มาต่อเเล้วคร่า
ถ้ารักกันจริงอย่าทิ้งกันนะคร้า
เป็นกำลังใจให้กันอย่าทิ้งกันเลยน้า
กลัวคนอ่านทิ้ง
ตอนที่ 20.2
“ไง เมื่อคืนกลับมาดึกสิท่า”หัวหน้าครอบครัวถามขึ้นเมื่อเห็นลูกชายเดินงัวเงีย สภาพเหมือนยังไม่ค่อยตื่น
“ครับพ่อ ช่วงนี้งานที่บริษัทยุ่งมาก ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าจู่ๆลูกค้าถึงได้เยอะจนเกิดที่ขีดกำหนดที่ทางเราจะรับได้ขนาดนี้”มาตินเกาหัวเบาๆพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกุ้ยช่าย มองดูใบหน้าขาวที่มีสีหน้านิ่งเรียบตามปกติ วันนี้แต่งตัวดูเป็นทางการผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากมาย
“หึ ให้แกได้ทำงานทำการบ้างเถอะ โตขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เรื่องได้ราวสักที”คุณนายของบ้านเสริมบ้าง สายตาก็จ้องมองไปที่ลูกชายที่เอาแต่มองพี่เลี้ยงของหลาน
“โห แม่ งานปกติผมก็ทำอยู่หรอก แต่จู่ๆกลุ่มลูกค้าก็เติบโตขึ้นผิดปกติขนาดนี้ ต่อให้เก่งๆแบบผมยังรับไม่ไหวเลย”มาตินโอดคราวนเบาๆ ใบหน้าหล่อเข้มแสดงถึงความอ่อนล้าจากการโหมงานหนัก
“หึ จะให้กลุ่มลูกค้าไม่โตวันโตคืนได้ไง วันวันแกสนใจอะไรบ้างนอกจากเรื่องผู้หญิง กับเรื่องไร้สาระไปวันวัน”
“โหแม่ ตอนนี้ผมไม่ได้คุยกับใครเลย ไม่ได้ไปไหนเลยแม่ก็เห็น วันวันก็อยู่แต่กับลูกกับงาน ผมจะหมดแรงแล้วเนี่ย”
“หึ ให้มันหมดแรงตายไปเลย ข่าวน่ะ อ่านบ้าง พวกข่าวซุบซิบไฮโซตอนนี้มีแต่ข่าวของแกทั้งนั้น แกนี่ได้พ่อมาเต็มๆ”แม่ของมาตินบ่นไม่วายหันไปหาสามีของเธอ ชายสูงวัยได้แต่ยิ้มรับอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลาง
“มันเกี่ยวอะไร ผมก็ตกเป็นข่าวซุบซิบเรื่องผู้หญิงประจำอยู่แล้ว แล้วนี่ผมก็ไม่ได้ไปกับใครมานานแล้วนะ”มาตินได้แจ่แก้ตัวหน้ามุ่ย จู่ๆจะให้มาตกเป็นข่าวเรื่องอะไรอีก ในเมื่อตอนนี้อยู่แต่กับลูกกับงาน ไม่มีเวลาได้ไปกับใคร แล้วข่าวจะเอาอะไรมาลง
“หึ ก็นี่ไง แกหัดอ่านซะบ้าง แกนะหน้าตาดีได้จากฉันไป ใครๆก็ติดตามใครใครก็อยากได้แก มีเหรอที่แกจะไม่มีข่าว แต่แกเหลวไหลนิดเดียวนักข่าวก็เอาไปเขียนได้เป็นวรรคเป็นวาแล้ว”
“ข่าวอะไรอีกล่ะครับ ผมไม่ได้มีเวลาไปสร้างข้าวแล้วนะแม่”
“นี่ไง ชั้นเตรียมมาให้แกอ่านแล้ว เอาไป”คนเป็นแม่ส่งหนังสือซุบซิบดาราหลายเล่มมาให้มาติน
