ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื๊อ
Chapter 16
Anatomy
ผมไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าพูดจริง หรือตอแหลผมอยู่กันแน่ เขาเป็นคนหยิบร่มให้ผมเองกับมือ แต่เขาดันบอกผมว่าห้องนอนเปียกเพราะฝนสาด
“คุณนี่มัน... เฮ้อ!” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง
เก้าอี้ที่เคยเอาไว้ใช้นั่งเขียนหนังสือถูกเอามาเหยียบ เพื่อส่งตัวขึ้นไปหยิบชุดผ้าห่มที่ซักเก็บไว้สำหรับใช้ผลัดเปลี่ยนออกมา แล้วเอาไปให้กับศรที่ยืนรออยู่หน้าประตู
“โซฟาเลยครับ” มันอาจจะดูใจร้ายไปสักหน่อย แต่ผมไม่เชื่อศร ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก
“เดี๋ยว---” ผมไม่รอฟังสิ่งที่ศรจะพูด ก่อนจะปิดประตูลง แล้วกลับมาใส่หูฟังนั่งพิมพ์รายงานต่อ
ศรน่ะร้ายจะตาย อย่าคิดว่าคนอย่างผมตามเขาไม่ทัน ถึงแม้จะมีเผลอหลงกลเขาอยู่บ้างก็เถอะ
ผมปล่อยเวลาไปการนั่งทำรายงาน และการหาข้อมูล หันไปมองนาฬิกาอีกทีก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่า ไม่รู้ว่าศรจะหลับไปแล้วหรือยัง ผมตัดสินใจว่าจะเดินออกมาดูศรที่นอนอยู่ข้างนอก
แกร๊ก!
ผมเปิดประตูออกช้า ๆ ก่อนจะหันไปเห็นว่าคนร่างหมีกำลังนอนเท้าชี้ออกมาจากโซฟาอย่างน่าสงสาร แต่ก็อดขำไม่ได้เช่นกัน
“เธอหัวเราะอะไร...”
“คุณยังไม่หลับอีกเหรอครับ”
“เป็นห่วงฉันเหรอ” ศรว่า เลิกคิ้วขึ้นมอง
“เปล่า... ผมหิว” ผมไม่ได้เป็นห่วงเขาสักหน่อย แค่จะออกมาดูว่าหลับหรือยัง
“นั่งรอก่อนสิ เดี๋ยวฉันทำข้าวต้มให้กิน ดึก ๆ กินอะไรร้อน ๆ จะได้สบายท้อง” ศรไม่รอคำตอบ ลุกขึ้นจากโซฟาเดินตรงมาในครัวทันที
“คือ ผมว่าไม่ต้องก็ได้”
“เธอไปนั่งรอเถอะ ยังไงฉันก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว” ผมยืนดูศรเตรียมของ “ข้าวต้มกุ้งเนอะ” ศรว่า
“หมูสับธรรมดาก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องแกะกุ้ง”
“ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจทำ”
บางครั้งเขาก็ดูร้าย บางทีเขาก็ดูเจ้าเล่ห์ แต่ก็อบอุ่นไม่แพ้กัน ผมเกลียดความใจดีของเขาที่สุด เพราะผมอาจไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับความรู้สึกเหล่านั้น
