นายช่วยใช้ด้ายถ่วงพวกมอนกับชาวนาคาที”

   ‘ได้!’ เพื่อนซี้ตอบรับมาทางปาร์ตี้ เขาอยู่ไกลไม่มีไมค์แบบผมเลยแหกปากแข่งในสนามรบไม่ไหว ดวงตาคมของกลเหลือบมองผมแวบนึง พอเห็นว่าข้างกายผมมีลาสคุ้มครองอยู่ เขาเลยเข้าไปรุมบอสกับคนอื่นบ้าง ถึงลาสจะขยับจากตำแหน่งเดิมไม่ได้ ใช่ว่าจะขยับแขนไม่ได้เสียหน่อย พังพอนตัวไหนหลุดเข้ามา โดนเล็บคมๆ กับปีกของเจ้าตัวเชือดเรียบ เขามองผม ผมถอนหายใจ ต้องรีบเคลียภารกิจโหดหินนี้ ก่อนเวลาเรียกลาสมาช่วยจะหมดลง

   ผมเริ่มดีดกีต้าร์อีกครั้ง ร้องเพลงเพิ่มพลังกับค่าสถานะให้ทุกคน ตรงชุดไหนที่จวนตัวเกินไป หรือผลสกิลของผมไปไม่ถึง จะมีชาวนาคาสายฟื้นฟูเข้าช่วย แม้เวลานี้ทุกอย่างบจะดูเข้าทางดี แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เราคงเหนื่อยตายใต้เท้าพังพอนกันหมด

   เจ็ดจันทร์เสี้ยวถูกงัดมาใช้ ช่วยจอมตีบอสกับมอนเสอตร์ในรัสมีที่ผมควบคุมได้ ระหว่างใช้สกิลของนักดนตรี ราชาพังพอนเลือดลดเหลือเพียง 5% ความโหดดุร้ายมันเพิ่มมากขึ้น มีนาคาหลายคนตายไป ขนาดไม้ยังโดนลูกหลงกลายเป็นแสง ดีหน่อยภารกิจมันเปลี่ยน ไม่งั้นเพื่อนในทีมตายภารกิจคงล้มเหลวไปแล้ว

   เหมือนพร้อมใจกัน ช่วงบอสเหลือเลือดเพียงน้อยนิด ทั้งกลุ่มผมและเผ่านาคาเลิกสนใจพวกพังพอน แล้วรุมประชาทันฑ์บอส หลังบอสตายภารกิจยังไม่ประกาศความสำเร็จทันที พวกเขาต้องจัดการพังพอนที่เหลืออยู่ให้หมด กว่าจะผ่านพ้นการต่อสู้สุดโหดไปได้ แต่ละคนแผ่หลาผมสภาพบนพื้น เสียงผมตอนนี้คงแหบเป็นเป็ด

   แรกก็ร้องเพลงอยู่หรอกเพราะมันฟื้นฟูพลังเยอะกว่าสกิลอื่น หลังๆ ไม่ไหว ทำแค่เล่นดนตรีเท่านั้น บางทีสลับพักบ้าง เหนื่อยสายตัวแทบขาด ขนาดกลที่ว่าเมพยังเหงื่อชุ่มตัวเกาะพราวทั่วใบหน้าอย่างกับจะถ่ายแบบ อือหือ ดูดีแม้เวลาเหนื่อย ผมหมั่นไส้ยกมือโบกไปที เจ้าตัวหันมามองตาขวาง คงเหนื่อยเกินกว่าจะเอาเรื่องได้แต่คาดโทษคิดบัญชีรวดเดียวภายหลัง

   ภารกิจลับหมู่บ้านแสงจันทร์เสร็จสิ้น คุณได้รับค่าประสบการณ์...
   
   ระบบมันก็พล่ามไปเรื่องค่าประสบการณ์เอย ของที่ได้เอย ค่าความดีความชอบ สารพัดอย่างจนผมขี้เกียจฟัง สิ่งที่น่าสนใจคือจุดนี้ต่างหาก

   ภารกิจช่วยหัวหน้าหมู่บ้านกำจัดพังพอนหายไป ‘หมู่บ้านนาคา’ กลับสู่ชื่อเดิมเป็น ‘หมู่บ้านแสงจันทร์’ หลังจากนี้จะเปิดให้ผู้เล่นเข้าออกได้อย่างอิสระ
   
   อ่าฮะ กลายเป็นเควสปลดผนึกหมู่บ้านไปซะชิบ ผมมั่นใจว่าเสียงนี้ต้องประกาศให้ทุกคนในเกมรู้แน่นอน ว่าหมู่บ้านลับแลที่ไม่มีใครเหลียวแลถูกเปิดเผยสู่สาธารณะชน คาดว่าหลังจากนี้ที่นี่คงเป็นแหล่งเก็บเลเวล หาวัตถุดิบทำยา เรียกเวทมนต์จากพวกนาคายอดนิยมชัวร์ สังเกตจากความสามารถตอนต่อสู้ของพวกงู

   ลินเก็บทักษะที่ได้จากผู้ใหญ่บ้านไป ของที่เหลือเรามาแบ่งกันในทีมเหมือนอย่างทุกครั้ง ชาวบ้านแยกย้ายกลับบ้านช่องพักผ่อน ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น คงมีแต่คนสร้างเกมเท่านั้นที่รู้ ว่าพวกเขาจะขยันมาซ่อมแซมเมื่อไหร่ พวกนาคาที่ตายไป ผ่านไปตามเวลาจะกลับมาประจำตำแหน่งตามเดิม ได้ยินเสียงลาสบ่นกระปอดกระแปดก่อนกลับดันเจี้ยนว่าอยากได้วันหยุดบ้าง

   ไม้มาเกิดในบ้านของหัวหน้าเผ่านาคา ปัจจุบันหลังนอนอืดเป็นตาย พักเหนื่อยกันเสร็จเรามารวมพลกันที่โต๊ะเดิม จ้องเขม็งใส่นาคาตัวลีบ

   “ทำไมคำสาปพวกเราไม่หายไปล่ะ” นี่คือคำถามหลังพวกผมตื่นขึ้นมาพบว่าทุกอย่างยังคงเดิม และผมโดนกลสูบเลือดไปรอบเช้า เจ้าตัวเริ่มติดใจความเป็นแวมไพร์มากขึ้นทุกที ผมกับไวไวเดือดร้อนโคตร ต้องรีบกลับคำสาปเดิมของตัวเองโดยไวที่สุด

   “ใจเย็นๆ คำสาปของพวกเราเผ่านาคาแก้ไม่ยาก ยิ่งคำสาปนี่ไม่ต้องเป็นห่วง คืนนี้เราจะพาไปยังสถานที่หนึ่ง”

   “ถ้าไม่หาย เตรียมตัวเป็นงูบะช่อได้เลย” ไวไวกับผมหักมือกร๊อบๆ คนฟังปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่ออีก

   ผมให้กลติดต่อเล่ารายงานผลกับทางกิลด์ เรื่องพวกเราได้ทักษะของลินมาแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกวันถึงกลับไปสมทบที่เมืองหลวงได้ ไหมหัวเราะร่ามาตามจอสื่อสารที่ผมชะโงกหน้าเข้าไปแจมด้วย แถมยังฝากให้เอาครีมรักษาแผลของเผ่านาคามาฝาก อลิสรู้เข้าชูไม้ชูมือร้องกรีดกราดขอด้วยหนึ่งโหล ทีแรกผมไม่เข้าใจทำไมสาวๆ ถึงอยากได้ไอครีมกระปุกนี้นัก พอไปดูของในร้านขายถึงเข้าใจ มันเป็นร้านเฉพาะเผ่านาคาถึงซื้อได้ พวกเราทำภารกิจผ่านเลยซื้อได้โดยไม่ต้องเป็นเผ่านาคาตามเงื่อนไข

   ที่สำคัญ นอกจากสรรพคุณรักษาแผลแล้ว มันยังบำรุงผิวอย่างดีให้เนียนสวยใสกิ้ง ในหญิงยากแท้หยั่งถึง พวกเธออย่างงามงดเฉิดฉายแม้กระทั่งในเกม

   คนเผ่านาคาในเกมมีน้อย แถมส่วนใหญ่เป็นพวกผู้ชายไม่สนใจพวกครีมบำรุงอะไร และผู้หญิงคงไม่อยากเปลี่ยนตัวเองมาเป็นงูตัวยาว มันเลยมีขายในตลาดน้อยมากทั้งที่ความต้องการสูง ผมเหมาซื้อไปเพียบ กะว่างานนี้เอาไปปล่อยขายรวยตายไปข้าง ก่อนที่มันจะล้นตลาดเพราะหมู่บ้านเปิดอิสระ ยังมีหลายเควสที่ทำแล้วสามารถซื้อของนาคาในร้านได้

   เรารอจนถึงเวลากลางคืนเดินตามภูใหญ่บ้านไปบนเนินเขาสูง รอบบริเวณก็สวยดี อากาศเย็นชื้นตามประสาถิ่นงูชอบอยู่แถวหนองน้ำ ต้นไม้รกทึม มีหิงห้อยมากมายส่องแสงระยิบระยับ ขนาดลินยังตาวาวดูมีความสุขสมเป็นผู้หญิงให้ไวไวมันแทบร้องไห้

   หัวหน้าเผ่านาคาพาเรามาหยุดยืนตรงจุดที่สูงที่สุด พอมองลงไปด้านล่างพบภาพความงามยิ่งกว่าฝัน หมู่บ้านนาคาที่กำลังซ่อมแซม ดินที่นำมาใช้บ้านซึมซับแสงจันทร์จนทอแสงนวลแบบที่ไม่ต้องมีคบเพลิงใดๆ มาให้ความสามารถ นาคาที่นี่ส่วนใหญ่มีสีขาวเลื่อมพราย เรือนผมเป็นสีเดียวกัน ยามเคลื่อนไหวไปมาภายในหมู่บ้านทั้งในร่างคนและร่างงู ดูไม่ต่างจากภูติในป่าลึก

   นี่สินะ ที่มาของชื่อ ‘หมู่บ้านแสงจันทร์’

   “สวยมาก เคยไม่เห็นอะไรสวยเท่านี้มาก่อน” หนึ่งเพ้อออกมา ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย กลที่ดูด้านชาสุดยังมองด้วยรอยยิ้มมุมปาก

   “ใช่มั้ยล่ะ มันคือความภาคภูมิใจของชาวเผ่านาคาเชียวนะ” หัวหน้าเผ่านาคายิ้มแก้มแตก ในที่สุดเขาก็ได้อวดโฉมหมู่บ้านงามๆ ให้คนอื่นได้เห็นเสียที ก่อนเปิดเป็นสถานท่องเที่ยวเก็บเงินเพิ่มรายได้เข้ากระเป๋า...

   “ฉันไม่ปฏิเสธว่ามันสวย แต่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสาปเราเลยนี่หว่า” ไวไวกางเล็บแมวเตรียมข่วนหน้าแหก นาคายกไหล่ไม่สน

   “ดูดีๆ ตอนนี้กลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว” เขาทัก เราถึงก้มดูตัวเองบ้าง อย่างที่เจ้าตัวพูด แต่ละคนได้คำสาปเริ่มต้นของตัวเองกลับคืน ไวไวชูมือร้องไชโยกับเจ้าหนึ่ง มันคงเบื่อร่างใหญ่โตของยักษ์เต็มทน

   “ตกลงที่นี่มีพลังลบล้างคำสาปเหรอ น่าสนใจนะเนี่ย” ดาลี่ลูบคาง

   “ฮึ คำสาปแค่ถึงเวลามันก็หายไปเองแหละ ที่พามาแค่อยากอวดหมู่บ้านตัวเองเฉยๆ อย่าลืมเอาไปบอกต่อล่ะ เดี๋ยวให้ค่าโฆษณา”

   “นิสัยงี้คุ้นๆ เหมือนใครนะ” นาคาหดหู่เพราะถูกเมินอย่างสมบูรณ์แบบ ผมเลิกคิ้วทำไม่รู้ไม่ชี้ หลบสายตาทุกคนแล้วชี้ไปทางหมู่บ้าน

   “ดูนั่นสิ สวยเนอะ”

   “เออ!” แหม ไม่ต้องประสานเสียงประชดกันขนาดนั้นก็ได้ เขิน

   วันถัดมา พวกเราเดินทางกลับเมืองหลวง ควบม้าแบบห้อตะบึงเพื่อให้ทันการแข่ง ทั้งคนทั้งม้าเหนื่อยจนลิ้นห้อย สรุปพอไปถึงสนามแข่งกลางเมือง เห็นพวกทัตกำลังบู๊กับคนในกิลด์อย่างดุเดือด เราเลยทรุดตัวนั่งหลังชนกันแบบหมดแรง

   ไม่ทันอยู่ดี

   “ทุกคน” เสียงดาลี่เรียกพวกผมหันไปมอง

   “จะไปแล้วสินะ?” ไวไวถาม สามสหายพยักหน้า ผมโบกมือ

   “ขอให้โชคเลือด วันหลังมีปัญหากับใครไม่ต้องเรียกนะ” ไอ้ดาลี่รีบถลามาเกาะแขนผมเลย พอรู้ตัวรีบผละออกมองกลแบบหวาดๆ หมาป่าหนุ่มไม่มีทีท่าอะไร แค่เท้าคางมองการแข่งเหล่ตามองนิดเดียว เจ้าหมาป่าแยกแยะได้ ยังนี่ก็รุ่นน้องผม ผมเลยยื่นมือไปลูบหัวเป็นรางวัล เจ้าตัวหรี่ตาเหมือนจะพอใจ คนที่อาจหาญทำงี้ได้คงมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นแหละ

   “โหยพี่วัต อย่าใจร้ายกับน้องนุ้งงี้สิ”

   “ฉันจำได้ว่ามีแค่พี่ชายสองคน” ดาลี่มันเขย่าตัวผมอย่างบ้าคลั่ง ไอ้นี่ เดี๋ยวเลือดที่กินไปไหลย้อนกลับมาพอดี เสียของ!

   “พี่วัตๆ ผมเป็นน้องรหัสพี่นะ ใช่ซรี้ ได้แฟนแล้วลืมน้อง โอ๊ย!” แขกหัวแม่ง

   “รู้ว่าพี่วัตเล่นยังทำอะไรปัญญาอ่อนอีกสมน้ำหน้า” ไม้พึมพำ หนึ่งปรบมือรัวๆ ดาลี่เลยสลัดผมลุกไปไล่เตะพวกมันสองตัวพอหอมปากหอมคอ ค่อยกลับมาลาดีๆ

   “พวกผมไปล่ะ โชคดีพี่ ไว้เจอกันที่มหาลัย”

   “เออๆ เดินทางดีๆ” พวกผมโบกมือลา แต่บอกออกจากตัวนะ ลินหัวเราะขำกับเสียงแง้งๆ ลอยมาจนพวกนั้นลับตาไปกับฝูงชน

   การต่อสู้กิลด์รอบหลังๆ ดุเดือดกว่ารอบแรกซะอีก เรียกได้ว่าตอนที่ผมลงสนามเทียบกันไปติด เห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้น อยากลงไปร่วมด้วย ไวไวกับลินไม่ต่างกัน พอการแข่งขันจบลงพวกเรารีบปรี่เข้าไปหากลุ่มทัตกับไหม แน่นอนกิลด์เราชนะ!

   “การแข่งรอบต่อไปวันไหน” คำถามแรกที่ทัก

   “เฮอะ! พวกนายช้าเอง รอบต่อไปเป็นรอบชิง อีกยี่สิบวันในเกม” ทัตตอบไวไวพลางหันมายิ้มหวานให้กับผม กลเดินมาขวางหน้า รอยยิ้มพลันเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยว ศึกสายตาระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่าเริ่มได้ แก๊ง!

   “แล้วระหว่างนั้นเขาทำอะไรกัน” ผมเลือกถามไหม น่าจะรู้ดีที่สุดแล้ว ประสานงา(น)แทบทุกอย่างแทนคนรักที่เป็นหัวหน้ากิลด์หมด

   “ให้พวกที่เหลือแข่งกับเตรียมสนามนะคิดว่า” นางรำคนสวยยกมือแตะแก้มเอียงคอพองาม

   “อ้าวมันไม่ได้มีแค่รางวัลเดียวเหรอ” ลินเข้ามาถามบ้าง ส่วนกลกำลังดูมวยระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่าอยู่ แว่วๆ ว่าพนันกับเพื่อนร่วมกิลด์คนอื่น นี่พวกนาย...

   “มีพวกรางวัลปลอบใจ ไม่ได้อะไรมากนักหรอก ยังไงทุกกิลด์ที่เขาร่วมกิจกรรมก็ได้ของนิดๆ หน่อยๆ ติดไม้ติดมือไปอยู่แล้ว” น้ำอธิบาย สาวอลิสถลามาเกาะแขนผม มือเล็กแบบตรงหน้า ผมไม่ใช่หมาจะมาขอมือได้ไง จนเจ้าตัวทวงถึงนึกออก

   “ครีมล่ะๆ”
 
   ผมร้องอ้อ ใช้กระเป๋าที่กลทำให้ใบแรกรุ่นปรับปรุงเป็นของระดับกลาง หยิบครีมมาแจกทั้งคู่ สองสาวดีอกดีใจเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย ขอบคุณผมซะมากมาย เพราะผมไม่คิดเงินอะไรพวกเธอเลย หารู้ไม่ กระปุกครีมตรานาคาพวกนี้ราคาไม่กี่ร้อยเหรียญเงิน ในกระเป๋าผมมีอีกเป็นโหลๆ ขนพวกนี้ไปขายหมดได้เหรียญทองมาเชยชมสบายๆ

   หลังแยกย้ายไปตามทางของใครของมัน นัดเจอกันวันแข่งรอบชิง พวกเราเลยว่างงานเดินเตร่เล่นในเมือง เอาของที่ได้จากภารกิจมาขาย นั่งจับกลุ่มตั้งแผงลอยเล่นไพ่รอคนมาซื้อ กลกลับร่างหมาป่านอนหมอบให้ผมนั่งบนหัว มือเล็กติดปีกถือไพ่เล่นกับไวไว ลิน

   เมืองหลวงยังคึกคักเหมือนเดิม ผมละสายตาจากไพ่ไปมองผู้เล่นบ้างเป็นครั้งคราว ได้ยินเสียงหัวเราะคึกคักจากสาวๆ ที่เดินผ่านแผงลอย

   “เธอดูนั่นสิ น่ารักจังเลย ค้างคาวกลมๆ ขนฟูเล่นไพ่ด้วย”

   “หมาป่าเท่จัง แต่น่ากลัว ฉันอยากจับอะ”

   “ลองเข้าไปขอพ่อมดหล่อๆ ที่เป็นเจ้าของแผงสิ”

   “ไม่เอาอะ เกิดเป็นผู้เล่นฉันหน้าแตกพอดี” สาวๆ หัวเราะคิกคักเดินจากไป ผมว่าพวกเธอคิดถูกแล้วล่ะ อย่ามากวนหมาหลับเลย ประเดี๋ยวจะแผ่ออร่าให้สยองขวัญซะเปล่าๆ พ่อมดหัวทองเพิ่งถูกชมหมาดๆ แลไม่สนใจเลยสักนิด ใจจดจ่อกับไพ่บนมือ ผิดกับไวไวเริ่มบ่นอุบอิบ

   “ไม่ติดว่าอยากเป็นหนุ่มลึกลับ ฉันถอดหน้ากากอวดความหล่อบ้างดีกว่า”

   “ก็กลับเป็นกระต่ายสิ สัตว์น่ารักสาวหลงยิ่งกว่าลูกเทนนิสกับแท่นนอนค้างคาวนะ” สาวเจ้าในร่างชายชาติเหล่มองคนรัก ไวไวทุบมือปุ ผมขยับหลบไพ่เพื่อดู มันบังหน้าอะ

   “นายเปลี่ยนเป็นกระต่ายได้ด้วย?”

   “เพิ่งได้หลังจบภารกิจล่าสุด ยังไม่ลองใช้เลย”

   “ลองดิๆ อยากเห็น” ผมเชียร์ ลินเสริม ไวไวกอดอกโคลงหัวไปมา เขานิ่งไปสักพัก เสียงดังปุ้งเกิดเป็นควันขาว มันดูแตกต่างจากเวลาผมหรือกลเปลี่ยนร่างแฮะ พอควันเริ่มจาง ตรงหน้าพวกเรามีกระต่ายตัวหนึ่งนั่งกอดอก มีหน้ากากโจ๊กเกอร์ปัดไปด้านหลัง ขนนุ่มสีดำแบบเดียวกับสีผม ดวงตากลมแบบกระต่ายมองขาหน้าของตัวเอง ลินนั่งตัวสั่น พริบตาเดียวคว้าเอากระต่ายมากอดฟัดถูแก้มด้วยความฟิน

   “น่าร้ากอ่า ชอบจัง น่ารักๆ ขนนุ๊มนุ่ม”

   ‘เฮ้ย! ปล่อยก่อนมันอึดอัด’ ลินไม่ยอมปล่อย ไวไวเลยดีดตัวเองลงยืนบนพื้นอย่างสวยงามแทน เจ้าตัวเพิ่งใช้ร่างนี้ครั้งแรกเลยสนทนากันได้แค่ในระบบปาร์ตี้ ต้องซื้อทักษะแบบพวกผมก่อนถึงจะพูดได้แม้อยู่ในร่างสัตว์

   เวลานี้ที่แผงลอยพวกเรากลายเป็นเป้าสายตาคนเดินผ่านไปผ่านมา เป็นผม ผมก็มองอะ พ่อมดหนุ่มหน้าหล่อหัวทองนั่งขายของบนแผงลอยรายล้อมด้วยสัตว์โลกน่ารัก

   หลายคนเข้ามาถามว่าไปจับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้มาจากไหน ลินตอบไปว่าเป้นผู้เล่นในทีม หน้าแตกไปตามๆ กัน เพื่อเป็นการแก้เขิน สินค้าที่นำมาขายเลยถูกซื้อไปทีละชิ้นสองชิ้นจนของหมด ลินเป็นแผงลอยอุ้มไวไว ข้างกายมีหมาป่าคาบลูกเทสนิสเดินตาม
   
   สรุป ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในเกมก่อนจะออฟไลน์ เราเลยไปทำภารกิจแถวนั้นเล่นๆ เป็นการฆ่าเวลา มีตั้งแต่ส่งของ ปกป้องชาวบ้านไปส่งที่หมาย ตีมอนสเตอร์เอาวัตถุดิบไปให้ หรือเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์ที่มารบกวน เรียกได้ว่าเป็นเควสจิปาถะโดยแท้ ไปร่วมแจมเคลียร์ดันเจี้ยนกับปาร์ตี้คนอื่นก็มี ให้อารมณ์คนละแบบกับตอนลุยกันเองเลย

   เขาประกาศหาคนร่วมต่อสู้กันในเมือง ผมเพิ่งรู้ ปกติลงดันขนาดกลางถึงใหญ่ เขาพาคนกันไปเป็นสิบๆ พวกเราดันบ้าพลังไปกันแค่ไม่กี่คนถึงได้ใช้เวลานานแถมยังเหนื่อยสุดๆ แต่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ผมมาถามกลภายหลัง นายน่าจะรู้อยู่แล้วทำไมถึงไม่บอกกัน เจ้าตัวตอบ มีคนอื่นด้วยมันน่ารำคาญ เอากับหมาป่าสิ

   ปาร์ตี้มีคนทั้งหมดสิบห้าคน เคลียดันระดับกลาง แต่ละคนร่วมงานกันดี จนถึงเวลาแบ่งของ อย่างกับเกิดศึกขนาดย่อม ของพวกนั้นไม่ได้ดีอะไรมากมาย กลุ่มผมเลยสละสิทธิ์เชิญแย่งกันเองตามสบาย และคิดว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ร่วมปาร์ตี้กับคนอื่น เหนื่อยน้อยลงจริง แลกกับค่าประสบการณ์กับของโดนหารมากขึ้น ไม่ใช่ทุกคนที่ใจดีแบ่งของให้ตามความสามารถของคนอื่น

   ถ้าไม่จำเป็นหรือนึกคึกอยากไปร่วมวงผมคงไม่ไป ล่ากันเองสะใจกว่าเยอะ แต่ถ้าช่วยคนที่ยังระดับน้อยเพื่อผ่านเควสอันนั้นพวกผมโอเคนะ

   พวกเราถึงเวลาออฟไลน์กลับสู่โลกแห่งความจริง มีบางสิ่งบางอย่างกำลังรอผมอยู่
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 24-07-2015 15:33:11
 :hao6: :hao6: :hao6:555  :katai2-1: o13 o13สานุกมากค่ะ มาต่ออีกนะจารอค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 24-07-2015 17:25:38
 o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Rabbitongrass ที่ 24-07-2015 18:01:00
คู่เจ้านายไปเเล้วขอบคุณที่ให้ผู้อ่านเเอบอยู่หลังเสานะครัชเห็นชัดดี 555  :hao7:
เเล้วคู่ของเเมวหละไปฟัดกันท่าใหนถึงไปนอนซุกกันกลม??? :z1:
ว่าเเต่ไม่เฉลยเลยว่าวัตเก็บเวลจากคุณราชาเเวมไฟร์ได้รึเปล่าเพราะถูกขัดจังหวะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 24-07-2015 20:01:43
ลินก๋ากั่นนะลูก เข้าเกมแล้วอย่าลืมเก็บแต้มจากกระต่ายนะจ้ะ :z2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-07-2015 21:39:12
ประเจิดประเจ้อไปแล้ววววว อร๊ายยยยยๆๆๆ~~~ :hao6: :hao6: :hao7: :hao7: :jul1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 24-07-2015 21:59:04
น่ารักกกกกก
ชอบๆๆๆๆๆๆๆ
มาต่อไวๆน๊า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-07-2015 21:59:47
น่ารักกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 24-07-2015 22:19:17
นายท่านน่ารั๊กกกงื้อออ :katai5: :katai5: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 24-07-2015 22:51:55
กรี๊ดดดด :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 25-07-2015 02:10:18
โอ้ยยยยย ปกติก็ชอบแมวอยู่นะ แต่ยังไม่ทาสจบเรื่องนี้เราจะทาสแมวมั้ย
ส่วนอีเจ้าของแมวส่งค่าอินซูลินมาเลย อ่านๆ ไปน้ำตาลจะขึ้น
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 25-07-2015 02:25:55
ลูกชายแสบมาก ทำพ่อเดือด แม่อายเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 25-07-2015 11:03:47
ขุนพลตัวแสบ 5555

แหมกล ขี้หวงเมียจริงๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-07-2015 12:03:51
นี่เราต้องจุดพลุให้กลรึเปล่านะะะะะ :mc4: :mc4: :mc4:
อ่านเรื่องนี้แล้วกลายเป็นทาสแมวไปเลย
นายท่านกับขุนพลนี่นะ กวนพ่อแม่แต่เช้าเชียว
ลินผู้แข็งแกร่ง แค่ผช.ถอดเสื้อเอง เนาะ!!! :katai3:
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-07-2015 12:57:35
เอร๊ยยยยยยย วัตเสร็จหมาป่าซะแร้น -//-
พร้อมๆกับมีพยานช่วยยืนยันหลังเกิดเหตุ 555555
นายท่าน ขุนพล น่าร๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 25-07-2015 15:47:53
หุหุ เขาได้กันแล้วววววว :haun4:
ภาระกิจเสร็จสิ้น! หมาป่าสุดหล่อเลเวลอัพ!!
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 25-07-2015 17:41:42
เรียบร้อยกันไปแล้ว  :laugh:
แต่จริงๆแล้วคู่นี้ยังช้ากว่าสาวลินเยอะนะ ฮ่าๆๆ
ชีแมนจริงอะไีรจริง ตอนหลังจะยกขันหมากไปสู่ขอไวไวรึเปล่าเนี่ย
แต่กลวัตน่ารักมากจ้า กลนี่เวลาปกติกับเวลาอยู่กับวัตคนละเรื่องเลยนะ
คู่นี้เค้าเปิดเผยดี ดูเป็นคู่รักเซเลบที่ชิลมาก

ว่าแต่ นายท่านกับขุนพลไปลงเอยกันตอนไหนเนี่ย ถึงได้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน(บนเบาะ)ซะได้
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 26-07-2015 00:33:14
เขาได้กันแล้วค่าา กรี๊ดกร๊าดดด

ป.ล. นี่มีคู่แมวด้วย? 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-07-2015 23:28:15
รวดเดียวจบ ไม่ตามต่อไม่ด้ายยยยย!!
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 29-07-2015 23:53:45
 :jul1:อร๊ายนายท่านกับขุนพลแอบส่องป่าวนิตามไปส่องด้วยคน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 30-07-2015 05:07:47
ไวไฟมากนะหมาป่าน้อย อดทนอดกลั้นมานานสิ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-07-2015 18:37:53
ดันนนนน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ 24/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 19:02:51
มารอ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 30-07-2015 23:31:32
Lv.31 ผู้มาเยือน

   ผมตื่นขึ้นมาภายในห้องมืดสนิท มือถอดเครื่องเล่นออก อ้าปากหาววอด ว่าจะนอนกลิ้งอีกสักหน่อย เพราะวันนี้ตั้งเวลาออกเกมเร็วกว่าปกติ ขณะจะพลิกตัวไปด้านข้าง

   “วัตเดี๋ยว”

   ผมไม่ฟังเสียงกลห้าม ยกขาก่ายหมอนข้างเต็มที่   

   “อุ๊ก...มันหนักนะ...”

   เสียงเนือยๆ ดูหลอกหลอนดังมาจากเตียงของผม! จับๆ แตะๆ ดู คนนี่หว่า ผมดึงผ้าห่มออกเห็นหัวทองๆ ชัดเลย

   “พี่วิน! มานอนอะไรเตียงผมเนี่ย เตียงพี่ก็มีไม่ใช่เหรอ” ที่สำคัญดันมานอนขวางระหว่างผมกับกลด้วย อือหือ เบียดเข้ามาได้ ผู้ชายตัวโตสามคน

   แถมเตียงพี่วินขนาดควีนไซส์ด้วยซ้ำ ความจริงพี่วินจะเอาคิงไซส์อยู่เหมือนกัน ติดแต่ว่า ห้องมันเล็กเกินเลยต้องลดระดับลงมา ต่างจากของผมแค่ห้าฟุตเอง แล้วไหงพ่อเจ้าประคุณมาแย่งเตียงนอนน้องชายตาเทาๆ แถมผมเขย่าๆ เท่าไหร่ก็ไม่ยอมลุก กลเดินไปเปิดสวิชไฟทำให้ห้องนอนสว่างไสวในช่วงเวลาเช้ามืดเห็นหน้าผู้มาเยือนเต็มๆ ตา

   “แพนด้าหัวทอง?”

   คำแรกที่แวบเข้ามาในหัวผมเลย ใบหน้าหล่อปานเทพบุตรบัดนี้ดูอิดโรยจนน่าสงสาร ใต้ตาคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางงัวเงียได้ที่หากผมกวนมากๆ มีแนวโน้มจะโดนถีบได้ง่ายๆ ผมเลยดึงแขนกลมาคุยแทน แฟนที่ดีครับ

   “อาจารย์มีเรื่องด่วนรึเปล่า”

   พี่วินโบกมือไล่ ผมเพิ่งสังเกตรอบตัวพี่วินมีขุนพลกับนายท่านนอนขดกลมเป็นก้อนขน โชคดีก่อนหน้านี้วาดขาใส่ตัวพี่วิน ถ้าใส่ตัวเจ้าสองเหมียว ขาผมคงแหกจากกรงเล็บแมว

   “ด่วน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ง่วง จะนอน จะไสหัวไปไหนก็ไป ตื่นค่อยคุย”

   น้ำเสียงรำคาญเต็มที่ พี่วินดึงตัวขุนพลเข้าไปกอดด้านหลังมีนายท่านนอนเบียด ผมรีบลากกลออกมาจากห้องนึกขอโทษขอโพยขุนพลอยู่ในใจ เป็นหมอนข้างให้พี่วินไปก่อนนะไอ้ลูกชาย รอดมือซาตานเมื่อไหร่ จะเลี้ยงด้วยปลาทูอย่างดีแต่ถ้าอยากกินทูน่า คงต้องขอพ่ออีกคนแล้วล่ะ

   “นายคิดว่าพี่วินโทรมมาแบบนี้คิดว่ามาเพราะเรื่องอะไร”

   ผมลองถามกลดูเขาเป็นลูกศิษย์สุดที่รักปานจะฆ่าให้ตายของพี่วิน ช่วงวันหยุดมักไปช่วยงานอยู่บ่อยๆ น่าจะรู้อะไรบ้าง จะว่าไปวันนี้กลต้องเข้าบริษัทตอนแปดโมง กลายเป็นว่าพี่วินดันมาหาเองซะนี่ จะบอกกลับบ้านมาพักคงไม่ใช่ เหมือนมีเรื่องด่วนต้องคุยแต่ทนความง่วงไม่ไหวเลยนอนสลบรอพวกเราออกจากเกมมากกว่า

   “พวกมันคงเริ่มเคลื่อนไหว”

   “พวกมันพวกไหน?” ผมถามพลางยื่นแปรงสีฟันบีบยาสีฟันให้กล กลรับไปส่งแก้วใส่น้ำใส่น้ำไว้บวนปากให้ผม เรายืนแปรงฟันกันอยู่ตรงอ่างล้างหน้า อารมณ์นี้คงนอนต่อไม่ได้ มันค้างคาใจ

   “พวกที่คิดจะจับตัวนายไปไง”

   ผมร้องอ่อ พยักหน้าเงียบๆ จัดการล้างหน้าแปรงฟันเสร็จไล่กลที่ทำท่าอิดออดออกจากห้องน้ำ ผมจะได้อาบน้ำสักที หลังปล่อยกลอาบน้ำต่อ ผมลงไปชั้นล่างเตรียมมื้อเช้า ระหว่างกำลังจัดโต๊ะสายตาเหลือบไปเห็นเงาคนแวบๆ อยู่ด้านนอก จังหวะเดียวกับที่กลเดินลงมาพอดี ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่เพียงแค่ปรายตามองสั้นๆ แล้วเข้ามาก่อกวนผมเหมือนทุกเช้า

   “ไม่ต้องสนใจ ทำตัวตามปกติ ฉันพอรู้แล้วว่าทำมอาจารย์ถึงกลับบ้านวันนี้”

   “อย่ามัวแต่อุบเงียบ บอกให้ฟังมั้งฉันจะได้ระวังตัว” ผมพูดพร้อมยื่นถุงขนมปังให้เขาเอาใส่เครื่องปิ้ง กลทำหน้าที่คล่องแคล่ว พักหลังมาเป็นลูกมือผมบ่อย ต่อให้ช่วยตำน้ำพริกพ่อหมาป่าก็สามารถ
 
   “ฮืมม ไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ คิดว่าพวกนั้นคงตัดสินใจลงมือเร็วๆ นี้ ทุกอย่างที่พวกมันเตรียมการไว้คงพร้อมหมดแล้ว เหลือแต่องค์ประกอบสุดท้ายก็คือนาย อาจารย์หูตาเยอะคงรู้ข่าวชิงตัดหน้ามาอยู่กับนายก่อนพวกนั้นลงมือ”

   “พี่วินคนรู้จักเยอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นหรือหายตัวไปทุกคนจะตื่นตัวกันหมด นี่สินะทำให้พวกนั้นไม่ลงมือทันที แล้วเอาไงดี”

   ผมคิดตาม รู้สึกว่าแย่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังเล่นเกมสบายใจ คนพวกนั้นเข้าประชิดตัวถึงขนาดนี้ กลเห็นท่าทางเป็นกังวลของผม เขาบีบบ่าเบาๆ

   “อย่าห่วงเลย อาจารย์ต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ ตอนนี้เราต้องรอให้เขาตื่นมาก่อน” ผมจับมือกล ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ เอาเถอะ ผมจะหวังพึ่งแต่คนอื่นอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ผมต้องพยายามเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ผมคิดไว้แบบนั้น

   สักพักสองเหมียวเดินนำลงมาก่อน ขุนพลในสภาพขนยุ่งเหยิงเดินโซเซลงมาชั้นล่าง พอเงยหน้าบานๆ เห็นพ่อตัวเองวิ่งจู๊ดเข้ามาหา กระโดดขึ้นตักกลถูตัวเหมือนอยากให้ปลอบหลังถูกทารุณเป็นเวลานาน กลก็คือกล ลูบสองสามทีอุ้มขุนพลวางบนพื้น นายท่านเดินเฉิดฉายคล้ายเยาะเย้ยระหว่างรอผมเทข้าวเปลี่ยนน้ำให้

   ตัวเลือกสุดท้ายที่จะมาเยียวยาหัวใจของแมวอย่างขุนพลคือผม เจ้าเหมียวตัวโตเดินอุ้ยมาถูขา ผมย่อตัวไปลูบหัวกอดปลอบท่ามกลางสายตาอิจฉาของนายท่านกับหมากล

   “วัตมีอะไรกินบ้าง”

   น้ำหนักโดนทิ้งใส่เต็มๆ ผมเกือบได้ทับขุนพล ใช้มือเท้ากำแพงดันเอาไว้ มีคางแหลมๆ มาเกยบนหัว แมวตัวที่สาม หรือจะบอกว่าพญาราชสีห์เวอร์ชั่นพี่ชายดี

   “เอาคืนหรือไงพี่ มันหนักนะ นู่นอยู่บนโต๊ะ”

   มือหนาขยี้ๆ หัวผมจนยุ่งแล้วเดินอ้าปากหาววอดหมดมาดไปนั่งหม่ำอาหารเช้า ผมเลยเดินเข้าครัวไปชงกาแฟมาเพิ่มอีกแก้ว ไม่คิดว่าจะตื่นเร็วแบบนี้นะเนี่ย ปกติลองอดหลับอดนอนหลับมาบ้าน กว่าจะตื่นบ่ายนู่น

   แก้วกาแฟหอมกรุ่นถูกแจกจ่ายให้ทุกคน สองแมวทานอาหารกันไป ผมมองพี่วินยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ เหมือนได้ชาร์จแบตดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นบ้าง ยิ่งแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าส่องผ่าหน้าต่างมากระทบผมสีทองอ่อนของเจ้าตัว อย่างกับเทพบุตรมาสถิตบ้าน ส่วนกลนั่งแทะขนมปังทาแยมกินเงียบๆ

   แปลกตานิดหน่อยเวลาข้างกายพี่วินไม่มีพี่ชินอยู่ด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่ ทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเสียหน่อย

   “สมุนพี่ไปไหนอะพี่วิน”

   ดวงตาสีเทาปรือมอง แผ่ออกร่าไปในบ้านนี้ไม่มีใครหลงหรอกบอกเลย

   “ทำงานที่สั่ง เข้าเรื่องเลยแล้วกัน พวกนั้นกำลังจะมาจับตัวนายไป จนกว่าเรื่องจะเคลีย นับตั้งแต่วันนี้พวกนายสองคนไปอยู่ที่บริษัทกับพี่” พี่วินพูดเป็นการเป็นงาน พวกผมเผลอนั่งหลังตรงโดยไม่รู้ตัว พอเห็นท่าทางแบบนั้นเจ้าตัวหัวเราะเบาๆ

   “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้แล้ว อาจจะเสี่ยงหน่อย แต่พี่มั่นใจว่าเราจะจัดการเรื่องนี้ได้แน่”

   “ผมว่าพวกนั้นคงไม่ให้เราออกไปง่ายๆ มั้ง”

   กลหรี่ตาคงกำลังคาดเดาความคิดของพี่วิน ส่วนคนมองยกยิ้มมุมปาก

   “มันมีวิธีอยู่…”

   เอากับเขาสิ วิธีที่พี่วินบอกผมกับกลตอนอยู่ในบ้าน ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ก็แค่ให้พี่วินเดินไปเดินมาร่อนอยู่ในบ้านรอพี่ชินมารับ ระหว่างนั้นให้ผมกับกลเก็บข้าวของลุยสวนปีนกำแพงออกไปด้านข้าง เพื่อตบตาว่าพวกเรายังอยู่ด้านในพอพี่ชินมาพี่วินจะพานายท่านกับขุนพลออกไปทางประตูหน้าคล้ายกับเสร็จธุระกลับที่ทำงาน กว่าเจ้าพวกนั้นจะรู้ตัว เราคงไปถึงบริษัทกันครบทุกคน

   โชคดีที่บ้านผมต้นไม้เยอะช่วยบังผมกับกลตอนปีนออกข้ามกำแพงไปจุดนัด มันคือซอยข้างบ้านผมต้องเป็นคนแถวนี้ถึงรู้จัก มันปิดหน้าหลังเป็นทางตัน แต่เปิดออกไปอีกทาง ไม่รู้ว่าตอนซื้อพ่อจงใจรึเปล่า ทางหนีทีไล่พร้อมเสร็จสรรพ

   ผมปีนข้ามกำแพงด้วยใจระทึก ลุ้นว่าพวกนั้นจะบังเอิญเห็นเรารึเปล่า ผมกับกลมีเป้สะพายใส่เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวคนละใบ กระโดดลงกำแพงพร้อมกัน เจอรถสีขาวป้ายทะเบียนเดียวกับที่พี่วินบอกไว้ กลเดินเข้าไปเคาะกระจก กระจกข้างคนขับเลื่อนลงเผยให้เห็นคนด้านใน

   ชายร่างโปร่งในชุดสูทสีเทา เรือนผมสีเงินยวงระคอจัดทรงแบบผู้ใหญ่ ใบหน้าคุ้นเคยผงกหัวให้พวกผมรีบขึ้นรถ หลังปิดประตูล็อกเสร็จเขาเหยียบออกจากซอยทันทีโดยที่คนพวกนั้นไม่รู้ตัวสักนิด

   รถขับออกมาได้สักพัก ผมค่อยหายใจทั่วท้อง ส่วนกลยังดูชิวๆ เท้าคางมองรถแล่นสวน

   “สวัสดีครับคุณลาส”

   ผมทักทายคนขับ เจ้าตัวปรายตามองผ่านกระจกหลังแค่แวบเดียว ก่อนหันไปจดจ่อกับถนนตรงหน้า เจ้าหมาป่าปล่อยไป มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยมีเป็นทุนเดิม อย่างมากก็แค่พยักหน้ารับทักทายนิดหน่อย ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่แล้ว ความพยายามของผมกับพี่ไม่ไร้ความหมาย

   “เรียกลาสเฉยๆ แบบในเกมก็ได้ ฉันชินแล้ว ทั้งที่ฉันอยู่คนละแผนกไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยสักนิด ทำไมถึงต้องดึงมาช่วยก็ไม่รู้ คิดว่างานของฉันมันน้อยรึไงกัน”

   คำบ่นมายาวเหยียด ส่วนคนที่บ่นให้คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่วิน เดี๋ยวนี้พี่ชักอัพเกรดสกิลในงานคนมากขึ้นทุกที ถึงกับข้ามแผนกกันเลยทีเดียว

   “ในเกมส่วนในเกม นอกเกมคุณอายุมากกว่าผมให้เรียกชื่อห้วนๆ คงไม่ไหว ผมขอเรียกแบบนี้ดีกว่า คุณลาสรู้เรื่องนี้ตอนไหนครับ” ถ้ารู้ตั้งนานแล้วไม่บอกหนิผมมีเคือง เมื่อคืนยังเจอกันอยู่เลยในเกม

   “เมื่อเช้า เจ้าซาตานนั่นมาโทรมาหาฉันก่อนเข้างาน” พูดเสร็จก็เลี้ยวหวืด ผมไม่ทันตั้งตัวไหลไปหากลหมาป่าเลยแบนติดกระจก เห็นเขาถลึงตาใส่คนขับ ผมลูบแขนหมาป่าให้ใจร่มๆ ไว้ เพราะชีวิตน้อยๆ ของเราสองคนอยู่ในกำมือชายคนนี้

   กลายเป็นว่าผมนั่งฟังคำบ่นของราชาแวมไพร์ในโลกความจริงตลอดทางจนถึงบริษัท ผมงี้หูชา กลร้ายกาจมากตอนลงจากรถผมเพิ่งเห็นว่าเขาแอบใส่หูฟัง ฟังเพลงสบายใจเฉิบยังมีหน้ามามองหน้าผมเหมือนหมางงอีก เดี๋ยวปั๊ดดีดจมูก

   เท้าเหยียบเข้าประตูไม่ถึงสามก้าว คนขับรถชั่วคราวแยกตัวไปทำงานของตัวเองต่อ ปล่อยให้ผมกับกลขึ้นไปแผนกของพี่วินเอง ระหว่างทางเจอพยักงานบริษัทคุ้นหน้าคุ้นตา ทักทายกันบ้างตามประสา พอลิฟท์เปิดแฝดประจำแผนกโปรแกรมเมอร์ถลาออกมาคว้าแขนพวกเราทันที

   “มาถึงสักที กลมีงานด่วนรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้เลย/พี่หิวจะตายอยู่แล้วช่วยทำอะไรให้กินทีเถอะวัต”

   แฝดวายุตาคล้ำลากแขนกลไปทำงาน แฝดวาโยแก้มตอบลากแขนผมไปโซนพักผ่อน เห็นมีสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ดุจราชินี ผมมองตาปริบๆ ทบทวนความทรงจำในหัว เหมือนเคยเจอที่ไหน...อ่อ! สมาชิกอีกคนของแผนกพี่วินนี่เอง ผมเคยเจอตอนเปิดงานแข่งกิลดี่พวกเหล่าเกมมาสเตอร์มาเปิดตัว

   “สวัสดีฮะ” ผมยกมือไหว้สวยๆ แม้จะดูสาวแค่ไหน ผมมั่นใจว่าอายุต้องมากกว่าทุกคนในแผนกนี้แน่นอน เธอเงยหน้ามองผมก่อนขมวดคิ้วเบ้ปากคล้ายเบื่อหน้าเต็มทน

   “จะมาเนียนไหว้ฉันทำไมยะ เจอกันจนเบื่อหน้าจะตายอยู่แล้วตาวิน” เสียงแว้ดๆ ดูอารมณ์ไม่ดี ผลจากการอดนอนด้วยแหง

   “โธ่! เจ้มะลิไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ก็ใส่แว่นสิ นี่ไม่ใช่หัวหน้าสักหน่อยดูดีๆ” พี่วาโยส่ายหัว

   “เพ่งคอมจนลูกตาแทบหลุดใครจะไปใส่คอนแทคกัน ไหน อ๊ะ ขอโทษด้วยนะจ๊ะหนุ่มน้อย พี่สาวชื่อมะลิ เรียกพี่มะลิก็ได้” จากสีหน้าหงุดหงิดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ได้ยินเสียงพี่วาโยบ่นอุบอิบอยู่ข้างๆ

   “แก่จนจะเลขสี่ ลูกปาไปแล้วสองยังให้เรียกพี่” ผมหัวเราะแห้งๆ ทักทายพลางเปลี่ยนเรื่องเป็นของกินรับอรุณ เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม ผู้หญิงกับตัวเลขไม่ถูกกันเท่าไหร่ ไม่ว่าจะอายุหรือน้ำหนักก็ตาม

   ผมกลับมาทำหน้าที่พ่อครัวอีกครั้ง ทำเมนูขนมปังแยมไส้กรอกไข่ดาวแบบเดียวกับที่ทำให้พี่วินกับกลทานที่บ้าน ดีหน่อยในตู้เย็นยังพอมีของพวกนี้ คงตุนเอากินกับมาม่าแหง ชักเป็นห่วงสุขภาพพนักงานแผนกพี่วินชะมัด

   ระบบระบายอากาศของที่นี่ดีเป็นอันดับหนึ่ง แต่คงไม่อาจต้านทานความหิวโหยและกลิ่นหอมของขนมปังที่โชยไปทั่วทั้งชั้น เหล่ามนุษย์แพนด้าหัวหลากสีทยอยออกมาจากรังตัวเอง พอผมหันกลับมาอีกที โต๊ะกินข้าวตัวยาวทุกคนมานั่งกันพร้อมหน้า ยกเว้นกล คงงมงานอยู่

   “เดี๋ยวฉันช่วย” พี่คี ชายร่างสูงตัวใหญ่แต่นิสัยสุภาพใจดีไร้พิษภัยที่สุดในแผนก มาช่วยผมลำเลียงอาหารออกไปเสิร์ฟด้านนอกขณะที่คนอื่นๆ รอทานใจจดจ่อ พอผมทำท่าจะรินกาแฟให้ ทุกคนกลับยกมือขึ้นห้ามพร้อมเพรียง

   “ไม่เอากาแฟ ขอเป็นอย่างอื่น นมชาน้ำผลไม้อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่กาแฟ” พี่ยุพูดขึ้นมากลางวงท่ามกลางการพยักหน้าสนับสนุนจากทุกคน

   “ดื่มจนแทบอาบอยู่แล้ว พวกเรายังไม่อยากเป็นโรคติดกาแฟเหมือนหัวหน้าอะ” พี่โยโอดครวญ ได้ยินเสียงพี่คีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เปิดตู้เย็นรินนมแจกแลพคอยดูแลแฝดวายุวาโย

   “ไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนานแล้ว ฝากท้องมื้อเที่ยงกับเย็นด้วยนะน้องวัต ส่วนพวกของสดเดี๋ยวพี่ให้เจ้าพวกนี้ไปซื้อ”

   มือเรียวทาเล็บสีสวยชี้ไปทางผู้ชายทั้งหลายที่กำลังจัดการอาหารเช้าตรงหน้า ผมพยักหน้ารับ คงต้องเป็นแบบนั้น ถือซะว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านประจำแผนกพี่วินชั่วคราวระกัน อนาคตไม่มีงานทำ อย่างน้อยๆ งานนี้จะได้รออยู่ ผมคิดในใจอย่างขำๆ

   หลังมื้อเช้าทุกคนช่วยกันเก็บล้างและแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง ประมาณสายๆ พี่วินถึงกลับมาพร้อมกับพี่ชิน ทั้งสองคนเรียกทุกคนมาประชุมรวมที่ห้องหลักทันที พี่วินสั่งหน้าจอเปิดขึ้นกลางห้องให้พวกเราเห็นทุกคน ผมกำลังจะออกไปคิดว่าคงงประชุมเรื่องงาน แม่บ้านอย่างผมไม่ควรอยู่ กลับถูกพี่ชินคว้าไหล่ไว้

   “วัตไม่ต้องไป อยู่ฟังด้วยพี่จะได้ไม่ต้องเล่าซ้ำ”

   ผมชี้ที่ตัวเอง พี่ชินพยักหน้ารับสีหน้าเคร่งขรึมกว่าทุกที ไม่สิ ไม่ใช่แค่พี่ชินคนเดียว ทุกคนในห้องจากบรรยากาศสบายๆ เมื่อเช้า กลับเคร่งเครียดกันหมด ผมมองไปทางกล เขายิ้มให้ผมน้อยๆ แทนกำลังใจ

   “ก่อนอื่น ฉันต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ขัดจังหวะการทำงาน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนฉันเพิ่งได้รับการติดต่อจากฝ่ายอื่นมา พวกเราคิดผิด องค์กรนั่นไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวเพราะกลัวเรื่องแดง” พี่วินเว้นช่วง หน้าจอกลางห้องเปลี่ยนไปเป็นรูปชัดเจนเขียนข้อมูลสำคัญกำกับไว้

   “จุดที่เห็นในภาพคือจุดที่มีการขายเครื่องเถื่อน”
   
   ทุกคนดูไม่ตื่นเต้นอะไรกับภาพที่เห็นแสดงว่ารู้กันอยู่แล้ว ส่วนผม อ้าปากค้าง เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย นับถือคนปิดข่าวจริง มิน่าทำไมช่วงนี้ทุกคนถึงทำงานหนัก
   
   “หน้าที่ของพวกนายคือ ทิ้งงานสืบเครื่องเถื่อนไปซะ” วาจาเรียบเฉยของพี่วินทำให้ทุกคนมองด้วยความแปลกใจ

   ทุกคนคิดตรงกัน นั่นไม่เท่ากับว่าหัวหน้าของพวกเขาผิดคำพูดหรอกเหรอ เพราะคนที่ตั้งมั่นจะจัดการคนพวกนั้นคืออาชวิน

   “หัวหน้าอดนอนจนได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองรึเปล่า ให้ท่านรองพาไปหาหมอหน่อยมั้ย” วาโยยกมือขึ้นถาม ก่อนจะโดนดวงตาคมกริบจ้องเขม็งใส่ พี่วินถอนหายใจหนักแล้วส่ายหัว

   “ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ! ที่บอกให้ทิ้งเพราะจะมีคนอื่นมารับช่วงต่อเอง ส่วนพวกนายมุ่งสืบหาคนนี้อย่างเดียวพอ”

   พี่วินชี้นิ้วโป้งไปทางหน้าจอ ภาพจุดขายเครื่องเถื่อนเปลี่ยนเป็นภาพผู้ชายคนหนึ่ง ผมเบิกตากว้าง นั่นมันคนเดียวกับที่แทรกแซงระบบมาหาผมนี่! ผมหันขวับไปทางพี่วินทันที ดวงตาสีเทาส่งสัญญาณบอกว่าจะคุยเรื่องนี้ที่หลัง ผมเลยต้องสงบปากสงบคำตามเดิมให้พี่วินพูดต่อ

   “ชายคนนี้คือตัวการเรื่องราวทั้งหมด อย่างที่รู้กัน เป้าหมายของเขาไม่ใช่ทำลายชื่อเสียงของวงการโลกจำลองเท่านั้น มันมีเป้าหมายแอบแฝง พวกนั้นกำลังสร้างเครื่องแฮคระบบขึ้นมา ส่วนเครื่องเล่นเถื่อนน่าจะเป็นระบบทดลองย่อย เหตุผลรองรับวายุจะเป็นคนอธิบาย”

   พี่ยุเลิกคิ้วพร้อมกับหน้าจอที่เปลี่ยนไปตามการควบคุมของพี่ชิน เป็นรูปเครื่องเล่นเถื่อนที่มีรูปลักษณ์เหมือนเครื่องสวมหัวสารพัดดีไซต์ เพียงแต่ทุกเครื่องจะเป็นสีดำล้วน ภาพโฟกัสไปยังที่ครอบหัวรุ่นธรรมดาที่เห็นได้ตามท้องตลาด ตัวเครื่องถูกแยกชิ้นส่วนออกเป็นมิติ พี่ยุคอยบรรยายรายละเอียดเป็นระยะ

   ผมฟังไม่เข้าใจทั้งหมด สรุปหลักๆ ได้แค่ว่า เจ้าเครื่องเล่นพวกนี้จะเป็นการเข้าไปในโลกจำลองอื่น อย่างผิดกฎหมายและไม่ถูกควบคุมด้วยระบบโลกจำลองนั้น โชคยังดี ระบบรักษาความปลอดภัย Charm Online อยู่ในระดับสูงที่สุดในปัจจุบัน จึงไม่มีเครื่องเล่นเถื่อนตัวไหนสามารถแทรกแซงเข้าไปได้ กรณีของรุจ น่าจะเป็นการเจาะเอาตรงๆ ด้วยระบบใหญ่มากกว่าจะใช้เครื่องเล่นเล็กๆ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ไม่ถึงนาทีก่อนจะถูกพี่วินตรวจจับจนเจอ แถมยังไม่สามารถทำอะไรกับคนที่อยู่ในระบบเกมได้

   “หมายความว่ามันใช้คนทั่วไปมาเป็นหนูทดลองเครื่อง?” ทุกคนทำหน้ารับไม่ได้ เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง ถึงกับใช้คนทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาเป็นหนูทดลอง แบบนี้มันเกินไป

   “สีหน้าแบบนั้นมันอะไรกัน ไม่ใช่พวกนายรู้หรอกเหรอว่าเจ้าคนที่ใช้เครื่องถื่อนน่ะ มันคือพวกคิดไม่ซื่อทั้งนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมันก็สมควรแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักแย้มรอยยิ้มที่ดูใจดี แต่ดวงตาสีเทากับเย็นเยือกจนลูกน้องทุกคนในห้องขนลุกซู่

   “เอาเถอะ ยังไงก็เพื่อนมนุษย์ มีนักโปรแกรมเมอร์ของบริษัทอื่นช่วยสืบเรื่องพวกนั้นแล้ว ส่วนพวกนายมีหน้าที่หารุจและแหล่งกบดานให้เจอ”

   “อาจารย์มั่นใจได้ยังไงว่าพวกนั้นจะทำเครื่องแฮกจริงๆ” กลที่นั่งเงียบมาตลอดการประชุมเอ่ยขึ้นกลางวง ทุกคนเทิดทูนบูชาพี่วินสุดใจจึงไม่นึกถึงจุดนี้เลยแม้แต่น้อย พี่วินโบกมืออย่างกับไล่แมลงวัน

   “จะบอกว่ามั่นใจเต็มร้อยคงไม่ใช่ แต่มันมีโอกาสเป็นไปได้สูง” ทุกคนพยักหน้ารับเงียบๆ พี่วินเริ่มพูดต่อ

   “มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากให้พวกนายระลึกไว้ ถ้าเครื่องแฮคนี่ถูกสร้างจนสำเร็จ มันไม่จบแค่การก่อกวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างที่เราเจอตอนนี้แน่ เครื่องเถื่อนจะถูกขายอย่างแพร่หลาย คนพวกนั้นจะเข้ามาในโลกจำลองโดยไม่สนกฎเกฑ์ใดๆ ระบบที่ตั้งไว้จะเกิดความไม่เสถียร อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการขโมยข้อมูลเชิงลึก โจรกรรมทางการเงินหรือแม้กระทั่งชีวิต” พี่วินปรายตามองทุกคนที่กลืนน้ำลายอึก

   ยิ่งพวกเขาเป็นคนดูแลระบบรู้จักมันดีกว่าใคร ยิ่งรู้ว่ามันคือหายนะชัดๆ ในเมื่อปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมทำธุรกรรมหลายอย่างในโลกจำลอง ทั้งข้อมูลส่วนตัว ความลับบางอย่าง นอกเหนือจากเงินที่ถูกโจรกรรม ข้อมูลเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้ต่อรองเป็นเงินได้ บางคนอาจขายข้อมูลเหยื่อให้กับคนอื่น แบบนั้นต่อให้เจ้าของข้อมูลมีสิบชีวิตก็ไม่พอ

   ส่วนสิ่งที่ผู้สร้างระบบจะได้คือคือเม็ดเงินมหาศาล...

   “รู้ซึ้งถึงผลที่จะตามมาแล้วสินะ ฉันถึงให้พวกนายเร่งสืบหาไง จะได้รู้ชัดเจนไปเลยว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันแน่ ถ้าเจอข้อมูลเมื่อไหร่ให้แจ้งฉันทันที”

   “ครับ!/ค่ะ!”

   ทุกคนรับคำหนักแน่น ท่าทางอิดโรยหายไปเป็นปลิดทิ้ง ก่อนพี่วินจะหันมามองผม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 30-07-2015 23:32:05
Lv.31 ผู้มาเยือน (ต่อ)

   “ช่วงนี้งดเล่นเกมกับเรื่องมหาลัยไปก่อน พ่อไปติดต่อให้แล้วไม่ต้องห่วง ส่วนกลนายยังต้องไปเรียนตามปกติ เอาล่ะ วัตออกไปก่อน ที่เหลือเตรียมตัวเข้าประชุมใหญ่”

   ผมเดินออกจากห้อง หน้านิ่วคิ้วขมวด เห็นพี่ชินเดินออกมาพร้อมผมเลยถามด้วยความสงสัย

   “พี่ไม่ต้องเข้าประชุมกับเขาเหรอครับ”

   “ไม่ล่ะ มีพวกนั้นอยู่ด้วยฉันไม่ห่วงหรอก ห่วงก็แต่น้องชายคนนี้จะเครียดจนผมหงอกล้ำหน้าพี่ๆ รึเปล่า” คำพูดติดตลกชวนให้ผมผ่อนคลายลงนิดหน่อย…มั้ง

   “ทำไมพี่วินไม่เห็นพูดถึงเรื่องรุจตอนแทรกแซงเข้ามา” จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญคงไม่ได้มั้ง

   “มันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะสิ อีกอย่าง รุจมันเล่นประกาศเจตนารมณ์ตอนแทรกแซงเข้ามาเจอนายซะชัดเจนขนาดนั้น” ผมทำหน้าเอ๋อ ประกาศอะไรตอนไหน เห็นมีแต่เผยความโรคจิตกับหลงพี่วินขั้นรุนแรงออกมา พี่ชินเดาความคิดของผมได้จากสีหน้า ช่วยอธิบายอย่างใจเย็น

   “คิดดูดีๆ นะ เขาเป็นคนแทรกแซงระบบ บอกว่าตัวเองเป็นโรคบ้าวิน และพูดทำนองจะใช้นายมาบีบคั่นพี่ชายตัวเอง”

   แจ่มแจ้ง รุจเป็นคนแทรกแซงระบบ เขาชอบพี่วินเพราะความสามารถ ย่อมต้องการให้พี่วินไปร่วมงานกับตัวเอง ส่วนผมถือเป็นเครื่องต่อรองชั้นดี และเป็นตัวประกันให้พี่วินทำตามที่เขาต้องการ

   “เอ่อ...เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรให้ผมช่วยพี่ต้องรีบบอกผมนะ” ณ เวลานี้ผมไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว นอกจากทำตัวเป็นนายเสงี่ยมอยู่เฉยๆ ไม่หาเรื่องให้พี่ชายงานเข้า

   “งั้นก่อนอื่น ไปดูเจ้าสองตัวนั่นหน่อย ไม่รู้ป่านี้พังห้องไปแล้วหรือยัง” ผมขมวดคิ้วเดินตามพี่ชินไปที่ห้องนั่งเล่นรวม เห็นเจ้าเหมียวสองตัวพากันเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมภายในห้องอยู่ ผมถลาเข้าไปคว้ามากอดฟัด ได้แมวมาเยียวยาจิตใจ

   “ผมนึกว่าพี่ชินจะเอาไปฝากที่บ้านซะอีก” คนฟังยักไหล่

   “ตอนแรกก็คิดงั้น แต่วินบอกว่าเอามาไว้ที่แผนก ทุกคนทำงานเครียดสมองแทบแตก จะได้มีแมวไว้ช่วยผ่อนคลาย อีกอย่างเราจะได้มีอะไรทำไม่ต้องว่างคิดฟุ้งซ่านเยอะ”

   “ไม่ใช่ว่าอยากเล่นกับแมวเวลางานเองหรอกเรอะขานั้น” ออกปากแซวขำๆ พี่ชินดีดหน้าผากผมจนต้องลูบป้อยๆ

   “อาจจะ แต่หลักๆ คงเป็นเพราะเรามากกว่า”

   ผมเข้าใจ พี่วินรักผมมากพอๆ กับพี่รักพี่ชายตัวเองเหมือนกัน จะบอกว่าตอนเด็กผมถูกพวกพี่สองคนเลี้ยงจนโตมาก็ไม่ผิดนัก เรื่องที่เกิดขึ้นคงทำให้พี่วินเครียดน่าดู ไหนจะงานแล้วยังเกี่ยวพันธ์กับน้องชายตัวเองอีก แต่ยังไงซะพี่วินไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีพี่ชินกับทุกคนในแผนก ซึ่งผมต้องคอยช่วยเติมพลังให้พวกเขา

   “ขอบคุณนะครับพี่ชิน ที่คอยอยู่ข้างพี่วินเสมอ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดแบบนั้นระหว่างเล่นกับขุนพล ส่วนนายท่าน รำคาญกระโดดหนีไปนอนเสริมสวยบนโซฟาถัดไป คนฟังขมวดคิ้วไม่ชอบใจ

   “อย่าพูดแบบนี้อีก ทุกอย่างต้องจบลงด้วยดี เชื่อพี่”

   ผมมองหน้ามุ่งมั่นของพี่ชิน ไม่ว่าใครต่างก็บอกว่าอย่าห่วง ขอให้มั่นใจ จะปกป้อง ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ผมอยากเชื่ออย่างนั้น แต่มันมีความรู้สึกบางอย่างอยู่ในใจ พี่วินไม่ยอมเล่าเรื่องรุจให้ฟังสักที คงต้องหาข้อมูลด้วยตัวเอง

   หลังจากวันนั้น ทุกคนทำงานกันหัวหมุน มีตำรวจนอกเครื่องแบกเข้าออกบริษัทเป็นว่าเล่น ที่มหาลัยกลบอกว่ามีหลายคนถามถึงผมไม่เว้นกระทั่งไวไว ผมเลยต้องโทรไปเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้เพื่อนซี้ฟัง บอกว่าผมโดนจ้องเล่นงานเลยถูกพี่วินพามาหลบในบริษัทเพื่อความปลอดภัย

   “อยู่ใกล้พี่วินดีแล้ว เรื่องเรียนไม่ต้องห่วง จะเก็บชีทกับจดงานให้ นายอย่าหาเรื่องให้พี่วินปวดหัวแล้วกัน”

   “เออ รู้แล้วหน่า นายกับลินเองก็ระวังด้วย ฉันกลัวพวกนั้นจะเล่นไม่ซื่อ”

   “เฮอะ! ไม่มีใครมาสนใจชาวบ้านเดินดินธรรมดาอย่างพวกเราหรอก แถมยังมีคนมาคอยตามคุ้มครองพวกฉันแบบนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน” น้ำเสียงไวไวมั่นใจสุดๆ ผมเออออไป สุดท้ายก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ไวไวเลือดรักเพื่อนแรงจนน่ากลัว

   “ไวไว ขอโทษนะเว้ยที่ฉันทำให้พวกนายซวยไปด้วย” ผมตัดสินใจพูดไป ไวไวเงียบไม่ตอบ ก่อนเกิดเสียงกุกกัก มีอีกคนพูดในสายแทน

   “ฉันไม่รับคำขอโทษของนายเพราะนายไม่ผิด เจ้าค้างคาวที่น่าสงสาร ฉันจะลุยแข่งกิลด์ให้มันหยดจนนายอิจฉาที่ไม่ได้มาร่วมแข่งด้วยเลย” เสียงใสๆ ของลินทำให้ผมหัวเราะ

   “ก็อย่างที่ได้ยิน โชคดีเพื่อน ไว้เจอกันฉันจะลุยเผื่อนายเอง” ไวไวพูดทิ้งท้ายก่อนวางสาย ผมวางโทรศัพท์ นอนคิดอะไรเพลินๆ น่าเสียดายไม่น้อยที่ไม่ได้เข้าไปอาละวาดในการแข่งกิลด์รอบชิงชนะเลิศ ทั้งที่อุตส่าห์เพิ่มระดับขนาดนี้แท้ๆ แต่ความปลอดภัยย่อมมาก่อน ป้องกันไม่ให้คนอื่นโดนลูกหลงไปด้วย

   ที่แผนกเงียบเหงา ทุกคนเข้าประชุมใหญ่ในโลกจำลอง เหลือแค่ผมกับเจ้าเหมียวสองตัวเท่านั้น นายท่าน ขุนพลนอนกลางวันอยู่ ผมนอนอืดกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ห้องนี้เป็นห้องพี่วิน ความจริงผมจะไปนอนห้องกลก็ได้ เจ้าตัวมีห้องที่บริษัทเหมือนกัน เห็นว่าเป็นห้องว่าง แต่พี่วินไม่ยอมยืนยันให้ผมนอนห้องตัวเอง ผลเลยกลายมาเป็นเช่นนี้

   คิดอะไรเพลินๆ มือลูบขนนุ่มของขุนพลเล่น ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว ผมลุกพรึบปวดหัวจี๊ดหน้ามืดเพราะรีบลุกเกินไป ผ่านไปสักพักเริ่มดีขึ้นผมถลาไปหามือถือที่วางไว้บนโต๊ะปลายเตียงมาหาข้อมูลที่ต้องการ ไม่นานผมก็หาเจอ

   ภาพรวมรุ่นปีที่พี่วินเรียนจบมหาลัย นอกจากพี่ชินกับเพื่อนคนอื่นแล้ว ในภาพข้างๆ พี่วินมีอีกคนหนึ่ง รุจ! มิน่าทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นแต่นึกไม่ออกในทีแรก เพราะว่าเขาคนนี้เป็นเพื่อนกับพี่วินก็จริง แต่น้อยครั้งที่ผมจะเห็น พี่วินไม่เคยพาเขามาบ้านเลย ที่ผมเจอคือผมเอาของไปให้ที่มหาลัยกับตอนงานรับปริญญา

   ผมเคยถามถึงเพื่อนคนนี้ พี่วินบ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าเป็นคนเก่งคนหนึ่งแล้วสั่งให้ผมอยู่ห่างๆ เข้าไว้ ทั้งที่ตอนทำโปรเจคสุดท้ายก่อนเรียนจบพวกเขาทำด้วยกันสามคน มันชักยังไงๆ แล้วแฮะ…ไหงพี่ชินกับพี่วินไม่พูดถึงเลยล่ะ

   “ทำอะไรอยู่น่ะ”

   เจ้าของห้องโผล่มาทางด้านหลัง ผมสะดุ้งโหยงจนหัวโขกกันดังโป๊ก ต่างคนต่างหันไปคนละทางกุมหัวน้ำตาเล็ด

   “พี่วินโผล่มาไมเงียบๆ เนี่ยตกใจหมดเลย อูย เจ็บ”

   “เผื่อน้องชายกำลังแอบดูหนังโป๊ไง หัวแข็งจริงนะเรา ขี้เลื้อยเยอะเรอะ” ผมหันไปจ้องใส่พี่วิน งานนี้มีเค้นคอ

   “ไม่ใช่วัยเด็กแอบดูหนังโป๊แล้วพี่ พี่วินผมถามไรอย่างดิ สัญญาก่อนว่าต้องบอก”

   ท่านซาตานดันน้องชายหลบก่อนขึ้นมานอนแผ่บนเตียง แมวกระเจิงหมด

   “ว่ามา ตอบได้ก็จะตอบ” ผมจิ๊ปาก เอาวะ ลองถามดู จะตอบไม่ตอบช่างแม่ม

   “นี่รุจใช่ปะ” ยื่นโทรศัพท์ซูมรูปจุดที่มีพวกพี่วินอยู่ ชายหัวทองผงกหัวขึ้นมาดูพลางขมวดคิ้ว

   “ใช่ มีไร”

   “เขาคือเพื่อนสมัยเรียน?”

   “อ่าฮะ”

   “แค่นี้?”

   “จะให้มีอะไรมากกว่านี้รึไง พี่มีชินอยู่ทั้งคน คงไม่ใช่คนรักเก่ากันหรอก” มือหนาผลักหัวผม ผมดันหัวสู้

   “พี่จะจัดการเขาสินะ”

   “ใช่ แต่คนที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นแถมยังทำร้ายคนในครอบครัวของพี่ ไม่ว่าจะเป็นใครพี่ไม่ปล่อยเอาไว้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือใครก็ตาม” พี่วินพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ราวกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ผมขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามันไม่ใช่ พี่วินเห็นสีหน้าผมยังอยากรู้อีก เลยตัดสินใจเล่าให้ผมฟังง่ายๆ จะได้ไม่ค้างคาและระวังตัวมากขึ้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนเคยรู้จัก

   ชายคนนั้นชื่อรุจินพ เพื่อนๆ เรียกกันว่ารุจ ภายในคลาสเขาฉลาดมาก มีไอคิวที่สูงกว่าคนอื่นมักไม่ค่อยสุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ พี่วินเป็นพวกเฟรนลี่เห็นว่าอยู่คลาสเดียวกันเลยชวนคุยเล่นระหว่างรออาจารย์เข้าสอน ทำให้รู้ว่าทั้งคู่สนใจสิ่งเดียวกัน พี่วินมีความฝันอยากสร้างเกมแบบสมจริงซึ่งในยุคสมัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องยากมาก รุจต้องการสร้างอะไรที่มันท้าทาย ส่วนพี่ชินมีความฝันแบบเดียวกับพี่วิน กลายเป็นว่าพวกเขาเลยคุยกันถูกคอ

   ทุกครั้งที่มีงานต้องทำมักจะทำด้วยกันเสมอ และผลงานออกมาดีแบบที่ใครๆ ก็เทียบไม่ติด ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดี จนกระทั่งพี่วินถูกอาจารย์ขอให้ช่วยเพื่อนคนอื่นๆ ในคลาส ด้วยความที่พี่วินเป็นพวกชอบช่วยเหลือคนเป็นทุนเดิม อีกอย่างเพื่อนกันก็อยากจะจบไปพร้อมๆ กัน พักหลังพี่วินมักจะแยกตัวไปช่วยเพื่อนกลุ่มอื่นบ้างเป็นครั้งคราว ทางพี่ชิน พี่วินไปไหนเจ้าตัวตามไปที่นั้นเหมือนอย่างทุกที

   นิสัยที่แท้จริงของรุจเริ่มเผยออกมา เขาชอบคนเก่ง เกลียดคนที่โง่กว่าตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจที่พี่วินกับพี่ชินไปช่วยคนอื่น แทนที่จะเลือกทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อไปตามความฝันของพวกเขา ทีแรกพี่วินยังไม่ค่อยใส่ใจนัก เข้าใจว่าเป็นนิสัยของพวกฉลาดมากกว่าคนปกติ ภายหลังรุจถึงขนาดแอบทำลายผลงานของเพื่อนร่วมคลาสที่พี่วินไปแนะนำจนเกิดการทะเลาะใหญ่โต ไม่มีใครห้ามรุจได้ ทางบ้านของรุจเองก็มีเส้นสายพอสมควร พวกอาจารย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากยุ่ง

   ผลเลยกลายเป็นว่า พี่วินต้องตกลงทำงานชิ้นสุดท้ายร่วมกันโดยไม่หันไปช่วยกลุ่มอื่นแลกกับการที่รุจจะยอมรามือ พี่วินบอกให้พี่ชินไปช่วยเพื่อนคนอื่นแทนในช่วงนั้น ผลงานชิ้นสุดท้ายออกมาอย่างสมบูรณ์แบบพวกเขาสามคนถูกบรุษัทมากมายทาบทามให้เข้าทำงานด้วย

   รุจต้องการให้พี่วินทำงานกับตัวเอง แต่พี่วินไม่สนใจเลยปฏิเสธ เข้าทำงานกับบริษัทเกมกับพี่ชินตามที่ฝันเอาไว้ ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยดี ต่างคนต่างไปตามทางของตัวเองจนเกิดเหตุการณ์ในปัจจุบัน

   ผมฟังเรื่องราวทั้งหมดพอเข้าใจแล้วว่าทำไมคนที่ชื่อรุจ ตอนที่เจอผมถึงดูยึดติดกับพี่วินนัก ผมเคยพูดไว้ว่าพี่วินมีเสน่ห์ดึงดูดจากคนรอบข้างมาก ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ได้มีแต่พวกดีๆ อย่างทุกคนในแผนกซะด้วย

   “มิน่าล่ะ พี่วินถึงบอกให้ผมอยู่ห่างๆ เขา”

   “ตามนั้น เอ้าลุก” พี่วินลุกจากเตียงดึงแขนผมพลางลากออกจากห้อง

   “จะไปไหน”

   “เรียกพ่อครัวไปทำมื้อเที่ยงไง ป่านนี้พวกนั้นรอจนแห้งตายกันหมด” คนพูดชิวได้อีก เดินทอดน่องอารมณ์ดี คงได้พี่ชินหาของรองท้องให้แล้วดิเลยดูไม่เดือดร้อนเหมือนคนอื่น

   “ยังจะมาเอ้อระเหยอีกนะพี่ เร่งฝีเท้าหน่อยสิ คนอื่นเขารออยู่นะ”

   ผมกับพี่วินจูงมือกันอยู่เลยรั้งกันไปมาไม่ถึงไหนสักที

   “คนที่ชวนพี่คุยคือวัตเองไม่ใช่เหรอ อย่ามาโทษพี่ฝ่ายเดียว”

   “ก็แทนที่จะบอกตั้งแต่แรก จะได้ไม่ชวนคุยนานขนาดนี้”

   สองพี่น้องกำลังเถียงกันตรงทางเดิน ก่อนมีแรงโถมกายจากทางด้านหลังโอบคอพวกเราไว้พร้อมๆ กับชายอีกคนมายื่นจับมือผมอีกอย่างบ่งบอกว่าอยากมีส่วนร่วมสุดๆ

   “พี่น้องคู่นี้เถียงอะไรกันดังไปถึงหน้าลิฟท์” พี่ชินถาม

   “พี่วินอะดิ”

   “วัตนั่นแหละ”

   “เอ้า พอๆ เอางี้ ใครไปถึงห้องกินข้าวคนสุดท้าย คนนั้นล้างจาน!” กิจกรรมที่เคยเล่นกันบ่อยๆ สมัยเด็กออกมาจากปากพี่ชิน เราพี่น้องมองหน้ากัน ไม่ต้องรอสัญญาณปล่อยตัว ต่างคนต่างวิ่งแบบลืมพี่ลืมน้อง กลสะกิดไหล่ผม

   “อุ้มมั้ย” ผมเลิกคิ้วกับคำถาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดตรงมุมปาก พยักหน้ารับไม่ต้องเสียเวลาคิด กลตวัดแขนอุ้มผมวิ่งทั่กๆ ถึงความเร็วจะตกลงไปหน่อยเพราะมีอีกคนถ่วง แต่ยังคงวิ่งเร็วอยู่ดี อีกสองคนด้านหลังร้องเฮ้ย จะอะไรซะอีก ใครสั่งใครสอนหมาป่าให้อุ้มท่าเจ้าสาว!

   คล้อยหลังเด็กๆ วิ่งไป สองผู้มากวัยกว่าลดฝีเท้ามาเป็นเดินเร็วแทน ชินเลิกคิ้วถามคนข้างตัว

   “เอามั้งมะ ฉันอุ้มได้นะ ท่ายากยังไม่มีปัญหา”

   “อุ้มไอ้นี่ไปก่อนแล้วกัน ฝากเอาไปเก็บที่ห้องด้วยนะ พอดีติดมือมา” นายท่านที่ไม่รู้โดนคว้าตัวมาตอนไหน ถูกยัดใส่แขนคนข้างตัว เป็นอันว่าวันนั้นคนที่ล้างจานคือพี่ชิน โดยมีพี่คีคอยช่วยอีกแรงเพราะเกรงรงสีสังหารจากเจ้าตัว ไม่เหมือนคนอื่นดูจะสนุกสนานสมใจกันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 31-07-2015 00:06:04
ปาร์ตี้โหด ดรีมทีมใช่ม้ายยยยย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 31-07-2015 00:20:57
อื้อหืออ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-07-2015 02:53:31
ยิ่งอ่านแร้ว ก้ออยากอ่านอีก แบบทำให้อยากเก็บเวลเกม ลงดันเลยงะ

แต่ก้อกลัวกลับไปติดเกม แร้วไม่อ่านนิยาย

เลยรออ่านนิยายก้อได้ รีบมาต่ออีกน้าา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 31-07-2015 03:53:46
โหดดีแท้หล้า ในที่สุดก็จะได้ไปลุยๆกันต่อ

สุดท้ายยังไงก็กลายเป็นทีม7คนอยู่ดี  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 31-07-2015 04:08:06
บางทีวัตก็โหดไปนะ ไม่สิหมาป่าโหดกว่า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 31-07-2015 05:38:51
หมาโหดหวงเจ้าของมากกว่า เพราะอย่าแหยมกับวัต 5565+
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 31-07-2015 06:35:41
อ่านเรื่องนี้แล้วคันไมืคันมือตลอด

ติดทั้งนิยายติดทั้งเกมนั่งอัพเวลทุกวัน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 31-07-2015 06:50:21
หมู่นี้โชว์เทพตลอดดดดดด ไปลุยที่ไหนต่อดีล่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 31-07-2015 09:13:10
โหดดดดดดดดดดด
แต่ชอบบบบบบบ
55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 31-07-2015 09:34:49
อิอิ แวมไพร์วัตน่ารัก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 31-07-2015 09:59:57
นึกภาพหมาป่าคาบดาบคาตานะ กลิ้งตัว พุ่งตัวด้วยความเร็วไปจัดการเหยื่อ
โอ้ยยยย!!!! น่ารัก กลชีวิตมีมงคลดีนะ มีทั้ง(ค้างคาว)เงิน & ทอง มาเกาะไหล่ด้วย :impress2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 31-07-2015 13:40:53
ดังเลยยยยยย :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 31-07-2015 22:42:20
ตบมืออออ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 31-07-2015 23:14:26
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าแหยมวัต :laugh:
ในเกมนี่เข้าใจเลยอะ เจอพวกเกรียนงี้น่าตบคว่ำมาก  :z6:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-07-2015 23:53:42
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 03-08-2015 11:52:18
อ่านแล้วอยากเล่นเกมส์นี้เลย แต่ขออยู่ปาร์ตี้เดียวกันนะ

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-08-2015 12:04:15
เอ่อออ....ถ้าเจอตี้นี้ เราจะหนี
น่ากลัวววววว 55555

สมน้ำหน้าพวกคนไม่ดี หวังว่าคงหลาบจำนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.28 งานบู้ต้องมา 30/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-08-2015 00:14:01
ดันนนนน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 07-08-2015 03:04:02
เนื่องจากผมยังรวบรวมพลังแต่งตอนใหม่ไม่ได้ ดังนั้นขออัพตอนพิเศษเรื่องราวของขุนผลมาแทนก่อน
----------------------------------------------------------------------------------------------------

Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม

   ภายในบ้านอันแสนสงบ ประตูกระจกถูกเปิดออกรับลมเย็นสบายจากในสวนข้างบ้าน มีแมวตัวโตกำลังนอนปล่อยให้ขนสีเทาที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีพลิ้วไหวไปตามสายลมอ่อน ดวงตาสีฟ้าหลับพริ้มทำหน้าที่แมวอย่างเคร่งครัด หูพลันกระดิกรับฟังเสียงเดินตึงตังจากเจ้าของบ้าน

   “แย่จริง ดันนอนกลางวันเพลินซะได้ กลใกล้กลับมาแล้วด้วยยังไม่เตรียมข้าวเย็นเลย นายท่านหลบก่อนอย่าเดินขวางเดี๋ยวเหยียบแบนแต๋กันพอดี ขุนพลหาวปากกว้างซะ ระวังแมลงวันมันจะบินเข้าปาก”

   ผู้ชายคนนี้เป็นแม่ของผมเอง แม้ผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ผมถึงเป็นผู้ชาย แต่พ่อบอกว่าแบบนั้น แถมดูมีความสุขมากๆ เวลาอยู่กับแม่วัต ผมเลยโอเคไม่มีปัญหา

   ผมคือแมวสายพันธุ์เมนคูนอายุห้าเดือนฮับ ถ้านับตามประสาแมวๆแล้ว ยังถือว่าผมเด็กมากเลยล่ะ เพราะแบบนี้ผมเลยชอบเล่น พ่อผมไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ยังดีที่แม่ขยันเล่นกับผม ผมเลยรักแม่ม๊ากมาก แต่ไม่รู้ทำไม เวลาเข้าไปคลอเคลีย นอนทับ หรือแสดงความรักกับแม่ทีไร แม่ชอบทำท่าเหมือนโดนแมวอำและพ่อกลดูจะไม่พอใจด้วย หลังๆผมเลยแสดงความรักเล็กน้อย คงเพราะผมยังตัวเล็กเกินไปแสดงความรักได้ไม่เต็มที่ เอาไว้โตกว่านี้ก่อนค่อยแสดงความรักใหม่เนอะ!

   จริงสิ พอมาบ้านใหม่นอกจากได้แม่แล้ว ผมยังได้พี่ชายเพิ่มด้วยล่ะ พี่ชายของผมเป็นแมวพันธุ์แองโกล่า ขนสีขาวนวล ตาสองสี ข้างหนึ่งสีฟ้าอีกข้างสีเหลืองสวยมากๆเลย สวยกว่าแมวตัวเมียข้างบ้านซะอีก ผมเลยชอบชมพี่บ่อยๆว่าพี่สวยอย่างงั้นอย่างงี้แล้วโดนตบหน้าหันกลับมาทุกที ผมไม่เข้าใจพี่นายท่านเลยทั้งที่ผมชมแท้ๆ

   ตอนแรกพี่ชายไม่ยอมรับผมสุดๆ รังเกียจอย่างกับผมเป็นหมาอย่างงั้นแหละ! เหมือนจะคอยกีดกันพ่อกับแม่ด้วย ปากบ่นๆว่าอย่ามายุ่งกับทาสของฉันอะไรสักอย่าง สงสัยคงเป็นการแสดงความรักในแบบของพี่ชายมั้ง ผมจะพยายามเข้าใจแล้วกัน เพราะผมไม่อยากเป็นเด็กมีปัญหาให้พ่อแม่กังวลใจ

   มาฟังประวัติความเป็นมาของผมดีกว่า ผมเกิดในบ้านหลังโต มีลูกแมวตัวเล็กและอ่อนแอที่สุดในคอก วันนั้นปู่พาพ่อของผมมาพบเพื่อนเจ้าของบ้านที่ผมเกิด พ่อกลเกิดเบื่อนั่งฟังการคุยธุระของผู้ใหญ่ เลยขอมาเดินเล่นด้านนอกแทน บังเอิญว่าผมกำลังนอนเปื่อยอยู่ในเบาะตัวเดียว ขณะที่พี่น้องตัวอื่นๆพากันออกไปวิ่งเล่นกับแม่ด้านนอก

   พ่อกลนึกแปลกใจเลยเดินเข้ามาเขี่ยดูว่าผมตายรึยัง ผมร้องเสียงเล็กเป็นสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ และเลิกเขี่ยผมสักทีเถิด ก่อนผมจะแหวะนมออกมาเพราะความเวียนหัว

   “ทำไมมันอ่อนแอนักล่ะ?” พ่อกลหันไปถามแม่บ้านที่เดินผ่านมาพอดี

   “ดูเหมือนว่าจะเป็นโรคค่ะ ถึงจะน่าสงสาร แต่ฉันคิดว่าคงจะรอดอีกไม่นาน”

   พ่อกลเลิกคิ้วรับฟังสิ่งที่แม่บ้านพูด ในตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอพูดหมายความว่ายังใน เวลานี้ผมรู้สึกอยากรับไออุ่นจากใครสักคน ผมแลบลิ้นเล็กๆของตัวเอง เลียนิ้วที่ยื่นมือหา พ่อกลรีบชักมือหลบแล้วจ้องดุใส่ ผมร้องเสียงมี้มองตาใสพยายามเดินเข้าไปหา หลังแม่บ้านเดินจากไป พ่อกลนั่งลงบนพื้นตรงหน้าผมแบบไม่สนมาด นิ้วชี้ยื่นมาลูบหัวผมจนเคลิ้ม

   “วันหลังห้ามเลียมันมีเชื้อโรคอันตรายสำหรับนาย” ผมไม่เข้าใจแลบลิ้นจะเลียอีกรอบเลยถูกเคาะหัวด้วยปลายนิ้วเบาๆ

   “ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ แต่ใช่จะฝึกไม่ได้ อยากมีชีวิตต่อไหม หืม?” รอยยิ้มบางๆ ปรากฎขึ้นมันเป็นภาพที่ผมจำได้ถึงทุกวันนี้ ผมขานเสียงรับ อยากไปอยู่กับคนตรงหน้า เพราะที่นี่ไม่อุ่นเลยสักนิด

   พ่อกลผละออกไปจากผม เขาเดินกลับไปที่ห้องรับแขก ผมได้ยินเสียงดังลอดประตูออกมา

   “ผมขอลูกแมวตัวนั้นได้มั้ยครับ” เสียงเรียบๆ ตามนิสัยเอ่ยถามเจ้าบ้านที่มองด้วยสายตาแปลกใจ

   “ได้สิได้ ลุงกำลังอยากหาคนรับไปเลี้ยงอยู่พอดี เจ้าของมันอินทรีลูกชายลุงไปเป็นทหารเรือแล้วเลยไม่ค่อยมีคนดูแล หลานกลจะเอาตัวไหนล่ะ” ชายสูงวัยถามอย่างใจดี เข้าใจถึงนิสัยเด็กตรงหน้าเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เลยไม่ถือสาอะไร

   “ผมขอตัวที่อยู่ในเบาะนั่นครับ”

   “อาว่าหลานกลเอาตัวอื่นดีกว่ามั้ง ตัวนั้นมันอ่อนแอจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวนี้” กลยังคงยืนยันคำเดิม เจ้าบ้านหันไปมองเพื่อนต่างวัยของตัวเอง เขาพยักหน้ารับตามใจลูกชายอีกตามเคย

   “อยากได้ตัวใหม่เมื่อไหร่ มาเอากับอาแล้วกัน”

   “ขอบคุณครับ” กลยกมือไหว้ผู้ใหญ่

   ตอนกลับ พ่อกลพาผมไปสถานที่หนึ่ง มีกลิ่นสัตว์มากมายทำให้ผมรู้สึกกลัว มืออุ่นอุ้มผมคอยลูบหลังปลอบตลอดทาง ก่อนจะส่งให้มือชายคนหนึ่ง เขาบอกว่าผมเป็นพยาธิคงติดมากับสายรกตอนแรกเกิด และสั่งอะไรพ่อกลของผมไว้หลายอย่าง พอออกจากสถานที่มีแต่กลิ่นสัตว์แปลกหน้า พ่อกลเลือกซื้อของสำหรับลูกแมวจนเต็มรถ
   
   หลังจากวันนั้น พ่อกลคอยดูแลผมมาตลอด ขนาดเวลาทำงานอยู่หน้าคอมยังคอยหันมามองผมที่นอนอยู่ในเบาะภายในห้องเป็นระยะเสมอ หรือเวลาออกไปข้างนอกก็ฝากผมไว้กับย่าไม่ก็แม่บ้านคนสนิท ผมเริ่มแข็งแรงขึ้นหลังจากพ่อบังคับฝืนใจป้อนของรสชาติแย่ใส่ปากเป็นประจำและคอยป้อนนมไม่ได้ขาด

   ผมอายุได้หนึ่งเดือนแข็งแรงจนวิ่งปร๋อซุกซนไปทั่วบ้านหลังโตพร้อมกับรับรู้ว่าความน่ากลัวที่แท้จริงของพ่อกลเป็นยังไง ผมโดนจับฝึกทุกอย่างจนเชื่องยิ่งว่าน้องตูบ สัญชาตญาณความซึนของแมวเหลือเพียงน้อยนิดจนผมยังสงสารตัวเอง ถึงแบบนั้นผมก็มีความสุขดี ทุกคนที่นี้รักและใส่ใจผมกันหมด โดยเฉพาะย่าเอ็นดูผมมากเป็นพิเศษ ส่วนปู่ปกติเหมือนจะรำคาญ แต่พอไม่เห็นผมก็มักจะถามหาบ่อยๆ

   ผมมีที่ประจำของผมด้วยนะ นั่นคือตักอุ่นๆ ของพ่อกล เวลาที่พ่อกลนั่งทำงาน ผมจะชอบโดดไปนอนขดให้พ่อกลลูบเล่น กับตอนที่พ่อกลนอนอ่านหนังสือ ผมจะเอาตัวไปนอนพาดบนพุงแข็งๆ ฟังเสียงพลิกหน้ากระดาษจนกระทั่งผมหลับหรือนอนหงายพุงรับลมบนตัวพ่อกลอย่างสุขขี

   ปลอกคอของผมไม่เหมือนกับของตัวอื่น มันเป็นสร้อยติดแท๊กสั่งทำเพื่อผมโดยเฉพาะ เวลาพ่อกลพาผมไปตรวจสุขภาพทีไร ผมเลยอดไม่ได้ที่จะยืดอกด้วยความภาคภูมิใจใส่พวกตัวอื่น มีหลายคนชมว่าผมหล่อด้วย แม้ส่วนใหญ่จะมองเลยผมไปหาพ่อกลก็ตามที

   มีครั้งหนึ่งผมตามพ่อกลไปถึงที่ทำงาน แอบกระโดดขึ้นรถแล้วเดินตามหลังพ่อกลแบบเนียนๆ นั่นทำให้ผมเจอกับผู้ชายที่มีออร่าน่าเข้าใกล้สุดๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นอาจารย์ของพ่อกล รอบตัวชายคนนี้บ่งบอกว่าเป็นคนรักสัตว์ระยะสุดท้าย ผมเลยอ้อนสักหน่อยเพราะเช็คเรตติ้งของตัวเอง ถือว่าไม่เลวทีเดียว

   แล้วผมก็โดนเอาไปฝากกับชายอีกคน เขาคนนี้พาผมไปอยู่อีกที่เพื่อรอพ่อกลมารับ

   “เป็นแมวของเจ้าหนูนั่นคงลำบากน่าดู”

   “เหมี้ยวๆ” ไม่ลำบากสักหน่อย พ่อกลเลี้ยงดูผมดีจะตายไป!

   “เถียงเรอะ หึหึ ถ้านายไปเจอกับน้องชายฉันคงไม่เถียงแบบนี้แน่ เฮ้อ ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมวินถึงชอบแมวนัก หมาออกจะน่ารักกว่าแท้ๆ นี่เจ้าเหมียว รู้วิธีทำให้วินเกลียดแมวมะ”

   “ม้าววว~~” ผมว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ พูดอะไรชวนงงขนาดแมวอย่างผมยังไม่เข้าใจ

   “ช่างเถอะ คุยกับแมวไปก็ไม่รู้เรื่อง รอนี้ห้ามไปไหน ไม่งั้นฉันจะถลกหนังไปทำรองเท้าให้วิน”

   ผมถอยกรูดไปหลบในซอกเท่าที่ตัวเองพอจะหลบได้ พองขนตัวกลมฟู สีหน้ากับน้ำเสียงเมื่อกี้น่ากลัวมาก พ่อกลรีบมารับผมกลับไวๆ ผมจะไม่แอบตามมาเที่ยวที่นี่อีกแล้ว โฮ!

   ในที่สุดพ่อกลมารับผมกลับบ้านสักที พอเห็นใบหน้าคุ้นเคยผมรีบวิ่งออกจากซอกกระโจนเข้าหา ไม่คิดเข้าไปเฉียดใกล้ผู้ชายมีออร่าทาสแมวอีกเป็นครั้งที่สอง ผมกลัวสายตาคมๆจากชายอีกคน กางเล็บเกาะเสื้อพ่อกลแน่นงอแงจะกลับให้ได้เลยถูกพ่อกลเคาะหัวไปที แลกกับการที่ผมหลุดพ้นจากสายตาน่ากลัว

   เวลาผ่านไปผมก็ได้พบกับผู้ชายอีกคนที่ทำให้พ่อกลที่แสนจะยิ้มยาก สามารถยิ้มออกมาได้ง่ายๆ เขาใจดีสุดๆ พ่อกลแนะนำว่านี้คือแม่ของผม ต้องรักให้มากๆ เพราะพ่อกลรักมากเช่นกันและต้องคอยช่วยพ่อกันพี่ชายออกจากแม่ เพื่อที่ผมจะได้ขนมกิน!

   พวกเราอยู่กันสี่คนพ่อแม่ลูก ช่วงแรกอาจจะขลุกขลักไปบ้าง แต่พักหลังทุกอย่างลงเอยด้วยดี ความจริงผมมีความลับบางอย่างจะบอกแหละ ห้ามไปบอกใครนะโดยเฉพาะพี่ชายที่อายุมากกว่าผมสามเดือน

   พี่ชายของผมมีนิสัยเอาแต่ใจ เริด เชิด หยิ่งมากตามประสาแมวที่ถูกแม่วัตตามใจ ไม่เหมือนผมถูกพ่อกลเคี่ยวเข็น เวลาผมทำตามที่พ่อกลสั่ง คอยขัดขวางพี่ชายด้วยการพาดแขนทับมั้ง เอาหัวเกยมั้ง ผมจะได้เห็นปฏิกิริยาสนุกๆจากพี่ชายล่ะ ด้วยเหตุนี้ แม้พ่อกลไม่สั่งผมก็แสนจะเต็มใจแกล้งพี่ชาย ยิ่งเห็นว่าพี่ชายรำคาญมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากเข้าไปกวนมากขึ้นเท่านั้น

   ผลสุดท้ายพอกวนมากๆเข้า จากเบื่อเป็นระอา พี่ชายเลิกขับไล่ใส่ส่งผมและคอยจ้องอยู่บ้างเป็นระยะ

   คืนนั้นอากาศเย็นเป็นพิเศษเพราะฝนตก พ่อกับแม่หลับสนิทในห้องแล้ว ผมกับพี่ชายต่างคนต่างนอนบนเบาะของตัวเอง สำหรับผมถือว่าแค่นี้สบายมาก ขนาดสมัยก่อนมาบ้านใหม่ พ่อกลเปิดแอร์เหมือนจะเลี้ยงแพนกวิ้นผมยังอยู่ได้เลยเพราะขนที่หนานุ่มของตัวเอง

   ระหว่างที่ผมหลับ รู้สึกเหมือนได้รับแรงสั่นจากเบาะนอนข้างๆ ผมผงกหัวลืมตาขึ้นดู เห็นพี่ชายนอนขดกลมเป็นก้อนขนสีขาวตัวสั่นด้วยความหนาว ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปนอนเบียดในเบาะเล็ก โดนตาสองสีจ้องเขม็งใส่

   “แง้ววว!” นายมานอนเบียดฉันทำไมไม่ทราบ

   “เหมียว เหมียว” เห็นพี่ชายหนาวอะ ตัวผมอุ่นมานอนด้วยกันดีกว่า

   “เมี้ยว” แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นแหละ

   ผมส่ายพวงหางรับแล้วอ้าปากหาวจนเห็นเขี้ยวแหลมขาวสะอาดนอนซุดอยู่ด้วยกันจนถึงเช้า หลังจากนั้นผมกลับไปนอนที่เบาะตัวเองตามเดิม ผลสุดท้ายทุกคืนผมจะรู้สึกเหมือนมีใครมานอนเบียด พอลืมตาขึ้นมาก็จะพบกับขนสีขาวเป็นอันดับแรก ด้วยความดีใจผมเลยไม่ทักอะไรทั้งสิ้น ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้มันเป็นอยู่แบบนั้น นอนสองตัวอุ่นกว่านอนตัวเดียวจริงๆ ด้วยล่ะนะ~

   นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผมกับพี่ชายสนิทกันมากขึ้น... กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบันดีกว่า วันนี้แม่วัตไม่ได้ออกไปกับพ่อกลเหมือนทุกที แถมอากาศดีเลยนอนกลางวันเพลิน จนตอนนี้ใกล้เย็นเต็มที ข้าวสองถ้วยถูกขลุกให้ผมกับพี่ชายก่อนเป็นอันดับแรกเพราะพี่ชายไปพันแข้งพันขาจนแม่วัตเกือบสะดุดหัวทิ่มไปหลายรอบ ส่วนผมนั่งมารอส่ายหางหล่อๆ อยู่หน้าถ้วยนานแล้ว

   แม่วัตล็อกบ้านขี่จักรยานออกไปข้างนอกพร้อมกับมากับถุงใส่ของหลายอย่าง รีบตรงดิ่งเข้าครัวไปทำอาหารจนมีกลิ่นหอมกระจายไปทั่วบ้าน ผมทานข้าวอิ่มถึงเวลาไปนั่งรอที่หน้าประตู มีพี่ชายกำลังเสียขนเสริมสวยตัวเองหลังมื้อเย็นอยู่บนโซฟาหน้าทีวี

   มีเสียงมาจากประตู ผมหมอบตัวก้นโด่งย้ำเท้าไปมาเล็กน้อยเตรียมพร้อม พอประตูเปิดออกก็พุ่งเข้าหาคนที่ผมรักมากที่สุด พ่อกลเหมือนจะรู้อยู่ก่อนแล้ว เลยรับตัวผมอุ้มด้วยแขนข้างเดียวถอดรองเท้าเดินเข้าไปหาอีกคนในครัว

   “วันนี้มีอะไรกินบ้าง”

   “ของโปรดคนแถวนี้ กลับมาแล้วเหรอ” แม่วัตหันมาหาพ่อกลหลังปิดเตา ทั้งคู่ยื่นหน้าจุ๊บปากกันเบาๆ ผมหรี่ตา เด็กดูไม่ดี

   “กลับมาแล้ว เดี๋ยวช่วยทำ” พ่อกลปล่อยผมวิ่งออกจากครัวไปหาพี่ชาย ดวงตาสีสองเหล่มองผม ผมร้องเสียงเหมียวแล้วนอนกลิ้งหยอกเล่นกับพี่ชาย ก่อนจะโดนตบหน้าหันตามเคย พอผมกระโจนเข้าหาพี่ชายกลิ้งไปอีกทาง สรุปผมเลยถูกโวยใส่เป็นชุด ได้ยินเสียงแม่ร้องห้ามตีกันมาจากในห้องครัว ชีวิตผมมีความสุขจัง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 07-08-2015 03:51:56
คู่แมวน่ารักไม่แพ้คู่คนเลยค่ะ อยากไปเป็นแมลงวัน หรืออะไรก็ได้ในบ้านวัตอะ จะได้ส่องได้เนียนๆ(?)ทุกวัน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 07-08-2015 03:57:44
อยากเป็นขุนพลบ้างจัง อ้อนพ่อกลมั่ง  :ling1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 07-08-2015 04:04:24
ขุนพลน่ารักกกกกก ครอบครัวสุขสันต์ o13 o13

พี่ชินโหดมากกก อิจฉาแม้กระทั่งแมวตัวโตๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-08-2015 05:05:00
เป็นแมวบ้านนี้ ชีวิตดี๊ดี
อยากเลี้ยงบ้างจังงงงงงง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompooiriza ที่ 07-08-2015 08:25:57
ขุนพลน่าร๊าก~~~

นายท่านน่าเลิฟ~~~

ชีวิตดี๊ดีอ่ะ~~
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-08-2015 09:04:44
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 07-08-2015 09:35:11
น่าร๊ากกก :pighaun: :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-08-2015 11:49:52
กรี๊ดๆๆๆๆๆ ขุนผลน่ารักมากกกกกกก
ชอบอ่ะ -///////-
อยากอ่านตอนพิเศษ นายท่านโวยวายจิงๆ (หลังจากมีเล็กๆน้อยๆในตอนก่อนหน้านี้ อิอิ)

ปล. วัตกล แอบมีมุ้งมิ้ง อบอุ่น กรี๊ดดดดดด(อีกรอบ) 5555555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 07-08-2015 18:39:16
ตามเม้นท์บนๆเลยค่ะ แมวบ้านนี้ชีวิตดี๊ดี~
แอบกรี๊ดโมเม้นท์ที่กลกลับมาบ้านแล้วจุ๊บปากวัต อารมณ์แบบคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกันฝุดๆ ขุนพลน่ารักมาก แต่นายท่านซึนจริงอะไรจริง555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 07-08-2015 21:24:52
ขุนพลน่ารัก

นายท่านหยิ่งได้อีกค่ะ

  :L2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-08-2015 21:39:10
อนาคตแฟนแก่รำไรนะขุนพล  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 07-08-2015 22:21:42
จบเรื่องนี้สงสัยเราจะเบ๊แมว น่ารักเกิ๊นนนนนน :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 07-08-2015 23:07:35
โอ๊ย!! คิดตามเลย ว่าแมวที่บ้านผมมันจะคิดอย่างไงบ้าง (ผมก็ทาสแมวเหมือนกัน ต้องค่อยเปลี่ยนข้าวเปลี่ยนน้ำบ่อย 555+)

รอตอนต่อนะครับ>_<
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 08-08-2015 00:26:50
ขุนพลน่าร้ากกก. ชอบแกล้งนายท่าน 5555

อ่านแล้วอยากเลี้ยงน้องเหมียวเลย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-08-2015 01:50:08
ร้ายทั้งพ่อทั้งลูก 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 08-08-2015 12:20:40
น่ารักกกกกก
โอ๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 08-08-2015 12:48:33
เรื่องสนุกมากกกกก เป็นคนชอบอ่านนิยายเกมอยู่แล้ว
มาเจอเรื่องนี้รักเลย♡♡♡ หยุดอ่านไม่ได้
อ่านรวดเดียวข้ามวันข้ามคืนกันเลย
เราชอบโมเม้นต์ลูกเทนนิสเกาะหัวหมา(ป่า)น่าร้ากกก
ลูกๆสองตัวก็น่ารักแต่ขุนพลเหมือนหมามากกว่าแมวนะ555
ทาสแมวอย่างเราอ่านแล้วอย่างจับมาฟัดพุงมากกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 08-08-2015 18:46:11
ขุนพลน่ารัก มาอยู่ด้วยกันไหม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 08-08-2015 20:01:01
สนุกมากกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 08-08-2015 22:16:10
จินตนาการถึงขุนพลแมวยักษ์

ขุนพลวัยละอ่อน

(http://www.catnipcamera.com/wp-content/uploads/2012/05/DSCN7187.jpg)


ปัจจุบันหล่อเปล่า
(http://lacollinedesroses.pagesperso-orange.fr/images/Izzie_11-3.jpg)
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ ขุนพลครับผม 7/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 08-08-2015 23:49:29
คู่แมวน่ารักได้อีก♡
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 10-08-2015 15:27:41
Lv.32 เป็นห่วง

   ผมนั่งอยู่ในห้องพร้อมแมวสองตัว นายท่านนอนหาวอยู่บนตัก ส่วนขุนพลกระแซะมานอนเบียดขาผมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกแกเป็นแมวขาดความอบอุ่นรึไงกัน

   ช่วงเวลากลางวัน ไม่สิ แถมจะตลอดเวลาทุกคนในแผนกต่างคนต่างทำงานในส่วนของตัวเอง นานๆ ทีจะเห็นออกมาเข้าห้องน้ำ หาน้ำดื่มบ้าง ขนาดพี่ชินที่เข้าออกห้องทำงานบ่อยสุดเพื่อบริการท่านหัวหน้าแผนกยังเก็บตัวเงียบไปตามๆ กัน

   การประชุมครั้งล่าสุดพี่วินสันนิษฐานว่าอาจจะมีสายของพวกมันแฝงอยู่ในฝั่งพวกเรา ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ คิดทำการใหญ่ต้องรู้จักศัตรูให้มาก รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ฝั่งเราเองคงไม่น้อยหน้าหรอก รู้เรื่องอีกฝ่ายดีขนาดนี้ ต้องมีสายแฝงตัวไปกับพวกมันด้วยแน่นอน

   ประเด็นคือ ผมเบื่อชะมัด วันๆ อยู่แต่ในแผนก ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ทำงานเป็นแม่บ้านอย่างเดียว เล่นเกมก็ไม่ได้ อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่ใช่นิสัยผมจริงๆ ตั้งแต่จำความได้ บ้านผมปล่อยลูกให้ทำอะไรอิสระอยู่เสมอ วัยเด็กยังอยู่ในสายตา พอโตขึ้นมหาลัยก็ปล่อยตามสบาย ผมเลยติดนิสัยอยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและไม่เป็นภัยกับตัวเองก็พอ

   มาโดนกักตัวอยู่แบบนี้ จะรู้สึกเบื่อก็ไม่แปลก จำได้ว่าแถวหน้าบริษัทมีสวนสวยร่มรื่นให้คนเดินเล่น พาเจ้าสองเหมียวไปเดินหน่อยดีกว่า

   ผมกดลิฟท์เนียนลงมาชั้นล่าง คาดว่าทุกคนในแผนกไม่ออกจากห้องทำงานเร็วๆ นี้แน่ แต่เพื่อความชัวร์ ผมเลยเขียนกระดาษโน๊ตแปะไว้ตรงกำแพงห้องทำงานพี่วินซะเลย ตรงจุดนั้นต้องคนเดินผ่านหมด ตัวพี่วินออกมาเองก็เห็น แขนอุ้มนายท่าน ข้างกายมีขุนพลเดินตาม นับวันผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงขุนพลเป็นหมาหรือแมว

   ถ้าจะผิดคงต้องโทษคนเลี้ยง คนเลี้ยงดันเป็นหมาป่า เลี้ยงแมวเลยเลี้ยงมาสไตล์เดียวกันสินะ ผิดกับนายท่าน มีดีกรีความเป็นเจ้านายเต็มเปี่ยม เชิดซะไม่มี บางทีผมเองยังหมั่นไส้

   ลงมาถึงชั้นล่างรอบข้างเงียบสงบ แต่ละคนทำงานของตัวเอง อย่างมากแค่เงยหน้ามองยิ้มทักทายนิดหน่อย สีผมสีตาผมมาแบบเดียวกับพี่ชายเป๊ะ พี่วินเป็นคนดังของบริษัท ผมเลยพลอยเป็นที่รู้จักไปด้วย

   ความจริงห้ามนำสัตว์เลี้ยงมาในบริษัท เว้นเจ้าสองตัวนี้เป็นกรณีพิเศษ ผมถามพี่วินแล้วว่าทำไม เจ้าตัวบอกว่า เพราะตัวเองไปขอท่านประธานมา ทางนั้นคงกลัวว่าพนักงานแผนกพี่วินจะเป็นโรคประสาทตายกันหมดซะก่อน เลยยอมอนุโลมให้สองเหมียวเข้ามาในบริษัทได้ โดยมีข้อแม้คือ ต้องดูแลไม่ให้มารบกวนคนอื่น และอยู่ได้แค่ที่แผนกพี่วิน กับชั้นล่างสุดเท่านั้น

    นายท่านถูกเลี้ยงมาแบบระบบปิด ผมเลยอุ้มตลอดไม่ปล่อยให้วิ่งเอง ส่วนขุนพล กลฝึกวินัยมาดีมาก เขาเลี้ยงแบบเปิด ปล่อยให้วิ่งเล่นตามสบาย เจ้าเหมียวตัวยักษ์คงรู้ ที่นี่ไม่คุ้นไม่ควรวิ่งมั่ว เลยเดินตามผมไม่ห่าง

   ผมเห็นใจขุนพลแมวผู้แสนจะขาดความอบอุ่น พ่อเป็นซะแบบนั้น  ไอ้ผมเองจะอุ้มก็ไม่ไหว แม้จะยังเป็นแค่แมวที่ยังไม่โตเต็มวัย แต่สายพันธ์นี้ก็ตัวใหญ่กว่าแมวทั่วไปอยู่ดี

   “เมี้ยว” แมวยักษ์เหมือนจะรู้ตัว เงยหน้ามองผมแล้วร้องเสียงหล่อ แถมยังเดินเชิดหน้าชูตาลัลล้าจนน่าฟัด พอผมย่อตัวลงลูบหัวเกาคางขุนพล เจ้าเหมียวตัวโตส่งเสียงครืดๆ ในคอดูมีความสุข นายท่านเห็นเอาหัวมาดันๆ ใต้คางผม พวงหางขาวกระตุกส่ายไปมาคล้ายไม่สบอารมณ์ เจ้าแมวขี้อิจฉาเอ๊ย นิสัยเสียเพราะพี่วินกับผมตามใจแท้ๆ จะฝึกตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

   “โอเคๆ รักทุกตัวไม่ต้องแย่งกัน นายท่านอย่างกกับน้องสิ” ผมบ่นแบบไม่จริงจังนัก ได้ยินเสียงหัวเราะแถวหน้าประตู ระหว่างที่ผมกำลังเปลี่ยนตัวเองเป็นรางวัลให้กับแมวทั้งสองอยู่หน้าประตูบริษัท

   “แมวสวยดีนะครับ” ลุงยามทักด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มให้กระชับแขนอุ้มนายท่านเรียกขุนพลเดินเข้าไปหา หลบจากหน้าประตูให้คนเข้าออก

   “คงเพราะเป็นพันธุ์นอกมั้งครับ แต่ผมว่าแมวไทยก็สวยนะ สวยคนละแบบ”

   “บ้านลุงเองมีอยู่ตัว เป็นแมวสามสีเลี้ยงคู่กับไอ้ด่างหลังอาน”

   เริ่มประเด็นกันมาแบบนี้ คุยกันยาวล่ะครับ ผมชอบคุยกับพวกผู้ใหญ่ ได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะดี ประสบการณ์หลายอย่างสามารถใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตัวเองได้ อย่างช่วงแรกคุยกับเรื่องหมาแมว สักพักไหลยาวไปถึงชีวิตสมัยก่อน ความแตกต่างของอดีตกับปัจจุบันกับวิธีการแก้ไขปัญหาชีวิต

   พอลุงแกต้องกลับไปทำงานต่อ ผมถึงหลบออกมาเดินเล่นของตัวเองบ้าง ยามบริษัทไม่ได้มีแค่ลุงหรอกครับ ลุงเขาอยู่ตรงหน้าประตูคอยเช็คคนเข้าออก ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ แยกกันประจำจุดของตัวเอง บางคนลาดตระเวณรอบๆ บริษัท ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดสักเท่าไหร่ แต่ถือว่าบริษัทนี้มีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนามากกว่าที่ตาเห็น

   ว่าจะมาเดินเล่นผ่อนคลาย สมองดันไปนึกถึงเรื่องพวกองค์กรนั่นซะได้ ไม่รู้ว่าป่านี้พวกมันดำเนินการไปถึงไหนแล้ว รางสังหรณ์บางอย่างบอกผมว่าอีกไม่นานตัวผมต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่ๆ

   “เฮ้อ”

   ผมถอนหายใจเลือกนั่งบนเนินหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ สองเหมียวนอนกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นหญ้านุ่มไม่ไกลจากผมนัก แสงแดดส่องผ่านใบไม้สีเขียวสด ลมเบาๆ หลายคนอาจไม่สังเกตว่าเวลาอยู๋ใต้ต้นไม้กับใต้ร่มพวกอาคารลมจะต่างกันมาก เวลาอยู่ใต้อาคารต่อให้มีลมแค่ไหนก็ยังรู้สึกถึงความร้อนจากไอแดด ส่วนใต้ต้มไม้มีเพียงลมเย็นสบายพัดผ่าน

   นึกถึงบรรยากาศในเกมเลย อยากกลับไปเล่นชะมัด ผู้คนมากมายมาจากทุกแห่งทั่วโลก ธรรมชาติผสมผสานกับสิ่งก่อสร้างอย่างลงตัว ความสามารถพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน มันเหมือนกับดินแดนแห่งความฝันในวัยเด็ก ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้

   ละจากเรื่องปวดหัวชั่วคราว ไปเพิ่มพลังในเกม แล้วค่อยกลับมาลุยกับโลกความจริงในวันรุ่งขึ้น ไม่แปลกใจเลย ทำไมทุกคนดูชื่นชมพี่วินนัก ในเมื่อเจ้าตัวเป็นคนริเริ่มสร้างเกมนี้ขึ้นมาจากความฝันร่วมกับพวกเพื่อน ส่วนผมน้องชายผู้แสนน่ารัก ใช้ชีวิตอันสดใสโลดแล่นอยู่ในเกมที่พี่ชายสร้าง ฮือ อยากเล่นเกม...

   ผมคงกลายเป็นเด็กติดเกมแล้วจริงๆ คิดถึงไวไวกับคนอื่นจังเลย ถ้าไวไวอยู่ รู้ความคิดผมคงจะหันมาทำหน้าเอือมใส่ แล้วพูดประมาณว่า ช่วงแรกพูดซะดูดี ที่แท้ก็เด็กติดเกมที่ลงแดงเพราะโดนพี่สั่งห้ามไม่ให้เล่น

   ทุกวันนี้มันยังส่งโทรมาเย้ยผมเรื่องในเกมรัวๆ อิจฉาเฟ้ย หลังเรื่องวุ่นพวกนี้จบเมื่อไหร่ จะเล่นเกมปั่นตัวให้เทพสร้างกิลด์ของตัวเองมั้งคอยดู

   “ฟ่อ! ฟู่!!” จู่ๆ สองเหมียวขู่น่ากลัว ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเงาที่ทาบทับตัวผม เพราะอีกฝ่ายยืนตรงต้นแสง ทำให้ผมต้องหรี่ตามอง

   “สวัสดี ในที่สุดก็ออกมาจากกรงได้แล้วเหรอ” เสียงลากยาวดูยียวนมาจากคนที่ผมไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด

   “เข้ามาที่นี่ได้ยังไง!” ผมลุกขึ้นก้าวถอยหลังออกห่างจากชายตรงหน้า นายท่านกับขุนพลขู่พองขนกางเล็บน่ากลัว ถ้าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ผมอีกนิดคงโดนสองแมวข่วนยับแน่ ดูอีกฝ่ายจะไม่เดือดร้อนสักเท่าไหร่ เขายืดตัวขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มกับดวงตาไม่น่าไว้ใจ

   “พูดเป็นเล่น การป้องกันรอบนอกหละหลวงขนาดนี้ ถ้าฉันเข้ามาไม่ได้คงเหมือนพวกไร้ความสามารถ ที่เป็นได้แค่ขยะกันพอดี ไม่ต้องระแวงไป ฉันยังไม่เอาตัวนายไปตอนนี้หรอก แค่แวะมาทักทายเฉยๆ”

   “นายพูดเหมือนกับว่าถ้าต้องการตัวฉันเมื่อไหร่ก็พาไปได้อย่างนั้นแหละ”

   “ไม่เชิง แม้ภายนอกจะห่วย แต่ด้านในการป้องกันแน่นหนามาก สมกับที่วินเป็นคนวางระบบ ยังไงซะ ต่อให้ระบบจะสมบูรณ์แบบแค่ไหนมันยังคงมีจุดอ่อนเสมอ เหมือนที่นายพาตัวเองออกมาล่อเป้าอยู่แบบนี้ไง นายว่างั้นไหม”

   อือหือ ถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ ตรงข้ามกับวาจาเจ็บแสบ บ่งบอกถึงความชื่นชมในตัวพี่วินจนดูน่ากลัว สำหรับคนอื่นในสายตารุจนอกจากพี่วินแล้วคงเป็นได้แค่คนไร้ค่า เกินเยียวยาแบบที่พี่วินพูดไว้ไม่มีผิด ผมยอมรับตัวเองพลาดไปแล้วจริงๆ ที่ลงมาด้านล่างแบบนี้

   “สำนึกไปเถอะ นายนี่คล้ายกับวินดีนะฉันชอบ” อีกฝ่ายยื่นมือเรียวเข้าใกล้ผม ก่อนจะต้องถอยหลังไปเพราะโดนนายท่านทำท่าจะตะปบใส่ขา และอาจมีรายการกระโจนใส่ในอนาคตอันใกล้

   รุจถือว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีออกไปทางสวย น่าจะเป็นสเปคของผู้หญิงหลายคน รูปร่างเพรียวบางเหมือนไม่เคยทำอะไรที่ต้องออกแรงหนักมาก่อน ดูเผินๆ ไม่น่ากลัวเลยสักนิด แค่ซัดทีสองทีก็หมอบ สิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายอันตรายคือความฉลาดกับนิสัยเหลือรับ

   “แมวนี่เกะกะจริง ช่างเถอะ อีกไม่นานนายต้องตกอยู่ในมือฉันอยู่แล้ว เอาไว้เจอกันนะ น้องวัต...”

   เขายักไหล่ โบกมือแล้วเดินจากไปเสียเฉยๆ ผมมองจนชายในชุดสูทเดินหายไปจากสายตา พลางบ่นอุบอิบ

   “ฉันจำไม่ได้ว่ามีคนโรคจิตเป็นพี่ชาย...ไม่สิ พี่วินเองก็ เหอะๆ ไม่พูดถึงแล้วกัน ไปนายท่านขุนพล กลับขึ้นข้างบนกันเถอะ ป่านนี้คนอื่นๆ คงรอแย่แล้ว”

   ผมย่อตัวลงกางแขนรับนายท่านที่กระโดดขึ้นมาให้ผมอุ้มอย่างเหมาะเหม็ง แล้วพยักหนาเรียกขุนพลเดินกลับเข้าบริษัท เรื่องเจอกับรุจผมต้องบอกพี่วิน ถึงไม่อยากให้เป็นห่วงมากกว่าเดิม แต่เก็บเงียบไว้อาจส่งผลร้ายมากกว่า ผมยิ้มทักลุงยาม รีบเดินเร็วๆ เข้าลิฟท์ขึ้นชั้นบน

   ลิฟท์เปิดออก ผมชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนแทบหงายหลัง อีกฝ่ายรีบมากถึงขนาดไม่รอให้คนออกจากลิฟท์ก่อน นายท่านตกใจกระโดดหนีลงจากแขน ส่วนผมได้คนชนนั้นแหละคว้าแขนไว้เลยไม่หงายกลับเข้าลิฟท์ ได้กลิ่นหอมเย็นๆ ประจำตัวผมถึงรู้ว่าใคร

   กลมองผมด้วยสีหน้าตื่นๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ในมืออีกข้างกำกระดาษที่ผมเขียนแปะไว้จนยับยู่ยี่ไม่พูดอะไรสักคำ จากที่ปกติไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้วทีนี้เงียบสนิทเป็นป่าช้า อาการคล้ายกับเครียดกังวลมากจนพูดอะไรไม่ออก ผมเห็นท่าไม่ดี ลากกลเข้าห้องเจ้าตัวแล้วปิดประตูล็อก ปล่อยแมวให้อยู่ด้านนอก เวลานี้ผมขอดูอาการเจ้าหมาก่อน

   กลนั่งนิ่งบนเตียง จับมือผมไม่ปล่อย พอผมจะพูดอะไรเขายกมือห้ามแล้วสูดลมหายใจลึกๆ สองสามที เรานั่งเงียบกันสักพัก กลดึงผมเข้าไปกอด

   “ดีจริงๆ ที่นายยังไม่หายตัวไปไหน”

   เสียงทุ้มปกติจะราบเรียบหนักแน่นกลับสั่นดูไม่มั่นคง ผมพอเข้าใจแล้วล่ะว่ากลเป็นอะไร

   “ใจเย็นๆ ฉันอยู่นี่ อยู่กับนาย ขอโทษที่ลงไปข้างล่างคนเดียว”

   “อย่าทำอีก ฉันขอ” แววตาขอร้องทำให้ผมพยักหน้ารับไปโดยไม่รู้ตัว มันต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องที่ผมลงไปข้างล่างแน่ๆ ไม่งั้นกลที่เคยเก็บความรู้สึกเก่งอยู่ตลอด คงไม่ออกอาการขนาดนี้ ผมรอให้เขาสงบลงแล้วลองถาม

   “บอกได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจออะไรมา”

   หมาป่าหนุ่มย้ายตัวเองมานอนบนเตียง เอาหัวหนุนขาผมแล้วกอดเอวใช้หน้าซุกพุงอย่างหวงแหน ผมลูบผมยุ่งของอีกฝ่ายเบาๆ ไม่ใช่แค่พวกพี่วินที่ทำงานหนัก กลเองไม่ต่างกัน ทั้งที่เพิ่งอายุแค่สิบแปด แต่ต้องทำอะไรที่เหมือนกับพวกผู้ใหญ่ ต่อให้ไม่มีคนบอกผมก็รู้ ทั้งหมดทั้งสิ้นกลทำเพื่อผม

   “ระหว่างที่ฉันสรุปข้อมูลทั้งหมดตามที่อาจารย์สั่ง มันมีบางอย่างทำให้ฉุกคิดว่าพวกมันคงลงมือเร็วๆ นี้ ช้าสุดคือหนึ่งอาทิตย์ เร็วสุดไม่เกินสามวัน”

   กลพูดเสียงอู้อี้เพราะยังซุกหน้าอยู่กับท้องผมไม่เลิก ถือว่าเป็นการคาดเดาที่แม่นมาก พวกนั้นคิดจะลงมือแล้วจริงๆ ไม่งั้นรุจคงไม่ถ่อมาทักทายผมถึงที่ ส่วนเรื่องทำไมเขาถึงรู้ว่าผมที่ถูกกักอยู่ชั้นบนลงมาด้านล่างที่การป้องกันน้อย ต้องมีสายในหมู่พวกเราแน่นอน

   “พอฉันกำลังไปบอกอาจารย์ เห็นกระดาษของนายรู้มั้ยตกใจแค่ไหน วันหลังอย่าทำอีก ไม่งั้นฉันจะล่ามนายไว้กับเตียง รับรองว่าอาจารย์ต้องเห็นด้วยแน่ๆ”

   ดวงตาผมสีนิลวาววับบ่งบอกว่าเอาจริง ผมกลืนน้ำลายอึก ลูบๆ หัวหมาพลางเสตาหลบไปทางอื่น กลไม่ยอมปล่อยผมเฉไฉง่ายๆ ลุกขึ้นมาใช้สองมือประกบแก้มผมดึงไปจูบหนักคล้ายจะระบายความกรุ่นภายใน เหมือนไม่หน่ำใจเจ้าตัวร้องฮึ่มในคอ มือหนาเริ่มสอดเข้าใต้เสื้อ ผมสะดุ้ง ชัดเลย เจ้าหมาบ้าหนิมันจะใช้วิธีนี้เพื่อตัดกำลังผมและระบายความอัดอั้นของตัวเอง!

   ร้ายกาจ ร้ายกาจมากๆ ที่น่าเศร้ามากกว่านั้นคือ ผมดันเอาตัวเองมาเสิร์ฟให้ถึงปากหมาป่า

   “เดี๋ยวกล นายต้องไปรายงานผลการสรุปกับพี่วินไม่ใช่เหรอ” ผมเริ่มอ้างพี่ชายผู้น่ากลัวที่สุดในแผนก หมาป่าที่เริ่มกลายพันธ์ชะงักกึก เงยหน้าจากซอกคอผมมาจ้องเป๋ง แล้วลุกขึ้นหรี่ตามอง

   “ห้ามไปไหนฉันจะกลับมา” สองประโยคสั้นๆ พร้อมเจ้าหมาป่าสะบัดก้นออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งอยู่บนเตียงคนเดียว หลังประตูปิด พอผมจะลุกไปเปิดเตรียมเผ่นไปห้องพี่วิน มันดันเปิดไม่ได้ เจ้าหมามันขังผมไว้ในห้อง! มือตะปบกระเป๋ากางเกงหาโทรศัพท์มือถือ เพื่อโทรให้ใครสักคนในแผนกมาเปิดประตูให้ แน่นอนว่ามัน-หาย-ไป!!