“ผมไม่อ่านไม่ได้เหรอ อีกเดี๋ยวผมต้องเข้าประชุมตอนสิบโมง ว่าจะหารือเรื่องกลุ่มลูกค้าที่เยอะผิดปกติเนี่ยแหละ ผมเหนื่อยมากเลยนะแม่”
“ถ้าจะเข้าประชุมแกยิ่งต้องอ่าน แกจะได้รู้ไงว่าสาเหตุที่ใครต่อใครต่างพากันสนใจธุรกิจของแกน่ะ”
“แล้วมันจะเกี่ยวกันยังไง ผมไม่เข้าใจ”ถึงจะบอกว่าเกี่ยว แต่มาตินก็นึกไม่ออกว่าจะเกี่ยวยังไง
“เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆ ข่าวหลายเล่มเขาเอาไปลงว่าแกน่ะมีเมียเก็บแล้วมีลูกด้วยกันอย่างลับๆ ไหนจะข่าวไอ้สร้อยที่แกไปประมูลอีก มีแต่คนเขาสนใจว่าแกจะเอาไปให้ใคร เวลาฉันไปไหนมาไหนก็มีแต่คนถามจนฉันไม่อยากจะออกจากบ้าน”
“อ่าว แต่ผมก็ยังเห็นแม่เอาหลานไปอวดเพื่อนอยู่เลย”
“ก็นั่นแหละ ใครจะไปรู้ล่ะ แล้วอีกอย่างหลานของฉันน่ารักจะตาย จะไม่ให้อวดได้ไง แล้วทีนี้แกจะเอายังไงเกี่ยวกับอันเดรสล่ะ”
“ผมก็คงต้องบอกตามจริง จะให้โกหกก็ขี้เกียจมาแก้ข่าว”มาตินพูดไม่ค่อยจะสนใจข่าวซุบซิบสักเท่าไร ตราบใดที่ไม่กระทบกับงาน อะไรที่ไม่เสียหายก็คงต้องปล่อยให้เลยตามเลย
“แล้วสร้อยเส้นนั้นฉันไม่ว่าหรอกว่าแกจะซื้อมาราคาเท่าไร เพราะว่ามันเป็นงานการกุศล แต่ฉันแค่อยากรู้ว่าแกซื้อให้ใคร แกจะบอกฉันได้มั้ย”คนเป็นแม่หันมาถาม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลูกชายอย่างหาคำตอบ
เพราะจนป่านนี้ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์ ก็ยังไม่มีข่าวว่าสร้อยเส้นนี้ตกไปอยู่ที่ใคร เพราะถ้าปกติแล้วไปอยู่ที่ผู้หญิงคนไหนก็จะต้องมีข่าวซุบซิบลงในหนังสือไม่คอลัมใดก็คอมลัมหนึ่ง แต่นี่ข่าวกลับเงียบหาย
ราวกับสร้อยเส้นนี้ไม่มีตัวตนหลังจากถูกประมูล ซึ่งแน่นอนมันเป็นสิ่งที่ถูกจับจ้องอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับเจ้าของคนใหม่ คือใคร
“ผมก็ไม่ได้ซื้อให้ใครหรอก แค่เห็นว่ามันสวยดี”มาตินพูดเสียงแผ่วหันไปมองคนข้างๆไม่รู้ตัวว่าคนเป็นแม่กำลังจับจ้องมองอยู่ตรงกันข้าม
“อย่าให้รู้นะว่าแกแอบเอาไปให้ผู้หญิงคนไหน ฉันไม่อยากได้ยินข่าวฉาวอะไรนอกจากข่าวที่เกี่ยวกับหลานของฉันตอนนี้”
“ครับแม่ สร้อยเส้นนั้นผมไม่ให้ใครหรอก มันมีเจ้าของแล้ว”
“ยังไงก็อย่าให้กระทบกับงานแล้วกัน”คนเป็นแม่ตัดบท จ้องมองลูกชายที่เอาแต่มองพี่เลี้ยง ผลัดกับจ้องมองใบหน้าขาวของพี่เลี้ยงที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตามองแต่จานข้าวต้มตรงหน้า ใบหน้าขาวกลับแดงก่ำ