“จ้องขนาดนี้ฉันเขินนะ” ผมผินหน้าไปทางอื่น ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอจ้องเขาไปนานแค่ไหน
“มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“อยากช่วยเหรอ” ผมไม่ปฏิเสธ ก่อนจะพยักหน้ารับ “งั้นก็ช่วยรับรักฉันก็พอ” คำพูดทีเล่นทีจริงของเขา ส่งผลให้อะดรีนาลีนในร่างกายทำงาน สังเกตได้จากใบหน้าที่กำลังร้อนผ่าว
“คุณหยุดพูดเล่นสักที”
“หน้าฉันดูพูดเล่นนักหรือไง” ผมรู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย อยากจะเชื่อที่เขาพูด แต่ผมก็ไม่ดีกว่า
“ผมไปนั่งรอนะ” ว่าจบผมก็สาวเท้ามานั่งรอเขาที่โต๊ะทานข้าวตัวเดิมที่นั่งทานด้วยกันในทุกวัน ตั้งแต่ศรมาอยู่ที่นี่ผมรู้สึกว่าเหมือนน้ำหนักผมจะขึ้นแฮะ ก็เขาชอบทำของอร่อย ๆ ให้ผมกินอยู่บ่อย ๆ
“มาแล้วครับ” ศรเดินมาพร้อมกับถ้วยข้าวต้มกลิ่นหอมชวนให้ท้องร้องคำราม มีกุ้งสีส้มสุกตัวโตอยู่ในถ้วยสี่ ห้าตัว
“คุณไม่กินเหรอ” ผมถามเพราะเห็นว่าเขายกมาเพียงถ้วยเดียว
“ฉันทำแค่ให้เธอกินน่ะ” ศรว่า ก่อนจะนั่งเท้าคางมอง
ผมลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว หยิบช้อนหนึ่งคันแล้วกลับมานั่งที่เดิมก่อนจะส่งช้อนที่เพิ่งไปหยิบมาให้ศร
“กินด้วยกันสิ” ศรยิ้ม ก่อนจะรับช้อนเอาไว้ในมือ “ผมกินคนเดียวไม่หมดเฉย ๆ หรอกนะ” ไม่รู้ว่าผมจะพูดแบบนั้นไปทำไม ทั้งที่เขายังไม่ทันจะถามผมเลยด้วยซ้ำ
“จริงเหรอ”
“...” ผมพยักหน้ารับก่อนจะตักข้าวต้มกิน ศรเองก็เริ่มกินบ้าง
เรานั่งทานกันอยู่เงียบ ๆ บรรยากาศโดยรอบเย็นเหยียบเพราะฝนตกทั้งวัน มันเงียบเกินไป ปกติศรจะเป็นฝ่ายชวนผมคุยตลอด แต่วันนี้เขากลับเงียบ หรือว่าเขาจะโกรธที่ผมให้เขากินข้าวต้มด้วย เพราะคิดว่าผมกินเหลือ ผมไม่ได้หมายความว่าให้เขากินของเหลือนะ แค่อยากให้เขากินด้วยก็เท่านั้น
ผมตักกุ้งในถ้วยออกมา แกะเอาหางกุ้งออกก่อนจะเอาไปวางเอาไว้ที่ช้อนของศร
“กินสิครับ ผมแกะให้”
“อิ่มแล้วเหรอ” อา... เขาคิดว่าผมให้ของเหลือเขาจริง ๆ สินะ
“เปล่าครับ ผมแกะให้ไงไม่เห็นว่าคุณจะกินกุ้งเลย” สิ้นสุดประโยคศรก็ตักกุ้งที่ผมแกะเข้าปาก
“เป็นกุ้งที่อร่อยมาก”
“ก็ต้องอร่อยสิ คุณเป็นคนทำ”
“เพราะเธอแกะต่างหากล่ะ” เขายกมือหนาขึ้นมาลูบหัวอย่างแผ่วเบา
“ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ” ผมถามต่อ
“โซฟามันแคบน่ะ ฉันเลยนอนไม่ค่อยหลับ” นี่ผมใจร้ายเกินไปหรือเปล่า ทั้งที่เขาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อลุกขึ้นมาทำอะไรให้ผมทานทุกวัน ไหนจะแวะมารับ บางวันก็แวะไปส่งผมอีก
“คุณไปนอนในห้องผมไหม”
“ไป!” เนี่ยไง เขามันแบบนี้ ผมถึงได้ไม่ค่อยไว้ใจเขา ตอบไว้เหมือนรอผมชวน
“งั้นคุณก็ไปนอนในห้อง ผมตัวเล็กผมนอนโซฟาเอง”
“ไม่เอา ถ้าจะให้เธอนอนข้างนอก ฉันนอนเองดีกว่า ไม่อยากให้เธอต้องลำบาก”
“โอเคครับ” ผมตอบตกลงทันที ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมีวิธีพูดให้ผมยอม
“เธอใจร้ายจริง ๆ ด้วย”
“ก็เตียงห้องผมเล็ก เรานอนเบียดกันไม่ได้หรอก” ผมว่าไปตามจริง
“ฉันนอนพื้นก็ได้” ผมยอมในความพยายามของเขาจริง ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาประทับใจนักหนา ถึงได้วอแวผมไม่เลิกขนาดนี้
“คุณศร... ผมไม่อยากให้คุณต้องมาลำบากจริง ๆ คุณลองหาโรงแรมอยู่ก่อนดีไหมครับ เดี๋ยวผมช่วยหา”
“เป็นห่วงฉันก็บอกตรง ๆ”
“เฮ้อ~ งั้นก็ตามใจคุณแล้วกัน จะนอนพื้นก็นอน” ว่าจบผมก็ลุกเอาถ้วยข้าวต้มไปล้าง หมุนตัวกลับออกมา ศรก็หอบผ้าห่มมายืนรอหน้าห้องผมเรียบร้อย
นี่เขาไม่ได้คิดมาตั้งแต่ต้นใช่ไหม รู้แหละว่ามันเป็นแผน แต่ก็อ่อนใจให้กับความพยายามของเขาอยู่บ่อย ๆ
ผมปีนขึ้นไปหยิบผ้าห่มผืนหนาอีกสองสามผืนเพื่อเอามาปูให้ศรนอน ส่วนศรก็เดินสำรวจห้องแต่ก็ไม่ได้แตะต้องอะไร
“นี่เธอนอนหลับในห้องนี้ได้ยังไงกัน”
“ทำไมครับ” ผมถามกลับด้วยความสงสัย
“ก็รูปโปสเตอร์อนาโตมี่พวกนี้ทำฉันกลัว” ผมหัวเราะจนตาหยี ลืมไปเลยว่าศรกลัวผีเข้าขั้น เขาเป็นพวกตัวใหญ่เหมือนหมี แต่หัวใจเล็กนิดเดียว
“ก็ผมต้องท่องจำนี่ครับ อีกอย่างผมไม่เชื่อเรื่องผี”
“เราไม่ปิดไฟนอนได้ไหม”
“ไม่ได้ครับผมนอนไม่หลับ” ศรไม่ได้พูดต่อ ผมเลยจัดการปูที่นอนให้ศร “ผมปิดไฟแล้วนะครับ”
“อืม”
ในห้องมืดสนิท แต่ผมเดินกลับมาที่เตียงได้โดยไม่ชนอะไรเพราะความเคยชิน ล้มตัวลงนอนได้ไม่ถึงนาทีศรก็เรียกผม
“กุญแจ”
“ครับ”
“ฉันขึ้นไปนอนด้วยไม่ได้เหรอ ภาพยังติดตาฉันอยู่เลย” ผมลืมตาในความมืด นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ผมควรได้นอนสักทีสิ