   “กล ไอ้ลูกหมา! กลับมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย”

   ไร้เสียงตอบรับจากปลายทาง ผมเดินไปเดินมา ห้องกลเหมือนห้องพี่วินและคนอื่นๆ อุปกรณ์สื่อสารภายในห้องมีก็จริง แต่เชื่อเถอะเจ้าหมาโปรแกรมเมอร์มันบล็อกไม่ให้ผมใช้ชัวร์ ถึงมีความสามารถของตัวเองในการแก้ไขดัดแปลง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาใช้ซี้ซั้วได้ รอรับชะตากรรมอย่างเดียวหมด หวังแต่ว่าพี่วินจะเอะใจ


   หมาป่าเดินฉับๆ เข้าห้องประชุมประจำแผนก วินและคนอื่นที่กำลังปรึกษากันอยู่ หันขวับไปทางผู้มาใหม่เป็นตาเดียว กลเดินเข้าไปนิ่งๆ ยื่นกระดาษที่ตัวเองขยับจนยับให้วิน เจ้าตัวรับไปดูสีหน้าไม่แปลกใจสักนิด จะให้แปลกใจได้ไง ในเมื่อคนข้างล่างติดต่อขึ้นมาแจ้งแล้วว่าวัตลงไปข้างล่าง วินเลยสั่งให้คนคุ้มกันอยู่ห่างๆ เรื่องที่เจอรุจวินก็รู้ แค่ไม่ทำอะไร เพราะยังไม่ถึงเวลา

   ยังไงซะทางฝั่งนั้นพาตัววัตไปไม่ได้แน่นอน ตราบใดที่ยังอยู่ในสายตาของวิน นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รุจยังไม่ลงมือก็เป็นได้ คนที่ไม่รู้อะไรเลยคงมีแค่เจ้าหนูสองตัว

   วินกับกลไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เห็นท่าทางไม่เดือดร้อนของวิน กลก็พอจะรู้เรื่องทั้งหมด เลยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ พอโดนดวงตาสีเทาจ้อง ปมตรงหว่างคิ้วถึงหายเปลี่ยนมาเป็นสีหน้านิ่งตายไม่สื่ออารมณ์ตาเดิม คนอื่นๆ ที่เหลือนอกจากชินมองการสื่อสารผ่านทางโทรจิตของอาจารย์ลูกศิษย์อย่างเงียบๆ

   “ฉันเห็นผลสรุปที่นายส่งมาแล้ว กำลังคุยกับคนอื่นพอดี นายลองบอกความคิดของตัวเองหลังจากอ่านสรุปนี้ออกมาซิ”

   หัวหน้าแผนกสั่ง เด็กฝึกงานควบตำแหน่งลูกศิษย์และน้องเขย มีทางเลือกเดียวคือตอบ

   “พวกนั้นจะลงมือในอีกไม่ช้า เร็วสุดสามวัน ช้าสุดหนึ่งอาทิตย์” สั้นง่ายได้ใจความ ข้อมูลทุกอย่างทุกคนรู้อยู่แล้ว เพยีงแค่มาแลกเปลี่ยนความคิดหลังจากอ่านเท่านั้นเอง

   “พวกเราคิดเหมือนกัน แต่ฉันว่าเร็วสุดคือพรุ่งนี้ ดูวัตให้ดีๆ ในฐานะหัวหน้าแผนกที่ประสานงานกับนักโปรแกรมเมอร์และหน่วยงานอื่นๆ ฉันไม่อยากให้พวกมันได้ตัววัตไป ไม่งั้นเราคงทำงานได้ยากขึ้น ตอนนี้เรามีข้อมูลของทางนั้นครบหมดแล้ว ที่เหลือคือรอเวลาลงมือตามแผนการกับหาตำแหน่งที่แน่นอนของพวกนั้นให้เจอ”

   ทุกคนพยักหน้ารับ ไม่มีใครขัด การทำงานหนักตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่การกระทำโดยไร้ประโยชน์ ทุกสิ่งทุกอย่างของทางนี้ก็พร้อมแล้วเช่นกัน หากการเตรียมตัวของทุกฝ่ายเสร็จเมื่อไหร่ สามารถลงมือได้ทันที

   ชายร่างโปร่ง หลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่ ไม่มีสีหน้าแววตาจริงจังเช่นตอนแรก มันคือโฉมหน้าของคนเป็นพี่คนหนึ่งที่เป็นห่วงน้องชายจับใจ วินก้มหัวลงน้อยๆ แบบไม่สนว่าทุกคนตรงหน้าเป็นแค่ลูกน้อง

   “ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง ฉันขอยืมกำลังทุกคนปกป้องน้องชายด้วย”

   “ฉันขอร้องด้วยอีกคน” ชินเสริมขึ้นมาทำท่าแบบเดียวกับวิน แต่ละคนนิ่งอึ้ง มะลิที่มีอายุมากที่สุด รวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่าทุกคนในห้อง ยิ้มและถอนหายใจออกมา

   “พวกนายไม่ต้องลงทุนถึงขนาดนั้นหรอก พวกเราเข้าใจดี เรื่องนี้เรื่องใหญ่ยังไงก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว” วินกับชินเงยหน้าขึ้นออกปากขอบคุณสาวคนเดียวในแผนก บรรยากาศในห้องประชุมผ่อนคลายลง วาโยพูดทีเล่นทีจริง

   “พวกเราไม่ยอมให้แม่บ้านเป็นอะไรแน่ ทุกคนเป็นหนี้ชีวิตน้องวัต ถ้าเกิดไม่มีน้องวัตเราคงจะอดตายกันหมด”

   “วัตเป็นคนรักผม ผมไม่ยอมให้วัตเป็นอะไรไปอยู่แล้ว” คนสุดท้ายดูจะมาวินสุด วายุลุกจากเก้าอี้มากอดคอรุ่นน้องที่ดันสูงกว่า แอบทิ้งน้ำหนักเหมือนจะกดให้อีกฝ่ายเตี้ยลงให้ได้

   “น้อยๆ หน่อยไอ้เสือ พี่ชายบราค่อนอยู่ตรงหน้าตั้งสอง เดี๋ยวโดนขบหัวตายพอดี”

   “ยุอย่าแกล้งรุ่นน้อง” อัคคีผู้ดูแลแฝดสายลมวายุวาโยเอ็ดขึ้น เขากลัวเหลือเกินว่าถ้าเกิดขาดรุ่นน้องคนนี้ไป งานมากมายและการรองมือรองเท้าหัวหน้าคงตกใส่หัวเขาแหง พักหลังอุตส่าห์มีโอกาสให้พักหายใจหายคอ

   วินขำกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ชินบีบบ่าเบาๆ เจ้าตัวตบๆ มือบนบ่าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

   “เรื่องนอกประเด็นฉันจะคิดซะว่าไม่ได้ยินแล้วกัน ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมาก หลังจากนี้คงต้องเหนื่อยกันอีกเยอะ ไว้จบเรื่องฉันจะให้ทุกคนพักเต็มที่!”

   “เฮ้!!”

   “อย่าเพิ่งดีใจไป ใครทำพลาด ต้องทำงานส่วนของทุกคนในช่วงวันหยุด” เสียงเฮตอนแรกเงียบเป็นเป่าสาก

   “แยกย้ายไปทำงานได้”

   แต่ละคนบ่นอุบอิบโดยเฉพาะเจ้าแฝดดูจะเยอะสุดจนอัคคีต้องใช้มือปิดปากลากตัวออกไป ก่อนจะซวยมากไปกว่านี้ มะลิทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้จนพี่ชินต้องปลอบด้วยบุพเฟ่ของหวานฟรีสามที่สำหรับแม่ผู้ทำงานหนักและลูกผู้น่ารักทั้งสอง เธอถึงอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

   ในห้องประชุมจึงเหลือเพียงวิน ชินและกลสามคน หมาป่าไม่ทันออกปาก วินโบกมือไล่

   “อนุญาต จะขอวัตไปนอนด้วยใช่มั้ยล่ะ”

   อาจารย์พูดแบบรู้ทัน กลยิ้มขอบคุณแบบที่นานทีปีหนจะได้เห็นสักที ลับหลังกลออกไปชินหันมาคุยกับเพื่อนตัวเอง

   “ทำไมปล่อยง่าย ฉันคิดว่านายจะไม่ยอมซะอีก” ชินเลิกคิ้ว วินหัวเราะในคอ

   “ถือว่าให้รางวัลเด็กมัน ทำงานเกินวัย พักๆ ซะมั้งเดี๋ยวสมองจะฝ่อจนใช้การตอนโตไม่ได้พอดี ฉันไม่อยากได้คนใช้งานไม่ได้มาอยู่ในแผนก”

   คนฟังหัวเราะอย่างรู้ทัน กระแซะไหล่เพื่อนตามสไตล์ชินเวอร์ชั่นอยู่กับคนสนิท ไม่วางตัวแสนจะน่าพึ่งพาเหมือนทุกที

   “ใจอ่อนแล้วทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี้ไปได้ นายกลายเป็นพวกซึนเดเระตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาเถอะ จะแบบไหนฉันก็ชอบ ขอแค่เป็นนายพอ ซึนบ้างอะไรบ้าง ตรงมากบางครั้งฉันปวดใจนะ” ไม่พูดอย่างเดียวยังเนียนมาซบเลยโดนหลังมือเข้าหน้า

   “ไม่ต้องมาใช้ศัพท์แปลกๆ ตามเจ้าวายุ ใจอ่อนแค่ส่วนเดียว ที่เหลือเป็นไปตามที่พูด” ชินไม่ตอบโต้อะไร แค่ยิ้มหัวเราะเบาๆ

   “ขอบใจ ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะ”

   “เพื่อนายแล้วได้เสมอ ต่อให้สั่งฉันไปเป็นโล่บังกระสุนฉันยังทำให้นายได้ ขออย่างเดียว อย่าสั่งให้ฉันอยู่ในที่ ที่ไม่สามารถปกป้องนายได้ก็พอ”

   สีหน้าจริงจังถูกส่งมา วินไม่หลบความรู้สึกอีกฝ่าย แค่ยิ้มรับและยักคิ้วให้

   “อย่าห่วงเลย ฉันสัญญาแล้วไม่มีทางทำผิดสัญญาเด็ดขาด ต่อให้เป็นนรก ฉันก็จะพานายไปด้วย นายพร้อมรึเปล่าล่ะหืม?”

   “พร้อมเสมอ สำหรับนาย” ชินยกมือที่กุมกันของอีกฝ่ายมาแตะริมฝีปากเบาๆ ก่อนแยกทำงานตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น วาโยที่กลับเข้ามาสอบถามไม่เอะใจอะไรเลยสักนิด


   กลับมาทางวัต รอเกือบชั่วโมง ในที่สุดหมาป่ายอมเสด็จกลับราชฐานสักที อารมณ์กรุ่นๆ ตอนขาไปพอกลับมีสีหน้าดูดีขึ้น

   “คืนนี้นายนอนกับฉัน”

   ผมอ้าปากค้าง เป็นไปได้ไงพี่วินยอม? หรือหมาป่ามันโมเมเอาเอง??

   “ฉันขออาจารย์มาแล้ว ถ้านายสงสัยจะออกไปถามก็ได้ แต่หลังจากที่ฉันจัดการนายเสร็จ”

   ใบหน้าหล่อๆ ยื่นเข้ามาใกล้พูดด้วยน้ำเสียงในคอ ตอนนี้นายอยู่นอกเกมนะ ไม่ได้เป็นหมาป่าเหมือนในเกมสักหน่อย อย่าทำเหมือนจะคำรามแบบนั้นสิ

   กลตัดกำลังผมแบบจัดเต็มไม่พอ ตัวผมช่างน่าสงสาร ถูกรังแกแล้วยังต้องเอาใจหมาป่าให้อารมณ์ดีอีก ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย อยู่ข้างล่างว่าหนัก พอต้องมาอยู่ข้างบนให้หมาป่ารังแกเหนื่อยเพิ่มอีกสิบเท่า เวลานี้เลิกคิดเรื่องก้าวเท้าออกจากห้องได้เลย

   หากเทียบกับในเกม หมาป่าได้รับการฟื้นฟูพลังเต็มเปี่ยม แถมยังบัพเพิ่มความสามารถจนกระปรี้กระเปร่า ส่วนผมโดนทำดาเมจรัวๆ เลือดเหลืออยู่ก้นหลอดปล่อยให้หมาป่าบริการพาไปอาบน้ำเสิร์ฟอาหารถึงเตียง ตัวต้นเหตุกลับไปทำงานสลับแวะมาดูผมเป็นระยะ ส่วนผมนอนแผ่อยู่บนเตียง มีแมวสองตัววนเวียนใกล้ๆ

   ผมนอนคว่ำหน้า นายท่านกระโดดทับผมเหมือนทุกที แต่ร่างกายผมมันไม่ปกติเหมือนเดิม ขุนพลไม่รู้คึกมาจากไหน ตามมาสมทบบนหลังผมอีกตัว ลามไปแถวสะโพก เจ็บร้าวเหลือเกิน กว่ากลจะกลับมาดูใจ ผมแน่นิ่งใต้ตัวแมวไปเรียบร้อย

   ฝากให้อาหารแมวข้าด้วย คร่อก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 10-08-2015 19:01:07
เหตุเกิดจากความหมันไส้นี่เอง  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-08-2015 19:21:26
อ้างถึง
“เห็นนายตอนโตแล้ว อยากขังนายไว้ในห้อง”

   น้ำเสียงเรียบเรื่อยแฝงความเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ผมตบหัวหมาป่าปุ๊ๆ
บอกเลย กรี๊ดมากอ่ะตรงนี้อ่ะ กลโคตรน่ารักอ่ะ แบบมันฟินเวอร์ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-08-2015 19:34:25
โอ๊ยกลน่ารักๆ :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 10-08-2015 19:35:36
มาต่อไวไวนะ

มันค้าง

กำลังสนุกเลยค่ะ 

  :bye2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 10-08-2015 19:58:28
ท่าดื่มเลือดนี่ฮิโรติกดีเนอะ หุหุ
อยากเห็นวัตตอนโตเต็มวัยบ้าง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-08-2015 20:09:30
กลต้องเป็นมาโซแน่ๆเลยยย :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 10-08-2015 20:49:26
พี่วัต เจ้าเล่ห์ว่ะ แต่ชอบ  :z6:โดนกลถีบ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 10-08-2015 21:14:41
มาตีพังพอนช่วยแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 10-08-2015 21:45:03
งานนี้คนให้ภารกิจเหงื่อแตกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-08-2015 21:56:25
กลสมหวังล่ะสิ 5555555 หื่นที่สุดด
สงสารไวไวนะ แต่ชอบลินเวอร์ชั่นนี้ที่สุด!!!
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 10-08-2015 23:40:40
เป็นท่ากินเลือดที่อีโรติกมาก อ่านแล้วฟินนนน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-08-2015 23:42:43
กลตอนเปนแวมไพร์ เท่ออร่ากระจายยยย
ดีแระลากไปกลางหมู่บ้านเบย หมั่นไส้อินาคา!!!
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 11-08-2015 00:41:12
 o22 นี่เราโดนรูปลักษณ์เจ้าลูกเทนนิสสีทองหลอกมาตลอดเลย
เชื่อแล้วว่าทำไมคำสาปแวมไพร์ถึงเหมาะกับวัต คนเจ้าเล่ห์

นี่แค่โดนมัดมือชกทำเควสต์ ถึงกับจะพามอนฯ ไปถล่มหมู่บ้านเชียว
สู่สุขคตินะชาวนาคา :z6: โดนลูกบ้านถีบ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 11-08-2015 20:54:22
สนุกๆๆๆ เอาอีกๆๆ จะตีบอสพังพอน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่เคย ที่ 11-08-2015 21:18:55
ความคิดวัตนี่สะใจจุงง  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-08-2015 00:01:52
ร้ายกาจและฉลาดกันเกินปาย 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 12-08-2015 09:07:17
เจ้าเล่ห์นะ หึหึ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 12-08-2015 13:37:02
แผนไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นเลยใช่ไหม? ไวไวก็ให้เพื่อนดูเทพหน่อยก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 12-08-2015 14:37:10
กล หื่นเฟ่อร์  :oo1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 12-08-2015 20:34:55
55อยากเห็นนาคาโดนถล่มมาต่อไวๆ :hao7:น้าา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-08-2015 01:18:45
ชาวนาคาคงผวากันหล่ะงานนีั5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 13-08-2015 18:20:33
โอ๊ยยยยยยย อยากอ่านต่อแล้วววววววววว
มาต่อไวๆน๊า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.29 แรนดอม 10/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 13-08-2015 18:44:32
แวะมาส่อง อยากอ่านอีกตอนไวไวจังจ้าคนเขียน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 17-08-2015 19:22:37
Lv.33 สาย

   ผมฟื้นสภาพหลังจากนั้นสามวัน กลับมาฟิตปกติอีกครั้ง พร้อมคิดบัญชีทั้งหมาและแมวด้วยการปล่อยให้นอนด้วยกันหมด ส่วนผมกลับไปนอนห้องพี่วินตามเดิม กลฮึดฮัดนิดหน่อย แต่พอมีคนเดินผ่านไอ้อาการเหมือนเด็กโดนขัดใจกลับเป็นนิ่งเงียบจนผมเริ่มเป็นห่วง สักวันกลจะมีปัญหาสองบุคลิครึเปล่า คงต้องดูแลดีๆ

   ก่อนหน้านี้ผมว่าทุกคนงานยุ่งจนหัวหมุนแล้ว มาช่วงนี้แลจะหนักกว่าเดิม แทบไม่มีเวลากินข้าวเป็นกิจลักษณะ ผมต้องทำของง่ายๆ แต่คุณประโยชน์ครบถ้วนให้ทุกคนทาน

   ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวลงมืออย่างจริงจัง หลังจากต้องรอฝ่ายนู้นฝ่ายนี้พร้อมมานาน หน้าที่ของผมคือเป็นแม่บ้านต่อไป สงบเสงี่ยมอยู่ในแผนก ไม่ออกไปซนที่ไหน เพราะพี่ชินเตือนว่าคนพวกนั้นเริ่มมาป้วนเปี้ยนแถวบริษัทและเป็นคำขอของกล

   ระหว่างที่ผมกำลังทำตัวเป็นนางซินเพ่งรอยเปื้อนตรงพื้นหน้าลิฟท์ พยายามขัดถูให้ใสปิ้ง ประตูลิฟท์เปิดออก ชายร่างโปร่งเดินฉับๆ เข้ามาชะงักเท้าตรงหน้าผม พอเงยหน้าไล่ขึ้นมอง กางเกงสแล็คสีเทา เสื้อเชื้ตสีขาวกับใบหน้าคุ้นเคย

   “มาก้มหาเศษเหรียญอะไรตรงนี้ หลบสิ มันเกะกะขวางทางเดินคนอื่นเขา”

   “ผมไม่ได้หาเศษเหรียญสักหน่อยคุณลาส กำลังทำความสะอาดอยู่ต่างหาก”

   ผมพูดพลางลุกขึ้นหลบทางให้หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล ตั้งแต่มาสถิตอยู่แผนกพี่วิน ครั้งนี้ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณลาสมาถึงที่นี่ ฝ่ายบุคคลกับโปรแกรมเมอร์มันคนละส่วนกันนี่นา เอาเถอะ การทำงานแบบองค์กรใหญ่ สุดแสนจะลึกลับซับซ้อน ยิ่งเป็นบริษัทที่มีคนธรรมดาอยู่น้อยนิด จะโผล่กันข้ามแผนกคงไม่แปลกมั้ง

   “ขยันดีนะ น่าจะลงไปทำที่แผนกฉันบ้าง” เขาเลิกคิ้วมองพื้นเงาวับ

   “ไม่เชิงขยัน แค่ว่างจัดไม่มีอะไรทำมากกว่าครับ คุณลาสมาหาพี่วินเหรอ”

   “อืม”

   เขารับคำนิ่งๆ แล้วเดินดุ่มๆ เลี้ยวเข้าห้องพี่วิน ผมมองตามตาปริบๆ กลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง กวาดพื้นก็ทำแถว ถูก็ถูแล้ว ส่วนห้องนอนทุกคนแทบไม่ต้องทำอะไร ในเมื่อแต่ละคนไม่ได้เข้าไปนอนเลย ตายดับคาห้องทำงาน ไปแปรงขนเจ้าสองเหมียวก็ได้ฟะ

   ผมจับแปรงขนแมวเดินไปหาสองเหมียวที่กำลังนอนสบายใจอยู่บนเบาะนอนของตัวเอง พอนายท่านกับขุนพลเห็นแปรงในมือผม กระโดดหนีไปคนละทิศ อะไรฟะ แค่แปรงขนบ่อยๆ จนเอามาปั้นเป็นอีกตัวได้แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องหนีกันเลย

    หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลออกจากห้องพี่วินเห็นผมไล่จับแมวอยู่ตรงทางเดินเลยคว้าคอผมไว้

   “มันไม่ใช่สถานที่วิ่งเล่นนะ ถ้าว่างขนาดมากวนแมวแบบนี้ไปช่วยงานฉันดีกว่า” ผมหันขวับ

   “ผมยังเรียนไม่จบเลย จะให้ไปทำงานที่แผนกคุณลาสไม่ดีมั้ง”

   “แล้วใครบอกให้นายไปทำงานแบบนั้นกัน ฉันลืมหยิบของมาให้เจ้าซาตานเผด็จการ นายตามฉันลงไปเอาขึ้นมาที ไม่อยากขึ้นมาอีกรอบ”

    ไม่รอให้ผมตอบตกลง แขนยาวๆ คว้าคอลากเข้าลิฟท์กดลงชั้นล่าง สองเหมียวนั่งอยู่หน้าลิฟท์ดูโล่งใจสุดๆ ส่ายหางไปมา ถ้ามันโบกมือลาสะบัดผ้าเช็ดหน้าได้คงทำไปแล้ว ใช่ซรี้ เวลาหิวอย่ามาง้อเค้าแล้วกัน

   ลิฟท์เลื่อนลงชั้นล่างตามตัวเลขที่ลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงชั้นห้า ผมพอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมคนข้างตัวเองไม่อยากเทียวขึ้นเทียวลง อยู่ห่างกันเป็นสิบชั้นเสียเวลาตาย ชายผมเงินไม่พูดอะไรเดินนำไปลานจอดรถชั้นที่ตัวเองทำงาน ทักทายคนอื่นแค่พยักหน้าเล็กน้อย ปกติคุณลาสเป็นคนนิ่งๆ ก็จริง แต่ขี้บ่นมากจากการรับรองของพี่วินกับประสบการณ์ที่ผมเคยเจอมากับตัว ไหงถึงเงียบผิดปกติหนอ ผมว่ามันชักยังไงแล้วสิ

   “ฉันมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน” คุณลาสพูดทำลายความเงียบ ผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ เหมือนว่าเขาพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ต้องการคำโต้ตอบจากผม

   “เธอชื่อคาเรน ปีนี้อายุ 4 ขวบ นี่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดเธออีกไม่กี่วัน ฉันยังไม่มีของขวัญจะให้เธอเลย”

   “เด็กผู้หญิงซื้อพวกตุ๊กตาน่าจะชอบนะครับ” ผมตอบไปตามที่คิด คุณลาสชะงักฝีเท้าหันมามองผม ตอนนี้พวกเรายืนอยู่ในลานจอดรถ รอบข้างไร้วี่แววของผู้คน มีเพียงรถจอดอยู่ไม่กี่คัน

   “นั่นสินะ ขอบใจที่ช่วยคิดและขอโทษ...”

   เอี๊ยดดด!

   เสียงล้อยางเสียดสีกับพื้นเรียบ รถติดฟิมล์ดำคันหนึ่งจู่ๆ เปิดไฟสูงกระทันหัน เหยียบคันเร่งพุ่งมาทางพวกเรา ผมยกแขนปิดตา วิ่งหลบพร้อมกับลากคนข้างตัวไปตัว แทนที่คุณลาสจะวิ่งตามผม กลับเป็นฝ่ายคว้าแขนจับผมไว้ซะเอง ไม่ทันจะได้พูดอะไรอีก รถสีขาวจอดเทียบด้านข้างพร้อมกับประตูที่เปิดออก ตัวผมถูกชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนคว้าเอาไว้

   “คุณลาส! นี่มันเรื่องอะไรกัน ปล่อยนะเว้ยไอ้พวกคิงคอง!!”

   ผมตวาดถามอย่างไม่เข้าใจ แขนขาเอามาใช้เป็นอาวุธ ซัดหมัดเข้ากลางท้องคนที่คิดจะมาจับผม สรุปเป็นผมกระโดดเหยงๆ สะบัดมือไล่ความเจ็บ ส่วนมันไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด อีกตัวหมายรวบตัวผมจากทางด้านหลัง หางตาผมเหลือบไปเห็นพอดีเลยย่อตัวหลบใช้หัวเสยคางแม่ง เจ็บน้ำตาเล็ดหัวปูดแล้วเนี่ย ส่วนไอ้บึกผงะถอยไปกุมคาง แม้ผมจะต่อยตีไม่เก่ง ไม่ได้ฝึกวิชาการป้องตัวมาแบบคนอื่น ก็ยังพอเอาตัวรอดได้บ้าง ยังดีกว่าโดนจับไปแบบโง่ๆ

   สองเท้าวิ่งหลบใช้ขนาดตัวให้เป็นประโยชน์ ตัวผมสูงตามมาตรฐานชายไทย คนพวกนั้นเป็นคนต่างชาติเทียบกันแล้วผมดูเหมือนเด็กน้อยไปเลย อีกสิ่งที่ผมสังเกตได้คือ คนพวกนั้นแค่ต้องการจับตัวผมเฉยๆ ไม่มีการทำร้ายร่างกาย เลยใช้อุปกรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น พอจะเดาได้แล้วล่ะว่าเจ้าพวกนี้เป็นคนของใคร

   ส่วนตัวผมไม่ใช่คนมีศัตรูอะไร ปัจจุบัน มีอยู่คนเดียวที่เป็นปัญหา รุจ!

   “ใช้การไม่ได้ เจ้าพวกสมองกล้ามเนื้อไร้หัวคิด แค่จับเด็กคนเดียวยังทำไม่ได้ เอานี่ไป ทำให้มันสลบ ห้ามทำอะไรนอกเหนือจากนั้นเด็ดขาด”

   ตายยากชะมัด นึกถึงไม่ทันไร โผล่หัวออกมาจากรถโยนผ้าให้สองคนร่างบึก ทำเป็นละครหลังข่าวไปได้โปะยาสลบ ไอ้บ้าเอ๊ย! เผ่นสิครับ จะรอให้พ่อตัดริบบิ้นรึ ผมโกยแน่บ อาศัยจังหวะพวกมันมัวแต่เล่นรับส่งผ้านี่แหละ เป้าหมายคือประตูบริษัท ขอแค่ผมเข้าไปในบริษัทได้ก็จะปลอดัย เรื่องกล้องวงจรปิดในลานจอดรถ ผมไม่หวังพึ่งอะไรมันอยู่แล้ว แวบๆ ว่าจะเห็นยามนอนกองอยู่หลังเสาด้วย

   รุจเป็นพวกนักโปรแกรมมือฝีมือร้ายกาจแบบพี่วิน การที่เขามาจับตัวผม ต้องจัดการพวกกล้องวงจรปิดไปหมดแล้วแน่นอน ถ้ามันสั่งการด้วยสมองหรือเสียงก็ดีสิ ผมจะได้ใช้ความสามารถของตัวเองในการสั่งให้มันแจ้งเหตุด่วนไปหาห้องรปภ.

   เสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งไล่ตามหลัง มันดังก้องไปทั่วลาน ผมไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองให้เสียเวลา ตรงหน้าคือประตู จวนจะถึงอยู่แล้ว ไอ้พวกตัวบึกกระโดดชาร์จล็อกตัวผมไว้กับพื้น ตัวกระแทกรวมกับน้ำหนักจากทางด้านหลังจนรู้สึกจุก ผ้าผืนใช้เปียกชื้นไปด้วยยาสลบถูกโปะบนหน้า ผมรีบกลั้นหายใจพยายามดิ้นขัดขืน

   ผมเริ่มกลั้นหายใจต่อไปไม่ไหว สติของผมเริ่มเลือนราง ร่างกายของผมถูกแบกขึ้นบ่ากลับไปโยนใส่รถตรงเบาะหลัง ได้ยินเสียงคนคุยกันจากที่ไกลๆ แล้วผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย...

   “พี่คะ”

   “พี่ชาย ขี้เซาจัง ตื่นสิ ไม่งั้นจะเขียนหน้าแล้วนะ”

   เสียงเล็กใสไม่ทำให้ผมสะดุ้งได้เท่าเขียนหน้า มุกนี้ยังเล่นกันอีกเรอะ! ผมขมวดคิ้วค่อยๆ ลืมตาพบกับแสงสว่างจ้าจากหลอดไฟ จนต้องกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตา สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าน่ารักของเด็กผู้หญิง ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย ดูยังไงก็เหมือนกับตุ๊กตาฝรั่ง ยิ่งมีผมสีเดียวกับคุณลาส

   “เย้ พี่ชายตื่นแล้ว พ่อคะ พี่ชายตื่นแล้วค่ะ! หนูเก่งใช่มั้ยปลุกได้ด้วย” สาวน้อยส่งเสียงเจื้อแจ้ววิ่งไปหาชายอีกคน ผมพยุงตัวลุกขึ้น รู้สึกหัวหนัก มันตื้อๆ เหมือนคนมีอาการเมาค้าง คิดว่ายาสลบคงแรงพอดู

   “คาเรนของพ่อเก่งมากเลย แล้วจะเก่งกว่านี้ถ้าไม่ส่งเสียงดังนะคะ”

   เด็กน้อยยกสองมือเล็กปิดปาก หยักหน้ารับหงึกๆ ท่าทางน่ารักน่าชัง ผมคงจะยิ้มกับเธอได้ ถ้าไม่เงยหน้าไปเจอพ่อเด็ก

   “คุณลาสผมต้องการคำอธิบาย พาผมมาเอาของซะไกลเลยนะครับ”

   ผมกัดฟันพูดประชด แทบจะแยกเขี้ยว ถ้าอยู่ในร่างแวมไพร์เหมือนในเกมนี่กระโดดเข้าไปขย้ำคอแล้ว

   “เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง เป็นยังไงบ้าง ยังมึนหัวอยู่รึเปล่า ดื่มน้ำสักหน่อยเผื่อจะดีขึ้น”

   ชายผมเงินอุ้มลูกสาวด้วยแขนข้างหนึ่ง อีกข้างส่งแก้วน้ำมาให้ผม ผมไม่รับแก้วมา เพิ่งจะโดนหลอกมาหยกๆ จะให้เชื่อยอมดื่มไปได้ยังไง เกิดผสมยาอะไรแปลกๆ ผมก็แย่สิ

   คุณลาสเห็นท่าทางของผม เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วดื่มน้ำให้ดูแล้วส่งมาให้ผมอีกครั้ง

   “น้ำธรรมดา ฉันไม่ใส่ยาอะไรหรอก ดื่มซะ”

   อีกฝ่ายยืนยันขนาดนี้ แถมมีการทดลองให้เห็น ผมกลืนน้ำลาย รู้สึกคอแห้ง ยอมรับน้ำมาดื่มไม่ทิฐิต่อไป แต่ยังคงไม่ไว้ใจอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก พอผมดื่มหมดจากครึ่งแก้วที่เหลือ เขาเห็นว่าผมยังไม่พอเลยรินให้เพิ่ม ก่อนเดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง

   ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเดี่ยวกลางห้องโล่ง มีแค่โต๊ะวางเหยือกน้ำ กับเก้าอี้ ถัดไปเป็นด้านขวาเป็นประตู ต้องใช้ระบบแสกนรอยนิ้วมือในการเข้าออก รอบด้านเป็นกำแพงบุนวมสีขาว มีเพียงด้านเดียวที่มีกระจกบานใหญ่ เห็นคนเดินผ่านไปมาเป็นระยะ

   “ผมหลับไปนานเท่าไหร่”

   คำถามสุดคลาสสิกสำหรับคนหมดสติหรือโดนมอมยาสลบเพื่อระบุว่าตัวเองอยู่ในสภาวะไร้การป้องกันมานานเท่าไหร่ และเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนหนีต่อไป

   “แปดชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงเย็น อีกเดี๋ยวจะมีคนเอาอาหารมาให้ กินไปคุยไปแล้วกัน”

   สักพัก มีคนเอาอาหารมาให้จริงๆ ด้วย ไม่ใช่ของกินหรูหราอะไร แต่ก็ไม่เลวร้ายเหมือนให้นักโทษกิน ผมนั่งทานเงียบๆ ตาคอยมองคุณลาสที่กำลังป้อนลูกสาว พอเห็นผมจ้องมากๆ เข้า คงนึกรำคาญยอมอธิบายสักที

   “คาเรนถูกจับเป็นตัวประกัน ฉันเลยต้องทำงานให้กับพวกมัน”

   ผมขมวดคิ้ว คำอธิบายแค่นี้ยังไม่พอ

   “แล้วคุณแม่ของคาเรนอยู่ที่ไหน” คุณลาสดูเป็นคนรักครอบครัว ในเมื่อลูกสาวอยู่ที่นี่ไม่ยอมให้ห่างตัว ภรรยาล่ะ หวังว่าคงไม่...

   ชายผมเงินจ้องมองผมอย่างไม่พอใจ พอเห็นว่าผมแสดงสีหน้าสลดไปวูบหนึ่ง

   “เธออยู่ในที่ปลอดภัย ฉันรู้ตัวช้าเกินไป เลยช่วยได้แค่ภรรยาเท่านั้น” เขาพูดพลางลูบผมของลูกสาวแผ่วเบา แม้จะไม่บอกเป็นคำพูด แต่ท่าทางของคุณลาสไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคาเรนแน่นอน

   ผมต้องหาทางหนี ไม่อยากเป็นตัวสร้างปัญหาให้พี่วิน ถึงงั้นก็เหอะ ขอถามหน่อยแล้วกัน มันค้างคาใจ!

   “คุณทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

   คุณลาสนิ่งไปมองสบตาผมนิ่ง แววตาของเขาฉายความรู้สึกผิดออกมา

   “สามอาทิตย์ก่อน”

   “แสดงว่าวันที่ผมเจอคุณลาสในเกม กับวันที่รุจโผล่มาครั้งแรก คุณก็อยู่ฝั่งเดียวกับเขาแล้วสินะ”

   “ใช่…”

   บทสนทนาของเราจบลงด้วยความเงียบ ผมนึกย้อนกลับไป ช่วงเวลาที่ผมกำลังสนุกสนานอยู่ในเกมกับพวกเพื่อน พวกพี่วินกำลังหัวหมุนกับการสืบหาองค์กรที่รุจทำงานให้ ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ต้องพบกับความกดดันและความกังวลมากแค่ไหน ผมถอนหายใจ ความโกรธในตอนแรกตอนถูกหักหลังลดไปเกือบครึ่ง ถึงงั้นก็ยังแอบเคืองอยู่ดี คนฉลาดๆ อย่างคุณลาสน่าจะมีวิธีอะไรสักอย่างให้ตัวเองหลุดจากสถานการณ์แบบนี้

   แรงสะกิดจากใต้โต๊ะดึงให้ผมออกจากห้วงความคิด ผมขมวดคิ้ว คุณลาสนั่งหันหลังให้กล้องวงจรปิดภายในห้อง เขาจับมือลูกสาวแบออกแล้วมองโต๊ะพร้อมเท้าสะกิดขาผม แวบแรกผมยังไม่เข้าใจ เขาทำซ้ำอีกรอบค่อยถึงบางอ้อ แบมือข้างที่ไม่ถนัดไว้ใต้โต๊ะ ส่วนมือขวาจับขนมปังกินตามปกติ

   สัมผัสบนฝ่ามือ คุณลาสใช้นิ้วเขียนบอกอะไรบางอย่างเหมือนที่ผมชอบเล่นกับเพื่อนตอนเด็ก ข้อความนั้นมีแค่คำสั้นๆ ไม่กี่คำ

   จะ

   พา

   หนี

   ผมตาโต แทบเก็บสีหน้าดีใจไว้ไม่ไหว จนคุณลาสต้องส่งแรงเข้ามาสะกิดผมแรงๆ อีกทีให้สะดุ้งโหยง รองเท้าหนังมันเจ็บนะคุณ!

   “เรื่องที่เหลือไว้ฉันค่อยเล่าวันหลัง”

   “ไว้เจอกันใหม่นะคะพี่ชาย” คุณลาสลุกขึ้นถือพวกถาดอาหารจูงมือลูกสาวที่โบกมือยิ้มน่ารักให้ผมเดินออกจากห้องไป

   ถ้าแปลความหมายดีๆ คงจะบอกว่า เรื่องวันเวลาแผนการหลบหนีเอาไว้คุยกันอีกที

   ช่วงผมอยู่ในห้อง คุณลาสกับคาเรนจะแวะมาเยี่ยมเสมอ เรานัดแนะผนการกันเงียบๆ อาศัยคุณลาสที่สำรวจจนรู้เส้นทางในองค์กรเป็นอย่างดี ในการหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้

   วันที่ผมรอคอยมาถึง คืนวันที่สี่อาศัยช่วงเวลาในตอนกลางคืนที่พนักงานทั้งหมดกลับไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง เหลือแค่เพียงพวกการ์ดเดินลาดตระเวณโดยรอบ คุณลาสมีตารางเวลาและตำแหน่งของการ์ดพวกนั้นทั้งหมด เขาเลือกเส้นทางที่สั้นและปลอดภัยมากที่สุด

   “ตามมา ระสังกล้องด้วย” คุณลาสเดินนำผมออกจากห้อง เขามองซ้ายขวา ผมทำตามวิ่งตามหลังไปติดๆ

   อาคารถูกแบ่งเป็นสามส่วน ด้านในสุดใจกลางของอาคารคือจุดที่รุจทำงาน ถัดมาเป็นห้องควบคุมต่างๆ รอบนอกสุดจะเป็นที่พักของพวกนักวิจัย เราจะออกไปทางส่วนนี้

   ระหว่างทางเจอพวกการ์ดกับนักวิจัยเป็นระยะ รอกระทั่งพวกเขาเดินไปผมกับคุณลาสถึงออกมาจากที่ซ่อน รีบตรงไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ด้วยเหตุนี้กว่าจะหลุดจากชั้นใต้ดินขึ้นมาถึงส่วนของที่พักนักวิจัยเล่นเอาเสียเวลาไปไม่น้อย

   “เดินผ่านทางนี้ไปเราก็จะถึงที่หมาย…” ชายผมเงินพูดไม่ทันจบประโยค เสียงแจ้งเตือนคนหลบหนีดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ

   “บัดซบ! วิ่งเร็วเข้า”

   “งานเข้าแล้ว” ผมวิ่งสุดฝีเท้าไปตามทางยาว ตรงทางแยกมีพวกการ์ดโผล่มา ผมกับคุณลาสพร้อมใจกันคว่ำกระถางต้นไม้แถวนั้นเพื่อชะลอการไล่ตาม ทันทีที่เราเลี้ยวตรงหัวมุมวิ่งออกมาจากอาคาร รอบข้างผมเห็นเป็นป่าและคนที่ผมเกลียดที่สุด

   “รุจ!”

   “หึหึ คิดว่าฉันไม่รู้แผนการตื้นๆ ของพวกนายหรือไงกัน ยอมรับว่าพวกนายเก็บอาการดีมาก แต่นายพลาดไปอย่างนะลาส เพราะฉันไม่เชื่อใจนายตั้งแต่แรกและที่นี่คือถิ่นของฉัน”

   “ไม่อยากจะใจตรงกันกับไอ้วิปริตเลยแฮะ ฉันไม่เคยเชื่อใจนายเหมือนกัน วัตพาคนเรนหนีไป ตรงนี้ฉันจะจัดการเอง”

   เด็กสาวตัวน้อยถูกอุ้มส่งมาให้ผม เธองัวเงียตื่น ดวงตากลมโตแปลกใจกับสิ่งที่เห็น รอบกายถูกล้อมไปด้วยคนมากมาย ทุกคนถือกระบองไฟฟ้า คงกลัวว่าถ้าใช้ปืนผมแล้วผมอาจจะโดนลูกหลง

   “บ้าน่า คนเยอะขนาดนี้คุณจะรอดได้ไง ขนาดเปิดทางให้ผมยังยากเลย คนจริงๆ นะ ไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่หรือพระเอกในหนัง” ผมสวนกลับ

   “ฉันมีเจ้านี่”

   เขาคุ้ยดินหลังกระถางหน้าอาคารหยิบวัตถุทรงกลมมีห่วงตรงส่วนหัว ผมตาโตอ้าปากข้าง ไปเอามาจากไหน ชายผมเงินไม่พูดพล่ามทำเพลง คุณลาสดึงสลักขว้างลูกแรกใส่พวกที่อยู่ตรงหน้าประตู ขว้างกันดื้อๆ คนที่ยืนบื้อรอระเบิดก็โง่เต็มทน เสียงระเบิดตูมดังสนั่นจนอาคารสะเทือน ทางด้านหน้าโล่งไร้การ์ด

   ชายผมเงินผลักหลังผมไปทางนั้น เขาวิ่งตามหลังโยนพวกระเบิดกันไม่ให้พวกนั้นวิ่งตามมา

   ปัง!

   เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงล้มลงของคนที่วิ่งตามหลัง ผมหันกลับไปมอง

   “พ่อคะ!!”

   คาเรนหวีดเสียงร้อง ผมจับหน้าเธอให้ซุกกับอก ขณะวิ่งเข้าไปหาคุณลาสที่ถูกยิงด้านหลังทรุดคุกเข่าอยู่บนพื้น คนยิงไม่ใช่ใครอื่น รุจถือปืนจ่อมาทางพวกเรา เขาเดินเข้าใกล้ทีละก้าว... ทีละก้าว

   “อย่าคิดว่าฉันไม่กล้ายิงนะวัต การจะยิงขาหรือแขนตัดความเคลื่อนไหวเธอนั้นสบายมาก หรือจะเอาเป็นยัยหนูคนนั้นดี”

   คาเรนร้องไห้เรียกหาพ่อ คุณลาสกัดฟันไล่ผมทั้งที่ตัวเองเจ็บหนัก

   “ไป...! พาคาเรนไป”

   “แต่...”

   “ไปสิ! ฉันเชื่อว่าพวกซาตานต้องอยู่แถวนี้แล้ว” ฉายาพี่วินทำให้รุจชะงัก เขาลดปืนลงมองด้วยแววตายินดี

   “นายจะบอกว่าวินมางั้นเหรอ... โอ๊ย!”

   คุณลาสไม่ตอบแถมยังคว้าก้อนหินขว้างใส่แล้วฝืนลุกขึ้นดันหลังผมแล้วออกวิ่งไม่สนใจเลือดสีแดงที่ซึมเป็นวงกว้างบนเสื้อ ใบหน้ามีเม็ดเหงื่อเกาะพราว กัดฟันข่มความเจ็บจนเห็นกรามนูน เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด เฉียดขาผมไปนิดเดียว

   ผมคิดอย่างสับสน หมายความว่ายังไง พวกพี่วินมาแล้วงั้นเหรอ ผมจำได้ว่าล่าสุดพวกพี่ยังไม่รู้ที่ตั้งของพวกมันนี่

   “คิดรึว่าจะหนีพ้น ฉันขอขานายสักข้างแล้วกันนะวัต”

   มีการ์ดโผล่มาจากหลังต้นไม้ยืนขวางหน้าพวกเรา ด้านหลังคือรุจถือปืนไล่ตาม ปืนถูกเหนียวไกอีกครั้ง ผมจ้องเขม็งเตรียมรับความเจ็บปวด ในชั่วพริบตานั่นชายผมเงินโถมกายกอดรวบตัวผมกับคาเรนหลบไปอีกทาง กระสุนปืนเฉียวขาของเขาแทน

   “ชิ เกะกะขวางทางจริงไอ้หนูโสโครก เอาตัวทดลองกับเด็กผู้หญิงนั่นมา” รุจสั่งการ ลูกน้องเข้ามารวบตัวผม

   “พ่อคะ พ่อ! ตอบหนูสิ!!” คาเรนร้องไห้หนักจนน่าสงสาร เธอพยายามจะไปหาพ่อลูกเดียว ผมกอดเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้พวกมันแย่งเธอไปจากผม คุณลาสเสียสละปกป้องผมหลายครั้ง ผมเองก็ต้องปกป้องคนสำคัญของเขาเช่นกัน

   “เฮ้ย ปล่อยสิวะ”

   พอเห็นว่าหัวหน้าตัวเองยิงเอาๆ ลูกน้องคิดว่าทำร้ายร่างกายไปคงไม่เป็นไร ท่อนแขนหนักซัดหลังผมจนเซไปด้านหน้า ในช่วงที่ผมคลายวงแขนแค่นิดเดียว มันพาตัวคาเรนไปแล้วรวบตัวผมจนดิ้นไม่หลุด เสียงเด็กน้อยกรี๊ดบาดใจคนเป็นพ่อ

   “ปล่อยลูกฉัน ไอ้พวกชั่ว!”

   ชายผมเงินคลานกอดขาคนที่จับคาเรนไว้แน่น ก่อนถูกซัดจนหงาย แน่นิ่งไปบนพื้น

   “คุณลาส!!” ผมตะโกนออกแรงดิ้นจนโดนซัดเข้าท้องไปอีกหมัด จุกเจ็บจนพูดไม่ออก

   “แล้วหมอนี่จะทำยังไงครับนาย” คนลงมืออย่างร้ายกาจหันไปถามนายตัวเองด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

   “ปล่อยมันตายไป วินกำลังมา เราต้องรีบลงมือไม่งั้นสิ่งที่ฉันวางแผนมาตลอดได้พังทลายลงไปแน่ๆ ไปลากไอ้พวกนักวิจัยมาให้หมด ฉันจะเริ่มเดินระบบทันทีที่ไปถึงห้องควบคุมหลัก”

   “ครับ!”

   พวกมันรับคำ แบกผมและอุ้มคาเรนกลับเข้าไปในอาคาร ผมมองร่างชายผมเงินที่ออกห่างไปเรื่อยๆ ขอร้องล่ะ ถ้าเกิดพวกพี่วินกำลังมาจริงๆ ขอให้ช่วยคุณลาสทันด้วยเถอะ

   ผมถูกพามาห้องกว้าง ดูแล้วคงเป็นศูนย์กลางของที่นี่ แต่ละคนประจำตำแหน่งของตัวเอง ตรวจเช็คสภาพของระบบ เบื้องหน้าผมคือเตียงแคปซูลที่มีเครื่องกับสายอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ถัดไปเหมือนจะเป็นระบบสมองกลขององค์กรที่ควบคุมทุกอย่างรวมถึงการแทรกแซงระบบของชาวบ้านด้วย มันมีรูปร่างเหมือนลูกเต๋าขนาดใหญ่ เชื่อมสายเส้นโตขึ้นไปบนเพดานกับใต้ฐาน

   ใช่ว่าผมไม่คิดอยากจะหนี ผมคอยมองหาลู่ทางมาตลอด แทบไม่มีช่องให้เล็ดลอดออกไปได้เลย ที่สำคัญคาเรนยังตกอยู่ในเงื้อมมือพวกมัน
   
   ชายด้านหลังผลักผมมาหารุจที่ยืนอยู่ข้างแคปซูล ผมอิดออดไม่ยอมขึ้นไปนอนเป็นค้างคาวรอโดนเชือด จนรุจต้องสั่งให้ลูกน้องตัวบึกมาหิ้วผมไปยัดใส่แคปซูล

   “ยอมลงไปดีๆ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนเป่าหัวยัยเด็กนี่”

   รุจใช้ปืนในมือจ่อไปทางคาเรน ผมกัดฟันกรอดมองภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ร้องไห้ตัวสั่นแต่ไม่อาจสงเสียงได้ เพราะถูกปิดปากแน่น

   “นายทำไม่สำเร็จแน่นอน”

   ผมพูดเสียงกดต่ำ ยอมลงไปนอนตามที่มันต้องการ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ซึ่งมันโคตรน่าโมโหในความคิดผม

   “เห่าหอนไปเถอะ เริ่มลงมือได้!”

   เขาหันไปสั่งลูกน้องให้เดินระบบ ก่อนหันมาคุยกับผมอย่างอารมณ์ดี

   “เครื่องที่แก่นอนอยู่ฉันสั่งให้คนแกะเครื่องเล่นกะหลั่วนั่นมาเสริมเข้าไปในแคปซูลแล้ววางระบบด้วยตัวเองเชียวนะ”

   ผมจ้องมันเขม็ง ถ้าไม่ติดว่าคาเรนถูกจ่อหัวด้วยปืนล่ะก็ ผมกระโดดถีบปากอีกฝ่ายไปแล้ว รุจไม่นำพากับสายตาโมโหของผมสักนิด มือเรียวลูบไล้แคปซูลเล่น

   “หน้าที่ของมันคือการขังแกเอาไว้ในโลกที่วินสร้าง เชื่อมต่อการทำงานกับระบบสมองกลของฉัน”

   ผมเบิกตากว้าง นั่นเท่ากับว่าผมจะต้องเป็นเจ้าชายนิทราถูกขังอยู่ในเกมของพี่ชายตัวเอง โดยที่พี่ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องหลักจะส่งผลต่อเครื่องนี้ด้วย ผมกัดฟัน อย่างน้อยชวนมันคุยยืดเวลาไปสักนิดก็ยังดี

   “นายดูเกลียดระบบโลกจำลอง แล้วทำไมถึงสร้างพวกเครื่องเถื่อนนั่นขึ้นมาล่ะ!”

   รุจเอียงมองผมพลางแสยะยิ้ม

   “มันแค่ขยะทดลอง เป้าหมายของฉันคือสิ่งนี้” เขาผายมือไปทางสมองกลด้วยรอยยิ้มชื่นชมราวกับว่ามันเป็นลูกของตัวเอง

   “เมื่อไหร่ที่เครื่องพวกนั้นสำเร็จและแพร่หลายออกไป ข้อมูลทุกอย่างจะถูกดึงมายังสมองกล ส่วนคนพวกนั้นจะทำอะไรต่อไปก็เรื่องของมัน สิ่งที่ฉันต้องการคือเงินทุนที่จะสร้างผลงานใหม่ๆ ขึ้นมาพร้อมกับวินต่างหาก”

   เห็นสีหน้ารุจตอนนี้ แม่งเกินเยียวยาแล้ว!!

   “หัวหน้าครับ มีคนกำลังบุกมาที่ฐานของเรา” ผู้ชายอีกคนวิ่งเข้ามารายงาน แทนที่จะกังวล รุจกลับแสดงสีหน้ายินดีออกมา เขาไม่พูดพล่ามอะไรอีก รีบปิดฝาแคปซูลโดยไม่สนใจผมสักนิด ผมพยายามทั้งทุบทั้งดันไม่สะเทือนแม้แต่น้อย กระทั่งรุจกดคำสั่งบนแผงควบคุม ความง่วงเข้ามาครอบงำ สิ่งสุดท้ายที่ผมได้เห็น คือรอยยิ้มน่ารังเกียจของรุจ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 17-08-2015 19:54:49
เพราะความหมั่นไส้เลยได้เควสลับมาเชยชมเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 17-08-2015 19:58:52
คงจะหน้ารักดีนะ พ่อมดหนุ่มมุ้งมิ้งอุ้มกระต่ายขนฟู มีหมาป่านอนแผ่
และ แค้งแควลูกเทนนิสขนฟูจั่วไพ่อยู่บนหัว  :impress2:

อ๊าย......................อ่านแล้วอยากเล่นเข้าไปอีก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-08-2015 20:16:53
วัตแหกปากร้องเพลงเองเลยงานนนี้ สงสารเจ้าของคนสาป คำสาปตัวเองแท้ๆ ใช่ไม่ได้
รอตอนต่อไปค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 17-08-2015 20:37:08
 o13

ดีอ่ะ  ทำเควสอยู่ดีๆ

ก็ได้เควสลับมาด้วย

อ่านแล้วอยากเล่นเกมบ้าง

อดใจรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 17-08-2015 21:02:34
ไวไวกระต่ายน้อย
นึกภาพตามพ่อมดมีหัวทองมีสัตว์น่ารัก? รายล้อม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 17-08-2015 21:24:29
รู้สึกกลนี่ได้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง โดนดูด(เลือด)ก็ได้กำไร ไปดูด(เลือด)เค้า ก็ยิ่งได้กำไร ชีวิตดี๊ดีมากอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-08-2015 21:49:29
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-08-2015 22:54:34
ไวไวกระต่ายน้อยยยยยย น่าร๊ากกกกกกกกก
อะไรรอวัตอยู่น้ออออิ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 18-08-2015 00:30:24
กระต่ายน้อยไวๆน่ารักมากมาย อยากกอดฟัดบ้าง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-08-2015 01:28:48
มีอะไรรออยู่กันนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-08-2015 06:22:44
วัตร้องเพลงได้ด้วยยยย :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-08-2015 06:38:48
เอ๋ๆๆ ตอนหน้าออฟไลน์มาเจออะไรอ่า
ทิ้งปริศนาไว้ อยากเผือกมั่กๆ ><
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-08-2015 17:26:32
อะไรรอวัตอยู่อ่ะ....อยากเผือก 5555
โอ้ยยยย อยากนอนบนตัวหมาป่ายักษ์อ่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 18-08-2015 17:37:09
เออ ทิ้งปริศนาให้ค้างอีกแล้ววัต
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 18-08-2015 20:58:42
จะเจออะไรน้อ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 19-08-2015 08:02:17
เห็นด้วยกับวัตนะพนักงานบริษัทพี่วินเฮฮาดีจัง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 21-08-2015 19:37:12
จบตอนได้ค้างมาก 55555
วัตนี่มันแสบจนได้ภารกิจลับมาเลย
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์ 17/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 21-08-2015 22:46:36
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-08-2015 16:01:47
Lv.34 ข้อความ

   ห้องทำงานที่ปิดสนิทมาตลอดทั้งวันถึงเวลาเปิดออกพร้อมร่างสูงเดินบิดตัวคลายกล้ามเนื้อจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดมองรอบด้านอย่างสงสัย ไร้วี่แววของคนที่มองหา

   ที่แรกที่กลไปคือห้องทานอาการประจำแผนก ที่มีวัตแฟนตัวเองเป็นแม่ครัวอยู่ในตอนนี้ น่าแปลก ห้องครัวกับว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่เจ้าแมวสองตัว ของสดยังไม่ถูกเตรียม พอเปิดตู้เย็นดูทุกอย่างยังอยู่ครบ เขาเริ่มใจไม่ดี ปกติวัตไม่เคยทำอาหารช้า แค่พวกผมโผล่หัวจากห้องก็มีข้าวกินแล้ว

   หมาป่าหนุ่มไล่ดูที่ ที่วัตน่าจะอยู่ ห้องซักล้างไม่มี ห้องนอนอาจารย์ผมเข้าไปไม่ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะอยู่ ห้องนอนตัวเองก็ไร้วี่แวว ไม่มีกระดาษโน้ตแปะบอกว่าจะไปไหนเหมือนคราวก่อน เขาชะงักเท้าเมื่อพ้นทางเดิน เห็นขุนพลกับนายท่านนั่งชะเง้ออยู่หน้าลิฟท์ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้าง รีบพุ่งกลับห้องทำงานของตัวเอง เปิดเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัท ไล่ดูจากกล้องวงจรปิดในแผนก

   ชายผมเงินเดินเข้าห้องทำงานอาจารย์ ก่อนเขาจะออกไปพร้อมกับลากวัตไปด้วย กลจ้องเขม็งดูเลขลิฟท์ พวกเขาลงไปแผนกฝ่ายบุคคลมุ่งหน้าไปทางลานจอดรถ ภาพที่เห็นผ่านกล้องวงจรปิดที่ลานจอดไม่มีวี่แววของใครเลยแม้แต่คนเดียว นั่นหมายความว่ากล้องวงจรปิดถูกแฮคและวัตโดนลักพาตัวไปจากที่นี่

   “บ้าเอ๊ย!!”

   มือหนาทุบโต๊ะด้วยความโมโห รีบวิ่ งออกจากห้องตัวเองไปห้องอาจารย์ ถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ขอ ใครหลายคนกำลังปรึกษางานเจ้าตัวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

   “วัตถูกพาตัวไป ลาสเป็นสายให้กับมัน”

   กลพูดเสียงกดต่ำอย่างข่มอารมณ์เต็มที่ ดวงตาสีเทาเหมือนน้องชายฉายแววไหววูบ ก่อนหมุนกลับไปดูกล้องวงจรปิดเพื่อยืนยัน ขณะปากออกคำสั่งทุกคน

   “ชินแจ้งไปทุกหน่วยที่เราประสานงานด้วย พวกนั้นเริ่มลงมือแล้ว สั่งตำรวจตามรอยรถน่าสงสัย คี ยุ โย พวกนายเร่งหาที่อยู่พวกมันให้เร็วที่สุด กลนายมากับฉัน”

   ทุกคนดูตกใจ พอหัวหน้าสั่งงานต่างคนต่างแยกตัวไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง หมาป่าหนุ่มแทบอยากอาละวาด อยากจะพุ่งตัวออกจากบรัษิทออกไปตามวัตเดี๋ยวนี้ แต่ทำไม่ได้เพราะผมยังไม่รู้ที่อยู่ของพวกมัน ดูจากระยะเวลาที่วัตหายตัวไปหลายชั่วโมง ป่านนี้คงไปถึงไหนต่อไหน

   เจ็บใจนัก ทั้งที่เขาอยู่ใกล้ๆ บอกว่าจะปกป้องสุดท้ายก็ทำไม่ได้ เล็บจิกเข้าเนื้อจากการกำแน่นจนห้อเลือด เสียงกัดฟันกรอดกับลมหายใจหอบหนักผลของอารมณ์รุนแรง วัตจะเป็นยังไงบ้าง

   จู่ๆ มีมืออุ่นวางบนศีรษะ เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ใครหลงกลมานักต่อนัก เวลานี้ยังมั่นคงหนักแน่น แม้ว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับคนในครอบครัวก็ตาม

   “ใจเย็นๆ สงบสติอารมณ์หน่อย คนที่จะช่วยวัตได้มีแค่เรา ถ้าเรามัวแต่เลือดขึ้นหน้าจนพลาดอะไรหลายๆ อย่างไป อาจจะเกิดผลเสียกับวัตได้ ตอนนี้ฉันจะพานายเข้าประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทันทีที่เราได้ที่อยู่พวกมันจะเริ่มออกล่า ถึงเวลานั้น ฉันจะให้นายอาละวาดตามใจชอบ”

   โทนเสียงสูงต่ำ เหมือนน้ำเย็นทำให้ใจสงบ ชายผิวเข้มเริ่มผ่อนอาการเกร็งจากความเครียด ผ่อนลมหายใจลึกยาว

   “ดีมาก... เพราะถ้านายมาทำให้ฉันเสียเรื่อง จนน้องฉันเป็นอัตราย คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไร”

   น้ำเสียงเหมือนธารน้ำเปลี่ยนเป็นธารน้ำเยือกแข็ง ดวงตาสีเดาคมกร้าวทั้งที่ใบหน้าแย้มยิ้มน้อยๆ อย่างอบอุ่น คนๆ นี้อันตราย ต่อให้เจ้าตัวถือคติไม่พรากชีวิตผู้อื่น แต่กลับมอบสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าความตายให้แบบแยบยล

   “เอาล่ะ ยังไงนายก็ถือว่าเป็นน้องชายของฉันอีกคน อย่าทำอะไรโง่ๆ ฉันไม่อยากเห็นวัตเสียใจเพราะคนไร้สมอง”

   วาจาเหมือนเป็นห่วง ท้ายประโยคกับจิกกัดอย่างร้ายกาจ แผนการต่างๆ มากมายที่คิดจะทำในหัว หายวับไปกับตา กลเริ่มสงบลง อารมณ์ฉุนเฉียวตอนแรกหายไปบางส่วน จริงอย่างที่อาจารย์เตือน คนที่ช่วยวัตได้มีแค่พวกเรา ถ้าเกิดพวกเรายังทำอะไรบ้าๆ คนที่เสี่ยงที่สุดคือวัต

   การประชุมถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน มีหลายหน่วยดูไม่ค่อยพอใจกับการถูกเรียกตัวกระทันหัน บางคนคิดจะไม่มาด้วยซ้ำ ติดที่พวกมีตำแหน่งสูงกว่ามาครบทุกคน หากตนเองไม่มาอาจจะเกิดผลเสียได้ในอนาคต ชายร่างโปร่งเรือนผมสีทองยืนสง่าอยู่เบื้องหน้าทุกคน โดยมีลูกมือเป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้านิ่งเรียบ

   จุดประสงค์ของอาชวินที่เรียกประชุมคือ ต้องการกำลังคนเพื่อบุกไปจัดการกับอีกฝ่าย เขาบอกทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทั้งหมดที่สืบมาได้ และเรื่องของน้องชายที่ถูกจับตัวไป มีหลายคนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ กับการเคลื่อนไหวเพียงเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว

   ชายผมน้ำเงินเข้มได้แต่กัดฟันแน่น ดวงตาคมจ้องเขม็งไปยังคนพูดแบบไม่กลัวเกรง วินยกมือขึ้นขว้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

   “ถ้าพวกนั้นยื่นข้อเสนอให้ผมทำงานด้วยแลกกับความปลอดภัยของน้องชาย ผมยินดีที่จะทำ”

   แววตา กับน้ำเสียงหนักแน่นเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเขาเอาจริง! ถ้าเกิดคนพวกนั้นได้ตัวชายผู้นี้ไป คนที่จะแย่คือพวกเขาเอง ทุกคนถกเถียงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่าฝ่ายทหารและตำรวจจะส่งคนออกหา ส่วนหน่วยอื่นยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะยืนยันตำแหน่งของเป้าหมายได้ชัดเจน

   แม้จะน่าหงุดหงิด แต่ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้ ในเมื่อไม่รู้ตำแหน่งจะส่งคนไปจัดการได้ยังไง อีกทั้งยังต้องดูสภาพโดยรอบว่าการลงมือแบบไหนจะปลอดภัยและรัดกุมที่สุด ยังต้องมีการวางแผน จัดกำลังคนให้เหมาะสม หลักๆ คนที่ลงมือปฏิบัติจริงจึงมีเพียงตำรวจ ทหาร และฝ่ายของอาจารย์เท่านั้น

   ใช้เวลาสองวันผลของการอดหลับอดนอนกันทั้งแผนกเริ่มปรากฎขึ้นมา เรารู้ตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆ และจุดน่าสงสัยอีกหลายแห่ง หากส่งคนไปตรวจดูทีละจุดจะทำให้เสียเวลามาก ดังนั้นจึงต้องบีบวงเข้ามาให้แคบมากที่สุดจนเหลือเพียงที่เดียว

   จุดนี้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคลเป็นผืนป่าทึบกินอาณาบริเวณกว้าง พวกเขาส่งฮอเข้าไปสำรวจยังไม่เจอสิ่งก่อสร้างที่น่าสงสัย มีเพียงป่าและผืนดินเท่านั้น หลายคนคาดเดาไปว่าองค์กรนั้นอาจจะหลบอยู่ใต้เงาไม้และกินพื้นที่ลึกลงไปใต้ดิน

   เวลาล่วงเลยเข้าวันที่สี่ ความเครียดเริ่มปกคลุม แม้จะส่งทหารลงพื้นที่ด้วยเท้า ยังไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงจะมั่นใจแล้วว่าเป็นที่นี่ก็ตาม

   “กลไปพักก่อน เดี๋ยวฉันทำต่อเอง” อัคคีเดินเข้ามาแตะบ่ารุ่นน้องที่ยังไม่ละหน้าจากจอพลาสม่าตั้งแต่เมื่อวาน วันๆ แทบไม่ได้นอนคนพี่ๆ คนอื่นในแผนกเริ่มเป็นห่วง ส่วนหัวหน้าแผนกกับรองหัวหน้าเคร่งเครียดเกินกว่าจะมานั่งใส่ใจได้

   “ไม่ครับ” น้ำเสียงราบเรียบตอบทันทีอย่างไร้เยื่อใย คีหันไปมองพี่มะลิกับสองแฝดด้านหลังพลางส่ายหัว คนที่ทำให้รุ่นน้องฟังเชื่อฟังได้คงมีแต่หัวหน้ากับคนที่ถูกลักพาตัวไปเท่านั้น

   “อย่าฝืนตัวเองสิ ถ้าเราเป็นอะไรไป จะเอาแรงที่ไหนไปช่วยวัตกัน อย่างน้อยๆ กินอะไรรองท้องหน่อยก็ยังดี”

   มะลิเข้ามากล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสมกับที่เป็นแม่คน กลไม่มแต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ

   “ผมทานอะไรไม่ลง พวกคุณแยกย้ายไปทำงานเถอะ อย่ามารบกวน” วาจาร้ายกาจสร้างความหนักใจกับพวกรุ่นพี่

   “ถ้าวัตอยู่ก็ดีสิ” วาโยพึมพำบ่นแบบไม่เจาะจงใคร เจ้าตัวรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แต่ละคนเริ่มอ่อนล้า ยังดีมีสลับกันพักผ่อนบ้าง อีกคนที่โหมหนักคือหัวหน้าแผนก แต่ทางนั้นมีชินคอยดูแลจึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่นัก

   ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงยามได้ยินชื่อที่จี้จุดได้มากที่สุด เผลอนึกไปถึงเจ้าของชื่อโดยไม่รู้ตัว มือรัวพิมพ์ทำงานหยุดชะงัก ถ้าเป็นวัต คงจะโผล่มาบ่นทุกคนที่ทำงานไม่สนสภาพร่างกาย แล้วทำอาหารอร่อยๆ ไว้เพิ่มพลัง เขาหลับตาถอนหายใจลุกจากเก้าอี้มองหน้าทุกคน

   “ผมขอโทษที่พูดไม่คิด เดี๋ยวผมไปหาอะไรทานในครัวเอง ขอบคุณมาก”

   กลก้มหน้าน้อยๆ ให้ทุกคน แล้วเดินผ่านไปทางครัว แมวสองตัวดูหงอยซึมเหมือนรับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมที่อบอวลไปทั่วแผนก มือหนาหยิบขนมปังกับนมมาทานแบบง่ายๆ ดวงตาเหม่อมองไปในห้องครัว ขุนพลยกขาหน้าแตะขากางเกงพ่อพลางเงยหน้ามองส่งเสียงค่อยด้วยความเป็นห่วง แมวสีขาวกระโดดขึ้นมานอนอยู่ด้านข้างดูผอมลงไปจากเดิมเล็กน้อย ตั้งแต่วันที่วัตหายไปนายท่านไม่เจริญอาหารเหมือนเคย

   “วัต นายอยู่ที่ไหน ทั้งคนทั้งแมวผอมกันไปหมดแล้ว...”

   มือหนากุมปิดหน้านั่งเงียบๆ กับแมวสองตัว พวกอัคคีที่เดินตามมาดูด้วยความเป็นห่วงรู้สึกสะท้านในใจกับภาพที่เห็น มะลิอ่อนไหวที่สุดถึงกับน้ำตาคลอให้วายุยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้ เธอพูดขอบคุณโดยไร้เสียง และเฝ้ามองแผ่นหลังเศร้าๆ

   อาชวินยังคงคร่ำเคร่งกับการสืบหาน้องชายสุดชีวิตอยู่ในห้อง ในช่วงที่เขาพักตามคำขอร้องของชินที่มีอาการไม่ค่อยต่างกันนัก หน้าจอมากมายถูกเลื่อนหลบ มือโบกไหวกดสั่งไปเรื่อยอย่างใจลอย ในนึกถึงน้องชายลังเลอยู่หลายครั้งว่าจะติดต่อพ่อดีมั้ย แต่พ่อล้างมือจากเรื่องพวกนี้ไปนานแล้วไม่ควรลากมาพัวพันด้วย เขาเลยตัดสินใจลงมือทั้งหมดด้วยตัวเอง

   วินเช็คอะไรดูไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงอีเมลล์ มีมากมายหลายฉบับ หลักๆ มีน้องชายที่ขยันส่งมากวนใจเล่น ยิ่งเห็นเหมือนตอกย้ำความอ่อนแอของตัวเองเก่งแค่ไหน กับอิแค่น้องชายคนเดียวยังปกป้องไม่ได้ จนสายตาสะดุดเข้ากับอีเมลล์ฉบับใหม่ล่าสุดที่เขาไม่รู้จัก

   อีเมลล์ไร้ชื่อ พอเปิดเข้ามาพบกับข้อมูลมากมาย ที่สำคัญมันเป็นข้อมูลที่ตั้งองค์กรและแผนผังอาคาร! มันไม่ละเอียดถึงขั้นบอกข้อมูลของทุกห้อง แต่มีจุดหลักๆ อย่างใจกลางกับห้องควบคุมเส้นทางสำคัญอยู่ครบ องค์กรอยู่ในป่าที่พวกเขาหาจริงๆ ด้วย

    นอกจากข้อมูลเหล่านั้นยังมีข้อความจากผู้ส่ง วินกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว

   ‘ฉันขอบอกเลยว่าข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในอีเมลล์นี้คือของจริง พวกมันจับลูกสาวฉันไป ฉันไม่มีทางเลือกต้องขอโทษด้วย นายไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยดูแลน้องชายของนายเอง อีกสามวันเวลาตีสองเป็นช่วงที่การ์ดหลวมที่สุด ฉันจะพานายชายของนายหนีออกจากองค์กรบ้าๆ นี่ ที่เหลือขอให้นายจัดการตามสมควร
                                    ลาส’
   
   “ไอ้หมอนั่นมันเก็บอาการเก่งเป็นบ้า” ชายผมทองบ่นขณะชายอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกาแฟสองแก้ว

   “มีอะไรรึเปล่า”

   “ฉันรู้ตำแหน่งพวกมันแล้ว เรียกทุกคนมา ถึงเวลาโต้กลับสักที”

   ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งให้กับทหารและตำรวจที่ช่วยในงานครั้งนี้ การประชุมเริ่มต้นอีกครั้งเฉพาะผู้ที่ออกภาคสนาม วางแผนทั้งหมด นัดแนะประสานงานกันระหว่างคนที่ออกไปยังที่หมายกับฝ่ายซัพพอร์ทระยะไกล คนที่ไปลุยคือวิน ชิน กล และอัคคี ส่วนฝาแฝดกับมะลิคอยประสานงานอยู่ที่ฐาน

   ทหารทุกนายเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ พวกของวินเปลี่ยนชุดกลมกลืนไปกับทหาร สวมเสื้อเกราะกันกระสุน สาเหตุที่วินเลือกกลุ่มนี้เพราะมีศิลปะการป้องกันตัว สามารถเอาตัวรอดได้ยามเกิดเหตุการคับขันระหว่างทำการเจาะระบบเข้าไปภายในอาคาร

   ระหว่างรอเวลาอาจารย์ทวนแผนการอีกครั้งในฐานชั่วคราวกับหัวหน้าฝั่งทหาร จู่ๆ เกิดเสียงระเบิดขึ้น ทหารที่มีหน้าที่เฝ้าดูรีบเข้ามาแจ้งอย่างรวดเร็ว

   “เราเห็นคนออกมาทางประตูหน้าครับ ตอนนี้กำลังเกิดการปะทะ!!”

   “รีบส่งคนเข้าไปช่วยเร็วเข้า ระวังด้วยอย่าให้พวกนั้นรู้ตัว...” ยังไม่ทันจะสั่งการต่อ ทหารอีกนายวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น

   “พวกมันรู้ตัวแล้วครับ หน่วยหนึ่งกับหน่วยสามกำลังปะทะกับฝ่ายตรงข้าม กำลังของทางนั้นมีไม่มากสามารถต้านเข้าไปได้ครับ!”

   “แย่แน่ ถ้ารุจรู้ตัวแล้วแบบนี้คงรีบลงมือโดยไม่สนผลลัพธ์ เราต้องรีบบุกเข้าไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่ทางนั้นจะทำสำเร็จ!”

   ชายผมทองพูดเสียงเครียดออกวิ่งไปพร้อมกับคนอื่นๆ ผู้บัญชาการสั่งให้ทหารคอยคุ้มกันพวกเขาเข้าสู่อาคาร กลวิ่งนำหน้าดูร้อนใจกว่าใคร ระหว่างทางพบกับชายคุ้นตานอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น วินเข้าไปหาโดยไม่ลังเล มีทหารรีบเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้น เรือนผมสีเงินคลุกฝุ่นดินจนกลายเป็นสีหม่น

   คนที่ควรจะสลบถูกความเจ็บทำให้ได้สติ มือเปื้อนเลือดจับแขนชายผมทองแน่น ดวงตาจ้องเขม็งแม้จะไร้เรี่ยวแรงจากบาดแผล

   “ช่วยคาเรนด้วย...”

   “เออ ฉันต้องช่วยอยู่แล้ว คนเจ็บอย่าซ่า ผมฝากเขาด้วยนะครับ” วินจับมือข้างนั้นพลางกำแน่นราวกับจะสัญญา ก่อนหันไปฝากกับหน่วยพยาบาลและรีบวิ่งตามหลังเจ้าหมาป่าที่พุ่งตัวเข้าอาคารไปแล้ว ไม่แม้แต่จะชายตาแลคนที่บาดเจ็บเจียนตายอยู่ด้านนอก


   ด้านกลกับอัคคีที่ล่วงหน้าเข้ามาก่อนพร้อมทหารอีกกลุ่มกำลังปะทะกับพวกการ์ดขององค์กรจนไม่เคลื่อนที่ไปไหน แม้จะร้อนใจแต่เขาต้องตั้งสติเพื่อตัวเองและวัต ระหว่างให้ทหารช่วยยิงคุ้มกัน เขากับอัคคีดึงสายจากคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่มีรูปร่างเหมือนนาฬิกาบนข้อมือเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย ภายในอาคารโดยตรงเพื่อควบคุมให้เปิดประตูจากส่วนที่พักเข้าไปตรงใจกลาง

    เรียกจอพลาสม่าขึ้นกำลังพิมพ์สั่งการหน้าจอกับขาดๆ หายๆ เหมือนถูกแทรกแซง อัคคีรีบดึงสายออกทันที ต่างจากกลฝืนพยายามกดสั่งการ ไม่ถึงหนึ่งนาทีหน้าจอกลับมาเป็นปกติ แต่สิ่งที่แสดงไม่ใช่หน้าจอแบบที่ควรเป็น มันกลายเป็นหน้าจอว่างเปล่า มีข้อความปรากฎออกมา

   |ฉันจะเปิดประตูให้|

   |เชื่อใจฉัน รีบมาช่วยสองคนนั้น|

   ทีแรกกลคิดจะกดปิดข้อความพวกนั้นทิ้งเพื่อเปิดเครื่องใหม่ ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาเลือกที่จะลองเชื่อดู ทันใดนั้น ประตูระหว่างกลกับพวกการ์ดถูกปิดลงพร้อมประตูเข้าสู่ด้านในเปิดออกโดยไม่มีใครสั่งการ

   |ฉันมองนายผ่านกล้องวงจร ล่อพวกมัน จะขังให้|

   “นี่มันเรื่องอะไรกัน” อัคคีอ่านข้อความนั้นพูดขึ้นอย่างสับสน กลดึงสายเชื่อมออก ข้อความยังคงอยู่ดูท่าจะเชื่อมต่อกับระบบของที่นี่เรียบร้อยแล้ว อัคคีบอกทุกคนวิ่งไปตามทางที่ประตูเปิดออก บางครั้งหลอกล่อให้พวกการ์ดโดนกั้นให้อยู่ห่างจากพวกเขาด้วยบานประตู

   คนที่ตัดระบบรักษาความปลอดภัยเปิดประตูให้เขาพวกและช่วยกันศัตรูคือใครกัน...

   กลไล่ความคิดนั้นทิ้ง ขอแค่อีกฝ่ายไม่มาขัดขวาง จะช่วยหรืออยู่เฉยก็ได้ทั้งนั้น สิ่งที่เขาต้องการเพียงอย่างเดียวตอนนี้คือ จะต้องช่วยวัตออกมาให้ได้!

   “เดี๋ยวกล เราต้องรอหัวหน้าก่อนเข้าไปด้านใน”

   อัคคีจับบ่ารุ่นน้องขณะที่กำลังวิ่งจนมาถึงประตูบานสุดท้าย กั้นระหว่างเขากับใจกลางของอาคารแห่งนี้ กลปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่ เดินนำหน้าไปแบบไม่กลัวเกรง ทันทีที่ประตูเปิด เสียงของความวุ่นวายดังออกมา ไฟในห้องหลักถูกดับลงทั้งที่เครื่องทุกชิ้นยังใช้งานได้ตามปกติ

   พวกนักวิจัยพอเห็นทหารรีบหนีเอาตัวรอดออกไปทางประตูจนหมด เหลือเพียงรุจที่ยังคงยืนอยู่ข้างเครื่องแคปซูลกับการ์ดส่วนตัวสองคน หนึ่งคนจ่อปืนมาทางกล อีกคนจ่อบนขยับเด็กผู้หญิงตัวเองที่ยังคงร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม มีเสียงอู้อี้ดังจากมือที่ปิดปาก ราวกับจะพยายามบอกอะไรบางอย่าง ดวงตากลมโตมองไปทางแคปซูล

   เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้กลรู้ว่าบุคคลที่เขาตามหาแต่ไม่ยืนอยู่ภายในห้องนั่นอยู่ที่ไหน

   “นายมันดื้อด้านชะมัด ยอมให้ควบคุมดีๆ ก็จบ ยังจะไปพาตัวกวนมาอีกนะ”

   มือเรียวถือปืนลูบไปบนแคปซูล ก่อนจะหันมาทางผู้บุกรุกด้วยรอยยิ้ม ไฟในห้องสว่างขึ้นจากการป้อนข้อมูลสั่งการโดยตรง

   |เร็วเข้า|

   กลอ่านข้อความเตือนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง พูดขณะดวงตายังจ้องเขม็งไปทางแคปซูล

   “จัดการสองตัว ผมจะจัดการอีกคนเอง”

   น้ำเสียงข่มความโกรธดูน่ากลัว ขนาดอัคคียังเผลอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายทหารจ่อปืนคุมเชิง มีบางคนลอบไปด้านหลัง อาศัยเครื่องมากมายภายในห้องเป็นที่หลบ

   พรึบ!   

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-08-2015 16:02:12
Lv.34 ข้อความ (ต่อ)

   รอบข้างตกอยู่ในความมืดหลังผู้ช่วยเหลือยึดการควบคุมเป็นของตัวเองอีกครั้ง เสียงฝีเท้า เสียงแรงปะทะกับเสียงปืนดังปะปนกัน กลพุ่งตัวเข้าหา โถมแรงชนรุจจนถอยห่างจากแคปซูล พอไฟเปิดอีกครั้งกลรีบเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ปุ่มควบคุมระบบ

   การ์ดสองคนถูกพวกทหารรวบตัวได้ คาเรนอยู่กับอัคคีกำลังมองภาพร่างสูงพยายามหาทางปิดระบบ รุจลุกขึ้นมามองภาพเบื้องหน้าด้วยความสมใจ

   “เอาสิ...มาดูกันเถอะว่า ถ้าแกปิดระบบจะเกิดอะไรขึ้นกับไอ้คนที่อยู่ในนั้น!”

   มือที่กำลังจะปิดชะงักนิ่ง เปลี่ยนจากการปิดพยายามแก้ระบบอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจทำได้ในเวลาอันสั้นกับระบบที่มีความละเอียดอ่อน พอดีกับเสียงประตูถูกงัดจนเปิดออกเผยให้เห็นกลุ่มคนที่ตามหลังมา สำหรับวินภาพเบื้องหน้าบอกทุกสิ่ง พวกเขามาไม่ทันเวลา

   “กล พอได้แล้ว”

   เสียงเรียกไม่อาจส่งไปถึงชายที่กำลังพยายามแก้ระบบ ไม่ว่าวินจะเรียกสักกี่ครั้งมือคู่นั้นไม่ยอมหยุดจนพี่ชายหมดความอดทนคว้าไหล่อีกฝ่ายมาซัดหมัดหนักจนหน้าหัน กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในปาก กลค่อยๆ หันหน้ากลับมามองคนทำช้าๆ ก่อนจะทรุดนั่งอยู่ข้างแคปซูล

   หลังจัดการเสร็จ วินเปลี่ยนเป้าหมายเดินเข้าไปหารุจที่ยืนกุมท้องอยู่อีกด้าน เจ้าตัวยิ้มอย่างยินดี

   “ในที่สุดนายก็มา นายมาร่วมมือกับฉัน เราจะทำความฝันให้เป็นจริง”    

   “บอกวิธียกเลิกมา” ชายผมทองเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาสีเทาแม้พยายามข่มความรู้สึกแค่ไหน แต่ภายในยังคงสะท้อนความเศร้าแทบขาดใจ

   “พูดอะไรของนายน่ะวิน ฉันลงทุนกับมันไปมาก เสียเวลาไปตั้งเยอะ ต้องทนกับพวกโง่ยิ่งกว่าสัตว์ จะให้ยกเลิก ไม่มีทางยอมหรอก อีกอย่าง ต่อให้เป็นฉันใช่ว่าจะยกเลิกง่ายๆ ก็ในเมื่อแคปซูลกับสมองกลมันทำงานพร้อมกันอยู่”

   ดวงตาสีเทาเบิกกว้าง เข้าไปกระชากแขนอีกฝ่าย เอ่ยถามเสียงเย็นเยือกอย่างน่ากลัว

   “นายทำอะไรลงไป!!”

   รุจยังสะดุ้งด้วยความตกใจ แรงบีบที่แขนปลุกนิสัยดื้อดึงต่อต้านออกมา

   “ฉันขังมันเอาไว้ในโลกจำลองที่นายสร้างไงล่ะ ถ้านายปิดระบบไหนระบบหนึ่งน้องชายที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราจะได้รับผลข้างเคียงอะไรบ้างก็ไม่รู้ นายมาทำงานกับฉันดีกว่าวิน จะได้อยู่กับน้องชายตลอดเวลาไง เลิกไปทำเรื่องไร้สาระพวกนั้นเถอะ” รอยยิ้มแบบเหนือกว่ารังแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง

   ชินที่ใจเย็นยังแทบถลาเข้ามาฆ่ารุจให้ตายคามือ วินสูดลมหายใจลึก

   “คุณทหาร พาเขาออกไปได้เลยครับ ไว้ผมจะขอสอบถามเขาที่หลังรวมถึงพวกนักวิจัยด้วย” ทหารผู้สั่งการพยักหน้ารับสั่งให้คนของตัวเองพาคนในองค์กรออกไป รวมถึงปิดล้อมบริเวณโดยรอบ ร่วมมือกับตำรวจจับกุมพวกที่เหลือให้หมด
   “ยังไงนายก็ต้องพึ่งฉัน เพราะฉันเป็นคนสร้างขึ้นมา” แม้ถูกพาตัวไปยังหันมาพูดด้วยความมั่นใจ ไม่ได้สังเกตอารมณ์คุกรุนของผู้ฟังแม้แต่น้อย รุจยังมีประโยชน์อย่างที่พูดจริงๆ เพราะแบบนี้เขาถึงบอกให้ทหารพาตัวออกไป ก่อนจะลงมือด้วยตัวเอง

   วินหันไปทางแคปซูล มองใบหน้าของน้องชายที่นอนอยู่ด้านใน มือข้างหนึ่งวางบนหัวน้องชายอีกคน ชินเดินเข้ามาจับมืออีกข้างของวินแน่น แม้พวกเขาจะไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว แต่ความรู้สึกภายในยิ่งกว่าโดนพายุถาโถม

   “วัต... พี่จะพานายกลับมาให้ได้ ลุกขึ้นกล เรามีเรื่องต้องทำอีกมาก คีพาคาเรนไปส่งซะ ชินนายไปขนย้ายของๆ ฉันกับกลมา เราจะทำงานกันที่นี่ ในเมื่อทำได้ก็ต้องยกเลิกได้ ไม่มีระบบไหนที่ฉันจัดการไม่ได้”

    วินเรียกสติของตัวเองและคนรอบตัว กลเงยหน้ามองก่อนลุกขึ้นยืนเงียบๆ ชินบีบมือวินเพื่อบอกว่าตัวเขาจะอยู่เคียงข้างอีกฝ่ายเสมอ ก่อนจะยอมจากไปทำตามที่สั่ง ส่วนคาเรนอยู่ในอ้อมแขนของอัคคี หลังเด็กน้อยผ่านเรื่องแย่ๆ แถมยังร้องไห้จนหลับไปด้วยความเหนื่อย อัคคีพาคาเรนไปส่งให้ถึงมือแม่ตามคำสั่ง ในยามนี้ลาสผู้เป็นพ่อคงไม่สามารถดูแลลูกสาวได้ขณะตัวเองถูกส่งเข้าโรงพยาบาล

   สองคนที่เหลือกับกลุ่มทหารที่เก็บกวาดและตรวจเช็คความเสียหาย วินและกลไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว พวกเขาเริ่มศึกษาระบบและเครื่องมือของที่นี่อย่างละเอียดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

   ในช่วงที่ทุกคนกำลังคร่ำเคร่งกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ชายคนหนึ่งเดินเข้าตบบ่าชายผมทองเบาๆ

   “พ่อ พ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ต่อให้โตแค่ไหน พอเห็นพ่อความรู้สึกหนักอึ้งย่อมบรรเทาลง

   “พ่อมาพร้อมฮอตั้งแต่แรก”

   “คุณเป็นคนที่ช่วยพวกเรา” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังชายร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีทอง ดวงตาสีเดียวกันกับลูกชายทั้งสอง แต่ใบหน้าหล่อเหล่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอาชวินเหมือนใคร

   “ฉลาดดีนี่ ฉันกับกำลังคนส่วนหนึ่งลอบเข้าไปในห้องควบคุมรอง” ทุกคนต่างสงสัย ห้องควบคุมรองจะสามารถแย่งชิงการควบคุมจากห้องหลักได้ยังไง อาเนซมองทุกคนด้วยความเอ็นดู เขาเดินตรงไปมองลูกชายคนเล็ก พร้อมกับอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง

   “ฉันล่วงหน้ามาก่อน อาศัยสายของเราไปถึงห้องควบคุมรองและคอยช่วยเหลือพวกลูกอยู่ที่นั่น ไม่ต้องกังวลไป พ่อดูระบบบางส่วนแล้ว มันไม่ได้อันตรายขนาดนั้น แม้เด็กคนนั้นจะเป็นอัจฉริยะ แต่ยังขาดอะไรอีกหลายอย่าง พ่อเชื่อว่าวินกับเพื่อนสามารถจัดการมันได้แน่ พวกลูกจัดการที่นี่พอ นอกนั้นพ่อจัดการเอง”


   ทุกการเคลื่อนไหวของลูกชายอยู่ในสายตาของเขาเสมอ ที่ไม่ออกมาช่วยตั้งแต่ทีแรกเพราะเห็นว่าลูกชายคนโตยังสามารถรับมือได้อยู่ จนกระทั่งเขารู้ว่าเหล่าผู้สนับสนุนล้วนไม่ใช่คนธรรมดาจึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วย แม้จะช่วยลูกชายคนเล็กไม่ทัน ถึงอย่างนั้นอาเนซมั่นใจว่าลูกชายคนโตต้องช่วยวัตได้แน่

   คนพวกนั้นมันต้องเจอกับเขา...

   “ครับ” วินรับคำ

   “เจ้าหนู อย่าทำให้ฉันผิดหวัง”

   มือหนาใหญ่วางบนศีรษะคนรักของลูกชาย ก่อนเดินจากไปพร้อมทหารอีกกลุ่มหนึ่ง พวกนั้นแสดงท่าทีเคารพนับถือสมกับที่อาเนซเคยช่วยเหลือพวกทหารมาไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นเพื่อนกับท่านจอมพลอีกต่างหาก

   “ผมจะช่วยวัตให้ได้!”

   กลกำมือพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ดวงตามองแผ่นหลังของคนที่กำลังเดินจากไป อาเนซทำเพียงแค่หัวเราะ โบกมือให้เด็กหนุ่ม

   หลายชั่วโมงผ่านไป ชินถึงกลับมาพร้อมข้าวของจำเป็นสำหรับทั้งคู่ อัคคีเองอาสาย้อนกลับมาช่วยเหลือพวกเขา ส่วนพวกฝาแฝดกับมะลิต้องคอยอยู่ทำงานที่บริษัทต่อไป วินสั่งงานระยะไกล แม้จะไม่ได้อยู่ในบริษัทแต่ทุกคนยังทำงานตามปกติ วินยังคงเข้าประชุมรายงานผลกับเหน่วยงานที่ร่วมมือโดยมีพ่อเป็นหนึ่งในนั้น มีหลายหน่วยงานตั้งใจส่งคนมาช่วย แต่วินปฏิเสธทั้งหมด ให้เหตุผลว่าระบบมีความละเอียดอ่อนสูงขอศึกษาให้ดีพอก่อนแล้วจะนำข้อมูลทั้งหมดมาส่งให้ทุกคนอีกที ที่เลือกแบบนี้เพื่อป้องกันปัญหา ไม่ให้คนพวกนั้นสักแต่จะได้ข้อมูลจนอาจเป็นอันตรายกับน้องชายของเขา

   ดังนั้นคนที่วินดึงมาช่วยงานมีเพียงแค่คนรู้จักที่ไว้ใจได้เท่านั้น รวมถึงคนที่พ่อส่งมาให้แบบลับๆ

   เรื่องการสอบสอบถามเค้นคอรุจทีแรกวินจะเป็นคนจัดการ แต่ชินอาสาทำเอง รุจถูกกักตัวไว้ในห้องขังแยก ดูเหมือนจะมั่นใจตัวเองเต็มที่ ชินมองท่าทางนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า

   “วินล่ะอยู่ไหน ถ้าวินไม่มาฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”

   ชินยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เลือดเย็นและไม่คิดจะให้วินกับวัตเห็นเป็นอันขาด รุจถึงกับสะท้านเฮือก ชายผู้ดูสงบนิ่งเหมือนสายน้ำมาตลอด บัดนี้ไม่ต่างจากผู้พิพากษา เขาเอนหลังพิงเบาะนุ่ม ยกมือท้าว ปลายนิ้วแตะที่ดวงตาคมชี้ดุจจิ้งจอก

   “ฉันไม่ได้มาเพื่อต่อรอง ความรู้ขยะของนายมันไม่จำเป็นสำหรับเรา”

   “หึ...ถ้างั้นนายมาที่นี่ทำไม” แม้ในใจจะสั่น รุจยังคิดว่าครอบครัวเขามีอำนาจไม่น้อย ต้องคอยช่วยเหลืออยู่แน่ๆ ชินมองความคิดอีกฝ่ายได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เสียงหัวเราะดังลั่น สายตาเย้ยหยัน

   “ฉันมาเพื่อบอกนาย 2 ข้อ...หนึ่ง นายจะไม่มีวันได้เห็นวินอีกเป็นครั้งที่สอง” นิ้วยาวถูกชูขึ้นมาหนึ่งเบื้องหน้านักโทษผู้ไม่รู้สถานะของตัวเอง

   “สอง...ฉันจะให้นายทดลองจนกว่าจะตายอยู่ในคุก ครั้งนี้นายก่อเรื่องใหญ่เกินไป ถึงขนาดที่คนๆ นั้นยังเคลื่อนไหว ครอบครัวของนายช่วยได้แค่รักษาชีวิตนายเอาไว้เท่านั้น”

   ใบหน้ารุจที่เคยมั่นใจเสมอ คราวนี้กลับซ๊ดเผือดไร้สีเลือด ชินไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายมีเวลาเห่าหอน เขาอยากกลับไปหาวินเต็มแก่ แล้วยังมีเรื่องช่วยน้องชายสุดที่รักอีก

   “ฉันไม่ทำซะอย่างใครจะทำไม” นิสัยดื้อดึงช่างน่ารำคาญ ชินปรายตามองยกยิ้มมุมปาก ปลายนิ้วยาวไล้ไปยังท้ายทอยอีกฝ่ายที่มีรอยผ่าตัดชัดเจนราวกับจงใจเหลือทิ้งไว้
   
   “นายได้สังเกตรึเปล่า ว่ามีอะไรเพิ่มขึ้นมาในหัวของตัวเอง ถ้านายขัดคำสั่งไม่ยอมทดลอง มันจะมอบความทรมานยิ่งกว่าความตาย...”

   เสียงเย็นกระซิบข้างหู ความรู้สึกตอนนี้ นิ้วที่แตะด้านหลังไม่ต่างจากคมเคียวเตรียมสังหาร รุจปัดแขนอีกฝ่ายออกกรีดร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่ง ชินหรี่ตามองสภาพน่าสมเพชนั้น ก่อนจะหมุนกายเดินชายไป รับผ้าเช็ดหน้าจากชายในชุดสูทที่รออยู่หน้าประตูห้องมาเช็ดมือ

   “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่นี่ แต่ทิ้งคนของเราไว้สอดส่องสักสองคน ส่วนนายไปเตรียมพวกอาหารกับของใช้จำเป็นเพิ่ม ฉันจะเอาไปให้วิน” ชินออกคำสั่งเสียงเรียบ

   “ครับนาย” ชายในชุดสูทโค้งกายอย่างนอบน้อม เดินตามหลังนายตัวเอง ชินทิ้งผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นลงพื้นและเหยียบซ้ำ สมองครุ่นคิดวิธีช่วยเหลือน้องชายเพียงคนเดียว กับวิธีเกลี่ยกล่อมคนสำคัญให้พักผ่อน

   
   ผ่านไปหลายวัน พวกเขาพยายามทุกวิถีทางในการพาวัตกลับมา กลแทบไม่ออกห่างจากแคปซูลนอกจากเวลาจำเป็น ขนาดตอนหลับยังเอาถุงนอนไปนอนข้างๆ ไม่ยอมใช้ห้องพวกนักวิจัยพักผ่อนเหมือนคนอื่นๆ เรื่องมหาลัยกลดรอปเรียนเช่นเดียวกับวัตที่ทางพ่อเป็นคนติดต่อกับมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง

   ชายผมทองจัดการตรวจสอบสั่งงานคนอื่นๆ เดินสลับไปมาระหว่างเครื่องนั้นเครื่องนี้ พลางถามลูกศิษย์

   “เป็นยังไงบ้าง”

   คำตอบคือการส่ายหัว เขายังหาวิธีแก้ไม่เจอ

   “สงสัยเราต้องหาวัตไปพร้อมกับการหาวิธีแก้” อัคคีเสนอ ความจริงพวกเขาก็กำลังทำอยู่นั่นแหละ

   “หมอนั้นบอกว่าส่งวัตเข้าไปในเกมของฉัน ดันปิดกั้นระบบทุกอย่าง ไม่สามารถติดต่อไปได้ วัตเองก็คงติดต่อเรากลับมาไม่ได้เหมือนกัน ตรวจสอบจากระบบหลักที่บริษัทยังหาไม่เจอ” ชินพึมพำ

   “ผมจะเข้าไปหาเอง” เด็กหนุ่มอายุน้อยที่สุดพูดขึ้นกลางวง ทุกคนพากันถอนหายใจ

   “คงเหลือแค่วิธีนี้ กล นายเข้าไปหาวัต ส่วนที่เหลือพยายามหาวิธีแก้ต่อไป” วินสั่งการ ที่พวกเขาไม่ยอมเข้าไปหาตั้งแต่ทีแรกเพราะพื้นที่ภายในเกมมันใหญ่เกินไป ขนาดให้พนักงานบริษัทที่รับบทเป็นเอ็นพีซีในเกมช่วยสอดส่องดูยังไร้วี่แวว ประกาศหาจากผู้เล่น มีแต่พวกตัวปลอมทั้งนั้น

   ตอนนี้ไม่มีทางเลือก ในเมื่อลองวิธีอื่นหมดแล้ว คงเหลือแค่วิธีนี้วิธีด้วย หมาป่าหนุ่มเองเริ่มผจญภัยไปพร้อมกับวัตตั้งแต่ต้น น่าจะมีโอกาสหาเจอมากกว่าคนอื่น

   ชินหยิบเครื่องเล่นเกมมาให้กล เขานอนข้างแคปซูลและสวมเครื่องนั้นทันที ด้วยความที่เป็นเครื่องสำหรับพวกผู้ดูแล จึงสามารถเข้าไปได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่านระบบต้อนรับ กลยังไม่บรรจุเป็นพนักงานบริษัทเต็มตัว พอโผล่ในเกมเขายังใส่ชุดเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ใช่เครื่องแบบอย่างพวกรุ่นพี่

   ที่สุดท้ายก่อนออฟไลน์ของกลกับวัตอยู่ที่เดียวกันคือห้องพักของโรงแรมในเมืองหลวง ด้วยความที่เป็นเวลากลางคืนในโลกแห่งความจริง พวกไวไวกำลังออนไลน์อยู่ ทักมาหาจากระบบคุยปาร์ตี้ จนป่านนี้ไวไวกับลินก็ยังไม่แยกตี้ออก เหลือเชื่อจริงๆ

   “เฮ้ย! เข้าเกมแล้วเรอะ วัตล่ะอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นออน พวกนายหายไปเลย ฉันไปบ้านวัตไม่เห็นมีใครสักคน ขนาดไปหาพี่ชินที่บริษัทก็ยังไม่เจอ นายไปหลบอยู่ทีไหน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับวัตรึเปล่า ถึงครั้งสุดท้ายที่โทรคุยกับพี่วินพี่เขาจะบอกว่าไม่มีอะไรก็เถอะ แต่ฉันว่ามันต้องมีแน่ ตอบหน่อยสิเว้ยไอ้กล” และอีกมากมายถามมาเป็นชุด กลไม่อยากเสียเวลากับการตอบคำถาม เจ้าตัวเลยตอบกลับไปสั้นๆ เห็นแก่ความเป็นห่วงของไวไวที่มีให้เพื่อนสนิท

   “บอกรายละเอียดไม่ได้ แต่วัตจะกลับมาแน่นอน”

   พูดจบก็ตัดการติดต่อ ปิดระบบพูดคุยทุกอย่าง มุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เคยผ่านมากับวัต ด้วยความที่เป็นกึ่งGM ทำให้กลสามารถวาร์ปไปได้ทุกที่ ที่ต้องการโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเหมือนตอนเป็นผู้เล่น สถานที่แรกคือตลาดในเมือง พวกเขาเคยมาขายของกันก่อนจะออฟไลน์ ตามด้วยฮอล์สำหรับการแข่งขันกิลด์ ไม่เห็นวี่แววของวัตแม้แต่เงา

   หมู่บ้านแสงจันทร์ทำภารกิจเพื่อสกิลของลิน หมู่บ้านที่พวกเขามารับพวกหนึ่งและอาละวาดด้วยกันใส่กิลด์นิสัยเสียจนมีชื่อเสียงแปลกๆ ดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ลงกับกลุ่มของเหยี่ยวที่เขาไม่ชอบหน้า เมืองท่าเรือสตาร์ทอสกับเกาะภารกิจของอาจารย์

   ป่าที่พวกเขาได้กล่องปริศนาจนโดนคำสาปเพี้ยนๆ พื้นที่ป่าโล่งอดีตที่ตั้งคณะละครสัตว์ เขตกักกันของพวกองค์กรรุจที่แทรกแซงเข้ามาภายในเกม เดินต่อไปไม่ไกลเป็นน้ำตกสวยงาม หมาป่าหนุ่มยืนมองจุดที่พวกเขาอาบน้ำด้วยกัน แล้วเบือนหน้าเดินทางต่อไป

   สถานที่เก็บเลเวล ป่าใกล้ดันเจี้ยนตัวตุ่นไม่มีเงาของวัต ไล่มาถึงเมืองเริ่มต้นภายในห้องพักที่เขาให้วัตดื่มเลือดเพราะเจ้าตัวบาดเจ็บจากการไปลุยดันเจี้ยนตามเควสสุดท้ายของเมือง บนเตียงว่างเปล่าไม่มีคนที่ตามหา

   เส้นทางตัดป่ามีคาราวานกับพ่อค้าขายของแปลกหลายอย่าง อาวุธของกลซื้อตรงนี้ บนผ้าปูมีเขี้ยวข้างหนึ่งดูไร้ความน่าสนใจ แต่กลเลือกที่จะหยุดและซื้อมันจากพ่อค้าคนเดิมแลกกับเส้นผมของตัวเอง เขาเอาเขี้ยวซี่นั้นมาทำเป็นสร้อยคออีกเส้น

   เควสที่ทำด้วยกันจนได้ต่างหูคู่รัก บ้านของคุณชายกับนายช่าง เขามองเข้าไปผ่านหน้าต่าง นายช่างกำลังขะมักเขม้นแกะสลักอยู่หน้าเตา ภาพหมาป่าตัวโตนอนหมอบให้ไออุ่นชายหนุ่มอีกคนแวบเข้ามาในหัว พอหันมาด้านนอกเจอทะเลสาบกว้าง วัตพาเขาไปอาบน้ำ สั่งให้ทำอะไรแปลกๆ แล้วยังอุ้มหมาป่าบินหนีแมงมุมจนร่วงลงไปในทะเลสาบ

   การสำรวจทุกที่อย่างละเอียด กินเวลาไปหลายวันในโลกแห่งความจริง ขนาดหมาป่าหนุ่มแทบจะใช้เวลาทั้งวันในการตามหา จนกระทั่งเดินทางมาถึงที่แห่งนี้
   
   เขาสูดลมหายใจ เหลือสถานที่สุดท้าย... สองเท้าเดินเข้าไปในป่าผ่านเส้นทางคุ้นเคยแทนการวาร์ป เขาอยากดูให้ละเอียด เลยเลือกวิธีเดินเท้าลึกเข้าไปในป่า ผ่านจุดตั้งเต็นท์ มือหนายกขึ้นแตะลำคอ วัตทดสอบการดื่มเลือดที่นี่เขาจำได้ ถ้าเดินไปอีกหน่อยจะพบกับ...

   ท้องนภามืดสนิทเริ่มมีดวงอาทิตย์ทอแสงจากเส้นขอบฟ้า ใบไม้เขียวรับแสงแดดยามเช้า สายลมพัดผ่านให้กิ่งไม้โยกไหว ดอกหญ้ามากมายพัดปลิวไปตามกระแสลม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้างสะท้อนภายชายคนหนึ่งกำลังนั่งยิ้มอยู่บนตัวหมู่ป่าเบื้องหน้า

   แสงแดดสะท้อนบนเรือนผมสีทองอ่อน รับกับดวงตาสีเทาอันอบอุ่น รอยยิ้มที่เขาเฝ้าคิดถึงทุกลมหายใจ สองเท้าก้าวเข้าไปหา มือหนายกขึ้นแตะแก้มอย่างสั่นเทา กลัวเหลือเกิน กลัวว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเพียงภาพลวงตา ฝ่ามือขาวซีดยกขึ้นกุมมืออุ่น พลางเงยหน้ามองสบตา

   ในที่สุดก็เจอ...

   “มาช้า ฉันมานั่งรอนายตั้งนาน”

   เสียงบ่นของคนตรงหน้า ช่างรื่นหูนักในเวลานี้ ดีกว่าความเงียบแบบที่พบเจออยู่ทุกวัน ต่างฝ่ายต่างขยับเข้าหา พลางมองเข้าไปในตาของกันและกัน

   “ทำไมต้องเป็นหมูป่า?” หมาป่าหนุ่มออกปากถามด้วยความสงสัย

   “จะได้เหมือนตอนเจอครั้งแรกไง อุตส่าห์หลุดมาอยู่ที่นี่ทั้งที” คำพูดทีเล่นทีจริงไม่อาจทำให้หมาป่าหนุ่มวางใจ เขามองเห็นความสั่นไหวในดวงตาของคนรัก

   สำหรับวัต แม้ภายนอกเขาดูไม่เป็นอะไร แต่แท้จริงแล้วทั้งกังวลและหวาดกลัว เขาทำให้พี่ชายกับใครอีกหลายคนต้องเดือดร้อน ที่สำคัญคือ เขากลัวว่าจะไม่ได้เจอเหล่าคนสำคัญอีกครั้ง...วัตรอ... รอจนกระทั่งกลมาถึง

   “ในที่สุดก็มารับสักที”

   “อืม... มารับแล้ว กลับกันเถอะวัต ที่รักของกล...”

   นี่เป็นครั้งแรกที่กลร้องไห้ ไม่ได้ร้องเพราะความเสียใจ แต่ร้องด้วยความยินดี คนที่เคยเย็นชา ไม่เคยสนใจใครหน้าไหน มาวันนี้กลับมีคนสำคัญถึงขนาดที่ยอมสละชีวิตตัวเองให้ได้โดยไม่นึกเสียดาย รักมาก รักจนไม่รู้ว่าจะบอกยังไง

   จมูกโด่งคลอเคลียแก้มด้วยความคิดถึง วงแขนโอบกอดแนบกาย วัตยื่นใบหน้าไปจูบซับน้ำตาให้ ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม

   “มันสลับกันรึเปล่า” หมาป่าออกอาการประท้วง

   “ไม่รู้สิ รู้แค่ว่ารักกลชะมัดเลย”
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 29-08-2015 17:13:13
เพื่อนเก่าของพี่วินนี่เอง  :a5:

ดูแล้วความอันตรายเพิ่ม300%
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 29-08-2015 19:24:20
เข้มข้นขึ้นเรื่อยยยยยยยๆๆๆๆๆๆ
สนุกมากเลย รุจนี่ร้ายจริงไรจริงอ่ะ
รอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 29-08-2015 19:26:23
หมาป่ากล้ามาก ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-08-2015 19:40:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 29-08-2015 20:08:22
เจ้มจ้นไปอีกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-08-2015 20:46:25
จะเอาอีกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 30-08-2015 01:01:09
คนใกล้ตัวนี่เอง วัตแอบโกงให้สามีเด็กอุ้มน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-08-2015 06:42:25
พี่ชินนนนน ถึงมาน้อย แต่ก็รักนะคะ
อดเล่นเกมส์เลยเนาะวัต เป็นแม่บ้านก็ไม่เลวนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: su40747 ที่ 30-08-2015 10:26:42
มาเม้นท์ให้ก่อน กำลังตามอ่านค่ะ  :impress2:
สนุกมาก ขอให้ต่งได้ยาวๆเลยนะคะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 30-08-2015 11:08:54
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 30-08-2015 13:04:23
พี่ชิน "ท่ายากยังไม่มีปัญหา" หมายความว่าไงค๊าาาา  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 30-08-2015 22:35:05
หุหุ พี่ชินท่ายากท่าไหนเอ่ย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-08-2015 22:52:27
ท่ายากยังไม่มีปัญหา.....มันสะดุดก็ตรงนี้แหละ
เค้าไปทำท่ายากอะไรกันอ๊าาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 30-08-2015 23:23:59
ตอนนี้ ข้นๆๆๆ โข้นนนนนนนนนนนนน!!!! :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 31-08-2015 12:36:28
 :กอด1: สนุกมากค้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 31-08-2015 13:40:30
ท่ายากไรห๊ะพี่ชิน 555555
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 31-08-2015 21:40:22
น่าฮ๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-09-2015 08:33:43
ตายล่ะ โดนสั่งพักเล่นเกมส์ยาวๆเบย
ดั๊นมีคนร้ายคิดลักพาตัววัต =_=
ร้อยทั้งร้อย อิรุจนี่ค้องเปนแกนนำแหงอ่ะ เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 01-09-2015 15:31:45
โถ~ พี่วินให้พี่ชินอุ้มหน่อยก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-09-2015 23:22:38
:)
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 03-09-2015 00:16:27
พี่วินก็ยอมให้พี่ชินอุ้มบ้างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 16-09-2015 09:51:09
หายไปไหนค่ะ  รออยู่นะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.31 ผู้มาเยือน 29/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-09-2015 21:53:22
:)
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 18-09-2015 22:31:09
Lv.35 กลับมา

   เสียงพูดคุยในห้องแลปแฝงความยินดีอยู่ในน้ำเสียงเหล่านั้น หลังจากเด็กหนุ่มผู้อายุน้อยที่สุดในกลุ่มติดต่อกลับมาว่าพบตัวคนที่พวกเราตามหา ชายร่างโปร่งดวงตาสีเทาถอนหายใจอย่างโล่งอก ข้างกายเขามีชายอีกคนดูจะโล่งใจไม่ต่างกัน

   นิ้วยาววาดผ่าน วินเรียกหน้าจอสำหรับติดต่อกับลูกศิษย์เพียงคนเดียวขึ้นมากลางห้องแลปให้เห็นกันทุกคน ภาพชายหนุ่มผิวเข้ม ดวงตาคมดูมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้ราวกับคนละคนฉายขึ้นเต็มจอ

   “วัตเป็นยังไงบ้าง”

   พี่ชายถามเสียงนุ่มช่างแตกต่างจากเวลาพูดคุยกับคนอื่นราวฟ้ากับเหวนรก ถามหาน้องชายเมินลูกศิษย์ เจ้าของชื่อโผล่เข้ามาในจอโบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสไม่ต่างจากเทวดา ชวนให้คนอื่นยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

   “ยังปกติดีพี่ แต่ผมออกไปจากบริเวณนี้ไม่ได้เลย ติดต่อใครก็ไม่ได้ด้วย รู้สึกเหมือนตัวเองโดนขังอยู่กับที่”

   “ก็ไม่แปลกนักหรอก เข้าเกมไปแบบผิดวิธี ระบบมันคงรวนไปหมด ดีที่ไม่เป็นอะไร”

   พี่วินพูดพลางหันไปพยักหน้าให้กับคนอื่นๆ แต่ละคนเตรียมตัวอยู่ตำแหน่งของตัวเอง

   “ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแล้วสินะ” รู้สึกเบิกบานใจจริงๆ เข้ามาในเกมได้แต่โดนกักแบบนี้ก็ไม่ไหว

   “เสียใจด้วย พี่ยังถอนการเชื่อมต่อไม่ได้ ต้องตรวจเช็คอะไรอีกเยอะ ระบบนี้มีความละเอียดอ่อนมาก ขืนยกเลิกสุ่มสี่สุ่มห้า เราจะได้กลายเป็นเจ้าชายนิทราของจริงกันพอดี โลกจริงไม่มีเจ้าหญิงมาจุมพิตให้หรอกนะ” ปากพูด มือพิมพ์ สั่งการนู่นนี้มีพี่ชินเป็นผู้ช่วยมือเอก

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวหมาป่าจุมพิตให้” น้ำเสียงนิ่งเจือการหยอกเย้าขณะคลอเคลียค้างคาว เหมือนมีหัวใจลอยออกมากระแทกหน้าพี่ชายเต็มๆ

   “กลกลับมาทำงานเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงพี่วินเข้มขึ้นอีกสิบระดับ ผมยิ้มแห้งๆ ส่วนหมาป่าอารมณ์ดี ยอมผละออกจากผมออกเกมไป เพื่อให้พี่ชายจัดการกับตัวผมได้สะดวก

   แม้ผมจะถูกกักให้อยู่บริเวณนั้นตามเดิม แต่สามารถติดต่อมาหาพี่ชายได้ตลอด โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการอะไรทั้งสิ้น ทำนองว่า ถ้าผมทักมาจะปรากฏหน้าจอจากเครื่องฉายที่นำมาติดในห้องได้ทันที

   ในอาคารไฟทุกดวงยังเปิดให้แสงสว่างต่างจากภายนอก ผืนนภาสีหมึกบ่งบอกเวลากลางคืน ทุกคนกำลังอยู่ในห้วงนิทราแห่งการพักผ่อน ยกเว้นชายสามคนยังคงทำงานในห้องแลปใหญ่ ชายผมทองสั่งงานชายอีกสองคนเป็นระยะ จู่ๆ หน้าจอบานใหญ่ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าทั้งสาม เป็นภาพชายหนุ่มเรือนผมสีทองอ่อน ดวงตาสีเทา แต่มีเขี้ยวแหลมและปีกค้างคาวด้านหลัง

   “ตีสองแล้วนะ ยังไม่นอนกันอีกเหรอ”

   “แค่ตีสองเอง โต้รุ่งพวกพี่ยังสบาย”

   พี่วินตอบผมทั้งที่ใต้ตาดำคล้ำพอกันทั้งสามคน ผมเข้าใจว่าอยากพาผมออกจากระบบไวๆ แต่ฝืนร่างกายแบบนี้มันไม่ดี ต้องลองใช้ไม้อ่อนก่อนแล้วค่อยใช้ไม้แข็ง

   “สบายยังไงพี่ ตอนนี้ผมเห็นหมีแพนด้าสามตัวอยู่ในห้องแลปเนี่ย ไปนอนกันได้แล้วไป๊ เดี๋ยวผมร้องเพลงกล่อมเลยเอ้า”

   ข้อเสนอน่าสนใจ พี่ชินแอบเอนเอียงนิดหน่อย เสียงของวัตเพราะมาก ไม่ได้ทรงพลังเหมือนคนอื่น ฟังแล้วให้ความรู้สึกสบาย ฟังตอนนอนหลับดีนักแหละ ไม่อยากจะคุย พี่ชายทั้งสองอัดเสียงน้องตัวเองไว้ฟังกันเป็นอัลบั้ม

   “ร้องอัดเสียงไว้ เดี๋ยวพี่ไปเปิดฟังตอนจะนอนเอง” เหมือนอย่างตอนนี้...พี่วินเล่นตอบน้องชายตาเทาๆ อย่างไร้เยื่อใย ส่วนหมาป่าหนุ่มคงไม่ต้องย้ายไปนอนไหน ในเมื่อที่นอนเจ้าตัวอยู่ข้างแคปซูลของคนรัก เฝ้าไม่ยอมห่างสมเผ่าพันธุ์

   “จะนอนดีๆ หรือให้ผมใช้ไม้แข็งพี่”

   คนในจอเริ่มส่งเสียงเอาเรื่อง พี่ชายทำหูทวนลมไม่ฟัง ทันใดนั้นไฟทุกดวงในห้องแลปถูกปิดลงจนหมด เหลือแค่ไฟทางมุ่งหน้าไปสู่ห้องพักเท่านั้น ท่านซาตานคิ้วขมวดใต้ความมืด มีเพียงแสงจากไฟทางและจอเบื้องหน้าให้ความสว่าง นิ้วเรียวยาวรัวคำสั่งให้ไฟทุกดวงเปิดอีกครั้ง สุดท้ายก็ดับลงตามเดิมโดยมีเสียงน้องชายตัวดีเป็นฉากหลัง

   แน่นอน การกระทำทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของผม เป็นของพี่ชินผู้สมรู้ร่วมคิดกับผมต่างหาก เมื่อครู่แอบส่งสายตากันนิดหน่อยจังหวะที่พี่วินไม่ทันสังเกต

   “หึหึ พี่หรือจะสู้ผมได้ พี่ชินลากพี่วินไปนอนเลยครับ”

   พี่ชินหัวเราะ แม้พี่วินจะฮึดฮัดไม่เต็มใจเท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องยอมกลับไปนอนพักที่ห้องอยู่ดี ภายในห้องจึงเหลือเพียงค้างคาวกับหมาป่าหนุ่ม

   ผมเห็นกลซุกมุมอับข้างแคปซูลแอบทำอะไรบางอย่างอยู่ในความมืด จัดการปิดจอใหญ่ทิ้งแล้วเข้าไปโผล่เป็นจอเล็กตรงหน้ากำลังที่ทำงานอยู่ เจ้าตัวแอบสะดุ้งจ้องดุๆ

   “อย่าโผล่มาเหมือนผี ตกใจหมด”

   ผมกลอกตา พอหมาป่าเห็นแบบนั้นรีบแก้ตัว

   “แค่เช็ครอบสุดท้ายก่อนนอน แปบเดียวเท่านั้น”

   “แน่นะ”

   “อืม” ผมหรี่ตากลรับคำใบหน้านิ่ง ผมจับเวลา

   “ให้เวลาสิบนาที พอหมดปุ๊บต้องปิดระบบทันที”

   กลไม่เดือดร้อนกับเวลาจำกัด พอเช็คระบบเสร็จยังเหลือเวลามีการเนียนไปทำงานอื่นเพิ่ม พอผมจ้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ประมาณว่าเวลายังไม่หมดสักหน่อย เค้ายังทำงานได้อยู่นะ กระทั่งหนึ่งนาทีสุดท้าย ผมนับถอยหลังรอ หมดเวลาปุ๊บสั่งให้กลปิดทันที ได้ยินเสียงหมาป่าถอนหายใจหนัก

   กลลุกขึ้นมายืนข้างแคปซูล ใบหน้าคมคายก้มลงมาจุมพิตผ่านกระจก ดวงตาคมมองร่างที่หลับไหลเหมือนที่ทำประจำทุกวัน

   “เมื่อไหร่ ฉันจะสัมผัสตัวนายตรงๆ ได้สักที”

   ผมหลุบตาลง แสร้งพูดไปเรื่องอื่น

   “นายก็เข้าเกมไง จะได้สัมผัสตัวเป็นๆ ส่วนวันนี้นายห้ามเข้าเกมนะ ต้องนอนพักผ่อนให้เต็มที่” เขาส่ายหัวกับคำพูดผมซะงั้น

   “มันไม่เหมือนกัน ฉันอยากสัมผัสนายในโลกแห่งความจริง”

   “…”

   มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักเท่าไหร่ ถึงอย่างงั้น มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดี ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมหลับตาลงและลืมตาอีกครั้งมองกลด้วยรอยยิ้มเหมือนที่ผ่านมา

   “อีกไม่นานหรอก เชื่อฉันสิ” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของกลอย่างที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น มันดูดีซะจนน่าตกใจ

   “ใช่...อีกไม่นาน”

   หมาป่าหนุ่มย้ายตัวเองมุดเข้าไปนอนในถุงนอนข้างแคปซูล

   “ฉันสงสัยมานาน ทำไมนายไม่ไปนอนที่ห้องดีๆ”

   “เดี๋ยวมีคนขโมยนายไปจากฉัน”

   “ทำเป็นหมาเฝ้าเจ้านายไปได้” ผมบ่นอุบอิบ

   “เพราะฉันเป็นหมาของนาย...” ท้ายประโยคเริ่มเบาลง ลมหายใจสม่ำเสมอ เจ้าหมาป่าหลับไปแล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาหลับ ปกติเวลานอนด้วยกันไม่ว่าจะในหรือนอกเกม กลจะเป็นฝ่ายนอนที่หลังและตื่นก่อนผมเสมอ ผมมองภาพนั้นในความมืดที่มีเพียงแสงจากจอผมสะท้อนบนใบหน้าคมคายหลับสนิท

   อยากสัมผัสแต่ตอนนี้ไม่สามารถทำได้   ผมโคลงหัว

   “ฝันดีนะกล”

   เสียงกระซิบบอกมีเสียงในคอตอบรับ ผมหัวเราะกับหมาป่าที่ฝืนตัวเองแม้จะง่วงแสนง่วง แล้วยกเลิกการติดต่อกลับไปนอนบ้าง
 
   หลังจากนั้นเหมือนเป็นธรรมเนียมที่ผมต้องร่วมมือกับพี่ชินปิดไฟไล่ให้หมีแพนด้าไปนอนทุกคืน เกี่ยวกับคุณลาสพี่วินเล่าว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมีลูกสาวกับภรรยาคนสวยดูแลอย่างใกล้ชิด เรื่องที่คุณลาสเป็นสายให้กับรุจ พี่วินรายงานคนอื่นไปว่าคุณลาสทำเพื่อหาข้อมูลมาให้พวกเรา

   ทางเบื้องบนเลยลงทัณฑ์บนห้ามทำความผิดเป็นครั้งที่สอง ถ้าหายเมื่อไหร่สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ โดยระหว่างนั้นต้องไปรายงานตัวตามกำหนด รวมถึงทำคุณประโยชน์แก่สาธารณชน

   รุจไม่โชคดีอย่างนั้น เขาถูกคุมตัวอย่างแน่นหนา ฐานะทางบ้านและความสามารถของเขาทำให้ไม่สามารถจัดการขั้นเด็ดขาดได้ แต่สำหรับรุจการถูกขังแล้วต้องทำงานอยู่ในที่แบบนั้นคงแย่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ที่สำคัญ เขาไม่มีวินได้เจอพี่วินอีกเป็นครั้งที่สอง เรื่องนี้พี่ชินผู้จัดการเรื่องของรุจยืนยันด้วยตัวเอง

   ใช้เวลากว่าสองเดือนเต็ม ความพยายามของทุกคนประสบผลสำเร็จ ยามฝาแคปซูลเปิดออก สิ่งแรกที่ผมเห็นผ่านดวงตาของตัวเองคือใบหน้าของคนที่ผมรักทั้งสามคน มืออุ่นของพี่วินลูบหัวผมเบาๆ

   “ยินดีต้อนรับกลับนะวัต”

   ผมพยักหน้ารับทั้งที่ยังอ่อนแรง แคปซูลนี้มีระบบจำเป็นทุกอย่างก็จริง แต่การรักษากล้ามเนื้อของคนที่นอนหลับเป็นเวลานาน วิทยาการในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนั้น พี่ชินยื่นมือมาขยี้หัวจนผมยุ่ง ส่วนกลประคองมือผมแนบแก้ม สัมผัสอุ่นที่คุ้นเคยชวนให้รู้สึกดีจริงๆ

   “เอาล่ะ แยกกันก่อน วัตต้องไปโรงพยาบาล”

   พี่วินจัดการแงะผมออกจากเงื้อมมือหมาป่า ทั้งคู่จ้องเขม็งใส่กันจนพี่ชินต้องมาจับแยกอุ้มผมออกจากแคปซูลไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คสภาพร่างกาย และรักษาตามอาการให้ร่างกายผมกลับมาแข็งแรงตามเดิม

   ผมต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายเดือน กลจะคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างผมกับที่ทำงาน พอผมแข็งแรงขึ้น เขาถึงโดนพี่วินรั้งให้ช่วยงานอยู่ที่นั่น เห็นว่าจะเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นและทำลายที่นั่นทิ้งซะ

   อยู่โรงพยาบาลผมไม่เหงาเลยสักนิด พวกพี่ๆ ในแผนกพี่วิน เพื่อนที่มหาลัยแวะมาเยี่ยมสม่ำเสมอ ว่างๆก็คุยเล่นกับคนป่วยคนอื่นบ้าง หลังผมฟื้นตัวใกล้จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พ่อกับแม่พากลับไปอยู่ด้วยพักหนึ่ง ช่วงนั้นผมเลยไม่ได้เจอกลนอกจากคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ หรือเปิดภาพเห็นหน้าพอเป็นพิธี

   พอผมแข็งแรงเต็มที่ แม่ถึงยอมปล่อยกลับมาเรียนโดยมีพ่อถือผ้าเช็ดหน้าโบกลาอยู่เบื้องหลัง สงสัยเพิ่งดูละครย้อนยุคมาแหง ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมแม่ผู้แสนสวยจริงจัง ถึงยอมแต่งงานกับพ่อที่นิสัยไม่เหมือนชาวบ้านเขา จนผมกับพี่วินออกมามีนิสัยแปลกๆ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

   อันดับแรก ผมเข้ามหาลัยตรงดิ่งไปแผนกลงทะเบียน ลงวิชาเท่าที่เรียนไหว อัดมันสุดๆ จะได้ตามเพื่อนทัน ไม่งั้นมีหวังผมได้รับปริญญากับไอ้ดาลี่แหง

   ตลอดทางทั้งขาไปและขากลับ เพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องพากันทักทายร่วมแสดงความยินดีด้วยที่ผมหายป่วยจากโรคร้ายเสียที รู้สึกคิ้วกระตุก จำได้ว่าพ่อเป็นคนติดต่อกับทางมหาลัยเรื่องผมดรอปเรียนช่วงที่ติดแหงกอยู่ในระบบ แสดงว่าพ่อไปโม้อะไรเว่อร์ๆ แหง

   เอี๊ยดดดด!