มาตินเดินออกมากำลังจะพ้นประตูหน้าบ้านเพื่อออกไปทำงานที่ค้างไว้จากเมื่อคืน ว่าจะทำให้เสร็จทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะคนที่นั่งรออยู่ที่โซฟานั่งสัปหงกรออยู่ เลยอดไม่ได้ที่จะละมือจากงาน แล้วปลุกอีกคนขับรถกลับบ้านในทันที
ครั้งแรกว่าจะกลับบ้านเพราะว่ามันใกล้ว่า แต่ก็อดคิดถึงลูกไม่ได้ จึงขับรถไปยังบ้านของพ่อแม่เพื่อได้ไปหอมแก้มนุ่มๆสักฟอดก็ยังดี
“นี่ คุณ”กำลังจะเดินผ่านพ้นประตูก็ถูกรั้งด้วยเสียงเรียกเบาเบา พอหันกลับไปมองก็เห็นเจ้าของใบหน้าขาวเดินตามมา
“มีอะไรเหรอ”มาตินถามยิ้มเบาเบา อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้า ตอนนี้จึงไม่อยากจะแกล้งใครสักเท่าไร ได้แต่ยิ้มรับดีใจที่ใครอีกคนเดินตามมา
“วันนี้ให้ผมไปด้วยสิ”กุ้ยช่ายบอกเบาบา อดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าหล่อคมฉาบแววอ่อนล้า
“จะดีเหรอ แค่เลี้ยงเด็กๆคุณก็เหนื่อยแล้ว”มาตินส่งยิ้ม ดีใจอยู่ไม่น้อย ปกติจะเป็นฝ่ายเข้าหาตลอด และอีกฝ่ายจะเป็นคนถอยหนี
“ดีสิ ผมอยากช่วย เห็นคุณงานยุ่งผมไม่ค่อยสบายใจที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”กุ้ยช่ายพูดเบาเบา อดที่จะหลบสายตาสีเข้มคู่นั้นไม่ได้ ยอมรับอยู่หรอกว่าสับสน
ใจหนึ่งอยากอยู่ใกล้ใกล้ แต่อีกใจกลับอยากห่างเหิน แต่พอยิ่งห่างเหินก็ยิ่งโหยหา อยากพูดคุย อยากเข้าใกล้ อาจเป็นเพราะการพูดคุยกับอีกฝ่ายทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวก็เป็นได้
“งั้นก็ตามใจ ขอบคุณนะ”มาตินยิ้มขอบคุณ
“ขอบคุณทำไม ก็มันเป็นงานนิ”กุ้ยช่ายเดินหนี ไม่รู้ทำไม สบตากับดวงตาสีเข้มคู่นั้นแล้วหัวใจมันพาลเต้นแรง ใบหน้าร้อนวูบอย่างบอกไม่ถูก
ห้องประชุม
มาตินนั่งอยู่หัวโต๊ะโดยมีกุ้ยช่ายและชมพู่ขนาบสองข้าง บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่ายเป็นกันเกรงเพราะนโยบายของบริษัทค่อนข้างไม่เคร่งครัดเพื่อผลประโยชน์ที่ออกมาจะได้ไม่กระทบต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“ผมขอเริ่มที่ปัญหาเล็กๆเลยแล้วกัน ฝ่ายขายมีอะไรเสนอแนะมั้ยครับคุณกำพล”มาตินเอ่ยถามหัวหน้าฝ่ายขาย