“ทำไมคุณถึงได้เรื่องเยอะขนาดนี้”
“งั้นเปิดไฟนอนได้ไหม”
“ผมมีเรียนเช้านะคุณ ถ้าเปิดไฟผมก็นอนไม่หลับพอดี”
“ก็... โอเค ๆ เธอนอนต่อเถอะ”
ให้ตายเถอะ ผมจะบ้าตาย สุดท้ายผมก็ใจอ่อนให้เขาอีกครั้ง ผมรู้ว่าเขากลัวจริง ๆ เรื่องนี้ผมจะเว้นเอาไว้สักเรื่องก็แล้วกัน ผมลุกขึ้นก่อนจะหอบผ้าห่มของตัวเองลงไปกองที่พื้น จะให้เขาขึ้นมานอนบนเตียงก็คงไม่ได้ ผมเลยต้องลงไปนอนพื้นเอง
“ขยับไปผมนอนด้วย”
“ขอบคุณนะ”
“โตแล้วนะ กลัวเป็นเด็ก ๆ ไปได้” ศรยกมือขึ้นมาเหมือนกำลังควานหาอะไรบางอย่าง “ทำอะไร”
“มันมืดฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงไหน” ผมพลิกตัวนอนหันหน้าเข้าหาศร ก่อนจะจับมือของเขาเอามาสัมผัสที่หน้าตัวเอง
“ผมอยู่ตรงนี้”
“เธอจริง ๆ ด้วย”
“ก็ผมนะสิ คิดว่าผีหรือไง”
“เธอแกล้งฉันเหรอ”
“ฮ่า ๆ เปล่าครับ” ผมหัวเราะรวน เพราะรู้ว่าเขากลัวจริง
“เธอรู้ไหมภาพยังติดตาฉันอยู่เลย...”
“...” ผมเงียบฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“ตรงนี้คือสมอง” ศรยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะผม
“...”
“ตรงนี้เป็นปอด” ศรลากมือทั้งสองลงวางบนเนินอก
“...”
“ส่วนตรงนี้คือหัวใจ” ฝ่ามือหนาหยุดลงที่ตรงกลางอก
“ฉันขอได้ไหม หัวใจของเธอน่ะ... อย่ายกมันให้ใคร นอกจากฉัน” ผมหลับตาปี๋ในความมืดมิด ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ มันตีวนมั่วไปหมด
“...”
“มันเต้นแรง เหมือนหัวใจของฉันเลย” ศรดึงมือผมไปสัมผัสกับหน้าอกของเขา มันเต้นแรงมากจนผมต้องยกมือขึ้นมาจับหน้าอกตัวเองที่กำลังเต้นแรงไม่ต่างกัน
“ผ...ผมง่วงแล้ว คุณก็ควรนอนด้วยเหมือนกัน” ว่าจบผมก็ดึงมือออก ก่อนจะพลิกตัวหันหน้าไปอีกฝั่ง นอนกอดผ้าห่มของตัวเอง พยายามข่มตาให้หลับ แต่ทว่าเสียงหัวใจก็ดังรบกวนผมไม่หยุด
ผมคิดว่าตัวเองกำลังฝันว่าโดนงูรัด ที่ไหนได้เป็นเพราะมนุษย์หมี ไม่รู้ว่าโดนดึงเข้าไปกอดเอาไว้ตอนไหน ริมฝีปากของเขาร้อนผ่าว กดแช่อยู่ที่หลังคอของผม
ลมหายใจอุ่น และสม่ำเสมอพรูดลงที่ตำแหน่งของคอพอดี มันทำให้ผมรู้สึกขนลุก ก็พอเข้าใจได้ว่าเช้า ๆ แบบนี้ ผู้ชายอย่างเรา ๆ ก็มักจะเคารพธงชาติเป็นปกติ แต่มันแข็งดุดันอยู่ที่ก้นผมไง!