   เสียงล้อรถเบียดถนนทำเอาผมสะดุ้งโหยงเกือบกระโดดลงบ่อน้ำในมอ หันไปมองดีๆ ถึงรู้ว่าใคร

   “ไอ้เวรไวภพ! ขับรถแบบนี้บิดชนต้นไม้ไปเลยมั้ย”

   คนโดนโวยไม่สนใจ ไวไวมองผมเหมือนเห็นผี รีบลงจากรถมอไซค์คันโปรดมายืนจ้องผม หมวกกันน็อคก็ไม่ถอด

   “หายดีแล้วเหรอ? นึกว่าจะพิการไปแล้วซะอีก”

   “ปากเสีย ใครพิการ หล่อขนาดนี้พิการไม่ได้หรอก”

   มันทำหน้าเหมือนกินยาขม โยนหมวกกันน็อคลายกระต่ายให้ ถึงไม่บอก ไม่มีชื่อติดผมรู้ได้เลยว่าเจ้าหมวกใบนี้ของลินชัวร์

   “ขึ้นมา คุยที่นี่คงไม่เหมาะใช่มั้ยล่ะ ไปบ้านนายกัน”

   “เอางั้นเรอะ เพิ่งขับเข้ามหาลัยมาไม่ใช่ไง”

   ผมปรับสายใส่หมวกขึ้นซ่อนท้าย ไวไวมันขับมาทางเข้ามหาลัย ผมเดาว่ามันกำลังจะไปเรียน

   “เอาไว้ก่อนเหอะ ขาดสักคาบไม่ตายหรอก ฉันอยากรู้เรื่องนายมากกว่า” น้ำเสียงมันดูหงุดหงิด ที่ผ่านมาไม่มีใครว่างมานั่งอธิบายให้เจ้าตัวฟังได้ ผมว่ามันคงอยากรู้ตามประสาพวกรักเพื่อน ผมผลักหัวมันขำๆ เมินเสียงบ่นยาวตลอดจนถึงบ้าน

   ทันทีที่เปิดประตู ก้อนขนเคลื่อนที่ได้สองตัวพุ่งออกมา ผมกับไวไวหลบอย่างรู้ทัน นายท่านออกมาเลียขนแก้หน้าแตกตรงประตู ส่วนขุนพลเบรคไม่อยู่พุ่งยาวหน้าทิ่มหญ้า ไวไวเลิกคิ้วมองแปลกใจ

   “เจ้าสองตัวนี้มันผอมลงไปรึเปล่า แล้วมันกลับมาอยู่กับนายตั้งแต่ตอนไหน”

   “เพิ่งมาได้ตอนฉันกลับมาอยู่บ้าน เห็นว่าไม่ค่อยกินอาหารเลยผอม ว่าจะขุนใหม่อยู่”

   ผมตอบพลางก้มลงไปอุ้มนายท่านแล้วเรียกขุนพลเข้าบ้านแล้วปล่อยให้วิ่งเล่นกันตามสะดวก ไวไวไปนั่งแผ่บนโซฟาแบบที่ชอบทำ มีตีกับขุนพลแย่งที่นั่งด้วย เจริญจริงเพื่อนผม

   “อย่าว่าแต่แมว นายเองก็ผอมลงไปนะ สรุปเรื่องเป็นไงมาไง” ไวไวใช้มือหยอกเล่นกับแมวยักษ์ ดวงตาจับจ้องผมบอกชัดเจนว่าห้ามหนี ผมเลยต้องยอมเล่าให้มันฟังเท่าที่จะเล่าได้ บอกแค่ว่าผมโดนจับตัวไป ได้พี่วินไปช่วย แต่ติดเรื่องหลายอย่างทำให้ไม่สามารถกลับมาได้ในทันที

   ไวไวพยักหน้ารับ เข้าใจว่าบางเรื่องไม่สามารถเล่าได้เจ้าตัวไม่เซ้าซี้ เขาถอนหายใจยาวเหยียดตบบ่าผมปุๆ

   “เรื่องร้ายผ่านไปได้ก็ดีแล้ว ลินเป็นห่วงเหมือนกัน รู้แบบนี้ฉันจะได้ไปบอกให้เธอสบายใจ เอ้อ เรื่องแข่งกิลด์พวกเราได้แค่ที่สองนะ”

   “ไมงั้น” พอวกเข้าเรื่องเกมอารมณ์ซึ้งก่อนหน้าหายวับ

   “กลไม่อยู่น่ะสิ! พวกนั้นจัดเต็มกะดักเราเต็มที่ เกือบชนะแล้วเชียวพลาดท่าเอาตอนสุดท้าย”

   ไวไวพูดใส่อารมณ์ดูคับแค้นใจมาก เห็นว่าจะไปหาของเทพๆ มาใส่แล้วนัดไปลุยล้างตากันนอกรอบกับพวกทัต ได้ยินแบบนี้ชักอยากเล่นเกมบ้าง แต่ผมสัญญากับกลไว้ว่าจะเข้าไปเล่นพร้อมกัน สุดท้ายเลยได้แต่นั่งคอตกเลี้ยงแมวรอกลกลับบ้านปล่อยให้ไวไวไปลัลล้าในเกมกับลินตามสบาย

   สามวันต่อมา ช่วงนี้ผมไม่มีเรียนต้องรอเรียนเทอมหน้า เลยว่างอยู่บ้านนั่งๆ นอนๆ จะมีขนงอกตามแมวอีกสองตัวอยู่รอมร่อ จู่ๆ ได้ยินเสียงประตูถูกไข ไม่ทันจะลุกไปดู เงาร่างสูงพุ่งเข้ามากดผมไว้บนพื้นตามเดิม ใบหน้าหล่อคมดูเข้มขึ้น ผมตาโตอ้าปากค้าง อีกฝ่ายไม่ทักอะไรทั้งนั้น ก้มลงมาจูบจ๊วฟขนาดแมวสองตัวยังวงแตกไปคนละทาง

   มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อลูบเอวให้ขนลุกซู่ ลมหายใจร้อนเป่ารดแถวลำคอที่เจ้าตัวกำลังซุกไซร้ บางอย่างมันถูไถ จั๊กจี้จนผมหลุดขำ

   “คิดถึง คิดถึง คิดถึง”

   เสียงทุ้มต่ำพูดงึมงำยังไม่ยอมละจากตัวผม ผมหัวเราะดิ้นไปดิ้นมาเริ่มทนไม่ไหวดันหน้าอีกฝ่ายออกห่าง

   “กล อย่าเอาหนวดมาถูดิ้”

   ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ หมาป่าตัวร้ายอาจหาญถึงขนาดลอกคราบผมกลางวันแสกๆ กลางพื้นบ้าน ใช้หนวดตรงคางมาไถๆ แถวพุง ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง นายท่านขุนพลกระเจิงหลบไปไกลลิบ โผล่หน้ามาดูเหมือนกับเห็นคนบ้าสองตัวเล่นกันบนพื้น

   นิ้วยาวเป็นข้อสวยเริ่มลามปามเกี่ยวเอาขอบกางเกงเจเจ ผมเลยยกเท้าถีบหงาย หมากลนั่งกุมท้องมองผมอย่างตัดพ้อ ผมสะบัดหน้าใส่

   “เนียนจริงๆ ให้ตายสิ ไหนมาดู พี่วินใช้งานหนักถึงขนาดเวลาโกนหนวดยังไม่มีเลยเหรอ”

   ผมขยับๆ เข้าหา นั่งอยู่บนพื้นหน้ากล แต่ยกขาสองข้างเกาะเอวหนา มือจับโครงหน้าคมคายหันไปมาสำรวจหนวดหมาป่า

   “ผมยาวขึ้นด้วยนะเนี่ย เดี๋ยวตัดให้เอามั้ย”

   กลไม่พูดอะไรพยักหน้ารับอย่างเดียว แล้วคว้าเอาผมไปนั่งบนตักทั้งสภาพนี้ ใบหน้าหล่อๆ มาซุกซบออดอ้อน ผมกอด ลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายเล่น พอแมวสองตัวเห็นพ่อแม่กอดกันกลมเริ่มเสนอหน้าเข้ามาเบียด พยายามแทรกตรงกลาง กลแกล้งกอดผมแน่นขึ้นจนไม่มีช่อง เลยได้เสียงแมวประท้วงสองเสียงตอบแทน

   ขณะเดียวกันประตูบ้านถูกเปิดออก สองร่างเดินเข้ามา ตะกร้าผลไม้ในมือสาวสวยหลุดจากมือ ชายอีกคนข้างกายคว้าจับแทบไม่ทัน

   “กรี๊ดดด! บัดสี พวกนายทำอะไรกันกลางบ้านยะ”

   “ลิน ปากกับการกระทำไปทางเดียวกันหน่อยสิ จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทำไม” ไวไวส่ายหัวกับท่าทางของแฟนตัวเอง

   กลเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ถูกขัดเวลาหวาน ยอมปล่อยให้ผมลุกขึ้นอย่างจำใจ ผมเดินไปรับตะกร้าผลไม้จากไวไว แล้วไปล้างปอกใส่จานวางไว้บนโต๊ะ สองหนุ่มสาวจิ้มกินเอร็ดอร่อย สรุปซื้อมาให้ผมปอกสินะ…

   “เห็นพวกนายแข็งแรงดีฉันก็ดีใจ แล้วจะกลับไปเล่นเกมเมื่อไหร่” ลินถามด้วยรอยยิ้มสดใส ผมเหล่มองไปทางกลที่เพิ่งจะโกนหนวดเดินออกมานั่งเอาแขนพาดพนักข้างผม ดูเผินๆ เหมือนผมโดนโอบ เอาที่พ่อสบายใจเลยครับ ลินฟินจนแทบบินแล้วนั่น

   “ตอนนี้เลยเป็นไง” ผมอยากเล่นเกมจะแย่ ดันมีมารขวางความสุข หมาป่าหันมาอุทรณ์

   “ตัดผมก่อน ไว้เล่นตอนกลางคืน”

   จ๊ะ ขออภัยที่บ่าวผู้นี้อยากเล่นเกมเกินไป ปกติเขามีแต่ทาสแมว นี่ผมจะเป็นทั้งทาสแมวและทาสหมาเลยเหรอเนี่ย เผลอๆ จะทาสซาตานด้วย โอ้... ชีวิตวัตช่างน่าสงสาร

   “ไว้ตอนกลางคืนดีกว่า เพราะฉันต้องไปส่งลินที่บ้านด้วย” ไวไวเสริมอีกแรง ลินยิ้มรับ ชิชะ เจ้าพวกนี้ ระหว่างผมไม่อยู่ถึงขั้นไปฝากฝังกันที่บ้าน ร้ายกาจ

   “โอเค งั้นตัดผมก่อน”

   ผมให้กลนั่งเก้าอี้อยู่ในสวน เอาผ้าคลุมตัวไว้ หยิบกรรไกรตัดผมคู่ใจพร้อมหวีอีกมือ ความจริงผมไม่ได้ตัดเก่งอะไรนัก แค่พอตัดให้มันสั้นลงเท่านั้น ถ้าจะเอาพวกทรงแปลกๆ หรือทรงที่ต้องไถผมเองไม่สามารถเหมือนกัน หมาป่านั่งนิ่งเหมือนสัปหงก เส้นผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำตัดถูกเล็มออกทีละนิด

   ลินมองอย่างสนใจ ส่วนไวไวมันชินแล้ว บางทีมันยังแล่นมาให้ผมตัด พอเสร็จสะบัดผ้าออก ใช้ผ้าผืนเล็กปัดพวกผมตามคอกับหน้า กลลุกไปดูกระจกท่าทางแปลกใจ

   “เพิ่งรู้ว่านายตัดผมเป็นด้วย”

   “นั่นสิ วัตเนี่ยเก่งไปหมดทุกอย่างเลยน้า” ลินมองอย่างชื่นชม ผมโบกมือปัดๆ

   “ปกติชอบเล็มผมให้ตัวเองเพราะขี้เกียจไปร้านน่ะ บางทีตัดขนให้นายท่านด้วย แรกๆ ก็แหว่งแหละ มาพักหลังๆ ตัดเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย”

   ผมได้ยินกลพึมพำอยู่คนเดียว ประมาณว่าโชคดีที่ผมไม่แหว่ง กลายเป็นหัวเราะกันทั้งบ้าน ตกเย็นลินเป็นลูกมือช่วยผมทำกับข้าว กลกับไวไวจัดโต๊ะรอ พอทานข้าวเสร็จหมาป่าเป็นคนล้าง ไวไวพาลินไปส่งบ้าน เราดูทีวีเล่นกับแมว กลนั่งโอบผมไว้ ส่วนผมพิงอกอีกฝ่ายชีวิตแสนมีความสุข

   ถึงเวลาค่อยลุกไปอาบน้ำก่อนเข้าเกม เสียงต้อนรับยังคงเป็นเสียงของผมที่อัดเอาไว้ เห็นว่าจะเปลี่ยนแต่คนส่วนใหญ่บอกให้ใช้เสียงเดิม ทางบริษัทเลยต้องเปลี่ยนกลับตามระเบียบ

   ผมมาโผล่ในห้องพักล่าสุดก่อนจะออฟไลน์ออกจากเกม ไม่นับตอนที่ผมแทรกแซงเข้ามาตอนแรก เปิดประตูไปรับลมเย็นจากธรรมชาติ ใบไม้โบกไหว คนในเมืองคึกคัก เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มจากคนทุกเพศทุกวัยรวมตัวกันอยู่ในเกมออนไลน์อันดับหนึ่ง กลในร่างคนแต่มีหูหางหมาป่ายืนอยู่ข้างผม ได้ยินเสียงเรียกจากด้านล่าง พอมองลงไปพบกับเพื่อนพ้องทั้งหลาย

   “อย่ามัวแต่ยืนถ่ายเอ็มวี รีบลงมาเร็วๆ เข้า เจ้าพวกอืดอาด”

   กระต่ายโจ๊กเกอร์โบกมือเรียก ใกล้ๆ มีพ่อมดหัวทองหล่อจนสาวแถวนั้นเดินสะดุดกันเป็นแถว ถัดไปคืออลิสในชุดกระโปรงเกาะแขนทัตกับน้ำกำลังยิ้มแย้มสดใส

   “โอ๊ย พวกเรามาทันใช่มั้ยเนี่ย” เจ้านักดนตรีที่ใช้สกิลสุดเมพของตัวเองไม่ได้ วิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมรุ่นน้องสองคน ผมหันไปยักคิ้วให้กลอย่างท้าทาย แล้วปีนขึ้นไปเหยียบบนขอบหน้าต่าง ก่อนจะกระโดดลงแล้วกางปีกค้างคาวออกกว้าง กลกระโดดลงไปยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆ

   “อย่าลืมผู้ทำสัญญากับนายสิเจ้าหนู” เจ้าของเสียงปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่า ราชาแวมไพร์เรือนผมสีเงินยวงกางปีกบินเหนือน่านฟ้า ดวงตาสีแดงมองผมอย่างขอบคุณ ผมยิ้มกว้างชูมือไปเบื้องหน้า เพื่อนทุกคนกำลังมองมาที่ผม

   “ไปถล่มดันเจี้ยนกันเถอะพวกเรา!”

   เสียงประกาศดังขึ้นพร้อมเสียงขานรับจากเพื่อนร่วมทีม

   ไม่ว่าจะเป็นบอสประหลาดหรือดันเจี้ยนโหดสักแค่ไหน พวกเราจะไปลุยให้หมด ถล่มให้ราบ ล้างคอรอไว้ได้เลยเจ้ามอนสเตอร์ทั้งหลาย งานนี้พ่อจะเล่นแหลกลานเอาให้คุ้มกับเวลาที่หายไป และช่วงที่อยู่ในเกมแต่ทำอะไรไม่ได้ มันสุดแสนจะอัดอั้น
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 18-09-2015 22:48:56
อ๊ายยยยยยยย
น่ารักมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 18-09-2015 22:59:06
เดี้ยงเพราะหมาป่า พิการซ้ำซ้อนเพราะสองแมว :z2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-09-2015 00:18:06
ในเรื่องเครียด ก้อยังผ่อนคลาย 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 19-09-2015 00:58:22
 :o8:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 19-09-2015 07:20:36
กร๊ากกกกกกกก โดนทับจนจะตายยังมิวายห่วงแมว
เอากับเขาสินะน้องวัต
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 19-09-2015 10:51:03
ฝากให้อาหารแมวด้วยยย~~~  o22
ทาสแมวของแท้เบย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 19-09-2015 13:16:55
ฝากให้อาหารแมวข้าด้วย~
มันต้องเป็นฝากลูกเมียข้าด้วยไม่ใข่เหรอวัต
อ่อ ลืมไป วัตมีแต่ผัว พี่และแมว 555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง 18/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 19-09-2015 14:59:56
5555+ วัตเอ้ย โดนดาเมจรัวๆ ฝากลูกให้สามีดูสิน่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 19-09-2015 15:21:02
Lv.พิเศษ คอนโดแมวฉบับแฮนเมค

   วันนี้ครับ ผมดูรายการทีวีเกี่ยวกับแมวมาครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ในทีวีเขาพูดถึงคาเฟ่แมวที่กำลังฮิตกันอยู่ในขณะนี้ ร่ำๆ ว่าพี่วินจะลากพี่ชินไปให้ได้ ส่วนพี่ชินจะลากพี่วินไปคาเฟ่หมา เรื่องนั้นช่างมันก่อน กลับเข้าเรื่องคาเฟ่แมว ปล่อยสองพี่เขาไป

   ผมไม่ได้สนใจพวกคาเฟ่สัตว์โลกน่ารักเป็นพิเศษ ประเด็นอยู่ที่ว่า สถานที่พวกนี้มันจะมีพวกของเล่นแมวอยู่ด้วยเลยเกิดเป็นแรงบันดาลใจของผมขึ้นมา เป้าหมายคือคอนโดแมว!

   บ้านผมเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีสวนล้อมรอบ ภายในบ้านฟอนิเจอร์จัดเป็นสัดส่วน เนื้อที่พอสำหรับคน แต่ไม่มีที่สำหรับแมว เพราะไม่ได้คิดจะเลี้ยงสัตว์กันตั้งแต่แรก ผลคือ ทุกวันนี้ที่ปีนนายท่าน ถ้าไม่ใช่โซฟา ก็เป็นพวกตู้เก็บของ ชั้นวางหนังสือทั้งหลาย ส่วนขุนพลจับจองต้นมะม่วงหน้าบ้านไปเป็นที่เรียบร้อย ช่างเป็นการประยุกต์ใช้ของในครัวเรือนจริงๆ

   ผมเกิดความเห็นใจ ไอคอนโดแมวก็ดูจะไม่ยากอะไร ไม่จำเป็นต้องไปซื้อแพงๆ ของเหลือใช้พอเอามาทำได้บ้าง อย่างพวกรังหรือกล่องกระดาษ ม้วนกระดาษทิชชู่ ไม้เก่าทิ้งไว้หลังบ้าน ลงมือปฏิบัติการสร้างคอนโดแมวแบบแฮนเมค ใช้เวลาว่างๆ

   เริ่มจากร่างแบบบนกระดาษ คิดว่าจะใช้วัตสดุอันไหนทำส่วนไหน นึกถึงความคงทนแข็งแรงรับน้ำหนักของสองเหมียวได้โดยเฉพาะขุนพล แล้วเริ่มลงมือเลื่อยไม้เอากระดาษทรายขัด ลากไวไวมาใช้แรงงาน มีลินเป็นสาวคอยส่งเสบียงควบตำแหน่งผู้ช่วย

   พอได้ชิ้นส่วนทั้งหมด มีฐานตั้ง เสายึดแท่นสำหรับให้แมวยืน ลังกระดาษเจาะรูให้แมวมุดเข้ามุดออก ก็เอาทั้งหมดมาประกอบกัน ความสูงประมานอกผม ด้วยความที่สองเหมียวเป็นพันธุ๋กลางถึงใหญ่ความสูงระดับนี้น่าจะเร้าใจพอ แม้ปกติเจ้าสองตัวจะชอบขึ้นไปอยู่สูงมากกว่านี้ก็ตาม...เอาหน่า เพื่อความปลอดภัยและไม่เกะกะบ้าน

   ผมกับไวไวช่วยกันเช็คความแข็งแรงไม่มีชิ้นส่วนไหนหลุด เก็บงานดีไม่มีกาวกับตะปูที่อาจเป็นอันตรายต่อแมวได้ ตามด้วยตกแต่งลงสีให้สวยงาม ลินวาดลายหัวใจ สตอเบอรี่ตามประสาสาวๆ มีลายกระต่ายด้วย ทางไวไวมันเล่นลายวัว ส่วนผมอุ้งเท้าแมวกับลายปลาทูน่าจะกำลังดี

   รอจนสีแห้ง สรุปออกมากลายเป็นคอนโดแมวที่อาร์ตที่สุดในสามโลก ขนาดผมเป็นคนยังเวียนหัวตาลายกับลวดลายสารพัดเลย เอาหน่า แมวคงไม่เป็นไรมั้ง ผมอุ้มนายท่านไปวางไว้บนยอดสุดเป็นตัวแรก แมวขาวสำรวจดูอย่างสนใจ ก่อนจะกระโดดลงแล้วเดินไปเลียขนบนโซฟา...

   ยังดีหน่อย นายท่านรักษาน้ำใจกัน ผ่านไปสักพักถึงยอมสละตัวมาสำรวจอีกรอบ ปีนขึ้นปีนลง นั่งยืดอกเชิดอยู่ด้านบนสุด ก่อนมุดไปนอนในกล่องโผล่ออกมาแค่หน้ากับพวงหางฟูๆ ขุนพลปล่อยไปก่อน รอให้พ่อมันมาสอยลงจากต้นมะม่วง ปีนขึ้นไปสูงเหลือเกิน ผมปีนขึ้นได้ไปจริง แต่อุ้มพร้อมกับปีนลงมาไม่ไหวชัวร์

   ตกเย็น กลกลับมาจากเรียน ผมกับลินอวดคอนโดแมว เขาเลิกคิ้วส่ายหัว ยอมไปสอยขุนพลจากต้นมะม่วงตามที่ผมขอ อุ้มด้วยมือข้างเดียวมาวางไว้ตรงหน้าคอนโดแมว นายท่านเห็นขุนพล เดินออกจากกล่องไปยืนเชิดด้านบนสุดราวกับจะประกาศความเหนือกว่า ระหว่างนั้นมีพวกเราสี่คนคอยมองลุ้นอยู่ใกล้ๆ

   ขุนพลเดินวนรอบคอนโดแมวอย่างสนอกสนใจ ก่อนเจ้าตัวจะถอยห่าง ผมคอตกนึกว่าจะไม่ชอบ กลสะกิดไหล่ให้ดูดีๆ เจ้าเหมียวตัวโตถอยไปซะไกล แล้วย่อตัวหมอบเหมือนเวลาเสือเล็งเหยื่อ ผมกับกลผู้รู้นิสัยแมวดีรีบถลาเข้าไปห้าม แต่ไม่ทัน เจ้าแมวตัวโตกระโจนใส่คอนโดจนล้ม นายท่านส่งเสียงร้องกระโดดลงด้วยความตกใจ

   สรุป คอนโดแมวเป็นที่สนใจจริงแต่ต้องปรับปรุงฐานใหม่ หรือต้องสอนไม่ให้ขุนพลกระโจนแบบนั้นอีก ระหว่างพวกเรากำลังซอมแซมส่วนที่เสียหาย นายท่านเดินไปร้องเงี้ยวๆ ใช้มือตบๆ ตีๆ แถมหางฟาดขุนพลผู้ไม่รู้อะไรเลย อาเมน...
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-09-2015 19:31:36
  :laugh: แมวยักษ์พังคอนโด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 19-09-2015 19:51:56
ขุนพลแมวเถื่อน นายท่านแมวถ่อย? ห๊ะ? 5555555 คู่กันดีนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 19-09-2015 20:22:06
สงสัยคราวนี้ต้องหาวิธียึดฐานด้วยค่ะ
หนักขนาดนั้นเลยนะ 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 19-09-2015 21:52:52
นายท่านทับพอรับได้ แต่ขุนพลทับ
กระดูกลั่นแน่ๆวัตเอ้ย 555555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-09-2015 22:17:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 20-09-2015 19:30:22
ไม่ไหวนะ วัตติดสถานะโคม่า โดนหมาป่ากดแดมเมจรัวๆ
จนเลือดเหลือก้นหลอด  :hao7:

ส่วน เหมียวเชิด กับ เหมียวยักษ์ น่าร๊ากกกกกกกก :mew3:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 20-09-2015 20:10:17
 :m20: ขุนพลบ้าพลัง :laugh:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-09-2015 00:03:15
สงสารขุนพลนะ....โดนภรรยา??
ทำร้ายร่างกายตลอด 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.32 เป็นห่วง+ตอนพิเศษ 19/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 21-09-2015 00:15:15
คิดถึงกลกับวัตมากมาย รอเมื่อไรพี่วินจะใจอ่อนกับพี่ชินสักที
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 23-09-2015 19:54:59
Lv.36 พลาดอย่างแรง

   ผลจากการลงดันแหลกเป็นยังไงรู้มั้ยครับ? ผมได้รับรู้ถึงความห่างชั้นของตัวเองกับเพื่อนที่มีเวลาเล่นน่ะสิ! จากตอนแรกว่าจะไปมันสักหน่อย พวกนั้นเล่นไปแต่ที่โหดๆ ขนาดกลเองยังแทบไม่ไหว เพราะเขาห่างหายจากเกมไปนานพอๆ กับผม เราเลยตั้งมั่นกันเอาไว้ว่า จะแอบไปเก็บระดับกันสองคนให้โหด แล้วไปโผล่ให้พวกนั้นหงายท้องไปเลย

   ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแบบนั้น ผมกับกลลุยจนได้รับฮายาแวมไพร์หมาป่าจอมบ้าเลือดมาแล้วแท้ๆ ดันติดช่วงเวลาแห่งความน่าสะพรึง ทำให้ต้องงดเล่นเกมไปชั่วคราว

   เข้าสู่ช่วงสอบหฤโหดของเหล่านักศึกษา ไม่ว่าจะห้องสมุด หรือที่นั่งทั่วอาณาบริเวณมหาลัยต่างถูกจับจองด้วยนักรบผู้เตรียมพร้อมต่อสู้กับข้อสอบปลายภาค!

   เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้กระผม นายอายุวัต พจนินท์ ดรอปเรียนไปหนึ่งเทอม ต้องมาลงเรียนวิชากับรุ่นน้องปีสอง แต่ละคนนั่งเพ่งชีทในมือลูกตาแทบหลุดติดกระดาษ ถามกันข้ามหัวไปมาน้ำลายเปียกผม ความรู้ทั้งหลายดูจะไม่ค่อยเข้าสมองสักเท่าไหร่

   ผมดีหน่อยพอมีพื้นฐานจาการเรียนวิชาอื่นมาแล้วบ้าง แต่พวกรุ่นน้องยังไม่เรียนถึงได้หัวฟูกันขนาดนี้ ประเด็นหลักคือโต๊ะที่ผมนั่งกับพวกดาลี่ มีสิ่งแปลกปลอมตัวดำปีหนึ่ง ขโมยชานมเย็นใส่ไข่มุกผมไปดูดจ๊วบๆ อยู่ด้านข้าง เจ้าตัวลอยหน้าลอยตาไม่มีทีท่าว่าจะอ่านข้อสอบ หรือติวกับรุ่นพี่ก่อนลงสนามพรุ่งนี้

   “พี่วัตตรงนี้ผมไม่เข้าใจ ช่วยอธิบายอีกทีนะ”

   ดาลี่ประกบสองมือไหว้ท่วมหัว ผมส่ายหน้าเอือมยอมอธิบายซ้ำให้ น้องขวัญใจกับคนอื่นๆ พากันสุมหัวมาฟังด้วย ไหงกลายเป็นผมมานั่งติวให้เจ้าพวกนี้เนี่ย วิชาเอกของตัวเองก็ยังไม่ได้อ่านเลย อย่างที่บอก ผมลงเรียนวิชาพร้อมกับปีสอง และลงของปีสามด้วย หัวหมุนได้ที่

   สักพัก มีมือดีแย่งชีทไปจากผม แล้วยัดแก้วชาเย็นใส่ไข่มุกมาแทน ผมดูดแก้คอแห้ง ส่วนกลกวาดตาอ่านชีทคร่าวๆ รับหน้าที่สอนปีสองต่อซะงั้น!

   พ่อคุณจะเทพไปไหน ผมกับไวไวเกรดเราสองคนขึ้นๆ ลงๆ เหมือนสตรีใกล้หมดประจำเดือน ส่วนกลผมเคยขอดูแทบอยากจับหมาป่าบีบคอ เอรัวๆ ต่ำสุดคือบี เป็นที่รักและชังของอาจารย์ทุกคน เจ้าตัวเรียนเก่งสมองดี ทำงานส่งแต่ไม่ค่อยเชื่อฟัง บางทียกมือเถียงอาจารย์หน้าตายนิสัยมาก

   แล้วที่กลมานั่งสลอนกับผมได้ เพราะพรุ่งนี้เจ้าตัวสอบวิชาเดียวกัน ความจริงปีหนึ่งห้ามลง แต่กลไปขออาจารย์หรือกดดันก็ไม่รู้ จนได้เรียนวิชานี้พร้อมผม ระหว่างกลสอน ดาลี่ชวนผมออกมาซื้อน้ำรับฝากพวกเพื่อน กลจะลุกตาม ผมโบกมือให้เขานั่งต่อไป

   เดินมาไม่ทันถึงร้านน้ำ ดาลี่หยุดกึก จับบ่าผมด้วยสีหน้าจริงจัง

   “พี่วัต ผมขออะไรอย่าง”

   “ไม่”

   “เฮ้ยพี่! ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าจะขออะไร อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธดิ” ผมเคาะหลังมือบนหัวรุ่นน้อง

   “น้ำหน้าอย่างนายลากฉันออกมาคุยกันสองคนแบบนี้ ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลแน่ ไม่เอา ถ้าฉันช่วยไปตัวเองได้ซวยพอดี”

   ดาลี่อ้าปากค้าง คงอึ้งที่ผมเดาได้ถูกเผง มันคงยังไม่รู้ตัว ตัวเองทำอะไรแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ คิดอะไรออกทางสีหน้าหมด เก็บอาการไม่เก่งโคตรๆ แล้วยิ่งผมเป็นพี่รหัสมันมาเข้าปีที่สอง จะไม่รู้นิสัยใจคอมันได้ไง

   “พี่วัตเป็นหมอดูแม่นๆ ปะเนี่ย” เด็กน้อยบ่นอุบ ผมหัวเราะกอดคอลากมันไปร้านน้ำ

   “หมอดูจริงก็ดีดิ อยากรู้งวดหน้าออกอะไร”

   “ได้เลขเด็ดแล้วอย่าลืมบอกผมด้วยนะพี่... เย้ย! ไม่ใช่!! น่านะพี่วัต ช่วยหน่อยเถอะ มันไม่ใช่คำขอร้องของผมคนเดียว คำขอนี้มาจากปีสองกับปีหนึ่งทุกคนเชียวนะ”

   ผมลังเล ดาลี่ขอคนเดียวไม่เท่าไหร่ นี่ล่อทั้งปีหนึ่งและปีสองเลยเรอะ สงสัยจะเป็นเรื่องใหญ่ กลไปก่อเรื่องอะไรลับหลังผมหนอ แต่ว่าเจ้าตัวไม่ค่อยมีเวลาว่างไม่ใช่เหรอ พี่วินเรียกตัวไปใช้แรงงานที่แผนกประจำ เหมือนเป็นพนักงานไปครึ่งตัว ขนาดยังไม่ฝึกงานนะเนี่ย

   สุดท้าย ผมตัดสินใจฟังสักหน่อย ถ้าไวไวไม่ได้ไปรับลินและอยู่แถวนี้คงจะบอกว่าผมทำปากแข็งไปงั้นแหละ ความจริงใจอ่อน ใครขออะไรช่วยหมด แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ผมโอเคนะ ไม่ได้ช่วยแบบหน้ามืดตามัวไม่คิดอะไรเลย

   “เห็นแก่รุ่นน้องทุกคน ฉันจะยอมฟัง แต่ไม่รับปากนะว่าจะช่วย”

   “แค่นั้นก็พอแล้ว ผมรับรองว่าพี่ต้องเห็นด้วยชัวร์!”

   ดาลี่ยกนิ้วโป้ง ผมหรี่ตาไม่ค่อยไว้ใจมันแฮะ

   “คืองี้พี่ แบบว่ากลเรียนเก่งใช่ปะ”

   “อ่าฮะ” จะไม่ให้เก่งได้ไง เจ้าตัวเรียนรู้ ทำงานด้านนี้ในฐานะมืออาชีพก่อนเข้ามาเรียนมหาลัยซะอีก แถมมีพี่วินเป็นคนสอน ไม่นับพวกพี่ๆ ในแผนกพยายามยัดเยียดความรู้ให้ กลจะได้แบ่งเบาภาระของตัวเอง เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากลิน ไวไว พี่อิน และพวกพี่วิน ผมเลือกที่จะไม่บอกใครดีกว่า เพื่อชีวิตอันสงบสุขของกล

   “เกรดกลดีอะ มีแต่อาจารย์ชอบ” อืม ดีจริง หมั่นไส้

   “พวกผมเลยคิดว่า อยากให้พี่ลองกวนไม่ให้กลอ่านสอบ พวกเราจะได้ลืมตาอ้าปากบ้าง” มาถึงประโยคนี้ ดาลี่ดูจะกล้าๆ เกรงๆ ผม แหง เห็นผมเล่นงี้ จริงจังเรื่องการเรียนไม่แพ้กิจกรรมนะ แล้วยังเป็นผลการเรียนอนาคตของแฟนตัวเองอีก

   ผมจับบ่าดาลี่ เจ้าตัวสะดุ้งเตรียมเผ่นทันทีหากผมพูดหรือกระทำการบางอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    ไม่ต้องสืบผมเข้าใจได้เลยว่า เรื่องทำให้กลเกรดร่วงคนอื่นจะได้มีโอกาสบ้าง นั่นมันไร้สาระสิ้นดี แถมพวกตัวต้นต่อความคิดพวกนี้ มีแต่พวกผู้ชายแก่นๆ ปีหนึ่งปีสองเท่านั้น ความจริงคงอยากจะแกล้งกลมากกว่า ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ เจ้ากลมันเก่งผิดมนุษย์ ต่อให้ไม่อ่านมันก็สอบได้อยู่ดีนั้นแหละ

   “เอ่อ... ถ้าพี่ไม่เอาด้วย ผมไม่มีปัญหานะ”

   น้องรหัสเริ่มถอย ผมยิ้มล็อกคอมันมาใกล้

   “ตกลง ฉันจะลองดู” ดาลี่หันขวับ คอเคล็ดมั้ย

   “จริงดิพี่ เย้! เดี๋ยวพวกผมรวมตังกันเลี้ยงพี่เลย”

   “ให้มันจริงเหอะ ไป ซื้อน้ำ พวกนั้นชะเง้อกันคอเป็นยีราฟแล้ว”

   ดาลี่หัวเราะ พี่น้องรหัสกอดคอกันซื้อน้ำมาแจกจ่าย กลผู้เป็นเหยื่อไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังถูกรุ่นพี่และเพื่อนตัวเองวางแผนการแกล้งอยู่ ที่ร้ายที่สุดคือแฟนดันเอาด้วยนี่ดิ หึหึ

   เลิกติวผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กลขับกลับบ้าน แผนการที่วางไว้คือ หลังจากสอบวันพรุ่งนี้ ผมจะมีวันหยุดหนึ่งวัน ในขณะที่กลยังสอบยาวจนถึงอาทิตย์หน้า ช่วงก่อนวันหยุดนี้แหละที่ผมจะจัดการป่วนสมาธิ

   ผมตั้งตารอใจจดจ่อ วันเวลาผ่านไปรวดเร็วการสอบผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวิชา ก่อนกลับผมกับกลไปซื้อของสดในตลาด ผมซื้อต่อราคาคุยกับพ่อค้าแม่ค้าอย่างสนิทสนม ส่วนกลมีหน้าที่เป็นคนถือ อารมณ์เหมือนตามแฟนมาช้อปปิ้ง พอผ่านร้านผลไม้ พ่อหมาป่านึกอยากกินส้ม เอาคางมาเกยบนไหล่ผมบุ้ยปากบอก

   ระหว่างผมเลือกส้มเจ้าตัวก็ยังวางคางไว้แบบนั้น จนผมจ่ายเงินเสร็จกลรับถุงจากแม่ค้าไปถือแทน มีการแอบฉกหอมแก้มเร็วๆ

   “ขอบคุณครับ”

   เสียงทุ้มเอ่ยบอก รู้สึกใจเต้นตึกตัก เข้าใจอารมณ์เด็กมันยั่วเลย ฮึ่ย ไอ้เด็กร้ายกาจ รอพี่วัตก่อนเถอะ คืนนี้สูเจ้าเสร็จข้าแน่ วะฮ่าๆ

   “วางแผนชั่วร้ายอะไรอีก”

   “ไม่มี๊ กลอยากกินแกงส้มชะอมใช่มั้ย งั้นเราไปร้านผักกัน” ดวงตาสีน้ำเงินมองตามหลังคนเดินนำลิ่วไปร้านผัก เจ้าตัวยักไหล่ มั่นใจเต็มร้อยว่า ต่อให้อีกฝ่ายวางแผนการอะไรเขาก็สามารถโต้กลับได้หมด

   กลับมาจากตลาด ของสดทั้งหลายพวกที่ยังไม่ใช้เก็บเข้าตู้เย็น พวกที่ใช้หยิบออกมาจากถุง กลรับหน้าที่ล้างผักกับเนื้อสัตว์ ผมมีหน้าที่ทำอาหาร ใช้เวลาไม่นานกับข้าวน่าทานวางอยู่บนโต๊ะ ข้าวสวยร้อนๆ หอมกรุ่นถูกตัดใส่จานพร้อมกิน พักหลังกลแอบบ่นอยู่ว่าตัวเองอ้วนขึ้นต้องเจียดเวลาที่มีอยู่น้อยนิดเข้าฟิตเนสรักษาหุ่น ผมหัวเราก๊ากๆ ไม่สำนึกสักนิด นายท่านกับขุนพลเองกลับมามีเนื้อหนังสุขภาพดีตามเดิม

   หลังทานเสร็จช่วยกันล้าง ผมเผ่นไปอาบน้ำก่อน พอกลเข้าไปอาบบ้างค่อยมาเตรียมการกับเตียง อุปกรณ์พร้อม กลเดินเปลือยท่อนผมนุ่งผ้าขนหนูออกมา

   ปกติกลเป็นคนระวังตัว เพราะถูกพี่อินฝึกทักษาการต่อสู้มา กับผมมันอีกเรื่อง เจ้าตัวไม่ระวังระแวงอะไรเลยสักนิด ผมออกแรงดึงแขนอีกฝ่ายจนล้มไปนอนบนเตียง กลมองผมงงๆ พริบตาเดียวข้อมือทั้งสองข้างถูกผ้ามัดกับหัวเตียง มีผมหัวเราะชั่วร้ายเป็นแบ็คกราว

   กลยกยิ้มมุมปาก ขยับข้อมือนิดหน่อยเพื่อทดสอบ ระดับผม มัดแน่นสุดๆ บอกเลย

   “ชอบแบบSM?”

   หมาป่าเลิกคิ้วถามหน้าซื่อ ผมกระโดดคร่อมสะโพกหนาแบบไม่ออมแรง เจ้าตัวแอบจุกนิ่วหน้าเล็กน้อย

   “ชอบทำกับคนอื่น ไม่ชอบโดนเอง เอาล่ะกลเด็กดี อยู่เฉยๆ ให้พี่วัตเอ็นดูซะนะ”

   “ตอนนี้นายทำหน้าหื่นมาก” กลพูดเสียงเรียบ แต่ตาพราวระยับ คงนึกสนุกเต็มที่

   ผมเลิกสนใจเจ้าหมา สอดมือเข้าไปในผ้าขนหนู คลำๆ จนจับเจอบางอย่าง กลหรี่ตาจ้องผมทันที ผมฮัมเพลงไม่รู้ไม่ชี้ใช้มือเค้นคลึงเจ้าสิ่งนั้นจนเริ่มตื่นตัว ผิวกายสีเข้ม มีหยดน้ำเกาะพราว กับกล้ามสมส่วน ใบหน้าหล่อเข้ากับดวงตาคม เสน่ห์จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!

   วันนี้แหละ ผมจะทวงคืนความเป็นผู้นำในฐานะคนอายุเยอะกว่ากลับคืนมา เรื่องคำขอของดาลี่ไม่อยู่ในหัว ผมถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก กลมองอึ้งๆ ไม่คิดว่าผมจะกล้าทำ ปกติเวลามีอะไรกันกลจะเป็นฝ่ายเริ่มตลอด ใช่ว่าผมจะไม่อาย แต่อารมณ์นึกคึกมันมีมากกว่า

   กลั้นใจรั้งรูดของตัวเองไปพร้อมกับของอีกฝ่าย อีกมือเตรียมพร้อมตัวเองแบบที่กลเคยทำให้ ดวงตาสีน้ำเงินสะท้อนภาพอิโรติกเบื้องหน้า หมาป่าหนุ่มจ้องเป๋งแทบไม่กระพริบตา มองภาพคนรักปรนเปรออยู่บนเรือนร่างของตัวเอง เหมือนถูกปลุกสัญชาตญาณบางอย่าง

   ผมไม่ทันได้สนใจ มัวทำส่วนของตัวเอง ขยับกายประคองความเป็นชายแล้วกดสะโพกลงบนตัวกล ความรู้สึกจากเบื้องล่างแล่นพล่านมาตามแนวหลัง ทำไมมันฝืดไม่เหมือนตอนกลทำเลยฟะ หรือผมยังเตรียมพร้อมไม่พอ ผมพยายามขยับรับความร้อนเข้ามาในตัว กว่าจะสุดแทบจะหมดแรงตาย ต่างจากตอนกลช่วยให้ผมอยู่ด้านบนลิบลับ พอเงยหน้าดูแฟนตัวเอง

   ใบหน้าหล่อนิ่งอึ้ง มองผมตาค้าง หลุดมาดจนน่าแปลกใจ ด้านล่างรู้สึกคับแน่น พอจะขยับก็ฝืดเกินบรรยาย ช่วงแรกยังลำบากผ่านไปสักพักเริ่มชินปล่อยตัวเองไปตามสัญชาตญาณ เสียงครางปนกับเสียงครางต่ำในคอของคนด้านล่าง จวนจะเสร็จอีกคนดันลุกขึ้นกระทันหัน สองแขนหลุดจากพันธนาการมาโอบเอวรวบแขนผมไว้เหนือหัว

   “วัต... รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป หืมม”

   เสียงทุ้มพร่าจากแรงอารมณ์กระซิบข้างหูอย่างอดทน ร่างบนตักในสายตากลตอนนี้น่ากินจนแทบอดใจไม่อยู่ ดวงตาสีเทาฉ่ำเยิ้มไปด้วยความต้องการ สติคงบินหายจนเกือบหมด ขนาดหมาป่าหลุดมาซุกไซร้คอเม้มทิ้งรอยยังไม่โวยวายเหมือนทุกที ลิ้นร้อนโฉบลงไปวนเวียนแถวอก หยอกเย้าให้อีกคนส่งเสียงคราง

   “มะ... ไม่รู้ ขยับที”

   “งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ... พี่วัต” คำพูดกระเส่าเจือเสียงหัวเราะกับดวงตาวาววับ ลิ้นแลบเลียริมฝีปาก จับอีกฝ่ายนอนหงายทั้งที่ยังค้างคา เปลี่ยนเป็นฝ่ายคุมเกม รวบข้อมือมัดไว้เหนือหัว แขนสองข้างคล้องตรงข้อพับขา ขยับกายตามใจชอบจนเกิดเสียงหยาบโลนน่าอาย ยามถึงจุดสุดยอดปลดปล่อยบางอย่างเข้าไปภายในจนท้องน้อยร้อนวูบ ร่างสูงก้มลงจูบซับเหงื่อบนขมับ ไล้มาจูบปากแลบลิ้นเลียเรียกร้องจนต้องยอมเปิดรับจูบดูดดื่มพร้อมเบื้องล่างเริ่มขยับอีกรอบ

   เสร็จรอบสองร่างสูงถอนกายออก มองอาหารตาเบื้องหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนล้มตัวลงนอนกอดจากทางด้านหลังจูบแก้มซ้ำๆ อย่างอารมณ์ดี

   เช้าวันต่อมาดวงตาสีเทาเปิดออก แผ่นหลังเปลือยเปล่าเสียดสีกับแผงอกกว้างเรียกสติกลับเข้าร่าง หันไปมองเห็นดวงตาคู่สวยจ้องอยู่ก่อนแล้ว

   “ยังไม่สว่างเลย นอนต่ออีกหน่อยสิ” ท่าทางอารมณ์ดีซะเหลือเกินสร้างความแปลกใจให้กับคนมองสุดๆ ผมฝืนกายพลิกตัวนอนหันหน้าเข้าหา รู้สึกเสียดช่วงล่างจนน้ำตาเล็ด ร่างสูงไม่นำพายังจะเอาแขนมารั้งสะโพกจนอะไรต่อมิอะไรแนบชิดกันไปหมด

   “สอบล่ะ” ถึงผมจะยังงัวเงียอยู่นิดหน่อย แต่จำได้แม่นว่ากลมีสอบเช้า

   “เก้าโมง ตอนนี้เพิ่งตีห้า เวลาเหลือเฟือ” พูดไปพลาง จูบตรงนั้น หอมตรงนี้ คนเพลียทำท่าจะเคลิ้มๆ หลับอีกรอบ กลับมีเสียงทุ้มถามข้างหู

   “นี่... รู้ตัวรึเปล่าเมื่อคืนทำอะไรลงไป”

   คุ้นๆ ว่าเป็นคำถามเดียวกับเมื่อคืน ผมตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตา ไม่ได้เมา สติครบถ้วน จำได้หมดทุกรายละเอียด คิดแล้วเขินเป็นบ้า

   “เออน่ะ รู้แหละ” ซุกหน้ากับอกแม่ง หลบหน้าแดงตอบแบบเลี่ยงๆ ไป

   “ไม่ใช่เรื่องออนท็อปดิ เรื่องอื่นอะ” หมาป่าช่างเซ้าซี้ ตะกี้หมาตัวไหนมันบอกให้ผมนอนต่อฟะ ไมกวนกันอยู่ได้

   “อยากจะพูดอะไรก็พูดมา” ผมพูดตัดรำคาญ ง่วงอะ ไม่สบายตัวด้วย อยากนอนตาย งื้อออ

   “อืม... เมื่อคืนใครบางคนไม่ได้ใช้เจล ที่สำคัญไม่ได้ใส่ถุงยาง เสียบสดไปแล้วนะจ๊ะที่รัก” นิ้วยาวเขี่ยหูแดงๆ ของผมเล่น ขอประมวลผลชั่วครู่...

   “เชี่ย!!”

   มิน่าล่ะ ทำไมมันถึงฝืดนัก ผมอยากระเบิดตัวตาย มือหนาลูบหลังผมคล้ายจะปลอบ กระทั่งมันเลื้อยลงไปด้านล่างบ่งบอกเจตนารมณ์

   “เผลอปล่อยในด้วย โทษทีนะ สอบรอบติดเลย”

   “ไอ้!*@^*&%@!#&!!”

   หมาเลวหัวเราะในคอ นิ้วยาวเขี่ยด้านหลังผมเล่น ขยับหนีทีรู้สึกมันเหนอะๆ ตอนนี้ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตัวผมเปลี่ยนเป็นสีแดงหมดแล้ว ทั้งโกรธตัวเองที่หาเรื่องใส่ตัว และโมโหเจ้าหมาจอมฉวยโอกาส ที่ผ่านมาเคยมีอะไรกันบ้างก็จริง แต่ทุกครั้งจะใส่ถุงยางเสมอ ถือว่านี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ยิ่งคิดยิ่งอยากตาย กลเห็นอาการจิตตกเลิกแกล้งเปลี่ยนมากอดดีๆ ลูบผมลูบหลัง

   “โอ๋ๆ ไม่แกล้งแล้ว นอนๆ”

   “จำไว้เลยนะ” ผมกัดฟันกรอด

   “จำไว้ว่าเมื่อคืนนายเร่าร้อนมากใช่มั้ย” ผมชกพุงแข็งๆ แบบไม่ออมแรง เดี๊ยงล่างแต่ท่อนบนยังใช้ได้อยู่เฟ้ย คราวนี้กลเลิกแหย่ผมแล้วกล่อมให้นอน

   ด้วยความเพลียและมันยังเช้าเกินไป ผมผล็อยหลับอีกรอบ ตื่นมาอีกทีไม่เห็นกลแล้ว มีแต่โน๊ตเขียนเอาไว้ว่าไปสอบจะรีบกลับมา ผมลุกผ้าห่มร่วงจากตัวไปกองบนตัก ตัวผมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ท้องไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนตอนแรก เตียงก็หอมฟุ้ง หันไปไม่ไกลเห็นกองผ้าปูกับผ้าห่มยัดจนล้นตะกร้า กลคงจับผมอาบน้ำใส่เสื้อผ้าเปลี่ยนผ้าปูเตียง

   ตอนนี้เวลาสิบเอ็ดโมงหมดเวลาสอบพอดี ผมนั่งพักสักครู่ ค่อยลุกเดินขาสั่นไปหาอะไรลงท้อง เจ้าเหมียวสองตัวนอนอืดส่ายหางตีพุง กลเปลี่ยนน้ำให้อาหารก่อนออกไปชัวร์ ถึงว่าไม่มากวนผมเหมือนทุกวัน

   บนโต๊ะกินข้าวไม่มีของกินสักอย่าง พอดีกับเสียงรถหน้าบ้าน กลเดินถือถุงเข้ามาหา

   “ตื่นนานรึยัง”

   “เพิ่งตื่น สอบเป็นไงมั้ง คงไม่ใช่รีบซิ่งกลับมาหรอกนะ”

   “ไม่ต่ำกว่าBแน่นอน ซื้อข้าวมาให้ รอนี่เดี๋ยวแกะให้กิน”

   ผมดันหน้าอีกฝ่ายที่ยื่นมาหอมหัวอย่างหมั่นไส้ กลจัดแจงแกะข้าวใส่จาน ข้าวผัดง่ายๆ แต่รสชาติอร่อย คงจะแวะซื้อจากร้านเจ้าประจำผม ของกลเป็นกะเพรา เห็นแบบนี้กลกินเผ็ดใช่เล่น ผมเลยจิ๊กพริกมาใส่จานตัวเอง เย็นวันนั้นเจ้าดาลี่กับเพื่อนไวแวะมาเที่ยวหาผม ไวไวมันมาเป็นปกติอยู่แล้ว ส่วนดาลี่มันมาดูผลชัวร์

   “ลินไม่ได้มาด้วยเรอะ” ถามเพื่อนตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ปกติเห็นมาด้วยกันประจำ

   “ติดเรียนพิเศษ อีกสองชั่วโมงค่อยไปรับ”

   “ผมติดรถพี่ไวไวมา” รุ่นน้องเสนอหน้า ผมเลิกคิ้วมอง

   “ใครถามไม่ทราบ” เจ้าตัวทำสีหน้าเจ็บปวดโอเว่อร์ซะไวไวเท้ากระตุก ยันโครมมันไปหนึ่งที ผมขอบคุณไวไวจากใจจริง เวลานี้ยกขาถีบมันไม่ได้ รอก่อนเถอะ พ่อจะยันให้กลิ้งเป็นลูกขนุน

   “พวกพี่ใจร้าย เรื่องเลี้ยงเอาไว้พวกผมนัดวันกันอีกทีนะพี่” คราวนี้ผมคว้ารีโมทคว้างหัวมันเต็มๆ กลหันมามองผมนิ่งพลางส่ายหัวคล้ายจะปลง

   “ว่าแล้ว พวกนายวางแผนอะไรกันฉันไม่รู้ ขอบอกเลยว่างานนี้ฉันได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” พูดจบมียิ้มหล่อ ดาลี่หันมามองผมงงๆ จะมีก็แต่ไวไวชอบทำตัวเป็นจิ้งจกบ้านคนอื่น มันนิ่งคิดไปสักแปบแล้วหลุดขำ ไว้ผมเจอลินก่อนเถอะ แล้วเอ็งจะขำไม่ออกเพื่อนไวไวเอ๋ย

   สรุป ผลการสอบออกมา กลคะแนนลดลงจากกลางภาคแค่ไม่กี่คะแนน แถมไม่ได้มาจากแผนการของผม เพราะเป็นห่วงเลยรีบทำข้อสอบ พออาจารย์ปล่อยรีบพุ่งออกจากห้องขับรถแวะซื้อข้าวตรงดิ่งมาหาผมเลย ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีล่ะเนี่ย แต่สัญญาต้องเป็นสัญญา พวกดาลี่เลี้ยงข้าวผมตามระเบียบ

   ผมขอสัญญาต่อฟ้าเลยว่า จะไม่นึกสนุกเชื่อคำพูดดาลี่อีกเป็นครั้งที่สอง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 23-09-2015 20:41:10
ค้างมากกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-09-2015 21:37:28
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 23-09-2015 21:42:26
ไม่น๊า
ค้างงงงงงงงงง
มาค่อไวๆเถอะ พลีสสสสสสส
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: aornarak ที่ 23-09-2015 22:00:16
ตัดได้ค้างมากกกก.  คือแบบว่าเหมือนกำลังอ่านนิยายแล้วอินสุดๆแต่อยู่ดีๆคอมดับอ่ะ มาต่อไวๆเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-09-2015 22:03:48
ระเบิดระบบแม่งเลยค่ะ
ขออภัยที่หยาบคาย แต่ถ้ามาต่อช้าจะหยาบคายกว่านี้ :laugh:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 23-09-2015 22:32:15
ค้างง่ะ โหยกำลังมันเลย มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-09-2015 23:47:59
ย้ากกกกก จะเป็นไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 24-09-2015 00:00:27
ลุ้นมากมาย คุณลาสอย่าเป็นอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-09-2015 03:43:41
ไม่สิ เปงแบบนี้ไม่ได้นะ ม้ายย!!
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 24-09-2015 06:31:46
โอ้ยยนยยยยยยยนยยยยยยยย :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.33 สาย 23/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 24-09-2015 17:10:33
 :ling1: :ling1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 27-09-2015 13:27:34
บทส่งท้าย

   7 ปีให้หลัง…

   บ้านหลังน้อยของผมยังคงสงบสุขเช่นเคย กลเรียนจบโดยใช้เวลาเพียงแค่สามปี ที่จริงเจ้าตัวสามารถทำได้ไวกว่านั้น ติดที่ต้องคอยเทียวไปทำงานกับพี่วินเสมอ พอเรียนจบก็บรรจุเป็นขี้ข้า เอ๊ย พนักงานบริษัทพี่วินอย่างเต็มภาคภูมิ ส่วนผม อัดเรียนจะเป็นจะตาย ในที่สุดก็จบพร้อมเพื่อน ได้รับปริญญาพร้อมกับรุ่นเดียวกัน

   จริงสิ สาวลินเขาเรียนจบแล้วเหมือนกันนะครับ เวลาผ่านไปตั้งเจ็ดปีแล้วนี่ แถมยังแต่งงานกับไวไวสมใจ มีลูกสาวน่ารักหนึ่งคน ตอนนี้อายุหนึ่งขวบชื่อ ‘วิไลรัตน์’ หรือหนูวิ ไวภพมันบีบคอผมให้ช่วยตั้งชื่อลูก เลยได้เป็นชื่อนี้แหละ แปลว่า งามอย่างมีค่า เพราะดีใช่มั้ยล่ะ ลินชอบชื่อนี้มากเลย

   ถามถึงลูกผมเหรอ? แหม เขิน ความจริงผมกับกลมีลูกนะครับ แค่ยังไม่เกิด กำลังอยู่ในท้องเลย มองไปไหน  ท้องผมมีแต่กล้ามพุงไม่มีลูกหรอก! ลูกของผมฝากไว้ที่ท้องลินต่างหาก

   เรื่องมันมีอยู่ว่า...

   วันหยุดนัดรวมพลกับที่ร้านอาหาร ระหว่างที่ผมกำลังช่วยลินเลี้ยงหนูวิ กลมองด้วยรอยยิ้มมุมปาก เดี๋ยวนี้หมาป่าหนุ่มยิ้มบ่อยขึ้น ไม่เอะอะทำหน้าเป็นรูปปั้นเหมือนสมัยก่อน ไวไวเท้าคางมองภาพตรงหน้า

   “ดูพวกนายอยากมีลูกนะ ไม่มีสักคนเหรอ”

   ไวไวถามพาซื่อ ก่อนถูกเมียเด็กควบตำแหน่งสามี มีนมกระทืบเท้าจนร้องโอดโอย พนักงานเดินผ่านถึงกับสะดุ้ง คนโดนทำร้ายโบกมือยิ้มแห้งให้พนักงานเดินจากไป

   “มีลูกงั้นเหรอ...” ผมพึมพำ ความจริงผมชอบเด็กนะ ส่วนกลแม้เจ้าตัวจะไม่ชอบ แต่ถ้าเป็นลูกตัวเอง ใครๆ ก็อยากมี ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ฝันอย่างสร้างครอบครัวอบอุ่น ผู้ชายเองก็เหมือนกัน ผมถอนหายใจ ส่วนกลกลับไปทำหน้านิ่งตามเดิม ถึงจะบอกว่ายิ้มบ่อยขึ้น มันเฉพาะเวลาอยู่กับคนสนิทอ่ะนะ

   ผมอุ้มหนูวิจากรถเข็นมานั่งตัก หนูวิน่ารัก ผมสีดำเหมือนพ่อ ผิวขาวตีสีฟ้าเหมือนแม่ ผมกอดน้วยแก้ม เด็กคนนี้ผมช่วยลินเลี้ยงมาเองเชียวนะ

   “พวกฉันมีได้ที่ไหน ไม่เป็นไรหรอก มีเจ้าหญิงน้อยๆ อย่างหนูวิอยู่แล้วทั้งคน”

   สองสามีภรรยาต่างวัยมองหน้ากัน สลับมองผมกับกล ไวไวดีดนิ้วเสนอ

   “เดี๋ยวนี้เค้ามีวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่เพื่อคนแบบพวกนายโดยเฉพาะ สามารถมีลูกที่มี DNA ของพวกนายทั้งคู่ได้”

   กลส่ายหัวกับคำพูดของไวไว มือใหญ่วางแก้วกาแฟลง

   “ยังไงต้องมีคนอุ้มท้อง ฉันไม่วางใจให้ใครมารู้มาอุ้มท้องลูกตัวเอง” น้ำเสียงราบเรียบพาให้ทุกคนส่ายหัว ผมแอบดีใจไปแวบหนึ่ง แค่แวบเดียวเท่านั้น ก็นะ ทำไงได้

   “ฉันท้องให้เอง”

   ผมหันขวับไปทางลิน สาวเจ้าแม่ลูกหนึ่ง แต่หุ่นยังดีเอ่ยขึ้นกลางวง ไวไวมันอ้าปากค้าง

   “ฉันบอกว่า ฉันจะอุ้มท้องให้” ลินยังคงยืนยันคำเดิม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายความพึงพอใจ
   
   “ถ้าเป็นลินฉันโอเค”

   “เฮ้ย! ไม่ได้ จะทำลูกสาวเค้าท้องถามสามีกับครอบครัวเขายัง” ผมปฏิเสธ ลินเหมือนน้องสาวผมอีกคนนะ จะเอาแต่ใจโดยไม่คำนึงถึงคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด

   “ฉันขอเวลาสามวัน จะเคลียร์ทุกอย่างแล้วมาให้คำตอบพวกนาย”

   “ตกลง”

   ไอ้ลูกหมา!! พวกนายทำอย่างกับกำลังเจรจาธุรกิจ นี่มันเรื่องใหญ่นะเหวย ดูสามีเธอมั่งลิน วิญญาณมันออกจากปากแล้วนั่น สรุป หลังจากนั้นสามวันลินโทรมาให้คำตอบจริงๆ บอกว่าทุกคนไฟเขียวหมดไม่มีปัญหา ผมยังไม่วางใจ อาศัยช่วงกลไปทำงานขับรถไปถามครอบครัวบ้านลินกับไวไวด้วยตัวเอง ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ผมเหมือนลูกหลานอีกคน แถมยังช่วยเลี้ยงหลาน ที่สำคัญไม่ได้พากันไปทำอะไรแย่ๆ ดังนั้นตามสบาย

   ผมขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าทุกคนขัดลินไม่ได้หรอกเหรอ เอาวะ ยังมีไวไวอีกคน ผมไปรอดักมันเลิกงาน จะบอกว่าผมว่างงานอยู่บ้านให้สามีเด็กทำงานหาเลี้ยงไม่ใช่นะ ผมทำงานฟรีแลนซ์อยู่บ้านต่างหาก

   พอไวไวออกจากบริษัท ผมเข้าไปตะครุบตัวลากขึ้นรถมาคุย

   “อะไรเนี่ย ทำอย่างกับจะลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่”

   “พวกฉันมีเงินพอ ไม่ต้องเรียกค่าไถ่กระต่ายจนๆ อย่างนายหรอก”

   ไวไวมันถลึงตาใส่ ฮ่าๆ ความจริงมันไม่จนหรอก มีแบบพอเพียง

   “แล้วตกลงมีไร ลากฉันมา เรื่องลินใช่มั้ย ขอบอกเลยว่าลินจัดการคุยเองทั้งหมด”

   “อ้าว แล้วนายโอเคเหรอ ท้องเลยนะเว้ย แถมไม่ใช่ลูกนายอีก” ไหงไวไวมันทำหน้าโกรธเหมือนผมเอาเหรียญไปขูดมอไซค์ที่เพิ่งถอยมาใหม่กัน

   “ไม่ใช่ลูกฉัน แต่นายเป็นเพื่อนฉัน บอกตามตรง ทีแรกฉันเองก็ลังเล พอได้ยินนายพูดแบบนี้ ตกลงมันเลยแล้วกัน” เวร กระต่ายมีงอน

   หลังจากนั้นคงไม่ต้องบรรยายมาก พวกเราสองครอบครัวมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ปัจจุบัน ผมกำลังบรรจุขนมใส่กล่องไปถวายแม่ลินที่ใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที ผมเลยต้องแวะเวียนไปหาบ่อยๆ

   ใครจะรู้ล่ะว่าวันนี้จะแจ็คพอตไปนั่งตดไม่ทันหายเหม็น ลินเจ็บท้องใกล้คลอด ผมรีบอุ้มลินขึ้นรถกับกระเตงหนูวิ ซิ่งไปโรงพยาบาลโดยด่วน หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กลกับไวไวตามมาสมทบ ขนาดสองพี่ชายวินชินยังตามมาด้วย ผมมองสองคนนั้นด้วยความสงสัย

   “พวกพี่ทิ้งบริษัทมาไม่เป็นไรเรอะ”

   “บริษัทขาดพี่ไปไม่กี่ชั่วโมงไม่ถึงกับล้มละลายหรอก ยังมีคนอื่นในแผนกอีก” เอิ่ม พี่วิน พี่แช่งแบบนั้นไม่ดีมั้ง

   เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องคลอด แต่ละคนพกดีกรีความหล่อมาแบบจัดเต็ม แถมยังมีให้เลือกตั้งแต่ยี่สิบต้นๆ แบบกล ค่อนมาทางกลางอย่างผมกับไวไว และขึ้นเลขสามอย่างพวกพี่วิน นางพยาบาลสาวๆ ไม่มีใครมากล้าดุ จนกระทั่งนางพยาบาลรุ่นป้าโผล่มาเราถึงยอมนั่งกันสงบเสงี่ยมได้

   เวลาหนึ่งนาทีนานนับปี ผมเวอร์เหรอ ไม่เวอร์หรอก ทุกคนตื่นเต้นจนมือสั่น ไวไวหนักสุด เป็นห่วงภรรยามาก และแล้วการรอคอยก็จบลง เสียงเด็กร้องไห้จ้าดังออกมา พร้อมกับผู้ช่วยแพทย์อุ้มเด็กน้อยในห่อผ้ามาให้พวกเรา

   “เป็นเด็กผู้ชายค่ะ แข็งแรงมากเลย คุณแม่เองก็สุขภาพดี ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”

   เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้นพร้อมเพรียง เราดูลูกและดูลิน ไวไวจับมือภรรยา ลูบผมชื้นเหงื่อ จูบหน้าผากด้วยความรัก ลินเพียงยิ้มบางด้วยความอ่อนเพลีย ผมเห็นกลเดินเข้าไปพูดกับลินเบาๆ

   “ขอบคุณ... ขอบคุณที่มอบเด็กคนนี้ให้พวกเรา”

   ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กอยู่ พูดกับลินทั้งที่น้ำตาคลออย่างดีใจ

   “ขอบคุณมากลิน”

   ทั้งที่อ่อนเพลีย แต่ลินกลับยิ้มได้อย่างงดงามที่สุด กลโอบบ่าผม ขณะที่ไวไวตามดูภรรยา เพื่อนผมมันโชคดี ได้นางฟ้าคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต

   ลินพักฟื้นหลังคลอดที่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายทั้งหมดกลเป็นคนออก ผมงดรับงานฟรีแลนซ์ชั่วคราวเพื่อดูแม่ลินกับเด็กน้อยทั้งสองเต็มที่ ลินคลอดแบบธรรมชาติเลยใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน เด็กน้อยก็แข็งแรงดี ช่วงนั้นผมเลยแทบจะไปสถิตอยู่เรือนหอของไวไวกับลิน รอกระทั่งเจ้าตัวเล็กหย่านมถึงพามาเลี้ยงที่บ้าน

   ขอบอกไว้ก่อน กลกับพี่วินเห่อมาก พี่วินขยันกลับบ้านบ่อยที่สุดในรอบสิบปี ลำบากพี่ชินถูกโยนงานใส่หัว ทั้งที่อยากมาใจจะขาดแต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสสักเท่าไหร่ ส่วนกลตอนนี้กลายเป็นพ่อลูกอ่อน งานส่วนใหญ่ถ้าไม่จำเป็นต้องทำที่บริษัทก็จะขนกลับมาทำที่บ้าน

   ผมกำลังพับผ้าอ้อม ทำความสะอาดบ้าน ขุนพลกับนายท่านนอนหงายห่างจากกลางบ้านที่ปูผ้าไว้สำหรับตาหนู กลสั่งคำขาด ห้ามลูกชายหน้าขนทั้งสองเข้ามาในรัศมีที่นอนเด็กเด็ดขาด ขุนพลที่ตอนนี้ตัวใหญ่อย่างกับหมี เป็นแมวที่โดนเลี้ยงเหมือนน้องโฮ่งรับฟังคำสั่งแต่โดยดี เว้นนายท่านต้องตบตีกันพักหนึ่งถึงจะแบ่งอาณาเขตได้

   พ่อผมหรือปู่เจ้าตัวเล็ก ตั้งชื่อให้ว่า ‘อติวิชญ์’ แปลว่า นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีตระกูลสูง ชื่อช่างยิ่งใหญ่ดีจริงๆ ดูอลังกว่าชื่อผมกับพี่วินซะอีก บ่งบอกความหลง ยังไม่นับพ่อแม่กล ทางนั้นซื้อของใช้เกี่ยวกับเด็กส่งมาเพียบกะใช้ยาวยันสิบขวบเลยมั้ง ผมถอนหายใจปลง

   “วัตสอนพับผ้าอ้อมหน่อย”

   ผมหันไปเลิกคิ้ว ชะโงกมองตินน้อย

   “กินนมแล้วให้เรอรึยัง” กลรับหน้าที่ป้อนนมลูก เพราะผมกล่อมทีไรหลับเองทุกที เลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดผมมีประสบการณ์จากการช่วยลินเลี้ยงหนูวิ ยังเหนื่อยแทบแย่ แต่เป็นความเหนื่อยที่มีความสุขนะ

   “อืม” พ่อกลรับคำใช้ผ้าอ้อมเช็ดน้ำลายมุมปากตัวเล็ก

   “แล้วไม่พาลูกไปนอนบนเบาะดีๆ แบบนี้จะสอนพับยังไง”

   ผมขยับเข้าไปนั่งข้างๆ กลหันมาเลิกคิ้วใส่ มีตัวเล็กนอนอยู่บนตัก ท่าทางหลับสบาย ยิ่งหลับตาแบบนี้ถอดพิมพ์พ่อชะมัด ตินผมสีเดียวกับกล ผิวเข้มด้วย มีแค่ตาที่เป็นสีเทาแบบผม

   “ไม่เอา พับได้” อ่ะจ๊ะ คุณพ่อติดลูก ผมสอนกลพับ ทุกอย่างเก่งหมด แต่พวกงานฝีมือไม่เอาอ่าว หน้าที่นี้เลยกลายเป็นของผมต่อไป

   บ้านผมกับบ้านไวไวคล้ายจะดองกันกลายๆ พอตินโตพอจะพูดได้ ผมสอนให้ลูกเรียกลินว่าแม่ ส่วนไวไวจะเรียกว่าอะไรก็ตามใจเถอะ เราส่งให้หนูวิกับตินเรียนโรงเรียนเดียวกัน ทั้งคู่อายุห่างกันหนึ่งปี วิพยายามทำตัวเป็นพี่สาวเต็มที่ แต่เจ้าตินน้อยมันไม่นำพาเหมือนพ่อ หน้ามึนทำราวกับวิเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทั้งที่ตัวเองอายุน้อยกว่า

   ผมชักกลุ้มแล้วสิ เล่นโขกพิมพ์กลมาเรียบวุธแบบนี้ อนาคตจะเป็นยังไงเนี่ย ถึงงั้นเด็กสองคนก็รักกันดีนะ ไปโรงเรียนด้วยกัน กลับบ้านพร้อมกัน น่าสงสารไวไวตรงที่วิดันห้าวแป้งเหมือนแม่ สมัยลินยังมีทางบ้านคุมเลยพอเป็นกุลสตรี หนูวินี่ไม่ใช่ ยิ่งมีเพื่อนเล่นเป็นตินจอมซน ทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายจนไวไวปวดหัว มาบ่นกับผมแทบทุกวัน

   ผมได้แต่ปลอบมันไป บอกให้มันส่งลูกสาวสุดที่รักไปบ้านลินเยอะๆ จะได้ถูกจับฝึกความเป็นหญิงมาบ้าง ซึ่งมันได้ผล หนูวิเวลาอยู่กับผู้ใหญ่จะเรียบร้อยน่ารัก อย่าให้อยู่กับวัยเดียวกันเชียว น่ากลัวว่าเด็กผู้ชายบางคนยังแมนไม่เท่า

   วันเกิดตินอายุสิบสอง หนูวิอายุสิบสี่ พี่วินส่งของขวัญสุดพิเศษมาให้เด็กทั้งคู่ เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุด ฉบับปรับปรุง เห็นว่าอายุพอจะเล่นได้แล้ว เลยส่งเครื่องมาให้ กลไม่มีทีท่าแปลกใจคงจะรู้อยู่แล้ว คืนนั้นผมเลยปล่อยให้ลูกชายลองเข้าไปสัมผัสเกมที่ลุงกับพ่อกำลังดูแลอยู่ แต่มีของหลอกล่อเล็กๆ น้อยๆ

   “ติน พ่อมีอะไรสนุกๆ ให้ลูกทำ”

   เจ้าตัวเล็กตาวาว ผละจากการขยำขุนพลมาเกาะแขนผม

   “อะไรครับแม่ บอกมาเร็วๆ” ผมปลงในใจ ตินฉลาดสมสายเลือด เวลาอยู่กับคนนอกจะเรียกผมว่าพ่อ ถ้าอยู่กับคนกันเองจะเรียกแม่แบบเต็มปากเต็มคำ ส่วนสาเหตุที่ลูกผมกระตือรือร้นขนาดนี้ เพราะผมชอบหาอะไรแปลกๆ ให้ลูกทำเสมอ แน่นอน ทั้งหมดย่อมอยู่ในความปลอดภัย ไม่งั้นผมนี่แหละจะโดนกลลงโทษแบบหนักหน่วง ฮือออ

   “พอเข้าเกมไปให้หาหนูวิให้เจอ พากันเก็บระดับแล้วมาที่เมืองหลวงทวีปแรก แม่จะรออยู่ที่นั่นพร้อมของรางวัล ถ้าใช้เวลาเกินหนึ่งเดือน ถือว่าอดของนะ”

   “ระดับผม แม่เตรียมของรางวัลรอไว้ได้เลย!”

   เจ้าตัวดีประกาศอย่างมุ่งมั่น กลเพิ่งกลับมาถึงมองหรี่ตามองผมทันที อะไรฟะ มองอย่างกับผมพาลูกซน

   “ยินดีต้อนรับกลับครับ” ตินหันไปทักยกมือไหว้พ่อสวยๆ ผมสอนลูกมาดี ยืดอก กลพยักหน้า แต่ไหงตามันจ้องผมตลอดเลยฟะ

   “แม่วัตจะพาไปเล่นอะไรพิเรนทร์อีกติน” เล่นถามลูกชาย คิดว่าเด็กไม่โกหกล่ะสิ เด็กคนอื่นใช่นะ เว้นเด็กบ้านเรา พ่อแม่ร้ายน้อยกันซะเมื่อไหร่ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นหรอก

   “เปล่านะ แม่วัตแค่บอกว่าเล่นเกมให้ระวังตัวดีๆ”

   น่าน รางวัลตุ๊กตาทองมาเลย ท่าทางแบบนี้เหมือนใคร กลยิ่งจ้องผมหนักกว่าเดิม แต่ไม่พูดอะไร เราทานข้าวนั่งดูทีวีด้วยกัน คุยจนถึงเวลานอน หลังส่งลูกชายเข้าห้องเสร็จ กลหันขวับลากผมเข้าห้องทันที เฮ้ย!! อย่ามา คิดจะปั้มคนที่สองเรอะ ไม่ยอมหรอกนะเฟ้ย

   “บอกให้ลูกทำอะไรหืม?” หางประโยคส่งเสียงต่ำในคอ ใบหน้าหล่อคมคายขยับชิด ตอนนี้กลสูงกว่าผมอย่างเห็นได้ชัด แถมยังหล่อมากขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัย ออร่าความเป็นผู้ใหญ่ช่างร้ายกาจ

   “ไม่ใช่เรื่องอันตรายแน่นอน”

   กลหรี่ตามอง ยกยิ้มมุมปาก สัญญาณของความซวยมาเยือนผม

   “ไม่เป็นไร ดูซิจะปากแข็งได้นานแค่ไหน”

   ผมถูกคร่อมอยู่บนเตียง เรื่องหลังจากนี้ขอไม่พูดถึง รู้แค่ว่าวันต่อมา มื้อเช้ากลายเป็นฝีมือกลเพราะผมลุกไม่ขึ้น

   ตินฉายแววติดเกมเหมือนผมไม่มีผิด แต่ผมจัดการสั่งให้แบ่งเวลาอย่างดี อีกอย่างตินกลัวกล ถึงจะรักลูกปานนั้น พอดุทีโคตรน่ากลัว ขนาดผมยังสะพรึง เวลาผ่านไปสามอาทิตย์ เจ้าลูกชายมาบอกผมว่าให้เตรียมของรางวัลไว้เลย ผมอมยิ้มพยักหน้าอือออไป

   ตอนนี้เกมพี่วินถูกอัพแพทจนเลเวลตันอยู่ที่สามร้อยจะสี่ร้อยอยู่รอมร่อ แมพก็กว้างมากขึ้น สมัยผมเล่นมีแค่ทวีปต้น ตอนนี้มีเพิ่มอีกสามทวีป ผจญภัยกันสนุก ปัจจุบัน แม้เวลาเล่นเกมจะน้อยลง แต่เรายังเข้าไปเล่นกันสม่ำเสมอ ผมสร้างกิลด์เป็นของตัวเอง สมาชิกหลักมีปาร์ตี้ผมสี่คน พวกทัต พวกดาลี่ และรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคยเรียนด้วยกันตอนมหาลัย จนติดอันดับ 1 ใน 10 ของกิลด์เทพ

   พวกผมกำลังลุยดันอยู่ทวีประดับสามร้อยขึ้น ต้องเดินทางข้ามทวีปกลับมาทวีปต้นเพื่อรอรับเด็กน้อยทั้งสอง


   ฝั่งลูกชาย...

   หนุ่มน้อยหูหางหมาป่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ข้างกายมีเด็กผู้หญิงหูกระต่ายกำลังกอดอพองลมเข้าแก้มไม่พอใจ

   “พวกนายแย่งมอนสเตอร์เรา!”

   เสียงเล็กโวยวาย ส่วนตินทำเพียงแค่ยืนมองนิ่ง หากใครมาเห็นคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนพ่อไม่มีผิด

   “เด็กน้อย ฝีมืออ่อนหัดเองอย่ามาทำโวยวาย กลับบ้านไปกินนมนอนไป๊”

   ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดอีก กระต่ายวิเรียกคทาหัวกะโหลกเอามาฟาดใส่แบบไม่เกรงใจ พอเห็นว่าพี่ตัวเองลุย ตินไม่น้อยหน้าหยิบกรงเล็บเหล็กออกมาตามจวก เด็กทั้งสองอาศัยสภาพแวดล้อมในป่า กับความสามารถทางคำสาปของตัวเองสร้างความได้เปรียบ

   เด็กยังคงเป็นเด็ก แม้ระดับไม่ห่างกันเท่าไหร่ ยังไงก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนอายุมากกว่า คมดาบฟัดจนลูกหมาป่าเกิดรอยแผลที่ด้านหลังเป็นทางยาว ลูกกระต่ายยิ่งเห็นน้องเจ็บยิ่งโมโห กระโดดถีบจนเจ้าคนนั้นปลิว เกิดเป็นสงครามขนาดย่อม

   “ตินเป็นไงบ้าง” วิถามขณะจ้องพวกนั้นเขม็ง

   “เจ็บ แต่ไม่เท่าไหร่” ลูกหมาป่าแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวที่ยาวกว่าผู้เล่นคำสาปหมาป่าทั่วไป ร่างปราดเปรียวอาศัยพุ่มหญ้ากระโดดเกาะเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งจากทางด้านหลัง ก่อนจะอ้าปากกดคมเขี้ยวกัดคอสูบเลือดมาฟื้นพลังให้ตัวเอง

   คนโดนทำร้ายรีบคว้าแล้วโยนทิ้ง กุมคอติดสถานะเลือดลดตลอดเวลา มองเจ้าเด็กแสบด้วยดวงตาแดงก่ำฉายความโกรธ

   “พวกเอ็งระวัง ไอ้เด็กหมาป่ามันเป็นลูกครึ่งแวมไพร์!!”

   คำสาปลูกครึ่งของแรร์ที่หาได้ยากในเกมสร้างความรำคาญให้พวกเขาไม่น้อย วิแกว่งคทาร่ายเวทเรียกทหารโครงกระดูกออกมาหนึ่งตัวช่วยในการต่อสู้

   “บ้าเอ๊ย ยัยกระต่ายมันใช้เวทเนโครแมนเซอร์ได้”

   ทีแรกเหมือนจะได้เปรียบ พอเวลาผ่านไปไม่กี่นาที เด็กทั้งสองถูกต้อนให้จนมุม ยังไงก็ไม่สามารถสู้กลุ่มคนพวกนี้ได้

   “กลับบ้านไปนอนนะหนูๆ ทั้งหลาย”

   ตัวหัวหน้ายกดาบขึ้นสูง หมายเก็บงานรวดเดียว เด็กทั้งสองได้แต่จ้องด้วยความโมโห จำหน้าทุกคนไว้ ค่อยดูเถอะ เทพกว่านี้เมื่อไหร่จะไล่ฆ่าให้สุดขอบทวีป จังกวะที่คมดาบใกล้ถึงตัว จู่ๆ มีคมเคียวขนาดใหญ่ปักขวางเอาไว้ เกิดเสียงกระทบกันก้องกังวาลไปทั่ว พอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายผมทองดวงตาสีเทา แสยะยิ้มแยะขี้ยวนั่งยองๆ อยู่ปลายด้ามเคียวสีเลือด แผ่นหลังมีปีกค้างคาวเพราะรีบเร่งมา

   “ก็ว่า ทำไมพวกลูกถึงมาช้านัก เจอพวกเกรียนนี่เอง”

   จบคำ ข้างกายปรากฏชายร่างสูงอีกคน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเย็นเยือก หรี่มองสภาพลูกชายสลับคนพวกนั้น กรงเล็บเหล็กรุ่นต้นฉบับถูกเรียกออกมาเตรียมพร้อม

   เหล่าเด็กเกรียนกลืนน้ำลายอึก ภาพเบื้องหน้าชัดเจนแบบไม่ต้องมีคำบรรยาย ปากแวมไพร์บอกว่าลูก ข้างกายมีหมาป่าที่เหมือนเจ้าลูกหมาป่าแบบสุดๆ

   “ทำไมไม่ซัดมันให้หมอบ” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ดังมาจากชายผมทองในชุดพ่อมดสีดำ กับกระต่ายสวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ส่งยาฟื้นพลังให้แก่เด็กน้อยทั้งสอง

   “พ่อ!/แม่!” เด็กสองคนเรียกประสานเสียง คนพวกนั้นคิดจะวิ่งหนี กลับถูกดักด้วยด้ายใช้อาวุธหรือเวทมนต์เท่าไหร่ ก็ไม่อาจฝ่าออกไปได้ กระต่ายโจ๊กเกอร์ลุกขึ้นหันมามองเชื่องช้า เวลานี้สีหน้าบนหน้ากาก ดูน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร

   “เกรียนแบบนี้ ต้องเจอเกรียนกว่า”

   แวมไพร์กระโดลงมายืนยิ้มร่าเริง ดวงตาพราวระยับอย่างนึกสนุกเต็มที่ ผมติดต่อเพื่อนในกิลด์แบบจงใจให้พวกนี้ได้ยินด้วย มันตั้งค่าได้หลังแพทใหม่

   “พอดีมีคนมารังแกลูกฉัน กำลังจะเชือดพวกมันกลับเมืองหลวงทวีปต้น ใครอยู่แถวนั้นหรืออยู่ใกล้ช่วยไปฆ่ามันซ้ำๆ ให้ที”

   /กำหนดรึเปล่า ว่าต้องฆ่ากี่ครั้ง/

   “ไม่ เอาที่พวกนายพอใจเลย”

   /ตกลง เฮ้ย พวกเรา มีกระสอบทรายมาแล้ว!/

   เสียงที่ตอบกลับมาคือเสียงดาลี่ ผมหัวเราะอย่างเบิกบานก่อนลงมือเชือดแบบให้ตายช้าหน่อย เจ้าพวกนี้หน้าซีดตัวสั่น คงจะนึกออกแล้วล่ะสิ ว่าหน้าพวกผมอยู่ในกิลติดอันดับ ที่สำคัญ ตูเป็นหัวหน้ากิลด์ด้วยเฟ้ย! รังแกลูกข้า พวกเอ็งตายยยยยย!!

   ผมปัดๆ มือหลังจัดการพวกนั้นจนหมด กลเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าให้เด็กทั้งสองขี่หลังกลับเมือง อ่อ ตอนนี้ผมมีบ้านกิลด์ที่เมืองหลวงด้วยนะ ผลจากการชนะอีเว้นท์สงครามกิลด์ตอนต้นเดือน

   “โห พวกพ่อเท่จังเลย หนูอยากเท่แบบนั้นบ้าง แล้วพ่อมดคือแม่ลินใช่มั้ย คุณแม่หล่อมากค่ะ กรี๊ดดด”

   หนูวิดี๊ด๊าดีใจเข้าไปกอดฟัดแม่ในโหมดผู้ชาย ขณะที่ไวไวถอดหน้ากากออกถอนหายใจ ผมมองลูกชายที่จ้องเราเขม็ง มือยื่นไปขยี้หัวจนผมยุ่ง หูหมานี่น่ารักจังน้า คว้าลูกมาฟัดให้ขนยับ

   “แม่ปล่อยก่อน เรื่องรางวัลจะเอายังไงดี แม่เล่นไปรับพวกผมแบบนี้” พูดถึงรางวัล หูกระต่ายของหนูวิกระดิก เปลี่ยนเป้าหมายจากแม่ตัวเองเป็นผมฉับไว

   “อาวัตคะ พวกเราจะไม่ได้รางวัลเหรอ” ผมบอกให้หนูวิเรียกว่าอาเองแหละ ไม่อยากแก่เป็นลุง กระซิก

   “ได้สิ ป่าตรงนั้นถึงเขตเมืองหลวงแล้ว”

   “ไหนรางวัลครับ!” ลูกหมาป่าส่ายหางแทบหลุด ผมหัวเราะลั่นหยิบกล่องคุ้นหน้าคุ้นตาออกมาจากกระเป๋าข้างเอว กระเป๋าใบเดิมที่กลทำให้ฉบับปรับปรุง

   เหล่าพ่อแม่ พอเห็นกล่องที่ว่าทำหน้าขยาดกันยกเว้นลิน ผมบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

   “พอพวกเราออกไปด้านนอกแล้ว ลูกค่อยเปิดและเดินตามออกมานะ”

   ปกติตินน่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติของผมได้ เพราะมันเพิ่มความชั่วร้ายอีกหลายระดับ ในเวลานี้เจ้าตัวกำลังดีใจเลยไม่ได้มองแม่ตัวเอง

   “ขอให้โชคดีนะเด็กๆ” ลินอวยพรแล้วพวกเราก็ออกมายืนรอด้านนอกอย่างสงบ ผมพาลูกทั้งสองเข้าปาร์ตี้ด้วย เสียงแจ้งเตือนจากระบบเลยได้ยินโดยทั่วกัน

   กล่องปริศนา เปลี่ยนเป็น กล่องความแค้นของเจ้าชายกบ ไอความแค้นจะมีผลกับคำสาปที่ติดตัวผู้เล่นมาตั้งแต่เริ่มเกม ขอให้โชคดี

   เกิดเสียงดังปุ้ง ควันขาวลอยออกมาตามซอกประตู พอเด็กสองคนเปิดประตูออกมา ผมแทบลงไปขำกลิ้งอยู่บนพื้น ขนาดกลที่ว่านิ่งยังหันหน้าหลบกลั้นหัวเราะไหล่สั่น ไม่ต้องพูดถึงไวไวกับลินเลย

   หนูวิเดินออกมาด้วยใบหน้ามึนๆ หูหางกระต่ายยังมีตามเดิม รูปร่างดันเปลี่ยนเป็นเด็กผู้ชาย แค่นั้นอาจจะดีถ้าใบหน้าไม่ใช่มนุษย์มีหนวดแถมฟันแบบกระต่ายเป๊ะ

   ตินลูกผมสภาพไม่ดีกว่ากันสักเท่าไหร่ กลายเป็นลูกหมาน้อยของจริงที่ติดปีกค้างคาว ท่าทางน่ารักน่าชัง ขาสั้นตัวอ้วนพุงกลมเชียว

   เด็กน้อยทั้งสองเห็นพ่อแม่หัวเราะเยาะได้อย่างใจจืดใจดำ ตินพุ่งเข้ามากัดผมก่อนจะไปตีปีกโวยวายเป็นภาษาลูกหมาหงิงๆ งี๊ดๆ กับพ่อกล ทางวิกระโดดเอาหัวโหม่งคางพ่อ ชกพุงแม่แบบไม่เกรงใจ ก่อนที่ลูกจะเกิดปมด้อย ผมหยิบขวดโรยผงล้างคำสาปเจ้าชายกบให้ทั้งคู่ รู้สึกคำสาปมันแอดวานซ์กว่าสมัยผมอีกแฮะ บริษัทพี่วินนี่เหลือเกินจริงๆ

   เราสองครอบครัวมาจูงมือเดินเล่นกันในเกม เป็นเป้าสายตาคนอื่น หลายคนซุบซิบเราไม่สนใจ อิจฉาก็บอกมา กลุ่มคนหล่อกับเด็กน้อยสุดน่ารักตั้งสองคนเชียวนะ

   “ถ้าพ่อวัตให้กล่องบ้านั่นเป็นของรางวัลจริงๆ วันแม่ปีนี้ผมจะให้พ่อไปแทน”

   ผมกอดลูกชายที่กำลังส่ายหางเกรี้ยวกราดจากทางด้านหลัง

   “ไม่เอาน่า แค่แหย่เล่นหน่อยเดียวเอง รางวัลของจริงก็ชอบไม่ใช่เหรอ”

   ลูกหมาน้อยจับสร้อยเชือกที่คอตัวเอง มันเป็นเขี้ยวของผมกับกลคุณสมบัติสารพัด ของดีที่หาซื้อไม่ได้

   “งอนเป็นเด็กๆ ไหนบอกว่าโตแล้วไง” ไวไวที่กลับมาสวมหน้ากากออกปากแซวหลาน ตินพูดเสียงเรียบเรื่อย

   “ไม่เข้าใจ ทำไมแม่ลินถึงยอมแต่งกับลุงไวไว ผู้ใหญ่อะไรรังแกเด็ก”

   กระต่ายโจ๊กเกอร์เอาคทาเคาะหัว

   “ให้มันน้อยๆ หน่อย แม่ลินของนายมันภรรยาฉัน อีกอย่าง คนที่รังแก มันแม่นายมากกว่ามั้ง”

   ไอ้กระต่ายนี่ คนกำลังง้อลูก เดี๋ยวปั๊ดเสยด้วยเคียว เสียงใสๆ ของหนูวิเอ่ยขึ้นพร้อมกับชะโงกใบหน้ามาคุยด้วย ในวงแขนอุ้มตุ๊กตาวูดูกระต่าย ไม่รู้น่ารักตรงไหน ออกจะหลอนเหมือนคุณสมบัติมันเลย ผมขอไม่พูดถึงแล้วกัน

   “แล้วพวกเรากำลังจะไปไหนเหรอคะ”

   พวกผมทุกคนหัวเราะหึในคอ

   “สร้างทายาทอสูรไงล่ะ เราจะลุยไปทั่วทุกที่” ผมตอบ สองเด็กน้อยตาวาว พร้อมกับพวกเราเริ่มออกเดินทางทันทีที่พ้นเมือง ไม่จำเป็นต้องขี่ม้า เพราะเราจะลุยทุกที่ ที่ผ่าน ไม่ว่าจะมอนสเตอร์ ดันเจี้ยน หรือบอสตัวไหน เตรียมใจล้างคอรอไว้ได้เลย กลุ่มปาร์ตี้สุดหล่อสาวน้อยน่ารักจะไปถล่มให้ราบ!

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบแล้วครับกับนิยายเรื่องนี้ รู้สึกดีใจมาก แถมยังรีไรท์ทั้งหมดไปหนึ่งรอบ
ทุกคอมเม้น ทุกคำติชมผมอ่านเสมอ รีไรท์ให้สมเหตุสมผลมากขึ้น หวังว่าทุกคนจะสนุกนะครับ
หลังจากนี้สามารถติดตามเรื่องแยกของพี่วินกับพี่ชินต่อไปได้จากกระทู้นี้
และผลงานนิยายวายเรื่องอื่น

หนุ่มวายยกกำลังสอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3098237#msg3098237)
แนวโชตะ [สถานะ:กำลังแต่ง]
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 27-09-2015 13:47:36
ในที่สุดดดดด อ๊า น่ารัก ช่วยได้สักที
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 27-09-2015 15:45:09
ดีจัง ที่ช่วยได้ สงสารทุกคนเลย ตอนแรกว่าอึ้งแล้วนะที่ลาสมีลูกตอนหลังอึ้งกว่าอีกที่ลาสเป็นใส้สึกอะ หวังว่าสังคมจะให้อภัยนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-09-2015 16:38:44
โอ้ยย ดีใจสุดๆอ่ะ....ในที่สุดก็ช่วยวัตได้
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompooiriza ที่ 27-09-2015 17:15:44
ตื้นตันใจเหลือเกิน สุดท้ายก็กลับมาพบกันในเกม~

อร๊ายยยย~

ตอนแรกที่ถูกควบคุมนี้คิดว่าวัตจะกลายเป็นสมองกลสั่งการระบบไฟฟ้าได้ซะอีก

แบบพอดึกๆ ก็สั่งไฟให้ปิดเอง กลกะพี่วินจะได้ไม่ทำงานจนไม่หลับไม่นอน

555+ ไซไฟได้อีก มโมแจ่มจริงๆฉัน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 27-09-2015 18:22:05
นั่นสินะ ที่นี่แหละเหมาะสมที่จะเจอกันที่สุดเลย
พี่วินเมพสุดๆ!!!
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 27-09-2015 19:12:16
 :fire:

อยากเห็นพี่วินจัดการรุจ

กลมาพาวัตกลับได้เสมอ

รอ รอ ตอนต่อไป

  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 27-09-2015 20:19:57
เย้ ในที่สุดก็เจอวัตแล้ว  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 27-09-2015 22:41:06
จุดนัดพบ  ที่เจอกันครั้งแรก
เราลุ้นเกือบตาย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 28-09-2015 02:28:31
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย
เขินแทนงะ
แงงงงงงงง
มาต่อตอนหน้าเร็วๆน๊า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mintmiko ที่ 28-09-2015 10:15:18
เรื่องนีัขอยกรางวัลบุคคลที่เก่งที่สุดให้วัต แฟนหรอ พี่หรอ อิตารุจหรอ หึหึ ไม่ได้กินวัตหรอก เชื่อมต่อมาก็ย้ายหนีมันซะ แค่นี้จบ อิตารุจอุตส่าห์พยายาม พี่และสามีอุตส่าห์พยายาม เจอวัตเข้าไป กุมขมับกันมั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 28-09-2015 17:05:49
ดีใจในที่สุดก็เจอกันสักที ลุ้นมาตั้งนาน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-09-2015 01:04:22
รักกันๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 29-09-2015 02:17:12
ดีใจด้วยนะกลที่หากันจนเจอ :mew6:

วัตไม่เป็นไรแล้วนะกลับออกมาได้แล้วทุกคนรออยู่
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.34 ข้อความ 27/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 29-09-2015 09:59:50
เจอกันแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 04-10-2015 00:09:54
เฮ้ย เดี๋ยว จบแล้วจริงดิ!
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 04-10-2015 01:28:01
หะ เดียว จบแล้วเหรอ
ไหงงั้นงะ
แงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 04-10-2015 01:30:54
ง๊ะ จบจริงเหรอ?? โหยอยากให้มีต่อจัง

ขอบคุณคะ จะรอติดตามเรื่องอื่นๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 04-10-2015 02:41:24
จบแล้วจริงอะ มีตอนพิเศษชิมิม รอตอนพิเศษน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 04-10-2015 08:06:31
ไม่จริงจบแล้ววววววววววววววว

ยังอยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-10-2015 10:12:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 04-10-2015 11:00:38
ไม่จริงอ่ะ ยังไม่จบใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-10-2015 14:01:03
หะะะะะ จบแล้วจิงดิ!!!!!! :a5:
เอาเหอะ รอเปิดภาคใหม่ ขอเรื่องพี่วินนะ 55555
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 04-10-2015 16:32:30
รออีพี่วินเหมือนกัล    ความรักของท่านซาตานจะเป็นอย่างไงนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompooiriza ที่ 04-10-2015 19:14:08
อร๊ายยยย~ มีตอนดับไฟจริงด้วย! เหมือนที่คิดไว้เลย

จบแล้วหรือค่ะ อยากให้มีตอนพิเศษอีกเรื่อยๆเลย

เรื่องของพี่ชินพี่วิน เรื่องของขุนพลนายท่าน~

อยากอ่านต่อจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-10-2015 21:12:21
โค้งคำนับงามๆ :pig4:
ขอบคุณสำหรับความแซ่บส่งท้าย
รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 04-10-2015 21:17:06
โผล่มาเห็น จบบบบบบ!!!! หือ เราอ่านข้ามป่าวย้อนๆๆๆๆ
เย้ยจบจริง 
จะมีตอนพิเศษใช่ไหมคะ เรื่องนี่ติดมากมาย
เรื่องนี้สนุกมาก กล*วัต ฟินมากกกก :hao6:
ปล. ขุนพล นายท่านก็น่ารักน้าาาเหะๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-10-2015 21:29:24
มีอีกไหมมม อยากได้อีก ตอนพิเศษก้อได้น้าอยากอ่านอ้าาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 04-10-2015 21:30:50
อยากคู่พี่วินกับพี่ชินด้วยอ่า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 04-10-2015 22:14:34
ทำไรท่านกลไม่ได้จริงๆ :เฮ้อ:

รอติดตามเรื่องอื่นๆจร้า :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 05-10-2015 00:31:37
ในที่สุดก็จบ หมาป่าได้ผลประโยชน์เต็ม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 05-10-2015 02:14:41
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย
จะขำก็ขำ จะสงสารก็สงสาร
รอตอนของคู่อื่นอยู่น๊า
สนุกมากๆจ้า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.Max กลับมา 3/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-10-2015 02:16:54
ไม่นะม้ายยยยยย!!

เค้าจะเอาอีก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 05-10-2015 11:13:11
ชอบเรื่องนี้มากเลย อ่านง่ายสนุก
น่ารักทุกตัวละครยกเว้นตัวร้าย ฮีฮี
อยากอ่านตอนพิเศษจูงงงงง
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 05-10-2015 16:09:56
โถ ๆ ๆ ทำหมาป่าผู้น่ารักได้ลงนะคะ อิอิเป็นไงหละ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-10-2015 16:54:06
 :mew1: :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up บทส่งท้าย 4/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 06-10-2015 17:21:22
สนุกมากฮะ จบเร็วจัง อยากอ่านอีกเรื่อยๆเลยอ่ะ
ถ้ามีเวลารบกวนขอตอนพิเศษนะฮะ
ขอบคุณจริงจังสำหรับเรื่องสนุกๆคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-10-2015 19:55:16
ตอนพิเศษรับเพจไลด์ 666 แด่ซาตานวิน มุ้งมิ้งตามคำขอในเพจ

-----------------------------------------------------------------------------------

Lv.พิเศษ สองต่อสอง ชิน-วิน

   มนุษย์เงินเดือนทำงานตลอดปีตลอดชาติ ถึงยังไงก็ยังเป็นคนธรรมดามีเลือดเนื้อต้องมีวันหยุดพักผ่อนกันบ้างเป็นธรรมดา บริษัทเกมฮอตฮิตอันดับหนึ่งเองก็ไม่ยกเว้น หัวหน้าแผนกและรองหัวหน้าโบกมือลาลูกน้องทั้งหลายหนีไปฮันนีมูน(?) กันสองต่อสอง

   “อย่าลืมของฝากพวกเรานะหัวหน้า” วาโยหนุ่มอารมณ์ออกมาทวงทั้งที่คนหยุดยังไม่ทันเลิกงานกลับบ้านไปเก็บข้าวของ

   “ไม่เห็นต้องหยุดเลย ฉันว่าเอาเวลามาทำงานซะยังดีกว่า” คนได้หยุดแทนทีจะมีความสุข กลับคิดกอดกองงานซะแบบนั้น คนชวนเริ่มเดือดร้อน

   “เอาหน่า ไม่พักผ่อนซะบ้าง ทำแต่งานเดี๋ยวหน้าแก่ไวน้องไม่รักนะ” รู้สึกเหตุผลข้อหลังมันไม่เกี่ยวชอบกล ผมหรี่ตามองชินที่ดูจะอารมณ์ดีกว่าทุกวัน มานั่งคิดย้อนดูแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้เที่ยวด้วยกันสองคนไม่นับเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัว คงเป็นตอนปีหนึ่ง ผ่านมาหลายปีเหมือนกันแฮะ

   “หัวหน้าจะไปเที่ยวไหนครับ” อัคคีถาม สีหน้าดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ เพราะมีรุ่นน้องไฟแรงอย่างกลมาช่วยงาน แบ่งเบาการถูกโขกสับจากท่านซาตานวิน

   “ไม่รู้” ผมตอบเสียงเรียบ ลูกน้องแต่ละคนตาโตอ้าปากค้าง

   “ห๊ะ! จะไปเที่ยวอยู่พรุ่งนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหน”

   “ชินจัดการทั้งหมด ฉันทำงานไม่ว่างไปยุ่งเรื่องพวกนี้ ถ้าไปเที่ยวกับวัตค่อยว่าไปอย่าง” วาโยทำสีหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม ส่วนคีเกาแก้มยิ้มแห้ง

   “สมกับที่ยุบอกว่าหัวหน้าเป็นพวกบราค่อนจริงๆ” คำศัพท์แปลกๆ จากเจ้าโอตาคุนั่นน่ะเหรอ ถึงผมจะไม่รู้ความหมายแต่รู้สึกว่าไอ้คำพวกนี้ไม่ค่อยสื่อในแง่ดีสักเท่าไหร่

   “ฉันเองก็บราค่อนนะ” คงมีแต่ชินยิ้มรับอย่างสงบ หมอนี้นิสัยตอนอยู่กันสองคนกับตอนมีคนอื่นอยู่เลยไปกันคนละทาง ภายนอกดูเป็นผู้ใหญ่น่าเชื่อถือพึ่งพาได้ เนื้อในร้ายไม่แพ้ผม ไม่งั้นจะคบกันมาได้ไงตั้งยี่สิบปี อยู่ในระดับรู้ไส้รู้พุงกันหมด

   “รองหัวหน้าน่าเบื่อ” วาโยพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจกันสักนิด สำหรับคนช่างแหย่ กับคนที่ทำอะไรก็แหย่ไม่ขึ้นคงไม่สนุก ชินหัวเราะไม่สนใจ คีรีบลากตัวแฝดในการดูแลไปอบรมข้างนอก

   “พวกนั้นตลกดี ไม่รู้เหมือนไหร่คีจะรวบหัวรวบหางโยได้” นั่นไง ไม่ทันไรหางจิ้งจอกโผล่ ผมกรอกตา

   “ช่างเรื่องคนอื่นเถอะ แล้วนายคิดจะไปที่ไหน”

   “ในเมืองไทยนี่แหละ นายไม่ชอบไปต่างประเทศหนิ เราจะไปเที่ยวบนเขากัน ฉันจองห้องพักไว้แล้ว มีสระว่ายน้ำด้วย”

   “โฮ่...ธรรมดากว่าที่คิด” ผมคิดว่าชินมันจะเลือกสถานที่เด็ดกว่านี้ซะอีก มีโอกาสลากผมไปเที่ยวได้ทั้งที

   “ก็อยากจะลากนายขึ้นเรือส่วนตัวไปอยู่กลางทะเลกันสองต่อสอง หรือไม่ก็ไปอาศัยในเกาะร้างที่ไม่มีใครเห็นตัวนายเหมือนกัน ติดแต่นายคงไม่ยอมแน่ๆ”

   รู้สึกเท้ากระตุกอยากยกขาถีบคน ประจวบเหมาะกับมีคนโทรเข้ามาพอดี เป็นเบอร์ส่วนตัวที่ผมแยกไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน มีไม่กี่คนที่รู้เบอร์นี้ของผม นิ้วยาวสไลด์ให้แสดงจอตรงหน้า ปรากฎรูปอินทรีกางปีก ทางนั้นเป็นนกที่จมูกไวชะมัด คงโทรมาเพราะได้ข่าวเรื่องผมลาหยุดพักร้อน

   ไม่ทันจะกดรับ คนข้างตัวถือวิสาสะตัดสายนั้นทิ้งแถมบล็อกเสร็จสรรพ พอผมหันไปมอง คนก่อเหตุยิ้มสดใส

   “ช่วงเวลาทั้งหมดในวันหยุดของนายฉันขอนะวิน”

   ดวงตาคมหางตาชี้สมกับที่อินชอบด่าว่าจิ้งจอก มองผมตาพราวระยับ ผมยิ้มแย้มดุจเทพบุตร ชินถอยหลังหนีทันที ไอ้อาการคุกคามเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น เจ้าตัวรีบยกสองมือยอมแพ้

   “หยอกเล่นนิดเดียวอย่าโหดนักสิ”

   “ได้”

   “หือ?”

   “ฉันบอกว่าได้ เวลาวันหยุดของฉันจะเป็นของนายทั้งหมด” ชินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ มองผมไม่ไว้ใจ กลัวว่าผมจะมีแผนการร้ายอะไรซ่อนอยู่ พอเห็นผมยังอยู่ในท่วงท่าสบาย ไม่มีสิ่งที่สื่อถึงเรื่องโหดร้าย ถึงกับถอนหายใจโอเวอร์ มันกวนประสาทชิบ

   เห็นแก่ที่ยอมให้ผมโขกสับมาตลอด ถือเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ผมถูกมองว่าร้ายกาจ ไม่ใช่เพราะความสามารถของผมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นวาทะศิลป์กับการรู้จักใช้คนและการวางตัวที่พ่อสอนมาอย่างดี ปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ผิดกับวัต ทางนั้นที่บ้านเลี้ยงแบบปล่อยสบาย ซึ่งผมยินดีที่มันเป็นอย่างนั้น

   น้องชายสุดที่รักของผม เหมาะกับการใช้ชีวิตธรรมดาทั่วไปมากกว่าจะมาปวดหัวกับเรื่องพวกนี้

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชินไม่ตัดสายทิ้งแถมยังถือวิสาสะรับให้อีกต่างหาก หน้าจอฉายขึ้นเป็นภาพน้องชายเพียงคนเดียวของพวกเรา ไม่นับไอ้เด็กกาฝากอย่างกลนะ

   “พี่วินเก็บของรึยัง ทำหน้าแบบนั้นยังไม่เก็บแหง”

   บางครั้งผมก็สงสัยว่าน้องชายผมเป็นร่างอวตารของแม่ผมรึเปล่า

   “เลิกงานจะไปเก็บ โทรมาเอาของฝากรึไงเรา”

   น้ำเสียงนุ่มเอ่ยถามอย่างเอ็นดู คนถูกรู้ทันแลบลิ้นแล้วหัวเราะ

   “ขอพวกของกินนะพี่ กลล่ะครับ” ใบหน้ายิ้มแย้มพี่ชายกระตุกทันทียามน้องถามถึงเจ้าเด็กน่าหมั่นไส้ ชินกลับไปเคลียงานของวันนี้ แต่หูยังฟังบทสนทนาระหว่างพี่น้องตลอด ตะกี้เหมือนเจ้าตัวจะลงน้ำหนักตอนพิมพ์มากกว่าเดิมนิดหน่อย

   “ตายคาบริษัทจนกว่าพวกพี่จะกลับ”

   ผมตอบหน้าตาย น้องชายส่ายหัวคล้ายกับปลง พวกเราหวงน้องตามประสาพี่ชายที่รักน้องม๊ากมาก แต่ไม่ได้กีดกันอะไร บางทีแค่หมั่นไส้ เจ้าหนูกลมันใช่น้อยซะเมื่อไหร่ มีโอกาสเป็นต้องยั่วโมโหพวกเราเรื่องวัตทุกที มันน่านัก

   “ใช้งานเพลาๆ หน่อยนะพี่ เดี๋ยวเกิดเป็นอะไรไป น้องชายพี่ได้เป็นหม้ายแน่”

   “อย่าห่วงเลย ต่อให้ตาย ไอ้หมาหวงก้างแบบนั้นคงชุบชีวิตตัวเองขึ้นมาตามเฝ้าตามหวงเหมือนเดิม”

   วัตหัวเราะดังลั่นแบบไม่เกรงใจ ต่อให้เป็นเด็กที่นิสัยเหลือรับแค่ไหน ปัจจุบัน เจ้าหนูกลกำลังเปลี่ยนตัวเองไปทีละน้อย จากการฝึกของผมและการเลี้ยงดู(?)ของวัต ผมถือคติว่า ใครจะนิสัยแย่ยังไงแค่ไหนไม่สำคัญ ขอแค่ไม่เบียดเบียนคนอื่นเป็นพอ

   อีกอย่าง เรื่องที่กลรักน้องชายของผมมากนั่นคือเรื่องจริง เชื่อเถอะว่าต่อให้เป็นชีวิตเจ้าตัวก็ยอมให้ได้ พวกหมาๆ นี่มันรักแบบสุดลิ่มทิ่มประตูจริงๆ ผมชอบความอิสระของแมวมากกว่า รักโดยไม่ต้องแสดงออกอะไรมากมายนัก อยู่ด้วยกันในพื้นที่ของตัวเองไม่อึดอัด ไม่กดดัน แต่ผมกับน้องดันมีหมาตามติดทั้งคู่ แล้วแบบนี้จะมีแมวที่ไหนหลุดมาได้ จะมีก็แต่เจ้าพวกสัตว์ปีกทั้งหลายที่โผล่เข้ามาถูกหมาไล่ไปตามระเบียบ

   คิดเรื่องไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ก่อนน้องชายผมจะวางสายเจ้าตัวกำชับนู่นนี้เรื่องการเก็บของ เรียกชินมาฝากฝังผมเสร็จสรรพ

   “วัตเป็นแม่ศรีเรือนคนละเรื่องกับพวกเราเลย”

   “ช่วยไม่ได้ วัตถูกแม่เลี้ยงมาไม่เหมือนฉัน”

   ตั้งแต่เล็กจนโต ผมตามพ่อไปทำงานตลอด ส่วนวัตแม่เลี้ยงอยู่กับบ้าน สมัยก่อนพ่อไม่ค่อยมีเวลางานยุ่งหัวหมุนแบบผมตอนนี้นี่แหละ วัตเลยถูกปลูกฝังเรื่องงานทั่วไปอย่างการทำความสะอาด การทำอาหาร สืบทอดฝีมือแม่ศรีเรือนจากแม่ไปเต็มๆ แม่ให้เหตุผลว่า เผื่อเอาไว้ ถ้าแม่ไม่อยู่ต้องกลับบ้านหรือไปไหน อย่างน้อยๆ พ่อกับผมจะได้ไม่อดตาย และบ้านจะได้ไม่รกเป็นรังหนูก่อนแม่กลับมา

   วัตสามารถทำตามความต้องการของแม่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่อยากจะคิด เกิดน้องชายผมเป็นน้องสาว วันๆ ชินกับผมคงไม่ต้องทำอะไร มีน้องสาวแสนเพอร์เฟค นิสัยร่าเริงสดใส น่ารักอารมณ์ดี มีเหตุผล เก่งงานบ้านงานเรือน เสียงเพราะเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ ขอบคุณสวรรค์ที่ให้วัตเกิดมาเป็นผู้ชาย มีเพื่อนดีอย่างไวไว กับคนรักหวงก้างระยะสุดท้ายแบบกล

   เดี๋ยวนะ มันเป็นตอนพิเศษของผมนี่หว่า ผมพูดถึงน้องชายไปเป็นหน้าแล้ว ทำไงได้ มีน้องน่ารักก็งี้ สรุป วันต่อมาเราแพ็คของใส่กระเป๋าเป้คนละใบตอนเช้าแล้วนั่งรถต่อเครื่องบินขึ้นเหนือไปยังรีสอร์ทที่ชินจองไว้ อากาศบนเขาต่างจากในเมืองลิบลับ

   เส้นทางก่อนถึงที่หมาย ต้นไม้โหญ่โน้มมาบนถนนเกิดเป็นอุโมงค์ต้นไม้ ผมเปิดกระจกรถเช่ารับลมเย็น กลิ่นอายธรรมชาติ อากาศเย็นกำลังดี มีแสงแดดส่องผ่านรอยแยกใบ้ไม้เป็นเส้นแสงลงมาบนถนน

   รอบๆ รีอสอร์ทเป็นป่าเขา สวนพืชไม้ดอกไม้ประดับตัดแต่งอย่างดี คนไม่ค่อยเยอะเพราะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว ก่อนจะไปดูบ้านพักเราหาอะไรทานในรีอสอร์ทก่อน อาหารเหนือก็ไม่เลวเท่าไหร่

   “กระเป๋าไว้ในรถก่อนก็ได้ มันมีทางขับไปถึงบ้านพักเลย”

   ชินพูดพลางลงจากรถ ผมลงตามหลังหยิบแว่นกันแดดมาสวมด้วยความเคยชิน เห็นงี้ผมเป็นคนดังนะ คนในเมืองส่วนใหญ่รู้จักผมกันหมด ส่วนต่างจังหวัดแบบนี้ไม่รู้แฮะ คงต้องรอดูกันไป

   “นายเคยมาเหรอ ทำไมถึงรู้ทางนัก”

   ผมถามอย่างแปลกใจ วันๆ ชินตัวติดกับผม พวกเราไม่ค่อยได้ออกไปไหนกันนักหรอก มีบ้างไปเที่ยวกับครอบครัวแบบค้างคืน แต่เท่าที่ผมจำได้ เรายังไม่เคยมารีสอร์ทนี้กันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

   “จะพานายมาเที่ยวทั้งที่ฉันต้องศึกษาไว้ก่อนสิ” ความหมายคือไม่เคยมา แต่ศึกษาจำเส้นทางได้หมด คงรวมไปถึงแผนผังของรีสอร์ท ไม่รู้จะจริงจังไปไหน

   “งั้นนายนำไปห้องอาหารเลย คิดว่าคงจองไว้แล้วสินะ” ร่างสูงของชายสองคนดูโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับคนอื่นที่มาเป็นคู่ หรือมาแบบครอบครัว ผมชินซะแล้วกับการเป็นเป้าสายตา ชินจองไว้อย่างที่ผมคิด เรานั่งอยู่ในมุมสงบไม่มีใครเดินผ่าน อาหารถูกจัดเสิร์ฟทีละจานสองจาน เติมอาหารลงท้องเสร็จ ชินไปติดต่อเคาน์เตอร์ขอกุญแจห้องพักระหว่างนั้นผมเลยไปเดินสำรวจรอบๆ เล่น

   “อากาศดีจริงๆ”

   เสียงคุ้นหูดังมาจากทางด้านหลัง พอหันไปเจอคนรู้จักซะงั้น ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

   “คุณทหารเรือมาเที่ยวบนเขาเหรอครับ” ผมทักทายด้วยคำสุภาพ อินทรีโบกมือ

   “อย่าพูดแบบนั้นสิ ยอมบอกแล้ว เอาความจริงคือ ฉันตามนายมา พักร้อนทั้งทีเที่ยวด้วยคนสิ” เจ้าตัวเดินมายืนข้างๆ เท้าแขนกับระเบียงด้านหน้าเป็นสวนกว้าง

   “บอกตามตรงนะอิน มันไม่มีทางเป็นไปได้” อินทรีมีสีหน้าหมองลง ดวงตาเขาดูเศร้าๆ แต่ผมอยากให้เขาตัดใจมากกว่าจะยึดติดกับสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง

   “ฉันรู้ คนมันชอบไปแล้วให้ทำไงได้ นายรำคาญเหรอ”

   ภาพที่ผมเห็น เหมือนพญาอินทรีคอตกปีกลู่ดูน่าสงสาร ผมถอนหายใจ

   “ก็ไม่ได้รำคาญอะไร นายรู้ลิมิทตัวเองดี วางตัวไม่ให้ฉันอึดอัด ฉันแค่ไม่อยากให้นายยึดติดกับฉันจนปิดโอกาสเจอคนที่ดีกว่า”

   “คนที่ดีกว่า? นายคิดเหรอว่าจะมีใครดีกว่านายอีกเหรอ ก็อยากจะพูดแบบนั้นอะนะ ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผล มาเจอครั้งนี้เพื่อตัดใจจริงๆ สักที ขอบคุณที่ไม่ให้ความหวัง ไม่งั้นฉันคงเจ็บปวดมากกว่านี้”

   สีหน้าอินทรีดูดีขึ้น เขาถือเป็นเพื่อนที่มีอยู่น้อยนิดของผม ผมยกมือตบบ่าเขาเบาๆ
   
   “มาบอกลากันอย่างงี้ นายจะไปไหน” ผมถอดแว่นเกี่ยวไว้ตรงคอเสื้อยักคิ้วถาม

   “ว้า โดนรู้ทันอีกระ สำหรับนายคงไม่มีใครปิดบังอะไรได้เลยมั้ง”

   ผมนิ่งกับคำพูดนั้น ไม่หรอก มีอยู่สองคนที่ผมเดาใจไม่ได้เลย คนแรกคือพ่อของผมเอง ส่วนอีกคน...เขาเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวผมที่สุด

   “ไม่เชิงว่าลาไปไหน ฉันยังทำงานตามเดิม แค่คราวนี้อาจจะหายไปนานกว่าปกติไม่มีเวลาว่างโผล่เข้าไปในเกม ว่าจะถือโอกาสไปเลียแผลใจ พอกลับมาฉันคงมองนายเป็นเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่งได้สักที” ดวงตาคมสมชื่อมองนิ่งมาที่ผม ราวกับว่าจะจดจำภาพนี้ไว้

   “วิน ฉันขอกอดนายได้มั้ย ในฐานะเพื่อนก็ยังดี” อินยื่นมือมาทางผม เขาตัวสูงใหญ่กว่าพอสมควร ฝ่ามือนั้นจึงดูแข็งแกร่งและปลอดภัย คนที่ได้มือคู่นี้ปกป้อง คงเป็นคนที่น่าอิจฉามากแน่ๆ

   “ฉันไม่สามารถกอดนายได้ถ้านายยังไม่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนจากใจ” ผมส่ายหัวปฏิเสธ คนอย่างอาชวินไม่เคยต้องให้ใครมาปกป้อง ผมสามารถยืนหยัดด้วยตัวเอง สิ่งที่ผมต้องการคือ คนที่จะร่วมมือเดินไปพร้อมกับผมต่างหาก อินลดมือลงข้างตัว สีหน้าดูเจ็บปวด ผมมองใบหน้านั้นโดยไม่หลบ เราต่างคนต่างเสียใจ เขาเสียใจที่รักไม่สมหวัง ส่วนผมเสียใจที่ทำให้เพื่อนคนหนึ่งไม่มีความสุข

   มือกำยื่นมาตรงหน้า อินมองนิ่ง ก่อนจะยกมือตัวเองมาชกเบาๆ เขายิ้มออกมาทั้งที่ตาแดงๆ

   “ขอบคุณมาก... นายใจดีจริงๆ”

   “นายแค่หลงในรูปของเทพบุตร ความจริงฉันเป็นซาตานต่างหาก” การช่วยเหลือที่ดีที่สุดคือการไม่ให้ความหวังเพื่อให้อีกฝ่ายเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

   ”ไว้พบกันใหม่”

   “เจอกันครั้งหน้า ฉันจะเป็นคนเลี้ยงข้าวนายบ้าง”

   อินหัวเราะโบกมือให้ผม เขาเดินไปหาชายอีกสองคน คนแรกเป็นเพื่อนของอินชื่อเจตน์ ส่วนอีกคนผมคุ้นตาคุ้นตาเขาในแวดวงธุรกิจ ชายรูปร่างใหญ่ นักบริหารลำดับต้นๆ ทั้งที่อายุยังน้อย เจตน์ยกนิ้วทักทายตามประสาคนอารมณ์ดี อีกคนโอบเอวเจตน์ไว้อย่างถือสิทธิ์ พยักหน้าให้ผมน้อยๆ พวกเขาสามคนเดินจากไป

   มีคนมายืนอยู่ข้างผม ด้านตรงข้ามกับที่เจตน์เคยยืน เจ้าตัวคงคิดเล็กคิดน้อยว่าไม่อยากไปยืนซ้ำรอยใครแหง

   “เคลียร์แล้ว?”

   “เรียบร้อย”

   ชินจับมือผม ข้างที่ชนกับอิน นิ้วสากลูบๆ ดูยังไม่พอใจเลยยกขึ้นแนบริมฝีปาก เจอผมหลังมือเข้าให้ อยู่ข้างนอกทำอะไรบ้าๆ

   “วินนน ล้างพิษไง ขอหน่อยก็ไม่ได้ คนอุตส่าห์ปล่อยให้คุยกัน”

   ชินออกอาการงอแง มาดทั้งหมดสลายสิ้นจับมือผมแกว่งๆ เหมือนเด็ก

   “ขอบใจแล้วกันนะ! เอากุญแจมาแล้วนำทางซะ ฉันอยากพักเต็มแก่”

   “คร้าบๆ ท่านซาตาน” วินรับเสียงกวนประสาท เราเดินจูงมือกันขึ้นรถ ห้องพักที่ชินจองเป็นแบบพักสองคน ล้อมรอบด้วยต้นไม้กับสวนตัดแต่ง เปิดประตูเข้าไปพบกับห้องนั่งเล่น ห้องนอนหนึ่งห้องเตียงหนึ่งหลังมีห้องน้ำในตัว ผมหันไปมองชินทันที

   “อยากนอนด้วยกันบ้าง มีระเบียงยื่นออกไปด้วยนะ”

   คนจองอวด พาผมไปดูระเบียงด้านนอก มีโต๊ะไม้หนึ่งชุด มองเห็นวิวเป็นวงกว้าง ท้องฟ้ายามเย็นตัดกับผืนป่าสีเขียว ผมดึงชินมายืนดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ความมืดค่อยๆ ปกคลุมไปทั่วทุกที่ แสงไฟแต่ละบ้านพักเปิดสว่าง

   ผมจับคางให้ชินหันหน้าเข้ามาหา แนบริมฝีปากแผ่วเบา ต่างฝ่ายต่างเลาะเล็มสัมผัสจากอีกคน สองร่างขยับกายแนบชิด สบสายตาลึกซึ้งแบบที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นนอกจากคนตรงหน้า คืนนั้นพวกผมไม่ได้เปิดไฟบ้านพักทั้งคืน

   เสียงนกร้อง แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่ง ประตูกระจกถูกเปิดออกรับลมธรรมชาติ ชายผมทองงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงยามได้กลิ่นหอมของกาแฟ บนรูปร่างสมส่วนราวกับนายแบบมีรอยจ้ำแดงประปรายอยู่ทั่ว ไม่เว้นกระทั่งลำคอหรือหลังหู ชายผมดำเดินมาหาข้างเตียงในสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก สองมือถือกาแฟหอมกรุ่น

   คนบนเตียงกอดเอวคนถือกาแฟ ทั้งที่ตายังไม่เปิดดี

   “ชินขอกาแฟ”

   “จูบก่อน”

   ชายผมทองผงกหัวมอง กระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายก้มลงมาแล้วยื่นมือรั้งคอมารับจูบจากตัวเอง เลียริมฝีปากอีกคนทิ้งทวนพลางแย่งกาแฟมาจิบอย่างเป็นสุข

   “จะพูดว่ามอร์นิ่งคิสกันหน่อยก็ไม่ได้ นายเห็นกาแฟสำคัญกว่าฉันอีกเรอะ”

   “ใช่” ตอบทันทีแบบไม่เสียเวลาคิด ทำให้อีกคนคอตกยกกาแฟซดเงียบๆ เพิ่งรู้วันนี้แหละ นอกจากแมวยังมีกาแฟเป็นคู่แข่ง

   “ไม่เอาหน่า อย่าเพิ่งน้อยใจ นายก็สำคัญ ไม่มีนายใครจะชงกาแฟให้ฉันกิน” รูปประโยคเกือบดีหากไม่มีประโยคท้ายตามมา ชินโคลงหัวปลง ผมหัวเราะ วางแก้วกาแฟว่างเปล่า ลุกขึ้นบิดขี้เกียจหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ชินรีบวางกาแฟตามเข้ามาอย่างไว

   “อย่าเนียน” ผมหันกลับมาจ้องเจ้าจิ้งจอกจอมเนียน ไม่ต้องมาทำคอแบ๊ว ไม่หลงกลสักนิด

   “อยากถูหลังให้”

   “ขอบใจแต่ไม่ต้อง”

   “หน่านะ” ชินเอาหัวมาไถหลังผมอ้อน เฮ้ย เป็นจิ้งจอกไม่ใช่แมว

   ผมกรอกตาขึ้นฟ้า ผลคือเสร็จรอบเช้าในห้องน้ำหนึ่งรอบ คิดไปไหนกัน คราวนี้แค่มือ อาบน้ำเสร็จแต่งตัวออกมานั่งทานข้าวเช้าที่ชินสั่งทางรีสอร์ทไว้ วันนี้คงไม่ออกไปไหน เพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ เมื่อวาน กลางคืนก็ไม่ได้นอนกัน ขออืดคาบ้านพักเรื่องเที่ยวไว้พรุ่งนี้

   สถานที่เที่ยวเราไปเท่าที่วันหยุดจะอำนวย ถือว่าการมาพักผ่อนครั้งนี้คุ้มค่า ผมได้ยืดเส้นยืดสาย ชินยิ้มเหมือนคนบ้าทั้งวัน ขนาดหมดช่วงวันหยุดกลับบริษัทยังไม่เลิก

   “หัวหน้ากลับมาแล้ว ของฝาก~” วาโยวิ่งร่ามาคนแรก ผมโปะถุงของฝากใส่หน้า งานนี้ซาตานจิ้งจอกถือของเต็มสองมือ วายุกับพี่มะลิช่วยถือเข้าห้องตัวเอง คงมีแต่อัคคีคนเดียวมาช่วยถือแบบไม่มีอะไรแอบแฝง

    “กลมาเร็ว หัวหน้าซื้อของมาฝากเพียบ”

   โยชวนรุ่นน้องอย่างร่าเริง เจ้าหนูกลเดินมาแบมือตรงหน้าผม แต่ดวงตาสีน้ำเงินนั่นมองผ่านไปแถวคอเราทั้งคู่ มุมปากยกยิ้มน่าถีบ ผมยัดของฝากวัตใส่มือไป

   “ที่คอพวกอาจารย์แบบเดียวกับวัตเลยนะครับ”

   คิ้วกระตุกกึกๆ ผมกับชินส่งของให้อัคคีทั้งหมด เตรียมรุมขย้ำหมาป่า เจ้าเด็กเวรถอยหลบหอบถุงของฝากวิ่งหนีลงลิฟท์ เพราะแบบนี้ไงผมถึงรักน้องเขยคนนี้ไม่ลง!