“ครับ ครับอันที่จริงจะว่าเป็นปัญหาก็ไม่เชิงนะครับ เนื่องด้วยตอนนี้สภาวะของบริษัทเราประสบกับเหตุการณ์ที่กลุ่มลูกค้ามีเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเกือบเท่าตัว เกือบสีสิบเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าที่เพิ่มเข้ามา ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนั้นๆต้องการทัวร์ที่ค่อนข้างราคาไม่สูงมาก และเป็นทัวร์ภายในประเทศ แต่ต้องการอะไรที่มันค่อนข้างมีระดับ ผมจึงขอเสนอว่าให้เพิ่มเส้นทางทัวร์ภายในประเทศเป็นแบบมีเดียมคลาส เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของยอดขายของบริษัท”
“แล้วตอนนี้กลุ่มลูกค้าของเราส่วนมากเป็นยังไง”มาตินถาม พลางจดข้อเสนอของผู้จัดการฝ่ายขายลงเสริมในเอกสารตรงหน้า
“ครับ เนื่องด้วยเหตุการณ์ปัจจุบันทำให้กลุ่มลูกค้าค่อนข้างเติมโต ลูกค้าที่เพิ่มเข้ามาตอนนี้มีหลายระดับ แต่ผมคาดว่ากลุ่มลูกค้าไม่ค่อยมีผลกระทบกับยอดขายสักเท่าไร เพราะกลุ่มลูกค้าค่อนข้างทราบดีว่าทัวร์ของเราเป็นทัวร์ที่ค่อนข้างเน้นคุณภาพ ลูกค้า
ปัจจุบันที่เพิ่มเข้ามาจะเป็นลูกค้าในระดับกลาง กลุ่มลูกค้าเหล่านั้นจึงต้องการที่จะสัมผัสกับทัวร์ที่มีคุณภาพแต่ราคาไม่สูงมาก”
“งั้นผมจะเก็บไปพิจาณาดูอีกที”มาตินรับคำ ความจริงการเพิ่มเส้นทางทัวร์ในระดับที่คนที่ไม่ต้องมีเงินมากมายก็สามารถใช้บริการได้มันก็เคยอยู่ในความคิด เพียงแต่ยังไม่มีฐานลูกค้าเพียงพอที่จะสนใจ
“ขอบคุณครับ”หัวหน้าฝ่ายขายตอบรับ
“แล้วฝ่ายที่พักกับการเดินทางล่ะ มีอะไรเพิ่มเติมหรือติดขัดมั้ยครับคุณเมลเดล”มาตินถามหัวหน้าฝ่ายที่พักและยานพาหะนะที่เป็นชาวต่างชาติเพราะทัวร์ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางต่างประเทศ
“ครับ จะมีปัญหาก็แค่ที่พักที่ไม่เพียงพอต่อการรองรับในปริมาณของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น แล้วก็ไกด์นำทาง ยังมีไม่เพียงพอเพราะจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ส่วนการเดินทางไม่คิดว่ามีปัญหาครับ มีหลายสายการบินที่ต้องการร่วมงานกับเรา เรื่องการเดินทางจึงเป็นปัญหาที่ตัดไปได้เลยครับ”เมนเดลตอบ
“แล้วถ้าเป็นทัวร์ระดับมีเดียมที่ฝ่ายขายเสนอมาล่ะ คุณคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงได้มั้ย แล้วการรองรับเพียงพอต่อกลุ่มลูกค้าที่โตมากขึ้นมั้ย”มาตินถามยกมือขึ้นมาประสานบนโต๊ะพยายามผ่อนคลาย