“โอ๊ย!!!” เสียงศรร้องลั่น เพราะผมกัดแขนที่เขาใช้กอดผมเอาไว้ “เธอกัดฉันทำไมเนี่ย”
“ยังจะถามอีก ใครใช้ให้คุณกอดผมละ”
“ก็กะว่าจะกอดนิดเดียว ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน”
“ยังไม่ปล่อยผมอีก ผมจะไปอาบน้ำ”
“ไม่ต้องอาบหรอก ไม่เห็นเหม็นเลยฉันนอนดมมาทั้งคืน” ศรว่า ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำท่าเหมือนกำลังดม
“ผมมีเรียนเช้า คุณหยุดเล่นสักที” ผมว่าเสียงเข้ม
“ก็ได้ เดี๋ยวฉันออกไปทำอะไรไว้ให้กิน”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปเรียน
วันนี้ตื่นสายกว่าทุกวัน ผมเลยต้องทำทุกอย่างให้เร็วกว่าปกติ ออกมาจากห้องศรก็ทำอาหารเช้าเสร็จพอดี
“คุณวันนี้ผมไม่กินได้ไหมผมรีบ สายมากแล้ว”
“งั้นฉันไปส่ง” ผมวิ่งกลับมาเอากระเป๋าในห้อง ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถ ศรรออยู่ก่อนแล้ว
ศรยื่นกล่องบางอย่างให้ ก่อนจะบอกให้ผมกินมันระหว่างทาง
“รถคุณจะเหม็นนะ”
“ช่างมัน เธอต้องกินข้าวเช้านี่”
“คุณไม่กินเหรอครับ” ผมว่า
“ป้อนฉันสิ ฉันขับรถ” ผมจิ้มไส้กรอกยื่นไปที่ปาก ศรอ้าปากงับเหมือนปลากำลังฮุบเหยื่อ
“เอาเบคอนไหม” ศรไม่ตอบ แต่พยักหน้ารับแทน
ผมผลัดป้อนให้ศร และให้ตัวเองทานบ้าง จนในที่สุดมันก็หมด ผมจัดการเก็บกล่องใส่ถุงผ้าที่ศรเอามาด้วย
“ทิชชูเปียกอยู่ในถุงผ้า เผื่อเธออยากเช็ดมือ”
“...” เขาใส่ใจกับทุกเรื่องจริง ๆ
สิ่งต่าง ๆ ที่ศรทำให้ ผมได้เข้าใจว่า ต่อให้มีคนที่ทำดีกับเราแค่ไหน ถ้าใจเราบอกว่าไม่ใช่ เขาก็ไม่เคยอยู่ในสายตา
ถ้าพูดตรง ๆ ปูนก็ดูแลผมดีไม่ต่างจากศรเลย แต่ผมกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวไปกับสิ่งที่ปูนมอบให้ หรือเป็นเพราะเขามาที่หลัง...
ช่วงหลังผมแทบไม่ได้เจอปูนเลย หลังจากที่ศรปรากฏตัวครั้งแรก ปูนก็หายหน้าไปหลายวัน มันแปลกตรงที่ว่าถ้าวันไหนเจอปูน พะพายจะไม่มาเรียน หาวันไหนพะพายมา ผมจะไม่เจอปูน
เช่นวันนี้ที่พะพายมาเรียนเพราะมีสอบควิซ
“พายมึงเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า ทำไมเหรอ”
“มึงดูโทรม ๆ เหมือนไม่ได้นอนยังไงไม่รู้”
“เด็กแพทย์ ก็แบบนี้อยู่แล้วเปล่าวะ” ที่พะพายว่าก็เรื่องจริงอีกนั่นแหละ
“ปูนหายไปไหนวะ ช่วงนี้น้องมา ๆ หาย ๆ ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน” โปเต้ถามสิ่งที่ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่พะพายกลับเสหน้าไปทางอื่นทุกครั้ง เวลาที่มีคนพูดถึงปูน
“ไม่รู้วะ หรือไปติดคนอื่น” เซย่าว่า