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 06-10-2015 20:42:36
 :laugh:

ชอบประโยคสุดท้าย

น่ารักทั้งคู่พี่ คู่น้อง

อิจฉาอยากมีคนพาเที่ยวแบบอาชวิน

 อิอิ

  :impress2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-10-2015 21:49:44
รักคู่นี้มานาน ได้ที่สุดดดดด อ้ากกก ชอบอ่ะ
แต่ไม่หวานเลย วินนะวิน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 06-10-2015 22:20:16
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fernfabled ที่ 07-10-2015 00:59:19
นิยายน่ารักกกกก
เรื่องของค้าวคาวกับหมา5555
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 07-10-2015 01:19:53
 :laugh: :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 07-10-2015 01:36:58
คู่พี่ก็ไม่น้อยผน้ากันเลย หวานเบาๆ กลก็ยังกวนเหมือนเดิม 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-10-2015 06:17:57
อร๊ายยยย ชอบคู่คุณพี่ชายจริงๆนะ
แลดูแบบคู่ชีวิต ฮิๆ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 07-10-2015 12:12:04
ซาตานกะจิ้งจอกหวานๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 07-10-2015 13:29:14
ประโยคสุดท้ายนี่โดนจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 07-10-2015 16:10:35
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่พยามจะอ่านให้จบช้าที่สุด คือเราเป็นคนที่ชอบเล่นเกมส์ออนไลน์อยู่แล้ว
ยิ่งมาเจอแนวนี้บอกเลยว่า โครตอยากเล่น เราชอบทุกตัวละคร ชอบความรักของแต่ละคน
ชอบการดำเนินเนื้อเรื่อง ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่าน  :mew1: o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 08-10-2015 06:33:33
โอ๊ยยยยยยยย
น่ารักกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 09-10-2015 16:26:21
พอชินกับวินอยู่กันสองคนนี่ดูไม่หวานมาก กำลังพอดีๆเลย ชอบบบ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษชิน-วิน 6/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-10-2015 03:18:37
ดีงามมมม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 11-10-2015 18:07:30
กำเนิดซาตานวิน

พาทนี้เป็นพาทพิเศษ เรื่องราวสมัยเด็กของพี่วินจนถึงปัจจุบัน
ทีแรกว่าจะแต่งหนุ่มวายนิยายอีกเรื่องให้จบ แล้วค่อยเปิดมาเซอร์ไพรส์
แต่มันยาวกว่าที่คิด เลยอัพมาให้อ่านก่อน เซอร์ไพรส์มั้ย 55555+


Part1 ลูกชาย


   หน้าห้องคลอด มีชายคนหนึ่งเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น ดวงตาสีเทามองไปทางประตูเป็นระยะ ที่นั่งใกล้กันชายและหญิงชรามองลูกเขยด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ

   “ตาเนชเลิกเดินไปเดินมาได้แล้วฉันเวียนหัว”

   มือเหี่ยวย่นตามวัยยกยาดมขึ้นจ่อจมูก สามีที่เคียงคู่กันมานานกลายสิบปีถอนหายใจยื่นขาไปด้านหน้า จังหวะเดียวกับที่ลูกเขยหมุนตัวเดินมาพอดี ร่างสูงโปร่งสะดุดเข้าอย่างจัง ร่วงไปกองบนพื้น ถึงขนาดนั้นยังมีหน้าลุกขึ้นสะบัดหัวแล้วเดินต่อสร้างความเหนื่อยหน่ายให้แก่คนสูงวัย

   “ช่างมันเถอะคุณ ลูกคนแรกนั่งไม่ติดแบบนี้แหละ”

   หญิงชราค้อนใส่วงใหญ่ ปากบอกช่างแต่คิดแกล้งลูกเขยยื่นขาไปขวางรอบสอง คราวนี้คนเจ็บรู้ทัน จัดการก้าวข้ามอย่างสวยงาม กระทั่งประตูเปิดออกพร้อมนางพยาบาลในชุดทำคลอด เสียงเด็กแผดเสียงร้องจ้าแทบลั่นตึก

   “ได้ลูกชายค่ะ แข็งแรงทีเดียวส่งเสียงร้องใหญ่เลย”

   ใบหน้านางพยาบาลยิ้มแย้ม คนเป็นพ่อเต็มตัวมองร่างเล็กในอ้อมแขนหญิงตรงหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม หญิงชราตกใจเข้ามากอดปลอบลูกเขย

   “แล้วภรรยาผมล่ะครับ”

   “ปลอดภัยดีค่ะ”

   รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าทั้งสามคน อาเนชอุ้มประคองลูกน้อยอย่างเบามือ ก้มลงใช้จมูกโด่งยื่นเข้าหา มือเล็กจิ๋วปัดป่าย
   
   “ขอบคุณที่เกิดมา ‘อาชวิน’ ”


    4 ปีผ่านไป...

   “พ่อ! เร็วสิ”

   เด็กชายวัยสี่ขวบครึ่งตะโกนเรียกพ่ออยู่หน้าบ้าน เรือนผมสีทองยุ่งเหยิงตามประสาเด็กซน ดวงตาสีเทาชอบสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ เสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดคอกลมกางเกงเอี้ยมดูทะมัดทะแมง ชายร่างสูงผู้มีสีผมและสีตาเหมือนกันราวกับถอดพิมพ์เดินอ้าปากหาวออกมาจากบ้าน

   “วินพ่อง่วงจังเลย” คุณพ่องอแงแทนลูกชายที่ปัจจุบันซนอย่างกับลิง

   “ตื่นๆ ไปทำงาน” เด็กน้อยวิ่งมาเขย่าขากางเกงพ่อ คุณแม่ยิ้มแย้มส่งข้าวกล่องให้สองพ่อลูก ก่อนย่อตัวลงลูบหัวลูกชาย

   “วินไปกับพ่ออย่าดื้อนะ แม่ฝากดูแลพ่อด้วย” คนถูกฝากหันมามองค้อนภรรยาตัวเอง

   “ครับผม! เชื่อมือวินได้เลย” เด็กชายอาชวินรับคำแข็งขัน ท่าทางตั้งมั่นจูงมือพ่อตัวเองขึ้นรถ แต่คนพ่อยังไม่วายหอมแก้มภรรยาสาวเป็นกำลังใจก่อนไปทำงาน เพราะมัวแต่โอ้เอ้เลยถูกลูกชายเตะแข้งเข้าให้ กระโดดเหยงๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะจากภรรยา รสาโบกมือให้ลูกชายกับคนรักจนกระทั่งรถลับตาไป เป็นภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่น

   อาเนชมีอาชีพเป็นนักโปรแกรมเมอร์ คอยเขียนระบบให้กับบริษัทหลายแห่งแต่ไม่ได้ประจำบริษัทไหนเป็นพิเศษ มีหลายระบบที่อาเนชเป็นคนสร้างบุกเบิกเองทำให้มีคนรู้จักกว้างขวาง พักหลังมีลูกชายติดสอยห้อยตามไปทำงานด้วย วินเป็นเด็กฉลาดไม่กวนพ่อทำงาน แถมยังถอดนิสัยพ่อมาแบบเต็มๆ ไม่เท่าไหร่ก็รู้จักคนไปทั่ว

   วันนี้อาเนชมาทำงานให้คนรู้จัก ขณะคนพ่อขึ้นไปดูระบบข้างบน ลูกชายนั่งเล่นอยู่ตรงส่วนรับรองชั้นล่าง ประตูกระจกเปิดออก ชายดูมีภูมิฐานเดินเข้ามาพร้อมเด็กวัยไล่เลี่ยกัน ดวงตาสีเทามองอย่างสนใจ

   “โอ้ นั่นลูกชายของอาเนชใช่มั้ย” ผู้ใหญ่เอ่ยทัก วินลุกขึ้นยกมือไหว้น่ารักตามที่แม่สอน

   “สวัสดีครับ ผมเด็กชายอาชวิน อายุสี่ขวบครึ่ง ลูกพ่ออาเนชกับแม่รสาครับ!”

   เสียงใสบอกชัดเจนพร้อมรอยยิ้มราวดับดวงตะวัน เด็กชายอีกคนกระพริบตาปริบๆ มองภาพนั้นแบบอึ้งๆ

   “สวัสดีหนุ่มน้อย ลุงชื่อทร นี่ลูกชายลุงชื่อชิน” เจ้าของบริษัทแนะนำลูกชายตัวเอง เด็กน้อยสองคนมองสบตากัน วินยื่มมือไปข้างหน้า ชินหรี่ตามองไม่คิดจะสุงสิงด้วย คุณพ่อส่ายหัวพยักหน้าให้ลูกชาย ชินเลยต้องยื่นมือไปจับอย่างเลี่ยงไม่ได้ มือเล็กจับกันเขย่าเลียนแบบผู้ใหญ่

   “พอดีเลย ชินไปเล่นกับเพื่อนสิลูก ตามพ่อขึ้นไปข้างบนมันน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ ฉันฝากดูแลเด็กพวกนี้ด้วย ถ้าพวกเขาต้องการอะไร จัดการตามนั้นล่ะ ใครถามบอกว่าฉันสั่ง”

   น้ำเสียงเอ็นดูพูดกับเด็กชายสองคน ท้ายประโยคหันไปสั่งพนักงานแถวนั้นก่อนขึ้นไปทำงานชั้นบน คล้อยหลังผู้ใหญ่มือเล็กยังคงจับกันไม่ปล่อย เหล่าพนักงานมองอย่างหวั่นใจ ‘ชินกฤต’ คือลูกชายสุดที่รักของท่าน ’ผณินทร’ ถ้าเกิดเด็กสองคนทะเลาะกันขึ้นมาจนได้แผล ความซวยมาเยือนแน่

   “ปล่อยมือ”

   เด็กชายผมดำพูดเสียงห้วน เขาถูกพ่อแม่เลี้ยงดูมาต่างจากเด็กทั่วไปแถมยังถูกตามใจแบบสุดๆ ทำให้มีนิสัยเอาแต่ใจ เย็นชา หยาบกระด้างพอสมควร คนฟังขมวดคิ้วมุ่น

   “นิสัยไม่ดีระวังจะไม่มีเพื่อนนะพ่อบอกว่าแบบนั้น ไปกันเถอะเล่นข้างนอกกัน”

   วินไม่ฟังแถมยังสอนอีกฝ่ายพลางดึงแขนออกไปด้านนอกที่มีสวนขนาดเล็กกับต้นไม้ต้นใหญ่ให้ร่มเงา ทีแรกชินคิดจะสบัดมือออก แต่พอมองใบหน้าอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง สุดท้ายเด็กผมดำเลยต้องเดิมตามไปอย่างจำใจ โดยมีพนักงานถอนหายใจอย่างโล่งอก คอยมองตามเด็กทั้งสองตลอดเวลา

   ด้านนอกแดดร้อน ไม่เป็นอุปสรรคของวินเลยสักนิด เจ้าตัวลากเพื่อนใหม่ไปยืนใต้ร่มไม้

   “เราจะเล่นอะไรกันดี”

   “ฉันจะรู้นายเหรอ นายลากฉันออกมาเองนะ”

   “งั้น... เรามาปีนต้นไม้แข่งกัน!”

   พูดจบออกตัวทันที ร่างเล็กปีกขึ้นต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว ก้มลงมามองเด็กผมดำที่ยังคงยืนนิ่งหน้าบูดอยู่ด้านล่าง

   “ทำไมไม่ขึ้นมาอะ”

   “ฉันไม่เล่นอะไรแบบนี้” เด็กชินหันหน้าหนีไปทางอื่น วินทุบมือปุไต่ลงมาจากต้นไม้

   “นายปีนต้นไม้ไม่เป็น ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะดันหลัง นายค่อยเหยียบกิ่งไม้นั่นขึ้นไป”

   ชินยังคงเฉย ไม่สนอีกคนที่พยายามจะชวนเล่นเลยสักนิด วินยังไม่ละความพยายามงัดสารพัดคำพูดมากล่อมให้อีกฝ่ายปีนต้นไม้เล่นกับตน ทั้งดันหลัง ดึงแขน สุดท้ายชินเริ่มรำคาญเดินหนีดื้อๆ

   “เด็กผู้ชายอะไรปีนต้นไม้ไม่เป็น ขนาดเด็กผู้หญิงยังปีนได้เลย”

   เด็กน้อยผู้ไม่รู้อะไร คนที่ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูเต็มขั้น กับเด็กแก่นซนแบบเจ้าตัวมันแตกต่างกันคนละเรื่องแต่เสียงอุบอิบจากทางด้านหลัง ไม่รู้จงใจรึเปล่า มันไปสะกิดต่อมบางอย่างเข้าเต็มๆ ชินหันขวับก้าวฉับๆ กลับมาคว้าไหล่อีกฝ่าย วินเอียงคอมองสงสัย

   “ยื่นมือมา”

   วินยื่นมือไปแบบงงๆ ชินถอดรองเท้าถุงเท้าทิ้ง เหยียบมือวินยื่นแขนไปจับกิ่งไม้ พยายามปีนขึ้นไปด้านบนอย่างทุลักทุเล เห็นอีกฝ่ายยอมเล่นกับตัวเองสักที วินดีใจให้ความร่วมมือเต็มที่ จนกระทั่งเด็กสองคนไปนั่งบนกิ่งไม้ใหญ่ พิงลำต้นมองวิวจากด้านบน

   สำหรับผู้ใหญ่มันคงสั้นนิดเดียว แค่เอื้อมมือไปก็ถึง สำหรับเด็ก ความสูงระดับนั้นก็จิตนาการเป็นตุเป็นตะมองวิวรอบข้างตื่นตาตื่นใจ ดวงตาสีดำเป็นประกายมองทุกอย่างจากมุมที่ไม่เคยเห็น

   ลมเย็นพัดผ่าน ใบไม้โบกไหว เสียงนกร้องเกาะกิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไป ก้อนเมฆสีขาวลอยเอื่อยๆ ผ่านดวงอาทิตย์

   “รู้มะที่บ้านฉันน่ะพ่อเอาไม้มาติดเป็นบันได มีชิงช้าด้วย ดีกว่าที่นี่อีก”

   วินเล่าเรื่องของตัวเองอย่างสนุกสนาน ชินทำเป็นไม่สนใจ แต่ภายในคิดแล้วว่ากลับบ้านไปจะขอพ่อผูกชิงช้าให้บ้าง เด็กสองคนสนิทกันมากกว่าเดิม ต่างคนต่างเอาเรื่องของตัวเองมาอวดกันไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งดวงตาสีเทาเห็นชายวัยกลางคนกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่แถวพุ่มไม้

   “ชินๆ ลุงคนนั้นเขาทำอะไร”

   เด็กผมดำมองตามนิ้วอีกฝ่าย เห็นคนสวนประจำบริษัท ตอบเสียงเรียบ

   “ทำสวน”

   “ทำสวนคืออะไร?” พอโดนคำถามสวนกลับมาทันทีเล่นเอาชะงัก คิ้วเล็กขมวดพยายามตอบ

   “ทำสวนคือปลูกต้นไม้”

   “ปลูกไปทำไม”

   “ฉันไม่รู้”

   “ชินไม่เก่งเลยอะ พ่อเราเก่งกว่าตอบได้ทุกอย่าง” วินพูดพลางปีนลงจากต้นไม้

   “ฉันอายุแค่สี่ขวบครึ่งเหมือนนายนะ วินจะไปไหน” ชินปีนตามลงมาใช้เวลามากกว่าอีกคนจม ความเป็นลิงมันต่างกัน

   “ไปถามลุงว่าปลูกต้นไม้ทำไม” ชินคว้ามืออีกคนไว้ วินหันมามองอย่างสงสัย

   “แต่เขาเป็นคนสวน”

   “ทำสวนคือปลูกต้นไม้ คนสวนคือคนปลูกต้นไม้ อยากรู้เกี่ยวกับต้นไม้ ต้องถามคนสวน!” ตรรกะแบบเด็กๆ ทำเอาชินงง ดูเหมือนคนพูดเองยังมึน สรุปวินเปลี่ยนมาคว้ามืออีกฝ่ายแทน ลากไปทางลุงผิวคล้ำแดดจากการทำงาน ไม่ว่าชินจะพูดอะไรก็ไม่ฟัง วินอาสาเข้าไปถาม ส่วนชินยืนเว้นระยะห่าง

   “คุณลุงครับ”

   เสียงเด็กเรียกความสนใจ มือหยาบกร้านจากการทำงานหนักหยุดชะงัก หันมาเห็นใบหน้าน่ารักสมวัยเกิดความเอ็นดู

   “มีอะไรครับคุณหนู” สายตาคนสวนเห็นลูกเจ้าของบริษัท คิดว่าน่าจะเป็นเด็กฐานะเดียวกันจึงเลือกใช้คำเรียกแบบนั้น

   “ผมไม่ได้ชื่อหนูสักหน่อย ผมชื่อเด็กชายอาชวิน เพื่อนๆ เรียกว่าวิน คุณลุงปลูกต้นไม้ทำไมเหรอครับ”

   เขานึกแปลกใจไม่น้อย ปกติเด็กที่บ้านมีฐานะ มักจะไม่สุงสิงกับพวกคนทำงานใช้แรงแบบเขา บางคนถึงขนาดไม่ยอมเข้าใกล้ด้วยซ้ำ แต่เด็กคนนี้มาแปลก แนะนำตัวฉะฉาน ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชวนให้นึกถึงหลานชายที่บ้าน กำลังอยู่ในวัยเจ้าหนูจำไม

   “ลุงปลูกให้ร่มเงา” เขาพูดไปทำงานไป มือเปื้อนดินดูสกปรก เด็กชายไม่รักเกียจแม้แต่น้อย ขยับเข้ามานั่งย่องๆ ดูข้างๆ

   “ร่มเงา?”

   “ใช่แล้ว ต้นไม้ช่วยบังแดดทำให้ไม่ร้อน”

   “แบบนี้นี่เอง เวลาผมอยู่ใต้ต้นไม้ถึงไม่ร้อน อ๊ะ คุณไส้เดือน ชินดูดิ คุณไส้เดือนๆ”

   นิ้วเล็กหยิบเอาไส้เดือดตัวนุ่มขยับยุกยิกขึ้นมาจากดิน หันกลับไปชูให้เพื่อนดู ชินถอยหลังหนีแบบไม่ต้องคิด

   “นายจับเข้าไปได้ยังไง ทิ้งไปเลยนะ” เด็กผมดำทำท่าขยะแขยงเต็มกำลัง คนสวนหัวเราะขำบอกด้วยรอยยิ้มอ่อน สอนเด็กอย่างใจเย็น

   “คุณไส้เดือนทำให้ต้นไม้โตไว เอาวางที่เดิมดีกว่า ถือไว้แบบนั้นเดี๋ยวมันตายนะ”

   “วินไม่อยากให้มันตาย เอาไว้ที่เดิมแล้วกัน” มือขาวหย่อนไส้เดือนลงดินตามเดิม ชินถอนหายใจโล่งอก

   “วินเรากลับเข้าไปข้างในกัน” ชินชวนเพื่อน เขาอยากออกจากตรงนี้เต็มแก่

   “ไม่อะ ข้างในไม่มีอะไรเล่นน่าเบื่อ คุณลุงผมขอปลูกต้นไม้ด้วยได้มั้ย ที่บ้านผมช่วยแม่ปลูกด้วยนะ ต้นขนาดนี้เลย” ลิงวินยังไม่หยุดซนอาสาช่วยปลูกต้นไม้ แขนเล็กกางออกกว้างบอกขนาดทั้งซะโอเว่อที่มันเป็นแค่ต้นพริกเล็กๆ เท่าฝ่ามือ

   ลุงคนสวนลำบากใจ สุดท้ายทนลูกตื้อไม่ไหว ขยับหลบให้เด็กช่วยขุดดิน ปลูกไม้สวนขนาดเล็กลงดิน วินฮัมเพลงเลียนแบบพ่อ ขุดปลูกใช้ดินโปะๆ ขะมักเขม้น ชินเห็นเพื่อนสนุกขนาดนั้น เลยเผลอเดินเข้ามาใกล้ทีละนิด จนมานั่งอยู่ข้างๆ วิน

   “ชินมาปลูกด้วยกันสิ จะได้ร่มเงาเชียวนะ”

   “ไม่เอา ดินสกปรก มีเชื้อโรคอะไรบ้างก็ไม่รู้” คนสวนไม่แปลกใจกับคำตอบคุณหนูชินสักเท่าไหร่

   “ไม่มีหรอก ฉันจับดินมาตั้งเยอะไม่เห็นเป็นไร นี่ๆ ลองดู” ต้นกล้าถูกจับยัดใส่มือชิน เจ้าตัวทำหน้าแหยะ จะโยนทิ้ง วินทำปากยู่

   “ชินไม่เก่ง ปลูกต้นไม้ไม่เป็น”

   “กับอีแค่ปลูกต้นไม้ ยากตรงไหน!” เกิดแรงฮึด ชินขุดดินปลูกต้นไม้ตามวิน เขาขมวดคิ้วนิดๆ สัมผัสเย็นจากดินไม่ทำให้รู้สึกแย่เหมือนที่คิด ทำไปทำมาเริ่มสนุก เด็กน้อยสองคนร่วมมือกันปลูกต้นไม้ หาความสวยงามไม่เจอเมื่อเทียบกับของลุงคนสวน ต้นไม้ทุกต้นปลูกตั้งตรงเป็นระเบียบ ไม่เบียดกันจนเกินไป และไม่ห่างจนดูโล่ง

   “ไม่เหมือนกันเลย” ชินพึมพำหลังมองผลงานตัวเองได้สักพัก

   “แต่ฉันว่าสวยนะ” ลิงวินกอดอกภาคภูมิใจ ชินเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ลุงคนสวนพูดให้กำลังใจสองเด็กน้อย

   “ตอนนี้ยังเด็ก ทำได้เท่านี้เก่งมากแล้ว โตอีกน้อยต้องทำสวยกว่าลุงแน่ๆ ลุงรับรอง”

   เด็กชายสองคนยิ้มดีใจ ขณะเดียวกับที่พ่อๆ เดินมาหาลูกชาย อาเนชไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นลูกมอมแมมเปื้อนดิน มือหนาขยี้หัวทองจนยุ่ง

   “ลิงน้อยมาซนอะไรอีก ขอโทษนะครับลูกชายผมมากวนคุณทำงาน”

   ว่าคนลูกน่าแปลกใจแล้ว เจอคนพ่อลุงคนสวนถึงกับทำอะไรไม่ถูก อีกฝ่ายเล่นก้มหัวให้ เขายกมือห้ามพัลวัน วินพูดเจื้อยแจ้วอวดพ่อตัวเองใหญ่ ส่วนชินก้มหน้าซ่อนมือเปื้อนดินด้านหลังเพราะกลัวถูกพ่อดุ ทรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน

   “คุณผณินทรอย่าดุคุณหนูเลย เดี๋ยวผมปลูกใหม่ให้ ผมยอมทำงานล่วงเวลาไม่เอาเงินสักแดงครับ” คนสวนกลัวว่าลูกเจ้านายจะถูกดุเลยขันอาสาเสียเอง ทรส่ายหัว

   “ไม่ต้อง ปล่อยไว้แบบนั้นแหละลูกชายฉันอุตส่าห์ปลูกทั้งที ชินไปล้างมือเราจะได้ไปทานข้าวกัน”

   ลุงคนสวนโล่งอก ชินพยักหน้ารับเดินไปล้างมือกับวิน เพราะอาเนชออกมาทำงานให้ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดเจ้าตัวจะไม่รับงาน ผณินทรเลยชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ทีแรกอาเนชจะปฏิเสธเพราะมีข้าวกล่องฝีมือภรรยาคนสวยอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายชวนมาทั้งทีจะปฏิเสธน้ำใจก็ใช่ที สรุป สองพ่อพาลูกชายไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน

   หลังทานเสร็จอาเนชแยกกลับบ้านตัวเอง แต่แทนที่จะขับยาวถึงบ้าน คนพ่อดันจอดรถข้างทางหยิบข้าวกล่องออกมา

   “พ่อทำไรอะ เพิ่งกินข้าวเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ”

   วินถามอย่างสงสัย อาเนชมองลูกชาย

   “แม่ทำให้พ่อทั้งที ขืนไม่กินแม่เสียใจแย่”

   “แต่กินเยอะเดี๋ยวปวดท้องนะ” ลูกชายทัก คุณพ่อคอตกเก็บข้าวกล่องกลับบ้านทั้งแบบนั้น รสาเห็นสองพ่อลูกยิ้มแห้งส่งข้าวกล่องที่ไม่ได้แตะมาคืน อาเนชบอกภรรยาเสียอ่อยว่าถูกชวนไปทานข้าวกลางวันเลยไม่ได้กินอาหารฝีมือภรรยา หญิงสาวหัวเราะเสียงใส

   “แม่ไม่โกรธเหรอฮะ” วินถาม คุณแม่รับข้าวกล่องเดินนำสองคนเข้าบ้าน

   “ไม่โกรธหรอก ไว้เดี๋ยวค่อยทานก็ได้นี่ จริงมั้ย”

   สองพ่อลูกทุบมือปุท่าเดียวกับเป๊ะ แล้วถูกคุณแม่ลากไปช่วยงานในสวนทั้งคู่ ระหว่างนั้นวินคอยถามนู่นถามนี้ตลอดไม่ได้หยุด รสาสามารถรับมือลูกชายวัยช่างถามได้อยู่หมัด ด้วยการชิงสอนให้ทำนู่นนี้จะได้ไม่มีเวลาว่างพอมาถาม ต่างจากอาเนชตอบจนคอแห้ง ขนาดทำสวนกันเสร็จนั่งพักตรงระเบียงติดสวน วินยังถามไม่หยุด

   “พ่อฮะชินเรียนที่ไหน”

   “ไม่รู้สิ วันหลังเจอลูกก็ลองถามดู”

   “พ่อครับ ทำไมนกบินได้”

   “นกมันเก่งกว่าเรา”

   “อ้าว งั้นแสดงว่าพ่อห่วยสิ” อาเนชผงักหัวมองลูกชายที่นอนหนุนพุง

   “ไปจำคำว่าห่วยมาจากไหน”

   “ผมได้ยินพ่อพูดตอนทำงาน บอกว่าระบบมันห่วยชะมัด พ่อ ระบบคืออะไรเหรอ”

   “วันหลังอย่าพูดอีกนะ เดี๋ยวแม่เอาพ่อตาย” อาเนชสั่งน้ำเสียงจริงจัง หารู้ไม่ ภรรยาได้ยินทุกคำพูด กำลังส่ายหัวอย่างระอากับสองพ่อลูก

   “รับทราบ พ่อ” ปากเล็กไม่ทันหลุดคำถาม อาเนชพูดดัก

   “วิน วันนี้ถามแค่นี้ก่อนดีไหม” พ่อลูกหนึ่งยกมือสองข้างยอมแพ้ เขาว่าเด็กช่างสงสัย กล้าพูดกล้าถามเป็นเด็กฉลาดแต่ลำบากพ่อเหลือเกิน

   “ก็ได้ งั้นผมให้พ่อถามผมแทนเนอะ” รอยยิ้มสดใสสวนทางกับพ่อ อาเนชนอนแผ่ปากเรียกหาภรรยาคนเก่ง

   “รสาช่วยผมเอาซาตานน้อยนี่ออกไปที” วินหัวเราะชอบใจ คุณแม่เดินเข้ามาพร้อมผลไม้สดเย็นฉ่ำ

   “โดนลูกแกล้งยังไม่รู้ตัวอีก วินมากินแตงโมกับแม่ดีกว่า”

   “คร้าบ~” เด็กผมทองกลิ้งไปนั่งกินแตงโมกับแม่ แล้วพ่อลูกก็แข่งกันพ่นเมล็ดแตงโม ก่อนจะถูกรสาดุทั้งคู่ จ๋อยไปตามระเบียบ ได้แค่หนึ่งนาทีกลับมาเป็นแบบเดิม


   อีกด้าน ชินตามพ่อกลับมาที่บริษัท สองพ่อลูกนั่งเงียบอยู่ในห้องทำงาน กระทั่งพ่อถามหลังสังเกตอาการลูกมาได้สักพัก

   “เพื่อนใหม่เป็นไงบ้างชิน”

   ดวงตาสีดำมองไปทางโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ที่บ้านเขาแม่เปลี่ยนบ้านเป็นที่นัดพบเหล่าคุณหญิง ชินเลยขอตามพ่อมาทำงานเพราะไม่อยากโดนสารพัดมือลูบหัวหยิกแก้ม

   “ก็ดีครับ” คำตอบสั้นๆ คุณพ่อเท้าคาง เขาอยากให้ลูกชายสดใสร่าเริงเหมือนอย่างลูกของเพื่อนที่มาเช็คระบบให้วันนี้ แต่ดูท่านิสัยแบบเดียวกับเขาจะเป็นอุปสรรค นิ่งเฉย ไร้อารมณ์เหมือนเขาสมัยเด็กมากจนน่าขำ

   “อยากเล่นกันอีกมั้ยล่ะ เดี๋ยวพ่อคุยกับอาเนชให้”

   ลูกชายเขาคงไม่รู้ตัว ว่าตอนนี้ดวงตาสีดำทอประกายขนาดไหน ติดใจเพื่อนคนนี้แล้วสินะ เจ้าตัวยังสงวนท่าทีแค่พยักหน้ารับ ก่อนพูดอุบอิบดูลังเลผิดวิสัย คุณพ่อเลิกคิ้วมองรอฟังอย่างสนใจ

   “พ่อผมขอชิงช้า”

   ธรรมดากว่าที่คิด คุณพ่อคิดในใจ

   “เอาสิ อยากได้แบบไหน”

   “ชิงช้าผูกต้นไม้ครับ” คราวนี้ทรมองลูกชายตาปริบๆ แล้วหัวเราะฮา ในที่สุดลูกชายก็เริ่มทำตามวัยสักที ปกติไม่ค่อยขออะไร

   “ได้เลย เดี๋ยวพ่อให้คนสวนผูก... ทำไม หรือลูกอยากได้อะไรอีก” เห็นหน้าลูกชายไม่โอเคเลยถาม คิดว่าตัวเองเผลอพูดอะไรผิดไป

   “ผมอยากให้พ่อผูกเหมือนพ่อของวิน” เสียงนิ่ง แต่ใบหน้าขึ้นสี ทรคงต้องโทรหาอาเนชไวกว่าที่คิด เขาต้องเรียนวิธีผูกชิงช้าฉบับเร่งด่วน!

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 11-10-2015 18:20:44
จิ้มจึกๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 11-10-2015 18:56:37
โตมานี้สลับกันชัดๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 11-10-2015 19:13:53
ระหว่างโตต้องมีเหตุการณ์สลับร่างกันแน่ๆ
มันถึงเปลี่ยนบุคลิกกันเลยอ่ะ

ทีมซาตานเสมอค่าา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 11-10-2015 20:02:44
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 11-10-2015 20:04:01
เป็นตอนจบที่แบบ เฮ้ย อ้าว จบแล้วหรอ 55555
แต่ตอนพิเศษนี่มันดีจริงๆ :katai1:
รออ่านซาตานวัยเด็กอยู่จ้ะ ชินนี่ตอนโตหัวไปกระแทกไรเข้าป่าว...  นิสัยไม่เหมือนตอนเด็กๆเลย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 11-10-2015 20:14:03
นิสัยตอนโตกับตอนเด็กนี่สลับกันรึเปล่าอ่ะ
หรือว่าต้องมีเหตุการณ์อะไรแนๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 11-10-2015 23:10:27
นิสัยชินวินตอนเด็กนี่ผิดคาดมากจริงๆ
รอพาร์ท 2 ค่ะ~
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 11-10-2015 23:27:43
วินนี่ร้ายกาจแต่เด็กๆ ชินตอนเด็กๆดูเย็นชานะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-10-2015 02:33:11
แสบจิงๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 13-10-2015 00:38:28
สองคนนี้ตอนเด็กๆ น่ารักมากค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 14-10-2015 17:14:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 14-10-2015 19:43:24
พี่วินน้อยน่ารัก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 16-10-2015 15:09:41
 :impress2: สองหน่อผู้พี่ตอนละอ่อนน่าร้ากกกก ทำไมโตมาสลับขั้วกันอย่างเน้....
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-10-2015 00:52:15
สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 20-10-2015 15:19:09
 o13..... ต้องบอกก่อนเลยว่า...เล่นเกมไม่เป็น!! ตอนแรกนึกว่าจะต้องอ่านไม่รู้เรื่องแหงๆๆ  (ดูจากชื่อเรื่อง) แต่พอลองเข้ามาอ่านดู..โอ้ สุดยอดดดดดดด  ใช้ภาษาง่ายๆ อ่านง่าย คนที่ไม่เล่นเกมส์ก็อ่านได้เหมือนแนวๆ แฟนตาซีๆ สนุกมากกกกกกกก  ^^
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 21-10-2015 17:02:38
นิสัยคู่วินกับชินทำไมตอนเด็กกับโตมันสลับกันขนาดนี้ 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 25-10-2015 12:06:09
เรื่องแหล่มมากกกกกก


ชอบๆๆ เป็นคอเกมส์เหมือนกัน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ กำเนิดซาตานวิน Part1 11/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 25-10-2015 19:30:51
 o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 27-10-2015 00:47:28
Lv.พิเศษ มารยา

   ผมกำลังอยู่ในวงล้อมของมอนสเตอร์ ด้านหลังคือหมาป่าตัวเขืองไล่งับลิงยักษ์ ไม่ไกลนักมีกระต่ายกับพ่อมดช่วยกันกำจัดมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาเรื่อยๆ ผมกางปีกบินยกขาฟาดดังปึก ได้ยินเสียงอุกอยู่ข้างหู บ้าเอ๊ย! เจ้าลิงเวรมันเลียนเสียงหมาป่าของผม

   ไม่ทันจะถีบอีกรอบ เจ้าลิงหน้าขนตวัดแขนกอดรัดขาผมแน่น ผมทั้งยื้อทั้งยันไม่ขยับสักนิด ที่สำคัญตัวมันร้อนมาก จู่ๆ ลิงตัวเล็กพุ่งเข้ามาเกาะหน้าผมจนหายใจไม่ออก

   “ย๊ากกก สู้ตายเว้ย!”

   ผมตะโกนเสียงดังลั่น ร่างกายสะดุ้งโหยงอย่างกับถูกดึงออกจากโลกเกม เวลาผ่านไปสักพักถึงค่อยรู้สึกตัว ที่แท้ฝันนี่เอง แล้วไอเจ้าสิ่งที่เกาะหน้านี่คือ...

   “เหมี้ยว~”

   เสียงหวานคลอเสียงกระดิ่งยามขยับตัว ยกมือลูบคลำเจอขนนุ่มหูสามเหลี่ยม มีพวงหางยาวตบอกผมปุๆ แบบไม่สบอารมณ์

   “เฮ้อ นายท่านเองเหรอ อย่ามาเกาะหน้าแบบนี้ดิ ฉันยังไม่อยากเป็นข่าวทาสถูกนายท่านฆ่าตายนะ”

   ผมงึมงำกับตัวเอง ใช้มือดันนายท่านออกจากหน้า ก้มมองลิงในฝันที่กอดขาตัวเองแน่น อ่า...ลิงตัวนี้หน้าตาคุ้นจัง เรือนผมสีน้ำเงินเข้มเปลือยท่อนบน วงแขนแกร่งกอดขาผม ด้วยความที่สีผิวต่างอย่างกับทางม้าลาย ไม่ดิ มันไม่ใช่ประเด็น ผมแงะแขนกลออกจากขา จับเขาพลิกนอนดีๆ แล้วยกมืออังหน้าผาก

   ร้อนจี๋! หมาผมป่วย ต้องพาไปหาสัตวแพทย์มั้ยเนี่ย

   เหมือนเจ้าตัวจะรับรู้ถึงเจตนาไม่ดี ร่างสูงขยับตัว ให้ตายรู้สึกหน้าร้อน ร้อยวันพันปีผมจะได้เห็นกลตอนงัวเงียหรือตอนนอนสักที ปกติเจ้าตัวตื่นไวมาก ยิ่งนับรวมกับใบหน้าขึ้นสี เปลือยท่อนบน ผ้าห่มขาวปิดเอวไม่เห็นกางเกงนอนชวนคิดลึก แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาเห็นลอนกล้าม โอเค ปาหัวใจใส่แม่ง

   ผมลูบหน้าพรืดดึงสติเข้าร่างถึงค่อยสังเกตเห็นรอยช้ำบนพุงหมา ชัดเลยว่าในฝันผมถีบโดนอะไรกันแน่ มิน่ากอดขาผมแน่น โธ่ๆ หมาน้อยของผมช่างน่าสงสาร ผมเอาผ้าชุบน้ำมาเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้กล ใช้ผืนเล็กบิดหมาดแปะไว้บนหน้าผาก ปรอทวัดไข้โชว์เลข 38.2 ไข้สูงเอาเรื่องแฮะ

   “กลไปโรงพยาบาลมั้ย”

   “แค่ไข้นอนพักเดี๋ยวก็หาย” หมาน้อยตาปรือมองหน้าผม ขยับเอาแขนมากอดเอวซุกหน้า

   “ถ้าไข้ไม่ลดฉันจะพาไปหาหมอ ปล่อยก่อนจะได้ไปต้มข้าวให้กินแล้วทานยา”

   “ขออีกแปบ” เอาล่ะครับท่านผู้ชม หมาอ้อน

   “ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้เทข้าวให้เจ้าสองตัวนั้นเลยด้วย”

   “กินช้าไปหน่อยไม่ตายหรอก ทุกวันนี้ชักจะอ้วนกลมกันเกินไปแล้ว”

   “ว่าแต่แมว ตัวเองก็เป็น” ผมพูดขำๆ ดึงแก้มกล หมาป่าหันหน้าหนี คิ้วเค้มขมวดมุ่น ได้ยินเสียงพึมพำว่าว่างๆ ต้องหาเวลาเข้ายิม

   ผมแงะกลออกจากเอว พยายามไม่สนใจหมาป่าที่มองตามตาละห้อย เขาว่าคนป่วยมักต้องการคนดูแล และช่างอ้อน กลเองก็ไม่มีข้อยกเว้นสินะ จะผิดมั้ยถ้าผมจะบอกว่ากลตอนป่วยน่ารักชะมัด

   หลังกลทานข้าวทานยาเสร็จ ผมค่อยเวลามีจัดการตัวเองมาดูเจ้าสองแมวปล่อยกลนอนในห้อง แต่เปิดประตูทิ้งไว้เพื่อความปลอดภัย เกิดอะไรขึ้นมาผมจะได้เห็นวิ่งเข้าไปช่วยได้ทัน ระหว่างนั้นนั่งเช็ดผมไล่รายชื่อในหัวที่ต้องโทรบอก

   ตารางวันนี้ของกลต้องไปทำงานกลุ่มกับพวกเพื่อนที่มหาลัยตอนช่วงเช้า พอบ่ายต้องไปทำงานกับพี่วิน อ่า คืนนี้เล่นเกมไม่ได้ด้วยสินะ ผมต้องโทรบอกไวไว

   “วัต”

   เสียงแหบน่าสงสารเรียกจากในห้อง ผมเดินเข้าไปนั่งข้างตัวชุบน้ำผ้าวางบนหน้าผากให้ใหม่ กลขยับมานอนหนุนตักแล้วหลับต่อ มือถึงผ้าห่มคลุมดีๆ เปลี่ยนจากเปิดแอร์เป็นพัดลมพอให้อากาศถ่ายเท เบอร์แรกที่โทรคือแก๊งเด็กปีหนึ่ง

   “พี่วัต! ถึงเวลาแล้วกลยังไม่มาตามนัด แสดงว่ามันต้องโกหกพี่ว่ามาทำงานกลุ่มแล้วนอกใจพี่ไปหาคนอื่น”

   ผมไม่ทันอ้าปากพูดมันฟ้องมาเป็นชุด อือหือ ถ้ากลจะนอกใจ คงนอกใจผมหาขาผมนี่แหละ ซบนอนแก้มถูดูฟินซะเหลือเกิน

   “ให้มันน้อยๆ หน่อยเจ้าหนึ่ง กลเป็นไข้วันนี้ไปทำงานกลุ่มไม่ได้ ฉันโทรมาบอกก่อนจะได้ไม่ต้องรอ”

   “ชิ ถึงว่าทำไมมาสายผิดปกติ พี่อย่าเอาที่ผมฟ้องตะกี้ไปบอกกลนะ แหะๆ”

   มันเพิ่งสำนึกขึ้นได้สินะ ว่าตัวเองกำลังท้าทายอำนาจชั่วร้าย

   “เสียใจด้วย เจ้าตัวได้ยินหมดแล้ว”

   มันแหกปากเสียงดังทะลุโทรศัพท์ขนาดนั้น กลจะได้ยินก็ไม่แปลก เห็นกลเงยหน้ามองเหมือนอยากคุย เลยยื่นโทรศัพท์ไปจ่อหูให้

   “ตาย”

   คำเดียวสั้นง่ายได้ใจความ ยิ่งเสียงแหบแห้งเพราะพิษไข้ ความสยดสยองคูณสิบยกกำลังสาม พอผมยกหูกลับมาว่าจะคุยต่อ ปลายสายกลับตัดไปแล้ว พี่ขอสวดภาวนาให้แล้วกันนะน้อง

   รายชื่อต่อไป พี่วินสินะ กดไปไม่ทันจะดังตืด ปลายสายรับแถมเปิดกล้องคุย แสดงว่ากำลังว่าง

   “หวัดดีพี่ กาแฟหมดไปกี่แก้ว”

   “แก้วเดียว โทรมามีอะไรรึเปล่า เงินหมด? จะกลับบ้าน? เลิกกับไอ้ลูกหมา? ถ้าอันหลังนี่พี่แถมเงินให้เลย”

   “ฝัน”

   หมาน่อยเอ๊ย ป่วยไม่เจียม พี่วินถลึงตาจ้องหัวที่หนุนอยู่บนตักผม บอกเลยว่าพี่ชายมองแรงมาก

   “ตายรึยัง” ช่างเป็นคำทักทายแสนรื่นหู

   “ยังอยู่ตราบเท่าที่อาจารย์รักวัต”

   กลตอบพลางกระชับแขนกอดเอวผมมากขึ้น ดวงตามองพี่ชายอย่างท้าทาย ถ้าพี่วินพุ่งเข้ามาได้ คงจะถลามาถีบกลร่วงชัวร์ ผมตัดบทก่อนทั้งคู่จะกระชากมิตรกันมากไปกว่านี้

   “พี่วินกลเป็นไข้ลาวันหนึ่งนะครับ”

   ชายผมทองพยักหน้าเนิบๆ จากที่เขาเห็นก็พอเดาออกแหละว่าเจ้าหนูมันป่วย แต่หมั่นไส้ ได้ทีอ้อนน้องชายฉันใหญ่เลยนะไอ้เด็กแสบ

   “แค่ไข้ ทำท่าอย่างกับใกล้ตาย”

   “โหพี่วิน กลไข้ตั้ง38องศาเชียวนะ” หมาน้อยของผมออกจะน่าสงสาร กลงึมงำบอกเสียงค่อย

   “ปวดหัว”

   “ไอ้เด็กตอแหล!/เรียกร้องความสนใจ!” สองเสียงดังขึ้นพร้อมเพรียง ไม่รู้พี่ชินเข้ามาร่วมวงด้วยตอนไหน ดวงตาสองคู่จ้องเขม็งใส่หมาป่า คนโดนจ้องไม่สนใจ ยังคงคลอเคลียผมไม่เลิก เอาเข้าไป

   “ไสหัวไปนอน เลิกกวนน้องฉันได้แล้ว วัต พี่ให้กลหยุดจนกว่าจะหายและอย่าไปหลงมารยามัน”

   “คร้าบๆ” ผมรับคำไม่จริงจัง พี่ชายตัดสาย คงกลับไปทำงานกันต่อ กลยังคงประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง

   “ฉันปวดหัวจริงๆ นะ”

   “จ้าๆ หน้าที่ของคนป่วยคือนอนเยอะๆ จะได้หายไวๆ เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้อีกรอบแล้วนอนพัก”

   หางตาเห็นหางหมาป่าส่ายรัวๆ ผมถอดเสื้อกล ใจตัวให้ความร่วมมืออย่างดี แต่บางทีก็ดีเกินไป

   “ถอดกางเกงทำไม!” กลหันมาทำหน้าหมางงใส่

   “ไม่ถอดนายจะเช็ดตัวฉันยังไง” เออ มันก็จริง รอบเช้าผมยังจับปล้ำถอดเองเลยนี่หว่า ผมปล่อยกลถอดไป ตัวเองไปเปลี่ยนน้ำในกะละมังใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เพื่อลดไข้ ระหว่างเช็ดแถวท้อง คางแหลมมาเกยบนหัว ลมหายใจร้อนระอุเป่ารด ความใจอ่อนพุ่งทะลุปรอทแล้วร่วงวาบไปอยู่ก้นหลอด

   “เฮ้ย ฉันไม่ได้ป่วย ไม่ต้องเช็ดตัว”

   ผมหยิกมือร้อนที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ หมาป่ายอมละออกไปแต่โดยดี

   “รู้ อยากสัมผัสตัวนายเย็นดี ไม่ทำอะไรหรอก ฉันยังไม่อยากให้นายติดไข้ ไว้หายจะขยันทำการบ้านนะ”

   ประโยคยาวประโยคแรกของวันช่างน่ารักน่าชังเสียจนอยากเสย ผมผลักกลให้นอนแล้วเช็ดตัวรวดเดียวเสร็จ โยนเสื้อตัวใหม่ให้แทนตัวเก่าที่ชุ่มเหงื่อ กลใส่เสื้อพลางหัวเราะ ผมแปะผ้าชุบน้ำใส่หน้าผากดันให้อีกฝ่ายนอนลงไปซะดีๆ

   จัดการกับเด็กโข่งมันเหนื่อยจริง ผมโทรบอกไวไวว่าวันนี้ไม่เข้าเกมเพราะกลป่วย กระต่ายอือออขอให้หายไวๆ ผมทราบซึ้งน้ำตาแทบไหล ที่คุยมาเพื่อนผมดูจะปกติสุดแล้ว

   วันนั้นทั้งวัน ผมเดินเข้าเดินออกระหว่างห้องน้ำกับห้องนอน คอยเปลี่ยนน้ำในกาละมัง เฝ้าไข้เช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนยา นายท่านกับขุนพล ผมไม่ให้เข้าห้องนอน กลัวจะติดไข้กล ไม่รู้ว่าแมวมันติดคนได้มั้ย แต่เผื่อไว้ก่อน

   ผมนอนฟุบอยู่ข้างเตียงดูกลหลับเพลินๆ กลายป็นตัวเองหลับไปทั้งสภาพนั้น มาสะดุ้งตื่นเอาตอนโดนงับจมูก พอลืมตาเห็นดวงตาสีน้ำเงินกำลังจ้องมองอยู่ รู้ระ ฝีปากใคร

   “สะกิดปลุกธรรมดาก็ได้มั้ง” ผมบ่นอุบอิบ เอาผ้าบนหน้าผากกลออกแล้วลองแตะดู อืมๆ ดีขึ้นกว่าตอนเช้าเยอะ นอนเต็มอิ่มสักคืนเดียวก็หาย

   “ปลุกธรรมดามันไม่ได้กำไร”

   “เอาที่สบายใจเลยพ่อ เย็นนี้กินไรดี”

   “อะไรก็ได้ ขอแค่วัตทำ อร่อยทั้งนั้นแหละ” ทุกคนรู้สึกหวานเลี่ยนรึเปล่าครับ ผมแนะนำเกลือในห้องครัว

   เช้าวันต่อมา หมาป่าฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หายเป็นปลิดทิ้งแลกกับแรงกายของผมที่คอยเฝ้าดูแลตลอดไม่ห่าง เรามีเรียนทั้งคู่ กลมีเรียนบ่าย ส่วนผมมีเรียนทั้งวัน ถึงอย่างงั้นก็ยังแต่งตัวมาส่ง อ้างว่าช่วงเช้าเดี๋ยวไปทำงานกลุ่มในส่วนของตัวเอง แล้วกระทำการร้ายกาจ โทรลากไม้กับหนึ่งลงจากเตียงมาทำงานด้วยกัน

   คาบแรกสมองยังคงปรอดโปร่ง หลังมื้อเที่ยงเข้าคาบสองผมว่าตัวเองชักยังไงๆ มึนหัวนิดๆ วิงเวียนอีกหน่อย ร้อนหนาวอีกเล็กน้อย อ่า...ตูติดไข้หมา มัวห่วงแมวลืมห่วงตัวเอง

   “ไหวมะเพื่อน”

   ไวไวถามด้วยความเป็นห่วง แต่มือมันตบป้าบเข้าที่หลัง ความมึนทวีคูณ

   “ไม่ไหว และจะตายอีกไม่ช้าถ้ามึงไม่เลิกตบหลังกูเพื่อนไวไว”

   กระต่ายเถื่อนชะงักมือ เปลี่ยนมาแตะหน้าผากผมแทน

   “ไข้กินนี่หว่า ติดกลอะดิ พวกมึงนี่น้า วันหลังหักห้ามใจบ้าง แยกแยะหน่อยเวลาไหนควรไม่ควร แบบนี้ได้ติดสลับกันไปมาพอดี” คิ้วกระตุกกึกๆ ใช้มือตบหัวกระต่าย

   “คิดไปถึงไหน ไม่ใช่มึงกับลินนะ” กลายเป็นกระต่ายหน้าแดง ยังจะมาค้อนใส่ผมเอง ช่วยเช็คสารร่างตัวเองหน่อยเพื่อน ตัวสูงกว่า หนากว่า ถึกกว่า ยังจะมาทำตัวมุ้งมิ้ง ผมพูดเล่นน่ะ มันไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก ไวไวยังคงความแมนเต็มขั้น เพียงแค่ลินแมนเกินไปเท่านั้นเอง

   “สภาพงี้กลับก่อนมะ”

   “ไม่อะ ต้องส่งงานให้จารย์หลังเลิกคาบอีก ขอยืมหลังมึงแอบฟุบสักหน่อยก็พอ” โชคดีวิชานี้คนเรียนเยอะ ผมกับไวไวนั่งเกือบหลังสุดเพราะเข้าช้า เป็นจุดที่อาจารย์ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ ไวไวพยักหน้ารับยอมนั่งบังให้ผมแต่โดยดี ผมหลับได้งีบหนึ่ง ได้ยินเสียงคนคุยกันข้ามหัวไปมา

   “วัตเป็นอะไร”

   “ไข้ขึ้น พากลับบ้านไป เดี๋ยวฉันไปส่งงานให้เอง”

   “ขอบใจ วัตกลับบ้านกัน”

   แรงเขย่าให้ผมผงกหัวขึ้นดู หันไปมองรอบห้องเหลือคนไม่กี่คน กลพยุงผมขึ้นอีกมือรับกระเป๋าผมจากไวไว

   “เดินไหวมั้ย” เสียงทุ้มดังข้างหู ผมทรงตัวยืนเอง พอจะคว้ากระเป๋า กลกลับยกหนี โอเค อยากถือ ถือไปครับคุณแฟน

   “ไหว ฉันแค่เป็นไข้ไม่ได้ขาหัก”

   “กลับดีๆ นะพวกนาย” ไวไวโบกมือลา ผมกับกลลงมาชั้นล่าง ถึงจะมึนๆ แต่เดินเหินสบายมาก โลกไม่หมุนแสดงว่าไข้ไม่สูงเท่าไหร่ แต่เจ้าหมาป่าข้างตัวไม่คิดแบบนั้น ใบหน้าหล่อเหล่าก้มลงมาใช้หน้าผากแนบวัดไข้ คุณมึงครับ เกรงใจชาวโลกที่อยู่ในลิฟท์ด้วย ผู้ชายแทบแทรกซึมไปกับเนื้อลิฟท์ ส่วนผู้หญิง ใบหน้าพวกคุณฟินไปไหม คนป่วย ไม่ใช่พระเอกนางเอกซีรี่เกาหลีมาพลอดรัก

   “ตัวรุมๆ รู้สึกตะงิดตั้งแต่เช้า รู้งี้ไม่น่าปล่อยให้มาเรียน”

   “กรี๊ด เค้าอยู่ด้วยกันอะแก” บอกที นี่คือพยายามหรี่เสียงแล้ว พอออกจากลิฟท์มีเหตุให้ผมไม่ถึงรถโดยง่าย รุ่นน้องรุ่นพี่ที่รู้จักพอเห็นหน้าผมเขามาทักกันใหญ่

   “พี่วัตไม่สบายเหรอ! กลับบ้านกินยานอนนะพี่” ขอบคุณครับรุ่นน้องผู้น่ารัก

   “อ้าวเฮ้ยไอ้วัต แฟนเด็กหักโหมจนป่วยเหรอ จุ๊ๆ เด็กสมัยนี้แรงดีจริงๆ” ผมจะจดบัญชีหนังหมาไว้ หายเมื่อไหร่เตรียมชำระความกันได้เลยไอ้โต้ง

   “ตายแล้ว วัตของเจ๊ป่วย กลดูแลแฟนยังไง ทำไมถึงปล่อยให้ไม่สบายงี้ล่ะ” พี่แมว รุ่นพี่ปีสี่เป็นพี่รหัสไวไวเลยสนิทกัน ส่วนกลมันดังจะตาย คนเขารู้จักก็ไม่แปลก

   “เมื่อคืนหนักไปหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ”

   อยากยกเท้าลูบหน้า ณ จุดๆ นี้ พี่แมวหัวเราะซะหมดสวย ผู้หย่อนระเบิดอย่างกลหาได้นำพาไม่ เอาวะ ทนอีกนิดจะถึงรถแล้ววัต

   “กล พี่วัต! คืนนี้ลงดันกัน อ้าวพี่วัตแค่กลโอบบ่าถึงกับหน้าแดงเลยเหรอ ก็ว่าทำไมใต้อาคารถึงเอะอะกันจริง คู่รักเซเลปหวานออกสื่อ”

   จะตัดสายรหัสกับดาลี่มันวันนี้แหละ!

   “กูป่วยโว้ย! ได้ยินมั้ย กูป่วยยยยยยย”

   ผมแหกปากระบายความอัดอั้น ดาลี่หน้าเหวอ กลยังมองตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะเข้ามากอดผมพาขึ้นรถ

   “งะ งั้น บายๆ พี่ ไว้ลงดันวันหลัง” ดาลี่จากไปแบบมึนๆ กว่ามันจะรู้ว่าโดนผมระเบิดอารมณ์ใส่ก็หลังจากนั้นหนึ่งวัน

   กลพาผมกลับบ้าน สลับหน้าที่กันกับเมื่อวาน ต่างกันแค่กลไม่เสี่ยงทำข้าวต้ม แต่ออกไปซื้อมาให้แทน พอถึงเวลานอนเจ้าตัวขึ้นมานอนด้วย ผมเข็ดจากตัวเอง คิดว่าจะไม่ติด มาวันนี้พะงาบๆ ด้วยพิษไข้

   “กลไปนอนห้องพี่วิน เดี๋ยวติดไข้กันอีก นายเพิ่งหาย”

   หมาป่าส่ายหัว ห่มผ้าให้ผม ตัวเองนอนตะแคงข้างมอง

   “ฉันอยากนอนเฝ้าไข้นาย กินยาดักแล้วไม่ต้องเป็นห่วง นอนเถอะ” ริมฝีปากได้รูปมาจูบบนหน้าผากคนป่วย ดูท่า ถ้าผมไม่หลับกลจะไม่ยอมนอน ผมเลยไม่ฝืนตัวเอง ช่วงที่กำลังเคลิ้มๆ ได้ยินเสียงพึมพำจากคนข้างตัว

   “นายตอนป่วยโคตรน่ากิน” ผมหัวเราะกับความจริงที่เปิดเผย ตอบทั้งที่ยังหลับตา

   “ขอบคุณที่อดทน” ท้ายประโยคเสียงเริ่มค่อยจนเงียบไปกลายเป็นเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ กลมองอีกฝ่ายในความมืด จับมือมาแนบจูบแผ่วเบา

   “ใครจะยอมให้คนรักทรมานกัน หายไวๆ นะวัต”

   วันถัดมา ไข้ผมลดจนเกือบหาย กลไม่มีทีท่าจะป่วยอีกรอบ แต่พวกเราตัดสินใจว่าจะหยุดวันหนึ่ง เอาแบบให้ชัวร์ถึงกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 27-10-2015 01:39:55
เขาดูแลกันน่ารักมากอะ ฟินนน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 27-10-2015 02:29:21
ง่า อยากอ่านพี่วินต่อแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 27-10-2015 11:18:45
กลน่าร้ากสวดสวดดดดด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 27-10-2015 20:30:37
หยุดจริงๆนะคะลูกกกก ไม่ใช่หาเรื่องออกกำลังกายแล้วต้องหยุดกันอีกวัน :laugh:
รอตอนพิเศษพี่วินต่อน้าาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 27-10-2015 20:34:56
เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆๆ
ลุ้นด้วย น่ารัก ชอบๆ อะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 27-10-2015 23:35:47
น่ารักอ่ะ......มาต่อบ่อยๆนะ....  :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-10-2015 23:43:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 28-10-2015 08:34:30
 :katai2-1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-10-2015 15:58:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 28-10-2015 22:55:12
 :mew4: เข้าใจฟีลสาวๆ ในลิฟต์เลย
"กรี๊ดดดดดดดดดดดด....เขาอยู่ด้วยกันแหละแก....." :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 29-10-2015 02:59:57
ก็กินเลยสิจ๊ะ...
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ มารยา กล-วัต 27/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 29-10-2015 19:00:13
กลมันตอแหลอย่างที่วินบอกรึเปล่านะ แต่เป็นมารยาที่น่ารักโพดดดด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน(2) 4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-11-2015 19:00:27
Part2 น้องชาย

   นับจากวันแรกที่เด็กทั้งสองได้เจอกัน ทุกครั้งที่อาเนซไปเช็คระบบให้บริษัทของผณินทร วินเป็นต้องตามไปด้วยตลอดเพื่อเล่นกับชิน ส่วนชินเองหลังจากพ่อเรียนวิชาผูกชิงช้าให้ที่บ้าน ขยันแวะเวียนไปเที่ยวบ้านวินบ่อยๆ นับวันเด็กทั้งคู่ยิ่งสนิทกันมากขึ้น แต่น่าเสียดาย ดันอยู่คนละโรงเรียนซะนี่

   ระหว่างรอวินมา ชินอยู่ในห้องทำงานพ่อ เด็กน้อยดูมีชีวิตชีวาขึ้น น่ารักสมวัยวิ่งไปเกาะขอบโต๊ะทำงาน พยายามเขย่งตัวเล็กๆ ให้เห็นพ่อที่กำลังตรวจเอกสารกองโต

   “พ่อครับ”

   “ว่าไงครับ” ทรตอบพลางกวาดตาอ่านเอกสารคร่าวๆ

   “ผมอยากเรียนที่เดียวกับวินฮะ”

   ทรถึงกับละสายตาจากเอกสารมองภาพลูกชายเกาะขอบโต๊ะ น่ารักซะจนใจอ่อนยวบ เผลอพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว ชินยิ้มกว้างขอบคุณพ่อเป็นการใหญ่ พอดีกับมีคนมาแจ้งว่าอาเนซมาถึงแล้ว ชินจึงวิ่งแจ้นลงไปหาเพื่อนชั้นล่าง พ่อทรค่อยได้สติ ตายล่ะ ลูกชายอยู่อนุบาลสอง จวนจะขึ้นอนุบาลสามอยู่รอมร่อ ย้ายกระทันหันคงไม่ดี ดันไปให้ความหวังลูกแล้วซะนี่

   ก่อนอื่นต้องโทรไปคุยกับคุณหญิงที่บ้าน ให้คุณหญิงช่วยจัดการทุกอย่างให้ ระดับอย่างคุณหญิงแล้วทรมั่นใจว่าลูกชายได้ย้ายโรงเรียนสมใจอยาก

   ชินลงมารอชั้นล่างไม่เห็นวี่แววของวิน เด็กน้อยเดินไปเรียกอาเนซจากทางด้านหลัง เจ้าตัวกำลังติดต่อเคาน์เตอร์ด้านล่าง

   “พ่อเนซ วินอยู่ไหนเหรอครับ”

   ได้ยินเสียงเด็กเรียก อาเนซย่อตัวลงชันเข่าลูบหัวเพื่อนลูกชาย

   “วันนี้วินไม่มาครับ อยู่ที่บ้าน” เด็กชายชินกฤตคอตกพอรู้ว่าเพื่อนไม่มา อาเนซส่ายหัวอุ้มขึ้นมองด้วยความเอ็นดู ทุกวันนี้บ้านพจนินท์เห็นชินเป็นลูกชายอีกคนไปแล้ว

   “เอางี้มั้ย เดี๋ยวพ่อเนซขอพ่อทรให้ ชินจะได้ไปเล่นกับวินที่บ้านไง ไว้ตอนเย็นๆ ค่อยให้คนรถไปรับกลับ”

   ด้วยความที่เลี้ยงลูกชายตัวแสบมากับมือ เตะมากับเท้า อาเนซเลยสำเร็จวิชาการเลี้ยงเด็ก เพราะคงไม่มีเด็กคนไหนเลี้ยงยากเท่าลูกชายตัวเอง

   ชินพยักหน้ารับดีใจ หลังทำงานเสร็จอาเนซเลยขอตัวชินไปเล่นที่บ้าน ทรไม่คิดปฏิเสธ ดีซะอีกลูกชายจะได้ไม่ต้องนั่งเบื่อในบริษัท

   อาเนซพาชินมาที่บ้านเห็นวินกับรสานั่งเล่นกันอยู่ในบ้าน ชินวิ่งเข้าไปเป็นคนแรก รสายิ้มให้เด็กน้อย ส่วนวินตาโตรีบลากเพื่อนมานั่งด้วยกัน ทิ้งพ่อยืนอย่างโดดเดี่ยว

   “ชินๆ ฉันมีอะไรจะอวด”

   เด็กชายหัวทองยิ้มเห็นฟันครบทุกซี่ ดูอารมณ์ดีสุดๆ ชินเอียงคอมองด้วยความสงสัย คิดไปว่าน่าจะเป็นของเล่นใหม่ที่ประดิษฐ์ขึ้นเองเหมือนอย่างทุกที แต่ชินคิดผิด วินจับมือเพื่อนไปแตะแถวท้องของแม่ตัวเอง

   “ฉันกำลังจะมีน้อง! เมื่อวานพ่อพาแม่หาคุณหมอมา คุณหมอบอกว่าในท้องแม่มีเด็กอยู่”

   วินพูดเหมือนผู้รู้เต็มที่ ทั้งที่ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมท้องแม่ถึงมีน้องได้ ขนาดชินเองยังสงสัย พยายามเพ่งมอง จินตนาการไปต่างนานา เด็กก็ต้องเหมือนพวกตน เข้าไปอยู่ในท้องได้ยังไงนะ

   รสาเห็นหน้าเด็กน้อยงงพลางหัวเราะเสียงใสช่วยอธิบายเสียงนุ่ม ส่วนอาเนซมาหอมแก้มภรรยาแล้วหายไปทำงานบ้านที่ต้องใช้แรงแทนภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์

   “ตอนนี้น้องยังตัวเล็กมากๆ เลยอยู่ในท้องได้ พอน้องโตขึ้นก็จะออกมาข้างนอกเหมือนวินกับชิน”

   “น้องจะออกมายังไงครับ”

   วินถามด้วยความตื่นเต้น ชินเองตาโตตั้งใจฟังเหมือนกัน

   “แม่มีเวทมนต์ไงจ๊ะ พอถึงเวลาแม่จะเสกน้องออกมา ตอนนั้นวินกับชินต้องช่วยแม่เลี้ยงน้องนะ”

   เด็กชายทั้งสองตาส่องประกายระยิบระยับ

   “แม่เก่งจังเลยมีเวทมนต์ด้วย แม่ชินมีเวทมนต์มั้ย” เด็กหัวทองหันไปถามเด็กหัวดำ ชินขมวดคิ้วเล็กพยายามครุ่นคิดเต็มที่ โคลงหัวไปมาจนดูน่าขัน รสาคว้าเด็กน้อยทั้งสองมากอดรวบ เธอรักเด็ก และรักสามีมาก ต้องขอบคุณอาเนซที่ทำให้เธอมีลูก มีครอบครัวเป็นของตัวเอง แถมยังมีเพื่อนลูกชายมาเพิ่มให้บ้านคึกคักมากขึ้น ใบหน้าสวยหวานจึงอิ่มเอมไปด้วยความสุข

   “มีสิจ๊ะ แม่ทุกคนมีเวทมนต์ ไม่งั้นชินจะเกิดมาได้ยังไง จริงมั้ย?”

   วินแสร้งทุบมือปุเลียนแบบพ่อเวลานึกอะไรออก ชินเห็นเลยทำตามมั้ง งานนี้บ้านพจนนินท์มีแต่เสียงหัวเราะ ให้เพื่อนบ้าน คนผ่านไปผ่านมายิ้มตามไปด้วย

   “ชินอยากมีน้องเหมือนกัน แต่พ่อกับแม่คงไม่ยอม”

   ชินกฤตเข้าใจว่าพ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาว่างทั้งคู่ แถมยังพูดอยู่เสมอว่ามีลูกชินเพียงคนเดียวก็พอแล้ว เด็กน้อยก้มหน้าท่าทางเสียดาย วินเห็นอาการเพื่อนหันไปมองแม่ตัวเองเหมือนต้องการผู้ช่วย คุณแม่เลยหันไปทางคุณพ่ออีกทอด อาเนซถือแก้วน้ำผลไม้กับขนมมาให้ภรรยากับเด็กทั้งสอง กระซิบบอกภรรยาเบาๆ ไม่ให้เด็กได้ยิน

   “พวกเขามีลูกยาก แค่มีชินก็ดีใจจะแย่แล้ว”

   รสาพยักหน้ารับคำสามี ก่อนหันมายิ้มให้เด็กสองคนที่นั่งมองตาแป๋ว

   “เอ... ทำยังไงดีน้า ลูกวิน ถ้าแม่บอกว่าให้แบ่งน้องกับชินได้รึเปล่า”

   “ได้สิ! พ่อบอกว่าถ้าผมอยากเป็นเด็กดีต้องมีน้ำใจแบ่งปันคนอื่น งั้นเรามาแบ่งน้องกันนะชิน” จากคำพูดวิน ชินตื่นเต้นตาโตมองเพื่อน

   “ขอบคุณนะ”

   เด็กสองคนดีใจ สองพ่อแม่พยายามกลั้นหัวเราะ ดูท่าวินจะเข้าใจว่าน้องเป็นสิ่งของต้องแบ่งปันไปซะแล้ว แต่เอาเถอะ ผลออกมาดี เดี๋ยวตอนโตก็รู้เองแหละ สองพ่อแม่ผู้ปัดความรับผิดชอบไม่ยอมอธิบายให้กระจ่าง

   ภายหลังชินได้ย้ายโรงเรียนกับอยู่กับวินสมใจ ด้วยเหตุนี้ตอนกลับบ้านทุกครั้งจึงแวะมาอยู่ที่บ้านวินเป็นประจำ ทั้งคู่คอยช่วยรสาทำงานบ้านตามประสาเด็ก วินกับอาเนซยิ่งอาการหนัก ลูบท้องแม่กับภรรยาแทบจะทุกเวลาด้วยความเห่อ

   เวลาผ่านไป วินกับชินขึ้นอนุบาลสาม ท้องของรสาก็ใหญ่ขึ้น กระทั่งวินอายุได้ห้าขวบได้ไม่นาน รสาเจ็บท้องใกล้คลอดกลางดึก พ่อลูกวิ่งวุ่นเหมือนหนูติดจั่น รีบพาคนท้องไปโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ไว้ อาเนซกอดลูกชายคนโตที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขนอยู่หน้าห้องคลอด พ่อตากับแม่ยายจะมาหาวันพรุ่งนี้

   ความรู้สึกของอาเนซไม่ต่างจากตอนที่วินคลอด ทั้งดีใจ ตื่นเต้น และกังวล นั่งภาวนาขอให้ลูกและภรรยาปลอดภัย ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ขึ้นชื่อว่าลูก อาเนซย่อมรักสุดหัวใจ กระทั่งเด็กแผดเสียงร้องจ้า ขนาดวินยังสะดุ้งตื่น

   ประตูห้องคลอดเปิดออก ผู้ช่วยแพทย์เดินออกมาพร้อมเด็กตัวแดงในห่อผ้า อาเนซรับมากอดด้วยความปลื้มปิติ น้ำตาร่วงผล็อยๆ เหมือนคราวของวินไม่มีผิด วินยืนขยี้หาอ้าปากหาววอดยังไม่ตื่นดี อาเนซย่อตัวลงให้ลูกชายคนโตได้เห็นน้องครั้งแรก

   “วินดูสิ คุณแม่เสกน้องออกมาแล้วนะ ดีใจรึเปล่า”

   วินตาโตสั่นไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น มือยกมั่วซั่วไปหมด เรียกได้ว่าตื่นเต็มตา มือเล็กๆ ยื่นมือคว้าจับนิ้วพี่ชาย ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งตัว สุดท้าย พ่อลูกแข่งกันร้องไห้จนนางพยาบาลส่ายหน้า อาเนซส่งเด็กคืนให้ แล้วอุ้มลูกชายคนโตตามรถเข็นภรรยาไปห้องพักฟื้น

   เช้าวันต่อแม่ตากับยายมาถึง ปู่กับย่าเองก็คอลทางไกลมาคุยกัน อาเนซต้องถ่ายรูปลูกชายคนเล็กส่งจนมือหงิก พอช่วงส่ายชินมาพร้อมกับพ่อ ทรตบบ่าเพื่อนรุ่นน้องหนักๆ แสดงความยินดีปนอิจฉา

   รสาฟื้นตัวเร็วเพราะคลอดแบบธรรมดา เพียงไม่นานก็สามารถกลับบ้านได้พร้อมลูกตัวน้อย อาเนซรับงานน้อยลงเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงลูกอ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนวินเห่อน้องมาก เวลาเลิกเรียนเสร็จปุ๊บจะต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที พอๆ กับชิน แทบจะย้ายมาอยู่บ้านนี้ด้วย

   ทั้งบ้านตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นเด็กอ่อนและกลิ่นนม ดีที่พ่อแม่บ้านนี้มีประสบการณ์เลี้ยงลูกมาแล้ว ทุกอย่างจึงไม่มีปัญหา ไปตามที่หมอนัด ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด

   อาเนซตั้งชื่อลูกชายคนเล็กว่า ‘อายุวัต’ คำว่า อา ให้เหมือนชื่อพ่อกับพี่ชาย ส่วนคำว่า วัต จะได้ชื่อเล่นเป็นตัว ว แหวนแบบเดียวกับวิน

   เด็กน้อยเริ่มพลิกตัวไปมายังไม่เท่าไหร่ พอโตจนเริ่มคลานความวุ่ยวายจึงบังเกิด วินแทบจะกอดรัดน้องด้วยขากับแขนกันดิ้น ขณะชินช่วยแม่รสาชงนมป้อน พอดูดนมหมดกำลังจะนอน ยังไม่วายปาขวดเปล่าใส่วินที่นอนข้างๆ ทีแรกคิดว่าไปเกะกะน้องเลยโดนปาใส่ หลังจากนั้นวินย้ายตำแหน่งหลบไปอยู่อีกมุม ขวดเปล่ายังบินตามมาเหมือนเคยสร้างความขบขันในครอบครัว

   “ทำไมปาให้แต่พี่วินล่ะ ปาใส่พี่ชินมั้งดิ” เด็กชายอาชวินออกอาการประท้วง ชินชี้หน้าตัวเองแบบงงๆ ว่าเขาไปเกี่ยวอะไรด้วยกับศึกสายเลือด

   วัตโตวันโตคืน เริ่มเดินด้วยการจับนู่นจับนี้ช่วย มีครั้งหนึ่งเกาะโซฟาเล่นตุ๊กตาอย่างเมามัน จู่ๆเกิดขาพันก้าวผิดจังหวะกำลังจะล้ม วินกับชินที่คอยเฝ้าน้อง วินบนโซฟากระโจนหมายจับตัว ส่วนชินนั่งด้านล่างสไลตัวไปนอนรอง ก้นนุ่มห่อแพมเพิส นั่งปุบนหลังชินตบมือหัวเราะชอบใจ

   ช่วงเวลาแห่งความสงบ ทุกคนอยู่ในบ้าน ด้านนอกมีแสงอ่อนๆ ส่องผ่านต้นไม้ร่มรื่น วินกำลังเล่นเกมกับชิน อาเนซนอนขวางวัตไม่ให้เดินลงไปที่สวน คุณแม่กำลังเตรียมอาหารว่าง วัตอายุหนึ่งขวบกำลังสนใจทุกสิ่งรอบตัว ดวงตาสีเทากลมโตเห็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งเดินทอดน่องอยู่บนกำแพงบ้าน เสียงนกร้องจิ๊บๆ บินผ่านไป

   “อา อู”

   เสียงร้องดึงความสนใจจากทุกคน ในตอนนี้ ทุกคนกำลังพนันกันว่าถ้าวัตเรียกใครได้เป็นคนแรก คนนั้นจะได้รางวัลหนึ่งอย่าง

   “ผลไม้เย็นๆ จ้า วัตมาหาแม่เร็ว ได้เวลากินนมแล้ว”

   เด็กน้อยหันตามเสียง ใช้พุงพอเป็นที่พยุงตัวลุกขึ้นยืน เดินเตาะแตะไปหาคุณแม่คนสวย สองแขนเล็กป้อมยื่นเข้าหา ส่งเสียงไม่ได้ศัพท์

   “อู อู”

   วินหกขวบนอนคว่ำหน้ากดเกมสบายอารมณ์ ถูกน้องชายสุดที่รักเตะจนร้องอุก แถมยังเหยียบปีนข้ามผ่านดื้อๆ เพื่อไปหาแม่ วินได้แต่จ้องน้องชายตาเขียว เมื่อกี้โดนรบกวนสมาธิทำให้แพ้ชิน พอจะคว้าน้องมาฟัดแก้แค้น กลับโดนมือเล็กตบเอาๆ ส่งเสียงโวยวายใหญ่

   “แอ้!”

   “วินอย่าแกล้งน้องสิ” รสาเอ็ดลูกแบบไม่จริงจังนัก ชินเป็นคนอุ้มวัตออกจากวินส่งให้แม่ เด็กน้อยจะได้กินนมนอน มือเล็กจับขวดนมมาดูดเอง เพียงแปบเดียวนมก็หมดขวด และขวดเปล่าบินไปหาวินอีกตามเคย พี่ชายเริ่มชิน เตรียมรับขวดไปส่งให้พ่อล้าง

   รสาอุ้มพลางลูบหลังลูกชายคนเล็กให้เรอนม วัตดูมีความสุขถูหน้ากับบ่าแม่

   “มะ มา”

   “ไม่นะ” อาเนซมองลูกชายอย่างกับเจอคนใบ้หวย วินกับชินลุกไปยืนรุมรสา คุณแม่เองก็ตื่นเต้นรอฟังลูกชาย

   “แมะ อืออ... ฟี้”

   เหล่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ร่วงลงไปกองกับพื้นระนาว อุตส่าลุ้นแทบตายว่าจะพูดคำแรกว่าแม่รึเปล่า ดั๊นหลับไปซะดื้อๆ นี่มันพูดให้อยากแล้วเลี้ยวกลับชัดๆ

   “เอาเถอะ ยังมีเวลาอีกเยอะ” คนพ่อพูดแบบปลงๆ

   และแล้วคำแรกที่วัตพูดหลังจากนั้น ยังคงเป็นคำว่าแม่อยู่ดี งานนี้คุณแม่มาวินชนะได้เครื่องซักผ้าใหม่ไปเป็นรางวัล ถือเป็นเกมเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้าน

   ไปโรงเรียนครั้งแรก วินยื่นคำขาด ไม่ว่ายังไงน้องชายต้องอยู่โรงเรียนเดียวกับตัวเอง โชคดีหน่อย โรงเรียนที่วินอยู่มีตั้งแต่อนุบาลจนถึงม.ปลาย ถือเป็นโรงเรียนใหญ่เลยก็ว่าได้

   อาเนซมาส่งลูกชายทั้งสอง เจอชินยืนรออยู่หน้าประตูโรงเรียน เด็กชายยกมือไหว้ เวลาเดียวกับที่วินไหว้ครู วัตน้อยยกมือไหว้ทำตามพี่ชายบ้าง

   “ฝากลูกชายคนเล็กด้วยนะครับครู”

   ครูวัยกลางคนยิ้มใจดี

   “ครูจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ เด็กๆ ไหว้คุณพ่อก่อนเร็ว” ทุกคนทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

   “พ่ออย่าลืมซื้อทิชชู่ให้แม่นะ” วินพูดขึ้นอย่างคนเพิ่งนึกได้ เพราะแม่ฝากมา กลัวพ่อจะลืมอีก คุณครูหัวเราะ อาเนซคาดโทษลูกชายในใจ ทำพ่อขายหน้าซะได้

   ยังพอมีเวลาเหลือก่อนเคารพธงชาติ พี่ชายสองคนในชุดเด็กประถมกางเกงดำจูงมือน้องชายคนละข้าง ชินถือกระเป๋าข้างตัว ส่วนวินใช้แขนหนีบไว้ไปส่งน้องที่ห้องเรียน เด็กน้อยแก้มยุ้ยหัวทองกางเกงแดง พายเป้สีเดียวกันเหมือนกระดองเต่าน้อยชวนพี่ชายคุยเจื้อยแจ้ว

   พอถึงห้องมีแต่เสียงเด็กเต็มไปหมด บางคนร้องไห้งอแงอยากกลับบ้าน บางคนยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ สัปหงกอยู่ในมุมของตัวเอง แลดูวุ่นวาย ครูประจำชั้นกำลังหัวหมุนได้ที่ เงยหน้าขึ้นมาเจอเด็กชายสองคนที่เธอเคยสอนมา วินกับชินยกมือไหว้

   “สวัสดีครับครูแอม”

   “เด็กแสบสองตัวมาทำอะไรกัน หรืออยากเรียนอนุบาลกับครูอีกรอบ”

   สองหนุ่มน้อยส่ายหัวขวับๆ ทันที ใครอยากซ้ำชั้นกัน

   “ผมมาส่งน้องชายต่างหาก น้องชายผมกับชินครับ ชื่อวัต”

   “สวัสดีจ๊ะ ดูน่ารักเรียบร้อยกว่าพวกเธอนะ” ครูแอมแซวขำๆ วินเกาหลังคอแก้เขิน เพราะวัยเด็กตัวเองถือเป็นหัวโจกของเพื่อนร่วมห้องเลยก็ว่าได้ กระทั่งทุกวันนี้ยังเป็นเหมือนเดิม โดยมีชินเป็นคู่หูพากันป่วน

   วัตมองครูสลับมองเพื่อน เป็นครั้งแรกที่มองไปทางไหนก็เจอแต่เด็ก ถึงจะตื่นตาตื่นใจ พอได้ยิน เห็นเพื่อนคนอื่นร้อง วัตน้อยเริ่มเบะปากจะร้องบ้าง วินเห็นรีบคว้าน้องชายมากอด

   “พี่วิน วัตอยากกลับไปหาแม่ ฮึก”

   “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ วัตไม่อยากอยู่กับพวกพี่เหรอ”

   วัตส่ายหัวพยักหน้าดูสับสนไปหมด ชินย่อตัวมาคุยกับน้องอีกคน

   “เอาไว้ตอนเที่ยงพวกพี่จะแวะมาหานะ ถ้าวัตไม่ร้อง พี่จะซื้อขนมมาให้”

   ของโปรดเด็กยังไงก็หนีไม่พ้นขนมกับของเล่น วัตน้อยตาวาว พยักหน้ารัวๆ ส่งตัวให้ครูรับช่วงต่อ วินกับชินถึงรีบวิ่งแจ้นกลับตัวเองเตรียมเข้าแถวตอนเช้า ตอนเที่ยงมาหาน้องตามสัญญา พร้อมขนมที่ซื้อมาให้ กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ที่สองพี่ชายต้องมาหาน้องตอนเที่ยง และมารับน้องรอพ่อมารับตอนเย็น ชินจะรอจนพ่อเนซมา ถึงจะยอมกลับไปกับคนขับรถ

   วัตเป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กี่วันก็ได้เพื่อนเพียบ แถมยังน่ารักน่าชังเอาใจสาวรุ่นพี่ ยิ่งเป็นน้องชายของวินกับชินที่มีแต่สาวมอง ทุกวันกลับบ้านเลยมีขนมเต็มกระเป๋า ลำบากพ่อต้องเอาไปแจกจ่ายให้คนอื่น เพราะที่บ้านกินกันไม่ทัน

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv. กำเนิดซาตานวิน(2) 4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-11-2015 20:17:11
หลงน้องกันน่าดู
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv. กำเนิดซาตานวิน(2) 4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 04-11-2015 21:07:51
เป็นหนุ่มป็อปแต่เด็กเลยเจ้าวัต แต่เสียใจพี่สาวทั้งหลาย
วัตโดนหมา(ป่า)คาบไปทานแล้ว อิๆๆ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv. กำเนิดซาตานวิน(2) 4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 06-11-2015 01:03:18
โอ๊ยยยยย
สรุปหลงกันแต่เด็กเลยซินะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv. กำเนิดซาตานวิน(2) 4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 06-11-2015 01:40:08
เป็นพี่น้องที่น่ารักมากเลยอ่าาาาาาาา อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆแล้ววววววววว  :ling1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-11-2015 18:10:25
Lv.พิเศษ ใจผมหล่อมาก ลิน-ไวไว

   โรงเรียนสตรีมีการแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน ฐานะ การคบเพื่อน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นการแข่งขันหมด ภายนอกดูเหมือนพูดคุยกันดี ภายในคอยจับผิดมองด้วยความอิจฉา บางคนอาจจะโชคดีหน่อย ไม่เป็นจุดสนใจให้ใครนินทา แต่นั่นไม่ใช่กับลิน

   สาวผมทองดวงตาสีสวย ร่างสูงเพรียวบุคลิกดี บ้านมีฐานะ พ่อแม่มีหน้ามีตา ลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างลินจึงถูกจับตามองจากทุกคน ที่ผ่านมาไม่เธอเรียน แวะร้านหนังสือ กลับบ้าน ต้องรักษาเรื่องกริยามารยาทตลอดเวลา จากอึดอัดจนกลายเป็นความเคยชิน การเรียนไร้ที่ติ ไม่มีใครร้ายใส่ กระทั่งมีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง

   หลังคบกันอย่างจริงจัง ไวไวขอลินมาพบกับผู้ใหญ่ทางบ้าน ทีแรกที่บ้านยังไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่ เพราะไม่เคยรู้จักมาก่อน เกรงว่าลูกสาวจะถูกผู้ชายล่อลวง ทั้งที่มันกลับกันแท้ๆ

   ด้วยความอดทนของไวไว ไปลามาไหว้ มีมารยาท มาหาผู้ใหญ่มีของฝากติดไม้ติดมือ ไม่เคยทำอะไรรุ่มร่ามกับลิน ให้เกียรติเสมอ ในที่สุดทางผู้ใหญ่เริ่มใจอ่อน เห็นเป็นลูกเป็นหลานอีกคนหนึ่ง ปัจจุบันกลายเป็นคนขับรถคอยรับส่งลินเป็นครั้งคราว

   คนนอกไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง นำเรื่องพวกนี้มานินทาลับหลัง บอกว่าแฟนของลินขี่มอเตอร์ไซต์ท่าทางไม่มีเงิน พูดไปสารพัด ลินเองไม่สนใจ ไวไวไม่รู้เรื่อง ทางบ้านเมินใส่เพราะถือว่าในเมื่อเราไม่ได้แย่แบบนั้นจริงจะไปสนใจกับขี้ปากชาวบ้านเขาทำไม และแล้วไวไวก็รู้จนได้

   “ฉันว่าวันหลังให้ลุงชื่นมารับดีมั้ย” ผมเกริ่นหลังรับลินกลับจากโรงเรียน ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งเล่นอยู่ในสวน

   “ทำไมล่ะ ถ้ากลัวเรื่องฉันนั่งกระโปรงเปิดไม่ต้องห่วง ใส่กางเกงข้างในไว้แล้ว”

   ผมกุมขมับ ฟุบไปบนโต๊ะ รู้สึกท้อแท้ยังไงชอบกล ตกลงเขาได้แฟนสาวหรือแฟนหนุ่มกันแน่นะ

   “เรื่องนั้นก็ห่วง แต่มีประเด็นอื่น ฉันเพิ่งรู้ว่ามีคนนินทาเธอลับหลัง” ดวงตาสีน้ำตาลค้อนใส่แฟนตัวเองอย่างเคืองๆ ที่เก็บเงียบไม่ยอมเล่าให้ฟังบ้าง

   “ก็ใช่ แล้วไงเหรอ?”

   “แล้วไง! โดนนินทาเชียวนะ สำหรับผู้หญิงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของการอยู่ในกลุ่มเลยไม่ใช่รึไง” ผู้ชายทั้งแท่งเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนแทนแฟนสาว

   “แค่อิจฉาเพราะตัวเองหาไม่ได้ต่างหาก ผู้ชายนิสัยดีไม่เจ้าชู้แถมให้เกียรติ พึ่งพาได้ จริงใจขนาดมาแสดงตัวกับผู้ใหญ่ ที่สำคัญรับความชอบฉันได้ ต่อให้ต้องใช้โซ่ล่าม ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน อย่าห่วงเลยพวกนั้นก็ได้แต่พูดนั้นแหละ นายทำตัวตามปกติเถอะ”

   ลินพูดตั้งมั่น ส่วนคนฟังก่ำกึ่งระหว่างดีใจกับเสียใจ ในเมื่อเจ้าตัวไม่เดือดร้อนเขาก็ว่าตามนั้น

   ผมไปรับลินเหมือนเดิม รอบนี้ต่างกันคือถอดหมวกกันน็อกออก สาวหลายคนต่างมองกันเป็นตาเดียว ผมชินกับการเป็นเป้าสายตา เพราะไปไหนมาไหนกับพวกหน้าตาโดดเด่นอย่างพี่น้องหัวทองบ่อย แต่ลินดูจะไม่ชินด้วย หลังจากนั้นสาวเจ้าสั่งผมห้ามไม่ให้ถอดหมวกหน้าโรงเรียนอีกเป็นครั้งที่สอง

   ด้วยความกลุ้มใจเลยมาปรึกษาเพื่อนตัวเอง ผมหน้าตาไม่ดีจนลินไม่อยากให้ใครเห็นรึเปล่า อีกใจคิดว่าอย่างลินไม่สนอะไรพวกนี้หรอก ใจหญิงนั่นไซร้ยากแท้หยั่งถึง แต่เทียบใจลินแล้วยากหยั่งยิ่งกว่า

   “กูว่ามึงคิดมากไปเอง หน้าตาอย่างมึงเขาไม่ได้เรียกว่าขี้เหร่เว้ย ออกไปทางหล่อด้วยซ้ำ เพียงแค่มันไม่ได้หล่อกระแทกลูกตา มันชวนมองได้เรื่อยๆ”

   อยู่กันแค่สองคน พ่อขุนสิงร่างเลยครับท่านผู้ชม

   “คงงั้นมั้ง อยู่กับพวกหน้าตาดีอย่างกับไม่ใช่คนมากเกินไป รู้สึกสัมผัสในการมองมันเพี้ยนๆ” ผมตอบมันด้วยสายตาว่างเปล่า วัตแยกเขี้ยวรู้ทันว่ามันหลอกด่า ฮ่าๆ

   “เอ้อ คืนนี้ไม่ออนเกมนะ”

   ผมขมวดคิ้วแปลกใจ วัตนักเล่นเกมตัวยง ไหงมันถึงบอกไม่เล่นหว่า แถมหายไปคู่ วัตทนสายตาล้อเลียนผมไม่ไหวยอมตอบจนได้

   “อยากควักลูกตาออกมาชะมัด คืนนี้จะไปกินข้าวกับพวกพี่วินแถวทะเล เห็นว่าจะพักที่นั้นสักคืน”

   “พี่วินกับพี่ชินไม่เท่าไหร่ เข้าใจว่าสองคนนั้นทำงานเหนื่อยอยากพักบ้าง แต่พวกนายสองคน อยากเปลี่ยนสถานที่อะดิ”

   วัตชูนิ้วกลางใส่ ผมหัวเราะฮา หลบเท้ามันไปทั่วบ้าน นายท่านกับขุนพลนึกว่าเล่นโผล่มาร่วมวงด้วย กลายเป็นศึกข้ามสายพันธุ์

   เล่นกันจนลิ้นห้อย ผมแหงนคอมองเวลามีขุนพลนอนทับอยู่บนอก ส่วนวัตไปเตรียมตัวรอสามีมัน แต่งมาซะหล่อ หมั่นไส้ โยนของเล่นแมวใส่หัวแม่ง

   “เฮ้ย หล่อไม่เท่าอย่าพาลดิ ไวไวไม่ไปรับลินเรอะ นี่มันจะห้าโมงอยู่แล้วนะ”

   “ชิบหายแล้ว! กินอาหารทะเลเผื่อด้วยนะเพื่อน”

   พูดจบผมรีบคว้ากุญแจรถแมงกะไซคันโปรดสวมหมวกบิดไปโรงเรียนลิน ป่านนี้คงเท้าสะเอวเป็นผีเสื้อสมุทรหน้าโรงเรียนแล้วมั้ง

   ผมจอดรถตรงที่ประจำ ยกมือไหว้ครูหน้าโรงเรียน ผมแอบติดสินบนเอาขนมไทยมาฝากแกอยู่ เลยไม่ถูกไล่เหมือนตอนแรกอีก หนุ่มมหาลัยขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมดนะคุณ ผมแค่ผู้ชายหน้าตาธรรมด๊าธรรมดา ไม่มีความโดดเด่นอะไร วันๆ ไม่เล่นเกมก็เป็นคนขับรถให้แฟนกับครอบครัวแฟน

   “ลินออกมารึยังครับ” ผมถาม ไม่ต้องห่วงว่าครูเขาจะจำหน้าเด็กไม่ได้ ยิ่งเป็นเด็กที่แสนจะโดดเด่นอย่างลิน สาวลูกครึ่งผมทอง ทั้งโรงเรียนคงมีไม่ถึงสองคนมั้ง เผลอๆ มีแค่ลินคนเดียว

   “เอ... ครูจำได้ว่าเพิ่งออกไปกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงไม่กี่นาทีก่อน”

   เฮ้ย! ลินมีปัญหากับเพื่อนผู้หญิงอยู่ไม่ใช่เรอะ! ออกไปด้วยกันแบบนั้น มันต้องเป็นการกลั่นแกล้งแน่ๆ ในเกมต่อให้เก่งยังไง นอกเกมยังคงเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง โดนเพื่อนรุม แล้วถ้าพวกนั้นพาเพื่อนผู้ชายมา โธ่เว้ย! ผมรีบถามครูอย่างร้อนรน

   “ไปทางไหนครับ”

   ครูแกแปลกใจนิดหน่อยกับท่าทางของผม

   “ด้านนั้นจ้ะ”

   เห็นทางที่ครูชี้ไป ผมสูดลมหายใจเฮือก เส้นนั้นเป็นทางเปลี่ยว มีพวกวัยรุ่นโรงเรียนอื่นไม่น่าไว้ใจ มักมาแอบดูเด็กโรงเรียนนี้บ่อยๆ ถามว่าทำไมผมถึงรู้ ก็ผมสำรวจรอบโรงเรียนลินหมดแล้วว่ามีอะไรบ้าง

   ผมรีบบึ่งรถไปทางนั้นทันที ขับเข้าซอยแม่ง ซ้ายเป็นกำแพงโรงเรียนสูงกันเด็กหนี และกันคนนอกเข้าโรงเรียน ขวาเป็นบ้านคนกำแพงสูงไม่ต่างกัน ถ้าเกิดอะไรตรงนี้ ยากที่คนจะผ่านมาเจอ ด้วยความที่ผมใช้มอเตอรืไซต์ไม่นานเห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงยืนชิดกำแพง ล้อมด้วยวัยรุ่นม.ปลาย ผมโยนมอไซค์ทิ้ง กระโดดเข้าไปกลางวง

   “ทำอะไรกันวะ!!”

   ยอมรับเลยว่าเสียงผมตอนนี้โหดมาก อารมณ์โกรธพุ่งทะลุปรอท กวาดตาสำรวจสถานการณ์โดยรอบ คอยยืนจ้องคุมเชิงพวกนั้น

   ต่างจากที่ผมคิดนิดหน่อย เล่นกันเพื่อนผู้หญิงทั้งสี่คนของตัวเองให้ไปหลบด้านหลัง ผมจำหน้าคนได้แม่น ยิ่งคนที่เป็นคู่กรณีไม่มีพลาด ผู้หญิงสี่คนนี้เป็นพวกที่เคยว่าผมดูถูกลินมาก่อน ทำไมถึงมาด้วยกัน แล้วไหงแฟนผมทำท่าเหมือนจะปกป้องพวกนั้นล่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ

   “ไวไว มาพอดีเลย จัดการพวกหื่นกามนี่ที”

   “เด็กมหาลัยว่ะ” พวกวัยรุ่นหันไปซุบซิบกัน ยังไงเด็กมหาลัยก็น่าเกรงขามกว่าพวกเด็กม.ปลาย

   “กลัวไร มันมาแค่คนเดียว พวกเรามากันห้า จัดการแม่งเลย”

   “ปากวอนตีนว่ะ จะไสหัวไปดีๆ หรือให้กูซัด” พอโดนผมไล่เข้า เหมือนเลือดขึ้นหน้า เด็กเปรตห้าตัวกรูเข้ามารุมทำร้ายผม ผมยันคนแรกออกไป ซัดหมัดเข้าคนขวา ผมไม่ได้เก่งเหมือนพระเอกในนิยาย แต่ผมก็ซัดพวกมันได้แบบไม่น้อยหน้า โดนถีบ โดนเตะกลับบ้านไม่เป็นไร นาทีนี้ผมต้องเอาพวกมันหมอบให้ได้!

   เสียงซัดกันตุบตับผสมเสียงกรี๊ดของพวกเด็กผู้หญิง น่ารำคาญ ผมขมวดคิ้ว ได้ยินเสียงลินทะเลาะกับเพื่อนให้หนีไปหาคนช่วย แต่ยัยพวกนั้นดันปอดแหกขยับไม่ไหว ลินเองก็ไม่กล้าทิ้งเพื่อนกับผมไป สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรื่องจริงไม่เหมือนในหนัง ที่ซัดแค่หมัดเดียวลงไปกองท้องชักแด่กๆ เหมือนแมลงสาบโดนไบก้อนบนพื้น

   พอผมซัดไป หายจุกแม่งก็ลุกมาใหม่ วนเวียนงี้ซ้ำไปซ้ำมาจนผมเหงื่อท่วมตัว ผมล่อพวกมันออกห่างจากพวกผู้หญิงเรื่อยๆ จับทุ่มคนที่คิดจะลอบโจมตีด้านหลังจนมันหลังเด๊าะอยู่บนพื้น ขัดขาอีกคนแล้วเสยคางน็อกไปอีกหนึ่ง เหลือสามตัว

   “หลบหน่อยพระเอกมา!!”

   เสียงเบิ้ลรถมอเตอร์ไซค์ผสมเสียงคนตะโกน ผมจำเสียงนั้นได้ รีบผละออกเจ้าพวกเด็กผี ลากลินกับผู้หญิงคนอื่นๆ หลบแนบตัวติดกำแพง มอไซค์หน้าตาคุ้นๆ ขับผ่านแบบไม่ลดความเร็ว ไอ้เด็กพวกนั้นรีบลากเพื่อนลุกวิ่งหนีเหมือนเจอโกสท์ ไรเดอร์ ผมมองดาบ เออ พอเข้าใจว่าทำไมพวกเด็กมันถึงเผ่นกัน

   วัตไม่รู้โผล่มาจากไหนบิดมอไซค์ผมไล่ต้อนเด็ก มือถือไม้กอล์ฟเหวี่ยงโคตรน่ากลัว

   “ฮ่าๆ ให้มันรู้ซะมั้งว่าไผเป็นไผ”

   ช่างหัววัตมัน ผมหันมาทางลินเป็นอันดับแรก

   “เป็นไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า พวกมันทำอะไรมั้ย ทำไมถึงมาเดินทางนี้ บอกให้รอหน้าประตูโรงเรียนไม่ใช่รึไง ถ้าเกิดฉันมาไม่ทัน... โธ่เว้ย!”

   ลินมองผมที่รัวเป็นชุดตาปริบๆ เธอยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ผมคิดว่าสวยที่สุด มือเรียวหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาช่วยซับเหงื่อกับความมอมแมมตรงบนหน้าให้ ผมจับมือเธอแน่น

   “ตอบสิ วันหลังจะไม่เดินที่อันตรายแบบนี้อีก” ผมถามเสียงอ่อนลง ณ ตอนนี้ใครอยู่บ้างผมไม่สนใจ สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือผู้หญิงที่ผมรักคนเดียวเท่านั้น

   “อาจฟังดูแย่ แต่ฉันดีใจนะที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” นอกจากจะไม่ตอบ ยังมายิ้มหน้าระรื่น ผมจ้องตาเขียวปั๊ด

   “ก็แหม... เห็นคนรักตัวเองออกตัวปกป้อง แถมเป็นห่วงขนาดนี้ มีผู้หญิงคนไหนบ้างไม่ดีใจ ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเป็นกระต่ายกินยาขม ขอโทษ วันหลังจะไม่มาที่แบบนี้อีก ดีกันนะ”

   นิ้วก้อยเล็กๆ ของลินยื่นมาตรงหน้าผม ผมนิ่ง เจ้าตัวยังคะยั้นคะยอไม่เลิก สุดท้ายต้องถอนหายใจหนัก ยกนิ้วไปเกี่ยวก้อยแบบหงุดหงิดในอารมณ์ ผมไม่เคยขัดใจลินได้สักที แต่พอแบบนี้ยิ่งเห็นชัดเจน นิ้วของผมกับลินแตกต่างกันมากแค่ไหน มือเล็กๆ คู่นี้พยายามกางแขนปกป้องเพื่อนที่ว่าร้ายตัวเอง

   “พวกนายว่าแต่ฉันชอบสร้างโลกส่วนตัวกับกล ตัวเองก็ไม่ต่างกันนะ”

   วัตยักคิ้วแซวพวกผม ผมกลอกตา มองไปยังต้นซอย เห็นชายอีกคนยืนดำ เอ้ย ยืนหล่ออยู่ ผมรู้จักกับวัตมานาน รู้เลยว่ามันแอบตามผมมาเพื่อเผือกแน่ๆ ก็ยังดี ไม่งั้นผมคงเหนื่อยจัดการเด็กเหลือขอมากกว่านี้

   “ไว้ค่อยคุยกันต่อ เดี๋ยวเราออกไปอีกทาง หน้าโรงเรียนเดี๋ยวคนแตกตื่นหมด” วัตแนะนำ พลางเดินเอาไม้กอล์ฟไปคืนแฟน แล้วเดินกลับมาหาพวกเรา เดี๋ยวกลก็คงจะขับรถวนมาจอดฝั่งที่เราจะไป ผมเพิ่งมารู้ตอนหลัง ไม้กอล์ฟเจ้ากรรมมันเป็นของพ่อกลติดรถลูกชายมา เพราะวันก่อนพาพ่อไปตีกอล์ฟ เกิดพ่อเขารู้ลูกสะใภ้เอามาเหวี่ยงเล่น ไม่รู้จะทำหน้ายังไง

   ระหว่างเดินลินเล่าให้ผมฟังว่า เธอคุยเคลียร์กับเพื่อนไปแล้ว พอผมถามว่าใช้วิธีอะไร เจ้าตัวตอบเป็นความลับของผู้หญิง เอาเถอะ แค่ลินยังไม่ลืมว่าตัวเองเป็นผู้หญิงผมก็ซาบซึ้งขอบคุณพระเจ้าน้ำตาแทบไหลแล้ว

   ลินบอกยิ่งวันนี้ผมโชว์หล่อ พวกนั้นคงได้แต่อิจฉามากกว่าเดิม ไม่มีใครกล้าดูถูกอีก ส่วนสาเหตุที่เดินมาทางนี้เพราะมันเป็นทางลัดไปร้านขนม ว่าจะไปนั่งรอแถวนั้นจนกว่าผมมารับ หลังส่งพวกเพื่อนสู่ที่ปลอดภัย พวกเธอขอบคุณผมกับวัตแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่มีอารมณ์นั่งเล่นต่อ แต่ก่อนกลับพวกเธอยังมองวัตตาวาว ยิ่งกลเดินมาสมทบ ดวงตาพราวระยิบระยับสุดๆ

   หมากลยังคงเป็นหมากล พอเห็นสาวมีทีท่าสนใจแฟนตัวเอง มันเล่นโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลจริงๆ ที่พวกเธอตัดสินใจกลับบ้านแทนที่จะนั่งช้ำใจผู้ชายหล่อกินกันเอง

   ผมหันไปว่าจะถามเรื่องนัดกับพี่วิน แล้วไหงถึงโผล่มาแถวนี้ วัตไหวตัวทัน รีบบอกลาลากแขนกลขึ้นรถเผ่นไปอย่างไว ลินหัวเราะเสียงใสอยู่ข้างตัว

   “ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวไปส่งบ้าน เย็นมากแล้วทุกคนคงเป็นห่วง”

   ผมยื่นหมวกกันน็อคให้ลิน แต่ก่อนไม่มี นี่ผมใช้เงินของตัวเองซื้อให้เลย

   “ไวไว รถนายเป็นรอย” ลินตาโต ขณะสวมหมวกกันน็อคดูรอยขีดข้างตัวรถ คงเพราะผมโยนตอนแรกมั้ง คิดแล้วเจ็บจี๊ดที่หัวใจ เอาไว้พ่อจะเก็บตังทำสีใหม่นะลูก

   “ไม่เป็นไร ทำสีเดี๋ยวก็หาย”

   “ขอโทษนะ เพราะฉันแท้ๆ” ลินพูดอย่างสำนึกผิด ผมส่ายหัวใช้มือโยกหมวกกันน็อคอีกฝ่ายเบาๆ

   “อย่าใส่ใจเลย รถพังซ่อมได้ แต่ถ้าลินเป็นอะไรไป ฉันจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง”

   ผมตอบไปตามที่คิด ลินมองผมตาโตหน้าขึ้นสี ผมมองอย่างไม่เข้าใจ พอทวนคำพูดตัวเองดู ชิบ แม่งโคตรเสี่ยว อย่างกับในละคร ผมพูดออกไปได้ไงวะ เห็นผมเขินบ้างลินหัวเราะ

   “เพราะงี้ไง ถึงรัก”

   “พอได้แล้วน่า จะได้กลับมั้ยบ้านเนี่ย” ผมบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น ระหว่างขับมอไซค์กลับบ้าน ลินยังแซวผมไม่เลิก สุดท้ายต้องเปิดไฟจอดข้างทาง จุดนี้เป็นมุมอับไม่มีใครเห็น ผมเปิดหมวกกันน็อค หันมาจับจุ๊บปากเบาๆ ค่อยผละออก

   “ทีนี้เงียบได้รึยัง”

   เงียบกริบ ลินก้มหน้างุดๆ ผมแสร้งถอนหายใจขับรถต่อ ส่งลินถึงบ้าน บอกลากันนิดหน่อยค่อยขับกลับบ้านตัวเอง บอกเลย อารมณ์ล้วนๆ สัมผัสนุ่มนิ่มยังติดที่ริมฝีปาก บอกแล้ว ผมเป็นผู้ชายธรรมดา ขอแบบ นิดๆ หน่อยๆ บ้าง

   ถึงบ้าน กินข้าวอาบน้ำ ให้พ่อแม่ใช้แรงงานเสร็จ ผมค่อยเปิดเครื่องเล่นเกม เข้าไปโผล่อยู่กลางป่า ล่าสุดผมกับลินออกล่ามอนสเตอร์กันสองคน แดดส่องผ่านแมกไม้ โลกจริงเป็นตอนกลางคืน ส่วนในเกมเป็นตอนกลางวัน แดดจ้าได้ที่

   หางตาเหลือบเห็นมอนสเตอร์ไก่อ้วนลงพุงเดินผ่านมา มือเรียกไม้เท้าควงวอร์มร่างกาย กระโดดส่งลูกถีบกระต่ายตามด้วยไม้เท้าหวดซัดกันนัวตุบตับ เคลียร์มอนสเตอร์แถวนี้รอลินออนไลน์ ไม่นานจุดเดิมที่ผมโผล่เข้ามาทีแรก ปรากฎร่างพ่อมดหนุ่มยืนหันซ้ายหันขวา ราวกับมีเรด้าตรวจจับ ลินเดินดุ่มๆ มาหาผมคว้าแขนหมับลากเข้าเมือง ตรงดิ่งไปห้องพักที่ปาร์ตี้พวกผมจองเอาไว้

   ลินปิดประตูเท้ามือสองข้างบนบานประตู กักผมไว้ตรงกลาง สัญชาตญาณมันบอก ความซวยจะมาเยือนผมในอีกไม่ช้า

   “เดี๋ยว ใจเย็น จะทำอะไร” ผมยกมือห้าม มือพ่อมดไวเยี่ยงโจร หน้ากากผมถูกถอดออก

   “ตอนเย็นทำอะไรไว้ ฉันจำได้นะ นอกเกมมันไม่เหมาะ ขอเอาคืนในเกมแล้วกัน!”

   “เฮ้ย!”

   ลินโฉบหน้าลงมาประกบปากจูบ โคตรแตกต่างจากที่ผมทำ แบบนี้มันไม่แฟร์ ด้วยความที่ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง โต้มา โต้กลับ สักพักไหงมาจบที่เตียงได้วะ! ผมโดนพ่อมดทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ สักวันหนึ่งเถอะ ผมจะบอกให้พี่วินเอาระบบความรู้สึกบ้าๆ นี่ออกไป แม้จะหนีการโดนสกินชิพไม่ได้ ก็ยังดีกว่าโดน... ว๊ากกก!

   ตกลงผมเป็นเกย์หรือเป็นผู้ชายกันแน่

   “เป็นอะไร ทำหน้ายุ่งเชียว ฉันทำไม่ดีเหรอ”

    ผมปัดมือที่กำลังเขี่ยหูกระต่ายออก

   “ฉันกำลังคิด ตัวเองรสนิยมแบบไหนกันแน่” ถึงบอกว่าเกย์ แต่ผมไม่สนใครนอกจากลิน กระต่ายไวไว ชีวิตว้าวุ่น

   “คิดมากทำไม สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะในหรือนอกเกม นายก็เป็นของฉันอยู่ดี”

   “…” โอเค ผมผิดเองที่ถามลิน ลินนอกเกมกับในเกม นิสัยแตกต่างกันมาก เพราะมีปัจจัยเรื่องความเป็นผู้หญิง กับสังคมเข้ามาเกี่ยวด้วย ลองลินไปเกิดในครอบครัวสุดชิวอย่างผมดิ คงกลายเป็นสาวห้าว

   “อย่าทำหน้าโหดงั้นสิ เสียดายหน้าตาหล่อๆ ของนายนะ”

   ลินพลิกตัวมาคร่อมอยู่เหนือตัว ผ้าห่มปิดเพียงท่อนล่างของพวกเรา แผงอกขาวมีกล้ามท้องพองาม ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมดูเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มมุมปากไม่น่าไว้ใจ เรือนผมสีทองเหมือนเจ้าชายที่ไหนสักแห่ง ทุกวันนี้ผมยังสงสัย ทำไมลินโหมดชายถึงได้หล่อกระชากตับ ขนาดผู้ชายด้วยกันยังมองเหลียวหลัง ไม่ใช่หลงนะ อยากเข้ามาตื้บเพื่อลดคู่แข่งลง

   “หน้าตาฉันธรรมดา ไม่ใช่พวกหล่อเกินคนอย่างพวกนาย”

   ไม่ว่าลิน วัต หรือกล ไม่สิ ทุกคนรอบตัวผมมีแต่พวกหน้าตาดีจัดๆ ลินส่ายหัวทิ้งน้ำหนักตัวลงมากอด นอนทับผมเต็มๆ หนัก..

   “นายหล่อแต่ไม่ทำตัวเด่น ทุกคนเลยถูกดึงความสนใจมามองที่พวกเราหมด” วัตเองเคยพูดกับผมเหมือนกัน ตัวผมน่ะจะเรียกว่าหน้าตาดีเลยก็ได้ แต่เพราะชอบคิดว่าตัวเองหน้าตาธรรมดาหาได้ตามท้องตลาด และชอบทำงานหลังฉาก คนถึงมองไม่เห็นความหล่อของผม ถึงงั้น ไมผมมองหน้าตัวเองทุกวัน หาความหล่อไม่เจอ สงสัยรสนิยมคนเราต่างกัน

   “จะหล่อไม่หล่อ ยังไงก็มีแฟนแล้ว” ผมกอดกลับ ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ลินร่างชายกอดเต็มแขนดีเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 07-11-2015 02:45:09
ลินแมนมากกกก 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 07-11-2015 13:36:47
โถ....กระต่ายไวไว ไหนมาถอดหมวกให้พี่ดูหน้าซิว่าหล่อหรือไม่หล่อ
.
.
.

(เกมเมอร์รีพอร์ท) ดับอนาจ :jul1: ผู้เล่นใหม่ถูกเจี๋ยนแยกชิ้นด้วยนักรบโครงกระดูก o18
ผู้เห็นเหตุการณ์อ้าง ผู้ตายเกี้ยวกระต่ายของพ่อมดก่อน
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 07-11-2015 14:49:47
โถ....กระต่ายไวไว ไหนมาถอดหมวกให้พี่ดูหน้าซิว่าหล่อหรือไม่หล่อ
.
.
.

(เกมเมอร์รีพอร์ท) ดับอนาจ :jul1: ผู้เล่นใหม่ถูกเจี๋ยนแยกชิ้นด้วยนักรบโครงกระดูก o18
ผู้เห็นเหตุการณ์อ้าง ผู้ตายเกี้ยวกระต่ายของพ่อมดก่อน

สู่สุขติ //ยืนสงบนิ่ง3วิ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 07-11-2015 20:58:48
เป็นคู่ชายหญิงที่เรานึกสงสัยว่านี่ใช่คู่ชายหญิงแน่เหรออออ แบบ ลินแมนมาก ถ้าไม่ได้เป็นผู้หญิงนี่คือรุกแมนๆคนหนึ่งเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว+ประกาศp.23 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-11-2015 23:50:33
หืมมมมมมมม เอาที่คนแต่งสบายใจค่ะ
เราอ่านแล้วก็โอเคดีนะ
รอละกันเนาะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว+ประกาศp.23 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 07-11-2015 23:53:58
รอฉบับรีไรท์ค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว+ประกาศp.23 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 24-11-2015 04:56:42
อยากเห็นหน้าไวไวเหมือนกัน ลินอย่าเก็บไว้ดูคนเดียวเซ่
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษลิน-ไวไว+ประกาศp.23 6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 24-11-2015 16:34:05
รอนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน3 5/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 05-12-2015 03:38:30
เนื้อหาตรงกับวันพ่อพอดีเลย อย่าลืมบอกรักพ่อกันนะครับ  :mew1:

----------------------------------------------------------------------------------------

Part3 พ่อ


   ตั้งแต่มีน้อง วินไม่ได้ตามพ่อไปทำงานอีกเลย ทุกวันถ้าไม่เล่นกับเพื่อนแถวบ้านจะต้องขลุกกับน้องชายวัยกำลังน่ารัก ชินเองยังคงสถิตอยู่บ้านนี้อย่างเหนียวแน่นอย่างเช่นวันนี้

   เนื่องจากช่วงนี้ยุงระบาดหนัก ที่โรงเรียนมีการพ่นยากำจัดยุงอย่างกะทันหัน เหล่าเด็กน้อยจึงได้หยุดอยู่กับบ้านแม้เป็นวันธรรมดา อาเนซไปทำงานตั้งแต่เช้า วันนี้มีหลายที่ ที่ต้องไป กว่าจะกลับคงมืดค่ำ เหลือเพียงภรรยาคนสวยกับลูกชายทั้งสามคนอยู่กับบ้าน

   ด้านนอกแสงแดดแผดเผาไม่อาจรบกวนเวลานอนกลางวันของเด็กวัยกำลังโตอย่างวัต ด้วยความที่รอบบ้านปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา จึงมีเพียงลมพัดเย็นๆ เข้ามาภายในบ้านเท่านั้น วินกับชินนั่งเล่นเกมอยู่หน้าทีวีแบบปิดเสียง เพราะน้องชายกำลังหลับอยู่บนผ้าปูอยู่ด้านหลัง

   “อย่าออมมือดิ”

   เด็กผมทองวัยประถมโวยเสียงกระซิบกับเพื่อนซี้ ชินลังเลนิดหน่อยก่อนจะเริ่มเล่นแบบจริงจัง ผลที่ออกมาคือ วินแพ้ยี่สิบตารวด เจ้าตัวหัวเสียจนต้องเปลี่ยนเกมเล่นพวกแนวผจญภัยหรือแนวพัซเซิลไขปริศนาที่แสนจะถนัด

   ปกติวินเก่งไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน กีฬา โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ ส่วนเรื่องที่วินไม่ถนัดมีแทบนับนิ้วได้ ยกตัวอย่างก็เกมแนวต่อสู้ที่แบ่งคนละฝั่งต้องโจมตีอีกฝ่ายจนกว่าหลอดเลือดจะหมด วินสามารถครองตำแหน่งผู้แพ้ได้อย่างเหนียวแน่น กับเรื่องงานฝีมือที่ห่วยเกินบรรยาย

   ชินแอบตั้งปณิธานเงียบๆ ในใจ สิ่งที่วินไม่ถนัด เขาจะอาสาเป็นคนทำเอง ไม่ใช่ว่ากลัววินลำบาก แค่ไม่อยากให้คนอื่นซวยเพราะวินมากกว่า ซึ่งคนซวยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเขาที่อยู่ข้างวินเสมอ ทั้งหมดทั้งสิ้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง! ชินตั้งมั่น

   ระหว่างกำลังเล่น คุณแม่ยกน้ำผลไม้กับขนมมาให้ลูกชาย พลางสั่งกำชับแล้วหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์มือถือเตรียมจะออกไปข้างนอก

   “แม่ออกไปจ่ายตังค่าน้ำค่าไฟก่อนนะเด็กๆ เฝ้าบ้านดีๆ ช่วยแม่ดูน้องด้วย”

   น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแผ่ออร่าความเป็นแม่ผู้ใจดีออกมาเต็มเปี่ยม แต่คนที่รู้ฤทธิ์พระมารดาจริงคงมีเพียงคุณพ่อกับวินจอมซนเท่านั้น

   สองเด็กน้อยขานรับ พอรสาวางใจถึงค่อยปั่นจักรยานออกไปร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้าน แต่ก็ยังไม่วายฝากกับเพื่อนข้างบ้านอยู่ดี เวลาผ่านไปราวสิบนาที บ้านยังอยู่ในความสงบ จนกระทั่งมีเสียงกระดิ่งจักรยานดังขึ้นหน้าบ้านพร้อมเสียงตะโกนเรียกของเพื่อนวัยเดียวกัน

   “วิน! ชิน! ออกไปเล่นข้างนอกกัน”

   ด้านนอกหัวเราะกันเฮฮา ส่วนวินแทบจะขว้างจอยใส่หัวเพื่อน เด็กผมทองออกไปยืนจังก้าอยู่หน้าประตู ยกนิ้วชี้แตะปากแล้วส่งเสียงชู่ใส่

   “ให้เงียบเหรอ? เงียบทำไม แถวนี้ไม่เห็นมีผู้ใหญ่สักหน่อยเนอะพวกเรา”

   “ช่าย!”

   วินก้าวฉับๆ ไปยกขายันๆ จักรยานเพื่อนหัวโจก

   “ไม่มีผู้ใหญ่ แต่น้องฉันนอนกลางวันอยู่!!”

   ทุกคนพากันทำหน้าบรรลุ รีบยกมือทำท่ารูดซิบปิดปากราวกับจะบอกว่า จะไม่ส่งเสียงดังอีก เห็นแบบนั้นวินค่อยพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ

   ชินยังอยู่ในบ้าน มือเขากำลังช่วยตบก้นน้องเบาๆ เลียนแบบรสาเวลากล่อมวัตหลับ พอวัตที่ขยับตัวยุกยิกจากเสียงรบกวนเริ่มนอนนิ่งตามเดิมชินค่อยผละออกมาสมทบกับเพื่อนด้านนอก

   “วัตยังหลับอยู่ เอาไงดีวิน จะรอให้แม่รสากลับมาก่อน พวกเราค่อยไปเล่นมั้ย”

   วินถูกสายตาทุกคู่จับจ้อง เจ้าตัวกอดอกโครงหัวครุ่นคิด ปกติถ้าแม่ทำธุระเสร็จจะรีบตรงกลับบ้านมาทันที แต่ระหว่างทางจะชอบมีบ้านนู่นบ้านนี้เรียกไปคุยอยู่เรื่อยตามประสาแม่บ้าน บางครั้งยังคุยเพลินบ้างก็มี เรื่องนี้ขอรับประกันโดยวินที่เคยตามแม่ไปจ่ายตลาดเลย

   ดวงตาสีเทามองเพื่อนสลับมองเข้าไปในบ้าน เด็กวัยกำลังซนพอเพื่อนมาแทบอยากจะเหาะออกไปเล่นกับเพื่อน ส่วนชิน วินว่าไงว่าตามกัน ไม่รู้ว่าเพราะไม่คิดอะไรเลยหรือขี้เกียจคิดกันแน่

   ใจวินเอนไปทางเพื่อนมากกว่าครึ่ง ลังเลระหว่างจะให้พวกเพื่อนเข้าไปเล่นในบ้านดีมั้ย พอนึกขึ้นได้ว่าเจ้าพวกนี้เป็นพวกเก็บเสียงไม่เป็น มีหวังวัตได้ตกใจตื่นแหง ผลสรุปเลยกลายเป็นว่า

   “เอางี้ ข้างบ้านฉันมีที่อยู่ เราไปเล่นตรงนั้นกัน”

   “ได้ ส่วนปั่นจักรยานไว้รอแม่วินกลับมาก่อนแล้วกัน”

   หัวโจกพยักหน้ารับ วินวิ่งกลับเข้าไปปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วไปเล่นกับเพื่อนอยู่ข้างบ้าน เล่นตรงนี้ นอกจากจะได้ดูน้องยังได้เล่นกับเพื่อนอีกต่างหาก เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สุภาษิตที่ครูภาษาไทยเพิ่งสอนมาเมื่อวาน

   เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก ต่อให้เรียบร้อยเชื่อฟังพ่อแม่แค่ไหน ถ้ามีเรื่องเล่นสนุกเข้ามาเกี่ยวข้อง ย่อมลืมเรื่องพวกนั้นจนหมดสิ้น เพื่อนคนหนึ่งที่มาช้ากว่าใคร ปั่นจักรยานมาบอกว่าแมวที่บ้านคลอดลูกแล้ว พวกเด็กพากันตาโตกระโดดขึ้นจักรยานกันหมด

   แมวเพื่อนคนนี้วินชอบไปเล่นด้วยบ่อยๆ พอรู้ว่ามันคลอดลูกอยากไปดูจนแทบทนไม่ไหว ยอมฝ่าฝืนคำสั่งแม่คว้าจักรยานออกมานอกบ้าน ชินจับเบาะหลังไว้ ขมวดคิ้วไม่ค่อยเห็นด้วย

   “เราไปไม่ได้ ต้องดูแลวัต”

   วินหัวเราะด้วยรอยยิ้มสดใส

   “ไปแปบเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก แค่ดูแวบเดียวจะรีบกลับมาเลย วัตเป็นเด็กขี้เซากว่าจะตื่นอีกนาน”

   เด็กผมทองไม่ปล่อยให้เพื่อนคิดนาน ดึงแขนให้ซ้อนท้ายแล้วซิ่งออกจากบ้านตามเพื่อนคนอื่นไปด้วยความเร็วแสง ถึงที่หมาย วินรีบปรี่เข้าไปดูคนแรก แมวสีสวาดตาฟ้ากำลังนอนให้นมลูกทั้งห้าตัว บางตัวเหมือนแม่ บางตัวขนลายเหมือนพ่อ

   “ตัวนี้น่ารักชะมัดเลย เดี๋ยวขอแม่เลี้ยงดีกว่า”

   วินชี้ไปทางลูกแมวที่ตัวเล็กสุด สีขนชวนงง ไม่รู้จะเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่ดี ชินมองตาปริบๆ

   “น่ารักตรงไหน ขี้เหร่สุดๆ ตัวนั้นน่ารักกว่า”

   เพื่อนซี้ไม่เห็นด้วย จับจ้องลูกแมวอ้วนจ้ำม่ำลายเหมือนเสือ เด็กคนอื่นต่างพากันจองตัวนั่นตัวนี้ บางทีทะเลาะแย่งกันเป็นเจ้าของเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ เด็กผู้ชายไม่ค่อยมีความละเอียดอ่อนเท่าไหร่ ดูได้แค่แปบเดียวเริ่มเบื่อกลับไปหาอะไรเล่นข้างนอกตามเดิม เว้นแต่วินที่ชอบแมวเป็นชีวิตจิตใจ นั่งดูเพลินจนลืมเวลา กว่าจะรู้ตัวอีกทีผ่านไปครึ่งชั่วโมง ชินมองนาฬิกาบนผนังถึงกับสะดุ้ง

   “วิน รีบกลับเหอะ เราออกมานานแล้วนะ”

   “อีกแปบ”

   ชินเลือกที่จะเงียบตามนิสัย ไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ลากคอเสื้อวินออกไปทันทีโดยไม่สนเสียงโวยวาย แถมยังขึ้นจักรยานหันมาขู่

   “จะซ้อนหรือจะเดิน”

   คำถามง่ายๆ ที่วินได้คำตอบทันที เจ้าตัวขึ้นเหยียบที่วางเท้าแล้วเกาะบ่าเพื่อนซี้ ชินซิ่งกลับบ้านโดยไว สิ่งแรกที่วินมองคือรถจักรยานแม่บ้านของแม่

   “ค่อยยังชั่ว แม่ยังไม่กลับ”

   ขืนแม่กลับมาแล้วรู้ว่าพวกเขาแอบทิ้งน้องไว้ไปเที่ยวเล่น มีหวังได้ถูกดุยับแหง วินจับประตูรั้วถามชินด้วยความสงสัย

   “ชินนายไม่ได้ปิดประตูเหรอ”

   “ฉันปิดแล้ว”

   เด็กผมดำตอบเสียงหนักแน่น วินชักเริ่มรู้สึกไม่ดี เขารีบวิ่งเข้าไปในบ้านถอดรองเท้าทิ้งแบบไม่สนใจ หลังเห็นประตูบ้านเปิดแง้มอยู่ ดวงตาพลันเบิกกว้าง พุ่งสายตาไปยังผ้าปูที่วัตนอนอยู่ มันว่างเปล่า!

   “ชิน! วัตไม่อยู่!!”

   พี่ชายวิ่งหน้าตื่นออกมาหาเพื่อนที่กำลังจอดจักรยานเข้าที่ ชินตาโตมองไปรอบสวน

   “รีบแยกไปดูกันเร็ว วัตอาจจะยังอยู่ในบ้านก็ได้”

   สองเด็กน้อยไม่กล้ารอช้า วินเป็นคนดูด้านใน ชินวิ่งดูในสวนรอบบ้าน ทั้งคู่มาเจอกันหน้าประตู ใบหน้าซีดขาว วินนึกขึ้นได้ว่าแม่ฝากป้าข้างบ้านก่อนออกไปข้างนอก ไม่แน่บางทีป้าคนนั้นเห็นพวกเขาไม่อยู่เลยพาวัตไปดูแล

   วินปีนต้นไม้เตี้ยถามข้ามกำแพง ไม่อยากเสียเวลาวิ่งอ้อมไปหน้าบ้าน

   “ป้าครับ เห็นน้องผมรึเปล่า”

   หญิงวัยกลางคนผละจากงานบ้านเงยหน้ามองเด็กที่เธอเอ็นดูเหมือนหลาน

   “ป้าไม่เห็นนะจ๊ะ”

   “ขอบคุณครับ!”

   วินกระโดดลงจากต้นไม้สีหน้าแย่เต็มที ชินไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ เขาจ้องที่จอดรถจักรยานเขม็ง บ้านของวินมีจักรยานอยู่สี่คัน คันแรกเสือภูเขาของพ่อ ยังคงจอดให้ฝุ่นเกาะอยู่ตามเดิม จักรยานแม่บ้านของแม่ จักรยานสองล้อของวิน และจักรยานสี่ล้อลายอุลตร้าแมนของวัต...

   มันหายไป!

   “น้องบ้าไม่น่าสอนปั่นจักรยานเลย!”