“ได้แน่นอนครับ เรื่องการรองรับภายในประเทศในระดับกลางไม่น่าจะมีปัญหา มีหลายที่ที่เสนอเข้ามา เดี๋ยวผมจะเสนอคุณมาตินหลังจบประชุมละกัน”
“ขอบคุณมาก คุณเมลเดล เอาเป็นว่าถ้าจะเพิ่มทัวร์ตามที่ฝ่ายขายเสนอมาตอนนี้ก็คงไม่มีปัญหาสินะเพราะการรองรับค่อนข้างจะเพียงพอต่อกลุ่มลูกค้า ไว้ผมจะหารือเรื่องนี้กันอีกที แล้วฝ่ายประชาสัมพันธ์โฆษณาล่ะ มีอะไรเพิ่มเติมมั้ยคุณรีน่า”มาตินหันไปถามสาวประเภทสอง หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์โฆษณาที่ดูเหมือนรอจะพูดอยู่นานแล้ว
“ค่ะคุณมาติน รีน่าขอพูดตรงตรงเลยละกันนะค่ะ ตอนนี้ตามข่าวซุบซิบมากมายที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีเพิ่มเข้ามา ตามที่ฝ่ายขายนำเสนอเพิ่มเส้นทางทัวร์ในประเทศตามที่ว่ามา รีน่าขอเสนอให้ทางเราทำโฆษณาเพื่อส่งเสริมยอดขายของเส้นทางใหม่ที่กำลังจะเปิด”รีน่าเสนอใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางยิ้มหวานส่งให้มาติน ซึ่งก็เป็นปกติตามนิสัยของสาวประเภทสองที่มาตินเข้าใจดี แล้วก็ถูกใจกับความตรงไปตรงมาของข้อเสนอต่างๆ
“แต่การทำโฆษณาผมว่ามันจะทำให้งบบานปลาย บางทีมันอาจจะไม่คุ้มกับผลกำไรสักเท่าไรเพราะเส้นทางใหม่จะเป็นทัวร์แบบระดับกลาง”มาตินแย้ง คิ้วเข้มเริ่มขมวดมุ่น มันก็ดีอยู่หรอกไอ้ที่ว่าทำโฆษณา แต่ถ้างบมันบานปลายก็ได้ไม่คุ้มเสีย
“นั่นสิ คุณรีน่า ผมว่าการทำโฆษณามันต้องใช้งบเยอะนะ”กำพลหัวหน้าฝ่ายขายแย้ง
“แต่รีน่าคิดว่าใช้งบไม่เยอะนะค่ะ รีน่าคิดว่าโฆษณาทางโซเชียลในตอนนี้ได้เองก็ได้ผลดีไม่แพ้โฆษณาตามทีวีเลย ดูอย่างในเฟสบุ๊คของคุณมาตินตอนที่ลงรูปลูกชายเด็กน้อยข้ำม่ำสิค่ะ คนติดตามเพิ่มขึ้น คนสนใจมากขึ้นกลายเป็นข่าวซุบซิบไปเลย รีน่าเลยเล็งเห็นว่าโซเชียลนี่ละค่ะจะเป็นตัวประชาสัมพันธ์ของเรา”
“อืม ผมว่าก็โอเคนะ ว่าแต่คุณรีน่าไปเห็นรูปลูกผมในเฟสบุ๊คเมื่อไรเนี่ย”มาตินถามยิ้ม แค่ถ่ายรูปลูกชายลงไป ไม่นึกรู้ว่าจะมีใครสนใจมากมายขนาดนี้
“แหม คนเค้ารู้กันทั้งบริษัทค่ะ คุณมาติน ดีไม่ดีรู้กันทั้งประเทศ”
“งั้นเหรอ หล่อมั้ยล่ะ”มาตินถามยกยิ้มนึกถึงลูกชายตัวจ้ำม่ำ ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไง กลับไปถึงบ้านทีไรก็หลับ ไม่ได้อุ้มไม่ได้เล่นด้วยกันมาหลายวัน นึกแล้วก็คิดถึง
“หล่อสิค่ะ หล่อเหมือนพ่อแหละค่ะ”รีน่าชมเปราะ เรียกยิ้มขำจากผู้ประชุมรอบโต๊ะ
“แล้วนายแบบนางแบบล่ะ”มาตินถาม