“ก็ไม่แน่ ปกติเห็นตามแต่ไอ้แจ” หากว่าเป็นอย่างที่โปเต้พูดผมก็เบาใจ เป็นห่วงก็แต่ว่าจะป่วยหรือเป็นอะไรหรือเปล่า ยังไงปูนก็เป็นน้องรหัสผม
“เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ผมว่า ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง
“กูไปด้วย” เซย่าขอตามมา
ผมเดินมาเข้าห้องน้ำในตึก แต่เซย่าขอให้ผมรอก่อนเพราะยังไม่เสร็จธุระ ทำตัวอย่างกับเด็กมอปลายที่จะไปไหน ก็ต้องมีแก๊งเพื่อนไปด้วย
“พี่แจ” ผมหันไปยังปลายเสียง ก่อนจะเห็นว่าคนที่เรียกเป็นปูน
“อ้าว...” ยังไม่ทันเอ่ยปาก ปูนก็ลากผมออกมาจากห้องน้ำ “มีอะไรหรือเปล่าปูน”
“วันนี้พี่ไปไหนหรือเปล่าครับ”
“ไม่นะ ว่าจะกลับบ้านเลย”
“งั้นช่วยไปซื้อหนังสือเป็นเพื่อนผมหน่อย”
“ตอนไหนล่ะ เดี๋ยวพี่จะได้บอกเพื่อน”
“ตอนนี้เลยก็ได้ครับ ยังไงพี่ก็เลิกเรียนแล้วนี่” ต้องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ
“งั้นพี่ขอบอกย่าก่อน พอดีมันมาเข้าห้องน้ำด้วย”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดียวแกก็ออกมาเอง”
“จะดีเหรอ คือมาด้วยกันไง”
“งั้นเดียวผมเข้าไปบอกให้เอง พี่รออยู่ตรงนี้แหละ”
“เอางั้นก็ได้” ว่าจบปูนก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานนักเขาก็เดินออกมา
“ไปกันเถอะครับ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามปูนมาที่ลานจอดรถ
ปูนเปิดประตูรถให้ผมเข้าไป ก่อนเขาจะแทรกตัวเข้ามานั่งฝั่งคนขับ ระหว่างทางที่ปูนขับรถเราแทบจะไม่คุยกันเลย
“พี่โดนอะไรกัดเหรอครับ”
“...?” ผมทำหน้างง
“ที่คอน่ะ” ผมกดเปิดมือถือเข้าโหมดกล้องถ่ายรูป
รอยจ้ำสีแดงเชอรี่เห็นเด่นที่หลังคอ ตอนนอนศรคงจะเผลอดูดไม่รู้ตัว กลับไปผมจะบ่นให้หูชาเลยค่อยดู โชคดีที่เพื่อนผมไม่มีใครเห็นไม่งั้นโดนพวกมันแซวไม่เลิกแน่
“ยุงกัดมั้ง”
“เหรอครับ”
“อืม” ผมตอบเพียงสั้น ๆ
“ผมลืมของ ขอแวะไปเอาที่ห้องแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ”
“...” ผมชั่งใจอยู่พัก
“ห้องผมอยู่แถวนี้ครับ ไม่นานผมลืมของสำคัญ”
“...ก็ได้” ผมตอบตกลงเพราะมันอาจจะสำคัญกับปูนจริง ๆ ผมไม่ได้ถามเจาะจง แต่คิดว่ามันอาจจะเป็นกระเป๋าสตางค์ หรือบัตรกดเงินอะไรพวกนั้น
ปูนวนรถเข้ามายังคอนโดฯ ที่พักอยู่ไม่ไกล ก่อนจะจอดนิ่งสนิทในลานจอดรถ
“พี่รออยู่นี้ก็ได้ เราขึ้นไปไม่นานใช่ไหม”
“ขึ้นไปด้วยกันเถอะครับ ผมดับรถแล้ว ในนี้มันร้อน”
ลุงแกขอหัวใจน้อง แวบแรกแอบคิดว่า เอ๊ะมันจะกลายเป็นนิยายสยองหรือเปล่า อยู่ ๆ มาขอหัวใจ 5555+

*กำลังทยอยแก้คำผิด*ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื๊อ อัพทุกวัน
เมษากับปาฏิหาริย์ อัพทุกวัน อาทิตย์ กับ พุธ