   พ่อเป็นคนสอนเขาปั่นจักรยาน ตัวเองเป็นคนสอนน้องอีกที วินโวยกับท้องฟ้าแล้วรีบปิดบ้านซ้อนท้ายชินเพื่อออกไปหาน้องข้างนอก หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ถือเป็นหมู่บ้านใหญ่พอสมควร แถมมีทางลัดซอกซอยเยอะ ได้แต่หวังว่าขาสั้นๆ ของวัตคงปั่นไปได้ไม่ไกล

   ป้าเพ็ญข้างบ้าน พอเด็กเด็กๆ รีบร้อนออกไป จากประสบการณ์เลี้ยงลูกหลานมาทำให้เดาได้ว่าเจ้าตัวเล็กหายออกจากบ้านแน่ๆ ส่วนหนึ่งเธอเองก็ผิดที่ไม่ทันใส่ใจดูแล ในฐานะผู้ใหญ่ต้องรีบบอกคนอื่นๆ แถวนั้นให้ช่วยกันออกตามหาแล้วโทรบอกรสาแม่ของเด็ก

   รสาตอนนั้นกำลังกลับพอดี เพราะเครื่องคิดเงินที่ร้านสะดวกซื้อมีปัญหา กว่าช่างจะมาซ่อมเสียเวลาไปไม่น้อย

   “สวัสดีค่ะ เด็กๆ ซนเหรอคะป้าเพ็ญ”

   คุณแม่ถามด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่สิ่งที่เธอได้ยินทำเอาใจกระตุกวูบ แทบจะทำโทรศัพท์ร่วงจากมือ

   “รสาตาวัตหายไป ฉันกำลังออกตามหาพร้อมกับคนแถวนี้ เธอรีบกลับมาเถอะ”

   “ค่ะ ฉันจะรีบกลับไป แล้ววัตกับชินล่ะคะ”

   ต่อให้ตกใจแค่ไหน สิ่งที่คนเป็นแม่ควรมีในเวลานี้คือสติ เธอสูดลมหายใจลึก ถามถึงลูกชายอีกสองคนด้วยความหวังว่าเด็กๆ คงซนพาน้องออกไปเล่นเฉยๆ

   “เด็กสองคนนั้นรีบออกไปหาน้องแล้ว”

   “ขอโทษนะคะที่ทำให้วุ่นวาย”

   มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ทั้งที่ยังเร่งปั่นให้ถึงบ้าน อย่างน้อยเธอก็วางใจได้เปราะหนึ่ง ลูกชายคนโตกับเด็กที่เอ็นดูเหมือนลูกยังปลอดภัย

   “ไม่เป็นไร ฉันเองก็ผิด ทั้งที่เธอฝากไว้แท้ๆ รสา เธอรีบกลับมานะ ฉันจะออกไปหาต่อ”

   “ค่ะป้าเพ็ญ”

   มือเรียวสวยแต่หยาบกร้านจากการทำงานบ้าน กดวางสายปั่นไปถึงบ้านทั้งที่เหนื่อยหอบ ภายในบ้านไร้วี่แววของเด็กๆ รสารีบตามไปสมทบกับคนแถวนั้นออกตามหาลูก เสียงเรียกชื่อดังระงม ภายนอกแม้จะดูเข็มแข็ง แต่ในเวลานี้มือของเธอสั่นไปหมด ในหัวนึกภาพชายคนรักที่พึ่งพิงทั้งกายและใจ

   วัตจะต้องไม่เป็นไร ฉันจะต้องหาลูกให้เจอ...


   ทางฝั่งเด็กชายสองคน พวกเขาไปทุกที่ ที่เคยพาวัตไปและคาดว่าน้องชายจะอยู่ ไม่ว่าที่ไหนก็หาไม่เจอ ชินปั่นจนเมื่อยขาต้องสลับกับวิน พวกเขาช่วยกันตะโกนเรียกชื่อพลางถามคนแถวนั้นจนมาถึงสวนสาธารณะ เห็นพวกเพื่อนเลยจอดถาม เจ้าพวกนี้ปั่นไปทั่วหมู่บ้าน อาจจะเห็นบ้าง

   “เฮ้ย เห็นวัตกันมั้ย”

   เจ้าของแมวเตะบอลส่งให้เพื่อนแล้วตะโกนกลับมา

   “เห็นดิ วัตถามหาพวกนายอยู่ ฉันเลยบอกว่าอยู่ที่บ้าน... เฮ้ย! พวกมันรีบไปไหนกัน”

   ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี สองพี่ชายรีบบึ่งกลับเส้นทางเดิม เพราะชินใช้ทางลัดกลับบ้าน คงจะสวนกันแน่ ปั่นจนไปถึงบ้านเพื่อน เห็นจักรคุ้นตาจอดอยู่ สองพี่ชายโยนจักรยานทิ้งพุ่งตัวเข้าไปเห็นน้องชายกำลังนั่งมองแมวอยู่ ใบหน้าน่ารักหันมายิ้มแป้นไม่รู้เรื่องรู้ราว

   “พี่วิน พี่ชิน! มาดูสิ ลูกแมวน่ารัก ไปขอแม่เลี้ยงกัน”

   สองพี่รู้สึกหมดแรง ทรุดลงนั่งเป็นหมาหอบแดด ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อขนาดคุณน้าเจ้าของบ้านยังนึกเป็นห่วง

   “ไปเล่นที่ไหนกันมา ดูซิเหงื่อท่วมเลย อ้าว แล้วไม่ได้อยู่กับลูกชายน้าเหรอ”

   ทั้งคู่ส่ายหัว วินเป็นคนเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง หัวอกคนเป็นแม่เหมือนกันขมวดคิ้วรีบบอกให้วินกับชินรีบพาน้องกลับ ไม่รู้ว่าป่านี้รสาจะเป็นห่วงแค่ไหน เด็กสองคนรับคำ ยกมือไหว้ก่อนพากันกลับบ้าน

   ที่หน้าบ้านมีแต่ผู้ใหญ่ยืนเต็มไปหมด ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นคุณแม่ที่ยืนหน้าซีดอยู่หน้าบ้าน พอรสาเห็นลูกชาย รีบถลาเข้ามาหา จับเนื้อจับตัวลูบผมถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

   “วัต! ลูกไปไหนมา พวกลูกปลอดภัยดีใช่มั้ย”

   “ผมไปดูลูกแมวมา แม่ฮะ ผมขอเลี้ยงแมวนะ”

   เด็กน้อยผู้ไม่รู้อะไร ทำอ้อนตาใส คนเป็นแม่คว้ามากอด ไม่ทันตอบคำถามหันไปขอบคุณทุกคนที่ช่วยออกตามหาลูกชาย

   “ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยตามหาลูกฉัน”

   ผู้ใหญ่ชายหญิงพากันส่ายหัว ผู้หญิงเข้าใจกันเดินมาตบบ่าลูบหลัง

   “ไม่เป็นไร มีอะไรก็ช่วยๆ กัน ครอบครัวพวกเธอเองก็ช่วยเราเอาไว้เยอะ”

   “ใช่ๆ อีกอย่าง ถ้าไม่ช่วยหา มีหวังอาเนซได้อาละวาดหมู่บ้านแตกจนพวกเราไม่มีที่ซุกหัวนอนพอดี เฮ้ยพวกเอ็ง บอกคนอื่นด้วยเราเจอเด็กแล้ว”

   ผู้ชายอีกคนหัวเราะเบิกบานไม่ถือสาพลางหันไปตะโกนกระจายข่าวให้คนอื่น หลังเรื่องจบทุกคนพากันแยกย้ายกลับบ้านตัวเอง ส่วนเด็กชายสองคนผู้มีความผิดได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา คราวนี้รสาไม่ดุอย่างทุกที เธอเพียงแค่บอกว่าจะให้อาเนซมาจัดการและไล่ทุกคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ

   ช่วงค่ำหลังมื้อเย็น อาเนซนั่งฟังเรื่องทุกอย่างจากภรรยา มือใหญ่ลูบมือภรรยาเบาๆ มองด้วยแววตาชื่นชม

   “รสาเธอทำได้ดีแล้ว ไม่เป็นไรนะ”

   แค่เพียงคำพูดธรรมดากับน้ำเสียงอบอุ่นทำให้เธอทิ้งความกังวลได้อย่างหมดจด เธอยิ้มบางให้คนรักและพาลูกชายคนเล็กไปนอน เพื่อที่คุณพ่อจะได้สั่งสอนลูกต่อไป

   วินกับชินนั่งเงียบอยู่ในห้องนั่งเล่น ปกติเวลานี้ชินควรจะกลับบ้าน แต่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์เขาเลยค้างคืนกับวินเหมือนทุกที อาเนซออกจากห้องครัวที่คุยกับภรรยายืนมองลูกชายด้วยใบหน้าดุดัน

   “วินไปเด็ดก้านมะยมมา”

   คำสั่งเรียบง่ายทำให้วินหน้าซีดเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขายอมออกไปในสวนเด็ดก้านมะยมมาตามที่พ่อสั่ง อาเนซรูดใบมะยมทิ้งทั้งหมด เรียกวินไปยืนกอดอกอยู่ตรงระเบียงติดกับสวน

   “ลูกรู้รึเปล่าว่าทำอะไรผิด”

   “รู้ครับ” วินตอบเสียงเบา ชินเริ่มนั่งไม่ติดด้วยความเป็นห่วงเพื่อน บ้านเขาไม่มีการตีแบบนี้ แม้จะได้ยินวินบ่นเรื่องโดนแม่ตีบ่อยๆ แต่ยังไม่เคยเห็นกับตา มาวันนี้ถึงรู้ว่ามันน่ากลัวสุดๆ คิดว่าน่ากลัวว่าแม่รสาด้วย

   “รู้ว่าอะไร”

   อาเนซถามด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีการตะคอก แดกดัน ประชดหรืออะไรทั้งสิ้น เขาต้องการสั่งสอนลูก ไม่ใช่ข่มให้ลูกกลัวตัวเอง

   “ผมไม่ทำตามที่แม่สั่ง ปล่อยน้องให้อยู่คนเดียว”

   “ดี ถ้าเข้าใจแล้วพ่อจะลงโทษลูก วันหลังห้ามทำแบบนี้อีก”

   วินพยักหน้ารับขอบตาแดงก่ำ ริมฝีปากเม้มแน่นเตรียมรับความเจ็บ ยังไม่ทันที่อาเนซจะง้างมือตี ชินกลับวิ่งเข้ามาขวาง

   “เดี๋ยวครับ! ถ้าจะลงโทษ ลงโทษผมด้วยเพราะผมเองไม่ยอมห้ามวิน”

   อาเนซนึกถึงพ่อของเด็กตรงหน้า ทางนั้นเลี้ยงลูกอย่างกับเทวดาคงไม่เคยตีลูกแน่ แต่พอนึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายฝากให้ดูแลสั่งสอนลูกชายได้เต็มที่ จึงพยักหน้ารับ

   “พ่อจะตี 5 ที คนหนึ่งต้องโดนสามที อีกคนจะโดนแค่สอง พวกลูกเลือกมา” เขาลดมือลงถามอย่างใจเย็น

   “ผมขอสามทีครับ!”

   ชินตอบทันที วินสวนขึ้นมาอย่างไม่ยอม

   “ไม่ได้ ฉันต้องโดนสาม นายโดนแค่สองพอ คนที่ไม่ฟังและชวนนายออกไปคือฉัน”

   วินประกาศกร้าว ภายนอกอาเนซไม่มีท่าทีกับการทะเลาะกันของเด็กสองคนตรงหน้า แต่ลึกๆ ในใจ เขากำลังภูมิใจในตัวลูกชายและลูกของเพื่อน

   “ดี! ลูกผู้ชาย กล้าทำต้องกล้ารับ ทั้งคู่กอดอกหันหลัง!”

   เขาสั่งเสียงเข้ม คราวนี้วินไม่มีอาการกลัวเท่าตอนแรก แม้จะยังหวาดๆ แต่ดูเหมือนยืดอกรับความผิดที่ตัวเองก่อ เด็กทั้งสองโดนตามจำนวนที่ระบุไว้ อาเนซไล่ทั้งคู่ไปนอน เด็กสองคนพากันลูบก้นเดินขึ้นชั้นบน ทั้งที่เจ็บแสนเจ็บ แต่พยายามกลั้นน้ำตาไม่ยอมร้องไห้ทั้งคู่ พอลับสายตาไป เขาโยนก้านมะยมทิ้งราวกับไม่อยากแตะมันอีกเป็นครั้งที่สอง

   ความจริงมีอีกวิธี ที่จะลงโทษโดยไม่ต้องตี คือการพูดให้สำนึกว่าตัวเองทำอะไรลงไปและผลที่ตามมามันร้ายแรงแค่ไหน แต่เด็กทั้งคู่อายุแค่นี้ หากใช้วิธีแบบนั้นเกรงว่าจะมีผลกระทบทางด้านจิตใจ ผู้นำครอบครัวถอนหายใจเฮือกใหญ่ จังหวะเดียวกับที่ภรรยาลงมาหาพอดี

   “รับบทโหดที่ไม่ชิน ลำบากหน่อยนะ”

   รสากลับเห็นท่าทางงุ่นง่านของสามีเป็นเรื่องขำ เลยโดนค้อนไปทีหนึ่ง

   “ที่รัก เธอก็รู้ว่าฉันรักลูกแค่ไหน ให้มาดุด่าตีเองกับมือฉันอยากจะโดนแทนด้วยซ้ำ ต่อให้เจ็บแค่ปลายก้อยก็ไม่อยากให้เจ็บ”

   “ปากพูดแบบนี้ แต่เมื่อกี้ไม่ออมมือเลยไม่ใช่เหรอ ถึงได้ลูบก้นกันขึ้นไปชั้นบน” มือเรียวลูบต้นแขนคนรัก อาเนซถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง

   “ถ้าออมมือไว้ตีเบาแบบเธอลูกก็ไม่จำน่ะสิ ว่าแต่ ดูเจ็บมากเลยเหรอ ฉันว่ายั้งๆ แรงไว้บ้างแล้วนะ จริงสิ”

   พูดจบเจ้าตัวเดินไปคุ้ยตู้ยาสามัญประจำบ้าน หยิบเอากระปุกขี้ผึ้งสมุนไพรสูตรบ้านรสามาส่งให้ภรรยา

   “ก่อนนอนเอาไปทาให้เด็กๆ ที”

   “จ้าๆ นายเอกก็ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว วัตรอฟังนิทานก่อนนอนอยู่นะ”

   พอบอกว่าลูกชายคนเล็กรอ คนพ่อก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นไปชั้นบนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ คว้าหนังสือเรื่องตำนานหมาป่ามาอ่านให้ลูกฟัง ตัดพวกฉากโหดร้ายทั้งหลายทิ้งจนหมด ตัวอาเนซก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมลูกชายคนเล็กถึงไม่ชอบฟังนิทานอย่างเด็กเลี้ยงแกะ หนูน้อยหมวกแดงเหมือนเด็กคนอื่น สุดท้ายก็สะบัดหัวไล่ความคิดนั่นทิ้ง ขอแค่ลูกมีความสุขก็พอแล้ว

   วันถัดมา วินกับชินยังออกอาการเกร็งเวลาเจอพ่อ อาเนซต้องไปร้องกระซิกกับภรรยาทุกคืน จะใจอ่อนไปโอ๋เอาใจก็ไม่ได้ เดี๋ยวเสียการปกครอง ผ่านไปสามวันวินกลับมาซนกวนพ่อตามเดิม ชินแม้จะเงียบเป็นปกติ แต่ให้ความรู้สึกสนิทสนมเป็นครอบครัวกันมากขึ้นจนอาเนซเริ่มคิด ยึดมาเป็นลูกตัวเองอีกคนเลยดีมั้ยนะ

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน3 5/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-12-2015 00:52:48
อ้อยยยย!! น่ารัก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน3 5/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 06-12-2015 01:06:40
ชอบเรื่องนี้จัง วินชินวัตน่าร้ากกกกกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน3 5/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 07-12-2015 13:15:35
จะมีเรื่องไหนที่พ่อตาจะรักลูกเขยขนาดอยากยึดมาเป็นลูกอีกคนเนี่ย :hao7:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 12-12-2015 22:53:13
Part4 เปลี่ยน

   ไม่รู้ว่าทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ อาจจะเริ่มตอนช่วงผมขึ้นมัธยม ผมเรียนต่อที่โรงเรียนเดิม มีเพื่อนใหม่เข้ามา พอๆ กับมีเพื่อนเก่าย้ายออกไป ส่วนชินยังคงอยู่กับผมตลอด บางทีได้อยู่ห้องเดียวกัน บางทีก็แยกห้องบ้าง ซึ่งมันไม่เป็นปัญหา ช่วงพักเราจะมาเจอกันและไปหาวัต

   วัตเป็นเด็กสดใสเหมือนเคย เขามีเพื่อนเยอะไม่ต่างจากผม สามารถทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มได้ การเรียนถือว่าปานกลางไม่ได้เก่งเหมือนอย่างผมหรือชิน แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ขอแค่น้องผมมีความสุขก็พอ

   ส่วนผม ความสุขมันเริ่มหายไป...

   ช่วงแรกของการขึ้นมัธยมทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ผ่านไปแค่เดือนเดียว บรรยากาศรอบตัวผมต่างไปจากเดิม ทุกคนยังขอให้ผมช่วยเรื่องการบ้าน ติวสอบ งานกลุ่ม แต่ท่าทีเหล่านั้นมันดูมีอะไรแอบแฝง

   พวกเขายิ้มแย้ม ขอให้ผมช่วย ชมว่าผมเก่งดีอย่างงั้นอย่างงี้ พอผมได้รับคำชมจากครู ได้รางวัลจากงานแข่งวิชาการ เพื่อนทุกคนยิ่งเปลี่ยนไป พวกเขาเข้าหาผมแค่เฉพาะเวลาที่ต้องการให้ช่วย นอกจากนั้นมักจะจับกลุ่มคุยกันเอง ทุกคนในห้องไม่ได้เล่นด้วยกันอีก คนนั้นไม่ถูกกับคนนี้ คนนี้นินทาคนนั้น แบ่งพรรคแบ่งพวก

   ผมไม่เข้าใจ ผมลองไปถามชินดู เขาเพียงแค่มองผมนิ่งๆ แล้วบอกผมว่าผมคิดมากเกินไป ไม่ต้องสนใจใคร ทำตัวอย่างปกติก็พอแล้ว

   อย่างที่ชินพูด ใครจะเป็นยังไงไม่สำคัญ ทุกคนคงเปลี่ยนไปด้วยวัยที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ความชอบ รสนิยมเริ่มแตกแยกย่อยมากขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อน วันๆ ไม่คิดเรื่องอะไรนอกจากเล่นเที่ยวตามประสา

   แถมยังมีเรื่องความรักเข้ามาอีก สังคมที่โรงเรียนเริ่มแย่ลงทุกที ผมมองสิ่งเหล่านั้นด้วยสายตาเบื่อหน่าย ไม่เข้าใจจะอิจฉาไปทำไม ใครแย่งใครมันสำคัญตรงไหน จนกระทั่งเรื่องมาเกิดกับตัวเอง เพื่อนผู้หญิงต่างห้องที่ชอบผม

   ผมโดนแซวกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นแฟนกัน แฟนบ้าอะไร เบอร์โทรยังไม่มี ขนาดชื่อผมยังจำได้แค่ชื่อเล่น นอกนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักอย่าง ผมก็เบื่อที่จะค้าน พอบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ก็ถูกทำเสียงแซว น่ารำคาญ เลยเลือกที่จะปล่อยไป เอาไว้พวกนั้นมีหัวข้อใหม่มาพูดเดี๋ยวก็เลิกไปเอง

   เรื่องเงียบไปอย่างที่คิด แต่มีบางคนไม่จบ ระหว่างนั่งกระดิกเท้าแอบกินขนมใต้โต๊ะเรียน มีเพื่อนที่เคยอยู่ห้องเดียวกันสมัยประถม บุกมาหาผมถึงห้อง บอกให้ไปเจอกันตอนเลิกเรียนมีเรื่องอยากจะคุยด้วย ผมหรี่ตามอง นึกถึงหนังสือการ์ตูนที่เพื่อนบางคนชอบอ่านขึ้นมาทันที

   ผมไปตามนัด ไม่ได้บอกชินเพราะพวกนั้นบอกให้ผมมาคนเดียว แต่ไหงมันมาพวกมาตั้งสามคน

   “มึงเลิกยุ่งกับกิ๊ฟซะ”
   
   ผมขมวดคิ้ว กิ๊ฟไหนวะ

   “อย่ามาทำเป็นแกล้งโง่! มึงทำกิ๊ฟเสียใจ ถ้ามึงไม่รักเธอก็ปล่อยเธอไปสิวะ” ผมงงเป็นไก่ตาแตก หลุดถามไปแบบมึนๆ

   “กิ๊ฟไหน ไม่รู้จัก”

   มันหน้าดำหน้าแดง เหมือนโกรธผมมาสิบชาติ

   “ไอ้ชั่วเอ๊ย ทั้งที่ตอนเด็กกูคิดว่ามึงนิสัยดี ไม่นึกเลยว่ามึงจะเหี้ยขนาดนี้ กับผู้หญิงคนเดียวยังทำได้ อย่าอยู่เลยมึง!!”

   มันถลาเข้ามาจะซัดผม หนึ่งหมัดเต็มๆ หน้า เจ็บสลัด ได้กลิ่นเลือดในปาก พ่อผมต่อให้โกรธแค่ไหนยังไม่เคยทำให้ผมได้เลือดเลยนะเว้ย ด้วยความหงุดหงิดที่จู่ๆ มันซัดผมโดยที่ไมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เลยซัดกลับ มันชกหนึ่งทีผมจัดมันสอง เพื่อนมันเข้ามาช่วย ผมก็จัดมันทั้งหมด ต่อให้ตายก็ต้องเอาเลือดพวกมันออกมาให้ได้!

   วันนั้นผมกลับบ้านไปในสภาพน่วมสุดๆ ชิงหนีจากชิน สั่งไม่ให้มันมาบ้าน ไม่งั้นเดี๋ยวมันตามไปอัดพวกนั้นเข้าโรงบาลแหง

   วัตเห็นผม อ้าปากค้างปล่อยจอยในมือลงพื้นก่อนวิ่งแหกปากไปบอกแม่ว่าผมต่อสู้กับมอนสเตอร์มา ส่วนแม่แค่มองด้วยรอยยิ้มบอกว่าผมโตเป็นหนุ่มแล้วสินะ พ่อกลับบ้านมาตอนค่ำจ้องผมเขม็งด้วยตาแดงก่ำ

   “ใครรังแกลูกบอกพ่อมา!”

   “มันเป็นเรื่องของเด็กผู้ใหญ่ไม่เกี่ยว” ผมโบกมือใส่ พ่อทำหน้ารับไม่ได้ เกาะซบแม่บอกว่าผมอยู่ในวัยต่อต้าน

   เวลาเข้านอนวัตกระแซะมาหาผมที่ห้อง ความน่ารักในตอนเด็กมันหายไปตามวัย ตอนนี้เหลือแค่น้องชายเกรียนๆ หนึ่งคน

   “พี่สู้กับมอนสเตอร์ตัวไหนมา”

   “หน้าตาเหมือนคน แต่สมองโง่กว่าควาย”
 
   “พี่กับมันใครชนะอะ” วัตถามตาวาว ผมควรจะลดไม่ให้น้องเล่นเกมไปมากกว่านี้ คิดว่าพี่ชายตัวเองเป็นตัวละครในเกมรึไงหา!?

   “แน่นอน ระดับนี้ พี่ชนะ” อาศัยเครื่องทุ่นแรงนิดหน่อย อย่างกระเป๋า ก้อนหินแถวนั้น สี่รุมหนึ่งนะเฮ้ย

   “วันหลังพาผมไปด้วยนะ”

   ผมหรี่ตามอง ขยี้หัววัต

   “เก็บเวลให้ตันก่อนค่อยคุยกัน” วัตส่งเสียงชิแล้วสะบัดหน้างอนออกจากห้องผมไป บางทีคนที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้คงเป็นผมเอง ไม่น่าสอนเล่นเกมเลย น่าจะพาเล่นพวกลุงท่อประปา

   วันถัดแม่ ผมถูกเรียกผู้ปกครองไปพบ รวมกับโจทย์ทางนั้น พ่อผมไม่ว่างแม่เลยมาแทน แม่นั่งด้วยรอยยิ้มถามไถ่เด็กพวกนั้นอย่างเป็นห่วง หันมาดุผม

   “วิน วันหลังห้ามทำแบบนี้รู้มั้ยลูก กลับไปแม่จะบอกให้พ่อจัดการให้เข็ด! ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ที่ลูกชายทำแบบนี้ ดิฉันจะสอนเขาเอง ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลทางเราจะออกให้ทั้งหมด”

   พ่อเนี่ยนะจะจัดการผม แค่ผมแกล้งแหย่นิดหน่อยก็หงอยแล้ว ไม่มีทางซะล่ะ เมื่อวานยังจะดื้อไม่ยอมไปทำงานเพื่อมาดูหน้าเด็กที่รังแกลูกชายตัวเองอยู่เลย ดีที่มีแม่คุม ไม่งั้นผมกับวัตคงไม่มีเงินเรียนหนังสือ ส่วนผู้ปกครองพวกนั้น พอได้ยินว่าจะได้ค่ารักษา จากหน้าบูดเป็นตูดลิง กลับยิ้มคุยกับแม่ผมอย่างเมตตาว่าเด็กคงเล่นซนกันพวกเขาไม่ถือสา แต่ให้เลขบัญชีมาเสร็จสรรพ พอครูเห็นว่าเราเคลียร์กันได้ ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เลยปล่อยผ่านไป แค่ให้ผมกับพวกนั้นติดทัณฑ์บนเอาไว้

   ผมโดนแม่ลากกลับมาคุยที่รถด้วยสีหน้าจริงจัง

   “บอกสาเหตุมาว่ามันเกิดจากอะไร”

   นี่แหละคนที่น่ากลัวที่สุดในบ้าน

   “พวกรู้เหมือนกันแม่ จู่ๆ พวกนั้นก็เรียกผมไปคุย หาว่าผมทำผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจ ชื่อกิ๊ฟอะไรเนี่ยแหละ ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำ แล้วพวกนั้นก็มาชก ผมเลยสวนกลับ ผิดตรงไหนเนี่ย” ผมบ่นอุบ ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เอ๊ะ คนที่ชื่อกิ๊ฟ ใช่คนที่เคยโดนแซวตอนนั้นรึเปล่านะ ช่างเถอะ รับมือแม่สำคัญกว่า

   “ลูกชกกลับไปกี่หมัด”

   “ไม่รู้ดิ มันซัดมาหนึ่งผมจัดไปสอง มันถีบมาหนึ่งผมถีบไปสอง ถ้ามันรุม ผมก็เอาของแถวนั้นมาเป็นอาวุธจัดการ”

   “วันหลังห้ามทำแบบนี้อีกนะเข้าใจมั้ย”

   ผมหันหน้าหนี รับเสียงเนือง ผมผิดตรงไหนเนี่ย พ่อกับแม่เป็นคนสอนผมเองนะ ถ้าใครมารังแกผมกับน้องให้จัดการกลับสองเท่า

   “คราวหน้าต้องทำแบบแนบเนียน ไม่ต้องต่อยกลับ ยอมโดนนิดหน่อยแล้วไปบอกครูจัดการพวกนั้นซะ หรือไม่นอกรั้วค่อยจัดการ ไม่ได้การ ลูกชายโตเป็นหนุ่มแล้ว ต้องมีวิชาป้องกันตัว เดี๋ยวแม่จะบอกให้พ่อถามคนรู้จักให้ จะพาลูกกับชินไปฝึกสักหน่อย”

   ผมรีบหันกลับมาจับมือแม่ตาโต

   “เดี๋ยวแม่ใจเย็น”
   
   “ใจเย็นไม่ได้แล้ว ลงไปเรียนซะ แม่จะโทรหาพ่อ”

   แล้วผมก็ถูกแม่ถีบส่งลงจากรถ ให้ตายเถอะ บ้านผมมีคนธรรมดามั้ยเนี่ย ความจริงพ่อกับแม่ตอนแต่งงานเกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำให้นิสัยสลับกันรึเปล่า

   ระหว่างผมจะเดินกลับ ชินยืนดังสีหน้าทมึนเกินบรรยาย คงจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว

   “ทำไมไม่บอก”

   “เรื่องมันจบไปแล้ว เอาเป็นว่าหลังจากนี้ถ้ามีเรื่องออกกำลังกาย ฉันจะพานายไปด้วย”

   ชินไม่เคยขัดผมได้สักครั้ง ทำหน้าโกรธไม่เท่าไหร่ก็ถอดใจ เปลี่ยนตัวเองเป็นเงาตามติดผมทุกฝีก้าว บางวิชายังเนียนมานั่งเรียนด้วยจนครูแทบจะลืมแล้วว่าความจริงมันอยู่ห้องไหน

   หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ผมกับชินโดนจับไปฝึกจริงๆ ทุกวันอาทิตย์ แถมก็มีข่าวลือออกมาเพียบ ไม่ว่าจะเรื่องผมเจ้าชู้ชอบคบผู้หญิงแล้วทิ้ง ต่อหน้าครูทำเป็นเด็กดี ลับหลังเป็นเด็กเกเร มีกระทั่งผมโกงข้อสอบทำให้ผมคะแนนดี ชอบหาเรื่องชกต่อยคนอื่นโดยมีชินเป็นลูกสมุน ผมอยากหัวเราะให้ฟันร่วง

   ที่ผมมีแผลบ่อยก็เพราะพวกนั้นชอบมาหาเรื่อง ที่ผมเรียนได้ดีเพราะผมตั้งใจเรียน ส่วนเรื่องหน้าตาดี อันนี้โทษผมไม่ได้นะ ต้องไปโทษพ่อกับแม่ พ่อหล่อราวดับเทวดา แม่สวยอย่างกับนางฟ้า ถ้าผมเกิดมาหน้าตาเหมือนมังกรพ่อคงคิดแล้วล่ะ ว่าแม่ผมกำลังมีชู้

   แต่สิ่งที่น่าโมโหคือ วัตโดนไปด้วยเพราะเป็นน้องชายผม เด็กบางคนไม่ยอมเล่นเพราะกลัวว่าผมจะไปตามชก หลังๆ ผมเลยไปหาวัตน้อยลงจนแทบไม่ได้เลย น้องผมช่างให้ความร่วมมือ วิ่งขึ้นมาชั้นสี่หาผมเองถึงที่

   “ไหนพี่บอกจะเลี้ยงขนมไง!”

   “เอาไว้เลิกเรียนขากลับนะ”

   “ไม่ได้ สัญญาต้องเป็นสัญญา พี่วินมาเลี้ยงขนมผมกับเพื่อนเดี๋ยวนี้ พี่ชินด้วย”

   ผมกับชินมองหน้ากัน ยอมให้น้องชายตัวเล็กลากไปโรงอาหาร ที่นั่นมีเพื่อนวัตรอก่อนแล้ว เด็กบางคนเกร็งๆ เมื่อเห็นพวกผม แต่พอขนมมาเท่านั้นแหละ ลืมไปจนหมดสิ้น เห็นน้องชายโอเคดีผมก็วางใจ


   ว่าด้วยเรื่องแฟนคนแรกของผม เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่อยู่คนละห้อง เธอนิสัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น แอบชอบผมแบบเงียบๆ ไม่เหมือนคนอื่นที่แสดงอาการชัดเจนว่าสนใจ ทุกวันผมจะเจอผู้หญิงสะดุดเข้าหาหรือเดินชนไม่รู้กี่รอบ ชินมันแทบแบกผมขึ้นแล้วเดินด้วยซ้ำ

   หน้าตาเธอไม่โดดเด่น แต่นิสัยดีน่ารัก ผมเลยลองคุยดู แอบแลกเบอร์คุยกันโดยไม่ให้ใครรู้ยกเว้นชิน ก็ในเมื่อเจ้าตัวเสนอให้ผมลองคบเอง ทำตัวเป็นพ่อสื่อ จะไม่รู้ได้ยังไง

   พอวันหยุดจะไปเดทกันตามประสาแฟน ที่เดทจะเป็นพวกร้านหนังสือที่เธอชอบ ร้านขนมบรรยากาศสงบ ทำอย่างมากแค่จับมือ เห็นท่าทางเขินอายผมยิ่งชอบ เธอบอกว่าเหมือนเป็นความฝันที่ได้คบกับคนเพอร์เฟคอย่างผม ในวันที่ผมคิดจะพาเธอไปเที่ยวที่บ้าน ให้ลองสัมผัสครอบครัวผมดู ความจริงก็ถูกเปิดเผย

   ความลับไม่มีในโลก ไม่รู้ใครเห็นตอนเราเดินเที่ยวกันอาทิตย์ก่อน ถ่ายรูปมาเผยแพร่ พูดปากต่อปากจนข้อมูลผิดเพี้ยนไปหมด เธอถูกเพื่อนผู้หญิงรังแกเพราะเธอมายุ่งกับผม ผมไม่สามารถปกป้องเธอได้ตลอดเวลา ท้ายที่สุด เธอก็ย้ายโรงเรียนออกไป

   ผมยอมโดดเรียนหนึ่งวันไปหาเธอที่บ้าน ถึงได้รู้ว่าเธอกำลังจะย้ายออกไปอยู่ต่างจังหวัด สาวแว่นท่าทางเรียบๆ เธอมีรอยยิ้มอบอุ่นจับมือผมเอาไว้

   “อย่าคิดมากนะวิน ฉันย้ายไปเพราะพ่อต้องไปทำงานที่นั้น”

   “เธอจะไปเมื่อไหร่”

   “อีกสามวัน”

   ต่างคนต่างเงียบ ลังเลที่จะพูดความในใจออกมา ผมตัดสินใจถาม

   “เรายังคบกันอยู่รึเปล่า”

   “ขอโทษนะ” เธอตอบทันที คงจะคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว แค่ประโยคสั้นๆ สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง ผมพยักหน้ารับแล้วยิ้มบอกลา

   “โชคดี”

   ถือว่าหลังจากนี้เราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก ถามว่าผมเสียใจมั้ย เสียใจอยู่ ความรู้สึกที่ผมมีให้เธอเป็นของจริง แต่เรายังเด็ก มันก็แค่ประสบการณ์ครั้งหนึ่งก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ บางทีคงดีกว่า ถ้าผมไม่คบผู้หญิงคนไหนเลย ผมมีวัต มีชิน มีครอบครัว ไม่ได้โหยหาความรักจากคนอื่นขนาดนั้น

   ชินโดดเรียนตามผมมายืนหลบมุมรออยู่ ไอ้เสือผู้หญิงเลิกคิ้วมอง

   “อกหักแล้ว ยินดีด้วย”

   ผมยกขาถีบไปที อย่างมันมีหน้ามาพูดกับผมเรอะ หักอกสาวเป็นว่าเล่น

   “หรือนายจะแนะนำสาวให้” ผมสวนกลับ มันส่ายหัว

   “พวกนั้นไม่ได้เรื่อง” วาจาเรียบเฉย ผมเจ็บปวดแทนผู้หญิงเหล่านั้นจริงๆ ไม่รู้ว่าผมดูแลชินผิดตรงไหน ทำไมถึงกลายเป็นเสือผู้หญิงได้ขนาดนี้ ยังอยู่ม.ต้นกันแท้ๆ

   ปากบอกชินเสือผู้หญิง หลังจากนั้นดูผมไม่ค่อยต่างเท่าไหร่ คบๆ เลิกๆ เป็นว่าเล่น จะข่าวอะไรออกมาเลิกสนใจไปนานแล้ว ก็นะ ในเมื่ออยากคบกันนักหนา ผมเลยลองคบดูให้สมใจอยาก แต่ไม่ได้ตามไปดูแลอะไรเหมือนแฟนคนแรกผมหรอก ผมไม่ได้ชอบหนิ แค่สนองให้

   แล้วผู้หญิงทุกคนต้องบอกเลิกกับหมดผม ไม่ก็ผมเป็นฝ่ายบอกเลิกเอง เหตุผลง่ายๆ คนพวกนั้นให้ผมเลือกระหว่างตัวเองกับวัต บ้ารึเปล่า ผมก็ต้องเลือกน้องผมดิ วัตสำคัญกว่าชีวิตผมซะอีก ยัยพวกนั้นท่าจะประสาท

   ชินชะตากรรมไม่ค่อยต่างจากผมเท่าไหร่ แต่ทางนั้นเด็ดขาดและเย็นชากว่ามาก เมื่อไหร่ที่มันไม่พอใจ มันบอกเลิกมันเดี๋ยวนั้น อย่างเช่นเหตุการณ์ตรงหน้า

   “ชิน! เรามาเดทกันนะ ทำไมวินต้องมาด้วยล่ะ”

   “พูดเรื่องอะไร ฉันบอกแต่แรกจะไปซื้อของกับวิน เธออยากตามมาเอง”

   “แต่ฉันเป็นแฟนนาย!”

   “วินเป็นเพื่อนฉัน”

   “ฉันกับวินนายจะเลือกใคร!!”

   “เลิกกันเถอะ วิน นายบอกจะซื้อแผ่นเกมใหม่ใช่มั้ย ไปกัน”

   มันเดินล้วงกระเป๋านำหน้าผมแบบหล่อๆ ทิ้งผู้หญิงกระทืบเท้ากรี๊ดๆ อยู่ด้านหลัง ในอดีตผมมีศัตรูแค่ผู้ชาย ปัจจุบัน กระทั่งพวกผู้หญิงยังมารังควานเพราะชินทำตัวติดกับผมมากเกินไป กุมขมับ

   กลับถึงบ้าน เห็นวัตกำลังนั่งละเลียดขนมอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมขมวดคิ้ว มั่นใจว่าค่าขนมของวัตไม่มีทางซื้อขนมเยอะแยะขนาดนี้แน่

   “เอามาจากไหน”

   ผมถามระหว่างลงมานั่งกินด้วยพลางยื่นให้ชิน

   “ของพวกพี่”

   ถุงขนมแทบร่วงจากมือ

   “นายแอบเอาตังเก็บซื้อเกมพี่ไปซื้อขนมเรอะ!”

   “ไม่ใช่สักหน่อย พวกผู้หญิงฝากผมมาให้พี่กับพี่ชิน” ผมโยนถุงขนมทิ้ง หมดอารมณ์จะกิน ชินหนักกว่า โกยขนมไปลงขยะ ไว้ชีวิตไว้แค่ถุงเดียวในมือวัต คงทำใจแย่งขนมจากมือน้องไปทิ้งไม่ได้

   “โหยพี่ ทิ้งทำไม น่าเสียดาย”

   “วันหลังไม่ต้องเอามา บอกไปว่าพวกพี่ไม่รับ” ชินกำชับเสียงเข้ม วัตยักไหล่ มั่นใจเลยว่าพวกเราจะไม่เห็นขนมมากองที่บ้านอีก เพราะวัตคงจัดการกับเพื่อนที่โรงเรียนไปแล้ว


   พอเข้าสู่ช่วงม.ปลาย จุดพลิกผันทั้งหมดเริ่มจากจุดนี้ ชีวิตผมดำเนินไปแบบที่เคยเป็นจนถึงม.6 ทุกคนกำลังเตรียมตัวเข้ามหาลัย หลายคนท้องจนต้องเลิกเรียนไป แน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือผมกับชินแน่ๆ เราสองคนไม่ไร้น้ำยาขนาดทำพลาดอย่างงั้น

   ผมกับชินเลือกเข้ามหาลัยเดียวกันทั้งคณะและสาขา ผมสืบทอดความสามารถจากพ่อมาอย่างเต็มเปี่ยม ขนาดผู้ใหญ่หลายคนยังต้องจับตามอง แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เพราะผมยังเรียนม.ปลายอยู่ ที่สำคัญ ไม่รู้พ่อจัดการอิท่าไหนคนพวกนั้นถึงเลิกวุ่นวายกับผม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 12-12-2015 22:53:56
Part4 เปลี่ยน (ต่อ)

   ในวันสุดท้ายก่อนทุกคนจะแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง นัดกันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ผมเองก็ไปด้วย ส่วนชินไม่อยู่ ทางนั้นถูกพ่อลากไปช่วยงานเลยไม่ได้ตามมาเป็นเงา

   ความมืดสลัว เสียงเพลงมันๆ ชวนให้ขยับร่างกาย แก้วเหล้าชนดื่มกันมั่วไปหมด กับแกล้มแทบไม่มีใครแตะ แต่ขวดเหล้ากับน้ำแข็งถูกสั่งเพิ่มไม่ได้ขาด โดยเฉพาะแก้วของผมไม่เคยพร่องลงสักนิด จวนจะหมดต้องมีคนเติมให้

   เริ่มดึกพวกผู้หญิงขอตัวกลับเหลือแค่กลุ่มผู้ชายนั่งดื่ม ผมแปลกใจนิดหน่อย ถึงจะเป็นผู้หญิง ก็เป็นพวกขาเที่ยวไม่น้อยกว่าผู้ชาย จะว่าไป นอกเหนือจากพวกเที่ยวกลางคืน ไม่เห็นมีใครมาเลยแฮะ เอาเถอะ พวกเด็กเรียนมันคงไม่อยากมาฉลองในที่แบบนี้ สงสัยจะนัดนอกรอบกันอีกที

   “ชินไปไหนวะวิน” เพื่อนคนหนึ่งถาม ผมหันไปมองตาปิดครึ่ง ไม่ใช่เมา กำลังสังเกต พวกมันมีท่าทางแปลกๆ

   “มันไปช่วยพ่อ หรือพวกมึงคิดถึง?”

   ไอ้กลุ่มนี้เคยมีเรื่องกับชินมาก่อน พวกมันปากหมาขอให้ผมช่วยงานแล้วพูดทำนองว่าผมเก่งตั้งแต่เกิด ไม่ต้องพยายามอะไรคงทำได้หมดทุกอย่าง ผมเข้าใจว่ามันหลุดปากตามอารมณ์ ชินมันไม่ยอมจัดหนึ่งหมัดปากแตกฟันโยก ทุกวันนี้พวกมันคงยังขยาดอยู่

   “พวกกูจะไปคิดถึงมันทำไม โหดชิบหาย เอ่อ...วินถามอะไรอย่าง มึงคิดไงกับผู้หญิงอายุเยอะกว่า”

   ผมขมวดคิ้วท่าไม่ดี กลับตอนนี้ดีมั้ยนะ

   “สิ่งมีชีวิตเพศแม่ที่เกิดก่อน” ผมตอบตามที่คิด พวกมันทำหน้าเหมือนผมไม่ใช่คน กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากต่างโลก

   “ไม่ใช่ดิ เอาดีๆ ชอบรึเปล่า ไม่ชอบ หรือเฉยๆ”

   “เฉยๆ กูว่ากูกลับล่ะ” ผมจะลุก พวกมันยื้อไว้ ยัดเหล้าแก้วใหม่ใส่มือผม

   “เดี๋ยวดิ จะรีบกลับทำไมวะ เอางี้ หมดแก้วนี้พวกกูปล่อยมึงเลย”
   
   เอาวะ ผมตอนนี้แค่กริ่ม ถือว่าคอแข็ง อีกแก้วเดียวไม่มีทางล้มแน่ ผมยกแก้วกระดกตัดปัญหา กระแทกแก้วลงบนโต๊ะ จ้องเขม็งใส่พวกมันเป็นเชิงว่าพอใจรึยัง พวกมันทำสีหน้าโล่งอก นั่งรั้งตัวผมไว้ ดูลุ้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ประจวบเหมาะกับมีกลุ่มผู้หญิงน่าจะอยู่มหาลัยเดินเข้ามานั่งใกล้ผมสามคน แต่ละคนเหมือนเอาเศษผ้ามาทำชุด

   “น้องวินนี่นา พวกพี่อยากเจอมานานแล้ว ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีก”

   ผมจับมือเธอออก พูดอย่างเดียวไม่ต้องลูบอกผมก็ได้

   “ขอบคุณที่ชม ขอตัว ต้องรีบกลับบ้าน”

   “เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน อยู่กับพวกพี่ก่อนสิจ๊ะ” อีกคนมากระซิบข้างหูเป่าลม ผมขนลุกซู่ มั่นใจว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ความต้องการเก่งมาก แล้วไหงแค่นิดเดียวมันชักตื่นๆ แล้ววะ ผมตวัดสายตามองพวกเพื่อนที่เริ่มทยอยลุกไป พวกมันทำสีหน้าอิจฉาแกมสะใจ

   “พวกผมกลับก่อนนะ พวกพี่สาวตามสบาย โชคดีว่ะวิน ทิ้งท้ายก่อนจากนะมึง”

   “ขอบคุณน้องๆ มากนะ ทั้งหมดที่กินไปไม่ต้องจ่าย” สาวคนที่สามล้วงหยิบแบงค์พันออกจากอกยื่นให้พวกนั้น ผมรู้สึกตัวเย็นเฉียบ มองภาพเบื้องหน้าอย่างตื่นตะลึง

   “โอ๋ๆ ตกใจเหรอจ๊ะ อย่าโกรธพวกเพื่อนเขาเลยนะ เด็กๆ อย่างพวกเธอคงไม่มีมาเที่ยวเล่นนักหรอก แล้วยังติดหนี้ร้านของพี่ชายฉันไว้เยอะซะด้วย ถือว่าช่วยๆ กันเนอะ”

   ผมกัดฟันแน่นจนเลือดไหนออกตรงมุมปาก รู้สึกโมโหแทบอยากร้องไห้ เพื่อนมันขายผมให้กับพวกนี้แลกค่าเหล้า! ช่วงที่ผมโกรธจนแทบคลั่ง นั่งกำหมัดแน่นอยู่กับที่ ผู้หญิงสามคนเข้ามาลวนลาม ในนั้นไม่มีใครสนใจผมเลยสักคน แถมยังมองด้วยความอิจฉา

   “หล่อจังเลยนะ ทั้งที่อายุแค่นี้ หุ่นดีอีกต่างหาก เล่นกีฬาเหรอ” ผมกระชากมือที่กำลังล้วงลงข้างล่างออก สะบัดตัวลุกจากที่ พอพวกเธอดึงผมซัดหลังมือใส่แบบไม่เกรงใจ

   “อย่ามาจับ! ขยะแขยงพวกผู้หญิงโสโครก!!”
   
   คล้ายจะเดือดบ้าง พวกเธอคิดจะเข้ามารุมลากผม คนที่ดูเหมือนจะเป็นน้องสาวเจ้าของร้านสั่งให้ลูกน้องวิ่งมา ผมคว้าขวดเหล้า ทุบกับโต๊ะให้แตกเป็นฟันฉลามแล้วชูขู่ ขณะเดินออกจากร้าน มืออีกข้างหยิบมือถือขึ้นมาโทรไปหาชิน

   “กูให้เวลามึงห้านาที ไปเจอกันที่คอนโด ถ้ามึงไม่โผล่หัวมา มึงอย่ามาให้กูเห็นหน้าเป็นครั้งที่สอง”

   ผมกดตัดสาย โบกแท็กซี่ตรงไปคอนโดชิน พ่อมันซื้อให้เป็นของขวัญเรียนจบ มันทำคีย์การ์ดกับกุญแจสองชุดไว้ให้ผมชุดหนึ่ง

   “น้อง วางลงก่อนมั้ย” แท็กซี่มือมองผมหวาดๆ ผมเงียบไม่พูด เขาเลยรีบเหยียบให้ถึงที่หมาย ก่อนหน้านี้มันมืดคงมองไม่เห็น ไม่งั้นเขาคงไม่รับผมขึ้นรถแน่

   ชินมาไวกว่าที่คิด กว่าผมจะถึงคอนโด เห็นมันยืนรออยู่ข้างล่างแล้ว ผมจ่ายตังลงจากรถมันรีบวิ่งเข้ามาหา พอเห็นของในมือดวงตาพลันเบิกกว้าง มันกำมือผมแน่น

   “เกิดอะไรขึ้น ใครทำมึง!”

   น้ำเสียงเดือดดาลอย่างน้อยครั้งจะได้เห็น ผมยอมปล่อยปากขวด มันโยนทิ้งไปไกลๆ แล้วรีบพาผมขึ้นห้อง อาการของผมคนอย่างมันต้องมองออก

    ใบหน้าแดงก่ำ ขบฟันจนขึ้นสันนูน เหงื่อเย็นไหลออกตามตัว ผมกำลังอดทนอยู่ ดีที่มันเป็นแค่ยาปลุก รวมกับความโกรธทำให้ผมยังพอมีสติกลับมาถึงห้องชินได้ ถ้ามันเป็นยาอย่างอื่น ผมคงกลายเป็นของเล่นคนพวกนั้น แต่ความอดทนของผมจวนจะหมดลงแล้ว

   มือกระชากชินเข้าหาทั้งที่ยังไม่ปิดประตูดี ชินขมวดคิ้วใช้เท้าถีบประตูปิดล็อกแบบลวกๆ ก่อนลากผมเข้าห้องน้ำโยนใส่อ่างแล้วเปิดน้ำเย็นรดหัวทั้งสภาพแบบนั้น

   “วิน! ตั้งสติหน่อย” มันกดตัวผมไว้กับอ่าง สมองผมรู้สึกมึนเบลอเหมือนคนเมา สติพอมีเหลืออยู่น้อยนิด แต่ความต้องการมีมากกว่า ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนที่ผมวางใจ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีก ผมดึงมันลงมาอยู่ในอ่างด้วยกัน ยื้อกันไปมา ชินจำต้องช่วยผมด้วยมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะสงบลงไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่

   ต่างคนต่างนั่งหอบอยู่ในอ่าง ผมหอบเพราะปลดปล่อยไปหลายครั้ง ส่วนชินมันหอบเพราะต้องปลุกปล้ำอยู่กับผมจนเริ่มสงบ สภาพพวกเราเปียกปอนทั้งคู่

   ชายผมทองเสื้อยืดกางเกงยีนถูกปลดออก ส่วนอีกคนมาแบบเต็มยศทั้งชุดสูท มือเสยผมเปียกชุ่มไปทางด้านหลัง เขาถอดสูทออกปลดกระดุมเชิ้ต

   ในห้องมีเพียงเสียงน้ำตกกระทบ ชินยื่นมือไปตบแก้มเพื่อนเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง

   “เป็นไงบ้างวิน” เจ้าของชื่อนั่งเท้าแขนอยู่ตรงขอบอ่างท่าเดิม ไม่ตอบ กลับเป็นฝ่ายถามซะเอง

   “นายคิดยังไงกับฉัน”

   แม้จะสงสัย แต่ก็ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

   “นายคือทุกสิ่งของฉัน”

   “รักฉันรึเปล่า”

   คนฟังส่ายหัว จับมือผมแน่น

   “ฉันไม่ได้รักนาย มันมากกว่านั้น แม้แต่ชีวิตฉันก็ให้ได้”

   ผมไม่แปลกใจกับคำตอบ ถึงไม่พูด พวกเราต่างรู้กันเป็นอย่างดี ผมสอดนิ้วกับมือชิน ตัดสินใจแล้วว่าใครคือคนที่อยู่ข้างผมตลอดไป

   “มาคบกันเถอะชิน”

   ชินขมวดคิ้ว เขาดูไม่ดีใจกับคำนี้เท่าไหร่

   “เกิดอะไรขึ้น”

   “ฉันตัดสินใจแล้ว เรามาคบกัน คบในแบบของเรา แค่นายเท่านั้น ชิน”

   น้ำเสียงคล้ายอ้อนวอนแบบที่ชินไม่เคยได้ยินมาก่อน สีหน้าอีกฝ่ายทำให้คนมองรู้สึกเจ็บปวด ช่วงที่เขาไม่อยู่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาหลับตา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่พร้อมกับคำตอบ

   “ได้ แค่นายกับฉัน”

   ราวกับมีแรงดึงดูด แนบริมฝีปากอีกครั้ง คราวนี้มันนุ่มนวลเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ก่อนจะทวีความเร่าร้อนตามลำดับ พวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนทั้งคู่ เริมขยับเครื่องติดทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ผมผละริมฝีปากออก แลบลิ้นเลียปากอีกฝ่ายที่ถูกผมบดจูบตอนแรกจนแตก

   “ครั้งแรกของพวกเราทั้งที ห้องน้ำเป็นทำเลที่ไม่ค่อยเหมาะมั้ง ไปที่เตียงกัน”

   ชินไม่คิดปฏิเสธ เขาปิดน้ำลุกตามคนเดินนำไปที่เตียง เสื้อผ้าทุกอย่างถูกถอดทิ้งไปตลอดทาง สองร่างทาบทับ ปลุกเร้าเนิบช้าสลับเร่งเร้าอย่างมีชั้นเชิง ตลอดการสัมผัสริมฝีปากแทบไม่ละออกจากกัน เจลถูกนำมาใช้ แต่ถุงยางไม่จำเป็น ชายผมทองขมวดคิ้วรับสัมผัสที่ตนเองเป็นผู้ทำ ขณะแนบจูบสร้างรอยบนผิวคนด้านใต้ มือร้อนคอยประคองคนด้านบนเอาไว้ ทั้งที่ไม่โดนยา แต่ภาพที่เห็นทำเอาแทบอดใจไม่ไหว

   เขาขยับรูดทั้งสองไปพร้อมกัน ร่างสมส่วนผิวขาวขยับเคลื่อนไหวอยู่ด้านบนคอยคุมเกมทุกอย่าง มือสอดนิ้วประสานกับชินกดไว้ข้างหมอน สะโพกสอบได้รูปขยับขึ้นลงพร้อมเสียงครางเครือ แม้จะเจ็บจนเหงื่อตกแต่ยังคงกดกายลงจนสุด ทุกอย่างเข้าทีความเสียวซ่านเริ่มตามมา

   มือขาวลูบไล้ยกตัวขึ้นขบเม้มแผ่นอกอีกฝ่าย ขณะขยับกายสอดประสานกันอย่างเร่าร้อน ความแน่นตึงในช่องท้องบวกกับแรงเสียดสีสร้างความเจ็บระคนวายหวานปลุกความกระสันให้พุ่งสูง ยิ่งพอช่วงท้าย ยิ่งเร่งจังหวะจนสิ่งที่อยู่ในร่างกระตุกปลดปล่อยของเหลวร้อน พร้อมกับคนคุมเกมปลดปล่อยตามมา

   ทั้งสอบพักหอบหายใจให้อารมณ์สงบลงบ้าง

   “เป็นไงบ้าง” ชินถอนกายออกถามด้วยความเป็นห่วง ผมปัดมือออก

   “อีกรอบ”

   “ไม่ได้ นายปล่อยไปเยอะแล้ว” คำตอบไม่เข้าหู ผมย้ายเท้าไปอยู่กลางหว่างขาอีกฝ่าย ดูซิ จะทนได้อีกน้ำ ฝั่งชินปั้นหน้าเครียด สุดท้ายก็ทนไม่ไหว กระโจนเข้าใส่ผมอยู่ดี รอบนี้ผมยอมให้เขาคุมเกมบ้าง แม้ว่าปลายทางชินจะพยายามมอบความสุขสมให้ผมอย่างเดียวก็ตาม

   เขายอมให้ผมทำทุกอย่างกับร่างกายในระหว่างที่ขยับสะโพกแรงไม่ตก ผมมองใบหน้าชินในมุมที่ไม่เคยเห็น หยดเหงื่อเกาะพราว ผมรั้งใบหน้าหล่อเหลาให้จมูกโด่งมาซุกแถวคอ อนุญาตให้เขาทำรอย ชินหอบหายใจร้อนรดผิว ริมฝีปากดูดเม้มเจ็บเหมือนมดกัด ชื่นเพราะน้ำลาย

   ปากร้อนเลื่อนมาแถวไหปลาร้า วาดผ่านแผ่นอกกระเพื่อมหอบหายใจกับความหนักหน่วงที่ได้รับ ไล่ไปจนถึงปลายเท้า ดวงตามองลึกซึ้ง

   “วิน...” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยเรียก ผมขานรับในคอ

   เราทำจนกว่าจะพอใจ กระทั่งจบรอบสุดท้าย ผมยกเท้ายันอกอีกฝ่ายให้ถอยออกไป ชินยอมถอยโดยดี ด้านล่างรู้สึกโล่งหลังถูกเติมเต็มมานาน แต่ยังทิ้งความรู้สึกอึดอัด ไม่ต้องถามเลยว่าอะไร ฝีมือคนตรงหน้าล้วนๆ ไม่เคยปล่อยด้านนอกสักรอบ

   ความรู้สึกของการรับครั้งแรก บรรยายไม่ถูกจริงๆ รู้แต่ว่าตอนนี้เพลียมาก จากอะไรหลายๆ อย่าง ผมเลยหลับไปทั้งแบบนั้น ปล่อยที่เหลือให้ชินจัดการ

   ตื่นขึ้นมาอีกทีด้านนอกก็สว่างแล้ว เนื้อตัวสะอาด ชินคงจับผมอาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืน ลองหันมองข้างตัวเห็นกลุ่มผมดำยุ่งเหยิงจากการถูกผมทึ่งโผล่พ้นจากผ้าห่ม ผมใช้มือลูบเล่น ชินพลิกตัวมามอง ผ้าห่มร่นลงล่าง เห็นว่าบนผิวเขามีรอยจูบมากกว่าผมซะอีก ดวงตาคมหรี่มองคล้ายยังไม่ตื่นดี ผมเลยก้มลงไปจูบปากดูดแบบไม่เกรงใจ ชินต้องยอมตื่นอย่างช่วยไม่ได้

   “เมื่อคืนนายดื่มตั้งเยอะ สร่างแล้วเหรอ แล้วร่างกายเป็นไงบ้าง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   ตื่นมาถามมาก รู้งี้ผมไม่ปลุกดีกว่า

   “ทีละเรื่อง ฉันยังไม่สร่าง ไปหาอะไรมาให้กินที”

   เจ้าตัวถอนหายใจพยักหน้ารับ ลุกขึ้นไปดื้อๆ เสื้อผ้าไม่มีสักชิ้น ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อคืนสติครบถ้วนรวมกับอาการเสียดของผม ผมคงเข้าใจว่าเป็นชินที่เสียตัว มันโดนผมฟัดยับ คงเป็นเพราะฤทธิ์ยายังหลงเหลืออยู่ เจ้าตัวหยิบกางเกงสวมเดินหายจากห้องไปสักพัก กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มแก้เมาค้าง คงจะซื้อติดห้องไว้ กับของทานง่ายๆ ยามสาย

   ผมกินไปเล่าเรื่องทุกอย่างให้ชินฟังไปด้วย พร้อมกับชินที่ใบหน้าดำมืดขึ้นทุกที ที่ผ่านมาผมยังยอมรับได้ขี้ปากไม่ทำให้เจ็บตัว ต่อยตรงๆ ดีกว่าลอบกัด แต่ครั้งนี้หนักหนาเกินไปสำหรับผมจริงๆ ก็ยังดีที่ผมกับชินได้มหาลัยแล้ว เหลือแค่รอเวลาเปิดเทอมเท่านั้น

   “นายพักสักหน่อย ตอนเย็นฉันจะไปส่งที่บ้าน”

   ผมล้มตัวลงนอนเป็นตัวขี้เกียจให้ชินปรนนิบัติสักวัน ชินกำมือถือออกไปคุยที่ระเบียงสีหน้าเคร่งเครียด ต่อให้ผมไม่ได้ยินว่าเขาคุยอะไร ก็พอเดาได้ว่าไม่พ้นเรื่องผม คนพวกนั้นคงไม่ได้ตายดี หากเป็นแต่ก่อนผมคงห้าม แต่ตอนนี้ผมคงต้องเปลี่ยนนิสัยแสนดีของตัวเอง

   หลับตานึกทบทวนทุกเรื่องที่ผ่านมา เพื่อนทุกคนผมช่วยเหลือตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องส่วนตัว ขนาดมันทำผิดพอมันขอร้องผมยังช่วยไปคุยกับครูให้จนมันรอด พวกผู้หญิงโดนผู้ชายรังแกวิ่งให้ผมช่วย ผมไม่เคยเกี่ยง แล้วสิ่งที่คนพวกนั้นตอบแทนผมคืออะไร ต่อหน้าชมเชยยิ้มแย้ม ลับหลังด่าว่านินทา สร้างข่าวเสียๆ หายๆ ท้ายที่สุด พวกมันถึงขั้นขายผมเพื่อเงิน พวกที่รู้แต่ไม่เตือนถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ส่วนพวกที่จงใจทำมันต้องเจอยิ่งกว่าผม

   ชินเปิดประตูเข้ามา ผมหันไปมองด้วยรอยยิ้มเย็นกับสายตาว่างเปล่า

   “ฉันจะเปลี่ยนตัวเอง จะไม่โง่เหมือนอย่างเก่า หลังจากนี้ถ้าฉันเป็นซาตาน นายจะยังอยู่ข้างฉันมั้ย”

   ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปาก

   “รอจะอยู่ข้างนายจนแทบทนไม่ไหว ถ้านายเป็นซาตาน ฉันจะเป็นอัศวินปีศาจ ถ้านายไม่มีความสุข ฉันจะเป็นคนสร้างรอยยิ้มให้นายเอง”

   ชินยกมือผมแนบริมฝีปาก ผมหัวเราะดีดใส่ด้วยความหมั่นไส้ นิสัยของพวกเราคงเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น

   เรื่องวิธีจัดการก็ไม่ยาก อาศัยความสามารถกับเส้นสายของผมกับชินเผยความผิดของพวกนั้นออกมาแฉให้หมด จนบ้านลุกเป็นไฟหลังรู้นิสัยที่แท้จริงของลูกหลานตัวเอง ร้านเหล้านั่นทำความผิดไว้หลายอย่าง สุดท้ายต้องปิดตัวลง ผู้หญิงสามคนนั้น เราไม่คิดปล่อยไว้ แต่ใช้วิธีเดียวกันกับอดีตเพื่อนร่วมห้อง
   
   ทุกอย่างจบลงด้วยดี ผมกับชินเตรียมตัวเข้าสู่รั้วมหาลัย พร้อมทัศนคติที่เปลี่ยนไป
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-12-2015 23:34:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 13-12-2015 15:41:23
ผูกพันธ์กันมาตั้งแต่เล็กๆ คำว่ารักเหรอ คู่นี้เกินคำนั้นไปแล้วจริงๆ

 o12 ข้องใจอย่างนึงเหมือนกัน ทำไมผู้หญิงหาได้น้อยคนมากที่จะ
เว้นระยะให้แฟนกับเพื่อนเขา หรือน้องเขา ทำไมชอบยื่นคำขาดให้เลือก
เพื่อนผู้ชายผมเห็นทะเลาะกับแฟนยาวๆ หรือจบกัน ก็เพราะให้เลือกนี่แหละ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 13-12-2015 16:43:12
ผูกพันธ์กันมาตั้งแต่เล็กๆ คำว่ารักเหรอ คู่นี้เกินคำนั้นไปแล้วจริงๆ

 o12 ข้องใจอย่างนึงเหมือนกัน ทำไมผู้หญิงหาได้น้อยคนมากที่จะ
เว้นระยะให้แฟนกับเพื่อนเขา หรือน้องเขา ทำไมชอบยื่นคำขาดให้เลือก
เพื่อนผู้ชายผมเห็นทะเลาะกับแฟนยาวๆ หรือจบกัน ก็เพราะให้เลือกนี่แหละ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ จะอยู่กันได้ ต้องเว้นพื้นที่ส่วนตัวให้กัน และเข้ากับครอบครัวได้ด้วย  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-12-2015 20:32:27
เป็นกำเนิดที่ชอบค่ะ ชอบวินแบบดาร์กๆมากกว่าสำหรับเรา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-12-2015 23:48:54
อุ้ต้ะ!! แซ่บเนาะ ><
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 17-12-2015 20:20:26
สนุกมาก o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 18-12-2015 20:27:36
ชอบคู่ชินวินมากเลยค่ะ ก็เคยคิดๆอยู่ว่าทำไมคนเราจะตัวติดกันได้ขนาดนั้น นี่ยิ่งกว่าคู่ชีวิตอีกนะเนี่ย มันแบบ เกินคำว่ารักไปไกลเลย  :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 21-12-2015 05:33:05
 :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: PRINCESSPRIME ที่ 21-12-2015 17:48:20
สนุกมาก อ่านเพลินเลยย  o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 25-12-2015 00:45:33
เป็นเรื่องที่สนุกมากๆค่ะ ชอบมาก
ขอบคุณนะคะ

พี่วินสายดาร์ก โคตรเท่ 555555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน4 12/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 29-12-2015 17:25:54
สนุกมากกกก ชอบบบบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 01-01-2016 14:21:11
Part5 แยก

   ชายผมทองในชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยมนั่งทานข้าวต้มมื้อเช้ากับน้องชายที่เพิ่งเข้าม.หนึ่งหมาดๆ โดยมีพ่อนั่งมองลูกชายด้วยความปลื้มปริ่มไม่ยอมแตะข้าวต้มสักที ลำบากแม่ต้องเตือนด้วยใบหน้าอ่อนใจ

   “อย่ามัวแต่มองลูก ไม่รีบกินเดี๋ยวก็ไปทำงานสาย”
   
   “ไม่สายหรอกหน่า” คนพ่อเถียงกลับ ก่อนหันมาคุยกับลูกชายท่าทางกระตือรือร้น “วินแน่ใจนะว่าไม่ให้พ่อไปส่งที่มหาลัย”
   
   “แน่สิ ถ้าพ่ออยากขับรถวนไปวนมานัก ไปส่งวัตสิ” พี่ชายโยนให้น้อง วัตตาโตส่ายหัวขวับๆ อย่างไร้เยื่อใย

   “ผมโตแล้วนะ! อีกอย่างได้ไปโรงเรียนคนเดียวครั้งแรก น่าตื่นเต้นจะตายไป”

   อาการดีใจจนเกินหน้าเกินตาของน้องชายเรียกสายตาคมๆ จากพี่ชายได้ชะงัก วัตรีบยกมือปิดปากทั้งที่รู้ว่าไม่ทันแล้ว

   “ไม่ชอบไปโรงเรียนกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมขมวดคิ้ว จำได้ว่าที่ผ่านมานอกจากไปเรียนด้วยกัน ขากลับผมไม่ได้บังคับให้น้องกลับด้วย ตั้งแต่วัตขึ้นป.5 จนตอนนี้ม.2 หรือจะถึงช่วงวัยต่อต้าน ควรจับตาดูดีมั้ยนะ น้องจะถูกเพื่อนพาเสียคนรึเปล่า ไม่ๆ วัตเป็นเด็กดีไม่มีทางหลงผิด ตัวเพื่อนนั้นแหละจะเอาเรื่องซวยมาถึงวัต ผมเริ่มกังวลซะแล้วสิ ต้องปรึกษาชิน! ปรึกษาพ่อไปมีแต่จะตีโพยตีพาย ส่วนแม่คงยิ้มแล้วหัวเราะบอกแค่ว่าวัตเริ่มโตเป็นหนุ่มเหมือนตอนผมมีเรื่องชกต่อยแหง

   “พี่วิน อย่าทำสีหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นสักหน่อย แค่อยากลองไปโรงเรียนคนเดียวดู ผมจะได้พึ่งพาตัวเองได้ไม่เป็นภาระพี่กับพี่ชินไง อีกอย่าง ผมจะช่วยปกป้องพี่ด้วยนะ”

   วัตชูมือมุ่งมัน ผมมองน้องชายด้วยสีหน้าอ่อนลง

   “วัตไม่เคยเป็นภาระพี่กับชินเลย สู้ๆ เขาแล้วกัน มีอะไรรีบโทรบอกแม่ไม่ก็พวกพี่นะ”

   “แล้วพ่อล่ะ!” คนพ่อที่ถูกลูกชายเมินอยู่นานสองนานโวยเรียกร้องสิทธิ์ตัวเองบ้าง ดวงตาสีเทาสองคู่ของลูกชายปรายมองเหมือนกันเปี๊ยบ

   “อ้าว พ่อยังอยู่เหรอ? นึกว่าไปทำงานแล้วซะอีกเนอะพี่วิน”

   “พี่ก็ว่างั้น พ่อเป็นผู้ใหญ่แต่ไปทำงานสายจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับผมและวัตนะ”

   อาเนซอ้าปากค้าง ได้ยินเสียงภรรยาสุดที่รักหัวเราะคิกๆ อยู่ด้านหลัง ไม่คิดจะช่วยเหลือสามีที่ถูกสองลูกชายรุมรังแกเลยแม้แต่น้อย สรุปเลยรีบทานรีบออกไป ทำหน้าบึ้งไม่ยอมขานรับเสียงลูกไหว้ตอนเช้าเหมือนทุกที สองพี่น้องมองหน้าพากันขำ

   “พ่องอน เอาไงดีพี่วิน”

   “กลับมาค่อยง้อ ไม่ยากเชื่อพี่” ผมบอกน้อง วัตยิ้มรับรีบทานแล้วยกถ้วยไปเก็บให้แม่ พวกเรายกมือไหว้รับพรยามเช้า ก่อนพากันออกมานอกบ้าน เห็นชินกำลังเดินเข้ามาพอดี มหาลัยของผม อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนวัตก็จริง ถึงงั้นยังต้องนั่งรถเมล์ตั้งสองป้าย หมู่บ้านที่เราอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่ วัตไปทางซ้าย ผมกับชินต้องข้ามสะพานลอยนั่งรถไปทางขวา

   ภายในรถเมล์ส่วนใหญ่มีแต่พวกวัยเรียน ผมกับชินดูโด่งเด่นจากทุกคน ด้วยรูปร่างหน้าตา แค่สีผมก็กินขาดแล้ว

   “เธอๆ ดูสองคนนั้นสิ หล้อหล่อ คิดว่าเป็นปีหนึ่งมหาลัยเดียวกับเราป่าว”

   “ฉันว่าใช่แน่ อ๊าย อยากรู้จักว่าอยู่คณะอะไร สาขาอะไร”

   เสียงนักศึกษาหญิงกระซิบกัน เราทำหูทวนลมชินกับเรื่องแบบนี้ คนมันเกิดมาหน้าตาดีให้ทำไงได้ ชินโหนราวรถเมล์อยู่ด้านข้างยื่นหน้ามากระซิบผมในระยะที่พอเหมาะ

   “ฉันได้รถขับแล้ว วันหลังขับรถมากันดีมั้ย”

   เป็นความคิดที่น่าสนใจ ไม่ต้องมาทนเบียดกับคนอื่น หรือเป็นอาหารตาคนอื่นเล่น แต่ว่าผมชอบที่จะมองผู้คน สังเกตสีหน้า พฤติกรรมคนอื่น ถ้าใช้รถส่วนตัวคงน่าเบื่อได้

   “ไม่ล่ะ ฉันอยากนั่งรถเมล์มากกว่า ไว้จำเป็นค่อยใช้รถส่วนตัว”

   ชินยอมละออกไป ยอมรับการตัดสินใจของผม ผมไม่ต้องถามหรอกว่าชินจะโอเคมั้ย หมอนั้นไม่เคยขัดผมแม้แต่ครั้งเดียว อย่างมากก็แค่เตือนๆ พอเป็นพิธี สุดท้ายผมจะทำอะไร เขายังคงทำตามอยู่ดี

   คิดทบทวนดูแล้ว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอนาคตท่าจะลำบาก ตอนนี้ยังคิดไม่ออกจะแก้ไขมันยังไง เอาไว้คิดออกค่อยว่ากันดีกว่า ชินเหมือนรับรู้เจตนาไม่ดี หรี่ตามองผมสมองคงประมวลผลว่าผมจะทำบ้าอะไรอีกชัวร์ นอกจากพ่อแม่กับน้องชาย คนที่รู้ทันผมไปซะทุกอย่างมีแค่ชินนี่แหละ เผลอๆ จะรู้ดีกว่าครอบครัวผมด้วยซ้ำ ในเมื่อหลายสิ่งหลายอย่างผมไม่เผยเวลาอยู่ต่อหน้าทุกคน

   “อยากทำอะไรก็ทำไป จำไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าเป็นผลเสียกับนายฉันไม่ปล่อยแน่”

   ชินเปรย ผมหัวเราะในคอ พอดีกับรถเมล์ถึงหน้ามหาลัย พวกเรายืนอยู่เลยต้องลงก่อน สีหน้าคนที่กำลังทยอยเข้าสู่รั้วมหาลัยดูตื่นเต้นมาก ทั้งหมดคงเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกันกับผม บางคนมากับกลุ่มเพื่อน บางคนเดินเพียงลำพัง บางคนมีมีพ่อแม่มาส่ง

   เห็นภายนอกผมกับชินเฉยๆ ความจริงแอบตื่นเต้นเหมือนกัน ยังไงพวกผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง พบกับสังคมใหม่มันต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว เพียงแค่พวกเราเก็บอาการได้ดีกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง และดูเหมือนว่าจะมีคนเก็บอาการได้ดีเหมือนเราอีกคน

   ชายผู้โดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน ผมกับชินหันมาสบตากัน ไม่จำเป็นต้องพูด เราเข้าใจความหมายที่จะสื่อ น่าสนใจไม่เลว ชายผมน้ำตาลไหม้ครึ่งบนผมยาวมัดรวบไว้ ครึ่งล่างไถแบบสกินเฮด เห็นรอยสักโผล่พ้นคอเสื้อ หูไม่ได้เจาะ รูปร่างดี ทางนั้นรู้ตัวว่ามีคนกำลังจ้อง เลยหันมองหา ก่อนสบสายตาเราทั้งคู่ หน้าตาไม่เลว หล่อคมท่าทางทะเล้น ต่างกับชินที่จะออกไปทางคมคาย เข้มๆ ตามสไตล์

   เจ้านั่นยกมือทักทายแล้วเดินไปตามป้ายตึกบริหาร ผมยกยิ้มมุมปาก ถ้ามีโอกาสคงได้เจอ คณะที่ผมกับชินเรียนคือคณะไอที หนีไม่พ้นเรื่องโปรแกรม ผมได้อิทธิพลมาจากพ่อ ชินได้มาจากผมอีกที นี่ถ้ามันทำตามผมหมดทุกอย่างโดยไม่สนใจความต้องการของตัวเอง ผมคงไม่ยอมให้มันตามติดขนาดนี้ ชินมันคุยเปิดอกตอนเราเลือกคณะ บอกว่าทีแรกไม่สน เห็นผมกับพ่อดูสนุกเวลาคุยเรื่องโปรแกรมเลยนึกสนใจขึ้นมา ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นชอบ บ้านมันก็ไม่ขัดอะไร ตามใจลูกชายขนาดนั้น

   เรื่องกิจการทางบ้านไม่ต้องเป็นห่วง อาของชินทำงานด้วย แถมเขายังมีทั้งลูกชายลูกสาว พร้อมที่จะสืบทอดต่ออยู่แล้ว

   การมามหาลัยครั้งแรกก็ไม่มีอะไรมาก ลงทะเบียน เข้าห้องประชุมใหญ่ ฟังนิเทศ พอช่วงบ่ายก็แยกไปตามคณะเพื่อทำความรู้จักอาจารย์กับพวกรุ่นพี่ที่มีตำแหน่งสำคัญๆ ถัดมาแยกไปตามสาขา เด็กปีหนึ่งแข่งกันพูดเสียงเซ็งแซ่ พยายามหาเพื่อนกันสุดฤทธิ์ ผมกับชินมีหน้าที่แค่บอกชื่อ ทักทายไปตามเรื่อง

   หลังจากวันนี้แหละของจริง เปิดการเรียนระบบมหาลัย ไม่มีครูมาตามเช็คตามทวง มีหน้าที่เข้าห้องตามตารางเรียนแล้วก็ออก พอตกเย็นไปตามนัดพวกรุ่นพี่ปีสองเพื่อทำกิจกรรมรับน้อง ช่วงนี้แหละผมทั้งชอบและเกลียด ชอบที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น รู้จักคนมากขึ้น สนุกสนานไปกับชีวิตมหาลัย แต่เกลียดเพราะมันทำให้ผมกลับบ้านดึก! แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากมามหาลัย เข้าเรียน เข้ากิจกรรม กลับบ้านนอน วนเวียนอยู่แบบนี้

   บางวันผมแทบไม่เห็นหน้าวัตด้วยซ้ำ ช่วงวันหยุดวัตเองก็ไม่อยู่บ้าน ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน ผมต้องนั่งกร่อยอยู่กับชิน

   “น้องวินๆ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” รุ่นพี่สาวผู้รับหน้าที่คุมน้องดาวเดือนดักเจอผมตอนกำลังเลิกเรียนลงมาทานข้าวกลางวัน ผมยิ้มบาง ในสายตาเธอผมคงเหมือนเทวดามีปีกสีขาวบริสุทธิ์ รอยยิ้มสว่างไสวพร้อมวงแหวนบนหัว เบื้องหลังภาพเหล่านั้นคงมีแค่ชินที่เห็น เพื่อนควบตำแหน่งแฟนเบือนหน้าหนี ปากพึมพำว่าเขาหางงอก

   “มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมถามอย่างสุภาพ ยังคงความเจิดจรัสไว้บนใบหน้า เอาให้ทิ่มแทงตารุ่นพี่คนนี้บอดเลยยิ่งดี อย่าเอาความซวยมาโยนใส่ผมนะ! ชินกระแอมรุ่นพี่ได้สติรีบพูดเข้าเรื่อง

   “คืออย่างงี้จ๊ะ พี่อยากให้น้องสมัครเป็นเดือนคณะจะได้ไปชิงตำแหน่งเดือนมหาลัย ถ้าน้องว่าง...”

   “ขอโทษด้วยครับ ผมอยากช่วยนะ แต่ผมไม่สะดวกจริงๆ พ่อผมให้ช่วยงานทุกวัน”

   “น้องวินพอคุยกับพ่อได้มั้ยจ๊ะ เพื่อคณะนะ” เบื่อคำนี้ชิบหายเพื่อคณะ ในใจคิด สีหน้ายังคงความลำบากใจ ความคิดถึงแวบเข้ามาในหัว จริงสิ โอกาสมาแล้ว ต้องกัดฟันทำ

   “ผมจะลองคุยดูนะครับ ไม่รับประกันว่าจะได้รึเปล่า พ่อผมเข้มงวดมากด้วย เอาอย่างงี้มั้ยครับ ชินว่างอยู่ เห็นบ่นว่าอยากเป็นเดือน เพราะหมั่นไส้เดือนคณะอื่น ถ้าพี่ช่วยดัน ผมเชื่อว่าชินมันต้องสูสีกับเขาแน่”

   ราวกับพบหนทางสว่าง ในขณะที่ชินเริ่มเข้าสู่โหมดทมึน รุ่นพี่หันไปมองชินตาโต ริมฝีปากยิ้มกว้างอย่างยินดี จับมือชินเขย่าๆ ไม่ได้ดูสีหน้ามันเลยว่าเย็นชาติดลบหนึ่งพันองศา

   “ตายจริง! ทำไมไม่รีบบอกพี่ตั้งแต่แรกล่ะว่าน้องชินอยากเป็นเดือน วันนี้ไม่ต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมนะ ไปซ้อมดาวเดือนกับพี่”

   ชินหันมามองผมเชื่องช้า ดวงตาสีดำฉายประกายความไม่พอใจ ผมยิ้มปานเทวดาเมตตาโลกต่อไป คุยกับรุ่นพี่จนยอมล่าถอยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นชิน หลังนัดแนะเวลาซะดิบดี ชินล็อกคอลากผมไปคุยตรงจุดอับของคณะ สองมือท้าวกำแพงกักผมไว้ตรงกลาง ผมกอดอกมอง

   “เก็บรอยยิ้มเสแสร้งนั่นไปซะ นายรู้ดีกว่าความอดทนฉันต่ำแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าฉันเกลียดเรื่องวุ่นวายที่สุด ทำไมถึงทำแบบนี้”

   น้ำเสียงกดต่ำอย่างน่าหวาดหวั่น ซึ่งมันไม่สะท้านผมเลยสักนิด ผมปัดแขนเขาออก ไม่ชอบให้ใครมาแสดงตัวเหนือกว่า ชินหรี่ตายอมถอยก้าวหนึ่ง ลดแขนหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างยังคงอยู่ตามเดิม

   “ฉันไม่อยากทำกิจกรรมเพิ่มเพราะแค่นี้ก็แทบไม่มีเวลา ถึงโยนให้นายรับกรรมแทน ในขณะที่นายเกลียดเรื่องพวกนี้มากที่สุด ลองขัดฉันสักครั้งเป็นไง” ชินยังคงเงียบ ผมเสริมอีกประโยค “ฉันไม่อยากให้นายฝืนทำอะไรตรงข้ามกับนิสัยตัวเองเพื่อฉัน”

   ผมเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปประชิด ชินยังคงนิ่ง นิสัยดั้งเดิมของชินที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบอยู่เบื้องล่างใคร ปกติจะนิ่งเงียบค่อนข้างเย็นชาไม่แยแสโลกสักเท่าไหร่ เว้นผมที่ทำให้นิสัยของเขารวนไปหมด ชินถอนหายใจหนัก ทุบมือกับกำแพงข้างตัวผมจนเกิดเสียงดังทึบ เขาผละออก หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบหันหลังให้

   “สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือการไม่ได้อยู่ข้างนาย ฉันพยายามปรับตัวเพื่อการนั้น แต่ในเวลานี้นายกลับบอกว่าให้ฉันเลิกฝืนตัวเอง นายจะให้ฉันทำยังไง ทั้งที่คืนนั้นฉันกับนาย...”

   มือขาวหยิบบุหรี่จากมืออีกฝ่ายมาสูบ พลางมองควันอ่อยอิงที่ลอยอยู่เบื้องหน้า ขนาดพูดเตือนสติ ชินยังคงคิดทุ่มทุกอย่างเพื่อผมโดยไม่สนใจตัวเองอยู่ดี ถึงเวลาที่จะคลายปมนั้นสักที ผมสูดบุหรี่ที่เหลืออีกไม่เท่าไหร่จนหมด โยนลงพื้นใช้เท้าขยี้ก่อนหันไปมองคนข้างตัวที่มองนิ่งรอคำตอบ ไม่ต่างจากหมาผู้ซื่อสัตย์ ผมไม่ต้องการสุนัขรับใช้ สิ่งที่ผมต้องการคือคนที่จะเดินไปด้วยกันต่างหาก

   ในเมื่ออยากทำตามความต้องการของผมนัก ผมก็จัดให้

   “นายไปเป็นเดือนซะ ตอนเช้าไม่ต้องไปรอฉันหน้าบ้าน ขับรถส่วนตัวมามหาลัย ตอนกลับต่างคนต่างกลับ วันหยุดห้ามมาเจอหน้า ติดต่อทางโทรศัพท์ได้ตามปกติ อยู่ที่มหาลัยก็เช่นกัน”

   “วิน...” ชินเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงเหมือนคนหมดแรง ผมยกมือห้ามไม่ให้เขาพูดขัด ใบหน้าร้าวรานชัดเจนอยู่ในดวงตา ใจผมก็เจ็บไม่ต่าง แต่ผมไม่อยากให้ชินสูญเสียตัวตนของตัวเองไปเพราะผม ผมต้องการชินที่เป็นชิน

   “เรายังไม่เลิกกัน ความสัมพันธ์ยังคงเดิม เพียงแค่จะไม่ตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อน เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย” ตัดสินใจเด็ดขาด โทนเสียงที่ใช้ชินรู้ดีกว่าผมเอาจริง

   ตุบ...

   ชินทรุดลงคุกเข่าไม่กลัวกางเกงเปื้อนดิน จับแขนผมแนบแก้ม แม้ไม่มีน้ำตา แต่ความสับสน ลนลาน ความเจ็บปวดแสดงออกมาชัดเจนทั้งที่คนอย่างชินไม่ควรมีสีหน้าแบบนี้

   “วิน ฉันทำอะไรผิด บอกมาที ฉันยอมทำทุกอย่าง อะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่แบบนี้”

   “นายไม่ผิด คนผิดคือฉันเองที่ปล่อยมันมานาน ชินเชื่อใจฉันรึเปล่า” ผมถาม ชินตอบทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด

   “ฉันเชื่อใจนายมากกว่าตัวเอง”

   “งั้นทำตามที่บอกซะ” ชินเบิกตากว้าง เขายอมลุกขึ้นและถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝุ่นจับ หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกมวน ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์เพียงลำพัง ชินเป็นคนฉลาดไม่แพ้ผม ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจ ในภายภาคหน้าเขาต้องเข้าใจผมแน่

   ใช้เวลาเพียงบุหรี่สองมวน ชินกลับมานิ่งตามเดิม ทั้งที่ลึกๆ ในแววตายังคงสั่นไหว เอ่ยเสียงที่พยายามคุมให้เป็นปกติ

   “ได้... ฉันจะทำตามที่นายต้องการ ระยะเวลาล่ะ” รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากชายผมทอง

   “จนกว่าฉันจะบอก” ชายผมดำหันมามองสบตาผม เขายิ้มฝืดเฝื่อนเต็มที

   “นายใจร้ายมาก”

   “ฉันรู้”

   ดูเผินๆ ชินกับผมไม่ได้ตัวติดกันตลอดเวลาซะทีเดียว บางครั้งยังแยกกันบ้าง อย่างคราวที่ผมถูกเพื่อนร่วมห้องหักหลัง นับตั้งแต่วันนั้นชินไม่ยอมห่างจากผมอีกเลย ย้อนกลับไปสมัยเจอกันครั้งแรก ทุกความทรงจำของผมล้วนมีเขาอยู่ด้วยทั้งสิ้น ต่อให้ไม่ทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในแปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องมี

   บอกตามทรง ผมพูดเต็มปากเลยว่า ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีชิน ทุกครั้งที่หันไป มักมีเขาอยู่ในสายตาตลอด งานนี้ถือเป็นการหักดิบเราทั้งคู่ ดัดนิสัยผมไม่ให้เอาแต่ใจหวังพึ่งชินมากเกินไปและตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก่อนที่ชินจะฝืนตัวเองจนไม่อาจย้อนกลับ

   อะไรที่สะสมมากๆ วันละเล็กละน้อย มากเข้าจนระเบิดออกมา มันจะน่ากลัวสักแค่ไหน ถึงวันนั้นอาจเป็นวันสุดท้ายที่ผมมีชินอยู่เคียงข้างก็ได้ ผมไม่ยอมหรอก

   นับจากวันนั้นชินทำตามความต้องการของผม สิ่งที่เชื่อมโยงเราไว้คือความเชื่อใจ เขาร่วมซ้อมกับรุ่นพี่ด้วยสีหน้าราบเรียบ พอถึงช่วงที่ต้องยิ้ม ก็แค่ยิ้มออกมาพอเป็นพิธี

   คนแรกที่สังเกตความเปลี่ยนแปลงได้คือวัต เจ้าตัวคอยถามเซ้าซี้เรื่องผมกับชินตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ชินไม่มาหาผมที่บ้านเพื่อไปมหาลัยด้วยกัน จนกระทั่งวันนี้ วัตยังไม่ยอมเข้านอน เขานั่งดูทีวีรอที่โซฟา ผมกลับมาจากทำกิจกรรมเหนื่อยๆ เดินเข้าไปโยนกระเป๋า ทิ้งหัวลงนอนหนุนตัก จั๊กจี้ในใจนิดหน่อยที่พี่ชายดันมานอนหนุนตักน้องชายทั้งที่ควรสลับตำแหน่งกัน แต่เวลานี้ผมต้องการใครสักคน

   “ทำไมยังไม่นอน” ผมชิงถามก่อนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

   “รอพี่นั่นแหละ ตกลงจะบอกผมได้ยังว่าทะเลาะอะไรกับพี่ชิน หรือว่าแย่งแฟนกัน!”

   ยกมือเขกหัวน้องชายจอมเพ้อเจ้อไปที วัตลูบหัวป้อยๆ

   “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อพี่กับชินคบกันอยู่”

    ตัดสินใจบอกไป วัตหัวเราะคิดว่าผมเล่นมุก พอผมเงียบมองด้วยสีหน้าจริงจัง รอยยิ้มค้างเติ่งบนใบหน้า วัตจ้องผมตาแทบถลน อ้าปากพะงาบๆ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้โบกมั่วไปหมด พูดติดอ่างอ้ำอึ้ง

   “ปะ เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อ ไม่... ไม่ใช่สิ มันไม่แปลก เอ่อ...”

   “รังเกียจรึเปล่า ที่มีพี่ชายสองคนเป็นเกย์” วัตส่ายหัวทันที จ้องผมเขม็งอย่างโกรธๆ

   “ผมยอมรับว่าผมตกใจ แต่ไม่เคยคิดรังเกียจ บ้านเราสอนเอาไว้ว่า ความดีไม่ควรตัดสินที่ภายนอกหรือสิ่งที่เขาชอบ มันอยู่ที่การกระทำ อีกอย่างพวกพี่ดูไม่เหมือนแฟน จะว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ มันอธิบายไม่ถูกเพราะมันเป็นอะไรมากกว่านั้น” ใบหน้าอ่อนเยาว์ หน้านิ่วคิ้วขมวด ผมยื่นนิ้วไปจิ้มหว่างคิ้วให้คลายปมออก น้องผมไม่ควรมีเรื่องเครียด

   “จะแบบไหนก็ช่าง แค่เราโอเค พี่ก็พอใจแล้ว” ยันตัวลุกขึ้นโบกมือไล่น้องไปนอน “พี่จะไปอาบน้ำ วัตก็นอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”

   “เดี๋ยวก่อนพี่ พี่ยังไม่บอกผมเลยว่าพี่มีปัญหาอะไรกับพี่ชิน ทำไมถึงไม่มาหากันเหมือนทุกทีล่ะ” วัตดึงแขนผมถามด้วยความเป็นห่วง ผมปิดทีวี ปิดไฟ จูงมือน้องขึ้นชั้นบน

   “ไม่มีอะไร พวกพี่แค่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ วัตไม่ต้องห่วง”

   “จะไม่ห่วงได้ไง พวกพี่เป็นพี่ชายผมนะ เอางี้ วันหยุดพี่เรียกพี่ชินมา ห้ามปฏิเสธ ไม่งั้นผมโกรธ”

   ดวงตาสีเทามองปริบๆ วัตโกรธง้อยากกว่าพ่อล้านเท่าพันเท่า เพราะวัตเป็นเด็กนิสัยดี ใจกว้าง ร่าเริง เข้าใจอะไรง่าย พอลองโกรธทีถึงได้ง้อยากเย็น

   ผมกับชินเคยลิ้มรสมาแล้วและไม่คิดอยากจะให้เกิดขึ้นอีก เจ็บปวดเกินไป การถูกน้องชายเมินราวกับเป็นอากาศธาตุร่วมอาทิตย์เพราะถูกจับได้ว่าผมกับชินคอยกันท่าเด็กไม่ดี จัดการเด็กที่คิดร้ายกับวัต ทั้งที่คิดว่าเนียนแล้วเชียว วัตยังมองออก สมเป็นน้องชายผมจริงๆ

   “เฮ้อ... เข้าใจแล้ว พี่จะพามา นอนซะ”

   รับคำแบบจำยอม วัตค่อยยิ้มอ่อน สั่งให้ผมปิดไฟให้ด้วยก่อนออกไป ผมจูบหน้าผากน้อยชายราตรีสวัสดิ์ วัตโวยวายหน้าแดงบอกว่าตัวเองไม่ใช่เด็ก ผมยิ้มขำ เดินกลับห้องอาบน้ำนอน ปล่อยเวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน

   ยิ่งแยกกัน ผมกับชินต่างคนต่างเงียบมากขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์เรายังคงแน่นแฟ้น เพียงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นมากดดันเราทั้งคู่ ผมบอกกับชินในวันต่อมา ให้เขามาที่บ้าน ทีแรกชินรีบหันขวับมามองผมแสดงความดีใจชัดเจน พอผมบอกว่าวัตสั่งมา ชินเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะลมจนห่อเหี่ยว

   วันเสาร์ที่พวกเราหยุดทุกคน ชินมาถึงบ้านตั้งแต่เช้า แม่เห็นหน้าดีใจยิ่งกว่าเจอลูกชายแท้ๆ เพราะไม่ได้เจอหน้านานเกือบเดือน วัตยังไม่ตื่น ผมกับชินเลยนั่งหาอะไรทำกันเงียบๆ เวลาประมาณสิบโมงได้ เสียงตึงตังดังมาจากชั้นบน พร้อมร่างของน้องชาย วัตทักชินรีบไปทานข้าวที่แบ่งไว้ส่วนของตัวเองจนหมด ก่อนจะลากพวกเราทั้งคู่เข้าไปในห้องนอน

   ทีแรกผมคิดว่าน้องชายตัวดีจะเปิดโต๊ะสอบสวน เอาไฟส่องหน้าแบบในหนัง ผมคิดผิด ชินเองดูแปลกใจไม่ต่าง วัตปล่อยให้เราเลือกที่นั่งกันตามสบาย ชินนั่งบนเก้าอี้ ผมนั่งบนเตียง วัตหยิบกีต้าร์นั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ผมขมวดคิ้วว่าจะห้ามเพราะกลัวน้องหงายหลังลงไป วัตรู้ทันหันมาจ้องเขม็งใส่ให้ผมอยู่เฉยๆ

   “พวกพี่ห้ามลุกหนี ต้องนั่งฟังจนกว่าจะจบ เข้าใจนะ” ผมกับชินมองสบตากัน ยอมทำตามโดยดี ไหงเหมือนเราเป็นเด็กทะเลาะกันเพราะแย่งขนม จนต้องให้พี่ชายมาช่วยไกล่เกลี่ย

   เสียงกีต้าร์เริ่มดังเป็นจังหวะดึงความคิดของผมไปจับจ้องอยู่ที่น้องชาย วัตเริ่มร้องเพลงคลอเบาๆ เป็นเพลงไทยที่ผมไม่เคยได้ยิน

“เสียใจตลอด เสียน้ำตาทำไม ถ้าคิดว่าไม่มีใครก็ให้บอก...
ช้ำใจเท่าไร เดี๋ยวก็ลืมมันไป ต้องทุกข์ไปนานเท่าไร เธอจะพอ...”

   ผมเลิกคิ้วแปลกใจ เรื่องวัตเล่นกีต้าร์เป็นผมรู้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยักรู้ว่าน้องชายผมไปฝึกร้องเพลงมาด้วย

“มา... มาบอกฉัน เอาความทุกข์ ที่เธอเก็บไว้
มา... มาแบ่งกัน ให้เธอรู้ไว้ว่านี่คือเสียง ที่รู้สึกข้างใน
อยากจะรู้ สิ่งที่ถูกซ่อนไว้
ตรงนี้มีรัก ที่รอคอยเธอ เหมือนลมที่พัดอากาศ ให้เธอได้สูดเข้าไป...”

   ดวงตาสีเทาหรี่ลง เข้าใจความต้องการของวัต น้องชายผมร้องเพลงเพื่อพวกเรา ลมพัดปลายผมให้พลิ้วไหว วัตนั่งดีดกีต้าร์ตรงขอบหน้าต่าง ฉากหลังคือท้องฟ้ากับปุยเมฆลอยเอื่อยๆ มันดูดีมากขนาดพี่ชายผมยังทึ่ง

“อยากให้เธอรู้ อยากให้เธอรับฟัง...
ถ้าเธอรัก ถ้าเธออยากจะเชื่อฉัน
ตอนเธอคิดถึง ใครสักคน เวลาที่ทรมาน
อยากขอเป็นใครคนนั้นที่เธอกำลังต้องการ…”

“ได้ไหม?...”

   คำสุดท้ายแทบทำให้ผมกับชินนั่งไม่ติด สีหน้าเป็นห่วง แววตาอ้อนวอน ด้วยความอ่อนเยาว์ของใบหน้าและเสียงทำให้เพลงอ่อนลง แต่มันสื่อถึงความรู้สึกเต็มๆ ในเมื่อคนร้องต้องการสื่อแบบนั้นจริงๆ เราฟังวัตรอบเพลงวนอีกรอบจนจบ

   “พวกพี่เป็นพี่ชายคนสำคัญของผม ผมไม่อยากเสียใครไปแม้แต่คนเดียว มีอะไรคุยกันดีๆ ถ้าไม่รู้จะคุยกับใคร มาคุยกับผมก็ได้ ผมยังเด็กก็จริง แต่ผมมั่นใจว่าการระบายออกมาดีกว่าเก็บเอาไว้ในใจ” วัตทิ้งช่วงไป แขนกอดกีต้าร์ที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจากผมกับชินเมื่อปีก่อน

   “อย่างน้อยๆ ผมอยากให้พี่รู้ พวกพี่ไม่ได้อยู่เพียงลำพังแค่สองคน ยังมีผม มีพ่อกับแม่...”

   “วัต พี่เข้าใจแล้ว” พอออกปากดัก วัตตั้งท่าจะเถียง

   “แต่... เหวอ!”

   ผมกับชินพร้อมใจกันดึงวัตมากอด นั้นสินะ ไม่ได้มีแค่พวกเราสองคน ยังมีน้องชายคนนี้ มีพ่อกับแม่ให้พึ่งพิง การแก้ไขอะไรไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อสิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว ผมกับชินผูกพันกันด้วยความรู้สึก ไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็น ทุกคนโตๆ กันหมด ตัดสินใจเองได้ ผมมองหน้าชิน

   “ชิน ฉันขอยกเลิก” เขารับคำเสียงอืมในคอ

   “ตอนแรกฉันไม่เข้าใจ มาตอนนี้ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”

   “ฉันเองก็เอาแต่ใจเกินไป เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ต้องขอโทษด้วย”

   เรายิ้มให้กัน วัตผละออกจับมือผมกับชินด้วยใบหน้ายินดี

   “แสดงว่าพวกพี่ดีกันแล้วใช่ปะ”

   “อ่าฮะ/อืม” รับคำพร้อมกันโดยไม่ต้องนัด วัตยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่

   “ดีเลยๆ งั้นลงไปข้างล่างกัน แม่บอกจะทำขนมเตรียมไว้รอพวกพี่คืนดีกัน” ชัดเจน นี่ต้องเป็นแผนการของวัตกับแม่แน่ๆ ส่วนคนต้นคิดหนีไม่พ้นพ่อ คิดว่าผมกับวัตได้นิสัยทั้งหลายแหล่มาจากใครล่ะ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่

    วัตประสานมือตรงท้ายทอย เดินฮัมเพลงนำพวกผมลงชั้นล่าง เป็นเพลงเดียวกับที่ร้องก่อนหน้านี้ ผมถามอย่างสนใจ

   “เพลงนั้นชื่ออะไร ใครร้อง” วัตหันมายิ้มเห็นฟัน

   “ชื่อ อากาศ ของโยคีเพลย์บอย เพลงเขาเพราะเยอะแยะเลย ถ้าพี่สนใจผมส่งให้ดีมะ”

   “วัตร้องอัดเสียงส่งมาให้พวกพี่ดีกว่า เวลาพี่ทะเลาะกันจะได้ฟังไง” น้องชายเชื่อคำพูดผมสนิทใจ พยักหน้ารับอือๆ รับปากว่าจะทำให้ภายในอาทิตย์หน้า กลายเป็นว่า วัตร้องเพลงอัดเสียงส่งมาให้พวกผมเก็บไว้ฟังเป็นเรื่องปกติ แล้วยังมารู้ในภายหลัง ที่วัตร้องเพลงเพราะขึ้น เป็นผลจากการเรียนเสริมกับครูที่โรงเรียน

   ในชั่วโมงดนตรี วัตมีแววครูเขาเลยจับฝึก แนะนำให้เพื่อนตัวเอง ส่งผลเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ชื่อของเด็กที่มีพรสวรรค์รู้จักกันวงใน วัตสนุกกับงานอดิเรกนี้

   เริ่มจากร้องเพลงวงของโรงเรียน รับจ๊อบงานเล็กๆ น้อยๆ จากครูและคนรู้จัก ลองไปเรื่อยยันพากย์เสียงจากงานเล็กเป็นงานใหญ่ หลายคนทาบทามให้ไปเป็นนักร้องไม่ก็นักพากย์ น้องชายผมทำเพราะนึกสนุก ไม่คิดจริงจังเลยปฏิเสธไปซะหมด พวกเขาเองไม่ตามตื๊อให้มากความ เด็กมีพรสวรรค์กับพรแสวง ใช่จะมีแค่คนเดียวซะเมื่อไหร่ ยังมีคนอีกมากที่ต้องการ เส้นทางในอนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์เลยจบลงเพียงเท่านี้ วัตยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป

   เรื่องของผมกับชิน เหตุการณ์นี้ผ่านไป เราเข้าใจกันมากกว่าเก่า ลักษณะนิสัยดั้งเดิมยังคงอยู่ อาจมีบ้างที่เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและเวลา แต่ไม่นับว่าเป็นปัญหาสำหรับพวกเรา ในเมื่อเรามีสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างดีอยู่ใกล้ตัว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 01-01-2016 16:06:47
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 01-01-2016 22:07:12
กลับมาอ่านอีกรอบค่ะ ชอบตอนที่กลมาดหลุดสุดๆเลย
เวลาแบบ เป็นห่วงวัต ตกใจ อยากอ้อนจนหลุดมาดนิ่ง มันรู้สึกดาเมจมาก :katai1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-01-2016 15:52:47
พึ่งเห็นว่ามาลง คิดถึงมากก ชอบชินอ่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 03-01-2016 19:00:32
 o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-01-2016 22:12:15
แสบกันหมด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-01-2016 06:32:01
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kamung ที่ 10-01-2016 23:32:15
ไม่อยากให้จบเยยยย  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 13-01-2016 16:36:38
ต่อนะๆๆๆๆๆๆ.....ทำหนังสือมะ??? :mew2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 16-01-2016 03:00:31
จบแหละ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 20-01-2016 09:36:11
สนุกมากๆเลยคับ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน5 1/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 22-01-2016 02:56:16
ชอบคู่วัดกับชินนนนน มันมีเสน่ห์บอกไม่ถูกจริงๆอะคู่นี้
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน6 4/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-02-2016 15:44:40
Part6 เริ่มต้นสร้างเกม
 
   ไม่ว่าบทสรุประหว่างผมกับชินจะจบลงยังไง สุดท้ายแล้วเพื่อนชินยังคงหนีไม่พ้นการถูกลากไปซ้อมดาวเดือน โดยมีผมคอยหัวเราะเยาะอยู่เบื้องหลัง ไม่หวั่นแม้สายตาเย็นเยือกจากเพื่อนควบตำแหน่งคนรักของตัวเอง ทั้งที่คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในวัยมหาลัย เดินร่อนเป็นอาหารตาชาวบ้านเล่น 
 
   กลับมาเรื่องพุ่งเข้าหาอยู่ดี ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ชวนปวดหัวอะไร แค่มันน่ารำคาญเท่านั้นเอง ช่วงที่ชินไม่ค่อยว่างจากกิจกรรมของคณะ ผมไม่มีคนคอยช่วยเป็นไม้กันหมา มีคนมากหน้าหลายหน้าพยายามเข้าหา ซึ่งผมตอบปฏิเสธได้หมด มีอยู่สองคนที่หน้ามึนไม่ยอมไป
 
   คนแรก เพื่อนร่วมสาขาที่เพิ่งโผล่หัวมาเรียน ผู้ชายร่างบางใบหน้าสวยสเปกของหญิงสาวหลายคน ทีแรกเราต่างมองผ่านไม่สนใจ นานวันเข้าความสามารถผมในคาบเรียนเริ่มเผยโฉมทีละน้อยทำให้เขาเกิดสนใจผมขึ้นมา
 
   “สวัสดี นายชื่อวินใช่มั้ย ฉันชื่อรุจ ยินดีที่ได้รู้จัก”
 
   มือเรียวบางยื่นมือตรงหน้า ผมหรี่ตามองยอมยื่นมือไปจับพอเป็นพิธี
 
   “อืม สวัสดี”
 
   “นายเก่งจัง ดูฉลาดกว่าทุกคนในห้องซะอีก”
 
   “ขอบคุณที่ชม” น้ำเสียงตอนนี้ของผมแห้งแล้งสุดๆ หมอนี้จะมาไม้ไหน ดูแล้วแตกต่างจากคนวัยเดียวกันและไม่น่าไว้ใจชอบกล
 
   “ฉันชอบคนฉลาด ไว้เจอกันนะ”
 
   เจ้าตัวยิ้มสวย คาดว่าหญิงชายหลายคนคงจะละลายแต่ไม่ใช่กับผม เอาเถอะ ไม่ได้มาร้ายก็ดีไป ผมคิดแบบไม่ใส่ใจนัก มานึกเสียใจในภายหลังว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ รุจช่างตื้อกว่าที่คิด เวลาเรียนผมแทบไม่ได้อยู่กับเพื่อนคนอื่นเลยเพราะโดนเจ้าตัวกีดกันซะหมด ที่ปล่อยผ่านคงมีแค่ชิน ตัวร้ายย่อมมองกันออก รุจคงไม่อยากมีปัญหาและทำให้ผมไม่พอใจ ยังดีที่นอกเหนือจากเวลาเรียนรุจจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับผม
 
   แวบแรกที่ชินเห็นรุจ เขาพูดกับผมทันทีว่าไม่ชอบผู้ชายคนนี้ อันตรายและไม่น่าไว้ใจ แต่จะให้ตัดสินเลยก็ยังไงอยู่ ในเมื่อรุจไม่เคยก่อเรื่องให้กับผม ถ้างั้นก็ปล่อยไปก่อนแล้วกัน
 
   ส่วนตัวกวนคนที่สอง เหตุการณ์เจอกันครั้งแรกไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่...
 
   หลังอาคารจุดไร้ผู้คน ปรากฏชายร่างสูงโปร่งสองคน เจ้าของเรือนผมสีทองอ่อนพิงยืนเอนหลังพิงกำแพงขณะเดียวกันกับที่ชายเรือนผมดำใช้แขนโอบกอดเอวเพื่อช่วยพยุงกาย ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววแต่เด็กโน้มแนบริมฝีปากพลางสอดลิ้น อีกคนเอียงหน้าโต้จูบดูดดื่ม 
 
   ชายเสื้อนักศึกษาถูกสอดร่นขึ้นจนเผยหน้าท้องราบเรียบมีกล้ามน้อยๆ ไม่ต่างจากพวกนายแบบมีชื่อ สัมผัสร้อนจากมือสากลากไล้ไปตามกระดูกสันหลัง จมูกโด่งเปลี่ยนตำแหน่งซุกไซร้ลำคอขาว อีกคนแหงนหน้าเปิดทางให้อย่างเต็มใจ แต่มือปลดกระดุมลูบแผงอกเลื่อนไปถึงสะโพกสอบสวมทับด้วยกางเกงนักศึกษา
 
   มองเผินๆ ไม่ต่างจากวัยรุ่นวัยร้อนแรงมาพลอดรักกันในจุดอับของมหาลัย ถ้าไม่ติดว่าทั้งคู่เป็นผู้ชาย! ที่สำคัญยังเป็นว่าที่เดือนคณะไอที กับทูตสวรรค์ไอดอลประจำคณะ!!
 
   “โอ๊ะ! โทษที ไม่คิดว่ากำลังยุ่ง”
 
   คำพูดสวนการกระทำ ปากบอกขอโทษ แต่ยืนนิ่งไม่คิดหลบ ดวงตาสองคู่หันขวับไปจ้องคนรบกวนเขม็ง
 
   พรึ่บ!
 
   ชินดึงชายเสื้ออีกคนปิดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนสภาพหลุดลุ่ยของตัวเองกลับไม่ใส่ใจนัก สองเท้าเก้าขึ้นหน้า ยืนบังอีกคนที่ถอนหายใจแต่งตัวอยู่ด้านหลัง
 
   “มึงเป็นใคร”
 
   ชายที่เข้ามาขัดยืนล้วงกระเป๋ายิ้มร่าแบบไม่สะท้านกับสายตาแทบฆ่าคนได้ เขาเป็นคนเดียวกับที่ผมกับชินเจอวันนิเทศ เจ้าของทรงผมสุดล้ำ กับรอยสักโผล่พ้นคอเสื้อ
 
   “บัญญพนต์ ปีหนึ่งบริหาร”
 
   ผมเลิกคิ้วถาม ยกมือแตะบ่าชินให้ถอยไปแต่งตัวบ้าง ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ในชุดเรียบร้อยตามเดิม ให้ตายสิ หมอนี้ไม่น่ามาขัด เครื่องกำลังติดอยู่แท้ๆ อุตส่าห์หาทำเลที่คิดว่าไม่มีใครเสนอหน้ามาแล้วเชียวนะ
 
   เจ้าของนามยิ้มยียวนแสร้งก้มทักทายอย่างนอบน้อมจนน่าถีบ ดวงตาพราวระยับเงยขึ้นสบดวงตาสีเทา
 
   “เรียกบันก็ได้ น่าแปลกจริง ทำไมนายถึงรู้จักฉันล่ะ”
 
   “คนที่โดดเด่นอย่างนายใครเห็นเป็นต้องจำได้ คิดว่าฉันไม่รู้จักรึไง” อีกฝ่ายนับว่าเป็นคนดังจากคณะบริหาร ด้วยรูปร่างหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แถมยังนิสัยแปลกๆ แต่โดดเด่นเวลาเล่นกิจกรรม ผมจะรู้จักก็ไม่แปลก คงไม่ต่างจากที่อีกฝ่ายรู้จักผมกับชินเหมือนกัน
 
   “ต้องการอะไร”
 
   ชินยืนข้างผมถามไม่สบอารมณ์ สงสัยอารมณ์ค้าง ถึงได้ดูหงุดหงิดงุ่นง่านขนาดนี้ เจ้าบันไม่สำนึกเข้ามากอดคอพวกเราสองคนแบบไม่กลัวตาย
 
   “ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าโหดกันแบบนั้นสิ ไปหาที่คุยดีๆ หน่อยเป็นไง พ่อนักรักทั้งสอง”
 
   คำตอบคือศอกพวกเราสองคนซัดเข้ากลางพุงเจ้าคนปากหมาจนทรุดลงกุมท้อง เราต่างคนต่างหักมือเตรียมพร้อม
 
   “เดี๋ยว ใจเย็น... ฉันมาดีแค่อยากทำความรู้จักกับพวกนาย แอ๊ก!”
 
   ชินส่งเท้าไปคนแรก ตามด้วยผม ไม่มีใครสนใจเสียงโวยวายของเจ้าตัวเลยสักนิดนอกจากจัดการเจ้าตัวขัดจังหวะ พอออกกำลังกายจนหนำใจถึงผละออกปล่อยซากทิ้งไว้บนพื้น
 
   หารู้ไม่ หลังจากนั้นมันดันฟื้นคืนชีพตามรังควานพวกเราสองคนไม่หยุดหย่อน เวลาผมหรือชินอยู่ตามลำพังไม่เคยโผล่หัว พออยู่ด้วยกันเท่านั้นแหละ เสนอหน้ามาตลอด ไม่ว่าจะเวลาเรียน กินข้าว กระทั่งเข้าห้องน้ำยังไม่เว้น ชินแทบจะระเบิดลงผมต้องคอยห้ามเพราะกลัวว่าชินจะก่อคดีฆาตกรรมขึ้น
 
   จากอาทิตย์ผ่านเป็นเดือน เผลอแปบเดียวจบไปหนึ่งเทอมแบบงงๆ พร้อมกับบันที่เนียนมาอยู่กับพวกผมได้ไงก็ไม่ทราบ กลายเป็นว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันสามคน
 
   คบกันไปถึงรู้ว่า บันไม่ใช่ลูกชาวบ้านธรรมดาตาดำๆ เจ้าตัวเป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ สมัยนั้นเริ่มมีพวกเกมออนไลน์แบบนอนเข้าไปในโลกเกมยุคแรก ซึ่งบริษัทที่ทำก็เป็นของพ่อบัน
 
   ตัวลูกชายแทนที่จะทำตัวสมฐานะ เปล่าเลย ดันหลุดออกนอกลู่นอกทางจนกู่ไม่กลับ มีงานอดิเรกคือการสัก ชอบขนาดที่แอบพ่อเรียน ด้วยความที่ร้อนวิชาเลยคะยั้นคะยอให้ผมกับชินเป็นหนูทดลอง ผมเองเริ่มสนใจเลยออกปากตกลง ขอให้สักรูปแมวตัวเล็กให้ ชินเห็นผมโอเคเลยเอาด้วย
 
   ผมได้รูปแมวลายสวยแต่ดันเบี้ยวจากตำแหน่งที่ต้องการ ส่วนชินเป็นภาพกราฟิกรูปจิ้งจอกตรงหัวไหล่ กลับบ้านไปไม่ว่าจะครอบครัวผมหรือครอบครัวชิน ต่างพากันตกใจไม่คิดว่าลูกชายทั้งคู่จะสักกับเขาด้วย
 
   วัยมหาลัยปีหนึ่งผ่านไปแบบไม่มีอะไรพิเศษนัก ว่างๆ ผมไปช่วยพ่อทำงานบ้าง รับจ๊อบเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าขนมบ้าง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับเกมแรกที่ผมร่วมมือกับเพื่อนสร้างขึ้นมาอยู่ช่วงปีสอง
 
   เกมแนวใหม่เริ่มเป็นที่นิยม พวกเราสามคนยังเคยเข้าไปเล่นด้วยกัน แต่เพียงไม่นานระดับก็เต็ม ของเทพทุกอย่างจนน่าเบื่อ
 
   ชายร่างสูงสามคนยืนอยู่บนยอดผาภายในเกมออนไลน์ที่บอกกันว่าฮิตในช่วงนี้ เบื้องหน้าคือเมืองขนาดใหญ่ กับดวงอาทิตย์เด่นตระหง่านบนน่านฟ้า เบื้องหลังเป็นฉากป่า ดันเจี้ยนที่โหดที่สุดภายในเกมถูกพวกเราสามคนเคลียร์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จนมาถึงจุดที่ชมวิวสวยที่สุด
 
   แต่มันก็เท่านั้น เกมระบบเดิมๆ เล่นไปไม่นานก็เบื่อ ทุกอย่างดูสวยงามก็จริง แต่ขาดความสมจริง ผมคิดพลางหยิบก้อนหินใกล้ตัวขึ้นมาดู ไม่รู้สึกถึงสัมผัสพื้นผิวเลย ขณะที่ผมกำลังคิดวิเคราะห์ว่าเกมนี้น่าจะวางระแบบมาแบบไหนนั่น จู่ๆ บันมันดันโผล่งขึ้นมาดื้อๆ
 
   “เกมพวกนี้ห่วยแตก ฉันสร้างเกมขึ้นมาเองดีกว่า”
 
   ผมหันขวับมองคนพูด
 
   “นายจะเอาปัญญาที่ไหนไปสร้าง ของพวกนี้ต้องใช้คนเยอะ แล้วยังต้นทุนอีกมหาศาล”
 
   “ยากอะไร นายก็รู้นี่ว่าพ่อฉันเป็นใคร” มันยืดอกภาคภูมิใจจนชินหมั่นไส้ออกแรงถีบหน้าทิ่ม เลือดลดไปสิบเปอร์เซ็นต์ ดีนะมีของดี ไม่งั้นปลิวตกผาแน่
 
   “ฝันกลางวัน” ชินเอ่ยเสียงเรียบแววตามองเยาะเย้ย
 
   “ไม่ฝันเว้ย” บันลุกขึ้นมาเหมือนซอมบี้ “พ่อกำลังมีโปรแกรมจะสร้างเกมใหม่พอดี แต่คนไม่พอ ถ้าฉันอาสาช่วยดึงพวกนายร่วมด้วย รับรองเกมของพวกเราได้ถือกำเนิดขึ้นมาแน่”
 
   ผมกับชินมองหน้ากัน สิ่งที่บันพูดใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถึงบันจะดูไม่ค่อยเอาโล้เอาพายเท่าไหร่ แต่มันเป็นคนฉลาด มีความสามารถสูง ถ้ามันตั้งใจทำอะไรสักอย่างแล้ว ต้องทำจนกว่าจะสำเร็จ น่าสนใจไม่เลวเหมือนกัน เกมที่พวกเราสร้างขึ้นเองงั้นเหรอ…
 
   “เอางี้ ถ้านายสามารถขอร่วมมือกับพ่อสำเร็จ ฉันจะยอมทำงานให้นายก็ได้” ยอมง่ายๆ มันไม่สนุก ต้องมีข้อต่อรองกันหน่อย
 
   “วินว่าไงฉันว่างั้น” หนุ่มผมดำตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด บันฉีกยิ้มกว้างปล่อยให้แสงตะวันจำลองอาบไล้ไปทั่วร่าง
 
   “จัดไป! พวกนายเตรียมตัวเป็นลูกน้องฉันได้เลย”
 
   ลูกเจ้าของบริษัทใหญ่ วางท่ามั่นใจเต็มที่ เอาเข้าจริงเวลาผ่านไปร่วมเดือนยังไม่สามารถกล่อมพ่อได้สำเร็จ สุดท้ายเลยต้องลากพวกผมไปแสดงตัวกับพ่อเพื่อหาพวก
 
   แววตาของคนมีอำนาจอยู่ในมือ กวาดมองพวกเราทีละคน ก่อนจะหยุดที่ผมเนิ่นนาน เหตุผลคงไม่พ้นผมหน้าคล้ายพ่อแบบถอดพิมพ์เดียวกันมา ที่สำคัญ พ่อผมยังเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่พลิกโฉมประวัติศาสตร์ ริเริ่มสร้างระบบเกมแบบใหม่
 
   “เห็นกับความตั้งใจของพวกลูก พ่อจะยอมให้ร่วมงานก็ได้ แต่เป็นแค่ทีมงานเล็กๆ เท่านั้นนะ”
 
   วาจานั้นไม่ต่างจากใบเบิกทางของพวกเรา ผมสามคนเริ่มจากตำแหน่งเล็กๆ เป็นทีมงานจิปาถะคอยช่วยเหลือคนอื่นในการทำงาน ก่อนไต่เต้าระดับตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ควบกับการเรียนหนังสือ
 
   เวลาผ่านไปสองปีกว่า พวกเรากลายเป็นส่วนหนึ่งในพนักงานอย่างเต็มตัว ความสามารถของพวกผมเป็นของจริง ต้องขอบคุณสวรรค์ที่มอบพรสวรรค์นี้ให้เราเหนือกว่าคนวัยเดียวกัน บางทีอาจจะเหนือกว่าผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ พอมาถึงระดับนี้ถึงรู้ว่ามันสมองของทีมยังไม่พอ ผมต้องหาคนเพิ่ม คนที่มีความสามารถแบบเดียวกัน
 
   ผมนำเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านประธานกับบันและคนอื่นๆ ท่านประธานขอเวลาตัดสินใจระยะหนึ่ง ส่วนบันไม่มีปัญหา ทางเพื่อนร่วมงานมีแต่จะยินดีที่ได้คนมาช่วยเพิ่ม ไม่รู้ว่าโดนลูกน้องกดดันหรือลูกชายอ้อนหนัก ในที่สุดท่านประธานก็ยอมเซ็นอนุมัติให้หาคนเพิ่ม โดยมีข้อแม้ว่า หลังจากผมคัดคนมาแล้ว ต้องส่งข้อมูลให้ท่านประธานก่อน ถ้าผ่านค่อยเข้าทำงานในบริษัทเต็มตัว
 
   ชินตอบสนองความต้องการผมเสมอ เย็นวันนั้นชินส่งข้อมูลมาให้ผมถึงสี่คน...
 
   คู่แรกเป็นฝาแฝด ผมสั้นทั้งคู่ แฝดคนพี่ชื่อวายุมีผมสีขาวอมเขียว ดวงตาสีเขียวอ่อนแปลกตา คนน้องชื่อวาโยไม่ต่างกันเปลี่ยนแค่ผมออกไปทางฟ้าและดวงตาเป็นสีฟ้าอ่อน ประวัติตามสไตล์เด็กเก่ง พ่อแม่เป็นคนมีหน้ามีตา บ้านมีฐานะ ทั้งคู่เคยไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะเกิดปัญหา เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ก่อความวุ่นวาย ทะเลาะวิวาททั้งที่หน้าตาไม่ค่อยให้ จนฝ่ายตรงข้ามเข้าโรงพยาบาลไปหลายคน
 
   ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้า อายุน้อยกว่าผมสองปี สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้งคู่เก่งเรื่องโปรแกรมและสิ่งประดิษฐ์เชิงเทคโนโลยีมาก ไม่นับว่าแปลกหน้าเท่าไหร่ เห็นในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ ออกข่าวบนทีวีบ่อยๆ ว่าแฝดนรกคว้ารางวัลมานักต่อนัก
 
   ถัดมา เป็นหญิงสาวนามมะลิอายุเท่าแม่ผม แต่งงานแล้ว แต่มีความเก่งกาจ ใบหน้าสวยฉายความมุ่งมั่นจริงจัง เคยทำงานมาแล้วหลายแห่ง ประสบการณ์ในการทำงานโชกโชน หนึ่งในผู้หญิงส่วนน้อยที่ผู้ชายให้การยอมรับ น่าเสียดายปัจจุบันลาออกจากงานเพื่อเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน เอาเถอะคนนี้น่าจะกล่อมไม่ยาก
 
   คนสุดท้าย เด็กหนุ่มหน้าตาโดดเด่นดวงตาและผมสีน้ำเงินเกือบดำ ผิวเข้ม ใครเห็นหน้าเป็นต้องไม่ถูกชะตา แถมประวัติที่อ่านหาความน่ารักไม่เจอ เด็กกว่าน้องชายผมสามปี แต่ก่อเรื่องมากกว่าผู้ใหญ่ที่ใช้เวลามาทั้งชีวิตเสียอีก อาชญากรอายุน้อยหรือนิยามสั้นๆ ว่าเด็กเปรต
 
   รายนามความผิดยาวเหยียดจนผมอ่านต้องยกมือนวดหัวคิ้ว หลักๆ คือการใช้ความสามารถตัวเองในทางมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการแฮกเพื่อท้าทายรัฐบาล แฮกเอาข้อมูลคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อไปขาย ตอบโต้โจมตีกันระหว่างแฮกเกอร์ด้วยกัน ก่อเรื่องข้ามประเทศ ช่างเป็นเด็กที่น่าฆ่าทิ้งอย่างยิ่ง
 
   ติดที่ฐานะทางบ้านดี พ่ออยู่ในตำแหน่งระดับสูงมีคนรู้จักกว้างขวาง ครอบครัวทางฝั่งแม่ก็ไม่ใช่เล่นมีญาติผู้ใหญ่อยู่ในตำแหน่งราชการ ที่สำคัญยังเป็นลูกชายคนเดียว หัวแก้วหัวแหวน เลยถูกลงโทษเพียงสถานเบา ตอนนี้หายซ่าอยู่ใต้โอวาทพ่อ แต่ยังไม่วายก่อเรื่องเล็กอยู่เนืองๆ ถ้าฝั่งผู้ใหญ่คนคร้านจะยุ่งเกี่ยว พากันหลับตาข้างหนึ่ง ขอแค่ไม่ก่อเหตุใหญ่โตเป็นใช้ได้
 
   ชื่อของเด็กคนนี้คือ ‘กลวัชร อัคคเดชโภคิน’
 
   ผมละสายตาจากข้อมูลบนจอมามองหน้าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ชินเลิกคิ้วเนียนมาลากเก้าอี้มานั่งเบียด
 
   “มีอะไรเหรอ หรือว่ารายชื่อพวกนี้ยังดีไม่พอ?”
 