“โอ้ย ไม่ต้องจ้างหรอกค่ะ ก็ใช้คนที่เป็นข่าวซุบซิบอยุ่ตอนนี้แหละค่ะเป็นนายแบบ”รีน่าส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้มาติน
“ดาราคนไหนมีข่าวตอนนี้ล่ะผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้หรอกให้คุณรีน่าเสนอมาละกัน”
“แหม คุณมาตินถ่อมตัวหรือแกล้งไม่รู้กันค่ะ ก็เอาเจ้าของบริษัทนี่ล่ะค่ะเป็นพระเซ็นเตอร์ไปเลย ประหยัดงบไปมากโขเลยค่ะ แล้วยิ่งได้น้องอันเดรสลูกชายของคุณมาตินมาถ่ายด้วยจะเริ่ดมากเลยค่ะ เพราะตอนนี้ใครๆต่างก็สนใจคุณมาตินกับคุณลูก รีน่าคิดว่าเราฉวยเอาความสนใจพวกนี้มาดึงดูดลูกค้าน่าจะดีนะค่ะ เริ่มแรกก็ลงตามโซเชียลต่างๆ”
“มันจะดีเหรอ ผมว่าผมไม่ค่อยเหมาะเท่าไรนะ”มาตินเยิ้ง ยิ้มน้อยๆกับข้อเสนอรีน่า
จริงอยู่ที่ตอนนี้ข่าวเกี่ยวกับตัวเองมีเยอะตามที่แม่ว่า แต่จะให้เป็นพรีเซ็นเตอร์นี่ท่าทางจะไม่ค่อยไหว
แต่ถ้าทำออกมาแล้วเป็นตัวช่วยให้บริษัทเติบโตก็น่าสนใจ อีกทั้งเป็นการเปิดตัวอันเดรสไปในตัวโดยที่ไม่ต้องมาแถลงการณ์หรือแก้ต่างอะไรมากมาย
“คุณว่าดีมั้ย”มาตินไม่แน่ใจหันไปถามกุ้ยช่ายที่นั่งเงียบแต่ก็ยิ้มชอบใจกับข้อเสนอของรีน่า
“เอาสิ ประหยัดดี น่าสนใจ”กุ้ยช่ายชอบใจ คิดตามรีน่าความจริงหนุ่มลูกครึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะถามว่าหล่อมั้ย พอเป้นนายแบบได้มั้ย ตอบได้เลยว่าสบายๆ แต่ที่ยิ้มชอบใจเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยมั่นใจตัวเองสักเท่าไรเมื่อถึงเวลาที่คนอื่นชมเป็นจริงเป็นจัง
“จะดีเหรอคุณ ผมไม่คิดว่าผมทำได้”มาตินกระซิบ
“ลองโหวตมั้ยล่ะ”กุ้ยช่ายยิ้มเสนอให้โหวต เพราะรู้ว่าผลโหลดส่วนมากต้องเห็นด้วยแน่แน่ อยากจะเห็นคนที่ทำอะไรไม่เป็นเรื่องสักอย่างนอกจากเรื่องงานได้ทำอะไรเป็นจริงเป็นจังสักที
และผมโหวดที่ออกมาก็เป็นอย่างที่กุ้ยช่ายคิด ผลเป็นเอกฉันท์ ต่างลงความเห็นให้มาตินเป็นนายแบบพ่วงด้วยอันเดรสลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“สนุกกันล่ะทีนี้”ชมพู่พูดเบาแสยะยิ้มกับกุ้ยช่าย
“ผมก็ว่างั้น”กุ้ยช่ายหันไปยิ้มรับ
**********************************
ยังไงก็รักคนอ่านเหมือนเดิมนะค่ะ
อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคร้า ถ้าสอบเสร็จแล้วจะมาต่อบ่อยๆเลยคร่า
ขอคำแนะนำด้วยคร่า
เป็นกำลังใจให้กันเยอะๆนำค่าาาา