   มันดี ดีมาก ทุกคนอยู่ระดับหัวกะทิ ข้อมูลละเอียดแบบที่คนอื่นไม่สามารถหาให้ได้ ถ้าไม่ใช่ชิน โดยเฉพาะคนสุดท้าย ไม่ต้องเอาทุกความผิดมารวมกันให้ผมอ่านก็ได้มั้ง ชินเดาความคิดผมออก เจ้าตัวยักไหล่
 
   “นายบอกว่าอยากได้แบบละเอียด ฉันเลยหามาให้ ไม่ดีเหรอ” ใบหน้าคมคายยื่นเข้ามาใกล้ ดวงตาพราวระยับแบบที่ทำใส่ผมคนเดียวเท่านั้น ไม่รู้ผมควรจะดีใจมั้ย
 
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน6 4/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-02-2016 15:45:28
Part6 เริ่มต้นสร้างเกม(ต่อ)

   “มันก็ดีอยู่ ขอบใจที่ช่วย”
 
   “นี่... ไม่คิดให้รางวัลกันหน่อยเหรอ” นายชินกฤตกระแซะๆ เข้ามาหาจนผมต้องเอนหลัง หวาดเสียวว่าจะหงายตกเก้าอี้ ถ้าอยู่ที่บริษัทผมคงจะยกเท้ายัน พอดีตอนนี้อยู่ที่บ้านเลยปล่อยจิ้งจอกได้ใจไปก่อน
 
   “เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายทำเพื่อหวังสิ่งตอบแทน ไม่ได้ทำเพื่อฉันจากใจ” มุมปากสีอ่อนยกยิ้มมองอีกคนอย่างเหนือกว่า คนฟังคิ้วขมวดสีหน้าบ่งบอกว่าตัวเองกำลังถูกใส่ร้าย
 
   “ฉันให้นายได้ทุกอย่าง ห้องที่นายอยู่นี่ก็ห้องส่วนตัวฉัน คอมที่นายใช้ก็เป็นของฉัน ทั้งตัวและหัวใจนายก็เป็นของฉัน เราเป็นของกันและกันขนาดนี้ ยังคิดว่าฉันไม่จริงใจกับนายอีกเหรอวิน”
 
   “เฮ้ เดี๋ยวก่อน! ฉันว่ารูปประโยคมันแปลกๆ ใครเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
 
   “นายไงเป็นของฉัน ผมนี่ ดวงตา จมูก ปาก ลำคอทุกส่วน ฉันสำรวจตีตราไว้หมดแล้ว” เจ้าของห้องงึมงำพูดระหว่างจูบไล่ตามตำแหน่งที่บอก เริ่มจากกลุ่มผมนุ่มไล่มายังดวงตาให้อีกคนต้องหลับตาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะงับจมูกเบาๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปาก มือหนาสอดเข้ามาในเสื้อ ลูบไล้ถลกขึ้นจนเห็นรอยจ้ำแดงเต็มไปหมด
 
   “ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันไม่ใช่ของนาย นายต่างหากเป็นของฉัน” ผมใช้มือยันหน้าอีกฝ่ายไปห่างๆ ปรายตามองคนที่นั่งอยู่ในสภาพเสื้อคลุมอาบน้ำเผยแองอกกับขาแกร่ง มีรอยจ้ำแดงไม่ต่างจากผม ชวนให้ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ฝีมือผมก็ใช้ได้นะเนี่ย
 
   “โอเคๆ ตกลงเป็นไง จะให้หาคนเพิ่มอีกรึเปล่า”
 
   “ไม่ล่ะ เท่านี้แหละ คนเยอะเรื่องก็มากตาม อีกอย่างนายคัดมาแล้วนี่ นอกจากคนพวกนี้คงไม่มีใครเหมาะอีก” ชินพยักหน้าเลิกทำตัวรุ่มร่ามระหว่างคุยเรื่องจริงจัง ผมยิ้ม “ไปใส่เสื้อผ้าดีๆ เดี๋ยวเป็นหวัด”
 
   สมกับเป็นจิ้งจอกผู้ซื่อสัตย์ ลุกไปแต่งตัวเปลี่ยนเป็นชุดนอนแบบเดียวกับผม แล้วเดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กในมือ ก่อนลากผมไปนั่งตรงขอบเตียง ย้ายตัวเองนั่งบนฟื้นหันหลังให้พลางส่งผ้าขนหนู ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร การกระทำบอกทุกอย่าง
 
   ผมรับผ้ามาบรรจงเช็ดผมเปียกชื้นให้อย่างตั้งใจ ท่าทางเหมือนจะอ้อนแบบนี้ทำให้ผมหลุดขำ ในอดีตชินเป็นคนนิ่งขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ถ้าไม่มีผมเจ้าตัวไม่คุยกับใครทั้งวันเลยยังได้ ใบหน้าเรียบเฉยไม่ค่อยแสดงอารมณ์ แต่ทุกครั้งที่ผมเรียกชื่อเขา ชินจะหันมาด้วยรอยยิ้มบางชวนให้อุ่นวาบไปทั้งใจ
 
   มันเป็นหลักฐานว่าชินเปิดใจให้ผมเพียงคนเดียว ถึงอย่างงั้นผมกลับทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกตัวเอง แนะนำ ผลักดันให้ชินเข้าสังคมมากขึ้น ทั้งที่ในใจไม่อยากให้ชินพูดคุยกับใคร มันคือความเห็นแก่ตัวของผม
 
   รอยยิ้มนี้ น้ำเสียงแบบนี้ ผมอยากเก็บทุกอย่างไว้เป็นของตัวเองทั้งหมด ผมยอมเสียเปรียบ ผมยอมถูกใช้ประโยชน์ได้ แต่ผมไม่มีวันยกชินให้ใครเด็ดขาด
 
   ดวงตาสีเทาฉายประกายวาววับ ใบหน้าหล่อเหลางดงามที่มักยิ้มแย้มอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยคล้ายกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่าง ชินรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคนรักเลยแหงนหน้ามองอย่างสงสัย ผมไม่คิดเก็บสีหน้าของตัวเอง ก้มลงไปแนบริมฝีปากกับเรียวปากได้รูปของชิน
 
   ทั้งคู่ค่อยๆ ผละออกจากกัน ดวงตามองสบสื่อความรู้สึกส่วนลึกของตัวเอง
 
   “นายเปลี่ยนไปมากรู้มั้ย ตั้งแต่วันที่ฉันเกิดเรื่อง นายยอมให้คนอื่นเข้าหามากขึ้น” ผมเปรย
 
   ชินหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ นึกขำกับคนที่เคยกล่อมตัวเองให้มีมนุษย์สัมพันธ์บ้าง พอโตมากลับดูไม่พอใจซะงั้น
 
   “อิทธิพลจากนายไง ไม่ดีเหรอ” จิ้งจอกเจ้าเล่ห์เอียงคอมอง แล้วเคลื่อนกายมาคร่อมทับด้านบน เท้ามือกักร่างอีกคนไว้ใต้ร่าง
 
   “ดีมั้ง”
 
   “น้ำเสียงไม่ดีใจเท่าไหร่นะ หวงฉันรึไง ไม่ต้องห่วงหรอก แค่การพูดคุยเพียงผิวเผิน คนเราโตขึ้นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง อนาคตฉันยังต้องพูดคุยกับคนอื่นอีกมากเพื่อช่วยงานนาย ฉันไม่ยอมให้นายออกหน้าคนเดียวหรอกนะวิน”
 
   “อืม... แย่แฮะ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นแบบนั้น ยังไงฉันก็ยังหวงนายอยู่ดี” แขนขาวยกก่ายหน้าผาก พลางทอดถอนใจระอาตัวเอง บางคนมีเหตุผลอยู่เต็มหัว พอเอาเข้าจริงดันพ่ายแพ้ให้กับความรู้สึก ชินคว้ามือผมไปจูบ
 
   “หวงสิดี นั่นหมายความว่านายเห็นฉันเป็นคนสำคัญ” จิ้งจอกหยอกเย้างับปลายนิ้วผมเล่นเบาๆ
 
   “สำคัญมาก สำคัญที่สุด ฉันจะไม่เอาแต่ใจ แต่ขอบอกไว้ก่อน ฉันไม่ยอมยกนายให้ใคร”
 
   “ความจริงนายเอาแต่ใจบ้างก็ได้ ใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ถึงมันจะเพลาๆ จากสมัยก่อนก็เถอะ” ถึงคราวจิ้งจอกบ่น
 
“งั้นฉันจะเป็นคนไปคุยกับเด็กแฝด ส่วนนายไปหาคุณผู้หญิงคนนั้น”
 
   ชินขมวดคิ้ว นั่นไม่ใช่การเอาแต่ใจเลยสักนิด ถ้าเอาแต่ใจมันต้องงอแงไม่ยอมให้เขาไปหาใครสิ พอมองเข้าไปในดวงตาสีเทา ผู้ชายคนนี้ยึดเหตุผลเป็นหลัก คงไม่มีทางอ้อนให้เขาเอาใจแน่ๆ บอกได้เพียงคำเดียวว่าปลง...
 
   “เอางั้นก็ได้ แล้วเด็กที่ชื่อกลวัชรนั่นล่ะ” ชินถามพลางลุกออกมานั่งข้างๆ ดึงแขนให้อีกคนลุกขึ้นตามมา
 
   “ไม่เอา ยังเด็กเกินไป อีกอย่างฉันไม่ว่างมานั่งดัดสันดานเด็ก งานนี้งานใหญ่เวลาปกติก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว”
 
   “ตามใจ ไว้พรุ่งนี้ค่อยติดต่อคนพวกนั้นแล้วกัน แน่ใจนะไม่ให้ฉันไปกับนายด้วย”
 
“แน่ใจ แค่เด็กคนสองคนฉันจัดการได้อยู่แล้ว ปิดไฟด้วยจะนอน”
 
   ชายผมทองคลานขึ้นเตียงห่มผ้าเรียบร้อย เจ้าของห้องส่ายหัว ปิดไฟแล้วตามขึ้นไปนอนอีกคน คว้าอีกฝ่ายมากอดอย่างถือสิทธิ์ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ว่าอะไร แค่ยกขาก่ายกลับเกิดเป็นภาพชวนอนาถ ชินแทบร่ำไห้ในใจ ยอมเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นหมอนข้างจนถึงเช้า
 
 
   นัดหมายของพวกเขาถัดจากนั้นไปอีกสามวัน ชินไปคุยกับคุณมะลิก่อน ทีแรกสาวเจ้าลังเลยังไม่ค่อยเชื่อใจเด็กที่มาคุยเรื่องสำคัญกับเธอนัก อาศัยชินกล่อม พร้อมข้อเสนอมากมาย แถมหลักฐานยืนยันว่าสิ่งที่พูดไปเป็นเรื่องจริง พวกเขาต้องการคนช่วยเหลืองานใหญ่ มีเอกสารจากทางบริษัทครบถ้วน สามารถโทรไปเช็คได้
 
   ในที่สุด หญิงสาวก็ตอบตกลงเข้าทำงาน พี่มะลิมาบอกตอนหลังว่าชินไปโอกาสเหมาะ ลูกชายของเธอเข้าโรงเรียนแล้ว ไม่จำเป็นต้องคอยดูแลอย่างเก่า ด้วยความที่เป็นผู้หญิงรักการทำงานและชอบความท้าทายจึงยอมร่วมมือกับพวกเรา นับเป็นเรื่องดี
 
   งานมันเข้าฝั่งผมต่างหาก บ้านหลังใหญ่ผมไม่ตกใจ เดินเข้าออกบ้านชินจนเหมือนบ้านตัวเอง จนทุกคนในบ้านแทบเรียกผมว่าคุณหนูตามชิน ดังนั้นอาการตื่นเต้นกับสถานที่ไฮโซไม่ปรากฏ ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนเจอกับพ่อแม่ของเด็กแฝด ท่านทั้งสองมีความกดดันตามประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่า ถึงงั้นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมอีกเช่นเคย ผมพบเจอผู้ใหญ่แบบนี้มาตั้งแต่จำความได้ เพราะผมชอบตามพ่อไปทำงานที่ต่างๆ
 
   ผมยิ้ม พูดคุยสุภาพนอบน้อมกับผู้ใหญ่ทั้งสอง เพราะติดต่อมาล่วงหน้าทุกอย่างเลยเป็นไปได้ด้วยดี ผมมาในฐานะตัวแทนของบริษัทไม่ใช่เด็กน้อยเล่นขายของ ทุกสิ่งที่พูดคุยจริงจังเป็นการเป็นงาน พวกท่านอ่านเอกสารที่ผมนำมาด้วยครู่หนึ่ง สบตาปรึกษากัน ก่อนจะปล่อยให้ผมพบลูกชายทั้งสอง
 
   ปัญหาผมเกิดตอนนี้นี่แหละ เดินตามสาวใช้จนมาถึงห้องส่วนตัวของเด็กแฝด เปิดประตูมาไม่ทันไร ลูกเบสบอลถูกขว้างมาอย่างแรง ผมยกมือรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองสำรวจภายในห้อง แฝดคนพี่กำลังนั่งเล่นคอมตามข้อมูล แฝดคนน้องเจ้าของลูกเบสบอลกำลังเล่นรับส่งลูกกับชายอีกคนหนึ่ง
 
   เขามีเรือนผมสีแดง รูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกัน พอเห็นว่ามีคนนอกมาหา เจ้าตัวออกหน้าเดินมายืนขวางระหว่างผมกับสองแฝดอย่างกับองครักษ์ ชวนให้ผมนึกถึงชิน ดูท่าผมจะเป็นราชทูตบุกมาหาเจ้าหญิงถึงหอคอยงาช้างจนถูกอัศวินพิทักษ์เจ้าหญิงเขม่นเอาสินะ
 
   “สวัสดี ฉันชื่ออาชวิน เป็นคนจากบริษัทที่ติดต่อมา”
 
   “ใครน่ะ ติดต่อเมื่อไหร่ไม่เห็นรู้เรื่อง”
 
   วาโยแฝดคนน้องเดินมาชะโงกมองผมผ่านหลังชายหัวแดงที่ยังคงยืนจังก้าไม่ยอมให้ผมเหยียบเข้าห้องแม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งผมไม่คิดจะเข้าไป ในเมื่อเจ้าของยังไม่อนุญาต
 
   “จากบริษัทเกมน่ะ อยากชวนพวกนายไปทำเกมด้วยกัน” ผมตอบด้วยรอยยิ้มเทพบุตร ทั้งสามคนมองผมแบบไม่อยากเชื่อสายตา ผมค่อนข้างมั่นใจในหน้าตากับรอยยิ้มตัวเองนะ เรียกว่าเป็นจุดขายของผมเลยก็ได้
 
   “รอยยิ้มสุดยอด ยุดูสิๆ ผู้ชายคนนี้อย่างกับทูตสวรรค์แหนะ” วาโยหนุ่มร่าเริงหันไปคุยกับแฝดตัวเอง คนฟังเพียงแค่พยักหน้ารับเนิบๆ แต่ดวงตาสีเขียวอ่อนยังจ้องผมนิ่งอย่างประเมิน
 
   เด็กพวกนี้ไม่เลวเลย สมกับที่ชินคัดมา ถ้าเป็นพวกหัวอ่อนคงไม่เหมาะกับงานของผม
 
   “บอกตามตรง พวกฉันสนใจ” วายุเป็นคนพูด ผมเลิกคิ้ว ง่ายไปรึเปล่า
 
   “แต่มีข้อแม้”
 
   ทีแท้ไม่ยอมฟรีๆ
 
   “ฉันว่าก่อนพวกเราจะคุยกับเรื่องนี้ ขอเข้าไปนั่งด้านในได้มั้ย คิดว่าน่าจะเหมาะกว่ายืนคุย” ผมชี้ไปด้านในห้อง ชายหัวแดงขมวดคิ้วฉับ ผมเดินเข้าหาแบบไม่กลัวเกรง สองแฝดมองด้วยสายตาสนใจ จนกระทั่งเฉียดใกล้แฝดคนน้องที่เกาะติดกับร่างหนานั่นแหละ เจ้าตัวเริ่มจู่โจม ผมอมยิ้ม เอียงตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้ามา แล้วใช้มือสองข้างจับแค่อีกฝ่ายไว้มั่น ก่อนจะจัดการทุ่มข้ามหลังสบายๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะตัวใหญ่กว่าผมก็ตาม
 
   คนโดนทุ่มยังนอนงงอยู่บนพื้น ผมก้มลงส่งมือให้ด้วยรอยยิ้ม
 
   “โทษทีนะ แค่ป้องกันตัว ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำอะไรพวกเขาหรอก” ชายตรงหน้าเหมือนสัตว์ดุร้ายที่พร้อมจะทำร้ายทุกคนที่แตะต้องสิ่งที่ตัวเองปกป้อง เรื่องที่คนหาเรื่องถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาล คงเป็นผลงานของชายผมแดงไม่ผิดแน่ ก็นะ แฝดสายลมรูปร่างไม่ให้กับการออกกำลังเลยนี่
 
   “ไม่เป็นไรอัคคี เขาไม่ได้มาร้าย”
 
   ดูเหมือนวายุจะเป็นคนคุมทุกอย่าง พอพูดจบ ชายที่ชื่ออัคคียอมส่งมือมาให้ผมฉุดเขาลุกขึ้นยืน
 
   “คุณเก่งมาก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม
 
   “ไม่เท่ามืออาชีพอย่างนายหรอก” บรรยากาศเปลี่ยนไปหลังจากผมพูดประโยคนี้ วายุหรี่ตามอง วาโยยิ้มถูกใจ ส่วนอัคคีทำหน้าเครียด เวอร์กันไปได้ เห็นชัดอยู่อัคคีมีหน้าที่อะไร เพื่อนกันไม่ออกโรงปกป้องขนาดนี้ ผมส่ายหัวกับเจ้าหนูทั้งหลายพลางชี้ไปบนโซฟาที่อยู่ไม่ไกล
 
   “ฉันขอนั่งได้รึเปล่า” อีกฝ่ายเป็นเจ้าบ้าน ต่อให้อายุน้อยกว่า ยังไงต้องให้เกียรติ แต่ไม่ใช่ยอมจนดูหงอเกินไป พวกเด็กฉลาดมักมีวุฒิภาวะไม่ต่างจากผู้ใหญ่คนหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ยังมีความเอาแต่ใจตามประสาเด็กอยู่ด้วย
 
   “เชิญเลย ตามสบาย” วาโยเป็นคนตอบ ผมหย่อนตัวลงนั่ง ปลดไทเล็กน้อย วันนี้ผมมาในชุดสูทเต็มยศ ต้องแสดงตัวสบายๆ หน่อย จะได้คุยกันง่ายขึ้น
 
   “ขอบคุณ พวกนายก็ไม่ต้องเกร็งนักหรอก ฉันอายุมากกว่าพวกนายแค่สองปี”
 
   สิ้นคำทั้งหมดมองผมเหมือนเป็นตัวประหลาด
 
   “ไม่น่าเชื่อ ทีแรกนึกว่าผู้ใหญ่หน้าเด็กซะอีก” ฟังตรงนี้ชักตะหงิดๆ ผมหันไปมองวายุ น่าจะเป็นคนที่คุยรู้เรื่องที่สุด
 
   “มาคุยเรื่องของเราต่อดีกว่า ข้อเสนอของนายคืออะไร”
 
   วายุนิ่งครุ่นคิด มองสบตาปรึกษากับแฝดตัวเองท่าทางเหมือนพ่อแม่ไม่มีผิด บ้านนี้สงสัยสำเร็จวิชามองตาก็รู้ใจ ส่วนอัคคียืนนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าผมทำอะไรตุกติกคงพร้อมแลกชีวิตเพื่อปกป้องแฝดชัวร์
 
   ข้อเสนอของแฝดสายลมไม่มีอะไรมาก แค่ขอชีวิตอิสระ ห้ามไปบังคับมากและขอให้อัคคีเข้าร่วมด้วย ผมเลิกคิ้ว ความจริงประวัติของอัคคีผมอ่านผ่านตามาบ้าง เป็นลูกชายนายตำรวจยศสูงคนหนึ่ง เพราะเคยมีบุญคุณกัน แถมลูกชายอายุเท่ากัน เลยส่งมาเป็นเพื่อนเล่นควบตำแหน่งบอดี้การ์ด
 
   ดูเผินๆ เหมือนจะเวอร์เกินไป ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ แฝดสองคนนี้ถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่ควรปกป้อง ยังไม่นับเรื่องบ้านมีฐานะ จะถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถเมื่อไหร่ไม่รู้ ที่สำคัญ การทำธุรกิจย่อมมีการขัดแข้งขัดขากันบ้าง เล่นงานพ่อไม่ได้ ก็หันมาทางลูก อย่างชินเองก็มีบอดี้การ์ดเหมือนกัน เพียงแค่ไม่โผล่มาชัดเจน หรืออยู่ข้างกายในระยะประชิด ลองให้ชินยกมือ ไม่ก็ส่งสัญญาณสิ คนพวกนั้นพร้อมพุ่งออกมาเป็นฝูงชัวร์
 
ช่างหัวชินมันก่อน ประเด็นอยู่ที่เจ้าหนูอัคคีคนนี้แม้ทักษะการต่อสู้จะโดดเด่น หัวสมองฉลาดไม่เลว หนักแน่นเด็ดขาด แต่เท่าที่ผมอ่าน เขาไม่มีความอัจฉริยะด้านโปรแกรมเป็นพิเศษอย่างพวกผม จะให้พกบอดี้การ์ดเข้าไปทำงานในเขตที่เป็นความลับของบริษัทไม่ได้ซะด้วย
 
   “บอกไว้ก่อนนะ ถ้าคีไปกับเราไม่ได้ เราไม่ตกลงทำงานกับนาย” วายุพูดอย่างเป็นต่อ คิดว่าเหนือกว่าฉันเหรอไอ้หนู ฝันไปเถอะ
 
   “หัวหน้า....”
 
   “ห๊ะ?”
 
   “นับจากวันนี้ไป พวกนายเรียกฉันว่าหัวหน้า เรื่องอัคคีพวกนายไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่มีความสามารถพิเศษด้านนี้ก็จริง แต่นับได้ว่ามีพื้นฐานที่ดีพวกนายฝาแฝดคงสอนมาเองสินะ” ผมลูบคางมองสำรวจทั้งสามคนก่อนกล่าวเสริม “เขาอาจจะเก่งกว่านักโปรแกรมเมอร์ที่เป็นผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ ลองศึกษาเพิ่มเติมอีกหน่อยบวกกับความสามารถด้านการเรียนรู้ได้เร็ว คิดว่าทำงานกับพวกเราได้ไม่ยาก”
 
   ผมบอกตามที่คิด วาโยดูทนไม่ไหวถามด้วยความสงสัย
 
   “ทำไมถึงรู้ข้อมูลพวกเราละเอียดจัง”
 
   “ฉันคือคนที่จะมาเป็นหัวหน้าของพวกนาย หากฝีมือไม่สูงกว่า พวกนายจะยอมทำตามคำสั่งรึไง อีกอย่าง ที่บริษัทน่ะมีคนเก่งๆ อีกเพียบ รับรองว่ามีอะไรให้พวกนายทำไม่เบื่อแน่” แต่กระอักออกมาเป็นกองงานอ่ะนะ แน่นอน ผมไม่บอกเดี๋ยวไก่ตื่น เดี๋ยวไม่มีเหยื่อไปช่วยแบ่งเบางานกันพอดี
 
   “ทีแรก ฉันคิดจะทำขำๆ ตอนนี้ชักสนใจขึ้นมาจริงๆ ซะแล้วสิ หวังว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะหัวหน้า” แฝดคนพี่เริ่มสนใจแล้ว คนน้องดูรักสนุกไม่น่าพลาด ส่วนนายบอดี้การ์ด คาดว่าสองคนว่าไงว่าตามกัน
 
   “ไม่ผิดหวังแน่นอน สนุกจนกระอักเลยล่ะ พวกเรากำลังจะสร้างเกมแปลกใหม่เชียวนะ ฉันปล่อยให้พวกนายใส่ความคิดเต็มที่แน่ ถือว่าพวกนายตกลงรับข้อเสนอ ขอให้พวกนายไปบริษัทตามวันเวลาที่กำหนด เราจะมาเซ็นสัญญากันอีกที”
 
   ผมจับมือพวกเขา ก่อนจะปลีกตัวออกมา หลังจากนั้นคุณมะลิ เจ้าหนูทั้งสามมาเซ็นสัญญาตามเวลาที่ระบุ ผ่านการอนุมัติจากท่านประธาน ทีแรกเริ่มจากการศึกษาระบบงานพื้นๆ ที่พวกเราทำอยู่ คุณมะลิไม่เท่าไหร่ เธอเข้าใจว่าต้องรู้จักเรื่องพวกนี้ก่อนถึงเริ่มงานเจาะลึกลงไปได้ แต่เจ้าแฝดยังคงความเอาแต่ใจ คิดว่าผมไม่ไว้ใจฝีมือ
 
   ผลคือโดนชิงตวัดตามองจัดการพวกนั้นได้อยู่หมัด โดยที่ผมไม่ต้องออกหน้า แหงล่ะ สัตว์ร้ายตัวน้อยจะสู้สัตว์ร้ายอาวุโสได้ยังไง
 
   คุณมะลิคือคนแรกที่ได้จับงานหลักจริงๆ จังๆ ผ่านไปร่วมเดือนเจ้าแฝดถึงจะได้จับบ้างโดยมีผมไม่ก็ชินคอยคุมแบบเนียนๆ ตลอด ไม่ได้บังคับ ให้อิสระเต็มที่ แค่ไม่ให้คลาดสายตาเท่านั้นเอง นี่ผมไม่ได้เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการอะไรนะ แต่ไม่รู้ทำไม หลังจากนั้นเจ้าแฝดถึงดูเกรงผมกับชินไปโดยปริยาย สงสัยถูกเคี่ยวกรำจากออร่าของพวกผมเป็นแน่
 
   ฝ่ายอัคคี อาศัยความสามารในการเรียนรู้ได้รวดเร็วกับความพยายามของเจ้าตัว ผมก็หาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับเขาได้ ด้วยการช่วยซัพพอร์ตคนอื่นๆ อีกที ทำให้งานไปได้สวยกว่าเดิม แลกกับที่เจ้าตัวต้องรับบทหนักหน่อย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน6 4/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 04-02-2016 17:01:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน6 4/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-02-2016 17:05:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน6 4/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2016 02:24:34
จะเอาอีกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 07-02-2016 04:18:29
Part7 เข้าเกมครั้งแรก
 
ฝั่งสร้างเกมทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี อาจจะมีปัญหาบ้างนิดหน่อย แต่ทุกครั้งสามารถหาทางแก้ได้ในเวลาไม่นาน
 
สิ่งที่ควรหนักใจคือเรื่องเรียนมากกว่า แม้ผมจะไปสุมหัวสร้างเกมในตำนานอย่างลับๆ กับบริษัทพ่อบัน ความจริงเรื่องที่ตัวเองยังเป็นนักศึกษาปีสี่ไม่อาจหนีได้ เรื่องการเรียนไม่มีปัญหา การสอบผมผ่านสบายมาก ถ้าไม่ติดว่าแบ่งเวลาไปทำงานลับๆ ผมคงสามารถเรียนจบได้ภายในสามปี
 
ปัญหาอยู่ที่เพื่อนร่วมห้องมากกว่า หลายคนมาขอให้ผมช่วยทั้งที่มีเวลาทำงานตั้งมาก ดันมาปั่นเอาตอนสุดท้ายก่อนช่วงสอบ ยังไม่นับโปรเจคจบอีก อาจารย์ให้เลือกว่าจะทำเดี่ยวหรือกลุ่มก็ได้ เพียงแค่ห้ามเกินสามคน ผมว่าจะทำคู่กับชิน
 
ใจจริงอยากช่างหัวพวกมัน ในเมื่อไม่ตั้งใจเองช่วยไม่ได้ แต่อาจารย์ดันขอมา ทำให้ผมปฏิเสธไม่ลง ยังดีหน่อยมีชินช่วงแบ่งเบาภาระอย่างรู้ใจ
 
ช่วงกำลังปั่นงานเตรียมสอบกันหัวหมุน รุจกลับโผล่มาก่อกวนหนักขึ้น ทีแรกแค่ทำตัวตามติดผมเวลาเรียน เหมาผมทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อยๆ นอกเวลาจะไม่ยุ่งเหมือนเจ้าตัวมีเหตุต้องไปทำเหมือนกัน มาคราวนี้ตามติดตลอด กีดกันเพื่อนทุกคนที่เข้าใกล้ผม ภายหลังหนักข้อ ถึงกับไปทำลายผลงานของเพื่อนร่วมคลาสที่ผมให้คำแนะนำ
 
เรื่องใหญ่ถึงอาจารย์ต้องออกโรงมาห้าม มีหรือรุจจะฟัง ที่ผ่านมาเจ้าตัวเอาแต่ใจตัวเอง ที่บ้านบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยเยอะด้วย
 
สุดท้ายอาจารย์ต้องยอมทำตามความต้องการของรุจ ไม่ให้ผมช่วยเหลือเพื่อนคนอื่น และเปลี่ยนกลุ่มจากสองเป็นสาม ให้รุจเข้ามาร่วมด้วย ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องสละเวลาตัวเองไปช่วยคนเหล่านั้น
 
พื้นฐานผมเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่นก็จริง แต่กับพวกที่คิดจะพึ่งคนอื่นอย่างเดียวนี่ไปไกลๆ เหตุการณ์ที่เคยประสบยังฝังใจจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งสังคมมหาลัย ต่างคนต่างอยู่ แทบไม่มีความสนิทสนม
 
อาจจะเสียเวลาหน่อยที่ต้องล้มโปรเจคเดิมทิ้ง เพื่อสร้างผลงานออกมาสามคน รุจฉลาดมาก ถือเป็นหนึ่งในเด็กอัจฉริยะ หากไม่นับเรื่องนิสัยใจคอ ผมคงคัดมาช่วยงานสร้างเกมอยู่หรอก รุจเอาแต่ใจและยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่มากเกินไป ไม่ฟังความเห็นคนอื่น ดูถูกคนที่ฉลาดน้อยกว่า
 
ส่วนสาเหตุที่ชอบผมเดาไม่ยากเลยสักนิด คนแบบนี้ชอบคนเก่ง เรื่องชินอยู่ข้างผมโดยไร้ปัญหา น่าจะมีเหตุผลอย่างเดียวกัน
 
ทีแรกผมกะเอาโปรเจคพื้นๆ พอไม่ให้ขายหน้า แต่รุจไม่ยอม ดื้อดึงจะทำให้เป็นผลงานใหญ่ ชินหงุดหงิดหวิดจะฆ่าทิ้งหลายรอบ ลำบากผมต้องคอยปรามอยู่เสมอ เพื่อตัดปัญหา เลยปล่อยให้รุจทำตามใจ เอาไว้เสร็จงานเรียนจบก็ต่างคนต่างอยู่
 
อาศัยความสามารถของพวกเราสามคน แม้ผลงานจะใช้เวลามากกว่าคนอื่นพอสมควร แต่ออกมาได้ดีถึงขนาดอาจารย์และอธิการบดีหน้าบานเป็นกระด้ง สรรเสริญพวกเราที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาลัย หลายบริษัทคิดดึงตัวพวกเราทำงานด้วย พวกเขาไม่รู้ว่าผมกับชินเป็นคนของพ่อบันไปแล้ว หรือต่อให้รู้ก็คงดึงดันเอาจนได้นั่นแหละ
 
ผมนี่ก่ายหน้าผาก อุตส่าห์ไม่ทำตัวเด่น มางานเข้าเอาตอนจบ จะแก้อะไรก็ไม่ได้ มีหนทางเดียวคือปลงและเก็บตัวซะ
 
บริษัทหรือองค์กรพวกนั้นมีตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับรัฐบาล ผมกับชินปฏิเสธทุกที่อย่างไร้เยื่อใย ทางรุจเลือกองค์กรหนึ่งที่ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ เขาพยายามชักชวนให้ผมกับชินเข้าร่วมด้วย แต่พวกเรามีเป้าหมายอยู่แล้วจึงไม่คิดสนใจ อีกอย่าง องค์กรกลิ่นไม่ดีแบบนั้น เขาไปมีแต่จะหาเรื่องให้ตัวเอง
 
ใครจะรู้ล่ะว่ารุจตื๊อกว่าที่คิด เขาสั่งให้คนสะกดรอยตามพวกเรา อาศัยช่วงเวลาที่ชินโดนพ่อทรลากไปช่วยงานไม่อยู่กับผมเข้ามาหาตอนผมกำลังเดินเที่ยวเล่นกับน้องชายหลังจากหาเวลาว่างอันน้อยนิดได้ บอกตามตรงผมหงุดหงิดมาก!
 
“วัต อยู่ในร้านห้ามออกไปไหน หลบเข้ามุมไป เดี๋ยวพี่มา”
 
ผมดันหลังน้องชายหลบเข้าซอกในร้านหนังสือขนาดใหญ่ เจ้าพวกบ้าเอ๊ย มาขัดขวางช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนกับน้องชายซะได้
 
“มีอะไรรึเปล่า ผมเห็นท่าทางพี่แปลกๆ ตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว ถ้ามีธุระจะกลับบ้านก็ได้นะ ไว้ผมมาซื้อหนังสือกับไวไวที่หลัง”
 
ไวไวหรือไวภพเป็นเพื่อนสนิทของวัต เจอกันครั้งแรกตอนวัตอยู่ม.ปลาย เพื่อนคนนี้ผมกับชินแสกนแล้วเป็นคนนิสัยดีรักพวกพ้อง แถมยังเป็นหูเป็นตาให้เวลาที่ผมไม่อยู่ใกล้กับน้องชายด้วย
 
“ไม่ รอนี่แหละ ห้ามไปไหน ถ้ายี่สิบนาทีพี่ยังไม่กลับมาให้โทรหาชินซะ”
 
สั่งกำชับน้องชาย วัตขมวดคิ้ว พอเห็นสีหน้าจริงจังของผม จำต้องยอมทำตามที่สั่งอย่างช่วยไม่ได้ ผมยื่นมือไปขยี้หัวน้องชายทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากร้าน ไม่มีจุดหมายปลายทางหรอก แค่เดินไปเรื่อยๆ อีกเดี๋ยวพวกนั้นก็โผล่หัวออกมาเอง แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด แค่ผมออกห่างจากร้านไม่ถึงห้านาที มีผู้ชายในชุดสูทสองคนโผล่มายืนดักหน้าหลัง ผมล้วงกระเป๋าเลิกคิ้วมอง
 
“ขอเชิญคุณไปพบเจ้านายเราด้วยครับ”
 
“นำทางไปสิ” ผมพยักหน้าให้ คนพวกนั้นเผยสีหน้าแปลกใจ ก่อนกลับเป็นเรียบเฉยภายในเสี้ยววิ สงสัยคิดว่าต้องออกแรงกันสักยกมั้ง จะบ้าเหรอ ที่นี่มันในห้างนะ ทั้งคนทั้งกล้องเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ใช่ในหนังสักหน่อย ซัดกันได้ทุกที่
 
คนพวกนั้นเดินนำไปร้านกาแฟบรรยากาศเงียบสงบ ตรงโต๊ะด้านในสุดมีร่างคนคุ้นตา ไม่แปลกใจเลยสักนิด คนที่ใจร้อนคิดอะไรบ้าๆ แบบนี้ออกรอบตัวผมมีอยู่ไม่กี่คน
 
“รุจ”
 
ผมเรียกชื่อพลางหย่อนก้นนั่งฝั่งตรงข้าม
 
“ดีใจที่นายมา วินไม่คิดจะแนะนำน้องชายให้เพื่อนคนนี้รู้จักหน่อยเหรอ” หนุ่มหน้าสวยแย้มรอยยิ้มชวนมอง เบื้องหน้าเขามีกาแฟหอมกรุ่นถ้วยหนึ่งที่ใส่น้ำตาลเป็นภูเขา สงสารเมล็ดกาแฟเป็นบ้า ดื่มได้ไร้คลาสมาก
 
“ไม่จำเป็น คนที่นายต้องการคุยด้วยคือฉันไม่ใช่รึไง มีอะไรรีบพูดมา ฉันมีเวลาไม่มากนัก” ผมสวนกลับทันที คนแบบนี้กันให้ห่างจากวัตได้มากเท่าไหร่ ยิ่งดีต่อพวกเรามากเท่านั้น รุจเปลี่ยนท่าจากเอนหลังสบายมาจ้องผมเขม็ง
 
“ฉันอยากให้นายเข้าร่วมกับเราจริงๆ นะ ที่นี่นายสามารถพัฒนาฝีมือโดยไร้ขีดจำกัด”
 
“ขอปฏิเสธ นายน่าจะรู้ดีกว่าฉันกับชินมีเป้าหมายของตัวเองแล้ว”
 
“การสร้างเกมโง่ๆ นั่นน่ะเหรอเป้าหมาย!!” เสียงตวาดแหลมสูง ฝ่ามือเล็กกำแน่น ผมมองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาว่างเปล่า
 
“กับตัวฉันที่คิดจะสร้างเกมโง่ๆ อย่างที่นายว่า แสดงว่าฉันเองก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าใครสักเท่าไหร่ ตัดใจซะ ต่อให้นายจับฉันมัดก็บังคับให้ฉันทำตามความต้องการไม่ได้อยู่ดี”
 
“แต่ถ้าฉันได้ตัวน้องชายนายล่ะก็ไม่แน่” รุจเริ่มสงบลง กลับเป็นผมที่อารมณ์กรุ่นแทน ดวงตาสีเทาตวัดจ้องจนอีกฝ่ายผงะ สายตาเย็นชากับบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไปแบบที่รุจไม่เคยเจอมาก่อน เจ้าตัวเริ่มกระสับกระส่ายเม้มปากแน่นสนิท
 
“ลองแตะต้องน้องฉันแม้แต่ปลายเส้นผม…”
 
น้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฟัง รอยยิ้มงดงามทำให้ใครต่อใครหลงใหล ในเวลานี้กับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม ใบหน้าหล่อเหลาปานทูตสวรรค์โน้มลงกระซิบข้างใบหูด้วยเสียงเรียบเรื่อย
 
“นายจะได้พบกับสิ่งที่ยิ่งกว่าความตาย”
 
ข้อนิ้วสวยกอบกุมลำคอบางคล้ายกับจะหักทิ้งได้ทุกเวลา บอดี้การ์ดเตรียมพุ่งเข้ามาเพื่อช่วยนายตัวเอง จังหวะเดียวกับที่ซาตานผละกายออก
 
“เลิกวุ่นวายกับพวกฉันซะ ต่างคนต่างอยู่ คิดว่าระดับอย่างนายน่าจะทำได้นะ”
 
สิ้นคำพูด เจ้าของเรือนผมสีทองหมุนกายจากไปทันที ทิ้งอีกฝ่ายไว้เบื้องหลัง มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ดวงตาจ้องแผ่นหลังนั้นเขม็ง ฉายประกายวาววับน่ากลัว ตอนนี้เขาอาจยังไม่มีกำลังมากพอที่จะควบคุมอีกฝ่าย แต่ในอนาคตเขาต้องทำให้ได้แน่
 
แค่คิดว่าบุคคลที่หลงใหลชื่นชม สักวันต้องตกอยู่ในกำมือของเขา อารมณ์ขุ่นมัวตอนแรกหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือเพียงแววตาหมายมาด
 
คนถูกตั้งเป็นเป้าหมายกลับไปหาน้องชายด้วยรอยยิ้ม แล้วพากันเดินซื้อของตามที่ตั้งใจไว้ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิด
 
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น รุจเงียบหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ พอไม่มีห่วงเรื่องมหาลัย ผมลงมือทำงานที่บริษัทเต็มตัว ชินกับผมทำงานอยู่แผนกเดียวกัน แทบอยู่กินกันตลอด 24 ชั่วโมง ต่างจากบัน ทางนั้นเรียนบริหารมาเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อ ยิ่งมีความฝันอยากทำเกมแหวกแนวด้วยแล้ว เจ้าตัวเลยพยายามอย่างหนัก
 
ไม่ว่าจะศึกษางานบริหาร ติดต่อกับเครือข่ายอื่นเพื่อให้เกมสามารถสร้างได้อย่างรวบรื่น ต้องอย่าลืมว่า เกมแนวสมจริงไม่ใช่พึ่งแต่โปรแกรมเท่านั้น ยังต้องมีนักประดิษฐ์สร้างเซฟเวอร์หลักและเครื่องเกมขึ้นมา รวมถึงอุปกรณ์ในการทำงานต่างๆ อีกทั้งยังมีเอี่ยวเรื่องการแพทย์ นักชีววิทยา นักธรณีวิทยา สำหรับสร้างโลกในเกม และอื่นๆ อีกสารพัด ทำให้บันทำงานหัวหมุนมากกว่าใครเพื่อน
 
ว่าตามหลักเกมนี้คงสร้างเสร็จภายในห้าปีไม่ได้แน่ แต่เป็นเพราะพ่อของบันปูทางมาก่อนแล้ว เหลือเพียงเด็กรุ่นใหม่ช่วยกันต่อยอดจนผลงานสำเร็จออกมา
 
เวลาผ่านไปเกือบปี ในที่สุดเกมเริ่มออกเป็นรูปเป็นร่าง ผม ชินและบันอาสาเข้าไปทดลองระบบในช่วงแรกสุดพร้อมกับทีมงานส่วนหนึ่ง เมื่อทุกอย่างพร้อม จึงเปิด Close Beta ให้ผู้เล่นที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปโลดแล่นภายในเกมเป็นกลุ่มแรก
 
Close Beta นี้คือการทดลองเล่นเกมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อเช็คความรู้สึกของผู้เล่นที่มีต่อเกม และตามแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อทุกอย่างพร้อม 100% ถึงจะเปิดให้เล่นเกมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ที่สำคัญคือ คนที่เข้าไปเล่นได้มีจำนวนจำกัด ส่วนคนที่หมดสิทธิ์ต้องรอเกมเปิดอย่างเดียว 
 
เหล่าผู้สร้างพากันตื่นเต้นแทบจะแย่งกันเข้าไปเล่นเกม เพื่อตัดปัญหา ผมเลยแบ่งคนเป็นกลุ่ม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำหน้าที่ อย่างกลุ่มผู้ดูแลระบบจากภายนอกและภายในเกม กลุ่มพนักงานที่ต้องเป็นตัวละครชาวบ้านในเกมและกลุ่มที่เข้าไปทดลองเล่นพร้อมกับผู้เล่นคนอื่นๆ
 
ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น กว่าจะถึงคิวเข้าไปลองเล่นชาวบ้านชาวเมืองเขาเริ่มต้นกันไปถึงไหนแล้วก็ไม่ทราบ
 
“เมื่อไหร่จะเริ่มสักที ฉันตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว”
 
นายบันว่าที่ประธานบริษัทคนต่อไประริกระรี้อยู่ในห้องพักของเหล่าพนักงานระดับสูง
 
“เหลืองานตรงนี้อีกนิด ไม่เห็นต้องรอ นายเข้าไปก่อนเลยก็ได้นี่” ผมพูดแกมรำคาญ ขณะมือรัวพิมพ์บนแป้นพิมพ์โปร่งแสง ดวงตามองหน้าต่างที่ถูกเรียกขึ้นมารอบตัวฉายขึ้นมาจากอุปกรณ์สุดไฮเทค ข้อมูลมากมายไหลผ่านไม่ต่างจากสายน้ำ ทำให้คนมองชักตาลาย
 
“พวกเราอุตส่าห์ร่วมแรงร่วมใจกันมาทั้งที ฉันเลยอยากเล่นพร้อมกัน” ชายร่างสูงใหญ่บ่นอุบ ทรงผมสุดแนวในอดีตถูกเปลี่ยนเป็นทรงธรรมดาที่ยังคงไว้ซึ่งความหล่อเหลาตั้งแต่เริ่มทำงานจริงจัง
 
“งั้นก็เลิกบ่นซะ” ชินปรายตามอง บันยอมปิดปากเงียบไม่กล้ารบกวนเพราะเกรงเจอบาทาจิ้งจอก
 
พอสหายทั้งคู่เสร็จงานปุ๊บ ลูกชายเจ้าของบริษัทรีบลากทั้งคู่ไปทันที เพื่อแยกย้ายกลับห้องพักในบริษัทของตัวเอง จะได้เริ่มเล่นเกมอย่างที่ตั้งใจไว้
 
ชินเลือกนอนห้องเดียวกับผม เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบเครื่องเกมดีไซน์แจ่มมาสวมหัว ดวงตาปิดลงเข้าสู่เสมือนจริง
 
เสียงต้อนรับเข้าเกมกับโฆษณาถูกตัดทิ้ง เพราะผมไม่อยากเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ ในเมื่อตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของผู้สร้าง ดูมานับครั้งไม่ถ้วนจวนจะเอียนตายอยู่แล้ว
 
สัมผัสว่างเปล่าจากห้องต้อนรับผู้เล่นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ถูกแทนที่ด้วยสายลมกับกลิ่นอายของธรรมชาติ ใต้เท้าอ่อนนุ่มความรู้สึกแบบเดียวกับตอนเราเหยียบบนดินด้วยเท่าเปล่า พอลืมตาอีกครั้ง รอบกายผมคือผืนป่ากว้าง ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสร้างใบป้องกันแสงแดด เสียงสายลม เสียงนกร้อง ใบไม้เสียดสีให้ความรู้สึกเหมือนจริง มุมปากยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
 
ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนสินะ เสื้อผ้าที่ผมสวมเป็นชุดนอนแบบเดียวกับก่อนเข้าเกม คิ้วโค้งเริ่มขมวดมุ่น
 
“แย่จริง ดันลืมว่าเกมนี้พวกเราเป็นคนสร้าง ใส่ชุดแบบไหนเข้ามาก็สภาพนั้น เพราะเจ้าบันมันเร่งแท้ๆ” มือเรียวกดเปิดหน้าต่างสถานะตัวเองขึ้นมาสำรวจดู
 
ชื่อ : อาชวิน
Lv. 1
เลือด : 300/300
อาวุธ : ไม่มี
คำสาป : เทพบุตรซาตาน
คำสาป2 : ย้อนวัย
 
เดี๋ยว! คำสาปแรกผมไม่แปลกใจ ไอ้คำสาปที่สองมายังไง ต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมของผมเล่นตลกแน่ ผมรีบกดอ่านรายละเอียดทันที
 
คำสาป2 : ย้อนวัย
ข้อมูล : ผู้ที่ได้รับคำสาปนี้ จะทำให้อายุลดลงแบบแรนดอม
(คุณอายุลดลง 10 ปี)
 
“ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ลดไปสิบ ตอนนี้เราอายุ 14 สินะ” ผมก้มมองมือตัวเองที่เล็กลงอย่างชัดเจน เสียงก็ยังไม่แตกหนุ่มเต็มที่ จากทุ้มนุ่มมันเลยดูอ่อนเยาว์ลง ชุดดันไม่หดตาม ผมเลยต้องพับเอาให้พอใส่ได้ เสื้อไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ กางเกงนี่สิ หันซ้ายแลขวา เห็นเถาวัลย์เส้นเล็ก ดึงมาใช้แทนเข็มขัดไปก่อน
 
ต่อไปก็สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในตัว ผมยกมือจับเขาแข็งหยาบบนหัวที่งอกออกมาสมเป็นซาตานแล้วไอ้เทพบุตรคงจะเป็นปีกสินะ ระบบปีกของเกมนี้แค่นึกถึงปีกจะงอกออกมาตามความต้องการ
 
ผมหลับตานึกถึงปีก
 
พรึบ!
 
ปีกนกสีขาวถูกกางออกกว้าง ขนาดใหญ่พอที่จะโอบตัวมิด มือลองยื่นไปสัมผัสขนปีกนุ่มนิ่มเสียจนอดที่จะเอาแก้มแนบไม่ได้ ภาพเด็กหนุ่มวัยละอ่อนยืนอยู่ท่ามกลางเมกไม้ ผิวกายขาว มือลูบไล้ปีกของตัวเอง เรือนผมสีทองอ่อน ดวงตาสีเทางดงาม ใบหน้าพออกพอใจเรียกรอยยิ้มบนเรียวปาก ผสานกับแสงตะวันที่ส่องเป็นเส้นลงมาอาบไล้ทั่วร่าง ในสายตาคนนอกภาพนั้นไม่ต่างจากเทวทูตตัวน้อย ขนาดเขาบนศีรษะยังถูกคนมองตีเบลอว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเทพ
 
เหล่าจีเอ็มผู้รับหน้าที่ดูแลระบบอย่างสองแฝดกับบอดี้การ์ดหัวแดงประจำตัว แอบมองภาพหัวหน้าตัวเองโลดแล่นอยู่ในเกม วายุไม่ลังเลที่จะเซฟภาพที่เห็นรัวๆ ถึงขนาดอัดเป็นภาพเคลื่อนไหวเพื่อใช้ในการต่อรองซื้อขายกับจิ้งจอกบางตน น่าเสียดาย จิ้งจอกตนนั้นมัวแต่หัวหมุนอยู่ในป่า เลยอดเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเอง
 
“ทดลองบินหน่อยดีกว่า”
 
หลังชื่นชมปีกเสร็จ ร่างโปร่งย่อตัวลงเพื่อส่งแรงดีดให้ตัวเองลอยเหนือจากพื้น ก่อนใช้ปีกในการพยุงให้อยู่บนอากาศ คราแรกยังทุลักทุเลอยู่บ้าง เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที เจ้าตัวสามารถบินได้อย่างคล่องแคล่วราวกับว่ามีปีกเช่นนี้มาตั้งแต่เกิด
 
แม้การบินขึ้นบนฟ้าโดยที่ยังไม่รู้ว่าบริเวณนี้มีอะไรบ้างถือว่าอันตราย แต่ก็ยังดีกว่าเดินงมหัวหมุนอยู่ในป่า ผมตัดสินใจบินขึ้นเหนือยอดไม้ใหญ่ ดวงตาสอดส่องสำรวจทั่วบริเวณ แขนยกกอดอก มือแตะปลายคาง สีหน้าครุ่นคิดไม่ต่างจากผู้ใหญ่ หากอยู่ในร่างปกติคงน่ามองสุดๆ แต่พออยู่ในร่างเด็ก มันชวนให้รู้สึกเหมือนเด็กน้อยพยายามเลียนแบบผู้ใหญ่ยังไงชอบกล
 
หลังจากกวาดสายตามองสำรวจโดยรอบ เห็นผู้เล่นบางคนเดินอยู่ในป่า มอนสเตอร์ระดับไม่สูงนักสมกับที่เป็นจุดเกิดของผู้เข้าเล่นใหม่ น่าทดลองสกิลอยู่เหมือนกัน จากที่ดูข้อมูลโดยละเอียดแล้ว ความสามารถของผมนับว่าเป็นนักเวทดีๆ นี่เอง เพียงแค่มันจะเป็นเวทสายมืดกับเวทธาตุแสงผสมคำสาป
 
ธาตุแสง
ชื่อ : Light Crystal
ชนิด : เวทมนต์
 Lv : 1 (พัฒนาตามเลเวลผู้ใช้และจะเพิ่มหนึ่งลูกทุกๆ 50 เลเวล)
รายละเอียด : คริสตัลแสง ใช้สำหรับส่องสว่างในความมืด ช่วยฟื้นฟูพลัง 5%
 
ชื่อ : Treat
ชนิด : เวทมนต์ 
 Lv : 1 (พัฒนาตามเลเวลผู้ใช้)
รายละเอียด : รักษาแผลบนร่างกาย ยิ่งเลเวลมาก ยิ่งรักษาแผลได้ดียิ่งขึ้น
 
ธาตุมืด
ชื่อ : Formless
ชนิด : เวทมนต์ 
 Lv : 1 (พัฒนาตามเลเวลผู้ใช้)
พลังโจมตี : 50
รายละเอียด : พลังแห่งความมืด สามารถสร้างรูปร่างตามความต้องการและจะหายไปทันทีหลังเสร็จสิ้นการใช้งาน
*เงื่อนไข ผู้ใช้ต้องมีสมาธิและจิตนาการชัดเจน จึงจะสร้างรูปลักษณ์ของพลังออกมาได้
 
เนื่องจากพลังสองธาตุอยู่คนละขั้ว ไม่สามารถหลอมรวมกันได้ ระหว่างใช้งานธาตุใดธาตุหนึ่ง จะไม่สามารถดึงพลังของอีกธาตุออกมาได้
 
อ่านความสามารถตัวเองแล้วอยากกุมขมับ ดูเผินๆ เหมือนจะดี พอมาคิดดูดีๆ แต่ละสกิลใช้ยากมาก ลองนึกภาพระหว่างสู้กับมอนสเตอร์อยู่ ต้องรวบรวมสมาธิเพื่อจิตนาการของสิ่งหนึ่งในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามแต่ละครั้ง แถมระหว่างนั้นยังไม่สามารถเรียกสกิลธาตุแสงออกมารักษาได้ด้วย หรือถ้าเรียกออกมาก็ไม่สามารถโจมตีมอนสเตอร์ได้
 
รวมกับผมที่เป็นสายเวทย์เต็มตัว พลังป้องกันต่ำเตี้ยแค่มอนตดใส่ก็ตายแล้วมั้ง เห็นทีผมคงต้องรีบออกตามหาชินเป็นอันดับแรก หวังว่าเจ้านั่นคงได้คำสาปดีๆ ไม่ใช่คำสาปสวยแต่รูปจูบไม่หอมอย่างผมนะ
 
ตัดสินใจได้ผมออกบินหาเป้าหมายทันที มีบ้างที่ร่อนลงพื้นเพื่อถามเอากับผู้เล่นคนอื่นว่าเห็นคนที่มีรูปร่างลักษณะแบบชินรึเปล่า ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่คือไม่เห็น และพยายามชักชวนผมเข้ากลุ่มเพราะหวังพึ่งพลังรักษาเต็มที่ แน่นอนว่าผมปฏิเสธทุกคน ขืนตอบตกลงไปไม่ต้องไปไหนกันพอดี ถูกลากไปตีมอนเก็บเลเวลแหง
 
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงทุกที ป่านนี้ผมยังไม่เห็นแม้ปลายเส้นผมชิน ถึงตอนแรกจะเกิดแบบระบบสุ่ม แต่ไม่น่าจะไกลกันมากนัก คงไม่ใช่ว่าต่างคนต่างหากันจนสวนไปมาหรอกนะ สงสัยผมคงต้องหยุดอยู่กับที่ เรียกคริสตัลแสงออกมาลอยวนเวียนรอบตัวให้เป็นจุดเด่น ผลเสียคือมันล่อทั้งคนทั้งมอนสเตอร์
 
ผมบินตลอดเวลาไม่ได้ซะด้วย การขยับปีกเหมือนการขยับแขน พอทำมากๆ เข้ามันปวดเมื่อยไปหมด จำต้องพักบนกิ่งไม้หนึ่ง ถามว่าทำไมผมไม่ไปที่หมู่บ้านเอ็นพีซีน่ะเหรอ ผมลองถามจากผู้เล่นที่เข้ามาเล่นได้ระยะหนึ่ง เขาบอกว่าหมู่บ้าน NPC ที่ใกล้ที่สุดต้องใช้เวลาเดินเท้าตั้งหนึ่งวันกว่าจะถึง
 
ตอนนี้มืดแล้วด้วย ผมไม่อยากเสี่ยงไปเป็นเหยื่อมอนสเตอร์ตอนกลางคืน เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันอีกที
 
ขณะที่ผมหลับตาลงเพื่อพักผ่อน อาศัยน้ำจากลำธารและผลไม้ในป่ากินแก้หิว จู่ๆ มีเสียงเคลื่อนไหวจากพุ่มไม้ถัดจากต้นไม้ที่ผมอยู่ไม่ไกลนัก ผมหรี่ตามอง ส่งคริสตัลแสงลอยลงไปส่องดู เห็นดวงตาวาววับคู่หนึ่ง
 
สัตว์ในเกม? มอนสเตอร์? หรือว่าผู้เล่น??
 
ดวงตาสีเทาหรี่มองเตรียมพร้อมทุกเมื่อหากเจ้าสิ่งนั้นกระโจนออกมา ยังดีที่ผมเลือกต้นไม้สูงเป็นที่พัก อย่างน้อยๆ ต่อให้มันปีนต้นไม้ได้ กว่าจะมาถึงผมก็ยังมีเวลาตั้งตัวว่าจะสู้หรือหนี
 
ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะพุ่งเป็นเงาดำมาทางโคนต้น ใช้เวลาเพียงไม่กี่วิก็โผล่มาถึงจุดที่ผมอยู่ จังหวะที่คิดจะกางปีกบินหนีกลับมีมือข้างหนึ่งคว้าข้อเท้าไว้แน่น ผมสลายคริสตัลแสงทิ้ง เรียกพลังความมืดไร้รูปร่างมาสร้างเป็นมีดสั้นหมายจะซัดอีกฝ่ายหาจังหวะถอย
 
“เดี๋ยวก่อน!”
 
เสียงทุ้มต่ำตะโกนดัก พร้อมกับมีดสั้นเบนเป้าหมายไปปักบนต้นไม้แล้วสลายไป ภายในป่ามืดครึ้ม อากาศหนาวเย็น สายลมพัดหอบก้อนเมฆออกจากดวงจันทร์ แสงนวลส่องลงมาเผยให้เห็นร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีดำมีหูสามเหลี่ยม ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาราวสัตว์ป่าสะท้อนภาพผมอยู่ภายใน มือข้างนั้นค่อยๆ คลายออกจากการจับกุม ข้อเท้าผมกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง
 
ไม่ทันจะอ้าปากพูด เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นทำลายความเงียบ
 
ผู้เล่นวินพบกับผู้มีคำสาปตรงข้าม ส่งผลให้คำสาปลดวัยเริ่มทำการแรนดอมลดอายุอีกครั้ง...
ผู้เล่นวินอายุลด 4 ปี...
 
“เฮ้ย! / เวรเอ๊ย!”
 
เสียงสบถของเราสองคนดังสนั่น ผมมองมือตัวเองเริ่มหดเล็กลงพร้อมกับส่วนสูง แทบอยากกระอักออกมาเป็นเลือด คนตรงหน้ามีสีหน้าย่ำแย่ไม่ต่างกันนัก หลังการเปลี่ยนแปลงเสร็จ ผมรู้ตัวว่าตัวเองอายุเหลือเพียงสิบขวบและเสื้อที่หลวมจนน่าอนาถ ในขณะที่อีกฝ่ายกลับตัวสูงใหญ่ขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัย
 
“คำสาปของนายคืออะไรชิน” ผมกอดอกถามเสียงเรียบระหว่างแก้เถาวัลย์ตรงกางเกงใหม่ให้มันรัดตามขนาดตัว
 
ไม่ผิดแน่ คนตรงหน้าคือชินที่ผมกำลังตามหาอยู่ ผมเรียกคริสตัลแสงออกมาอีกครั้งเพื่อให้เห็นหน้าเขาชัดๆ ใบหน้าคมเข้มดูมากวัยขึ้นกว่าเดิมหลายปี แฝงกลิ่นอายแบบผู้ใหญ่ผู้ผ่านโลกมามาก
 
“คำสาปแรกคือคำสาปจิ้งจอก ส่วนอันที่สองคือเพิ่มวัย ตอนเข้าเกมฉันเพิ่มมา 5 ปี นับรวมกับเมื่อกี้อีก 5 ตอนนี้ฉันอายุ 34”
 
“แก่”
 
คำเดียวกระแทกหน้า คนฟังไม่นำพา ยักไหล่ไม่สะท้าน ก่อนจะก้มลงอุ้มร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขน ส่วนหวงเป็นพวงยาวขนจิ้งจอกสีดำสะบัดส่ายไปมาเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี ผมเพิ่มชินในรายชื่อเพื่อนและชวนเข้าปาร์ตี้ เจ้าตัวกดรับทันที เกมนี้หากจะแอดเพื่อนล่ะก็ ต้องอยู่ต่อหน้าถึงจะสามารถเพิ่มรายชื่อเพื่อนได้ รวมถึงการชวนเข้าปาร์ตี้
 
“นายเป็นจิ้งจอกมองเห็นตอนกลางคืนสินะ ไปหาที่พักกัน ฉันว่าทำเลตรงนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” หลังจากถูกจิ้งจอกยักษ์กระโจนใส่ไปหนึ่งรอบ
 
“ตามที่นายต้องการ”
 
ชินรับคำว่าง่าย กระโดดวูบเดียวย้ายไปต้นไม้อีกต้น พวกเขาเลือกต้นไม้สูงกว่าเดิม หากิ่งใหญ่สามารถนอนได้สบายๆ ขอแค่ไม่นอนดิ้นก็จะไม่กลิ้งตกลงไป ชินเปลี่ยนตัวเองเป็นหมาจิ้งจอกตัวเขื่อง นอนขดอย่างรู้หน้าที่ ให้ผมมุดเข้าไปนอนตรงส่วนพุงที่มีขนนุ่มอุ่น พวงหางยาวตวัดมาโอบคล้ายผ้าห่ม
 
“ตัวนายสะดวกดีชะมัด” ผมบ่น ชินหัวเราะในคอ เวลาอยู่ในร่างจิ้งจอกคนอื่นจะไม่ได้ยินเสียงชินพูด นอกจากคนที่อยู่ปาร์ตี้ด้วยกัน
 
“ก็ดีแล้วไง จะได้อำนวยความสะดวกให้นาย” ผมคิดไปเองรึเปล่า ทำไมเหมือนเห็นจิ้งจอกยิ้ม? ชินพูดต่อ “นายจะเอาไงต่อไป”
 
เจอหน้ากันแล้วต้องวางแผนชีวิต
 
“คงจะตีมอนสเตอร์เก็บเลเวลแถวนี้สักพัก ค่อยออกเดินทางเข้าเมือง บอกตามตรงฉันเลเวล 1 อยู่แบบนี้ไม่มีทางไปถึงเมืองโดยสวัสดิภาพแน่”
 
“นายลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองตัวเล็กด้วยนะ”
 
ผมตวัดตาใส่คนแซว ไม่ติดว่าเจ้าจิ้งจอกเป็นเตียงกับผ้าห่มแสนอุ่นผมจะยันมันตกต้นไม้
 
“มีโอกาสพูดก็พูดไป อย่าให้ถึงทีฉันบ้าง” เทวดาตัวน้อยแสยะยิ้มในน่าหวาดหวั่นขนาดจิ้งจอกยังเผลอพองขนด้วยความสยอง ยอมสงบปากสงบคำทันที คนอย่างซาตานวินไม่ควรล่วงเกินเด็ดขาด ถ้ายังไม่อยากถูกเอาคืนอย่างเลือดเย็น ยิ่งคนมีประสบการณ์มาก่อนอย่างชิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
 
ตอนนั้นเนียนลวนลามวินมากไปหน่อย สิ่งที่เจอคือโดนสั่งห้ามแตะต้องตัวแม้แต่ปลายเล็บ ในขณะที่อีกฝ่ายสามารถจับอะไรก็ได้ตามใจชอบ ชินแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย หวิดเสียตัวอีกต่างหาก ช่างเป็นความทรงจำอันแสนเลวร้าย
 
คนขู่เห็นจิ้งจอกสำนึกผิดไม่คิดไล่ต้อน ถามหาความสามารถของอีกฝ่าย มันน่ากลุ้มใจตรงที่ชินเองก็เป็นสายเวทเหมือนกัน แต่ความสามารถติดตัวของจิ้งจอกนับว่าใช้ได้อยู่ ประสาทสัมผัสไว ดวงตาเห็นในความมืด มีเล็บไว้ใช้งาน และที่แน่ๆ ถึกกว่าตัวเองชัวร์
 
ผมตกลงกับชินว่าคืนนี้เราจะพักผ่อน พรุ่งนี้ล่ามอนสเตอร์โดยให้ชินเป็นตัวชนผมเป็นฝ่ายลอบโจมตี ไว้ผมเริ่มชินกับการใช้พลังค่อยออกหน้าช่วยกันสังหารโหด มอนสเตอร์แถวนี้เท่าที่ผมสำรวจดูมีเลเวลตั้งแต่ 1-15 เก็บระดับสัก 10+ ก็ออกเดินทางไปเมืองได้ ระหว่างทางค่อยตีมอนไปพลางๆ
 
พอถึงเมืองสิ่งที่ผมจะทำคือ หาวิธีลบคำสาปที่สองเป็นอันดับแรกพร้อมหาเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเราสองคน ใส่ชุดนอนเล่นเกมกันแบบนี้คงไม่ไหว
 
ว่าแต่ เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่างแฮะ ช่างมันแล้วกัน ขอนอนเอาแรงไว้ล่ามอนพรุ่งนี้ดีกว่า
 
 
อีกฝั่งของผืนป่า ชายคนหนึ่งยืนชอกช้ำอยู่ข้างซากมอนสเตอร์ที่ยังไม่ได้รับการชำแผละ ตลอดทางที่เขาผ่านมีแต่มอนสเตอร์ตายเกลื่อนดูน่าหวาดหวั่น หากเจ้าตัวไม่ทำท่าทางเหมือนผีดิบผู้น่าสงสาร
 
“วิน! ชิน! พวกนายอยู่ไหน ฉันตายแล้วเกิดเกือบสิบครั้ง ฆ่ามอนสเตอร์อีกฝูงทำไมยังไม่เจอพวกนายเลยล่ะ”
 
บันว่าที่ประธานบริษัทตะโกนเรียกชื่อเพื่อนในยามราตรี บ่นอุบอิบอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เจ้าพวกนั้นต้องหากันเองแล้วลืมเขาแน่นอน ให้ตายสิ อย่าให้เจอนะ พ่อจะซัดให้กระเด็น
 
“เจ้าพวกบ้า... บ้า... บ้า!!”
 
เสียงตะโกนเอคโค่ดังสะท้อนไปทั่วป่า จิ้งจอกกระดิกใบหูทำเมินไม่ได้ยิน พลางใช้หางตบปุๆ ให้ร่างเล็กที่นอกซุกขนนุ่มตรงพุงหลับต่อไม่ต้องสนใจเสียงแปลกปลอม
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 07-02-2016 14:57:49
แกล้งทำเป็นไม่ได้นินเสียงบัน 555
ชินก็มีมุมร้ายกาจแบบเด็กๆ เหมือนกัน
วินน้อยน่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 07-02-2016 15:55:15
คนแบบรุจนี่น่ารำคาญมากอ่ะ
ตอนวินเป็นเด็กน้อย น่ารักมากเลยอ่ะ พอมาอยู่กับชินที่อายุเพิ่ม
รู้สึกเหมือนตาแก่กินเด็กเลย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-02-2016 23:02:40
งะ โหดร้ายทิ้งเพื่อน 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-02-2016 00:17:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 09-02-2016 00:39:24
คู่ชินวินกลายเป็นโชตะไปซะแล้วววววววววววววววววววววว  :hao6: :hao7: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nida ที่ 09-02-2016 17:54:57
สนุกมากค่า   อ่านยาวจนจบเลยค่ะ 
ปล.ชอบพี่วัตมากเลย  น่ารักกกกกกกกก
 :-[ :-[ :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 23-02-2016 23:45:05
 o13
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน7 7/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 24-02-2016 01:42:45
รออ่านต่อค่าาาาาาาาา รีบๆมาต่อน้าาาาาาาาาา  :katai4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 11-03-2016 15:56:41
Part8 ชีวิตในเกมกับเด็กชายอาชวิน
 
อาวุธวาดผ่านสายลม เสียงปะทะกันจากการต่อสู้เล็กๆ ภายในป่าใหญ่พร้อมสองร่างร่วมแรงร่วมใจกันถล่มมอนสเตอร์ตรงหน้าด้วยกรงเล็บและมีดสั้นที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังความมืด เพียงไม่นานกระรอกหน้าตาน่ารักขนาดเท่าเอวผู้ใหญ่ก็ล้มลงสิ้นท่าอย่างง่ายดาย
 
ผมลดมือลง มีดสั้นถูกสลายกลายเป็นพลังเวทสีดำกลับเข้ามาในร่าง หน้าที่ชำแหละเก็บเนื้อไว้กิน ถลกหนังไว้ในงานเป็นของชิน ส่วนผมคอยระวังโดยรอบเผื่อมีมอนสเตอร์หรือผู้เล่นโผล่มาจะได้รับมือทัน
 
ตั้งแต่เช้าตื่นมาจัดการตัวเองเสร็จ ผมกับชินตะลุยเก็บระดับ ฆ่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่เดินผ่าน เลือกเฉพาะตัวเลเวลเท่ากันหรือน้อยกว่า ตัวไหนเกินความสามารถจะเลี่ยงไปอีกทาง ระหว่างนั้นเราคอยสำรวจพื้นที่ไปด้วย ป่าส่วนที่พวกเราอยู่เป็นป่าที่พบเห็นได้ทั่วไป ต้นไม้สูงต่ำลดหลั่นกันไป มีแหล่งน้ำบางประปราย มอนสเตอร์ส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช เหมาะสำหรับพวกคนเล่นใหม่
 
“เสร็จแล้ว จะพักกินข้าวเลยมั้ย ตอนนี้พวกเราเลเวล 7 ถ้าลุยแบบนี้จนถึงเมืองคงได้สัก 15 พอดี”
 
อย่างที่เคยบอกไป เมืองไกลจากที่นี่พอสมควร ถึงงั้นก็ยังมีผู้เล่นให้เห็นเป็นระยะไม่ต้องกลัวเหงา พวกเราผู้สร้างไม่ใจร้ายกับผู้เล่นมือใหม่ขนาดนั้น แถบนี้ทั้งแถบ มอนสเตอร์ระดับไม่สูง ถ้าเดินดีๆ จะเจอเส้นทางนำไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ๆ หรือถามเอาพวกผู้เล่นคนอื่นก็ได้ บางคนอาจโชคดีหน่อย เจอคณะเดินทางของชาวบ้าน สามารถติดไปลงที่เมืองได้
 
“เอางั้นก็ได้ ฉันเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
 
ผมพยักหน้ารับช่วยกันเลือกที่เหมาะๆ เคลียร์ใบไม้บนพื้นแล้วทำหลุมก่อไฟย่างเนื้อสัตว์ที่หามาได้ พวกอุปกรณ์พื้นฐานอย่างกระเป๋า ของยังชีพจะแจกให้ผู้เล่นทุกคนตั้งแต่เริ่มเกม พอทานเสร็จใช้ดินกลบดับไฟเรียบร้อย ผมกับชินมุ่งหน้าต่อทันที เวลานี้อยากถึงเมืองใจจะขาด ร่างกายเล็กๆ ทำอะไรไม่สะดวกสักอย่าง
 
แม้ชินจะบอกว่าสามารถอุ้มได้ตลอดเวลา แต่ผมไม่เอาเด็ดขาด มาเล่นเกมทั้งทีมันต้องสนุกสิ ไม่ใช่เป็นเด็กให้คนตามดูแล
 
จิ้งจอกดำเป็นด่านหน้าชนกับพวกมอนสเตอร์ ผมเป็นหน่วงหลังใช้พลังสร้างมีดสั้นที่เริ่มพัฒนาความคมกับขนาดมากขึ้นตามระดับที่เพิ่มจากเดิม เราคอยหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บหนักๆ เพราะผมในเวลานี้ไม่สามารถรักษาแผลใหญ่ได้
 
สองร่างไม่คิดเสียเวลาชำแหละซากมอนเอาไปขายแบบช่วงเก็บระดับตอนแรก งานนี้ต้องเร่งฝีเท้าให้ถึงเมืองก่อนค่ำถ้ายังไม่อยากนอนในป่าเป็นวันที่สอง รู้สึกตงิดๆ เหมือนลืมอะไรสักอย่างตั้งแต่เมื่อคืน คิดยังไงก็คิดไม่ออก พอถามคนข้างตัว จิ้งจอกดำยักไหล่บอกว่าผมคิดมากไปเอง
 
ช่างมันแล้วกัน ถ้าเรื่องสำคัญเดียวผมก็นึกออกเองแหละ ไม่ใช่คนขี้ลืมขนาดนั้น ผมส่ายหัวขณะกางปีกบินตามหลังชิน ปล่อยให้สายลมเย็นชื้นของป่าพัดผ่านกายไป สูดลมหายใจลึกๆ เก็บเอาอากาศสดชื่นเข้าปอดเพราะโลกแห่งความจริง หาแหล่งธรรมชาติได้ยากเต็มที
 
การเดินทางของพวกเราราบรื่นไปด้วยดี จนกระทั่งพบกับด่านสุดท้ายก่อนถึงเมือง ท้องฟ้าถูกย้อมจนกลายเป็นสีส้ม พ้นแนวป่าคือกำแพงเมืองขนาดย่อมอีกเพียงนิดเดียวจะถึงเมืองอยู่แล้ว แต่ระดับพวกเราหยุดอยู่ที่ 14 ต้องหามอนสเตอร์ตีอีกหน่อยให้เลเวลอัพตามที่วางแผน
 
ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่ ร่อนลงยืนบนพื้นเก็บหุบปีกด้านหลัง ดวงตาจ้องเป๋งไปยังฝูงมอนสเตอร์เบื้องหน้า ทิศที่เรามาอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ส่วนที่มีมอนสเตอร์เลเวล13-14 เหมาะแก่การเก็บระดับอย่างยิ่ง แต่...
 
“จะมืดแล้ว รีบจัดการให้จบแล้วเข้าเมืองกันเถอะวิน”
 
เสียงทุ้มต่ำจากหมาป่าข้างกายดึงความสนใจจากผม จะให้ฆ่ามัน? ไม่มีทาง!!
 
“เราจะไม่ฆ่าพวกมัน ฉันจำได้ว่าทางที่พวกเราผ่านมามีตั๊กแตนเลเวล 12 อยู่ พวกเราไปจัดการทางนั้นดีกว่า” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้คนฟังขมวดคิ้วฉงน มองหน้าผมสลับกับเจ้าหน้าขนเบื้องหน้า พวงหางจิ้งจอกสะบัดส่ายไปมาอย่างไม่เข้าใจ
 
“จะวกกลับไปทำไมให้เสียเวลาล่ะ เชือดๆ พวกมันไปซะก็จบ นายอยากเข้าเมืองไปล้างคำสาปไม่ใช่เหรอ” ชินพยายามกล่อมผม ก่อนจะชะงักไปเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก ใบหน้าคมคายหล่อเหลาก่ำกึ่งระหว่างขำกับอ่อนใจ “โธ่ วิน... มันเป็นแค่มอนสเตอร์น่า ตายไปแปบๆ ก็เกิดใหม่”
 
“ฉันยังยืนยันคำเดิม ไม่ฆ่าเด็ดขาด นายจะเชือดตัวไหนก็ได้ยกเว้นตัวนี้”
 
ชายผมทองตีหน้านิ่งกอดอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากอยู่ในร่างปกติ คงทำให้ผู้อื่นเกรงใจได้อยู่บ้าง แต่มันไม่ใช่กับเด็กน้อยวัยสิบขวบสวมเสื้อตัวหลวมโพรก ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งเหมือนเด็กเจอของที่ชอบ ใบหน้ากลมเกลี้ยงตามวัย คิ้วขมวดมุ่นเชิดรั้นเอาแต่ใจ
 
ชินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ภาพเทวดาปีกขาวเขาซาตานตรงหน้า มองยังไงก็หาความน่ากลัวไม่เจอ มีเพียงความแสบซนที่แผ่ออกมามากกว่า แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี ชินยังจำได้ดีถึงนิสัยของวินสมัยเด็ก เพียงแค่ไม่คิดเลยว่าต่อให้อายุปาไปเลขสอง พอต้องมาอยู่ในร่างเด็กน้อยแบบนี้ สิ่งที่แสดงออกมายังคงเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด
 
ดวงตาสีดำละจากวินมองมอนสเตอร์ตรงหน้า รูปร่างปราดเปรียว ดวงตากลมวาวราวกับลูกแก้ว นัยน์ตามีเส้นขีดสีดำสมเป็นสัตว์ป่า ตามตัวมีขนนุ่มปกคลุมสีน้ำตาลลายจุด หูสามเหลี่ยม หางยาวส่ายไปมา บนหน้ามีหนวดยาวสีขาวหลายเส้น ขนาดอยู่ห่างยังได้ยินเสียงครืดๆ ในคอ ต้นแบบมอนสเตอร์เบื้องหน้าคือ
 
สัตว์ป่าพันธุ์ Margay ลายเสือดาวสูงประมาณสะโพกซึ่งเป็นชนาดที่ใหญ่กว่าในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ มันเป็น แมว สิ่งมีชีวิตหน้าขนที่วินชื่นชอบที่สุด!!
 
ทำไมนะทำไม ตอนเข้าเกมมาระบบถึงไม่ทำให้เขาเป็นแมว จัดคำสาปจิ้งจอกเพื่ออะไร ชินคิดอย่างเซ็งๆ
 
“ไม่ฆ่าก็ได้ แต่นายต้องยอมให้ฉันอุ้ม รอนายบินกลับไปที่เดิมเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”
 
“ตกลง!”
 
จิ้งจอกหนุ่มรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้งัดสารพัดทั้งไม้อ่อนไม้แข็งมา วินไม่ยอมให้อุ้มเลยสักนิด พอมีเรื่องแมวเข้ามาเกี่ยวกลับยอมง่ายๆ ร่างสูงย่อตัวลงอุ้มเด็กชายเข้ามาในอ้อมแขน เทพบุตรซาตานสลายปีกเกาะคอจิ้งจอกกันตก จมูกโด่งเนียนหันหน้าเข้าหา เฉียดแก้มนุ่มแสร้งชวนคุย
 
“นายคิดว่าฆ่าตั๊กแตนกี่ตัว พวกเราถึงเลเวล 15”
 
คนถูกลวนลามมีหรือจะไม่รู้ตัว หัวทุยก้มลงขวิดด้วยเขาซาตานจนจิ้งจอกร้องโอดโอยขณะวิ่งย้อนกลับทางเก่า
 
“ถ้าทำได้แค่นี้อย่าทำอีกดีกว่า” น้ำเสียงเรียบนิ่ง วาจาร้ายกาจแทงใจจิ้งจอกดังฉึก หูลู่หางตกแทบจะร้องหงิงๆ หมดมาดเฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันสองคน “รีบๆ ฆ่าไปเดี๋ยวก็อัพ ไม่นานนักหรอก” ผมสั่งทับอีกที ชินพยักหน้ารับรู้หันไประบายกับพวกตั๊กแตน ปล่อยผมให้ยืนพิงต้นไม้ โบกมือสิ่งพลังด้านมืดสร้างมีดสั้นออกมาสองเล่ม ช่วยจัดการเจ้าพวกแมลงอีกทาง ดวงตาสีเทาฉายประกายขบขัน เฝ้ามองเงาดำวูบไหวของจิ้งจอกที่กางกรงเล็บไล่สับมอนสเตอร์ผู้น่าสงสาร
 
สุดท้ายก็อัพเอาตอนค่ำจนได้ ดีที่จุดนี้ไม่ไกลจากเมืองนัก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ชินอุ้มผมพามาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ผมแหงนคอมองกำแพงสูงสีขาว มีทหารสองนายประจำการอยู่หน้าประตูเมืองคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นในบริเวณนั้น
 
สองเท้าก้าวผ่านประตู สิ่งที่ให้แสงสว่างกับเมืองแห่งนี้ไม่ใช่คบเพลิงแบบเดียวกับรอบนอกกำแพง แต่เป็นพลังเวททรงไข่มีปีกเล็กจิ๋วสีเหลืองนวลลอยเด่นตามจุดต่างๆ คล้ายกับหิงห้อยตัวใหญ่ ผมรู้สึกว่าเมืองแห่งนี้มีพลังเวทเข้มข้นมากแถมชาวบ้านใส่ชุดคลุมตัวยาวถือคทาอย่างพวกนักเวท ทำให้แยกได้อย่างง่ายดายว่าไหนผู้เล่น ไหนชาวบ้าน
 
ด้วยความที่ไม่ใช่เมืองการค้า บรรยากาศจึงเงียบสงบมีเพียงเสียงดนตรีจากร้านอาหารลอยมาตามลม ร้านค้าส่วนใหญ่ขายแต่ของเกี่ยวกับเวทมนต์ จำพวกเครื่องประดับฝังอัญมณีหลากสีตามธาตุ ไม้คทาลักษณะเหมือนไม้เท้า ร้านเสื้อผ้าเสริมความสามารถด้านเวทมนต์
 
หลังเอาเนื้อสัตว์ หนัง เขี้ยว หาง ทุกส่วนของร่างกายมอนสเตอร์ที่ขายได้ เอามาเทขายให้กับพ่อค้าได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ผมรีบเดินนำชินเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเป็นอันดับแรก! ไม่อยากเป็นจุดเด่นไปมากกว่านี้ ภาพชายร่างสูงใหญ่กับเด็กน้อยตัวเปี๊ยก ต่างคนต่างใส่ชุดนอน คนแรกชุดดูเล็กกว่าขนาดตัวหนึ่งไซส์ คนหลังชุดใหญ่กระโดดข้ามวัยมัดเอวด้วยเถาวัลย์เป็นที่น่าอนาถลูกตายิ่งนัก
 
ภายในร้านมีเสื้อผ้าระรานตาแขวนอยู่บนราวไม้ ผมเดินผ่านเสื้อผ้าเด็กไปหาชุดที่ย่อขยายตามขนาดตัวโดยมีชินเดินตามอยู่ด้านหลัง
 
“พวกเรางบน้อย เอาชุดง่ายๆ แล้วกัน”
 
ผมเลือกชุดคลุมสีเทาหม่นราคาย่อมเยา ไม่เพิ่มค่าสถานะอะไร แต่สามารถย่อขยายได้ตามขนาดตัว ผมจะได้ไม่ต้องมาซื้อเสื้อตัวใหม่หลังจากกลับคืนสู่อายุเดิม
 
“งั้นฉันเอาตัวนี้ ไว้ค่อยหาเงินไปซื้อแบบดีๆ มาใส่”
 
ชื่อ : เซตนักเวทฝึกหัด
Lv : 10
สถานะ : สามารถย่อขยายได้ตามขนาดตัว
ราคา 30 เหรียญเงิน
 
ชินพยักหน้ารับเห็นด้วยกับผม เขากวาดตามองรอบเดียวเลือกหยิบชุดสีน้ำตาลไร้ลวดลาย
 
ชื่อ : ชุดคนสวน
Lv : 14
สถานะ : เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพ 2%
ราคา 23 เหรียญเงิน 50 เหรียญทองแดง
 
สหายจิ้งจอกเป็นคนจ่ายเงิน ยืมสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ของผมเสื้อขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสีเดียวกัน กับตัวเสื้อคลุมสีเทาหม่นติดด้วยเข็มกลัดตรงอกมีฮู้ดสวมปิดเขา ร่างเด็กเขายังสั้น ร่างโตอย่าได้หวังว่าจะปิดได้ ทางชินเสื้อคอปกสีน้ำตาล กางเกงสีเทา รองเท้าสีเดียวกับเสื้อ โดยรวมชุดคนสวนสมชื่อ พอสวมอยู่บนร่างสูงใหญ่ของจิ้งจอกหนุ่ม ต่อให้เป็นผ้าดาษดื่นแค่ไหนก็ดูดีได้จนสาวพากันมองจนเหลียวหลัง หมั่นไส้ยกเท้าเตะไปที พอเห็นรอยเท้าเล็กๆ บนขากางเกงอีกฝ่ายค่อยสบายใจหน่อย
 
“เพิ่งรู้ว่านอกจากลดอายุแล้ว ยังลดความนึกคิดกลับเป็นวัยเด็กด้วย”
 
น้ำเสียงเรื่อยๆ เหมือนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ดวงตาสีดำสั่นระริกฉายแววขบขัน ผมแยกเขี้ยวใส่เล่นมันให้สมขนาดตัวซะเลย อายุสมองผมไม่ได้ลดลงแน่ เพียงแค่อยู่ในร่างแบบนี้มันไม่ต้องคอยระวังอะไร แสดงทุกสิ่งออกมาได้เต็มที่ เด็กๆ นี่ดีจังเลยนะ
 
จังหวะพวกเรากำลังเดินออกจากร้าน หางตาเห็นคนคุ้นเคยเดินผ่านหน้าไป เพียงเสี้ยววิ ชายคนนั้นถอยหลังกลับมาเหมือนกรอหนังกลับ ใบหน้าดุดันจ้องเขม็งอ้าปากพะงาบๆ ชี้มาที่เราสองคน ดวงตาผมเบิกกว้างทุบมือปุ ในที่สุดก็นึกออกสักทีว่าตัวเองลืมอะไร!
 
“ว๊ากกกกกก! พวกนายทิ้งฉันไว้แล้วมาช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าสบายใจเฉิบแบบนี้ได้ยังง๊ายยยย!!”
 
เสียงแหกปากโวยวายจากคนตัวใหญ่ ดึงดูดสายตาจากคนรอบข้างได้ชะงักทั้งชาวบ้านและผู้เล่นคนอื่น ผมหันไปส่งซิกให้ชิน จิ้งจอกเข้าใจสัญญากางแขนตวัดโอบคอลากเจ้าตัวมลพิษทางเสียงหลบไปข้างร้านไร้คนพลุกพล่าน
 
“ไงบัน”
 
ปีกสีขาวถูกกางออกพรึบ บินขึ้นอยู่ในระดับสายตาเพื่อสนทนา ไม่อยากแหงนหน้าคุยมันเมื่อยคอ
 
“ไงบ้าไงบออะไรเล่า พวกนายมุดหัวอยู่ที่ไหนมา แล้วนี่อะไร ทำไมชินหน้าแก่ วินกลายเป็นเด็กไปได้” หนุ่มร่างใหญ่บ่นอุบหน้านิ่วคิ้วขมวด ดวงตามองสำรวจสองเพื่อนเบื้องหน้า ทำไมไม่รู้สึกแปลกใจเลยนะ กับคำสาปที่ทั้งคู่โดน จิ้งจอกกับซาตานปีกขาว เหมาะซะไม่มี
 
“เดี๋ยวจิ้มตาแตก มองด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง พวกฉันก็เล่นเกมกันปกติ นายนั้นแหละหายหัวไป” หายจนผมลืมไปซะสนิทและไม่คิดจะหลุดปากพูดไปเด็ดขาด เดี๋ยวมันโวยวายอีกน่ารำคาญ เปลี่ยนเรื่องซะเลย “ช่างเถอะ เจอนายก็ดีแล้ว พอรู้มั้ยว่าที่นี้มีสถานที่แก้คำสาปรึเปล่า พวกเราโดนแฝดนรกยัดคำสาปลดกับเพิ่มอายุใส่”
 
บันทำหน้ากระจ่างกับสภาพของพวกเราสองคน
 
“แบบนี้นี่เอง แก้คำสาปเหรอ ดูท่าที่นี่จะไม่มีโบสถ์ให้แก้คำสาป คงต้องไปร้านรับทำยาแล้วล่ะ”
 
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ สถานที่รับแก้คำสาปทั่วไปไม่ใช่มีแค่โบสถ์เท่านั้น แต่ละเมืองจะต่างกันออกไป อย่างเช่นเมืองนี้เป็นเมืองของพวกนักเวท ร้านทำยาของพ่อมดแม่มดจึงเป็นทางออกสำหรับคนต้องการลบล้างคำสาป
 
ดีหน่อย คำสาปที่พวกเราได้รับเป็นแบบทั่วไป หากเป็นคำสาปที่ให้มาตั้งแต่ต้นเกม หรือคำสาปเฉพาะต้องวุ่นวายหาวิธีแก้อีก ในฐานะหนึ่งในผู้สร้างเกมนับว่าเป็นสีสันของเกมอย่างหนึ่งล่ะนะ เปลี่ยนทัศนะคติของคนที่มีต่อคำสาปด้วย แทนที่จะกังวล มานั่งคิดหาทางประยุกต์ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ดีกว่า การเรียนรู้ พบเจออะไรใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ดีนะ
 
“นายได้คำสาปอะไร”
 
ชินที่เงียบอยู่นานออกปากถามบ้าง หลังมองหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวบันหลายรอบ
 
“จุ๊ๆ เอาไว้ต่อสู้เมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ พวกนายอยากแก้คำสาปไม่ใช่ไง รีบไปร้านทำยาดีกว่า ฉันนำไปเอง”
 
ทำมามีลับลมคมใน คิดเหรอว่าถ้าผมอยากรู้แล้วจะรู้ไม่ได้น่ะ เอาเถอะ จะเป็นตัวอะไรก็ช่าง ผมไม่สนใจหรอก นี่ถ้าบันรู้ความคิดของผมกับชินคงจะลงไปร้องไห้กระซิกแล้วด่าว่าพวกผมมันไร้หัวใจ โหดเหี้ยมสารพัดแหง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการก่อกวนจากว่าที่เจ้านายในอนาคต ผมจะไม่พูดออกไปเด็ดขาด
 
บันเดินนำพวกเราไปทางทิศตะวันออกของเมือง ที่นั่นมีร้านขายยามากมาย รวมถึงร้านขายวัตถุดิบสำหรับการปรุงยา จากที่เดินผ่านๆ ด้านในจะมีกระบะไม้ใส่พืชเป็นสัดส่วน บางอย่างใส่ในโหลแก้ว มีกระทั่งเขี้ยว ลูกตา แมลง แบบที่ขอไม่รู้ส่วนผสมดีกว่าถ้ายังอยากจะดื่มยาดีๆ
 
ผมเป็นหนึ่งในผู้สร้างย่อมมองออก เมืองแห่งนี้มีคำสาปอาชีพอยู่สองอย่าง หนึ่งคือนักเวท สองคือนักปรุงยา วิธีได้คำสาปไม่ยากอะไร หาเอ็นพีซีแจกคำสาปให้เจอแล้วรับภารกิจมาทำให้สำเร็จ พูดเหมือนง่าย เอาเข้าจริงเจ้าพวกเอ็นพีซีพวกนี้มันก็คนดีๆ นี่เอง
 
คิดว่าพนักงานบริษัทที่ผมทำงานอยู่จะมีคนธรรมดาเหรอ หากไม่ถูกชะตาร้อยทั้งร้อยได้หัวปั่นเพราะคนแจกคำสาปแน่ 
 
บันพาเลี้ยวเข้าร้านหนึ่งถูกสร้างจากไม้เก่า ป้ายที่แขวนหน้าร้านเป็นรูปขวดยาทรงกลมมีควันออกมาจากปากขวด ผลักประตูไม้เข้าไปพบผู้เล่นชายหญิงอีกจำนวนหนึ่ง มองจากภายนอกร้านดูเล็กไม่น่าอัดคนหลายสิบคนเข้าไปได้ แต่ด้านในกลับกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ โล่งซะจนไม่คิดว่าเป็นร้านทำยา ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีขวดใส่ยา มีแค่เคาน์เตอร์ยาวที่มีคนประจำการเพียงคนเดียว
 
เราสามคนตกเป็นเป้าสายตา ผมอยู่ด้านหน้าสุดอารมณ์เหมือนคุณหนูผู้ร่ำรวยมีบอดี้การ์ดหน้าหล่อขนาบข้างซ้ายขวาคอยแหวกทางให้ ชินไม่อยากให้ใครมาชนผมจนปลิว บันคงกลัวคนอื่นตายด้วยฝีมือจิ้งจอกหากคนพวกนั้นทำผมเจ็บ
 
“ไม่ใช่ว่าที่นี่มีภารกิจให้คำสาปนักปรุงยาหรอกใช่มั้ย” บันถามด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสามคน ชินเป็นฝ่ายตอบ เข้าใจความหมายที่บันจะสื่อ
 
“ใช่ แต่เราไม่ได้ต้องการคำสาป เราต้องการยาเท่านั้น”
 
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ภารกิจไม่ใช่แจกให้ทุกคนได้ ยังมีเงื่อนไขหลายอย่างจึงจะได้ภารกิจ ดูจากสายตาทุกคนที่มองเราราวกับเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ เงื่อนไขของคำสาปนักปรุงยาอยู่ที่จำนวนคนต่อวันแน่ แต่พวกนี้คงไม่รู้ว่า จำกัดจำนวนคนรับภารกิจก็จริง แต่ตราบใดที่ยังไม่มีผู้รับคำสาปครบเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่อวัน กลุ่มอื่นก็ยังสามารถรับภารกิจได้เรื่อยๆ แน่นอน ผมไม่คิดจะบอก ปล่อยให้ผู้เล่นงมกันเองนี่แหละดีที่สุด
 
พนักงานประจำตำแหน่งนี้เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมเคยเห็นเธอที่บริษัทแค่ครั้งสองครั้ง เพราะเวลาส่วนใหญ่ของผมจะขลุกอยู่ในแผนกโปรแกรมเมอร์มากกว่า
 
แวบแรกเธอตีสีหน้าเรียบเฉยให้สมบทบาท พอเห็นหน้าของเปรตสองตัวข้างผมชัดๆ ดวงตาพลันเบิกกว้างอ้าปากเป็นรูปตัวโอ รีบชะโงกหน้าผ่านเคาน์เตอร์เพื่อดูผมอย่างไว จากตกใจกลายเป็นอึ้งหนัก บันเข้าใจความรู้สึกของเธอ พนักงานตัวเล็กในบริษัทใหญ่ ดันเจอคนเบื้องบนอย่างพวกเรา บันถือว่าเป็นผู้สืบทอดบริษัทคนต่อไป ผมกับชินไม่ได้เป็นเพียงนักโปรแกรมเมอร์ธรรมดา บอกว่าเป็นกำลังหลักในการสร้างเกมนี้ก็ไม่ผิดนัก
 
ที่สำคัญ ฉายาเทพบุตรซาตานอย่างผม กลับตกต่ำอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบขวบ เลเวลต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สวมชุดถูกแสนถูกยืนแหงนคอบอกชาวบ้าน ขนาดตัวผมเองยังนึกทอดถอนใจเลย
 
“คุณพนักงานคนสวย เพื่อนฉันต้องการยาแก้คำสาปทุกชนิด ช่วยทำให้ได้รึเปล่า”
 
ว่าที่เจ้านายถามเรียกสติ พนักงานสาวสะดุ้งเกือบหลุดมาด หากไม่ได้ชินส่งสายตาเตือน
 
“ได้... แต่พวกคุณต้องหาวัตถุดิบมาเอง” มือเล็กของผู้หญิงเลื่อนกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ บนนั้นเขียนรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องใช้ บางอย่างสามารถหาซื้อได้ บางชนิดต้องออกไปล่าด้วยตัวเอง มีชินกับบันอยู่ด้วยผมไม่ห่วงเท่าไหร่ จนกระทั่งมีหน้าต่างปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเรา ข้อความบนนั้นกับดวงตาแฝงไปด้วยความหนักใจทำให้พวกเราขมวดคิ้วฉงน มันคือวิธีส่งข้อความระหว่างพนักงานด้วยกันภายในเกม ป้องกันไม่ให้ผู้เล่นรับรู้ เลือกส่งข้อความให้แบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง
 
‘ฉันรู้ว่ามันไม่ควร แต่ฉันมีเรื่องขอให้พวกคุณช่วย มีผู้เล่นบางส่วนที่มารับภารกิจไม่ทัน ขู่ว่าถ้าไม่ยอมมอบภารกิจให้จะก่อความวุ่นวายในเมือง ทำร้ายพนักงานแถมยังอ้างชื่อคุณอาชวินด้วยค่ะ ทีแรกพวกเราจะแจ้งไปทางเบื้องบน แต่เห็นพวกคุณมาพอดีก็เลย...’
 
ผมหรี่ตา เนื่องจากทำให้เกมสมจริงเกินไป บ้านเมือง สิ่งปลูกสร้างสามารถทำพังได้ และต้องลงมือซ่อมแซมด้วยตัวเอง อีกทั้งพนักงานไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้ทุกคน หากถูกผู้เล่นรบกวน เวลาเกิดปัญหาทีให้นั่งไล่แจ้งไปเบื้องบนมันเสียเวลา
 
ความจริงข้อบกพร่องพวกนี้มีพนักงานทดลองเล่นแจ้งมาที่แผนกผมแล้วล่ะ กำลังแก้ไขกันอยู่ คาดว่าเปิดเกมจริงเมื่อไหร่ปัญหาทุกอย่างจะหมดไป
 
พวกเราเลือกแก้วิธีด้วยการเพิ่มจำนวนผู้รักษาความสงบแต่ละเมืองมากขึ้น ปรับให้พนักงานทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาเล็กน้อยได้ทันทีแล้วส่งขอความถึงเบื้องบนเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ นั่นเป็นเรื่องในอนาคต เวลานี้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ผมส่งข้อความลับกลับไป
 
‘มอบภารกิจให้พวกเรากับเจ้านั่น เดี๋ยวพวกฉันจะคอยจับตาดูเอง อยากรู้เหมือนกันใครหน้าไหนมันอ้างชื่อฉัน’
 
มุมปากยกยิ้ม ขนาดที่แม้อยู่ในร่างเด็กยังรู้สึกถึงความน่ากลัวได้ ในเมื่อความสามารถและอำนาจที่อยู่ในมือมันคือของจริง

ภารกิจคำสาปนักปรุงยา
เงื่อนไข : สังหารดอกไม้กินคน และนำเกสรมาส่งจึงจะผ่านภารกิจ (1 คน ต่อ 1 ชิ้น)
รางวัล : คำสาปนักปรุงยา , เครื่องมือพื้นฐานสำหรับนักปรุงยา , คู่มือสมุนไพร
, สูตรยาเพิ่มเลือดขั้นแรก , เงินรางวัล 60 เหรียญเงิน
[ ตกลง ] [ ปฏิเสธ ]

ตกลง...
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พวกพี่วินแลห่วยไม่ต้องตกใจ เพราะวัตมีกลเวลร้อยกว่าช่วยตั้งแต่แรกเลยชิวจนถึงทุกวันนี้ มีสามีเก่งมีชัยไปกว่าครึ่ง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 12-03-2016 18:19:00
 :3123:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 12-03-2016 22:48:18
ตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบจนได้ สนุกมากกก
แต่เดี๋ยวจะค่อยๆอ่านตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-03-2016 23:42:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-03-2016 23:41:19
วัต แกมีปั๋วดีกว่าวินนะ 555 โดนชินตบกระเด็น
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 16-03-2016 11:00:09
สนุกมากเลยย อ่านรวดเดียวจบ คนแต่งเก่งมากๆเลยค่ะ ชอบกลเวลาหลุดเก๊ก กับฉากดูดเลือดทุกฉากเลยน่ารักมากก  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 17-03-2016 23:45:40
ตามเข้ามาอ่านจากเรื่องวายยกกำลังสอง อ่านเริ่มต้นแล้วน่าสนใจทีเดียว ติดตามต่อไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน8 11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 19-03-2016 00:12:15
กลับมาอ่านอีกรอบ....คิดถึงกลวัต.....^^
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up พิเศษคุณพ่อ 15/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 15-04-2016 13:26:42
*พิเศษจากกิจกรรมในเพจ
Lv.พิเศษ พ่อเองจ้า

   สวัสดี สวัสดี มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน... อ้าว ไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ นี่พ่อเองนะ คราวนี้มีบทให้พ่อด้วยล่ะ เห็นว่าอยากอ่านประวัติของพ่อใช่มั้ย มาๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง

   ตัวพ่อนั้นเป็นลูกครึ่งไทย – ฝรั่งเศส แม่เป็นคนไทยอยู่ภาคอีสานบ้านเฮา ส่วนพ่อหรือปู่เจ้าแสบสองตัวนั่นเป็นคนฝรั่งเศสแท้ สีตากับสีผมพ่อก็ได้มาจากเขานี่แหละ ตามสไตล์ชาวต่างชาติทั่วไป หลงใหลในวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยพบรักกับลูกสาวผู้ใหญ่บ้านจนมีพ่อขึ้นมา

   พ่อนั้นถูกเลี้ยงดูมาแบบคนไทย หากไม่มีปู่เจ้าแสบคอยสอนพูดภาษาฝรั่งด้วยพ่อคงเว้าเป็นแต่ภาษาอีสาน จกข้าวเหนียว จับกะปอม ลุยท้องนาจนปลิงเกาะ ขี่หลังควาย เรียนโรงเรียนรัฐมาแต่เล็กแต่น้อย โตขึ้นหน่อยก็ย้ายไปเรียนมัธยมในเมือง พอจบค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัยมุ่งหน้าขึ้นเหนือ

   พ่อมาเจอแม่เขาที่นี่แหละ แม่เป็นสาวเหนือสวยมาก ตัวเล็กผิวขาวเนียน ปากนิด จมูกหน่อย ผมดกดำตรงยาวปล่อยสยาย กิริยามารยาทงามน่าชม ใบหน้าสะสวยแบบไทยๆ พ่อหลงแม่ตั้งแต่แรกเห็น แต่กลัวแม่เขาจะสะบัดบ๊อบใส่พ่อซะก่อน เลยเริ่มความสัมพันธ์ด้วยคำว่าเพื่อนต่างคณะ

   ยอมเป็นเบ๊ให้สารพัด พ่อว่าแม่เขาก็รู้แหละว่าพ่อเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ จนแม่เขามาบอกตอนหลัง ที่ยอมให้พ่ออยู่ใกล้ทั้งที่รู้ว่าพ่อคิดยังไงเป็นเพราะพ่อให้เกียรติแม่เสมอ จับมือถือแขนอะไรไม่มี๊ ขนาดจะเดินด้วยกันพ่อยังต้องลากเพื่อนมาเดินด้วย หรือไม่ก็เนียนไปกับกลุ่มสาวของแม่เขา ไม่เดินกันสองต่อสองเด็ดขาด

   ดูเหมือนจะดีนะ แต่ผู้ชายคนไหนมาชอบแม่ ทำท่าจะจีบ พ่อเข้าขวางทุกคนไม่ปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว ใช้เส้นใช้สายตีสนิทเพื่อนแม่เขาเยอะ รู้จักคนไปทั่ว ขอให้เป็นหูเป็นตาให้ น้อยนักที่ของขวัญ ของฝาก ของแทนใจจะหลุดจนถึงมือแม่

   รู้จักกันในฐานะเพื่อนประมาณเดือนหนึ่ง พ่อก็เริ่มลุยจีบ เสนอหน้าไปช่วยตลอด วันไหนแม่เขาทำงานกลุ่มจนค่ำ ต่อให้พ่อไม่มีงานก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนจนเสร็จ

   หกเดือนแรก พ่อเคยขอแม่คบครั้งหนึ่ง แต่แม่ยังไม่ยอมพ่อเลยตื๊อต่อไป จนกระทั่งหนึ่งปีพ่อขอคบอีกครั้งก่อนปิดเทอมกลับบ้าน ในที่สุดแม่ก็ยอมตกลงจนได้ แม้จะน่าเสียดายที่ต้องแยกกันแต่พ่อก็มีความสุข เราเลือกที่จะเขียนจดหมายแทนการโทรศัพท์ ส่งหากันตลอดช่วงปิดเทอม เล่าเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ

   ช่วงนั้นพ่อรู้ตัวดีกว่าอาการหนักมาก แทบจะไปนั่งเฝ้าไปรษณีย์ในเมืองจนพนักงานที่นั่นรู้จักพ่อหมด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถึงขนาดเดินจูงควายตกคูน้ำให้เพื่อนหัวเราะเยาะ

   ทีแรก พ่อไม่ค่อยจริงจังกับการเรียนสักเท่าไหร่ ขอแค่คะแนนไม่แย่จนน่าอนาถก็พอ ภายหลังพ่อต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ แม่สนิทใจกับพ่อมากขึ้น ไม่ใช่พ่อฝ่ายเดียวที่คอยดูแล ตัวแม่เองวันไหนพ่อหายหรือไม่ยอมมาเรียนก็จะลากเพื่อนทั้งชายหญิงแห่กันมาที่หอของพ่อเพื่อดูอาการ เตรียมข้าวเตรียมยาให้พร้อมสรรพ

   แม้ไม่มีคำพูดหวานๆ แค่เพียงสีหน้าแววตาเป็นห่วงก็ทำให้พ่อใจละลาย พอทุกคนกลับ เหลือพ่อคนเดียวในห้อง พ่อมองของที่แม่เตรียมไว้ให้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย คิดทบทวนกับตัวเองว่าพ่อจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ นี่แหละ... คนที่พ่อตามหา

   ตัดสินใจกับตัวเองได้ พ่อเริ่มเปลี่ยนแปลง จากเรียนแค่พอผ่านกลายเป็นตั้งใจเพื่อให้จบและนำไปใช้ภายภาคหน้าได้ พ่อเริ่มรับงานทำระหว่างเรียนเพื่อหาประสบการณ์

   เข้าปีสองพ่อขอแม่ไปหาว่าที่พ่อตากับแม่ยาย ตอนแรกแม่เขาก็ลังเล กลัวว่าพ่อจะถูกลูกซองยิงตายก่อนแต่ง จนโดนพ่อตื๊อหนักๆ ถึงยอมพาไปที่บ้าน

   ทุกวันนี้พ่อยังจำได้เลย ความกดดันตอนเจอผู้ใหญ่มันเป็นยังไง โชคดีที่พ่อตาสร้างภาพขู่ขวัญไปแบบนั้น หลังจากพ่อแสดงความจริงใจ ไม่ล่วงเกินแม่ คอยแวะเวียนมาหาอย่างสม่ำเสมอยันเรียนจบ คุณพ่อตาก็ไฟเขียวปล่อยให้เราคบหากันแบบเปิดเผย ยิ่งพ่อทำงานได้ดิบได้ดี อวดกันสามบ้านแปดบ้าน เขยหัวทองดีอย่างงั้นอย่างงี้

   หลังเรียนจบเรายังไม่แต่งงานทันที เพราะแม่เขาอยากทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน พ่อก็ตามใจแม่เขา อุตส่าห์เรียนมาตั้งสี่ปี จะให้อยู่บ้านตั้งท้องเลี้ยงลูกเลยก็กระไรอยู่

   ช่วงนั้นแยกๆ กัน พ่อถูกลากไปทำงานตรงนั้นตรงนี้ไม่ค่อยอยู่ติดที่เลยห่างกันไปสักพัก พ่อไม่กลัวว่าแม่จะมีคนใหม่ พอๆ กับที่แม่เชื่อใจพ่อว่าจะไม่เป็นหม้ายขันหมาก แต่ตัวพ่อเองนี่แหละกลัวจะไม่ได้ไปขอ แม่ชักทำงานเพลินเกินไปแล้ว พ่อวางแผนไว้ ให้เวลาแม่เขาหนึ่งปี ก่อนมัดมือชกลากพ่อแม่ไปขอถึงบ้าน แม่งอนพ่อไปหลายเดือนแหนะ แต่สุดท้ายก็ยอมใส่ชุดเจ้าสาวแต่งกันทั้งแบบไทยและแบบฝรั่ง

   ประจวบเหมาะกับมีบริษัทในกรุงเทพอยากให้พ่อไปทำงานด้วย เรือนหอของเราเลยอยู่ที่นั่น ใจจริงพ่อกับแม่อยากพาพ่อตาแม่ยายมาดูแล ติดแต่พวกท่านไม่อยากมาอยู่ในเมืองหลวง ส่วนปู่ย่าเจ้าแสบ หลังพ่อแต่งงานก็ควงกันบินไปอยู่ต่างประเทศแล้ว

   เวลาผ่านไปปีกว่า แม่ตั้งท้องให้กำเนิดโซ่รักคล้องใจคนแรก มันเป็นช่วงเวลาที่พ่อมีความสุขที่สุดในชีวิตและเป็นช่วงที่พ่อกังวลที่สุดมากเช่นกัน เป็นห่วงกลัวแม่เขาจะเป็นอะไรไป กลัวลูกจะงอแงไม่ยอมออกมาง่ายๆ นับว่าสวรรค์ยังเมตตา เจ้าวินคลอดง่ายแถมแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก

   ความรู้สึกตอนที่ได้ยินเสียงเด็กจากห้องคลอด ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาไหลตอนไหนก็ยังไม่รู้ ยื่นแขนสั่นๆ รับเจ้าหนังเหี่ยวตัวแดงมากอดไว้แนบอก นี่คือลูกของพ่อ... ลูกของเรา...

   พ่อจับมือแม่แน่น จูบหน้าผากชื้นเหงื่อ มองใบหน้าอ่อนแรงด้วยความรักและปล่อยให้พยาบาลพาแม่กับลูกวินไปพักผ่อน

   ช่วงแรกพ่อแทบไม่ให้แม่เลี้ยงลูกเลย รับหน้าที่เลี้ยงดูตลอดยกเว้นเวลาที่พ่อไปทำงาน เจ้าวินคลอดง่ายก็จริง แต่เป็นเด็กที่ดื้อและงอแงมาก กลางค่ำกลางคืนพ่อกับแม่แทบไม่ได้นอน ลุกขึ้นมาชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม ต้องตาโหล ขอบตาคล้ำไปทำงานทุกวัน พอโตเข้าหน่อยก็ซนเป็นลิง ซนคนเดียวไม่พอ ยังจะหาคนอื่นไปซนด้วยอีก

   ตัวพ่อยอมรับเลยว่าติดลูก เห่อลูกชายมากเลยพาไปทำงานด้วยเสมอ เป็นผลให้วินได้เพื่อนสนิทคนแรกคือเจ้าหนูชิน ความรู้สึกตอนนั้นไม่มีอะไรมากกว่าความเอ็นดู เห็นชินเป็นเหมือนลูกอีกคน เด็กคนนี้น่าเห็นใจ พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้เท่าไหร่นัก บ้านพ่อเองก็อบอุ่นจนร้อน จะลักเอาลูกเขามาแบ่งความอบอุ่นบ้างคงไม่เป็นไร พ่อของชิน คุณผณินทรนายจ้างพ่อเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่างเลยไม่มีปัญหา

   กระทั่งมีลิงตัวที่สองนั่นแหละ วัตเลี้ยงง่ายผิดกับชินลิบลับ กินอิ่มนอนหลับไม่งอแง พ่อเลยทำงานได้อย่างเต็มที่ปล่อยให้แม่เลี้ยงตัวเล็กไปพร้อมผู้ช่วยอีกสองคน ด้วยความที่เป็นลูกคนที่สอง อะไรก็ง่ายขึ้นเยอะ หลังมีประสบการณ์จากคนแรกแล้วตั้งห้าปี

   พี่น้องรักกันดีพ่อก็มีความสุข แม้ว่าบางครั้งภรรยาคนสวยกับลูกชายทั้งสองจะรุมแกล้งพ่อก็ตาม...

   ในความตั้งใจของพ่อคือ พ่ออยากให้วินเป็นผู้สืบทอดต่อจากพ่อ เลยสอนนู่นนี้ให้สารพัด ส่วนวัตพ่อไม่บังคับอยากทำอะไรก็ทำไป จนวินขึ้นมัธยม พ่อเริ่มสังเกตถึงความสัมพันธ์ของวินกับชิน ช่วงแรกยังพอปล่อยผ่านไป คงตามประสาเพื่อนรักกันล่ะมั้ง ภายหลังยิ่งชัดเจนโดยเฉพาะตอนเตรียมขึ้นมหาลัย ดูเหมือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่างกับวิน สิ่งที่สัมผัสได้จากสองคนนี้จึงดูเปลี่ยนไปจากเดิม

   พ่อยอมรับว่าพ่อกลุ้มมาก คิดทบทวนซ้ำๆ ว่าพ่อเลี้ยงลูกพลาดตรงไหน ลังเลว่าจะจับทั้งคู่มาคุยตรงๆ เลยดีมั้ย แล้วคุณทรล่ะ พ่อจะบากหน้าไปบอกยังไง ช่วยเลี้ยงลูกเขามาเป็นแบบนี้ไปซะได้

   คนแรกที่รู้ถึงความคิดอันอึมครึมของพ่อก็คือแม่ ก่อนวันที่พ่อจะตัดสินให้ลากสองคนนั้นมาคุย แม่เดินเข้ามาหาพ่อ นั่งลงข้างๆ และจับมือพ่อลูบแผ่วเบา

   “ช่วงนี้งานมีปัญหาเหรอเนส”

   พ่อส่ายหัวผ่อนลมหายใจหนัก จับมือที่หยาบกร้านจากการทำงานบ้านและเลี้ยงลูกมาแนบแก้มอย่างถนอม

   “เนสเครียดเรื่องวินน่ะ สาเองก็พอมองออกใช่มั้ย”

   “มองออกสิ สาอยู่กับลูกตลอดนะ”

   “เนสคิดว่าจะเรียกเด็กทั้งคู่มาคุย...” คนสวยหยุดคำคนรักด้วยการกุมมือ

   “คุยแล้วเนสจะทำยังไงต่อไปคะ แยกทั้งคู่ออกจากกันเหรอ หรือว่าบังคับให้อยู่ฐานะเพื่อน ทั้งที่ใจของเด็กๆ ไม่ต้องการ”

   “แต่... สาก็รู้ เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ยังเด็กอยู่ในวัยรักสนุก แล้วถ้าโตขึ้นล่ะ... เนสเป็นห่วง กลัวว่าเด็กๆ จะมีปัญหาในอนาคต”

   สิ้นคำพูด พวกเราตกอยู่ในความเงียบ ก่อนรสาจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

   “สาเข้าใจเนสนะ ใจจริงสาเองก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ว่าพวกเราเลี้ยงลูกแบบอิสระให้เขาเรียนรู้เองไม่ใช่เหรอ ดังนั้นสาคิดว่าปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเองดีกว่า เราแค่คอยดู คอยช่วยเหลือ ไม่ให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปกว่าเดิมก็พอ... สาไม่อยากเห็นลูกเสียใจ”

   คำพูดยาวๆ ของรสาทำให้พ่อได้สติ เป็นพวกเราเองที่เลี้ยงลูกให้ลองผิดลองถูก ที่สำคัญ วินกับชินแทบไม่เคยแยกจากกันเลย ถ้าพ่อไปแยกคงจะเหมือนปีศาจร้ายทำให้ลูกเป็นทุกข์

   “เนสเองก็เหมือนกัน เฮ้อ งั้นเรามาช่วยกันดูดีกว่าเนอะ”

   “จ๊ะ...”

   พ่อดึงแม่เข้ามาซบอกแบ่งปันความรู้สึกกัน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร พวกเราชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นประสบการณ์อันมีค่าของเด็กๆ แน่นอน

   เวลาล่วงเลยไป จากความเครียดกลายเป็นปล่อยวาง วินเลือกทางของตัวเองแล้ว ในฐานะพ่อแม่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยดูอยู่ห่างๆ ถ้าพวกเขาก่อเรื่องสักนิดมันคงไม่ง่ายเหมือนทุกวันนี้ วินกับชินแสดงท่าทีกันอย่างพอเหมาะ ไม่มีอะไรเสื่อมเสีย วินสามารถทำงานสืบทอดความต้องการของพ่อได้อย่างเต็มที่

   ทางด้านคุณทรพ่อของชินเองดูเหมือนลูกชายจะบอกตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่ว่าทางนั้นไม่ทำอะไร แต่เห็นแก่หน้าพ่อ และที่สำคัญขัดลูกชายที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจไม่ได้ ผลคือเลยตามเลย ทุกวันนี้ทั้งคู่ก็ยังคบกันดีกว่าคู่ชายหญิงหลายคู่เสียอีก

   พ่อเริ่มปลง ขอให้ลูกมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือช่างหัวมันแล้วกัน ปัญหาไหนเกิดค่อยแก้กันไป ใครจะไปคิดล่ะว่าขนาดลูกคนเล็กยังไม่รอด พ่ออยากโขกหัวขอโทษบรรพบุรุษจริงๆ ทางนี้ยังหนักกว่าเดิมเสียอีก เจ้าเด็กคนนั้นจากประวัติที่แอบหามาอย่างลับๆ ทำให้พ่อไมเกรนขึ้น ลำบากแม่ต้องหายาดมมาให้ก่อนพ่อสลบหนีความจริง

   แต่พ่อยังยึดมั่นอย่างเดิม ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้เองและคอยสืบข่าวเป็นระยะ เห็นพ่อปล่อยเจ้าแสบสองตัวอยู่กันเอง ใช่ว่าพ่อจะไม่สนใจ ไม่เชื่อมาถามดูเลยก็ได้ วันนี้วินดื่มกาแฟไปกี่แก้ว วัตทำข้าวเย็นเป็นเมนูอะไร พ่อรู้หมดแหละ แต่จะทำไงได้นอกจากนั่งกุมขมับกับรายงานที่ได้รับ…

   เวลาช่วยเยียวยาทุกอย่างจริงๆ เด็กกลไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็นภายนอก หลังเจอวิน ชินและวัตร่วมมือกันดัดนิสัย ถึงได้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ที่น่าดีใจคือเรื่องหลานที่พ่อตัดใจไปตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนนี้กลับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าลูกคนเล็กมีหลานให้พ่อจนได้ แม้จะออกมาเหมือนพ่อมันมากไปหน่อยก็ตามที เอาน่า ยังไงก็ได้สีตาทางพ่อไปล่ะนะ

   นี่พ่อก็แอบหวังว่าวินกับชินจะยอมมีลูกบ้าง พร้อมกับภาวนาให้ลูกชายคนโตบ้างานน้อยลงกว่านี้อีกสักนิด พ่อละเป็นห่วงสุขภาพจริงๆ ...

   เอาล่ะ เรื่องราวของพ่อก็มีเพียงเท่านี้ ใครสงสัยอะไรก็... ช่างมันแล้วกันเนอะ พ่อไปก่อนดีกว่า

   คึดฮอดกันบ้างเด้อ~
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up พิเศษคุณพ่อ 15/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-04-2016 20:30:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up พิเศษคุณพ่อ 15/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-04-2016 21:02:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up พิเศษคุณพ่อ 15/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-04-2016 21:49:19
คุณพ่อตั้ลล้ากก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up พิเศษคุณพ่อ 15/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 16-04-2016 01:38:48
คุณพ่อน่ารัก ใจกว้างง รักวินกับวัตมากเลยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 01-05-2016 12:44:31
Part9 ดอกไม้กินคน

   ผู้เล่นรับภารกิจนักปรุงยามีทั้งหมดสามปาร์ตี้ แต่ละกลุ่มมีสมาชิกไม่เกินสี่คน สองกลุ่มนั่นมีสมาชิกสี่คนพอดี เว้นเพียงกลุ่มผมที่มีแค่สามและไม่คิดจะหาเพิ่งแม้ว่าตอนเราออกมาจากร้านจะมีหลายคนข้อร้องก็ตาม หากไม่มีภารกิจที่ต้องทำผมคงจะรับคนนอกเข้ามาอยู่หรอก ติดที่เราต้องจับเจ้าคนที่อ้างชื่อผมนี่สิ ถ้ามีคนนอกอยู่จะทำให้เราเคลื่อนไหวลำบาก

   แผนการของผมไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เข้าร่วมภารกิจจับตาดูการเคลื่อนไหวของชายนักดาบที่อ้างชื่อผม โดยมียาล้างคำสาปอยู่ในกระเป๋าของผมและชินเผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน พนักงานสาวคนนั้นแอบให้พวกเรามาแทนคำขอบคุณ

   รายละเอียดภารกิจคือ เราต้องเข้าไปในป่าสมุนไพรที่อยู่ทางซ้ายของเมือง โดยป่าแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปดอกไม้ห้าแฉกหากมองจากมุมบน แยกอาณาเขตด้วยแม่น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา โดยจะแบ่งป่าแห่งนี้เป็น 3 ส่วน

   ส่วนที่ 1 เป็นเขตรอบนอกของป่า จะมีสมุนไพรระดับ 1 – 2 รูปร่างธรรมดาทั่วไป เป็นต้นไม้ ดอกไม้ ราก เมล็ด ซึ่งส่วนใหญ่ภารกิจจาก NPC ในหมู่บ้านจะให้มาหาสมุนไพรในส่วนนี้ และไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น แต่คุณสมบัติในการใช้งานก็น้อยตามระดับ

   ส่วนที่ 2 กลีบดอกทั้งห้า สมุนไพรระดับ 3 – 5 รูปร่างจะเริ่มแตกต่างจากสมุนไพรที่เคยเห็นในโลกความจริง มีความแฟนตาซีมากขึ้น ไม่เพียงแค่พืช ยังนับรวมถึงสัตว์และแมลงที่สามารถนำมาปรุงยาได้ สมุนไพรบางชนิดจะอยู่ที่ตัวมอนสเตอร์ในแถบนี้ มีทั้งแบบไม่โจมตีก่อนและแบบเห็นปุ๊บไล่กระซวกปั๊บ

   สมุนไพรที่ต้องการใช้จะอยู่ในเขตป่าทั้งห้ากลีบ แต่ละกลีบจะมีลักษณ์เด่นแตกต่างกันไป มีความแห้งแล้ง มีความชื้นสูง เป็นป่าโปร่ง จนถึงป่าที่เป็นหนองน้ำซะส่วนใหญ่และป่าที่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกันจนน่าปวดหัว ภารกิจล่าดอกไม้กินคนของพวกเราก็อยู่ในป่าส่วนนี้ กลีบที่ 2 ซึ่งเป็นป่าชื้น

   ส่วนที่ 3 ใจกลางของป่า จุดที่เป็นเกสร มีลักษณะเป็นป่าดงดิบ สมุนไพรอยู่ที่ระดับ 6 – 7 รูปร่างลักษณ์เหนือล้ำกว่าจิตนาการ กระทั่งสมุนไพรมีชีวิตหน้าตาเหมือนคนก็ยังมี บ่งบอกความบ้าของคนรับผิดชอบสร้างเขตนี้ ความโหดของมอนสเตอร์ไม่ต้องพูดถึง มีตั้งแต่กากมากจนถึงระดับอยากจะตายแทนมัน

   ภายในป่าเกสรจะมีจุดหนึ่งเป็นทุ่งดอกไม้หลากสี เป็นที่อยู่ของบอสประจำป่าสมุนไพร ผมเคยเห็นรูปร่างของบอสตัวนี้แล้ว ‘ราชินีพฤกษา’ เป็นหญิงสาวงามดุจนางสวรรค์ เรือนผมสีทองหยักศกยาวจรดกลางหลัง ดวงตาสีม่วงทอประกายไร้ตาขาว ริมฝีปากสีแดงชาด ผิวขาวอมชมพู มือเรียวประสานไว้ตรงหน้าท้อง ช่วงท่อนล่างหายเข้าไปในกุหลาบดอกโตสีแดงสดหยั่งรากลึกทั่วผืนป่า

    เป็นบอสที่ให้ค่าประสบการณ์มาก เหมาะสำหรับผู้ที่ได้คำสาปสายปรุงยาและสายเวทมายา ของตกจากบอสเพียบ ที่สำคัญคือสามารถจับบอสตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงได้!

   สิ่งที่แรกมาจากของดีมากมายคือระดับบอสที่โคตรมหาหิน แค่ตัวบอสเองก็มีระดับ 75 ถือเป็นระดับที่สูงมากในทวีปเริ่มต้น ยังไม่นับรวมภูติดอกไม้ สมุนของนางพญาระดับ 40 อีกหนึ่งฝูงใหญ่ แล้วยังมีความลับสุดยอดอีกหนึ่งอย่าง บอสราชินีพฤกษาเป็นบอสแฝด

   หากจะสังหารให้ตายต้องโจมตีนางพญาทั้งสองพร้อมกัน ซึ่งแฝดคนน้องเป็นดอกกุหลาบสีขาวเรือนผมสีดำ ดวงตาสีแดงจะสุ่มเกิดหนึ่งในกลีบทั้งห้า มีสมุนเป็นดอกไม้กินคนระดับ 35 แม้ความสามารถจะน้อยกว่าแฝดพี่แต่ก็สังหารผู้เล่นได้ง่ายๆ

   ถือเป็นแผนการในอนาคตหลังจากเปิดตัวเกมอย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนให้ผู้เล่นระดับสูงร่วมมือกันมาที่ทวีปเริ่มต้นบ้าง เราจึงแอบซ่อนบอสพวกนี้ไว้ตามจุดต่างๆ ของทวีป

   ไม่ต้องมามองผม ผมไม่เข้าไปหรอก กลุ่มปาร์ตี้ที่มาทำภารกิจคำสาปนักปรุงยาในครั้งนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 20 อย่าว่าแต่บอสเลย แค่มอนสเตอร์ธรรมดาในป่าเรายังรอดยาก เอาไว้ถ้าอยากเห็นบอสราชินีพฤกษาก็มาเล่นเกมกันเอาเองแล้วกันนะ

   เรามุ่งหน้าสู่ป่ากลีบที่สอง ค้นหาดอกไม้กินคนระดับต่ำ เลเวล 15 ที่อยู่รอบนอกของป่า ทั้งที่ควรจะแยกทางใครทางมันแต่ทุกคนกลับยังรวมกลุ่มกันตามเดิม คงจะกลัวว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหาเจอก่อนกลุ่มตัวเองล่ะมั้ง ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องสะกดรอยตามปาร์ตี้ที่มีนักดาบคนนั้นเป็นหัวหน้า

   ป่าชื้นก็ชื้นสมชื่อ พื้นดินชุ่มหยดน้ำเหยียบแล้วเหนอะเท้า เหนียวตัวอีกต่างหาก ต้นไม้ส่วนใหญ่จะไม่สูงมาก มีพวกเฟิร์นพืชชอบอากาศชื้นขึ้นอยู่เต็มไปหมด มองไปเจอเห็ดเจ็ดสีโคตรไม่น่าไว้ใจ บันคีบเอาตัวทากดูดเลือดออกจากแขนตัวเองพลางบ่นอุบอิบ โชคดีที่ผมใส่ชุดมิดชิดเลยไม่โดนตัวทากโจมตีดูดเลือดที่ละ 1 หน่วย

   “ถามหน่อยใครเป็นคนออกแบบทวีปเขตนี้”

   “นายอย่ารู้เลยดีกว่า” ผมตอบด้วยความหวังดี ได้ยินเสียงกรี๊ดมาจากผู้เล่นหญิง สงสัยเจอทากเล่นงานกันทั่วหน้า

   “แฝดนรกไง”

   ชินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะเผาทากจนดิ้นเร่าด้วยไฟจิ้งจอก ทากพวกนี้เลเวล 1 พลังโจมตีน้อยนิดไร้ซึ่งความน่ากลัว สร้างแต่ความรำคาญให้ เว้นกรณีหลงไปดงมันอาจจะตายได้ในทันทีพร้อมความหลอนติดตัว ทากตัวมันเลื่อมสีดำมะเมื่อมเกาะตามผิวดูดเลือดจ๊วฟๆ แล้วตัวบวมเป่งขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปลิงขนาดย่อม ต่อให้จิตแข็งแค่ไหนเจอแบบนี้ทั้งฝูงเป็นผมขอตายดีกว่าอยู่

   ทางบันหลังจากได้คำตอบพลันเหงื่อตก ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

   “คงไม่ใช่เจ้าสองพายุนั่นหรอกนะ”

   เห็นเพื่อนจิตตกเราต้องทับถม

   “เสียใจด้วยที่ฉันต้องบอกว่า ใช่! แผนกของฉันมีแฝดสักกี่คู่กันเชียว”

   บันทำหน้าเหมือนอมบอระเพ็ดยามเห็นเด็กตัวเล็กกำลังมองหางตาอย่างเหยียดหยามเยาะเย้ย ตัวหัวหน้าว่าสยองแล้ว เจอเจ้าแฝดนี่เข้าไปหนักกว่าอีก วินแม้จะทำอะไรตามใจก็อยู่ในคำว่าพอเหมาะพอควร แต่เจ้าแฝดมันไม่ใช่ นิสัยชอบแกล้งก็ที่หนึ่ง หัวสมองไม่รู้มีอะไรอยู่บ้างคิดแต่เรื่องน่าสะพรึง คนที่ห้ามได้ก็มีแค่วิน ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะไฟเขียวให้แฝดสร้างพื้นที่โซนนี้อย่างเต็มที่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะต้องเจออะไรต่อจากนี้

   คนถูกพาดพิงในใจคล้ายจะรับรู้ถึงความจิตตกที่แผ่ออกมาจากเพื่อนตัวเองได้ มือเล็กของเด็กสิบขวบตบขากางเกงอีกฝ่ายเป็นเชิงปลอบ นี่ถ้าเจ้าตัวขนาดปกติคงจะตบบ่าป้าบๆ ไปแล้ว

   “ไม่ต้องคิดมาก ต่อให้ล้ำแค่ไหนก็ต้องผ่านการพิจารณาจากหลายฝ่ายอยู่ดีว่ามันเหมาะสมรึเปล่า อย่างมากก็แค่ตายไปเกิดในเมือง”

   ปิดท้ายประโยคด้วยเสียงหัวเราะเย็นๆ บันเสียวสันหลังวาบ ยิ่งเป็นเสียงเด็กที่ออกจะเล็กแหลมยิ่งหลอนแบบบอกไม่ถูก เขาไม่กลัวเลยเรื่องตายในเกม สิ่งที่จะเจอก่อนตายนี่สิที่น่ากังวล

   ทั้งหมดทั้งสิ้นคงมีแค่ชินคนเดียวดูไม่สะทกสะท้านกับอะไรสักอย่าง นอกจากเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ซาตานตัวน้อยระวังไม่ให้กิ่งไม้มารบกวนได้ ความจริงชินอยากจะอุ้มเดินอยู่หรอก เสียแต่เจ้าตัวไม่ยอม ภายนอกเด็กแต่ข้างในหนุ่มวัยยี่สิบนะ

   เราสามคนเดินเหมือนชมสวนหลังบ้านใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคระหว่างทาง พอดีกว่าอีกสองปาร์ตี้ที่เดินนำหน้าจัดการพวกมอนสเตอร์แมลง พืชไม้ไปจนหมดสิ้น ไม่หลงเหลือมาให้พวกเขาเลยแม้แต่น้อย ดูท่าจะงกไอเท็มกันมาก

   ในที่สุด พวกผมก็เข้าเขตของดอกไม้กินคนสักที พุ่มไม้ทั้งหลายถูกเปลี่ยนไปเป็นดอกไม้สีน้ำตาลช้ำกับกิ่งสีดำแห้งๆ ต้นไม้สูงมีแต่ดอกไม้พวกนี้กลืนกินจนหมด กลายเป็นภาพสวยงามแบบน่าหวาดหวั่นชอบกล

   เหล่าผู้เล่นหญิงเกาะกุมกับทีมของตัวเอง โดยมีพวกผู้ชายคอยกวาดตามองรอบตัวอย่างระมัดระวัง พอเดินลึกเข้าไปพบดอกไม้ขึ้นแทรกจนแทบจะเดินต่อไม่ได้ ต้องใช้อาวุธฟัดพวกมันทิ้ง ยางเหนียวหนืดสีขาวขุ่นไหลออกมาตามส่วนที่ถูกตัด ส่งกลิ่นหอมหวานแบบประหลาด

   ฉับพลัน! ดงดอกไม้ทางด้านขวาเกิดสั่นไหว ก่อนจะลามไปรอบจุดที่พวกเขาอยู่เป็นวงกลมพร้อมกลิ่นเหม็นเน่าโชยมากลบกลิ่นหอมเมื่อครู่จนหมดสิ้น

   สิ่งที่โผล่พ้นออกมาคือดอกไม้สีน้ำตาลอมเหลืองขนาดใหญ่เคลื่อนที่ด้วยเถาวัลย์ ตัวดอกมีความกว้างทั้งหมดเกือบ 6 เมตร มีกลีบใหญ่ห้ากลีบเรียงสลับซับซ้อนกันจนถึงโคน แต่ละกลีบมีปุ่มคล้ายหนามแหลมตะปุ่มตะะป่ำ กลางดอกมีลักษณะเหมือนหม้อลึกให้อารมณ์เหมือนต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง

   “ดอกบัวผุด! ใครมันอุตริเอามาทำมอนสเตอร์วะ!!”

   นักธนูในทีมนักดาบเป้าหมายอุทานหลังเห็นมอนสเตอร์เต็มสองตา เหมือนจะรู้แต่ยังไม่รู้จริง แม้ต้นฉบับมันมาจากดอกบัวผุด แต่อันนี้เป็นเวอชั่นปรับปรุงแล้ว จะโจมตีคนด้วยเถาวัลย์และจะกลืนคนเข้าไปทั้งตัวก่อนหุบกลับปิด ตัวกลีบหนาและเหนียวมาก อาวุธระดับต่ำฟันไม่เข้า ยังโจมตีคนคิดจะออกด้วยหนามตรงกลีบอีก สักพักก็จะปล่อยน้ำย่อยออกมาย่อยร่างคนนั้น สร้างดาเมจต่อเนื่องจนกระทั่งตายเป็นปุ๋ยต้นไม้

   ทำไมผมมายืนนิ่งบรรยายเจ้ามอนสเตอร์ชนิดนี้ได้เป็นฉากๆ น่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่า ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการต่อสู้ ชินและบันเองเริ่มลงมือต้อนดอกไม้กินคนไม่ให้เข้าถึงตัวผม

   “จุดอ่อนมันอยู่ตรงไหนวิน!”

   บันตะโกนถาม ผมหรี่ตามอง

   “จุดอ่อนมันคือเวทมนต์” เอ่ยพลางสาธิตให้ดู มือเล็กยกขึ้นเหนือหัวสร้างดาบจากสกิล Formless สร้างอาวุธจากพลังเวทธาตุมืดแล้วควบคุมให้มันฟันเถาวัลย์จนขาด ก่อนแทงเข้าใจกลางดอกสร้างดาเมจคริติคอลเพราะโจมตีถูกจุดอ่อน มันดิ้นเร้าบิดตัวไปมา แม้จะไม่ทำให้มันตายในทันที แต่ชินกับบันรู้งานจัดการโจมตีซ้ำทันทีที่จุดเดิมจนมันตายในที่สุด

   พอคนอื่นเห็นพวกเราจัดการ คนที่มีอาชีพนักเวทระดมใช้เวทโจมตีโดยมีพวกตีระยะประชิดคอยดึงความสนใจมอนสเตอร์ให้ ปิดท้ายด้วยพวกตีระยะไกลอย่างนักธนู

   ทุกการเคลื่อนไหวของนักดาบอยู่ในสายตาผมตลอด ชายคนนี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีพละกำลังในการโจมตีมากเกินกว่าระดับที่เป็นอยู่ อย่างกับเป็นการสร้างดาเมจของคนเลเวลห้าสิบ ดูท่านอกจากจะอ้างชื่อผู้ดูแลเกมแล้วยังเล่นตุกติกอีก

   ยังเร็วไปที่จะลงมือ ผมส่งข้อความให้แฝดที่เฝ้าระบบอัดภาพสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคอยจับตาดูต่อไป เราต้องลงมือตอนที่ไม่มีคนนอก

   ด้วยความร่วมมือของทุกคนในที่สุดมอนสเตอร์ดอกไม้กินคนทั้งหมดทอดร่างตายบนพื้น จากมอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการแบ่งไอเท็ม

   ผมมองชิน จิ้งจอกดำรู้ตัวดีกางเล็บทั้งสิบกระโดดเหยียบซากดอกไม้ใช้เล็บตัดเอาเกสรที่อยู่ตรงก้นหม้อกลางดอก จังหวะที่ทำคนกำลังง่วนกับการเก็บไอเท็มภารกิจ กลิ่นเหม็นฉุนเริ่มโชยมาอีกครั้ง แถมครั้งนี้กลิ่นยังแรงมากกว่าเดิมจนชินที่จมูกดีกว่าคนทั่วไปยังต้องนิ่วหน้ายกคอเสื้อปิดจมูก พวงหางยาวพองฟูจนน่าขำ หูตั้งตรงอย่างกับพร้อมจะวิ่งหนีจากกลิ่นนี้ได้ทุกเมื่อ

   เพราะมัวแต่ขำจิ้งจอกเลยไม่ระวัง มีบางสิ่งพุ่งออกมาจากหลังแนวไม้ฉุดเอาร่างเล็กของเล็กลอยหวืดกลางอากาศ ความรู้สึกของผมตอนนี้อย่างกับเวลาโดนวัตลากไปเล่นรถไฟเหาะแล้วตกลงในหลุมดำมืดกลิ่นเหม็นฉุน

   สิ่งที่คนอื่นเห็นคือวินในร่างเด็กน้อยถูกเถาวัลย์เกี่ยวเอวลากเข้าปากมอนสเตอร์ดอกไม้กินคนไปต่อหน้าต่อตา ชินกับบันได้สติรีบตามไปโจมตีหมายช่วยเพื่อนสุดชีวิต เจ้าดอกไม้หุบกลีบแน่นนิ่งเสียจนน่ากลัว

   “ป่านนี้คงตายไปแล้ว ฉันว่าพวกนายกลับไปรอที่เมืองดีกว่า พาเด็กมาก็งี้ ตัวถ่วง!”

   นักดาบเป้าหมายของกลุ่มวินเอ่ยพลางมองเยาะเย้ย เขาเองขัดใจแต่แรกที่เด็กคนนี้ได้รับภารกิจทันทีที่เข้าร้านทั้งที่พวกเขามารอกันเป็นวันๆ

   “เป็นนักดาบดีๆ อย่าเปลี่ยนคำสาปเป็นหมาหรือไง ไม่เสือกสิครับ” บันตอบกลับอย่างหัวเสีย กำมือสลับคลายคล้ายอยากจะขย้ำหัวคนแถวนี้

   “เฮอะ! ทำเป็นพูดดี ไอ้พวกที่ตามก้นฉันมาตั้งแต่แรกอย่างพวกนายล่ะ อย่าคิดว่าไม่รู้นะ คงจะหวังพึ่งใบบุญฉันเรื่อง GM ล่ะสิ” สีหน้าแบบข้าอยู่เหนือกว่าทำเอา ผู้ดูแลเกมตัวจริงคิ้วกระตุก ชินกับบันเลิกพยายามช่วยวินหลังได้รับข้อความติดต่อในช่องปาร์ตี้

   ‘ฉันปลอดภัยดี อีกแปบจะฝ่าออกไปได้ ช่วยรั้งพวกนั้นไว้ที’

   ทั้งคู่เข้าใจเจตนาของวิน การทำเรื่องอะไรบางอย่าง มันต้องทำในที่ลับ ภายในป่าสมุนไพรแห่งนี้ น้อยนักจะมีคนผ่านเข้ามา สาเหตุจากมอนสเตอร์และสภาพแวดล้อมมันอันตรายเกินไป สู้ไปเก็บระดับในสถานที่ปลอดภัยยังดีซะกว่า

   หากจะจับนักดาบไปเค้นคอ ต้องแยกออกจากเพื่อนร่วมทีมของพวกนั้น โดยมีสัญญาณลงมือคือวิน!

   ดอกไม้พองตัวราวกับลูกโป่ง เสียงหวีดร้องแหลมสูงจนชินต้องพับหูจิ้งจอกเพื่อลดผลกระทบ เสียงเฉือนดังฉัวะพร้อมมอนสเตอร์ดอกไม้ที่ถูกทลายส่วนกลีบเป็นชิ้นๆ พลังสีดำอัดตัวเป็นรูปดาบโผล่มาเป็นสิ่งแรก ตามด้วยร่างของผู้เป็นเจ้าของ

   ชายผู้มีรูปลักษณ์ดุจทูตสวรรค์ แม้จะสวมเสื้อระดับต่ำก็ยังไม่อาจบดบังความโดดเด่นนั้นได้ เรือนผมสีทองระคอเปียกชุ่มไปด้วยเมือกย่อยของดอกไม้กินคน เขายาวดำโค้งงอไปด้านหลังแสดงหลักฐานของความเป็นปีศาจ ทั้งที่ควรขัดกับภาพลักษณ์ที่เห็นในตอนแรกแต่กลับผสมผสานกันอย่างลงตัว มือเรียวเสยผมอย่างรำคาญ ดวงตาสีเทาปรายมองเหล่าคนที่ตื่นตะลึงอยู่เบื้องหน้า

   ดาบเปลี่ยนรูปเป็นหอกในพริบตา โจมตีมอนสเตอร์ซ้ำทันทีที่เจ้าตัวก้าวลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง เพราะการโจมตีแบบคริติคอลของผมทำให้ดอกไม้กินคนติดสตั๊นชั่วขณะเปิดช่องให้โจมตีฟรีกระทั่งมันตายลงในที่สุด

   “อาชวิน!”

   เสียงตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อจากชายนักดาบ พวกผู้เล่นหญิงดวงตาแทบจะเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจมองหนุ่มหล่อที่เคยเห็นในทีวีกับตามนิตยสารพูดคุยเกี่ยวกับเกมที่พวกเขากำลังเล่น

   เจ้าของนามจงใจแย้มรอยยิ้มส่งสัญญาณมือให้ใช้โอกาสนี้คว้าตัวนักดาบที่เตรียมหนีหลังเห็นหน้าผม การเคลื่อนไหวรวดเร็วของชินเกิดเป็นเงาวูบไหวเพียงพริบตาเดียวนักดาบคนนั้นถูกคว้าตัววิ่งหนีไปอีกทาง

   บันขยับกายบังหน้าผม เขากางแขนออกกว้างมุมปากยกรอยยิ้มร้าย ปีกสีดำเหลือบเขียวถูกกางออกกว้างก่อนจะเริ่มขยับปีกสร้างกระแสลมรบกวนผู้เล่น ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะริมฝีปากเป่าด้วยเสียงที่ได้ยินเฉพาะในหมู่นก

   ก๊า!!

   เสียงก้องร้องพร้อมฝูงอีกาโผล่จากความว่างเปล่าเข้าไปปั่นป่วนเปิดช่องทางหลบให้พวกเรา ผมกางปีกสีขาวบินตามทางที่ชินไปโดยมีบันตามมาด้านหลัง

   “เราควรไปไกลหน่อยมั้ย เผื่อพวกนั้นตามมาทัน”

   บันออกความเห็นขณะบินตีคู่กับผมเหนือยอดไม้ ดวงตาคอยสอดส่องมาหาร่างชินกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

   “ไม่จำเป็น จุดนั้นเป็นจุดเกิดของดอกไม้กินคน พวกนั้นไม่มีเวลาว่างมาหาพวกเราหรอก รีบจัดการให้เสร็จดีกว่า ว่าแต่นายไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะได้คำสาปเทนกุ”

   เอ่ยพลางเหลือบมองคนข้างตัว ปีกสีดำเงาให้ความรู้สึกแข็งมากกว่าคนนกทั่วไป ผมหยิบขวดยาเพิ่มเลือดยกดื่มไปด้วย เข้าไปอยู่ในดอกไม้กินคนเมื่อครู่ใช่ว่าผมจะไม่โดนดาเมจ นี่ถ้าไม่มีขวดเลือดตุนไว้ผมคงตายก่อนจะฝ่าออกมาได้แน่

   “เท่ดีใช่มั้ยล่ะ”

   “เหมาะดี ตัวก่อกวนน่ารำคาญ”

   อีกาสามขายืดอกรับคำชมพลันชะงักเมื่อตีความหมายออกมาจริงๆ แทบจะเกิดศึกนกกลางเวหา หากไม่มีจิ้งจอกจ้องตาเขียวจากด้านล่าง ลำพังชินคนเดียวที่มีระดับพอกับนักดาบไม่สามารถจับอีกฝ่ายให้อยู่เฉยๆ ได้ ผมกับบันจึงร่อนลงไป บันหยิบเชือกจากกระเป๋าที่ไม่รู้พกมาทำไม มัดเป็นห่วงตรงปลาอาศัยจังหวะที่นักดาบกำลังปะมือกับจิ้งจอกเหวี่ยงเชือกคล้องแล้วกระชากบินวนรอบต้นไม้ใหญ่

   ในเมื่อคนเดียวจัดการไม่ไหว มันก็ต้องสามรุมหนึ่งนี่แหละ!

   พวกเราคนยืนมองนักดาบผู้หมดสภาพ

   “เรื่องอ้างชื่อฉันจะถือว่าทำทานให้ แต่เรื่องความสามารถของนายมันเหนือกว่าเกณฑ์ปกติคงต้องขอให้ตอบคำถามกันหน่อย”

   ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเอาโปรแกรมโกงนี่มาจากไหน และต้องจัดการให้เร็วที่สุดก่อนที่ตัวเกมจะเปิดเป็นทางการ

   “ถะ... ถึงเป็นนายมาฉันก็ไม่บอก!”

   ดวงตาสีเทาหรี่มอง รอยยิ้มเมตตาปรากฏบนเรียวปากได้รูป

   “Formless…”

   เสียงนุ่มเรียกสกิลเปลี่ยนเวทมืดให้เป็นแส้หนังดึงจนเกิดเสียงดังเพี๊ยะน่าหวาดเสียว นายบันย่นคอ ชินคิ้วกระตุก ผมดื่มยาจนกลับสู่อายุเดิมทำให้พลังเวทสูงขึ้นตามอายุร่างกายที่ไม่ถูกผนึกไว้ ดังนั้นในการสร้างของจึงใกล้เคียงกับของจริงมากขึ้น

   “นายเป็นผู้ดูแลทำเรื่องแบบนี้กับผู้เล่นได้ยังไง! ฉันจะฟ้องร้อง!!”

   นักดาบดิ้นพล่าน ผมไม่สนใจแม้แต่จะถามชื่อด้วยซ้ำ ก็แค่ตัวประกอบให้รีดเค้นข้อมูลเท่านั้นเอง

   “ฉันในตอนนี้มาในฐานะผู้เล่น ดังนั้นผู้เล่นต่อสู้กันเองถือว่าไม่ผิดกฎ” ยิ่งดูใจดีมากเท่าไหร่ ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น ผมเอียงคอมอง “มาดูกันซิว่า ระดับความเจ็บปวดที่ลดลงจนเหมือนมดกัด ถ้าฉันทำซ้ำๆ นายจะทนได้สักกี่น้ำ”

   ราวกับคำตัดสินโทษ แส้ในมือถูกสะบัดฟาดเกิดเสียงเนื้อกระทบน่าฟัง ผมสั่งให้ชินกับบันสลับกันกรอกขวดยาเพิ่มเลือดให้อีกฝ่ายเรื่อยๆ เวลาที่ถูกฟาดจนเจียนตาย เสียงโหยหวนภายในป่าเกิดเป็นข่าวลือในภายหลังว่าป่าแห่งนี้มีมอนสเตอร์ที่แสนน่ากลัวอยู่

   น่าเสียดายที่อยู่ในเกม แม้จะทำสมจริงมากแค่ไหนก็ไม่ดีเท่าโลกแห่งความจริงผมเลยไม่เต็มอิ่มกับการละเล่นสักเท่าไหร่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานับว่าสมกับค่าเสียเวลา

   สิ่งที่นักดาบคนนั้นคายออกมาหลังจากถูกทรมานร่วมชั่วโมงคือข้อมูลเรื่องโปรแกรมโกงที่ได้มาจากคนรู้จักที่ทำงานอยู่ในบริษัทเกม ดูท่ามันจะแอบดูข้อมูลแล้วแก้ไขไปขายหาผลประโยชน์เข้าตัว เพราะเป็นตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ที่ไม่ขึ้นตรงต่อผมถึงได้เล็ดลอดสายตาแบบนี้ แต่มันจะรอดได้อีกไม่นาน

   ผมพยักหน้าให้สัญญาณชินเชือดนักดาบคนนั้นกลับเมืองไปซะ หลังจากเขาออกจากเกมจะไม่สามารถเข้ามาเล่นได้อีกเป็นครั้งที่สองจนกว่าจะเปิดเกมแบบเต็มตัวถือเป็นการลงโทษ

   “ความจริงฉันก็ต้องไปแจ้งเบื้องบนล่ะนะ แต่ฉันอยากรู้ว่านายจะจัดการยังไงกับคนของนาย”

   ว่าที่ประธานบริษัทถามเพื่อนหัวหน้าแผนกโปรแกรมเมอร์

   “ทางเบื้องบนคงจะไล่ออก ในความคิดฉันอยากเก็บไว้ใกล้ตัวมากกว่า หากไล่ออกไปแล้วไม่รู้จะเข้าร่วมกับคู่แข่งเรารึเปล่า เรื่องลงโทษ… ให้ลดตำแหน่งลง ตัดเงินเดือน เพิ่มเวลาการทำงาน ให้คนเอางานไปถมแล้วเลือกพนักงานที่ไว้ใจได้คอยจับตาดู”

   สิ่งที่กล่าวออกมาจากท่านเทพบุตรซาตานโหดเหี้ยมกว่าการไล่ออกเสียอีก สำหรับคนอื่นการสั่งงานต่อให้หนักแค่ไหนก็ไม่ถึงกับขาดใจได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่กับผมผู้บ้างาน จะปล่อยให้แก้ปัญหาที่ตัวเองก่อ ทำงานจนกระอักเลือดตายมาร้องขอชีวิต

   ความคิดชั่วร้ายในหัว กลั่นกรองออกมาเป็นเสียงหัวเราะน่าสยองในลำคอ คงมีเพียงชินที่พยักหน้ารับมองด้วยสายตาชื่นชม บันเป็นฝ่ายปาดเหงื่อ

   “เอาไว้ฉันจะรายงานเบื้องบนไว้แบบนั้นแล้วกัน ออกจากเกมแล้วพวกนายเตรียมเอกสารเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะ เราคงมีประชุมใหญ่กันเร็วๆ นี้แน่” แค่คิดก็ปวดหัว “โธ่เว้ย ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งเข่ง หลังจากนี้ได้มีการตรวจสอบพนักงานแบบละเอียดยิบแหง งานช้างชัดๆ”

   “บ่นไปยังไงก็ต้องทำ ฝากวิ่งงานด้วยล่ะ” ชินหัวเราะหึในคอปรายตามองเพื่อนร่างใหญ่

   “ฉันเป็นอีกาไม่ใช่นกพิราบสื่อสารเฟ้ย! ไม่คุยกับพวกนายแล้ว เจอกันนอกเกม บรัย”

   ยังจะมาศัพท์วัยรุ่นทิ้งท้าย บันเปิดเมนูเลือกคำสั่งออฟไลน์ออกจากเกม ผมกับชินมองหน้ากันแล้วออกจากเกมเพื่อสะสางงานที่คั่งค้างบ้าง ใครจะไปคิดล่ะว่าออกเกมปุ๊บได้เจอข่าวใหญ่ชวนช็อก

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 03-05-2016 14:39:30
ว๊ากกกกกกกกกก
จะเกิดอะไรขึ้นละเนี๊ย
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-05-2016 00:18:04
ค้างงงงง TT
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-05-2016 01:29:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 04-05-2016 15:14:45
ข่าวใหญอาร้ายยยยยยยยย อยากรู้ๆๆๆๆ ค้างมากค่ะ ฮือออออออออ

ว่าแต่อะไรคือคุณพ่อมีหลานคะ (จากตอนคุณพ่อ) วัตท้องหรอออออออออออออ!! 5555 หรือวันมีกิ๊ก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 05-05-2016 01:17:23
ข่าวใหญอาร้ายยยยยยยยย อยากรู้ๆๆๆๆ ค้างมากค่ะ ฮือออออออออ

ว่าแต่อะไรคือคุณพ่อมีหลานคะ (จากตอนคุณพ่อ) วัตท้องหรอออออออออออออ!! 5555 หรือวันมีกิ๊ก

เป็นฉบับรีไรท์ครับ เนื้อเรื่องเสริมและเปลี่ยนไปพอสมควร เรื่องมีลูกอยู่ในบทส่งท้ายครับ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 06-05-2016 00:52:24
เนื้อเรื่องสนุกมากชอบสุดๆ เรื่องทุกคู่กระจ่าง หมดดีใจที่ไม่ค้างคา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน9 1/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 07-05-2016 23:05:37
 :o8: :o8: :o8: เรื่องนี้สนุกมากกกกก ชอบ ตัวเอกนำเดินเรื่องได้ดีมากค่ะ คนเขียนเขียนมาได้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน10 8/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-05-2016 01:20:28
*ตรวจคำผิดแล้วจะลงซ้ำ รีบลงก่อนแก้ค้าง
Part10 Sweet

   “ย้ายไปสาขาต่างประเทศ!!”

   เสียงประสานจากสมาชิกอันน้อยนิดในแผนกโปรแกรมเมอร์ซึ่งขึ้นตรงโดยอาชวินผู้เป็นแกนหลักในการพัฒนาเกม หลังฟังข่าวชวนอึ้งจากปากหัวหน้าแผนก

   “ฉันเข้าประชุมเรื่องบริษัทเรามีหนอนมา ท่านประธานเลยถือโอกาสแจ้งเรื่องนี้กับฉัน” ชายผมทองเอนหลังพิงพนักดูเหนื่อยล้า มือได้รูปยกนวดคลึงขมับมีชินยืนอยู่เคียงข้างสีหน้าย่ำแย่ไม่แพ้กัน

   “ถ้าคนที่ย้ายไปเป็นหนึ่งในพวกเราก็ไม่เท่าไหร่ ทางนั้นต้องการตัววินนี่สิ” จิ้งจอกหนุ่มคิดอย่างเซ็งอารมณ์ เจ้าพวกนั้นคิดจะใช้วิธีนี้ดึงคนมีความสามารถอย่างวินไปเป็นของตัวเอง

   มันเป็นเรื่องของธุรกิจและผลประโยชน์ของบริษัท ไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้เพราะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะตามมาเป็นลูกโซ่ อยู่สงบมาหลายปี ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเอาตอนนี้

   “ไปแค่ชั่วคราวไม่ใช่เหรอ หัวหน้าไม่เห็นต้องเครียดเลย ถ้ากังวลเรื่องทางนี้เดี๋ยวพวกเราจะช่วยดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”

   วายุเอามือล้วงกระเป๋าเลิกคิ้วมองหัวหน้า แฝดวาโยพยักหน้าเป็นด้วยแต่พี่มะลิไม่คิดเช่นนั้น

   “พี่ว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นนะ ไม่รู้ว่าทางนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เกมกำลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทุกคนทำงานกันหัวหมุนแก้ไขปัญหาภายในเกม แล้วยังต้องเช็คความเรียบร้อยทั้งหลายอีก ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้เราขาดหัวหน้าไปไม่ได้เด็ดขาด”

   “ทางนั้นกำลังตั้งตัวและมีกำหนดการจะนำเกมไปเปิดที่นู่นด้วยนี่ครับ อยู่ในช่วงสำคัญไม่แพ้กัน คงไม่ใช่ไปอยู่แค่เดือนสองเดือน อาจจะอยู่เป็นปีเลยก็ได้” อัคคีที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยปากออกมาท่ามกลางความเคร่งเครียดภายในห้อง ทางนั้นก็สำคัญ ทางนี้ก็ทิ้งไปไม่ได้ ตัววินเองก็อยากจะแยกร่างอยู่เหมือนกัน ถ้ามันทำได้ล่ะนะ

   เกิดความเงียบชั่วขณะ สูญกลางของเรื่องทุกอย่างถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

   “อย่าเป็นห่วงไปเลย ฉันมีทางออก พวกนายแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ”

   ผมปิดประเด็นเพราะมัวแต่นั่งกลุ้มกันอยู่แบบนี้มันไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น สู้เอาเวลาไปทำงานลดภาระของตัวเองดีกว่า พอทุกได้ยินแบบนั้นเลยถอยกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ในห้องจึงเหลือผมกับชินสองคน

   “ฉันสังหรณ์ใจว่าถ้าฉันไป ทางนั้นจะหาข้ออ้างให้ฉันอยู่ที่นั่นต่อไปเรื่อยๆ”

   ผมพูดตามที่คิด อาจจะดูเหมือนหลงตัวเอง แต่นั่นคือความจริง ต่างประเทศนั่นเห็นค่าและให้ความสำคัญกับผู้มีความสามารถมากกว่าในเมืองไทย แม้จะได้สวัสดิการมากมายแต่ใจผมไม่อยากไป บ้านผมอยู่ที่นี่ ครอบครัวผมด้วย ผมนับถือพ่อชะมัดที่สามารถหลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้มาได้ตลอด ระดับของผมในตอนนี้ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อด้วยซ้ำ

   “คิดไว้แล้ว สักวันต้องมาถึง” ชินดูไม่แปลกใจนัก เขาคงเดาได้ตั้งแต่แรก

   “นายนี่นะ ทั้งที่ฝีมือพอกับฉันแต่ชอบทำงานอยู่เบื้องหลัง ปล่อยฉันออกหน้าอยู่คนเดียว ไม่งั้นใครหลายๆ คนคงแห่กันมาแย่งตัวนายแล้ว”

   หันไปมองคนข้างกายแบบปลงๆ ชินยิ้มรับนั่งบนที่วางแขนก่อนจะโน้มกายลงมาหาจนจมูกเราแตะกันคลอเคลีย

   “ทุกสิ่งทุกอย่างฉันทำเพื่อนาย ดังนั้นจะออกหน้าไปทำไม อีกอย่างฉันเป็นของนายแค่คนเดียวเท่านั้น กับคนอื่นมันก็แค่ขยะ...” จิ้งจอกหนุ่มเริ่มฉวยโอกาสขยับกายเข้าใกล้สูดกลิ่นหอมจางอย่างเพลิดเพลินพลางพูดงึมงำข้างใบหูแล้วพูดต่อ “ระดับอย่างนายน่าจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว บอกมาสิวิน จะให้ฉันทำอะไร” วาจาคล้ายคำล่อลวงของปีศาจ เสียแต่ผู้ที่กำลังหยอกล้อด้วยคือซาตาน ผลที่ออกมาจึงไม่น่าอภิรมย์นัก

   “นายรู้ใจฉันเสมอชิน...แต่ไม่ทั้งหมด ฉันไม่ได้ต้องการใช้วิธีรุนแรงในกันตอบปฏิเสธทางนั้น ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้นอีก”

   “อะไร?”

   รับรู้ถึงรางร้ายบางอย่าง ชินผละออกขมวดคิ้วมองคนรัก

   “อย่าทำหน้าดุอย่างงั้นสิ ฉันไม่ไปแน่ ถ้าจะไปต้องไปด้วยความตั้งใจของตัวเองไม่ใช่ถูกสถานการณ์บังคับแบบนี้ คนที่ไปคือนาย”

   บรรยากาศผ่อนคลายถูกทำลายลงในประโยคเดียว ชินชักหน้าเครียด เห็นชัดเจนว่าไม่ยินยอม ความรู้สึกราวกับจะปะทุออกมา แสดงให้เห็นผ่านทางดวงตาแข็งกร้าว เปลี่ยนจากนั่งด้านข้างเป็นยืนจับที่วางแขนกักอีกฝ่ายไว้ภายใน คนถูกคุกคามไม่รู้สึกรู้สา กอดคอนั่งไขว่ห้างแย้มร้อยยิ้มดุจเทพบุตร

   “ฉันจำได้ว่าฉันย้ำกับนายครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไม่อยู่ห่างจากนายเป็นอันขาด คิดว่านายน่าจะจำได้นะอาชวิน”

   น้อยครั้งนักที่ชินจะเรียกชื่อจริง ซึ่งทุกครั้งที่เรียกแบบนี้บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจอย่างแรง ผมผ่อนลมหายใจค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็น

   “อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ฉันเลือกแบบนี้เพราะมีเหตุผลนะ”

   อีกคนยอมรับฟังอย่างสงบ แต่ดวงตาคมหรี่ลงอย่างระแวง ยิ่งรวมกับหางตาชี้นี่มันไม่ต่างจากจิ้งจอกตัวร้ายเลยสักนิด ตาจะดุเกินไปแล้ว! มั่นใจเลยว่า หากใครมาเห็นชินตอนนี้ต้องเผ่นหนีกันหมดชัวร์

   “นายเป็นคนเดียวที่มีความสามารถเท่ากับฉัน” ดูเหมือนยังไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจเท่าไหร่ ปมตรงหว่างคิ้วของชินถึงยังไม่คลายออก ผมเลยเสริมต่อ “แล้วยังมีฐานทางบ้านหนุนหลังด้วย คนพวกนั้นหาข้ออ้างบังคับกดดันนายไม่ได้แน่”

   “ถ้าบอกว่าฉันไม่ไป นายจะทำยังไง”

   ชินมองผมอย่างท้าทาย ผมรู้ ลองเขาถามแบบนี้แสดงว่าตกลงไปแล้วมากกว่าครึ่ง เพียงแค่อยากดื้อดึงอยู่เท่านั้นเอง ใช่ว่าผมอยากให้ชินไปแต่ด้วยความจำเป็นอะไรหลายๆ อย่างผมถึงคิดวิธีนี้ออกมา

   บ้านชินมีฐานที่น่าหวั่นเกรง พ่อของชินเป็นเจ้าของธุรกิจชั้นนำมีสาขาที่ต่างประเทศ ส่วนลุงของเขากลับทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผมไม่ขอเล่ารายละเอียดแล้วกัน สังเกตจากนิสัยของชินน่าจะรู้ หมอนี่เป็นหลานรักของลุง แทบจะหมายมั่นปั้นมือให้เป็นผู้สืบทอดแบบควบสองตำแหน่งทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังด้วยซ้ำ ติดที่พ่อผมดันฉกตัวมาก่อนแล้วเจ้าตัวยังติดผมอีกต่างหาก

   ด้วยเหตุนี้คนพวกนั้นไม่กล้าบ่ายเบี่ยงแน่ ต่างกับผม หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายพ่อจะไม่ยอมขยับตัวเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าเขาขยับทีนั่นหมายถึงใครหลายๆ คนเคลื่อนไหวอีกตามเป็นพรวน อีกอย่างพ่อผมอยากให้ผมแก้ปัญหาด้วยตัวเองมากกว่า

   ทุกวันนี้ผมยังทึ่งอยู่เลย พ่อช่วยเหลือคนมากมายตั้งแต่คนพวกนั้นยังอยู่ในโคลนตมจนยิ่งใหญ่ หลายคนมีอำนาจอยู่แล้วยังไม่พ้นมีหนี้บุญคุณกับพ่อ

   ผมเคยถามสาเหตุของเรื่องนี้ พ่อพูดเพียงแค่ว่ามันเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อช่วยคนหนึ่งย่อมเกี่ยวข้องถึงอีกคน แผ่ขยายไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จนถึงทุกวันนี้พ่อก็ยังไม่หยุดที่จะช่วยเหลือคนอื่น ถึงแม้บางครั้งจะไม่ได้ลงมือช่วยด้วยตัวเอง แต่ก็ช่วยเป็นปากเสียงให้เสมอ

   ความสามารถด้านวาทะศิลป์ มันคือพรของตระกูล ‘พจนินท์ เจ้าแห่งถ้อยคำ’ ของเราโดยแท้

   “คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงเงียบไปล่ะวิน”

   ผมหลุบตาลง ก่อนจะมองสบดวงตาอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

   “แค่คิดไปเรื่อยเปื่อย นายถามฉันว่า ถ้านายไม่ไปฉันจะทำยังไงสินะ” ชินพยักหน้ารอฟังคำตอบจากผม

   “ฉันก็คงจะต้องไปเอง นายก็รู้ดีว่าฉันเป็นพวกบ้างานแค่ไหน บางทีต่อให้พวกนั้นไม่รั้งฉันไว้ ฉันอาจเป็นคนที่ตัดสินใจจะอยู่ที่นั่นต่อก็ได้จนกว่างานจะเรียบร้อย เมื่อถึงเวลานั้นคนที่ลำบากที่สุดน่าจะเป็นนายนะชิน...เลือกสิ ระหว่างนายไปด้วยตัวเองเพียงแค่ไม่กี่เดือน กับฉันไปโดยไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

   เสียงกระซิบของผู้ที่อยู่เหนือกว่าปีศาจ ช่างมีพลังทำลายต่างกันราวฟ้ากับเหวนรก ภายนอกจะนิ่งเฉยต่างจากนัยน์ตาของชินที่กระตุกวูบอย่างเห็นได้ชัด

   “นายมันร้ายกาจ รู้ทั้งรู้ว่าฉันปฏิเสธนายไม่ได้ นายก็ยังดึงดันที่จะให้ฉันทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการที่สุด”
   
   “ฉันต้องเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง รวมถึงนายด้วย คิดว่ามีแค่นายคนเดียวหรือไงที่ไม่อยากแยกจากกันน่ะ แม้จะแค่ชั่วคราวฉันก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับจิ้งจอกของฉันหรอก” สองมือยื่นไปประคองใบหน้าคมคาย เอ่ยปลอบกับคนที่กำลังมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ

   “ตอนนี้ฉันยังมีกำลังไม่มากพอที่จะต่อรอง ต่อให้เราเก่งกาจแค่ไหน ความจริงเรื่องการเป็นพนักงานกินเงินเดือนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ความฝันของพวกเราสามคนที่จะสร้างเกมที่เหนือกว่าใครและทำให้ทุกคนสนุกไปกับมัน จำเป็นต้องพึ่งพวกเขา นายเข้าใจฉันใช่มั้ยชิน”

   พวกผมลงแรงกันไปมาก ความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อม ไม่สามารถทิ้งมันไปได้จริงๆ เงียบไปนานกว่าชินจะยอมเปิดปากพูดอีกครั้ง

   “ได้... ฉันจะทำตามที่นายต้องการ ขอบอกไว้เลยนะว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะยอมแยกจากนาย หลังจากนี้ต่อให้มีใครต้องตายหรือทุกอย่างจะพังทลายลงฉันก็ไม่สน”

   “เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก... ฉันขอให้นายทำงานได้อย่างราบรื่นแล้วกลับมาหาฉันไวๆ หากมีปัญหาจัดการได้เลยด้วยวิธีของนาย ฉันปลดโซ่ให้แล้ว อยู่ที่นั่นนายไม่ได้อยู่ในความควบคุมของฉัน”

   “มันคือคำอวยพรจากซาตานรึเปล่า” ชินถามตาวาววับ

   “จะว่างั้นก็ได้ ว่าแต่นายเข้าใจผิดไปรึเปล่า คนทั่วไปต้องขอพรจากพระเจ้าไม่ใช่รึไง” ผมถามปนขำ หวังว่าชินคงไม่นึกบ้าเปลี่ยนตัวเองไปอยู่ลัทธิบูชาซาตานหรอกนะ ถ้าเป็นงั้นจริงจะจับเข้าวัดซะให้เข็ด จะได้เลิกฟุ้งซ่าน

   “พระเจ้าไม่ได้เป็นแรงใจของฉันสักหน่อยนายต่างหากที่เป็น” เจ้าตัวมองผมด้วยสายตาคาดหวังอะไรบางอย่าง “วิน อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมง่ายๆ ก่อนจะไปนายต้อง...”

   ท้ายประโยคไม่ทันพูด ผมยกมือแตะเสียก่อนเพราะที่หน้าประตูมีเสียงแรกของบัน คงจะมาคุยเรื่องงานกับถามเรื่องส่วนตัวอย่างเคย ชินทำหน้าขัดใจ จ้องเขม็งไปทางประตู คงอยากใช้กรงเล็บจิ้งจอกฉีกทึ่งอีกาเป็นหมื่นชิ้น ผมเคยบอกว่าบันเป็นตัวก่อกวนผิดที่ไหน

   “ใจเย็นก่อนสหาย ฉันรู้ว่านายต้องการอะไร”

   ชินเปลี่ยนสีหน้าหันกลับมามองผมทันที ราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา

   “หมายความว่านายโอเคใช่มั้ย?” อยู่ในเกมคงได้เห็นหางจิ้งจอกส่ายแทบหลุดกันบ้างล่ะ

   “อ่าฮะ แต่หลังจากงานเสร็จนะ อย่าทำหน้าเหม็นเบื่อแบบนั้นสิ ไม่ใช่งานทั้งหมดสักหน่อย เอาเฉพาะงานใหญ่ๆ ที่มีอยู่ตอนนี้ พอถึงวันที่นายจะออกเดินทางเมื่อไหร่ ฉันจะลาหยุดอยู่กับนายเต็มๆ สามวันเลย”

   “น้อยไป ฉันขอหนึ่งอาทิตย์”
   
   เจ้าจิ้งจอก ได้คืบจะเอาศอก คิดจะหือกับเจ้านายงั้นรึ ฝันหวานไปแล้วพวก!

   “สามวัน ถ้านายต่อรองอีก ฉันจะลดให้เหลือแค่สามนาที” วาจาไร้เยื่อใยทำให้จิ้งจอกขัดใจ มีหรือที่ชินจะไม่รู้ว่าวินเองก็อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันก่อนจะแยกไปไกล ไม่งั้นไม่ลงทุนสละเวลาทำงานอันแสนมีค่าไปหรอก เพื่อลงโทษคนปากแข็ง ชินเลยคว้าอีกฝ่ายมาประกบปากแบบไม่หักห้ามใจอะไรอีก

   เรียวลิ้นไล้ริมฝีปากก่อนแนบสนิท สอดพัวพันดูดดื่มลิ้มรสอีกฝ่ายอย่างกระหายเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ เสียงหอบหายใจสะท้านดังชัดเจนอยู่ในห้อง มีหรือระดับอย่างซาตานวินจะปล่อยให้ลุกล้ำอยู่ฝ่ายเดียว ปฏิบัติการณ์ตอบโต้กลับอย่างไม่น้อยหน้า ก่อนที่อะไรมันจะเตลิดมากไปกว่านี้ ประตูถูกเปิดออกพร้อมคนหนึ่งก้าวเข้ามา

   “โว้ว!! ฉันก็ว่าทำไมพวกนายถึงไม่ยอมเปิดประตูให้ซักที น้อยๆ หน่อยพวก ฉันไม่อยากดูหนังสดในบริษัทตัวเองหรอกนะ”

   โชคดีที่เป็นประตูแบบอัตโนมัติ พอคนเข้ามาก็เลื่อนปิดสนิททันทีไม่ทำให้ลูกน้องในแผนกเห็นฉากพลอดรักของหัวหน้ากับท่านรองภายในห้องทำงาน

   ดวงตาสองคู่ปรายมองตัวมารความสุข ยอมผละออกจากกันแต่โดยดี ยามริมฝีปากถอนออกยังทิ้งน้ำเชื่อมใสระหว่างลิ้นทั้งสองฝ่ายจนบันหน้าขึ้นสี ทั้งที่เขาไม่ใช่พวกอินโซเซ้นท์แท้ๆ แต่เจ้าพวกนี้มันหน้าด้านหน้าทนเกินไป!

   “อะแฮ่ม! ช่วยดึงสติกลับมาแล้วคุยงานกันก่อน ฉันจะมาบอกเรื่องเจ้าพนักงานดวงกุดคนนั้น กับมาทวงคำตอบว่าใครจะไปสาขาต่างประเทศ”

   ผมรับฟังอย่างสงบ ปล่อยให้ชินหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับน้ำใสตรงมุมปากให้ผม ส่วนตัวเองดันเลียริมฝีปากราวกับไม่อยากจะเสียรสหวานไปแม้แต่เศษเสี้ยว เมินท่าทางหมั่นไส้จากบัน

   “เรื่องแค่นี้นายไม่เห็นต้องมาด้วยตัวเองเลยนี่ ส่งข้อความมาก็ได้”

   “ถ้าฉันส่งข้อความมาคงไม่ได้เห็นหนังสดหรอก...” เสียงพึมพำไม่สามารถเล็ดลอดโสตการรับฟังของพวกเราสองคนได้ พอโดนจ้องมากๆ เข้าเหมือนเพิ่งระลึกว่าหลุดปาก เจ้าตัวทำหน้าเหลอหรารีบเฉไฉไปเรื่องอื่น

   “จะอะไรก็ช่างเถอะ! พวกนายจะบอกฉันได้รึยังว่าใครจะไป” ตัวอย่างกับหมีควายทำสะบัดสะบิ้งมีแต่น่ายันด้วยฝ่าเท้า หากไม่ติดว่าอยู่ในบริษัท เท้าผมคงลอยไปประดับอกของบันมันแล้ว ความจริงเรื่องนี้เบื้องบนไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบสักหน่อย มันหาเรื่องมาหาพวกผมมากกว่า แต่เอาเถอะ ตอบๆ มันไป เผื่อมันจะไปที่ชอบๆ

   “ชินเป็นคนไป”

   “ไม่แปลกใจเท่าไหร่” ลูกเจ้าของบริษัทพยักหน้ารับหงึกหงัก เขาเองก็คิดอยู่ ส่งชินไปน่าจะเป็นความคิดที่ดีกว่า

   “เฮ้อ... ไหนๆ ก็มาแล้วคุยเรื่องงานต่อเลยแล้วกัน ก่อนหน้านี้นายบอกจะมาคุยเรื่องพนักงานคนนั้นใช่มั้ย ฉันเองก็มีเรื่องให้นายไปช่วยพูดกับแผนกอื่นพอดี”

   ผมชวนบันนั่งคุยเรื่องงานกันอย่างจริงจังสามคน หลังปรึกษากันเสร็จ ผมเกริ่นเรื่องที่จะขอลาหยุดสามวัน บันพยักหน้ามองผมสลับกับชินอย่างเข้าใจ ตบบ่าพวกเราก่อนไปทำงานของตัวเองต่อ เห็นแบบนี้เจ้าอีกามีงานไม่น้อยกว่าพวกผมเลย

   ตลอดสามวันในก่อนที่ชินจะขึ้นเครื่อง พวกเราตัดสินใจจะกลับไปใช้เวลาอยู่กับวัต พอตกกลางคืนผมให้เวลาชินเต็มที่ เรื่องทางบ้านชินไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผมไล่เขาไปบอกพ่อแม่ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว

   “พี่ชินจะไปพรุ่งนี้ใช่มั้ยครับ”

   น้องชายสุดน่ารักเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังจะบินลัดฟ้า ส่วนผมนั่งเล่นอยู่บนโซฟามองวัตกับชินล้างจานอยู่ในครัว รู้สึกผิดเหมือนกันที่ทิ้งน้องชายอยู่บ้านคนเดียว อาทิตย์หนึ่งผมกลับบ้านแค่ไม่กี่ครั้งเองมั้ง ยิ่งอนาคตผมอาจจะสิงสถิตที่บริษัทเลยด้วยซ้ำ ช่างน่าสงสารน้องชายจริงๆ

   “อืม ดูแลวินด้วยนะ อย่าให้ดื่มกาแฟเยอะเกินไป” เจ้าเด็กแสบหัวเราะเสียงใส ผมกลอกตา อย่างกับวัตจะบุกไปถึงบริษัทห้ามผมดื่มกาแฟได้งั้นแหละ

   “พี่ขออะไรที่มันยากเกินไปแล้ว! บอกให้ผมช่วยดูแลบ้านดีๆ ยังจะง่ายซะกว่า”

   น้องชายผมช่างเป็นพ่อศรีเรือนอะไรขนาดนี้ อยู่ประถมก็ทำอาหารเป็น งานบ้านเนี๊ยบยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ใครได้เป็นแฟนสบายตายเลย แต่เจ้าแฟนคนนั้นมันต้องผ่านผมกับชินหลายๆ ด่านหน่อยล่ะนะ! ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม

   “วัต ล้างจานเสร็จแล้วขึ้นไปอาบน้ำนอนซะ พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่รึไง”

   ผมออกปากไล่หลังเห็นนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม

   “ผมไม่ใช่เด็กอนามัยนอนแต่วันสักหน่อย แต่เห็นแก่พวกพี่อย่างมีเวลาส่วนตัวสองต่อสอง ผมจะเป็นเด็กดีสักวัน เข้าห้องปิดไฟนอนไม่แอบดูแอบฟังอะไรแล้วกัน”

   เด็กทะลึ่งแลบลิ้นหลังโดนชินมะเหงกใส่ ผมลุกขึ้นไปคว้าคอมากอดขยี้หัวให้ยุ่งเป็นรังนกด้วยความหมั่นไส้แล้วเตะส่ง(แบบออมแรงสุดๆ)ให้ขึ้นไปชั้นบน ข้างล่างจึงเหลือเพียงผมกับชิน

   “ชิน ไปอาบน้ำห้องฉันไป พรุ่งนี้นายเองก็ต้องตื่นเช้า เดี๋ยวฉันล็อกบ้านเอง”

   ออกปากสั่งด้วยความเคยชิน ยังไม่ทันจะเดินไปถึงประตูบ้าน ใครบางคนก็เข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากร้อนแนบจูบรอยสักแมวฝีมือนายบันแถวท้ายทอยของผมเล่นเอาขนลุกซู่จนต้องแทงศอก อีกฝ่ายดันรู้ทันถอยฉากหลบหัวเราะในลำคอ

   “ใจร้าย คนจะไปอยู่พรุ่งนี้ ช่วยอ่อนโยนกันหน่อยสิ”

   “พูดมากหน่า จะเอามั้ยคืนนี้”

   “เอาสิ! เดี๋ยวฉันจะรีบขึ้นไปอาบน้ำตัวหอมๆ นอนรอนายบนเตียงนะ อย่าช้านักล่ะคุณซาตาน ช่วยมอบกำลังใจให้อัศวินคนนี้ก่อนออกเดินทางหน่อย”

   มือหนารั้งใบหน้าผมไประดมจูบแล้วเผ่นขึ้นชั้นบนตามวัตไป ผมยกแขนเช็ดนายลายบนหน้า นี่สินะที่เขาเรียกว่า เล่นกับหมา หมาเลียปาก ต่างแค่ไม่ใช่หมาธรรมดา แต่มันคือหมาจิ้งจอกตัวร้าย ผมส่ายหัวระอาอาการกระดี้กระด๊าจนเกินเหตุของชิน แกล้งเดินทอดน่องปิดประตูเชื่องช้า คุยกับเพื่อนข้างบ้านที่เพิ่งกลับ เช็คหน้าต่างทีละบาน กว่าจะเสด็จได้กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

   เปิดประตูห้องปุ๊บ จังหวะเดียวกับที่ชินกำลังจะออกมาพอดี ประเด็นคือมันออกมาตัวเปล่า เปล่าจริงๆ เปล่าเปลือย! ไอ้จิ้งจอกบัดซบ!! ผมยกเท้ายันกล้ามพุงมันเข้าไปในห้อง หันไปมองประตูห้องวัตที่อยู่ติดกันแบบหวาดๆ พอเห็นว่าสงบไม่มีวี่แววของน้องชายค่อยถอนหายใจโล่งอก ถ้าเกิดน้องผมเจอภาพอุจาดตาจนนอนไม่หลับ ผมจะกระทืบชินเป็นของฝากก่อนจาก

   “อย่าใจร้ายนักสิ ทำไมนายมาช้าจัง”

   พูดอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องกอดขาผมแล้วลูบขึ้นบน ผมชักขากลับสงบสติอารมณ์ไม่ให้ก้านคอคน

   “ไม่อาบผีสางเทวดาเลยรึไง”

   “ก็บอกแล้วว่าจะอาบน้ำนอนรออย่างดี นี่ไงเปิดแอร์เย็นฉ่ำแบบที่นายชอบ”

   “อาบน้ำก่อนค่อยว่ากัน” ผมโบกมือไล่พลางถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ชินแสนอารมณ์ดีอาสาจะอาบน้ำให้ผม ช่วงแรกยังอาบน้ำกันดีอยู่ ผ่านไปไม่กี่นาทีมือจิ้งจอกเริ่มเลื่อยเปลี่ยนสปีชีส์เป็นหนวดปลาหมึก ผมแสยะยิ้มมุมปาก กระชากแขนคนที่อยู่ขอบอ่างในลงมาแช่ด้วยกัน

   ปลุกปล้ำจนน้ำกระฉอกนองพื้นห้องน้ำ ปล่อยตัวปล่อยใจใช้เวลาเต็มที่กับชิน ทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้เบื้องหลังให้หมด สนใจเพียงสัมผัสที่มอบให้

   ยามอยู่บนเตียง ใต้แสงไฟที่ส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง ดวงตาสองคู่มองสบ ร่างกายเร่าร้อนจนแทบลุกไหม้ ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจสะท้านกับเสียงขยับกายสร้างความสุขสมจนแทบหลอมละลาย

   “ชิน...”

   “ฉันจะรีบกลับมา” ริมฝีปากแนบจุมพิตหน้าผากชื่นเหงื่อ ปอยผมเปียกชื้นถูกปัดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าชัดเจนก่อนร่างกายจะถูกอีกคนผลักวูบย้ายมาอยู่ด้านล่าง เปลี่ยนชายผมทองให้เป็นผู้คุมเกม

   “ตั้งใจทำงานล่ะหนูน้อย”

   “อืมม.. รับทราบ”

   แทนรางวัลของเด็กดี ปลายนิ้วเรียวเชยคางมอบจูบหวานล้ำ  ขยับกายสร้างความวาบหวานต่อจนเกือบรุ่งเช้า... เมื่อถึงเวลา จิ้งจอกหนุ่มจำต้องผละจากความอบอุ่นจากเรือนร่างของอีกคน อาบน้ำชำระกายสวมเสื้อผ้าทับรอยแต้มแดงทั่วร่างกาย

   ก่อนไปยังวนเวียนอยู่ภายในห้อง เตียงนุ่มยุบลงตามน้ำหนักตัว ร่างสูงโน้มกายลงจุมพิตริมฝีปากหยักสวย

   “Morning sweet heart.”

   ไออุ่นผละจากไป เสียงประตูปิดบ่งบอกว่าใครอีกคนกำลังจะออกเดินทาง ดวงตาที่ปิดสนิทเปิดออกเผยให้เห็นแววตาลึกซึ้ง

   “Good luck darling.”

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน10 8/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-05-2016 01:56:30
รักกันแบบโหด
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน10 8/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-05-2016 07:21:34
อยากอ่านแรกรัก ของวิน ชิน อ่ะ นะ นะ ขอร้องละ   :ling1:
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน10 8/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-05-2016 07:59:29
อยากอ่านแรกรัก ของวิน ชิน อ่ะ นะ นะ ขอร้องละ   :ling1:
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

กำเนิดซาตานวินก็เป็นเรื่อวราวของชินวินตั้งแต่เด็กยันโตนะครับ เปิดอ่านที่สารบัญหน้าแรกได้เลย
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน11 22/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 22-05-2016 00:27:29
Part11 ไออุ่น

   ชินไปแล้ว เหลือแค่ผม...

   ผมเลือกที่จะไม่ไปส่งชินที่สนามบิน เพราะหากไปไม่ผมก็มันคงตัดใจกันไม่ได้ ชินเองรู้เรื่องนี้ดีถึงออกจากบ้านแต่เช้า ลาผมที่กำลังนอนหลับ พวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็กยันโต ไม่เคยห่างกันเกินหนึ่งอาทิตย์ คราวนี้ชินต้องไปเป็นเดือนหรืออาจจะเป็นปี บอกตามตรง ผมใจหาย

   แต่ทำยังไงได้ ผมเป็นคนบอกให้เขาไปเอง ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา การมานั่งคร่ำครวญอ่อนไหวนั่นมันเรื่องไร้สาระสู้เอาเวลาไปเคลียร์งานดีกว่า

   เสียงผ่อนลมหายใจดังขึ้นหลังคิดตก เจ้าตัวผุดลุกจากที่นอน ทิ้งผ้าห่มร่วงลงกองบนตัก ผิวกายขาวมีรอยแต้มแดงระบายอยู่ทั่วราวกับเป็นผลงานของจิตกรชั้นเอก ใบหน้าแฝงความอิดโรย เรือนผมทองยุ่งเหยิงปลกดวงตาปรือปรายให้ดูซ่อนเร้นน่าค้นหา แม้จะทำงานอยู่หน้าจอแต่รูปร่างสมส่วนพอมีกล้ามเนื้อไม่แห้งลีบหรืออวบอ้วนเหมือนคนอื่นในสายงานเดียวกัน

   “พี่วิน!”

   เสียงตะโกนและเสียงตึงตังจากฝีเท้าคนตื่นสายวิ่งขึ้นมาบนชั้นสอง เปิดประตูห้องนอนพี่ชายแบบไม่เกรงใจ รีบพูดรัวด้วยความเร่งรีบ ก่อนเสียงทิ้งช่วงเบาลงในท้ายประโยค

   “ผมจะไปเรียนแล้วนะ ข้าวเช้าอยู่บน...โต๊ะ”

   ภาพพี่ชายนั่งบนเตียงหน้าอึนบนเตียงในสภาพเปลือยเปล่า ผ้าห่มปิดหมิ่นเหม่แถวสะโพกน่าหวาดเสียว น้องชายกลืนน้ำลายอึกด้วยความหวาดหวั่น หากใครมาเห็นพี่ชายในสภาพนี้ร้อยทั้งร้อยต้องพุ่งเข้าไปกระทำชำเราเป็นแน่แท้ พี่ชินฝากฝังให้ดูแลอยู่ด้วยสิ ไม่งั้นเดี๋ยวอดของฝากจากต่างแดน

   “อย่ามัวทำหน้าง่วงอยู่พี่ ลุกขึ้นเร็ว ไปอาบน้ำแต่งตัวล้างหน้าแปรงฟันมากินข้าว ถ้าจะนอนค่อยนอนต่อที่หลัง ไม่สิ พอกินเสร็จแล้วต้องนั่งพักก่อนสักชั่วโมงแล้วค่อยนอนนะ เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน”

   เปลี่ยนร่างน้องชายกลายเป็นแม่ วัตทำใจปลงว่าวันนี้ต้องไปสายแน่ๆ เดินเข้าไปฉุดแขนคนสูงกว่าให้ลุกขึ้น อีกคนช่างไม่ให้ความร่วมมือนั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหว

   “จะไปเรียนก็ไป”

   มือใหญ่จับหัวทุยโยกไปมา

   “แล้วพี่ล่ะ” วัตถามด้วยความเป็นห่วง เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่ชินออกไปด้วยใบหน้าสดชื่นส่วนพี่ชายตัวเองมานอนเปื่อยเป็นผักอยู่ตรงหน้า

   เห็นพี่ชายทั้งสองแสดงความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมาตั้งแต่จำความได้ เลยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้นยามเห็นพี่วินในสภาพนี้ ออกจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียด้วยซ้ำ ในอนาคตวัตคงนึกขอบคุณพวกพี่ที่สร้างภูมิต้านทานให้จนสามารถต่อกรกับเจ้าเด็กกลได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ

   “ขอนอนอีกสักตื่น วัตไปเรียนซะ เดี๋ยวสาย”

   เสียงยามเพิ่งตื่นอู้อี้แหบพร่า พร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆ ไหลลงไปนอนห่มผ้าตามเดิม ทีแรกเจ้าตัวคิดจะตื่นไปทำงาน พอลุกขึ้นนั่งร่างทั้งร่างพร้อมใจกันประท้วงแสดงอาการปวดเมื่อยออกมา อย่าว่าแต่ไปบริษัทเลย แค่ลุกจากเตียงก็ลำบากแล้ว คงต้องโทรไปขอลาหยุดอีกสักวัน

   “พี่ไหวแน่นะ ไม่สบายรึเปล่า”

   วัตใช้มือปัดผมด้านหน้าขึ้น แนบหน้าผากกับพี่ชายเพื่อวัดไข้ ก่อนจะคลายปมตรงหัวคิ้ว ไม่มีไข้ โดยรวมเหมือนคนนอนไม่พอกับอ่อนเพลียเท่านั้น

   “พี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก แต่ถ้าเรามัวโอ้เอ้ พี่มั่นใจว่าอาจารย์ต้องทำให้เรางานเข้าแน่ๆ”

   ถูกพี่ชายขู่มาแบบนี้ วัตจำต้องถอย กวาดตามองสำรวจรอบสุดท้ายแล้วขอตัวไปมหาลัยในที่สุด

   ผมนอนหลับยาวจนเกือบเที่ยงค่อยฟื้นสภาพลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวลงมาชั้นล่าง เห็นถ้วยข้าวต้มปิดแรปอยู่บนโต๊ะพร้อมกระดาษโน๊ตจากน้องชายหนึ่งแผ่น ให้ดึงแรปทิ้งก่อนเอาเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นกิน วัตไม่เสี่ยงให้พี่ชายเปิดเตาอุ่นข้าวต้มแน่นอน เพราะเขายังไม่อยากกลับมาเก็บกวาดห้องครัวครั้งใหญ่

   ผมใช้เวลาหยุดหนึ่งวันสำหรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ พอวันต่อมาก็กลับไปทำงานทันที ไม่คิดหยุดเพิ่มตามที่บันเสนอ เพราะอยู่บ้านผมก็ไม่รู้จะทำอะไร ในเมื่อคนที่เป็นลูกมือผมไม่อยู่ จะทำคนเดียวก็น่าเบื่อ ขนาดที่บริษัท อะไรๆ ก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไหร่

   ชายผมทองนั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ขนาดอัคคีที่ว่ารับหน้าได้ดีที่สุดรองจากชินยังมีอาการทำตัวไม่ถูก

   “ตรงนี้ฉันบอกให้แก้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมผลมันยังออกมาเป็นแบบเดิมอีกล่ะ แล้วนี่อะไร เกมจะเปิดตัวอยู่แล้ว ใครมันบ้าสร้างอะไรเพิ่มอีก มีใครติดต่อไปแผนกบุคคลรึยัง เล่นโยกย้ายพนักงานแบบนี้พวกเราประสานงานลำบากนะ!” ผมบ่นอย่างหัวเสียหลังอ่านรายงานทั้งหมดที่อยู่บนหน้าจอ

   “ชินขอกาแฟหน่อย ถ้าไม่ดื่มฉันทำงานต่อไม่ได้แน่” สั่งด้วยความเคยชิน มีเพียงความเงียบเป็นเสียงตอบรับ เหล่าลูกน้องในแผนกพากันมองหัวหน้าตาปริบๆ คนพูดเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าหลุดอะไรออกไปยกมือลูบหน้าผ่อนลมหายใจหนัก ปรับน้ำเสียงจากฉุนเฉียวเป็นระดับปกติ

   “อัคคีสรุปผลการปรับปรุงเกมมาให้ฉันด้วย วายุ วาโย พวกนายเลิกสร้างเรื่องเพิ่มได้แล้ว ไปช่วยพี่มะลิแก้ไขระบบซะ พี่มะลิผมฝากคุมเจ้าแฝดที จ่ายงานให้พวกพนักงานไอทีกลุ่มอื่นๆ ด้วย”

   ทุกคนจดจำคำสั่งไม่มีใครกล้าขัดแม้แต่คนเดียว ขนาดแฝดที่ชอบทำอะไรนอกลู่นอกทางยังสงบเสงี่ยม

   “ให้พี่ไปชงกาแฟให้มั้ยคะ”

   พี่มะลิเสนอด้วยความหวังดี ผมแค่ยิ้มรับแล้วส่ายหัว

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ”

   เจ้าของเรือนผมสีทองอ่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปยังโซนพักผ่อน ทุกคนมองตามแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวจนเลี้ยวหายไปตรงหัวมุม

   “ตั้งแต่รองหัวหน้าไม่อยู่ บอสอาการหนักขึ้นทุกที ปล่อยไว้แบบนี้จะไม่เป็นไรเรอะ” วาโยเอ่ยปากอย่างกังวล

   “งานทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาหนิ ไม่เป็นไรหรอก...มั้ง” อัคคีพูดไม่เต็มเสียงนัก

   “ไม่มีสิ่งใดเยียวยาได้ที่เท่าครอบครัว คงต้องบอกให้หัวหน้ากลับบ้านไปให้น้องชายเยียวยาจิตใจ” หญิงสาวยกมือแตะแก้ม อีกสามหนุ่มมองด้วยสายตาคัดค้าน หัวหน้าไม่ได้อกหักซักหน่อย!

   ฝั่งคนที่โดนเป็นห่วงกำลังลงมือชงกาแฟเงียบๆ เพียงลำพัง กลิ่นหอมของกาแฟทำให้ใจสงบ พอยกขึ้นจิบ รสชาติมันช่างแตกต่างจากเวลาที่อีกฝ่ายชงให้

   พวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกันเลย เพราะต่างคนต่างยุ่งวุ่นวายกับงาน ยิ่งทางนั้นกำลังวางฐานระบบสำหรับเกมนี้ ทำให้ชินงานยุ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ขนาดเวลานอนยังแทบไม่มี ผมเลยติดต่อกับชินผ่านทางเมล์เท่านั้น เนื้อหาในข้อความส่วนใหญ่จะเล่าว่าที่นั่นเป็นยังไง ทำอะไรไปแล้วบ้าง ผสมกับบ่นอีกนิดหน่อย ปิดท้ายด้วยวาจาหวานเลี่ยนซึ่งโดนผมตอกกลับอย่างไร้เยื่อใยเป็นประจำ

   เจ้าจิ้งจอกไม่เคยสำนึก นับวันยิ่งพิมพ์ข้อควานชวนอ้วกมากขึ้นทุกที พอดีเลย วันนี้ยังไม่ได้ตอบข้อความกลับ แกล้งสักหน่อยเพื่อให้ชีวิตสดใสดีกว่า

   นิ้วยาวจัดการรัวพิมพ์ข้อความบนมือถือแล้วกดส่ง ก่อนจะกลับไปทำงานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ฝั่งคนรับเพิ่งผละจากการคุยงานพอดี หยิบมือถือขึ้นมาเช็คตามความเคยชิน เห็นแจ้งเตือนข้อความใหม่ หากเป็นคนอื่นเจ้าตัวคงปิดทิ้งไม่สนใจ ไว้ค่อยเช็คเอาตอนช่วงพัก แต่สำหรับคนๆ นี้ไม่ได้เด็ดขาด

   สิ่งที่เห็นคือข้อความสั้นๆ แต่มีพลังทำลายล้างสูง เกือบทำให้จิ้งจอกหนุ่มอยากจะเหาะกลับเมืองไทยมันเดี๋ยวนั้น

   ‘คิดถึง

   มือหนาร้อนรนผิดวิสัย รีบกดวีดีโอคอลโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมากำลังมองมาทางเขาอย่างงุนงง ภาพลักษณ์หนุ่มมาดขรึมไม่ควรตอแยสลายหายไปชั่วพริบตา

   รอไม่นานก็มีคนรับสาย จอภาพขนาดเล็กฉายให้เห็นใบหน้าที่ชวนคิดถึง วินไม่แปลกใจเลยสักนิดที่อีกฝ่ายแทบจะติดต่อกลับมาทันทีหลังส่งข้อความไป

   “ว่าไง”

   ผมทักด้วยรอยยิ้มสมใจหลังเห็นสีหน้ากระวนกระวายของจิ้งจอก

   /นายเล่นส่งข้อความมาแบบนี้ฉันก็แย่สิ/

   ชินโอดครวญทันที เห็นว่ากำลังเดินอยู่ คงหามุมคุยอย่างสงบ พวกเขาคุยกันเป็นภาษาไทยเพื่อความเป็นส่วนตัว

   “แทนความรู้สึกจากใจของฉันเชียวนะ” ยังคงรังแกต่อ แม้จะโดนตาดุๆ ของชินจ้องเขม็งกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   /นายนี่มัน...เฮ้อ ที่นั่นเป็นไงบ้าง คงไม่ใช่ว่านายเอาแต่ดื่มกาแฟหรอกใช่ไหม/

   “ก็อยากทำแบบนั้นอยู่นะ ติดตรงที่พอไม่ใช่นายทำมันไม่อร่อยเอาซะเลย”

   ทั้งคู่ไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่มองนิ่งแสดงถึงความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ผ่านทางแววตา ผ่านไปสักพัก ชินเป็นฝ่ายเปิดปากก่อนเพราะตอนนี้มีคนเรียกเจ้าตัวแล้ว

   /ฉันจะตั้งใจทำงาน แล้วเจอกันนะวิน/

   “อืม...แล้วเจอกัน”

   ต่างคนต่างกดวางสายไม่เสียเวลาอาลัยอาวรณ์แล้วหันกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง ในเมื่องานเสร็จเร็วเท่าไหร่ ยิ่งได้เจอกันไวขึ้นเท่านั้น บรรดาลูกสมุนในแผนกเฝ้ามองท่าทางของหัวหน้าตลอด สุดท้ายพี่มะลิต้องเป็นตัวแทนคนอื่นเข้ามาพูดกับหนุ่มผมทอง

   “ฉันว่าหัวหน้ากลับไปอยู่บ้านดีไหมคะ โหมทำงานแบบนี้เดี๋ยวสุขภาพจะเสียเอา” จะได้กลับไปดามใจไม่แผ่ออร่าทะมึนปกคลุมแผนกแบบ ขนาดชั้นบนกับชั้นล่างยังไม่กล้าทำอะไรเสียงดังเลย กลัวรบกวนท่านซาตานที่ไร้จิ้งจอกข้างกาย

   ดวงตาสีเทามองผ่านพนักงานสาวไปยังประตูห้องที่มีพนักงานอีกสามคนเกาะรอดูผลอยู่ ใช่ว่าผมไม่รู้ถึงเจตนาของพวกเขา แค่ไม่อยากเปิดโป่งให้อกสั่นขวัญผวากันเท่านั้นเอง นึกๆ ดูกลับบ้านก็ดีเหมือนกัน ทู่ซี้อยู่บริษัทไปก็ไม่ช่วยให้ชินกลับมาไวขึ้น

   ผมตัดสินใจทำตามคำแนะนำของพี่มะลิ จะว่าไปก็รู้สึกผิดกับวัตเหมือนกันที่ทิ้งให้อยู่คนเดียว กลับไปดูบ้างก็ดี เดี๋ยวกลายเป็นเด็กมีปัญหาขึ้นมาจะยุ่งเอา

   ด้วยความที่บริษัทอยู่ในเมือง ส่วนบ้านอยู่ซะชานเมือง กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตอนค่ำ สิ่งแรกที่ต้อนรับคือกลิ่นหอมของอาหาร ไขประตูเข้าไปเห็นน้องชายกำลังง่วนอยู่กับหม้อสุกกี้ ความเป็นห่วงน้องชายในตอนแรกปลิวหายไปกับสายลม

   เด็กบ้านี่มันเหงาที่ไหน! ยิ้มหน้าระรื่นทำสุกกี้กินคนเดียวสบายใจเฉิบ

   “อ้าวพี่วิน ลืมของเหรอ”

   “ไม่ใช่...พี่จะกลับมาอยู่บ้าน”

   “ฮะ! พี่ไม่สบายเหรอ” น้องชายตาโตรีบผละจากหม้อยกมือแตะหน้าผากวัดไข้ไม่ได้ดูสีหน้าของพี่ชายเลยสักนิด

   เจ้าเด็กคนนี้...จัดการคว้าคอใช้กำปั้นยีหัวด้วยความหมั่นไส้ เกิดเป็นเสียงหัวเราะในบ้านอันเงียบเหงา แม้ว่าวัตจะแสดงท่าทางขี้เล่นแบบนี้ออกมา แต่ผมเชื่อว่าน้องกำลังดีใจที่ผมกลับมาอยู่บ้าน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากกว่าเดิม ทั้งที่ผมรักน้องชายมากที่สุดแท้ๆ กลับสนใจงาน นึกถึงแต่เรื่องชินซะได้

   วงแขนเปลี่ยนจากการล็อกคอเป็นรวบกอด ถูแก้มกับหัวทุยของน้องชาย

   “โทษทีนะที่พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้”

   “ไม่เอาหน่า ผมเข้าใจว่าพี่งานยุ่ง อีกอย่างผมจะขึ้นปีสามอยู่แล้ว ไม่ใช่เด็กประถมสักหน่อย” วัตหันหน้าเข้าหาตบหลังพี่ชายปุๆ “พี่มาได้จังหวะเหมาะเลย ผมกำลังจะกินสุกกี้ แต่ดูน้ำจิ้มไม่พอเดี๋ยวผมออกไปซื้อที่เซเว่นให้” น้องชายเดินนำคนพี่ไปนั่งที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี น้ำซุปเดือดปุดๆ ผักสดล้างสะอาด พร้อมเนื้อหั่นเป็นชินจัดใส่จานสวยงาม

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อเอง จะเอาอะไรเพิ่มอีกรึเปล่า” วัตเตรียมของกินขนาดนี้ ผมจะนั่งสบายปล่อยให้น้องเดินไปเซเว่นค่ำมืดได้ยังไง

   “ไม่มีครับ พี่อยากกินอะไรก็ซื้อมาแล้วกัน”

   ใบหน้าหล่อเหลาผงกหัวรับ มือถอดไทดึงชายเสื้อถอยจักรยานแม่บ้านไปเซเว่นหน้าหมู่บ้าน ขาไปใช้ทางหลัก ส่วนขากลับนึกคึกเลือกทางลัดที่เคยใช้ในสมัยเด็ก ถือว่าเป็นการระลึกความหลังไปในตัว อาศัยแสงจากหลอดไฟมองสำรวจโดยรอบ

   เสียงขวดกระทบกับตะกร้าดังขึ้นเป็นระยะ ปล่อยสายลมพัดผ่านใบหน้า จู่ๆ กลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ผมมองซ้ายขวาหาต้นเสียง มันเป็นเสียงเล็กๆ ของลูกสัตว์ดังมาจากกองขยะที่ชาวบ้านเอามาสุมเตรียมให้รถเก็บวันพรุ่งนี้ ด้วยความสงสัย ผมเลยจอดจักรยานเดินไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอด

   อาศัยไม้กวาดหักๆ แถวนั้นเขี่ยกองขยะหาต้นเสียง กระทั่งเจอเข้ากับก้อนขนสีหม่นหมองดูสกปรกอยู่หลังถุงดำ ลองเอาไม้จิ้มดูเจ้าก้อนขนดันขยับหลบลึกเข้าไปมากกว่าเดิม

   “ลูกหมา? ลูกแมว?? ตัวอะไรหว่า”

   เพราะไม่อยากให้เสื้อเปื้อนเลยใช้ไม้เขี่ยกะจะเกี่ยวเจ้าก้อนนี้ให้ออกมาจากซอกถุง สิ่งมีชีวิตตัวจ้อยช่างไม่ให้ความร่วมมือ ยื่นมือมาตะปบใส่ปลายไม้ด้วยแรงเบาหวิว เสียงแหลมเล็กร้องอย่างประท้วง

   “แง้ว!”

   “แมว!?”

   ลังเลอยู่ชั่วครู่ เอาวะ ผมไม่ได้ผ่านมาแถวนี้บ่อยๆ มาเจอกันแบบนี้แสดงว่ามีชะตาต้องกัน จะช่วยหน่อยก็ได้ ถือว่าเมตตาสัตว์โลก สองมือพับแขนเสื้อยกถุงขยะหลบไปด้านข้าง หากใครมาเห็นคงกลายเป็นเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแหงๆ ผู้ชายหน้าตาดีกำลังคุ้ยขยะในตอนกลางคืน

   “เจ้าหนู ฉันมาช่วย เสนอหน้าออกมาอย่าขยันหลบนัก ก่อนที่ฉันจะโมโหเอาด้ามไม้กวาดแทงเป็นลูกชิ้นแมว!”

   ผมเริ่มจะหงุดหงิดกับสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยที่ขยันหลบเหลือเกิน ยกถุงนี้ หลบไปถุงนู่น ขยะก็เหม็นเกินจะทานทน ทำไมมันไม่รู้จักแยกขยะเหมือนน้องชายสุดที่รักของเขานะ อะไรก็รวมกันในถุงเดียว ทั้งขยะแห้ง ขยะเปียก เศษอาหารแย่ที่สุด ยังไม่นับรวมน้ำขยะที่ไหลออกมาตามพื้นเพราะถุงรั่วอีก

   งมวุ่นวายอยู่สักพัก ในที่สุดมือยาวก็ยื่นเข้าไปจับก้อนขนออกมาได้สักที ลูกแมวขนยุ่งเหยิงขมุกขมัว คาดว่าสีเดิมน่าจะเป็นสีขาว ร่างเล็กๆ ในฝ่ามือสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจนน่าสงสาร สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไร้พิษภัย แต่ถูกกฎของธรรมชาติทำร้าย ร่างกายผอมบางดูอ่อนแอ คงโดนแม่คัดออกจากคอกเลือกเฉพาะตัวที่แข็งแรงกว่า

   ถึงแบบงั้น ดวงตาคู่นี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต สี่เท้าเล็กๆ พยายามช่วยเหลือตัวเองสุดชีวิต เห็นแบบนี้แล้วจะทอดทิ้งไปได้ยังไงกัน มือหนาโอบประคองแนบอกเมินเฉยต่อความสกปรกและกลิ่นเหม็นจากขยะ

   ผมตัดสินใจพาเจ้าตัวเล็กกลับบ้านไปด้วยกัน เรียวปากปรากฏรอยยิ้มบาง เอ่ยปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน

   “ไปอยู่กับฉันนะ”

   เพียงประโยคสั้นๆ ที่มันฟังไม่เข้าใจ แต่สัมผัสที่ได้รับนั่นมันมากกว่าอะไรทั้งหมด ดวงตาสองสีสั่นไหว ซุกกายขดหางกับอ้อมอกอุ่นโอบล้อมด้วยกลิ่นหอมจาง หูเล็กกระดิกฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะทำให้รู้สึกสงบ สายลมในยามกลางคืนไม่สามารถทำให้มันเหน็บหนาวเหมือนอย่างเคย

   ในโลกของมนุษย์ การหยิบยื่นนำใจเช่นนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยนัก แต่ในโลกของสัตว์ที่โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง อีกฝ่ายไม่ต่างจากโลกทั้งใบ

   “มี้...”

   ลิ้นเล็กเลียมือที่โอบอุ้ม ร้องเสียงใสเพื่อแสดงความขอบคุณ ชายที่เปรียบเสมือนแสงสว่างหัวเราะเสียงทุ้มกังวานน่าฟังพร้อมรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มใบหน้า ดวงตาสีเทามองอย่างเอ็นดู ภาพอันงดงามนี้ มันจะจดจำสลักลึกลงในใจไปจนวันตาย ชายผู้มอบชีวิตใหม่ให้กับมัน...

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลับมาแล้ว หลังจากหายไปทำธุระมาหนึ่งอาทิตย์
ผมขอแนะนำให้กดติดตามเพจไว้นะครับ เพราะที่นั่นจะแจ้งข่าวการเคลื่อนไหวทุกอย่าง
ว่าผมหายไปไหน จะอัพตอนใหม่เมื่อไหร่ แถมมีพวกโมเม้นสั้นๆ ของนิยายด้วย(มีเฉพาะในเพจ)
>>Silver Fish<< (https://www.facebook.com/SilverFsih/)
^
ลิงค์เพจจ้า
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน11 22/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-05-2016 16:58:49
นายท่านนนนนนนนนนนน
คู่แข่งพี่ชินโผล่มาแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน11 22/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-05-2016 19:17:39
 :pig4 :3123:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน11 22/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-05-2016 21:22:39
 :pig4: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน11 22/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 26-05-2016 00:37:35
รอตอนต่อไปค่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน11 22/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-05-2016 20:40:44
รออ่านต่อออ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน11 22/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 27-05-2016 20:56:44
ทำไมนายท่านตอนเด็กน่ารักจัง แตกต่างกับ...เอ่อ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 31-05-2016 00:54:00
*เหมือนเดิมจ้า ตอนนี้กองตรวจยังไม่ว่าง ไว้ตรวจจะลงซ้ำนะ
Part12 นายท่าน

   ผมปั่นจักรยานมือเดียวจนถึงบ้าน เห็นวัตยืนชะเง้อคอมองอยู่ตรงประตูรั้ว พอเห็นผมก็รีบเปิดประตูให้เข้าไปจอดก่อนมองสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างสงสัย

   “พี่เอาตัวอะไรมานั่น”

   “ลูกแมว ในตู้เย็นมีนมไหม เอามาให้มันกินหน่อย”

   “มีนมจืดอยู่ น่าจะใช้ได้”

   วัตผงกหัวรับถือขวดน้ำจิ้มไปเก็บในตู้เย็นแล้วเอานมอกมารินใส่จานเล็กให้ลูกแมว ส่วนผมหาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำทำความสะอาดเพราะชักจะทนกลิ่นไม่ไหว ก่อนจะปล่อยให้กินนม

   “วัตดูมันก่อนนะ พี่ขึ้นไปอาบน้ำแปบ ไม่ไหว กลิ่นขยะเหลือรับจริงๆ”

   น้องชายหัวเราะไม่เห็นใจพี่ชายคนนี้เลยสักนิด ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน พอลงมาเห็นวัตอุ้มเจ้าตัวเล็กพร้อมถือหลอดค่อยๆ ป้อนนมให้กิน ใกล้กันนั้นมีกองผ้าสำหรับให้ลูกแมวนอน นับวันน้องชายผมชักเป็นแม่ศรีเรือนขึ้นทุกที ถ้าเจ้าตัวไม่แสดงว่าแมนเต็มร้อย ผมคงเข้าใจผิดว่าน้องตัวเองเริ่มจะโตเป็นสาว…

   “ใส่จานมันไม่กินเหรอ” ผมร่วมวงไปนั่งยองๆ ดูลูกแมวด้วย

   “สงสัยมันกินจากจานไม่เป็น พรุ่งนี้คงต้องซื้อขวดนม”

   ส่งเสียงตอบรับในคอ พอเห็นว่าลูกแมวท้องอิ่มนอนขดกลมอย่างเป็นสุข ถึงเวลาที่พวกเราหาอะไรใส่กระเพาะบ้าง หม้อถูกเปิดอีกครั้งรอจนกระทั่งน้ำซุปเดือด

   เวลากินสุกกี้ทุกคนจะมีวิธีกินของตัวเอง บางคนใส่ไปกินไป บ้านผมนี่ใส่ทุกอย่างรวดเดียวแล้วปิดฝารอมันสุก คราวนี้ผมเลยจัดการเทเนื้อผักจนเกือบล้นหม้อ ตีไข่ราดปิดท้ายแล้วปิดฝาโดยมีน้องชายมองอึ้งๆ

   “พี่หิวขนาดนั้นเลย”

   “มาก พี่ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง เอาข้าวสวยมาด้วย หุงไว้รึเปล่า”

   วัตส่ายหัววืด

   “ไม่อะพี่ อยู่คนเดียวแค่สุกกี้หม้อหนึ่งก็อิ่มแล้ว อ๊ะ แต่มีข้าวเย็นนะ ผมอุ่นให้แปบ”

   น้องชายไม่ได้กลับมาพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อย่างเดียว มีพริกกระเทียมสับสำหรับใส่น้ำจิ้มมาด้วย ผมยกนิ้วโป้งให้ รอมันสุกก็เริ่มโซ้ยแหลก อยู่ที่บ้านไม่ต้องห่วงมาด กินไปพูดไปสบายใจ เราทั้งคู่สลับกันเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมาในช่วงที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

   ผมฟังเพลินๆ เห็นน้องยิ้มมีความสุข ผมก็รู้สึกดีไปด้วย ความจริงมีแมวมาเลี้ยงก็ดีเหมือนกันนะ เวลาที่ผมทำงานไม่อยู่ วัตจะได้ไม่เหงาอยู่บ้านคนเดียว แต่ยังไงก็ต้องถามความเห็นน้องก่อน

   “พี่จะเลี้ยงแมวตัวนี้ วัตว่าไง”

   เจ้าตัวนิ่งคิดไปชั่วครู่ คีบหมูใส่ปาก ตามองลูกแมวตัวจ้อยที่กำลังนอนบนกองผ้าอย่างเรียบร้อย สัตว์ที่ถูกเก็บมาได้มักจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว คงเพราะรู้ตัวดีกว่ากำลังได้รับความเมตตา ต้องทำตัวน่ารักเข้าไว้ จะรู้นิสัยกันจริงๆ คงหลังจากคุ้นเคยกันแล้ว

   “ผมไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าลูกแมวเขาเลี้ยงกันยังไง”

   “…”

   เกิดความเงียบปกคลุมโต๊ะอาหาร เหลือเพียงเสียงเดือดปุดๆ ของน้ำซุป ผมมองซ้าย มองขวา เงยหน้า ก้มหน้า เออนั่นสิ ลูกแมวมันเลี้ยงกันยังไงนะ ยังไม่หย่านมด้วย

   “ไว้หาเอาในเน็ตแล้วกัน” คำตอบไม่สมกับตัวคนพูด ทำเอาวัตมองด้วยความแปลกใจ

   “เหลือเชื่อ มีเรื่องที่พี่วินไม่รู้ด้วยเหรอเนี่ย ไม่สิ พี่วินรู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างทำอาหาร...”

   “พอ! พี่ก็คนนะเฟ้ย ไม่ใช่เทพมาจากไหน มันก็ต้องมีเรื่องที่รู้และไม่รู้แหละ”

   เสียงหัวเราะของน้องชายในยามนี้ ไม่ให้ความรู้สึกดีซะแล้วสิ เท้ากระตุกหมั่นไส้อยากถีบน้องตกเก้าอี้ยังไงชอบกล วัตรับรู้ถึงรังสีอันตราย รีบคีบเต้าหู้ปลาใส่ถ้วยเอาใจผม เห็นแก่ที่น้องบริการจะยอมปล่อยไปก่อนก็ได้ ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็อย่าหวัง

   อิ่มอร่อยกับสุกกี้ ผมช่วยน้องเก็บกวาดแล้วมานั่งเปิดมือถือหาวิธีการเลี้ยงลูกแมวในเน็ต ผมดูไม่ออกซะด้วยสิว่ามันอายุเท่าไหร่กันแน่ เลยพิมพ์หาหัวข้อแมวยังไม่หย่านม ขึ้นวิธีการเลี้ยงดูมาเป็นพรืด หลักๆ สิ่งที่ควรทำคือพาแมวไปตรวจสุภาพ

   ผมมองนาฬิกา เวลาป่านี้สัตวแพทย์อาบน้ำตีพุงนอนกันหมดแล้วมั้ง พวกเปิด 24 ชั่วโมงก็มีนะ แต่มันไกลเกินไปเสียเวลา มองลูกแมวยังปกติดีไว้ค่อยพาไปตรวจพรุ่งนี้

   เรื่องนม ควรจะเป็นนมแพะ แม่งไม่มีอีกตามเคยแถมกินนมวัวไปซะพุงกลม เอาไว้ค่อยแวะซื้อของจำเป็นหลังจากหาหมอแล้วกัน ผมนั่งพิมพ์รายการที่ต้องซื้อทิ้งไว้ในมือถือเหล่มองเจ้าก้อนขนสีขาวเป็นระยะ สักพักกลิ่นอะไรตุๆ โชยมาเพ่งมองดีๆ

   “วัต!! ทำไมมันถ่ายเหลวล่ะ ปกติหมาแมวมันถ่ายเป็นก้อนไม่ใช่เหรอ”

   ผมตาโตรีบผุดลุกจากโซฟาไปดูลูกแมว วัตได้ยินเสียงผมวิ่งออกมาจากครัวส่ายหัวพัลวัน

   “ไม่รู้เหมือนกันพี่ เอาไงดี มันยังเล็กมากด้วยจะเป็นอะไรรึเปล่านะ”

   “วัตดูมันที พี่หาในเน็ตแปบ!”

   “พี่ มันร้องใหญ่เลย”

   “เอานมยัดปากมัน”

   “เฮ้ย ลูกแมวนะไม่ใช่เด็กอ่อน พี่อย่าเอานิสัยที่ทำกับผมตอนเด็กมาทำกับแมวสิ อีกอย่างเราไม่มีขวดนมสักหน่อย”

   ผมหันขวับมองน้องชายทันที วัตรู้ได้ยังไง ตอนนั้นเจ้าตัวเพิ่งจะอายุไม่กี่เดือนเอง เรื่องมันมีอยู่ว่าผมกำลังเล่นเกมติดพันอยู่กับชิน แม่ไปซื้อของทำมื้อเย็นเลยฝากผมดูแลน้อง เจ้าวัตร้องไห้ ผมก็ยัดขวดนมให้อย่างเดียว ครั้งไหนหมดก็นั่งชงเอง จนแม่บ่นว่าผมให้น้องกินนมเยอะเกินไป ถึงได้เลิกนิสัยเอะอะยัดขวด

   “รู้ได้ไงน่ะ? ใครบอก??” ปากถามแต่มีคำตอบอยู่ในใจ

   “พ่อบอก” ไม่ผิดจากที่คาดเดาสักเท่าไหร่ เพราะชินไม่ทรยศผมชัวร์ เอาไว้ค่อยคิดบัญชีตอนกลับบ้านช่วงหยุดยาวแล้วกัน

   “พี่ อย่ามัวแต่คิดแผนชั่วร้าย ตกลงหาได้ยังว่าเจ้าเหมี้ยวมันเป็นอะไร”

   โดนน้องทักท้วง ผมเลยต้องงมหาในเน็ตต่อ ข้อมูลมีเยอะแต่พวกใช้งานได้จริงแทบไม่มี แล้วยังเวลานี้อีก ทำอะไรไม่สะดวกสักอย่าง คืนนั้นผมกับวัตเลยหัวหมุนกันอยู่ในบ้าน เจ้าเหมียวก็ร้องไม่หยุด ไม่ได้นอนกันทั้งคืน

   พอเช้าคลินิกเปิดปุ๊บ ผมก็บึ่งรถพาลูกแมวไปหาหมอทันที เรียกได้ว่ามาช่วยหมอเปิดคลินิกกันเลยทีเดียว เป็นผมเองก็ตกใจนะ เพิ่งตื่นกำลังเตรียมเปิดประตู เจอผู้ชายหัวทองตาเทาสายพันธุ์แพนด้าสองคนเกาะกระจกโคตรหลอน

   “หมอตรวจดูอาการแล้วนะครับ น้องแค่อ่อนแรงเพราะไม่ค่อยได้กินอะไร ส่วนเรื่องถ่ายเหลวเป็นเรื่องปกติของลูกแมวที่ยังไม่หย่านม แต่ก็ไม่ควรจะชะล้าใจ คอยเฝ้าดูอาการด้วย หากถ่ายมีเลือดปน หรือกลิ่นสีผิดปกติต้องรีบพามาหาหมอ”

   เวลานี้ผมกับน้องชายพากันพยักหน้าหงึกหงักกันอย่างพร้อมเพรียงเบื้องหน้าคุณหมอรุ่นพ่อ โดยมีเจ้าเหมียวตัวสั่นอยู่บนเตียง พวกสัตว์ทุกตัวไม่ว่าจะพันธุ์ไหนคงเห็นคลินิกไม่ต่างจากโรงเชือด ถึงได้ดูหวาดกลัวตื่นตระหนกไปหมด

   “แล้วเรื่องวัคซีนล่ะครับ” พอเห็นหมอส่งเจ้าตัวเล็กให้วัตผมเลยถามด้วยความแปลกใจ ปกติมันต้องฉีดวัคซีนกันโรคต่างๆ ไม่ใช่หรือ

   “อ่อ น้องยังเด็กเกินไป ต้องรอให้โตกว่านี้ก่อนถึงจะฉีดวัคซีนได้”

   “ฉีดได้ตอนไหนเหรอครับ” ฝ่ายน้องชายเริ่มถามบ้าง

   “2 เดือนก็ฉีดได้แล้วล่ะ จากที่หมอดูน่าจะสัก 3 สัปดาห์ พวกคุณไม่รู้วิธีเลี้ยงใช่ไหม ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วงเช้าไม่ค่อยมีคนผมจะสอนพวกคุณแล้วกัน”

   เสนอมาแบบนี้ ผมไม่ปฏิเสธ ขอบคุณหมอไปหลายรอบแล้วนั่งฟังอย่างสงบ มีวัตคอยจดรายละเอียดลงในมือถืออยู่ข้างๆ อันไหนซื้อจากคลินิกได้ผมก็ซื้อ อย่างนมแพะสำหรับสัตว์อ่อน ขวดนมเป็นต้น นอกนั้นต้องแวะร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงก่อนกลับ

   ผมไม่ได้เห่อนะ แค่ซื้อเบาะนอน ตะกร้าแมวแบบบุผ้านุ่มๆ ถาดพร้อมทรายแมว จานใส่อาหารสำหรับอนาคต ปลอกคอ ของเล่นและอื่นๆ วัตยืนอุ้มเจ้าเหมี้ยวมองผมอย่างอึ้งๆ

   ซื้อของเสร็จผมพาวัตไปส่งที่บ้านพร้อมเอาของลงทั้งหมดแล้วขับรถเข้าบริษัทเลย เราแบ่งเวรกันว่าช่วงกลางวันวัตจะเป็นคนดูแล ส่วนผมคอยดูตอนกลางคืน ลูกแมววัยนี้ไม่ได้กินนมสามเวลาแบบคน ให้เปรียบคงเหมือนเด็กทารก ที่ต้องคอยให้กินสม่ำเสมอในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากระบบทางเดินอาหารเขายังทำงานได้ไม่เต็มที่

   ช่วงนั้นผมเลยเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับบริษัท ระบบทุกอย่างก็เริ่มคงที่แล้ว ทำให้งานของผมลดลงด้วย จึงไม่เป็นปัญหาสักเท่าไหร่ แลกกับออร่าความหล่อของผมที่ลดลงไปเล็กน้อยตามขอบตาดำคล้ำ

   ขณะที่ผมกำลังเช็คงานรอบสุดท้าย บรรดาลูกสมุนทั้งหลายกลับพร้อมใจกันโผล่มาหาถึงห้อง

   “หัวหน้า เข้าใจว่าคิดถึงท่านรอง แต่ก็ไม่ควรหักโหมนะคะ” พี่มะลิพูดด้วยความเป็นห่วงในฐานะตัวแทนน้องๆ ในแผนก

   ผมเลิกคิ้วมอง “พูดอะไรน่ะ ฉันไม่ใช่พวกอ่อนหัดแบบนั้นสักหน่อย” เอาที่ไหนมาพูดว่าผมคิดถึงชินจนโหมทำงานหนัก เวลานี้มีอย่างอื่นที่ผมสนใจมากกว่า

   “อ้าว งั้นทำไมหัวหน้าถึงโทรมนัก รู้ไหมสภาพหัวหน้าตอนนี้ทำให้พนักงานตั้งแต่ชั้นล่างสุดยันชั้นบนพากันตื่นตกใจหมด” วายุถามอย่างสงสัย ผมโคลงหัวตอบไปตามตรง

   “พอดีฉันเพิ่งเก็บลูกแมวแรกเกิดมาเลี้ยงน่ะ ผลัดเวรกับน้องช่วยดูแลตอนกลางคืน เช้าตื่นมาทำงาน สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น เรื่องชินความจริงฉันลืมตอบข้อความหมอนั่นมาเกือบอาทิตย์แล้ว พวกนายมาทักนี่แหละถึงค่อยนึกออก”

   “หะ..โหยร้าย ทั้งๆ ที่ท่านรองทำเพื่อหัวหน้าแท้ๆ”

   วาโยยกสองมือปิดปาก ดวงตาคู่งามสั่นไหว ยิ่งรวมกับรูปร่างและเรือนผมที่ปล่อยยาวสยาย บางครั้งผมยังเข้าใจผิดว่ามีผู้หญิงมาเดินเล่นในแผนก ส่วนพี่มะลิถือเป็นกรณียกเว้นแล้วกัน

   “อย่าเศร้าใจไปเลยน้องพี่ หัวหน้าเป็นใครพวกเราย่อมรู้ดี เขาเป็นถึงซาตานเชียวนะ” วาโยดึงแฝดน้องมาซบทั้งที่ตัวสูงพอๆ กัน ผมชักสงสัยแล้วว่าตกลงสองคนนี้มันเป็นโปรแกรมเมอร์หรือนักแสดงฮอลลีวูด

   โป๊ก!

   มะเหงกจากองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงจัดลงหัวแฝดตัวป่วนพลางพูดปรามด้วยสีหน้าจริงจัง

   “พวกนายพูดบ้าอะไรกัน หัวหน้าเป็นเทพบุตรต่างหาก! ภายในใจต้องอ้างว้างเจ็บปวดเรื่องที่คุณชินไม่อยู่แน่ๆ เลยรับลูกแมวมาเลี้ยงดูแลอย่างดีเพื่อลดความรู้สึกนั่นลงไปบ้าง”

   ท่าทางมั่นอกมั่นใจไม่ได้สังเกตเลยว่าทุกคนภายในห้องมองด้วยสายตาแบบไหน หากบอกว่าเจ้าแฝดเป็นนักแสดง อัคคีคงเป็นนักเขียนบท! เจริญจริงลูกน้องผม

   “จะยังไงก็แล้วแต่ ฉันว่าหัวหน้าน่าจะพักบ้างนะคะ ประเดี๋ยวล้มหมอนนอนเสื่อไปจะยุ่งเอาแล้วอย่าลืมติดต่อชินกลับเดี๋ยว คงจะเป็นห่วงจนอยู่ไม่สุขแล้ว” พี่มะลิเลิกสนใจตัวตลกทั้งสามกลับเข้าประเด็นอีกครั้ง สมกับที่อายุเยอะที่สุดในแผนก

   “เอาแบบนั้นก็ได้ ถ้างั้นฉันจะส่งเรื่องขอวันหยุดสักวันสองวัน ระหว่างนั้นถ้ามีเรื่องด่วนติดต่อได้ตลอดนะ ผมขอตัวไปคุยงานกับบันก่อน”

   ผมโบกมือลาทุกคน ยื่นมือขยี้ผมเจ้าแฝดจนยุ่งอย่างจงใจ แล้วปล่อยให้พวกมันโวยวายใส่อัคคีด้านหลัง ก่อนขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของบัน

   จากเริ่มต้นกันสมัยเรียนมหาลัย มาถึงตอนนี้บันอยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น มีห้องส่วนตัวน่าอิจฉา รออีกหน่อยไม่พ้นตำแหน่งประธานเป็นแน่ อนาคตผมถึงได้รู้ล่ะว่า มีเพื่อนเป็นประธานบริษัทนี่ดีจริงๆ จะเคลื่อนไหว จะทำอะไรก็สะดวก ขอแค่มีเหตุผลเพียงพอและไม่ส่งผลเสียต่อบริษัทก็พอ

   ผมยิ้มทักทายเลขาสาวหน้าห้อง เธอยิ้มรับมองด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มลุกขึ้นผายมือเชิญผมเข้าไปด้านใน เพราะผมแจ้งมาก่อนล่วงหน้าแล้ว

   ภายในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ สิ่งแรกที่เห็นคือโต๊ะทำงานติดตั้งเครื่องฉายภาพสำหรับใช้แทนคอมพิวเตอร์ นับว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่บริษัททำขึ้น ใกล้จะเปิดตัวแล้วเหมือนกัน สงสัยมันจะเอามาใช้เป็นหนูทดลองก่อน ด้านหลังโต๊ะทำงานติดกระจกบานใหญ่ที่ภายนอกไม่สามารถมองเข้าเห็นภายในได้ แต่ด้านในเห็นวิวสวยงามชัดเจน ยิ่งตอนกลางคืนตึกน้อยใหญ่เปิดไฟคงราวดับทะเลดวงดาว

   ทางด้านซ้ายเป็นชั้นหนังสือ ความจริงสมัยนี้ในเมืองหลวงเขาอ่าน e-book กันหมดแล้ว แต่บันมันชอบสัมผัสกับกลิ่นกระดาษเลยยังมีชั้นหนังสือตั้งอยู่ ฝั่งขวาเป็นโซฟาชุดสำหรับรับรองแขกและเป็นที่นอนเจ้าของห้องอย่างในเวลานี้...

   “เฮ้ย นอนอู้แบบนี้หมายความว่าไง เอกสารที่ฉันส่งให้นายได้เปิดอ่านรึยัง”

   ผมใช้เท้าเขี่ยด้วยความเคารพคนให้เงินเดือน บันผุดลุก หนังสือที่ปิดหน้าร่วงลงไปกองบนพื้นดังตุบ เงยหน้าขึ้นมองผมอย่างเชื่องช้า ผมดีดนิ้วตรงหน้าปลุกให้มันตื่นจากภวังค์

   “วินเองเหรอ ขออีกห้านาที ฉันไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว” ทำท่าจะทิ้งตัวขนาดหมีลงไปนอนต่อ ผมใช้ขาเหยียบบนโซฟากักไม่ให้มันนอน

   “มันก็พอกันล่ะวะ อย่ามาทำสำออย”

   เทนงูทำหน้ายุ่ง จำต้องยอมลุกบิดขี้เกียจกดปุ่มบอกเลขาให้เอากาแฟดำเข้ามาสองแก้ว ก่อนจะมานั่งประจำตำแหน่งพยายามวางมาดทั้งที่หัวฟู เสื้อยับเพราะนอนเมื่อครู่

   พวกเราเริ่มคุยกันแบบสบายๆ ผ่านไปไม่กี่นาทีกาแฟก็เข้ามาพร้อมเลขาสาวที่ยิ้มหวานหยดให้กับผม ผงกหัวให้บันเล็กน้อยแล้วออกจากห้องไปอย่างรู้มารยาท

   “นายจงใจหว่านเสน่ห์ใส่เลขาฉัน ฉันจะฟ้องชิน” อีกาหัวรังนกบ่นอุบอิบ

   “เชิญเลยตามสบาย รีบคุยธุระเร็วๆ ฉันจะได้กลับบ้านสักที” นั่งไขว่ห้างจิบกาแฟ เมินเฉยเสียงนกกา

   “รีบกลับบ้าน? หรือว่านายจะซุกกิ๊กไว้ที่บ้านจริงๆ มิน่าล่ะช่วงนี้ชินถึงส่งข้อความว่าโวยกับฉัน หาว่าฉันให้งานนายเยอะจนไม่มีเวลาติดต่อไป แสดงว่านายมัวแต่ติดกิ๊กสินะ!!”

   ดวงตาคมเหลือบมองหางตาอย่างเหยียดหยาม บันลูบจมูกหัวเราะแหะๆ ไม่กล้าคุยเล่นอีก เปิดประเด็นเข้าเรื่องสำคัญแทน อุตส่าห์หาเรื่องผ่อนคลายแท้ๆ แต่วินที่ไม่มีชินอยู่ด้วยช่างดุร้ายซะเหลือเกิน

   ด้วยความที่เข้าใจกันดี ทุกอย่างเลยลงตัวไม่ต้องเสียเวลาถกให้มากความ ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็สรุปงานเสร็จเรียบร้อย แต่บันไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ พอผมทำท่าจะลุกยังจะเรียกเอาไว้อีก

   “เดี๋ยวก่อนๆ ใจเย็นพ่อคุณ ถามจริงทำไมนายไม่ติดต่อชิน ทางนั้นร้อนใจจนเพื่อนร่วมงานแทบจะมองหน้าไม่ติด”

   ตัวมันอยู่นี่ ยังมีหูตารู้เรื่องราวของชาวบ้าน สายข่าวบันดูถูกไม่ได้จริงๆ เจ้าบริษัทลูกนั่นคงมีคนของทางนี้ปะปนอยู่ไม่น้อย...ผมหรี่ตาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

   “ฉันมัวดูลูกแมวที่เพิ่งเก็บมาได้ เลยลืมชินไปซะสนิท”

   บันฟังผมมองตาปริบๆ ก่อนจะระเบิดหัวเราะดังลั่น หากชินได้ยินคงไม่พลาดที่จะถีบมันปลิวเป็นแน่

   “ขำอร่อยจริงนะนาย ฉันขอลาหยุดสองวัน มีเรื่องด่วนค่อยติดต่อมา เรื่องเอกสารขอหยุดฉันส่งให้นายแล้ว”

   “ฮ่าๆ ดะ...ได้ จะไปเลี้ยงแมวสินะ พรืด ซาตานนอกใจจิ้งจอกไปหาแมวแล้ว ก๊ากกก!” ปล่อยให้มันหัวเราะสะใจคนเดียว คงจะคับแค้นใจมาก ที่ผ่านมาถูกชินแกล้งปั่นหัวตลอด

   ธุระก็คุยเสร็จแล้ว วันหยุดก็ขอเรียบร้อย ผมเดินตัวปลิวฮัมเพลงกลับบ้าน ขับรถมาเจอวัตถือถุงผักเดินอยู่แถวซอยเข้าบ้านพอดี เลยรับน้องชายกลับบ้านไปด้วยกัน คงจะแวะตลาดเอาตอนขากลับจากมหาลัย

   สิ่งแรกที่ผมทำหลังเปิดประตูบ้านถือ ถลาไปหาเจ้าลูกแมวตัวน้อยเพื่อเช็คดูว่ายังอยู่ดีมีสุขรึเปล่า เพราะลูกแมวในวัยนี้เปราะบางมาก ต้องการความเอาใจใส่ อุ้งเท้านุ่มนิ่มสีชมพูยกยันหน้าผมขณะประคองเจ้าตัวจ้อยมาแนบแก้ม บ่งบอกความรำคาญ

   ผ่านไปแค่หนึ่งอาทิตย์ก็ออกลายซะแล้ว ปรับตัวเร็วจนน่าหมั่นไส้ นึกถึงตอนที่ผมกับวัตช่วยกันตั้งชื่อแล้วก็ขำ พวกเราพี่น้องเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่าจะให้มันชื่ออะไร

   “ผมว่ามันตัวขาวขนปุย ชื่อสำลีสิเหมาะ”

   “ไม่เอา ชื่อนั่นมันเกล่อ ชื่อชินดีกว่า” ผมพูดจบ วัตหันขวับ

   “พี่จะตั้งชื่ออะไรก็ได้ แต่พี่จะเอาชื่อพี่ชินมาตั้งให้แมวไม่ได้นะ! ไว้พี่เลี้ยงจิ้งจอกค่อยใช้ชื่อนั้น”

   เราสองคนมองหน้ากันก่อนจะพากันหัวเราะพรืด ป่านี้จิ้งจอกบางตัวคงจะจามสนั่นแล้วมั้ง ระหว่างนั้นเจ้าเหมี้ยวคงทนเสียงพวกเราไม่ไหว เลยแสดงจุดยืนของตัวเอง ด้วยการพยายามปีนป่ายสุดชีวิตไปบนกองผ้าส่วนที่สูงที่สุด(มากกว่าเดิม 2 เซ็น)แล้วเชิดหน้าร้องเสียงเล็กแหลม พวงหางจิ๋วตบปุๆ ท่าทางเริ่ดเชิดหยิ่งแต่เล็ก

   “ทำตัวเหมือนคุณนายหัวสูงแบบนี้ ให้ชื่อคุณหญิงซะดีไหม”

   ผมส่ายหัวกับความคิดวัต

   “มันเป็นตัวผู้นะ ใช้ชื่อนั้นน่าสงสารแย่”

   นิ่งคิดกันไปชั่วครู่ ชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ทำตัวมีอำนาจ เป็นตัวผู้ งั้นชื่อ...

   “นายท่าน!!”

   สองเสียงประสาน ลงมติเป็นเอกฉันท์ นับตั้งแต่วันนั้นมา เจ้าเหมี้ยวก็มีชื่ออันแสนไพเราะเพราะพริ้งว่านายท่าน ขณะที่วัตกำลังทำมื้อเย็น ผมเล่นกับแมวหยิบมือถือมาอ่านข้อความนับสิบฉบับจากชิน แล้วส่งกลับไปสั้นๆ ว่าผมไม่ว่างเลี้ยงลูกแมวอยู่ พร้อมแนบรู้เซลฟี่ของผมกับนายท่านเป็นการเย้ยหยัน

   ไม่กี่นาทีต่อมา จิ้งจอกต่างแดนโทรเข้ามา ผมเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ปกติถ้ามักจะวีดีโอคอลกันมากกว่า อันนี้โทรมาแค่เสียงแฮะ

   “ไง จิ้งจอกหัวเน่า” ผมทักขำๆ ชินส่งเสียงฮึในคอ

   /เราก็เป็นห่วงไปสิ ที่ไหนได้ นอกใจไปหาแมว!/ แม้จะบ่นแบบนั้น แต่น้ำเสียงแสดงออกชัดเจนว่าโล่งใจแกมยินดีที่ได้ยินเสียงผม หลังจากห่างหายกันไปนาน

   “รีบกลับมาเร็วๆ เข้า ไม่งั้นบ้านนี้จะไม่มีที่ของนายแล้วนะ”

   /ทำเป็นพูดไป ไว้ฉันคอยกลับไปทวงตำแหน่งที่หนึ่งในดวงใจของนายคืนก็ได้/ ผมเค้นเสียงเหอะอย่างหมั่นไส้

   “มั่นใจจริงนะ ทางนั้นเป็นไงบ้าง ทำไมไม่วีดีโอคอลล่ะ ไม่สะดวก?”

   /ก็เรื่อยๆ ถือว่าทำงานไวอยู่ ตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย ฉันไม่อยากให้ใครเห็นนาย เกิดพวกนั้นหลงใหลนายขึ้นมาฉันก็แย่สิ/ วาจาคล้ายหยอกเล่น เชื่อเถอะว่าชินหมายความอย่างงั้นจริงๆ

   “พยายามเข้า ฉันรอนายกลับมาอยู่” ตอนพูดประโยคนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำหน้ายังไง วัตมาแซวตอนหลังนั้นแหละ ว่าผมทำหน้าได้อ่อนละมุนมากกก ถ้าชินเห็นคงจะรีบกลับมาทันที

   /ฉันจะรีบเคลียร์งานแล้วกลับไปให้เร็วที่สุด แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องเข้าทำงานต่อแล้ว/

   ผมรับคำในคอ ยอมเป็นคนกดตัดสายเองไม่อย่างั้นชินไม่ยอมวางแน่ ดวงตาสีเท้าจ้องหน้าจอดำมืดสักพักแล้วหันกลับไปเล่นกับลูกแมวต่อพยายามลบความรู้สึกลึกๆ ที่เผยออกมา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน13 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 31-05-2016 00:58:22
*ตรวจคำผิดจะลงซ้ำจ้า
Part13 Come Back

   หลังจากวันนั้น ผมใช้วันหยุดพักผ่อนอยู่กับบ้านสองวันเต็ม เช้าวันถัดไปเข้าบริษัท ตกเย็นกลับบ้านกินข้าวกับน้องชายแล้วดูแลแมว ผมไม่ขอบรรยายช่วงเวลาระหว่างนั้นก็แล้วกัน เพราะว่ามันธรรมดาซะจนไม่มีอะไรน่าสนใจ ที่เห็นจะพิเศษคงมีแค่เรื่องนายท่าน กินจุโตวันโตคืน เผลอแปบเดียวจากตัวเล็กแค่ฝ่ามือก็ตัวใหญ่จนต้องใช้สองมืออุ้มซะแล้ว พร้อมกับความหยิ่งที่มากขึ้นตามวัย ผลจากการถูกผมและวัตตามใจจนเสียแมว

   เดี๋ยวนี้ ผมไม่ได้ติดต่อชินผ่านทางโทรศัพท์อย่างเดียว พอเกมทางนู่นเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พวกเราก็ใช้เวลาว่างเข้าไปเจอกันในเกม ร่วมผจญภัยไปด้วยกัน เก็บเลเวล เกรียนใส่คนอื่น คอยดูว่าผลตอบรับของผู้เล่นเกมเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนบันกำลังเตรียมตัวเป็นประธานคนใหม่ เวลาเล่นเกมเลยน้อยลงไปด้วย นานๆ ครั้งจะโผล่มาแจมปาร์ตี้กับพวกผม

   โดยส่วนตัวแล้ว ผมได้เห็นเกมที่ตัวเองสร้างกับตา เกิดเป็นความภาคภูมิใจถึงที่สุด ยิ่งเห็นรอยยิ้มของผู้เล่น ความมีชีวิตชีวา ถึงจะมีเรื่องน่ารำคาญ จากพวกผู้เล่นแย่ๆ บ้างแต่นั่นก็เป็นสีสันของเกม โลกเสมือนจริงที่เปิดกว้างให้ทุกคน ทุกเชื้อชาติเข้ามาสัมผัสกับความหัศจรรย์ของมัน

   ในที่สุด ความฝันของพวกเราทั้งสามคนก็เป็นจริง ครั้งก่อน เรายืนอยู่บนยอดผาของเกมอื่น คราวนี้เรายืนอยู่บนต้นไม้ที่เห็นภาพโดยรวมมากที่สุด ผู้เล่นใหม่กำลังตีมอนสเตอร์อยู่ในทุ้งหญ้ากว้าง ชาวเมืองที่เป็นพนักงานบริษัทให้คำแนะนำ เสนอขายสินค้าเริ่มต้นกันอย่างคึกคักภายในเมือง

   พวกที่ได้รับคำสาปมีปีกพากันบินอยู่เต็มน่านฟ้า ประสานงานกับผู้เล่นภาคพื้นดิน มีทั้งชายหญิงหลากหลายเผ่าพันธุ์ สกิลจากอาวุธต่างๆ และจากเวทมนต์เป็นประกายสวยงาม สุดสายตานั้นมีผืนน้ำกว้างสีครามจรดขอบนภาสีฟ้ากระจ่าง สมกับเป็นโลกแฟนตาซีในความฝัน

   “เฮ้อ เห็นแบบนี้แล้วบรรยายไม่ถูกเลยแฮะ ว่ารู้สึกยังไง” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของบัน ความรู้สึกมันเต็มตื้อในอก ยากจะบรรยายเป็นคำพูดจริงๆ

   “ไม่ต้องบรรยายซะก็จบ อย่างนายมันไม่เหมาะกับอะไรที่มันละเอียดอ่อนหรอก”

   วาจาเหน็บแนมจากจิ้งจอก ไม่ระคายผิวอีกาที่สำเร็จวิชาหูทวนลม

   บนยอดไม้ใกล้เมืองเริ่มต้นปรากฏเงาร่างของชายสามคน ผู้ที่อยู่ทางซ้ายคือจิ้งจอกหนุ่มสวมชุดยูกาตะสีดำเช่นเดียวกับสีขน พวงหางทั้งสามส่ายไปมาตามอารมณ์ ส่วนด้านขวาเป็นร่างสูงใหญ่ของเทนกุที่ใส่ชุดแหวกแนวไม่สมเผ่าพันธุ์ บนแผ่นหลังมีปีกสีดำเหลือบเขียวขยับน้อยๆ คล้ายอยากจะโบกจิ้งจอกให้ร่วงตกต้นไม้

   ตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน คือเทพบุตรซาตานที่หลายคนกล่าวขานถึง เขาสวยโค้งไปด้านหลัง เรือนผมสีทองลับใบหน้าปานรูปสลักประดับรอยยิ้มชวนลุ่มหลง ปีกสีขาวคล้ายจะทอประกายจางๆ ยามต้องแสงแดด ดวงคาคมคู่งามแสดงถึงความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด

   พวกเราอาศัยดวงตาที่ดีกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายพันเท่าในการสำรวจโดยรอบ ชื่นชมบรรยากาศ

   “ฉันว่าพวกนายเอาเวลาทะเลาะกันไปคิดดีกว่า ทวีปต่อไปจะสร้างแบบไหนดี” เทพบ้างานพูดดักศึกจิ้งจอกปะทะอีกาที่กำลังปะทุอยู่ด้านหลัง

   “โห่ ยังไม่ทันไรนายคิดจะหางานเพิ่มอีกแล้ว! อย่างน้อยๆ รอชินกลับมารองมือรองเท้านายก่อนก็ดี ฉันยังไม่อยากเห็นลูกสมุนในแผนกของนายตายเกลื่อนนะ” คำนี้ไม่เกิดจริงแต่อย่างใด บันเคยเข้าไปเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว ช่วงที่งานยุ่งมากๆ แผนกของวินแทบจะเปลี่ยนพนักงานเป็นซอมบี้ ไม่เว้นกระทั่งหัวหน้าแผนก เล่นเอาบันผงะ มองด้วยความหวาดผวา

   “อีกไม่กี่วันก็จะกลับมาแล้วนี่ ใช่ไหม” ผมพูดพลางหันไปทางชิน เจ้าตัวยิ้มรับ

   “ใช่ ทางนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฉันจะได้กลับไปหานายสักที”

   “พวกนั้นไม่รั้งตัวไว้เรอะ” บันถามทีเล่นทีจริง ในความคิด มั่นใจไปเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าคนพวกนั้นต้องทำชัวร์ ที่ไหนได้ จิ้งจอกหนุ่มแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวคมทำหน้าเหี้ยม

   “ลองพวกนั้นรั้งฉันไว้สิ หึหึ”

   เสียงหัวเราะเย็นจัดซะจนบันไม่กล้าถามต่อเลยว่าเจ้าตัวจะทำยังไง

   “ไว้นายกลับมาค่อยคุยกันอีกทีก็ได้ ตอนนี้รีบไปเก็บระดับกันต่อเถอะ พวกเราใช่ว่าจะมีเวลาว่างเยอะ” อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วย พากันลงจากต้นไม้ด้วยวิธีของตัวเอง ชินกระโดดเหยียบกิ่งต่อกิ่ง ตัวเบาอย่างกับแมว ผมบินร่อนลงไปอย่างนุ่มนวล บันทิ้งตัวลงดื้อๆ ก่อนกางปีกตอนช่วงท้ายเพื่อชะลอจนถึงพื้น

   คงเพราะพวกเราเลือกตำแหน่งแลนดิ้งกันดีไปหน่อย ยืนอยู่กลางวงระหว่างมอนสเตอร์หนอนชาเขียวกับกลุ่มปาร์ตี้แถวนั้น ทุกคนพากันมองตาโตอ้าปากค้าง โดยเฉพาะชายผมทองที่ดูสว่างไสวที่สุด เพื่อป้องกันความวุ่นวาย ผม บัน หลบจากจุดนั้นไปสมทบกับชินหลังแนวไม้ เร้นกายหายไปจากแถวนั้น

   ภายหลังมีคนป่าวประกาศว่าเจอเหล่าบอสแรร์เป็นเทพปีศาจ พร้อมสมุนเทนกุและปีศาจจิ้งจอก เกิดเป็นเสียงฮือฮากันในกลุ่มผู้เล่น ทุกคนพยายามตามหาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หารู้ไม่ ตัวต้นเรื่องทั้งสาม ขลุกอยู่ในดันเจี้ยนไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น

   พอเคลียร์ดันจบ พวกเราจำต้องแยกย้ายเพื่อไปทำงานของตัวเองต่อ ระดับเพิ่มคนละนิดละหน่อย คาดว่าหากมีเวลาว่างเยอะๆ จะลุยเก็บแบบให้ตายกันไปข้าง

   ผมลืมตาขึ้นภายในห้องนอนของตัวเอง ใกล้ได้เวลามื้อเย็น ได้ยินเสียงน้องชายตะโกนเรียกจากชั้นล่าง พอเปิดประตู กลิ่นหอมของอาหารโชยมาถึงชั้นบน เรียกน้ำย่อยดีนักแหละ กินข้าวที่ไหนไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่กับน้องชายจริงๆ ให้ตายสิ

   “อ้าว มาแล้วเหรอพี่ ผมกำลังจะขึ้นไปตามอยู่พอดี” วัตค้างท่าขึ้นบันไดผมกอดคอน้องชายมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งจัดวางทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกิน ส่วนนายท่านกินของตัวเองอยู่ในห้องครัว

   “จริงสิ พี่ชินกลับมาวันไหนครับ”

   “อีกสามวันก็กลับมาแล้ว ถามแบบนี้ จะไปรับกับพี่เรอะ”

   วัตส่ายหัวทำหน้าเซ็ง

   “ก็อยากนะ แต่ผมติดเรียนอะ วิชานี้โดดไม่ได้ด้วย อดไปเอาของฝากเลย”

   ผมวางช้อนดีดหน้าผากไปที

   “ให้มันน้อยๆ หน่อย ต่อให้ไม่ไปรับ ชินมันก็ต้องเอาของฝากมาให้ถึงบ้านอยู่แล้ว” ผมมั่นใจพันเปอร์เซ็นต์เลย เจ้าตัวบ่นๆ อยู่ว่าอยากเจอคู่แข่งหัวใจ อีกอย่าง ชินเองก็รักวัตไม่น้อยกว่าผมหรอก กลับมาทั้งทีต้องอยากเจอหน้าน้องชายอยู่แล้ว

   เอาเข้าจริง พวกเราสองพี่น้องไม่มีใครได้ไปรับชินทั้งคู่ ไม่ใช่ว่าผมติดงานด่วนจนลืมนะ ชินทำตัวเองต่างหาก

   เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้า บ่งบอกว่าผมควรจะรีบตื่นเพื่อเตรียมตัวไปรับเพื่อนวัยเด็กที่สนามบิน หากไม่ได้ยินเสียงข้างหู พร้อมสัมผัสหนักที่พาดตัวผมอยู่ ดวงตาสีเทาเปิดขึ้นเหลือบมองข้างกาย...

   “ยังเช้าอยู่เลย ปิดนาฬิกาให้หน่อย” เสียงอู้อี้ เนื่องจากเจ้าของซุกหน้าอยู่กับหมอนนุ่ม ผมตอบสนองด้วยการหยิบกาฬิกาปลุกมาจ่อข้างหูคนหลับ ถ้ายกผ้าห่มคลุมโปง ผมก็จะสอดนาฬิกาเข้าไปใต้ผ้าห่ม ทำทุกวิถีทางเพื่อก่อกวนไม่ให้อีกฝ่ายได้นอน

   สุดท้ายคนขี้เซาเริ่มทนไม่ไหว ยื่นมือปัดป่ายหมายจะปิดนาฬิกาปลุก เรื่องอะไรที่ผมจะยอมให้ปิดง่ายๆ ยกหลบไปมากระทั่งมือมาบนตำแหน่งไม่ควร

   หมับ ผัวะ!

   “จับอะไรของเอ็งวะ!!”

   ฝ่าเท้ายันโครมจนแขกไม่ได้รับเชิญร่วงลงไปกองบนพื้นห้อง เจ้าตัวตะกายขึ้นมาเกาะขอบเตียง ยิ้มเผล่ทั้งที่ตาปรือ

   “Good morning SWEET HEART” เสียงติดแหบเน้นคำจนน่าหงุดหงิด อีกฝ่ายอาศัยจังหวะที่เจ้าของห้องเผลอ คว้าหลังคอให้ก้มลงมาหา จูบปากดังจุ๊บ “Morning kiss จ๊ะ”

   “Morning kiss งั้นเหรอ... อรุณสวัสดิ์ไอ้จิ้งจอกเวร! เสนอหน้ามานอนเตียงฉันได้ยังไงฮะ!! แล้วไหนบอกว่าเครื่องลงสิบโมงไง”

   ผมกระโดดลงพื้นยกเท้าเหยียบจิ้งจอกรัวๆ ชินหัวเราะเสียงดัง ยิ่งยิ้มหวานเมื่อเห็นว่ามุมปากผมเองก็ยิ้มอย่างยินดี มือหนาลูบขาหวิดจะโดนผมก้านคอ หากไม่เกิดเหตุการณ์ต่อจากนี้ ฝ่ามือประคองบรรจงจูบหลังเท้าก่อนเงยหน้าสบนัยน์ตาพราวระยับ

   “กลับมาแล้วท่านซาตาน”

   ผมชักเท้ากลับ อารมณ์ขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายมาไม่บอกปลิวหายเป็นปลิดทิ้ง ย่อตัวลงคุกเข่าคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอด ชินลูบหลังผมเบาๆ

   “ยินดีต้อนรับกลับมา”

   “อื้ม คิดถึงนายจัง เพราะแบบนี้แหละฉันถึงรีบมาไวกว่ากำหนด”

   “เลยแอบย่องเข้าบ้านกลางดึกเพราะไม่อยากปลุกให้วัตตื่น และเนียนมานอนกับฉันสินะ” ผมต่อประโยคอย่างรู้ทัน พอผละออก สองมือประคองหน้าอีกฝ่าย ชินยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไรหนวดจางๆ ผมใช้นิ้วโป้งถูเล่น นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็น เพราะชินเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีอยู่เสมอ นี่คงจะโหมทำงานเพื่อเร่งเวลากลับมา

   “อะแฮ่ม!”

   เสียงกระแอมหน้าประตู ไม่ทำให้เราผละออกจากกัน ดวงตาสองคู่มองผู้มาเยือนที่ยืนกอดอกหน้าขึ้นสี

   “ขอโทษทีที่มาขัดฉากหวานของพวกพี่นะ พอดีผมเห็นของในห้องนั่งเล่นกับกระเป๋าเดินทางเลยวิ่งขึ้นมาดู เอ่อ...เอาเป็นว่าพวกพี่เชิญต่อกันตามสบาย ผมขอลงไปทำมื้อเช้าก่อน พวกพี่ไม่ต้องรีบลงมาก็ได้นะ ผมจะเก็บอาหารไว้ให้”

   วัตพูดรัวสีหน้าเคอะเขิน เกาหัวแบบไม่รู้จะวางมือที่ไหนดี แม้จะเห็นมาตั้งแต่เด็ก ถึงงั้นฉากหวานแผ่ออร่าสีชมพูพริ้งขนาดนี้น้อยนักจะได้เจอ สุดท้ายเลยกดล็อกประตูปิดให้อย่างดี ต่างคนต่างหมดอารมณ์จะหวานต่อ ชินลุกขึ้นยื่นมือมาดึงให้ผมลุกตาม

   “วัตคงดีใจที่นายกลับมา”

   “ฉันรู้ แล้วนายล่ะ ดีใจมากรึเปล่า” จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ยิ้มใส่ตา

   “หึหึ”

   ผมไม่ตอบ แค่หัวเราะเสียงต่ำในคอลากคอมันเข้าห้องน้ำไปกระชับความสัมพันธ์ให้หายคิดถึง รอดูอะไรกัน ผมไม่ให้ดูหรอก

   เรื่องราวหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน ชินกลับมาทำงานตามเดิม เราสร้างทวีปใหม่ขึ้นตามที่วางแผนกันเอาไว้เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้เล่น รวมถึงอัพเดตอะไรใหม่ๆ อีกมหาศาล ต่อให้เป็นนักเล่นเกมมืออาชีพ ใช้เวลาเป็นปีก็สืบเสาะหาสิ่งที่ซ่อนไว้ไม่หมด

   พอวัตขึ้นปีสามก็เข้ามาเล่นเกมที่ผมกับชินสร้างพร้อมกับไวไว พบเพื่อนใหม่อย่างลินผู้มีความชอบแบบที่ผมไม่อาจเข้าถึงและบุคคลน่ารังเกียจที่สุดในโลก ว่าที่ลูกสมุนของซาตาน กลวัชร เจ้าเด็กตัวดำสมองอัจฉริยะ นิสัยแรกเจอเหลือรับยิ่งกว่าแฝดนรก ผมเกือบจะหักคอตายเสียหลายรอบ โดยเฉพาะเรื่องที่มายุ่งกับน้องชายของผม ดีที่ท่านซาตานคนนี้ยังใจเย็นพอ ใช้ประโยชน์จากเจ้าหนูนั้นในการคุ้มครองวัตจากแผนการร้ายของรุจ

   ราวกับการเพาะต้นกล้าแห่งความเลวร้าย พวกเราหาทางจัดการรับมือทุกวิถีทางจนกระทั่งเกิดเรื่องใหญ่เกินความควบคุม น้องชายผมตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ทุกคนเคร่งเครียดแทบสติแตก ผมกับกลตามล่าจนถึงตัวของรุจ จัดการทุกอย่างในโค้งสุดท้าย เสียเวลานั่งเก็บกวาดสิ่งที่รุจทำเกือบครึ่งปี ผลจากการร่วมมือของทุกคนในที่สุดก็จบลงได้ด้วยดี

   เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น น้องชายของผมเลือกคู่ชีวิตของตัวเอง วัตและกลอยู่ที่บ้านของเรา ขณะที่ผมยังคงแวะเวียนกลับไปเป็นระยะพลางโขกสับน้องเขยที่ทำงาน ไวไวกับลินได้แต่งงานกันมีลูกสาวหนึ่งคน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมคาดไม่ถึงเลยก็คือ

   กลและวัตมีโซ่คล้องใจตัวน้อย หลานชายของผม ซึ่งถือกำเนิดจากความรัก ความเสียสละของลินและวิทยาการทางการแพทย์ที่ล้ำหน้า

   ไม่ใช่แค่พวกเราที่เป็นปลื้ม ผู้ใหญ่สองครอบครัวยิ้มแก้มปริกันทั่วหน้า พร้อมๆ กับสายตาร้อนแรงจากพ่อชินและพ่อผมจ้องเขม็งมาทางพวกเราอย่างกับจะสะกดจิต ผมรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร แต่ผมกับชินแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฝันไปเถอะว่าผมจะมีลูก แค่งานตอนนี้ก็ท่วมหัวจนแทบไม่ได้พักผ่อน จะเอาเวลาที่ไหนไปเลี้ยงลูกกัน

   มนุษย์ตา มนุษย์ปู่ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก เหมือนจะยอมวางมือจากพวกเราไปช่วงหนึ่ง พอบันแต่งงานมีลูกบ้าง สองคนนั้นรู้เข้า ทั้งข้อความทั้งโทรศัพท์กระหน่ำกดดันผมเสียเหลือเกิน ประเดี๋ยวจะมีหลานให้เลี้ยงซะให้เข็ด...

   เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีอีกคนหนึ่งที่ผมไม่เคยลืม ชายผู้แอบรักผมข้างเดียว พญานกผู้น่าสงสาร ตอนนี้ไม่ใช่นกไร้คู่อีกต่อไปแล้ว ช่วงเวลาที่ผมกำลังพักดื่มกาแฟฝีมือชินอย่างเป็นสุขนั้น คนที่นานๆ ครั้งจะติดต่อมาสักทีเปิดวีดีโอคอลกับผม

   /สวัสดี อะไรกัน ฉันติดต่อมาทีไรเห็นนายดื่มกาแฟทุกที/

   “เป็นเพราะนายชอบโผล่มาได้จังหวะต่างหาก คอลมาได้แบบนี้ ว่างแล้วเหรอพ่อนาวาเอก” ผมพูดแซว ตอนนี้อินทรีเลื่อนขั้นมาทำหน้าที่แทนญาติเต็มตัวแล้ว

   /ว่างสิ ลาหยุดมา ฉันจะมาบอกข่าวดีกับนาย/

   น้ำเสียงมีความสุข สีหน้าก็สดใสพลอยทำให้ผมยิ้มตาม ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยดึงชินที่ทำงานอยู่ข้างๆ มาร่วมฟังข่าวดีด้วยเลย สองคนนี้ญาติดีกันแล้วครับ มีการผงกหัวทักทายกันเล็กน้อย

   “เอ้า ว่ามา”

   /คือว่า...ฉัน/ ไอ้อากาศเขินอายแก้มขึ้นสีนี่มันอะไร ผมกับชินขมวดคิ้วมองหน้ากัน จ้องกดดันจนอินทรียอมพูดออกมา

   /อย่าจ้องแบบนั้นสิ คือ...ฉันกำลังจะแต่งงานปลายเดือนหน้า อยากเชิญพวกนายมางานด้วย พวกนายสะดวกรึเปล่า/

   พวกเรายิ้มกว้าง มิน่าทำไมพ่อทหารเรือผู้เคร่งขรึมถึงได้ออกอาการเขินแบบนี้

   “สะดวกอยู่แล้ว! เพื่อนรักจะแต่งงานทั้งที ใช่ไหมชิน”

   “อ่าฮะ นายเตรียมเสียเงินกับประตูเงินประตูทองได้เลย” อินทรีหัวเราะตบกระเป๋าเสื้อเป็นเชิงบอกว่าเรื่องแค่นี้สบายมาก

   /ไว้ฉันจะส่งการ์ดแต่งงานให้พวกนายอีกทีนะ วิน ในที่สุดฉันก็พบคนที่ใช่สำหรับฉันแล้ว นายช่วยมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ฉันได้ไหม/ เจ้าตัวออกปากขอด้วยความหวัง ผมจะทำลายความสุขเพื่อนได้ยังไง

   “ได้สิ ยินดีด้วยนะ ที่เจออีกครึ่งของตัวเอง”

   รอยยิ้มกับใบหน้าอ่อนโยน สำหรับอินทรีแล้วมันไม่ต่างจากการอวยพรของเทพ แม้ใครต่อใครจะบอกว่าคนตรงหน้าเป็นซาตานก็ตาม

   /ขอบคุณพวกนายมาก…/

   ระหว่างที่พวกเขากำลังถามสารทุกข์สุขดิบกัน เสียงใสๆ ดังแทรกเข้ามาพร้อมกับเจ้าของเสียง

   /อินคะ ทุกคนมากันแล้ว รีบออกไปต้อนรับกันเถอะค่ะ…อ๊ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังคุยเพื่อนอยู่/ หญิงสาวผู้มีหน้าตาธรรมดา แต่บุคลิกท่าทางที่แสดงออกมาให้เห็นนั่นงดงามกว่านางงามที่ไหนซะอีก ใบหน้าเล็กแย้มรอยยิ้มหวาน ดวงตาทอประกายสดใสแฝงความรู้สึกผิด

   /ขอโทษด้วยนะคะ ที่มาขัดจังหวะ/

   “ไม่เป็นไรครับ เฮ้ย ไอ้ไก่บ้าน ไม่คิดจะแนะนำว่าที่ภรรยาในอนาคตหน่อยเหรอ” จิ้งจอกเริ่มออกลายให้อินแยกเขี้ยวจ้องเขม็งใส่ แต่เพราะมีผมนั่งอยู่ด้วยเลยยอมแนะนำโดย

   /นี่วิลัยคนรักของฉันเอง ส่วนคนผมทองหน้าตาเหมือนเทพบุตรคนนั้นชื่อวิน ไอ้หมาบ้านข้างๆ นั่นชื่อชิน/

   การแนะนำที่แสนลำเอียงเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากร่างเล็กข้างกาย พวกเราทักทายกันแค่เล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้อินทรีไปรับหน้าครอบครัวแฟนสาวที่มาเยี่ยมถึงบ้าน เห็นใบหน้าเปี่ยมสุขของว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวทำให้ผมเกิดความคิดอะไรบางอย่าง

   “ชิน เรามาแต่งงานกันบ้างมะ” ผมเปรยขึ้นลอยๆ ขณะจิบกาแฟ

   “ก็ดีนะ เอาเมื่อไหร่ดี ถัดจากอินเลยเป็นไง”

   “นายจัดการเลย”

   “รับทราบ ท่านซาตานที่รัก” ชินโน้มกายมาจูบรอยสักที่หลังคอ ก่อนจะโดนผมโบกมือไล่ให้กลับไปทำงานตามเดิม

   ผมนึกทบทวนทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ พวกเราล้วนฝ่าฟันกันจนถึงจุดนี้ได้ เพราะเรารู้จักความทุกข์ ถึงรู้ว่าความสุขนั่นดีมากแค่ไหน ยามประสบปัญหาผู้ช่วยที่ดีที่สุดคือครอบครัวและคนสนิทใกล้ตัว อุปสรรคยากแค่ไหน ขอแค่มีสติก็สามารถผ่านมันไปได้อย่างงดงาม ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ ทุกคนคิดเหมือนผมไหม

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุด พาทพิเศษของท่านซาตานวินก็จบลงด้วยดี
จะบอกว่าจบบริบูรณ์ทุกอย่างก็ไม่ผิดนัก
หากจะมีคงเป็นตอนพิเศษขำๆ มากกว่า
ตอนนี้กำลังหันมาจับงาน ซีรี่ย์มหาลัยอย่างจริงจัง จบพี่วินได้เปิดคู่ป๋ามิทสักทีเย้! :mc4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 31-05-2016 15:46:49
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อยากอ่านตอนทั้งคู่แต่งงานกันอะ
งืออออออออออ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-05-2016 20:11:03
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 31-05-2016 22:36:42
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณผู้แต่งนะคะ
นิยายคุณสนุกค่ะ กระชับดี
ปกติแนวนี้มักไม่เป็นที่นิยมเท่าไร บางเรื่องก็แต่งไม่จบ เนื้อเรื่องก็ยืดเยื้อ อันนี้ต้องขอบคุณวัตเลยที่เป็นเซียนเกมแล้ว เวลาบรรยายจะได้ไม่ต้องไปเริ่มตั้งแต่ต้น อัพเวลกันเร็วมากด้วยส่วนตัวคิดว่าถ้ามัวไปบรรยายตอนเก็บเวลเยอะคงน่าเบื่อเกินไปค่ะ

แต่ตอนพี่วินนี่ขอได้มั้ยคะ อย่าเพิ่งจบเลย #ทีมพี่วิน
อยากรู้เรื่องของนางและสามีหลังจากแต่งงานและมีลูกไม่งั้นคงค้างมาก คนอื่นเขามีครอบครัวกันหมดแล้ว บ้านชินก็มีลูกชายคนเดียวด้วย มาร่วมกับพ่อชิน/วินกดดันคนแต่งให้คู่นี้มีลูกกัน ฮา
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-06-2016 00:12:03
รออีกกกกก
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-06-2016 05:14:49
ความรักของซาตานวิน กับจิ้งจอกชิน ช่างปิดๆบังจัง
ไม่ได้เห็นความโรแมนติก เร่าร้อนเลย ก็จบซะละ
แค่สานสัมพันธ์กันในห้องน้ำ(ไม่บรรยาย) จุมพิตต้นคอ อะร้ายยยย  น้อยไปน้าาาา
ขอฉากวาบหวิวของท่านซาตานวินหน่อย ขอร้อง นะ นะ :mew1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-06-2016 17:30:14
อ่านแล้วมันน่าสนุกอ่าาา อยากให้โลกจิงมีแบบนี้บ้างจัง ฮ่าๆๆๆๆ   o18
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 05-06-2016 19:23:41
 :mew3: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 02-07-2016 21:52:30
อ่านนิยายเกี่ยวกับโลกเกมออนไลน์มาก็หลายเรื่อง มีเรื่องนี้แหล่ะ ที่เราอ่านแล้วไม่งง ไม่ได้ใช้ศัพท์ย่อ ไม่อธิบายยาวเหยียด แต่เข้าใจได้ง่ายๆจากบริบทที่ใช้

เราอ่านนิยายมาเป็นสิบปีละ ช่วงที่อ่านแล้วเขิลตัวบิด หรืออ่านแล้วมีความสุขแบบยิ้มกว้างๆนี่ก็ผ่านมาหลายปีละ เรื่องนี้ทำให้เรากลับไปมีความสุขแบบนั้นอีกครั้ง ชอบกลอ่ะ เป็นพระเอกที่โคตรพระเอก เก่งเวอร์วังมันทุกเรื่อง แต่ตอนหื่นหรือตอนแสดงความรักนี่ทำเราอดเขิลตามไม่ได้

วัตเป็นตัวละครในเรื่องที่เราชอบมาก คือไม่เคะจ๋า ออกสาว แต่เป็นเด็กวัยรุ่น เกรียนๆ แมนๆคนหนึ่งที่มาพร้อมกับทักษะแม่บ้านเต็มเปี่ยม ไม่ซึนด้วย คือรู้ใจตัวเองดี และไม่ปิดกั้น ทำให้ฉากสวีทของพระนายมันฟินสุด


คู่พี่ชินวิน นี่ยกให้เป็นหนึ่งในดวงใจ ไม่คิดว่าพี่ซินมาดเคะราชินีของเราจะเป็นฝ่ายขอคบก่อน แอร้ยยย ฉากที่ทั้งคู่...กันครั้งแรกในคอนโดพี่ชิน ทำเราเขิลหนักมาก หลงพี่วินขั้นสุดอ่ะ

ขุนพลกับนายท่าน ให้ให้เรากลายเป็นทาสแมวตามไปด้วย ทั้งๆที่ในชีวิตจริงเราสุดแสนจะไม่ชอบแมว แต่อ่านเรื่องนี้คือ งื้ออออ รักขุนพลอ่ะ พ่อแมวน้อย?จอมบื้อ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 03-07-2016 00:50:49
อ่านนิยายเกี่ยวกับโลกเกมออนไลน์มาก็หลายเรื่อง มีเรื่องนี้แหล่ะ ที่เราอ่านแล้วไม่งง ไม่ได้ใช้ศัพท์ย่อ ไม่อธิบายยาวเหยียด แต่เข้าใจได้ง่ายๆจากบริบทที่ใช้

เราอ่านนิยายมาเป็นสิบปีละ ช่วงที่อ่านแล้วเขิลตัวบิด หรืออ่านแล้วมีความสุขแบบยิ้มกว้างๆนี่ก็ผ่านมาหลายปีละ เรื่องนี้ทำให้เรากลับไปมีความสุขแบบนั้นอีกครั้ง ชอบกลอ่ะ เป็นพระเอกที่โคตรพระเอก เก่งเวอร์วังมันทุกเรื่อง แต่ตอนหื่นหรือตอนแสดงความรักนี่ทำเราอดเขิลตามไม่ได้

วัตเป็นตัวละครในเรื่องที่เราชอบมาก คือไม่เคะจ๋า ออกสาว แต่เป็นเด็กวัยรุ่น เกรียนๆ แมนๆคนหนึ่งที่มาพร้อมกับทักษะแม่บ้านเต็มเปี่ยม ไม่ซึนด้วย คือรู้ใจตัวเองดี และไม่ปิดกั้น ทำให้ฉากสวีทของพระนายมันฟินสุด


คู่พี่ชินวิน นี่ยกให้เป็นหนึ่งในดวงใจ ไม่คิดว่าพี่ซินมาดเคะราชินีของเราจะเป็นฝ่ายขอคบก่อน แอร้ยยย ฉากที่ทั้งคู่...กันครั้งแรกในคอนโดพี่ชิน ทำเราเขิลหนักมาก หลงพี่วินขั้นสุดอ่ะ

ขุนพลกับนายท่าน ให้ให้เรากลายเป็นทาสแมวตามไปด้วย ทั้งๆที่ในชีวิตจริงเราสุดแสนจะไม่ชอบแมว แต่อ่านเรื่องนี้คือ งื้ออออ รักขุนพลอ่ะ พ่อแมวน้อย?จอมบื้อ

ขอบคุณจ้า อ่านคอมเม้นแล้วฟินมาก  :-[
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-07-2016 04:17:17
สนุกมากกก อ่านรวดเดียวจบเลย

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 04-07-2016 15:36:36
สนุกมากกกกกกก "ดีใจที่ไม่พลาดเรื่องนี้"
ปกติไม่ใช่คนที่อ่านนิยายแนวนี้เลย เพราะไม่ชอบการบรรยายตอนเล่นเกม(ส่วนใหญ่มันเวิ่นมากเกิน) เรื่องนี้คือ "สนุก" แบบวางไม่ลงจริงๆ เห็นแนะนำในกระทู้นิยายแนะนำเลยลองมาอ่าน ปรากฏว่าชอบมากๆๆๆๆ  o13 คนเขียนทำเราติดใจมากเลย อยากอ่านต่อไปอีกเรื่อยๆ เนื้อหาไม่ยัดเยียดให้เราต้องรู้ว่าเกมเป็นแบบไหนหรือเน้นบรรยายมากเกินไป ขอกอดแน่นๆที  :กอด1:
คุณทำให้เราประทับใจมากๆในนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :)
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 05-07-2016 15:39:22
สนุกมากค่ะ
แต่มีพิมพ์ชื่อผิดนะคะ ทำให้งงเป็นบางช่วง
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 06-07-2016 04:56:14
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ เพราะเป็นแฟนตาซีแบบในเกม และยังมีชีวิตปกติของคนเล่นเกม แปลกดีค่ะ แต่ก็สนุกมากเลย ชอบที่กลกับวัตชอบกันรักกันก็ไม่มีเขินอายหนีกันค่ะ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up กำเนิดซาตานวิน12-13(จบ) 31/5/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 13-07-2016 10:49:15
 :-[ แบบว่าอยากได้ภาค 2 เบยอ่ะ ได้โปรด เรารักทุกคน อ่านมา3 รอบแล้ว พอรอบนี้อ่านรอบที่ 3 จบวินพอดี แบบว่าไม่อยากให้จบจริง เรื่องนี้ อ่านง่ายเราชอบ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 03-09-2016 01:30:21
*ตรวจคำผิดแล้วจะลงซ้ำ

เป็นเรื่องราวหลังจากจบเรื่องหลักและภาคกำเนิดซาตานวิน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Lv.พิเศษ So Hot

    วันหยุดอันแสนหาได้ยากยิ่งของนาย ‘อาชวิน’ กลับไม่สวยงามอย่างที่คิด...

   “ร้อนมาก ร้อนจะตายอยู่แล้ว ทำไมเมืองไทยมันร้อนขนาดนี้ ความจริงฉันไม่น่าหยุดเลย ควรทำงานที่บริษัทตากแอร์ฟรีดีกว่า”

   ชายหนุ่มกำลังนอนแผ่กางแขนขาเป็นปลาดาวอยู่ตรงระเบียงบ้าน พัดลมสองตัวถูกเปิดจ่อพัดผมชื้นเหงื่อ ท่อนบนเปลือยเปล่าอวดผิวขาวผ่องหลังจากทำงานอยู่แต่ในห้องแอร์มาเป็นเวลาหลายปี ท่อนล่างเป็นกางเกงบ็อกเซอร์ปล่อยลมพัดผ่านสร้างอากาศระบาย หมดแล้วซึ่งสภาพเทพบุตรซาตานที่ใครต่างหลงใหล ใกล้กันนั้นมีแมวสายพันธุ์แองโกล่านอนหงายท้องตายอีกตัว

   คุณอัศวินปีศาจมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย วินที่บ้างานอย่างกับอะไรดี ถูกเพื่อนควบตำแหน่งประธานอย่างเจ้าบันบังคับให้หยุดเพื่อพักผ่อนบ้าง โดยมีเหล่าลูกสมุนในแผนกเป็นผู้ช่วยกดดันเพราะเกรงว่าหากปล่อยหัวหน้าทำงานมากไปกว่านี้ จะเกิดความเครียดแล้วใช้พวกเขาเป็นเครื่องระบาย ช่างมีความรักเห็นใจหัวหน้ากันซะจริง

   วินที่รำคาญพวกนั้นเลยตัดสินใจหยุดกลับบ้าน แทนที่จะได้อยู่กับน้องชายและหลานสุดรัก เจ้าเด็กเลวดันพาลูกเมียไปเที่ยวทะเลคลายร้อนเพราะแอร์ที่บ้านพัง ทิ้งแมวสองตัวให้พวกพี่เลี้ยง ตัวหนึ่งอยู่ใกล้ อีกตัวลิ้นห้อยสิงสถิตอยู่หน้าตู้เย็น

   “ถ้าร้อนขนาดนั้นไปบ้านฉันมั้ยล่ะ แอร์ก็มี สระว่ายน้ำก็มี”

   ชินเสนออย่างใจกว้าง คนนอนผงกหัวขึ้นหรี่ตามอง สีหน้าจิ้งจอกดำแสดงถึงความหวังดีจากใจจริง ตรงข้ามกับแววตาพราวระยับอย่างรอคอยอะไรบางอย่าง ผมร้องเหอะ! ฝันไปเถอะ

   “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายจะทำอะไร ไปบ้านนายเหมือนเอาตัวเองเขารังจิ้งจอก ไม่มีทางซะละ”

   ผมโบกมือปฏิเสธแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด ชินแสดงสีหน้าเสียดายชัดเจน เอาตรงๆ ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ร้อน ชินมันขี้ร้อนยิ่งกว่า สภาพตอนนี้เหมือนฝืนใส่กางเกงสี่ส่วน ทั้งที่อยากถอนเปลือยใจจะขาด หากอยู่ห้องพักส่วนตัว ผมมั่นใจเลยว่าชินมันต้องนุ่งลมห่มฟ้าแน่นอน

   “นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา งั้นจะเอายังไง นายร้อนไม่ใช่เหรออยู่แบบนี้ก็ไม่ทำให้เย็นขึ้นหรอก”

   “ไม่รู้ ร้อน สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก”

   สกิลเอาแต่ใจยังคงติดตัวอย่างเดียวแน่นตั้งแต่เด็กยันโตมีหลาน ชินไม่พูดอะไรต่ออีก คงไม่รู้จะหาอะไรมาคลายร้อนให้ผมมั้ง อ่า...จะว่าไปไอร้อนจะแผ่ออกมาจากทางด้านหลังสินะ ผมพลิกตัวนอนคว่ำโดยมีนายท่านพลิกท่าเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง

   จู่ๆ มีสัมผัสเย็นเจี๊ยบมาโดนบนแผ่นหลังทำให้ผมสะดุ้งโหยง เอี้ยวตัวไปเห็นชินมันเอาผ้าชุบน้ำมาโปะหลังให้ ประเด็นคือกะละมังเล็กที่ใส่น้ำมามันมีน้ำแข็งเลยตุบป่อง เย็นจับขั้วหัวใจเลยทีเดียว

   “แก้ร้อน”

   “เข้าใจคิดดีนี่” ผมผ่อนคลายกลับมานอนคว่ำหน้าตามเดิม เฮ้อ เย็นสบาย ได้ยินเสียงชินหัวเราะในคอพร้อมๆ กับเอาผ้าอีกผืนมาโปะเพิ่ม ผมเลยนอนปล่อยให้มันบริการไป ในขณะที่คนมีน้ำใจเริ่มจะท่องพุทโธในใจ

   ผิวหลังขาวสมเป็นลูกครึ่งแต่ไม่ซีดจนดูอมโรค สะบักไหล่และกล้ามเนื้อเห็นชัดยามขยับตัว เส้นลากยาวของกระดูกไขสันหลังหายเข้าไปในกางเกงสีเข้มตัวบาง หยดน้ำใสไหลรินเป็นทางตามเรือนร่าง ผมสีเหลืองอ่อนทอประกายสวยยามเจอแสงจากภายนอก หลังคอขาวปิดด้วยเรือนผมร่ำไรชวนให้นึกถึงหญิงสาวที่สวมชุดวับๆ แวมๆ รู้สึกเซ็กซี่ ในความคิดของชิน วินช่างเป็นคนที่บาปหนาจริงๆ

   เจ้าตัวถอนหายใจเฮือก เสยผมชื้นเหงื่อไปด้านหลังเผยให้เห็นหน้าผากกว้างคิ้วเข้มกับโครงหน้าชัดเจน หากวินรู้ว่าชินกำลังคิดอะไรอยู่ในใจคงจะตอกกลับไปว่าตัวเองก็พวกบาปหนาไม่ต่างกัน ได้ยินพนักงานหญิงบางคนพูดด้วยซ้ำ คุณชินกฤตหล่อจนต้องร้องขอชีวิต เหอะ!

   “ผ้าหายเย็นแล้ว เปลี่ยนไปสิ” คำสั่งจากคุณท่านดึงสติชินให้ละสายตาจากแผ่นหลัง หยิบผ้ามาชุบน้ำใหม่ ตั้งใจว่าจะบิดหมาดแล้วโปะตามเดิม สมองปิ๊งไอเดียบางอย่างจึงเปลี่ยนใจลอบยิ้มโปะผ้าชุ่มน้ำไปบนหลัง!

   ผมได้สะดุ้งโหยงอีกรอบ น้ำเย็นชุ่มฉ่ำมันช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกายก็จริง แต่มันเปียกไปหมด ขนาดพื้นไม้ที่นอนอยู่ยังมีน้ำเป็นวง เงาสะท้อนบนประตูกระจกที่เปิดกว้างเห็นชัดเจนว่าเจ้าหมาจิ้งจอกมันกำลังคร่อมอยู่ด้านหลังผมอยู่!

   คนอยู่ด้านใต้ใช้ศอกยันอกอีกฝ่ายที่เริ่มเปลี่ยนจากคร่อมเป็นทับ

   “จะทำอะไร” เสียงกดต่ำพลางกัดฟันกรอดๆ เผลอเป็นไม่ได้ เจ้าหมาตัวนี้

   “ช่วยนายไง แบบนี้จะได้เช็ดหลังถนัด” ตอบหน้าตาย ผมถลึงตาใส่

   “ไอ้ที่นายกำลังจะทำมันช่วยให้ฉันร้อนมากกว่าเดิม ลุกไป เดี๋ยว-นี้!” ย้ำคำท้ายประโยคหนักๆ หมาชินไม่นำพาผิวปากใช้ผ้าชุบน้ำใหม่แล้วโปะเพิ่มจนหลังผมเปียกไปหมด ลามไปถึงช่วงขา อย่าถามถึงบ็อกเซอร์เลย เปียกโชกแนบจนเห็นสัดส่วนชัดเจนไปนานแล้ว

   “นายไม่เคยได้ยินเหรอ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ร้อนมากก็ต้องทำให้ร้อนยิ่งกว่าจะได้หาย” ไม่ว่าเปล่า ปลายนิ้วชี้เกี่ยวขอบกางเกงน่าหวาดเสียว

   “เฮ้ยไม่ได้ ตรงนี้มันระเบียง”

   “นายพูดผิดนะ ต้องบอกว่าในห้องนั่งเล่นติดระเบียงต่างหาก อีกอย่าง ต่อให้ไปทำกันกลางสวนก็ไม่มีใครเห็นหรอก บ้านนายปลูกต้นไม้รอบทิศขนาดนี้”

   จมูกเป็นสันก้มลงมาซุกสูดกลิ่นหอมจากกลุ่มผมนุ่ม คนด้านล่างเริ่มจะเมื่อย จะขยับตัวขึ้นก็ไม่ได้ เพราะติดอีกฝ่ายที่คร่อมทับอยู่ จนตอนนี้อะไรกับอะไรมันแนบกันไปหมด สิงร่างกันเลยไหม หา!!

   “แล้วก็นะ แพทย์ที่มาร่วมงานกับเราเขาบอกว่า ผู้ชายมันต้องระบายบ้าง อย่าปล่อยให้อัดอั้นไม่งั้นจะเสียสุขภาพได้ นายเองก็เอาแต่ทำงาน วันหยุดทั้งทีก็ควรปลดปล่อย” วาจามีเหตุผล น้ำเสียงจริงจังสวนทางการกระทำที่เริ่มจะเลยเถิด

   “อ้างไปเรื่อย ต้องการก็พูดมา ทำงานก็ทำด้วยกันถ้าอัดอั้นมันก็พอกันนั่นแหละ” ผมประชดใครจะคิดล่ะว่ามันพูดออกมาจริงๆ

   “ใช่ ฉันต้องการนาย เรามาเอากันเถอะ”

   ต่อให้ผมไม่เห็นก็เดาสีหน้าอีกฝ่ายออก มันคงพูดออกมาทั้งที่หนังหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด เจ้าจิ้งจอกหน้าด้าน อะไร หาว่าผมเองก็หนาเหมือนกัน ผมไม่ยอมรับใครจะทำไม

   “ไอ้ลูกหมา! มันใช่วัยมั้ยเนี่ย” อยากจะกรอกตา 360 องศา พวกเราอายุมากเกินกว่าจะมาพูดเรื่องหยาบโลนแบบเด็กวัยรุ่นแล้ว ของแบบนี้มันต้อง...

   ผมกระดิกนิ้วเรียกให้ชินก้มหน้าลงมา อีกฝ่ายคล้อยตามยอมทำตามว่าง่าย น่าจะเป็นการตอบรับอัตโนมัติของร่างกายที่ต้องคอยทำตามความต้องการของผมมาตั้งแต่เด็ก ผมอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายกำลังเพลินจัดศอกซ้ายเข้าคอแล้วพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนอย่างรวดเร็ว โดยมีชินกลายเป็นเบาะรองนั่งด้านล่างแทน

   ผมยกคิ้วยิ้มมุมปากให้คนพลาดท่า ดวงตาคมมองตาปริบๆ ก่อนจะถอนหายใจยิ้มละมุนให้อย่างรู้ชะตากรรม ผมหัวเราะเบิกบานก้มลงไปดูดคอหนาจนเกิดรอยจ้ำแดง

   “ฉันชอบอยู่ด้านบน เอาไว้รอบต่อไปจะยอมให้ทำตามใจ”

   “ไม่จำเป็น...ขอแค่นายพอใจฉันก็โอเคทั้งนั้น” มือหยาบยื่นมาไล้ข้างแก้ม ผมยิ้มด้วยแววตาที่อ่อนลง จับมืออีกฝ่ายมาจูบไล้ลิ้นเลียพลางปรายตามอง เพราะผมนั่งทับอยู่บนตัวชินทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่าท่าทางของผมทำร้ายอีกฝ่ายไม่น้อย จะช่วยให้สบายแล้วกันนะ

   “ถ้าฉันขอเป็นฝ่ายรุกแทนล่ะ” ท่านซาตานถามแบบไม่หวังผล สีหน้าอัศวินปีศาจถึงกับบิดเบี้ยว ทั้งชีวิตคงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวแหละที่ชินยอมผมไม่ได้จริงๆ

   นิ้วยาวปลอบขวัญคนด้านล่างให้หายตกใจ พร้อมๆ กับกับรวบของตัวเอง อาศัยการขยับเนิบช้าสร้างความสุขสมพร้อมอาศัยน้ำช่วยเตรียมพร้อม

   ผ้าม่านถูกปิดด้วยฝีมือจิ้งจอกที่เกิดอาการหวงคนบนตัว ดวงตาสีเข้มซึมซับภาพแสนเร่าอารมณ์เบื้องหน้า ใบหน้าขึ้นสี ปอยผมชื้นเหงื่อและดวงตาหรี่ปรือตามแรงอารมณ์ ริมฝีปากได้รูปเผยอออกหอบหายใจระหว่างขยับกายคุมเกม สองมือจิ้งจอกจับกระชับสะโพกสอบนวดเฟ้นปลุกเร้า

   ระหว่างนั้นแอบสะดุ้งนิ่วหน้าเป็นพักๆ เมื่อซาตานคนดีขบกัดทิ้งรอยตามร่างกายอย่างเอาแต่ใจ วินเลียริมฝีปากยามเห็นสีหน้าทรมานของคนรัก ชินชักจะทนไม่ไหวกระชับฝ่ามือยึดบั้นท้ายได้รูปสวยหมายจะทำตามใจ วินรู้ทันจับข้อมืออีกฝ่ายกดติดกับพื้นพลางสอดประสานนิ้ว ดูเผินๆ ราวกับจิ้งจอกหนุ่มเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เบื้องล่างท่านซาตานยังคงขยับเอวรองรับ

   จังหวะที่เสร็จสมใจ ผมกำลังพักหายใจหลังลงแรงไปเสียมากมาย ฉับพลัน! ร่างกายถูกพลิกกลับ โลกหมุนชั่ววูบ รู้สึกตัวอีกทีก็มานอนด้านล่างเสียแล้ว มือหนายกสะโพกรั้งให้แนบชิดกับตัวเอง ผมเหยียดยิ้มมุมปากยามเห็นแววตาคล้ายสัตว์ป่าที่จวนจะคุมตัวเองไม่อยู่บ็อกเซอร์ตัวเดิมถูกรูดไปคาตรงข้อเท้า ขาขาวตวัดล็อกเอวหนา วงแขนโอบรอบคอดึงให้อีกคนก้มลงมารับจูบดูดดื่ม

   เสียงหอบหายใจคละเคล้าเสียงเสียดสีของผิวกาย ความวาบหวานจนเผลอแอ่นอกรับสัมผัสจากปากร้อนที่พรมจูบทุกสัดส่วน ฉากหลังผ้าม่านพลิ้วไหวตามกระแสลมอ่อน แสงแดดเล็ดลอดเข้ามากระทบร่างที่โอบรัดกัน เกิดเป็นภาพชวนฝัน

   เปลี่ยนสถานที่บ้างก็ไม่เลวเลยทีเดียว...

   ยามเสร็จกิจจิ้งจอกหนุ่มถูกใช้งานให้ช่วยชำระกายท่านซาตานจนหอมฟุ้ง สวมเสื้อผ้าใหม่มานอนเอนกายเท้าหัวดูทีวีโดยมีบริวารเป็นแมวขนฟูสองตัว แองโกล่าสีขาวหมอบนอนให้ลูบไล้ไปตามแนวหลัง เมนคูนตัวเขื่องกลายเป็นหมอนอิง

   ชินมองเหล่าแมวอย่างอิจฉา มือบิดผ้าเช็ดพื้นเป็นหน่วยเก็บกวาด ช่วงบ่ายวันนั้นช่างเข้ามาดูแอร์ให้ตามที่โทรแจ้ง ในที่สุด บ้านก็กลับมาเย็นฉ่ำตามเดิม ชินอดที่จะเสียดายเล็กๆ ไม่ได้ หากได้หาวิธีคลายร้อนให้กับวินอีกสักรอบก็ยังดี

   ผ่านไปสองวัน กล วัตและตินน้อยกลับมาบ้านพร้อมอาหารทะเลมากมายใส่กระติกนวัตกรรมใหม่สำหรับการถนอมความสดอย่างดี เย็นวันนั้นพวกเขาเลยมีปาร์ตี้ซีฟู้ดกันในสวนข้างบ้าน

   “ระหว่างผมไม่อยู่เป็นไงกันบ้าง” วัตถามพี่ชายที่กำลังง่วนกับการแกะกุ้งให้หลาน ทั้งที่ปกติร้อยวันพันปีใช้งานแต่พี่ชิน

   “ก็ดี...แต่ร้อนในหลายๆ ความหมาย” ผมยิ้มมีเลศนัยให้น้องชายลับหลังหลาน มือป้อนกุ้งให้ตินน้อยเคี้ยวตุ้ยๆ แก้มป่องอย่างน่าฟัด

   “เห~ ผมควรกลับมาช้ากว่านี้รึเปล่า คงไม่ได้ขัดจังหวะพวกพี่หรอกใช่ไหม” วัตเสียงดี เวลาหัวเราะยังน่าฟัง พี่ชายหมั่นไส้ยื่นไปมือโบกหัวด้วยความรัก

   “ทำมาเป็นพูดดี ถ้าไม่ติดว่าตินอยากเที่ยวทะเล คงจะทิ้งหลานให้พี่เลี้ยงแล้วสิ รู้นะว่าอยากไปฮันนีมูนกันสองต่อสอง” ถึงคราวผมแซวกลับบ้าง วัตหน้าแดงก่ำแยกเขี้ยวใส่ จะสู้กับพี่ยังเร็วไปหลายล้านปีแสงเจ้าน้องชาย

   “แม่ไม่อยากพาตินไปเที่ยวด้วยเหรอครับ!” หมาน้อยหูผึ่งเมื่อมีเรื่องตัวเองอยู่ในบทสนทนา ผมยิ้มมองพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง

   “ไม่ใช่ๆ แม่ต้องอยากให้ตินไปด้วยอยู่แล้วสิ”

   เจ้าตัวเล็กดิ้นยุกยิกลงจากตักผม เกาะขาแม่มองตาแป๋ว

   “จริงนะ! ถ้างั้นหลังจากนี้ถ้าแม่ไปไหนแม่ต้องพาตินไปด้วย นอนก็ต้องนอนกับติน”

   “เอ...เอาไงดีนะ” วัตเริ่มคิดหนัก พอดีกับที่เจ้าลูกศิษย์เวรมันเดินมาพร้อมกุ้งย่างร้อนๆ จานใหม่ หน้างี้ถมึงทึงเชียว หวงน้องชายผมขั้นสุด ขนาดลูกยังไม่เว้น ส่วนผมน่ะเหรอ? นั่งเฉยรอดูเรื่องสนุก ไม่ว่าตินจะอ้อนวัตสำเร็จหรือไม่ อย่างน้อยๆ ผมก็ได้กวนอารมณ์เจ้าเด็กบ้านั่น

   “ไม่ได้ วัตต้องนอนกับพ่อ” เสียงเข้มมาเชียว ตินน้อยทำหน้ายุ่ง เด็กวัยห้าขวบทำอะไรก็น่ารักไปหมด

   “พ่อนอนกับแม่ทุกวัน ถึงตาแม่นอนกับผมบ้าง!!”

   “บอกว่าไม่ได้ ก็คือไม่ได้ ตินโตแล้วต้องนอนคนเดียว” หมาป่าหนุ่มกอดอกจ้องลูกชาย มีคนรักยืนเก้าแก้มปลงกับศึกชิงแม่ประจำวัน

   “พ่อก็โตแล้วนอนคนเดียวสิ ตินยังเป็นเด็กต้องให้แม่นอนด้วย” มือเล็กจับแขนวัตแน่น เห็นว่าเถียงพ่อไม่ชนะเลยหันมาอ้อนแม่แทน เด็กคนนี้มันร้ายเหมือนพ่อไม่มีผิด “นะครับแม่ นอนกับผมนะ” หมาน้อยกอดเอวซุกหน้ากับขาวัต คนถูกแย่งนิ่งคิดก่อนจะยิ้มกว้างอุ้มลูกชายแล้วหันไปมองกล

   “งั้นนอนด้วยกันสามคนเหมือนตอนไปเที่ยวกัน”

   “เย้!” ตินชูสองแขนส่งเสียงร่าเริง

   “เอางั้นก็ได้”

   สามพ่อแม่ลูกพอตกลงกันได้ก็หันมากินต่อ วัตแกะกุ้งให้ทั้งลูกทั้งคนรัก กลเองก็คอยแกะปูป้อนลูกตามด้วยแม่ ส่วนตัวเองกินที่หลัง เป็นการแสดงความรัก ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ผมมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกยินดี น้องชายมีความสุขผมก็โอเค

   ชินรับหน้าที่ย่างหมึก ใช้มีดหั่นใส่จานขนาดพอดีคำตามมาสมทบที่หลัง จมูกโด่งชิงหอบแก้มในจังหวะที่ครอบครัวสุขสันไม่ทันหันมามอง

   “มองตาไม่กระพริบแบบนี้ อยากมีบ้างไหม”

   ผมขยับเก้าอี้เลื่อนจานให้ชิน

   “ไม่ล่ะ ฉันกับนายมีเวลาดูแลซะที่ไหน อีกอย่างมีแค่นายฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว”

   “พูดจาน่าฟัง คืนนี้นอนบนตัวฉันนะ”

   “ไม่มีปัญหา...”

   ดวงตามองสื่อความรู้สึกโดยไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด ริมฝีปากจุมพิตกันแผ่วเบา

   “อะแฮ่ม! พี่ๆ ครับที่นี่มีเยาวชนอยู่นะ”

   น้องชายกระแอมเตือน กลมองด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย สองมือยกปิดตาลูกชาย

   “ไหนๆ เกิดอะไรขึ้น ตินอยากเห็น พ่ออย่าปิดตาติน” มือเล็งพยายามแงะมือใหญ่ที่ปิดมิดหน้าออก ผมพยักหน้าให้กลปล่อย แล้วหยิบหมึกเป่าคลายร้อนป้อนใส่ปากตัวเล็ก

   “มีแต่หมึกนี่แหละ กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ”

   “อื้ม!” ตินตินรับเสียงใส ป้อนลูกหมาไปแล้ว หมาตัวใหญ่เริ่มออกอาการเรียกร้อง ส่งขาหน้ามาสะกิดแขนยิกๆ ผมรำคาญเลยจิ้มหมึกร้อนควันกรุ่นยัดใส่ปากให้ ชินต้องรีบกระดกน้ำเย็นตามมองด้วยสายตาตัดพ้อ เจ้าเด็กกลมองเหมือนจะเย้ยเพราะตัวเองมีวัตป้อนอย่างดี ก่อนสะดุ้งเพราะกินหอยหวานร้อนๆ จากลูกชาย ชะตากรรมไม่ต่างจากชิน แบบนี้แหละเขาเรียกว่า หัวเราะที่หลังดังกว่า!

หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 03-09-2016 06:12:29
So hot จริงง ซาตานวินน่ารักเหมือนเดิม ชอบชินมาก ดูแลวินดีตลอดเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-09-2016 13:38:37
 :impress2: คริบครัวสุขสันต์จริงๆ
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 03-09-2016 22:26:37
น่ารัก น่ารัก น่ารักกกกกกกกกก
อ๊ายยยยยยยย
อย่างนี้ต้องอ่านอีกรอบ 555+
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 03-09-2016 22:36:09
อ่านจบแล้ววว สนุกมากเลย อ่านไปฟินไป555
หัวข้อ: Re: Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fammi50 ที่ 03-09-2016 23:21:05
น่าร้ากกกกกกกกกกก :-[
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 09-09-2016 12:41:38
ชอบมากเลยค่าาาา  :ling1: สนุกสุดๆ หาอ่านแนวนี้ยากจริงๆแหละค่ะ เสียอย่างตรงที่มีคำผิด แล้วคำตกหล่นไปบ้าง ที่เหลือเยี่ยมค่ะ  :hao7:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-09-2016 18:01:57
ออยยย!! ตินลูก น่ารักจิงๆ
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 13-09-2016 09:21:43
สนุกมาก
สารภาพว่ากดมาอ่านเรื่องนี้แบบเบลอๆ อ่านไปถึงพึ่งรู้ว่าเป็นแนวออนไลน์ที่ไม่เคยอ่านจบเลยสักครั้ง
แต่เรื่องนี้อ่านยาวรวด 3วัน 3 คืน สนุกมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 13-09-2016 10:47:29
ครอบครัวสุขสรรค์มาก
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-09-2016 12:35:06
เรื่องนี้น่ารัก...
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 16-09-2016 23:21:38
ดีอ้ะ ครอบครัวสุด
น่ารักกันทุกคน ติดฝนน้อยก็น่าร้ากก >_<
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NewBaBy ที่ 03-10-2016 14:46:13
พึ่งมาเจอ ขอเเปะไว้ก่อนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ So Hot(ชิน-วิน) 3/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 10-10-2016 12:38:04
สนุกมาก
ไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้
ตอนแรกนึกว่าเกมส์ออนไลน์ปกติ
พออ่านเรื่อยๆถึงรู้ว่าติดมาก
ชอบพาร์ทชิน-วินที่สุด
อารมณ์เคะราชินีที่มีสามีเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์
โอ๊ย ชอบ อยากให้ทั้งคู่มีลูก
ลูกคงจะเก่ง เจ้าเล่ห์สุดๆ
หวังว่าวินจะใจอ่อนยอมมีลูกซักคนนะ
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์ 5/2/6]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 05-02-2017 00:04:08
Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์ 1

   ‘อติวิชญ์’ คือชื่อของผม ชื่อเล่นว่าติน บางคนเรียกตินติน ส่วนคำว่าตินน้อยผมขอสงวนให้แม่วัตผมเรียกคนเดียวเท่านั้น เข้าใจตรงกันนะ

   ครอบครัวผมค่อนข้างพิเศษเพราะมีแม่เป็นผู้ชาย มีพี่เป็นแมวสองตัว กับเพื่อนบ้านที่เป็นญาติกันแบบงงๆ มันค่อนข้างจะซับซ้อนสักหน่อย ด้วยความที่แม่ผมตั้งท้องไม่ได้ เลยให้แม่ลินเป็นคนตั้งท้องผม ด้วยเหตุนี้ผมเลยมีสายเลือดเดียวกับวิเด็กสาวข้างบ้าน

   ชื่อเสียงเรียงนามสมาชิกในบ้านก็มี แม่วัต ชื่อเต็มไม่บอกหวง พ่อกล ชื่อเต็มไม่บอก เพราะผมไม่ได้ใส่ใจจำ พี่นาย(ท่าน) กับพี่ขุน(พล)

   เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวันของผมจะอยู่กับแม่ตลอด ยกเว้นเวลาที่ผมเข้ามหา’ลัยกับเวลาเที่ยวตามประสาวัยรุ่นอย่างวันนี้…

   สามหนุ่มสามมุมในชุดนักศึกษาดึงเสื้อออกนอกกางเกงกำลังเดินทอดน่องอยู่ในห้างมีชื่อ ด้วยใบหน้าที่โดดเด่นทำให้ดึงสายตาได้ไม่ยาก ถ้าเป็นชายก็จะมองด้วยความอิจฉา อยากพุ่งเข้ามาฆ่าทิ้งเพื่อลดจำนวนคู่แข่งลง ถ้าเป็นหญิงก็จะยิ้มหวานให้ บางคนใจกล้าเดินมาทักทายถามชื่อขอเบอร์ ก่อนจะถูกลูกพี่ของกลุ่มอย่างนายตินไล่ไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

   “ฉันไม่สนคนที่ไม่เหมือนแม่ตัวเองหรอกนะ”

   เกิดเดธแอร์ชั่วขณะ สองเพื่อนกุมขมับนึกปลงกับความเป็นลูกแหง่ระยะสุดท้ายแม้จะอายุเกือบยี่สิบแล้วก็ตาม ส่วนพี่หญิง หากไม่อ้าปากค้างก็จะด่าตอกหน้ากลับว่า

   “ไอ้ลูกแหง่เอ๊ย กลับไปนอนกินนมแม่ไป๊! หน้าตาดีซะเปล่า สมองนิ่มชะมัด”

   ว่าตัวเองตินเฉยๆ แต่พาดพิงถึงแม่ น่องตินไม่ยอม!

   “แม่คือผู้มีพระคุณต้องให้ความเคารพรัก ผู้หญิงอย่างเธอเอาแต่วิ่งหาผู้ชายไปวันๆ ที่ฟันแล้วทิ้ง สุดท้ายพอท้องก็ซบซานกลับบ้านให้แม่เลี้ยงหลาน ส่วนตัวเองพล่านไปหาผู้ชายต่อ นั่นคือดีแล้วใช่ปะ” เอียงคอเลิกคิ้วถาม ฝ่ายผู้หญิงได้แต่อ้าปากพะงาบๆ จะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ออก ถ้าด่าก็เกรงว่าจะโดนตอกหน้ากลับหนักกว่าเดิม สุดท้ายสองเพื่อนเกลอจึงลากนายตินให้ห่างจากบริเวณนั้นโดยไว ปากขอโทษขอโพยหญิงสาวที่เข้ามาตอแยผิดคน

   ‘ธี’ ชายร่างสูงโปร่ง ผิวสองสีทางฝั่งซ้ายถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังลากเพื่อนหลุดมาจากเป้าสายตาได้ ผู้ชายที่กล้าไปยืนด่าผู้หญิงแบบนั้นคงมีไม่เยอะนักหรอก แถมหน้าตาดีทั้งคู่ จะตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่แปลก

   “นายนี่นะ ไม่ต้องปากหมาเหมือนคำสาปในเกมก็ได้ แล้วนั่นก็ผู้หญิง อย่างน้อยก็ควรพูดจาดีๆ สิ” ธีสุดแสนจะเอือมเพื่อน

   “ดีมาดีตอบ แย่มาก็สวนกลับ ฉันผิดตรงไหน” เจ้าหมาทำตาใส

   ‘เหยี่ยว’ เพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่ฝั่งขวาหัวเราะ หึๆ

   “ถ้าแม่นายรู้ว่านายพูดกับผู้หญิงแบบนี้จะเป็นไงนะ” ได้ยินแบบนั้นนายตินหันขวับ จ้องเขม็งใส่เพื่อนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม่ผู้แสนใจดีมีเมตตา(?) ทั้งกายและใจ หากรู้ว่าลูกชายสุดที่รักปากเสียใส่ผู้หญิงไร้ทางสู้ คงไม่ต้องเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม่วัตเป็นบุคคลที่สรรหาวิธีลงโทษได้โหดเหี้ยมที่สุด ให้ตีดุด่าเสียยังจะดีกว่า

   “นกแล้วอย่าพาลเหยี่ยว อันที่จริงบ้านนายอาจจะโดนคำสาปนะ ชื่อนกก็นกกันทั้งบ้านไม่ใช่รึไง” ตินหรือจะยอมน้อยหน้าสวนกลับแบบไม่อ่อนข้อ กลับเป็นเหยี่ยวที่ขมวดคิ้วแยกเขี้ยวใส่แทน

   เหยี่ยวเป็นลูกของลุงอินทรี วีรกรรมของพวกผู้ใหญ่ผมรู้แทบทุกอย่าง เพราะพวกเขาชอบเอาเรื่องเก่าๆ มาเล่า อย่างล่าสุดผมรู้มาว่าลุงอินทรีเคยแห้วกับลุงวิน ส่วนอาทัตก็แห้วกับแม่ผม เจ้าเหยี่ยวเองก็ไม่น้อยหน้าอากับลุง ไปจีบสาวแต่สาวดันมาชอบผมเลยโดนเมินตามระเบียบ มันคงเคืองถึงได้พาลผมเมื่อครู่ ทั้งที่ผมก็ไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นแท้ๆ

   ผมรู้จักเหยี่ยวในเกม ตอนอาทัตเข้าปาร์ตี้เดียวกับแม่วัตของผมแล้วพามาแนะนำ เพราะเห็นว่าอายุพอๆ กัน ส่วนธีเป็นเพื่อนที่เจอตอนเรียนมหา’ลัย พวกเราเล่นเกมด้วยกันมาตลอด มีวิอยู่ในกลุ่มด้วยเป็นปาร์ตี้สี่คน

   วันนี้มีโอกาสได้มาเดินเที่ยวเล่น ขาดก็แต่วิที่ติดลุงไวไว แค่ลุงไวไวบอกว่าว่างมารับก็สลัดพวกผมทิ้งกลับไปกับพ่อตัวเองเฉย โตๆ กันแล้วยังติดพ่ออยู่ ไม่ไหวเลยจริงๆ ยัยวิ

   “เฮ้ย ฉันด่านายอยู่นะ มัวเหม่ออะไร” เหยี่ยวถึงกับโวย หลังด่ามันกลับแต่มันเอาแต่เดินตรงลิ่วไม่สนใครหน้าไหนจนพวกเขาต้องเร่งฝีเท้าตาม

   ตินหันไปมองเพื่อนทำหน้าตายใส่ “อ้าวเหรอ โทษที พอดีอยู่โซนเกมเซ็นเตอร์แบบนี้เสียงมันดัง นายช่วยด่าใหม่ที”

   ธีกับเหยี่ยวบอกได้คำเดียว...

   ไอ้กวนประสาทเอ๊ย!!

   ดูเหมือนว่าเชื้อติดเกมจากพ่อและแม่จะถูกส่งต่อให้ตินอย่างครบถ้วน พอเข้าห้างมาก็ตรงดิ่งมายังโซนเกมเซ็นเตอร์พอดี ถามว่าปกติมีพวกเกมดีๆ อย่างที่ลุงวินสร้าง แต่พวกนั้นมันต้องนอนเพื่อเข้าไปในเกม ต่อให้สมจริงแค่ไหนก็ไม่สู้เจอกันตัวเป็นๆ แล้วทำกิจกรรมร่วมกันมากกว่า

   เกมเซ็นเตอร์แบบเหมาทั้งชั้นมีเครื่องเล่นมากมาย ตั้งแต่แบบย้อนยุคให้คนระลึกความหลังยันเครื่องเล่นใหม่ล่าสุดอย่างเจ้าเครื่องเต้น เป็นแท่นเหยียบเหมือนเวทีเล็กๆ แล้วสวมแว่นเต้นตามสัญลักษณ์ที่โผล่มาในอากาศ เหนือขึ้นไปจะเป็นจอฉายภาพจำลองของคนเล่นในรูปแบบที่เลือก รูปแบบพื้นฐานคือมนุษย์ชายหญิงสวมเสื้อผ้าธรรมดา ถ้าอยากได้ แว่นเล่นเกมคู่กับตู้เท่ๆ ชุดดีๆ ตัวละครแปลกๆ ก็ต้องจ่ายเงินจริงเพื่อซื้อของพวกนั้น ซึ่งดูเหมือนคนที่กำลังเล่นยังใช้ตัวละครพื้นฐานอยู่เลย

   ที่น่าสนใจคือ คนนี้เล่นเกมเก่งมาก เต้นพลิ้วไหวตามจังหวะไม่มีพลาด ได้แต่คะแนนเพอร์เฟคตลอด ขนาดระดับกู้ดยังไม่มี ธีที่เป็นแฟนตัวยงของเกมนี้ถึงกลับเป็นฝ่ายลากผมกับเหยี่ยวเข้าไปดูหน้าคู่แข่ง(?) ติดแต่มีคนมุงเยอะ ต้องอาศัยส่วนสูงกับความหล่อในการเบิกทาง จงใจเข้าตรงจุดที่มีกลุ่มผู้หญิง

   แค่เหยี่ยวกับธียิ้มให้แถมหน้านิ่งๆ ของติน พวกเธอก็แหวกทางให้อย่างง่ายดาย สามหนุ่มมายืนจังก้ามองคนเล่นฝีมือร้ายกาจ ธีกำหมัดไฟลุกเหมือนเวลาเจอคู่ต่อสู้สุดแกร่ง ส่วนผมกับเหยี่ยวตาโตอึ้งไปแล้ว

   หนุ่มหน้าละอ่อนสวมเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดา แต่เรือนผมสีทองอ่อนกับชายเสื้อที่พลิ้วไหวไปตามจังหวะการเต้นช่างดึงดูดสายตาสุดๆ ยิ่งใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรเผยรอยยิ้มออกมายามได้คะแนนเพอร์เฟคแทบจะทำให้ทุกคนแถวนั้นตาพร่า ทั้งชายและหญิงหลายคนตั้งท่าอยากจะเข้าไปทำความรู้จัก ก่อนจะโดนจิตสังหารกดดันให้ล่าถอยจากชายหนุ่มอีกคนที่ยืนกอดอกนิ่งอยู่ข้างตู้เกม

   บางคนโชคดีหน่อยสังเกตเห็นแหวนแต่งงานบนมือที่กำลังสะบัดออกท่าไปในอากาศ จึงไม่เข้าไปรับจิตสังหารเหล่านั้น ยิ่งพอเห็นแหวนคู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของหนุ่มหล่อแต่ท่าทางโหด ก็พากันกลืนน้ำลายเป็นแถว

   พอจบเพลง สรุปคะแนนออกมาได้สกอร์สูงสุด ธีถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีอีกคนยืนข้างตู้เกม พอเห็นปุ๊บก็มองเพื่อนข้างตัวปั๊บ

   “ติน พี่นายเหรอ”

   ผิวเข้ม เรือนผมสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเหมือนเพื่อนตัวเองเปี๊ยบ

   ผมกลอกตา “นั่นพ่อฉัน”

   “ฮะ!? งั้นคนที่เล่นเกมอยู่คือเพื่อนพ่อนายสินะ” สมัยนี้เห็นคนหนุ่มกว่าอายุไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไร ธีเลยยอบรับได้อย่างรวดเร็ว อีกอย่าง เหมือนกันซะขนาดนี้ หากไม่พี่ก็พ่อเท่านั้นแหละ

   ที่ไหนได้ พอเจอคำตอบที่สองเล่นเอาเหวอ

   “เปล่า แม่ฉันต่างหาก” ผมไม่สนท่าทางเอ๋อๆ ของธี เดินเข้าไปหาสองคนนั้นทันที มีเหยี่ยวที่ส่ายหัวอย่างระอาเพื่อนเดินตามหลังไปอีกคน ธีโดนทิ้งให้โดดเดี่ยวเลยรีบตามไปบ้าง

   ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเทายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีหลังเห็นคะแนนรวมของตัวเองบนจอใหญ่ กระทั่งผมเดินเข้าไป เจ้าตัวถึงสะดุ้งโหยงวิ่งไปหลบหลังพ่อ ไม่เนียนสักนิด

   “แม่มาทำอะไรที่นี่ครับ” สมัยนี้ไม่ถือว่าแปลกแล้วหากมีผู้ชายเป็นแม่ เพราะวิทยาการล้ำหน้าทางการแพทย์ ช่วยให้ผู้ชายสองคนมีลูกด้วยกันได้ผ่านวิธีทำเด็กหลอดแก้ว น่าเสียดายที่วิทยาการนี้มาช้าไป ไม่งั้นผมคงได้เป็นลูกพ่อแม่เต็มตัว

   “แม่แค่...เอ่อ...” อ้ำอึ้งหลบสายตาแบบนี้ ชัวร์เลย แอบตามมาแหงๆ ก่อนหน้านี้ผมส่งข้อความไปบอกว่าจะกลับช้าเพราะมาเที่ยวห้างกับเพื่อน แม่วัตคงอยากตามติดชีวิตลูก ดูว่าผที่มนุษย์สัมพันธ์ติดลบเหมือนพ่อจะเที่ยวกับเพื่อนอีท่าไหน แล้วเผลอตัวมาเล่นเกมเพลินแหง
   
   “รู้อยู่แล้วจะถามทำไม ฉันไม่คิดว่าตัวเองมีลูกชายโง่นะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างกับคุยกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่ใช่ลูกตัวเอง ซึ่งผมชินแล้ว พ่อจะเสียงอ่อนเสียงหวานเฉพาะกับแม่เท่านั้นแหละ

   “ผมไม่ได้คุยกับพ่อสักหน่อย อย่าแทรกสิครับ”

   สองพ่อลูกแผ่รังสีสังหารราวกับมีสายฟ้าแล่นเปรี้ยงระหว่างทั้งคู่ วัตจำเป็นต้องออกมายืนกลางวงเพื่อห้ามปราบลูกชายและสามี

   “พวกเราหลบจากตรงนี้ก่อนดีกว่า คนอื่นจะได้เข้ามาเล่นเกม ไว้ค่อยทะเลาะกันต่อนะ”

   มันใช่เรอะ!
   
   ประโยคที่ผุดขึ้นมาในใจของธีกับเหยี่ยว

   สุดท้ายทุกคนก็พากันยกโขยงไปร้านไอสครีม ผู้ชายตัวสูงใหญ่ห้าคนเดินเข้าไปนั่งอยู่ในร้านช่างเป็นภาพที่เด่นสะดุดตาเสียไม่มี สองเพื่อนนั่งตัวเกร็งจากบรรยากาศและออร่าที่แผ่ออกมาจากหมาป่ารุ่นพ่อ ถึงงั้นก็ไม่มีใครกล้าขัดสักคน เพราะวัตผู้ยิ้มแย้มโลกสดใสเพียงหนึ่งเดียวเป็นคนเลือกร้านนี้เพราะอยากกิน หมาป่าพ่อลูกพากันตามใจ พวกเขาจะกล้าขัดได้ไง

   หลังทุกคนสั่งไอสครีมเสร็จ แม่วัตเปิดบทสนทนาคนแรก

   “เพื่อนๆ ของตินสินะ เหยี่ยวอารู้จักแล้ว อีกคนล่ะชื่ออะไร” ธีมัวแต่อึ้งกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังแบบไม่มีเสียงเกมรบกวนเลยโดนเหยี่ยวศอกใส่เรียกสติ เพราะเจ้าขี้หวงสองคนหันมามองแล้ว ธีเพิ่งรู้ตัวถึงกับสะดุ้ง ยกมือเกาแก้มตอบเขินๆ

   “ผมชื่อธีครับ”

   “งั้นน้องธี เย็นนี้ว่างมั้ย พอดีบ้านอาจะจัดปาร์ตี้รับปีใหม่ เหยี่ยวก็มาด้วยนะ อาโทรบอกพ่อเราไว้แล้ว”

   ธีพยักหน้าทั้งที่ยังงงๆ จัดปีใหม่เอาตอนเดือนสองเนี่ยนะ!?

   ผมก็อยากตบบ่าเพื่อนแล้วอธิบายนะว่า นี่แหละ ‘พจนินท์สไตล์’ ขอแค่พอใจและไม่เดือดร้อนใคร บ้านผมก็พร้อมที่จะทำตามใจฉัน

   อย่างตอนนั้นผมแค่เรียนจบมัธยม งานรับใบประกาศเล็กๆ นอกจากแม่ลินกับลุงวินที่มาแสดงความยินดีกับวิ ก็มีพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ลุงวิน ลุงชินพร้อมใจกันมา โชคดีที่ผมได้ความหน้าหนาจากพ่อ ถึงจะอายก็ยังทนได้ยามคิดว่าเป็นเพราะพวกท่านรักผมมาก เลยดีใจกับก้าวเล็กๆ ของผม ไม่อยากจะนึกถึงตอนรับปริญญาว่ามันจะอลังการงานสร้างขนาดไหน

   ส่วนเหยี่ยวขานรับเพราะตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว มันไม่ได้ตั้งใจมาหาเพื่อนอย่างผมหรอก แค่อยากมากินอาหารฝีมือแม่วัตเท่านั้นเอง ตอนนั้นมันมาเที่ยวบ้านพร้อมอาทัตกับอาน้ำ แม่ดีใจมาก นานๆ ทีมีเพื่อนมาหา เล่นทำอาหารซะเยอะแยะเรียกพวกลุงไวไวมากินด้วย จนกลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆ ที่มีอาทัตกับพ่อผมเขม้นใส่กันตลอดงาน ส่วนอาน้ำพูดหัวเราะถามสูตรการทำจากแม่ผม โชคดีที่งานนี้อาทัตติดธุระไม่งั้นบรรยากาศงานเลี้ยงปีใหม่ ณ เดือนสอง คงจะอึมครึมน่าดู

   “เยี่ยมเลย มีเพื่อนตินมาด้วยแบบนี้งานต้องสนุกมากขึ้นแน่ๆ กล เดี๋ยวก่อนกลับเราแวะซื้อของสดเพิ่มดีกว่า เด็กวัยกำลังโต ต้องกินเยอะๆ” แม่หันไปชวนพ่อที่ยิ้มละมุมตาหวานฉ่ำ จนไอสครีมที่เพิ่งมาเสิร์ฟแทบชิดซ้าย

   “ได้สิ จะซื้อเท่าไหร่ก็ตามใจ เดี๋ยวฉันช่วยถือเอง”

   มองพ่อแม่สวีทกันไม่อายฟ้าอายไอศกรีมที่กำลังละลายเยิ้ม ในฐานะลูกที่ดีก็ควรจะเปิดโอกาสให้พ่อแม่หวานกันเผื่อจะได้น้อง? โทษทีนะ พอดีผมเป็นลูกที่ดีกว่านั้น ยกเอาเก้าอี้ของตัวเองพร้อมถ้วยไอสครีมไปนั่งแทรกตรงกลาง พลางตักไอสครีมยื่นให้ถึงปาก

   “รสนี้มาใหม่อร่อยนะ แม่ลองชิมดูสิ”

   ลูกชายทำตัวน่ารัก ยิ้มเล็กๆ ชวนเอ็นดู วัตมีหรือจะปฏิเสธได้ ยอมกินไอศกรีมที่ลูกชายป้อน ปากก็ชมว่าลูกเข้าใจเลือก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของพ่อหมาป่าฉายความไม่พอใจเล็กๆ จนเกิดเป็นศึกแย่งชิงความรักประจำวัน โดยมีพยานน่าสงสารสองคน กับวัตที่สุดแสนจะเบิกบานมีความสุข

   TBC.
หัวข้อ: Re: (เปลี่ยนชื่อ)Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์1 5/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 05-02-2017 10:09:32
เอ็นดูสองพ่อลูกที่แย่งกันเอาใจแม่วัต  :hao6:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 12-02-2017 12:45:40
Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2

   หลังกินไอศครีมเสร็จ แม่ขอตัวไปซื้อของกับพ่อ บอกให้พวกผมเที่ยวเล่นกับเพื่อนต่อ ธีตาเป็นประกายชัดเจน ส่วนเหยี่ยวยักไหล่ทำนองว่ายังไงก็ได้ ซึ่งผมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

   “ผมไปด้วย”

   แม่ผู้แสนดีเลิกคิ้วมองลูกชายที่โตสูงพอๆ กัน ส่วนคนพ่อ สูงเกินหน้าเกินตาไปตั้งนานแล้ว

   “จะไปทำไมกัน เด็กๆ ก็ไปเล่นสิ พ่อกับแม่ซื้อของแป๊บเดียวก็กลับ ที่ตลาดไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก น่าเบื่อจะตาย” แม่พูดพลางหัวเราะฮ่าๆ ผมหรี่ตา จำได้ว่าตั้งแต่เล็กยันโตผมชอบโดนแม่ลากไปตลาดด้วยประจำ ทีแบบนี้ไล่ผมไปเที่ยว บางทีผมก็ไม่เข้าใจแม่จริงๆ นะ

   “ผมจะไป พวกนายจะเที่ยวเล่นในห้างต่อก็ได้ ไว้เจอกันที่บ้าน” ตัดสินใจเรียบร้อยก็หันไปบอกเพื่อนพร้อมเดินไปเกาะแขนแม่เพื่อเป็นการยืนยันว่าผมจะไปด้วย เกิดเป็นภาพเด็กหนุ่มตัวโตสูงร้อยเจ็ดสิบกว่า สวมชุดนักศึกษาแต่เกาะแขนแม่ปานลูกลิงน้อย ทั้งยังทำหน้าตายเหมือนพิมพ์พ่อไม่มีผิด

   “ห้างมันก็ไม่มีอะไร ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเดินตลาด ลองดูสักทีก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างของที่ไปซื้อก็ส่วนของพวกเรา จะปล่อยให้อากลกับอาวัตไปถือฝ่ายเดียวได้ไง” เหยี่ยวไม่ได้พิศวาสห้างเป็นพิเศษ ออกจะชอบเห็นอะไรใหม่ๆ ด้วยซ้ำ

   ที่บ้านพ่อก็ไม่ค่อยอยู่ ไปทำงานทีเป็นเดือนๆ มีแม่คอยจัดการเรื่องอาหารทุกอย่างคนเดียว เจ้าตัวได้แต่ช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เลยไม่เคยไปตลาดสักที แถมสมัยนี้ตลาดไม่ค่อยมีให้เห็น ส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นสั่งออนไลน์ส่งตรงถึงบ้านแล้ว น้อยคนนักที่ชอบไปเดินเลือกซื้อเองเหมือนวัต

   สองเพื่อนยืนยัน ธีได้แต่ปลง “เหยี่ยวพูดถูก ผมไปช่วยด้วยดีกว่า” พูดทั้งที่ในใจอยากไปเล่นเกมเต้นใจจะขาด

   “โอเค ถือว่าเป็นรางวัลที่ช่วยถือของ ถ้าไปถึงที่นั้นอยากกินอะไรบอกอาได้ อากลเขาจ่ายไม่อั้น!” ตบบ่าคนรักตัวเองป้าบๆ คนโดนรบกวนกระเป๋าตังเพียงแค่ส่ายหัวขำๆ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบตามนิสัยแต่ความหมายไม่ธรรมดา

   “ฉันไม่มีเงินหรอกนะ เงินเดือนทุกเดือนให้นายถือหมดไม่ใช่เหรอ”

   “นั่นสินะ คุณสามีดีเด่น น่ารักจริงๆ เลย คืนนี้อยากกินอะไร” มือขาวหยิกแก้มคนพูดอย่างหมั่นไส้

   พ่อหมาป่าโน้มตัวพูดใกล้หู “กินนายได้รึเปล่า” เสียงเจือหัวเราะ ตาพราวระยับ หากไม่ติดว่าอยู่ด้านนอกแถมมีเด็ก(?) กำลังยืนมองตาแป๋วคงจะชิงหอมแก้มมัดจำไปแล้ว ก่อนรัศมีความหวานจะถูกผ่ากลางด้วยลูกหมาป่า ด้วยการใช้มือแยกทั้งคู่ออกจากกันก่อนแทรกตรงกลางหน้าตาเฉย

   “แม่ผมอยากกินยำสามกรอบ”

   ความเอาแต่ใจเล็กๆ พอน่ารักไม่ต่างจากสัญญาณเริ่มยกสองระหว่างพ่อลูก เถียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร

   “ฉันมาก่อน หลบไปเจ้าลูกชาย”

   “พูดเป็นเล่น ของแบบนี้ใครดีใครได้ ผมไม่ยอมยกแม่ให้หรอก”

   “เอาล่ะๆ เลิกทะเลาะกันนะ เรารีบไปซื้อของกันดีกว่า เดี๋ยวจะกลับไปเตรียมของไม่ทัน พวกพี่วินบอกว่าจะมาตอนหัวค่ำซะด้วย” วัตทำหน้าที่แยกคนทั้งคู่อีกตามเคย เกี่ยวแขนซ้ายขวาส่งสายตาเรียกเพื่อนลูกให้ยกขบวนกันออกจากห้างเสียที

   แน่นอนว่าสามหนุ่มนั่งรถโดยสารมา ดังนั้นจึงใช้รถกลเพียงคันเดียว ตรงหน้าพวกเขาคือรถครอบครัวสีขาว ภายในเป็นเบาะหนังสีครีมเจ็ดที่นั่ง ออกจะมากไปสักหน่อย สำหรับสองสามีภรรยามาตามสตอล์กลูกชาย

   “ทำไมพ่อขับคันนี้ออกมาล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย ใช่ว่าที่บ้านมีรถเยอะนะ แต่ปกติพ่อจะชอบขับอีกคันมากกว่า

   “เอามาใส่ของ คาดเข็มขัดด้วย” อีกคันมันไม่เหมาะกับการใส่ของสินะ ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจคาดเข็มขัดด้วยความเคยชินแบบที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ผมนั่งข้างหน้ากับพ่อ ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรขึ้นมาหรอก แต่แม่ชิงไปนั่งกับเจ้าสองหน่อซะก่อน ผมเลยต้องนั่งข้างคนขับไปโดยปริยาย

   คิดว่าแม่ผมอยากให้เราสองพ่อลูกสานสัมพันธ์อันดีกันเหรอ? เปล่าเลย แม่แค่อยากเห็นภาพพ่อลูกนั่งหน้านิ่งแบบโขกพิมพ์อยู่ด้านหน้ามากกว่า เห็นว่าตลกดี ไม่รู้ตลกตรงไหน

   “อุ๊บ เหมือนกันจริงๆ ด้วยครับ” เสียงธี ถ้าพยายามกลั้นเสียงหัวเราะขนาดนั้น ปล่อยออกมาเลยเหอะ ผมจะได้มีเหตุผลถีบมันลงจากรถซะ เหยี่ยวก็อีกคน ต่อให้มันไม่พูดแต่ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะในคอ

   “ใช่มะๆ ไม่พอใจก็ขมวดคิ้ว พอใจก็ทำหน้าตายเชิดหน้าราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าโลก ดูซินั่น ถลึงตาใส่ผ่านกระจกหลังเหมือนกันเปี๊ยบ”

   โอเค...ผมว่าผมหลับดีกว่า อย่างน้อยๆ จะได้ไม่ต้องทำตัวเหมือนพ่อไปมากกว่านี้

   บอกว่าหลับแต่ก็ไม่ได้นอนจริงๆ เพราะพวกด้านหลังคุยกันเสียงดังโดยมีแกนนำเป็นแม่ผม ไม่วายยังชอบลากผมเข้าบทสนทนาเรื่อยๆ ผมแทบอยากจะปีนไปนั่งร่วมวงข้างหลังให้รู้แล้วรู้รอด สุดท้ายก็ไม่ได้ทำจนกระทั่งถึงที่หมาย

   ว่าตามจริง หากเทียบกับความทรงจำในวัยเด็ก ที่ตรงหน้ามันก็ไม่เชิงตลาดสักเท่าไร ในสมัยก่อนพื้นตลาดชื้นแฉะจากพวกของสด มีกลิ่นหลากหลายปะปนกันมั่วไปหมด เสียงผู้คนพูดคุยเอ็ดตะโรซื้อของต่อราคา บางทีก็เป็นพวกแม่ค้าพ่อค้าพูดแซวกันข้ามร้าน หยอกเล่นกับลูกค้าบ้าง ที่สำคัญ มันไม่มีแอร์

   มาตอนนี้ถูกปรับปรุงอย่างดีเพื่อความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่ตั้งตลาดถูกทุบทำใหม่เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายกเพดานสูง เปิดแอร์เย็นฉ่ำ สินค้าทุกอย่างไม่ได้วาง แขวน ห้อยตามใจฉัน ถ้าไม่อยู่ในตู้กระจกให้ก้มมองก็อยู่บนตู้วางให้เลือกหยิบ ทุกอย่างแพ็คใส่ถุงอย่างดี รูปทรงสวยงามได้คุณภาพ คนพูดคุยกันบ้างแต่ก็ไม่ดังมากนัก

   พื้นสะอาดเรียบร้อย เพราะมีคนคอยทำความสะอาดอยู่เสมอ ดูๆ ไปไม่ต่างจากโซนของสดในซุปเปอร์ แค่เป็นแหล่งรวมของหลากหลายอย่างมากกว่าในซุปเปอร์เท่านั้นเอง

   จะว่าดีมันก็ดี แต่ผมว่ามันขาดความเป็นเอกลักษณ์ของตลาดไป ผมเคยเล่าความรู้สึกให้แม่ฟัง แม่ลูบหัวผมแล้วบอกว่า

   ‘ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีช่วงเวลาของมัน เมื่อเวลาผ่านไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลง เราไม่ควรยึดติดแต่ก็ไม่ควรลืมเลือน เก็บเป็นความทรงจำดีๆ เอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังดีกว่า ว่าในอดีตเคยมีเรื่องราวแบบนี้ด้วย’

   จำได้ว่าตอนนั้นผมเพิ่งจะอายุสิบขวบเองมั้ง แต่คำพูดของแม่ก็จะระลึกในใจเสมอ แม่สอนผมหลายอย่างมาก ไม่ได้สอนแบบยัดเยียดให้คิดตาม แต่สอนเหมือนเล่านิทานทำให้เพลิดเพลิน ต่างจากพ่อ ทางนั้นชอบตั้งคำถาม ให้ผมหาคำตอบ ไม่ว่าจะตอบถูกหรือผิด พ่อก็จะนั่งอธิบายอย่างใจเย็นเสมอ

   เพราะผมมีครอบครัวที่ดีขนาดนี้ ผมเลยไม่คิดน้อยใจหรือโมโหพ่อแม่สักครั้งเวลาถูกเพื่อนหรือผู้ใหญ่ถาม มองด้วยสายตาแปลกๆ เพียงแค่ผมมีแม่เป็นผู้ชาย

   ครั้งแรกผมต่อยพวกนั้นจนปากแตก ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็พูดกลับไปนิ่งๆ ว่า

   ‘มีแม่เป็นผู้ชายแล้วยังไง ที่สำคัญ แม่ผมหล่อใจดีทำอาหารเก่งกว่าพวกคุณอีก มัวแต่เอาเรื่องคนอื่นมาคิดให้หนักหัวแบบนี้ เอาเวลาไปคิดเรื่องของตัวเองให้รอดดีกว่ามั้ย ว่าจะสอนลูกยังไงให้ไม่สมองทึบ’

   และแล้ว...ผมในวัยเจ็ดขวบก็โดนครูเรียกพบผู้ปกครอง พ่อผมทำงานไม่ว่างแม่ผมเลยมาเอง แม่นั่งฟังคำพูดของครูอย่างสงบ เอ่ยปากขอโทษก่อนจะยิ้มหล่อจนครูสาวหน้าแดงแล้วหันมาสอนผมว่าไม่ควรทำร้ายคนอื่น ก่อนแม่จะพาผมกลับบ้าน ทำขนมของโปรดให้ผมกิน แล้วบอกว่าผมเป็นเด็กดีมีหัวคิด วันหลังอย่าใช้กำลัง ต้องวางแผนให้พวกนั้นโดนครูลงโทษเอง ส่วนพวกผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี พูดแบบที่ผมทำน่ะถูกแล้ว หากครูถามก็ให้ทำหน้าไร้เดียงสาเข้าไว้ นั่นคือสิทธิพิเศษของเด็ก

   มาคิดๆ ดูแล้ว ความจริงที่ผมมีนิสัยอย่างทุกวันนี้อาจจะเป็นเพราะแม่ผมก็ได้นะ อย่างที่ลุงไวไวชอบบ่นบ่อยๆ ว่าทายาทอสูร

   “เหม่ออะไรตินน้อย คนอื่นเขาไปกันหมดแล้วนะ” แม่ผมจับบ่าดึงออกจากภวังค์ ผมหันไปหาแม่ มองใบหน้าที่คุ้นเคยตั้งแต่จำความได้แล้วกอดอ้อนไม่สนพ่อที่ยืนถลึงตาใส่อยู่ใกล้กัน

   “ผมแค่คิดถึงตลาดตอนเด็กที่แม่เคยพาผมไป”

   แม่ผมแพ้ลูกอ้อนอยู่แล้ว เรื่องนี้ผมศึกษามาจากพ่อเชียวนะ เวลาที่พ่อทำให้แม่โกรธ พ่อจะออดอ้อนเหมือนผมนี่แหละ ทำร้อยครั้งได้ผลร้อยครั้ง ผมพิสูจน์มากับตัว

   มือที่หยาบกร้านจากการทำงานบ้าน แต่อบอุ่นสำหรับผมที่สุด จัดการดึงแก้มยืดด้วยความมันเขี้ยว แล้วหอมดังฟอดเรียกว่าไม่สนใจสายตาประชาชี อะไร แค่แม่ลูกแสดงความรักกันน่าอายตรงไหน หากมัวแต่อาย มานึกเสียใจที่หลังก็สายไปแล้ว แม่บอกว่าชีวิตคนเรามันสั้น ดังนั้นเราควรทำให้ตัวเองมีความสุขทุกวันถึงจะนับว่าคุ้มค่าที่เกิดมา

   แต่ดูเหมือนมีใครบางคนไม่เห็นด้วย ฝ่ามือใหญ่ยันหัวผมออกห่าง ก่อนจะถือวิสาสะโอบเอวแม่วัตไปชิดกับตัวเองหน้าตาเฉย

   “เลิกเล่นได้แล้ว อยากได้อะไรก็ไปหยิบ ถ้าไม่อยากก็ตามมาช่วยถือของเงียบๆ”

   “แหม่ ทำเป็นเข้ม” แม่แซวพ่อที่แสร้งทำขรึม บางทีผมก็ไม่มั่นใจ ตกลงพ่อผมอายุน้อยกว่าแม่จริงหรือ

   “ไปๆ เรารีบไปซื้อของ เสียเวลากันเยอะแล้ว” ว่าพลางลากแขนพ่อลูกตรงดิ่งไปยังร้านอาหารทะเล จัดการซื้อกุ้ง ปลาหมึก สารพัดสายพันธุ์หอยมาซะอย่างละหลายโล

   พอแม่วัตเข้าสู่โหมดแม่บ้านเต็มตัว สองพ่อลูกด้านหลังเองก็กลายเป็นพนังงานแบกขนไปโดยปริยาย ผมเลยใช้สายตากดดันธีกับเหยี่ยวที่มัวแต่เดินดูของสบายใจให้มาช่วยถือ กลายเป็นขบวนลูกเป็ดตามแม่ขาช้อป ต่อราคาร้านค้าด้วยรอยยิ้มจนแม่ค้าระทวยไปหลายราย ลามยันพ่อค้าบางคนที่โดนผมกับพ่อจ้องเขม็งใส่กลืนคำหวานแทบไม่ทัน

   ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ของที่ต้องการครบ ผมว่าพ่อคิดถูกแล้วล่ะที่เอารถคันนี้มา แค่เฉพาะของสดก็ใส่ข้างหลังจนเต็ม ไม่ต้องพูดถึงเหล้า เบียร์ โซดา น้ำแข็งยกถังที่แม่สั่งให้คนเอามาส่งที่รถ ถึงงั้นก็ยังมีที่นั่งสบายๆ เพียงแค่แม่ย้ายไปนั่งหน้าส่วนผมโดนพ่อไล่ไปนั่งกับเพื่อนแทน

   เมื่อถึงบ้านช่วยกันขนของลง พ่อเข้าไปช่วยแม่ในครัวส่วนพวกผมเตรียมสถานที่อยู่ด้านนอก ธีดูจะตื่นตาตื่นใจมาก เพราะบ้านสมัยนี้น้อยนักที่จะปลูกต้นไม้เยอะอย่างบ้านผม แถมยังมีบางส่วนทำจากไม้ อย่างระเบียงทางเดินข้างบ้านกับศาลาไม้ใต้ต้นปีบ ซึ่งเป็นบ้านเดิมที่แม่ผมเกิดและเติบโตมา มันก็เก่าไปตามสภาพ เพียงแค่พ่อสั่งให้คนมาปรับปรุงซ่อมแซมอยู่เรื่อยๆ ถึงดูใหม่และแข็งแรงจนทุกวันนี้ แต่ก็มีหลายส่วนที่เปลี่ยนไปจากตอนผมเด็กๆ

   “บ้านนายสุดยอดเป็นบ้าเลย พอเข้าใจแล้วทำไมนายถึงชอบอยู่บ้านไม่ค่อยออกไปไหน” ธีว่าพลางกางแขนสูดกลิ่นหอมของต้นปีบเข้าไปเต็มปอด อากาศเย็นกำลังดีเมื่ออยู่ใต้ร่มไม้

   “บ้านก็ส่วนหนึ่ง ตินมันติดแม่มากกว่า” เหยี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ผมไม่เถียงเพราะมันคือเรื่องจริง

   “เพื่อนร้ากกกกกก!!”

   เราเริ่มปูเสือจัดที่ทางไม่เท่าไร ก็มีเสียงใสดังมาจากข้างบ้าน พร้อมหญิงสาวผูกผมทรงทวินเทลโผเข้ามาหมายจะชนพวกเราให้ปลิว แต่เสียใจด้วย ผมกับเหยี่ยวความรู้สึกไว เอียงตัวหลบตั้งแต่ได้ยินเสียงเหลือแค่ธีสมองทึ่มโดนการโจมตีของวิเข้าไปเต็มๆ จนหงายหลังไปกองบนเสื่อที่เพิ่งปูเสร็จ

   ส่วนผมคว้าคอเสื้อวิก่อนจะร่วงลงไปทับเจ้าธี ไม่งั้นถ้าลุงไวไวมาเห็น ไอ้ธีต้องโดนแหกอกแน่

   “ยัยกระต่ายเถื่อน ทำตัวให้สมกับเป็นผู้หญิงหน่อยไม่ได้รึไง!” คนโดนทำร้ายผุดลุกขึ้นโวยวาย ไม่รู้หน้าแดงเพราะโกรธหรืออะไรกันแน่ ธีมันเคยแอบชอบวิ ถึงขนาดขอให้ผมช่วยเป็นพ่อสื่อด้วยซ้ำ ก่อนจะเจอนิสัยสุดโต่งของวิในเกม เจ้าธีก็เซกู้ดบายมันเดี๋ยวนั้น

   พอธีมันขยาดพยายามหนี วิกลับสนใจพุ่งเข้าใส่แทน เห็นว่าแกล้งแล้วตลกดี นิสัยคล้ายลุงไวไว ในเกมวิเล่นเป็นผู้ชายไล่รังแกธีจนบางทีผมก็สะใจ(?) แปะมือกับเหยี่ยวรวมหัวกันจับธีใส่พานถวายให้วิ

   “ไม่เอาไม่เขินสิที่รัก แมวน้อยอย่างนายให้กระต่ายคนนี้เอ็นดูดีกว่า” วิสูงแค่อกธี แต่ดันเชยคางคนสูงกว่าพลางทำสายตากรุ่มกริ่ม ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ธีมันหน้าแดงเถือกเม้มปากอย่างกับสาวน้อยวัยแรกแย้ม ผมกับเหยี่ยวทำหน้าพะอืดพะอมหันหนีไปคนละทาง

   “แมวบ้านเธอสิ! ฉันเป็นเสือโว้ยยยย” ธีเพิ่งได้สติโวยวายปัดมือเล็กออกจากคาง หันมาหมายจะให้เพื่อนช่วยเจ้าสองเพื่อนตัวดีดันหันก้นใส่ทำทีหยิบจับนู่นนี่เหมือนยุ่งนักหนา แสดงเจตนาชัดเจนเลยว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่ช่วย ไม่รอดแน่เพื่อนเอ๋ย
   
   ขณะที่วิหัวเราะเสียงดังไม่มีมาดของสาวน่ารัก ธีกำลังน้ำตาตกใจสาปแช่งเพื่อนในใจอย่างดุเดือด มือปัดป้องหนีกระต่ายนิสัยเสียก็มีเสียงสวรรค์ช่วยหรือนรกสาปไม่ทราบ

   “วิ! ทำอะไร เราเป็นผู้หญิงนะสำรวมหน่อยสิ!!”

   เสียงดุดังมาจากข้างบ้านพร้อมหนุ่มไทยร่างสูงกับสาวลูกครึ่งผมทองงดงาม ยกมือปิดปากหัวเราะอย่างกุลสตรีดูชอบอกชอบใจ

   “บอกแบบนี้ตั้งแต่วิสามขวบยังไม่เบื่ออีกเหรอ ปลงซะเถอะที่รัก ลูกสาวเราเติบโตอย่างแข็งแกร่งแบบคุณก็ดีแล้วนี้” น้ำเสียงหวานใสเอาใจ มือลูบแขนคนข้างกายที่จ้องเขม็งใส่ผู้ที่บังอาจใกล้ชิดลูกสาวสุดหวง ทั้งที่ความจริงเป็นลูกสาววิ่งเข้าหาเขาแท้ๆ ความรักทำให้คนตาบอด ความหวงลูกก็ทำให้คนตาบอดเช่นกัน

   “จับส่งไปอยู่บ้านตายายสักเดือนดีมั้ยยัยวิ” คุณพ่อกระต่ายแยกเขี้ยว คุณลูกสาวคอหดหน้าซีดรีบผละออกจากธีเข้าไปกระโดดเกาะกอดแขนช้อนสายตาอ้อนคุณป๋าอย่างไว

   “ไม่เอานะคะ หนูอยากอยู่กับพ่อมากกว่า ถ้าแยกจากคุณพ่อ หนูต้องนอนไม่หลับ กินอาหารไม่อร่อย เงียบเหงาเศร้าซึม ทิ้งไว้นานๆ อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า...” มารยาก็มา ไม่แปลกที่วิจะแสดงอาการตื่นตระหนกขนาดนี้ ผมเคยเจอตายายของวิไม่กี่ครั้งก็จริง แต่พวกท่านเป็นต้นฉบับไทยแท้ ความเข้มงวดแผ่ออกมาชัดเจน วิที่อยู่ไม่สุข ซุกซนมีแม่ให้ท้าย หากไปอยู่แบบนั้นจริงคาดว่าอึดอัดจนกัดลิ้นตายชัวร์

   “พอๆ ไม่ไปก็ไม่ไป อย่าให้พ่อเห็นว่าทำตัวแก่นแก้วอีก” ชี้หน้าขู่เสร็จก็พยักหน้ารับไหว้จากพวกผม ก่อนเดินตัวปลิวเข้าไปช่วยเพื่อนในครัว คุณแม่ยังสาวที่มีสกิลทำอาหารติดลบเลยอยู่ช่วยเด็กๆ ด้านนอกแทน

   พระอาทิตย์เริ่มตกดิน เตาถูกจุดด้วยฝีมือพ่อ อาหารทะเลถูกวางขึ้นเตาส่งกลิ่นหอม พร้อมกับแกล้มมากมายจากสองเชฟ เรานั่งตั้งวงกันบนเสื่อกลางสวนที่จุดยากันยุงสูตรใหม่ไร้กลิ่น ไร้มลพิษ ป้องกันยุงได้ชะงัก

   ระหว่างที่กำลังดื่มกิน ผมได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน หันกลับมามองเห็นทุกคนกำลังสนุก ผมเลยลุกไปดูเอง เดินอ้อมจากสวนมาหน้าบ้าน เปิดประตูให้รถคุ้นตาเข้ามาจอด

   ทันทีที่รถจอดสนิท คนด้านในรถลงมายืนเต็มความสูง ความเจิดจรัดก็ทิ่มแทงจนผมต้องหรี่ตา

   “สวัสดีครับลุงวิน ลุงชิน” ผมยกมือไหว้ ลุงวินขยี้หัว ลุงชินพยักหน้ารับยิ้มๆ

   “เป็นไงไอ้ลูกหมา ไม่เจอกันนาน หน้ากวนประสาทเหมือนพ่อเอ็งไม่เปลี่ยนเลย” ลุงวินล็อคคอขยี้หัวจนผมยุ่ง

   ”หน้าเหมือนพ่อผมก็ดีแล้ว ผมจะได้ใช้ใบหน้านี้ล่อลวงแม่ได้” ลุงหลานสนิทกันดี ผมพูดขำๆ รู้สึกดีใจเล็กๆ เพราะไม่ได้เจอพวกลุงมาหลายเดือนแล้ว

   “ปากเหมือนพ่อมันไม่มีผิด น้อยชายฉันไม่ยกให้ง่ายๆ หรอกเว้ย” ลุงวินแยกเขี้ยว ผมกลอกตา ก็พูดแบบนี้ตลอด ถ้าไม่ยกให้จริงจะมีผมมาเป็นพยานรักได้ไง

   ผมมองลุงวินที่ดูภายนอกเหมือนสามสิบต้นๆ ทั้งที่ความจริงเลขสี่นำหน้า สวมเชิ้ตสีขาวกางเกงยาวสีพื้นบ่งบอกว่าเพิ่งตรงดิ่งจากบริษัท เรือนผมสีทองอ่อนยาวจนมัดรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ลุงวินคนนี้ยังคงคอนเซปทูตสวรรค์ตลอดกาล ยิ่งตอนนี้ยิ่งเหมือน ถ่ายภาพโปรโหมดเกมแต่ละที เหล่าแฟนๆ แทบจะคลั่งตาย

   โชคดีที่น้อยคนนักจะรู้ว่าผมเป็นหลานของบุคคลในตำนานคนนี้ ไม่งั้นชีวิตคงวุ่นวายกว่านี้โข

   “วินเข้าไปหาวัตก่อนเลยก็ได้ ตินตินมาช่วยลุงยกของด้านหลังหน่อย” คนนี้ก็เหมือนกัน แทนตัวเองว่าลุง ผมเรียกพี่ยังไม่กระดากปากเลย ใบหน้าคมคายหางตาชี้ สวมเชิ้ตดำกางเกงสีเดียวกันสภาพไม่ต่างจากลุงวินแต่เนี๊ยบกว่า อกผายไหล่ผึ่งดูมีภูมิฐาน สาวน้อยใหญ่ใจระทวยมานักต่อนัก แต่เสียใจด้วย ไม่ว่าเมื่อไรในสายตาลุงชินมีแค่ลุงวินคนเดียว

หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-02-2017 20:24:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 12-02-2017 20:32:18
คิดถึงวินกับชินนนนน :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 13-02-2017 12:26:10
ควรชื่อตอน ตินตินน้อยแอนด์เดอะแก๊งรุ่นพ่อ 5555
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 13-02-2017 20:36:23
เหมือนเห็น กล+วัต จูเนียร์ 5555555555555
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: benten_nn ที่ 21-03-2017 22:48:05
จะเหมือนแม่ไปไหนนะวิ  เหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 02-05-2017 19:42:35
เหมือนกันเป๊ะจริงๆพ่อลูก555
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 03-05-2017 10:02:56
กลับมาอ่านอีกรอบ ชอบแนวนี้มากเลย  :z2: ไม่ค่อยมีให้อ่าน อิอิ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-05-2017 20:14:22
งื้ออออ พิมเดียวกันเดะ 55555
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 13-12-2017 23:32:52
ชอบบบบบบบบบบบบบบ
อยากอ่านอีกจังเลยค่าาาาาา
 :z3: :z3:
เป็นเรื่องที่เรารักมากกกกกกเลยนึงเลยทีเดียวค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ :pig4:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์2 12/2/60]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 16-12-2017 08:25:17
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 50% 23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 23-01-2018 23:32:12
Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3

   ผมช่วยลุงวินขนเสบียงมาสมทบเพิ่ม อันได้แก่ เบียร์ เหล้า โซดาและอื่นๆ นานัปการ บ้านผมไม่มีคนคออ่อน ดังนั้นปริมาณมันเลยมากระดับที่ต้องเรียกเหยี่ยวออกมาช่วยขนไปสวนหลังบ้าน อันเป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ขนาดย่อม พอแบกลังน้ำอัดลมมาวางปิดท้ายเสร็จ เงยหน้าขึ้นมองเห็นธีนั่งอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้างตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ พอผมมองตามสายตามันไป ถึงเห็นลุงวินที่กำลังกอดคอคุยกับแม่วัตอยู่ โดยมีพ่อผมเป็นเงามืดอยู่ด้านหลัง ออกแนวหวงแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะนั่นพี่ภรรยาควบตำแหน่งหัวหน้าแผนก

   ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่า ผมยังโชคดีที่ไม่มีคนรู้ว่าผมเป็นหลานลุงวินเทพเจ้าของเหล่าสาวกเกม Charm Online แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนคำแล้ว ในเมื่อเจ้าธีดันรู้ความลับที่ไม่ลับนี้เข้า ที่สำคัญ เจ้าธีมีนิสัยน่ากระทืบอยู่อย่าง จนเหยี่ยวตั้งฉายาให้ว่า

   ‘ธีรู้ โลกรู้’

   “เฮ้ย!! เฮ้ยยยยยยย! นี่ๆๆๆ อ๊ากกกก ไอ้ติน บอกทีว่าฉันไม่ได้ฝันไป โอ้ ท่านเทพ นั่นท่านเทพตัวเป็นๆ ใช่มั้ย ทีแรกก็คิดว่าว่าหน้าแม่นายคล้ายกับท่านเทพ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพี่น้องกันจริงๆ ที่สำคัญ ไอ้เพื่อนเลว ทำไมไม่บอกกันบ้างว่าเป็นหลานของท่านอาชวิน” ธีที่เพิ่งวิญญาณกลับเข้าร่างถึงกับฉายความคลุ้มคลั่ง พุ่งเข้ามาเขย่าคอเสื้อรัวๆ จนผมหัวสั่นหัวคลอน เกิดความรำคาญจนต้องยกเท้ายันมันหงายท้องบนพื้นหญ้า ถ้าไม่ติดว่าแม่หันมา ผมจะกระทืบมันซ้ำ

   “เป็นแล้วยังไง ไม่เป็นแล้วยังไง สุดท้ายลุงวินก็ส่วนลุงวิน ฉันก็เป็นฉัน ดังนั้นอย่าแหกปากโวยวายน่ารำคาญ ไม่งั้นจะโยนออกจากบ้าน” ผมก้มลงไปขู่เสียงขรึม แถมเสริมอีกนิด “ฉันขอเตือนในฐานะเพื่อน ลุงวินรักความเป็นส่วนตัวที่สุด อย่ามาแสดงอาการติ่งแถวนี้ ถ้าโดนรังเกียจขึ้นมา ฉันช่วยอะไรไม่ได้นะ” ผายมือพลางลุกขึ้นเต็มความสูง ปล่อยให้เจ้าเพื่อนนอนอ้าปากพะงาบๆ ไป

   ตะกี้หางตาเห็นวิแวบๆ ปล่อยให้ยัยนั้นจัดการเจ้าธีแล้วกัน ผมขอไปร่วมวงกับครอบครัวดีกว่า

   “ตินมาเร็ว พวกแม่กำลังจะร้องคาราโอเกะกันพอดี” พอแม่เห็นผมปุ๊บก็กวักมือเรียก ส่วนผมจากที่เคยรักแม่มาก ตอนนี้ไม่อยากเข้าใกล้แม่เลยแม้แต่น้อย รวมถึงพ่อด้วย ผมเลยส่ายหัวแทนคำตอบแล้วถอยหลังไปนั่งกับเหยี่ยว ปล่อยให้พวกใหญ่ร้องเพลงกันไป

   ส่วนสาเหตุที่ผมไม่ชอบการร้องเพลงขนาดนี้ โทษพ่อคนเดียวเลย ผมที่ถอดพิมพ์พ่อจนแทบจะ Copy แล้ว Paste ดันได้ความห่วยแตกของการร้องเพลงมาด้วย ทั้งที่แม่ผมมีเสียงระดับเทพ แน่นอนว่าแม่รู้จักผมดีถึงเอ่ยชวน และรู้ด้วยว่าผมจะปฏิเสธ เลยหันไปหัวเราะขำเบนเป้าหมายไปหาพ่อแทน ดีไม่ดีงานนี้อาจจะได้เห็นพ่อยืนใบ้ถือไมค์ก็เป็นได้

   “บ้านนายนี่คึกคักดีจริงๆ” เหยี่ยวส่งแก้วเหล้าให้ ผมรับมาจิบพลางกินซีฟู้ดไปด้วย

   “นานๆ ทีมากกว่า พ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน พวกลุงยิ่งแล้วใหญ่ ครอบครัววิเองก็มีงานมีการต้องทำ ปล่อยแม่เหงาอยู่คนเดียว ฉันเลยต้องอยู่เป็นเพื่อนแม่” ผมตอบตามประสาลูกชายที่แสนดี ส่วนเหยี่ยวถอนหายใจอย่างเอือมระอา ตอนนี้คนครองไมค์เป็นแม่ลิน ปล่อยให้ลุงไวไวย่างอาหารทะเลอยู่คนเดียว โดยมีวิลากธีคอยป่วนอยู่ข้างๆ

   “ยอมใจกับความหลงแม่ของนายจริงๆ ฉันรักแม่นะ แต่ไม่คลั่งเท่าหมาแถวนี้” บ้านเหยี่ยวพ่อก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเหมือนกัน แต่ยังดีที่มีพวกตายายอยู่ด้วย บ้านเลยไม่เงียบเหงานัก

   ใครหลายคนก็บอกว่าผมติดแม่มากเกินไป โตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ควรจะห่างๆ มีชีวิตของตัวเองบ้าง แต่ผมไม่สน หนึ่งชีวิตผมมีแม่ได้คนเดียว รวมถึงพ่อกับคนอื่นๆ ในครอบครัวด้วย ดังนั้นผมขอเอาใจใส่ตักตวงความรักเท่าที่จะทำได้ ดีกว่าต้องไปสนใจพวกที่มันไม่มีประโยชน์อะไรในชีวิต

   “เลิกทำหน้าตาหน้ากลัวได้แล้ว นู่น เขากำลังจะทำอะไรกัน” เหยี่ยวชี้นิ้วไปทางคอนเสิร์ตขนาดย่อมในสวน ที่มีทีวีจอใหญ่กับเครื่องเสียงต่อไมค์ ส่วนเพลงก็หาเอาในเน็ตมีทุกแนวครอบจักรวาล ประเด็นคือไมค์สองตัวนั้นอยู่ในมือคนที่ไม่ควรถืออย่างลุงชินกับพ่อ ผู้มีสกิลร้องเพลงห่วยแตกทั้งสองคน

   แน่นอนว่าให้ตายยังไงทั้งคู่ก็ไม่ยอมร้อง เอาแต่ถือไมค์นิ่งๆ เป็นรูปปั้นจิ้งจอกกับรูปปั้นหมาป่า แถมยังแข่งกันแผ่ออร่าทะมึนออกมาอีก สุดท้ายแม่กับลุงวินจำต้องยอมแพ้เลิกแกล้งแล้วคว้าไมค์ไว้แทน ผมรีบหันไปเตือนเหยี่ยวด้วยความหวังดี

   “วางแก้วเหล้า อย่าเพิ่งกิน ไปเตือนไอ้ธีด้วย” แม้เหยี่ยวจะเคยมาเที่ยวบ้านผมบ่อย แต่ยังไม่เจอทีเด็ดประจำบ้านของจริง ขนาดแม่ลินกับลุงไวไวยังหยุดมือแล้วเลย กระทั่งวิเปลี่ยนไปเกาะรอชมแบบติดขอบสนาม ส่วนลุงชินกับพ่อพร้อมใจกันคว้ากล้องเตรียมอัดวิดีโอ

   “ทำไม มีตั้งเยอะ งกกับเพื่อนฝูงเหรอ” เหยี่ยวมันยังไม่ยอมเข้าใจ อุตส่าห์เตือนแล้วยังทำหน้าตายียวนกวนส้นใส่ ผมกลอกตาพูดเสียงเรียบ

   “ตามใจ ถือว่าเตือนแล้ว” พูดพลางขยับหนี

   “งานปาร์ตี้ขาดเสียงเพลงไม่ได้ ดังนั้นผมจะขอขึ้นมาร้องเพลงกับพี่วินเพื่อสร้างบรรยากาศคึกคักให้ทุกคน” แม่เริ่มบทพิธีกรระหว่างที่ลุงวินเลือกเพลง

   “ขอเชิญรับชมได้เลยครับ” ว่าจบลุงวินก็ลุกขึ้นมายืนข้างแม่ กลายเป็นภาพสองพี่น้องยืนแจกจ่ายรอยยิ้มจนทั้งงานสว่างไสว พอลุงวินดีดนิ้วเริ่มเพลงเท่านั้นแหละ...

   วัต
   อากูบาลูมานี ต๊ะตุงตวง ต๊ะตุงตวง
   (ฉันยังไม่อาบน้ำ)
   ตะปีมาซิจันติยูกัง ต๊ะตุงตวง ต๊ะตุงตวง
   (แต่ฉันก็ยังสวย)
   อาปาลากีคาเลา ซูเดาะมันดี ต๊ะตุงตวง
   (หากฉันได้อาบน้ำ)
   ปัสตีจันติเซอกาลี
   (ฉันคงสวยกว่านี้)
   เอี๊ยยยยย!!

   พรวด!! เหยี่ยวผู้ไม่ฟังคำเตือน ถึงกับพ่นเหล้าพรวดสำลักไอหน้าดำหน้าแดง ส่วนคนร้องนอกจากสำเนียงกับเสียงจะมาเต็ม ท่าประกอบยังให้สิบคะแนน ทั้งสะบัดมือ สะบัดบ๊อกจนฮาแตกกันทั้งบ้าน ไม่เว้นกระทั่งผมกับพ่อ ที่หัวเราะเสียงดังลั่น

   วิน
   กาเลาออรังลาอิน มาลีฮากู
   (แต่ในสายตาคนอื่นที่มองมาที่ฉัน)
   ต๊ะตุงตวง บาดาอกู ตา บาบานา
   (ถึงตัวฉันจะดูบ้าๆ บอๆ)
   ต๊ะตุงตวง ต๊ะตุงตวง
   ตาปี้กาเลาลังซวง ดีอีดุ
   (แต่หากมองให้มองที่จิตใจ)
   ต๊ะตุงตวง อัสตะฟีรูน ละบาอุนยา~
   (โอ้...ตัวฉันมีกลิ่น~)

   หมดสิ้นแล้วฉายาเทพบุตรซาตาน ทั้งทาสะดีดสะดิ้ง จีบไม้จีบมือแกล้งดมกลิ่นตัวเองแล้วทำหน้าฟินเหมือนหอมสดชื่น ขนาดแม่วัตที่รอร้องเพลงท่อนต่อไปอยู่ข้างๆ ยังปิดไมค์ขำตัวสั่น แล้วนรกแตกของจริงก็ตามมา ทั้งคู่พร้อมใจกันประสานเสียงจงใจทำเพี้ยนแหลมสูงทะลุฟ้า

   วิน&วัต
   กาเลาโจเวา กันเตงยังเลวา
   (หากมีผู้ชายหล่อๆ เดินผ่านมา)
   อาดูอาจั๋วจัญเย้
   (ฉันขอสัญญา)
   เอี๊ยยย!!
   กาเลาอาป่ะ ดาเอ๊ะยังเลวา
   (จะดูแลตัวเองให้ดูดีกว่านี้แน่นอน)

   งานนี้คนซวยคือลุงชินกับพ่อที่อยู่ในระยะเอื้อมถึง โดนสองพี่น้องลากไปแจม แกล้งเดินวนรอบตัวส่งสายตาปิ้งๆ ใส่จนทั้งคู่หัวเราะไม่เหลือมาด

   ต๊ะตุงตวง วาเลาวาโจ๊ะ กาละซูรัง
   (ขอใครสักคนที่เข้าใจฉัน)
   ต๊ะตุงตวง ต๊ะตุงตวง
   วาเลาซังกออุรัง วะดาลัง
   (ถึงแม้ร่างกายฉันจะสกปรก)
   ต๊ะตุงตวง
   ตาปี ฮาตี อีเซียซานัง~
   (แต่จิตใจฉันงดงามแน่นอน~)
   
   สองพี่น้องโค้งกายรับเสียงปรบมือจากทุกคน ทั้งที่คิดว่าจะจบแล้ว ยังจะจับไมค์ประสานเสียง เอี๊ยย!! ปิดท้ายพร้อมสะบัดบ๊อบไปคนละทาง หลังจากนั้นทุกคนไม่เป็นอันต้องทำอะไรนอกจากหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ผมกุมท้องที่หัวเราะจนปวด มือยกปาดน้ำใสตรงหางตา ไอ้เหยี่ยวยิ่งคึกใหญ่ เป่าปากเสริม ธีก็ลงไปทุบพื้นหัวเราะกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้า วินี่ขำจนสะอึก ลำบากลุงไวไวช่วยลูบหลังให้

   แม่กับลุงวินเริ่มติดใจ จะเลือกร้องอีกซักเพลง แต่แม่ลินคงกลัวว่าทุกคนจะขำจนขาดใจตายไปก่อน เลยไปแย่งไมค์มา

   “พอเลย ให้คนอื่นร้องบ้างสิคะ มาเร็วคุณ มาร้องเพลงนกเขาคู่” หญิงสาวเพียงหนึ่งกวักมือเรียกคนรักยิกๆ ลุงไวไวๆ ที่เพิ่งดูแลวิเสร็จชี้หน้าตัวเองเป็นเชิงถามว่าผมเรอะ

   “ใช่ คุณนั่นแหละ จะมาดีๆ หรือให้แฉออกไมค์” เจอไม้นี้เข้าไป ลุงไวไวรีบลุกมารับไมค์ด้วยความไวแสง หลังจากนั้นเลยเป็นช่วงพักให้คนอื่นได้หายใจหายคอกันบ้าง ครอบครัวผมเองก็มานั่งรวมกลุ่มกินจิบเหล้ากินกับแกล้มระหว่างดูคู่รักจีบกัน ที่เหมือนฝ่ายหญิงจะเป็นคนจีบฝ่ายชายมากกว่า

   แม่นั่งลงข้างผม รับแก้วน้ำอัดลมจากพ่อไปกระดกแก้คอแห้ง ถ้าถามว่าทำไมแม่ถึงดื่มน้ำอัดลม นั่นเพราะความขี้หวงของพ่อล้วนๆ

   “เฮ้อ ได้ร้องเพลงแบบนี้มันดีจริงๆ” แม่ยิ้มกว้าง แววตาดูมีความสุขมาก ลุงวินก็เช่นกัน

   “นั่นสิ ไม่ได้ร้องเพลงกับน้องชายมานานแล้ว มาๆ งานปาร์ตี้ทั้งทีจะมัวดื่มน้ำอัดลมทำไม ชนแก้วๆ” ลุงวินสั่งลุงชินชงเหล้ามาสองแก้วแล้วส่งให้แม่ผมชนแก้วเสียงดังกิ้ง

   “อย่าดื่มมาก” แม่เพิ่งยกจิบได้หนึ่งอึก พ่อก็เริ่มปรามอย่างน่าหมั่นไส้ เลยโดนหัวหน้าแผนกยัดแก้วเพียวใส่มือ

   “ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันนั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้า อย่าเกินหน้าเกินตานัก ดื่มให้หมด ไม่หมดคืนนี้ฉันจะยึดน้องชาย” ชี้นิ้วคาดโทษ พ่อจำต้องถอนหายใจแล้วยกเหล้าหมดแก้ว แถมยังมีคว่ำแก้วโชว์แนวว่าไม่เหลือสักหยด

   “พอใจยังครับพี่ภรรยา” ประกอบท่าทางด้วยรอยยิ้มมุมปากในแบบที่ผมทำทีไรต้องโดนเพื่อนบอกว่ามันชวนให้เท้ากระตุกมาก

   และแล้วทั้งคู่ก็เขม่นกันต่อไป แต่แค่พักเดียวก็นั่งดื่มกันอย่างสงบ มีหันไปเฮฮากับสองสามีภรรยาตรงหน้าทีวีบ้าง กลายเป็นบรรยากาศสบายๆ แบบครอบครัว ขนาดเหยี่ยวกับธีที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงยังแสดงท่าทีผ่อนคลายไปด้วย จะหาว่าผมหลงตัวเองก็ได้ แต่บ้านผมทุกคนล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง โดยเฉพาะแม่กับลุงวินที่โดดเด่นยิ่งกว่าใคร ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จริงๆ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอาไป 50% ก่อน พอดีอารมณ์มันต่างกัน ฟินอันนี้ก่อนค่อยฟินช่วงหลังต่อ
ประเด็นคืออยากอ่านคอมเม้นแยกฮ่าๆ
Lv.พิเศษพจนินท์ จะมีตั้งหมด 3 ตอนจบ ส่วนเรื่องหลักและภาคกำเนิดพี่วินถือว่าจบหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 50% 23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: KAZUMA ที่ 09-02-2018 06:21:07
รออีก 50% อยู่นะคะ

ชอบเรื่องนี้มากกกกกก ^^
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 50% 23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 18-02-2018 10:07:39
น่ารักมาก ชอบหมดทุกคนเลย ไม่รู้จะบอกอะไรนอกจากขอบคุณจริงๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 50% 23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 06-03-2018 00:40:15
 o13
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 50% 23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-04-2018 18:27:39
Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 ต่อ


   นั้นคือความคิดเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะไม่ชอบช่วงเวลาแบบนี้ซะแล้ว ทำไมน่ะเหรอ? ผมใช้เท้าเขี่ยเหยี่ยวกับธีที่ถูกลุงวินมอมเหล้าจนนอนตากยุงบนเสื่อกลางสวน ส่วนคนก่อเรื่องถูกลุงชินพยุงขึ้นห้องไปนอนแล้วเรียบร้อย ทิ้งให้ผมเก็บซากเพื่อนตัวเองเพียงลำพัง

   ส่วนบ้านของวิคงไม่ต้องพูดถึง ชิ่งหนีกลับเป็นคนแรกๆ ถึงพรุ่งนี้เช้าจะตื่นมาช่วยเก็บของก็เถอะ แต่ใครจะช่วยผมลากไอ้หมีควายสองตัวนี้เข้าบ้านล่ะ แม้ผมจะตัวใหญ่แรงเยอะ แต่กับผู้ชายตัวพอๆ กันแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ แล้วคนที่หลับไม่ได้สตินี่เป็นอะไรที่หนักมาก เพราะพวกมันจะทิ้งน้ำหนักเต็มๆ เหมือนผมต้องแบกกระสอบหกสิบกว่าโลสองรอบ

   หรือทิ้งพวกมันนอนตรงนี้ดี?

   คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า ถ้าแม่รู้ว่าผมจงใจทิ้งเพื่อนมีหวังถูกดุแน่เลย ไหนๆ ก็ไหนๆ ไปเรียกพ่อให้มาช่วยกันแบกดีกว่า เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ผมก็เริ่มปฏิบัติการออกตามหาพ่อแม่ที่ไม่รู้หายไปอยู่ส่วนไหนของบ้าน ในห้องนั่งเล่นก็ไม่มี ห้องครัวก็ว่างเปล่า สงสัยจะอยู่ในห้องนอน

   ผมก้าวขึ้นชั้นสอง ผ่านห้องของลุงวินไปยังห้องของแม่ พอเห็นว่าห้องไม่ล็อกก็ถือวิสาสะเข้าไปเลย ผมไม่กลัวจะเจอภาพไม่ควร เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง พ่อผมจะล็อกประตูตลอด ก็พ่อน่ะหวงแม่จะตายไป กระทั่งลูกชายตัวเองยังไม่เว้น

   สิ่งแรกที่เห็นหลังจากเปิดประตูเข้ามาคือความมืด กับแสงสลัวภายในห้อง ผมกวาดสายตาผ่านเตียงไปยังระเบียงที่พ่อกับแม่นั่งชมจันทร์อยู่เคียงข้างพลางพูดคุยกันเสียงเบา

   ภาพที่แสนธรรมดาแต่สื่อความรู้สึกออกมามากมาย ขนาดที่ลูกชายอย่างผมยังสัมผัสได้ ถึงความรักความเอาใจใส่ที่พวกท่านมีให้กัน และเผื่อแผ่มาให้ผมอย่างเต็มเปี่ยม สุดท้าย ผมเลยตัดสินใจปิดประตูเบาๆ แล้วลงไปชั้นล่างจัดการพวกเพื่อนด้วยตัวเอง โชคดีที่เหยี่ยวยังพอสร่างขึ้นมาบ้างหลังผมลากจนหัวโขกขอบระเบียงทางเดิน เลยช่วยกันพยุงธีมานอนในห้องนั่งเล่นที่แม่เตรียมหมอนผ้าห่มไว้ให้

   ผมกับเหยี่ยวผลัดกันอาบน้ำก่อนปิดบ้านมานอนรวมกันในห้องนั่งเล่น ผมจะยอมเสียสละอยู่กับเพื่อนแล้วยกแม่ให้พ่อสักคืน…


   “ไปแล้วใช่มั้ย” ถามพลางเหล่มองไปด้านหลัง แบบไม่กล้าหันไปตรงๆ

   “อืม จะเอาเลยมั้ย” คนข้างกายพยักหน้ารับ ก่อนจะบิดตัวคลายกล้ามเนื้อหลังจากนั่งเกร็งกันมานาน

   ผมหัวเราะ ตีแขนกลอย่างหมั่นไส้ “เอาอะไรพูดดีๆ มีคนเดียวไม่พอรึไง” ถามทั้งที่ดวงตาระยิบระยับเรียกเสียงหัวเราะในคอจากพ่อหมาป่า มือหนาดึงจมูกอย่างมันเขี้ยว

   “คนเดียวก็พอแล้ว ไม่อยากได้คนหารความรักเพิ่ม ส่วนเรื่องเอา ถ้าอยากก็ได้นะ ยังไงพรุ่งนี้ก็หยุด ดูแลได้ทั้งวัน”

   ผมถลึงตาใส่ ดูแลแบบถึงเนื้อถึงตัวล่ะสิ มองตั้งแต่หัวจรดหาง หางจรดหัวทำหน้าเหมือนอยากจะกลืนกินทั้งตัวแบบนี้ ผมลุกขึ้นยืนและฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมาด้วยกัน
   
   “อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วเจียมสังขารบ้างเถอะ เดี๋ยวเอวเคล็ดกันพอดี” ผมแซว ไม่หวั่นแม้จะถูกจดบัญชีหนังหมาป่า ส่วนเรื่องที่พวกเรากำลังทำลับๆ ล่อๆ กันอยู่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก เรื่องของเรื่องคือพวกผมอยากจะไปเล่นเกมกันสองคนน่ะ แล้วถ้าพ่อลูกชายทูนหัวทูลกระหม่อมรู้เข้าได้ตามเข้าไปเล่นด้วยแหงๆ พวกผมเลยตีเนียนมานั่งเก๊กชมจันทร์ รอจนกระทั่งลูกชายไปค่อยแวบเข้าเกม

   “ครั้งนี้จะไปที่ไหนดีนะ หรือจะระลึกความหลักของพวกเราดี” ขยิบตาให้พ่อหมาป่าที่ยืนนิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าเกมสักที เจ้าตัวลูบคางพลางมองผมด้วยแววตาสื่อความหมาย

   “ฉันมีเรื่องที่อยากทำมากกว่า”

   ผมเลิกคิ้ว “มีภารกิจอะไรที่อยากทำเหรอ หรือมีวัตถุดิบที่อยากจะหามาทำอาวุธใหม่” ปากถามพลางทบทวนความทรงจำว่ายังมีภารกิจอะไรที่น่าสนใจอีก เพราะถึงแม้พวกเราจะไม่ได้เล่นเกมบ่อยอย่างเก่า แต่ก็เข้าไปเล่นบ้างเป็นระยะ ภารกิจส่วนใหญ่ในเกมก็เคลียร์หมดแล้ว เว้นแต่ภารกิจลับบางอย่างที่ยังหาไม่เจอ พวกอาวุธกับชุดสวมใส่เองก็ครอบเครื่อง ไม่น่าจะมีอะไรแล้วนี่

   ระหว่างคิดเพลินๆ จู่ๆ ร่างกายก็ลอยวืดพร้อมสัมผัสเด้งดึ๋งของเตียง ผมโดนหมาป่าเหวี่ยงลงเตียง!

   “วันๆ เอาแต่ทำงานเอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกายฮะ” ผมแยกเขี้ยวใส่กลที่คลานขึ้นเตียงเข้ามาหา ท่าทางเหมือนจ่าฝูงหมาป่าที่กำลังจะล่าเหยื่ออันโอชะ ยิ่งนับรวมกับใบหน้ากร้านโลกของผู้ใหญ่วัยเกือบสี่สิบมันชวนให้ใจเต้นตึกตัก ตอนเจอกันใหม่ๆ ก็เหมือนเด็กรั้นน่าปราบพยศ พอโตจนเป็นพ่อคนแล้วก็ยิ่งดูดึงดูดเหมือนไวน์รสเลิศที่บ่มมาเป็นเวลานาน

   มัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ หันมาอีกทีหน้าหล่อคมเข้มก็จ่ออยู่ระยะประชิดพร้อมลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้ม อีกฝ่ายงึมงำพูดทั้งที่ยังง่วนอยู่แถวซอกคอ

   “ฉันอยู่ตรงนี้ ใจลอยไปถึงไหน” หมาป่าเริ่มลงโทษด้วยการกัด! แทะเล็มลำคอจนขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ผมรีบดันหน้าอีกฝ่ายออก พร้อมกับลมเย็นพัดผ่านผิวกาย เจ้าหมาตัวนี้จะมือไวเกินไปแล้ว! แค่ไม่แป๊บเดียวเสื้อถูกถลกถึงคอ ท่อนล่างก็ถูกดึงรั้งลงสภาพหมิ่นเหม่

   “เดี๋ยวก่อนนะ เราจะเข้าเกมกันไม่ใช่เหรอ” ผมทักท้วงแบบไม่จริงจังนัก จงใจกวนอารมณ์มากกว่า ยิ่งทำหน้ากระหายต้องการขนาดนั้นมันยิ่งน่าแกล้งนะรู้มั้ย

   “ก็เข้าสิ...เข้าไปในตัวนายนะ”

   พรืด!

   วูบเดียวกางเกงพร้อมชั้นในถูกรูดไปถึงปลายเท้า แถมแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางหว่างขาเสร็จสรรพ ให้ผมอ้าปากค้าง

   “เดี๋ยววว! ใจคอคิดจะทำทั้งแบบนี้เลยรึไง ประตูห้องก็ไม่ได้ล็อก ระเบียงก็ไม่ปิดนี่นะ” ผมโวยวาย แต่ขยับมากไม่ได้เพราะถูกคร่อมไว้ทั้งตัว

   “ระเบียงปิดแล้ว ส่วนประตู...ช่างมันสิ”

   จังหวะที่ผมกำลังอึ้ง สองแขนถูกยึดไว้ข้างหมอนพร้อมมือร้อนสอดประสานนิ้วแล้วกุมแน่น

   “มาดูกันซิว่าเอวใครจะเคล็ดก่อนกัน” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดกำลังทอประกายร้อนแรง

   หลังจากนั้นอย่าให้ผมพูดเลย! เคล็ดไม่เคล็ดไม่รู้ แต่ไม่ต่ำกว่าสามรอบ สามรอบของกลนะไม่ใช่ของผม เจ้าหมาป่าถึกฟัดผมจนจมเตียง ไม่มีเวลาให้โวยวายหรือประท้วงอะไรทั้งนั้น เพราะถูกรุกไล่ได้แต่ครางไม่เป็นภาษา ผิวเนื้อตามตัวถูกขยำ ถูกบีบเคล้นไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะช่วงอกกับบั้นท้ายที่ขึ้นรอยแดงชัดเจน ส่วนรอยจูบไม่คิดจะนับ ลายพร้อยยิ่งกว่าตุ๊กแก

   สภาพยับเยินขนาดนี้ น่าทึ่งตรงที่ นอกจากความเจ็บแสบของช่วงล่างกับเอวและกล้ามเนื้อที่ปวดเมื่อยตามสังขาร ความเจ็บปวดส่วนอื่นล้วนไม่มี สมกับเป็นกลที่ต่อจะหนักหน่วงแค่ไหนก็ยังยั้งแรงเป็นห่วงผมที่สุด

   “นอนพักหน่อยนะ เดี๋ยวยกอาหารขึ้นมาให้” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยพลางจูบขมับผมจนจุดนั้นร้อนวูบ ก่อนผละออกไปชั้นล่าง ดูท่าทางอารมณ์ดีแบบสุดๆ ถ้ามีหูหางแบบในเกมคงส่ายรัวจนเกิดเป็นพายุหมุนไปแล้ว ผมมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตา

   คนเอาแต่ใจไม่เห็นหัวใครในอดีต กลายเป็นผู้นำครอบครัวที่แสนจะพึ่งพาได้ ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆ ...
   
   “แม่อยู่ไหน” เสียงอ่อนวัยกว่าเอ่ยถามดังมาจากชั้นล่าง

   “นอน” ตอบเรียบนิ่งตามสไตล์ แต่ถ้าเป็นคนในครอบครัวจะฟังออกว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีแบบสุดๆ

   “แปลก ปกติแม่เป็นคนตื่นเช้าจะตาย ควรเป็นพ่อสิที่นอนอืดเป็นหมาป่าเฒ่า”

   “หมดแรงอยู่บนเตียง”

   “พ่อ!!”

   อะไรก็ดี เว้นนิสัยชอบแกล้งลูกชายตัวเองนี่แหละ!

   “เสียงดังหาอะไรไม่ทราบ คนจะหลับจะนอนเว้ย!!” เสียงพี่วินตวาดจากห้องข้างๆ ตามด้วยเสียงพี่ชินเรียกให้ไปนอนต่อ และเสียงเอะอะของเพื่อนตินตินที่กำลังห้ามศึกสายเลือดระหว่างพ่อลูก เพราะคนห้ามทัพอย่างผมไม่อยู่ เฮ้อ วันนี้ก็ยังสดใสเหมือนเดิม

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ครบ 100% แล้วจ้า
จบของจริงไม่มีอะไรค้างคากันแล้วเนาะ หัวเราะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
ส่วนนักอ่านหน้าใหม่ อ่านแล้วคอมเมนต์ได้นะ ชอบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 09-04-2018 14:31:51
น่ารักอ่ะ อยากได้หนังสืออ่ะ ทำเถอะนะๆๆๆๆ Pleaseeeeeeeeeeeeeeeeeeeeee :mew2:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: KAZUMA ที่ 20-04-2018 10:15:51
ฮืออออ ไม่อยากให้จบเลย

ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ

ถ้าว่างๆก็แต่งตอนพิเศษให้อ่านอีกก็ได้นะคะ ชอบอ่านเรื่องนี้มากๆ รออย่างมีความหวัง  :call:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2018 01:23:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 11-06-2018 08:12:33
[/sizeแต่งดีมากค่ะ ขนาดไม่เคยเล่นเกมส์ยังอ่านรู้เรื่องเลย สนุกมาก
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wews ที่ 18-11-2018 02:41:22
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 14-10-2019 02:29:42
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 26-08-2022 19:17:33
คิดถึงงงงง อยากให้มีภาคต่อ ตินน้อย จัง  :mew2: